BIO1001 ชีววิทยาเบื้องต้น ภาค 1/2554

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2554

ข้อสอบกระบวนวิชา BIO1001  ชีววิทยาเบื้องต้น

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

1.         การเปลี่ยนแปลงในลักษณะใดที่ทำให้ความเชื่อเกี่ยวกับการกำเนิดของชีวิตของผู้คนในอดีตถึงปัจจุบันมีความแตกต่างกันมากที่สุด   

(1) สิทธิพลความเชื่อด้านศาสนาที่เปลี่ยน

(2)ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์          

(3) เกิดสงครามระหว่างประเทศ         

(4) การเมืองเปลี่ยนขั้ว

บ 2 หน้า 11 ในสมัยที่มนุษย์ยังมีความเชื่อในอิทธิปาฏิหาริย์ และในสมัยที่ศาสนามีอิทธิพลต่อ อารยธรรมและสังคมมาก นักศาสนามักอ้างคัมภีร์ในศาสนาว่า การกำเนิดของชีวิตต่าง ๆ นั้น เกิดมาจากการเสกสรรค์ของพระผู้เป็นเจ้า ต่อมาเมื่อมีความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น มนุษย์ได้พิจารณาธรรมชาติอย่างพินิจพิเคราะห์และมีเหตุผลมากขึ้นกว่าเดิม จึงทำให้ความเชื่อ เกี่ยวกับเรื่องการกำเนิดของชีวิตของผู้คนในอดีตถึงปัจจุบันมีความแตกต่างกันมากที่สุด

2.         ท่านคิดว่า วิวัฒนาการทางเคมีของการกำเนิดโลกที่ถูกต้องที่สุดควรเป็นข้อใด

(1)       อะตอมของธาตุไฮโดรเจน ออกซิเจน ไนโตรเจน และคาร์บอน รวมตัวเป็นกลุ่มก๊าชห่อหุ้มโลก

(2)       เกิดกระบวนการทางชีวเคมี โดยสารประกอบ C02 ทำปฏิกิริยากับ H20 ได้ 02 สู่บรรยากาศ

(3)       เกิดการรวมตัวของสารประกอบพวกโปรตีนเป็นหน่วยของสิ่งมีชีวิต เรียกว่า เซลล์

(4)       เกิดการสลายสารอินทรีย์โดยปฏิกิริยาเคมีที่เรียกว่า Chemosynthesis

ตอบ 1 หน้า 15 – 16 วิวัฒนาการทางเคมีของการกำเนิดโลกเมื่อประมาณ 4,500 – 5,000 ล้านปี มาแล้วนั้น ลักษณะของโลกในระยะก่อนเกิดจะเป็นกลุ่มก๊าซที่มีนํ้าหนักเบาอันประกอบขึ้นด้วย ละอองรังสี และอนุภาคของธาตุต่าง ๆ ในสภาพของอะตอม ซึ่งอะตอมที่พบมากที่สุด ได้แก่ อะตอมของธาตุไฮโดรเจน (H) ออกซิเจน (0) ไนโตรเจน (N) และคาร์บอน (C) โดยเมื่อ อุณหภูมิของกลุ่มก๊าซนั้นเริ่มลดลง อนุภาคหรืออะตอมจะมารวมกันเข้าเป็นโมเลกุล ทำให้กลุ่มก๊าซเหล่านั้นจับตัวแน่นมากขึ้นและเกิดปฏิกิริยากันเป็นชั้นผิวห่อหุ้มโลก

3.         ข้อใดไมใช่สารเคมีที่เกิดจากการรวมตัวกันของธาตุต่าง ๆ ในยุคแรกเริ่มของการกำเนิดโลก

(1)       ก๊าซมีเทน (CH4)        (2) ไอน้ำ (H20)          (3) ก๊าซแอมโมเนีย (NH3) (4) ก๊าซไข่เน่า (H2S)

ตอบ 4 หน้า 16 วิวัฒนาการทางเคมีของการกำเนิดโลกระยะที่ 1 เมื่ออุณหภูมิของโลกเย็นลงจนเกิด ปฏิกิริยาทางเคมีขึ้นแล้วนั้น อะตอมของธาตุเบา ๆ จะทำปฏิกิริยาต่อกันเกิดเป็นสารประกอบ ทางเคมีขึ้นมา โดยอะตอมของไฮโดรเจนจะเป็นอะตอมที่ว่องไวในการทำปฏิกิริยามากที่สุด ซึ่งเมื่อทำปฏิกิริยากับอะตอมของออกซิเจนจะได้เป็นไอนํ้า (H20)ทำปฏิกิริยากับอะตอมของ ไนโตรเจนจะได้เป็นก๊าซแอมโมเนีย (NH3)ทำปฏิกิริยากับอะตอมของคาร์บอนจะได้เป็น ก๊าชมีเทน (CH4)

4.         ธาตุใดเป็นองค์ประกอบของสิ่งมีชีวิตในยุคแรก ตามข้อเสนอของ A.I. Oparin (ค.ศ. 1936)

(1)       คาร์บอน (C), ไนโตรเจน (N), ไฮโดรเจน (H) และออกซิเจน (0)

(2)       คาร์บอน (C), ไนโตรเจน (N), ซิลิคอน (Si) และออกซิเจน (0)

(3)       ไฮโดรเจน (H), ซัลเฟอร์ (S)คาร์บอน (C) และไนโตรเจน (N)

(4)       ไฮโดรเจน (H), ออกซิเจน (0). คาร์บอน (C) และไนโตรเจน (N)

ตอบ 1 หน้า 14 นักวิทยาศาสตร์ J.B.S. Haldane (ค.ศ. 1924), R. Beutncr (ค.ศ.1929) และ A.I. Oparin (ค.ศ. 1936) ได้กล่าวไว้ทำนองเดียวกันว่า สิ่งมีชีวิตประกอบขึ้นด้วย สารอินทรีย์ ซึ่งต้องมีธาตุคาร์บอน (C) ไนโตรเจน (N) ไฮโดรเจน (H) และออกซิเจน (0) ประกอบอยู่ ทำให้เชื่อว่าโลกในสมัยแรกในขณะหนึ่งนั้นจะมีภาวะเหมาะสมที่จะทำให้ธาตุทั้ง 4 นี้ มาประกอบรวมกันได้ แล้วกลายเป็นสารอินทรีย์ที่เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งมีชีวิต

5.         นิวคลีโอโปรตีนมีคุณสมบัติของการเป็นสิ่งมีชีวิต เพราะเหตุผลใด

(1)       มีการอยู่รอดในสภาพแวดล้อมที่ขาดอาหาร    (2) มีการเติบโตเพื่อเพิ่มขนาดของเซลล์

(3)       มีการสืบพันธุ์หรือทวีจำนวน    (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 21, (ค่าบรรยาย) ทฤษฎีกำเนิดชีวิต อธิบายว่า นิวคลีโอโปรตีน (Nucleoprotein)ที่เกิดจากการรวมตัวกันระหว่างโปรตีนกับกรดนิวคลีอิกนั้น ถือเป็นสารอินทรีย์ที่เริ่มแสดงถึง คุณสมบัติแรกสุดของการเป็นสิ่งมีชีวิต คือ มีความสามารถในการเพิ่มจำนวนโมเลกุลใหม่ ให้มีลักษณะเหมือนโมเลกุลเดิมได้โดยไม่ต้องเกิดปฏิกิริยาเคมี หรือที่เรียกว่า การสืบพันธุ์ หรือการทวีจำนวน

6.         การย่อยอาหารของมนุษย์เริ่มต้นที่

(1)ปาก            (2) กระเพาะอาหาร (3) ลำไส้เล็ก        (4) ลำไส้ใหญ่

ตอบ 1 หน้า 149152 การย่อยอาหารของมนุษย์จะเริ่มต้นที่ปาก และสิ้นสุดสมบูรณ์ที่ลำไส้เล็กตอนปลาย โดยโมเลกุลของสารอาหารที่ได้จากการย่อยสกัดประเภทกรดอะมิโนและนํ้าตาลกลูโคส จะถูกดูดซึมเข้าสูหลอดเลือดฝอย (Capillary Vein) ที่แทรกอยู่ในวิลลัสของผนังลำไส้เล็ก ส่วนสารอาหารประเภทกรดไขมันและกลีเซอรอลก็จะถูกดูดซึมเข้าสู่หลอดน้ำเหลีอง (Lacteal) ที่อยู่ในวิลลัสเช่นกัน ซึ่งการดูดซึมสารอาหารเข้าไปในหลอดเลือดและหลอดนํ้าเหลืองนี้ จะเป็นไปโดยกระบวนการออสโมซิส (Osmosis)

7.         เรื่องเกี่ยวกับน้ำดี (Bile) คือ

(1) ทำให้ไลปิดคลายตัวออกจากกัน    (2) มักมีรสขม

(3) ย้อมกากอาหารให้มีสีเหลือง          (4) ถูกทุข้อ

ตอบ 4 หน้า 149, (ค่าบรรยาย) น้ำดิ (Bile) ที่ถูกสร้างจากถุงน้ำดีที่ตับมีคุณสมบัติ ดังนี้

1.         น้ำดีไม่ถือว่าเป็นเอนไซม์ แต่จะมีหน้าที่หลักในการช่วยทำให้ไลปิดหรือไขมันคลายตัว ออกจากกัน เพื่อสะดวกแกการย่อยของเอนไซม์ไลเปส

2.         เป็นสารสีเหลืองเข้ม มักมีรสขม 3. ย้อมกากอาหารที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ให้มีสีเหลือง

8.         เยื่อบุทรงสูงที่บุผนังลำไส้เล็กด้านใน เรียกว่า

(1) วิลไล          (2) แล็กทีล      (3) หลอดเลือดฝอย     (4) อาร์เทอรี

ตอบ 1 หน้า 152, (ค่าบรรยาย) วิลลัส (Villus) เป็นส่วนของเยื่อบุทรงสูงที่บุผนังลำไส้เล็กด้านใน มีลักษณะคล้ายนิ้วมือยื่นออกมาเป็นเส้นเล็ก ๆ ซึ่งเมื่ออยู่รวมกันเป็นกลุ่มเป็นจำนวนมาก จะเรียกว่า วิลไล (Villi)

9.         อวัยวะภายในที่มีฃนาดใหญ่ที่สุดในร่างกายของมนุษย์ คือ

(1) ปอด           (2) กระเพาะอาหาร (3) ตับ     (4) มดลูก

ตอบ 3 หน้า 153, (คำบรรยาย) ตับ (Liver) เป็นอวัยวะภายในที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในร่างกายมนุษย์ โดยในภาวะปกติตับจะทำหน้าที่เปลี่ยนสภาพนํ้าตาลกลูโคสให้เป็นแป้งไกลโคเจน (Glycogen) และเก็บสะสมไวัในตับ เมื่อร่างกายขาดนํ้าตาลกลูโคสก็สามารถดึงเอานํ้าตาลกลูโคสจากตับ มาใช้งานได้ (โดยเปลี่ยนไกลโคเจนกลับไปเป็นกลูโคส) แต่ถ้าร่างกายมีปริมาณของนํ้าตาลกลูโคส อยู่มากจนเกินความจำเป็นที่ต้องใช้ กลูโคสเหล่านี้จะถูกเปลี่ยนโครงสร้างให้ไปเป็นไขมัน เก็บสะสมไวัในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

10.       การออกหาอาหารเลี้ยงชีพ เป็นการดำรงชีวิตแบบ     

(1) Autotrophic Nutrition(2)        Heterotrophic Nutrition

(3) Parasitism    (4) Saprophytism

ตอบ 2 (คำบรรยาย) วิธีการสร้างอาหารเพื่อการดำรงชีพของสิ่งมีชีวิต แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ1.     Autotrophic Nutrition เป็นแบบการสร้างอาหารขึ้นได้เองจากอนินทรียสารของสิ่งมีชีวิต พวกออโตทรอฟ โดยมีอยู่ 2 วิธี ไดแก่ Photosynthesis และ Chemosynthesis

2.         Heterotrophic Nutrition เป็นแบบการสร้างอาหารขึ้นมาใช้เองไม่ได้ของสิ่งมีชีวิตพวกเฮเทอโรทรอฟ จึงต้องออกหาอาหารเลี้ยงชีพหรือได้รับอาหารจากสิ่งมีชีวิตอื่น โดยมีอยู่ 3 วิธี ได้แก่ Saprophytism, Parasitism และ Eating (เช่น คน และสัตว์ทั่วไป)

11.       ปกติการย่อยจะสิ้นสุดที่ใด

(1)       ลำไส้เหญตอนต้น       

(2) ลำไส้ใหญ่ตอนกลาง 

(3) ลำไส้เล็กตอนกลาง

(4) ลำไส้เล็กตอนปลาย

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 6. ประกอบ

12.       กลุ่มอวัยวะที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับอาหาร เรียกว่า          

(1) Digestive Tract

(2) Alimentary Tract     

(3) Alimentary System      

(4) Digestive System

อบ 2 (คำบรรยาย) ในกระบวนการกินอาหาร (Nutrition) จะประกอบด้วยอวัยวะต่าง ๆ ที่มาร่วมกันทำหน้าที่เกี่ยวกับอาหาร ซึ่งรวมเรียกร่า ท่อทางเดินอาหาร” (Alimentary Tract) โดยเริ่มต้น จากปาก หลอดคอ หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ จนถึงทวารหนัก และหากอวัยวะเหล่านี้มีการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบก็จะเรียกว่า ระบบท่อทางเดินอาหาร” (Alimentary System)

13.       อาหารที่เคี้ยวแล้วกลืนเข้าไป จะเคลื่อนตัวต่อไป โดยอาการที่เรียกร่า

(1)       Peristalsis         (2)       Epistasis  (3)       Homeostasis    (4)       Ecostasis

ตอบ 1 หน้า 149, (คำบรรยาย) เพอริสตาลซิส (Peristalsis) คือ การหดตัวและคลายตัวเป็นจังหวะ แบบลูกคลื่นติดต่อกันเป็นระลอกของกล้ามเนื้อเรียบที่ผนังท่อทางเดินอาหาร ทำให้อาหารที่เคี้ยวแล้วกลืนเข้าไปเกิดการเคลื่อนไหลไปตามอวัยวะต่าง ๆ ตั้งแต่จากปากจนถึงทวารหนัก

14.       เอนไซม์ที่เป็นองค์ประกอบในน้ำลาย คือ

(1)       ไลเปส  (2)       อะไมเลส         (3)       โปรตีนเนส       (4)       Saliva

ตอบ 2 หน้า 149 น้ำลาย (Saliva) ประกอบด้วย    1. นํ้า ประมาณ 95%  2. นํ้าเมือก 3.เกลือแร่ 4. เอนไซม์อะไมเลส (Amylase) หรือเอนไซม์ไทยาลิน (Ptyalin) ทำหน้าที่ ย่อยคาร์โบไฮเดรตประเภทแป้งให้เป็นนํ้าตาลมอลโตสได้บางส่วนเป็นอันดับแรกในช่องปาก

15.       การย่อยอาหารจนได้เป็นโมเลกุลพื้นฐาน เป็นกระบวนการ

(1)       Anabolism        (2)       Catabolism       (3)       Analysis   (4)       Synthesis

ตอบ 2 หน้า 147153, (คำบรรยาย) กระบวนการเมตาบอลิซึมหรือกระบวนการเมตาบอลิสม์(Metabolism) เป็นกระบวนการทำงานเพื่อให้มีการดำรงชีวิต หรือเป็นกระบวนการทางเคมี ทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในตัวของสิ่งมีชีวิต ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ

1.         Anabolism เป็นกระบวนการสังเคระห์ (Synthesis) ที่นำเอาสารโมเลกุลขนาดเล็กมา ประกอบรวมกันให้เกิดเป็นสารใหม่ที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ขึ้น เช่น การแปรรูปโมเลกุลของกลูโคสให้เป็นแป้งไกลโคเจน ฯลฯ

2.         Catabolism เป็นกระบวนการที่ทำให้สารต่าง ๆ ที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่แยกสลายได้เป็น สารโมเลกุลขนาดเล็กพื้นฐาน เช่น การย่อยโปรตีนจนได้เป็นกรดอะมิโน ฯลฯ

16.       การแปรรูปโมเลกุลของกลูโคสให้เป็นแป้งไกลโคเจน เป็นกระบวนการ

(1)       Anabolism        (2) Synthesis     (3) Analysis        (4) ข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 15. ประกอบ

17.       เลือดคุณภาพดีที่ผ่านการฟอกจากปอด จะเข้ามาที่ห้องหัวใจส่วนใด

(1) ห้องบนขวา            (2) ห้องล่างขวา           (3) สองห้องฟากขวา   (4) สองห้องฟากซ้าย

ตอบ 4 (คำบรรยาย) หัวใจของคนมี 4 ห้อง แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ

1.         ห้องฟากขวา 2 ห้อง ทำหน้าที่รับและส่งเลือดที่ผ่านการใช้งานจากร่างกายมาแล้วโดยห้องบนขวาจะรับเลือดใช้แล้วจากร่างกาย ส่วนห้องล่างขวาจะส่งเลือดเสียไปฟอกที่ปอด

2.         ห้องฟากซ้าย 2 ห้อง ทำหน้าที่รับและส่งเลือดดีออกไปส่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายโดยห้องบนซ้ายจะรับเลือดดีที่ผ่านการฟอกจากปอดแล้ว ส่วนห้องล่างซ้ายจะส่งเลือดดี ไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

18.       การเจาะเลือดเพื่อนำไปตรวจทางการแพทย์ จะดูดเลือดจากหลอดเลือดใด

(1) อาร์เทอรี     (2) เวน (3) หลอดเลือดฝอย     (4) เอออร์ตา

ตอบ 2 หน้า 152, (คำบรรยาย) หลอดเลือดที่มาติดต่อกับหัวใจมี 2 ประเภท คือ

1.         หลอดเลือดเวน (Vein) ทำหน้าที่นำเลือดที่ผ่านการใช้งานแล้วจากอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย กลับเข้าสู่หัวใจ โดยจะมีลักษณะเป็นสีเขียวอมนํ้าเงิน ซึ่งแพทย์จะทำการดูดเลือดจา หลอดเลือดเวนนี้เพื่อนำไปตรวจหรือหาข้อมูลทางการแพทย์ ทั้งนี้เพราะมองเห็นได้ง่าย

2.         หลอดเลือดอาร์เทอรี (Artery) ทำหน้าที่นำเลือดออกจากหัวใจไปส่งตามอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย

19.       ส่วนใดของหัวใจที่ทำหน้าที่รับเลือดจากอวัยวะอื่น

(1)       สองห้องซีกบน            (2) สองห้องซีกล่าง      (3) สองห้องฟากขวา   (4) สองห้องฟากซ้าย

ตอบ 1 หน้า 152, (คำบรรยาย) หัวใจของคนแบ่งออกเป็น 4 ห้อง คือ

1.         ห้องซีกบน 2 ห้อง เรียกว่า เอเตรียม” (Atrium) ซึ่งทำหน้าที่รับเลือดจากอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายเข้าสู่หัวใจ โดยไมคำนึงถึงคุณภาพของเลือด

2.         ห้องซีกลาง 2 ห้อง เรียกว่า เวนทริเคิล” (Ventricle) ซึ่งทำหน้าที่ส่งเลือดออกจากหัวใจ ไปยังอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพของเลือดเช่นกัน

20.       การหายใจเกิดจากการทำงานของ    

(1) ปอด(2)      กะบังลม         (3) กล้ามเนื้อยึดกระดูกซี่โครง            (4) ข้อ 2 และ 3 ร่วมกัน

ตอบ 4 หน้า 157, (คำบรรยาย) การหายใจเข้า-ออก หรือการพอง-แฟบของปอดในมนุษย์นั้นเกิดจากการทำงานร่วมกันของกะบังลมกับกล้ามเนื้อยึดกระดูกซี่โครง โดยร่างกายจะมีลักษณะ อาการดังนี้

1.         ขณะที่หายใจเข้า กะบังลมจะหดตัวแบนราบลง และกล้ามเนื้อยึดกระดูกซี่โครงหดตัว ทำให้ช่องอกขยายขนาดและปอดพองตัวขึ้น

2.         ขณะที่หายใจออก กะบังลมจะหย่อนโค้งขึ้น และกล้ามเนื้อยึดกระดูกซี่โครงผ่อนคลายตัวลง ทำให้ช่องอกลดขนาดและปอดยุบแฟบลง

21.       การสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาปิดบาดแผลในสัตว์ชั้นสูง เกิดจากการแบ่งเชลล์แบบ

(1) ไมโทซิส      

(2) ไมโอชิส      

(3) การแยกชิ้นส่วนย่อย 

(4) พาทีโนจีนีซิส

ตอบ 1 หน้า 167, (คำบรรยาย) การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส (Mitosis) เป็นการแบ่งเชลล์เพื่อสร้างเซลล์ทั่วไปให้เพิ่มทวีจำนวนเพื่อการเจริญเติบโตและซ่อมแชมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย เช่น การสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาปิดปากแผล เป็นต้น ซี่งการแบ่งเซลล์แบบนี้จะพบในสิ่งมีชีวิตชั้นสูง ที่ประกอบด้วยเซลล์หลายเซลล์

22.       การตัดเอากิ่งตอนพันธุ์อ้อย มันสำปะหลัง ไปปักชำในไร่ เป็นการขยายพันธุ์แบบใด

(1) Regeneration       (2) Budding       (3) Parthenogenesis (4) Fragmentation

ตอบ    หน้า 9167, (คำบรรยาย) การแยกชิ้นส่วนย่อย (Fragmentation) เป็นการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศที่ส่วนของร่างกาย ตัวตน หรือต้นของสิ่งมีชีวิตนั้นจะถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วนย่อย หรือเป็นท่อน ๆ โดยแต่ละชิ้นส่วนย่อยจะมีความสามารถเจริญเป็นสิ่งมีชีวิตหน่วยหรือต้นใหม่ของตนที่สมบูรณ์เหมือนเดิม ซึ่งจะพบในสิ่งมีชีวิตหลายเชลล์เทานั้น เช่น การตัดเอากิ่งท่อนพนธุ์อ้อยและมันสำปะหลั งไปปักชำในไร่ การตอนกิ่ง การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ การโคลนนิ่ง เป็นต้น

23.       การเติบโตเป็นผลไม้โดยไม่มีการผสมพันธุ เช่น กล้วยหอม องุ่นไร้เมล็ด เป็น

(1) Parthenogenesis (2) Fragmentation    (3) Regeneration       (4) Sporulation

ตอบ1 หน้า 175 Parthenogenesis เป็นการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศที่ไข (เซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย) สามารถจะเจริญเติบโตเป็นสิ่งมีชีวิตหรือเป็นผลไม้ขึ้นมาได้เอง โดยไม่ต้องได้รับการผสมพันธุ์ จากเซลล์เพศผู้ หรือกส่าวอีกนัยหนึ่งว่า เป็นการได้ลูกหรือผลจากไข่ที่ไม่ได้รับการผสมเชื้อเพศผู้ ซึ่งตัวอย่างที่พบเห็นเป็นประจำ เช่น มด ผึ้ง ปลวก องุ่น กล้วย เป็นต้น

24.       การสืบพันธุ์ที่ได้รุ่นลูกจำนวนมากในเวลาเดียวกัน คือ การสืบพันธ์แบบ

(1) Cloning         (2) Sporulation (3) Regeneration       (4) Fragmentation

ตอบ 2 หน้า 9167, (คำบรรยาย) การสร้างสปอร์ (Sporulation) เป็นการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ โดยการสร้างสปอร์เล็ก ๆ จำนวนมากให้ปลิวไปตกในสถานที่ที่มีอากาศอับ ร้อน ชื้น และอุณหภูมิ พอเหมาะเพื่องอกเจริญเป็นหน่วยชีวิตใหม่ที่เหมือนหน่วยชีวิตเดิม การสืบพันธุแบบนื้จะทำให้ ได้รุ่นลูกจำนวนมากในเวลาเดียวกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะพบในสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เช่น เห็ด รา เป็นต้น

25.       ช่วงอายุของมนุษย์ที่ยังสามารถมีลูกได้ เรียกว่า

(1) วัยฉกรรจ์   (2) วัยเจริญพันธุ์         (3) วัยหนุ่มสาว            (4) วัยมีบุตร

ตอบ 2 (คำบรรยาย) วัยเจริญพันธุ์ คือ ช่วงอายุของมนุษย์ที่ยังสามารถมีลูกได้ โดยผู้ชายจะมี วัยเจริญพันธุ์นานกว่าผู้หญิง กล่าวคือ วัยเจริญพันธุ์ของผู้ชายจะเริ่มตั้งแต่มีการสร้าง เซลล์เชื้อเพศเป็นครั้งแรกจนกระทั่งตาย ส่วนวัยเจริญพันธุ์ของผู้หญิงนั้นจะเริ่มตั้งแต่มีการ สร้างเลือดประจำเดือนออกมาเป็นครั้งแรก และสิ้นสุดลงเมื่อมีเลือดประจำเดือนครั้งสุดท้าย

26.       หลักการของการแลกเปลี่ยนอากาศ คือ

(1) การนำเอาออกซิเจนเข้าไปสู่เซลล์  (2) ถ่ายคาร์บอนไคออกไซด์ออกจากเซลล์

(3)       ส่งอาหารและแร่ธาตุให้แก่เซลล์          (4) ข้อ 1 และ 2 ร่วมกัน

ตอบ 4 หน้า 31 – 32157, (คำบรรยาย) การแลกเปลี่ยนอากาศหรือการหายใจ (Respiration) เป็นกระบวนการแลกเปลี่ยนก๊าชระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม โดยมีหลักการก็คือ การนำเอาก๊าชออกซิเจนเข้าไปสู่เซลล์ และถ่ายก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากเซลล์โดย อวัยวะต่าง ๆ ของระบบหายใจ ซึ่งจะเกิดขึ้นโดยกระบวนการแพร่กระจาย (Diffusion)

27.       ความรู้ทางพฤติกรรมศาสตร์ที่พิจารณาถึงความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในกลุ่มสิ่งมีชีวิตนั้น ๆ เรียกว่า

(1) รัฐศาสตร์   (2) รัฐประศาสนศาสตร์ (3) สังคมศาสตร์       (4) พัฒนบริหารศาสตร์

ตอบ 3 (คำบรรยาย) พฤติกรรมศาสตร์ (Behavior Science) เป็นศาสตร์สาขาหนึ่งของวิทยาศาสตร์ชีวภาพที่เน้นศึกษาพฤติกรรมการแสดงออกของสิ่งมีชีวิต โดยแบ่งออกเป็น 2 สาขาวิชา คือ

1.         สังคมศาสตร์ (Social Science) เป็นความรู้ทางพฤติกรรมศาสตร์ที่พิจารณาถึงความสัมพันธ์ ระหว่างสมาชิกในกลุ่มสิ่งมีชีวิตนั้น ๆ ได้แก่ วิชานิติศาสตร์ สังคมวิทยา เป็นต้น

2.         รัฐศาสตร์ (Political Science) เป็นความรู้ทางพฤติกรรมศาสตร์ที่พิจารณาถึงฐานะ บทบาท หน้าที่ของสมาชิกในสังคมสิ่งมีชีวิตนั้น ๆ

28.       ข้อใดเป็น พลังงานสะอาด

(1) พลังงานจากแสงอาทิตย์   (2) พลังงานจากลม

(3)       พลังงานจากความร้อนใต้พิภพ            (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คำบรรยาย) พลังงานสะอาด (Green Energy) คือ พลังงานที่ไม่มีวันหมดและเป็นแหล่งพลังงานทีไม่เป็นมลพิษ พลังงานสะอาดประกอบด้วยกระบวนการที่ใช้พลังงานจากธรรมชาติ และเป็นกระบวนการที่สามารถควบคุมให้มีมลพิษเพียงเล็กน้อย ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานความร้อนใต้พิภพ พลังงานนํ้า เป็นต้น

29.       ข้อใดเป็น พลังงานทดแทน

(1) ไบโอดีเซล  (2) เอทานอล   (3) แก๊สชีวภาพ           (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คำบรรยาย) พลังงานทดแทน (Alternative Energy) คือ พลังงานที่นำมาใช้แทนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยเป็นพลังที่สะอาด ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นแหล่งพลังงาน ที่มีอยูในท้องถิ่น ได้แก่ พลังงานไบโอดีเชล พลังงานเอทานอล พลังงานชีวภาพ แก๊สโซฮอล์ เป็นต้น

30.       ข้อใดเป็น กระบวนการ” (Process)

(1) ปลูกบ้าน   (2) ซักผ้า         (3) หุงข้าว        (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ4  (คำบรรยาย) กระบวนการ (Process) หมายถึง การกระทำที่เป็นไปตามลำดับขั้นตอน และมีระเบียบแบบแผนที่แน่นอน เช่น การเรียนรู้ การปลูกบ้าน การซักผ้า การหุงข้าว การขับรถ ฯลฯ

31.       การมีอวัยวะเพศครบสองเพศในต้นหรือตัวเดียวกัน เรียกว่า 

(1) Monoecious       

(2)Protandrous Hermaphodite  

(3) Dioecious    

(4) Polygamous

ตอบ1 หน้า 127172 การปรากฏเพศในสิ่งมีชีวิต แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ

1.         Dioecious คือ สัตว์หรือพัชที่มีเพศแยกกันเป็นเพศผู้กับเพศเมีย หรือปรากฏการมีเพศเพียงอย่างเดียวในตัวหรือในต้น

2.         Monoecious คือ สัตว์หรือพืชที่มีการปรากฎเพศครบทั้งสองพศในตัวหรือในต้นเดียวกัน

32.       กระบวนการสร้างเซลล์เชื้อเพศ เรียกว่า

(1) Gametogenesis 

(2) Oogenesis      

(3) Spermatogenesis 

(4) เป็นหมดทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 172, (คำบรรยาย) กระบวนการสร้างเซลล์เชื้อเพศหรือเซลล์สืบพันธุ์ในสิ่งมีชีวิต หากกล่าว โดยรวมไม่ระบุชนิดของเพศ เรียกว่า แกมีโตจีเนซิส” (Gametogenesis) ซึ่งแบ่งออกเป็น

1.         กระบวนการสร้างเซลล์ไข่หรือเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย เรียกว่า โอโอจีเนซิส” (Oogenesis)

2.         กระบวนการสร้างสเปิร์มหรือเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ เรียกว่า สเปอร์มาโตจีเนซิส” (Spermatogenesis)

33.       การปฏิสนธิที่เกิดขึ้นในตัวเองโดยไมต้องมีคู่ผสมพันธุ์ เรียกว่า

(1) External Fertilization  (2) Self-fertilization

(3)       Cross Fertilization  (4) Internal Fertilization

ตอบ2  (คำบรรยาย) Self-fertilization เป็นการปฏิสนธิที่เกิดขึ้นในตัวเองโดยไม่ต้องมีคู่ผสมพันธุซึ่งเกิดขึ้นในสิ่งมีชีวิตประเภทที่มีสองเพศในตัวหรือต้นเดียวกัน (Monoecious) โดยที่เชื้อเพศจะแกตัวพร้อมก้น และเชื้อเพศผู้ก็จะผสมกับเชื้อเพศเมียในตัวหรือต้นเดียวก้น เช่น การปฏิสนธิในพยาธิตัวตืด การปฏิสนธิที่เกิดในฝักข้าวโพด ฯลฯ

34.       Cross Fertilization เกิดในการจับคู่ผสมพันธุ์แบบใด

(1) Copulation  (2) Amplexus     (3) Conjugation         (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ3(คำบรรยาย) แบบแผนของการจับคู่ผสมพันธุ์ (Pattern of Mating) แบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ

1.         การทาบ (Conjugation) คือ การนำเอาท่อนลำตัวมาทาบตัวเคียงขนานกันแล้วมีการสร้างอวัยวะที่จะแลกเชื้อเพศระหว่างกัน ซึ่งจะเกิดขึ้นในการปฏิสนธิในลักษณะ Cross Fertilization ได้แก่ ไส้เดือน

2.         การทับ (Amplexus) คือ การที่เพศผู้ขึ้นไปเกาะทับบนด้านหลังของเพศเมีย หันหน้าไปในทิศทางเดียวกัน เช่น แมลง สุนัข เก้ง กวาง ช้าง ฯลฯ

3.         ประกบ (Copulation ) คือ การหันหน้าเข้าหากัน เช่น กุ้ง ปู ลิง มนุษย์ ฯลฯ

35.       สัตว์ที่ตัวเมียออกไข่ มีลูกแบบ

(1) Viviparous   (2) Ovoviviparous     (3) Oviparous    (4) Omnivorous

ตอบ 3 หน้า 91138, (คำบรรยาย) Enaima เป็นสัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง และเลือดมีสีแดง ซึ่งประกอบด้วยสัตว์ 2 พวก ได้แก่

1.         Oviparous คือ สัตว์ที่ตัวเมียออกลูกเป็นไข่ เช่น เต่า จระเข้ กบ ยุง เป็ด ไก่ ตุ่นปากเป็ด ห่าน ไดโนเสาร์ เป็นต้น

2.         Viviparous คือ สัตว์ที่ตัวเมียออกลูกเป็นตัว เช่น มนุษย์ ปลาฉลาม ปลาวาฬ ปลาโลมา พะยูน ค้างคาว วัว สุนัข แมว หนู จิงโจ้ หมีแพนค้า เป็นต้น

36.       ปัจจัยข้อใดที่มีผลต่อการหมุนเวียนในวัฎจักรคาร์บอน

(1)       การหายใจของพืช       (2) การย่อยสลายของซากสัตว์

(3)       การเผาไหม้ของเชื้อเพลิง         (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 7389 วัฎจักรของธาตุคาร์บอน เป็นการหมุนเวียนของก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งอยู่ ในอากาศและละลายปนอยู่ในนํ้า โดยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นี้นับว่าเป็นแหล่งของธาตุคาร์บอน ที่สำคัญของพืชที่จะนำไปใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสงเพื่อแปรสภาพเป็นอาหาร และจะกลับคืนสู่อากาศอีกครั้งหนึ่งในฐานะเป็นผลของการหายใจของพืชและสัตว์ นอกจากนี้ ยังอาจเกิดขึ้นได้จากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง และการย่อยสลายของซากสัตว์

37.       ข้อใดจัดเป็นสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ

(1)       อุณหภูมิ          (2) ดิน ทราย    (3) แสงสีน้ำเงินในแหล่งน้ำ     (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 79 สิ่งแวดล้อม แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1.         สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ (Physical Environment) หรือสิ่งแวดล้อมที่ไม่มีชีวิต เช่น ดิน ทราย หิน น้ำ อากาศ แสงสว่าง อุณหภูมิ ก๊าช ฯลฯ

2.         สิ่งแวดล้อมทางชีวภาพ (Biological Environment) หรือสิ่งแวดล้อมที่มีชีวิต เช่น พืช สัตว์ แบคทีเรีย จุลินทรีย์ ฯลฯ

38.       ข้อใดบอกปริมาณนํ้าดื่มบนโลกนี้ได้ใกล้เคียงมากที่สุด

(1) 10 ล้านลูกบาศก์กิโลเมตร (2) 20 ล้านลูกบาศก์กิโลเมตร

(3) 250 ล้านลูกบาศก์กิโลเมตร          (4) 360 ล้านลูกบาศก์กิโลเมตร

ตอบ1 หน้า 79 พื้นผิวของโลกประมาณสามในสี่ส่วน คือ ประมาณ 370 ล้านตารางกิโลเมตรเป็นนํ้าในจำนวนนี้จะเป็นนำเค็มประมาณ 360 ล้านตารางกิโลเมตร ส่วนปริมาณของนํ้าบนโลก มีอยู่ประมาณ 500 ล้านลูกบาศก์กิโลเมตร ในจำนวนนี้เป็นน้ำจืด (นํ้าดื่ม) เพียงประมาณ 10 ล้านลูกบาศก์กิโลเมตร

39.       บริเวณที่มีความชันมากขึ้นต่อจากไหล่ทวีปจนถึงระดับหน้าดินก้นมหาสมุทร คือ บริเวณ

(1)       ลาดทวีป         (2) ที่ราบชั้นบาดาล     (3) แอ่งลึกก้นมหาสมุทร (4) ผิดทุกข้อ

ตอม 1 หน้า 79 ลาดทวีป (Continental Slope) คือ บริเวณที่มีความชันมากขึ้นต่อจากไหล่ทวีป (Continental Shelf) ซึ่งจะมีไปจนถึงระดับหน้าดินก้นมหาสมุทร

40.       ข้อความใดที่ไมได้เป็นลักษณะของแนวเขตชายฝั่ง (Littoral Zone)    

(1) เขตแสงส่องถึง(2) มีความลึกไมเกิน 600 ฟุต      (3) ไม่มีสัตว์จำพวก Benthos      (4) มีสัตว์จำพวก Nekton

ตอบ 3 หน้า 80 แนวเขตชายฝั่ง (Littoral Zone) เป็นบริเวณที่มีความลึกไมเกิน 100 ฟาธอมหรือ600 ฟุต แสงแดดยังส่องลงไปได้ถึง จึงพบว่ามีพืชที่สังเคราะห์แสงได้ซึ่งส่วนใหญ่เป็น พวกแอลจีหรือสาหร่ายชนิดต่าง ๆ อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้แล้วยังมีสัตว์และพืชที่!มีขนาดเล็กมากมารวมกันอยู่ที่ผิวน้ำ ซึ่งได้แก่

1. แพลงก์ตอน (Plankton) เป็นพวกที่ลอย ไปมาตามแรงคลื่นลมและไมแข็งแรงพอที่จะว่ายนํ้าเองได้

2. เนคตอน (Nekton) เป็นพวกที่ สามารถว่ายน้ำได้เองโดยอิสระ

3. เบนธอส (Benthos) เป็นพวกที่อาศัยอยู่ที่หน้าดินหรือในดิน

41.       สิ่งมีชีวิตจะต้องปรับตัวอย่างไรในเขต Intertidal Zone

(1) ปรับตัวให้รอดพ้นจากความร้อนของแสงอาทิตย์ 

(2) ทนต่อแรงอัดกระแทกของคลื่น

(3)       สามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว  

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 80 Intertidal Zone หรือ Strand เป็นบริเวณที่มีการขึ้นลงของนํ้าอยู่เป็นประจำทุกวัน จึงทำให้สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ต้องปรับตัวให้รอดพ้นจากความร้อนของแสงอาทิตย์ และแรงอัดกระแทกของคลื่นที่ซัดเข้าสู่ฝั่งตลอดเวลา เช่น สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว หรือมีสิ่งยึดเกาะกับก้อนหินอยู่อย่างเหนียวแน่น และทนต่อสภาพการขาดนํ้าได้ในช่วงระยะเวลา ที่น้ำลด

42.       สัตว์ที่อาศัยอยู่ที่ลึกของมหาสมุทรจะได้รับอาหารประเภทใดเป็นหลัก

(1) พืชขนาดเล็ก          (2) สัตว์หน้าดินขนาดเล็ก (3) ซากอินทรียสาร (4) กลุ่มของ Nekton

ตอบ 3 หน้า 80 – 81 ส่วนที่ลึกที่สุดของมหาสมุทรนั้น จะมีความกดดันของนํ้ามากกว่าความกดดัน ที่ผิวนํ้าเป็นพันเท่า สัตว์ที่อาศัยในบริเวณนี้จึงมีน้อยมาก ทำให้ บริเวณใต้ทะเลลึกนั้นเงียบสงัด โดยอาหารที่สัตว์ในบริเวณนี้ได้รับ คือ ซากอินทรียสาร ซึ่งตกลงมาจากนํ้าที่อยู่ในระดับสูงกว่า ตลอดเวลา ส่วนพืซที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้มีเพียงแบคทีเรียเท่านั้น

43.       Lithosphere หมายถึงสภาพแวดล้อมที่ประกอบด้วยอะไร

(1) สินแร่ต่าง ๆ            (2)นํ้าใต้ดิน      (3) ก๊าชไนโตรเจน        (4) ข้อ 1 และ   2

ตอบ 1 หน้า 85, (คำบรรยาย) สภาพแวดล้อมทางกายภาพของโลกที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิต เรียกว่า ‘‘ชีวมณฑล” (Biosphere) โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ

1. Hydrosphere คือ สภาพแวดล้อมส่วนที่เป็นนํ้า เช่น นํ้าตามแหล่งต่าง ๆ และนํ้าต้ดิน

2.         Lithosphere คือ สภาพแวดล้อมส่วนที่เป็นของแข็ง เช่น ดิน หิน และสินแร่ต่าง ๆ

3.         Atmosphere คือ สภาพแวดล้อมส่วนที่เป็นลม ฟ้า อากาศ เช่น ไอน้ำ และก๊าชต่าง ๆ

44.       แหล่งที่อยู่อาศัยในเขตใดชึ่งมีปริมาณน้ำฝนโดยเฉลี่ยตลอดปีไม่เกิน 10 นิ้ว มีภูมิอากาศแห้งแล้งตลอดเวลา

(1) เขตทุ่งหญ้า            (2)เขตทะเลทราย        (.3) เขตป่าผลัดใบ       (4) เขตป่าสน

ตอบ 2 หน้า 83 – 84 เขตทะเลทราย (Desert) เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยซึ่งมีปริมาณนํ้าฝนโดยเฉลี่ย ตลอดปีไมเกิน 10 นิ้ว จึงทำให้ภูมิภาคนี้มีอากาศแห้งแล้งตลอดเวลา ปกติแล้วทะเลทราย มักจะมีอากาศร้อนและแห้งแล้ง แต่อาจมีบางบริเวณที่ระดับนํ้าใต้ดินขึ้นมาใกล้ผิวดินมาก ทำ ให้พื้นที่บริเวณนั้นมีพืชและสัตว์อาศัยอยู่อย่างชุกชุม ซึ่งเรียกบริเวณที่มีความชุ่มชื้น ในทะเลทรายว่า ‘‘โอเอซิส” (Oasis)

45.       การเกิดการเปลี่ยนแปลงระดับความเค็มของน้ำบริเวณปากแม่นํ้ามีสาเหตุจาก

(1) การปล่อยน้ำเสียจากชุมชน           (2) เป็นบริเวณที่มีการทำประมงมาก

(3) ปริมาณนํ้าจืดในช่วงฤดูฝน            (4) ผิดทุกข้อ

ตอบ3  (คำบรรยาย) การที่บริเวณปากแม่น้ำมีระดับความเค็มของนํ้าไมคงที่นั้น ก็เป็นเพราะว่าปริมาณน้ำจืดในช่วงฤดูฝนจากต้นน้ำที่ไหลมาสมทบมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น จึงทำให้ สัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ต้องมีการปรับตัวให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของ สภาพนํ้าตามไปด้วย

46.       การหมุนเวียนของก็าซไนโตรเจนในอากาศมีความเกี่ยวข้องกับการทำงานของสิ่งมีชีวิตประเภทใด

(1) Protozoa      (2) Acid-forming bacteria

(3) Virus     (4) Nitrogen-fixing bacteria

ตอบ 4 หน้า 7489 วัฏจักรของไนโตรเจน เป็นการหมุนเวียนของก๊าชไนโตรเจนในอากาศ โดยอาศัยการทำงานของแบคทีเรียอยู่ 4 ชนิด ได้แก่

1. Decomposing bacteria มีหน้าที่ทำให้ซากพืชซากสัตว์เกิดการเน่าเปื่อยกลายเป็น ก๊าซแอมโมเนีย

2.Nitrifying bacteria มีหน้าที่เปลี่ยนก๊าชแอมโมเนียให้เป็นสารประกอบไนเตรท

3.Denitrifying bacteria มีหน้าที่เปลี่ยนสารประกอบไนเตรทให้สลายตัวเป็นก๊าซไนโตรเจน กลับคืนสู่อากาศ

4.Nitrogen-fixing bacteria มีหน้าที่เปลี่ยนก๊าซไนโตรเจนในอากาศให้เป็นสารประกอบ ไนเตรทซึ่งเป็นรูปที่พืชสามารถนำไปใช้ได้

47.       สัตว์ชนิดใดเลือดไมมีสีแดง

(1) แมลงปอ    (2) กะพรุน       (3)ปูและปลาหมึก       (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 91 Anaima เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง และเลือดไม่มีสีแดง ประกอบด้วย สัตว์พวกต่างๆ 5 พวก ได้แก่   1.ปลาหมึก      2. กุ้ง กั้ง ปู  3.แมลง (เช่น แมลงปอ) และแมงมุม4. หอยและหอยเม่น           5. ฟองนํ้าและกะพรุน

48.       การจัดหมวดหมู่ของสิ่งมีชีวิตโดยศึกษาความสัมพันธ์ทางวิวัฒนาการเป็นหลักเกณฑ์ใหญ่ เป็นความคิด ของนักวิทยาศาสตร์ท่านใด

(1) Carolus Linnaeus (2) Karl von Linne     (3) Aristotle       (4) ข้อ 1 และ 2

ตอบ4  หน้า 91 – 92 Carolus Linnaeus หรือ Karl von Linne นักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดน ได้คิดระบบการจัดหมวดหมูของสิ่งมีชีวิตโดยศึกษาความสัมพันธ์ทางวิวัฒนาการเป็นหลักเกณฑ์ใหญ่ ซึ่งเรียกระบบการแบบนี้ว่า Natural System นอกจากนี้ยังได้เสนอให้ตั้งชื่อสิ่งมีชีวิตโดยอาศัย หลักของวิวัฒนาการและความสัมพันธ์ในสิ่งมีชีวิต กล่าวคือ สิ่งมีชีวิตใดที่มีความสัมพันธ์ ใกล้เคียงกันมากก็ใช้ชื่อเดียวกัน และให้มีชื่อของชนิดของสิ่งมีชีวิตกำกับลงไปด้วย จึงทำให้ ชื่อของสิ่งมีชีวิตประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ชื่อสกุล และชื่อชนิด ซึ่งเรียกระบบการตั้งชื่อสกุล และชื่อชนิดแบบนี้ว่า Binomial Nomenclature

49.       สิ่งมีชีวิตที่เซลล์ไม่มีนิวเคลียส คือประเภทใด

(1) สาหร่ายสีเขียวแกมนํ้าเงิน (2) สาหร่ายสีเขียว

(3) โปรโตชัว    (4) สาหร่ายสีน้ำตาล

ตอบ 1 หน้า 94 โปรติสต์ (Protist) เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเซลล์เพียงเซลล์เดียว โดยเมื่อพิจารณาตาม ลักษณะความเจริญของเซลล์และวิธีการดำรงชีวิตแล้ว อาจแยกออกเป็น 3 ลักษณะ ได้แก่ 1. โปรติสตที่ยังไม่มีนิวเคลียส (Prokaryotic protist) ได้แก่ แบคทีเรีย (Bacteria)และแอลจี (สาหร่าย) สีเขียวแกมนํ้าเงิน (Blue-green Algae)

2.         โปรติสต์ที่มีลักษณะคล้ายพืช (Plant-like protist) ได้แก่ แอลจี (Algae)

ราเมือก (Slime mold) และฟังไจ (Fungi)

3.         โปรติสตที่มีลักษณะคล้ายสัตว์ (Animal-like protist) ได้แก่ โปรโตซัว (Protozoa)

50.       Bacillus subtilis เป็นบัคเตรีช่วยในการบ่มใบยาสูบมีรูปร่างแบบใด

(1) รูปร่างกลม (2) รูปร่างเป็นท่อนทรงกระบอก

(3) รูปร่างเป็นแท่งโค้ง (4) รูปร่างเป็นเส้นใย

ตอบ 2 หน้า 94. 96 แบคทีเรียหรือบัคเตรี (Bacteria) เป็นโปรติสต์ใน Phylum Schizophyta มีเชลล์ที่มีขนาดเล็กมากและมีรูปร่างหลายแบบ โดยแบบที่สำคัญ คือ

1. Coccus เป็นบัคเตรีที่มีรูปร่างกลม

2.         Bacillus เป็นบัคเตรีที่มีรูปร่างเป็นท่อนทรงกระบอก ซึ่งเป็นบัคเตรีที่ช่วยในการบ่ม ใบยาสูบ ได้แก่ Bacillus subtilis, Bacillus mycoides และ Bacillus polymyxa

3.         Spirillum เป็นบัคเตรีที่มีรูปร่างเป็นท่อนยาว

51.       ความยาวที่ใช้วัดขนาดของบัคเตรีใช้หน่วยไมครอน (Micron) 1 ไมครอน เท่ากับหน่วยวัดในข้อใด

(1) 1/25,000 มิลลิเมตร 

(2) 1/1,000 มิลลิเมตร         

(3) 1/100 มิลลิเมตร 

(4) 1/10 มิลลิเมตร 

ตอบ 2 หน้า 95 หน่วยความยาวที่ใช้วัดขนาดของบัคเตรีใช้หน่วย ไมครอน (Micron) โดยความยาว 1 ไมครอน มีขนาด 1/1,000 มิลลิเมตร หรือ 1/25,000 นิ้ว

52.       ข้อใดบ่งบอกถึงการดํ ารงชีวิตของบัคเตรีได้ถูกต้อง

(1) อาศัยในพื้นที่ทุกแห่ง         (2) บัคเตรีบางชนิดไมต้องอาศัยออกซิเจนอิสระในการดำรงชีวิต

(3) มีทั้งประโยชน์และโทษตอมนุษย์   (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 95 บัคเตรีนั้นดำรงชีวิตอยู่ได้ในพื้นที่ทุกแห่ง ซึ่งบัคเตรีบางชนิดต้องอาศัยออกซิเจน ในอากาศเพื่อใช้ในการดำรงชีวิต เรียกว่า Aerobe แต่บางชนิดไม่ต้องอาศัยออกซิเจนอิสระ ในการดำรงชีวิต เรียกว่า Anaerobe ส่วนชนิดที่อยู่ได้โดยทั้งที่อาศัยออกซิเจนและ ไม่อาศัยออกซิเจนในการดำรงชีวิตนั้น เรียกว่า Facultative Anaerobe โดยบัคเตรีมีทั้งพวกที่ทำให้เกิดโทษ โรคภัย และพวกที่ทำประโยชน์ให้แกมนุษย์

53.       สารละลายของสี (Pigment) ที่เรียกว่า Phycocyanin จะอยู่ภายในเซลล์ของสาหร่ายชนิดใด

(1) สาหร่ายสีเขียว       (2) สาหร่ายสีแดง        (3) สาหร่ายสีเขียวแกมนํ้าเงิน (4) สาหร่ายสีทอง

ตอบ 3 หน้า 97 สาหร่ายสีเขียวแกมนํ้าเงิน (Blue-green Algae) เป็นโปรติสต์ใน Phylum Cyanophyta ภายในเซลล์มีสารละลายของสี (Pigment) ชนิดที่เรียกว่า Phycocyanin ซึ่งมีสีน้ำเงินปนอยู่กับสารคลอโรฟิลด์ (Chlorophyll) กระจายอยูทั่วเซลล์ ไม่ได้อยู่รวมกัน เป็นกลุ่มก้อนเหมือนสาหร่ายชนิดอื่น ๆ

54.       เซลล์ของสิ่งมีชีวิตในข้อใดที่ไมมีสารคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll)

(1) สาหร่ายสีนํ้าตาล   (2) เห็ด            (3) สาหร่ายสีทอง        (4) ข้อ 1 และ 2

ตอบ 2 หน้า 102 – 103 ฟังไจ (Fungi) เป็นโปรติสต์ใน Phylum Eumycophyta อาจมีเพียงเซลล์เดียวหรืออยู่รวมกันเป็นเส้นใยเรียกว่า ไฮฟา (Hypha) ภายในเซลล์ไม่มีสารคลอโรฟิลด์ จึงไม่อาจสร้างอาหารโดยวิธีสังเคราะห์แสงได้ต้องใช้อาหารจากแหล่งอื่น โดยการดำรงชีวิต มีทั้งแบบที่หากินอย่างอิสระและแบบที่เป็นปรสิตอาศัยอยู่ได้ทั่วไป เช่น ราดำที่ขึ้นบนขนมปัง เห็ดชนิดต่าง ๆ (เช่น เห็ดนางฟ้า เห็ดฟาง) เป็นต้น

55.       สาหร่ายชนิดใดที่มีผนังเซลล์เป็นสารซิลิกา (Silica)

(1) Brown Algae         (2) Diatom         (3) Greer Algae (4) Dinoflagellate

ตอบ2 หน้า 100 ไดอะตอม (Diatom) เป็นสิ่งมีชีวิตในกลุ่มสาหร่ายสีทอง (Golden Algae)ที่เปลือกหรือผนังเซลล์ประกอบด้วยสารซิลิกา (Silica) โดยผนังเซลล์จะมีลักษณะเป็นฝาตลับ สวมประกบกันและมีลวดลายสวยงาม ซึ่งสามารถที่จะพบได้ทั้งในนํ้าจืดและนํ้าเค็ม

56.       สัตว์ในกลุ่มใดเริ่มมีผิวตัวประกอบด้วยเนื้อเยื่อ 3 ชั้น (Triploblaslica) เป็นกลุ่มแรก

(1)       พยาธิตัวแบน   (2) ปลาดาว     (3) ฟองนํ้า       (4) หอย

ตอบ 1 หน้า 131 – 133, (คำบรรยาย) สัตว์ในกลุ่มหนอนตัวแบน (Phylum Platyhelminthes)มีลักษณะสำคัญ คือ เป็นสัตว์กลุ่มแรกที่เริ่มมีผนังลำตัวหรือผิวตัวประกอบด้วยเนื้อเยื่อ 3 ชั้น (Triploblastica) มีระบบประสาท ตำแหน่งของร่างกาย ระบบการสืบพันธุ์ และ ระบบขับถ่าย ซึ่งสัตว์ในกลุ่มนี้ได้แก่ พยาธิตัวตืด และพยาธิใบไม้

57.       ฟองนํ้ามีหนาม (Spicule) ประกอบด้วยสารจำพวกใด

(1) หินปูน        (2) ซิลิกา         (3) โปรตีน       (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 129 ฟองนํ้ามีหนาม (Spicule) เกิดจากเซลล์ที่อยู่ในชั้นวุ้นของฟองนํ้า (Sponge) ซึ่งเคลื่อนที่ได้คล้ายอะมีบาเรียกว่า Amoebocyte หรือ Mesenchyme เปลี่ยนรูปทำหน้าที่ สร้างโครงร่างเล็ก ๆ มีลักษณะคล้ายขวากหนามเล็ก ๆ สอดประสานกันอยู่ภายในตัวของฟองนํ้า โดยองค์ประกอบของ Spicule ประกอบด้วยสารจำพวกหินปูน ซิลิกา และโปรตีนแบบที่แข็ง คล้ายเขาสัตว์

58.       ลักษณะของสัตว์ในข้อใดมีรยางค์เป็นข้อปล้องติดต่อกันเด่นชัด

(1)หมัด            (2) ปลิง           (3) หอยเม่น     (4) ทาก

ตอบ 1 หน้า 136 สัตว์ใน Phylum Arthropoda จะมีโครงร่างของร่างกายหรือผิวเปลือกที่หุ้มลำตัว เป็นสารอินทรีย์ประเภทไคติน (Chitin) และรยางค์ที่ยื่นออกจากลำตัวเป็นคูๆ นั้นก็จะมี ลักษณะเป็นข้อปล้องติดต่อกันเด่นชัด อีกทั้งยังมีการลอกคราบด้วย ซึ่งสัตว์ที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ ได้แก่ กุ้ง ปู แมลงทุกชนิด หมัด ตะขาบ เห็บ บึ้ง เป็นต้น

59.       ปลาวาฬจัดเป็นสัตว์อยู่ใน Class เดียวกับสัตว์ชนิดใด      

(1) จิงโจ้กับพะยูน    (2)ปลาตะเพียนกับปลากระเบน

(3) ปลาโลมากับค้างคาว        (4) ถูกทั้งข้อ 1 และ 3

ตอบ4 หน้า 138 สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (Class Mammalia) เรียกโดยทั่วไปว่า Mammalมีลักษณะสำคัญ คือ เป็นสัตว์ที่ต้องอาศัยนํ้านมจากแม่ในขณะที่ยังมีอายุน้อยอยู่ โดยตัวที่ เป็นแม่จะมีต่อมสร้างน้ำนม รวมทั้งมีขนปกคลุมตัว ส่วนใหญ่มีลูกโดยออกเป็นตัว ระบบต่าง ๆ ของร่างกายมีความเจริญมาก โดยเฉพาะระบบประสาทซึ่งจะเจริญมากจนกลายเป็นสมอง สัตว์ที่จัดอยู่ใน Class นี้ ได้แก่ ปลาวาฬ จิงโจ้ พะยูน ปลาโลมา ค้างคาว หนู ลิง คน เป็นต้น

60.       ข้อความใดคือลักษณะของสัตว์ใน Class Amphibia เช่น กบ งูดิน    

(1) อยู่ได้ทั้งในน้ำและบนบก   (2)หายใจด้วยปอด      (3) หัวใจมี 3 ห้อง        (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 137 สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ (Class Amphibia) มีลักษณะสำคัญ คือ เป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ได้ ทั้งในน้ำและบนบก แต่ออกไขไว้ในแหล่งน้ำ หายใจด้วยปอด มีหัวใจ 3 ห้อง เช่น กบ งูดิน เขียด ปาด คางคก เป็นต้น

61.       การอยู่ร่วมกันของพยาธิตัวตืดในหมู ถือว่าเป็นการอยู่แบบใด

(1) Predation     

(2) Parasitism   

(3) Neutralism  

(4)Commensalism

ตอบ 2 หน้า 77, (คำบรรยาย) Parasitism (+/-) เป็นการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิตแบบที่ฝ่ายหนึ่ง ได้ประโยชน์ในฐานะ ปรสิต” (Parasite) คอยเกาะทำลายและอาศัยอีกฝ่ายหนึ่งที่เสียประโยชน์ เช่น พยาธิตัวตืดในหมู พยาธิใบไม้ในตับคน เชื้อโรคกับคน พยาธิในลำไส้ กาฝากกับต้นไม้ เชื้อไวรัสในสัตว์ต่าง ๆ เป็นต้น

62.       ข้อความใดอธิบายเกี่ยวกับ Species ไม่ถูกต้อง

(1)       สิ่งมีชีวิตไม่ได้รับอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อม        (2) สิ่งมีชีวิตมีการเพิ่มจำนวน

(3)       สิ่งมีชีวิตสามารถสืบต่อเผ่าพันธุ์ได้      (4) สิ่งมีชีวิตมีการลดจำนวน

ตอบ 4 หน้า 570, (คำบรรยาย) ชนิดพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต (Species) หมายถึง หมู่หรือจำนวนของสิ่งมีชีวิตชนิดใดชนิดหนึ่ง หรือเป็นกลุ่มของสิ่งมีชีวิตพวกเดียวกัน โดยมีลักษณะสำคัญดังนี้

1.         มีรูปร่างลักษณะและการจัดระเบียบโครงร่างแบบเดียวกัน    2. มีวิถีการดำรงชีวิตเป็นไปในรูปแบบเดียวกัน 3. มีการเพิ่มทวิจำนวน 4. สามารถสืบต่อเผ่าพันธุ์ของตนได้

5.         ไต้รับอิทธิพลจาก DNA หรือ Gene แต่ไม่ไต้รับผลกระทบจากอิทธิพลของสิ่งแวดล้อม

63.       องค์ประกอบหลักของสารอินทรีย์ คือธาตุใด

(1)       คาร์บอน          (2) แคลเซียม   (3) ไนโตรเจน   (4) ฟอสฟอรัส

ตอบ 1 หน้า 1735 สารประกอบอินทรีย์ (Organic Compound) เป็นสารประกอบทางเคมีที่มีอะตอมชองธาตุคาร์บอนเป็นองค์ประกอบหลักที่สำคัญที่สุด เพราะคาร์บอนจะเข้าทำปฏิกิริยา ทางเคมีกับอะตอมของธาตุอื่น ๆ ได้ง่าย และสารประกอบของคาร์บอนยังสามารถเชื่อมต่อกัน ได้อย่างไม่มีขีดจำกัด

64.       การอยู่ร่วมกันของปลาฉลามกับเหาฉลาม เป็นการอยู่รวมกันแบบใด

(1) Commensalism    (2) Mutualism  (3) Amensalism          (4) ผิดทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 76, (คำบรรยาย) Commensalism (+/0) เป็นการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิตแบบที่ฝ่ายหนึ่ง ได้รับประโยชน์ แต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้และไม่เสียประโยชน์อันใด เช่น ปลาฉลามกับเหาฉลาม กล้วยไม้ที่ขึ้นอยู่บนต้นไม้ใหญ่การบริจาคทรัพย์สิ่งของให้ผู้ประสบอุทกภัยโดยไม่ทำให้ ตัวเองเดือดร้อน เป็นต้น

65.       พืชชนิดใดมีลำต้นแบบ Prostrate

(1) ผักกระเฉด (2) ผักแว่น       (3) บัวบก        (4) พลู

ตอบ1 หน้า 120 พืชที่มีลำต้นอยู่เหนือดินสามารถแบ่งตามลักษณะที่ปรากฏได้เป็น 4 ชนิด คือ

1.         ชนิดที่ทอดแตะพื้นเป็นระยะ ๆ (Stolon) เช่น บัวบก ผักแว่น ผักตบชวา จอก

2.         ชนิดที่ทอดราบไปตามพื้น (Prostrate) เช่น ผักบุ้ง ผักกระเฉด

3.         ชนิดที่เกาะเกี่ยวป่ายปีนหรือเลื้อยพัน (Climber/Twinning) เช่น ตำลึง พลู พวงชมพู เถาวัลย์

4.         ชนิดทีมีลำต้นตั้งตรง (Erect Stem) เช่น สนทะเล ก้ามปู ราชพฤกษ์ มะพร้าว ตาล มะละกอ

66.       พืชชนิดใดมีวงจรชีวิตในเวลา 2 ปี (ไม้ข้ามปี)

(1) อ้อย           (2) ดาวเรือง     (3) หอม           (4) มันสำปะหลัง

ตอบ 3 หน้า 121 พืชแบ่งตามลักษณะของการมีอายุได้เป็น 4 ชนิด คือ

1.         พืชที่มีช่วงอายุสั้นมาก และปีหนึ่งอาจเกิดได้หลายรุ่น (Ephemeral) เช่น ดาวเรือง บานชื่น แพงพวยฝรั่ง

2.         พืชทีมีวงจรชีวิตในเวลา 1 ปี หรือไม้ปีเดียว (Annual) เช่น อ้อย มันสำปะหลัง

3.         พืชที่มีวงจรชีวิตในเวลา 2 ปี หรือไม้ข้ามปี (Biennial) เช่น หอม กระเทียม ว่านต่าง ๆ

4.         พืชที่มีอายุนานกว่า 2 ปี หรือไม้หลายปี (Perennial) เช่น มะม่วง ทุเรียน

67.       พืชชนิดใดมีรากสังเคราะห์แสง

(1) มันสำปะหลัง         (2) กล้วยไม้     (3) ลิ้นจี่           (4) โกงกาง

ตอบ 2 หน้า 117 รากของพืชทุกชนิดมักจะเป็นทรงกระบอก โคนใหญ่ปลายเรียวเล็กลงทีละน้อย ไมมีข้อ ปล้อง ตา หรือบ และไมมีสีเขียว ยกเว้นรากสังเคราะห์แสง (Photosynthetic Root) เช่น รากกล้วยไม้ เป็นต้น

68.       พืชชนิดใดจัดเป็นพวก Hydrophyte

(1) กุหลาบหิน (2) มะขาม       (3) บัว  (4) เสมา

ตอบ 3 หน้า 122 พืชแบ่งตามลักษณะของแหลงกำเนิดและทื่อยูอาศัยได้เป็น 5 ประเภท คือ

1. Epiphyte หมายถึง พืชที่ขึ้นอยู่บนต้นไม้อื่นแต่ไมได้เบียดเบียนต้นไม้นั้น เช่น กล้วยไม้ และเฟิร์นบางชนิด

2. Parasite หมายถึง พืชที่ขึ้นอยู่บนต้นไม้อื่นแล้วเบียดเบียนต้นไม้นั้น เช่น กาฝาก ฝอยทอง ขนุนดิน ฤาษี        

3. Xerophyte หมายถึง พืชที่เกิดอยู่ในที่แห้งแล้งและมีนั้าน้อย เช่น กุหลาบหิน กระบองเพชร เสมา โบตั๋น

4.         Mesophyte หมายถึง พืชที่เกิดอยู่ในที่ที่มีนํ้าพอสมควร เช่น มะม่วง มะขาม ทุเรียน มังคุด

5.         Hydrophyte หมายถึง พืชที่อาศัยอยู่ในนั้า เช่น บัว ผักบุ้ง ผักตบชวา ผักกระเฉด

69.       ใบของพืชชนิดใดที่ช่วยทำหน้าที่ขยายพันธุ์

(1) กาบหอยแครง       (2) มันเทศ       (3) ต้นตายใบเป็น       (4) กล้วยไม้

ตอบ 3 หน้า 122 – 123231 ใบของพืชมีหน้าที่หลัก 3 ประการ คือ การสร้างอาหาร การหายใจ และการคายน้ำ นอกจากนี้แล้วใบของพืชบางชนิดยังอาจเปลี่ยนแปลงไปทำหน้าที่อย่างอื่น ซึ่งอาจเรียกว่าเป็นหน้าที่รอง หรือพืชบางชนิดอาจทำหน้าที่หลักและหน้าที่รองไปพร้อม ๆ กัน หรือทำหน้าที่เดียวอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ทำหน้าที่แพร่และขยายพันธุ์ ได้แก่ ต้นตายใบเป็น โคมญี่ปุน และเฟิร์นบางชนิด ช่วยป้องกันลำต้นและลดการคายนํ้า โดยการลดขนาดใบให้เล็กลง มีลักษณะเป็นหนาม และไม่มีปากใบ ได้แก่ พืชพวก Xerophyte เช่น เสมา กระบองเพชร กุหลาบหิน ฯลฯ

70.       พืชชนิดใดที่ฐานรองดอกเจริญไปเป็นเนื้อของผล

(1) แอปเปิล     (2) ทุเรียน        (3) มะม่วง       (4) ส้ม

ตอบ     1 หน้า 125 ฐานรองดอก (Receptacle) จะอยู่ที่ปลายสุดของก้านดอกเป็นส่วนสุดท้ายที่จะติดกับดอกเป็นแหล่งจ่ายอาหารไปยังอวัยวะส่วนอื่นของดอก เป็นฐานที่รองรับส่วนสร้างเซลล์เพศ ของดอกและในพืชบางชนิดอวัยวะส่วนนี้จะเจริญไปเป็นเนื้อของผล เช่น แอปเปิ้ล

71.       พืชชนิดใดมีลำต้นแบบ Stolon

(1) บัวบก        

(2) ผักบุ้ง         

(3) พลู 

(4) ตำลึง

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 65. ประกอบ

72.       Isotonic Solution หมายถึงอะไร

(1) สารละลายที่มีควมเข้มข้นน้อยกว่า          

(2) สารละลายที่มีความเข้มข้นสูงกว่า

(3)       สารละลายทีมีความเข้มข้นเท่ากัน       

(4) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 33 ศัพท์วิชาการที่เกียวข้องกับความเข้มข้นของสารละลาย ได้แก่

1. Hypertonic Solution หมายถึง สารละลายที่มีความเข้มข้นสูงกว่า หรือมีปริมาณของสาร มากกว่าปริมาณของนำ

2. Hypotonic Solution หมายถึง สารละลายที่มีความเข้มข้นน้อยกว่า หรือมีปริมาณของสารน้อยกว่าปริมาณของนํ้า

3.         Isotonic Solution หมายถึง สารละลายที่มีความเข้มข้นเท่ากัน

73.       สถานะของสารชนิดใดที่มีการแพรกระจายตํ่าสุด

(1)       ของเหลว         (2) ของแข็ง     (3) สารแขวนลอย        (4) ก๊าช

ตอบ 2 หน้า 32อัตราเร็วของการแพร่กระจายมีมากน้อยแตกต่างกันตามสถานะของสาร กล่าวคือสารที่มีสถานะเป็นก๊าชจะมีอัตราเร็วของการแพร่กระจายสูงสุด สารที่มีสถานะเป็นของเหลว จะมีอัตราเร็วรองลงมา และสารที่มีสถานะเป็นรองแข็งจะมีอัตราเร็วตํ่าสุด

74.       ข้อดจัดเป็นคารโบใฮเดรตที่มีโมเลกุลเล็กมาก

 (1) น้ำตาลกาแลคโตส            (2) น้ำตาลมอลโตส     (3) เด็กซทริน   (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 37 – 39, (คำบรรยาย) สารประกอบคาร์โบไฮเดรต แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ

1. Monosaccharide หรือ Simple Sugar เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มีโมเลกุลเล็กมาก หรือ ที่เรียกว่านํ้าตาลเชิงเดี่ยว ได้แก่ นํ้าตาลกลูโคส นํ้าตาลฟรุคโตส นํ้าตาลกาแลคโตส

2.         Disaccharide หรือ Double Sugar เป็นคาร์โบไอเดรตที่มีโมเลกุลคู หรือที่เรียกว่า น้ำตาลเชิงประกอบ ได้แก่ น้ำตาลทราย นํ้าตาลมอลโตส นํ้าตาลแลคโตส

3.         Polysaccharide เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มีโมเลกุลใหญ่มาก ได้แก่ แป้งไกลโคเจนในสัตว์ เซลลูโลส เด็กซทริน ไคติน

ข้อ 75. – 78. ให้ตอบคำถามจากตัวเลือกต่อไปนี้

(1)       วิตามิน A      (2) วิตามิน D (3) วิตามิน E  (4) วิตามิน K

75.       วิตามินในข้อใดช่วยป้องกันภารเป็นหมัน

ตอบ 3 หน้า 46, (คำบรรยาย) วิตามิน เป็นวิตามินที่ช่วยป้องกันการเป็นหมัน และช่วยทำให้ ตัวอ่อนเกาะติดผนังมดลูกได้เหนียวแน่นขึ้น ไม่ให้แท้งง่าย นอกจากนี้ยังมีบทบาทหน้าที่ เกี่ยวกับการยืดอายุเซลล์ สร้างความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง และเสริมประสิทธิภาพการทำงาน ของอวัยวะผลิตเซลล์เชื้อเพศ

76.       วิตามินในข้อใดช่วยควบคุมการดูดซึมของธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัสในร่างกาย

ตอบ 2 หน้า 46, (คำบรรยาย) วิตามิน เป็นวิตามินที่ทำหน้าที่ช่วยควบคุมการดูดซึมของธาตุแคลเซียม และฟอสฟอรัสในร่างกายสำหรับสร้างเนื้อเยื่อกระดูก ถ้าร่างกายขาดวิตามินนี้จะทำให้กระดูก อ่อนโค้งงอ กระดูกพรุน ฟันผุ กล้ามเนื้ออ่อนเปลี้ยและชักกระตุก แต่ถ้าร่างกายได้รับมากเกินไป จะทำให้กระดูกแกร่งและหักง่าย

77.       ถ้าขาดวิตามินในข้อใดจะทำให้โลหิตแข็งตัวช้า

ตอบ4 หน้า 46, (คำบรรยาย) วิตามิน เป็นวิตามินที่มีบทบาทหน้าที่สำคัญเกี่ยวข้องกับคุณภาพ ของเลือด (โลหิต) ก็คือ ทำให้นํ้าเลือดข้นเหนียวจนเกิดการไหลของเลือดช้าลง และทำให้เลือด แข็งตัวปิดปากแผลเพื่อป้องกันเลือดไหลออกมาภายนอกร่างกาย ซึ่งถ้าร่างกายขาดวิตามินนี้ จะทำให้เลือดแข็งตัวช้า เสียเลือดมาก หรือเลือดไหลหยุดช้าเมื่อเกิดบาดแผล

78.       วิตามินในข้อใด ถ้าได้รับไม่เพียงพอจะเกิดอาการตามัว มองไม่เห็นในที่แสงสลัว

ตอบ 1 หน้า 45 – 46, (คำบรรยาย) วิตามิน, A เป็นวิตามินที่มีบทบาทหน้าที่สำคัญเกี่ยวข้องกับสุขภาพของดวงตา และคุณภาพของการมองเหิน ซึ่งถ้าร่างกายได้รับวิตามินนี้ไม่เพียงพอ จะทำให้ตามัวและมองไม่เห็นในที่แสงสลัว (Night Blindness)

79.       ข้อใดจัดเป็น Disaccharide หรือ Double Sugar

(1)       น้ำตาลกลูโคส (2) นั้าตาลฟรุคโตส     (3) เซลลูโลส   (4) น้ำตาลทราย

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 74. ประกอบ

80.       คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม เมื่อเผาไหม้โดยสมบูรณ์ให้พลังงานความร้อนกี่กิโลแคลอรี

(1)       4.1 กิโลแคลอรี            (2) 5.1 กิโลแคลอรี      (3) 6.2 กิโลแคลอรี      (4) 7.3 กิโลแคลอรี

ตอบ 1 หน้า 39, (คำบรรยาย) ไลปิดหรือไขมัน เป็นสารอาหารที่ให้พลังงานมากที่สุดในปริมาณนํ้าหนัก ที่เท่ากันของสาร โดยไขมันจะให้พลังงานมากกว่าคาร์โบไฮเดรต กล่าวคือ ไขมัน 1 กรัม เมื่อเผาไหม้โดยสมบูรณ์แล้วจะให้พลังงานความร้อน 9.1 กิโลแคลอรี ในขณะที่คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม ให้พลังงานความร้อนเพียง 4.1 กิโลแคลอรีเท่านั้น

81.       Desoxyribose Nucleic Acid มีหน้าที่อะไร

(1)ถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากบรรพบุรุษไปยังลูกหลาน       

(2) สร้างโปรตีน

(3) ส่งเสริมและควบคุมการเจริญเติบโต         

(4) สร้างน้ำย่อยหรือเอนไซม์

ตอบ1 หน้า 43, (คำบรรยาย) DNA (Desoxyribose Nucleic Acid) หรือ Gene เป็นสารพันธุกรรมซึ่งมีหน้าที่สำคัญ 2 ประการ คือ 1. กำหนดลักษณะเฉพาะต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด หรือแต่ละหน่วยให้เป็นไปตามเผ่าพันธุ์ของตน และสามารถถ่ายทอดลักษณะทางพันธุ์กรรมนั้น จากบรรพบุรุษไปสู่ลูกหลานได้     2. ควบคุมกิจกรรมทุกประเภทที่เกิดขึ้นภายในเซลล์

82.       ออร์แกเนลล์ข้อใด มีหน้าที่เป็นที่เกิดกระบวนการหายใจระดับเซลล์

(1) ไลโซโซม (Lysosome)          

(2) แวคิวโอล (Vacuoles)

(3) ไมโตคอนเดรีย (Mitochondria)    

(4) พลาสติด (Plastids)

ตอบ 3 หน้า 52, (คำบรรยาย) ไมโตคอนเดรีย (Mitochondria) เป็นออร์แกเนลล์ที่ได้ชื่อว่าเป็นโรงงานผลิตไฟฟ้าของเชลล์” หรือเป็น แหล่งผลิตพลังงานให้แกเซลล์” (House of Power of the Cell) โดยจะทำหน้าที่สร้างเอนไซม์ที่ใช้ในกระบวนการหายใจระดับเซลล์หรือเผาผลาญ อาหารเพื่อให้เกิดพลังงานแกเซลล์ โดยเฉพาะเซลล์ที่มีกระบวนการทำงานสูง เช่น เซลล์ของตับ ไต และประสาท

83.       ออร์แกเนลล์ข้อใด ที่มีบทบาทในการสังเคราะห์แสง

(1)ไลโชโซม (Lysosome) (2) แวคิวโอล (Vacuoles)

(3) ไมโตคอนเดรีย (Mitochondria)    (4) พลาสติด (Plastids)

ตอบ 4 หน้า 53, (คำบรรยาย) พลาสติด (Plastids) เป็นออร์แกเนลล์ที่มีลักษณะเป็นเม็ดสาร และภายในมีสารที่ทำให้เกิดสีบรรจุอยู่ โดยเม็ดสารสีเขียวที่บรรจุอยู่ในคลอโรพลาสติด หรือคลอโรพลาสต์นั้นจะเรียกว่า คลอโรพิลล์” (Chlorophyll) ซึ่งเป็นสารที่มีบทบาทสำคัญ ในการสังเคราะห์แสงของพืช

84.       พืชใน Subdivision ใดที่มีผิวของลำต้นเป็นร่องยาวคล้ายลูกฟูก ผิวลำต้นหยาบเพราะมีสารพวกซิลิกา

(1)       ดิวิชันย่อยไลคอพซิดา (Subdivision Lycopsida)

(2)       ดิวิชันย่อยเทอรอพซิดา (Subdivision Pteropsida)

(3)       ดิวิชันย่อยไซลอพซิดา (Subdivision Psilopsida)

(4)       ดิวิชันย่อยสฟีนอพซิดา (Subdivision Sphenopsida)

ตอบ 4 หน้า 113 พืชในดิวิชันย่อยสฟีเนอพซิดา (Subdivision Sphenopsida) จะมีลักษณะคล้าย ต้นหญ้า มีข้อและปล้องชัดเจน ลำต้นมีทั้งส่วนที่อยู่บนดินและใต้ดิน ส่วนที่อยู่บนดินนั้น มีสีเขียวและภายในกลวง ผิวของลำต้นเป็นร่องยาวคล้ายลูกฟูก ผิวลำต้นหยาบเพราะ มีสารพวกซิลิกาประกอบอยู่ และใบมีลักษณะเป็นแผ่นเล็ก ๆ เกิดขึ้นเป็นวงรอบข้อ ได้แก่ หญ้าถอดปล้องหรือสนหางน้า (Horsetail)

85.       พืชชนิดใดมีรากสังเคราะห์แสง

(1) กระบองเพชร         (2) กุหลาบ      (3) กล้วยไม้     (4) จอก

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข่อ 67. ประกอบ

86.       พืชชนิดใดใบมีลักษณะเป็นแผ่นเล็ก ๆ เกิดขึ้นเป็นวงรอบข้อ

(1) หวายทะนอย         (2) หญ้าถอดปล้อง     (3) มอสส์         (4) เพิร์น

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 84. ประกอบ

87.       คลาสแองจิโอสเปอร์มี (Class Angiospermae) จัดอยู่ใน  Subdivision ใด

(1)       ดิวิชันย่อยไลคอพซิดา (Subdivision Lycopsida)

(2)       ดิวิชันย่อยเทอรอพซิดา (Subdivision Pteropsida)

(3)       ดิวิชันย่อยไซลอพซิดา (Subdivision Psilopsida)

(4)       ดิวิชันย่อยสฟีเนอพซิดา (Subdivision Sphenopsida)

ตอบ 2 หน้า 113 – 116 ดิวิชันย่อยเทอรอพซิดา (Subdivision Pteropsida) แบ่งออกเป็น 3 Class คือ

1.         คลาสฟิลิซินี (Class Filicinae)

2.         คลาสจิมโนสเปอร์มี (Class Gymnospermae)

3.         คลาสแองจิโอสเปอร์มี (Class Angiospermae) ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 Subclass คือ Subclass Monocotyledoneae และ Subclass Dicotyledoneae

88.       พืชชนิดใดมีใบอ่อนจะม้วนงอขดคล้ายลานนาฟิกา

(1) เฟิร์น          (2) มอสส์         (3) หญ้าถอดปล้อง     (4) หวายทะนอย

ตอบ 1 หน้า 113 เฟิร์น (Fern) จัดเป็นพืชในคลาสฟิลิซินี (Class Filicinae) ซึ่งมีลักษณะสำคัญ คือ

1.         อาคัยน้ำเป็นสื่อในการนำสเปิร์มว่ายเขาไปผสมกับไข่

2.         มีอับสปอร์รวมอยู่เป็นกลุ่มจำนวนมากติดอยู่ใตใบ

3.         เป็นพืชที่ยังไม่มีเมล็ด

4.         ช่วงชีวิตระยะ Gametophyte เป็นช่วงชีวิตอิสระที่มีอายุไม่นานนัก

5.         ใบอ่อนจะม้วนงอขดคล้ายลานนาฟิกา

89.       กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (Photosynthesis) เป็นวิวัฒนาการของเซลล์ในสมัยแรกเริ่มที่ปรับตัว ให้เหมาะสมกับสภาพแวดต้อมที่ขาดแคลนอาหาร เกิดขึ้นในลักษณะใด

(1)       บรรพบุรุษของพืชใช้แสงแดดเป็นแหล่งพลังงานอาหารได้โดยตรง โดยไม่ต้องมีกระบวนการใด ๆ

(2)       บรรพบุรุษของลัตว์อยู่ในที่แสงจ้าเพื่อรับแสงแดดเมื่อต้องการพลังงาน

(3)       สิ่งมีชีวิตบางชนิดใช้แสงกระตุ้นการสังเคราะห์กลูโคสจากน้ำและคาร์บอนไดออกไซด์

(4)       อาหารที่ได้จากกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงเกิดในบรรพบุรุษของพืชที่อยู่บนบกเท่านั้น

ตอบ 3 หน้า 26, (คำบรรยาย) กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (Photosynthesis) เป็นวิวัฒนาการ ของเซลล์ในสมัยแรกเริ่มที่ปรับตัวให้เหมาะสมกับสภาพแวดด้อมที่ขาดแคลนอาหาร ซึ่งเกิดขึ้น จากการที่สิ่งมีชีวิตบางชนิดที่เซลล์มีสารคลอโรฟิลล์ในการกักเก็บพลังงานจากแสงแดดเอาไว้ ได้ใช้พลังงานแสงกระตุ้นการสังเคราะห์อาหาร โดยนำเอาโมเลกุลของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไปรวมกับโมเลกุลของน้ำ  ซึ่งจะได้สารอาหารประเภทน้ำตาลกลูโคส (และเกิดก๊าซออกซิเจน เป็นผลพลอยได้

90.       คำกล่าวใดถูกต้องที่สุด

(1)       พารามีเซียม ตอบสนองต่อสิ่งเร้าโดยการพรางตัว

(2)       ยูกลีนา มีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่เกิดขึ้นพร้อมกันในโปรโตพลาสม์

(3)       อะมีบา ตอบสนองต่อสิ่งเร้าโดยใช้โครงสร้างคล้ายขนที่เรียกว่า ซิเลีย” ช่วยในการเคลื่อนที่

(4)       การตอบสนองต่อสิ่งเร้าไม่พบในสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวดังที่กล่าวมา

ตอบ 2 หน้า 98106195 – 196, (คำบรรยาย) การตอบสนองต่อสิ่งเร้าในสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำประเภทเซลล์เดียวซึ่งได้แก่ พวกโปรติสตา (Protista) เช่น ยูกลีนา อะมีบา พารามีเซียม จะเกิดขึ้นพร้อมกันในก้อนโปรโตพลาสม์ ส่วนการตอบสนองต่อสิ่งเร้าในสัตว์ชั้นสูงและ ในพืชทั่วไปนั้น จะมีโครงสร้างหรืออวัยวะที่ทำหน้าที่เป็นสัดส่วนแยกออกจากกัน

91.       เซลล์ประสาทส่งกระแสความรู้สึกออกจากเซลล์ทางใด

(1) เอนด์ เพลต            

(2) ไซแนปล์     

(3) เดนไดรต์    

(4) แอ็กซอน

ตอบ4 หน้า 64197 เซลล์ประสาท (Nerve Cell) แต่ละเซลล์ประกอบด้วย

1.         ตัวเซลล์ประสาท (Cell Body)

2.         แอ็กซอน (Axon) ทำหน้าที่ส่งกระแสความรู้สึกและคำสั่งออกจากตัวเซลล์ประสาท

3.         เดนไดรต์ (Dendrite) ทำหน้าที่รับกระแสความรู้สึกเข้าสู่ตัวเซลล์ประสาท

4.         เอนต์ เพลต (End Plate) เป็นเส้นใยละเอียดจำนวนมากที่แผ่อยู่ที่ปลายกิ่งแขนงของเซลล์ประสาท ทำหน้าที่เป็นตัวเกาะเกี่ยวประสานกับเอนด์ เพลต ของเซลล์ประสาทอื่น ๆ

92.       งูเขียวหางไหม้รับสัญญาณของเหยื่อโดยอาศัยหน่วยรับความรู้สึกที่เกี่ยวกับอุณหภูมิ เรียกหน่วยรับ ความรู้สึกนั้นว่า

(1) Chemoreceptor   

(2) Pressoreceptor    

(3) Thermoreceptor 

(4) Phonoreceptor

ตอบ 3 หน้า 196 ในกระบวนการรับความรู้สึก (Reception) มีอวัยวะที่เป็นหน่วยรับความรู้สึก ได้แก่

1.         Thermoreceptor เป็นอวัยวะที่รับความรู้สึกร้อนหรือเย็น (อุณหภูมิ) ได้แก่ ผิวหนัง

2.         Photoreceptor เป็นอวัยวะที่รับความรู้สึกเกี่ยวกับแสงสว่าง ได้แก่ ตา

3.         Pressoreceptor เป็นอวัยวะที่รับความรู้สึกสัมผัสและความเจ็บปวด ได้แก่ ผิวหนัง

4.         Chemoreceptor เป็นอวัยวะที่รับความรู้สึกด้านรสและกลิ่น ได้แก่ ลิ้น และจมูก

5.         Phonoreceptor เป็นอวัยวะที่รับความรู้สึกด้านเสียง ได้แก่ หู

93.       สัตว์บางชนิดสร้างสารเคมีที่เรียกว่า ฟีโรโมน (Pheromone) ช่วยให้มีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าอย่างไร

(1)       สุนัขเห่าหอนเมื่อได้ยินเสียงเพลงชาติจากเครื่องกระจายเสียง

(2)       นกเค้าแมวมองเห็นเหยื่อชัดเจนในเวลากลางคืน

(3)       การรวมฝูงของสัตว์ป่าเพื่อลงกินดินโป่ง

(4)       ปลวกเดินทางเป็นแถวเพื่อย้ายถิ่น

ตอบ 4 หน้า 209, (คำบรรยาย) ฟีโรโมน (Pheromone) เป็นสารอินทรีย์เคมีที่เซลล์ต่อมมีท่อ ในร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ภายนอกร่างกาย เพื่อการสื่อสารหรือส่งสาร ตัวอย่างของสารฟีโรโมนที่มีผลทางกลิ่นในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ได้แก่ กลิ่นตัวและกลิ่นเหงื่อ ของคน กลิ่นสาบของสัตว์ต่าง ๆ เช่น สุนัข ช้าง แมว แพะ แกะ วัว ควายการเดินตามกัน เป็นแถวของปลวกหรือมด เป็นต้น

94.       ต้นไทร เจริญบนต้นไม้อื่นและหยั่งรากลงสู่พื้นดิน การเจริญของรากไทรเป็นการเคลื่อนไหวเนื่องจากมีแรงโน้มถ่วงของโลกมากระตุ้น เรียกว่า

(1) Themotropism (2) Phototropism (3) Chemotropism (4) Geotropism

ตอบ 4 หน้า 200 Geotropism เป็นการเคลื่อนไหวตอบสนองภายนอกต้นพืชเนื่องจากการเจริญเติบโต โดยมีแรงดึงดูดของโลกเป็นสิ่งเร้า เช่น การเจริญของรากไทรจากยอดต้นไม้อื่นลงสู่พื้นดิน เป็นต้น

95.       ในกระบวนการแปลความหมายและสั่งการ ระบบประสาทส่วนกลางที่ทำหน้าที่ในกระบวนการนี้คือ

(1) เซลล์ประสาทส่งสัญญาณ            (2) ไขสันหลัง

(3) กล้ามเนื้อลาย        (4) ไมมีข้อใดถูก

ตอบ2  หน้า 197 กระบวนการแปลความหมายและสั่งการ (Modulation) เกิดขึ้นในขณะที่กระแสความรู้สึกจากเซลล์ประสาทวิ่งผ่านระบบประสาทส่วนกลางซึ่งประกอบด้วยไขสันหลัง (Spinal Cord) และสมอง (Brain) ทั้งไขสันหลังและสมองนี้จะประกอบด้วยกลุ่มเซลล์ประสาท ซึ่งมาอยู่รวมกันหนาแน่นเพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์ควบคุมกิจกรรมต่าง ๆ ของร่างกาย ทั้งด้าน นิสัย สัญชาตญาณ และเชาวน์ปฏิภาณ

96.       เมื่อเรามองเห็นอันตรายในเบื้องหน้าแล้วเดินหนีห่าง การตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่เกิดขึ้นในกระบวนการตอบโต้ (Effect) เกิดจากการทำงานขององค์ประกอบใด

(1)       กลามเนื้อ + Motor Neuron + ฮอร์โมน

(2)       ตา + ระบบประสาทส่วนกลาง + กล้ามเนื้อ

(3)       หน่วยรับความรูสึก + Motor Neuron + กล้ามเนื้อ

(4)       ตา + เซลล์ประสาท + ระบบประสาทส่วนกลาง + กล้ามเนื้อ

ตอบ 1 หน้า 197 – 198, (คำบรรยาย) กระบวนการตอบโต้ (Effect) เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง ระบบกล้ามเนื้อ เซลล์ประสาทสั่งการ (Motor Neuron) และระบบต่อมสร้างฮอร์โมน โดยการที่ Motor Neuron จะส่งกระแสคำสั่งจากระบบประสาทส่วนกลางมากระตุ้นให้หน่วยตอบสนอง หรือกล้ามเนื้อในบริเวณใกล้กับแหล่งรับความรู้สึกทำงานด้วยการหดตัวของเส้นใยกล้ามเนื้อ จึงทำให้เกิดการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การเดินหนีห่างจากอันตรายที่เรามองเห็น การวิ่งหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจของนักโทษหนีคดี เป็นต้น

97.       ข้อใดกล่าวถึงทฤษฎีวิวัฒนาการ การคัดสรรโดยธรรมชาติ” ของชาร์ลส์ ดาร์วิน ได้ถูกต้องที่สุด

(1)       ในการอยู่ร่วมกันเป็นสังคม ต้องมีทั้งผู้นำและผู้ตมซึ่งเกิดจากการคัดเลือกกันเองในหมู่สมาชิก

(2)       การคัดเลือกพันธุ์พืชที่ดีที่สุดมาปลูก ช่วยให้พืชมีอายุยืนยาวถึงลูกถึงหลาน

(3)       สัตว์ป่าตัวที่แข็งแรงจึงจะอยู่รอด มีอาหารและมีลูกหลานได้

(4)       ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ. 3 หน้า 212 – 213 ตามทฤษฎีวิวัฒนาการ การคัดสรรโดยธรรมชาติ” (Natural Selection;ของชาร์ลส์ ตาร์วิน กล่าวว่า ผู้ที่อ่อนแอไม่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมนั้นจะตายไป เหลืออยู่แต่ผู้ที่เหมาะสมที่สุดเท่านั้นจึงจะอยูรอด มีอาหาร และมีลูกหลานได้ โดยผู้ที่เหมาะสมกับ สภาพแวดล้อมนี้มักจะมีคุณลักษณะพิเศษที่ดีเดนแปลกไปจากผู้อี่น เมื่อมีลูกหลานก็จถ่ายทอดหรือสอนลักษณะนั้น ๆ สืบต่อกันไป เกิดเป็นพันธุ์ใหม่ที่ดีขึ้นมา

98.       ข้อใดคือหลักฐานทางบรรพชีวิน (Paleontology Evidence) ที่ใช้ศึกษาทางวิวัฒนาการ

(1)       ซากใบไม้ที่ทับถมกันในป่าพรุและยังไม่เกิดการย่อยสลาย

(2)       ซากนกทะเลที่ถูกคราบน้ำมันจากเรือสินค้า  

(3) ซากปลาทะเลที่กลายเป็นหิน

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 214 หลักฐานทางบรรพชีวิน (Paleontology Evidence) เป็นการศึกษาที่เกี่ยวกับซากเหลือของพืชและสัตว์ซึ่งเคยมีชีวิตอยู่ในสมัยดึกดำบรรพ์ เมื่อตายไปจะถูกกระทำโดย กระบวนการทางธรรมชาติจนซากนั้นกลายสภาพเป็นหิน เช่น ซากปลาทะเลที่กลายเป็นหิน เป็นต้น

99.       นกกระยางมีนิ้วเท้าเรียวยาว นกกานํ้ามีนิ้วเท้าแบนมีพังผืด และนกฮูกมีนิ้วเท้างองุ้มเล็บแหลมคม ความแตกต่างนี้เป็นการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตเพื่อเหตุผลใด

(1) การหาอาหาร         (2) การต่อสู้     (3) การผสมพันธุ์         (4) ทุกข้อที่กล่าวมา

ตอบ. 1 หน้า 228 – 230 การปรับตัวทางด้านรูปร่างของสิ่งมีชีวิตนั้น มีจุดมุ่งหมายสำคัญ 2 ประการ คือ

1.         เพื่อเอื้อประโยชน์ในการหาอาหาร เช่น นกกระยางมีนิ้วเท้าเรียวยาวเหมาะแก่การทรงตัวนกกาน้ำมีนิ้วเท้าแบนมีพังผืดนกฮูกมีนิ้วเท้างองุ้มเล็บแหลมคมไกมีเล็บเท้าใหญ่และแข็ง เหมาะแกการคุ้ยเขี่ย เป็นต้น

2.         เพื่อการป้องกันหรือหลบหลีกอันตรายจากศัตรู เช่น การมีหูและขาหลังที่ยาวของกระต่ายการมีเปลือก กระดอง เกล็ด ขนแข็ง ของหอย ปู เต่า นิ่ม และเม่นการมีสีคล้ายเปลือกไม้ ของผีเสื้อกลางคืน เป็นต้น

100.    พืชพวก Xerophyte มีการปรับตัวอย่างไรเพื่อช่วยลดการคายน้ำ ทำให้พืชสามารถอาคัยอยู่ในที่แห้งแล้งได้

(1) การลดขนาดใบให้เล็กลงมีลักษณะเป็นหนาม      

(2) มีปากใบจำนวนมากป้องกันการระเหยของนํ้า

(3)       มีระบบท่อลำเลียงน้ำที่ไม่พัฒนาดีนัก            

(4) ทุกข้อที่กล่าวมา

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 69. ประกอบ

BIO1001 ชีววิทยาเบื้องต้น ภาค 1/2555

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2555

ข้อสอบกระบวนวิชา BIO 1001 ชีววิทยาเบื้องต้น

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

1.         ระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์ เริ่มต้นที่

(1)       การตั้งสมมุติฐาน         (2) สร้างทฤษฎี

(3) การสังเกต ตรวจสอบ        (4) การเก็บรวบรวมข้อมูล

ตอบ 4 หน้า 2 กระบวนการหรือระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์เรียงตามทลำดับได้ดังนี้

1.         การเก็บรวบรวมข้อมูล 

2. การตั้งสมมุติฐาน    

3. การสังเกต ตรวจสอบ หรือทดลอง

4. การประมวลเป็นข้อสรุป      

5. การสร้างทฤษฎี

2.         ความรู้เกี่ยวกับเรื่องภาวะโลกร้อน หรือการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมของโลก เป็นความรู้ด้านใด

(1)       วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ 

(2) วิทยาศาสตร์กายภาพ

(3) วิทยาศาสตร์ชีวภาพ          

(4) วิวัฒนาการ

ตอบ 2 (คำบรรยาย) วิทยาศาสตร์กายภาพ (Physical Science) เป็นสาขาหนึงของวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ หรือวิทยาศาสตร์ธรรมชาติที่ศึกษาเกี่ยวกับสิ่งไม่มีชีวิต เพื่อให้เกิดความเข้าใจในการเปลี่ยนแปลง ของสิ่งแวดล้อมของโลก หรือความเป็นไปของธรรมชาติ เช่น การสังเกตและศึกษาเกี่ยวกับ ภาวะโลกร้อนธรณีวิทยา (แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด)อุทกวิยา (นํ้าท่วม)อุตุนิยมวิทยา (ประกาศคาดการณ์ลักษณะอากาศ การพยากรณ์อากาศ)ดาราศาสตร์ (ท้องฟ้า ดวงดาว) เป็นต้น

3.         ความรู้เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นวิทยาศาสตร์สาขาใด

(1)       วิทยาศาสตร์บริสุทธิ์    (2) วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ

(3) วิทยาศาสตร์ชีวภาพ          (4) วิทยาศาสตร์ประยุกต์

ตอบ 4 (คำบรรยาย) วิทยาศาสตร์ประยุกต์หรือวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี (Applied Science/Technology Science) เป็นวิทยาศาสตร์ที่ศึกษา วิเคราะห์ และวิจัยเรื่องราวของธรรมชาติ แล้วนำผลของความรู้นั้นไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อกิจกรรมเพื่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ เช่น แพทยศาสตร์ เภสัชศาสตร์ สัตวแพทยศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ การนำเอาพลังน้ำ พลังม พลังแสงแดด ไปแปรเป็นพลังงานไฟฟ้า เป็นต้น

4.         ข้อใดจัดเป็นสสาร

(1) พลังไฟฟ้า  (2) นํ้า  (3) พลังจิต      (4) พลังแม่เหล็ก

ตอบ 2 (คำบรรยาย) สสาร (Matter) คือ สรรพสิ่งต่าง ๆ ในโลกที่มีรูปทรงหรือตัวตน สัมผัสจับต้อง รับรู้ได้โดยประสาทรับรู้ มีนํ้าหนัก และต้องการที่อยู่อาศัย โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1.         สสารที่ไม่มีชีวิต เช่น ดิน น้ำ ลม อากาศ เครื่องจักร เป็นต้น

2.         สสารที่มีชีวิต เช่น ต้นไม้ สัตว์ เป็นต้น

5.         ความคิดแบบเป็นวิทยาศาสตร์นั้น ข้อใดมิน้ำหนักความสำคัญน้อยที่สุด

(1) สังเกตได้โดยมิติแห่งการรับรู้         (2) พิสูจน์กี่ครั้งก็ได้ผลเหมือนกัน

(3) อาศัยความเชื่อและศรัทธาเป็นปฐม          (4) คำนึงถึงเหตุและผลเป็นหลัก

ตอบ 3 หน้า 2, (คำบรรยาย) ขอบเขตของความเป็นวิทยาศาสตร์ มีดังนี้

1.         ต้องสามารถสังเกตได้โดยมิติแห่งการรับรู้ 2. ต้องสามารถพิสูจน์ทราบได้อย่างเป็นเอกภาพ ในทุกเมื่อ หรือพิสูจน์กี่ครั้งก็ได้ผลเหมือนเดิม 3. วิทยาศาสตร์ยังไมใช่ความจริงที่สมบูรณ์แท้ แต่เป็นข้อเท็จจริงที่ประกอบด้วยเหตุและผลที่มีโอกาสเป็นไปได้มากที่สุด

6.         ข้อใดมิได้จำกัดว่าเป็นเฉพาะสิ่งมีชีวิต

(1) Matter (2) Biota    (3) Organism     (4) Living Thing

ตอบ 1 (คำบรรยาย) ศัพท์คำว่า Living Thing, Biota และ Organism หมายถึง สิ่งมีชีวิต (ดูคำอธิบายข้อ 4. ประกอบ)

7.         ข้อใดจัดเป็นพลังงาน

(1) ความร้อน/เย็น        (2) อากาศ       (3) โทรทัศน์     (4) อาหาร

ตอบ 1 (คำบรรยาย) พลังงาน (Energy) คือ สรรพสิ่งต่าง ๆ ในโลกที่รับรู้ได้ แต่ไม่มีรูปทรงหรือตัวตน ไม่มีนํ้าหนัก และไม่ต้องการที่อยู่อาศัย เช่น แสงสว่าง อุณหภูมิ (ความร้อน/เย็น) กระแสลมหรือพลังลม แม่เหล็กไฟฟ้า พลังแม่เหล็ก พลังไฟฟ้า เป็นต้น

8.         การนำเอาพลังนํ้า พลังลม พลังแสงแดด ไปแปรเป็นพลังงานไฟฟ้า ต้องใช้ความรู้วิทยาศาสตร์สาขาใด

(1) วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ       (2) วิทยาศาสตร์กายภาพ

(3) วิทยาศาสตร์ประยุกต์        (4) วิทยาศาสตร์ชีวภาพ

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 3. ประกอบ

9.         หมู่หรือจำนวนของสิ่งมีชีวิตชนิดใดชนิดหนึ่ง เรียกว่า

(1) ประชากร (Population)      (2) ชนิดพันธุ์ (Species)

(3)       สังคม (Society)    (4) ชุมชน (Community)

ตอบ 2 หน้า 570, (คำบรรยาย) ชนิดพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต (Species) หมายถึง หมู่หรือจำนวนของ สิ่งมีชีวิตชนิดใดชนิดหนึ่ง หรือเป็นกลุ่มของสิ่งมีชีวิตพวกเดียวกัน โดยมีลักษณะสำคัญดังนี้

1.         มีรูปร่างลักษณะและการจัดระเบียบโครงร่างแบบเดียวกัน 2. มีวิถีการดำรงชีวิตเป็นไป ในรูปแบบเดียวกับ 3. มีการเพิ่มทวิจำนวน        4. สามารถสืบต่อเผ่าพันธุ์ของตนได้

5. ได้รับอิทธิพลจาก DNA หรือ Gene แต่ไม่ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของสิ่งแวดล้อม

10.       หน่วยที่เล็กที่สุดของสิ่งมีชีวิตคือข้อใด

(1)       นิวเคลียส       (2) ไมโทคอนเดรีย       (3) คลอโรพลาสต์        (4) เซลล์

ตอบ 4 หน้า 4648 เซลล์ (Cell) คือ ก้อนโปรโตพลาสม์ที่มีเยื่อบางห่อหุ้มอยู่ และถือว่าเป็น หน่วยโครงสร้างมูลฐานที่เล็กที่สุดของสิ่งมีชีวิต ซึ่งกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อการดำรงชีวิต จะเกิดขึ้นจากการทำงานภายในเซลล์นั้น

11.       คำว่า ประชากร’’ ทางชีววิทยา คือ 

(1) สิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลก   

(2)สิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่อาศัยในที่เดียวกัน          

(3) สิ่งมีชีวิตทุกชนิดในสิ่งแวดล้อมเดียวกัน

(4)สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน ที่อยู่ในที่เดียวกันในช่วงเวลาที่กำหนด

ตอบ 4 หน้า 5-671, (คำบรรยาย) ประชากร (Population) ทางชีววิทยา หมายถึง กลุ่มของสิ่งมีชีวิต ชนิดใดชนิดหนึ่งซึ่งมีความสัมพันธ์ต่อกันในสังคมหนึ่ง ๆ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า เป็นจำนวน รวมทั้งหมดของสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน และในช่วงเวลาที่กำหนด

12.       เสือ ผู้บริโภคที่กินสัตว์อื่น ๆ เป็นอาหาร นิสัยการกินของเสือจัดเป็น

(1)Omnivore     (2) Carnivore     (3) Insectivore  (4) Herbivore

ตอบ 2 หน้า 234, (คำบรรยาย) กลุ่มผู้บริโภค (Consumer) สามารถจำแนกออกตามลักษณะนิสัย การกินได้เป็น 3 พวก คือ

1.         Herbivore เป็นพวกที่กินพืชเป็นอาหาร เช่น หนอน แพะ วัว ควาย กระต่าย ฯลฯ

2.         Carnivore เป็นพวกที่กินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร เช่น เสือ สิงโต จระเข้ ฯลฯ

3.         Omnivore เป็นพวกที่กินทั้งพืชและเนื้อสัตว์เป็นอาหาร เช่น มนุษย์ สุนัข ฯลฯ

13.       บทบาทใดในสิ่งมีชีวิตที่ถือได้ว่าเป็นผู้ผลิตของระบบนิเวศ

(1)       เห็ดฟาง ถูกนำมาประกอบอาหารได้ จึงถือว่าเป็นผู้ผลิตที่สำคัญ

(2)       สาหร่ายพวกไดอะตอม สร้างอาหารจากกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงได้

(3)       ปลาเป็นผลผลิตอาหารประเภทโปรตีนที่สำคัญให้กับผู้บริโภค

(4)       แมลงหลายชนิด เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญสำหรับนกกินแมลง

ตอบ 2 หน้า 100233, (คำบรรยาย) ผู้ผลิต (Producer) เป็นสิ่งมิชีวิตที่สามารถสร้างอาหารขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง โดยการสังเคราะห์ด้วยแสง (Photosynthesis) หรือการสังเคราะห์เคมี (Chemosynthesis) ก็ได้ เช่น สาหร่ายพวกไดอะตอม พืฃผักสีเขียว หญ้า เป็นต้น

14.       Symbiosis เป็นการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิตในรูปแบบใด

(1) ไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบหรือเสียเปรียบกัน     (2) ถ้าขาดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้

(3)       อยู่ร่วมกับแบบฝ่ายหนึ่งได้รับประโยชน์          (4) อยู่แบบแก่งแย่งแข่งขัน

ตอบ 2 หน้า 76103 – 104, (คำบรรยาย) การอยู่ร่วมกับแบบต่างฝ่ายให้ประโยชน์แก่กัน (Mutualistic Symbiosis) หรือต้องอาศัยเกื้อกูลกัน ถ้าขาดฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดแล้ว ฝ่ายที่เหลือก็ไม่สามารถ จะดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเอง เช่น การอยู่ร่วมกันของแอลจีกับฟังไจในไลเคน หรือแบคทีเรีย ที่ทำให้เกิดการย่อยของกากอาหารในลำไส้ของคน เป็นต้น

15.       แบคทีเรียพวก อี โคไล (E. coli) ในสำไส้ของคน ทำให้เกิดการยอยของกากอาหาร คนและแบคทีเรีย ถือว่าเป็นการอยู่ร่วมกันแบบใด

(1) Competition (2) Parasitism  (3) Neutralism  (4) Symbiosis

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 14. ประกอบ

16.       หน้าที่ของ Denitrifying bacteria ที่พบในวัฎจักรไนโตรเจน คือ

(1)       เปลี่ยนแปลงสารประกอบไนเตรท สลายเป็นก๊าซไนโตรเจน

(2)       เปลี่ยนแปลงก๊าซไนโตรเจนเป็นสารไนเตรท

(3)       เปลี่ยนก๊าซแอมโมเนียเป็นสารไนเตรท          

(4) เปลี่ยนก๊าซไนโตรจนเป็นสารในไตรท์

ตอบ 1 หน้า 7489 วัฏจักรไนโตรเจน เป็นการหมุนเวียนของก๊าซไนโตรเจนในอากาศ โดยอาศัยการทำงานของแบคทีเรียอยู่ 4 ชนิด ได้แก่      

1. Decomposing bacteria มีหน้าที่ทำให้ซากพืชซากสัตว์เกิดการเน่าเปื่อยกลายเป็นก๊าซแอมโมเนีย     

2. Nitrifying bacteria

มีหน้าที่เปลี่ยนก๊าซแอมโมเนียให้เป็นสารประกอบไนเตรท    

3. Denitrifying bacteria มีหน้าที่เปลี่ยนสารประกอบไนเตรทให้สลายตัวเป็นก๊าซไนโตรเจนกลับคืนสู่อากาค

4.         Nitrogen-fixing bacteria มีหน้าที่เปลี่ยนก๊าซไนโตรเจนในอากาศให้เป็นสารประกอบไนเตรท ซึ่งเป็นรูปที่พืชสามารถนำไปใช้ได้

17. การทำปุ๋ยหมักจากพืชสด จำเป็นต้องอาศัยการทำงานของสิ่งมีชีวิตกลุ่มใด

(1) Carnivore     (2) Decomposer        

(3) Producer      (4) Herbivore

ตอบ 2 หน้า 26234, (คำบรรยาย) กลุ่มผู้ย่อยสลายทำลาย (Decomposer) มีการดำรงชีพแบบ Saprophytism นั่นคือ การกินซากของเสียหรือซากสิ่งมีชีวิตอนพี่ตายแล้ว โดยการผลิตเอนไซม์ ออกมาทำการย่อยสลายซากสิ่งมีชีวิต ของเสีย ขยะมูลฝอย และกากอาหาร ให้ยุบย่อยสลายตัว กลายเป็นปุ๋ยหมัก อันมีธาตุพื้นฐานที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งสิ่งมีชีวิตในกลุ่มนี้ ได้แก่ เห็ด เชื้อรา และแบคทีเรีย

18.       สัตว์ในกลุ่มใดที่มีชีวิตอยู่เฉพาะในนํ้าเค็ม

(1) หนอนตัวแบน         (2) ฟองนํ้า       (3) หอย           (4) ปลาดาว

ตอบ 4 หน้า 136, (คำบรรยาย) สัตว์กลุ่มหอยเม่น ปลาดาว ปลิงทะเล ทากทะเล (Phylum Echinodermata) มีลักษณะสำคัญ คือ 1. ทุกชนิดเป็นสัตว์ที่มีชีวิตอยู่เฉพาะในนํ้าเค็ม ตลอดชีวิต    2. ผิวเปลือกหุ้มร่างกายเป็นสารประเภทหินปูน       3. ไม่มีแกนลำตัว รวมทั้งไม่มีระบบหมุบเวียนโลหิตและระบบขับถ่ายที่ชัดเจน แต่มีระบบพิเศษทดแทนคือ ระบบท่อนํ้า

19.       ข้อใดจัดเป็นสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ

(1) ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยจากควันรถ          (2) แร่ธาตุในพื้นดิน

(3) อุณหภูมิรอบ ๆ ตัวเรา        (4) พารามีเซียมในน้ำสีย

ตอบ 3 หน้า 79, (คำบรรยาย) สิ่งแวดล้อม แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ        1. สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ(Physical Environment) หรือสิ่งแวดล้อมที่ไม่มีชีวิต เช่น ดิน นํ้า อากาศ แสงสว่าง อุณหภูมิ ฯลฯ

2.         สิ่งแวดล้อมทางชีวภาพ (Biological Environment) หรือสิ่งแวดล้อมที่มีชีวิต เช่น พืช สัตว์ แบคทีเรีย จุลินทรีย์ ฯลฯ

20.       กระบวนการใดต่อไปนี้ช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศลงได้

(1) การหายใจของพืช  (2) การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืซ

(3) กระบวนการย่อยสลายสารอินทรีย์            (4) กระบวบการเผาไหม้ในเครื่องยนต์

ตอบ 2 หน้า 26 – 2738, (คำบรรยาย) กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช (Photosynthesis) ถือเป็นการปรับตัวเพื่อหลีกเลี่ยงสภาพการขาดแคลนอาหารของสิ่งมีชีวิตแรกเริมที่เป็นบรรพบุรุษของพืช โดยพืชนำเอาพลังงานแสงมาใช้สร้างสารอาหารประเภทนํ้าตาลกลูโคส ด้วยปฏิกิริยาระหว่างก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กับนํ้าและเกิดก๊าซออกซิเจนเป็นผลพลอยได้ ซึ่งจากปฏิกิริยาของกระบวนการนี้ จะช่วยทำให้ชั้นบรรยากาศของโลกได้รับก๊าซออกซิเจนมากขึ้นจนเหมาะสมต่อการดำรงชีวิต และยังช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในบรรยากาศที่เป็นสาเหตุของการเกิดปัญหาสภาวะโลกร้อนในปัจจุบันอีกด้วย

21.       แหล่งที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตในนํ้า คือข้อใด

(1) Atmosphere 

(2) Lithosphere        

(3) Terrestrial Habitat 

(4) Marine Habitat

ตอบ 4 หน้า 79, (คำบรรยาย) แหล่งที่อยู่อาศัย (Habitat) ที่ประกอบขึ้นมาเป็นโลก มีอยู่ 2 ส่วน คือ

1.         Hydrosphere คือ แหล่งอาศัยที่เป็นนํ้า ซึ่งแบ่งออกเป็นแหล่งอาศัยที่เป็นนํ้าจืด (Freshwater Habitat), แหล่งอาศัยที่เป็นนํ้าเค็ม (Marine / Oceanic / Maritime Habitat) และแหล่งอาศัย ที่เป็นนํ้ากร่อย (Estuarine Water Habitat) 2. Lithosphere คือ แหล่งอาศัยที่เป็นพื้นผิวดิน หรือแหล่งอาศัยที่เป็นบก (Terrestrial / Land Habitat)

22.       สัตว์น้ำชนิดใดมักอยู่อาศัยตามหาดโคลน

(1)       หอยนางรม      (2) หอยแครง   (3) หอยลาย    (4) ปลาหมึก

ตอบ 2 (คำบรรยาย) หาดโคลน (Mud Flat) มักพบอยู่ใกล้กับบริเวณแม่นํ้าสายใหญ่ เมื่อตะกอนดิน จากแผ่นดินถูกน้ำกัดเซาะละลายไปตามลำคลองหรือแม่นํ้าไหลลงสู่ทะเลแล้วตกตะกอนลง ณ บริเวณปากแม่นํ้าเกิดเป็นลานโคลนหรือเลนขึ้น เวลานํ้าทะเลขึ้นจะถูกท่วมจนมิดลาน เมื่อนํ้าลงจะปรากฏขึ้นเป็นลานกว้าง แต่อาจมีแอ่งนํ้าขังอยู่บ้างเล็กน้อย และด้วยความอุดมสมบูรณ์ ของธาตุอาหารในตะกอนดินที่มีการทับถมกันและระดับน้ำทะเลหรือนํ้ากร่อยที่พอเหมาะ หาดโคลนจะมีพรรณไม้ราบลุ่มป่าชายเลนขึ้นตามธรรมชาติ และพบสัตว์นํ้าที่มักอยู่อาศัย ตามหาดโคลน เช่น หอยแครง เป็นต้น

23.       คุณสมบัติของสิ่งมีชีวิตในลักษณะใดที่ไม่พบในระบบนิเวศแบบทะเลทราย

(1) พืชมีใบเป็นหนามเพื่อลดการคายนํ้า         (2) สัตว์มักออกหากินในเวลากลางคืน

(3) พืชเปิดปากใบตลอดเวลาเพื่อลดอุณหภูมิในใบ    (4) สัตว์มักไม่กินนํ้า

ตอบ 3 หน้า 83 – 84 คุณสมบัติของสิ่งมิชีวิตที่พบในระบบนิเวศแบบทะเลทราย (Desert) มีดังนี้

1.         พืชจะเปลี่ยนแปลงจากใบเป็นหนาม เพื่อทำหน้าที่ป้องกันตัวและลดการสูญเสียน้ำออกจากลำต้น

2.         การเจริญเติบโตเพื่อการขยายพันธุ์ของพืชเป็นไปอย่างรวดเร็ว

3.         สัตว์มักจะไม่กินนํ้า รวมทั้งร่างกายยังปรับตัวในด้านต่าง ๆ เพื่อสงวนนํ้าในตัวไว้

4.         สัตว์มักจะอาศัยอยู่ในโพรงหรือในรู และมักจะออกหากินในเวลากลางคืน ซึ่งมีอุณหภูมิต่ำกว่า และมีความชื้นนมากกว่าเวลากลางวัน

24.       Ecology เป็นศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับอะไร

(1) ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิต       (2) ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิต

(3) ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับไม่มีชีวิต            (4) ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวดล้อมทางนํ้ากับทางดิน

ตอบ 3 หน้า 179, (คำบรรยาย) นิเวศวิทยา (Ecology) เป็นศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งในทางชีววิทยาแบ่งสิ่งแวดล้อมออกเป็น 2 ประเภท คือ สิ่งแวดล้อมทางกายภาพหรือสิ่งแวดล้อมที่ไม่มีชีวิต และสิ่งแวดล้อมทางชีวภาพหรือ สิ่งแวดล้อมทีมีชีวิต (ดูคำอธิบายข้อ 19. ประกอบ)

25.       บริเวณใดเป็นแหล่งที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุดของมหาสมุทร

(1) ก้นมหาสมุทร         (2) ที่ราบชั้นบาดาล     (3) ลาดทวีป    (4) ไหล่ทวีป

ตอบ 4 หน้า 79, (คำบรรยาย) ไหล่ทวีป (Continental Shelf) เป็นแหล่งอาศัยนํ้าเค็มที่มีรูปร่าง คล้ายอ่างหรือกระทะที่ลาดลงจากชายฝั่งทีละน้อย ๆ และเป็นบริเวณที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ อย่างอุดมสมบูรณ์มาก จึงนับว่าเป็นแหล่งอาศัยนํ้าเค็มที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจด้าน การประมง เช่น บริเวณอ่าวไทย เป็นต้น

26.       สิ่งมีชีวิตในข้อดมีการดำรงชีวิตเป็น Benthos

(1) สาหร่ายสีแดง        (2) ปลาหมึก    (3) กุ้ง  (4) ปลาวาฬ

ตอบ 3 หน้า 80, (คำบรรยาย) สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในน้ำ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ

1.         แพลงก์ตอน (Plankton) เป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นทั้งพืซและสัตว์ มีขนาดเล็ก อาศัยและหากิน อยู่ในบริเวณใกล้ผิวหน้านํ้า ไม่สามารถว่ายน้ำได้ เช่น สาหร่าย สวะ ผักตบ ไรนํ้าตาล ฯลฯ

2.         เนคตอน (Nekton) เป็นสัตว์ที่ดำรงชีวิตอยู่ในเนื้อนํ้าตํ่าลึกลงไปกว่าผิวนํ้า และสามารถ ว่ายนํ้าได้เองโดยอิสระ เช่น ปลาวาฬ ปลาโลมา ปลาฉลาม ฯลฯ

3.         เบนธอส (Benthos) เป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นทั้งพืซและสัตว์ที่อาศัยอยู่ได้ทั้งในนํ้าจืดและนํ้าเค็ม โดยการเกาะยึดกับวัตถุที่อยู่ในเนื้อนํ้าหรืออยู่บริเวณดินใต้ท้องนํ้า เช่น กุ้ง หอย ปู ฯลฯ

27.       องค์ประกอบหลักของนํ้าทะเลคือธาตุใด

(1)       S         (2) Cl  (3) Na         (4) P

ตอบ 2 (คำบรรยาย) องค์ประกอบหลักของนํ้าเค็ม (นํ้าทะเล) คือ ธาตุคลอริน (Cl ซึ่งเป็นแร่ธาตุ ที่มีลักษณะเป็นเกลือแร่ เรียกว่า หมู่ธาตุคลอไรด์” เช่น เกลือโซเดียมคลอไรด์ โพแทสเซียมคลอไรด์ และแคลเซียมคลอไรด์ เป็นต้น

28.       ประเทศไทยและหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีสภาพป่าที่จัดอยู่ในเขตใด

(1)       เขตทุ่งหญ้า     (2) เขตดิบชื้น  (3) เขตทุนดรา (4) เขตป่าสน

ตอบ 2 หน้า 82 – 83. (คำบรรยาย) เขตป่าดงดิบ ป่าดิบชื้น ป่าร้อนชื้น หรือป่าฝนเขตร้อน(Tropical Rain Forest) เป็นบริเวณที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรของโลก มีความชื้นสูง มีปริมาณ นํ้าฝนมากที่สุดโดยเฉลี่ยตลอดปีประมาณ 80 – 90 นิ้ว มีต้นไม้ขนาดสูงใหญ่จำนวนมาก และเป็นบริเวณที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างหนาแน่น ซึ่งเขตภูมิประเทศแบบนี้จะพบมาก ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (เช่น ประเทศไทย) เอเชียใต้ แอฟริกากลาง อเมริกากลาง และอเมริกาใต้

29.       นักวิทยาคาสตร์ผู้เสนอให้มีการตั้งชื่อสิ่งมีชีวิตเป็นแบบ Binomial Nomenclature คือ

(1) Aristotle       (2) Linnaeus      (3) Pasteur         (4) Miller

ตอบ 2 หน้า 92 Carolus Linnaeus เป็นผู้เสนอให้มีระบบการตั้งชื่อสกุลและชื่อชนิดของสิ่งมีชีวิต แบบ Binomial Nomenclature ซึ่งเรียกว่า ชื่อวิทยาศาสตร์ (Scientific Name) โดยกำหนดว่า สิ่งมีชีวิตใดที่มีความสัมพันธ์ใกล้เคียงกับมากก็ให้ใช้ชื่อเดียวกัน และต้องมีชื่อขนิดของสิ่งมีชีวิต กำกับไว้ด้วย จึงทำให้ชื่อของสิ่งมีชีวิตประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ชื่อสกุล และชื่อขนิด

30.       ข้อใดเขียนชื่อของพืช จำปา ตามหลักการเขียนชื่อวิทยาศาสตร์ ได้ถูกต้อง

(1) Michelia champaca     (2) Michelia chompoco

(3) Michelia Champaca    (4) michelia champaca

ตอบ 2 หน้า 92 – 93 ในการเขียนชื่อวิทยาศาสตร์ (Scientific Name) ให้ขึ้นต้นชื่อสกุลด้วยตัวพิมพใหญ่ หรือตัวเขียนใหญ่ นอกจากนั้นใช้อักษรตัวเล็กทั้งหมด และมักจะถูกพิมพ์ด้วยตัวเอน เช่น ชื่อวิทยาศาสตร์ของจำปา คือ Michelia champaca, ชื่อวิทยาศาสตร์ของคน คือ Homo sapiens เป็นต้น

31.       ตามหลักการจัดหมวดหมู่สิ่งมีชีวิต อะมีบา (Amoeba) จัดเป็นสิ่งมีชีวิตพวกใด

(1) สัตว์ชั้นตํ่าขนาดเล็ก           

(2) โปรโตซัว

(3) ไลเคน        

(4) ฟังไจ

ตอบ 2 หน้า 106 อะมีบา (Amoeba) จัดเป็นสิ่งมีชีวิตพวกโปรโตซัว (Phylum Sarcodina)ที่มีการเคลื่อนที่แบบ Amoeboid Movement ซึ่งเป็นการเคลื่อนที่โดยการไหลของ โปรโตพลาสด์ซึ่งจะยื่นเป็นกิ่งหรือขาเทียมออกไปใบทิศทางที่ต้องการ

32.       แบคทีเรียที่มีรูปร่างกลม ควรมีชื่อเรียกว่า

(1) Coccus (2)Bacillus          (3)Spirillum       (4)Rod shape

ตอบ 1 หน้า 94 – 95 แบคทีเรีย (Bacteria) มีเซลล์ที่มีขนาดเล็กมากและมีรูปร่างหลายแบบ โดยแบบที่สำคัญ คือ            1. Coccus เป็นแบคทีเรียที่มีรูปร่างกลม

2.         Bacillus เป็นแบคทีเรียที่มีรูปร่างเป็นท่อนทรงกระบอก

3.         Spirillum เป็นแบคทีเรียที่มีรูปร่างเป็นแท่งยาวโค้ง

33.       ข้อใดคือลักษณะของสิ่งมีชีวิต กลุ่มแอลจี (Algae)

(1) ไม่สร้างนิวเคลียส  (2)       เซลล์เป็นเส้นใย           (3) มีสารคลอโรฟิลล์   (4)       มีท่อลำเลียงนํ้า

ตอบ 3 หน้า 98 แอลจึ (Algae) เป็นโปรติสต์ที่มีลักษณะคล้ายพืซ (Plant-like protist) ทั้งนี้เพราะ ภายในเซลล์มีสารคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) รวมกันอยู่เป็นก้อนเรียกว่า คลอโรพลาสต์ (Chloroplas) ซึ่งมีความสามารถสร้างอาหารได้โดยวิธีการสังเคราะห์ด้วยแสง โดยโปรติสต์ พวกแอลจีนี้พบทั้งในน้ำทะเล นํ้าจืด และในที่ที่มีความชื้นสูงทั่วไป

34.       ข้อใดคือลักษณะของสิ่งมีชีวิตพวกฟังไจ (Fungi)

(1) อยู่รวมกันเป็นเส้นใย         (2)       เซลล์ไม่มีนิวเคลียส     (3) มีสารคลอโรฟิลล์   (4)       ผิดทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 102 – 103, (คำบรรยาย) ฟังไจ (Fungi) เป็นโปรติสต์ใน Phylum Eumycophytaอาจมีเพียงเซลล์เดียวหรืออยู่รวมกันเป็นเส้นใยเรียกว่า ไฮฟา (Hypha) ภายในเซลล์จะมีนิวเคลียส แต่จะไม่มีสารคลอโรฟิลล์ จึงไม่อาจสร้างอาหารโดยวิธีการสังเคราะห์ด้วยแสงได้ต้องใช้อาหาร จากแหล่งอื่น โดยการดำรงชีวิตมีทั้งแบบที่หากินอย่างอิสระและแบบที่เป็นปรสิตอาศัยอยู่ได้ทั่วไป เช่น ราดำที่ขึ้นบนขนมปัง เห็ดชนิดต่าง ๆ (เช่น เห็ดนางฟ้า เห็ดฟาง) เป็นต้น

35.       ปรากฏการณ์ ‘‘Red Tide” ทำให้ระบบนิเวศทางนํ้าเสียสมดุล เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในนํ้า เกิดจากสาเหตุใด

(1)       โรงงานย้อมผ้าปล่อยสีออกมา

(2)       การขยายพันธุของโปรโตซัว (Protozoa) อย่างรวดเร็ว

(3)       การขยายพันธุ์ของแอลจีสีแดง (Red Algae) อย่างรวดเร็ว

(4)       การขยายพันธุของแอลจีไดโนแฟลกเจลเลท (Dinoflagellate) อย่างรวเร็ว

ตอบ 4 หน้า 100 แอลจีไดโนแฟลกเจลเลท (Dinoflagellate Algae) เป็นแอลจีที่ภายในเซลล์มีสารสีส้มแดงปนอยู่ อาศัยอยู่ทั้งในนํ้าจืดและนํ้าเค็ม โดยบางชนิดสามารถขยายพันธุ์ด้วยการ แบ่งเซลล์อย่างรวดเร็วและปล่อยสารพิษจากตัวออกสู่นํ้า ทำให้น้ำเปลี่ยนเป็นสีแดงและมิพีษ ทำให้ระบบนิเวศทางนํ้าเสียสมดุล เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในนํ้าเป็นอย่างมาก ซึ่งปรากฏการณ์ เช่นนี้เรียกว่า “Red Tide”

36.       สัตว์ในข้อใดที่มีวิวัฒนาการล้าหลังที่สุด

(1) ปลาดาว     (2) ฟองนํ้า       (3) พยาธิไส้เดือน        (4) พยาธิใบไม้

ตอบ 2 หน้า 129 – 131, (คำบรรยาย) สัตว์ทีมีวิวัฒนาการล้าหลังที่สุด คือ ฟองนํ้า (Phylum Porifera) รองลงมาได้แก่ ไฮดรา กะพรุน และปะการัง (Phylum Coelenterata)

37.       สัตว์ต่อไปนี้ แบ่งออกได้เป็นกี่ไฟลัม (Phylum) ปะการังพยาธิไส้เดือนปลาหมึกยักษ์ปลานิล,ปูทะเลปลาฉลาม

(1) 1ไฟลัม       (2) 3ไฟลัม       (3) 5ไฟลัม       (4) 6ไฟลัม

ตอบ 3 หน้า 130 – 131133 – 134136 – 138, (คำบรรยาย) จากตัวอย่างสัตว์ตามโจทย์นั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ไฟลัม (Phylum) คือ

1.         Phylum Coelenterata ได้แก่ ไฮดรา กะพรุน และปะการัง

2.         Phylum Nematoda ได้แก่ หนอนตัวกลม เช่น พยาธิไส้เดือน เป็นต้น

3.         Phylum Mollusca ได้แก่ หอยฝาเดียว หอยสองฝา ปลาหมึก ปลาหมึกยักษ์ เป็นต้น

4.         Phylum Arthropoda ได้แก่ กุ้ง ปูทะเล ปู ตะขาบ แมงมุม แมงดาทะเล เป็นต้น

5.         Phylum Chordata ได้แก่ ปลานิล ปลาฉลาม ปลาวาฬ งูดิน สัตว์ปีก (เช่น นก) มนุษย์ เป็นต้น

38.       สัตว์ในข้อใดอยู่ในไฟลัม อาร์โทรโปดา (Arthropoda)

(1)       แมงมุมกับหอยแครง   (2) ปลาดาวกับหอยเม่น (3) ตะขาบกับปู       (4) กุ้งกับปลาฉลาม

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 37. ประกอบ

39.       ข้อใดเป็นลักษณะพิเศษของไฟลัม คอร์ดาตา (Chordata)

(1) มีสารไคติน (Chitin) เป็นโครงร่าง         (2) มีโครงร่างแข็งแรงป็นสารหินปูน

(3) มีระบบประสาทเจริญดีมาก          (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 136 – 137 กลุ่มสัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง (Phylum Chordata) มีลักษณะพิเศษเฉพาะ คือ

1.         ในระยะที่เป็นตัวอ่อน (Embryo) จะมีกลุ่มเซลล์ประกอบกับขึ้นเป็นแท่งทอดตามแนวสันหลัง เรียกแท่งนี้ว่า Notochord

2.         มีร่อง Gill อยู่ทางด้านหัว ในระยะที่ยังเป็นตัวอ่อนทำหน้าที่สำคัญเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนก๊าซ

3.         มีระบบประสาทเจริญดีมาก เส้นไขประสาททอดอยู่ตามแนวส้นหลังเหนือ Notochord

40.       มนุษย์จัดเป็นสัตว์ที่อยู่ใน Phylum เดียวกับสัตว์ชนิดใด

(1) ปลาฉลาม  (2) ปลาวาฬ    (3) นก (4) ทุกข้อที่กล่าวมา

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 37. ประกอบ

41.       พืชขนิดใดจัดอยู่ใน Division Bryophyta

(1) หวายทะนอย         

(2) หญ้าถอดปล้อง     

(3)       มอสส?            

(4)       เฟิร์น

ตอบ 3 หน้า 108 – 110, (คำบรรยาย) พืชในดิวิชันไบรโอไฟตา (Division Bryophyta) เป็นพืชที่มีขนาดเล็ก แต่ยังไม่มีเนื้อเยื่อลำเลียงนํ้าและอาหาร รวมทั้งไม่มีราก ลำต้น และใบที่แท้จริง และมักจะขึ้นอยู่ในบริเวณที่มีความชื้นสูงและอากาศเย็น จึงนับว่าเป็นพืช ที่มีวิวัฒนาการล้าหลังที่สุด ซึ่งพืชในดิวิชั่นนี้แบ่งออกเป็น 2 คลาส ได้แก่

1.         คลาสเฮพาทิชี (Class Hepaticae) เรียกว่า ลิเวอร์เวิร์ต (Live;rwort) เป็นพืชที่มีลักษณะ เป็นแผ่นแบบบางสีเขียว

2.         คลาสมอสไซ (Class Musci) เรียกว่า มอสส์ (Moss) เป็นพืชที่มีลักษณะเล็ก ขึ้นรวมกัน อยู่อย่างหนาแน่นจนมีลักษณะคล้ายพรมกำมะหยี่

42.       พืชชนิดใดจัดอยู่ใน Subdivision Psilopsida

(1) หวายทะนอย         (2) หญ้าถอดปล้อง     (3)       มอสส์  (4)       เพิร์น

ตอบ 1 หน้า 111 – 112 พืชในดิวิชั่นย่อยไซลอพซิดา (Subdivision Fsilopsida) จะมีระบบท่อ ลำเลียงอยู่เฉพาะในสวนของลำต้นเท่านั้น มีอวัยวะที่ใช้ยึดเกาะและดูดน้ำเรียกว่า Rhizoid รวมทั้งพืชเหล่านี้ยังไม่มีใบแผ่เป็นแผ่นกว้าง แต่มีลักษณะเป็นแผ่นเกล็ดเล็กและบางติดอยู่ตามลำต้นเป็นระยะ ๆ มีการแตกกิ่งของลำต้นเป็นแบบ Dichotomous Branching และมี เซลล์สืบพันธุ์เป็นเม็ดกลมเรียกว่า สปอร์ (Spore) ซึ่งพืชที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ ได้แก่ หวายทะนอย (Psilotum) และ Tmesipteris

43.       พืชชนิดใดจัดอยู่ใน Subdivision Sphenopsida

(1) หวายทะนอย         (2) หญ้าถอดปล้อง     (3) มอสส์         (4) เฟิร์น

ตอบ 2 หน้า 113 พืชในดิวิชั่นย่อยสฟินอพซิดา (Subdivision Sphencpsida) จะมีลักษณะคล้าย ต้นหญ้า มีข้อและปล้องชัดเจน ลำต้นมีทั้งส่วนที่อยู่บนดินและใต้ดิน ส่วนที่อยู่บนดินนั้นมีสีเขียว และภายในกลวง ผิวของลำต้นเป็นร่องยาวคล้ายลูกฟูก ผิวลำต้นหยาบเพราะมีสารพวกซิลิกา ประกอบอยู่ และใบมีลักษณะเป็นแผ่นเล็ก ๆ เกิดขึ้นเป็นวงรอบข้อ ซึ่งพืซที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ ได้แก่ หญ้าถอดปล้องหรือสนหางม้า (Horsetail)

44.       ต้นสามร้อยยอด จัดอยู่ใน Subdivision ใด

(1)       ดิวิชั่นย่อยไซลอพซิดา (Subdivision Psilopsida)

(2)       ดิวิชั่นย่อยสฟินอพซิดา (Subdivision Sphenopsida)

(3)       ดิวิชั่นย่อยเทอรอพซิดา (Subdivision Pteropsida)

(4)       ดิวิชั่นย่อยไลคอพซิดา (Subdivision Lycopsida)

ตอบ 4 หน้า 112 – 113 พืชในดิวิขันย่อยไลคอพซิดา (Subdivision Lycopsida) มีชื่อสามัญว่า Club Moss เป็นพืซที่ขึ้นรวมอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่ม มีใบเป็นแผ่นเล็ก ๆ ขึ้นรอบลำต้น ลำต้นมี ทั้งส่วนที่อยู่ใต้ดินและส่วนเหนือระดับดิน ตอนปลายสุดของกิ่งที่อยู่พ้นระดับดินจะมีลักษณะ เป็นข้ออัดแน่นเป็นรูปกรวยเรียกว่า Cone หรือ Strobilus เป็นแหล่งร้างสปอร์เพื่อการขยายพันธุ์ และมีท่อลำเลียงทั้งในราก ลำต้น และใบ ซึ่งพืชที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ ได้แก่ ต้นสามร้อยยอด (Lycopodium) หญ้ารังไก่ ช้องนางคลี่ สร้อยนางกรอง และสร้อยสุกรม

45.       พืชชนิดใดใบมีลักษณะเป็นแผ่นเล็ก ๆ เกิดขึ้นเป็นวงรอบข้อ

(1) หวายทะนอย         (2) หญ้าถอดปล้อง     (3) มอสส์         (4) เฟิร์น

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 43. ประกอบ

46.       พืชชนิดใดมีเมล็ดแต่ไม่มีผนังห่อหุ้ม

(1) ปรง            (2) เฟิร์นก้านดำ           (3) จอกหูหนู    (4) สามร้อยยอด

ตอบ 1 หน้า 111115 – 116, (คำบรรยาย) พืชมีเมล็ดใน Division Tracheophyta

แบ่งออกเป็น 2 พวก คือ          1. พืชมีเมล็ดแต่เมล็ดไม่มีผนังห่อหุ้ม หรือพืชไม่มีดอก(Class Gymnospermae) ได้แก่ ปรง สนแท้ แปะก๊วย และเครือมะเมื่อย 2. พืชมีเมล็ดและเมล็ดมีผนังห่อหุ้ม หรือพืชดอก (Class Angiospermae) ได้แก่ ข้าว กุหลาบ พริก มะเขือ เป็นต้น ซึ่งพืชใน Class นี้นับว่าเป็นพืชที่มีวิวัฒนาการสูงสุด และมีจำนวนมากที่สุดในยุคปัจจุบัน

47.       พืชใน Class ใด มีวิวัฒนาการสูงสุด

(1) คลาสแองจิโอสเปอร์มี (Class Angiospermae) (2) คลาสฟิลิซินี (Class Filicinae)

(3) คลาสเฮพาทิชี (Class Hepaticae) (4) คลาสจิมโนสเปอร์มี (Class Gymnospermae)

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 46. ประกอบ

48.       เป็นพืชที่มีขนาดเล็ก ขึ้นรวมกันหนาแน่นจนลักษณะคล้ายพรมกำมะหยี่จัดอยู่ใน Class ใด

(1) คลาสเฮพาทิชี (Class Hepaticae) (2) คลาสแองจิโอสเปอร์มี (Class Angiospermae)

(3) คลาสมอสไซ (Class Musci) (4) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 41. ประกอบ

49.       Liverwort จัดอยู่ใน Class ใด

(1) คลาสเฮพาทีชี (Class Hepaticae) (2) คลาสฟิลิซินี (Class Filicinae)

(3) คลาสมอสไซ (Class Musci) (4) คลาสแองจิโอสเปอร์มี (Class Angiospermae)

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 41. ประกอบ

50.       พืชชนิดใดจัดอยู่ใน Subclass Dicotyledoneae

(1) ปาล์ม         (2) ข้าว            (3) อ้อย           (4) มะลิ

ตอบ 4 หน้า 116 – 117, (คำบรรยาย) คลาสแองจิโอสเปอร์มี (Class Angiospermae) แบ่งออก เป็น 2 Subclass คือ 1. Subclass Monocotyledoneae คือ พืชใบเลี้ยงเดี่ยว เช่น ข้าว หญ้า ตะไคร้ไผ่ กล้วย ปาล์ม อ้อย มะพร้าว ฯลฯ 2. Subclass Dicotyledoneae คือ พืชใบเลี้ยงคู่ เช่น กุหลาบ มะลิ ทานตะวัน ถั่ว พริก มะเขือ เงาะ ทุเรียน ฯลฯ

51.       Complete Flower หมายถึง

(1) ดอกที่มีแต่เกสรตัวผู้          

(2) ดอกที่มีแต่เกสรตัวเมีย

(3) ดอกที่มีอวัยวะไม่ครบ        

(4) ดอกที่มีอวัยวะครบ

ตอบ 4 หน้า 125 – 126 Complete Flower หมายถึง ดอกที่มีอวัยวะครบทุกวงชั้น คือชั้นของกลีบดอกวงนอกสุด (Calyx), วงชั้นของกลีบดอก (Corolla), วงชั้นของเกสรตัวผู้ (Androecium) และวงชั้นของเกสรตัวเมีย (Gynaecium) ทั้งนี้ในดอกบางชนิดยังมีอีกวงหนึ่งนอกCalyx ออกมา เรียกว่า Epicalyx เช่น ดอกชบา

52.       Pollination หมายถึง

(1) การถ่ายละอองเกสร (2) การติดเมล็ด       (3) การปฏิสนธิ           (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 127 การถ่ายละอองเกสร (Pollination) หมายถึง ปรากฏการณ์ที่ละอองเกสรตัวผู้ ปลิวไปตกบนยอดเกสรตัวเมีย ถ้าเกิดในดอกเดียวกับเรียกว่า Self-Pollination หรือ Close-Pollination แต่ถ้าเกิดต่างดอกกันเรียกว่า Cross Pollination ซึ่งการถ่าย ละอองเกสรนี้จะส่งผลทำให้เกิดการผสมเกสร (Fertilization) ขึ้นในที่สุด

53.       ใบพืชชนิดใดที่มีการเปลี่ยนรูปร่างไปเพื่อทำหน้าที่ในการดักจับแมลง

(1) หยาดน้ำค้าง          (2) ว่านหางจรเข้          (3) กระบองเพขร         (4) ถั่วลันเตา

ตอบ 1 หน้า 122 – 123 ใบของพืชมีหน้าที่หลัก 3 ประการ คือ การสร้างอาหาร การหายใจ และ การคายน้ำ นอกจากนี้แล้วใบของพืชบางชนิดยังอาจเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปทำหน้าที่อย่างอื่น ซึ่งอาจเรียกว่าเป็นหน้าที่รอง หรือพืชบางชนิดอาจทำหน้าที่หลักและหน้าที่รองไปพร้อมๆ กัน หรือทำหน้าที่เดียวอยางใดอย่างหนึ่ง เช่น ทำหน้าที่แพร่และขยยพันธุ์ ได้แก่ ต้นตายใบเป็น โคมญี่ปุ่น หรือเปลี่ยนแปลงไปเป็นอวัยวะจับสัตว์พวกแมลงตัวเล็ก ๆ ได้แก่ นํ้าเต้าฤาษี กาบหอยแครง หยาดนํ้าค้าง เป็นต้น

54.       สถานะของสารชนิดใดที่มีการแพร่กระจายสูงสุด

(1) ของแข็ง     (2) ของเหลว    (3) ก๊าซ            (4) สารแขวนลอย

ตอบ 3 หน้า 32 อัตราเร็วของการแพร่กระจายมีมากน้อยแตกต่างกันตามสถานะของสาร กล่าวคือ สารที่มีสถานะเป็นก๊าซจะมีอัตราเร็วของการแพร่กระจายสูงสุด สารที่มีสถานะเป็นของเหลว จะมีอัตราเร็วรองลงมา และสารที่มีสถานะเป็นของแข็งจะมีอัตราเร็วตํ่าสุด

55.       เยื่อชนิดใดที่ยอมให้สารทุกชนิดผ่านได้

(1) Permeable Membrane         (2) Impermeable Membrane

(3)       Semipermeable Membrane    (4) Differentially Permeable Membrane

ตอบ 1 หน้า 33 เยื่อบาง (Membrane) แบ่งตามคุณสมบัติการยอมให้ซึมผ่านออกเป็น 3 แบบ คือ

1.         impermeable Membrane เป็นเยื่อที่ไม่ยอมให้สารใด ๆ ผ่นได้เลย

2.         Semipermeable Membrane/Differentially Permeable Membrane/Selectively Permeable Membrane เป็นเยื่อที่ยอมให้สารเพียงบางชนิดผ่านได้

3.         Permeable Membrane เป็นเยื่อที่ยอมให้สารทุกชนิดผ่านได้

56.       Isotonic Solution หมายถึงอะไร

(1) สารละลายที่มีความเข้มข้นน้อยกว่า          (2) สารละลายที่มีความเข้มข้นสูงกว่า

(3) สารละลายที่มีความเข้มข้นเท่ากัน (4) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 33 ศัพท์วิชาการที่เกี่ยวข้องกับความเข้มข้นของสารละลาย ได้แก่ 1. Hypertonic Solution หมายถึง สารละลายที่มีความเข้มข้นสูงกว่า หรือมีปริมาณของสารมากกว่าปริมาณของนํ้า

2.         Hypotonic Solution หมายถึง สารละลายที่มีความเข้มข้นน้อยกว่า หรือมีปริมาณของสาร น้อยกว่าปริมาณของนํ้า 3. Isotonic Solution หมายถึง สารละลายที่มีความเข้มข้นเท่ากัน

57.       ข้อใดจัดเป็นคาร์ใบไฮเดรตที่มีโมเลกุลใหญ่มาก

(1) นํ้าตาลมอลโทส     (2) เด็กซทริน   (3) นํ้าตาลกาแล็กโทส (4) ถูกทั้งข้อ 1 และ 3

ตอบ 2 หน้า 37 – 39, (คำบรรยาย) สารประกอบคาร์โบไฮเดรต แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ

1.         Monosaccharide หรือ Simple Sugar เป็นคาร์โบไฮเดรตท์มีโมเลกุลเล็กมาก หรือ ที่เรียกว่านํ้าตาลเชิงเดี่ยว ได้แก่ นํ้าตาลกลูโคส น้ำตาล,ฟรุคโตส นํ้าตาลกาแล็กโทส

2.         Disaccharide หรือ Double Sugar เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มีโมเลกุลคู่ หรือที่เรืยกว่า นํ้าตาลเชิงประกอบ ได้แก่ นํ้าตาลทราย นํ้าตาลมอลโทส นํ้าตาลแล็กโทส

3.         Polysaccharide เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มีโมเลกุลใหญ่มาก ได้แก่ แป้งไกลโคเจนในสัตว์ เซลลูโลส เด็กซทริน ไคติน

58.       ข้อใดจัดเป็นไลปิดเชิงเดี่ยว

(1) ไกลโคไลปิด           (2) สเตอรอยด์ (3) นํ้ามัน         (4) ฟอสโฟไลปิดในไข่แดง

ตอบ 3 หน้า 39 – 40 ไลปิดแบ่งตามลักษณะสารที่มาประกอบได้เป็น 3 ประเภท คือ

1. ไลปิดเชิงเดี่ยว (Simple Lipid /True Fats) ได้แก่ ไขหรือมัน (Fats), นํ้ามัน (Oil)และสารพวกขี้ผึ้ง (Wax) 2. ไลปิดเชิงประกอบ (Compound Lipid) ได้แก่ ฟอสโพไลปิด ในไข่แดงและในสมอง ไกลโคไลปิด และไลโปโปรตีน 3. อนุพันธ์ของไลปิด (Lipid Derivative) ได้แก่ กรดไขมัน (Fatty Acid), สเตอรอล (Sterol) และ สเตอรอยด์ (Steroid) เป็นต้น

59.       Desoxyribose Nucleic Acid มีหน้าที่อะไร

(1)       สร้างโปรตีน

(2)       สร้างนํ้าย่อยหรือเอนไซม์

(3)       ถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากบรรพบุรุษไปยังลูกหลาน

(4)       ส่งเสริมและควบคุมการเจริญเติบโต

ตอบ 3 หน้า 43, (คำบรรยาย) DNA (Desoxyribose Nucleic Acid) หรือ Gene เป็นสารพันธุกรรม ซึ่งมีหน้าที่สำคัญ 2 ประการ คือ

1.         กำหนดลักษณะเฉพาะต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดหรือแต่ละหน่วยให้เป็นไปตามเผ่าพันธุของตน และสามารถถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมนั้นจากบรรพบุรุษไปสู่ลูกหลานได้

2.         ควบคุมกิจกรรมทุกประเภทที่เกิดขึ้นภายในเซลล์

60.       วิตามินชนิดใดละลายได้ในนํ้า

(1) A  (2) D  (3) C  (4) K

ตอบ 3 หน้า 44 วิตามินแบ่งตามคุณสมบัติการละลายได้เป็น 2 ประเภท คือ

1.         วิตามินที่ละลายในน้ำ ได้แก่ วิตามิน และ วิตามิน C

2.         วิตามินที่ละลายในนํ้ามัน ได้แก่ วิตามิน A, D, E และ K

61.       วิตามินในข้อใดที่ช่วยทำให้โลหิตแข็งตัว

(1) A  

(2) E  

(3) K  

(4) C

ตอบ 3 หน้า 46, (คำบรรยาย) วิตามิน เป็นวิตามินที่มีบทบาทหน้าที่สำคัญเกี่ยวข้องกับคุณภาพ ของเลือด (โลหิต) ก็คือ ทำให้นํ้าเลือดข้นเหนียวจนเกิดการไหลของเลือดช้าลง และทำให้เลือด แข็งตัวปิดปากแผลเพื่อป้องกันเลือดไหลออกมาภายนอกร่างกาย ซึ่งถ้าร่างกายขาดวิตามินนี้ จะทำให้เลือดแข็งตัวช้า เสียเลือดมาก หรือเลือดไหลหยุดช้าเมื่อเกิดบาดแผล

62.       ออร์แกเนลล์ในข้อใด ได้ชื่อว่าเป็นโรงผลิตไฟฟ้าของเซลล์

(1) ไลโซโซม (Lysosome)          (2) แวคิวโอล (Vacuoles)

(3) ไมโทคอนเดรีย (Mitochondria)    (4) พลาสติด (Plasticis)

ตอบ 3 หน้า 52, (คำบรรยาย) ไมโทคอนเดรีย (Mitochondria) เป็นออร์แกเนลล์ที่มีหน้าที่เป็น ที่เกิดกระบวนการหายใจระดับเซลล์ จึงเป็นแหล่งสร้างพลังงานในรูป ATP จนได้ชื่อว่าเป็น โรงผลิตไฟฟ้าของเซลล์” (Powerhouse of Cell) โดยเซลล์ที่มีกระบวนการทำงานสูง และต้องการพลังงานจะมีไมโทคอนเดรียมาก เช่น เซลล์ตับ เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ เซลล์ไข่หอยเม่นทะเล เป็นต้น

63.       ออร์แกเนลล์ในข้อใด ที่มีบทบาทในการสังเคราะห์แสง

(1) ไลโซโซม (Lysosome)          (2) แวคิวโอล (Vacuoles)

(3) ไมโทคอนเดรีย (Mitochondria)    (4) พลาสติด (Plasticis)

ตอบ 4 หน้า 53, (คำบรรยาย) พลาสติด (Plastids) เป็นออร์แกเนลล์ที่มีลักษณะเป็นเม็ดสาร และภายในมีสารที่ทำให้เกิดสีบรรจุอยู่ โดยเม็ดสารสีเขียวที่บรรจุอยู่ในคลอโรพลาสติด หรือคลอโรพลาสต์นั้นจะเรียกว่า คลอโรฟิลล์” ซึ่งเป็นสารที่มีบทบาทสำคัญ ในการสังเคราะห์แสงของพืช

64.       การหายใจภายใน (Internal Respiration) เป็นการแลกเปลี่ยนก๊าซระหว่าง

(1)       เม็ดเลือดแดงกับถุงลมในปอด            (2) เม็ดเลือดแดงกับเซลล์

(3) เม็ดเลือดแดงกับเม็ดเลือดขาว       (4) การถ่ายเทก๊าซในตัวเซลล์

ตอบ 2 หน้า 157 – 158, (คำบรรยาย) การหายใจหรือการแลกเปลี่ยนอาาศ แบ่งออกเป็น 2 ตอน คือ

1.         การแลกเปลี่ยนอากาศภายนอก (External Respiration) เป็นการแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจน และคาร์บอนไดออกไซด์ระหว่างอากาศภายนอกกับถุงลมในปอด โดยอาศัยกลไกของการสูดลมหายใจเข้าออกทางจมูก

2.         การแลกเปลี่ยนอากาศภายใน (Internal Respiration) เป็นกรแลกเปลี่ยนก๊าซระหว่าง เม็ดเลือดแดงในหลอดเลือดฝอยกับเซลล์ในร่างกาย ซึ่งการหายใจทั้ง 2 ตอนนี้จะเกิดขึ้น โดยกระบวนการแพร่กระจาย (Diffusion)

65.       เมื่อรับประทานอาหาร อาหารชนิดใดจะถูกย่อยเป็นอันดับแรก

(1) ไก่ทอด       (2) ไข่ดาว        (3) ขนมปัง      (4) เนย

ตอบ3 หน้า 149 เมื่อคนรับประทานอาหารโดยการเคี้ยว อาหารพวกคาร์โบไฮเดรตประเภทแป้ง (เช่น ขนมปัง มันเทศ ข้าว ฯลฯ) บางส่วนจะถูกย่อยเป็นอันดับแรกในช่องปาก โดยเอนไซม์ อะไมเลส (Amylase) หรือไทยาลิน (Ptyalin) ที่อยู่ในนํ้าลาย

66.       หลอดเลือดที่นำเลือดไปสู่หัวใจ เรียกว่า

(1) หลอดเลือดฝอย     (2) หลอดเลือดดำ        (3) Capillary       (4) Vein

ตอบ 4 หน้า 152, (คำบรรยาย) หลอดเลือดที่มาติดต่อกับหัวใจมี 2 ประเภท คือ

1.         หลอดเลือดเวน (Vein) ทำหน้าที่นำเลือดที่ผ่านการใช้งานแล้วจากอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย กลับเข้าสู่หัวใจ โดยจะมีลักษณะเป็นสีเขียวอมนํ้าเงิน ซึ่งแพทย์จะทำการดูดเลือดจาก หลอดเลือดเวนนี้เพื่อนำไปตรวจหรือหาข้อมูลทางการแพทย์ ทั้งนี้เพราะมองเห็นได้ง่าย

2.         หลอดเลือดอาร์เทอรี (Artery) ทำหน้าที่นำเลือดออกจากหัวใจไปส่งตามอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย

67.       การบีบหดตัวของกล้ามเนื้อท่อทางเดินอาหาร เป็นไปโดยวิธี

(1) Homeostasis         (2) Peristalsis    (3) Epistasis       (4) Plasmolysis

ตอน 2 หน้า 149, (คำบรรยาย) เพอริลตาลซิส (Peristalsis) คือ การบีบหดตัวและคลายตัวเป็นจังหวะ แบบลูกคลื่นติดต่อกันเป็นระลอกของกล้ามเนื้อเรียบที่ผนังท่อทางเดินอาหาร ทำให้อาหารที่ เคี้ยวแล้วกลืนเข้าไปเกิดการเคลื่อนไหลไปตามอวัยวะต่าง ๆ ตั้งแต่จากปากจนถึงทวารหนัก

68.       เลือดที่ผ่านการฟอกจากปอดแล้ว จะกลับเข้าสู่หัวใจส่วนใด

(1) ซีกบนซ้าย ขวา      (2) ซีกลางขวา ซ้าย     (3) ฟากซ้ายบน ล่าง    (4) ฟากขวาบน ล่าง

ตอบ 3 (คำบรรยาย) หัวใจของคนมี 4 ห้อง แบ่งเป็น 2 ฟาก คือ          1. ห้องฟากขวา 2 ห้อง(ฟากขวาบนและล่าง) ทำหน้าที่รับและส่งเลือดที่ผ่านการใช้งานจากร่างกายมาแล้ว โดย ห้องขวาบนจะรับเลือดใช้แล้วจากร่างกาย ส่วนห้องขวาล่างจะส่งเลือดเสียไปฟอกที่ปอด 2. ห้องฟากซ้าย 2 ห้อง (ฟากซ้ายบนและล่าง) ทำหน้าที่รับและส่งเลือดดีออกไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยห้องซ้ายบนจะรับเลือดดีที่ผ่านการฟอกจากปอดแล้ว ส่วนห้องซ้ายล่าง จะส่งเลือดดีไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

69.       น้ำตาลเปลี่ยนเป็นแป้งแล้วเก็บสะสมไว้ในตับ แป้งนั้น เรียกว่า

(1) Starch  (2) Glycogen      (3) Collagen       (4) Histogen

ตอบ 2 หน้า 153, (ตำบรรยาย) คาร์โบไฮเดรตทุกชนิดจะถูกเปลี่ยนรูปไปเป็นนํ้าตาลกลูโคส โดย ในภาวะปกติตับจะทำหน้าที่เปลี่ยนสภาพนํ้าตาลกลูโคสให้เป็นแป้งไกลโคเจน (Glycogen) และเก็บสะสมไว้ในตับ เมื่อร่างกายขาดนํ้าตาลกลูโคสก็สามารถดึงเอาน้ำตาลกลูโคสจากตับ มาใช้งานได้ โดยเปลี่ยนไกลโคเจนกลับไปเป็นกลูโคส แต่ถ้าร่างกายมีปริมาณของนั้าตาลกลูโคส อยู่มากจนเกินความจำเป็นที่ต้องใช้ กลูโคสเหล่านี้จะถูกเปลี่ยนโครงสร้างให้ไปเป็นไขมัน เก็บสะสมไว้ในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

70.       นํ้าดี (Bile) จากถุงนํ้าดี มีบทบาท

(1) ย่อยไขมัน  (2) แยกไขมันออกจากน้ำดี

(3) ทำให้ไขมันแยกตัวจากกัน (4) ช่วยการดูดซึมไขมัน

ตอบ 3 หน้า 149, (ตำบรรยาย) นํ้าดี (Bile) ที่ถูกสร้างจากถุงนํ้าดีที่ตับมีคุณสมบัติ ดังนี้

1.         นํ้าดีไม่ถือว่าเป็นเอนไซม์ แต่จะมีหน้าที่หลักในการช่วยทำให้ไลปิดหรือไขมันแยกตัว ออกจากกัน เพื่อสะดวกแก่การย่อยของเอนไซม์ไลเปส

2. เป็นสาารสีเหลืองเข้ม มักมีรสขม

3.         ย้อมกากอาหารที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ให้มีสีเหลือง

71.       การดำรงชีพแบบใดที่เซลล์ผลิตอาหารได้เอง

(1) Chemosynthesis 

(2) Parasitism 

(3) Saprophytism 

(4) Eating

ตอบ 1 (คำบรรยาย) วิธีการสร้างอาหารของสิ่งมีชีวิต แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ

1.         Autotrophic Nutrition เป็นแบบการสร้างอาหารขึ้นได้เองจากอนินทรียสารของสิ่งมีชีวิต พวกออโตทรอฟ โดยมีอยู่ 2 วิธี ได้แก่ Photosynthesis และ Chemosynthesis

2.         Heterotrophic Nutrition เป็นแบบการสร้างอาหารขึ้นมาใช้เองไม่ได้ของสิ่งมีชีวิต พวกเฮเทอโรทรอฟ จึงต้องได้รับอาหารจากสิ่งมีชีวิตอื่น โดยมีอยู่ 3 วิธี ได้แก่ Saprophytism, Parasitism และ Eating (เช่น คน และสัตว์ทั่วไป)

72.       สิ่งมีชีวิตต่างจากสิ่งไม่มีชีวิต คือ

(1) การสืบพันธุ์ต่อเชื้อสาย      (2) มีสถานภาพเป็นสสาร

(3)       โครงสร้างรูปร่างและแบบแผนการประกอบเป็นรูปร่างไม่แน่นอน

(4)       สิ่งมิชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตไม่มีความแตกต่างกันในทุกด้าน

ตอบ 1 หน้า 58 – 9, (คำบรรยาย) สิ่งมีชีวิตต่างจากสิ่งไม่มีชีวิต คือ

1.         มีโครงสร้างรูปร่างและแบบแผนการประกอบเป็นรูปร่างที่แน่นอน

2.         มีกระบวนการเมแทบอลิซึม (Metabolism) หรือกระบวนการเพื่อการดำรงชีพ

3.         มีพฤติกรรมการตอบสนอง     4. มีการสืบพันธุ์ต่อเชื้อสายและการพัฒนา 5. มีการปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาวะแวดล้อม

73.       ลักษณะที่บ่งชี้ความเป็นสิ่งมีชีวิต คือ

(1) มีแบบแผนของโครงสร้าง  (2) มีกระบวนการเมแทบอลิซึม

(3) มีกระบวบการสืบพันธุ์       (4) มีทุกข้อที่กล่าวม

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 72. ประกอบ

74.       ผลลัพธ์โดยรวมของกระบวนการเมแทบอลิซึม (Metabolism) คือ

(1)       การเจริญเติบโต          (2) การขยายขนาด      (3) การสืบพันธุ์           (4) การชดเชยทดแทน

ตอบ 1 หน้า 147, (คำบรรยาย) กระบวนการเมแทบอลิซึม (Metabolism) เป็นกระบวนการทางเคมี ทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในตัวของสิ่งมีชีวิต ซึ่งผลลัพธ์โดยรวมหรือผลลัพธ์สุดท้ายที่จะได้รับจาก กระบวนการเมแทบอลิซึม ก็คือ การเจริญเติบโต (Growth) หรือความมีชีวิตนั่นเอง

75.       ข้อใดคือคำจำกัดความของ การสืบพันธุ์” ในสิ่งมีชีวิต

(1) การสืบทอดลักษณะจากบรรพบุรุษ           (2) การให้ลูกที่มีลักษณะคล้ายผู้ให้กำเนิด

(3) การทวีจำนวนของสิ่งมีชีวิต            (4) ทุกข้อประกอบกัน

ตอบ 4 หน้า 167 การสืบพันธุ์ (Reproduction) หมายถึง การเพิ่มจำนวนของสิ่งมีชีวิตชนิดนั้น ๆ ได้มากขึ้นโดยหน่วยที่เกิดขึ้นมาใหม่จะมีรูปร่างลักษณะและการดำเนินชีวีตเหมือนกับบรรพบุรุษ ซึ่งการสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตมักมี 2 แบบใหญ่ ๆ คือ           1. การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ(Asexual Reproduction) เกิดจากการที่สิ่งมีชีวิตเพียงหน่วยเดียวทำการทวีจำนวนโดยวิธีใด วิธีหนึ่งแล้วหน่วยใหม่ที่ได้จะมีลักษณะเหมือนเดิมทุกประการ 2. การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ (Sexual Reproduction) เกิดจากการที่เซลล์สืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตเพศผู้มาผสมหรือปฏิสนธิ กับเซลล์สืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตเพศเมียได้เป็นไซโกต ซึ่งหน่วยใหม่ที่เกิดขึ้นจะรวมเอาลักษณะ ของพ่อและแม่มาไว้ด้วยกัน

76.       การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ มักเกิดจากการแบ่งเซลล์แบบ

(1) ไมโทซิส (Mitosis)      (2) ไมโอซิส (Meiosis)

(3) พาร์ทีโนจีเบซิส (Parthenogenesis)        (4) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 1 หน้า 167 – 168172, (คำบรรยาย) การแบ่งเซลล์จำแนกเป็น 2 ประเภท คือ

1.         การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส (Mitosis) เป็นการแบ่งเซลล์เพื่อสร้างเซลล์ทั่วไปให้เพิ่มทวีจำนวน เพื่อการเจริญเติบโตของร่างกายของสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ ซึ่งการแบ่งเซลล์แบบบี้พบใน การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ

2.         การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส (Meiosis) เป็นการแบ่งเซลล์เพื่อให้เซลล์นั้นไปทำหน้าที่เป็น เซลล์สืบพันธุ์หรือเซลล์เชื้อเพศของสิ่งมีชีวิตขั้นสูงในวัยเจริญพันธุ์ ซึ่งการแบ่งเซลล์แบบนี้พบในการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ

77.       กระบวนการสร้างหรือผลิตเซลล์เชื้อเพศ เรียกว่า

(1) ไมโทซิส (Mitosis)      (2) แกมีโทจีเนซิส (Gametogenesis)

(3) โอโอจีเนซิส (Oogenesis)     (4) สปอร์มาโทจีเนซิส (Sporematogenesis)

ตอบ 2 หน้า 172, (คำบรรยาย) กระบวนการสร้างเซลล์เชื้อเพศหรือเซลล์สืบพันธุ์ในสิ่งมีชีวิต หากกล่าว โดยรวมไม่ระบุชนิดของเพศ เรียกว่า แกมีโทจีเนซิส” (Gametogenesis) ซึ่งแบ่งออกเป็น

1.         กระบวนการสร้างเซลล์ไข่หรือเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย เรียกว่า โอโอจีเนซิล” (Oogenesis)

2.         กระบวนการสร้างสเปิร์มหรือเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ เรียกว่า สเปอร์มาโทจีเนซิส” (Spermatogenesis)

78.       ข้อใดคือหน่วยกำหนดพันธุ์กรรมของสิ่งมีชีวิต

(1) RNA      (2) DNA     (3) FTA       (4) MRA

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 59. ประกอบ

79.       ผลของกล้วยเกิดจากการที่ไข่ไม่ได้รับการผสมจากเกสรเพศผู้ เรียกการสืบพันธุ์แบบนี้ว่า

(1)       Parthenogenesis      (2) Fertilization          (3)       Differentiation         (4)            Gametogenesis

ตอบ 1 หน้า 175 พาร์ทีโนจิเนซิส (Parthenogenesis) เป็นการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศที่ไข่ หรือเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย สามารถจะเจริญเติบโตเป็นสิ่งมีชีวิตหรือเป็นผลไม้ขึ้นมาได้เอง โดยไม่ต้องได้รับการผสมพันธุ์จากเซลล์เพศผู้ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า เป็นการได้ลูกหรือ ผลจากไข่ที่ไม่ได้รับการผสมเชื้อเพศผู้ ซึ่งตัวอย่างที่พบเห็นเป็นประจำ เช่น มด ผึ้ง ปลวก องุ่น กล้วย เป็นต้น

80.       ไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิกับสเปิร์มแล้ว เรียกว่า

(1) Enfant  (2)       Fetus         (3)       Zygote      (4)       Embryo

ตอบ 3 หน้า 184 – 185 ไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิกับสเปิร์มแล้ว เรียกว่า ไซโกต (Zygote) และ จากนั้นไซโกตก็จะเจริญเป็นตัวอ่อนหรือคัพภะ (Embryo) ภายในระยะเวลา 2 สัปดาห์

81.       สิ่งมีชีวิตประเภทใดที่มีการขยายพันธุ์โดยวิธีการสร้างสปอร์

(1) อะมีบา       

(2)       พืชพวกสน       

(3)       เฟิร์น    

(4)      ปะการัง

ตอบ 3 หน้า 9167, (คำบรรยาย) การสร้างสปอร์ (Spoliation) เป็นการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ โดยการสร้างสปอร์เล็ก ๆ จำนวนมากให้ปลิวไปตกในสถานที่ที่มีอากาศอับ ร้อน ชื้น และอุณหภูมิ พอเหมาะเพื่องอกเจริญเป็นหน่วยชีวิตใหม่ที่เหมือนหน่วยชีวิตเดิม การสืบพันธุ์แบบนี้จะทำให้ ได้รุ่นลูกจำนวนมากในเวลาเดียวกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะพบในสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เช่น เห็ด รา เฟิร์น เป็นต้น

82.       พืช GMOs คือพืชประเภทใด

(1)       พืชที่ปรับตัวให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายตามธรรมชาติ

(2)       พืชที่มีการผสมข้ามดอก ให้ได้สายพันธุ์ใหม่ ๆ

(3)       กล้วยไม้ที่นำมาเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อให้มีปริมาณมาก ๆ

(4)       มะละกอถูกตัดต่อยีนส์เพื่อให้ต่อต้านโรคใบด่างได้

ตอบ 4 (คำบรรยาย) สิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม (Genetically Modifed Organisms : GMOs) หมายถึง พืช สัตว์ และจุลินทรีย์ ที่ถูกดัดแปลงหน่วยพันธุกรรม (DMA หรือ Gene)โดยใช้เทคนิค ทางพันธุวิศวกรรม เพื่อให้ได้ลักษณะใหม่ที่ต้องการ เช่น ต้านทานโรค ทนต่อแมลงและไวรัส สุกงอมช้า เพิ่มคุณค่าทางอาหาร เป็นต้น

83.       การปรับตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดแคลนอาหารในลักษณะใด พบในสิ่งมีชีวิตที่เป็นบรรพบุรุษของพืช

(1) Parasitism    (2) Saprophytism (3) Eating       (4) Photosynthesis

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 20. ประกอบ

84.       การรวมกันของสารเคมีหลายชนิดเมื่อ 4-5 พันล้านปีมาแล้ว ทำให้เกิดชั้นบรรยากาศโลก อุณหภูมิที่ผิวโลก จึงเหมาะสมต่อการเกิดของสิ่งมีชีวิต สารเคมีนั้นคือ

(1) ก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ (NO)     (2) ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2)

(3) ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (C02)     (4) ก๊าซมีเทน (CH4)

ตอบ 4 หน้า 15 – 16 โลกมีอายุประมาณ 4,500 – 5,000 ล้านปีมาแล้ว โดยระยะวิวัฒนาการ ทางเคมีของโลกนั้น เริ่มเกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิของโลกเย็นลง จนเอื้อให้อะตอมของธาตุเบา ๆ (เช่น ไฮโดรเจน ออกซิเจน ไนโตรเจน และคาร์บอน) ซึ่งปกคลุมผิวโลกอยู่ เกิดการรวมตัวกัน เป็นสารประกอบทางเคมีขึ้น อันได้แก่ ไอนํ้า ก๊าซแอมโมเนีย และก๊าซมีเทน ซึ่งสารเคมีกลุ่มนี้ได้รวมตัวกันเกิดเป็นชั้นบรรยากาศห่อหุ้มโลก และมีอิทธิพลต่อสิ่งแวดล้อม ของโลกในยุคแรกเริ่มกำเนิดชีวิต

85.       สารประกอบอินทรีย์โมเลกุลใหญ่ที่เกิดจากการรวมกันของกรดอะมิโนคืออะไร

(1) ไขมัน (Fats)      (2) นิวคลีโอไทด์ (Nucleotide)

(3) โปรตีน (Protein)       (4) โพลีแซกคาไรด์ (Polysaccharide)

ตอบ 3 หน้า 2040 โปรตีน (Protein) เป็นสารประกอบอินทรีย์โมเลกุลใหญ่ที่เกิดจากการรวมตัวกัน ของกรดอะมิโน (Amino Acid) ซึ่งประกอบขึ้นด้วยธาตุคาร์บอน ไฮโดรเจน ออกซิเจน และไนโตรเจน

86.       กระบวบการหายใจ (Respiration) เป็นลักษณะเริ่มต้นของการเป็นสิ่งมีชีวิต ส่งผลอย่างไรกับโลก

(1)       มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สะสมในชั้นบรรยากาศโลกจึงอุ่นขึ้น

(2)       ทำให้โลกมีก๊าซออกซิเจนสะสมมากขึ้นทำให้อากาศบริสุทธิ์

(3)       เกิดเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญบนโลก          (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 24, (คำบรรยาย) กระบวนการหายใจ (Respiration) เป็นลักษณะเริ่มต้นของการเป็น สิ่งมีชีวิต ซึ่งส่งผลกับโลก ดังนี้       1. มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สะสมในชั้นบรรยากาศจึงอุ่นขึ้น

2. ทำให้โลกมีก๊าซออกซิเจนสะสมมากขึ้นทำให้อากาศบริสุทธิ์           3. เกิดเป็นแหล่งพลังงาน

ที่สำคัญบนโลก           4. เกิดการย่อยสลายสารโมเลกุลใหญ่ให้เป็นโมเลกุลเล็ก

87.       ลักษณะแรกสุดที่แสดงถึงการเป็นสิ่งมีชีวิต คือ

(1) การรวมตัว (2)       การกินอาหาร  (3)       การเพิ่มขนาด  (4)       การทวีจำนวน

ตอบ 4 หน้า 21, (คำบรรยาย) ทฤษฎีกำเนิดชีวิต อธิบายว่า นิวคลีโอโปรตีน (Nucleoprotein)ที่เกิดจากการรวมตัวกันระหว่างโปรตีนกับกรดนิวคลีอิกนั้น ถือเป็นสารอินทรีย์ที่เริ่มแสดงถึง คุณสมบัติหรือลักษณะแรกสุดของการเป็นสิ่งมีชีวิต คือ มีความสามารถในการเพิ่มจำนวน โมเลกุลใหม่ให้มีลักษณะเหมือนโมเลกุลเดิมได้โดยไม่ต้องเกิดปฏิกิริยาเคมี หรือที่เรียกว่า การสืบพันธุ์หรือการทวีจำนวน

88.       การตอบสนองต่อสิ่งเร้าในสัตว์จะต้องมีเนื้อเยื่อหรือกลุ่มเซลล์ที่ทำหน้าที่รับส่งกระแความรู้สึกจากการรบเร้านั้น เรียกเนื้อเยื่อหรือกลุ่มเซลล์นั้นว่าอะไร

(1) เนื้อเยื่อลำเลียง      (2)เนื้อเยื่อส่งผ่าน        (3)       เนื้อเยื่อประสาท          (4)       เนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ

ตอบ 3 หน้า 196 เนื้อเยื่อหรือกลุ่มเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองต่อสิ่งเร้าในสัตว์ชั้นสูง ได้แก่

1.         เนื้อเยื่อประสาท ทำหน้าที่รับส่งกระแสความรู้สึกจากสิ่งเร้า

2.         เนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ ทำหน้าที่แสดงการโต้ตอบสิ่งเร้านั้น

89.       หน่วยรับความรู้สึกเกี่ยวกับสารเคมีของผีเสื้อกลางคืน เรียกว่า

(1) Thermoreceptor  (2)       Pressoreceptor         (3)       Chemoreceptor        (4)            Photoreceptor

ตอบ 3 หน้า 196, (คำบรรยาย) ในกระบวนการรับความรู้สึก (Reception) มีอวัยวะที่เป็น หน่วยรับความรู้สึก ได้แก่

1.         Thermoreceptor เป็นอวัยวะที่รับความรู้สึกร้อนหรือเย็น (อุณหภูมิ) ได้แก่ ผิวหนัง

2.         Photoreceptor เป็นอวัยวะที่รับความรู้สึกเกี่ยวกับแสงสว่าง ได้แก่ ตา

3.         Pressoreceptor เป็นอวัยวะที่รับความรู้สึกสัมผัสและความเจ็บปวด ได้แก่ ผิวหนัง

4.         Chemoreceptor เป็นอวัยวะที่รับความรู้สึกด้านรสและกลิ่น ได้แก่ ลิ้น จมูก และ หนวดแมลงบางชนิด เช่น ผีเสื้อกลางคืน เป็นต้น

5.         Phonoreceptor เป็นอวัยวะที่รับความรู้สึกด้านเสียง ได้แก่ หู

90.       กระแสความรู้สึกถูกส่งผ่านเซลล์ประสาทไปยังสมอง (Brain) จากนั้นมีการหดตัวของกล้ามเนื้อขาเพื่อให้เดินถอยหลัง การแสดงออกดังกล่าวจัดอยู่ในกระบวนการใดของการตอบสนองต่อสิ่งเร้า

(1) กระบวนการรับความรู้สึก  (2) กระบวนการนำความรู้สึก

(3) กระบวนการแปลความหมายและสั่งการ   (4) กระบวนการตอบโต้

ตอบ 4 หน้า 197 – 198, (คำบรรยาย) กระบวนการตอบโต้ (Effect) เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างระบบกล้ามเนื้อ เซลล์ประสาทสั่งการ (Motor Neuron) และระบบต่อมสร้างฮอร์โมน ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่กระแสความรู้สึกถูกส่งผ่านเซลล์ประสาทรับความรู้สึก (Sensory Neuron) ไปยังระบบประสาทส่วนกลาง (สมองและไขสันหลัง) แล้ว โดยที่ Motor Neuron จะส่งกระแสคำสั่ง จากระบบประสาทส่วนกลางมากระตุ้นให้หน่วยตอบสนองหรือกล้ามเนื้อในบริเวณใกล้กับแหล่งรับความรู้สึกทำงานด้วยการหดตัวของเส้นใยกล้ามเนื้อ จึงทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การหดตัวของกล้ามเนื้อขาเพื่อให้เดินถอยหลัง การเดินหนีห่างจาก อันตรายที่เรามองเห็น เป็นต้น

91.       การตอบสนองต่อสิ่งเร้าในพืชถูกแสดงออกมาในลักษณะใด

(1) การเคลื่อนไหว       

(2) การเคลื่อนที่

(3) การตอบโต้ 

(4) พืชไม่แสดงอาการออกมาให้เห็น

ตอบ 1 หน้า 198 การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืชนั้น จัดว่าเป็นพฤติกรรมของพืชซึ่งแสดงออกมา ในรูปของการเคลื่อนไหว (Movement)โดยสิ่งเร้าที่ทำให้เกิดพฤติกรรมการตอบสนองในพืช มี 2 ประเภทคือ 

1. สิ่งเร้าภายใน ได้แก่ ฮอร์โมนและสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืช ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวโดยอัตโนมัติ           

2. สิ่งเร้าภายนอก ได้แก่ แสงสว่าง แรงดึงดูดของโลกอุณหภูมิ น้ำ ฯลฯ ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวในลักษณะต่างๆ กัน

92.       เซลล์ประสาทในสัตว์ส่งกระแสความรู้สึกออกจากเซลล์ทางใด

(1) เดนไดรต์    (2) แอ็กซอน    (3) เอนด์ เพลต            (4) ไซแนปส์

ตอบ 2 หน้า 64197 เซลล์ประสาท (Nerve Cell) แต่ละเซลล์ประกอบด้วย

1.         ตัวเซลล์ประสาท (Cell Body)

2.         แอ็กซอน (Axon) ทำหน้าที่ส่งกระแสความรู้สึกและคำสั่งออกจากตัวเซลล์ประสาท

3.         เดนไดรต์ (Dendrite) ทำหน้าที่รับกระแสความรู้สึกเข้าสู่ตัวเซลล์ประสาท

4.         เอนด์ เพลต (End Plate) เป็นเส้นใยละเอียดจำนวนมากที่แผ่อยู่ที่ปลายกิ่งแขนงของเซลล์ประสาท ทำหน้าที่เป็นตัวเกาะเกี่ยวประสานกับเอนด์ เพลต ของเซลล์ประสาทอื่น ๆ

93.       ออกซิน (Auxin) เป็นฮอร์โมนที่พืชสร้างจากยอดแล้วลำเลียงลงสู่รากของพืช ทำให้พืชตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร

(1) การขยายขนาดของลำต้นพืช         (2) การเบนหนีแสงของยอดพืช

(3) การเบนเข้าหาแสงของยอดพืช      (4) การเจริญสูงขึ้นเพื่อรับแสงของยอดพืช

ตอบ 3 หน้า 199 ออกซิน (Auxin) เป็นฮอร์โมนพืชที่ช่วยส่งเสริมและควบคุมการเจริญเติบโตของพืช ซึ่งฮอร์โมนนี้พืชจะสร้างจากปลายยอดแล้วลำเลียงลงสู่รากในลักษณะที่หนีแสงสว่าง ทำให้พืช เกิดการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงหรือมีพฤติกรรมการตอบสนองโดยการที่ยอดพืชจะโค้งหรือ เบนเข้าหาแสง ส่วนรากพืชจะเบนหนีแสง

94.       การตอบสนองต่อสิ่งเร้าในสิ่งมีชีวิตชั้นตํ่าประเภทเซลล์เดียวเกิดที่ใด

(1) โปรโตพลาสม์        (2) เนื้อเยื่อประสาท     (3) เส้นใยประสาท      (4) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 1 หน้า 98106195 – 196, (คำบรรยาย) การตอบสนองต่อสิ่งเร้าในสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำประเภทเซลล์เดียวซึ่งได้แก่ พวกโปรติสตา (Protista) เช่น ยูกลีน่า อะมีบา พารามีเซียม จะเกิดขึ้นพร้อมกันในก้อนโปรโตพลาสม์ ส่วนการตอบสนองต่อสิ่งเร้าในสัตว์ชั้นสูงและ ในพืชทั่วไปนั้น จะมีโครงสร้างหรืออวัยวะที่ทำหน้าที่เป็นสัดส่วนแยกออกจากกัน

95.       การเจริญของรากต้นไทรหยั่งมาถึงพื้นดิน เป็นการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่เรียกว่า

(1) Phototropism       (2) Geotropism (3) Thermonastic      (4) Photonastic

ตอบ 2 หน้า 200 Geotropism เป็นการเคลื่อนไหวตอบสนองภายนอกต้นพืชเนื่องจากการเจริญเติบโต โดยมีแรงดึงดูดของโลกเป็นสิ่งเร้า เช่น การเจริญของรากต้นไทรหยั่งมาถึงพื้นดิน เป็นต้น

96.       ทฤษฎีการเกิดวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตที่กล่าวว่า สิ่งมีชีวิตเกิดการเลือกสรไโดยธรรมชาติสอดคล้องกับข้อใด

(1) ลามาร์ค (Lamarck)    (2) ดาร์วิน (Darwin)

(3) เดอ ฟริล์ (De Vries)   (4) อริสโตเติล (Aristotle)

ตอบ 2 หน้า212-213 ตามทฤษฎีวิวัฒนาการการเลือกสรรโดยธรรมชาติ” (Natural Selection) ของชาร์ลล์ ดาร์วิน (Charles Darwin) กล่าวว่า ผู้ที่อ่อนแอไม่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมนั้น จะตายไป เหลืออยู่แต่ผู้ที่เหมาะสมที่สุดเท่านั้นจึงจะอยู่รอด มีอหาร และมีลูกหลานได้โดย ผู้ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมนี้มักจะมีคุณลักษณะพิเศษที่ดีเด่นแปลกไปจากผู้อื่น เมื่อมีลูกหลาน ก็จะถ่ายทอดหรือสอยลักษณะนั้น ๆ สืบต่อกันไป เกิดเป็นพันธุ์ใหม่ที่ดีขึ้นมา

97. การยืนยันการเกิดวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตบนโลกที่ศึกษาได้จากฟอสซิล ควรเป็นไปในลักษณะใด

(1)       เปรียบเทียบลักษณะการกำเนิดของอวัยวะรยางค์ของสัตว์มีกระดูกสันหลัง

(2)       เปรียบเทียบจากองค์ประกอบของสารเคมีในเซลล์

(3)       ศึกษาจากการทดลองผสมสายพันธุ์ใหม่

(4)       ศึกษาจากซากสิ่งมีชีวิตที่กลายเป็นหิน

ตอบ 4 หน้า 213 หลักฐานเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตบนโลก แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1.         หลักฐานโดยตรงจากการศึกษาซากสิ่งมีชีวิตที่กลายเป็นหิน หรือที่เรียกว่า ฟอสซิล (Fossil)

2.         หลักฐานจากการศึกษาเปรียบเทียบลักษณะของสิ่งมีชีวิตในยุคปัจจุบัน ในแง่รูปร่าง โครงสร้าง พัฒนาการ และลักษณะการทำงานของอวัยวะในสิ่งมีชีวิต

98.       การปรับตัวของสิ่งมีชีวิต เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงจากศัตรู เกิดขึ้นได้อย่างไร

(1) การมีนิ้วเท้ายาวของนกปากห่าง    (2) การมีสีเขียวสดของงูเชียว

(3) การมีรูปทรงและสีสันคล้ายใบไม้ของผีเสื้อกลางคืน (4) การมีพฤติกรรมเดินย่องของเสือดำ

ตอบ 3 หน้า 228 – 230 การปรับตัวทางด้านรูปร่างของสิ่งมีชีวิตนั้น มีจุดมุ่งหมายสำคัญ 2 ประการ คือ

1.         เพื่อเอื้อประโยชน์ในการหาอาหาร เช่น นกกระยางมีนิ้วเท้าเรียวยาวเหมาะแก่การทรงตัวนกกานํ้ามีนิ้วเท้าแบนมีพังผืดนกฮูกมีนิ้วเท้างองุ้มเล็บแหลมคมไก่มีเล็บเท้าใหญ่และแข็ง เหมาะแก่การคุ้ยเขี่ย เป็นต้น

2.         เพื่อการป้องกันหรือหลบหลีกอันตรายจากศัตรู เช่น การมีหูและขาหลังที่ยาวของกระต่ายการมีเปลือก กระดอง เกล็ด ขนแข็ง ของหอย ปู เต่า นิ่ม และเม่นการมีรูปทรงและสีสัน คล้ายใบไม้หรือสีเปลือกไม้ของผีเสื้อกลางคืน เป็นต้น

99.       พืชในที่แห้งแล้งแบบทะเลทรายปรับตัวให้อยู่รอดได้อย่างไรในสภาพที่ขาดนํ้า

(1) มีปากใบที่ผิวใบด้านบน    (2) เปลี่ยนรูปทรงใบให้มีก้านยาว

(3) ใบลดรูปเป็นหนาม ลำต้นสังเคราะห์แสงได้          (4) ระบบรากไม่พัฒนาดีนัก

ตอบ3 หน้า 231 Xerophyto ได้แก่ พืชที่อาศัยในพื้นที่ที่แห้งแล้ง มีน้ำน้อย พืชพวกนี้มักมีใบเล็กมาก หรือเปลี่ยนใบไปเป็นหนาม ไม่มีปากใบ ลำต้นทำหน้าที่สังเคราะห์แสงสร้างอาหารแทนใบได้ รากยาวหยั่งลึกและแผ่ไปไกลเพื่อดูดหานํ้า นอกจากนี้ยังมีสาร Cutin ฉาบเคลือบลำต้นไว้ ค่อนข้างหนาเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำระเหย

100.    ข้อใดสอดคล้องกัน

(1)       ไก่มีนิ้วเท้าแข็งแรงทำให้การหาอาหารในแหล่งนํ้ามีความเป็นไปโดยง่าย

(2)       เม่นมีขนแหลมและแข็ง ทำให้สะดวกในการหาอาหาร

(3)       นกยูงตัวผู้มีขนสวยงามช่วยดึงดูดเพศตรงข้ามให้เข้ามาผสมพันธุ์

(4)       งูสามเหลี่ยมมีสีคล้ายงูปล้องทอง ทำให้หลบหลีกศัตรูได้เป็นอย่างดี

ตอบ 3 หน้า 231 การปรับตัวทางด้านพฤติกรรม เป็นการปรับตัวเพื่อเสริมและสอดคล้องกับการปรับตัว ทางด้านรูปร่างและสรีระ เช่น นกยูงตัวผู้มีขนสวยงามช่วยดึงดูดเพศตรงข้ามให้เข้ามาผสมพันธุ เสือดาวมีพฤติกรรมในการเดินย่อง จดจ้อง และกระโดดได้อย่างว่องไวกระต่ายและกบมีขาหลัง ยาวและแข็งแรง มักมีนิสัยระแวงตกใจง่าย กระโดดหนีไปได้อย่างรวดเร็วปลาที่อยู่ในน้ำลึก มักปราดเปรียว ว่องไว เพื่อการโจมตีหรือหลบหนี เป็นต้น

BIO1001 ชีววิทยาเบื้องต้น การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2555

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2555

ข้อสอบกระบวนวิชา BIO 1001 ชีววิทยาเบื้องต้น

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

1.         การศึกษาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในปัจจุบัน มักเชื่อมโยงความรู้ต่างสาขาเข้ามาเสริมประโยชน์แก่กัน เรียกการศึกษาลักษณะนี้ว่า

(1) Scientific Interdisciplinary

(2) Scientific Interdependency

(3) Scientific Independent

(4) Scientific Dependency

ตอบ 2 หน้า 2, (คำบรรยาย) Scientific Interdependency เป็นลักษณะการศึกษาวิทยาการทาง วิทยาคาสตร์ในยุคปัจจุบัน ที่มีการนำเอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสาขาต่าง ๆ มาผสมผสานเพื่อให้เสริมประโยชน์แก่กันจนเกิดองค์ความรู้ใหม่ที่เป็นสากลมากยิ่งขึ้น เช่น วิชาชีวเคมี ชีวฟิสิกส์ เทคโนโลยีชีวภาพ เป็นต้น

2.         ในการทำงานโดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Method) เมื่อพบประเด็นปัญหาแล้วต้องเริ่มต้นปัญหาที่

(1) สังเกต ตรวจสอบ พิสูจน์ ทดลอง

(2) ตั้งสมมุติฐานเพี่อแก้ปัญหา

(3) ประมวลข้อสรุป

(4) เก็บรวบรวมข้อมูลรอบด้านก่อน

ตอบ 4 หน้า 2, (คำบรรยาย) การทำงานโดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Method) มี 5 ขั้นตอน

ดังนี้ 1. การเก็บรวบรวมข้อมูล (กำหนดปัญหา) 2. การตั้งสมมุติฐาน (คิดหาแนวทางแก้ปัญหา)

3.         การสังเกต ตรวจสอบ ทดลอง (ออกแบบการทดลอง) 4. การประมวลสังเคราะห์หาข้อสรุป (วิเคราะห์ข้อมูลแล้วสรุปผล) 5. การสร้างทฤษฎี (แสดงวิธีการแก้ปัญหา)

3.         ในการปรากฏเพศของสิ่งมีชีวิต ถัามีครบทั้งสองเพศในต้นหรือตัวเดียวกัน เรียกว่ามีเพศแบบ

(1) Dioecious    

(2)       Monoecious

(3) Protandrous         Hermaphrodite       

(4)       Progynous        Hermaphrodite

ตอบ 2 หน้า 127172 การปรากฏเพศของสิ่งมีชีวิต แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ

1.         Dioecious/Dioedous Plant คือ สัตว์หรือพืชที่มีเพศแยกกับเป็นเพศผู้กับเพศเมีย หรือ ปรากฏการมีเพศเพียงอย่างเดียวในต้นหรือในตัว

2. Monoecious/Monoecious Plant

คือ สัตว์หรือพืชที่มีการปรากฏเพศครบทั้งสองพศในต้นหรือในตัวเดียวกัน

4.         มีการศึกษาพบว่า หอยน้ำจืดบางชนิดมีครึ่งแรกของชีวิตปรากฏเป็นเพศผู้ ครึ่งหลังของชีวิตเป็นเพศเมีย เรียกการปรากฏเพศแบบนี้ว่า

(1) Protandrous         Hermaphrodite        (2)       Progynous        Hermaphrodite

(3) Neogynous Hermaphrodite         (4)       Dioecious

ตอบ 1 (คำบรรยาย) Protandrous Hermaphrodite เป็นการปรากฏเพศของหอยนํ้าจืดบางชนิตที่มีครึ่งแรกของชีวิตปรากฏเป็นเพศผู้ ส่วนครึ่งหลังของชีวิตจะปรากฏเป็นเพศเมีย เช่น หอยขม เป็นต้น

5.         การมีลูกแบบที่พบในคน สุนัข แมว หนู เป็นแบบที่มีศัพท์เรียกว่า

(1) Oviparous    (2) Viviparous   (3) Ovoviviparous (4) Parthenogenesis

ตอบ 2 หน้า 91138, (คำบรรยาย) Enaima เป็นสัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง และเลือดมีสีแดง ซึ่งประกอบด้วยสัตว์ 2 พวก ได้แก่

1.         Oviparous คีอ สัตว์ที่ตัวเมียออกลูกเป็นไข่ เช่น เต่า จระเข้ กบ ยุง เป็ด ไก่ ตุ่นปากเป็ด ห่าน ไดโนเสาร์ เป็นต้น

2.         Viviparous คือ สัตว์ที่ตัวเมียออกลูกเป็นตัว เช่น มนุษย์ (คน) ปลาฉลาม ปลาวาฬ ปลาโลมา พะยูน ค้างคาว วัว สุนัข แมว หนู จิงโจ้ หมีแพนด้า เป็นต้น

6.         เมื่อไข่มีการปฏิสนธิกับสเปิร์มแล้ว จะแปรสภาพไปเป็น

(1) เอ็มบริโอ    (2) ไซโกต        (3) ฟีตุส           (4) ตัวอ่อน

ตอบ2 หน้า 184 – 185 ไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิกับสเปร์มแล้ว เรียกว่า ไซโกต (Zygote) และ จากนั้นไซโกตก็จะเจริญเป็นตัวอ่อนหรือคัพภะ (Embryo) ภายในระยะเวลา 2 สัปดาห่

7.         พืชบางชนิด เช่น องุ่นไร้เมล็ด ส้มไร้เมล็ด แตงโมไร้เมล็ด กล้วยหอม รังไข่เจริญเป็นผลได้โดยเม็ดไข่ ไม่มีการปฏิสนธิ เป็นการเจริญแบบที่เรียกว่า

(1) Viviparous   (2) Meiosis         (3) Parthenogenesis (4) Oogenesis

ตอบ 3 หน้า 175 พาร์ทีโนจีเนซิส (Parthenogenesis) เป็นการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศที่ไข่ หรือเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย สามารถจะเจริญเติบโตเป็นสิ่งมีชีวิตหรือเป็นผลไม้ขึ้นมาได้เอง โดยไม่ต้องได้รับการผสมพันธุ์จากเซลล์เพศผู้ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า เป็นการได้ลูกหรือ ผลจากไข่ที่ไม่มีการปฏิสนธิหรือไม่ได้รับการผสมเชื้อเพศผู้ ซึ่งตัวอย่างที่พบเห็นเป็นประจำ เช่น มด ผึ้ง ปลวก องุ่นไร้เมล็ด ส้มไร้เมล็ด แตงโมไร้เมล็ด กล้วยหอม เป็นต้น

8.         การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศโดยวิธี Binary Fission ต่างไปจากแบบ Budding ทีj

(1) Binary Fission พบในพวกเซลล์เดียว          (2) หน่วยใหม่ที่เกิดขึ้นมีขนาดเท่า ๆ กัน

(3) Budding เกิดในพวกหลายเซลล์ได้ด้วย          (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คำบรรยาย) การแบ่งตัวออกเป็นสองส่วน (Binary Fission) เป็นการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศที่เกิดจากเซลล์เดิมแบ่งตัวออกเป็นสองหน่วยใหม่ที่มีขนาดเห่า ๆ กัน ซึ่งจะพบเฉพาะในสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เช่น แบคทีเรีย โปรติสตา อะมีบา โมนีรา ส่วนการแตกหน่อ (Budding) เป็นการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศที่เกิดจากสิ่งมีชีวิตหน่วยเดิมแบ่งตัวออกเป็นสองหน่วยใหม่ ที่มีขนาดไม่เท่ากัน พบได้ทั้งในสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว และสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ เช่น ยีสต์

9.         การสร้างเซลล์เชื้อเพศ เป็นผลของการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส เรียกกระบวนการผลิตเซลล์เชื้อเพศโดยทั่วไปว่า

(1) Oogenesis    (2) Spermatogenesis         (3) Gametogenesis   (4) Parthenogenesis

ตอบ 3 หน้า 172, (คำบรรยาย) กระบวบการสร้างเซลล์เชื้อเพศหรือเซลล์สืบพันธุ์ในสิ่งมีชีวิต หากกล่าวโดยรวมทั่วไปไม่ระบุชนิดของเพศ เรียกว่า แกมีโทจีเนซิส” (Gametogenesis) ซึ่งแบ่งออกเป็น

1.         กระบวนการสร้างเซลล์ไข่หรือเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย เรียกว่า โอโอจีเนซิส” (Oogenesis)

2.         กระบวนการสร้างสเปิร์มหรือเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ เรียกว่า สเปอร์มาโทจีเนซิส” (Spermatogenesis)

10.       อวัยวะใดเป็นแหล่งผลิตเซลล์เชื้อเพศ

(1) Oviduct         (2) Ovaries         (3) Testes  (4) ข้อ 2 กับ 3

ตอบ 4 หน้า 172 อัณฑะ (Testes/Testis) เป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่ผลิตเซลล์เชื้อเพศผู้ เรียกว่า สเปิร์ม” (Sperm) ส่วนรังไข่ (Ovaries/Ovary) เป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่ผลิตเซลล์เชื้อเพศเมีย เรียกว่า ไข่” (Egg) หรือ โอวัม” (Ovum)

11.       ฟัน เป็นอวัยวะที่จัดไว้ในระบบใดของร่างกาย

(1) ระบบโครงกระดูก

(2) ระบบห่อหุ้มร่างกาย

(3) ระบบย่อยอาหาร

(4) ระบบท่อทางเดินอาหาร

ตอบ 4 หน้า 149, (คำบรรยาย) ในกระบวนการกินอาหาร (Nutrition) จะประกอบด้วยอวัยวะต่าง ๆ ที่มาร่วมกันทำหน้าที่เกี่ยวกับอาหาร ซึ่งรวมเรียกร่า ท่อทางเดินอาหาร” (Alimentary Tract) โดยเริ่มต้นจากปากและช่องปาก (เริ่มที่เปาก เหงือก ฟัน ลิ้น ต่อม,นํ้าลาย) หลอดคอ หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ จนถึงทวารหนัก และหากอวัยวะเหล่านี้มีการทำงานร่วมกัน อย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ ก็จะเรียกว่า ระบบท่อทางเดินอาหาร” (Alimentary System)

12.       สัตว์มีวิธีการหาอาหารเลี้ยงตัว เป็นแบบ

(1) Autotrophic Nutrition

(2) Heterotrophic Nutrition

(3) Hemitrophic Nutrition

(4) Holotrophic Nutrition

ตอบ 2 (คำบรรยาย) วิธีการสร้างอาหารของสิ่งมิชีวิต แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ

1.         Autotrophic Nutrition เป็นแบบการสร้างอาหารขึ้นได้เองจากอนินทรียสารของสิ่งมีชีวิต พวกออโตทรอฟ โดยมีอยู่ 2 วิธี ได้แก่ Photosynthesis และ Chemosynthesis

2.         Heterotrophic Nutrition เป็นแบบการสร้างอาหารขึ้นมาใช้เองไม่ได้ของสิ่งมีชีวิต พวกเฮเทอโรทรอฟ จึงต้องออกหาอาหารเลี้ยงชีพหรือได้รับอาหารจากสิ่งมีชีวิตอื่น โดยมีอยู่ 3 วิธี ได้แก่ Saprophytism, Parasitism และ Eating (เช่น คน และสัตว์ทั่วไป)

13.       อวัยวะต่าง ๆ ที่มาร่วมกันทำหน้าที่เกี่ยวกับอาหารที่สัตว์บริโภคเข้าไป เรียกว่า

(1) Digestive Tract

(2)       Digestive System

(3)            Alimentary System

(4)            Alimentary Tract

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 11. ประกอบ

14.       การเคลื่อนไหลของก้อนอาหารภายหลังการกลืนลงไป เป็นการเคลื่อนไหลแบบ

(1) Epistasis       (2)       Semistalsis       (3)       Peristalsis         (4)       Homeostalsis

ตอบ 3 หน้า 149, (คำบรรยาย) เพอริสตาลซิส (Peristalsis) คือ การบีบหดตัวและคลายตัวเป็นจังหวะ แบบลูกคลื่นติดต่อกันเป็นระลอกของกล้ามเนื้อเรียบที่ผนังท่อทางเดินอาหาร ทำให้อาหารที่เคี้ยวแล้วกลืนเข้าไปเกิดการเคลื่อนไหลไปตามอวัยวะต่าง ๆ ตั้งแต่จากปากจนถึงทวารหนัก

15.       ในนํ้าลายของคน มีเอนไซม์ที่สามารถย่อยแป้งได้เป็นบางส่วน เอนไซม์นั้นคือ

(1) อะไมเลส    (2)       ซูเครส  (3)       ไลเปส  (4)       โปรตีเนส

ตอบ 1 หน้า 149 เมื่อคนรับประทานอาหารโดยการเคี้ยว อาหารพวกคาร์โบไฮเดรตประเภทแป้ง (เช่น ขนมปัง มันเทศ ข้าว ฯลฯ) บางส่วนจะถูกย่อยเป็นอันดับแรกในช่องปาก โดยเอนไซม์ อะไมเลส (Amylase) หรือไทยาลิน (Ptyalin) ที่อยู่ในน้ำลาย

16.       บทบาทหน้าที่ที่แท้จริงของนํ้าดี (Bile) คือ

(1) ย้อมกากอาหาร      (2) ย่อยอาหารประเภทไขมัน

(3) แยกไลปิดให้คลายตัวออกจากกัน (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 149, (คำบรรยาย) นํ้าดี (Bile) ที่ถูกสร้างจากถุงนํ้าดีที่ตับมีคุณสมบัติ ดังนี้

1.         น้ำดีไม่ถือว่าเป็นเอนไซม์ แต่จะมีบทบาทหน้าที่หลักในการช่วยทำให้ไลปีดหรือไขมันคลายตัว ออกจากกัน เพื่อสะดวกแก่การย่อยของเอนไซม์ไลเปส

2.         เป็นสารสีเหลืองเข้ม มักมีรสขม          3. ย้อมกากอาหารที่อยู่ในลำไล้ใหญ่ให้มีสีเหลือง

17.       อวัยวะที่มีบทบาทหลักในการย่อยสกัดเอาสารอาหารออกมาใช้งาน คือ

(1)       กระเพาะอาหาร           (2)       ตับอ่อน            (3)       ลำไส้ใหญ่        (4)       ลำไส้เล็ก

ตอบ 4 หน้า 149152, (คำบรรยาย) การย่อยอาหารทุกประเภทของมนุษย์จะสิ้นสุดสมบูรณ์ที่ ลำไส้เล็กตอนปลาย โดยลำไส้เล็กจะมีบทบาทหลักในการย่อยสกัดเอาสารอาหารออกมาใช้งาน คือ สารอาหารที่ได้จากการย่อยสกัดประเภทกรดไขมันและกลีเซอรอลจะถูกดูดซับและลำเลียง เข้าสู่หลอดนํ้าเหลือง (Lacteal) แล้วเข้าไปในเส้นเลือดไปยังเนื้อเยื่อต่าง ๆ ส่วนสารอาหาร ประเภทกลูโคสและกรดอะมิโนจะถูกดูดซับและลำเลียงเข้าสู่หลอดเลือดฝอย (Capillary) ไปยังตับ และจะถูกนำไปใช้งานต่อไป โดยหลอดนํ้าเหลืองและหลอดเลือดฝอยที่เป็นทางเข้าของสารอาหาร เหล่านี้จะแทรกซึมอยู่ในผนังของลำไส้เล็กซึ่งยื่นออกมาเป็นเส้นเล็ก ๆ เรียกว่า วิลลัส (Villus)

18.       กลุ่มเซลล์ของเนื้อเยื่อบุผนังด้านในของลำไล้เล็ก แต่ละหน่วย เรียกว่า

(1)       วิลลัล   (2)       เยื่อบุทรงสูง     (3)       เยื่อบุมีแผงขน (4)       แลคทีล

ตอบ 1 หน้า 152, (คำบรรยาย) วิลลัส (Villus) เป็นส่วนของเยื่อบุทรงสูงที่บุผนังด้านในของลำไส้เล็ก มีลักษณะคล้ายนิ้วมือยื่นออกมาเป็นเส้นเล็ก ๆ ซึ่งเมื่ออยู่รวมกันเป็นกลุ่มเป็นจำนวนมาก จะเรียกว่า วิลไล (Villi)

19.       หลอดท่อที่มีหน้าที่ดูดซับและลำเลียงสารอาหารประเภทกรดไขมันและกลีเซอรอล คือ

(1) Capillary Artery   (2)       Capillary Vein (3)       Lacteal     (4)       Villi

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 17. ประกอบ

20.       ส่วนใดของหัวใจที่เป็นบริเวณรับเลือดที่มาจากอวัยวะอื่น

(1) สองห้องซีกบน       (2)       สองห้องซีกล่าง           (3)       สองห้องฟากขวา         (4)       สองห้องฟากซ้าย

ตอบ 1 หน้า 152, (คำบรรยาย) หัวใจของคนมี 4 ห้อง โดยแบ่งออกเป็นสองซีก คือ

1.         สองห้องซีกบน เรียกว่า เอเตรียม” (Atrium) ซึ่งทำหน้าที่รับเลือดจากอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายเข้าสู่หัวใจ โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพของเลือด

2.         สองห้องซีกล่าง เรียกว่า เวนตรีเคิล” (Ventricle) ซึ่งทำหน้าที่ส่งเลือดออกจากหัวใจ ไปยังอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพของเลือดเช่นกัน

21.       หลอดเลือดที่นำสารอาหารจากตับส่งเข้าสู่หัวใจ คือหลอดเลือดประเภท

(1) หลอดเลือดเวน 

(2) หลอดเลือดอาร์เทอรี 

(3) หลอดเลือดฝอย       

(4) เอออร์ตา

ตอบ 1 หน้า 152, (คำบรรยาย) หลอดเลือดที่มาติดต่อกับหัวใจมี 2 ประเภท คือ

1.         หลอดเลือดเวน (Vein) ทำหน้าที่นำเลือดที่ผ่านการใช้งานแล้วจากอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกา มาสมทบกับสารอาหารจากตับส่งเข้าสู่หัวใจ โดยจะมีลักษณะเป็นสีเขียวอมน้ำเงิน ซึ่งแพทย์ มักจะทำการเจาะและดูดเลือดจากหลอดเลือดเวนนี้เพื่อนำไปตรวจหาปริมาณสารอาหาร และสารต่าง ๆ หรือหาข้อมูลทางการแพทย์ ทั้งนี้เพราะมองเห็นได้ง่าย

2.         หลอดเลือดอาร์เทอรี (Artery) ทำหน้าที่นำเลือดออกจากหัวใจไปส่งตามอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย

22.       ปกติการเจาะเลือดเพื่อนำไปตรวจหาปริมาณสารอาหารและสารต่าง ๆ เจ้าหน้าที่จะเจาะที่หลอดเลือดประเภทใด

(1) หลอดเลือดอาร์เทอริ          

(2) หลอดเลือดเวน

(3) หลอดเลือดฝอย     

(4) หลอดเลือดประเภทใดก็ได้

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 21. ประกอบ

23.       โปรตีนส่วนเกินจากที่ร่างกายต้องการ จะถูกขจัดออกนอกร่างกายในรูปของ

(1)       เหงื่อ    

(2) ปัสสาวะ    

(3) อุจจาระ      

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 154 – 156, (คำบรรยาย) ไต เป็นอวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่ขจัดโปรตีนในรูปกรดอะมิโน ส่วนเกินจากที่ร่างกายต้องการ โดยไตจะแปรรูปกรดอะมิโนไปเป็นกรดยูริก –เกลือยูเรีย (ผสมนํ้า) –> สารละลายยูรีนซึ่งมีกลิ่นแอมโมเนียรวมอยู่ และถูกขับออกนอกร่างกายในรูปของ นํ้าปัสสาวะในที่สุด

24.       อาการของการแลกเปลี่ยนอากาศภายนอก ที่ปรากฏให้เห็นได้ คือ

(1)       กรหายใจเข้า (2) การหายใจออก

(3) การหายใจเข้า-ออกสลับกัน           (4) การกระเพื่อมยุบ-ยืดของอก

ตอบ 3 หน้า 157 – 158, (คำบรรยาย) การหายใจหรือการแลกเปลี่ยนอากาศ แบ่งออกเป็น 2 ตอน คือ

1.         การแลกเปลี่ยนอากาศภายนอก (External Respiration) เป็นการแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจน และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ระหว่างอากาศภายนอกกับถุงลมในปอด โดยอาศัยกลไกของ การสูดลมหายใจเข้า-ออกสลับกันทางจมูก

2.         การแลกเปลี่ยนอากาศภายใน (Internal Respiration) เป็นการแลกเปลี่ยนก๊าซระหว่าง เม็ดเลือดแดงในหลอดเลือดฝอยกับเซลล์ของร่างกาย

ซึ่งการแลกเปลี่ยนอากาศทั้ง 2 ตอนนี้จะเกิดขึ้นโดยกระบวนการแพร่กระจาย (Diffusion)

25.       การแลกเปลี่ยนอากาศภายใน เป็นการแลกเปลี่ยนอากาศระหว่าง

(1)       เม็ดเลือดแดงกับเม็ดเลือดขาว            (2) เม็ดเลือดแดงกับนํ้าเลือด

(3) เม็ดเลือดแดงกับเซลล์ของร่างกาย            (4) เซลล์กับเซลล์ที่อยู่ใกล้เคียงกัน

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 24. ประกอบ

26.       การแลกเปลี่ยนอากาศ เกิดขึ้นตามหลักการ

(1)       การแพร่กระจาย          (2) การออสโมซิส        (3)ไดอะไลซิส  (4) ทั้งข้อ1และ2ประกอบกัน

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 24. ประกอบ

27.       การหายใจ ซึ่งส่งผลให้ช่องอกยุบ-ขยาย หรือปอดพอง-แฟบ สลับกัน เกิดจากการทำงานของอวัยวะใด

(1)       กะบังลม          (2) กล้ามเนื้อยึดกระดูกซี่โครง

(3) กระดูกอ่อนที่ยึดกระดูกซี่โครงด้านหน้า     (4) ทั้งข้อ 1 และ 2 ประสานงานกัน

ตอบ 4 หน้า 157, (คำบรรยาย) การหายใจ ซึ่งส่งผลให้ช่องอกยุบ-ขยาย หรือปอดพอง-แฟบ สลับกัน ในมนุษย์นั้นเกิดจากการทำงานร่วมกันของกะบังลมกับกล้ามเนื้อยึดกระดูกซี่โครง โดยร่างกาย จะมีลักษณะอาการดังนี้

1.         ขณะที่หายใจเข้า กะบังลมจะหดตัวแบนราบลง และกล้ามเนื้อยึดกระดูกซี่โครงหดตัว ทำให้ช่องอกขยายขนาดและปอดพองตัวขึ้น

2.         ขณะที่หายใจออก กะบังลมจะหย่อนโค้งขึ้น และกล้ามเนื้อยึดกระดูกซี่โครงผ่อนคลายตัวลง ทำให้ช่องอกลดขนาดและปอดยุบแฟบลง

28.       การศึกษาเรื่องของท้องฟ้า ดวงดาว การพยากรณ์อากาศ เป็นวิทยาศาสตร์ประเภทใด

(1)       วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ (2) วิทยาศาสตร์กายภาพ

(3) วิทยาศาสตร์,ประยุกต์      (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 (คำบรรยาย) วิทยาศาสตร์กายภาพ (Physical Science) เป็นสาขาหนึ่งของวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ หรือวิทยาศาสตร์ธรรมชาติที่ศึกษาเกี่ยวกับสิ่งไม่มีชีวิต เพื่อให้เกิดความเข้าใจในการเปลี่ยนแปลง ของสิ่งแวดล้อมของโลก หรือความเป็นไปของธรรมชาติ เช่น การสังเกตและศึกษาเกี่ยวกับ ภาวะโลกร้อนธรณีวิทยา (แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด)อุทกวิทยา (น้ำท่วม)อุตุนิยมวิทยา (ประกาศคาดการณ์ลักษณะอากาศ การพยากรณ์อากาศ)ดาราศาสตร์ (ท้องฟ้า ดวงดาว) เป็นต้น

29.       วิทยาศาสตร์ชีวภาพที่มุ่งพิจารณาถึงเฉพาะความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในกลุ่มของสิ่งมีชีวิต (ไม่เกี่ยวกับ ฐานะบทบาทหน้าที่) เรียกว่า

(1) ประชากรศาสตร์    (2) สังคมศาสตร์          (3) รัฐศาสตร์   (4) นิเวศวิทยา

ตอบ 2 (คำบรรยาย) พฤติกรรมศาสตร์ (Behavior Science) เป็นศาสตร์สาขาหนึ่งของวิทยาศาสตร์ ชีวภาพที่เน้นศึกษาพฤติกรรมการแสดงออกของสิ่งมีชีวิต โดยแบ่งออกเป็น 2 สาขาวิชา คือ

1.         สังคมศาสตร์ (Social Science) เป็นความรู้ทางพฤติกรรมศาสตร์ที่พิจารณาถึงความเกี่ยวข้อง สัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในกลุ่มสิ่งมีชีวิตนั้น ๆ ได้แก่ วิชานิติศาสตร์ สังคมวิทยา เป็นต้น

2.         รัฐศาสตร์ (Political Science) เป็นความรู้ทางพฤติกรรมศาสตร์ที่พิจารณาถึงฐานะ บทบาท หน้าที่ของสมาชิกในสังคมสิ่งมีชีวิตนั้น ๆ

30.       หากต้องการปฏิบัติภารกิจที่รับผิดชอบให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ท่านพึงต้องใช้คุณธรรมข้อใด

(1) พรหมวิหารธรรม    (2) ฆราวาสธรรม         (3) สังคหวัตถุธรรม      (4) อิทธิบาทธรรม

ตอบ     4 (คำบรรยาย) อิทธิบาท 4 คือ หลักคุณธรรมที่เป็นพื้นฐานนำไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายทั้งในการครองชีวิต การปฏิบิตหน้าที่การงาน และการศึกษา ประกอบด้วย

1.         ฉันทะ (มีใจรัก) คือ รักงาน พอใจจะทำ ทำด้วยใจรัก ต้องการทำให้สำเร็จอย่างดี ซึ่งถือเป็น แรงจูงใจที่ดีอันดับแรกในการปฏิบัติหน้าที่ต่าง ๆ ด้วยความกระตือรือร้น

2.         วิริยะ (มีความเพียร) คือ สู้งาน ขยันหมั่นกระทำด้วยความพยายาม มีความวิริยะอุตสาหะ ตั้งใจจริง เข้มแข็ง อดทน ไม่ท้อถอย

3.         จิตตะ (มีความฝักใฝ่) คือ ใส่ใจงาน เอาใจใส่ในสิ่งที่ทำด้วยความอุทิศตัวและใจ

4.         วิมังสา (ใช้ปัญญาสอบสวน) คือ ทำงานด้วยปัญญา รู้จักไตร่ตรองพิจารณา ใคร่ครวญหาเหตุผล ตรวจสอบข้อบกพร่อง รู้จักทดลอง วางแผน วัดผล คิดคนวิธีแก้ไขปรับปรุง

31.       หมู่หรือจำนวนของสิ่งมีชีวิตชนิดใดชนิดหนึ่งเรียกว่า

(1) ชนิดพันธุ์ (Species)    

(2) ชุมชน (Community)

(3) ประชากร (Population)      

(4) สังคม (Society)

ตอบ 1 หน้า 570, (คำบรรยาย) ชนิดพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต (Species) หมายถึง หมู่หรือจำนวนของ สิ่งมีชีวิตชนิดใดชนิดหนึ่ง หรือเป็นกลุ่มของสิ่งมีชีวิตพวกเดียวกัน โดยมีลักษณะสำคัญดังนี้

1.         มีรูปร่างลักษณะและการจัดระเบียบโครงร่างแบบเดียวกัน

2.         มีวิถีการดำรงชีวิตเป็นไปในรูปแบบเดียวกัน

3.         มีการเพิ่มทวิจำนวน    

4. สามารถสืบต่อเผ่าพันธุ์ของตนได้

5.         ได้รับอิทธิพลจาก DNA หรือ Gene แต่ไม่ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของสิ่งแวดล้อม

32.       ผู้ที่ใช้เศษอาหารเหลือจนเป็นปุ๋ยหมัก คือ

(1) สัตว์บก      

(2) สัตว์น้ำ       

(3) แบคทีเรีย   

(4) แมลง

ตอบ 3 หน้า 26234, (คำบรรยาย) กลุ่มผู้ย่อยสลายทำลาย (Decomposer) มีการดำรงชีพแบบ Saprophytism นั่นคือ การกินซากของเสียหรือซากสิ่งมีชีวิตอื่นที่ตายแล้ว โดยการผลิตเอนไซม์ ออกมาทำการย่อยสลายซากสิ่งมีชีวิต ของเสีย ขยะมูลฝอย และเศษอาหาร ให้ยุบย่อยสลายตัว กลายเป็นปุ๋ยหมัก อันมีธาตุพื้นฐานที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งสิ่งมีชีวิตในกลุ่มนี้ ได้แก่ เห็ด เชื้อรา และแบคทีเรีย

33.       ข้อใดไม่ใช่สิ่งแวดล้อมที่เป็นตัวกำหนดเขตและควบคุมการกระจายของประชากร

(1) อากาศร้อนจัด        

(2)       ฝนตกนอกฤดูกาล       

(3)       แม่น้ำเจ้าพระยา          

(4) เชื้ออหิวาตกโรค

ตอบ 4 หน้า 71 สิ่งแวดล้อมที่เป็นตัวกำหนดอาณาเขตและควบคุมการกระจายของประชากร ได้แก่ แม่น้ำ ทะเล แผ่นดิน ภูเขา ภูมิอากาศ ปริมาณนํ้าฝน เป็นต้น

34.       สังคม ผึ้ง” มักใช้สิ่งใดในการสื่อสาร

(1) เสียง          (2)       ภาษา   (3)       สัญญาณทางกาย       (4) สัญลักษณ์

ตอบ 3 หน้า 71-72 สังคม (Society) เป็นการอยู่รวมกันของประขากรของสิ่งมีชีวิต มีความสัมพันธ์ และร่วมสร้างประโยชน์แก่กันและกันเพื่อความอยู่รอด โดยในการรวมกันเป็นสังคมนี้ แต่ละสังคม จะต้องมีวิธีการสื่อสารเพื่อความเข้าใจร่วมกัน ซึ่งสิ่งที่ใช้ในการสื่อสารอาจเป็นสัญญาณทางกาย เช่น สังคมผึ้ง หรือภาษาสื่อสารกันภายในสังคมนั้น ๆ เช่น สังคมมนุษย์ เป็นต้น

35.       ก๊าซซนิดใดถูกพืชนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง

(1) ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์     (2) ก๊าซออกซิเจน

(3) ก๊าซไนโตรเจน        (4) ก๊าซไฮโดรเจน

ตอบ 1 หน้า 7389 วัฎจักรของธาตุคาร์บอน เป็นการหมุนเวียนของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งอยู่ในอากาศและละลายปนอยู่ในนํ้า โดยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นี้นับว่าเป็นแหล่งของธาตุคาร์บอนที่สำคัญของพืชที่จะนำไปใช้ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงเพื่อแปรสภาพเป็นอาหาร และจะกลับคืนสู่อากาศอีกครั้งหนึ่งในฐานะเป็นผลของการหายใจของพืชและสัตว์ นอกจากนี้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ยังอาจเกิดขึ้นได้จากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงต่าง ๆ

36.       กระบวนการย่อยสลายในห่วงโซ่อาหาร ก๊าซใดจะถูกนำมาใช้

(1) ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์     (2) ก๊าซออกซิเจน

(3) ก๊าซแอมโมเนีย      (4) ก๊าซมีเทน

ตอบ 3 หน้า 74 ในกระบวนการย่อยสลายในห่วงโซ่อาหาร เมื่อพืชหรือสัตว์ตายลง ธาตุไนโตรเจน ซึ่งเป็นองค์ประกอบของพืชและสัตว์ที่สะสมอยู่ในตัวก็จะถูกเปลี่ยนรูปให้เป็นก๊าซแอมโมเนีย (NH3) ซึ่งต่อมาก๊าซแอมโมเนียจะถูกแบคทีเรียชนิดที่เรียกว่า Nitrifying bacteria ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงให้เป็นสารประกอบไนเตรท

37.       หน้าที่หลักของสารอินทรีย์ มีอยู่กี่ประการ

(1) 2 ประการ  (2) 3 ประการ  (3) 4 ประการ  (4) 1 ประการ

ตอบ 1 หน้า 73 สารอินทรีย์มีหน้าที่หลัก 2 ประการ คือ

1.         เป็นองค์ประกอบของโครงสร้างของสิ่งมีชีวิต และจะคงอยู่ในสภาพนั้นจนกว่าสิ่งมีชีวิตนั้น จะตาย

2.         ถูกนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในกระบวนการหายใจของสิ่งมีชีวิต

38.       ข้อใดคือหน้าที่หลักของสารอินทรีย์

(1)       มีหน้าที่เปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้อยู่ในรูปคงที่

(2)       เป็นองค์ประกอบของโครงสร้างสิ่งมีชีวิตจนตาย

(3)       มีความสำคัญในวัฏจักรของธาตุคาร์บอน     

(4) เป็นองค์ประกอบหลักของธาตุไนโตรเจน

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 37. ประกอบ

39.       ธาตุไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบหลักของอะไร

(1) ไขมัน          (2) โปรตีน       (3) แป้ง           (4) วิตามิน

ตอบ 2 หน้า 182040 โปรตีน (Protein) เป็นสารประกอบอินทรีย์โมเลกุลใหญ่ที่เกิดจากการรวมตัวกันของกรดอะมิโน (Amino Acid) ซึ่งประกอบขึ้นด้วยธาตุคาร์บอน ไฮโดรเจน ออกซิเจน และไนโตรเจน โดยธาตุไนโตรเจนจะยึดเกาะอยู่กับธาตุไฮโดรเจน กลายเป็นหมู่ธาตุ ที่เรียกว่า อนุมูลกรดอะมิโน (Amino Radical-NH2)

40.       วัฏจักรของไนโตรเจนจะมีแบคทีเรียเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างน้อยกี่ประเภท

(1)       หน้งประเภท   (2) สองประเภท          (3) สามประเภท          (4) สี่ประเภท

ตอบ4  หน้า 7489 วัฏจักรของไนโตรเจน เป็นการหมุนเวียนของก๊าซไนโตรเจนในอากาศ โดยอาศัยการทำงานของแบคทีเรีย 4 ประเภท ได้แก่

1.         Decomposing bacteria มีหน้าที่ทำให้ซากพืชซากสัตว์เกิดการเน่าเปื่อยกลายเป็นก๊าซแอมโมเนีย

2.         Nitrifying bacteria มีหน้าที่เปลี่ยนก๊าซแอมโมเนียให้เป็นสารประกอบไนเตรท

3.         Denitrifying bacteria มีหน้าที่เปลี่ยนสารประกอบไนเตรทให้สลายตัวเป็นก๊าซไนโตรเจน กลับคืบสู่อากาศ

4.         Nitrogen-fixing bacteria มีหน้าที่เปลี่ยนก๊าซไนโตรเจนในอากาศให้เป็นสารประกอบไนเตรท ซึ่งเป็นรูปที่พืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้

41.       การศึกษา นิเวศวิทยา” คือการศึกษาเกี่ยวกับ       

(1) การศึกษาสิ่งแวดล้อมทางกายภาพกับสิ่งมีชีวิต

(2)       การศึกษาสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกนี้  

(3) การศึกษาสิ่งแวดล้อมทุกด้าน

(4)       การศึกษาการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศในปัจจุบัน

ตอบ 1 หน้า 179, (คำบรรยาย) นิเวศวิทยา (Ecology) เป็นศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งในทางชีววิทยาแบ่งสิ่งแวดล้อมออกเป็น 2 ประเภท คือ สิ่งแวดล้อมทางกายภาพหรือสิ่งแวดล้อมที่ไม่มีชีวิต และสิ่งแวดล้อมทางชีวภาพหรือ สิ่งแวดล้อมที่มีชีวิต

42.       พ่อแม่พันธ์กุ้งก้ามกรามมักวางไข่บริเวณปากแม่น้ำ บริเวณปากแม่นํ้า” ถือว่าเป็น

(1) Community 

(2) Habitat         

(3) Continental Shelf 

(4) Freshwater

ตอบ 2 หน้า 79, (คำบรรยาย) แหล่งที่อยู่อาศัย (Habitat) ที่ประกอบขึ้นมาเป็นโลก มีอยู่ 2 ส่วน คือ

1.         Hydrosphere คือ แหล่งอาศัยที่เป็นนํ้า ซึ่งแบ่งออกเป็นแหล่งอาศัยที่เป็นน้ำจืด (Freshwater / Inland Habitat), แหล่งอาศัยที่เป็นน้ำเค็ม (Marine / Oceanic / Maritime Habitat) และแหล่งอาศัยที่เป็นนํ้ากร่อย (Estuarine Water Habitat)

2.         Lithosphere คือ แหล่งอาศัยที่เป็นพื้นผิวดินหรือแหล่งอาศัยที่เป็นบก (Terrestrial /Land Habitat)

43.       บริเวณไหล่ทวีปของประเทศไทย คือ

(1) ฝั่งทะเลอันดามัน   (2) ฝั่งทะเลตะวันออก (3) บริเวณอ่าวไทย      (4) ฝั่งทะเลแปซิฟิก

ตอบ 3 หน้า 79, (คำบรรยาย) ไหล่ทวีป (Continental Shelf) เป็นแหล่งอาศัยนํ้าเค็มที่มีรูปร่าง คล้ายอ่างหรือกระทะที่ลาดลงจากชายฝั่งทีละน้อย ๆ และเป็นบริเวณที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ อย่างอุดมสมบูรณ์มาก จึงนับว่าเป็นแหล่งอาศัยนํ้าเค็มที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจด้าน การประมง เช่น บริเวณอ่าวไทย เป็นต้น

44.       พี้นผิวหน้าดินก้นมหาสมุทรที่ลึกที่สุดอยู่บริเวณใด

(1) ภาคตะวันตกของประเทศอินเดีย  (2) ฝั่งทะเลอันดามัน

(3)       ทะเลแคริบเบียน         (4) ภาคตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์กับหมู่เกาะญี่ปุน

ตอบ4 หน้า 79 – 80 ลาดทวีป (Continental Slope) คือ บริเวณที่มีความชันมากขึ้นต่อจากไหล่ทวีป ซึ่งจะมีความชันไปถึงระดับพื้นผิวหน้าดินก้นมหาสมุทร โดยบางแห่งอาจมีลักษณะเป็นแอ่งลึก ซึ่งแอ่งลึกที่สุดที่สำรวจพบในปัจจุบันมีความลึกจากผิวน้ำทะเลประมาณ 35,000 ฟุต อยู่ใน มหาสมุทรแปซิฟิก ระหว่างเกาะมินดาเนา ภาคตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์กับหมู่เกาะญี่ปุ่น

45.       แนวเขตขายฝั่ง” (Littoral Zone) หมายถึงอาณาบริเวณใด

(1) บริเวณความลึกมากกว่า 600 ฟุต (2) อาณาเขตจากชายฝั่งไปจนหมดเขตของไหล่ทวีป

(3) ไม่มีสิ่งมีชีวิตกลุ่ม Benthos    (4) พืชจำพวกสาหร่ายมีน้อย

ตอบ 2 หน้า 80 แนวเขตชายฝั่ง (Littoral Zone) เป็นอาณาเขตของท้องทะเลนับจากชายฝั่งออกไป จนหมดเขตของไหล่ทวีป เป็นบริเวณที่มีความลึกไม่เกิน 100 ฟาธอมหรือ 600 ฟุต แสงแดดยังส่องลงไปได้ถึง จึงพบว่ามีพืชที่สังเคราะห์แสงได้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกแอลจีหรือสาหร่ายชนิดต่าง ๆ อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้แล้วยังมีสัตว์และพืชที่มีขนาดเล็กมากมารวมกันอยู่ที่ผิวนํ้า ซึ่งได้แก่          

1. แพลงก์ตอน (Plankton) เป็นพวกที่ลอยไปมาตามแรงคลื่นลมและไม่แข็งแรง

พอที่จะว่ายนํ้าเองได้   

2. เนคตอน (Nekton) เป็นพวกที่สามารถว่ายนํ้าได้เองโดยอิสระ

3.         เบนธอส (Benthos) เป็นพวกที่อาศัยอยู่ที่หน้าดินหรือในดิน

46.       สิ่งมีชีวิตซึ่งสามารถว่ายนํ้าได้อย่างอิสระ คือกลุ่มใด

(1) Nekton          (2) Plankton      (3) Benthos        (4) Pelagic

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 45. ประกอบ

47.       บริเวณน้ำขึ้นลงอยู่เป็นประจำ เรียกว่า

(1) Continental Shelf (2) Intertidal Zone   (3) Pelagic Zone         (4) Mesopelagic Zone

ตอบ 2 หน้า 80 Intertidal Zone หรือ Strand เป็นบริเวณที่มีการขึ้นลงของนํ้าอยู่เป็นประจำทุกวัน จึงทำให้สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ต้องปรับตัวให้รอดพ้นจากความร้อนของแสงอาทิตย์ หรือแสงแดด และแรงอัดกระแทกของคลื่นที่ซัดเข้าสู่ฝั่งตลอดเวลา เช่น สามารถเคลื่อนไหวได้ อย่างรวดเร็ว หรือมีสิ่งยึดเกาะกับก้อนหินอยู่อย่างเหนียวแน่น และทนต่อสภาพการขาดนํ้าได้ ในช่วงระยะเวลาที่น้ำลด

48.       สิ่งมีชีวิตซึ่งอาศัยในบริเวณ Intertidal Zone ต้องมีการปรับตัวแบบใด

(1) ต้องเป็นสิ่งมีชีวีตที่มีคลอโรฟิลส์เท่านั้น     (2) เคลื่อนที่ให้ช้าลง

(3) ทนต่อการอัดกระแทกของคลื่นที่ซัด           (4) ต้องอยู่ใต้นํ้าตลอดเวลา

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 47. ประกอบ

49.       สิ่งมีชีวิตในเขตที่เรียกว่า “Pelagic Zone” ควรมีการปรับตัวอย่างไร

(1) ปรับตัวให้พ้นจากความร้อนของแสงแดด  (2) การอัดกระแทกของคลื่น

(3) ทนสภาพการขาดน้ำ          (4) มีความสามารถว่ายนํ้าได้อย่างแข็งแรง

ตอบ 4 หน้า 80 Pelagic Zone หมายถึง ท้องทะเลบริเวณที่เลยเขตไหล่ทวีปออกไป โดยสิ่งมีชีวิต ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ต้องปรับตัวให้สามารถลอยตัวหรือว่ายนํ้าได้อย่างแข็งแรง เพราะเป็น บริเวณที่ไม่มีสิ่งใดให้ใช้ยึดเกาะได้ ซึ่งสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในบริเวณนี้มักมีขนาดใหญ่ เช่น ปลาวาฬ ปลาโลมา ปลาฉลาม เต่าทะเล เป็นต้น

50.       แหล่งที่อยู่อาศัยที่เป็นนํ้าเค็ม เรียกว่า

(1) Marine Habitat    (2) Terrestrial Habitat (3) Ecosystem         (4) Inland Habitat

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 42. ประกอบ

51.       ปลาวาฬและเต่าทะเล เป็นสิ่งมีชีวิตซึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณใด

(1) Pelagic Zone         

(2) Intertidal Zone 

(3) Littoral Zone  

(4) Continental Shelf

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 49. ประกอบ

52.       บริเวณมหาสมุทรที่มีระดับความลึกตั้งแต่ 600 ฟุตลงไปจะมีลักษณะดังนี้

(1) การไหลเวียนของกระแสนํ้ามีน้อยมาก      

(2) การไหลเวียนของกระแสนํ้าค่อนข้างรุนแรง

(3) มีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในรอบวันสูง        

(4) มีอุณหภูมิโดยเฉลี่ย 15 – 20 องคาเซลเซียส

ตอบ 1 หน้า 80 บริเวณมหาสมุทรที่มีระดับความลึกตั้งแต่ 600 – 6,000 ฟุต เป็นบริเวณที่แสงแดด ไม่อาจส่องลงไปได้ถึง จึงเป็นบริเวณที่มืดสนิทอยู่ตลอดเวลา การไหลเวียนของกระแสน้ำ มีน้อยมาก ทำให้อุณหภูมิของนํ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงและจะเย็นจัด โดยมีอุณหภูมิประมาณ 10 – 1 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ความกดดันของนํ้าจะสูงมาก ซึ่งความกดดันนี้จะเพิ่มขึ้น 1 หน่วยบรรยากาศในทุก ๆ ความลึก 93 ฟุต

53.       ความกดดันของนํ้าบริเวณลึกที่สุดของมหาสมุทรอะมีมากกว่าผิวนํ้าโดยประมาณกี่เท่า

(1) 10 เท่า       (2) 100 เท่า     (3) 500 เท่า     (4) 1000 เท่า

ตอบ 4 หน้า 80 – 81 บริเวณที่ลึกที่สุดของมหาสมุทรนั้น ความกดดันของนํ้าจะมีมากกว่าความกดดัน ที่ผิวนํ้าเป็น 1000 เท่า สัตว์ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้จึงมีน้อยมาก ทำให้บริเวณใต้ทะเลลึกนั้นเงียบสงัด โดยอาหารที่สัตว์ในบริเวณนี้ได้รับ คือ ซากอินทรียสาร ซึ่งตกลงมาจากน้ำที่อยู่ในระดับสูงกว่า ตลอดเวลา ส่วนพืชที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้มีเพียงแบคทีเรียเท่านั้น การดำรงชีวิตเป็นแบบแก่งแย่งทำลายกัน (Competition) สัตว์ทุกชนิดจะต้องมีความว่องไวและมีประสาทสัมผัสที่ดี นอกจากนี้สัตว์บางชนิดยังมีความสามารถในการเรืองแสงเพื่อประโยชน์ในการหาอาหารและหาคู่เพื่อการผสมพันธุ์

54.       อาหารที่สัตว์นํ้าใต้ท้องทะเลลึกหากินมักเป็นอาหารประเภทใด

(1) ตัวอ่อนของหนอนทะเล (2) ซากอินทรียสาร (3) อนินทรียสาร        (4) สัตว์นํ้าวัยอ่อน

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 53. ประกอบ

55.       การดำรงชีวีตของสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลลึกส่วนใหญ่เป็นแบบใด

(1) Neutralism  (2) Commensalism (3) Competition (4) Mutualism

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 53. ประกอบ

56.       สัตว์ใต้ท้องทะเลลึกบางชนิดสามารถเรืองแสงเพื่อประโยชน์อะไร

(1) เพื่อหาคู่การผสมพันธุ์        (2) เพื่อการหาที่อยู่อาศัย

(3) ป้องกันภัยจากศัตรู            (4) เพื่อการลอยตัว

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 53. ประกอบ

57.       ลักษณะใดซึ่งไม่ได้นำมาพิจารณาในการจัดหมวดหมู่ของสิ่งมีชีวิตในช่วงแรก

(1) วิวัฒนาการ            (2) แหล่งที่อยู่อาศัย     (3) การดำรงชีวิต         (4) รูปร่างโครงสร้าง

ตอบ 1 หน้า 91 ในการจัดหมวดหมู่ของสิ่งมีชีวิตในช่วงแรกนั้น นักปราชญ์ได้พยายามวางกฎเกณฑ์ เป็นแนวปฏิบัติไว้ แต่ก็ยังมิได้เป็นกฎเกณฑ์ที่แน่นอนอาศัยเพียงการพิจารณาความแตกต่าง หรือความคล้ายคลึงของลักษณะที่สังเกตเห็นได้ คือ แหล่งที่อยู่อาศัย (Habitat) ลักษณะการดำรงชีวิต (Mode of Living) รูปร่างโครงสร้าง (Structure) ส่วนความสัมพันธ์ในเชิงของวิวัฒนาการ (Evolution) ไม่ได้นำมาพิจารณาเลย

58.       นักปราชญ์ชาวกรีกอริสโตเติลจัดหมวดหมู่ของสิ่งมีชีวิตโดยอาศัยลักษณะอะไร

(1) การดำรงชีวิต         (2) การเลือกชนิดอาหาร          (3) สีเลือด       (4) ที่อยู่อาศัย

ตอบ 3 หน้า 91 อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ชาวกรีก ได้จัดหมวดหมู่ของสิ่งมีชีวิตโดยอาศัย โครงสร้างและลักษณะของสีเลือด ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ

1. Anaima 2. Enaima

59.       สิ่งมีชีวิตที่จัดอยู่ในกลุ่ม Anaima คือ

(1) กับ (2) ตุ๊กแก         (3) นกกระสา  (4) ฟองน้ำ

ตอบ 4 หน้า 91 Anaima เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง และเลือดไม่มีสีแดง ประกอบด้วยสัตว์พวกต่าง ๆ 5 พวก ได้แก่ 1. ปลาหมึก 2. กุ้ง กั้ง ปู 3. แมลงและแมงมุม 4. หอยและหอยเม่น

5.         ฟองนํ้าและกะพรุน

60.       สัตว์ชนิดใดออกลูกเป็นไข่

(1) ตุ่นปากเป็ด            (2) แมว            (3) ปลาวาฬ    (4) วัว

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 5. ประกอบ

61.       คำว่า Viviparous หมายถึง

(1) สัตว์ซึ่งออกลูกเป็นไข่         

(2) สัตว์ซึ่งออกลูกเป็นตัว

(3) สัตว์ที่ออกลูกเป็นไข่และเป็นตัว     

(4) สัตว์ที่ออกลูกเป็นไข่ครั้งละมากกว่า 10 ฟอง

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 5. ประกอบ

62.       การจัดหมวดหมู่สิ่งมีชีวิตแบบ Natural System มีการพิจารณานำหลักเกณฑ์ใดเป็นหลักเกณฑ์ใหญ่

(1) แหล่งที่อยู่อาศัย     

(2) การดำรงชีวิต         

(3) รูปร่างโครงสร้าง    

(4) วิวัฒนาการ

ตอบ 4 หน้า 91 -92 Carolus Linnaeus นักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดน ได้คิดระบบการจัดหมวดหมู่ ของสิ่งมีชีวิตโดยพิจารณาความสัมพันธ์ทางวิวัฒนาการเป็นหลักเกณฑ์ใหญ่ ซึ่งเรียกระบบแบบนี้ว่า Natural System นอกจากนี้ยังได้เสนอให้มีระบบการตั้งชื่อสกุลและชื่อชนิดของสิ่งมีชีวิตแบบ Binomial Nomenclature ซึ่งเรียกว่า ชื่อวิทยาศาสตร์ (Scientific Name) โดยกำหนดว่า สิ่งมีชีวิตใดที่มีความสัมพันธ์ใกล้เคียงกันมากก็ให้ใช้ชื่อเดียวกัน และต้องมีชื่อชนิดของสิ่งมีชีวิต กำกับไว้ด้วย จึงทำให้ชื่อของสิ่งมีชีวิตประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ชื่อสกุล และชื่อชนิด

63.       ชื่อวิทยาศาสตร์” ของสิ่งมีชีวิตประกอบด้วย

(1) ชื่อชนิดพันธุ์           (2) ชื่อของชนิด

(3) ชื่อสกุลและชื่อชนิด            (4) ชื่อชนิดพันธุ์และชื่อผู้ตั้ง

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 62. ประกอบ

64.       การลำดับหมวดหมู่ของสิ่งมีชีวิต สกุล (Genus) ต่าง ๆ ที่คล้ายคลึงกันจัดให้เป็น

(1)       วงศ์ (Family) เดียวกัน      (2) อันดับ (Order) เดียวกัน

(3) ชั้น (Class) เดียวกัน       (4) ไฟลัม (Phylum) เดียวกัน

ตอบ 1 หน้า 92 Carolus Linnaeus ได้กำหนดการลำดับหมวดหมู่ของสิ่งมีชีวิตไว้ว่า สิ่งมีชีวิตนั้น แยกออกเป็น ชนิด” (Species) สิ่งมีชีวิตที่มีความคล้ายคลึงกันมากจัดให้อยู่ใน สกุล” (Genus) เดียวกัน สกุลต่าง ๆ ที่คล้ายคลึงกันจัดให้อยู่ใน วงศ์” (Family) เดียวกัน วงศ์ใด ๆ ที่มีความสัมพันธ์ ใกล้เคียงกันจัดให้อยู่ใน อันดับ” (Order) เดียวกัน อันดับของสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน จัดให้อยู่ใน ขั้น” (Class) เดียวกัน ขั้นต่าง ๆ ที่มี ลัษณะร่วมกันจัดให้อยู่ใน ไฟลัม” (Phylum) หรือ ดิวิชัน” (Division) ซึ่งเมื่อรวมเข้าหลาย ๆ ไฟลัม หรืดิวิชันเรียกว่า อาณาจักร” (Kingdom)

65.       ชื่อวิทยาศาสตร์ของคน คือ    

(1) Homo sapiens

(2)       Micheiia champaca          (3) Peneous monodon (4) Scortotino anpnosa

ตอบ 1 หน้า 92 – 93 ในการเขียนชื่อวิทยาศาสตร์ (Scientific Name) ให้ขึ้นต้นชื่อสกุลด้วยตัวพิมพ์ใหญ่หรือตัวเขียนใหญ่ นอกจากนั้นใช้อักษรตัวเล็กทั้งหมด และมักจะถูกพิมพ์ด้วย ตัวเอน เช่น ชื่อวิทยาศาสตร์ของคน คือ Homo sapiens, ชื่อวิทยาศาสตร์ของจำปา คือ Micheiia champaca เป็นต้น

66.       วิตามินชนิดใดที่ละลายได้ในนํ้า

(1)       วิตามิน A      (2) วิตามิน C  (3) วิตามิน D (4) วิตามิน K

ตอบ 2 หน้า 44 วิตามินแบ่งตามคุณสมบัติการละลายได้เป็น 2 ประเภท คือ

1.         วิตามินที่ละลายในนํ้า ได้แก่ วิตามิน และวิตามิน C

2.         วิตามินที่ละลายในนํ้ามัน ได้แก่ วิตามิน A, D, E และ K

67.       ออร์แกเนลล์ข้อใด ได้ชื่อว่าเป็นโรงผลิตไฟฟ้าของเซลล์         

(1) ไลโซโซม (Lysosome)

(2)       แวคิวโอล (Vacuoles)     (3) ไมโทคอนเดรีย (Mitochondria)    (4) พลาสติด (Plastids)

ตอบ 3 หน้า 52, (คำบรรยาย) ไมโทคอนเดรีย (Mitochondria) เป็นออร์แกเนลล์ที่มีหน้าที่เป็นที่เกิดกระบวนการหายใจระดับเซลล์ จึงเป็นแหล่งสร้างพลังงานในรูป ATP จนได้ชื่อว่าเป็น โรงผลิตไฟฟ้าของเซลล์” (Powerhouse of Cell) โดยเซลล์ที่มีกระบวนการทำงานสูงและต้องการ พลังงานจะมีไมโทคอนเตรียมาก เช่น เซลล์ดับ เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ เซลล์ไข่หอยเม่นทะเล เป็นต้น

68.       Dialysis คืออะไร

(1) การที่โปรโตพลาสม์หดรวมตัวกันเป็นกลุ่ม (2) การแพร่กระจายที่ผ่านเยื่อหุ้มบาง

(3)       การกระจายของกลิ่นน้ำหอม  (4) การดูดน้ำกลับเข้าสู่เซลล์

ตอบ 2 หน้า 35 Dialysis คือ การแพร่กระจายที่ผ่านเยื่อหุ้มบาง ซึ่งเกิดขึ้นจากการซึมผ่านของ อณูของสารที่ละลายในสารละลาย Hypertonic ผ่านเยื่อ Semipermeable Membrane ไปสู่สารละลาย Hypotonic

69.       ถ้านักศึกษาขาดวิตามิน จะทำให้เกิดอาการใด

(1) เลือดออกตามไรฟัน           (2) ทำให้เลือดแข็งตัวช้า

(3)       ทำให้ตามัว มองไม่เห็นในที่แสงสลัว    (4) โรคเหน็บชา

ตอบ 3 หน้า 45 – 46, (คำบรรยาย) วิตามิน เป็นวิตามินที่มีบทบาทหน้าที่สำคัญเกี่ยวข้องกับสุขภาพของดวงตา และคุณภาพของการมองเห็น ซึ่งถ้ารางกายขาดหรือได้รับวิตามินนี้ไม่เพียงพอ จะทำให้ตามัวและมองไม่เห็นในที่แสงสลัว (Night Blindness)

70.       ถ้านักศึกษาขาดวิตามิน จะทำให้เกิดอาการใด

(1) เลือดออกตามไรฟัน           (2) โรคเหน็บชา

(3) ทำให้ตามัว มองไม่เห็นในที่แสงสลัว          (4) ทำให้เลือดแข็งตัวช้า

ตอบ 1 หน้า 45 วิตามิน มีชื่อทางเคมีว่า Ascorbic Acid ซึ่งถ้าร่างกายขาดวิตามินนี้จะทำให้เลือดออก ตามไรฟัน (Scurvy) เหงือกบวม เลือดออกใต้ผิวหนัง (Haemorrhage) อ่อนเพลีย โลหิตจาง นํ้าหนักลด ชีพจรสูง เป็นต้น

71.       Pollination หมายถึงอะไร

(1) การติดเมล็ด          

(2) การปฏิสนธิ           

(3) การเกิดดอก           

(4) การถ่ายละอองเกสร

ตอบ 4 หน้า 127 การถ่ายละอองเกสร (Pollination) หมายถึง ปรากฏการณ์ที่ละอองเกสรตัวผู้ ปลิวไปตกบนยอดเกสรตัวเมีย ถ้าเกิดในดอกเดียวกันเรียกว่า Self-Pollination หรือ Close-Pollination แต่ถ้าเกิดต่างดอกกันเรียกว่า Cross Pollination ซึ่งการถ่าย ละอองเกสรนี้จะส่งผลทำให้เกิดการผสมเกสร (Fertilization) ขึ้นในที่สุด

72.       Monoecious Plant หมายถึงอะไร

(1) พืชที่มีดอกครบทั้งสองเพศอยู่ในต้นเดียวกัน         

(2) พืชมีดอกแยกเพศอยู่ต่างต้นกัน

(3) พืชที่มีแต่ดอกเพศเมียในต้นเดียวกัน         

(4) พืชที่ดอกไม่มีกลีบดอก

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 3. ประกอบ

73.       พืชชนิดใดมีลำต้นเหนือดินชนิดที่ทอดแตะพื้นเป็นระยะ (Stolon)

(1) ตำลึง         

(2) พลู 

(3)       บัวบก

(4)       ผักบุ้ง

ตอบ 3 หน้า 120 พืชที่มีลำต้นอยู่เหนือดินสามารถแบ่งตามลักษณะที่ปรากฏได้เป็น 4 ชนิด คือ

1.         ชนิดที่ทอดแตะพื้นเป็นระยะ ๆ (Stolon) เช่น บัวบก ผักแว่น ผักตบชวา จอก

2.         ชนิดที่ทอดราบไปตามพื้น (Prostrate) เช่น ผักบุ้ง ผักกระเฉด

3.         ชนิดที่เกาะเกี่ยวป่ายปีนหรือเลื้อยพับ (Climber/Twinning) เช่น ตำลึง พลู พวงชมพู เถาวัลย์

4.         ชนิดที่มิลำต้นตั้งตรง (Erect Stem) เช่น สนทะเล ก้ามปู ราชพฤกษ์ มะพร้าว ตาล มะละกอ

74.       พืชชนิดใดจัดเป็นพวกEpiphyte

(1) ฝอยทอง    (2) ขนุนดิน      (3)       มะม่วง (4)       กล้วยไม้

ตอบ 4 หน้า 122 พืชแบ่งตามลักษณะของแหล่งกำเนิดและที่อยู่อาศัยได้เป็น 5 ประเภท คือ

1.         Epiphyte หมายถึง พืชที่ขึ้นอยู่บนต้นไม้อื่นแต่ไม่ได้เบียดเบียนต้นไม้นั้น เช่น กล้วยไม้ และเฟิร์นบางชนิด

2.         Parasite หมายถึง พืชที่ขึ้นอยู่บนต้นไม้อื่นแล้วเบียดเบียนต้นไม้นั้น เช่น กาฝาก ฝอยทอง ขนุนดิน ถาษี

3.         Xerophyte หมายถึง พืชที่เกิดอยู่ในที่แห้งแล้งและมีนํ้าน้อย เช่น กุหลาบหิน กระบองเพชร เสมา โบตั๋น

4.         Mesophyte หมายถึง พืชที่เกิดอยู่ในที่ที่มีนํ้าพอสมควร เช่น มะม่วง มะขาม ทุเรียน มังคุด

5.         Hydrophyte หมายถึง พืชที่อาศัยอยู่ในนํ้า เช่น บัว ผ้กบุ้ง ผักตบชวา ผักกระเฉด

75.       พืชชนิดใดมีขนาดเล็กขึ้นรวมกันหนาแน่นจนมีลักษณะคล้ายพรมกำมะหยี่

(1) หวายทะนอย         (2) หญ้าถอดปล้อง     (3) มอสส์         (4) ปรง

ตอบ 3 หน้า 108 – 110, (คำบรรยาย) พืชในดิวิชันไบรโอไฟตา (Division Bryophyta)เป็นพืชที่มีขนาดเล็ก แต่ยังไม่มีเนื้อเยื่อลำเลียงนํ้าและอาหาร รวมทั้งไม่มีราก ลำต้น และใบที่แท้จริง และมักจะขึ้นอยู่ในบริเวณที่มีความชื้นสูงและอากาศเย็น จึงนับว่าเป็นพืช ที่มีวิวัฒนาการล้าหลังที่สุด ซึ่งพืชในดิวิชันนี้แบ่งออกเป็น 2 คลาส (Class) ได้แก่

1.         คลาสเฮพาทิชี (Class Hepaticae) เรียกว่า ลิเวอร์เวิร์ต (Liverwort) เป็นพืชที่มีลักษณะ เป็นแผ่นแบนบางสีเขียว

2.         คลาสมอสไซ (Class Musci) เรียกว่า มอสส์ (Moss) เป็นพืชที่มีลักษณะเล็ก ขึ้นรวมกันอยู่อย่างหนาแน่นจนมีลักษณะคล้ายพรมกำมะหยี่

76.       พืชชนิดใดที่สืบพันธุ์โดยใช้เมล็ด

(1) หวายทะนอย         (2) หญ้าถอดปล้อง     (3) มอสส์         (4) ปรง

ตอบ 4 หน้า 111115 –116, (คำบรรยาย) พืชมีเมล็ดในดิวิชันเทรคิโอไฟตา (Division Tracheophyta) แบ่งออกเป็น 2 พวก คือ

1.         พืชมีเมล็ดแต่เมล็ดไม่มีผนังห่อหุ้ม หรือพืชไม่มีดอก (Class Gymnospermae) เป็นพืชที่มีอายุหลายปี ลำต้นมีขนาดสูงใหญ่เมื่ออายุมากขึ้น และสืบพันธุโดยใช้เมล็ด ได้แก่ ปรง สนแท้ แปะก๊วย และเครือมะเมื่อย

2.         พืชมีเมล็ดและเมล็ดมีผนังห่อหุ้ม หรือพืชดอก (Class Angiospermae) ได้แก่ ข้าว กุหลาบ พริก มะเขือ เป็นต้น ซึ่งพืชใน Class นี้นับว่าเป็นพืชที่มีวิวัฒนาการสูงสุด และมีจำนวน มากที่สุดในยุคปัจจุบัน

77.       ข้าว จัดเป็นพืชใน Class ใด

(1) คลาสฟิลิซินิ (Class Filicinae)       (2) คลาสเฮพาทิชี (Class Hepaticae)

(3) คลาสแองจิโอสเปอร์มี (Class Angiospermae) (4) คลาสจิมโนสเปอร์มี (Class Gymnospermae)

ตอบ     3 ดูคำอธิบายข้อ 76. ประกอบ

78.       ใบของพืชชนิดใดที่ช่วยทำหน้าที่ขยายพันธุ์

(1) กาบหอยแครง       (2) มันเทศ       (3) ต้นตายใบเป็น       (4) กล้วยไม้

ตอบ 3 หน้า 122 – 123 ใบของพืชมีหน้าที่หลัก 3 ประการ คือ การสร้างอาหาร การหายใจ และ การคายนํ้า นอกจากนี้แล้วใบของพืชบางชนิดยังอาจเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปทำหน้าที่อย่างอื่น ซึ่งอาจเรียกว่าเป็นหน้าที่รอง หรือพืชบางชนิดอาจทำหน้าที่หลักและหน้าที่รองไปพร้อม ๆ กัน หรือทำหน้าที่เดียวอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ทำหน้าที่แพร่และขยายพันธุ์ ได้แก่ ต้นตายใบเป็น โคมญี่ปุ่น หรือเปลี่ยนแปลงไปเป็นอวัยวะจับสัตว์พวกแมลงตัวเล็ก ๆ ไต้แก่ น้ำเต้าฤาษี กาบหอยแครง หยาดนํ้าค้าง เป็นต้น

79.       พืชชนิดใดที่ฐานรองดอกเจริญไปเป็นเนื้อของผล

(1) แอปเปิ้ล     (2)       ส้ม       (3)       มะม่วง (4)       ทุเรียน

ตอบ 1 หน้า 125 ฐานรองดอก (Receptacle) จะอยู่ที่ปลายสุดของก้านดอกเป็นส่วนสุดท้ายที่จะติดกับดอกเป็นแหล่งจ่ายอาหารไปยังอวัยวะส่วนอื่นของดอก เป็นฐานที่รองรับส่วนสร้างเซลล์เพศของดอกและในพืชบางชนิดอวัยวะส่วนนี้จะเจริญไปเป็นเนื้อของผล เช่น แอปเปิ้ล

80.       พืชชนิดใดจัดเป็นพวก Xerophyte

(1) ผักตบชวา  (2)       ทุเรียน  (3)       กุหลาบหิน       (4)       มะขาม

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 74. ประกอบ

81.       พืชชนิดใดมีวงจรชีวิตในเวลา 2 ปี (ไม้ข้ามปี)

(1) มันสำปะหลัง         

(2)       ดาวเรือง          

(3)       หอม     

(4)       อ้อย

ตอบ 3 หน้า 121, (คำบรรยาย) พืชแบ่งตามลักษณะของการมีอายุได้เป็น 4 ชนิด คือ

1.         พืชทีมีช่วงอายุสั้นมาก และปีหนึ่งอาจเกิดได้หลายรุ่น (Ephemeral) เช่น ดาวเรือง บานชื่น แพงพวยฝรั่ง

2.         พืชที่มีวงจรชีวิตในเวลา 1 ปี หรือไม้ปีเดียว (Annual) เช่น อ้อย มันสำปะหลัง

3.         พืชที่มีวงจรชีวิตในเวลา 2 ปี หรือไม้ข้ามปี (Biennial) เช่น หอม กระเทียม ว่านต่าง ๆ

4.         พืชที่มีอายุนานกว่า 2 ปี หรือไม้หลายปี (Perennial) เช่น มะม่วง ทุเรียน

82.       ไอนํ้าในชั้นบรรยากาศโลก มีคุณสมบัติในการกักเก็บความร้อน โลกจึงอบอุ่นขึ้น ไอนํ้าเกิดจาก สารประกอบเคมีของ

(1) คาร์บอนและออกซิเจน      

(2) ไฮโดรเจนและออกซิเจน

(3) ไฮโดรเจนและคาร์บอน      

(4) ไฮโดรเจนและไนโตรเจน

ตอบ 2 หน้า 16 วิวัฒนาการทางเคมีของการกำเนิดโลกระยะที่ 1 เมื่ออุณหภูมิของโลกเย็นลง จนเกิดปฏิกิริยาทางเคมีขึ้นแล้วนั้น อะตอมของธาตุเบา ๆ จะทำปฏิกิริยาต่อกันเกิดเป็น สารประกอบทางเคมีขึ้นมา โดยอะตอมของไฮโดรเจน (H) จะเป็นอะตอมที่ว่องไวในการ ทำปฏิกิริยามากที่สุด ซึ่งเมื่อทำปฏิกิริยากับอะตอมของออกซิเจน (o) จะได้เป็นไอนํ้า (H2o)ทำปฏิกิริยากับอะตอมของไนโตรเจน (N) จะได้เป็นก๊าซแอมโมเนีย (NH3)ทำปฏิกิริยากับ อะตอมของคาร์บอน (C) จะได้เป็นก๊าซมีเทน (CH4)

83.       สารอินทรีย์ซึ่งประกอบเบนสิ่งมีชีวิตเริ่มแรก ประกอบขึ้นด้วยธาตุอะไรบ้าง

(1)       คาร์บอน (C), ไนโตรเจน (N), ไฮโดรเจน (H) และเหล็ก (Fe)

(2)       คาร์บอน (C), ไนโตรเจน (N), ไฮโดรเจน (H) และออกซิเจน (o)

(3)       คาร์บอน (C), ไนโตรเจน (N), อลูมิเนิยม (AI) และออกซิเจน (o)

(4)       คาร์บอน (C), ไนโตรเจน (N), ซัลเฟอร์ (S) และออกซิเจน (o)

ตอบ 2 หน้า 14 นักวิทยาศาสตร์ J.B.S. Haldane (ค.ศ. 1924), R. Beutner (ค.ศ. 1929) และ A.I. Oparin (ค.ศ. 1936) ได้กล่าวไว้ทำนองเดียวกันวา สิ่งมีชีวิตประกอบขึ้นด้วยสารอินทรีย์ ซึ่งต้องมีธาตุคาร์บอน (C) ไนโตรเจน (N) ไฮโดรเจน (H) และออกซิเจน (o) ประกอบอยู่ ทำให้เชื่อว่าโลกในสมัยแรกในขณะหนึ่งนั้นจะมีภาวะเหมาะสมที่จะทำให้ธาตุทั้ง 4 นี้ มาประกอบรวมกันได้ แล้วกลายเป็นสารอินทรีย์ที่เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งมีชีวิต

84.       ปฏิกิริยาของกระบวนการทางชีวเคมีใดที่เกิดขึ้นจากสิ่งมีชีวิตยุคแรกเริ่ม แล้วทำให้บรรยากาศมีก๊าซออกซิเจน

(1) Decomposition (2) Photosynthesis (3) Respiration       (4) Chemosynthesis

ตอบ 2 หน้า 26 – 2738, (คำบรรยาย) กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (Photosynthesis) เป็นการปรับตัวเพื่อหลีกเลี่ยงสภาพการขาดแคลนอาหารของสิ่งมีชีวิตยุคแรกเริ่มที่เป็นบรรพบุรุษของพืช ซึ่งเกิดขึ้นจากการที่สิ่งมีชีวิตบางชนิดที่เซลล์มีสารคลอโรพิลล์ในการกักเก็บพลังงานจากแสงแดด เอาไว้ได้ใช้พลังงานแสงกระตุ้นการสังเคราะห์อาหารโดยนำเอาโมเลกุลของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (C02) ไปรวมกับโมเลกุลของนํ้า (H2o) จนได้สารอาหารประเภทนํ้าตาลกลูโคส (C6H12O6) และเกิดก๊าซออกซิเจน (O2) เป็นผลพลอยได้ ซึ่งจากปฏิกิริยาของกระบวนการทางชีวเคมีนี้ จะช่วยทำให้ชั้นบรรยากาศของโลกมีก๊าซออกซิเจนมากขึ้นจนเหมาะสมต่อการดำรงชีวิต และช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศลงได้

85.       คุณสมบัติข้อใดที่ถือได้ว่าเป็นลักษณะของสิ่งมีชีวิตในยุคแรกเริ่มบนโลก

(1) การเพิ่มจำนวน      (2) การสร้างน้ำย่อยเพื่อย่อยอาหาร

(3) การมีรูปร่างที่คงทนถาวร   (4) ร่างกายมีผิวหนังปกคลุมด้วยขน

ตอบ 1 หน้า 24 คุณสมบัติของสิ่งมีชีวิตในยุคแรกเริ่มบนโลก มีดังนี้

1.         มีกระบวนการหายใจหรือการแลกเปลี่ยนอากาศ หรือเริ่มรู้จักใช้โมเลกุลของสารต่าง ๆ เป็นแหล่งให้พลังงาน

2.         นิวคลีโอโปรตีนภายในเซลล์สามารถที่จะสร้างโมเลกุลใหม่ได้ ทำให้เซลล์มีขนาดเพิ่มขึ้น ซึ่งนับเป็นการเจริญเติบโต และมีการเพิ่มจำนวนหรือทวีจำนวนออกเป็นสองเซลล์เล็ก ๆ

3.         เกิดปฏิกิริยาเคมีในลักษณะใหม่ ๆ ทำห้ได้สารใหม่และคุณสมบัติผิดแปลกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

86.       Eating เป็นพฤติกรรมอย่างหนึ่งในการหาอาหาร พบในสิ่งมีชีวิตที่เป็นบรรพบุรุษของ(1) บรรพบุรุษของพืช            (2) บรรพบุรุษของสัตว์

(3) บรรพบุรุษของเห็ดรา          (4) บรรพบุรุษของสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน

ตอบ 2 หน้า 26 การกิน (Eating) เป็นการปรับตัวเพื่อหลีกเลี่ยงสภาพการขาดแคลนอาหารของ สิ่งมีชีวิตเริ่มแรกที่เป็นบรรพบุรุษของสัตว์ โดยสิ่งมีชีวิตที่หาอาหารด้วยวิธีนี้จะเปลี่ยนแปลง รูปร่างหรือโครงสร้างเซลล์ เพื่อให้สะดวกแก่การกลืนกินเซลล์อื่น

87.       ในอดีตพลังงานที่กระตุ้นให้สารเคมีในมหาสมุทรทำปฏิกิริยาต่อกัน แล้วเกิดการรวมตัวใหม่เป็น สารประกอบอินทรีย์ขึ้น พลังงานนั้นได้มาจากที่ใด

(1) พลังงานจากใต้พื้นพิภพ    (2) พลังงานจากฟ้าแลบ ฟ้าผ่า

(3) พลังงานจากคลื่น ลม ในมหาสมุทร           (4) พลังงานจากการพุ่งชนของดาวเคราะห์

ตอบ 2 หน้า 17, (คำบรรยาย) วิวัฒนาการทางเคมีของการกำเนิดโลกระยะที่ 2 เป็นระยะที่เริ่มเกิด สารประกอบอินทรีย์ เนื่องจากทะเลและมหาสมุทรในระยะเริ่มแรกนั้นมีสารประกอบคาร์บอน (C) หรือสารอินทรีย์ประเภทมีเทนเป็นจำนวนมาก มีเทนซึ่งได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์ และพลังงานจากฟ้าแลบ ฟ้าผ่า และประจุไฟฟ้าในขั้นบรรยากาศ ก็จะไปทำปฏิกิริยาเคมี กับโมเลกุลของมีเทน นํ้า แอมโมเนีย หรือไปทำปฏิกิริยาเคมีกับอะตอมหรือโมเลกุลของธาตุ หรือสารประกอบอื่น ๆ แล้วเกิดการรวมตัวใหม่เป็นสารประกอบอินทรีย์ 6 ประเภท คือ น้ำตาล กลีเซอรีน กรดไขมัน กรดอะมิโน ไพริมิดีน และพิวรีน

88.       ทฤษฎีเกี่ยวกับกำเนิดของสิ่งมีชีวิตบนโลกที่กล่าวว่า สิ่งมีชีวิตมาจากต่างดาว” ทฤษฎีนี้กล่าวถึงสิ่งมีชีวิต ในลักษณะใด

(1)       สิ่งมีชีวิตมีการรวมกันของสารเคมี โดยมีการกระตุ้นด้วยทลังงานจากต่างดาว และตกลงมายังโลก

(2)       สิ่งมีชีวิตมากับอุกกาบาต โดยมีลักษณะเป็นสปอร์ และเจริญได้บนผิวโลก

(3)       สิ่งมีชีวิตมีลักษณะรูปร่างที่เฉพาะตัว เกิดขึ้นบนดาวดวงอื่นและมาสร้างอาณาจักรบนโลกภายหลัง

(4)       ไม่มีข้อถูก

ตอบ 3 หน้า 13 ในปี ค.ศ. 1865 Richter ได้ตั้งทฤษฎีชื่อ Cosrnazoan Theory โดยกล่าวว่าสิ่งมีชีวิตแรกบนพื้นพิภพนั้นมาจากต่างดาวหรือดาวดวงอื่น สิ่งมีชีวิตนั้นลอยมาในรูปของสปอร์ ซึ่งมีขนาดเล็ก และทนต่อสภาวะที่ไม่เหมาะสมได้อย่างดี สปอร์นี้มาสู่โลกได้พร้อมกับสะเก็ดดาว หรืออุกกาบาต เมื่อมาถึงผิวโลกในเวลาพอดีที่สิ่งแวดล้อมขณะนั้นเหมาะสมแก่การเจริญชีวิต จึงได้ขยายพันธุ์และมีวิวัฒนาการมาเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดต่าง ๆ จนปัจจุบันนี้

89.       การตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่เกิดในโปรโตพลาสม์ พบในสิ่งมีชีวิตพวกใด

(1) พลานาเรีย (2) หนอนตัวกลม         (3) ปลากระดูกแข็ง     (4) พารามีเซียม

ตอบ 4 หน้า 98106195 – 196, (คำบรรยาย) การตอบสนองต่อสิ่งเร้าในสิ่งมีชีวิตขั้นตํ่าประเภทเซลล์เดียวซึ่งได้แก่ พวกโปรติสตา (Protista) เช่น ยูกลีนา อะมีบา พารามีเซียม จะเกิดขึ้นพร้อมกันในก้อนโปรโตพลาสม์ ส่วนการตอบสนองต่อสิ่งเร้าในสัตว์ขั้นสูงและ ในพืชทั่วไปนั้น จะมีโครงสร้างหรืออวัยวะที่ทำหน้าที่เป็นสัดส่วนแยกออกจากกัน

90.       เรารู้สึกร้อนเมื่อโดนนํ้าร้อนลวก หน่วยรับความรู้สึกที่เกี่ยวข้องคือข้อใด

(1) Pressoreceptor    (2) Thermoreceptor (3) Chemoreceptor   (4) Phonoreceptor

ตอบ 2 หน้า 196, (คำบรรยาย) ในกระบวนการรับความรู้สึก (Reception) มีอวัยวะที่เป็นหน่วยรับ ความรู้สึก ได้แก่

1. Thermoreceptor เป็นอวัยวะที่รับความรู้สึกร้อนหรือเย็น (อุณหภูมิ) ได้แก่ ผิวหนัง

2. Photoreceptor เป็นอวัยวะที่รับความรู้สึกเกี่ยวกับแสงสว่าง ได้แก่ ตา

3.         Pressoreceptor เป็นอวัยวะที่รับความรู้สึกสัมผัสและความเจ็บปวด ได้แก่ ผิวหนัง

4.         Chemoreceptor เป็นอวัยวะที่รับความรู้สึกด้านรสและกลิ่น ได้แก่ ลิ้น จมูก และ หนวดแมลงบางชนิด เช่น ผีเสื้อกลางคืน เป็นต้น

5. Phonoreceptor เป็นอวัยวะที่รับความรู้สึกด้านเสียง ได้แก่ หู

91.       เมื่อเรามองเห็นวัตถุอันตราย แล้วเราเดินเลี่ยง การที่เรามีพฤติกรรมดังกล่าวนั้น แสดงว่าร่างกาย มีกระบวนการตอบสนองต่อสิ่งเร้าอย่างไร

(1) มีกระบวนการตอบโต้        

(2) มีกระบวนการแปลความหมายและสั่งการ

(3) มีกระบวนการรับความรู้สึก            

(4) ทุกข้อที่กล่าวมา

ตอบ 1 หน้า 197 – 198, (คำบรรยาย) กระบวนการตอบโต้ (Effect) เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง ระบบกล้ามเนื้อ เซลล์ประสาทสั่งการ (Motor Neuron) และระบบต่อมสร้างฮอร์โมน ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่กระแสความรู้สึกถูกส่งผ่านเซลล์ประสาทรับความรู้สึก (Sensory Neuron) ไปยังระบบ ประสาทส่วนกลาง (สมองและไขสันหลัง) แล้ว โดยที่ Motor Neuron จะส่งกระแสคำสั่งจากระบบ ประสาทส่วนกลางมากระตุ้นให้หน่วยตอบสนองหรือกล้ามเนื้อในบริเวณใกล้กับแหล่งรับความรู้สึก ทำงานด้วยการหดตัวของเส้นใยกล้ามเนื้อ จึงทำให้เกิดการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การหดตัวของกล้ามเนื้อขาเพื่อให้เดินถอยหลัง การเดินเลี่ยงเมื่อเรามองเห็นวัตถุอันตราย เป็นต้น

92.       ข้อใดกล่าวถึงการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่เกิดเฉพาะในกระบวนการรับความรู้สึกได้ถูกต้องที่สุด

(1)       การขยับเท้าอย่างรวดเร็วของหญิงสาว เมื่อพบเห็นงูเลื้อยผ่านหน้าไป

(2)       ดวงตาของเสือมีความไวต่อแสง จึงมองเห็นเก้งได้เป็นอย่างดีในที่มืด

(3)       กระแสความรู้สึกผ่านเข้าเซลล์ประสาททางเดนไตรต์และออกจากเซลส์ประสาททางแอ็กซอน

(4)       ไม่มีข้อถูก

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 90. ประกอบ

93.       กลุ่มเซลล์ที่ทำหน้าที่รับ-ส่งกระแสความรู้สึกจากสิ่งเร้าที่มีในสัตว์ขั้นสูง ได้แก่

(1) เซลล์ผิวหนัง          (2) เซลล์สมอง (3) เซลล์ประสาท        (4) เซลล์กล้ามเนื้อ

ตอบ 3 หน้า 196 เนื้อเยื่อหรือกลุ่มเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองต่อสิ่งเร้าในสัตว์ขั้นสูง ได้แก่

1.         เนื้อเยื่อหรือเซลล์ประสาท ทำหน้าที่รับส่งกระแสความรู้สึกจากสิ่งเร้า

2.         เนื้อเยื่อหรือเซลล์กล้ามเนื้อ ทำหน้าที่แสดงการโต้ตอบสิ่งเร้านั้น

94.       สิ่งเร้าภายในที่ส่งเสริมให้พืชมีการตอบสนองต่อสิ่งเร้า โดยยอดพืชเบนเข้าหาแสง ได้แก่

(1) ฮอว์โมนออกซิน      (2) ฮอร์โมนไคนิน         (3) แรงโน้มถ่วงของโลก (4) แสงแดด

ตอบ 1 หน้า 199 ออกซิน (Auxin) เป็นสิ่งเร้าภายในในรูปฮอร์โมนพืชที่ช่วยส่งเสริมและควบคุม การเจริญเติบโตของพืช ซึ่งฮอร์โมนนี้พืชจะสร้างจากปลายยอดแล้วลำเลียงลงสู่รากในลักษณะ ที่หนีแสงสว์าง ทำให้พืชเกิดการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงหรือมีพฤติกรรมการตอบสนอง โดยการที่ยอดพืชจะโค้งหรือเบนเข้าหาแสง ส่วนรากพืชจะเบนหนีแสง

95.       ข้อใดคือการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืชที่เรียกว่า Phototropism

(1)       การเจริญของยอดพืช ชูเหนือยอดไม้อื่นในป่า

(2)       การเจริญของรากไทรที่เติบโตบนต้นไม้อื่นมายังพื้นดิน

(3)       การเหี่ยวเฉาของใบไมยราบเมือได้รับการรบกวน

(4)       การบานของดอกราตรีในเวลากลางคืน

ตอบ 1 หน้า 200 Phototropism เป็นการเคลื่อนไหวตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอกของพืชเนื่องจาก การเจริญเติบโตโดยมีแสงเป็นสิ่งเร้า เช่น การเจริญของยอดพืช ชูเหนือยอดไม้อื่นในป่า เป็นต้น

96.       สิ่งมีชีวิตมีการคัดสรรโดยธรรมชาติ” (Natural Selection) เป็นทฤษฎีทางวิวัฒนาการที่กล่าวโดย

(1) De Vries        (2) Lamarck       (3) Darwin          (4) Mendel

ตอบ 3 หน้า 212 – 213 ชาร์ลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin) ได้กล่าวถึงทฤษฎีวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต 4 ประการ คือ

1.         สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันย่อมมีความผันแปรทางพันธุกรรม (Variation)

2.         สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ มักมีลูกหลานมากเกินไป จนไม่มีอาหารหรือได้รับการเลี้ยงดูไม่เพียงพอ แก่ความต้องการของลูกหลานทุกชีวิตนั้น

3.         สิ่งมีชีวิตเกิดการแก่งแย่งแข่งขัน เพื่อให้ตนเองได้รับอาหารมากตามต้องการ

4.         สิ่งมีชีวิตมีการแข่งขันกับสิ่งแวดล้อมอยู่เสมอ ทำให้เหลืออยู่แต่ผู้ที่เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อม ที่สุดเท่านั้นจึงจะอยู่รอดและถ่ายทอดหรือสอนลักษณะนั้น ๆ สืบต่อกันจากบรรพบุรุษไปยัง ลูกหลาน เกิดเป็นพันธุใหม่ที่ดีขึ้นมาโดยดาร์วินได้เรียกวิธีการนี้ว่า การคัดสรรโดยธรรมชาติ” (Natural Selection)

97.       ทฤษฎีวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงในลักษณะใด

(1) ความผันแปรทางพันธุกรรม           (2) การถ่ายทอดจากบรรพบุรุษ

(3) การแข่งขันกับสิ่งแวดล้อม (4) ทุกข้อที่กล่าวมา

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 96. ประกอบ

98.       หลักฐานทางบรรพชีวินของสิ่งมีชีวิตที่มีสภาพกลายเป็นหิน (Fossil) ใช้อธิบายถึง

(1) วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต    (2) ลักษณะของบรรพบุรุษสิ่งมีชีวิตบนโลก

(3) การสูญพันธุของสิ่งมีชีวิตบนโลก  (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 213 หลักฐานเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตบนโลก แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1.         หลักฐานโดยตรงจากการศึกษาซากสิ่งมีชีวิตที่กลายเป็นหิน หรือที่เรียกว่า ฟอลซิล (Fossil)

2.         หลักฐานจากการศึกษาเปรียบเทียบลักษณะของสิ่งมีชีวิตในยุคปัจจุบัน ในแง่รูปร่าง โครงสร้าง พัฒนาการ และลักษณะการทำงานของอวัยวะในสิ่งมีชีวิต

99.       ข้อใดไม่ใช่เหตุผลในการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตเพื่อการหาอาหาร

(1) ปากของตั๊กแตนมีลักษณะแข็งแรง            (2) นกกานํ้ามีพังผืดระหว่างนิ้วเท้า

(3) งูเขียวหางไหม้ชอบอาศัยอยู่ตามพุ่มไม้ที่มีสีเชียว (4) การเปลี่ยนสีเลียนแบบธรรมชาติของผีเสื้อกลางคืน

ตอบ4 หน้า 228 – 230, (คำบรรยาย) การปรับตัวทางด้านรูปร่างของสิ่งมีชีวิตนั้น มีจุดมุ่งหมายสำคัญ 2 ประการ คือ

1.         เพื่อเอื้อประโยชน์ในการหาอาหาร เช่น ตั๊กแตนมีลักษณะปากแข็งแรงนกกระยางมีนิ้วเท้า เรียวยาวเหมาะแก่การทรงตัวนกกานํ้ามีนิ้วเท้าแบนมีพังผืดงูเชขียวหางไหม้ชอบอาศัยอยู่ ตามพุ่มไม้ที่มีสีเชียวนกฮูกมีนิ้วเท้างองุ้มเล็บแหลมคมไก่มีเล็บเท้าใหญ่และแข็งเหมาะแก่ การคุ้ยเขี่ย เป็นต้น

2.         เพื่อการป้องกันหรือหลบหลีกอันตรายจากศัตรู เช่น การมีหูและขาหลังที่ยาวของกระต่ายการมีเปลือก กระดอง เกล็ด ขนแข็ง ของหอย ปู เต่า นิ่ม และเม่นการเปลี่ยนสีเลียนแบบ ธรรมชาติของผีเสี้อกลางคืน เป็นต้น

100.    ข้อใดไม่ใช่การปรับตัวเพื่อควบคุมปริมาณนํ้าของพืชพวก Xerophyte

(1) มีปากใบบนผิวใบเพื่อควบคุมการคายนํ้า  (2) ใบมีขนาดเล็ก ลดรูปเป็นหนาม

(3) มี Cutin ที่ผิวของลำต้น (4) ผลัดใบในฤดูร้อน

ตอบ 1 หน้า 231 Xerophyte ได้แก่ พืชที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่แห้งแล้ง มีนํ้าน้อย พืชพวกนี้มักมีใบเล็กมาก หรือเปลี่ยนใบไปเป็นหนาม ไม่มีปากใบ ลำต้นทำหน้าที่สังเคราะห์แสงสร้างอาหารแทนใบได้ รากยาวหยั่งลึกและแผ่ไปไกลเพื่อดูดหานํ้า นอกจากนี้ยังมีสาร Cutin ฉาบเคลือบลำต้นไว้ ค่อนข้างหนาเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำระเหย และมักจะผลัดใบในฤดูร้อน

 

BIO1001 ชีววิทยาเบื้องต้น การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2556

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2556

ข้อสอบกระบวนวิชา BIO 1001 ชีววิทยาเบื้องต้น

คำสั่ง   ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

1.         สถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดในประเทศไทยในระยะที่ผ่านมานี้ หากพิจารณาเป็นวิชาการ จัดอยู่ในศาสตร์สาขาใด

(1)       พฤติกรรมศาสตร์         

(2) สังคมศาสตร์          

(3) รัฐศาสตร์   

(4) วิทยาศาสตร์

ตอบ 2 (คำบรรยาย) พฤติกรรมศาสตร์ (Behavior Science) เป็นศาสตร์สาขาหนึ่งของวิทยาศาลตร์ ชีวภาพที่เน้นศึกษาพฤติกรรมการแสดงออกของสิ่งมีชีวิต โดยแบ่งออกเป็น 2 สาขาวิชา คือ

1.         สังคมศาสตร์ (Social Science) เป็นความรู้ทางพฤติกรรมศาสตร์ที่พิจารณาถึงความเกี่ยวข้อง สัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในกลุ่มสิ่งมีชีวิตนั้น ๆ ได้แก่ วิชานิติศาสตร์ สังคมวิทยา เช่น สถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในระยะที่ผ่านมา เป็นต้น

2.         รัฐศาสตร์ (Political Science) เป็นความรู้ทางพฤติกรรมศาสตร์ที่พิจารณาถึงฐานะ บทบาท หน้าที่ของสมาชิกในสังคมสิ่งมีชีวิตนั้น ๆ

2.         ประกาศคาดการณ์ลักษณะอากาศหรือพยากรณ์อากาศ เป็นความรู้ในสาขาวิชาใด

(1)       อุทกวิทยา        

(2) อุตุนิยมวิทยา         

(3) ธรณีวิทยา  

(4) ปฐพีวิทยา

ตอบ 2 (คำบรรยาย) วิทยาศาสตร์กายภาพ (Physical Science) เป็นสาขาหนึ่งของวิทยาคาสตร์บริสุทธิ์ หรือวิทยาศาสตร์ธรรมชาติที่ศึกษาเกี่ยวกับสิ่งไม่มีชีวิต เพื่อให้เกิดความเข้าใจในการเปลี่ยนแปลง ของสิ่งแวดล้อมของโลก หรือความเป็นไปของธรรมชาติ เช่น อุตุนิยมวิทยา (การสังเกตและศึกษา เกี่ยวกับภาวะโลกร้อนการประกาศคาดการณ์ลักษณะอากาศหรือพยากรณ์อากาศ)ธรณีวิทยา (แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด)อุทกวิทยา (น้ำท่วม)ดาราคาสตร์ (ท้องฟ้า ดวงดาว) เป็นต้น

3.         การทำงานโดยวิธีวิทยาศาสตร์ เริ่มต้นที่

(1)       การสำรวจปัญหา        

(2) หาตัวเหตุของปัญหา 

(3) วางแนวทางแกัปัญหา 

(4) หาวิธีแก้ปัญหา

ตอบ 1 หน้า 2, (คำบรรยาย) การทำงานโดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ (The Scientific Method)มี 5 ขั้นตอน ดังนี้     1. การเก็บรวบรวมข้อมูล (การสำรวจหรือกำหนดปัญหา)

2. การตั้งสมมุติฐาน (คิดหาแนวทางแก้ปัญหา) 3. การสังเกต ตรวจสอบ ทดลอง (ออกแบบ การทดลอง)     4. การประมวลสังเคราะห์หาข้อสรุป (วิเคราะห์ข้อมูลแล้วสรุปผล)

5. การสร้างหรือกำหนดทฤษฎี (แสดงวิธีการแก้ปัญหา) เช่น คำกล่าวที่ว่า เจ็บแล้วต้องจำ

4.         เจ็บแล้วต้องจำ” เป็นขั้นตอนใด ตามวิธีการทางวิทยาศาสตร์

(1)       ขั้นวางสมมุติฐาน         (2) ขั้นตอนการทดสอบ (3) ขั้นสรุปประเมินผล           (4) ขั้นกำหนดทฤษฎี

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 3. ประกอบ

5.         การสังเกตและศึกษาเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน มีความเกี่ยวข้องกับศาสตร์สาขาใด

(1) ปฐพีวิทยา  (2) อุตุนิยมวิทยา         (3) ธรณีวิทยา (4) วิทยาการคอมพิวเตอร์

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 2. ประกอบ

6.         ความรู้ทางอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นวิทยาศาสตร์สาขาใด

(1) วิทยาศาสตร์1บริสุทธิ์        (2) วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ

(3) วิทยาศาสตร์ชีวภาพ          (4) วิทยาคาสตร์ประยุกต์

ตอบ 4 (คำบรรยาย) วิทยาศาสตร์ประยุกต์หรือวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี (Applied Science/Technology Science) เป็นวิทยาศาสตร์ที่ศึกษา วิเคราะห์ และวิจัยเรื่องราวของธรรมชาติ แล้วนำผลของความรู้นั้นไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อกิจกรรมเพื่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ เช่น แพทยศาสตร์ เภสัชศาสตร์ สัตวแพทยศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และพลังงานไฟฟ้า เป็นต้น

7.         การเลื่อมใส ศรัทธา บูชา สิ่งศักดิสิทธิ์ที่มีในสังคมไทยพื้นบ้านนั้น อยู่ในสายความรู้แบบใด

(1) วิทยาศาสตร์          (2) ศิลปกรรมศาสตร์   (3) ไสยศาสตร์ (4) รัฐศาสตร์

ตอบ 3 (คำบรรยาย) ไสยศาสตร์ หมายถึง ความรู้แบบที่ไม่รู้ที่มาที่ไป ไม่สามารถหาเหตุผลมาหักล้าง กับความเชื่อได้ เป็นการเลื่อมใส ศรัทธา และบูชาสิ่งศักดิสิทธิ์ทั้งหลายที่มีรูปแบบต่าง ๆ กัน เช่น ภูตผีปีศาจ วิญญาณ เจ้าเข้าทรง เป็นต้น ซึ่งเชื่อกันว่าเกิดขึ้นมาในสังคมไทยนับร้อย ๆ ปีมาแล้ว

8.         ข้อใดไม่เป็นพลังงาน (Energy)

(1)       แสงสว่าง        (2) อากาศ       (3) อุณหภูมิ     (4) แม่เหล็กไฟฟ้า

ตอบ 2 (คำบรรยาย) พลังงาน (Energy) คือ สรรพสิ่งต่าง ๆ ในโลกที่รับรู้ได้ แต่ไม่มีรูปทรงหรือตัวตนไม่มีน้ำหนัก และไม่ต้องการที่อยู่อาศัย เช่น แสงสว่าง อุณหภูมิ (ความร้อน/เย็น) กระแสลม หรือพลังลม แม่เหล็กไฟฟ้า พลังแม่เหล็ก พลังไฟฟ้า เป็นต้น

9.         การศึกษาเรื่องไฟฟ้า ต้องใช้ความรู้วิทยาศาสตร์สาขาใด      

(1) วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ

(2)       วิทยาศาสตร์กายภาพ            (3) วิทยาศาสตร์ประยุกต์        (4) วิทยาศาสตร์บริสุทธิ์

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 6. ประกอบ

10.       การเกิดปฏิกิริยาของธาตุใดต่อไปนี้ เกิดเป็นสารประกอบเคมีประเภทมีเทน (CH4) แล้วทำให้โลกอบอุ่นขึ้น

(1) คาร์บอนและออกซิเจน      (2) ไฮโดรเจนและออกซิเจน

(3)       ไฮโดรเจนและคาร์บอน           (4) ไฮโดรเจนและไนโตรเจน

ตอบ 3 หน้า 16 วิวัฒนาการทางเคมีของการกำเนิดโลกระยะที่ 1 เมื่ออุณหภูมิของโลกเย็นลงจนอำนวยให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีขึ้นได้แล้วนั้น อะตอมของธาตุเบา ๆ จะทำปฏิกิริยาต่อกัน เกิดเป็นสารประกอบทางเคมีขึ้นมา โดยอะตอมของไฮโดรเจน (H) จะเป็นอะตอมที่ว่องไวในการ ทำปฏิกิริยามากที่สุด ซึ่งเมื่อทำปฏิกิริยากับอะตอมของออกซิเจน (o) จะได้เป็นไอนํ้า (H2o)ทำปฏิกิริยากับอะตอมของไนโตรเจน (N) จะได้เป็นก๊าซแอมโมเนีย (NH3)ทำปฏิกิริยากับ อะตอมของคาร์บอน (C) จะได้เป็นก๊าซมีเทน (CH4)

11.       ข้อใดไม่ใช่หลักเกณฑ์โดยทั่วไปที่ใช้วินิจฉัยสภาพการเป็นสิ่งมีชีวิต

(1) การมีกระบวนการเมแทบอลิสม์และสืบพันธุ์         

(2) มีรูปร่างและการจัดระเบียบของโครงสร้าง

(3) มีการเจริญเติบโตจากภายใน        

(4) เป็นสารเคมีที่ประกอบขึ้นจากธาตุคาร์บอน

ตอบ 4 หน้า 58 – 10, (คำบรรยาย) หลักเกณฑ์ทั่วไปที่ใขช้วินิจฉัยสภาพการเป็นสิ่งมีชีวิต มีดังนี้

1.         มีการจัดระเบียบแบบแผนของโครงสร้างและรูปร่าง

2.         มีกระบวนการเมแทบอลิสม์ (เมแทบอลิซึม) และการสืบพันธุ์

3.         มีการเจริญเติบโตขยายขนาดจากภายใน       4. มีการตอบสนองโดยการเคลื่อนไหว

5. มีการปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาวะแวดล้อม 6. มีเอกภาพและความหลากหลายของชีวิต

12.       คุณสมบัติข้อใดที่ไม่พบในสิ่งมีชีวิตยุคแรกเริ่มบนโลก

(1) มีกระบวนการหายใจ

(2)       การปรุงอาหารจากกระบวนการสังเคราะห์ทางชีวเคมี

(3)       การเติบโตเพิ่มขนาดเซลล์      

(4) การทวีจำนวน

ตอบ 2 หน้า 24 คุณสมบัติของสิ่งมีชีวิตในยุคแรกเริ่มบนโลก มีดังนี้

1.         มีกระบวนการหายใจหรือการแลกเปลี่ยนอากาศ หรือเริ่มรู้จักใช้โมเลกุลของสารต่าง ๆ เป็นแหล่งให้พลังงาน

2.         นิวคลีโอโปรตีนภายในเซลล์สามารถที่จะสร้างโมเลกุลใหม่ได้ ทำให้เซลล์มีขนาดเพิ่มขึ้น ซึ่งนับเป็นการเจริญเติบโต และมีการเพิ่มจำนวนหรือทวีจำนวนออกเป็นสองเซลล์เล็ก ๆ

3.         เกิดปฏิกิริยาเคมีนลักษณะใหม่ ๆ ทำให้ได้สารใหม่และคุณสมบัติผิดแปลกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

13.       ลักษณะการกินอาหารแบบใดที่พบในสิ่งมีชีวิตที่เป็นบรรพบุรุษของสัตว์

(1)       Saprophytism  

(2) Photosynthesis    

(3) Eating  

(4) Chemosynthesis

ตอบ 3 หน้า 26 การกิน (Eating) เป็นการปรับตัวเพื่อการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตเริ่มแรกที่เป็นบรรพบุรุษ ของสัตว์ โดยวิธี กิน” สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ซึ่งสิ่งมีชีวิตที่หาอาหารด้วยวิธีนี้จะเปลี่ยนแปลงรูปร่าง หรือโครงสร้างเซลล์ เพื่อให้สะดวกแก่การกลืนกิน

14.       ปฏิกิริยาของกระบวนการทางชีวเคมีใดที่เกิดขึ้นจากสิ่งมีชีวิตยุคแรกเริ่ม แล้วทำให้บรรยากาศมีก๊าซออกซิเจน

(1)       Decomposition        (2) Photosynthesis    (3) Respiration (4) Chemosynthesis

ตอบ 2 หน้า 26 – 2738, (คำบรรยาย) กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (Photosynthesis) เป็นการปรับตัวเพื่อหลีกเลี่ยงสภาพการขาดแคลนอาหารของสิ่งมีชีวิตยุคแรกเริ่มที่เป็นบรรพบุรุษ ของพืช ซึ่งเกิดขึ้นจากการที่สิงมีชีวิตบางขนิดที่เซลล์มีสารคลอโรฟิลล์ในการกักเก็บพลังงาน จากแสงแดดเอาไว้ ได้ใช้พลังงานแสงกระตุ้นการสังเคราะห์อาหาร โดยนำเอาโมเลกุลของ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) ไปรวมกับโมเลกุลของนํ้า (H2o) จนได้สารอินทรีย์ประเภท นํ้าตาลกลูโคส (C6H12O6) และเกิดก๊าซออกซิเจน (O2) เป็นผลพลอยได้ ซึ่งจากปฏิกิริยาของ กระบวนการทางชีวเคมีนี้ ทำให้ขึ้นบรรยากาศของโลกมีก๊าซออกซิเจนมากขึ้นจนเหมาะสมต่อ การดำรงชีวิต และช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศลงได้

15.       ในอดีตพลังงานที่กระตุ้นให้สารเคมีในมหาสมุทรทำปฏิกิริยาต่อกัน แล้วเกิดการรวมตัวใหม่เป็น สารประกอบอินทรีย์ คือ

(1)       พลังงานจากใต้พื้นพิภพ          (2) พลังงานจากฟ้าแลบ ฟ้าผ่า

(3) พลังงานจากคลื่นลม ในมหาสมุทร            (4) พลังงานจากการพุ่งชนของดาวเคราะห์

ตอบ 2 หน้า 1719, (คำบรรยาย) วิวัฒนาการทางเคมีของการกำเนิดโลกระยะที่ 2 เป็นระยะที่เริ่มเกิด สารประกอบอินทรีย์ เนื่องจากทะเลและมหาสมุทรในระยะเริ่มแรกนั้นมีสารประกอบคาร์บอน (C) หรือสารอินทรีย์ประเภทมีเทนเป็นจำนวนมาก มีเทนซึ่งได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์ และ พลังงานจากฟ้าแลบ ฟ้าผ่า และประจุไฟฟ้าในขึ้นบรรยากาศ ก็จะไปทำปฏิกิริยาเคมีกับโมเลกุล ของมีเทน น้ำ แอมโมเนีย หรือไปทำปฏิกิริยาเคมีกับอะตอมหรือโมเลกุลของธาตุหรือสารประกอบ อื่น ๆ แล้วเกิดการรวมตัวใหม่เป็นสารประกอบอินทรีย์ 6 ประเภท คือ น้ำตาล กลีเซอริน กรดไขมัน กรดอะมีโน ไพริมิดีน และพิวรีน

16.       ความคิดเรื่องกำเนิดของสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้มีมาตั้งแต่ยุคโบราณก่อนคริสตกาล ข้อใดคือแนวคิดที่ได้รับการพิสูจน์และยอมรับในเชิงวิทยาศาสตร์

(1) สิ่งมีชีวิตบนโลกเกิดจากสิ่งไม่มีชีวิต

(2)       สิ่งมีชีวิตบนโลกเกิดมาจากดาวดวงอื่น         

(3) สิ่งมีชีวิตเกิดจากการเสกสรรของพระผู้เป็นเจ้า

(4)       สิ่งมีชีวิตแรกเริ่มเกิดจากการรวมตัวของสารอินทรีย์ในปริมาณและสภาวการณ์ที่เหมาะสม

ตอบ 4 หน้า 14 – 15 แนวคิดเรื่องการกำเนิดของสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้มีมาตั้งแต่ยุคโบราณก่อนคริสตกาล แล้ว โดยแนวคิดที่ได้รับการพิสูจน์และยอมรับในเชิงวิทยาศาสตร์ก็คือ สิ่งมีชีวิตแรกเริ่มเกิดจาก การรวมตัวของสารอินทรีย์ในปริมาณและสภาพการณ์ที่เหมาะสมยิ่ง และสภาพการณ์นั้น เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเมื่อประมาณ 2,000 ปีมาแล้ว จากนั้นชีวิตแรกเริ่มที่เกิดขึ้นมาก็จะมี วิวัฒนาการทีละน้อย ๆ ในช่วงเวลานับล้าน ๆ ปี จนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดต่าง ๆ

17.       เพราะเหตุใดความเชื่อเกี่ยวกับกำเนิดของชีวิตของผู้คนในอดีต จึงไม่มีข้อพิสูจน์อย่างชัดแจ้งในทางวิทยาศาสตร์

(1)       ได้รับอิทธิพลในด้านภาษาสื่อความหมาย       (2) ได้รับอิทธิพลจากความแตกต่างของสีผิว

(3)       ได้รับอิทธิพลจากความเชื่อด้านศาสนา          (4) ได้รับอิทธิพลจากสงคราม

ตอบ 3 หน้า 11, (คำบรรยาย) ในสมัยโบราณมนุษย์จะมีความเชื่อในเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ ซึ่งได้รับ อิทธิพลมาจากความเชื่อด้านศาสนา โดยเชื่อว่า ชีวิตต่าง ๆ นั้นเกิดมาจากการเสกสรรของ พระผู้เป็นเจ้า และทรงเป็นผู้กำหนดควบคุมความเป็นไปของชีวิตเหล่านั้น ด้วยเหตุนี้เอง ที่ทำให้ความเชื่อเกี่ยวกับการกำเนิดชีวิตของผู้คนในอดีตไม่มีข้อพิสูจน์อย่างชัดแจ้งในทางวิทยาศาสตร์

18.       ออร์แกเนลล์ชนิดใด ที่พบเฉพาะในพืชไม่พบในสัตว์

(1)       ไลโซโซม (Lysosome)     (2) แวคิวโอล (Vacuoles)

(3) ไมโทคอนเดรีย (Mitochondria)    (4) พลาสติด (Plastids)

ตอบ 4 หน้า 50 – 53 ออร์แกเนลล์ที่พบเฉพาะในเซลล์พืช คือ ผนังเซลล์ (Cell Wall) และพลาสติด (Plastids) ส่วนที่พบเฉพาะในเซลล์สัตว์ คือ ไลโซโซม (Lysosome) และกอลจิบอดี (Golgi Body) และที่พบทั้งในเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ คือ ไมโทคอนเดรีย (Mitochondria) ไรโบโซม (Ribosome) และแวคิวโอล (Vacuoles)

19.       ออร์แกเนลล์ข้อใด สามารถย่อยเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอม

(1)       ไลโซโซม (Lysosome)     (2) แวคิวโอล (Vacuoles)

(3) ไมโทคอนเดรีย (Mitochondria)    (4) พลาลติด (Plastids)

ตอบ 1 หน้า 52, (คำบรรยาย) ไลโซโซม (Lysosome) เป็นออร์แกเนลล์ที่ทำหน้าที่เป็นถุงเก็บ เอนไซม์ไฮโดรไลติก สำหรับใช้ย่อยสลายเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาภายในเซลล์ ขจัดสิ่งที่เซลล์ไม่ต้องการ ตลอดจนย่อยสลายตัวเองเมื่อเซลล์มีอายุมากหรือเซลล์ตาย (Autolysis) และยังเกี่ยวข้องกับการสลายหางลูกอ๊อดด้วยเอนไซม์คาเทพซินขณะที่เจริญเป็นตัวเต็มวัยอีกด้วย

20.       Desoxyribose Nucleic Acid มีหน้าที่อะไร

(1)       สร้างโปรตีน

(2)       สร้างน้ำย่อยหรือเอนไซม์

(3)       ถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากบรรพบุรุษไปยังลูกหลาน

(4)       ส่งเสริมและควบคุมการเจริญเติบโต

ตอบ 3 หน้า 43, (คำบรรยาย) DNA (Desoxyribose Nucleic Acid) หรือ Gene เป็นสารพันธุกรรม ซึ่งมีหน้าที่สำคัญ 2 ประการ คือ  1. กำหนดลักษณะเฉพาะต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดหรือแต่ละหน่วยให้เป็นไปตามเผ่าพันธุ์ของตน และสามารถถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมนั้น จากบรรพบุรุษไปสู่ลูกหลานได้ ดังคำกล่าวที่ว่า หว่านพืชชนิดใด ย่อมได้ผลเป็นพืชชนิดนั้น” 2. ควบคุมกิจกรรมทุกประเภทที่เกิดขึ้นภายในเซลล์

21.       วิตามินในข้อใดช่วยป้องกันการเป็นหมัน

(1) วิตามิน A  

(2) วิตามิน 

(3) วิตามิน E  

(4) วิตามิน K

ตอบ 3 หน้า 46, (คำบรรยาย) วิตามิน เป็นวิตามินที่ช่วยป้องกันการเป็นหมัน และช่วยทำให้ตัวอ่อนเกาะติดผนังมดลูกได้เหนียวแน่นขึ้น ไม่ให้แท้งงาย นอกจากนี้ยังมีบทบาทหน้าที่เกี่ยวกับ การยืดอายุเซลล์ สร้างความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง และเสริมประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะ ผลิตเซลล์เชื้อเพศ

22.       ถ้าขาดวิตามินในข้อใด จะทำให้โลหิตแข็งตัวช้า

(1) วิตามิน A  

(2) วิตามิน 

(3) วิตามิน E  

(4) วิตามิน K

ตอบ 4 หน้า 46, (คำบรรยาย) วิตามิน เป็นวิตามินที่มีบทบาทหน้าที่สำคัญเกี่ยวข้องกับคุณภาพ ของเลือด (โลหิต) ก็คือ ทำให้นํ้าเลือดข้นเหนียวจนเกิดการไหลของเลือดช้าลง และทำให้เลือด แข็งตัวปิดปากแผลเพื่อป้องกันเลือดไหลออกมาภายนอกร่างกาย ซึ่งถ้าร่างกายขาดวิตามินนี้ จะทำให้เลือดแข็งตัวช้า เสียเลือดมาก หรือเลือดไหลหยุดช้าเมื่อเกิดบาดแผล

23.       ข้อใดจัดเป็นคาร์โบไธเดรตที่มีโมเลกุลใหญ่มาก

(1) นํ้าตาลกาแล็กโทส 

(2) นํ้าตาลมอลโทส     

(3) เด็กซทริน   

(4) นํ้าตาลทราย

ตอบ 3 หน้า 37 – 39, (คำบรรยาย) สารประกอบคาร์โบไฮเดรต แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ

1.         Monosaccharide หรือ Simple Sugar เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มีโมเลกุลเล็กมาก หรือ ที่เรียกว่านํ้าตาลเชิงเดี่ยว ได้แก่ นํ้าตาลกลูโคส นํ้าตาลฟรุกโทส น้ำตาลกาแล็กโทส

2.         Disaccharide หรือ Double Sugar เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มีโมเลกุลคู่ หรือที่เรืยกว่า นํ้าตาลเชิงประกอบ ได้แก่ นํ้าตาลทราย นํ้าตาลมอลโทส นั้าตาลแล็กโทส

3.         Polysaccharide เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มีโมเลกุลใหญ่มาก ได้แก่ แป้งไกลโคเจนในสัตว์ เซลลูโลส เด็กซทริน ไคติน

24.       ไขมัน 1 กรัม เมื่อเผาไหม้โดยสมบูรณ์ให้พลังงานความร้อนกี่กิโลแคลอรี่

(1) 4.1 กิโลแคลอรี      (2) 5.1 กิโลแคลอรี      (3) 6.2 กิโลแคลอรี      (4) 9.1 กิโลแคลอรี

ตอบ 4 หน้า 39, (คำบรรยาย) ไลปิดหรือไขมัน เป็นสารอาหารที่ให้พลังงานมากที่สุดในปริมาณนํ้าหนัก ที่เท่ากันของสาร โดยไขมันจะให้พลังงานมากกว่าคาร์โบไฮเดรต กล่าวคือ ไขมัน 1 กรัม เมื่อเผาไหม้โดยสมบูรณ์แล้วจะให้พลังงานความร้อน 9.1 กิโลแคลอรี ในขณะที่คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม ให้พลังงานความร้อนเพียง 4.1 กิโลแคลอรีเท่านั้น

25.       Ribose Nucleic Acid (RNA) มีหน้าที่อะไร

(1) สร้างไขมัน (2) ถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม

(3) สร้างนํ้าย่อยหรือเอนไซม์    (4) สร้างน้ำตาล

ตอบ 3 หน้า 43, (คำบรรยาย) Ribose Nucleic Add (RNA) เป็นกรดนิวคลีอิกที่ประกอบด้วยนํ้าตาลไรโบส และเบสอะดีนิน กัวนีน ไซโตซีน และยูราซิส ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการสร้าง โปรตีนและน้ำย่อยหรือเอนไซม์ในเซลล์ (แต่ไม่ได้มีหน้าที่สร้างโปรตีนโดยตรง) นั่นคือRNA จะเป็นตัวควบคุมปริมาณสารโปรตีน และตรวจสอบความจำเป็นโนการสร้างโปรตีนภายในเซลล์ โดยส่วนใหญ่จะพบในบริเวณไซโตพลาสม์

26.       ธาตุไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบหลักของอะไร

(1) ไขมัน          (2) โปรตีน       (3) แป้ง           (4) วิตามิน

ตอบ 2 หน้า 182040 โปรตีน (Protein) เป็นสารประกอบอินทรีย์โมเลกุลใหญ่ที่เกิดจากการรวมตัวกัน ของกรดอะมีโน (Amino Acid) ซึ่งประกอบขึ้นด้วยธาตุคาร์บอน ไฮโดรเจน ออกซิเจน และ ไนโตรเจน โดยธาตุไนโตรเจนจะยึดเกาะอยูกับธาตุไฮโดรเจน กลายเป็นหมู่ธาตุที่เรียกว่า อนุมูลกรดอะมีโน (Amino Radical-NH2)

27.       วัฎจักรของไนโตรเจนจะมีแบคทีเรียเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างน้อยกี่ประเภท

(1) หนึ่งประเภท          (2) สองประเภท          (3) สามประเภท          (4) สี่ประเภท

พอบ 4 หน้า 7489 วัฏจักรของไนโตรเจน เป็นการหมุนเวียนของก๊าซไนโตรเจนในอากาศ โดยจะมีแบคทีเรียเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างน้อย 4 ประเภท ได้แก่

1.         Decomposing bacteria มีหน้าที่ทำให้ซากพืชซากสัตว์เกิดการเน่าเปื่อยกลายเป็น ก๊าซแอมโมเนีย

2.         Nitrifying bacteria มีหน้าที่เปลี่ยนก๊าซแอมโมเนียให้เป็นสารประกอบไนเตรท

3.         Denitrifying bacteria มีหน้าที่เปลี่ยนสารประกอบไนเตรทให้สลายตัวเป็นก๊าซไนโตรเจน กลับคืนสู่อากาศ

4.         Nitrogen-fixing bacteria มีหน้าที่เปลี่ยนก๊าซไนโตรเจนในอากาศให้เป็นสารประกอบไนเตรท ซึ่งเป็นรูปที่พืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้

28.       ความหลากหลายทางชีวภาพ” หมายถึง การปรากฏชนิดต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิตในบริเวณหนึ่ง ดังนั้นจึงพบได้ใน

(1) Population  (2) Community (3) Species         (4) Society

ตอบ 2 หน้า 672, (คำบรรยาย) ชุมชนหรือชุมชีพ (Community) หมายถึง พื้นที่บริเวณหนึ่งที่มี ความหลากหลายทางชีวภาพ” หรือมีการปรากฏชนิดต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิตในบริเวณหนึ่ง นั่นคือ เป็นพื้นที่ที่มีสิ่งมีชีวิตหลายชนิดมาอาศัยอยู่รวมกันในสภาพแวดล้อมที่เหมือนกัน เช่น สวนสัตว์ ตลาดสด สวนสาธารณะ เป็นต้น

29.       สารอินทรีย์ที่พืชสร้างขึ้นได้โดยกระบวนการสังเคราะห์แสง คือ

(1) นํ้าตาล       (2) โปรตีน       (3) เกลือแร่      (4) ไขมัน

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 14. ประกอบ

30.       วัฎจักรของเกลือแร่ (Mineral Cycle) ประกอบด้วยวัฎจักรย่อยสองอันเกี่ยวพันกัน คือ

(1) Rock Cycle และ Carbon Cycle         (2) Rock Cycle และ Organic Cycle

(3) Organic Cycle และ Nitrogen Cycle         (4) Nitrogen Cycle และ Rock Cycle

ตอบ 2 หน้า 75 วัฏจักรของเกลือแร่ (Mineral Cycle) ประกอบด้วยวัฏจักรย่อย ๆ สองอันเกี่ยวพันกัน คือ

1.         Rock Cycle เป็นระยะที่เกลือแร่ที่สะสมอยู่ในหินและดินจะหลุดออกมาโดยการผุกร่อน แตกทำลายของหินและดินเหล่านั้น จากการกระทำของนํ้า ลมฟ้าอากาศ ตลอดจนสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ

2.         Organic Cycle เป็นระยะที่เกลือแร่ที่หลุดออกมาจะละลายปนอยู่ในนํ้าแล้วซึมแทรกไปยัง ที่ต่าง ๆ และถูกสิ่งมีชีวิตทั้งหลายนำไปใช้ จนกระทั่งถูกขจัดออกมาหรือเมื่อสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น ตายไป เกลือแร่ก็จะกลับมาสะสมเพิ่มพูนอยู่ในดินอีกครั้งหนึ่ง

31.       แบคทีเรียบางชนิดสามารถเปลี่ยนแปลงสารประกอบไนเตรทให้สลายตัวเป็นก๊าซไนโตรเจน แบคทีเรียชนิดนี้ เรียกว่า

(1) Nitrifying bacteria        

(2) Nitrogen-fixing bacteria

(3) Denitrifying bacteria   

(4) Decomposing bacteria

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 27. ประกอบ

32.       สิ่งมีชีวิตกลุ่มผู้บริโภคกินกลุ่มผู้ผลิต นิสัยการกินจัดเป็นแบบ

(1) Carnivore     

(2) Omnivore    

(3) Insectivore  

(4) Herbivore

ตอบ 4 หน้า 234, (คำบรรยาย) กลุ่มผู้บริโภค (Consumer) สามารถจำแนกออกตามลักษณะนิสัย การกินได้เป็น 3 พวก คือ

1.         Herbivore เป็นพวกที่กินกลุ่มผู้ผลิตหรือพืชเป็นอาหาร เช่น หนอน แพะ วัว ควาย กระต่าย ฯลฯ

2.         Carnivore เป็นพวกที่กินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร เช่น เสือ สิงโต จระเข้ ฯลฯ

3.         Omnivore เป็นพวกที่กินทั้งพืซและเนื้อสัตว์เป็นอาหาร เช่น มนุษย์ สุนัข ฯลฯ

33.       นกเอี้ยงที่กินแมลงบนหลังควาย เป็นการอยู่ร่วมกันแบบใด

(1) Commensalism    

(2)       Mutualism       

(3)       Protocooperation   

(4) Neutralism

ตอบ 3 หน้า     76,     (คำบรรยาย) Protocooperation     (+/+) เป็นการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิตแบบที่แต่ละฝ่ายจะเสริมประโยชน์แก่กัน แต่ถ้าขาดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแล้ว ฝ่ายที่เหลือก็ยังคงดำรงชีวิต อยู่เองได้ เช่น นกเอี้ยงที่กินแมลงบนหลังควาย ผีเสื้อกับดอกไม้ เป็นต้น

34.       นกฮูกกับหนู เป็นการอยู่ร่วมกันแบบใด

(1) Predation     (2)       Parasitism         (3)       Amensalism     (4) Neutralism

ตอบ 1 หน้า 77, (คำบรรยาย) Predation (+/-) เป็นการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิตแบบที่ฝ่ายหนึ่งทำลาย หรือสังหารอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อเป็นอาหาร เช่น นกฮูกกับหนู เสือกับกวาง วัวกับหญ้า เป็นต้น

35.       หอยแครงมักอาศัยอยู่ในบริเวณใด

(1) หาดทราย   (2)       หาดหิน            (3)       ทะเลลึก           (4) หาดโคลน

ตอบ 4 (คำบรรยาย) หาดโคลน (Mud Flat) มักพบอยู่ใกล้กับบริเวณแม่น้ำสายใหญ่ เมื่อตะกอนดินจากแผ่นดินถูกนํ้ากัดเซาะละลายไปตามลำคลองหรือแม่นํ้าไหลลงสู่ทะเลแล้วตกตะกอนลง ณ บริเวณปากแม่น้ำเกิดเป็นลานโคลนหรือเลนขึ้น เวลานํ้าทะเลขึ้นจะถูกท่วมจนมิดลาน เมื่อน้ำลง จะปรากฏขึ้นเป็นลานกว้าง แต่อาจมีแอ่งนํ้าขังอยู่บ้างเล็กน้อย และด้วยความอุดมสมบูรณ์ ของธาตุอาหารในตะกอนดินที่มีการทับถมกันและระดับนํ้าทะเลหรือนํ้ากร่อยที่พอเหมาะ หาดโคลนจะมีพรรณไม้ราบลุมป่าชายเลนขึ้นตามธรรมชาติ และพบสัตว์นํ้าที่มักอยู่อาศัยตาม หาดโคลน เช่น หอยแครง เป็นต้น

36.       ข้อแตกต่างของแหล่งนํ้าจืดและนํ้าเค็มคือข้อใด

(1)       น้ำจืดมักมีกระแสน้ำเชี่ยว

(2)       นํ้าทะเลมักมีกระแสน้ำเชี่ยว

(3)       นํ้าทะเลมีความเปลี่ยนแปลงตามภาวะอากาศได้ง่ายกว่านํ้าจืด

(4)       สัตว์ทะเลกำลังการว่ายน้ำจะคล่องตัวกว่าสัตว์น้ำจืด

ตอบ 1 หน้า 81 – 82 ข้อแตกต่างของแหล่งนํ้าจืดและนํ้าเค็ม มีดังนี้

1. ปริมาณของเกลือในน้ำจืดมีน้อยกว่าน้ำเค็ม 2. น้ำจืดมักมีกระแสน้ำเชี่ยวกว่านํ้าเค็ม

3.         นํ้าจืดมีการเปลี่ยนแปลงตามภาวะอากาศได้ง่ายกว่านํ้าเค็ม โดยอุณหภูมิของนํ้าจืด จะมีการเปลี่ยนแปลงตามภาวะอากาศตลอดเวลา

37.       สัตว์นํ้าชนิดใดจัดเป็นสัตว์นํ้าจืด

(1) ปลาเก๋า     (2) กุ้งตะกาด  (3) หอยลาย    (4) ปลานิล

ตอบ 4 (คำบรรยาย) สัตว์นํ้าจืด หมายถึง สัตว์ที่อาศัยอยู่ได้เฉพาะแหล่งนํ้าจืดธรรมชาติทั่วไป เช่น แม่น้ำ คู หนอง บึง หรือลำธารนํ้าตกบนภูเขาหรือในป่าดิบชื้น เช่น ปลานิล ปลาจีน ปลาดุก ปลากราย ปลากัด ปลาม้า ปลาแรด กุ้งก้ามกราม หอยขม เป็นต้น

38.       Terrestrial Habitat เป็นแหล่งที่อยู่อาศัย

(1) แหล่งอาศัยนํ้าจืด   (2) แหล่งอาศัยนํ้าเค็ม (3) แหล่งอาศัยนํ้ากร่อย (4) แหล่งอาศัยบนพื้นดิน

ตอบ 4 หน้า 79 – 82, (คำบรรยาย) แหล่งที่อยู่อาศัย (Habitat) ที่ประกอบขึ้นมาเป็นโลก มีอยู่ 2 ส่วน คือ

1.         Hydrosphere คือ แหล่งอาศัยที่เป็นนํ้า ซึ่งแบ่งออกเป็นแหล่งอาศัยนํ้าจืด (Freshwater /Inland Habitat), แหล่งอาศัยนํ้าเค็ม (Marine /Oceanic /Maritime Habitat) และ แหล่งอาศัยน้ำกร่อย (Estuarine Water Habitat)

2.         Lithosphere คือ แหล่งอาศัยที่เป็นพื้นดินหรือแหล่งอาศัยบนบก (Terrestrial /Land Habitat) โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญ ได้แก่ ดิน อากาศ อุณหภูมิ และปริมาณนํ้าฝน

39.       ประเทศไทยจัดอยู่ในภูมิอากาศแบบใด

(1) เขตป่าดิบชื้น          (2) เขตป่าผลัดใบ        (3) เขตทุ่งหญ้า            (4) เขตป่าสน

ตอบ 1 หน้า 82 – 83, (คำบรรยาย) เขตป่าดงดิบ ป่าดิบขึ้น ป่าร้อนชื้น หรือป่าฝนเขตร้อน (Tropical Rain Forest) เนินบริเวณที่อยู่ใกล้เส้นศนย์สูตรของโลก มีความชื้นสูง มีปริมาณนํ้าฝนมากที่สุด โดยเฉลี่ยตลอดปีประมาณ 80 – 90 นิ้ว มีไม้ยืนต้นขนาดสูงใหญ่จำนวนมาก และเป็นบริเวณ ที่มีสิ่งมีขีวิตอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างหนาแน่น ซึ่งเขตภูมิประเทศแบบนี้จะพบมากในภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (เช่น ประเทศไทย) เอเชียใต้ แอฟริกากลาง อเมริกากลาง และอเมริกาใต้

40.       ข้อใดบอกลักษณะของพันธุ์พืชในเขตป่าดงดิบได้ถูกต้อง

(1) มอสส์         (2) พืชล้มลุก   (3) สนสองใบ  (4) ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 39. ประกอบ

41.       องค์ประกอบที่สำคัญสำหรับแหล่งอาศัยบนพื้นดิน คือ

(1) ความต่างของระดับพื้นที่   

(2) ปริมาณนํ้าฝน

(3) ชนิดของพืช            

(4) ชนิดของสัตว์

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 38. ประกอบ

42.       สัตว์ที่มักจะไม่กินนํ้าเพื่อปรับตัวในด้านต่าง ๆ ในการสงวนนํ้าไว้ในตัว เป็นสัตว์ในภูมิประเทศแบบใด

(1)       เขตทุงหญ้า     

(2) เขตป่าผลัดใบ        

(3) เขตทะเลทราย       

(4) เขตร้อนชื้น

ตอบ 3 หน้า 83 – 84 เขตทะเลทราย (Desert) เป็นบริเวณที่มีปริมาณนํ้าฝนโดยเฉลี่ยตลอดปีไม่เกิน 10 นิ้ว จึงทำให้ภูมิภาคนี้มีอากาศร้อนและแห้งแล้งตลอดเวลา แต่อาจมีบางบริเวณ ที่ระดับนํ้าใต้ดินขึ้นมาใกล้ผิวดินมาก ทำให้พื้นที่บริเวณนั้นมีพืชและสัตว์อาศัยอยู่อย่างชุกชุม ซึ่งเรียกบริเวณที่มีความชุ่มชื้นในทะเลทรายว่า โอเอซิส” (Oasis) ทั้งนี้สัตว์ที่อาศัยอยู่ในเขต ทะเลทรายมักจะไม่กินนํ้าเพื่อปรับตัวในด้านต่าง ๆ ในการสงวนนํ้าไว้ในตัว อาศัยอยู่ในโพรง หรือในรู และออกหากินในเวลากลางคืน

43.       สัตว์อาศัยในเขตทุ่งหญ้าโดยมากเป็นสัตว์กินอาหารประเภทใด

(1)       กินพืช  

(2) กินเนื้อ       

(3) กินทั้งพืชและเนื้อ   

(4) ซากพืชและสัตว์

ตอบ 1 หน้า 83 เขตทุ่งหญ้า (Grassland) เป็นบริเวณที่อยู่ถัดไปทางเหนือและทางใต้ของเขตป่าดงดิบ โดยมีปริมาณนํ้าฝนโดยเฉลี่ยตลอดปีประมาณ 10 – 30 นิ้ว สัตว์ที่อาศัยอยู่ในเขตนี้โดยมาก เป็นสัตว์ประเภทกินพืช (Herbivorous) ซึ่งต่อไปจะตกเป็นเหยื่อหรืออาหารของสัตว์ประเภท กินเนื้อ (Carnivorous) ที่อาศัยรวมอยู่ในบริเวณนี้ด้วยเช่นกัน

44.       แบคทีเรียมีรูปร่างเป็นแท่งยาวโค้ง เรียกว่า

(1) Bacillus         (2) Flagellum     (3) Spirillum      (4) Coccus

ตอบ 3 หน้า 94 – 96 บัคเตรีหรือแบคทีเรีย (Bacteria) มีเซลล์ที่มีขนาดเล็กมากและมีรูปร่าง หลายแบบ โดยแบบที่สำคัญ คือ 1. Coccusเป็นแบคทีเรียที่มีรูปร่างกลม

2.         Bacillus เป็นแบคทีเรียที่มีรูปร่างเป็นท่อนทรงกระบอก เช่น Lactobacillus pentosus

3.         Spirillum เป็นแบคทีเรียที่มีรูปร่างเป็นแท่งยาวโค้ง

45.       แบคทีเรียชนิดก่อให้เกิดโรควัณโรค คือ

(1) Diplococcus pneumoniae   (2) Mycobacterium tuberculosis

(3) Vibrio cholerae    (4) Salmonella typhosa

ตอบ 2 หน้า 95 – 96 โรคภัยของมนุษย์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ได้แก่ 1. โรควัณโรค เกิดจากชนิด Mycobacterium tuberculosis 2. โรคปอดบวม เกิดจากชนิด Diplococcus pneumoniae และเชื้ออื่น ๆ   3. อหิวาตกโรค เกิดจากชนิด Vibrio cholerae

4.         ไทฟอยด์ เกิดจากชนิด Salmonella typhosa

5.         บาดทะยัก เกิดจากชนิด Clostridium tetani ฯลฯ

46.       Lactobacillus pentosus มีรูปร่างแบบใด

(1) กลม           (2) ท่อนทรงกระบอก   (3) แท่งยาวโค้ง           (4) กลมรี

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 44. ประกอบ

47.       สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กมีการดำรงชีวิตได้ทั้งแบบอิสระและปรสิต คือ

(1) Virus     (2) Rickettsia     (3) Mycoplasma        (4) Pneumonia

ตอบ 3 หน้า 96 – 97 สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กใน Phylum Schizophyta ที่มีลักษณะคล้ายแบคทีเรีย แต่มีขนาดเล็กกว่า ได้แก่ Spirochete Mycoplasma Rickettsia และ Virus โดยพวกที่มี การดำรงชีวิตได้ทั้งแบบอิสระและแบบปรสิต ก็คือ Spirochete และ Mycoplasma

48.       ข้อความใดบอกลักษณะของแอลจีสีเขียวแกมน้ำเงิน (Blue-green Algae) ไม่ถูกต้อง

(1) มีสารละลาย Phycocyanin ในเซลล์            (2) ไม่มีสาร Chlorophyll กระจายอยู่ในเซลล์

(3) มีชีวิตอยู่ได้ทั้งในน้ำจืดและนํ้าทะเล          (4) สามารถเพิ่มปริมาณธาตุไนโตรเจนให้แก่ดิน

ตอบ 2 หน้า 97 Phylum Cyanophyta เป็นโปรติสต์ที่ภายในเซลล์มีสารละลายของสีชนิดที่เรียกว่า Phycocyanin ซึ่งมีสีนํ้าเงินปนอยู่กับสารคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) กระจายอยู่ทั่วเซลล์ โดยส่วนมากจะมีลักษณะเป็นเซลล์เดียว แต่มีบางชนิดอยู่รวมกันเป็นสายยาวและมีเมือกใส หุ้มสายเซลล์ไว้ มีการดำรงชีวิตอยู่ในที่ทั่ว ๆ ไปทั้งนํ้าจืด นํ้าทะเล และในดิน ทำให้มีความสัมพันธ์ กับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เป็นอย่างมาก เพราะบางชนิดสามารถเพิ่มปริมาณธาตุไนโตรเจนให้แก่ดินได้ ตัวอย่างโปรติสต์ในไฟลัมนี้ ได้แก่ แอลจีสีเจียวแกมนํ้าเงิน (Blue-green Algae)

49.       Chloreiia จัดเป็นแอลจีอยู่ในไฟลัม (Phylum) ใด

(1)       Euglenophyta (2) Cyanophyta (3) Pyrrophyta  (4) Chlorophyta

ตอบ 4 หน้า 98 Phylum Chlorophyta เป็นแอลจีที่มีสีเขียวอ่อนหรีอแอลจีสีเขียว (Green Algae)มีทั้งชนิดที่อยู่เซลล์เดียวและที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มหรือเป็นสาย บางชนิดอาจมีแส้ (Flagellum) เป็นองค์ประกอบของเซลล์ และมีผนังเซลล์ค่อนข้างแข็งทำให้คงรูปร่างไว้ได้ โดยผนังเซลล์ จะประกอบด้วยสารเซลลูโลส (Cellulose) เหมือนกับในพืชชั้นสูงทั่วไป จึงทำให้สันนิษฐานกันว่า แอลจีในไฟลัมนี้เป็นบรรพบุรุษของพืชชั้นสูง ตัวอย่างของแอลจีสีเจียวเช่น Spiroqyra, Voivox, Chloreiia, Chlamydomonas, Ulva เป็นต้น

50.       แอลจีในไฟลัม (Phylum) ใดซึ่งสันนิษฐานเป็นบรรพบุรุษของพืชชั้นสูง

(1)       Euglenophyta (2)       Cyanophyta     (3)       Pyrrophyta       (4) Chlorophyta

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 49. ประกอบ

51.       เหตุผลในข้อใดคือข้อสันนิษฐานว่าเป็นบรรพบุรุษของพืชชั้นสูง

(1)       ประกอบด้วยสาร Chlorophyll  

(2) มี Flagellum 1 เส้น

(3) ผนังเซลล์ประกอบด้วยสาร Cellulose         

(4) ประกอบด้วย Phycocyanin

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 49. ประกอบ

52.       แอลจีชนิดใดที่อยู่ในไฟลัม (Phylum) เดียวกับ Spiro§yra

(1) Voivox 

(2)       Chondrus          

(3)       Euglena   

(4) Laminaria

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 49.       ประกอบ

53.       แปะก๊วย จัดอยู่ใน Class ใด

(1)       คลาสเฮพาทิชี (Class Flepaticae)     

(2) คลาสแองจิโอสเปอร์มี (Class Angiospermae)

(3) คลาสจิมโนสเปอร์มี (Class Gymnospermae) 

(4) คลาสฟิลิซินี (Class Filicinae)

ตอบ 3 หน้า 115 คลาสจิมโนสเปอร์มี (Class Gymnospermae) เป็นพืชที่มีเมล็ดแต่เมล็ดแก่ไม่มีผนังห้อหุ้ม หรือพืชไม่มีดอก โดยเป็นพืชที่มีอายุหลายปี ลำต้นมีขนาดสูงใหญ่เมื่ออายุมากขึ้น ไม่ผลัดใบ และสืบพันธุ์โดยใช้เมล็ด ได้แก่ ปรง สนแห้ แปะก๊วย และเครือมะเมื่อย

54.       Pollination คืออะไร

(1)       การถ่ายละอองเกสร    (2)       การติดเมล็ด    (3)       การปฏิสนธิ     (4) การงอกของเมล็ด

ตอบ 1 หน้า 127 การถ่ายละอองเกสร (Pollination) หมายถึง ปรากฏการณ์ที่ละอองเกสรตัวผู้ ปลิวไปตกบนยอดเกสรตัวเมีย ถ้าเกิดในดอกเดียวกับเรียกว่า Self-Pollination หรือ Close-Pollination แต่ถ้าเกิดต่างดอกกันเรียกว่า Cross Pollination ซึ่งการถ่ายละอองเกสรนี้ จะส่งผลทำให้เกิดการผสมเกสร (Fertilization) ขึ้นในที่สุด

55.       Complete Flower หมายถึงอะไร

(1)       ดอกที่มีแต่เกสรตัวผู้    (2) ดอกที่มีแต่เกสรตัวเมีย

(3) ดอกที่มีอวัยวะไม่ครบ        (4) ดอกที่มีอวัยวะครบ

ตอบ 4 หน้า 125 – 126 Complete Flower หมายถึง ดอกที่มีอวัยวะครบทุกวงชั้น คือ ชั้นของกลีบดอกวงนอกสุด (Calyx), วงชั้นของกลีบดอก (Corolla), วงชั้นของเกสรตัวผู้ (Androecium) และวงชั้นของเกสรตัวเมีย (Gynaecium) ทั้งนี้ในดอกบางชนิดยังมีอีกวงหนึ่งนอกCalyx ออกมา เรียกว่า Epicalyx เช่น ดอกชบา

56.       พืชใน Class ใด จัดเป็นพืชดอก

(1)       คลาสเฮพาทิชี (Class Flepaticae)     (2) คลาสแองจิโอสเปอร์มี (Class Angiospermae)

(3) คลาสจิมโนสเปอร์มี (Class Gymnospermae) (4) คลาสฟิลิซินี (Class Filicinae)

ตอบ 2 หน้า 116 – 117 คลาสแองจิโอสเปอร์มี (Class Angiospermae) เป็นพืชที่มีเมล็ดและเมล็ดมีผนังห่อหุ้ม หรือพืชดอก ได้แก่ ข้าว กุหลาบ พริก มะเขือ เป็นต้น ซึ่งพืชใน Class นี้ นับว่าเป็นพืชที่มีวิวัฒนาการสูงสุด และมีจำนวนมากที่สุดในยุคปัจจุบัน

57.       ผักแว่น จัดเป็นพืชใน Class ใด

(1)       คลาสเฮพาทิชี (Class Hepaticae)      (2) คลาสแองจิโอสเปอร์มี (Class Angiospermae)

(3) คลาสจิมโนสเปอร์มี (Class Gymnospermae) (4) คลาสฟิลิซินี (Class Filicinae)

ตอบ 4 หน้า 113115 คลาสฟิลิซินี (Class Filicinae) เป็นพืชในกลุ่มเฟิร์น โดยแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ใหญ่ ๆ คือ 1. เฟิร์นที่อยู่บนบก เช่น เฟิร์นฝอย เฟิร์นเกล็ดหอย เฟิร์นก้านดำ เฟิร์นเขากวาง เฟิร์นข้าหลวงหลังลาย เป็นต้น 2. เฟิร์นที่อยู่ตามชายนํ้า เช่น เฟิร์นปรงไข่ เฟิร์นปรงทอง เฟิร์นปรงนํ้า เป็นต้น 3. เฟิร์นที่อยู่ในนํ้า เช่น ผักแว่น แหนแดง จอกหหนู เป็นต้น

58.       เป็นพืชมีอายุหลายปี ไม่ผลัดใบ เมล็ดไม่มีผนังห่อหุ้ม เป็นลักษณะของพืชใน Class ใด

(1)       คลาลเฮพาทิชี (Class Hepaticae)      (2) คลาสแองจิโอสเปอร์มี (Class Angiospermae)

(3) คลาสจิมโนสเปอร์มี (Class Gymnospermae) (4) คลาสฟิสิซินี (Class Filicinae)

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 53. ประกอบ

59.       พืชชนิดใด จัดอยู่ในดิวิชั่นย่อยไลคอพซิดา (Subdivision Lycopsida)

(1) ต้นสามร้อยยอด     (2) หญ้าถอดปล้อง     (3) หวายทะนอย         (4) เฟิร์นก้านดำ

ตอบ 1 หน้า 112-113 พืชในดิวิซับย่อยไลคอพซิดา (Subdivision Lycopsida) มีชื่อสามัญว่า Club Moss เป็นพืชที่ขึ้นรวมอยู่ด้วยกันเป็นกลุม มีใบเป็นแผ่นเล็ก ๆ ขึ้นรอบลำต้น ลำต้น มีทั้งส่วนที่อยู่ใต้ดินและส่วนเหนือระดับดิน ตอนปลายสุดของกิ่งที่อยู่พ้นระดับดินจะมีลักษณะ เป็นข้ออัดแน่นเป็นรูปกรวยเรียกว่า Cone หรือ Strobilus เป็นแหล่งสร้างสปอร์เพื่อการขยายพันธุ์ และมีท่อลำเลียงทั้งในราก ลำต้น และใบ ซึ่งพืชที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ ได้แก่ ต้นสามร้อยยอด (Lycopodium) หญ้ารังไก่ ข้องนางคลี่ สร้อยนางกรอง และสร้อยสุกรม

60.       พืชชนิดใด จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับจอกหูหนู

(1)       ต้นสามร้อยยอด         (2) หญ้าถอดปล้อง     (3) หวายทะนอย         (4) เฟรินก้านดำ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 57. ประกอบ

61.       ข้อใดเป็นลักษณะของปรง    

(1) มีอายุปีเดียว

(2)       สืบพันธุ์โดยใช้สปอร์   

(3) เมล็ดแก่ไม่มีผนังห่อหุ้ม      

(4) ขึ้นทั่วไปบริเวณที่ชื้นแฉะ

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 53. ประกอบ

62.       พืชชนิดใดมีดอกเป็นแบบช่อดอก (Inflorescence)

(1) ฟักทอง      

(2)      มะเขือ  

(3)       มะม่วง 

(4)       พริก

ตอบ 3 หน้า 126 ช่อดอก (Inflorescence) หมายถึง ดอกหลาย ๆ ดอกที่ติดอยู่กับก้านดอกที่เป็น ก้านเดี่ยว ทำให้ดอกมีลักษณะเป็นช่อ ซึ่งพืซที่มีดอกแบบนี้ ได้แก่ มะม่วง กล้วย มะไฟ ซ่อนกลิ่น สะเดา เป็นต้น

63.       หว่านพืชซนิดใด ย่อมได้ผลเป็นพืชชนิดนั้น” ในทางชีววิทยาเราทราบว่านี่เป็นผลการทำงานของ

(1) วิวัฒนาการ            

(2)       ดีเอ็นเอ            

(3)       การสืบพันธุ์     

(4)       ความเป็นสิ่งมีชีวิต

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 20.       ประกอบ

64.       ผลลัพธ์ของกระบวนการเมแทบอลิซึม คือ

(1) Anabolism   (2)       Catabolism       (3)       Reproduction  (4)       Growth

ตอบ 4 หน้า 147153, (คำบรรยาย) กระบวนการเมแทบอลิซึม (Metabolism) เป็นกระบวนการ ทางเคมีทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในตัวของสิ่งมีชีวิต ฃึ่งแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ

1.         แอแนบอลิซึม (Anabolism) เป็นกระบวนการสังเคราะห์ที่นำเอาสารโมเลกุลเล็กมาประกอบ รวมกันให้เกิดเป็นสารใหม่ที่มีโมเลกุลใหญ่ขึ้น เช่น การแปรรูปโมเลกุลของกลูโคสให้กลายเป็น แป้งไกลโคเจน ฯลฯ

2.         แคแทบอลิซึม (Catabolism) เป็นกระบวบการที่ทำให้สารต่าง ๆ ที่มีโมเลกุลใหญ่แยกสลายได้ เป็นสารโมเลกุลเล็กพื้นฐาน เช่น การย่อยโปรตีนให้กลายเป็นกรดอะมิโน ฯลฯ

ทั้งนี้ผลลัพธ์โดยรวมหรือผลลัพธ์สุดท้ายที่จะได้รับจากกระบวนการเมแทบอลิซึม ก็คือ การเจริญเติบโต (Growth) หรือความมีชีวิต นั่นเอง

65.       กระบวนการเมแทบอลิซึมที่เปลี่ยนให้สารโมเลกุลเล็กแปรเป็นสารโมเลกุลใหญ่ คือ

(1) Catabolism  (2) Anabolism   (3)       Metabolism     (4)       Synthesis

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 64. ประกอบ

66.       ผลลัพธ์โดยรวมของกระบวนการเมแทบอลิซึม (Metabolism) คือ

(1) การเจริญเติบโต (2) การขยายขนาด         (3)       การสืบพันธุ์     (4)       การชดเชยทดแทน

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 64. ประกอบ

67.       การดำเนินการข้อใดที่จัดเป็น กระบวนการ” (Process)

(1) ไปตลาด     (2) เชียร์กีฬา   (3)       ลงทะเบียนเรียน          (4)       ฟังการอภิปราย

ตอบ 3 (คำบรรยาย) กระบวนการ (Process) หมายถึง การกระทำที่เป็นไปตามลำดับขั้นตอน และมีระเบียบแบบแผนที่แน่นอน เช่น การลงทะเบียนเรียบ การเรียนรู้ การปลูกบ้าน การซักผ้า การหุงข้าว การขับรถ ฯลฯ

68.       การย่อยอาหาร สิ้นสุดลงที่

(1) ลำไส้เล็กส่วนปลาย           (2) ลำไส้ใหญ่ตอนต้น  (3) ลำไส้หญ่ตอนกลาง (4) ลำไส้เล็กส่วนกลาง

ตอบ 1 หน้า 149152, (คำบรรยาย) การย่อยอาหารทุกประเภทของมนุษย์จะสิ้นสุดสมบูรณ์ที่ลำไล้เล็กตอนปลาย โดยลำไส้เล็กจะมีบทบาทหลักในการย่อยสกัดเอาสารอาหารออกมาใช้งาน คือ สารอาหารที่ได้จากการย่อยสกัดประเภทกรดไขมันและกลีเซอรอลจะถูกดูดซึมและลำเลียง เข้าสู่หลอดนํ้าเหลืองหรือท่อแลคทีล (Lacteal) แล้วเข้าไปในเส้นเลือดไปยังเนื้อเยื่อต่าง ๆ ส่วนสารอาหารประเภทกลูโคสและกรดอะมิโนจะถูกดูดซึมและลำเลียงเข้าสู่หลอดเลือดฝอย (Capillary) ไปยังตับและจะถูกนำไปใช้งานต่อไป โดยหลอดนํ้าเหลืองและหลอดเลือดฝอยที่เป็น ทางเข้าของสารอาหารเหล่านี้จะแทรกซึมอยู่ในผนังของลำไส้เล็กซึ่งยื่นออกมาเป็นเส้นเล็ก ๆ เรียกวา วิลลัส (Villus)

69.       การสังเคราะห์ให้เกิดสารโมเลกุลใหญ่ในร่างกายเป็นเมแทบอลิซึมด้านใด

(1) แอแนบอลิซึม (Anabolism)  (2) แคแทบอลิซึม (Catabolism)

(3)       การแลกเปลี่ยน           (4) การถ่ายเท

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 64. ประกอบ

70.       ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทันทีในสิ่งมีชีวิต แล้วถ่ายทอดลักษณะนั้นไปสู่รุ่นหลังได้ เรียกว่า

(1) Mutation     (2) Development       (3) Differentiation    (4) Evolution

ตอบ1 หน้า 22193, (คำบรรยาย) การฝาเหล่าหรือมิวเตชัน (Mutation) เป็นความเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทันทีในสิ่งมีชีวิต และลักษณะของความเปลี่ยนแปลงนั้นยังคงสภาพอยู่ และสามารถถ่ายทอดไปสู่รุ่นหลังหรือรุ่นลูกหลานได้ เช่น คนผิวเผือก ปลาดุกเผือก ลิงเผือก หมูห้าขา กบสามขา หมาสามหู ฯลฯ

71.       สารอาหารประเภทกรดไขมันและกลีเซอรอล จะถูกดูดซึมเข้าสู่

(1) ท่อแลคทีล 

(2) หลอดเลือดฝอย     

(3) หลอดเวน   

(4) หลอดเลือดอาร์เทอร์

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 68. ประกอบ

72.       การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส (Meiosis) เปลี่ยนแปลงอย่างไร

(1) จาก 1 เซลล์ได้4 เซลล์       

(2) จาก 1 เซลล์ได้3 เซลล์

(3) จาก 1 เซลล์ ได้ 2 เซลล์     

(4) จาก 1 เซลล์ ได้ 8 เซลล์

ตอบ 1 หน้า 172 – 174, (คำบรรยาย) การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส (Meiosis) เป็นการแบ่งเซลล์เพื่อให้เซลล์นั้นไปทำหน้าที่เป็นเซลล์สืบพันธุ์หรือเซลล์เชื้อเพศของสิ่งมีชีวิตขั้นสูงในวัยเจริญพันธุ์ ซึ่งลำดับขั้นตอนการแบ่งเซลล์จะมี 2 ขั้นตอนต่อเนื่องกัน โดยเริ่มจากเซลล์ตั้งต้นเดิม 1 เซลล์ แบ่งสองครั้งได้เซลล์ใหม่เกิดขึ้น 4 เซลล์ และแต่ละเซลล์จะมีจำนวนโครโมโซมลดลงครึ่งหนึ่ง ของจำนวนโครโมโซมตั้งต้นเดิม (Haploid Number) ซึ่งการแบ่งเซลล์แบบนี้จะพบได้ในการ สืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ

73.       การปฏิสนธิแบบ Self-fertilization พบในสิ่งมีชีวิตประเภทใด

(1) Monoecious 

(2) Dioecious   

(3) Synoecious  

(4) Poloecious

ตอบ 1 (คำบรรยาย) Self-fertilization เป็นการปฏิสนธิที่เกิดขึ้นในตัวเองโดยไม่ต้องมีคู่ผสมพันธุ์ซึ่งจะเกิดขึ้นในสิ่งมีชีวิตประเภทที่มีเพศครบทั้งสองเพศในต้นหรือในตัวเดียวกัน (Monoecious) โดยที่เชื้อเพศจะแก่ตัวพร้อมกัน และเชื้อเพศผู้ก็จะผสมกับเชื้อเพศเมียในตัวหรือใบต้นเดียวกัน เช่น การปฏิสนธิในพยาธิตัวตืดการปฏิสนธิในฝักข้าวโพด ฯลฯ

74.       การเกิดเนื้อใหม่หลังจากการรักษาบาดแผลแล้ว เป็น

(1) Budding        (2)       Regeneration  (3)       Fission      (4)       Parthenogenesis

ตอบ 2 (คำบรรยาย) การงอกแทนที่ (Regeneration) เป็นกระบวนการสร้างเสริมส่วนของร่างกายที่ขาดหายไปขึ้นมาใหม่ให้ครบสมบุรณ์เหมือนเดิม ภายใต้การควบคุมของ DNA ในนิวเคลียส สารเคมีในไซโตพลาสม์ รวมทั้งสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ซึ่งจะพบได้ในพวกสัตว์ชั้นตํ่าบางชนิด (เช่น ฟองน้ำ ปลาดาว ฯลฯ) และพืชที่ยังไม่มีเนื้อเยื่อลำเลียง (เช่น ลิเวอร์เวิร์ต ฯลฯ) เช่น การเกิดเนื้อใหม่หลังจากการรักษาบาดแผลแล้ว เป็นต้น

75.       กล้วยไข่ กล้วยหอม ไม่มีเมล็ด เติบโตโดยวิธี

(1) Regeneration       (2)       Budding   (3)       Fission      (4)       Parthenogenesis

ตอบ 4 หน้า 175 พาร์ทีโนจีเนซิส (Parthenogenesis) เป็นการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศที่ไข่หรือ เซลล์สืบพันธุ์เพศเมียสามารถจะเจริญเติบโตเป็นสิ่งมีชีวิตหรือเป็นผลไม้ขึ้นมาได้เอง โดยไม่ต้อง ได้รับการผสมพันธุ์จากเซลล์เพศผู้ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า เป็นการได้ลูกหรือผลจากไข่ที่ไม่มีการปฏิสนธิหรือไม่ได้รับการผสมเชื้อเพศผู้ ซึ่งตัวอย่างที่พบเห็นเป็นประจำ เช่น มด ผึ้ง ปลวก องุ่นไร้เมล็ด ส้มไร้เมล็ด แตงโมไร้เมล็ด กล้วยไข่ กล้วยหอม เป็นต้น

76.       การสร้างเซลล์เชื้อเพศ เรียกทั่วไปว่า

(1) Oogenesis    (2)       Spermatogenesis (3)            Gametogenesis (4)    Meiosis

ตอบ 3 หน้า 172, (คำบรรยาย) กระบวนการสร้างเซลล์เชื้อเพศหรือเซลล์สืบพันธุ์ในสิ่งมีชีวิต หากกล่าว โดยรวมทั่วไปไม่ระบุชนิดของเพศ เรียกว่า แกมีโทจิเนซิส‘’ (Gametogenesis) ซึ่งแบ่งออกเป็น

1.         กระบวนการสร้างเซลล์ไข่หรือเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย เรืยกว่า โอโอจีเนซิส” (Oogenesis)

2.         กระบวนการสร้างสเปิร์มหรือเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ เรียกว่า สเปอร์มาโทจีเนซิส” (Spermatogenesis)

77.       เมื่อสเปิร์มเข้าไปผสมกับไข่แล้ว เกิดเป็นระยะสืบพันธุ์ที่เรียกว่า

(1) ไซโกต        (2) เอ็มบริโอ    (3) Fetus    (4) Enfant

ตอบ 1 หน้า 184 – 185, (คำบรรยาย) เมื่อสเปิร์มเข้าไปผสมหรือปฏิสนธิกับไข่แล้ว ไข่จะแปรสภาพ เกิดเป็นระยะสืบพันธุ์ที่เรียกว่า ไซโกต (Zygote) และจากนั้นไซโกตก็จะเจริญเป็นตัวอ่อนหรือเอ็มบริโอ (Embryo) ภายในระยะเวลา 2 สัปดาห์

78.       ความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เด็กอ่อนจนถึงวัยรุ่น จัดเป็น

(1) Differentiation     (2) Development       (3) Mutation     (4) Evolution

ตอบ 2 (คำบรรยาย) พัฒนาการ (Development) เป็นความเปลี่ยนแปลงที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนาน แต่เราสามารถรู้ขั้นตอนหรือเห็นผลของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ เช่น การเจริญเติบโตหรือ พัฒนาการตามขั้นตอนของเด็กอ่อนจนถึงวัยรุ่น เป็นต้น

79.       ปีนี้เป็นปีมะเมีย สัตว์ชนิดนี้มีการออกลูกแบบใด

(1) Oviparous    (2) Ovoviviparous (3) Viviparous       (4) Omnivorous

ตอบ 3 หน้า 91138, (คำบรรยาย) Enaima เป็นสัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง และเลือดมีสีแดง ซึ่งประกอบด้วยสัตว์ 2 พวก ได้แก่

1.         Oviparous คือ สัตว์ที่ตัวเมียออกลูกเป็นไข่ เช่น เต่า จระเข้ กบ ยุง เป็ด ไก่ ตุนปากเป็ด ห่าน ไดโนเสาร์ เป็นต้น

2.         Viviparous คือ สัตว์ที่ตัวเมียออกลูกเป็นตัว เช่น มนุษย์ (คน) ปลาฉลาม ปลาวาน ปลาโลมา พะยูน ค้างคาว ม้า (มะเมีย) วัว สุนัข แมว หนุ จิงโจ้ หมีแพนค้า เป็นต้น

80.       การเกิดทารกแฝดที่มีหน้าตา เพศ และอุปนิสัยเหมือนกันมาก เรียกว่าทารกแฝดร่วมไข่ (Identical Twins)มีโอกาสเกิดได้จาก

(1)       เกิดจากไข่ 1 ใบ + สเปีร์ม 2 ตัว หรือมากกว่า

(2)       เกิดจากไข่ 1 ใบ + สเปิร์ม 1 ตัว แต่แตกต่างกันเมื่อมีการแบ่งเซลล์หลังปฏิสนธิ

(3)       เกิดจากไข่ 1 ใบ เกิดการแบ่งเซลล์หลายเซลล์แล้วจึงปฏิสนธิภายหลัง

(4)       จำนวนไข่กี่ใบก็ได้ แต่เกิดการผสมในข่วงเวลาเดียวกัน

ตอบ 2 หน้า 184, (คำบรรยาย) ฝาแฝดแท้ (Identical Twins) เป็นฝาแฝดที่เกิดจากไข่ 1 ใบถูกผสมด้วยสเปิร์ม 1 ตัว ได้เป็นไซโกต แต่แตกต่างกันเมื่อมีการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส (Mitosis) จาก 1 เป็น 2 หลังการปฏิสนธิ โดยแต่ละเซลล์ก็จะเป็นต้นกำเนิดของ 1 ชีวิต ฝาแฝดแบบนี้ จะมีเพศเดียวกัน มีลักษณะหน้าตาและอุปนิสัยเหมือนกันมาก หรือที่เรียกว่าทารกแฝดร่วมไข่

81.       การเคลื่อนไหวที่เกิดจากกระบวนการทำงานของเซลล์พืช ซึ่งไม่จัดว่าเป็นการตอบสนองต่อสิ่งเร้าคือข้อใด

(1)       การเคลื่อนที่ของสาหร่ายเซลล์เดียวเมื่ออุณหภูมินํ้าเปลี่ยนแปลง

(2)       ต้นพืชมีความสูงมากขึ้นเมื่อมีฮอร์โมนมากระตุ้น

(3)       การเหี่ยวของใบไมยราบเมื่อโดนสัมผัส

(4)       การบานของดอกบัวเมื่อได้รับแสงแดด

ตอบ 3 หน้า 201 การเคลื่อนไหวที่เกิดจากกระบวนการทำงานของเซลล์พืช ซึ่งไม่จัดว่าเป็นการตอบสนอง ต่อสิ่งเร้า มี 2 แบบ คือ

1.         การเคลื่อนไหวจากความเต่งของเนื้อเยื่อ เป็นการเคลื่อนไหวที่เกิดจากกระบวนการ Osmosis ทำให้ใบเต่งหรือเหี่ยวเฉาม้วนเข้าหากัน ซึ่งพบมากในใบพืชตระกูลถั่ว เช่น การเหี่ยวของ ใบไมยราบเมื่อโดนสัมผัส เป็นต้น

2.         การเคลื่อนไหวของเนื้อเยื่อที่ไม่มีชีวิต เป็นการเคลื่อนไหวที่เกิดจากการขยายตัวของเซลล์ ภายหลังที่ได้รับความชื้น เช่น การแตกของฝักหรือผลแห้งการแตกของฝักต้อยติ่ง เป็นต้น

82.       ข้อใดจัดเป็นการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของสิ่งมีชีวิต

(1) การมองเห็นของนก            

(2) การได้ยินเสียงเรียกของสุนัข

(3)       การเคลื่อนที่เข้าหาแสงของแมลง        

(4) การแลบลิ้นของงูเขียว

ตอบ 3 หน้า 195, (คำบรรยาย) การตอบสนองต่อสิ่งเร้า (Responsiveness) หมายถึง การที่สิงมีชีวิต มีการตอบสนองต่อสิ่งที่มากระตุ้น เพื่อให้มีการปรับตัวหรือต่อต้านต่อสิ่งที่มากระตุ้นนั้น เช่น การเคลื่อนที่เข้าหาแสงของแมลงดอกไม้บานในยามเช้าเมื่อได้รับแสงแดดใบพืชเหี่ยวเมื่อ อุณหภูมิสูงขึ้นการจ้องมองภาพหรือวัตถุการมีความรู้สึกเจ็บปวดและหดมือถอยหนีเมื่อโดน นํ้าร้อนลวก ถูกของแหลมทิ่มแทงหรือถูกไฟจี้การที่ต้นไม้เอนเข้าหาแสงสว่างการเหลียวไปมอง เมื่อได้ยินเสียง เป็นต้น

83.       งูจงอางมองวัตถุที่เคลื่อนที่แล้วเลื้อยตาม งูชนิดนี้มีหน่วยรับความรู้สึกที่เรียกว่า

(1) Thermoreceptor (2) Pressoreceptor (3) Photoreceptor (4) Phonoreceptor

ตอบ3  หน้า 196, (คำบรรยาย) ในกระบวนการรับความรู้สึก (Reception) มีอวัยวะที่เป็นหน่วยรับความรู้สึก ได้แก่

1.         Thermoreceptor เป็นอวัยวะที่รับความรู้สึกร้อนหรือเย็น (อุณหภูมิ) ได้แก่ ผิวหนัง

2.         Photoreceptor เป็นอวัยวะที่รับความรู้สึกเกี่ยวกับแสงสว่าง ได้แก่ ตา เช่น งูจงอางมองเห็น วัตถุที่เคลื่อนที่แล้วเลื้อยตาม เป็นต้น

3.         Pressoreceptor เป็นอวัยวะที่รับความรู้สึกสัมผัสและความเจ็บปวด ได้แก่ ผิวหนัง

4.         Chemoreceptor เป็นอวัยวะที่รับความรู้สึกด้านรสและกลิ่น ได้แก่ ลิ้น จมูก และ หนวดแมลงบางชนิด เช่น ผีเลื้อกลางคืน เป็นต้น

5.         Phonoreceptor เป็นอวัยวะที่รับความรู้สึกด้านเสียง ได้แก่ หู

84.       การเจริญของรากไทรจากยอดต้นไม้อื่นลงสู่พื้นดิน เป็นการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่เรียกว่า

(1) Thermonastic (2) Geotropism      (3) Chemotropism (4) Hydrotropism

ตอบ 2 หน้า 200 Geotropism เป็นการเคลื่อนไหวตอบสนองภายนอกต้นพืชเนื่องจากการเจริญเติบโต โดยมีแรงดึงดูดของโลกเป็นสิ่งเร้า เช่น การเจริญของรากไทรจากยอดต้นไม้อื่น ลงสู่พื้นดิน เป็นต้น

85.       การตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่เกิดในโปรโตพลาสม์ พบในสิ่งมิชีวิตพวกใด

(1) ในสัตว์ชั้นสูง          (2) ในพวกพืชทั่วไป

(3)       สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำประเภทเซลล์เดียว       (4) พบในสิ่งมีชีวิตทุกข้อที่กล่าวมา

ตอบ 3 หน้า 98106195 – 196, (คำบรรยาย) การตอบสนองต่อสิ่งเร้าในสิ่งมีชีวิตชั้นตํ่าประเภท เซลล์เดียวซึ่งได้แก่ พวกโปรติสตา (Protista) เช่น ยูกลีบา อะมีนา พารามีเซียม จะเกิดขึ้น พร้อมกันในก้อนโปรโตพลาสม์ ส่วนการตอบสนองต่อสิ่งเร้าในสัตว์ขชั้นสูงและใบพืชทั่วไปนั้น จะมีโครงสร้างหรืออวัยวะที่ทำหน้าที่เป็นสัดส่วนแยกออกจากกัน

86.       งูกะปะรับสัญญาณของเหยื่อโดยอาศัยหน่วยรับความรู้สึกที่เกี่ยวกับอุณหภูมิ เรียกหน่วยรับความรู้สึกนั้นว่า

(1) Chemoreceptor (2) Phonoreceptor (3) Thermoreceptor (4) Pressoreceptor

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 83. ประกอบ

87.       นายดำเป็นนักโทษหนีคดี เมื่อพบเห็บเจ้าหน้าที่ตำรวจและรู้ว่าตนเองต้องโดนจับ แต่นายดำยืนนิ่ง เหมือนคนทำอะไรไม่ถูก นายดำน่าจะขาดกระบวนการใดในการตอบสนองต่อสิ่งเร้า

(1)       กระบวนการรับความรู้สึก (Reception)

(2)       กระบวนการตอบโต้ (Effect)

(3)       กระบวบการนำความรู้สึก (Conduction)

(4)       กระบวนการแปลความหมายและสั่งการ (Modulation)

ตอบ 2 หน้า 197 – 198, (คำบรรยาย) กระบวนการตอบโต้ (Effect) เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง ระบบกล้ามเบื้อ เซลล์ประสาทสั่งการ (Motor Neuron) และระบบต่อมสร้างฮอร์โมน ซึ่งเกิดขึ้น หลังจากที่กระแสความรู้สึกถูกส่งผ่านเซลล์ประสาทรับความรู้สึก (Sensory Neuron) ไปยัง ระบบประสาทส่วนกลาง (สมองและไขสันหลัง) แล้ว โดยที่ Motor Neuron จะส่งกระแสคำสั่ง จากระบบประสาทส่วนกลางมากระตุ้นให้หน่วยตอบสนองหรือกล้ามเนื้อในบริเวณใกล้กับ แหล่งรับความรู้สึกทำงานด้วยการหดตัวของเส้นใยกล้ามเนื้อ จึงทำให้เกิดการเคลื่อนไหวในรูปแบบ ต่าง ๆ เช่น การวิ่งหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจของนักโทษหนีคดี การหดตัวของกล้ามเนื้อขา เพื่อให้เดินถอยหลัง การเดินเลี่ยงเมื่อเรามองเห็นวัตถุอันตราย เป็นต้น

88.       การพรางตัวของสิ่งมีชีวิตพวกผีเสื้อให้มีสีเหมือนวัตถุที่เกาะอาศัย เกิดประโยชน์กับผีเสื้อด้านใดมากที่สุด

(1)       จับเหยื่อพวกแมลงเป็นอาหาร            (2) หลีกเลี่ยงจากการเป็นเหยื่อของผู้ล่า

(3) เพื่อความสวยงามดึงดูดเพศตรงข้าม         (4) ขับไล่ศัตรู

ตอบ 2 หน้า 228 – 230, (คำบรรยาย) การปรับตัวทางด้านรูปร่างของสิ่งมีชีวิตนั้น มีจุดมุ่งหมาย สำคัญ 2 ประการ คือ

1.         เพื่อเอื้อประโยชน์ในการหาอาหาร เช่น ตั๊กแตนมีลักษณะปากแข็งแรงนกกระยางมีนิ้วเท้า เรียวยาวเหมาะแก่การทรงตัวนกกานํ้ามีนิ้วเท้าแบนมีพังผืดงูเชียวหางไหม้ชอบอาศัยอยู่ ตามพุ่มไม้ที่มีสีเขียวนกฮูกมีนิ้วเท้างองุ้มเล็บแหลมคมไก่มีเล็บเท้าใหญ่และแข็งเหมาะแก่ การคุ้ยเขี่ย เป็นต้น

2.         เพื่อการป้องกันหรือหลบหลีกอันตรายจากศัตรู (ผู้ล่า) เช่น การมีหูและขาหลังที่ยาวของกระต่ายการมีเปลือก กระดอง เกล็ด ขนแข็ง ของหอย ปู เต่า นิ่ม และเม่นการเปลี่ยนสีเลียนแบบ ธรรมชาติหรือการพรางตัวให้มีสีเหมือนวัตถุที่เกาะอาศัยของผีเสื้อกลางคืน เป็นต้น

89.       การเบนหาแสงของยอดพืชเป็นการตอบสนองต่อสิ่งเร้าโดยมีฮอร์โมนใดเกี่ยวข้อง   

(1) ไคนิน (Kinin)

(2)       ออกซิน (Auxin)    (3) จิบเบอเรลลิน (Gibberellin) (4) อินซูลิน (Insulin)

ตอบ 2 หน้า 199 ออกชิน (Auxin) เป็นสิ่งเร้าภายในในรูปฮอร์โมนพืชที่ช่วยส่งเสริมและควบคุมการเจริญเติบโตของพืช ซึ่งฮอร์โมนนี้พืชจะสร้างจากปลายยอดแล้วลำเลียงลงสู่รากในลักษณะ ที่หนีแสงสว่าง ทำให้พืชเกิดการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงหรือมีพฤติกรรมการตอบสนอง โดยการที่ยอดพืชจะโค้งหรือเบนเข้าหาแสง ส่วนรากพืชจะเบนหนีแสง

90.       สัตว์บางชนิดส่งสารติดต่อกันได้โดยใช้กลิ่นที่ขับออกมานอกร่างกาย กลิ่นที่สัตว์เหล่านั้นสร้างขึ้น เรียกว่า

(1)       ฮอร์โมน          (2) ฟีโรโมน      (3) พาราฮอร์โมน         (4) อะดรินาลีน

ตอบ 2 หน้า 209, (คำบรรยาย) ฟีโรโมน (Pheromone) เป็นกลิ่นของสารอินทรีย์เคมีที่สร้างโดยต่อมมีท่อ แล้วถูกขับออกมาใช้งานภายนอกร่างกาย เพื่อการสื่อสารหรือส่งสารติดต่อ กับสิ่งมิชีวิตชนิดเดียวกัน เช่น กลิ่นตัวและกลิ่นเหงื่อของคนกลิ่นสาบของสัตว์ต่าง ๆ,การเดินตามกันเป็นแถวของปลวกหรือมดแมลงต่างๆ ที่อยู่ห่างไกลกันสามารถติดตามหรือ ส่งสารติดต่อกันได้ เป็นต้น

91.       สิ่งมิชีวิตรุ่นลูกมีความแตกต่างจากพ่อแม่โดยสิ้นเชิง เกิดเนื่องจากความผันแปรทางพันธุกรรมหรือมิวเตชันความคิดเห็นนี้กล่าวโดยผู้ใด  

(1) ลามาร์ค (Lamarck)

(2)       ดาร์วิน (Darwin)   

(3) เดอ ฟรีส์ (De Vries)   

(4) อริสโตเติล (Aristotle)

ตอบ 3 หน้า 213, (คำบรรยาย) ฮิวโก เดอ ฟรีล์ (Hugo De Vries) ได้กล่าวถึงทฤษฎีวิวัฒนาการของ สิ่งมีชีวิตไว้ว่า สิ่งมีชีวิตอาจเกิดพันธุ์ใหม่ขึ้นได้อย่างทันทีทันใด เนื่องจากเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ภายในเซลล์สืบพันธุ์ และความเปลี่ยนแปลงนี้สามารถถ่ายทอดไปสู่ลูกหลานได้ นั่นคือ สิ่งมีชีวิต รุ่นลูกจะมีความแตกต่างจากพ่อแม่โดยสิ้นเชิง เกิดเนื่องจากความผันแปรทางพันธุกรรม ซึ่งการผันแปรนี้เรียกว่า การผ่าเหล่าหรือมิวเตชัน” (Mutation)

92.       ผู้ใดกล่าวถึงทฤษฎีวิวัฒนาการ “Law of use and disuse”

(1) Mendel         

(2) Lamarck       

(3) De Vries        

(4) Darwin

ตอบ 2 หน้า 212, (คำบรรยาย) ลามาร์ค (Lamarck) ได้กล่าวถึงทฤษฎีวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ไว้ในหนังสือชื่อ Philosophie Zoologigue โดยได้เสนอความคิดเกี่ยวกับการสร้างสมและ การถ่ายทอดลักษณะที่เกิดขึ้นใหม่อันเนื่องมาจากอิทธิพลของสิ่งแวดล้อม ภายใต้กฎของการใช้ และไม่ใช้ (Law of use and disuse)

93.       การคัดสรรโดยธรรมชาติ” เป็นทฤษฎีทางวิวัฒนาการที่กล่าวถึงการเกิดของสิ่งมีชีวิตบนโลก สอดคล้อง ในหลายเรื่อง ยกเว้นข้อใด

(1)       สิ่งมีชีวิตมีการแข่งขันกับสิ่งแวดล้อม

(2)       สิ่งมีชีวิตมีความผันแปรทางพันธุกรรม

(3)       อวัยวะของสิ่งมีชีวิตที่ใช้บ่อยจะยังหลงเหลือและถ่ายทอดสู่รุ่นลูก

(4)       ลูกสุนัขจิ้งจอกตัวที่อ่อนแอมักจะแย่งอาหารไม่ทันและอาจอยู่รอดไม่ถึงวัยเจริญพันธุ์

ตอบ 3 หน้า 212 – 213 ชาร์ลล์ ดาร์วิน (Charles Darwin) ได้กล่าวถึงทฤษฎีวิวัฒนาการในเชิงการเกิด ของสิ่งมีชีวิตบนโลกไว้ 4 ประการ คือ 1. สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันย่อมมีความผันแปรทางพันธุกรรม (Variation)

2. สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ มักมีลูกหลานมากเกินไป จนไมมีอาหารหรือได้รับการเลี้ยงดู ไม่เพียงพอแก่ความต้องการของลูกหลานทุกชีวิตนั้น

3. สิ่งมีชีวิตเกิดการแก่งแย่งแข่งขัน เพื่อให้ตนเองได้รับอาหารมากตามต้องการ

4. สิ่งมีชีวิตมีการแข่งขันกับสิ่งแวดล้อมอยู่เสมอ โดยผู้ที่อ่อนแอจะตายไป เหลืออยู่แต่ผู้ที่เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมที่สุดเท่านั้นจึงจะอยู่รอด มีอาหาร และถ่ายทอดหรือสอนลักษณะนั้น ๆ สืบต่อกันจากบรรพบุรุษไปยังลูกหลาน เกิดเป็น พันธุ์ใหม่ที่ดีขึ้นมา ซึ่งดาร์วินเรียกวิธีการนี้ว่าการคัดสรรโดยธรรมชาติ” (Natural Selection)

94.       หลักฐานบรรพชีวินในข้อใดที่ยืนยันการเกิดวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตในปัจจุบัน

(1)       สารเคมีของสิ่งมีชีวิตในอดีตเป็นสารชนิดเดียวกันกับที่พบในปัจจุบัน

(2)       ตัวอ่อนของไก่ ปลา สุกร และมนุษย์มีความเหมือนกันมาก จึงเชื่อว่ามีบรรพบุรุษร่วมกัน

(3)       ฟอสซิลของพืชกลุ่มเฟิร์นชนิดที่เหลือรอดจากการสูญพันธุ์และพบได้ในปัจจุบัน

(4)       งูเหลือมมีร่องรอยของกระดูกขาหลังหลงเหลืออยู่ แสดงว่าบรรพบุรุษในอดีตเดินได้

ตอบ 3 หน้า 213 – 215 หลักฐานที่ยืนยันการเกิดวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตบนโลกในยุคปัจจุบัน แบ่งออกเป็น 2 บระเภท คือ

1.         หลักฐานทางบรรพชีวินที่ศึกษาเกี่ยวกับซากสิ่งมีชีวิตที่กลายเป็นหิน หรือที่เรียกว่า ฟอสซิล (Fossil) เช่น ฟอสซิลของพืชกลุ่มเพิร์นชนิดที่เหลือรอดจากการสูญพันธุ์และพบได้ในปัจจุบัน

2.         หลักฐานจากการศึกษาเปรียบเทียบลักษณะของสิ่งมีชีวิตในแงรูปร่าง โครงสร้าง พัฒนาการ และลักษณะการทำงานของอวัยวะในสิ่งมีชีวิต

95.       ข้อใดกล่าวถึงทฤษฎีวิวัฒนาการ “การคัดสรรโดยธรรมชาติ” ของชาร์ลล์ ดาร์วิน ได้ถูกต้องที่สุด

(1)       สัตว์ป่ามีการคัดเลือกผู้นำฝูงในการอยู่ร่วมกันเป็นสังคม

(2)       สัตว์ป่าเกิดการคัดสรรโดยธรรมชาติ ตัวที่แข็งแรงจึงจะอยู่รอดได้

(3)       การคัดเลือกพันธุ์พืชที่ดีที่สุดมาปลูก ช่วยให้พืชมีอายุยืนยาวถึงลูกถึงหลาน

(4)       การคัดเลือกพันธุ์ตามธรรมชาติที่ดีที่สุด คือ การผสมพันธุ์ในเครือญาติเดียวกัน

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 93. ประกอบ

96.       ข้อใดกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงที่จัดเป็นวิวัฒนาการที่ถูกต้องที่สุด

(1)       การตัดไม้ทำลายป่าเมื่อเวลาผ่านไปทำให้ภูเขากลายเป็นเขาหัวโล้น

(2)       การผสมข้ามพันธุ์ของไม้ดอกทำให้รุ่นลูกมีดอกที่แตกต่างจากรุ่นพ่อแม่

(3)       ยีราฟในยุคแรกและยุคปัจจุบันมีลำคอยาวต่างกันเนื่องจากปรับตัวเพื่อหาอาหาร

(4)       วิวัฒนาการเกิดขึ้นเฉพาะในสัตว์มีกระดูกสันหลังเท่านั้น

ตอบ 3 หน้า 9. 211 – 212, (คำบรรยาย) วิวัฒนาการ (Evolution) หมายถึง การเปลี่ยนแปลงจากสภาพหนึ่งไปสู่อีกสภาพหนึ่ง ในลักษณะที่ค่อยเป็นค่อยไปตามลำดับขั้นโดยใข้ระยะเวลา ยาวนานมาก ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ

1.         วิวัฒนาการเกี่ยวกับสิ่งไม่มีชีวิต (Inorganic Evolution) ซึ่งมีความเกี่ยวข้องอยู่ใน หลายสาขาวิขา เช่น ทางดาราคาสตร์ ทางธรณีวิทยา ทางเคมี เป็นต้น

2.         วิวัฒนาการเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิต (Organic Evolution) ซึ่งจะพบในสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน ที่สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษร่วมกัน หากแต่มีความผิดแผกแปรผันจากกันไปเพราะ ความเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมและการปรับปรุงสภาพให้เหมาะสมกับภาวะแวดล้อม เช่น ยีราฟในยุคแรกและยุคปัจจุบันมีลำคอยาวต่างกันเนื่องจากปรับตัวเพื่อหาอาหาร เป็นต้น

97.       ข้อใดไม่ใช่การปรับตัวเพื่อควบคุมปริมาณน้ำในต้นพืชของพืชพวก Xerophyte

(1) มีปากใบบนผิวใบเพื่อควบคุมการคายนํ้า  (2) ใบมีขนาดเล็ก ลดรูปเป็นหนาม

(3)       มี Cutin ที่ผิวของลำต้น       (4) ผลัดใบในฤดูร้อน

ตอบ 1 หน้า 231 Xerophyte ได้แก่ พืชที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่แห้งแล้ง มีนํ้าน้อย พืชพวกนี้มักมีใบเล็กมาก หรือเปลี่ยนใบไปเป็นหนาม ไม่มีปากใบ ลำต้นทำหน้าที่สังเคราะห์แสงสร้างอาหาร แทนใบได้ รากยาวหยั่งลึกและแผ่ไปไกลเพื่อดูดหาน้ำ นอกจากนี้ยังมีสาร Cutin ฉาบเคลือบผิว ของลำต้นไว้ค่อนข้างหนาเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำระเหย และมักจะผลัดใบในฤดูร้อน

98.       ข้อใดกล่าวผิดเกี่ยวกับการปรับตัวของสิ่งมีชีวิต

(1) การปรับตัวไมใช่สัญชาตญาณ      (2) การปรับตัวเกิดขึ้นเพื่อหาอาหาร

(3)       การปรับตัวเกิดขึ้นเพื่อหลบหนีภัยอันตราย     (4) การปรับตัวเกิดขึ้นเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์

ตอบ 1 หน้า 227 – 228 การปรับตัว (Adaptation) หมายถึง วิถีทางที่สิ่งมีชีวิตจัดทำหรือแสวงหา เพื่อปรับปรุงส่งเสริมความเป็นอยู่ให้สิ่งมีชีวิตชนิดนั้นดำรงอยู่ในถิ่นที่อาศัยของตนอย่าง มีความสุขสบาย เป็นการปรับตัวที่เกิดขึ้นโดยสัญชาตญาณ ทั้งนี้โดยมีจุดประสงค์ที่สำคัญ 3 ประการ คือ เพื่อการหาอาหาร เพื่อการต่อสู้ป้องกันและหลบหนีภัยอันตราย และ เพื่อการสืบพันธุ์หรือการดำรงเผ่าพันธุ์

99.       ข้อใดเกี่ยวข้องกับ Physiological Adaptation

(1) การสร้าง Cyst ของโปรโตซัว       (2) เล็บที่ใหญ่และแข็งแรงของไก่

(3) ปากแบบม้วนเข้าของผีเสื้อ            (4) ปากแบบท่อดูดของยุง

ตอบ 1 หน้า 228230 – 231, (คำบรรยาย) การปรับตัวทางสรีระ (Physiological Adaptation) หมายถึง การปรับตัวทางด้านโครงสร้างภายในร่างกายและหน้าที่ของอวัยวะเหล่านั้นจะมีทั้ง เพื่อการหาอาหาร การป้องกันตัว และการสืบพันธุ์ ซึ่งการปรับตัวแบบนี้จะเป็นไปอย่างกว้างขวาง ตั้งแต่สัตว์ชั้นตํ่ามาจนถึงสัตว์ชั้นสูง รวมตลอดไปถึงพืชด้วย เช่น การสร้างเกราะ (Cyst) ขึ้น ห่อหุ้มร่างกายของโปรโตซัว (เช่น อะมีบา) และจุลินทรีย์หลายชนิดเพื่อป้องกันความแห้งแล้งการมีกลิ่นเหม็นของเม่น เป็นต้น

100.    ข้อใดเกี่ยวข้องกับ Behavioral Adaptation

(1) การยืนไม่ได้ของนกกระจอกเทศ    (2) การมีกลิ่นเหม็นของเม่น

(3) การชอบกินเนื้อสัตว์ของเสือดาว    (4) ความขี้ระแวง ตกใจง่ายของกระต่าย กระรอก

ตอบ 4 หน้า 228231 การปรับตัวทางพฤติกรรม (Behavioral Adaptation) เป็นการปรับตัว เพื่อเสริมและสอดคล้องกับการปรับตัวทางด้านรูปร่างและสรีระ เช่น นิสัยหรือพฤติกรรม ในการเดินย่อง จดจ้อง และกระโดดอย่างว่องไวของเสือดาวการมีนิสัยขี้ระแวง ตกใจง่าย และกระโดดหนีไปได้อย่างรวดเร็วของกระต่ายและกระรอก เป็นต้น

APR2101 สารสนเทศและการสื่อสารทางธุรกิจ ภาค 1 ปีการศึกษา 2553

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2553
ข้อสอบกระบวนวิชา APR2101 สารสนเทศและการสื่อสารทางธุรกิจ

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 80 ข้อ)

Reading Comprehension (การอ่านเพื่อทำความเข้าใจ)

Today, many elderly people in industrialized countries suffer from depression. In the past, most older people live with or near other members of the family, and they usually had some responsibilities around the home. For example, older women could help take care the children or prepare meals. Older men could help their sons at work or around the house. These days, married children often prefer to live on their own, sometimes far away from their parents. Thus older people may be cut off from family ties. They may also feel cut off from the world around them. The many rapid changes that have taken place in technology, entertainment, and travel have led some older people to feel that they do not belong any more.

ทุกวันนี้ผู้สูงอายุจำนวนมากในประเทศอุตสาหกรรมต้องทนทุกข์จากภาวะซึมเศร้า ในอดีตนั้นคนชราส่วนใหญ่อาศัยอยู่กับหรือใกล้ ๆ กับสมาชิกคนอื่นในครอบครัว และพวกเขามักจะมีหน้าที่รับผิดชอบบางอย่างภายในบ้านอยู่เสมอ ตัวอย่างเช่น ผู้หญิงสูงอายุสามารถช่วยดูแลเด็ก ๆ หรือตระเตรียมอาหารได้ ส่วนผู้ชายสูงอายุก็สามารถช่วยลูกชายของตนทำงานหรือดูแลเรื่องรอบ ๆ บ้าน ปัจจุบันนี้ลูกที่แต่งงานแล้วมักชอบที่จะอยู่ด้วยตัวเองตามลำพัง บางครั้งก็แยกบ้านออกมาอยู่ห่างไกลจากพ่อแม่ ดังนั้นคนชราอาจเหมือนถูกตัดขาดจากสายสัมพันธ์ของครอบครัว นอกจากนี้พวกเขายังรู้สึกเหมือนถูกตัดออกจากโลกรอบ ๆ ตัวของพวกเขาด้วย การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วหลาย ๆ อย่างซึ่งเกิดขึ้นในรูปของเทคโนโลยีความบันเทิง และการเดินทางท่องเที่ยว ล้วนแต่ทำให้คนชรารู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกปัจจุบันอีกต่อไปแล้ว

1. What is the topic for the above passage ?
(1) Depression
(2) Suffering of Elderly
(3) Industrialize Countries
(4) Married Children
ถาม หัวเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับเนื้อเรื่องข้างต้นนี้คืออะไร
ตอบ 2 (ความทุกข์ของผู้สูงอายุ) 1. ภาวะซึมเศร้า
1. ประเทศอุตสาหกรรม 4. ลูกที่แต่งงานแล้ว

2. The phrase “suffer from depression” means _________
(1) hurt
(2) serious
(3) stress
(4) injure
ถาม วลีที่ว่า “suffer from depression”(ทนทุกข์จากภาวะซึมเศร้า) หมายถึง_______
ตอบ 3 (ความเครียด) 1. ทำให้เจ็บปวด 2. ที่เคร่งเครียด 4. บาดเจ็บ

3. The phrase “ cut off from family ties” means _________
(1) No more family
(2) (2) cut the family
(3) not relate with the family
(4) got off from the family
ถาม วิลีที่ว่า “out off from the family lies”(ตัดขาดจากสายสัมพันธ์ของครอบครัว) หมายถึง_________
ตอบ 3 (ไม่มีความเกี่ยวพันกับครอบครัว) 1. ไม่มีครอบครัวอีกต่อไป
1. ตัดขาดจากครอบครัว 4. ออกมาจากครอบครัว

4. How many evidence did the writer gave to support responsibilities ?
(1) one evidence
(2) two evidence
(3) three evidence
(4) none
ถาม มีข้อพิสูจน์กี่ประการที่ผู้เขียนยกขึ้นมาสนับสนุนหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้สูงอายุ
ตอบ 2 (2 ประการ) 1.ประการเดียว 3. 3 ประการ 4.ไม่มีข้อใดถูก

5. Where was the residence of the elderly in the past ?
(1) away from their children
(2) further from their children
(3) close to their children
(4) separate from their children
ถาม ที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุในอดีตคือที่ไหน
ตอบ 3 (อยู่ใกล้ชิดกับลูกๆของพวกเขา) 1.แยกออกมาจากลูกๆของพวกเขา
2. อยู่ห่างจากลูกๆของพวกเขา 4.แยกออกมาจากลูกๆของพวกเขา

One of the most famous houses in United is Monticello. It was the home of Thomas Jefferson , the third president of the United States. Located on a hill near Charlottesville, Virginia, it has a beautiful view of the surrounding countryside. The house is famous ,first of all, because it belonged to a president. It is also a fine example of early nineteenth-century American architecture. Jefferson designed it himself in a style he had admired in Italy. Many American building of that time, in fact, imitated European styles. But while most were just imitations, his Monticello is lovely in itself. Furthermore, the design combines a graceful style with a typical American concern for comfort and function.

หนึ่งในบรรดาบ้านที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาคือ บ้านมอนติเซลโล ซึ่งเป็นบ้านของโทมัส เจฟเฟอสัน ประธานาธิบดีคนที่ 3 ของสหรัฐอเมริกา โดยตั้งอยู่บนเนินเขาใกล้กับเมืองชาร์ลลอตส์วิลล์ในมลรัฐเวอร์จีเนีย ซึ่งมีทัศนียภาพของชานเมืองรอบ ๆ ที่สวยงามมาก ประการแรกที่ทำให้บ้านมีชื่อเสียง เพราะมันเป็นของประธานาธิบดี นอกจากนี้ยังเป็นตัวอย่างที่ดีของสถาปัตยกรรมอเมริกันในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 อีกด้วย เจฟเฟอสันได้ออกแบบบ้านด้วยตัวเองของเขาเองตามสไตล์ที่เขาชื่นชอบในอิตาลีแท้ที่จริงแล้ว สิ่งก่อสร้างหลายแห่งของอเมริกันในช่วงเวลานั้นลอกเลียนแบบมาจากสไตล์ยุโรป ในขณะที่สิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่เป็นแค่เพียงการลอกเลียนแบบ แต่มอนติเซลโลของเขาเป็นสิ่งที่ดูสวยด้วยตัวของมันเองยิ่งไปกว่านั้นการออกแบบได้ผสมผสานรูปแบบที่อ่อนช้อยเข้ากับแบบฉบับสไตล์อเมริกัน ที่ให้ความสำคัญในเรื่องความสะดวกสบายและการใช้งาน

6. Which is the best topic for the above passage ?
(1) Famous Houses in United States
(2) American Architecture
(3) The View from Monticello
(4) Reasons for Monticello’s Fame
ถาม หัวเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับเนื้อเรื่องข้างต้นนี้คือข้อใด
ตอบ 4 (เหตุผลสำหรับความมีชื่อเสียงของมอนติเซลโล)
1.บ้านที่มีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกา
2.สถาปัตยกรรมอเมริกา
3. ทิวทัศน์จากมอนติเชลโล

7. Where is Thomas Jefferson house located ?
(1) Monticello
(2) Virginia
(3) Charlottesville
(4) Europe
ถาม บ้านของโทมัส เจฟเฟอสัน ตั้งอยู่ที่ไหน
ตอบ 2 (มลรัฐเวอร์จิเนีย) 1. มอนติเชลโล 3. ชาร์ลลอตส์วิลล์ 4. ยุโรป

8. Where is the design of Thomas Jefferson’s house from ?
(1) American
(2) Europe
(3) Italy
(4) United State
ถาม การออกแบบบ้านของโทมัส เจฟเฟอสัน มีที่มาจากที่ใด
ตอบ 3 (อิตาลี) 1.อเมริกา 2. ยุโรป 4. สหรัฐอเมริกา

9. What is the phrase “imitated European styles ”meaning ?
(1) the same as European style
(2) different from European style
(3) copy the European style
(4) looked like European style
ถาม วลีที่ว่า “imitated European style”ลอกเลียนแบบมาจากสไตล์ยุโรป) หมายถึงอะไร
ตอบ 3 (ลอกเลียนแบบมาจากสไตล์ยุโรป) 1. เหมือนกับสไตล์ยุโรป
2.แตกต่างจากสไตล์ยุโรป 4. ดูเหมือนกับสไตล์ยุโรป

10. The word “American concern” means____________
(1) American style
(2) American house
(3) American instinct
(4) American ways
ถาม คำว่า “American concern”(สไตล์อเมริกัน) หมายถึง ________
ตอบ 1 (สไตล์อเมริกัน)
2. บ้านแบบอเมริกัน
3.สัญชาตญาณแบบอเมริกัน
4. วิธีแบบอเมริกัน

Market leader usually want to increase their market share even further, or at least to protect their current market share. One way to do this is to try to find ways to increase the size of the entire market.Contrary to a common bellef, wholly dominating a market, or having a monopoly, is seldom an advantage : competitors expand markets and find new uses and users for products, which enriches everyone in the field, but the market leader more than its competitors. A market can also be expanded by stimulating more usage : for example, many households no longer have only one radio or cassette player, but perhaps one in each room, one in the car, plus a minidisc player or a walkman or two.

ผู้นำตลาดมักต้องการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้มากขึ้นไปเรื่อย ๆ หรืออย่างน้อยที่สุดก็จะต้องปกป้องส่วนแบ่งทางการตลาดในปัจจุบันของพวกเขาเอาไว้ วิธีหนึ่งที่ถูกนำมาใช้คือ พยายามหาวิธีที่จะเพิ่มขนาดของตลาดรวมให้มากขึ้น ในทางตรงกันข้ามกับความเชื่อเดิม ๆ ก็คือ การครอบงำตลาดทั้งหมด หรือมีการผูกขาดนั้นแทบจะไม่เกิดผลดี กล่าวคือ คู่แข่งขันจะขยายตลาด รวมทั้งหาวิธีใช้และผู้ใช้สินค้าหน้าใหม่ ๆ ซึ่งทำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องร่ำรวยขึ้น แต่ผู้นำตลาดจะมีคู่แข่งขันมากขึ้น นอกจากนี้ตลาดยังสามารถขยายออกไปได้ด้วยการกระตุ้นให้มีการใช้สินค้ามากขึ้น ตัวอย่างเช่น หลาย ๆ ครัวเรือนจะไม่มีวิทยุหรือเครื่องเล่นเทปเพียงเครื่องเดียวอีกต่อไป แต่บางทีอาจมีเครื่องหนึ่งในห้องแต่ละห้อง หรือมีอยู่เครื่องหนึ่งในรถยนต์ แถมยังมีเครื่องเล่นมินิดิสก์หรือเครื่องวอล์แมนหนึ่งหรือสองเครื่องก็ได้

11. Which is the best topic for the above passage ?
(1) Market Share Protection
(2) Market Share Deduction
(3) Market Share Decreasing
(4) Market Share Expansion
ถาม หัวเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับเนื้อเรื่องข้างต้นนี้คือข้อใด
ตอบ 4 (การขยายส่วนแบ่งทางการตลาด) 1. การปกป้องส่วนแบ่งทางการตลาด
2. การลดส่วนแบ่งทางการตลาด 3. การลดลงของส่วนแบ่งทางการตลาด

12. Which is the proper way in increasing market share ?
(1) stimulating more usage
(2) Dominating a market
(3) increasing the size
(4) market share at present
ถาม ข้อใดเป็นวิธีการที่เหมาะสมในการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด
ตอบ 3 (เพิ่มขนาดของตลาด) 1. การกระตุ้นให้มีการใช้มากขึ้น
2. การครอบงำตลาด 4. หาผู้ใช้รายใหม่

13. What is the meaning of the word “current market share” in line 2 ?
(1) new market share
(2) future market share
(3) money of the share
(4) market share at present
ถาม ความหมายของคำว่า “current market share”(ส่วนแบ่งทางการตลาดในปัจจุบัน)ในบรรทัดที่ 2 หมายถึงอะไร
ตอบ 4 (ส่วนแบ่งทางการตลาดในปัจจุบัน) 1.ส่วนแบ่งทางการตลาดใหม่
2. ส่วนแบ่งทางการตลาดในอนาคต 3. เงินส่วนแบ่ง

14. What is the meaning of the word “even further” in line 1 ?
(1) not further
(2) not much
(3)more and more
(4) more than enough
ถาม ความหมายของคำว่า “even further”(ต่อไปเรื่อยๆ) ในบรรทัดที่ 1 หมายถึงอะไร
ตอบ 3 (มากขึ้นเรื่อย ๆ ) 1. ไม่คืบหน้า 2. ไม่มาก 4. มากเกินพอ

15. What is the meaning of the word “entire market” in line 3 ?
(1) some market
(2) one maeket
(3) big market
(4) the whole market
ถาม ความหมายของคำว่า “entire market”(ตลาดรวม) ในบรรทัดที่ 3 หมายถึงอะไร
ตอบ 4 (ตลาดทั้งหมด) 1. บางตลาด 2. ตลาดเดียว 3.ตลาดใหญ่

16. What is the meaning of the phrase “contrary to common belief” in line 3 ?
(1) opposite to general belief
(2) same as general belief
(3) all belief
(4) no one belief
ถาม ความหมายของวลีที่ว่า “contrary to common belief”(ในทางตรงกันข้ามกับความเชื่อ
เดิม ๆ )ในบรรทัดที่ 3 หมายถึงอะไร
ตอบ 1 (ตรงข้ามกับความเชื่อโดยทั่ว ๆ ไป) 2. เหมือนกับความเชื่อโดยทั่ว ๆ ไป
3. ความเชื่อทั้งหมด 4. ไม่ได้มีความเชื่อเดียว

17. What is the meaning of the word “seldom an advantage” in line 4 ?
(1) less advantage
(2) rarely advantage
(3) no advantage
(4) more advantage
ถาม ความหมายของคำว่า “seldom an advantage”(แทบจะไม่มีข้อดี)ในบรรทัดที่ 4 หมายถึงอะไร
ตอบ 2 (ไม่ค่อยมีข้อดี) 1.ข้อดีน้อยกว่า 3. ไม่มีข้อดี 4. ข้อดีมากกว่า

18. What is the meaning of the word “enriches everyone” in line 5 ?
(1) stimulate someone
(2) stimulate them all
(3) tell everyone
(4) everyone richer
ถาม ความหมายของคำว่า “enriches everyone”(ทำให้ทุกคนร่ำรวยขึ้น)ในบรรทัดที่ 5 หมายถึงอะไร
ตอบ 4 (ทุกคนรวยขึ้น) 1. กระตุ้นบางคน 2. กระตุ้นทุกคน 3. บอกทุกคน

19. What is the meaning of the word “households on longer have” in line 7 ?
(1) home no more have
(2) have no more house
(3) have no long house
(4) no longer house
ถาม ความหมายของคำว่า“households on longer have” (หลาย ๆ ครัวเรือนไม่มี….อีกต่อไป)ใน
บรรทัดที่ 7 หมายถึงอะไร
ตอบ 1 (ครัวเรือนไม่ได้มีแค่นี้ :home และ households มีความหมายเหมือนกันคือ ครัวเรือน ครอบครัว หรือบ้านที่มีคนอาศัยอยู่ด้วยกัน ส่วน house หมายถึง บ้านที่เป็นตัวอาคาร)

20. What is the evidence of passage given to support the idea of increasing market share ?
(1) monopoly
(2) protect the share
(3) dominating a market
(4) stimulating more usage
ถาม ข้อพิสูจน์ในเนื้อเรื่องที่ถูกยกขึ้นมาสนับสนุนความคิดของการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดคืออะไร
ตอบ 4 (การกระตุ้นให้มีการใช้มากขึ้น)
1. การผูกขาด
2. ปกป้องส่วนแบ่ง
3. การครอบงำตลาด

Today’s successful companies—whether large or small, for profit or nonprofit, domestic or global—share a strong customer focus and a heavy commitment to marketing. Many people think of marketing as only selling or advertising. But marketing combines many ativities—marketing research, product development, pricing advertising, personal selling, and other—designed to sense, serve, and satisfy customer needs while meeting the organization’s goals. Marketing seeks to attract new customers by promising superior value and to keep and grow current customers by delivering satisfaction.

บรรดาบริษัทที่ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่หรือขนาดเล็ก เป็นบริษัทที่แสวงหากำไรหรือไม่แสวงหากำไร เป็นบริษัทภายในประเทศหรือระหว่างประเทศก็ตาม ต่างก็ใช้การมุ่งหน้าไปที่ลูกค้าที่แข็งแกร่งและมีพันธะสัญญาที่หนักแน่นในการทำการตลาด ผู้คนมากมายมักคิดว่าการตลาดเป็นเพียงการขายหรือการโฆษณาเท่านั้น แต่การตลาดจะผสมผสานกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การวิจัย การตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การกำหนดราคา การโฆษณา การขายโดยบุคคล และอื่น ๆ ซึ่งถูกออกแบบขึนมาเพื่อทำให้เกิดความรู้สึก ให้บริการ และตอบสนองความจำเป็นของลูกค้า ในขณะเดียวกันก็เพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์การด้วย การตลาดจพค้นหาเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ โดยให้คำมั่นสัญญาถึงคุณค่าที่ดีกว่า รวมทั้งเพื่อรักษาและเพิ่มลูกค้าปัจจุบัน โดยทำให้เกิดความพึงพอใจ

21. The best title of the paragraph is :
(1) The Ultimate Goals of Marketing
(2) Discussing Target Customer
(3) Review Marketing Concepts
(4) Selling and Advertising
ถาม ชื่อเรื่องที่ดีที่สุดของย่อหน้านี้คือ
ตอบ 3 (คำวิจารณ์เกี่ยวกับแนวคิดทางการตลาด) 1.เป้าหมายสุดท้ายของการตลาด
2. การอภิปรายในเรื่องลูกค้าเป้าหมาย 4.การขายและการโฆษณา

22.What is the meaning of the word “households no longer have” in line 7?
(1) The most importance techniques are selling and advertising.
(2) The company needs lots of advertising to attract new customers.
(3) Lower price can appeal more customers.
(4) The company should focus on customers’ satisfaction as priority.
ถาม หลังจากที่อ่านย่อหน้านี้ ผู้เขียนได้ให้คำแนะนำในเรื่องใดต่อบริษัทที่ประสบความสำเร็จ
ตอบ 4 (บริษัทควรมุ่งเน้นไปที่ความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก)
1.เทคนิคที่สำคัญที่สุด คือ การขายและการโฆษณา
2.บริษัทจำเป็นต้องโฆษณามากๆเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ
3.ราคาที่ถูกลงสามารถดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น

23. In the 2nd line, “domestic or global” refers to ________
(1) marketing
(2) customers
(3) companies
(4) people
ถาม ในบรรทัดที่ 2 คำว่า “domestic or global” (ภายในประเทศหรือระหว่างประเทศ) อ้างอิงถึง________
ตอบ 3 (บริษัทต่างๆ) 1.การตลาด 2.ลูกค้า 4.ผู้คน

24. Where this the paragraph should likely publish in?
(1) novel
(2) textbook
(3) newspapers
(4) brochure
ถาม ย่อหน้าดังกล่าวนี้ควรตีพิมพ์ในที่ใด
ตอบ 2 (ตำราเรียน) 1.นวนิยาย 3.หนังสือพิมพ์ 4.โบรชัวร์

25. What commitment should have similar meaning to?
(1) satisfy
(2) promise
(3) refuse
(4) decline
ถาม คำว่า “commitment” (พันธะสัญญา) ควรมีความหมายเหมือนข้อใด
ตอบ 2 (ข้อสัญญา) 1.ตอบสนอง 3.ปฏิเสธ 4.ถดถอย,ลดลง

26. Others in line 5 replies to whom/what?
(1) activeties
(2) customers needs
(3) new customers
(4) many people
ถาม คำว่า “others” (อื่นๆ) ในบรรทัดที่ 5 อ้างถึงใครหรืออะไร
ตอบ 1 (กิจกรรมต่างๆ) 2.ความจำเป็นของลูกค้า 3.ลูกค้าใหม่ 4.ผู้คนมากมาย

27. The word “current customers” in line 7 refers to ________.
(1) more customers
(2) old customers
(3) new customers
(4) bad customers
ถาม คำว่า “current customers” (ลูกค้าปัจจุบัน) ในบรรทัดที่ 7 อ้างถึง_________
ตอบ 2 (ลูกค้าเก่า) 1.ลูกค้าที่มากขึ้น 3.ลูกค้าใหม่ 4.ลูกค้าที่แย่ๆ

28.What is the meaning of the word “delivering satisfaction”?
(1) make customers satisfy
(2) send satisfy product
(3) offer new product
(4) advertise all products
ถาม ความหมายของคำว่า “delivering satisfaction” (ทำให้เกิดความพึงพอใจ) หมายถึงอะไร
ตอบ 1 (ทำให้ลูกค้าพึงพอใจ) 2.จัดส่งผลิตภัณฑ์ที่น่าพอใจ
3.เสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ 4.โฆษณาผลิตภัณฑ์ทั้งหมด

29. Which statement is true?
(1) Only large company shares a heavy commitment to marketing.
(2) Non-profit organization has nothing to deal with Marketing .
(3) Global company has more commitment to marketing than domestic one.
(4) All companies wishing to success have heavy commitment to marketing.
ถาม ข้อความใดที่ถูกต้อง
ตอบ 4 (บริษัททั้งหมดที่ต้องการประสบความสำเร็จจะมีพันธะสัญญาที่หนักแน่นในการทำการตลาด)
1.บริษัทใหญ่เท่านั้นที่มีพันธะสัญญาที่หนักแน่นต่อการทำการตลาด
2.องค์การที่ไม่แสวงหากำไรไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับการตลาด
3.บริษัทระหว่างประเทศมีพันธะสัญญาต่อการตลาดมากกว่าบริษัทภายในประเทศ

30. What is the word “meeting” in line 6 means?
(1) see
(2) conference
(3) found
(4) serve
ถาม คำว่า “meeting” (บรรลุ) ในบรรทัดที่ 6 หมายถึง อะไร
ตอบ 4 (serve = satisfy = เป็นไปตามตอบสนอง)
1.มองเห็น
2.ประชุม
3.ก่อตั้ง,สร้าง

The yew tree grows very slowly and can live for hundreds of years. In southern England one year. a terrible storm blew down many tall, old yew trees. Some of these beautiful trees were more than 300 years old. New yew trees have been planted, but they will…

ต้นยิว (Yew tree) จะเติบโตอย่างช้าๆ และสามารถมีชีวิตอยู่ ได้นานหลายร้อยปี อยู่มาปีหนึ่งในทางตอนใต้ของอังกฤษ ลมพายุที่น่าสะพรึงกลัวได้พัดโค่นต้นยิวสูงๆและมีอายุเก่าแก่ล้มลงเป็นจำนวนมาก ต้นยิวบางต้นที่สวยๆมีอายุมากกว่า 300 ปี ต้นยิวต้นใหม่ได้ถูกปลูกไปแล้ว แต่พวกมันคงจะ…..

31. New yew trees have been planted , but they will…
(1) grow more quickly.
(2) only live for a few years.
(3) be tall and beautiful only after many years.
(4) never be a beautiful as the old trees.
ถาม ต้นยิวต้นใหม่ได้ถูกปลูกไปแล้ว แต่พวกมันคงจะ…
ตอบ 4 (ไม่มีทางสวยเท่ากับต้นยิวต้นเดิมได้) 1.เติบโตได้เร็วขึ้น
2.มีชีวิตอยู่ได้เพียงไม่กี่ปีเท่านั้น 3.สูงและสวยงามเพียงแค่ใช้เวลาหลายๆปี

32. When was the terrible storm blow down in southern England?
(1) Last year
(2) 300 years ago
(3) hundreds years ago
(4) did not mentioned.
ถาม ลมพายุที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งได้พัดโค่นต้นยิวในทางตอนใต้ของอังกฤษเกิดขึ้นเมื่อใด
ตอบ 4 (เนื้อเรื่องไม่ได้กล่าวถึง) 1. เมื่อปีที่แล้ว 2. 300 ปีมาแล้ว 3. หลายร้อยปีที่ผ่านมา

33. How long this yew tree life-long?
(1) one year
(2) 300 years
(3) some hundreds years
(4) depends
ถาม ต้นยิวมีอายุยืนยาวนานเท่าไร
ตอบ 3 (หลายร้อยปี) 1.1 ปี 2.300 ปี 4.สุดแล้วแต่

34.The word “blew down” has the same meaning as….
(1) cut down
(2) killed
(3) lay down
(4) damaged
ถาม คำว่า “ blew down” (พัดโค่นจนล้ม) มีความหมายเหมือนกับ
ตอบ 1 (ตัดจนล้มลง,ทำให้ล้มลง) 2.ฆ่า
3.กำหนด,วางกฎ 4.ทำให้เสียหาย

35.The word “terrible storm” means__________
(1) long time storm
(2) short time storm
(3) heavy storm
(4) windy
ถาม คำว่า “terrible storm” (ลมพายุที่น่าสะพรึงกลัว) หมายถึง ________
ตอบ 3 (ลมพายุที่พัดโหมกระหน่ำ) 1.ลมพายุที่ยาวนาน
2.ลมพายุที่เกิดขึ้นในช่วงสั้น 4.ลมแรง

Complete the following statements
จงเติมคำเพื่อทำให้ข้อความต่อไปนี้สมบูรณ์
Alternative for question number 36-39

(1) whereas
(2) calm
(3) quite
(4) talks
Although Maria and Anna are sisters,their personalities are 36 differrent. Maria 37 a lot 38 Anna is usually 39
ถึงแม้ว่ามาเรียและแอนนาจะเป็นพี่น้องกัน แต่บุคลิกของพวกเธอ 36 (3) ค่อนข้างแตกต่างกัน มาเรียนั้นช่าง 37 (4) พูด 38 (1) ในขณะที่แอนนามัก 39 (2) เงียบขรึมอยู่เสมอ

36.ตอบ 3 (ค่อนข้าง

37.ตอบ 4 (พูด)

38.ตอบ 1 (ในขณะที่)

39.ตอบ 2 (เงียบขรึม)

Alternative for question number 40-43
(1) in
(2) but
(3) an
(4) very
Two men were 40 a sailboat floating near 41 island . The wind had been 42 strong that morning 43 now there was just a slight breeze.
ผู้ชาย 2 คนที่อยู่ 40 (1) ในเรือใบขนาดเล็กซึ่งลอยลำอยู่ใกล้ๆเกาะ 41 (3) แห่งหนึ่งในช่วงเช้านั้นมีกระแสลมที่พัดรุนแรง 42 (4) อย่างมาก 43 (2) แต่ในตอนนี้เพิ่งจะมีลมอ่อนๆพัดเข้ามาเพียงเล็กน้อย
40.ตอบ 1 (ใน)
41.ตอบ 3 (แห่งหนึ่ง)

42.ตอบ 4 (อย่างมาก)

43.ตอบ 2 (แต่)

Alternative for question number 44-47.
(1) however
(2) which
(3) that
(4) because
One advers situation___44____arises__45___ of the presence of mold is good spoilage____46__ penicillin,___47__ is a mold. Is a beneficial antibiotic.
เหตุการณ์ที่ขัดแย้งกันเหตุการณ์หนึ่ง 44 (3) ที่เกิดขึ้น 45 (4) เนื่องจากมีการเปิดเผยว่าเชื้อราเป็นตัวที่ทำให้อาหารเน่าเสีย 46 (1) อย่างไรก็ตาม เพนิซิลิน 47 (2) ซึ่งเป็นราชนิดหนึ่งกลับเป็นยาปฏิชีวนะที่มีประโยชน์

44.ตอบ 3 (ที่)

45.ตอบ 4 (because of + n. = เนื่องจาก)

46.ตอบ 1 (อย่างไรก็ตาม)

47.ตอบ 2 (ซึ่ง)

Part of speech (ชนิดของคำ)
Which of the following chart are true and which are false?
จากตารางต่อไปนี้จงพิจารณาว่าข้อใดถูกและข้อใดผิด
If true paints 1 If false paint 2
ถ้าถูกให้ระบายตัวเลือกที่ 1 ถ้าผิดให้ระบายตัวเลือกที่ 2
No Noun Verb Adjective Adverb
48 promotion To promote promotional –
49 manufacture To manufacture manufactured –
50 valuation To Value – Valuable

48.ตอบ 1 (ถูก)
49.ตอบ 2 (ผิด) ที่ถูกต้องคือ manufacture/ manufacturer/ manufacturing(n.)/ to manufacture (v.) และ manufacturing (adj.)
50.ตอบ 2 (ผิด) ที่ถูกต้องคือ valuation / value (n.)/ to value (v.) / valuable (adj.)
Which word in each group does not belong? (คำใดในแต่ละกลุ่มที่ไม่เข้าพวก)

51. (1) slogan
(2) discount
(3) free sample
(4) special offer
ตอบ 1 (คำขวัญ)
2.ส่วนลด
3.ตัวอย่างสินค้าแจกฟรี
4.ข้อเสนอพิเศษ

52. (1) retailer
(2) wholesaler
(3) distributor
(4) manufacturer
ตอบ 4 (ผู้ผลิต)
1.ผู้ค้าปลีก
2.ผู้ค้าส่ง
3.ผู้จัดจำหน่าย

53. (1) island
(2) sea
(3) beach
(4) mountain
ตอบ 4 (ภูเขา)
1.เกาะ
2.ทะเล
3.ชายหาด

Word Partnership (คำที่ต้องใช้คู่กัน)
Which word in each group does not form a word partnership with the given word?
คำใดในแต่ละกลุ่มที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบของคำที่ต้องใช้คู่กันกับคำที่ให้มา

54. inform
(1) truth
(2) statistic
(3) logo
(4)situation
ถาม แจ้งให้ทราบ,บอก,รายงาน
ตอบ 3 (โลโก้สินค้า:Logo มักใช้คู่กับคำว่า show นั่นคือ show logo = แสดงโลโก้สินค้า)
1.inform truth = บอกความจริง
2.inform statistic = รายงานตัวเลขทางสถิติ
3.inform situation = รายงานสถานการณ์

55. elect
(1) epresentative
(2) chairman
(3) member
(4) captain
ถาม เลือก,คัดเลือก
ตอบ 4 (ตำแหน่งผู้บังคับการเรือ:Captain เป็นชื่อยศตำแหน่ง ดังนั้นจึงมักใช้คู่กับคำว่า appoint (แต่งตั้ง) เช่น appoint
captain = แต่งตั้งผู้บังคับการเรือ)
1.elect representative = เลือกผู้แทน
2.elect chairman = เลือกประธานกรรมการ
3.elect member = เลือกสมาชิก

56. carry
(1) problem
(2) basket
(3) book
(4)chair
ถาม หิ้ว,ถือ,ยก
ตอบ 1 (ปัญหา)
2..carry basket = หิ้วตะกร้า
3.carry book = ถือหนังสือ
4.carry chair = ยกเก้าอี้

57. develop
(1) report
(2) menu
(3) project
(4)film
ถาม พัฒนา,ขยาย
ตอบ 1 (รายงาน)
2.develop menu = ขยายรายการ
3.develop project = ขยายโครงการ
4.develop film = พัฒนาภาพยนตร์

58. give
(1) way
(2) friend
(3) expertise
(4) loyalty
ถาม ให้,มอบให้,
ตอบ 2 (เพื่อน: คำว่า give friend มี friend เป็นกรรมรอง ดังนั้นคำว่า give friend จะต้องมีกรรมตรงต่อท้ายอีก เช่น
give friend some money = ให้เงินแก่เพื่อน)
1.give way = หลีกทาง,ยอม
3.give expertise = ทำให้มีความรู้ความชำนาญ
4.give loyalty = ให้ความจงรักภักดี
Matching Word with definition (จงจับคู่คำกับความหมายของมัน)

59. Product which made by tribal people.
(1) local product
(2) new product
(3)re-launch product
(4) damaged product
ถาม สินค้าที่ผลิตโดยคนในท้องถิ่น
ตอบ 1 (สินค้าที่ผลิตภายในประเทศ) 2.สินค้าตัวใหม่ 3.สินค้าที่ถูกนำเข้ามาในตลาดอีกครั้ง 4.สินค้าที่เสียหาย

60. People who came to use and pay for our services.
(1) client
(2) patient
(3) customer
(4) consumer
ถาม ผู้คนที่เข้ามาใช้และชำระเงินสำหรับการให้บริการของเรา
ตอบ 1 (ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ) 2.ผู้ป่วย 3.ลูกค้าที่ซื้อสินค้า 4.ผู้บริโภค

61. imitation
(1) artificial
(2) immigration
(3)copy the original
(4) replace the original
ถาม การลอกเลียนแบบ
ตอบ 3 (ลอกเลียนแบบจากของเดิม)
1.ของเทียม
2.การอพยพเข้าเมือง
4.ทดแทนของเดิมที่มีอยู่

62. Personal belonging
(1) personal property
(2) personal income
(3)personal expenses
(4) personal secret
ถาม สิ่งของหรือทรัพย์สินส่วนบุคคล
ตอบ 1 (สมบัติส่วนตัว) 2.รายได้ส่วนบุคคล 3.รายจ่ายส่วนตัว 4.ความลับส่วนตัว

63. bi- decade
(1) 200 years
(2) 20 years
(3) 100 years
(4) 2 years
ถาม สองทศวรรษ
ตอบ 2 (20 ปี : 1 ทศวรรษ (a decade) เท่ากับ 10 ปี เมื่อเติม prefix คือ bi- ซึ่งหมายถึง สองเข้าไป ดังนั้น bi-decade
จึงเท่ากับ 20 ปี) 1. 200 ปี 3. 100 ปี 4. 2 ปี

64. violently
(1) politely
(2) steadily
(3)silently
(4) aggressively
ถาม อย่างก้าวร้าว,อย่างรุนแรง
ตอบ 4 (อย่างก้าวร้าว,อย่างรุนแรง) 1.อย่างสุภาพ 2.อย่างสม่ำเสมอ 3.อย่างเงียบๆ

65. small changes
(1) bank notes
(2) coins
(3) no changes
(4) a little different
ถาม เศษเหรียญ
ตอบ 2 (เหรียญ:คำว่า small change = coins of low value หมายถึง เงินเหรียญที่มีค่าต่ำหรือเศษเหรียญ)
1.ธนบัตร 3.ไม่มีเงินทอน 4.มีความแตกต่างเล็กน้อย

66. currency
(1) money
(2) notes
(3)changes
(4) coin
ถาม เงินตรา
ตอบ 1 (เงิน) 2.ธนบัตร 3.เงินทอน 4.เหรียญ

67. attempt to
(1) want to
(2) need to
(3) try to
(4) forward to
ถาม พยายามที่จะ
ตอบ 3 (พยายามที่จะ) 1.ต้องการที่จะ 3.จำเป็นที่จะ 4.ไปข้างหน้า

68. entire
(1) retire
(2) a part
(3)some part
(4) wholly
ถาม ทั้งหมด
ตอบ 4 (ทั้งหมด,โดยรวม) 1.เกษียณอายุ 2.ส่วนหนึ่ง 4.บางส่วน

69. seldom
(1) rarely
(2) frequent
(3) often
(4) always
ถาม ไม่ค่อยจะ,แทบจะไม่
ตอบ 1 (นานๆที,แทบจะไม่) 2.บ่อยๆ 3.บ่อยครั้ง 4.สม่ำเสมอ

70. firm
(1) fit
(2) lean
(3) company
(4) department
ถาม บริษัท,กิจการ
ตอบ 3 (บริษัท) 1.เหมาะสม,พอดี 2.พักพิง,อาศัย 4.แผนก,ฝ่าย
General Business Terms Practice (คำศัพท์ทางธุรกิจโดยทั่วไป)
Directions: Complete the following sentences with the words provided.
คำสั่ง: จงทำให้ประโยคต่อไปนี้สมบูรณ์ด้วยการเติมคำที่ให้ไว้

Alternative for question number 71 – 73.
(1) term of payment
(2) operations
(3) deal
(4) options

71.The marketing department could not deliver the products to their customers on time due to the company’s
bad ______
ถาม ฝ่ายการตลาดไม่สามารถส่งมอบสินค้าให้ลูกค้าของตนได้ทันเวลา เนื่องจาก (2) การดำเนินงานที่แย่ของบริษัท
ตอบ 2 (การดำเนินงาน)

72.Many busness did not run only by cash or cradits, sometime it run by business_________.
ถาม ธุรกิจหลายแห่งไม่ได้ดำเนินงานด้วยเงินสดหรือเครดิตเท่านั้น บางทีบริษัทก็ดำเนินงานด้วย
(3) การตกลงทางธุรกิจ
ตอบ 3 (การตกลง)

73.The sales manager try to source the price out in order to make the customers buy their products by extending
the___________.
ถาม ผู้จัดการฝ่ายขายพยายามหาที่มาของสินค้าที่มีราคาแพงเกินไป เพื่อทำให้ลูกค้าซื้อสินค้าที่พวกเขาต้องการได้
ด้วยการขยาย (1) เงื่อนไขการชำระเงินออกไป
ตอบ 1 (เงื่อนไขการชำระเงิน)

Alternative for question number 74 – 76.
(1) pension
(2) license
(3) Managing Director
(4) salesman

74.__________is the person who offer the customer the products or services.
ถาม (4) พนักงานขาย คือ บุคคลที่นำเสนอสินค้าหรือบริการให้แก่ลูกค้า
ตอบ 4 (พนักงานขาย)

75.___________has an authority in directing the company’s operations.
ถาม (3) กรรมการผู้จัดการ มีอำนาจหน้าที่ในการสั่งการเรื่องการดำเนินงานของบริษัท
ตอบ 3 (กรรมการผู้จัดการ)

76.The retired employees survived by their_________.
ถาม บรรดาลูกจ้างที่เกษียณอายุแล้วจะดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วย (1) เงินบำนาญของพวกเขาเอง
ตอบ 1 (เงินบำนาญ)
Alternatives for question number 77 – 80
(1) label
(2) headquarter
(3) display
(4) delivery

77.The way to motivate the consumer to buy the product is to ________them.
ถาม วิธีการที่จะกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้าก็คือ (3) จัดแสดงสินค้าให้ลูกค้าดู
ตอบ 3 (จัดแสดง)

78.Nowadays,most of the fast food companies compete by developing their________methods.
ถาม ในปัจจุบันบริษัทที่ขายอาหารฟาสต์ฟู้ดส่วนใหญ่แข่งขันกันโดยการพัฒนาวิธี (4) การจัดส่งสินค้าของตนเอง
ตอบ 4 (การจัดส่ง)

79.In some situations,the branches can not approve the cases, they must consult the_________.
ถาม ในบางสถานการณ์ สาขาย่อยต่างๆไม่สามารถอนุมัติเรื่องต่างๆของลูกค้าได้ โดยสาขาย่อยจะต้องปรึกษา (2) สำนักงานใหญ่ก่อน
ตอบ 2 (สำนักงานใหญ่)

80.Most companies designed their logo to be the __________of the company.
ถาม บริษัทส่วนใหญ่ออกแบบโลโก้ของตนเองให้เป็น (1) ฉลากสินค้าของบริษัท
ตอบ 1 ฉลาก

APR2101 สารสนเทศและการสื่อสารทางธุรกิจ ภาค 2 ปีการศึกษา 2553

การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2553
ข้อสอบกระบวนวิชา APR2101 สารสนเทศและการสื่อสารทางธุรกิจ
คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 80 ข้อ)

Reading Comprehension (การอ่านเพื่อความเข้าใจ)

Scotland is famous for its golf courses, and many Scottish people think of golf as a truly Scottish sport. The game did not start in Scotland, however, it was first played in Holland in the fourteenth century and only later.

สกอตแลนด์มีชื่อเสียงในเรื่องหลักสูตรการเล่นกอล์ฟ และชาวสกอตจำนวนมากคิดว่ากอล์ฟเป็นเหมือนกีฬาของชาวสกอตอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม การเล่นกอล์ฟไม่ได้เริ่มต้นในประเทศสกอตแลนด์ มันได้เล่นเป็นครั้งแรกในประเทศฮอลแลนด์ในศตวรรษที่ 14 และต่อมา

1. did it become____________
(1) popular with the Dutch
(2) popular in Scotland
(3) a real sport
(4) an Olympic sport
ถาม มันกลายเป็น____________
ตอบ 2 (กีฬาที่ได้รับความนิยมในประเทศสกอตแลนด์เท่านั้น)
1. เป็นที่นิยมของชาวดัตช์ 3. กีฬาที่แท้จริง 4. กีฬาโอลิมปิก

2. fourteenth century mean_______
(1) 14th decade
(2) year 1301-1400
(3) year 1401-1500
(4) 1 & 3 are correct
ถาม ศตวรรษที่ 14 หมายถึง________
ตอบ 2 (ช่วงปี 1301 – 1400)
1. 14 ทศวรรษ
3. ช่วงปีที่ 1401 – 1500
4. ข้อ 1 และ 3 ถูกต้อง

3. Which statement is true ?
(1) Golf first played in Holland in 1405.
(2) Scotland has many golf courses.
(3) Golf is a famous sport for Scottish.
(4) Golf course is popular in Holland.
ถาม ข้อความใดที่ถูกต้อง
ตอบ 3 (กอล์ฟเป็นกีฬาที่มีชื่อเสียงสำหรับชาวสกอตแลนด์)
1. กีฬากอล์ฟเล่นเป็นครั้งแรกในประเทศฮอลแลนด์ในปี 1405
2. ประเทศสกอตแลนด์มีหลักสูตรการเล่นกอล์ฟจำนวนมาก
3. หลักสูตรการเล่นกอล์ฟได้รับความนิยมในประเทศฮอลแลนด์

4. The word “famous for” means________
(1) popular
(2) old for
(3) called
(4) well known as
ถาม คำว่า “famous for” (มีชื่อเสียง) หมายถึง ______
ตอบ 4 (well known as หมายถึง เป็นที่รู้จักกันดี)
1. ได้รับความนิยม 2. เก่าแก่สำหรับ 3. เรียก

5. “truly…sport” means_______
(1) popular sport
(2) unique sport
(3) old sport
(4) ancient sport
ถาม “truly…sport” (กีฬา…โดยแท้จริง) หมายถึง______
ตอบ 2 (กีฬาเพียงหนึ่งเดียว) 1. กีฬาที่ได้รับความนิยม
3.กีฬาในยุคเก่า 4. กีฬาในสมัยโบราณ

The dog was the first domesticated animal. Very early in human history, people realized that a dog could help with hunting and could protect them against dangerous wild animals. They also realized that dogs were good company, and so they began to keep them as pets.

สุนัขเป็นสัตว์ที่ถูกนำมาเลี้ยงให้เชื่องเป็นประเภทแรก ในยุคแรก ๆ ของประวัติศาสตร์มนุษย์ผู้คนตระหนักว่าสุนัขสามารถช่วยในการล่าสัตว์และสามารถปกป้องพวกเขาจากสัตว์ป่าที่อันตรายได้นอกจากนี้พวกเขายังได้ตระหนักว่าสุนัขเป็นเพื่อนที่ดี ดังนั้นพวกเขาเริ่มเลี้ยงสุนัขเหมือนเป็นสัตว์เลี้ยง

6. We can say that dog is man’s best friend and his _______
(1) worst enemy.
(2) only friend.
(3) latest friend.
(4) oldest friend.
ถาม เราสามารถกล่าวได้ว่าสุนัขเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์และเป็น_____ของมนุษย์
ตอบ 4 (เพื่อนที่เก่าแก่ที่สุด) 1. ศัตรูที่เลวร้ายที่สุด 2. เพื่อนเท่านั้น 3. เพื่อนล่าสุด

7. What is the phrase “domesticated animal” means ?
(1) pest
(2) tame animal
(3) wild animal
(4) hunting animal
ถาม วลีที่ว่า “domesticated animal” (สัตว์ที่ถูกนำมาเลี้ยงให้เชื่อง) หมายถึงอะไร
ตอบ 2 (สัตว์ที่เลี้ยงให้เชื่อง) 1. สัตว์เลี้ยง 3. สัตว์ป่า 4. สัตว์สำหรับใช้ล่า

8. What is the phrase “good company” means ?
(1) rich company
(2) successful company
(3) good friend
(4) good for selling
ถาม วลีที่ว่า “good company” (เพื่อนที่ดี) หมายถึงอะไร
ตอบ 3 (เพื่อนที่ดี) 1. เพื่อนที่ร่ำรวย
1. เพื่อนที่ประสบความสำเร็จ 4. ดีสำหรับการขาย

9. The word “them” in line 2 refers to _______
(1) wild animal
(2) people
(3) pets
(4) company
ถาม คำว่า “them” ในบรรทัดที่2 อ้างอิงถึง ________
ตอบ 2 (ผู้คน) 1. สัตว์ป่า 3. สัตว์เลี้ยง 4. เพื่อน

10. What is the main idea of the above paragraph ?
(1) The first friend of human is dogs.
(2) The dog was the first domesticated animal.
(3) The dog can protect you from wild animal.
(4) The dog is good for hunting too.
ถาม ใจความสำคัญของย่อหน้าข้างต้นคืออะไร
ตอบ 2 (สุนัขเป็นสัตว์ที่ถูกนำมาเลี้ยงให้เชื่องเป็นประเภทแรก)
1.เพื่อนเริมแรกของมนุษย์คือ สุนัข
3. สุนัขสามารถปกป้องคุณจากสัตว์ป่าได้
4. สุนัขสามารถใช้ในการล่าสัตว์ได้ดีอีกด้วย

Evergreen trees do not lose their leaves in the autumn like many other kinds of trees. The fact that they do not seem to die in winter gives them special meaning in some places. In Italy, for example, evergreen trees are associated with the idea of life after death. For this reason, Italians plant evergreen….

ต้นสน (ต้นไม้ที่เขียวชอุ่มตลอดปี) จะไม่ผลัดใบของมันในฤดูใบไม้ร่วงเหมือนกับต้นไม้ประเภทอื่น ๆ ข้อเท็จจริงที่ว่ามันดูเหมือนไม่ตายในฤดูหนาว ทำให้มันมีความหมายพิเศษในสถานที่บางแห่งตัวอย่าง เช่น ในประเทศอิตาลี ต้นสนจะมีความเกี่ยวข้องกับความคิดในเรื่องชีวิตหลังความตาย ด้วยเหตุผลนี้ชาวอิตาลีจึงมักปลูกต้นสนไว้…

11. For this reason, Italians often plant evergreen______
(1) in cemeteries.
(2) along streets.
(3) in long lines
(4) in gardens.
ถาม ด้วยเหตุผลนี้ชาวอิตาลีจึงมักปลูกต้นสนไว้________
ตอบ 1 (ในสุสานฝังศพ : ความเขียวชอุ่มตลอดปีของต้นสนเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตที่ไม่มี
วันดับสิ้นและรอการกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง
2. ตามข้างถนน 3. ในแนวยาว 4. ในสวน

12. Why the evergreen tree has special meaning in some places ?
(1) Because it is beautiful.
(2) Because it never die.
(3) Because it associate with lift .
(4) Because it will not die in winter.
ถาม ทำไมต้นสนจึงมีความหมายพิเศษในสถานที่บางแห่ง
ตอบ 4 (เพราะมันจะไม่ตายในฤดูหนาว) 1. เพราะมันมีความสวยงาม
2.เพราะมันไม่เคยตาย 3. เพราะมันเกี่ยวข้องกับชีวิต

13. Why they called this tree “evergreen trees” ?
(1) They won’t die in winter.
(2) They won’t die in autumn.
(3) They always green.
(4) They do not loose their leaves
ถาม ทำไมพวกเขาจึงเรียกต้นไม้นี้ว่า “evergreen trees” (ต้นสนหรือต้นไม้ที่เขียวชอุ่ม ตลอดปี)
ตอบ 3 (พวกมันจะเขียวชอุ่มอยู่เสมอ) 1. พวกมันจะไม่ตายในฤดูหนาว
2.พวกมันจะไม่ตายในฤดูใบไม้ร่วง 4. พวกมันไม่มีใบหลุดร่วง

14. The word “associated with” means _______
(1) attach with
(2) apart from
(3) along with
(4) parallel to
ถาม คำว่า “associated with” (มีความเกี่ยวข้องกับ) หมายถึง_______
ตอบ 1 (เกี่ยวข้องกับ) 2. นอกเหนือจาก 3. ตามด้วย 4. เท่าเทียมกับ

15. The word “the fact that” means________
(1) It always like that
(2) What is like that
(3) the evident that
(4) in fact
ถาม คำว่า “the fact that” (ข้อเท็จจริงที่ว่า) หมายถึง_______
ตอบ 4 (แท้ที่จริงแล้ว) 1. มันมักจะเป็นอย่างนั้น
2.สิ่งที่เหมือนกันก็คือว่า 3. พิสูจน์ว่า

The “idea box” is a useful concept in management. It was first introduced in the early twentieth century by Kodak in the United States and Michelin in France. The managers of these companies use idea boxes to collect suggestions from employees about improving production. Today, the idea box is not used much in the United States or Europe. However, it is used a lot in Japan. Japanese managers have found it to be a very valuable resource. Employees often know more than managers about the details of production. In the long run, their suggestions can make a real difference to the company. Employees who offer useful ideas may receive extra money in their paychecks.

“กล่องแสดงความคิดเห็น” เป็นแนวคิดที่มีประโยชน์ในการบริหารจัดการ มันถูกนำเสนอเป็นครั้งแรกในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยบริษัทโกดักในสหรัฐอเมริกาและบริษัทมิชลินในฝรั่งเศส ผู้บริหารของบริษัทเหล่านี้ได้ใช้กล่องแสดงความคิดเห็นเพื่อเก็บรวบรมข้อเสนอแนะต่าง ๆ จากพนักงานเกี่ยวกับการปรับปรุงการผลิตให้ดีขึ้น ทุกวันนี้กล่องแสดงความคิเห็นไม่ได้ใช้มากนักในสหรัฐอเมริกาหรือยุโรป อย่างไรก็ตามมันกลับถูกใช้มากในญี่ปุ่น ผู้บริหารชาวญี่ปุ่นได้ค้นพบว่ามันคือทรัพยากรที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง บ่อยครั้งที่พนักงานมักรู้เกี่ยวกับรายละเอียดต่าง ๆ ของการผลิตมากกว่าผู้บริหาร ในระยะยาวข้อเสนอแนะต่างๆ ของพวกเขาสามารถวร้างความแตกต่างที่แท้จริงให้กับบริษัท พนักงานที่เสนอความคิดที่เป็นประโยชน์อาจได้รับเงินพิเศษในเช็คเงินเดือนของพวกเขา

16. Which of the following topics is the best for the above passage ?
(1) Kodak in U.S.
(2) Japanese Manager
(3) Kodak in U.S. and Michelin in France
(4) Idea Box
ถาม ชื่อเรื่องใดต่อไปนี้ที่ดีที่สุดสำหรับเนื้อเรื่องข้างต้น
ตอบ 4 (กล่องแสดงความคิดเห็น) 1. บริษัทโกดักในสหรัฐอเมริกา
2.ผู้บริหารชาวญี่ปุ่น 3. บริษัทโกดักในสหรัฐอเมริกาและบริษัทมิชลินในฝรั่งเศส

17. In which country is the idea box used most ?
(1) France
(2) Japan
(3) USA
(4) Europe
ถาม ในประเทศใดที่มีการใช้กล่องแสดงความคิดเห็นมากที่สุด
ตอบ 2 (ญี่ปุ่น) 1. ฝรั่งเศส 3. สหรัฐอเมริกา 4. ยุโรป

18. When was the idea box first used ?
(1) 1901-1950
(2) 1951-1999
(3) Japan
(4) Europe
ถาม กล่องแสดงความคิดเห็นถูกใช้เป็นครั้งแรกเมื่อใด
ตอบ 1 (ช่างต้นศตวรรษที่ 20 คือประมาณปี 1901-1950)
2.ประมาณปี 1951-1999 3. ญี่ปุ่น 4. ยุโรป

19. Why was the idea box useful for management ?
(1) Because the manager used it.
(2) Because the idea is from the employees who know more details about production.
(3) Because it made real different to the company.
(4) Because Kodak and Michelin used it before.
ถาม ทำไมกล่องแสดงความคิดเห็นจึงมีประโยชน์สำหรับการบริหารจัดการ
ตอบ 3 (เพราะมันสร้างความแตกต่างที่แท้จริงให้กับบริษัท)
1.เพราะผู้บริหารใช้มัน
2.เพราะความคิดเห็นมาจากพนักงานที่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับการผลิตมากกว่า
4.เพราะบริษัทโกดักและบรัทมิชลินใช้มันมาก่อน

20. What is the word “paychecks” means ?
(1) check the payment
(2) salary cheque
(3) pay without checking
(4) checking before paying
ถาม คำว่า “paychecks” (เช็คเงินเดือน) หมายถึงอะไร
ตอบ 2 (เช็คเงินเดือน)
1. ตรวจสอบการจ่ายเงิน
3.การจ่ายที่ไม่ได้มีการตรวจสอบ
4. การตรวจสอบก่อนการจ่ายเงิน

For many people, sitting still for a long time is one of the worst things about flying. Now doctors are discovering that there are good reasons to be unhappy about sitting still on long flights. In fact, it is not good for you at all : The blood in your legs does not flow well and you are more likely to get a blood clot (a small lump) in your leg. The clot may cause swelling and pain in the leg because the blood cannot flow past it. More serious problems can develop if part of a clot breaks off and travels to the lung. In this case, there is even the risk of death. To avoid risk, doctors recommend moving around as much as possible during a flight. Of course, you cannot stand up often or walk continually around the plane. But you can help the blood flow in your body by doing special exercises at your seat. Many airline companies now include instructions for these exercises in their in-flight magazines.

สำหรับผู้คนจำนวนมาก การนั่งนิ่ง ๆ เป็นเวลานานถือเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดข้อหนึ่งของการเดินทางโดยเครื่องบิน ในปัจจุบันแพทย์ได้ค้นพบว่ามีเหตุผลดี ๆ หลายประการที่อธิบายถึงความทุกข์ที่เกิดขึ้นจากการนั่งนิ่ง ๆ ในเที่ยวบินที่ใช้เวลานาน แท้ที่จริงแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับคุณทั้งหมด กล่าวคือ เลือดในขาของคุณจะไหลหมุนเวียนไม่ดีนักและคุณจะรู้สึกเหมือนว่าเลือดในขาของคุณจับตัวเป็นก้อน (ลิ่มเลือดก้อนเล็ก ๆ) ซึ่งก้อนเลือดนี้อาจเป็นสาเหตุทำให้ขาบวมและปวดขา เพราะเลือดไม่สามารถไหลลงไปที่ขาได้ ปัญหาที่แย่กว่านี้สามารถขยายออกไปได้อีกถ้าส่วนของก้อนเลือดนี้แตกออกและเคลื่อนไปยังปอด ในกรณีนี้อาจจะมีความเสี่ยงถึงตายได้ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงนี้แพทย์จะแนะนำให้ทำการขยับตัวไปมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในระหว่างบิน แน่นอนที่สุด คุณคงไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้บ่อย ๆ หรือเดินไปรอบ ๆ ภายในเครื่องได้ตลอด แต่คุณสามารถช่วยให้เลือดไหลเวียนในร่างกายของคุณได้โดยการออกกำลังกายที่มีรูปแบบเฉพาะที่เก้าอี้ของคุณ ตอนนี้บริษัทสายการบินหลายแห่งได้รวมเอาคำแนะนำสำหรับการออกกำลังกายเหล่านี้ไว้ในนิตยสารประจำเครื่องบินของพวกเขาด้วย

21. What is the appropriate topic for the above passage ?
(1) Sitting Still
(2) Blood Flow
(3) Blood clot
(4) Risk of Death
ถาม ชื่อเรื่องที่เหมาะสมสำหรับเนื้อเรื่องข้างต้นนี้คืออะไร
ตอบ 1 (การนั่งนิ่ง ๆ) 2. การไหลเวียนของเลือด
3.อาการเลือดจับตัวเป็นก้อน 4. ความเสี่ยงถึงตาย

22. What is the worst things about flying ?
(1) blood clot
(2) sitting still
(3) blood flow
(4) moving around
ถาม อะไรเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดของการเดินทางโดยเครื่องบิน
ตอบ 2 (การนั่งนิ่ง ๆ) 1.อาการเลือดจับตัวเป็นก้อน
3.การไหลเวียนของเลือด 4. การขยับตัวไปมา

23. Which is the best way to avoid risk when you have ling flight ?
(1) moving around
(2) reading in-flight magazine
(3) stand up
(4) walking continually
ถาม ข้อไหนเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเมื่อคุณเดินทางในเที่ยวบินที่ใช้เวลานาน
ตอบ 1 (การขยับตัวไปมา) 2. การอ่านนิตยสารประจำเครื่องบิน
3.การลุกขึ้นยืน 4. การเดินอย่างต่อเนื่อง

24. What is the meaning of the word “swelling” in line 5 ?
(1) no feeling
(2) get hurt
(3) getting bigger with pain
(4) stress
ถาม ความหมายของคำว่า “swelling” (บวม)ในบรรทัดที่ 5 คืออะไร
ตอบ 3 (ขยายใหญ่ขึ้นด้วยความปวด) 1. ไม่มีความรู้สึก
2.ได้รับบาดเจ็บ 4. ความเครียด

25. The phrase “travels to the lung” means________
(1) visit the lung
(2) flow to the lung
(3) travel by plane to the lung
(4) travel with the lung
ถาม วลีที่ว่า “travels to the lung” (เคลื่อนไปยังปอด) หมายถึง ________
ตอบ 2 (ไหลเข้าสู่ปอด) 1.ไปหาปอด
3.เดินทางโดยเครื่องบินไปยังปอด 4. เดินทางพร้อมกับปอด

For many years, alligator skin was popular in the United States for making fashionable shoes and handbags. From 1870 to 1965, at least 10 million alligators were killed in the United States for their skins. Then, in 1967, the government passed laws against hunting alligators. After that, the alligator population began to grow again. Now there are…

เป็นเวลาหลายปี หนังจระเข้เป็นที่นิยมในสหรัฐอเมิรกาในการนำไปผลิตเป็นรองเท้าหรือกระเป๋าถือของผู้หญิงตามแฟชั่น นับตั้งแต่ปี 1870 ถึง 1965 จระเข้อย่างน้อยที่สุด 10 ล้านตัว ถูกฆ่าในสหรัฐอเมริกาเพื่อเอาหนังของมัน ดังนั้นในปี 1967 รัฐบาลจึงออกกฎหมายห้ามการล่าจระเข้ หลังจากนั้นประชากรของจระเข้ก็เริ่มเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ในปัจจุบันมี……

26. Now there are _______
(1) more alligators in the United States.
(2) fewer alligators than they were in 1967.
(3) more alligators skin for making shoes and purses.
(4) nearly 2 million alligators in the United States.
ถาม ในปัจจุบันมี…….
ตอบ 4 (จระเข้เกือบ 2 ล้านตัวในสหรัฐอเมริกา)
1.จระเข้มากขึ้นในสหรัฐอเมริกา 2.จระเข้น้อยกว่าที่มีในปี 1967
3.หนังจระเข้เพื่อผลิตเป็นรองเท้าและกระเป่าเงินมากขึ้น

27. Why the US Government had to established alligator hunting law ?
(1) The people like their skins.
(2) Too many were killed.
(3) They made too much shoes.
(4) to establish proper process.
ถาม ทำไมรัฐบาลของสหรัฐ ฯ ต้องกำหนดกฎหมายเกี่ยวกับการล่าจระเข้
ตอบ 2 (มีจระเข้จำนวนมากเกินไปที่ถูกฆ่า) 1. ผู้คนชอบหนังของมัน
3.พวกเขาผลิตรองเท้ามากเกินไป 4. เพื่อกำหนดเป้นขั้นตอนที่เหมาะสม

28. Which statement is true ?
(1) More than 10 million alligators were killed from 1870 to 1965.
(2) 10 million alligators were killed from 1870 to 1965.
(3) Only 10 million alligators were killed in America.
(4) No more alligators were killed after 1965.
ถาม ข้อความใดถูกต้อง
ตอบ 1 (จระเข้จำนวนมากกว่า 10 ล้านตัวถูกฆ่านับตั้งแต่ปี 1870 ถึง 1965 : คำว่า least หมายถึง อย่างน้อยที่สุด ก็แสดงว่า จำนวนจระเข้ที่ถูกฆ่าต้องมีมากว่า 10 ล้านตัวขึ้นไป)
2.จระเข้จำนวน 10 ล้านตัวถูกฆ่านับตั้งแต่ปี 1870 ถึง 1965
3.มีจระเข้เพียง 10 ล้านตัวเท่านั้นที่ถูกฆ่าในอเมริกา
4.ไม่มีจระเข้ถูกฆ่าอีกต่อไปหลังจากปี 1965

29. The word “passed laws” has the same meaning as_______
(1) old law
(2) given-up law
(3) established law
(4) cancelled law
ถาม คำว่า “passed laws” (ออกฎหมาย) มีความหมายเหมือนกับ_______
ตอบ 3 (กำหนดหรือร่างกฎหมาย) 1. กฎหมายเก่า
2.กฎหมายที่ถูกเลิกใช้ไปแล้ว 4. ระงับกฎหมาย

30. The word “alligator population” has the same meaning as________
(1) alligator baby
(2) alligator family
(3) alligator become popular
(4) alligator number
ถาม คำว่า “alligator population” (ประชากรของจระเข้) มีความหมายเหมือนกับ_______
ตอบ 4 (จำนวนจระเข้) 1. ลูกจระเข้ 2. พันธุ์จระเข้ 3.จระเข้เป็นที่นิยม

Until recently, the kiwi fruit was rare in most countries of the world. All the kiwis came from New Zealand, which meant they were transported a great distance and were expensive. Now many countries grow kiwis. The supply of this fruit has greatly increased, and so it….

จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ผลกีวีเป็นสิ่งที่หายากในประเทศส่วนใหญ่ของโลก กีวีทั้งหมดมาจากนิวซีแลนด์ ซึ๋งหมายความว่า พวกมันถูกขนส่งมาในระยะทางที่ไกลมากและมีราคาแพง ในปัจจุบันหลาย ๆ ประเทศได้ปลูกกีวี ปริมาณของผลไม้ชนิดนี้จึงเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ดังนั้นมันจึง…

31. The supply of this fruit greatly increased, and so it ______________
(1) as become even more expensive.
(2) is harder to get.
(3) is found only in New Zealand
(4) has become less expensive.
ถาม ปริมาณของผลไม้ชนิดนี้จึงเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ดังนั้นมันจึง___________
ตอบ (มีราคาถูกลง) 1. กลายเป็นแพงมากยิ่งขึ้น
2. ยากขึ้นกว่าที่จะได้มา 3. ถูกพบในนิวซีแลนด์เท่านั้น

32. The word “rare” in Line 1 means___________
(1) not ripe
(2) hard to find
(3) many
(4) bigger
ถาม คำว่า “rare” (หายาก) ในบรรทัดที่ 1 หมายถึง ___________
ตอบ (หายาก) 1. ยังไม่สุกเต็มที่ 3. มากมาย 4. ใหญ่ขึ้น

33. The word “great distance” means___________
(1) long way
(2) very long way
(3) every where
(4) somewhere
ถาม คำว่า “great distance” (ระยะทางที่ไกลมาก) หมายถึง ___________
ตอบ (ระยะทางที่ไกลอย่างมาก) 1. ระยะทางไกล 3. ทุกหนทุกแห่ง 4. บางแห่ง

34. What caused the Kiwi fruit became cheaper ?
(1) hardly to get
(2) it was rare
(3) distance of transport
(4) more supply
ถาม อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ผลกีวีมีราคาถูกลง
ตอบ 4 (ปริมาณผลผลิตมีมากขึ้น) 1. ยากที่จะได้มา 2. มันหายาก 3. ระยะทางของการขนส่ง

35. Which statement is true ?
(1) Kiwi fruit can easily get in every country nowadays.
(2) It became less expensive nowadays.
(3) Distance of transportation made it favorite.
(4) There are no more Kiwi in New Zealand.
ถาม ข้อความใดที่ถูกต้อง
ตอบ 2 (มันกลับมีราคาถูกลงในปัจจุบัน)
1.ผลกีวีสามารถหาได้ง่ายในทุกประเทศในปัจจุบัน
3.ระยะทางของการขนส่งทำให้กีวีเป็นที่โปรดปรานของคนทั่วไป
4.ไม่มีกีวีในนิวซีแลนด์อีกต่อไป

In the late 1990s, flight attendants around the world noticed a dramatic increase in “air rage”. This is the official term for what happens when someone becomes extremely angry or upset on a plane. These people may become dangerously violent that the plane has to land somewhere and unload the passengers. Air rage may be the result of several factors. The general worsening of travel conditions in recent years has led to crowded planes and frequent delays. At the same time, airlines have generally reduced the amount of seat for each passenger, so people are more likely to feel stressed and aggressive. One other factor, has nothing to do with the airline industry. Flight attendants say that very often the people who become violent on planes have had too much alcohol to drink, either before the flight or on the plane.

ในช่วงปลายปี 1990 พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินทั่วโลกได้สังเกตเห็นถึงการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของ “การเกิดอารมณ์เดือดดาลบนเครื่องบิน” คำนี้เป็นคำที่ใช้เรียกอย่างเป็นทางการของสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อใครบางคนได้แสดงอารมณ์โกรธหรืออารมณ์เสียอย่างรุนแรงบนเครื่องบิน คนเหล่านั้นอาจจะแสดงความรุนแรงที่อันตรายอย่างมาก จนทำให้เครื่องบินต้องลงจอดในบางพื้นที่และไม่สามารถบรรทุกผู้โดยสารต่อไปได้ การเกิดอารมณ์เดือดดาลบนเครื่องบินอาจจะเป็นผลมาจากหลายๆปัจจัย เรื่องแย ๆ ที่พบโดยทั่วไปของสภาพการเดินทางด้วยเครื่องบินในหลายปีมานี้ได้ทำให้เครื่องบินมีผู้โดยสารแน่นขนัดและเกิดความล่าช้าอยู่บ่อยครั้ง ในขณะเดียวกัน สายการบินต่าง ๆ ได้ลดพื้นที่บริเวณที่นั่งโดยสารแต่ละคนลงดังนั้นผู้คนจึงดูเหมือนรู้สึกเครียดและดูก้าวร้าว อย่างไรก็ตาม ปัจจัยอีกประการหนึ่งก็คือ เราทำอะไรกับอุตสาหกรรมการบินไม่ได้เลย พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินกล่าวว่า บ่อยครั้งมากที่ผู้คนซี่งแสดงอารมณ์รุนแรงบนเครื่องบินดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ทั้งก่อนขึ้นเครื่องหรืออยู่บนเครื่องแล้วก็ตาม

36. Which is the proper heading for this passage?
(1) Flight Attendants
(2) Air Rage
(3) Drinking on Plane
(4) Travel Condition
ถาม ข้อใดเป็นหัวข้อเรื่องที่เหมาะสมสำหรับเนื้อเรื่องนี้
ตอบ 2 (การเกิดอารมณ์เดือดดาลบนเครื่องบิน) 1. พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน
3. การดื่มบนเครื่องบิน 4. สภาพการเดินทาง

37. What is The meaning of the word “ dangerously increase” in line 1 ?
(1) not increase
(2) increase very quick
(3) slowly increase
(4) increase continually
ถาม ความหมายของคำว่า “ dramatic increase” (การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ) ในบรรทัดที่ 1 คืออะไร
ตอบ 2 (เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก) 1. ไม่เพิ่มขึ้น
3. เพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ 4. เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

38. What is the meaning of the word “ dangerously violent” in line 3 ?
(1) not so danger
(2) very danger
(3) aggressively danger
(4) danger steadily
ถาม ความหมายของคำว่า “dangerously violent” (ความรุนแรงที่อันตรายอย่างมาก ) ในบรรทัดที่ 3 คืออะไร
ตอบ 3 (อันตรายอย่างก้าวร้าว : คำว่า dangerously ในข้อนี้ควรเป็นอันตรายที่มีความหมายในเชิงก้าวร้าวรุนแรง
เพราะเกิดจากอารมณ์ของคนที่โมโหร้าย)
1. ไม่อันตรายมาก 2. อันตรายอย่างมาก 4. อันตรายอย่างไม่ลดละ

39. What is the meaning of the word “ crowded planes” in line 6 ?
(1) not too many passengers
(2) plane for the king
(3) plane for the prince
(4) too many passenger
ถาม ความหมายของคำว่า “crowded planes” (เครื่องบินที่มีผู้โดยสารแน่นขนัด ) ในบรรทัดที่ 6 คืออะไร
ตอบ (มีผู้โดยสารมากเกินไป) (1) มีผู้โดยสารไม่มากเกินไป
(2) เครื่องบินสำหรับพระมหากษัตริย์ (3) เครื่องบินสำหรับเจ้าฟ้าชาย

40. What is the meaning of the word “ frequent delays” in line 6 ?
(1) always delays
(2) never delay
(3) delay too long
(4) delay in short period
ถาม ความหมายของคำว่า “frequent delays” (เกิดความล่าช้าอยู่บ่อยครั้ง ) ในบรรทัดที่ 6 คืออะไร
ตอบ (ล่าช้าเป็นประจำ)
(2) ไม่เคยล่าช้า
(3) ล่าช้าเกินไป
(4) ล่าช้าในช่วงเวลาสั้น ๆ

จงเติมคำให้ข้อความต่อไปนี้สมบูรณ์
Alternatives for question number 41.- 44.
(1) from
(2) that
(3) about
(4) of

The doctor’s use 41. jargon, 42. is,the technical language he used, kept me 43.(1) understanding
what he was talking 44.
การใช้ 43.(4) (of) ศัพท์ทางเทคนิคของแพทย์ 42. (2) นั่นคือ ภาษาทางเทคนิคที่เขาใช้ซึ่ง 43.(1) ทำให้ ฉันไม่ เข้าใจ ในสิ่งที่เขากำลังพูด 44.(3) ถึง

41. ตอบ 4 (use of + n. = การใช้ + คำนาม)

42. ตอบ 2 (that is = นั่นคือ )

43. ตอบ 1 (kept…from = ขวางกั้น,หยุด )

44. ตอบ 3 (talk about = พูดถึงเกี่ยวกับ)

Alternatives for question number 45.- 48.
(1) of
(2) used in
(3) carrying out
(4) that is

Business ethics, 45. a good code of conduct 46. running a business, is a vital thing utilized in 47. all kinds 48. business.
จริยธรรมทางธุรกิจ 45.(4) นั่นคือ หลักการที่ดีของการปฏิบัติ 46. (2) ที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจ อีกทั้งยังเป็นสิ่งจำเป็นที่ใช้ประโยชน์ใน 47.(3) การดำเนินงานของธุรกิจ 48. (1) (of) ทุกประเภท
45. ตอบ 4 (นั่นคือ)
46. ตอบ 2 (ที่ใช้)
47. ตอบ 3 (การดำเนินงาน)
48. ตอบ 1 (kinds of + n. = ประเภทของ + คำนาม)

Alternatives for question number 49.- 52.
(1) that is
(2) and
(3) that
(4) which

Platelets are very small particles 49. are adhesive, 50. , they stick together to stop bleeding.

เชลล์เกล็ดเลือดเป็นอนุภาคที่มีขนาดเล็กมาก 49.(4) ซึ่ง ยึดติดกัน 50.(1) นั่นคือ พวกมันจะยึดติดเข้าด้วยกันเพื่อหยุดการสูญเสียเลือด
Cash dispenser (GB) or ATM (Automated Teller Machine) is computerized machine 51. allows bank customers to withdraw money, check their balance, 52. so on.
เครื่องจ่ายเงินสด(จีบี) หรือเอทีเอ็ม (เครื่องรับจ่ายอัตโนมัติ) เป็นเครื่องคำนวณด้วยระบบคอมพิวเตอร์ 51.(3) ที่ยินยอมให้ลูกค้าของธนาคารสามารถถอนเงิน เช็คยอดเงิน 52.(2) และอื่นๆ

49. ตอบ 4 (ซึ่ง)
50. ตอบ 1 (นั่นคือ)
51. ตอบ 3 (ที่)

52. ตอบ 2 (และ)

Part of Speech (ชนิดของคำ)
Which of the following chart are true and which are false.
จากตารางต่อไปนี้จงพิจารณาว่าข้อใดถูกและข้อใดผิด
If true paints 1 If false paints 2
ถ้าถูกให้ระบายตัวเลือกที่ 1 ถ้าผิดให้ระบายตัวเลือกที่ 2
No Noun Verb Adjective Adverb

53. efficiency to efficiency – efficiency
54. prediction to predict predictable predictably
55. safety to save safe safety
56. solution to solve – solvable
57 worst – worse worse

53. ตอบ 2 (ผิด) ที่ถูกต้องคือ efficiency(n) , efficient(adj.) และ efficiently(adv.)

54. ตอบ 1 (ถูก)

55. ตอบ 2 (ผิด) ที่ถูกต้องคือ safety(n) , to save(v.) , save (adj.) และ safely (adv.)

56. ตอบ 2 (ผิด) ที่ถูกต้องคือ solution (n) , solution (v.) และ solvable (adj.)

57. ตอบ 2 (ผิด) ที่ถูกต้องคือ worse และ (the) worst เป็น adj.ที่ใช้เปรียบเทียบขั้นกว่าและขั้นสูงสุดของ bad นั่นคือ
bad(adj.) worse (ขั้นกว่า) (the) worst (ขั้นสูงสุด)

Infrernces (การวิเคาระห์สรุปความ)
Directions: Based on the situation given, choose the best inference.
คำสั่ง : การสถานการณ์ที่ให้มา ให้เลือกการวิเคราะห์สรุปความที่ดีที่สุด

58. If you hear a rattling and knocking noise made by the engine of your car, you may
infer that your car_______
(1) needs painting.
(2) is running out of control.
(3) is in need of repair.
(4) is running short.
ถาม ถ้าคุณได้ยินเสียงโครมครามและเสียงกระตุกที่เกิดขึ้นในเครื่องยนต์ของรถคุณ
คุณอาจจะสรุปว่ารถของคุณ____________
ตอบ 3 (ควรได้รับการซ่อมแซม) 1. ควรได้รับการทาสี
2. มาสามารถควบคุมได้ 4. กำลังจะขาดแคลน

Directions: put a check by the inference most logically based on the information provided.
คำสั่ง : จงตรวจสอบข้อมูลที่ให้มาโดยใช้การวิเคราะห์สรุปความที่สมเหตุสมผลมากที่สุด

59. In pate of India, wild animals show almost no fear of the human beings who live who live near them.
(1) The animals are not very intelligent.
(2) The animals never see humans and so have developed no fear of them.
(3) The animals have been raised as pets by humans.
(4) The humans have never acted aggressively towards animals.
ถาม ในหลาย ๆ ส่วนของอินเดีย สัตว์ป่าแทบจะไม่กลัวมนุษย์ที่อาศัยอยู่ใกล้ ๆ กับพวกมัน
ตอบ 4 (มนุษย์ไม่เคยแสดงอาการก้าวร้าวรุนแรงต่อสัตว์ต่าง ๆ)
1. สัตว์ต่าง ๆ ไม่ฉลาด
2. สัตว์ต่าง ๆ ไม่เคยเห็นมนุษย์ ดังนั้นจึงพัฒนาไปเป็นความไม่กลัวมนุษย์ในที่สุด
3. สัตว์ต่าง ๆ ถูกเลี้ยงให้เป็นสัตว์เลี้ยงโดยมนุษย์
4.

Directions: Read this paragraph and choose the best inference.
คำสั่ง : จงอ่านย่อหน้านี้และเลือกการสรุปความที่ดีที่สุด

The Ford Motor Company will want to see grades before hiring a graduate. Nonsense, Ford can interview a candidate, ask him to perform acts that will give a far better idea of how valuable he will be to the firm than all the grades on his transcript, including the A he got in physics, as I did in high school, for memorizing the theorems, or whatever they were called, and passing tests on them while being unable to carry out a single laboratory experiment even with the help of the cookbook manual we were provided with. My lab partner helped me in each one.

บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ ต้องการจะดูเกรดก่อนที่จะมีการจ้างงานผู้สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญา มันช่างดูไร้สาระ เพราะบริษัทฟอร์ดสามารถสัมภาษณ์ผู้สมัคร ซักถามเขาถึงการกระทำที่จะทำให้เกิดความคิดที่ดีขึ้นว่าเขาจะเป็นผู้ที่มีคุณค่าต่อบริษัทได้อย่างไร มากกว่าที่จะดูเกรดทั้งหมดในใบแสดงผลการศึกษาของเขารวมทั้งเกรดเอที่เขาได้ในวิชาฟิสิกส์เหมือนที่ผมได้ขณะที่เรียนในโรงเรียนมัธยมศึกษา การท่องจำสูตรพีชคณิต หรืออะไรก็ตามที่มันถูกเรียกเช่นนั้น และผ่านการสอบกับทฤษฎีต่าง ๆ ในขณะที่ไม่สามารถนำมาดำเนินการในการทดลองในห้องปฏิบัติการได้เลยสักอย่าง แม้แต่กับความช่วยเหลือของคู่มือการทำอาหารที่เราได้ถูกจัดให้ด้วย คู่หูของผมในห้องปฏิบัติการได้ช่วยเหลือผมในการทำแต่ละอย่าง

60. It is implied but not stated in the paragraph that the writer _________
(1) believes in the students’ transcripts.
(2) disagrees with using grades as judgment.
(3) used to get a grade A in physics.
(4) agrees with the grade report.
ถาม มันถูกกล่าวเป็นนัยแต่ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนในย่อหน้าว่าผู้เขียน _________
ตอบ 2 (ไม่เห็นด้วยกับการใช้เกรดในการพิจารณาตัดสิน)
1. เชื่อในใบแสดงผลการศึกษาของนักเรียน
3. เคยได้เกรดเอในวิชาฟิสิกส์
4. เห็นด้วยกับการรายงานเกรด
Prefixes (คำที่ใช้เติมข้างหน้า)
Which is the correct prefixes ?

คำที่มีการเติม Prefixes ไว้ข้างหน้าข้อใดที่ถูกต้อง

61. (1) unregular
(2) irregular
(3) imregular
(4) overregular
ตอบ 2 รากศัพท์คือ regular หมายถึง เป็นปกติ
เมื่อเติม Prefix คือ ir- เป็น irregular จะหมายถึง ผิดปกติ,ไม่สม่ำเสมอ

62. (1) undercredit
(2) overcredit
(3) uponcredit
(4) discredit
ตอบ 4 รากศัพท์คือ credit หมายถึง เชื่อถือ
เมื่อเติม Prefix คือ dis- เป็น discredit จะหมายถึง ไม่น่าเชื่อถือ

63. (1) encounter
(2) uncounter
(3) incounter
(4) overcounter
ตอบ 1 รากศัพท์คือ counter หมายถึง ตรงกันข้าม ,เป็นปรปักษ์
เมื่อเติม Prefix คือ en- เป็น encounter จะหมายถึง ประสบ, เผชิญหน้ากัน

64. (1) underestimated
(2) inestimated
(3) unestimated
(4) overestimated
ตอบ 1 รากศัพท์คือ estimated หมายถึง ประมาณการ
เมื่อเติม Prefix คือ under – เป็น underestimated จะหมายถึง ประมาณการต่ำไป

65. (1) transatlantic
(2) crossatlantic
(3) underatlantic
(4) overatiantic
ตอบ 1 รากศัพท์คือ atlantic หมายถึง มหาสมุทรแอตแลนติก
เมื่อเติม Prefix คือ trans – เป็น transatlantic จะหมายถึง อีกด้านหนึ่งของ
มหาสมุทรแอตแลนติก

66. (1) unnonymous
(2) innonymous
(3) anonymous
(4) exnonymous
ตอบ 3 รากศัพท์คือ onymous หมายถึง เปิดเผยชื่อ
เมื่อเติม Prefix คือ an – เป็น anonymous จะหมายถึง ไม่ประสงค์จะออกนาม,ปิดบังชื่อ

67. (1) unadequate
(2) inadequate
(3) imadequate
(4) nonadequate
ตอบ 2 รากศัพท์คือ adequate หมายถึง เพียงพอ
เมื่อเติม Prefix คือ in – เป็น inadequate จะหมายถึง ไม่เพียงพอ

68. (1) inactive
(2) underactive
(3) monactive
(4) polyactive
ตอบ 1 รากศัพท์คือ active หมายถึง กระตือรือร้น, คล่องแคล่ว
เมื่อเติม Prefix คือ in – เป็น inactive จะหมายถึง อยู่เฉย ๆ ,ไม่ทำอะไร

69. (1) illegal
(2) unlegal
(3) dislegal
(4) underlegal
ตอบ 1 รากศัพท์คือ legal หมายถึง เกี่ยวกับกฎหมาย
เมื่อเติม Prefix คือ il – เป็น illegal จะหมายถึง ผิดกฎหมาย

70. (1) immature
(2) unmature
(3) inmature
(4) overmature
ตอบ 1 รากศัพท์คือ mature หมายถึง แก่เต็มที่, ทำให้สุก
เมื่อเติม Prefix คือ im – เป็น immature จะหมายถึง อ่อน,ยังไม่สุก
Which word in each group does not belong ?
คำใดในแต่ละกลุ่มที่ไม่เข้าพวก

71.(1) odor
(2) taste
(3) fragrance
(4) scent
ตอบ 2 (รสชาติ) คำว่า odor , fragrance และ scent ล้วนหมายถึง กลิ่น,กลิ่นหอม

72.(1) growing market
(2) expanding market
(3) developing market
(4) declining market
ตอบ 4 (ตลาดที่กำลังตกต่ำ) 1. ตลาดที่กำลังเติบโต
2. ตลาดที่กำลังขยายตัว 3. ตลาดที่กำลังพัฒนา

73. (1) questionnaire
(2) promotion
(3) focus group
(4) survey
ตอบ 2 (การส่งเสริมการตลาด) 1. แบบสอบถาม
3. การเน้นไปที่กลุ่ม 4. การสำรวจ

Word Partnership (คำที่ต้องใช้คู่กัน)
Which word in each group does not form a word partnership with the given word ?
คำใดในแต่ละกลุ่มที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบของคำที่ต้องใช้คู่กันกับคำที่ให้มา

74. develop
(1) truth
(2) loyalty
(3) motivation
(4) sincere
ถาม พัฒนา,ขยาย
ตอบ 4 (จริงใจ)
1. develop truth = ขยายความจริง
2. develop loyalty = ขยายความภักดีให้มากขึ้น
3. develop motivation = พัฒนาการจูงใจ

75. share
(1) support
(2) information
(3) ideas
(4) documents
ถาม แบ่งปัน
ตอบ 1 (การสนับสนุน)
2. share information = แบ่งปันสารสนเทศ
3. share ideas = แบ่งปันความคิด
4. share documents = แบ่งปันเอกสาร

76. allocate
(1) time
(2) ideas
(3) resources
(4) works
ถาม แบ่งให้, จัดสรร
ตอบ 2 (ความคิด)
1. allocate time = จัดสรรเวลาให้
3. allocate resources = จัดสรรทรัพยากรให้
4. allocate works = แบ่งงานให้

77. interrupt
(1) e-mails
(2) conversations
(3) meeting
(4) teaching
ถาม ขัดจังหวะ
ตอบ 1 (อีเมล์)
2. interrupt conversations = ขัดจังหวะการสนทนา
3. interrupt meeting = ขัดจังหวะการประชุม
4. interrupt teaching = ขัดจังหวะการสอน

78. hold
(1) shares
(2) title
(3) calls
(4) exercises
ถาม ถือครอง,ถือ,จับไว้
ตอบ 4 (การออกกำลังกาย)
1. hold shares = ถือหุ้น
2. hold title = ถือครองตำแหน่ง
3. hold calls = ถือสายรอ

Matching word with definition (จงจับคู่คำกับความหมายของมัน)

79. disadvantage
(1) drawback
(2) gridlock
(3) overcrowding
(4) overwork
ถาม เสียประโยชน์
ตอบ 1 (ข้อเสียเปรียบ) 2. สภาพการจราจรติดขัดที่เลวร้ายมาก
3. แน่นเกินไป 4. ทำงานมากเกินไป

80. continue to live or exist
(1) replace
(2) experience
(3) reflect
(4) survive
ถาม มีชีวิตหรือคงอยู่ต่อไป
ตอบ 4 (มีชีวิตอยู่ต่อไป, รอด) 1. แทนที่
2. ประสบ,พบ 3. สะท้อนให้เห็น

APR2101 สารสนเทศและการสื่อสารทางธุรกิจ ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2553

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2553
ข้อสอบกระบวนวิชา APR2101สารสนเทศและการสื่อสารทางธุรกิจ
คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 80 ข้อ)
Reading Comprehension (การอ่านเพื่อความเข้าใจ)

Scotland is famous for its golf courses, and many Scottish people think of golf as a truly Scottish sport. The game did not start in Scotland, however, it was first played in Holland in the fourteenth century and only later

ประเทศสกอตแลนด์มีชื่อเสียงในเรื่องหลักสูตรการเล่นกอล์ฟ และชาวสกอตจำนวนมากคิดว่ากอล์ฟเป็นเหมือนกีฬาของชาวสกอตอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม การเล่นกอล์ฟไม่ได้เริ่มต้นในประเทศสกอตแลนด์ มันได้เล่นเป็นครั้งแรกในประเทศฮอลแลนด์ในศตวรรษที่ 14 และต่อมา

1. did it become____________
(1) populat with the Dutch
(2) populat in Scotland
(3) a real sport
(4) an Onlympic sport
ถาม มันกลายเป็น
ตอบ 2 (กีฬาที่ได้รับความนิยมในประเทศสกอตแลนด์เท่านั้น)
1. เป็นที่นิยมของชาวดัตช์
3. กีฬาที่แท้จริง
4. กีฬาโอลิมปิก

2. fourteenth century mean_______
(1) 14th decade
(2) year 1301-1400
(3) year 1401-1500
(4) 1 & 3 are correct
ถาม ศตวรรษที่ 14 หมายถึง________
ตอบ 2 (ช่วงปี 1301 – 1400)
1. 14 ทศวรรษ
3. ช่วงปีที่ 1401 – 1500
4. ข้อ 1 และ 3 ถูกต้อง

3. Which statement is true ?
(1) Golf first played in Holland in 1405.
(2) Scotland has many golf courses.
(3) Golf is a famous sport for Scottish.
(4) Golf course is popular in Holland.
ถาม ข้อความใดที่ถูกต้อง
ตอบ 3 (กอล์ฟเป็นกีฬาที่มีชื่อเสียงสำหรับชาวสกอตแลนด์)
1. กีฬากอล์ฟเล่นเป็นครั้งแรกในประเทศฮอลแลนด์ในปี 1405
2. ประเทศสกอตแลนด์มีหลักสูตรการเล่นกอล์ฟจำนวนมาก
4. หลักสูตรการเล่นกอล์ฟได้รับความนิยมในประเทศฮอลแลนด์

4. The word “famous for” means________
(1) popular
(2) old for
(3) called
(4) well known as
ถาม คำว่า “famous for” (มีชื่อเสียง) หมายถึง ______
ตอบ 4 (well known as หมายถึง เป็นที่รู้จักกันดี)
1. ได้รับความนิยม 2. เก่าแก่สำหรับ 3. เรียก

5. “truly…sport” means_______
(1) popular sport
(2) unique sport
(3) old sport
(4) ancient sport
ถาม “truly…sport” (กีฬา…โดยแท้จริง) หมายถึง______
ตอบ 2 (กีฬาเพียงหนึ่งเดียว)
1. กีฬาที่ได้รับความนิยม
3.กีฬาในยุคเก่า
4. กีฬาในสมัยโบราณ

The dog was the first domesticated animal. Very early in human history, people realized that a dog could help with hunting and could protect them against dangerous wild animals. They also realized that dogs were good company, and so they began to keep them as pets.

สุนัขเป็นสัตว์ที่ถูกนำมาเลี้ยงให้เชื่องเป็นประเภทแรก ในยุคแรก ๆ ของประวัติศาสตร์มนุษย์ผู้คนตระหนักว่าสุนัขสามารถช่วยในการล่าสัตว์และสามารถปกป้องพวกเขาจากสัตว์ป่าที่อันตรายได้นอกจากนี้พวกเขายังได้ตระหนักว่าสุนัขเป็นเพื่อนที่ดี ดังนั้นพวกเขาเริ่มเลี้ยงสุนัขเหมือนเป็นสัตว์เลี้ยง

6. We can say that dog is man’s best friend and his _______
(1) worst enemy.
(2) only friend.
(3) latest friend.
(4) oldest friend.
ถาม เราสามารถกล่าวได้ว่าสุนัขเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์และเป็น_____ของมนุษย์
ตอบ 4 (เพื่อนที่เก่าแก่ที่สุด) 1. ศัตรูที่เลวร้ายที่สุด 2. เพื่อนเท่านั้น 3. เพื่อนล่าสุด

7. What is the phrase “domesticated animal” means ?
(1) pest
(2) tame animal
(3) wild animal
(4) hunting animal
ถาม วลีที่ว่า “domesticated animal” (สัตว์ที่ถูกนำมาเลี้ยงให้เชื่อง) หมายถึงอะไร
ตอบ 2 (สัตว์ที่เลี้ยงให้เชื่อง) 1. สัตว์เลี้ยง 3. สัตว์ป่า 4. สัตว์สำหรับใช้ล่า

8. What is the phrase “good company” means ?
(1) rich company
(2) successful company
(3) good friend
(4) good for selling
ถาม วลีที่ว่า “good company” (เพื่อนที่ดี) หมายถึงอะไร
ตอบ 3 (เพื่อนที่ดี) 1. เพื่อนที่ร่ำรวย
2. เพื่อนที่ประสบความสำเร็จ 4. ดีสำหรับการขาย

9. The word “them” in line 2 refers to _______
(1) wild animal
(2) people
(3) pets
(4) company
ถาม คำว่า “them” ในบรรทัดที่2 อ้างอิงถึง ________
ตอบ 2 (ผู้คน) 1. สัตว์ป่า 3. สัตว์เลี้ยง 4. เพื่อน

10. What is the main idea of the above paragraph ?
(1) The first friend of human is dogs.
(2) The dog was the first domesticated animal.
(3) The dog can protect you from wild animal.
(4) The dog is good for hunting too.
ถาม ใจความสำคัญของย่อหน้าข้างต้นคืออะไร
ตอบ 2 (สุนัขเป็นสัตว์ที่ถูกนำมาเลี้ยงให้เชื่องเป็นประเภทแรก)
1.เพื่อนเริมแรกของมนุษย์คือ สุนัข
3. สุนัขสามารถปกป้องคุณจากสัตว์ป่าได้
4. สุนัขสามารถใช้ในการล่าสัตว์ได้ดีอีกด้วย

Evergreen trees do not lose their leaves in the autumn like many other kinds of trees. The fact that they do not seem to die in winter gives them special meaning in some places. In Italy, for example, evergreen trees are associated with the idea of life after death. For this reason, Italians plant evergreen….

ต้นสน (ต้นไม้ที่เขียวชอุ่มตลอดปี) จะไม่ผลัดใบของมันในฤดูใบไม้ร่วงเหมือนกับต้นไม้ประเภทอื่น ๆ ข้อเท็จจริงที่ว่ามันดูเหมือนไม่ตายในฤดูหนาว ทำให้มันมีความหมายพิเศษในสถานที่บางแห่งตัวอย่าง เช่น ในประเทศอิตาลี ต้นสนจะมีความเกี่ยวข้องกับความคิดในเรื่องชีวิตหลังความตาย ด้วยเหตุผลนี้ชาวอิตาลีจึงมักปลูกต้นสนไว้…

11. For this reason, Italians often plant evergreen______
(1) in cemeteries.
(2) along streets.
(3) in long lines
(4) in gardens.
ถาม ด้วยเหตุผลนี้ชาวอิตาลีจึงมักปลูกต้นสนไว้________
ตอบ 1 (ในสุสานฝังศพ : ความเขียวชอุ่มตลอดปีของต้นสนเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตที่ไม่มี วันดับสิ้นและรอการกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง
2. ตามข้างถนน 3. ในแนวยาว 4. ในสวน

12. Why the evergreen tree has special meaning in some places ?
(1) Because it is beautiful.
(2) Because it never die.
(3) Because it associate with lift
(4) Because it will not die in winter.
ถาม ทำไมต้นสนจึงมีความหมายพิเศษในสถานที่บางแห่ง
ตอบ 4 (เพราะมันจะไม่ตายในฤดูหนาว) 1. เพราะมันมีความสวยงาม
2.เพราะมันไม่เคยตาย 3. เพราะมันเกี่ยวข้องกับชีวิต

13. Why they called this tree “evergreen trees” ?
(1) They won’t die in winter.
(2) They won’t die in autumn.
(3) They always green.
(4) They do not loose their leaves
ถาม ทำไมพวกเขาจึงเรียกต้นไม้นี้ว่า “evergreen trees” (ต้นสนหรือต้นไม้ที่เขียวชอุ่ม ตลอดปี)
ตอบ 3 (พวกมันจะเขียวชอุ่มอยู่เสมอ) 1. พวกมันจะไม่ตายในฤดูหนาว
2.พวกมันจะไม่ตายในฤดูใบไม้ร่วง 4. พวกมันไม่มีใบหลุดร่วง

14. The word “associated with” means _______
(1) attach with
(2) apart from
(3) along with
(4) parallel to
ถาม คำว่า “associated with” (มีความเกี่ยวข้องกับ) หมายถึง_______
ตอบ 1 (เกี่ยวข้องกับ) 2. นอกเหนือจาก 3. ตามด้วย 4. เท่าเทียมกับ

15. The word “the fact that” means________
(1) It always like that
(2) What is like that
(3) the evident that
(4) in fact
ถาม คำว่า “the fact that” (ข้อเท็จจริงที่ว่า) หมายถึง_______
ตอบ 4 (แท้ที่จริงแล้ว) 1. มันมักจะเป็นอย่างนั้น
2.สิ่งที่เหมือนกันก็คือว่า 3. พิสูจน์ว่า

Elephants are the largest land animal in the world. Whales are the largest sea animal. These two huge animal may, in fact, come from the same biological family. Biologists now believe that the ancestors of elephants once lived in the sea, like whales. There is plenty of evidence to support this idea. For example, the shape of an elephant’s head is similar to a whale’s. Another similarity is in the fact that both animal are excellent swimmers. Some elephants have chosen to swim for food to island up to 300 miles away. Like the whale, the elephants uses sounds to show anger or for other kinds of communication. Finally, female elephants and female whales stay close to other females and help them when they give birth.

ช้างเป็นสัตว์บกที่ใหญ่ที่สุดในโลก วาฬเป็นสัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุด แท้ที่จริงแล้ว สัตว์ขนาดใหญ่ทั้ง 2 ประเภทนี้อาจจะมาจากสายพันธุ์เดียวกัน ในปัจจุบันนักชีววิทยาเชื่อว่า ครั้งหนึ่งบรรพบุรุษของช้างเคยอาศัยอยู่ในทะเลเช่นเดี่ยวกับวาฬ มีหลักฐานจำนวนมากที่สนับสนุนความคิดนี้ ตัวอย่างเช่น รูปร่างของหัวช้างมีลักษณะคล้ายกับหัวของวาฬ ความเหมือนอีกอย่างหนึ่งคือ ความจริงที่ว่าสัตว์ทั้งสองชนิดนี้เป็นนักว่ายน้ำที่ยอดเยี่ยม ช้างบางตัวเลือกที่จะว่ายน้ำไปหาอาหารยังเกาะต่าง ๆ ที่อยู่ห่างจากฝั่งถึง 300 ไมล์เช่นเดียวกับวาฬ ช้างจะใช้เสียงเพื่อแสดงถึงความโกรธหรือใช้ติดต่อสื่อสารในลักษณะอื่น ๆ ท้ายที่สุดนี้ทั้งช้างและวาฬตัวเมียจะอาศัยอยู่ใกล้กับตัวเมียตัวอื่น ๆ และช่วยเหลือกันเมื่อพวกมันคลอดลูก

16. Which is the best topic for the above passage ?
(1) How elephants are good swimmer.
(2) The largest animal in the world.
(3) How elephants and whales are alike.
(4) Elephant is the same as whale.
ถาม ข้อใดคือหัวเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับเนื้อเรื่องข้างต้น
ตอบ 3 (ช้างและวาฬคล้ายกันอย่างไร) 1. ช้างเป็นนักว่ายน้ำที่เก่งได้อย่างไร
2.สัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก 4. ช้างเหมือนกับวาฬ

17. How many evidence does the writer gave to support the idea of similarity ?
(1) 2 evidences
(2) 3 evidences
(3) 3 evidences
(4) single evidence
ถาม มีหลักฐานกี่ประการที่ผู้เขียนยกขึ้นมาสนับสนุนแนวคิดในเรื่องความคล้ายกัน
ตอบ 3 (4 ประการ) 1. 2 ประการ 2. 3 ประการ 4. มีประการเดียว

18. What did both elephants and whales use to communicate ?
(1) sound
(2) gesture
(3) eyes
(4) both gesture and eyes
ถาม ทั้งช้างและวาฬใช้อะไรในการติดต่อสื่อสาร
ตอบ 1 (เสียง) 2. การแสดงกิริยาท่าทาง 3.สายตา
4. ทั้งการแสดงกิริยาท่าทางและสายตา

19. What is the meaning of the word “ancestors” in line 3 means ?
(1) grand parents
(2) brother & sister
(3) father and mother
(4) son & daughter
ถาม ความหมายของคำว่า “ancestors” (บรรพบุรุษ) ในบรรทัดที่ 3 คืออะไร
ตอบ 1 (ปู่ย่าตายาย) 2. พี่ชายและน้องสาว 3. พ่อและแม่ 4. ลูกชายและลูกสาว

20. The word “stay close to other” in line 8 means________
(1) do not want top stay with
(2) want to stay with
(3) stay near the other
(4) stay far from the others
ถาม คำว่า “stay close to other” (อาศัยอยู่ใกล้กับตัวอื่น) ในบรรทัดที่ 8 หมายถึง _____
ตอบ 3 (อาศัยอยู่ใกล้กับตัวอื่น)
1. ไม่ต้องการอาศัยอยู่ข้างบนกับ
2.ต้องการอาศัยอยู่กับ
4. อาศัยอยู่ห่างจากตัวอื่น

For many people, sitting still for a long time is one of the worst things about flying. Now doctors are discovering that there are good reasons to be unhappy about sitting still on long flights. In fact, it is not good for you at all : The blood in your legs does not flow well and you are more likely to get a blood clot (a small lump) in your leg. The clot may cause swelling and pain in the leg because the blood cannot flow past it. More serious problems can develop if part of a clot breaks off and travels to the lung. In this case, there is even the risk of death. To avoid risk, doctors recommend moving around as much as possible during a flight. Of course, you cannot stand up often or walk continually around the plane. But you can help the blood flow in your body by doing special exercises at your seat. Many airline companies now include instructions for these exercises in their in-flight magazines.

สำหรับผู้คนจำนวนมาก การนั่งนิ่ง ๆ เป็นเวลานานถือเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดข้อหนึ่งของการเดินทางโดยเครื่องบิน ในปัจจุบันแพทย์ได้ค้นพบว่ามีเหตุผลดี ๆ หลายประการที่อธิบายถึงความทุกข์ที่เกิดขึ้นจากการนั่งนิ่ง ๆ ในเที่ยวบินที่ใช้เวลานาน แท้ที่จริงแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับคุณทั้งหมด กล่าวคือ เลือดในขาของคุณจะไหลหมุนเวียนไม่ดีนักและคุณจะรู้สึกเหมือนว่าเลือดในขาของคุณจับตัวเป็นก้อน (ลิ่มเลือดก้อนเล็ก ๆ) ซึ่งก้อนเลือดนี้อาจเป็นสาเหตุทำให้ขาบวมและปวดขา เพราะเลือดไม่สามารถไหลลงไปที่ขาได้ ปัญหาที่แย่กว่านี้สามารถขยายออกไปได้อีกถ้าส่วนของก้อนเลือดนี้แตกออกและเคลื่อนไปยังปอด ในกรณีนี้อาจจะมีความเสี่ยงถึงตายได้ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงนี้แพทย์จะแนะนำให้ทำการขยับตัวไปมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในระหว่างบิน แน่นอนที่สุด คุณคงไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้บ่อย ๆ หรือเดินไปรอบ ๆ ภายในเครื่องได้ตลอด แต่คุณสามารถช่วยให้เลือดไหลเวียนในร่างกายของคุณได้โดยการออกกำลังกายที่มีรูปแบบเฉพาะที่เก้าอี้ของคุณ ตอนนี้บริษัทสายการบินหลายแห่งได้รวมเอาคำแนะนำสำหรับการออกกำลังกายเหล่านี้ไว้ในนิตยสารประจำเครื่องบินของพวกเขาด้วย

21. What is the appropriate topic for the above passage ?
(1) Sitting Still
(2) Blood Flow
(3) Blood clot
(4) Risk of Death
ถาม ชื่อเรื่องที่เหมาะสมสำหรับเนื้อเรื่องข้างต้นนี้คืออะไร
ตอบ 1 (การนั่งนิ่ง ๆ)
2. การไหลเวียนของเลือด
3.อาการเลือดจับตัวเป็นก้อน
4. ความเสี่ยงถึงตาย

22. What is the worst things about flying ?
(1) blood clot
(2) sitting still
(3) blood flow
(4) moving around
ถาม อะไรเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดของการเดินทางโดยเครื่องบิน
ตอบ 2 (การนั่งนิ่ง ๆ) 1.อาการเลือดจับตัวเป็นก้อน
3.การไหลเวียนของเลือด 4. การขยับตัวไปมา

23. Which is the best way to avoid risk when you have ling flight ?
(1) moving around
(2) reading in-flight magazine
(3) stand up
(4) walking continually
ถาม ข้อไหนเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเมื่อคุณเดินทางในเที่ยวบินที่ใช้เวลานาน
ตอบ 1 (การขยับตัวไปมา) 2. การอ่านนิตยสารประจำเครื่องบิน
3.การลุกขึ้นยืน 4. การเดินอย่างต่อเนื่อง

24. What is the meaning of the word “swelling” in line 5 ?
(1) no feeling
(2) get hurt
(3) getting bigger with pain
(4) stress
ถาม ความหมายของคำว่า “swelling” (บวม)ในบรรทัดที่ 5 คืออะไร
ตอบ 3 (ขยายใหญ่ขึ้นด้วยความปวด) 1. ไม่มีความรู้สึก
2.ได้รับบาดเจ็บ 4. ความเครียด

25. The phrase “travels to the lung” means________
(1) visit the lung
(2) flow to the lung
(3) travel by plane to the lung
(4) travel with the lung
ถาม วลีที่ว่า “travels to the lung” (เคลื่อนไปยังปอด) หมายถึง ________
ตอบ 2 (ไหลเข้าสู่ปอด) 1.ไปหาปอด
3.เดินทางโดยเครื่องบินไปยังปอด 4. เดินทางพร้อมกับปอด

When Christopher Columbus sailed west from Spain in 1492, he dreamed of reaching Asia. He did not know there were other continents between Europe and Asia or that the land he found was America. He never realized his mistake, and when he died he still believed that…

26. the land he found was ______ .
(1) Asia
(2) America
(3)Spain
(4) another continent
ถาม ดินแดนที่เขาพบก็คือ
ตอบ 1 (ทวีปเอเชีย) 2. ทวีปอเมริกา 3. สเปน 4. อีกทวีปหนึ่ง

27. Which statement is true ?
(1) Columbus slept and dreamed that he reached Asia.
(2) America continent was in the middle between Asia and Europe.
(3) His belief made Columbus died.
(4) Asia was in the west of Spain.
ถาม ข้อความใดถูกต้อง
ตอบ 2 (ทวีปอเมริกาอยู่ตรงกลางระหว่างทวีปเอเชียและทวีปยุโรป)
1.โคลัมบัสนอนหลับและฝันว่าเขาได้ไปถึงทวีปเอเชีย
3.ความเชื่อของเขาทำให้โคลัมบัสเสียชีวิต
4.ทวีปเอเชียอยู่ทางภาคตะวันตกของสเปน

28. Which statement is true ?
(1) Asia was in the east of Spain.
(2) West of America is Europe.
(3) West of Europe is Asia.
(4) East Europe is America.
ถาม ข้อความใดที่ถูกต้อง
ตอบ 1 (ทวีปเอเชียอยู่ทางทิศตะวันออกของสเปน)
2.ทิศตะวันตกของทวีปอเมริกาคือทวีปยุโรป
3.ทิศตะวันตกของทวีปยุโรปคือทวีปเอเชีย
4.ทางด้านยุโรปตะวันออกคือทวีปอเมริกา

29. Which statement is true ?
(1) Columbus hoped to landing Asia.
(2) Reaching Asia was only a dream.
(3) He knew America before Asia.
(4) He thought that he was right.
ถาม ข้อความใดถูกต้อง
ตอบ 4 (เขาคิดว่าเขาถูก)
1.โคลัมบัสคาดหวังที่จะลงจอดที่ทวีปเอเชีย
2.การไปให้ถึงทวีปเอเชียเป็นแค่เพียงความฝัน
3.เขารู้จักทวีปอเมริกาก่อนทวีปเอเชีย

30. What is Columbus mistake ?
(1) He thought that Asia was America.
(2) He thought that the land in his dream was Asia.
(3) He thought that America was Asia.
(4) He found America.
ถาม ความผิดพลาดของโคลัมบัสคืออะไร
ตอบ 3 (เขาคิดว่าทวีปอเมริกาคือทวีปเอเชีย)
1.เขาคิดว่าทวีปเอเชียคือทวีปอเมริกา
2.เขาคิดว่าดินแดนในความฝันของเขาก็คือทวีปเอเชีย
4.เขาค้นพบทวีปอเมริกา

For many years, alligator skin was popular in the United States for making fashionable shoes and handbags. From 1870 to 1965, at least 10 million alligators were killed in the United States for their skins. Then, in 1967, the government passed laws against hunting alligators. After that, the alligator population began to grow again. Now there are…

เป็นเวลาหลายปี หนังจระเข้เป็นที่นิยมในสหรัฐอเมิรกาในการนำไปผลิตเป็นรองเท้าหรือกระเป๋าถือของผู้หญิงตามแฟชั่น นับตั้งแต่ปี 1870 ถึง 1965 จระเข้อย่างน้อยที่สุด 10 ล้านตัว ถูกฆ่าในสหรัฐอเมริกาเพื่อเอาหนังของมัน ดังนั้นในปี 1967 รัฐบาลจึงออกกฎหมายห้ามการล่าจระเข้ หลังจากนั้นประชากรของจระเข้ก็เริ่มเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ในปัจจุบันมี……

31. Now there are _______
(1) more alligators in the United States.
(2) fewer alligators than they were in 1967.
(3) more alligators skin for making shoes and purses.
(4)nearly 2 million alligators in the United States.
ถาม ในปัจจุบันมี…….
ตอบ 4 (จระเข้เกือบ 2 ล้านตัวในสหรัฐอเมริกา)
1.จระเข้มากขึ้นในสหรัฐอเมริกา
2.จระเข้น้อยกว่าที่มีในปี 1967
3.หนังจระเข้เพื่อผลิตเป็นรองเท้าและกระเป่าเงินมากขึ้น

32. Why the US Government had to established alligator hunting law ?
(1) The people like their skins.
(2) Too many were killed.
(3) They made too much shoes.
(4) to establish proper process.
ถาม ทำไมรัฐบาลของสหรัฐ ฯ ต้องกำหนดกฎหมายเกี่ยวกับการล่าจระเข้
ตอบ 2 (มีจระเข้จำนวนมากเกินไปที่ถูกฆ่า)
1. ผู้คนชอบหนังของมัน
3.พวกเขาผลิตรองเท้ามากเกินไป
4. เพื่อกำหนดเป้นขั้นตอนที่เหมาะสม

33. Which statement is true ?
(1) More than 10 million alligators were killed from 1870 to 1965.
(2) 10 million alligators were killed from 1870 to 1965.
(3) Only 10 million alligators were killed in America.
(4) No more alligators were killed after 1965.
ถาม ข้อความใดถูกต้อง
ตอบ 1 (จระเข้จำนวนมากกว่า 10 ล้านตัวถูกฆ่านับตั้งแต่ปี 1870 ถึง 1965 : คำว่า least หมายถึง อย่างน้อยที่สุด ก็แสดงว่า จำนวนจระเข้ที่ถูกฆ่าต้องมีมากว่า 10 ล้านตัวขึ้นไป)
2.จระเข้จำนวน 10 ล้านตัวถูกฆ่านับตั้งแต่ปี 1870 ถึง 1965
3.มีจระเข้เพียง 10 ล้านตัวเท่านั้นที่ถูกฆ่าในอเมริกา
4.ไม่มีจระเข้ถูกฆ่าอีกต่อไปหลังจากปี 1965

34. The word “passed laws” has the same meaning as_______
(1) old law
(2) given-up law
(3) established law
(4) cancelled law
ถาม คำว่า “passed laws” (ออกฎหมาย) มีความหมายเหมือนกับ_______
ตอบ 3 (กำหนดหรือร่างกฎหมาย) 1. กฎหมายเก่า
2.กฎหมายที่ถูกเลิกใช้ไปแล้ว 4. ระงับกฎหมาย

35. The word “alligator population” has the same meaning as________
(1) alligator baby
(2) alligator family
(3) alligator become popular
(4) alligator number
ถาม คำว่า “alligator population” (ประชากรของจระเข้) มีความหมายเหมือนกับ_______
ตอบ 4 (จำนวนจระเข้) 1. ลูกจระเข้ 2. พันธุ์จระเข้ 3.จระเข้เป้นที่นิยม

Complete the following statements.
จงเติมคำเพื่อทำให้ข้อความต่อไปนี้สมบูรณ์

Alternative for question number 36. – 39.
(1) Version
(2) plan
(3) wage
(4) pure

The economist acknowledged that his___36.___ is unlikely to be used in its __37.___ form, but says that even a modified ____38.___ would be good for the America economy. Companies, for example, could guarantee a base ____39.____ and then offer variable bonuses that would be a share of profits or revenues.

นักเศรษฐสาสตร์ได้ยอมรับว่า 36. (2) แผนการของเขาไม่เหมือนกับที่ถูกใช้ในรูปแบบ 37. (4)ที่เป็นอุดมคติของมัน แต่เขาได้กล่าวว่ามันเป็น 38. (1) รูปแบบใหม่ที่ปรับปรุงแล้ว ซึ่งน่าจะดีสำหรับเศรษฐกิจของอเมริกา ตัวอย่างเช่น บริษัทต่าง ๆ สามารถรับรองในเรื่องฐาน 39. (3) เงินเดือน และเสนอโบนัสที่แตกต่างกันซึ่งน่าจะเป็นส่วนแบ่งของผลกำไรหรือรายได้

36. ตอบ 2 (แผนการ)

37. ตอบ 4 (ที่บริสุทธิ์, ที่เป็นอุดมคติ)

38. ตอบ 1 (รูปแบบใหม่)

39. ตอบ 3 (เงินเดือน)

Alternative for question number 40. – 43.
(1) As much as
(2) can
(3) that
(4) also

He 40. Cites Japan’s economy as proof 41. A share system 42. Work.in many Japanese corporations. 43. Half of a worker’s pay comes in the in the form of a bonus or revenues.

นอกจากนี้เขา 40.(4) ยังอ้างเศรษฐกิจชองญี่ปุ่นเพื่อเป็นการพิสูจน์ 41.(3) ว่า ระบบการแบ่งปันผลกำไร 42.(2)สามารถใช้ได้ดี ในหลาย ๆ บริษัทของญี่ปุ่นพบว่า 43.(1) มากเท่ากับครึ่งหนึ่งของค่าจ้างที่จ่ายให้แก่พนักงานได้เริ่มใช้นี้รูปแบบของเงินโบนัสหรือรายได้

(1)Linked
(2) sharing
(3) quality
(4) hard

This makes the Japanese work 44. And strive for 45. because some of their pay is 46. To the company’s fortunes. Widespread use of profit 47. , says Weitzman, is one part of the Japanese success story that the U.S. can easily and profitably imitate.

สิ่งนี้ทำให้ชาวญี่ปุ่นทำงาน 44. (4) หนัก และพยายามแข่งขันกันในเรื่อง 45. (3) คุณภาพ ทั้งนี้เพราะค่าใช้จ้างบางส่วนของพวกเขาจะ 46. (1) เกี่ยวโยงกับสิ่งที่กำหนดความสำเร็จของบริษัท Weitzman ได้กล่าวว่าการใช้ 47. (2) การแบ่งปันผลกำไรอย่างแพร่หลายนั้นเป้นส่วนหนึ่งของเรื่องราวความสำเร็จของชาวญี่ปุ่นที่สหรัฐอเมริกาสามารถลอกเลียนแบบได้โดยง่ายและเป็นประโยชน์

40. ตอบ 4 (หนัก)
41. ตอบ 3 (คุณภาพ)

42. ตอบ 1 (เกี่ยวโยงกับ)

43. ตอบ 2 (การแบ่งปัน)

Part of Speech (ชนิดของคำ)

Which of the following chart are true and which are false.
จากตารางต่อไปนี้จงพิจารณาว่าข้อใดถูกและข้อใดผิด
If true paints 1 If false paints 2
ถ้าถูก ให้ระบายตัวเลือกที่ 1 ถ้าผิด ให้ระบายตัวเลือกที่ 2
No. Noun Verb Adjective Adverb
48. beauty to beautify beautiful beautifully
49. creative to create creatively creation
50. crowd to crowd crowded –
51. differ to different differently difference
52. difficulty to difficult –
48. ตอบ 1 (ถูก)
49. ตอบ 2 (ผิด) ที่ถูกต้องคือ creation (n.), to create (v.), creative (adj.), และ creatively (adv.)
50. ตอบ 1 (ถูก)
51. ตอบ 2 (ผิด) ที่ถูกต้องคือ difference (n.), to differ (v.), different (adj.) และ differently (adv.)

52. ตอบ 2 (ผิด) ที่ถูกต้องคือ difficulty (n.) และ difficult (adj.)
Inferences (การวิเคราะห์สรุปความ)
Directions : Based on the situation given, choose the best inference.
คำสั่ง : จากสถานการณ์ที่ให้มา จงเลือกการวอเคราะห์สรุปความที่ดีที่สุด

53. If you see a woman wearing a diamond necklace and a large diamond ring, you may infer that she is probably ______.
(1) wealthy
(2) beautiful
(3) over-dressed
(4) poor
ถาม ถ้าคุณเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมสร้อยเพชรและสวมแหวนเพชรเม็ดใหญ่วงหนึ่ง คุณอานสรุปได้ว่าเธอ น่าจะ _______
ตอบ 1 (ร่ำรวย)
2. สวยงาม
3. สวมใส่เสื้อผ้าที่เป็นทางการ
4. ยากจน

54. A woman enters her office building, past a group of fellow employees without returning their greetings, and goes into her office, slamming the door.
(1) The woman has just been fired from her job.
(2) The woman is very angry at her boss.
(3) The woman is in a bad mood.
(4) The woman has a lot of work to do this morning.
ถาม ผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาที่อาคารสำนักงานของเธอ เดินผ่านกลุ่มของเพื่อนร่วมงานโดยไม่ได้กล่าวตอบกลับคำทักทายของพวกเขา และเดินตรงไปยังที่ทำงานของเธอ แล้วปิดประตูดังปัง
ตอบ 3 (ผู้หญิงคนนี้อยู่ในช่วงอารมณ์เสีย)
1. ผู้หญิงคนนี้เพิ่งถูกไล่ออกจากงาน
2.ผู้หญิงคนนี้รู้สึกโกรธเจ้านายของเธออย่างมาก
4.ผู้หญิงคนนี้มีงานให้ทำมากมายในช่วงเช้านี้

Directions : Read this paragraph and choose the best inference.
คำสั่ง : จงอ่านย่อหน้านี้ และเลือกการสรุปความที่ดีที่สุดให้

Dear Khun Pornchai,
Thank you very much for inviting me to make a speech on “Organization Planning” at 2.00 p.m. on July 19, 2010 to the 4th year students at your Faculty. I regret that I have a very important to attend at that time on the date.
However, I do hope that I will have another opportunity to talk to all of you in the near future.
Sincerely yours,

ถึงคุณพรชัย
ขอบคุณอย่างมากสำหรับการเชิญผมมากล่าวสุนทรพจน์ในเรื่อง “การวางแผนองค์การ” ในช่วงเวลา 14.00 น. ของวันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ. 2010 ให้กับนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ที่คณะของคุณ แต่ผมต้องขอแสดงความเสียใจด้วยว่าผมมีการประชุมที่สำคัญอย่างมากที่ต้องไปเข้าร่วมในช่วงเวลาและวันเดียวกันนั้น
อย่างไรก็ตาม ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผมจะมีโอกาสอีกครั้งในการเข้าไปพูดคุยกับพวกคุณทั้งหมดในอนาคตอันใกล้นี้ด้วยความจริงใจ

55. It is implied but not stated in the paragraph that the writer _______
(1) will go to make a speech to the students on July 19.
(2) cannot accept the invitation to make a speech on July 19.
(3) will have to attend a very important meeting on July 19.
(4) is available for that invitation.
ถาม มันมีการบอกเป็นนัยแต่ไม่ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนในย่อหน้าว่าผู้เขียน_______
ตอบ 2 (ไม่สามารถตอบรับการเชื้อเชิญให้ไปกล่าวสุนทรพจน์ในวันที่ 19 กรกฎาคม ได้)
(1)จะไปกล่าวสุนทรพจน์ให้นักศึกษาฟังในวันที่ 19 กรกฎาคม
(3)จะมีการเข้าร่วมประชุมที่สำคัญอย่างมากในวันที่ 19 กรกฎาคม
(4)มีเวลาว่างสำหรับการเชื้อเชิญนั้น

Word Partnership (คำที่ต้องใช้คู่กัน)
Which word in each group does not form a word partnership with the given word ?
คำใดในแต่ละกลุ่มที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบคำที่ต้องใช้คู่กันกับคำที่ให้มา

56. waste
(1) time
(2) resources
(3) information
(4) money
ถาม เสียไปโดยเปล่าประโยชน์, สิ้นเปลือง
ตอบ 3 (ข้อมูลข่าวสาร)
1.waste time = เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
2.waste resources = สิ้นเปลืองทรัพยากร
4. waste money = เสียเงินโดยใช่เหตุ

57. face
(1) trouble
(2) problem
(3) difficulty
(4) criticize
ถาม เผชิญหน้า, พบ, ยอมรับ
ตอบ 4 (วิจารณ์, วิเคราะห์ : criticize เป็นคำกริยา (v.) ซึ่งคำที่ตามหลัง face ควรเป็นคำนาม)
1. face trouble = เผชิญปัญหาหรืออุปสรรค์
2. face problem = เผชิญปัญหา
3. face difficulty = เผชิญความยุ่งยาก

58. duplicate
(1) information
(2) time
(3) work
(4) document
ถาม ทำสำเนา, ทำซ้ำอีกครั้ง
ตอบ 2 (เวลา)
1. duplicate information = ทำสำเนาข้อมูลข่าวสาร
3. duplicate work = ทำงานซ้ำอีกครั้ง
4. duplicate document = ทำสำเนาเอกสาร

59. install
(1) system
(2) factories
(3) equipment
(4) program
ถาม ติดตั้ง
ตอบ 2 (โรงงาน)
1. install system = ติดตั้งระบบ
3. install equipment = ติดตั้งอุปกรณ์
4. install program = ติดตั้งโปรแกรม

60. save
(1) money
(2) time
(3) experience
(4) life
ถาม ช่วยประหยัด, ช่วย (ชีวิต), ป้องกัน
ตอบ 3 (ประสบการณ์) 1. save money = ประหยัดเงิน, เก็บเงิน
2. save time = ประหยัดเวลา 4. save life = ช่วยชีวิต

Prefixes (การเติมคำนำหน้า)
Which is the correct prefixes ?
ข้อใดเป็นการเตอมคำนำหน้า (prefixes) ที่ถูกต้อง

61. (1) disadvantage
(2) underadvantage
(3) unadvantage
(4) inadvantage
ตอบ 1 รากศัพท์คือ advantage หมายถึง การได้เปรียบ, ข้อดีเมื่อเติม Prefix คือ dis- เป็น disadvantage หมายถึง ข้อเสีย, ทำให้เสียเปรียบ

62. (1) unpolite
(2) inpolite
(3) dispolite
(4) impolite
ตอบ 4 รากศัพท์คือ polite หมายถึง สุภาพเมื่อเติม Prefix คือ im- เป็น impolite หมายถึง ไม่สุภาพ

63. (1) inusual
(2)imusual
(3) unusual
(4) disusual
ตอบ 3 รากศัพท์คือ usual หมายถึง โดยปกติเมื่อเติม Prefix คือ un- เป็น unusual หมายถึง ผิดปกติ

64. (1) incorrect
(2) discorrect
(3) uncorrect
(4) imcorrect
ตอบ 1 รากศัพท์คือ correct หมายถึง ถูกต้องเมื่อเติม Prefix คือ in- เป็น incorrect หมายถึง ไม่ถูกต้อง

65. (1) unregular
(2) irregular
(3) imregular
(4) overregular
ตอบ 2 รากศัพท์เดิมคือ regular หมายถึง เป็นปกติ, สม่ำเสมอเมื่อเติม Prefix คือ ir- เป็น irregular หมายถึง ไม่สม่ำเสมอ, ผิดปกติ

66. (1) undercredit
(2)overdercredit
(3) uponcredit
(4) discredit
ตอบ 4 รากศัพท์เดิมคือ credit หมายถึง ความเชื่อถือ
เมื่อเติม Prefix คือ ids- เป็น discredit หมายถึง ทำให้เสียชื่อเสียง, ทำให้ไม่มีใคร เชื่อถือ

67. (1) encounter
(2) uncounter
(3) incounter
(4) overcounter
ตอบ 1 รากศัพท์เดิมคือ counter หมายถึง ตรงกันข้าม, เป็นปรปักษ์
เมื่อเติม Prefix คือ en- เป็น encounter หมายถึง ประสบ, พบ, เผชิญหน้า

68. (1) preliminary
(2) unliminary
(3)disliminary
(4) postliminary
ตอบ 1 รากศัพท์เดิมคือ liminary หมายถึง เบื้องต้น, ขั้นต้น
เมื่อเติม Prefix คือ pre- เป็น preliminary หมายถึง เบื้องต้น คำนำ

69. (1) biactive
(2) bilingual
(3) bisensor
(4) bipersonal
ตอบ 2 รากศัพท์เดิมคือ lingual หมายถึง เกี่ยวกับภาษา
เมื่อเติม Prefix คือ bi- เป็น bilingual หมายถึง ใช้ได้สองภาษา

70. (1) discrimination
(2) ilregulation
(3) antidirect
(4) underbias
ตอบ 1 รากศัพท์เดิมคือ crimination หมายถึง การฟ้อง, การกล่าวโทษเมื่อเติม Prefix คือ dis- เป็น discrimination หมายถึง การเลือกที่รักมักที่ชัง, การวิเคราะห์

Which word in each group dose not belong ? (คำใดในแต่ละกลุ่มที่ไม่เข้าพวก)
71. (1) entrepreneur
(2) lender
(3) borrower
(4) microlending
ตอบ 4 (การให้กู้เงินรายย่อย) 1. เจ้าของกิจการ 2.ผู้ให้กู้ 3. ผู้ขอกู้

72. (1) urban
(2) international
(3) globalization
(4) worldwide
ตอบ 1 (ในเมือง) 2.ระหว่างประเทศ 3.โลกาภิวัตน์ 4. ทั่วโลก

73. (1) beeper
(2) cell phone
(3) post
(4) telecommuting
ตอบ 3 (งาน) 1. เครื่องเพจเจอร์ 2. โทรศัพท์มือถือ 4. การโทรคมนาคม

Matching Word with Definition (จงจับคู่คำกับความหายของมัน)
74. the thinking of and producing of something for the first time
(1) income
(2) invention
(3) founded
(4) machine
ถาม การคิดและการผลิตบางอย่างขึ้นเป้นครั้งแรก
ตอบ 2 (การประดิษฐ์คิดค้น) 1.รายได้ 3. ก่อตั้ง 4. เครื่องจักร

75. Put money on into a business in the hopes of making a profit.
(1) invest
(2) survive
(3) salary
(4) profit
ถาม ใส่เงินลงทุนเข้าไปในธุรกิจหนึ่งโดยมีความหวังในเรื่องการทำกำไร
ตอบ 1 (การลงทุน) 2. มีชีวิตอยู่ 3. เวินเดือน 4.ผลกำไร

76. forecast
(1) predict
(2) learn and memory
(3) rearrange
(4) recruit
ถาม พยากรณ์, ทำนาย
ตอบ 1 (ทำนาย) 2.เรียนรู้และจดจำ 3. จัดเรียงใหม่ 4. รับสมัคร

77. reduce
(1) restore
(2) decrease
(3) repair
(4) rearrange
ถาม ลดลง
ตอบ 2 (ลงลง) 1.ทำให้กลับมาดีดังเดิม 3. ซ่อมแซม 4.จัดเรียงใหม่

78.majority
(1) larger number
(2) total number
(3) less number
(4) missing number
ถาม ส่วนใหญ่
ตอบ 1 (จำนวนที่มากขึ้น) 2. จำนวนรวม 3. จำนวนที่น้อยลง 4.จำนวนที่หายไป

79. rich
(1) affluent
(2) more
(3) poor
(4) less
ถาม ที่ร่ำรวย
ตอบ 1 (ที่มั่งคั่ง) 2. มากขึ้น 3. ที่ยากจน 4.น้อยลง

80. A list of what is most important.
(1) preparation
(2) period
(3) prospects
(4) priority
ถาม รายการของสิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุด
ตอบ 4 (ตามลำดับก่อนหลัง)
1. การเตรียมพร้อม
2.ระยะเวลา
3. โอกาส, ความหวังในภายหน้า

ART1003 ศิลปะวิจักษณ์ การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2551

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2551

ข้อสอบกระบวนวิชา ART 1003 ศิลปะวิจักษณ์

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว

1.         ข้อใดคือหลักสำคัญของสุนทรียภาพ 

(1) ความมีระเบียบ

(2) ความประสานกลมกลืน    

(3) ความงาม  

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 88 – 89 (S) หลักสำคัญของ สุนทรียภาพ” หรือการรู้คุณค่าในความงามนั้นมีอยู่ 3 ประการ คือ 1. ความมีระเบียบ (Order) 2. ความประสานกลมกลืน (Harmony) 3. ความงาม (Beauty)

2.         ศิลปะภาพพิมพ์มีลักษณะตามข้อใด 

(1) เขียนเป็นลายเส้น

(2) ระบายด้วยสีเอกรงค์        

(3) กดหรือประทับจากแม่พิมพ์          

(4) เขียนแล้วนำมาปะติด

ตอบ 3 หน้า 97 (ร) ศิลปะภาพพิมพ์ (Graphic Arts) มาจากภาษาลาตินว่า “Premere” ซึ่งแปลว่าการกดให้ติด” หมายถึง การสร้างรูปหรือเครื่องหมายลงบนวัสดุผิวราบใด ๆ ด้วยวิธีการกด หรือประทับจากแม่พิมพ์ ซึ่งเป็นงานศิลปะที่มีผิวพื้นแบนราบ มีลักษณะ 2 มิติ มีความกว้าง และความยาว โดยปราศจากความหนาหรือความลึก

3.         ข้อใดคืองานประติมากรรม    

(1) ผ้าลายนํ้าไหลจากเมืองน่าน

(2) วีนัส วีเลนดอร์ฟ   

(3) ภาพหญิงสาวส่องกระจกของปิกาสโซ     

(4) พีระมิด

ตอบ 2 หน้า 51 ประติมากรรมที่ทำขึ้นครั้งแรกของคนสมัยก่อนประวัติสาสตร์จะมีลักษณะกลม และสรีระส่วนต่าง ๆ ได้ขยายออกจนผิดความจริง แสดงว่าประติมากรรมที่ทำขึ้นมานี้ มีความเกี่ยวข้องกับความอุดมสมบูรณ์ เช่น พบประติมากรรมลอยตัวที่ประเทศเยอรมัน คือ วีนัส วีเลนดอร์ฟ (Venus of Willendorf) ซึ่งเป็นเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์

4.         ข้อใดคืองานนิเทศศิลป์           

(1) การออกแบบลายผ้า

(2) ลายกระเบื้องเคลือบ         (3) เครื่องปั้นดินเผา     (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 102 – 103 (S) งานนิเทศศิลป์ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับวงการธุรกิจและการโฆษณา เช่น การออกแบบหนังสือเด็ก การออกแบบเครื่องหมายสัญลักษณ์ การออกแบบลายผ้า ลายกระเบื้องเคลือบ ตลอดจนการลอกแบบผลิตภัณฑ์จำพวกเครื่องปั้นดินเผา ฯลฯ

5.         ข้อใดคือสัญลักษณ์ของความดีงามที่ศิลปินไทยในสมัยโบราณได้ปรุงแต่งขึ้นในงานจิตรกรรมฝาผนัง

(1)       ครุฑ     (2) เทพยดา     (3) อสูร            (4) คชสีห์

ตอบ 2 หน้า 44 (S) งานจิตรกรรมฝาผนังของศิลปินไทยในสมัยโบราณ มักจะสร้างสิ่งสมมุติเพื่อเป็นสัญลักษณ์ เช่น การเขียนภาพพระพุทธเจ้าขึ้นใหม่เพื่อแทนความหมายของนิพพานการเขียนรูปยักษ์มาร อสูรหรือปิศาจแทนความหมายของอวิชชาหรือสิ่งชั่วร้าย,การเขียนรูปเทพยดา เทวดา นางฟ้า แทนความหมายของความดีงาม ฯลฯ

6.         ศิลปกรรมของเชื้อชาติใดมีลักษณะศิลปะอนารยะ

(1)       จีน       (2) อินโดนีเซีย (3) หมู่เกาะทะเลใต้     (4) อินเดีย

ตอบ 3 หน้า 114 (S) ศิลปะอนารยะ เป็นศิลปะของชนชาติที่ยังไมเจริญในยุคปัจจุบัน เช่น ในบางพื้นที่ของทวีปแอฟริกา และดินแดนหมู่เกาะทะเลใต้ ฯลฯ

7.         จุดมุ่งหมายของการสร้างงานสถาปัตยกรรมอียิปต์เพื่อสิ่งใด

(1)       พระผู้เป็นเจ้า   (2) วีรบุรุษ       (3) คนที่ตายไปแล้ว     (4) ตอบแทนบุญคุณธรรมชาติ

ตอบ 3 หน้า 116 (S) สถาปัตยกรรมของอาณาจักรอียิปต์ มีจุดมุ่งหมายในการสร้างขึ้นเพื่อคนที่ตาย ไปแล้ว โดยผู้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากสถาปัตยกรรมนั้นได้ เช่น การสร้างมัสตาบา และพีระมิด ซึ่งแบ่งเป็นห้องต่าง ๆ ตามความต้องการของฟาโรห์

8.         ประติมากรรมศิลปะอียิปต์มีลักษณะอย่างไร

(1)       ชอบสลักรูปหิน            (2) ชอบแกะหินอ่อนสีชมพูเข้ม

(3) เป็นแท่งหินสี่เหลี่ยม ทึบตัน           (4) นิยมทำรูปปูนปั้น

ตอบ 3 หน้า 115 (S) ประติมากรรมของอียิปต์จะเน้นความงามด้านหน้า หรือมีลักษณะมองตรงไป ข้างหน้า แนวคางจะขนานกับเส้นพื้น ไม่ก้มไม่เงยหน้า ให้ความรู้สึกมั่นคงทึบตัน ไม่นิยมเน้นกล้ามเนื้อ ชอบตกแต่งด้วยแก้วหินสี โดยบางส่วนจะทาสีและปิดทองประดับประดาอย่างแวววาว ตระการตา อีกทั้งยังชอบถ่ายทอดรูปมนุษย์กับสัตว์อันเป็นสัญลักษณ์ของเทพเจ้าที่เคารพบูชา

9.         งานจิตรกรรมศิลปะอียิปต์แสดงออกซึ่งความงดงามอย่างไร

(1)       รูปคนมักสลับด้านกัน  (2) ไม่ได้คำนึงถึงลักษณะธรรมชาติ

(3) แสดงภาพใกล้ไกลด้วยวิธีซ้อนทับกัน        (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 118 (S) งานจิตรกรรมรูปคนของศิลปะอียิปต์มักจะสลับด้านกัน โดยไม่ได้คำนึงถึง ลักษณะตามธรรมชาติ เช่น เขียนส่วนหัวและท่อนขาจนถึงเท้าเป็นรูปด้านข้าง เขียนตาและ ทรวงอกเป็นรูปด้านหน้า ฯลฯ นอกจากนี้ยังนิยมแสดงภาพใกล้ไกลด้วยวิธีซ้อนทับกัน เช่น จิตรกรรมฝาผนังกลุ่มนางร้องไห้ในสุสานของราโมเซส เป็นต้น

10.       ชนเผ่าใดในอาณาจักรแอสซีเรียนเป็นช่างฝีมือที่ชำนาญในการออกแบบลวดลายพรม

(1)       เปอร์เซียน        (2) แสสซาเนียน          (3)       อเคเมเนียน      (4)       อินเดีย

ตอบ 1 หน้า 119 – 120 (S) ชาวเปอร์เซียนที่อยู่ทางตอนใต้ของอาณาจักรแอสซีเรียน เป็นช่างฝีมือ ที่มีความชำนาญในการถักทอ ออกแบบลวดลายพรม และเครื่องโลหะต่าง ๆ เช่น ทองคำ เงิน โดยนำมาออกแบบเป็นเครื่องประดับตกแต่งร่างกาย และสิ่งของเครื่องใช้ด้วยโลหะ

11.       ชนชาติใดได้แสดงออกทางศิลปกรรมอย่างมีเหตุผลและมีหลักเกณฑ์

(1)       อียิปต์  

(2) ซิมิติกส์      

(3)       กรีก     

(4)       เปอร์เซียน

ตอบ 3 หน้า 120 (S) ศิลปะกรีกเปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นของอารยธรรมตะวันตกที่แสดงออกทาง ศิลปกรรมอย่างมีเหตุผล ไม่ได้มุ่งสนองความเชื่อในอำนาจวิญญาณใด ๆ เชื่อในการค้นคว้า หาความจริงอย่างมีหลักเกณฑ์ อีกทั้งยังเคารพในกฎเกณฑ์ของธรรมชาติที่มีความงาม เพี่อช่วยกล่อมเกลาพัฒนารสนิยมของมวลมนุษย์

12. วัสดุประเภทใดได้ปรากฎอยู่ในโครงสร้างของงานประติมากรรมศิลปะกรีก

(1)       อิฐ        

(2) ปูนปั้น        

(3)       หินอ่อน            

(4)       ศิลาแลง

ตอบ 3 หน้า 121 (S)124 (S) งานประติมากรรมของศิลปะกรีกนอกจากจะมีความสามารถสูงในการแกะสลักวัสดุจำพวกหินต่าง ๆ และไม้แล้ว ยังนิยมใช้โลหะหล่อเป็นประติมากรรมอีกด้วย เช่น ประติมากรรมบนเงินเหรียญ นอกจากนี้ในงานสถาปัตยกรรมก็นิยมใช้หินอ่อนเนื้อละเอียด เป็นวัสดุในการถ่อสร้างวิหารด้วยเช่นกัน

13.       เสาแบบไอโอนิกของกรีก มีความงามในรูปทรงอย่างไร

(1) ป้อม มีร่องคม        

(2) สูงชะลูด หัวเสาเป็นรูปก้นหอย

(3) บาง แต่งหัวเสารูปกามเทพแบกพวงมาลัย            

(4) ใหญ่โต หัวเสาเป็นดอกปาปิรัส

ตอบ 2 หน้า 121 – 122 (S) วิหารกรีกจะมีการออกแบบตกแต่งรูปทรงของเสาเป็น 3 ลักษณะ คือ

1.         แบบดอริก จะมีลักษณะใหญ่ รูปทรงป้อม มีรองขนานกัน

2.         แบบ ไอโอนิก จะมีรูปทรงสูงชะลูด หัวเสาตกแต่งเป็นรูปวงก้นหอย มีร่องเสามากกว่าแบบดอริก

3.         แบบโครินเธียน จะมีรูปทรงบางกว่าแบบไอโอนิก ตกแต่งหัวเสาด้วยใบพืชคล้ายกับผักกาด

14.       ข้อใดคือความงามของประติมากรรมศิลปะกรีก

(1) ดวงตาใหญ่มาก มองตรงไปข้างหน้า         (2) คำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยมากกว่าความงาม

(3) เน้นความงามของรูปทรง   (4) มีปริมาตรใหญ่โต ทึบตัน

ตอบ 3 หน้า 123 – 124 (S) ศิลปกรรมกรีกในสมัยหลังจะนิยมสร้างประติมากรรมตามเทพนิยายและชีวิตจริง โดยแสดงกายวิภาคของมนุษย์และสัตว์อย่างชัดเจน เปิดเผยและเน้นความงามของ รูปทรงอย่างบริสุทธิ์โดยปราศจากเครืองนุ่งห่ม และแสดงความอ่อนหวานอย่างมีชีวิตจิตใจ มากกว่ารูปประติมากรรมในระยะแรก เช่น รูปปั้นวินัส เดอ ไมโล (Venus De Miio)ซึ่งถือเป็นผลงานชั้นเยี่ยมของกรีกที่มีความงามเป็นเลิศ

15.       วีนัส เดอ ไมโล เป็นผลงานประติมากรรมชั้นเยี่ยมของศิลปะใด

(1)       บาบิโลเนียน   (2) แอสซีเรียน (3) กรีก            (4) โรมัน

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 14. ประกอบ

16.       เอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมในศิลปะโรมันมีลักษณะอย่างไร         

(1) รูปทรงเรียบง่าย

(2)       เป็นที่สถิตของเทพเจ้า            (3) รับใช้มวลชนในสังคม        (4) เบาลอย สอบเข้าข้างบน

ตอบ 1 หน้า 126 – 127 (S) สถาปัตยกรรมของศิลปะโรมันจะมีลักษณะทึบตัน ใหญ่โต มั่นคงแข็งแรง และมีการจัดวางผังเมืองอย่างเป็นระเบียบสวยงาม นอกจากนี้ยังมีโครงสร้างและ รูปทรงแบบเรียบง่ายโดยไม่ประดับตกแต่งมากนัก ซึ่งถือเป็นการแสดงออกในลักษณะที่เป็น เอกลักษณ์ของตนเอง

17.       จิตรกรรมในสมัยโบราณสมัยก่อนประวัติศาสตร์

(1)       เราพบทั่วไปในแหล่งที่ทำการขุดค้น   (2) เราพบตามผนังถํ้า เพดานถ้ำ

(3)       เราพบตามหุบเขา แหล่งที่อยู่อาศัยของคนทั่วไป (4) เราพบในภาพวาดบนแผ่นจารึก

ตอบ 2 หน้า 49 – 51 จิตรกรรมในสมัยโบราณก่อนประวัติศาสตร์มักพบตามถ้ำ เช่น ตามผนังถ้ำ และเพดานถาที่อยู่ลึกจากปากถํ้าเข้าไป บางครั้งจึงเรียกว่า ศิลปะถ้ำ” โดยถ้ำแรกสุดที่พบ จิตรกรรมภาพเขียนของคนก่อนประวัติศาสตร์ คือ ถํ้า Allaimra ที่อยู่ทางตอนเหนือของสเปน โดยพบภาพเขียนเป็นภาพกวางตัวเมีย ส่วนที่ถํ้า Laussel ในฝรั่งเศส ได้พบภาพเขียนเป็น ภาพสัตว์ เช่น รูปม้า วัวไบซัน และกวาง           

18.       จิตรกรรมผนังถ้ำที่เก่าที่สุดเราพบที่   

(1) ทางตอนเหนือของสเปน

(2)       ทางตอนใต้ของสเปน  (3) ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส (4) ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 17. ประกอบ

19.       ศิลปะในข้อใดเป็นผลงานสูงสุดของมนุษย์

(1) ศาสนศิลปะ           (2) ศิลปะพื้นบ้าน        (3) ศิลปะถ้ำ    (4) ศิลปะบนหน้าผา

ตอบ 1 หน้า 4 (S)12 (S) ศาสนศิลปะ (Religious Art) หรืองานศิลปกรรมในลัทธิความเชื่อถือ และศาสนา ถือเป็นงานสร้างสรรค์ที่เหนือกว่างานสร้างสรรค์ด้านอื่น ๆ เพราะเป็นงานศิลปะ ที่เกิดจากความซาบซึ้งทางพุทธิปัญญา (Intellectual Appreciation) ที่มีคุณค่าเหนือกว่าศิลปะ ทั้งหลายที่มนุษย์ได้สร้างขึ้น เช่น ประติมากรรมพระพุทธรูป ภาพเขียนพุทธประวัติ หรือศาสนสถานที่สร้างขึ้นเพื่อการบูชาต่าง ๆ เป็นต้น

20.       ข้อใดเกี่ยวข้องกับความซาบซึ้งทางพุทธิปัญญา       

(1) ประติมากรรมศิลปะสุโขทัย

(2)       ภาพเขียนรูบดอกกุหลาบ

(3) ภาพเหมือนของพอล โกแกง

(4) ภาพสลักบานประตูลายพันธ์พฤกษ์

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 19. ประกอบ

21.       ข้อใดคือจุดมุ่งหมายของการเรียนวิชาศิลปะวิจักษณ์

(1) รู้คุณค่าของศิลปกรรม

(2)       วาดรูปได้ยอดเยี่ยม     

(3) รสนิยมทันสมัย      

(4) เข้าใจธรรมชาติ

ตอบ 1 หน้า 3 จุดมุ่งหมายในการเรียนวิชาศิลปะวิจักษณ์ คือ เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจและพิจารณา งานศิลปะอย่างมีเหตุผล ตลอดจนเข้าใจประวัติความเป็นมาจนสามารถวิเคราะห์และสังเคราะห์ งานศิลปะได้ กล่าวคือ เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งสวยง พื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เกิด ทัศนคติที่ดี รู้จักคุณค่าของศิลปกรรม และยังเป็นการเสริมสร้างความรู้ความเข้าไจ อย่างมีหลักการจนสามารถรู้วิธีการเบื้องต้นในการอนุรักษ์ศิลปกรรมของชาติได้

22.       ความรู้สึกทางด้านความงามของมนุษย์เกิดขึ้นเมื่อใด

(1) พร้อมกับมนุษย์      

(2)       ยุคหินเก่า        

(3) ยุคหินใหม่  

(4) มีการก่อสร้างเทวาลัย

ตอบ 1 หน้า 1 (S) ความรู้สึกทางด้านความงาม นับเป็นธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนที่มีติดตัวมาแตกำเนิด เพียงแต่จะมีความแตกต่างกันในด้านการแสดงออกเท่านั้น จึงเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า จุดเริ่มต้นของศิลปะได้กำเนิดขนมาพร้อมกับมนุษย์

23.       ความซาบซึ้งทางสุนทรียรสเกียวข้องกับข้อใด

(1) ความรัก     

(2)       ความดี 

(3) ความงาม   

(4) ความเชื่อถือ

ตอบ 3 หน้า 3 (S)12 – 13 (ร) สุนทรียรสหรือรสของศิลปะจะก่อให้เกิดความรู้สึกซาบซึ้งในสุนทรียภาพ หรือความงามของศิลปะ ซึ่งนับเป็นความเข้าใจที่สำคัญยิ่งของมนุษย์ต่อสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว โดย มีสิ่งสำคัญ 2 ประการ คือ 1. ความซาบซึ้งทางอารมณ์ 2. ความซาบซึ้งทางพุทธิปัญญา

24.       ศิลปะประยุกต์มีจุดมุ่งหมายตามข้อใด

(1) สร้างความศรัทธา  (2)       ประโยชน์ใช้สอย         (3) ให้ความสนุกสนาน            (4) ให้ความสงบ

ตอบ 2 หน้า 8 – 93 – 4 (S) ศิลปะประยุกต์ (Applied Art) คือ งานศิลปะที่ผู้สร้างตั้งใจสร้างหรือ ประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อประโยชน์ใช้สอยอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเป็นการรู้จักนำเอาศิลปะมา ดัดแปลงให้เป็นประโยชน์แก่ชีวิตประจำวัน ซึ่งถือเป็นประโยชน์สุขทางกายของมนุษย์ เช่น เครื่องประดับ เครื่องจักร ผ้า เครื่องหนัง เครื่องเคลือบ และเครื่องใช้สอยต่าง ๆ เป็นต้น

25.       เยาวชนที่คุ้นเคยกับศิลปกรรมอันงดงามจะมีลักษณะอย่างไร

(1) กล้าหาญอดทน     (2)       มีทักษะในการติดต่อ (3) มีความคิดอ่านสุขุม  (4) ก้าวร้าว รุนแรง

ตอบ 3 หน้า 21 (S) ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้ให้ข้อคิดว่า เด็กที่คุ้นเคยกับงานศิลปะหรือได้ พบเห็นสิ่งประณีตสวยงามนั้น ต่อไปในอนาคตก็จะกลายเป็นของจำเป็นต่อชีวิตของเด็ก เพราะจะช่วยให้มีความคิดอ่านประณีตสุขุม นอกจากนี้ศิลปะก็ยังช่วยให้เยาวชนของชาติ กลายเป็นคนดีขึ้น และประพฤติปฏิบัติไปตามกฎแห่งศีลธรรม

26.       ข้อใดไม่ถูกต้อง

(1)       ศิลปะช่วยอบรมจิตใจของเราได้         (2) งานศิลปะมาจากสิ่งอกุศลหรือทุศีลก็ได้

(3)       ศิลปะเป็นสมบัติส่วนบุคศล    (4) เข้าใจศิลปะต้องเข้าใจธรรมชาติ

ตอบ 3 หน้า 6 (S)21 (S)85 (S), (ดูคำอธิบายข้อ 25. ประกอบ) การเข้าใจศิลปะจะต้องเข้าใจธรรมชาติ ซึ่งศิลปินอาจแสดงออกมาจากสิ่งที่เป็นกุศลหรืออกุศล (ทุศีล) ก็ได้ ดังนั้นผลงานทางศิลปะ จึงไม่ได้จำกัดอยู่ในวงแคบ ๆ และไม่ได้แบ่งแยกความแตกต่างของเชื้อชาติ ภาษา ผิวพรรณ หรือหน้าตา แต่ศิลปะมีความเป็นกลางหรือเป็นสากล อันเป็นสมบัติที่น่าภูมิใจของมวลชนทั่วโลก

27.       การแสดงออกด้วยการตัดทอนคืออะไร          

(1) ภาพเหมือนจริง

(2)       ไม่ลอกเลียนธรรมชาติทั้งหมด            (3) ภาพในชีวิตประจำวัน        (4) ลอกเลียนธรรมชาติ

ตอบ 2 หน้า 37 (S) การแสดงออกด้วยการตัดทอน (Distortion) เป็นการแสดงออกที่ศิลปินจะไม่ลอกเลียนธรรมชาติทั้งเหมด แต่จะเน้นเฉพาะส่วนสำคัญหรือจุดเด่นที่ก่อให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจ ส่วนที่รองลงมาหรือไม่น่าสนใจก็จะตัดทิ้งออกไปโดยไม่ถ่ายทอดออกมาให้เห็น

28.       ข้อใดไม่ใช่วิจิตรศิลป์

(1) จิตรกรรม   (2) ประติมากรรม        (3) ภาพถ่าย    (4) สถาปัตยกรรม

ตอบ 3 หน้า 8 วิจิตรศิลป์ (Fine Art) หมายถึง จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรมวรรณศิลป์ และดุริยางคศิลป์ ซึ่งเกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจของธรรมชาติ จนส่งเสริมให้ศิลปิน เกิดความคิดสร้างสรรค์ในงานศิลปะ เป็นศิลปกรรมที่ทำขึ้นจากความสัมพันธ์กันอย่างประณีต ของเส้นและมวลสิ่งหรือสิ่งที่มีความผสมกลมกลืนกันอย่างงดงาม

29.       ข้อใดคือการถ่ายทอดตามความรู้สึก

(1)       นามธรรม         (2)       เหมือนจริง       (3)       ตัดทอน            (4) ลายเส้น

ตอบ1  หน้า 1138 – 39 (S)57 – 58 (S)221 ศิลปะนามธรรม เป็นการถ่ายทอดตามความรู้สึก(Abstraction) หรือการแสดงออกในลักษณะนามธรรม ซึ่งนำเอารูปทรงต่าง ๆ ที่พบเห็นใน ธรรมชาติมาจัดเสียใหม่ โดยจัดองค์ประกอบของภาพอย่างอิสระ มีการใช้สีสันที่แสดงถึงความ มีอิสระเสรีทางอารมณ์ ตลอดจนการสร้างรูปทรงที่แปลกใหม่ไม่เหมือนธรรมชาติ เพื่อเป็นสื่อนำจิตใจให้เกิดความรู้สึกคล้อยตาม เช่น รูป หญิงสาวกำลังร้องไห้” ของปิกาสโซ เป็นต้น

30.       รูป หญิงสาวกำลังร้องไห้” ของปิกาสโซ เป็นศิลปกรรมตามข้อใด

(1) เหมือนจริง (2)       นามธรรม         (3)       ประทับใจ        (4) ป๊อบ

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 29. ประกอบ

31.       จินตนาการของช่างเขียนไทยในเรื่องไตรภูมิพระร่วงเกี่ยวข้องกับสิ่งใด

(1)       ความงามของเมือง      

(2)       นรกสวรรค์       

(3)       การนับถือศาสนา        

(4) ประวัติศาสตร์

ตอบ2 หน้า 155 ความเชื่อเรื่องนรกและสวรรค์ได้มีอิทธิพลต่อจินตนาการของช่างเขียนสมุดภาพไตรภูมิพระร่วงมาก แต่จากลักษณะของบุคคลในภาพแสดงให้เห็นว่าช่างมีอิสระทางความคิด ทำให้องค์ประกอบและการเขียนยังไม่ถูกต้องกับระบบแบบแผน เช่น เรื่องของนรกก็เป็น ความคิดส่วนตัวของช่างที่แสดงออก ดังนั้นจึงทำให้ภาพวาดมีความสวยงามและมีชีวิตจิตใจ

32.       ข้อใดคือการแสดงออกตามความเป็นจริง      

(1) ภาพหุ่นนิ่งดอกพุทธรักษา

(2)       ภาพปูนปั้นเทพธิดา    

(3) ภาพผู้คนแออัดกันในนรก  

(4) ลายเส้นจากจินตนาการ

ตอบ 1 หน้า 36 (S) การแสดงออกตามความเป็นจริง (Realism) เป็นการเปิดเผยสภาพความจริงจาก ธรรมชาติและสังคม โดยศิลปินจะแสดงความรู้สึกต่าง ๆ ตามความเข้าใจและความต้องการ เช่น ภาพวาดด้านประวัติศาสตร์ ภาพเหมือนจริงหรือหุนนิ่งที่ถอดแบบมาจากธรรมชาติอย่างชัดเจน ซึ่งอาจเป็นเรื่องราวชีวิตจริงของคน ชีวิตการทำงาน ความยากจน ฯลฯ

33.       ภาพสามมิติมีลักษณะอย่างไร

(1) แบนราบ    

(2) มีความลึกในภาพ

(3)       เส้นคมกริบดังคมมีด   

(4) รูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมคางหมู

ตอบ 2 หน้า 41221 – 222 ภาพสามมิติได้แบบอย่างการเขียนมาจากศิลปะตะวันตก ดังนั้นจึงมี ลักษณะเป็นภาพที่มีความลึกและประกอบไปด้วยสี เส้น และเงา ผิดกับภาพเขียนของศิลปะ ตะวันออกที่มักจะประกอบไปด้วยสีและเส้นเท่านั้น ท่าให้ภาพเขียนมีลักษณะเป็นรูปแบน ๆ หรือเป็นภาพสองมิติที่ไม่มีความลึก

34.       แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ศิลปะคืออะไร

(1) ธรรมชาติ   (2) ศาสนา       (3) สังคม การปกดรอง            (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 91941 (S) แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ศิลปะไมใช่มาจากธรรมชาติแต่เพียงอย่าง เดียวเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ศาสนา ความเชื่อถือ ภูมิอากาศ ภูมิประเทศ เชื้อชาติ สังคม การปกครอง และวัสดุที่ใช้ในการสร้าง ฯลฯ

35.       งานจิตรกรรมฝาผนังไทยมีลักษณะตามข้อใด

(1) ภาพสามมิติ           (2) มีระยะใกล้และไกล (3) ภาพสองมิติ         (4) เขียนซ้อนกันขึ้นไปเป็นชั้น ๆ

ตอบ 3 ดูคำอธิบาย1ข้อ 33. ประกอบ

36.       เส้นที่ดูเหมือนถูกตัดด้วยคมมีดในผลงานของปิกาสโซ ได้ความรู้สึกอย่างไร

(1) ความกลัว  (2) ความดีงาม            (3) ความสง่างาม        (4) ความรุนแรง

ตอบ 4 หน้า 53 – 54 (S) เส้นที่ปิกาสโซนำมาใช้ในภาพเกร์นิกานั้น มีลักษณะตรงซึ่งบอกถึงความ แข็งกร้าวเป็นส่วนใหญ่ แม้จะมีเส้นโค้งอยู่บ้างแต่ก็ดูแข็งแรงเหมือนเส้นที่ถูกตัดด้วยมีดคม โดยเส้นต่าง ๆ ที่มารวมกันเข้าในลักษณะพุ่งตัดเป็นกากบาทนี้ทำให้ภาพดูสับสน ยุ่งเหยิง และเป็นภาพความรุนแรงแห่งสงครามที่ทุกคนไม่ปรารถนาจะได้พบ

37.       เส้นที่ให้ความรู้สึกมั่นคง จริงจัง คือข้อใด

(1)       เส้นตั้ง (2) เส้นซิกแซ็ก            (3) เส้นเฉียง    (4) เส้นนอน

ตอบ 1 หน้า 2651 – 53 (S) ศิลปินจะต้องรู้จักนำเส้นต่าง ๆ มาใช้ให้เหมาะสมกับหน้าที่ เช่น เส้นตั้ง จะให้ความรู้สึกมั่นคง จริงจังเส้นซิกแซ็ก จะให้ความรู้สึกไม่หยุดนิ่ง ตื่นเต้น,เส้นเฉียง จะให้ความรู้สึกรวดเร็วเส้นนอน จะให้ความรู้สึกสงบ นิ่งเฉย ผ่อนคลาย,เส้นโค้งลงสู่พื้น จะให้ความรู้สึกเศร้า เหนื่อยหน่าย ฯลฯ

38.       ถ้าผู้วาดภาพขาดชีวิตจิตใจ ภาพนั้นจะดูเศร้า หากใช้เส้นในการแสดงออก หมายถึงเส้นที่มีลักษณะอย่างไร

(1) เส้นตั้งตัดกัน          (2) เส้นโค้งเป็นวงกลม

(3)       เส้นเฉียงเป็นรูปกรวย  (4) เส้นโค้งลงสู่พื้น

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 37. ประกอบ

39.       เส้น” ในศิลปกรรมไทย ศิลปินได้รับแรงบันดาลใจจากอะไร

(1)       ความสำนึกบาป          (2) ความเชื่อในเทพเจ้า           (3) ธรรมชาติ   (4)       สงคราม

ตอบ 3 หน้า 54 (Sเส้น” ในศิลปกรรมไทยนั้น ช่างไทยได้นำมาออกแบบเป็นลายไทย ลายกนก ให้เป็นศิลปะประจำชาติ ซึ่งลายไทยต่าง ๆ เหล่านี้ศิลปินได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติและได้คิดค้นปรับปรุงให้เหมาะสมกับองค์ประกอบของงานศิลปะในแบบไทย

40.       ค่าของความแตกต่างที่เกิดจากแสงและเงาคืออะไร

(1) ความเข้ม   (2) จุด  (3)       รูปร่าง  (4)       รูปทรง

ตอบ 1 หน้า 56 (S) ความเข้ม (Value) หมายถึง ค่าของความแตกต่างที่เกิดจากแสงและเงา ซึ่งคุณค่าของแสงและเงาจะช่วยให้งานศิลปะมีลักษณะเป็นแท่งหรือเป็นกลุ่มก้อน จน ทำให้เกิดเป็นภาพ 3 มิติขึ้น และก่อให้เกิดความงามในทางศิลปะ

41.       รูปทรงที่มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอนและมีโครงสร้างคือข้อใด

(1) เรขาคณิต  

(2) อินทรียรูป  

(3)       อิสระ   

(4)       ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 60 (S) รูปทรง (Form) แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ  

1. อินทรียรูป คือ รูปทรงที่มีชีวิต มีกฎเกณฑ์แน่นอน และมีโครงสร้าง

2.         รูปทรงเรขาคณิต คือ รูปทรงที่เกิดจากการสร้างของมนุษย์ให้เกิดเป็นเส้นตรง เป็นรูปมี เหลี่ยมมุม รูปวงกลม รวมถึงการตกแต่งด้วยแบบลายเส้นในการจักสานตะกร้า กระบุง และลายในการถักทอ ฯลฯ

3.         รูปทรงอิสระ คือ รูปทรงที่ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว และไมมีโครงสร้าง

42.       ข้อใดเกี่ยวข้องกับรูปทรงเรขาคณิต   

(1) ชะลอมไม้ไผ่

(2)       ตะกร้าหวายลายดอกพิกุล     

(3) ภาพเหมือนของดอกตะแบก          

(4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 41. ประกอบ

43.       ศิลปะป๊อบนิยมใช้สีตามข้อใด

(1) สีหวานใส   

(2) สีเย็น         

(3) สีตัดกัน      

(4) สีมืด

ตอบ 3 หน้า 61 (S) ศิลปะป๊อบ (Pop Art) มีลักษณะเกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตของมนุษย์ มีการ ล้อเลียน เยาะเย้ย หรือคัดค้านเรื่องของสุนทรียภาพอยู่บ้าง มีการใช้สีสดใสระบายด้วยเทคนิค ของเส้นรอบนอกหรือขอบคม โดยนิยมใช้สีตัดกัน เช่น นํ้าเงินกับแดง แดงกับเหลือง เป็นต้น

44.       รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าให้ความรู้สึกแกผู้ชมอย่างไร

(1) เอาจริงเอาจัง         (2) มั่นคง         (3) มีพลังสูง    (4) สนุกสนาน

ตอบ 1 หน้า 62 – 63 (S) รูปทรง (Form) สามารถสื่อความหมายและความรู้สึกได้เช่นเดียวกับวิธีการ ของเส้น กล่าวคือ เมื่อเปลี่ยนเส้นให้เป็นรูปทรงจะสามารถสื่อความหมายได้เช่นเดียวกัน เช่น รูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสให้ความรู้สึกหนักแน่น เข้มแข็ง มั่นคงรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าให้ความรู้สึก ตรงไปตรงมา เป็นกลาง เคร่งขรึม เอาจริงเอาจังรูปทรงสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนให้ความรู้สึก เป็นกลางคล้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่งดงามกว่า เบากว่า และหวานกว่ารูปทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ เก๋ สนุกสนาน ไม่เอาจริงเอาจัง ไม่ค่อยเป็นทางการมากนัก ฯลฯ

45.       ศิลปินจีนโบราณนิยมเขียนภาพด้วยสีอะไร

(1) ดำ  (2) แดง            (3) ม่วง            (4) เขียว

ตอบ 1 หน้า 66 – 67 (S) ชาวจีนได้คิดค้นและนำสีต่าง ๆ มาใช้ย้อมผ้าหรือย้อมด้ายสำหรับทอผ้า แต่จะไม่นิยมเอามาใช้ระบายในภาพเขียน เพราะชาวจีนมีคติการเขียนภาพด้วยหมึกจีน คือ ใช้สีดำแต่เพียงสีเดียว

46.       สีวรรณะเย็นให้าวามรู้สึกแก่ผู้พบเห็นอย่างไร

(1)       ตื่นเต้น เร้าใจ   (2) มีพลังสูง    (3) ผ่อนคลายอารมณ์ (4) สนุกสนาน

ตอบ 3 หน้า 3568 (S) สี (Colour) แบ่งออกเป็น 2 วรรณะ คือ   1. สีวรรณะร้อน เช่น สีเหลือง ส้ม แสด แดง ม่วงแดง แดงชาด เทาอมแดง ฯลฯ จะให้าวามรู้สึกตื่นเต้น รุนแรง ขัดแย้ง และ สนุกสนานร่าเริง 2. สีวรรณะเย็น เช่น สีเขียว เขียวอ่อน เขียวแก่ ม่วงน้ำเงิน คราม น้ำเงิน ฯลฯ จะให้ความรู้สึกสงบ ผ่อนคลายอารมณ์ และเรียบง่าย

47.       ข้อใดคือวรรณะสีร้อน

(1) ม่วงนํ้าเงิน  (2)       คราม   (3)       เขียวมะกอก    (4)       เทาอมแดง

ตอบ 4 ดูดำอธิบายข้อ 46. ประกอบ

48.       ในงานสถาปัตยกรรมนิยมใช้สีอะไรภายในบ้านเรือน

(1)       ชมพู ม่วง แดง (2) ขาว ครีม สีกระสอบ

(3)       เขียวหยก คราม นํ้าเงิน            (4) เหลืองมะนาว แดง ทอง

ตอบ 2 หน้า 70 – 71 (S) งานสถาปัตยกรรมภายในห้านเรือนส่วนใหญ่ มักจะนิยมใช้สีเรียบง่ายและไมสะดุดตาจนเกินไป เพราะจะทำใหไม่รู้สึกเบื่อง่าย เช่น สีขาว สีครีม สีเนื้อ สีกระสอบ และ สีอ่อน ๆ ของวรรณะเย็น ส่วนการใช้สีสด ๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจให้สะดุดสายตา มักนิยมใช้ตามอาคารทางธุรกิจ บาร์ ไนต์คลับ ฯลฯ

49.       สีตรงข้ามที่ตัดกันคือข้อใด

(1) แดงส้ม ชมพูหม่น   (2) น้ำตาลทอง ครีม    (3) แดงเข้ม นํ้าเงิน      (4)       ขาว เทา

ตอบ 3 หน้า 3669 (S) สีตรงข้ามหรือสีคู่จะเป็นสีที่ตัดกันอย่างแห้จริง ซึ่งสีบางสีจะเอามาผสมกัน ไม่ได้เพราะสีจะเน่าและไม่สวย โดยสีชนิดนี้มีมากคู่ด้วยกัน เช่น สีเขียวกับสีแดงเลือดนก,สีเหลืองกับสีมวงสีน้ำเงินกับสีส้มสีแดงกับสีเขียวน้ำเงิน ฯลฯ

50.       ความสมดุลที่ไม่เท่ากันมีผลให้งานศิลปะมีลักษณะอย่างไร

(1) มั่นคง น่าศรัทธา    (2) อ่อนหวาน เบาลอย            (3) ก้าวร้าว รุนแรง       (4)       มีเสน่ห์ สนุกขึ้น

ตอบ 4 หน้า 3076 (S) ความสมดุลที่ไม่เท่ากัน เป็นความสมดุลที่มิได้เท่ากันโดยแท้จริงเพราะมีการจัดขนาด รูปร่าง สี รูปทรง ฯลฯ ให้มีความแตกต่างกันทั้งสองข้าง แต่ให้มีลักษณะสมดุล ด้วยตาโดยประมาณ ซึ่งจะส่งผลให้งานศิลปะมีความแปลก มีชีวิตชีวา น่าสนใจ ไมน่าเบื่อหรือจืดชืดตามกฎเกณฑ์ที่วางไว้

51. เพราะเหตุใด ความขัดแย้ง” จึงให้ความงามในศิลปะ  

(1) ดูไม่ซ้ำซาก

(2)       ให้ความรู้สึกลงตัวพอดี           

(3) รู้สึกเกิดความแตกต่างขึ้น  

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 79 (S) การรู้จักใช้ความขัดแย้ง” ที่ไม่ขัดกันในการประกอบงานศิลปะ จะทำให้งานมีเสน่ห์ ไม่ขาดรสหรือจืดชืด เพราะการตัดกันจะช่วยให้ดูไม่ซ้ำซาก และรู้สึกเกิดความแตกต่าง แต่ทั้งนี้จะต้องเข้าใจนำความกลมกลืนกับความขัดแย้งมาประกอบกันให้ลงตัว จึงจะเกิดผลงานที่มี ความงามอย่างพอเหมาะพอดี

52.       เทือกเขาวินธัยแบ่งอินเดีย

(1) ให้เป็นอินเดียเหนืออินเดียใต้         

(2) ให้ออกจากประเทศต่าง ๆ ทางตอนเหนือ

(3)       ให้เป็นอินเดียตะวันออกและตะวันตก 

(4) ให้เป็นอินเดียและศรีลังกา

ตอบ 1 หน้า 81 ประเทศอินเดียมีพื้นที่เป็นรูปสามเหลี่ยม โดยตอนกลางของประเทศจะมีเทือกเขาวินธัย แบ่งอินเดียออกเป็นภาคเหนือและภาคใต้ ซึ่งแต่ก่อนนี้ภาคเหนือจะเรียกว่า แคว้นฮินดูสถาน” ส่วนดินแดนทางภาคใต้จะเรียกว่า แหลมเดคข่านหรือทักษิณบถ

53.       ผลงานของทูลูส โลเทร็ค สะท้อนความรู้สึกอย่างไร

(1) การเมือง    

(2)       ความเมตตาสงสาร      

(3)       ธรรมชาติ         

(4)       บาป

ตอบ 2 หน้า 83 – 84 (S) ผลงานของทูลูส โลเทร็ค จิตรกรชาวฝรั่งเศสในแบบโพสอิมเพรสชันนิสม์ ได้แอบแฝงลักษณะคุณธรรมเอาไว้ในผลงาน โดยเขาได้เลือกหยิบเอาชีวิตตามสถานเริงรมย์ แห่งมองมาร์ตเป็นเรื่องสำคัญในผลงานของเขา ซึ่งบันดาลให้ผู้พบเห็นเกิดความรู้สึกสะเทือนใจ เมตตาสงสาร และสังเวชต่อเหล่าสตรีผู้ไร้ความสุขในสถานเริงรมย์ยามราตรี

54.       ผู้ที่นำพระเวทเข้ามาคือ

(1) พวกเตอร์ก (2)       พวกอารยัน      (3)       พวกดราวิเดียน            (4)       พวกชาวลุ่มแม่นํ้าสินธุ

ตอบ 2 หน้า 90 เมื่อชาวอารยันได้เข้ามายึดครองดินแดนแถบลุ่มแม่นํ้าสินธุและคงคา ก็ได้นำเอา คัมภีร์พระเวทเข้ามาเผยแพร่ในอินเดียด้วย ซึ่งคัมภีร์พระเวทนี้มีอิทธิพลต่อขนบธรรมเนียม ประเพณี คติความเชื่อ ตำนานเก่าแก และนิยายพื้นเมืองของชาวอารยันมาก

55.       อิทธิพลของศิลปะอิหร่านเข้าสู่อินเดีย

(1) 2 ครั้ง         (2)       3 ครั้ง   (3)       4 ครั้ง   (4)       5 ครั้ง

ตอบ1 (AR 103 เลขพิมพ์ 30175 หน้า 46) อิหร่านได้เข้ามาครอบครองดินแดนแถบลุ่มแม่นํ้าสินธุ ตั้งแต่ประมาณพุทธกาลจนถึง พ.ศ. 250 ต่อมาในพุทธศตวรรษที่ 17 อิหร่านก็เข้ามามีอำนาจ- เหนืออินเดียอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นอิทธิพลของศิลปะอิหร่านจึงปรากฏในศิลปะอินเดียมาก

56.       อารยธรรมอินเดียสมัยใหม่ เริ่มตั้งแต่อินเดีย

(1) ได้รับอิทธิพลของอารยัน    (2) ได้รับอิทธิพลของอิสลาม

(3)       ได้เข้าสู่ฮินดูยุคกลาง   (4) ตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษแล้ว

ตอบ 4 (AR 103 เลขพิมพ์ 30175 หน้า 44) อารยธรรมอินเดียแบ่งได้ดังนี้    1. อารยธรรมแถบลุ่มแม่น้ำสินธุ (ประมาณ 1,500 ปีกอนคริสตกาล) ซึ่งได้แก่ วัฒนธรรมโมเหนโจดาโรและฮารัปปา 2. อารยธรรมอารยัน (ประมาณ 1,000 ปีกอนคริสตกาล)          3. อารยธรรมฮินดูยุคกลาง(ประมาณ พ.ศ. 1313 – 1743)      4. อารยธรรมอิสลาม (ประมาณ พ.ศ. 1743 – 2346)5. อารยธรรมอินเดียสมัยใหม่ (เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2346 ซึ่งเป็นปีที่ตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ จนถึงปัจจุบัน)

57.       ศิลปะอินเดียเป็นศิลปะ

(1) นามธรรม   (2) รูปธรรม      (3) แบบอุดมคติ          (4) ที่สร้างขึ้นจากธรรมชาติ

ตอบ 3 หน้า 84 ศิลปะอินเดียเป็นศิลปะแบบอุดมคติ (Idealistic Art) คือ การอาศัยรูปร่างจาก ธรรมชาติเป็นเกณฑ์ในการสร้างจินตนาการของศิลบิน และการแสดงออกของศิลปินก็มิได้แสดงออกให้ตรงตามธรรมชาติ แต่เป็นไปตามกฎเกณฑ์หรือข้อบังคับของสังคมมากกว่า

58. ชาวอินเดียมีความเชื่อเรื่องเทวโลก           

(1) ผิดแปลกไปจากโลกมนุษย์

(2)       บนสวรรค์มีเพียงพระราชวัง พระมหากษัตริย์ เหมือนโลกมนุษย์

(3)       เหมือนกับโลกมนุษย์ทุกประการ        (4) มีเพียงภูเขาและมหาสมุทรที่เหมือนโลกมนุษย์

ตอบ3 หน้า 83, (AR 103 เลขพิมพ์ 30175 หน้า 45) ชาวอินเดียมีความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับโลกสัณฐานหรือเทวโลกว่า มนุษย์โลกและเทวโลกมีลักษณะเหมือนกันทุกประการ เช่น มีพระมหากษัตริย์ซึ่งก็คือรูปเทวดา มีพระราชวังอันเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ ซึ่งก็คือ เทวาลัยที่สร้างจำลองจากเขาพระสุเมรุ มีมหาสมุทร ภูเขา แม่น้ำ และประชาชน

59.       พระพุทธศาสนาในอินเดียเจริญถึงขีดสุดในสมัย

(1)       พระเจ้าพิมพิสาร          (2)       พระเจ้าอโศก   (3) พระเจ้าโมริยะ        (4) พระเจ้าจันทรคุปต์ที่           2

ตอบ 2 หน้า 90 พระพุทธศาสนาในอินเดียเจริญขึ้นในแคว้นมคธราฐในสมัยของพระเจ้าพิมพิสาร นละเจริญขึ้นถึงขีดสุดในสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราชราวพุทธศตวรรษที่ 3 ดังนั้น ในยุคแรกเริ่มของการทำศิลปกรรมนี้ พระพุทธศาสนาจึงมีบทนาทเป็นอย่างมาก

60.       อาวยธรรมเก่าสุดของอินเดีย

(1) อารยธรรมโมเหนโจดาโรและฮารัปปา

(2) อารยธรรมอารยัน

(3)       อารยธรรมฮินดู

(4) อารยธรรมอิสลาม

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 56. ประกอบ

61. สถาปัตยกรรมรุ่นแรกของอินเดียสร้างด้วย

(1) ไม้และดินเหนียว    

(2)       อิฐปูนสอ          

(3) ไม้  

(4) ดินเหนียว

ตอบ 1 หน้า 90 นักโบราณคดีให้ความเห็นว่า สถาปัตยกรรมในยุคแรกเริ่มของอินเดียนั้นคงจะสร้าง ด้วยดินเหนียวและไม้ซึ่งแตกสลายได้ง่าย ดังนั้นจึงไม่เหลือร่องรอยให้คนรุ่นหลังได้เห็น ทำให้สถาปัตยกรรมและศิลปกรรมที่เหลืออยู่ไมเก่าไปทวาพุทธศตวรรษที่ 3 แม้ว่าพุทธศาสนาจะ เจริญขึ้นในอินเดียตั้งแต่พุทธกาลมาแล้วก็ตาม

62.       ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชนิยมทำพระพุทธรูป

(1) เป็นรูปลัญลักษณ์  

(2) ลอยตัว       

(3) เหมือนภาพสลักนูนสูง       

(4) เป็นภาพสลักนูนต่ำ

ตอบ 1 หน้า 92 ศิลปะในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชนั้น แม้ว่าช่างอินเดียจะทำศิลปกรรมไว้มากมายแต่ในการสลักภาพนูนสูงแลัว ช่างยังไม่กล้าแสดงรูปพระพุทธเจ้าเป็นภาพบุคคล แต่จะทำเป็นรูปสัญลักษณ์แทนองค์พระพุทธเจ้าในภาพเล่าเริ่งพุทธประวัติหรือชาดกเท่านั้น

63.       ศาสนสถานที่เจาะลึกเข้าไปในภูเขาเป็นผังสี่เหลี่ยมเรียกว่า

(1) ถ้ำวิหาร

(2) ถ้ำเจติยสถาน 

(3) ถ้ำอชันตา  

(4) ถ้ำอโลร่า

ตอบ 1 หน้า 91 ศาสนสถานที่เจาะลึกเข้าไปในภูเขามีอยู่ 2 ลักษณะ คือ

1. ถ้ำวิหาร เป็นศาสนสถานแบบเก่าที่สุด มักมีแผนผังเป็นรูปลี่เหลียมผืนผ้า ภายในทำเป็น ห้องเล็ก ๆ เพื่อเป็นที่พักอาศัยของพระภิกษุ 2. ถ้ำเจดีย์สถาน มักมีแผนผังเป็นรูปไข่ ใช้เป็นที่ชุมนุมของศาสนิกชนเพื่อเคารพบูชา พระพุทธเจ้าเท่านั้น

64.       สถูปที่เมืองสาญจีและภารหุตเป็นสถูปที่      

(1) เลียนแบบจากเนินดิน

(2)       เก่าสุดของอินเดีย       (3) มีส่วนฐานสูงมาก   (4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 หน้า 91 – 92 สถูปที่เมืองสาญจีและภารหุตของอินเดีย เป็นสถูปที่สร้างขึ้นตั้งแต่ราว พ.ศ.400 – 550 โดยการเลียนแบบจากเนินดิน องค์สถูปเป็นรูปโอควํ่า สร้างด้วยอิฐหรือหินตั้งอยู่ บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสค่อนข้างเตี้ย ดังนั้นจึงถือเป็นสถูปที่เก่าที่สุดและได้เป็นแบบอย่างแก สถูปในสมัยหลังต่อมาทั้งในอินเดียและเอเชียอาคเนย์

65.       พระพุทธรูปในศิลปะอินเดียทำขึ้นครั้งแรกในศิลปะ

(1) อินเดียสมัยโบราณ            (2) คันธารราฐ (3) มธุรา          (4) อมราวดี

ตอบ 2 หน้า 93 พระพุทธรูปอินเดียทำขึ้นครั้งแรกในศิลปะคันธารราฐ (พุทธศตวรรษที่ 6-7)ซึ่งเจริญขึ้นที่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย โดยเมื่อพระเจ้ากนิษะกะแห่งเอเชียกลางได้ ยึดดินแดนนี้ในพุทธศตวรรษที่ 6 แล้ว ก็ได้ทรงอุปถัมภ์พุทธศาสนามหายานด้วยการโปรดให้ สร้างรูปเคารพขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งเชื่อว่าพระพุทธรูปในยุคแรกเริ่มนี้คงทำขึ้นโดยช่างกรีก

66.       พระพุทธรูปอินเดียสมัยใดที่ได้รับอิทธิพลของกรีกและอิหร่าน

(1) ศิลปะอินเดียสมัยโบราณ  (2) ศิลปะคันธารราฐ

(3)       ศิลปะมถุรา     (4) ศิลปะอมราวดี

ตอบ 3 หน้า 95 พระพุทธรูปในสมัยมถุรา นอกจากจะปรากฏมีอิทธิพลของศิลปะกรีกที่ผ่านมาทาง ด้านคันธาระแล้ว ก็ยังปรากฏอิทธิพลของศิลปะอิหร่านที่ผ่านเข้ามาจากการขยายอำนาจของ พระมหากษัตริย์แห่งอิหร่านในราชวงศ์สัสสาเนียนด้วย แต่อิทธิพลของศิลปะกรีกและอิหร่าน ที่ปรากฏออกมาในศิลปะมธุราก็ยังไม่ชัดเจนนัก เพราะช่างอินเดียได้พยายามดัดแปลงให้เป็น แบบอย่างของอินเดียโดยแท้

67.       พระพุทธรูปในศิลปะอินเดียที่เจริญขึ้นตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 6-10 ที่มีแบบอย่างเป็นอินเดียอย่างแท้จริง คือศิลปะ

(1) อินเดียสมัยโบราณ            (2) คันธารราฐ (3) มถุรา          (4) อมราวดี

ตอบ 4 หน้า 959799 พระพุทธรูปอินเดียเริ่มเป็นแบบอย่างของศิลปะอินเดียในสมัยมถุรา(พุทธศตวรรษที่ 7-8) แต่ความเป็นอินเดียอย่างแท้จริงและลักษณะของมหาบุรุษปรากฏขึ้น อย่างครบครันในพระพุทธรูปสมัยอมราวดี (พุทธศตวรรษที่ 7-9) ซึ่งถือได้ว่ามีความงาม ตามแบบอินเดียโดยแท้ เพราะไม่เห็นลักษณะของอิทธิพลต่างชาติเลย

68.       ศิลปะคันธารราฐเจริญขึ้นที่ภาคใดของอินเดีย

(1) ตะวันตกของอินเดีย           (2) ตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย

(3) ตะวันออกของอินเดีย         (4) ตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 65. ประกอบ

69.       ศิลปะอมราวดีเจริญขึ้นแถบลุ่มแม่น้ำใด

(1) ลุ่มแม่น้ำสินธุ         (2) ลุ่มแม่น้ำคงคา       (3)       ลุ่มแมน้ำยมุนา            (4)       ลุ่มแม่นํ้ากฤษณา

ตอบ4  หน้า 97 ศิลปะอมราวดี (พุทธศตวรรษที่ 7 – 9) เจริญขึ้นทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย แถบลุ่มแม่น้ำกฤษณาโดยเฉพาะที่เมืองอมราวดี นาคารชุนิโกณฑะ ชัคคัยยะเปฎะ และโคลิ ภายใต้การอุปถัมภ์ของราชวงศ์สัตตวาหนะ เมื่อประมาณต้นพุทธศตวรรษที่ 6

70.       การยืนเอียงตะโพกของพระพุทธรูปอินเดียเราเห็นครั้งแรกในศิลปะใด

(1) ศิลปะคันธารราฐ   (2) ศิลปะมถุรา            (3)       ศิลปะอมราวดี (4)       ศิลปะคุปตะ

ตอบ 4 หน้า 103 พระพุทธรูปคุปตะมีความงามตามแบบอุดมคติที่ช่างอินเดียยึดตามกฎของลักษณะ มหาบุรุษ แล้วนำมาประยุกต์เข้ากับความนึกคิดของช่างเอง ดังนันพระพุทธรูปจึงมีลักษณะ ไมมีเพศ เป็นกึ่งมนุษย์กึ่งเทวดา มักแสดงเป็นภาพเต็มตัวหันด้านหน้า และยืนตริภังค์ (ยืนเอียงตะโพก) บ้าง ยืนตรงบ้าง

71.       การครองจีวรของพระพุทธรูปมถุรา

(1)       ห่มคลุม จีวรเป็นริ้ว      

(2) ห่มเฉียง เปิดพระอังสาขวา

(3) ห่มเฉียง เปิดพระอังสาซ้าย ไมมีสังฆาฏิ    

(4) ห่มคลุม จีวรเรียบติดกับพระวรกาย

ตอบ 3 หน้า 95 – 96, (AR 103 เลขพิมพ์ 30175 หน้า 55) การครองจีวรของพระพุทธรูปมถุรา จะเป็นแบบใหม่ คือ ครองเฉพาะจีวรและสบง โดยไม่ปรากฎว่ามีสังฆาฏิ และมักห่มเฉียง เปิดพระอังสาซ้าย โดยบางครั้งพระพุทธรูปก็จะห่มคลุม ซึ่งคงเลียนแบบมาจากศิลปะคันธารราฐ ส่วนอิทธิพลของศิลปะอิหร่านจะปรากฏชัดในเครื่องแต่งกายของเทวรูปบางองค์ เช่น รูปพระอาทิตย์แต่งกายตามแบบนักรบอิหร่าน ฯลฯ

72.       ศิลปะอิหร่านที่ปรากฏในศิลปะมถุราเราเห็นได้จาก

(1)       พระพักตร์ของพระพุทธรูป       

(2) เครื่องแต่งกายของเทวรูปบางองค์

(3) ริ้วผ้าของพระพุทธรูป         

(4) ขมวดพระเกศาของพระพุทธรูป

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 71. ประกอบ

73.       พระพุทธรูปนาคปรกเริ่มทำครั้งแรกในศิลปะอินเดีย

(1) ศิลปะคันธารราฐ   

(2) ศิลปะมถุรา            

(3) ศิลปะอมราวดี       

(4) ศิลปะคุปตะ

ตอบ 3 หน้า 121 พระพุทธรูปนาคปรกในอินเดียมีกำเนิดครั้งแรกในศิลปะอมราวดี และทำแต่เฉพาะ ในศิลปะอมราวดีเท่านั้น หลังจากนั้นจึงได้ส่งผลต่อไปยังศิลปะลังกาแบบอนุราชปุระ นอกจากนี้ ยังให้อิทธิพลต่อศิลปะคุปตะและหลังคุปตะของอินเดียอีกด้วย

74.       ศิลปะอินเดียเริ่มเสื่อมลงในสมัยใด

(1)       สมัยอมราวดี   (2) สมัยคุปตะ (3) สมัยหลังคุปตะ      (4) สมัยปาละ-เสนะ

ตอบ 3 หน้า 100 – 101109 ศิลปะที่มีความงามสูงสุดในสมัยคุปตะ (พุทธศตวรรษที่ 9 – 11)ยังคงทำต่อมาอีกจนหมดสมัยของพระเจ้ากุมารคุปต์ในพุทธศตวรรษที่ 12 หลังจากนั้นเมื่อ เริ่มเข้าสู่สมัยหลังคุปตะ (พุทธศตวรรษที่ 12 – 14) ศิลปกรรมก็เริ่มเสื่อมลง เพราะถึงแม้ ประติมากรรมที่ทำขึ้นจะยังคงยึดมั่นในลักษณะของมหาบุรุษ แตกไมมีชีวิตจิตใจอีกต่อไป

75.       สถาปัตยกรรมในศิลปะคุปตะนิยมสร้าง       

(1) เลียนแบบจากเครื่องไม้

(2)       เลียนแบบเทวาลัยของศาสนาพราหมณ์         (3) ไว้กลางแจ้ง           (4) ถูกข้อ 2 และ 3

ตอบ 4 หน้า 102 สถาปัตยกรรมในสมัยคุปตะจะนิยมสร้างไว้กลางแจ้ง โดยในสมัยพระเจ้าจันทรคุปต์ ที่ 2 พุทธศาสนสถานที่สร้างขึ้น เช่น โบสถ์ วิหาร สถูป ฯลฯ มักจะเลียนแบบจากเทวาลัยของ ศาสนาพราหมณ์ ซึ่งลักษณะทางสถาปัตยกรรมเช่นนี้ได้ให้อิทธิพลต่อการสร้างเจดีย์ของพม่า (Pagoda) และบุโรพุทโธของอินโดนีเซียด้วย

76.       ศิลปะอินเดียเสื่อมลงเพราะ

(1) ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์มากจนเกินไป           (2) ยึดถือธรรมชาติมากเกินไป

(3)       เน้นอุดมคติมากจนเกินไป      (4) เสื่อมลงไปเองตามธรรมชาติ

ตอบ1 หน้า 83109 การที่สังคมในอินเดียมีกฎเกณฑ์และต้อบังคับมากเกินไป ทำใน้ช่างอินเดีย ไม่สามารถใช้ความคิดของตนเองนการสร้างสรรค์งานศิลปะได้อีก เพราะช่างต้องการเพียง งานศิลปะที่ตรงตามกฎเกณฑ์และข้อบังคับอันเกิดจากความเชื่อเท่านั้น จึงเป็นผลห้ศิลปะ อินเดียเสื่อมลงในที่สุด เช่น การเสื่อมลงของศิลปะคุปตะ ซึ่งเป็นศิลปะยุคทองของอินเดีย

77.       สถูปของศิลปะอินเดียสมัยใดให้อิทธิพลต่อบุโรพุทโธของอินโดนีเชีย

(1) สมัยคันธารราฐ      (2) สมัยมถุรา  (3) สมัยอมราวดี          (4) สมัยคุปตะ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายต้อ 75. ประกอบ

78.       ศิลปะปาละต่างจากศิลปะเสนะ

(1) ศิลปะปาละสร้างขึ้นจากคติศาสนาพุทธมหายาน (2) ศิลปะปาละนิยมทำรูปเคารพที่มีแผ่นหลังติดอยู่

(3) ศิลปะปาละนิยมทำรูปเคารพประทับนั่งบนอาสน์ (4) ศิลปะปาละนิยมทำมุทราต่างไปจากศิลปะเสนะ

ตอบ 1 หน้า 105 ศิลปะปาละ (พุทธศตวรรษที่ 14 – 16) คงทำขึ้นเนื่องจากศาสนาพุทธมหายานที่ได้รับอิทธิพลจากศาสนาฮินดู คือ ลัทธิตันตระหรือวัชรยาน ดังนั้นจึงปรากฏมีรูปพระโพธิสัตว์ รูปเทพ และรูปศักติ (พระมเหสีของเทพ) แต่ต่อมาในสมัยศิลปะเสนะ (พุทธศตวรรษที่ 16-18) ได้กลับไปนับถือศาสน าฮินดู จึงทำให้ศิลปกรรมในสมัยนี้เต็มไปด้วยเทพทางศาสนาฮินดู

79.       ลัทธิศักติหมายถึงลัทธิหนึ่งที่บูชา

(1)       ศิวะ    (2) พระนารายณ์         (3) พระมเหสีของเทพ  (4) พระอุมา

ตอบ 3 ดูคำอธิบายต้อ 78. ประกอบ

80.       ศิลปะปาละเสนะ      

(1) นิยมหล่อรูปเคารพด้วยสำริด

(2)       นิยมสลักรูปเคารพด้วยศิลาทราย (3) นิยมทำรูปเคารพด้วยปูนปั้น (4) นิยมทำรูปเคารพด้วยดินเผา

ตอบ 1 หน้า 105 ลักษณะเฉพาะของศิลปะปาละและเสนะ คือ มีแผนหลังซึ่งมีลวดลายประดับอยู่มากมายติดอยู่กับพระพุทธรูป โดยพระพุทธรูปส่วนใหญ่ในสมัยนี้มักเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง ที่หล่อด้วยสำริดและสร้างด้วยศิลา แต่ไม่มีความสวยงามเลย

ART1003 ศิลปะวิจักษณ์ การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2553

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2553

ข้อสอบกระบวนวิชา ART 1003 ศิลปะวิจักษณ์

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

1.         งานจิตรกรรมฝาผนังไทยมีลักษณะตามข้อใด

(1)       ภาพสามมิติ     

(2) มีระยะใกล้และไกล           

(3) ภาพสองมิติ           

(4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 3 หน้า 41221 – 222 ภาพสามมิติได้แบบอย่างการเขียนมาจากศิลปะตะวันตก ดังนั้นจึงมี ลักษณะเป็นภาพที่มีความลึกและประกอบไปด้วยสี เส้น และเงา ผิดกับภาพเขียนของศิลปะ ตะวันออกที่มักจะประกอบไปด้วยสีและเส้นเท่านั้น ทำให้จิตรกรรมภพเขียนฝาผนังของไทย มีลักษณะเป็นรูปแบน ๆ หรือเป็นภาพสองมิติที่ไมมีความลึก

2.         เส้นที่ให้ความรู้สึกมั่นคง จริงจัง คือข้อใด

(1)       เส้นตั้ง            

(2) เส้นซิกแซ็ก            

(3) เส้นเฉียง    

(4) เส้นนอน

ตอบ 1 หน้า 2651 – 53 (S) ศิลปินจะต้องรู้จักนำเส้นต่าง ๆ มาใช้ให้เหมาะสมกับหน้าที่ เช่นเส้นตั้ง จะให้ความรู้สึกมั่นคง จริงจังเส้นซิกแซ็ก จะให้ความรู้สึกไม่หยุดนิ่ง ตื่นเต้น,เส้นเฉียง จะให้ความรู้สึกรวดเร็วเส้นนอน จะให้ความรู้สึกสงบ นิ่งเฉย ผ่อนคลาย,เส้นโค้งลงสู่พื้น จะให้ความรู้สึกเศร้า เหนื่อยหน่าย ฯลฯ

3.         ถ้าผู้วาดภาพขาดชีวิตจิตใจ ภาพนั้นจะดูเศร้า หมายถึงเส้นที่มีลักษณะอย่างไร       

(1) เส้นตั้งตัดกัน

(2)       เส้นโค้งเป็นวงกลม     

(3) เส้นเฉียงเป็นรูปกรวย        

(4) เส้นโค้งลงสู่พื้น

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 2. ประกอบ

4.         ค่าของความแตกต่างที่เกิดจากแสงและเงาคืออะไร

(1)       ความเข้ม         (2) จุด  (3) รูปร่าง        (4) รูปทรง

ตอบ1 หน้า 56 (S) ความเข้ม (Value) หมายถึง ค่าของความแตกต่างที่เกิดจากแสงและเงาซึ่งคุณค่าของแสงและเงาจะช่วยให้งานศิลปะมีลักษณะเป็นแท่งหรือเป็นกลุ่มก้อน จนทำให้ เกิดเป็นภาพ 3 มิติขึ้น และก่อให้เกิดความงามในทางศิลปะ

5.         รูปทรงที่มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอนและมีโครงสร้างคือข้อใด

(1) เรขาคณิต  (2) อินทรียรูป  (3) อิสระ          (4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 60 (ร) รูปทรง (Form) แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ คือ

1.         อินทรียรูป คือ รูปทรงที่มีชีวิต มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอน และมีโครงสร้าง

2.         รูปทรงเรขาคณิต คือ รูปทรงที่เกิดจากการสร้างของมนุษย์ให้เกิดเป็นเส้นตรงเป็นรูปมีเหลี่ยมมุม รูปวงกลม รวมถึงการตกแต่งด้วยแบบลายเส้นในการจักสาน เช่น ตะกร้า ชะลอม กระมุง ลายในการถักทอ ฯลฯ

3.         รูปทรงอิสระ คือ รูปทรงที่ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว และไม่มีโครงสร้าง

6.         ข้อใดเที่ยวข้องกับรูปทรงเรขาคณิต

(1) ชะลอมไม้ไผ่           (2) ตะกร้าหวายลายดอกพิกุล

(3)       ภาพเหมือนของดอกตะแบก   (4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ4  ดูคำอธิบายข้อ 5. ประกอบ

7.         รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าให้ความรู้สึกแก่ผู้ชมอย่างไร

(1) เอาจริงเอาจัง         (2) มั่นคง         (3) มีพลังสูง    (4) สนุกสนาน

ตอบ 1 หน้า 62 – 63 (S) รูปทรง สามารถสื่อความหมายและความรู้สึกได้เช่นเดียวกับวิธีการของเส้น เช่น รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส จะให้ความรู้สึกหนักแน่น เข้มแข็ง มั่นคงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า จะให้ ความรู้สึกตรงไปตรงมา เป็นกลาง เคร่งขรึม เอาจริงเอาจังรูปสี่เหลี่ยมคางหมู จะให้ความรู้สึก แปลกใหม่ สนุกสนานรูปวงกลม จะให้ความรู้สึกปลอดภัย มีพลังสูง ฯลฯ

8.         ศิลปินจีนโบราณนิยมเขียนภาพด้วยสีอะไร

(1) ดำ  (2) แดง            (3) ม่วง            (4) เขียว

ตอบ 1 หน้า 66 – 67 (S) ชาวจีนได้คิดค้นและนำสีต่าง ๆ มาใช้ย้อมผ้าหรือย้อมด้ายสำหรับทอผ้า แต่จะไม่นิยมเอามาใช้ระบายในภาพเขียน เพราะชาวจีนมีคติการเขียนภาพด้วยหมึกจีน คือ ใช้สีดำแต่เพียงสีเดียว

9.         สีวรรณะเย็นให้ความรู้สึกแก่ผู้พบเห็นอย่างไร

(1) ตื่นเต้น เร้าใจ         (2) มีพลังสูง    (3) ผ่อนคลายอารมณ์ (4) สนุกสนาน

ตอบ 3 หน้า 3568 (S) สี (Colour) แบงออกเป็น 2 วรรณะ คือ

1. สีวรรณะร้อน จะให้ความรู้สึกตื่นเต้น รุนแรง ขัดแย้ง และสนุกสนานร่าเริง เช่น สีเหลือง ส้ม แสด แดง ม่วงแดง แดงชาด เทาอมแดง ฯลฯ

2. สีวรรณะเย็น จะให้ความรู้สึกสงบ ผ่อนคลายอารมณ์ และเรียบง่าย เช่น สีเขียว เขียวอ่อน เขียวแก่ ม่วงน้ำเงิน คราม นํ้าเงิน ฯลฯ

10.       จิตรกรรมผนังถํ้าที่เก่าที่สุด เราพบที่

(1) ทางตอนเหนือของสเปน     (2) ทางตอนใต้ของสเปน

(3) ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส (4) ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส

ตอบ 1 หน้า 49 – 51 จิตรกรรมในสมัยโบราณก่อนประวัติศาสตร์มักพบตามถํ้า เช่น ตามผนังถ้ำ และเพดานถ้ำที่อยู่ลึกจากปากถํ้าเข้าไป บางครั้งจึงเรียกว่า ศิลปะถํ้า” โดยถํ้าแรกสุดที่พบ จิตรกรรมภาพเขียนของคนก่อนประวัติศาสตร์ที่เก่าที่สุด คือ ถํ้า Altamira ที่อยู่ทางตอนเหนือ ของสเปน โดยพบภาพเขียนเป็นภาพกวางตัวเมีย ส่วนที่ถํ้า Laussel ในฝรั่งเศส ได้พบภาพเขียน เป็นภาพสัตว์ เช่น รูปม้า วัวไบซัน และกวาง

11. การรู้จักใช้เหล็กของคนก่อนประวัติศาสตร์อินเดียได้รับอิทธิพลจาก

(1) ชาวโรมัน-กรีก        

(2) ชาวอิหร่าน 

(3) ชาวเมโสโปเตเมีย  

(4) ชาวอียิปต์

ตอบ 3 (AR 103 เลขพิมพ์ 30175 หน้า 38) วัฒนธรรมของคนก่อนประวัติศาสตร์อินเดียได้เจริญ สืบเนื่องต่อกันมาจนถึงยุคโลหะ โดยชาวอินเดียได้เรียนรู้การใช้เหล็กจากชาวเมโสโปเตเมีย จึงปรากฏว่ามีอาวุธแบบแปลกใหม่ที่ทำจากเหล็กและสำริดอีกมาก เช่น การทำหัวลูกศร มีด ดาบ และภาชนะเครื่องสำริด

12.       ตำบลบ้านเชียงแหล่งก่อนประวัติศาสตร์ของไทยอยู่ในจังหวัดใด

(1) จังหวัดนครพนม     

(2) จังหวัดอุดรธานี      

(3) จังหวัดอุบลราชธานี           

(4) จังหวัดนครราชสีมา

ตอบ 2 หน้า 112 (S), (AR 103 เลขพิมพ์ 30175 หน้า 40) แหล่งศิลปกรรมก่อนประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกแห่งหนึ่งของไทย คือ ศิลปะบ้านเชียง ซึ่งเป็นศิลปกรรม ในสมัยหินใหม่ตอนปลายที่พบมากที่ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี

13.       การแบ่งยุคสมัยของก่อนประวัติศาสตร์

(1)       เราแบ่งจากความประณีตของสิ่งของเครื่องใช้ที่ขุดค้นพบ

(2)       เราแบ่งจากการกำหนดยุคสมัยในศิลาจารึก

(3)       เราแบ่งจากการกำหนดยุคสมัยในจดหมายเหตุ

(4)       เราแบ่งจากวัสดุที่นำมาใช้ทำอาวุธและสิ่งของเครื่องใช้

ตอบ 4 หน้า 4775 มนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์นั้นยังไม่มีตัวอักษรสำหรับการจดบันทึก ดังนั้น เราจึงแบ่งยุคสมัยก่อนประวัติศาสตร์ของมนุษย์จากวัสดุที่นำมาใช้ทำอาวุธและสิ่งของเครื่องใช้ นับตั้งแต่เครื่องใช้ใม้สอยอันทำจากหิน เครื่องปั้นดินเผา กระดูกสัตว์ งาช้าง เหล็ก สำริด เปลือกหอย และเครื่องประดับต่าง ๆ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งบ่งบอกให้รู้ถึงถึงความเจริญรุงเรือง ของสังคม ชีวิตความเป็นอยู่และเทคโนโลยีในสมัยนั้น ๆ ได้เป็นอย่างดี

14.       จิตรกรรมก่อนประวัติศาสตร์ของยุโรปแบ่งออกเป็น

(1) 1 ยุค          (2) 2 ยุค          (3) 3 ยุค          (4) 4 ยุค

ตอบ 2 (AR 103 เลขพิมพ์ 30175 หน้า 36) จิตรกรรมในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ของยุโรป แบ่งออกเป็น 2 ยุค คือ 1. แบบออริกเนเชียน (Auiignecian Style)

2. แบบแมกดาเรเนียน (Magdalenian Style)

1 5. จิตรกรรมในสมัยโบราณสมัยก่อนประวัติศาสตร์

(1) เราพบทั่วไปในแหล่งที่ทำการขุดค้น           (2) เราพบตามผนังถํ้า เพดานถํ้า

(3) เราพบตามหุบเขา แหล่งที่อยู่อาศัยของคนทั่วไป   (4) เราพบในภาพวาดบนแผ่นจารึก

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 10. ประกอบ

16.       ประติมากรรมที่ทำขึ้นครั้งแรกของคนสมัยก่อนประวัติศาสตร์

(1) เกี่ยวข้องกับความสวยงามของธรรมชาติ  (2) เกี่ยวข้องกับความอุดมสมบูรณ์

(3) เกี่ยวข้องกับความเชื่อถือเรื่องวิญญาณ    (4) เกี่ยวข้องกับความสำคัญของหัวหน้ากลุ่มชน

ตอบ2 หน้า 51 ประติมากรรมที่ทำขึ้นครั้งแรกของคนสมัยก่อนประวัติศาสตร์นั้นจะมีลักษณะกลม และสรีระส่วนต่าง ๆ ได้ขยายออกจนผิดความเป็นจริง แสดงว่าประติมากรรมที่ทำขึ้นมานี้ มีความเกี่ยวข้องกับความอุดมสมบูรณ์ เช่น พบประติมากรรมลอยตัวที่ประเทศเยอรมัน คือ วีนัส วีเลนดอร์ฟ (Venus of Willendorf) ซึ่งเป็นเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์

17.       ผู้ที่นำพระเวทเข้ามาคือ

(1) พวกเตอร์ก (2) พวกอารยัน            (3) พวกดราวิเดียน      (4) พวกชาวลุ่มแม่นํ้าสินธุ

ตอบ2 หน้า 90 เมื่อชาวอารยันได้เข้ามายึดครองดินแดนแถบลุ่มแมนํ้าสินธุและคงคา ก็ได้นำ คัมภีร์พระเวทเข้ามาเผยแพร่ในอินเดียด้วย ซึ่งคัมภีร์พระเวทนี้มีอิทธิพลต่อคติความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณี ตำนานเก่าแก่ และนิยายพื้นเมืองของชาวอารยันมาก

18.       เทือกเขาวินธัยแบ่งอินเดีย

(1) ให้เป็นอินเดียเหนืออินเดียใต้         (2) ให้ออกจากประเทศต่าง ๆ ทางตอนเหนือ

(3) ให้เป็นอินเดียตะวันออกและตะวันตก       (4) ให้เป็นอินเดียและศรีลังกา

ตอบ 1 หน้า 81 บระเทศอินเดียมีพื้นที่เป็นรูปสามเหลี่ยม โดยตอนกลางของประเทศจะมีเทือกเขาวินธัย แบ่งอินเดียออกเป็นภาคเหนือและภาคใต้ ซึ่งแต่ก่อนนี้ภาคเหนือจะเรียกว่า แคว้นฮินดูสถาน” ส่วนดินแดนทางภาคใต้จะรียกว่า แหลมเดคข่านหรือทักษิณบถ

19. อิทธิพลของศิลปะอิหร่านเข้าสู่อินเดีย

(1)       2 ครั้ง   (2) 3 ครั้ง         (3) 4 ครั้ง         (4) 5 ครั้ง

ตอบ 1 (AR 103 เลขพิมพ์ 30175 หน้า 46) อิหร่านได้เข้ามาครอบครองดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำสินธุ ตั้งแต่ประมาณพุทธกาลจนถึง พ.ศ. 250 ต่อมาในพุทธสตวรรษที่ 17 อิหร่านก็เข้ามมีอำนาจ เหนืออินเดียอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นอิทธิพลของศิลปะอิหร่านจึงปรากฎในศิลปะอินเดียมาก

20.       อารยธรรมอินเดียสมัยใหม่ เริ่มตั้งแต่อินเดีย

(1) ได้รับอิทธิพลของอารยัน    (2) ได้รับอิทธิพลชองอิสลาม

(3) ได้เข้าสู่ฮินดูยุคกลาง         (4) ตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษแล้ว

ตอบ 4 (AR 103 เลขพิมพ์ 30175 หน้า 44) อารยธรรมอินเดียแบ่งได้ดังนี้

1.         อารยธรรมแถบลุ่มแม่น้ำสินธุ (ประมาณ 1,500 ปีก่อนคริสตกาล) ซึ่งได้แก  วัฒนธรรมโมเหนโจดาโรและฮารัปปา

2.         อารยธรรมอารยัน (ประมาณ 1,000 ปีก่อนคริสตกาล)

3.         อารยธรรมฮินดูยุคกลาง (ประมาณ พ.ศ. 1313 – 1743)

4.         อารยธรรมอิสลาม (ประมาณ พ.ศ. 1743 – 2346)

5. อารยธรรมอินเดียสมัยใหม่

(เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2346 ซึ่งเป็นปีที่ตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ จนถึงปัจจุบัน)

21.       ศิลปะอินเดียเป็นศิลปะ

(1) นามธรรม   

(2) รูปธรรม      

(3) แบบอุดมคติ          

(4) ที่สร้างขึ้นจากธรรมชาติ

ตอบ3 หน้า 84 ศิลปะอินเดียเป็นศิลปะแบนอุดมคติ (Idealistic Art) คือ การอาศัยรูปร่างจาก ธรรมชาติเป็นเกณฑ์ในการสร้างจินตนาการของศิลปิน และการแสดงออกของศิลปินก็มิได้ แสดงออกให้ตรงตามธรรมชาติ แต่เป็นไปตามกฎเกณฑ์หรือข้อบังคับของสังคมมากกว่า

22.       พระพุทธศาสนาในอินเดียเจริญถึงขีดสุดในสมัย

(1) พระเจ้าพิมพิสาร    

(2) พระเจ้าอโศก         

(3) พระเจ้าโมริยะ        

(4) พระเจ้าจันทรคุปต์ที่ 2

ตอบ 2 หน้า 90 พระพุทธศาสนาในอินเดียเจริญขึ้นในแคว้นมคธราฐในสมัยของพระเจ้าพิมพิสาร และเจริญขึ้นถึงขีดสุดในสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราชราวพุทธศตวรรษที่ 3 ดังนั้นใน ยุคแรกเริ่มของการทำศิลปกรรมนี้ พระพุทธศาสนาจึงมีบทบาทเป็นอย่างมาก

23.       ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชนิยมทำพระพุทธรูป

(1) เป็นรูปสัญลักษณ์  

(2) ลอยตัว       

(3) เหมือนภาพสลักนูนสูง       

(4) เป็นภาพสลักนูนต่ำ

ตอม 1 หน้า 92 ศิลปะในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชนั้น แม้ว่าช่างอินเดียจะทำศิลปกรรมไว้มากมาย แต่ในการสลักภาพนูนสูงแล้ว ช่างยังไม่กล้าแสดงรูปพระพุทธเจ้าเป็นภาพบุคคล แต่จะทำเป็น รูปสัญลักษณ์แทนองคพระพุทธเจ้าในภาพเล่าเรื่องพุทธประวัติหรือชาดกเท่านั้น

24.       ศสนสถานที่เจาะลึกเข้าไปในภูเขาเป็นผังสี่เหลี่ยมเรียกว่า

(1) ถ้ำวิหาร      (2) ถํ้าเจติยสถาน        (3) ถํ้าอชันตา  (4) ถํ้าอโลร่า

ตอบ 1 หน้า 91 ศาสนสถานที่เจาะลึกเข้าไปในภูเขามีอยู 2 ลักษณะ คือ

1.         ถ้ำวิหาร เป็นศาสนสถานแบบเก่าที่สุด มักมีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ภายในทำเป็นห้องเล็ก ๆ เพื่อเป็นที่พักอาศัยของพระภิกษุ

2.         ถ้ำเจดีย์สถาน มักมีแผนผังเป็นรูปไข่ ใช้เป็นที่ชุมนุมของศาสนิกชนเพื่อเคารพบูชา พระพุทธเจ้าเท่านั้น

25.       ชาวอินเดียมีความเชื่อเรื่องเทวโลก    

(1) ผิดแปลกไปจากโลกมนุษย์

(2)       บนสวรรค์มีเพียงพระราชวัง พระมหากษัตริย์ เหมือนโลกมนุษย์

(3)       เหมือนกับโลกมนุษย์ทุกประการ        (4) มีเพียงภูเขาและมหาสมุทรที่เหมือนโลกมนุษย์

ตอบ 3 หน้า 83, (AR 103 เลขพิมพ์ 30175 หน้า 45) ชาวอินเดียมีความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับโลกสัณฐานหรือเทวโลกว่า มนุษย์โลกและเทวโลกมีลักษณะเหมือนกันทุกประการ เช่น มีพระมหากษัตริย์ซึ่งก็คือรูปเทวดา มีพระราชวังอันเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ ซึ่งก็คือเทวาลัยที่สร้างจำลองจากเขาพระสุเมรุ มีมหาสมุทร ภูเขา แม่น้ำ และประชาชน

26.       อารยธรรมเก่าสุดของอินเดีย

(1)       อารยธรรมโมเหนโจดาโรและฮารัปปา (2) อารยธรรมอารยัน

(3) อารยธรรมฮินดู      (4) อารยธรรมอิสลาม

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 20. ประกอบ

27.       สถาปัตยกรรมรุ่นแรกของอินเดียสร้างด้วย

(1) ไม้และดินเหนียว    (2)       อิฐปูนสอ          (3) ไม้  (4) ดินเหนียว

ตอบ 1 หน้า 90 นักโบราณคดีให้ความเห็นว่า สถาปัตยกรรมในยุคแรกเริ่มของอินเดียนั้นคงจะสร้างด้วยดินเหนียวและไม้ซึ่งแตกสลายได้ง่าย ด้งนั้นจึงไม่เหลือร่องรอยให้คนรุ่นหลังได้เห็น ทำให้สถาปัตยกรรมและศิลปกรรมที่เหลืออยู่ไม่เก่าไปกว่าพุทธศตวรรษที่ 3 แม้ว่าพุทธศาสนา จะเจริญขึ้นในอินเดียตั้งแต่พุทธกาลมาแล้วก็ตาม

28.       สถูปที่เมืองสาญจีและภารหุตเป็นสถูปที่

(1) เลียนแบบจากเนินดิน        (2)       เก่าสุดของอินเดีย        (3) มีส่วนฐานสูงมาก   (4) ถูกข้อ 1 และ          2

ตอบ 4 หน้า 91 – 92 สถูปที่เมืองสาญจีและภารหุตของอินเดีย เป็นสถูปที่สร้างขึ้นตั้งแต่ราวพ.ศ. 400 – 550 โดยการเลียนแบบจากเนินดิน องค์สถูปเป็นรูปโอควํ่า สร้างด้วยอิฐหรือหิน ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสค่อนข้างเตี้ย ดังนั้นจึงถือเป็นสถูปที่เก่าที่สุดและได้เป็นแบบอย่าง แกสถูป ในสมัยหลังต่อมาทั้งในอินเดียและเอเชียอาคเนย์

29.       พระพุทธรูปในศิลปะอินเดียทำขึ้นครั้งแรกในศิลปะ

(1) อินเดียสมัยโบราณ            (2)คันธารราฐ  (3)มถุรา           (4)อมราวดี

ตอบ 2 หน้า 93 พระพุทธรูปอินเดียทำขึ้นครั้งแรกในศิลปะคันธารราฐ (พุทธศตวรรษที่ 6-7)ซึ่งเจริญขึ้นที่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย โดยเมื่อพระเจ้ากนิษะกะแหงเอเชียกลาง ได้ยึดดินแดนนี้ในพุทธศตวรรษที่ 6 แล้ว ก็ได้ทรงอุปถัมภ์พุทธศาสนามหายานด้วยการโปรดให้ สร้างรูปเคารพขึ้นเป็นครังแรก ซึ่งเชื่อว่าพระพุทธรูปในยุคแรกเริ่มนี้คงทำขึ้นโดยช่างกรีก

30.       พระพุทธรูปในศิลปะอินเดียที่เจริญขึ้นตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 6-10 ที่มีแบบอย่างเป็นอินเดียอย่างแท้จริง คือศิลปะ

(1) อินเดียสมัยโบราณ            (2)คันธารราฐ  (3)มถุรา           (4)อมราวดี

ตอบ     4 หน้า 959799 พระพุทธรูปอินเดียเริ่มเป็นแบบอย่างของศิลปะอินเดียในสมัยมถุรา(พุทธศตวรรษที่ 7 – 8) แต่ความเป็นอินเดียอย่างแท้จริงและลักษณะของมหาบุรุษปรากฏขึ้น อย่างครบครันในพระพุทธรูปสมัยอมราวดี (พุทธศตวรรษที่ 7-9) ซึ่งถือได้วามีความงาม ตามแบบอินเดียโดยแท้ เพราะไม่เห็นลักษณะของอิทธิพลต่างชาติเลย

31.       ศิลปะคันธารราฐเจริญขึ้นที่ภาคใดของอินเดีย

(1) ภาคตะวันตก         

(2) ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ

(3) ภาคตะวันออก       

(4) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 29. ประกอบ

32.       พระพุทธรูปอินเดียสมัยใดที่ได้รับอิทธิพลของกรีกและอิหร่าน

(1) ศิลปะอินเดียสมัยโบราณ  

(2) ศิลปะตันธารราฐ

(3) ศิลปะมถุรา            

(4) ศิลปะอมราวดี

ตอบ 3 หน้า 95 พระพุทธรูปอินเดียในสมัยศิลปะมถุรา นอกจากจะปรากฏมีอิทธิพลของศิลปะกรีก ที่ผ่านมาทางด้านคันธาระแล้ว ก็ยังปรากฏอิทธิพลของศิลปะอิหร่านที่ผ่านเข้ามาจากการขยายอำนาจ ของพระมหากษัตริย์แห่งอิหร่านในราชวงศ์สัสสาเนียนด้วย แต่อิทธิพลของศิลปะกรีกและอิหร่าน ที่ปรากฏออกมาในศิลปะมถุราก็ยังไม่ชัดเจนนัก เพราะช่างอินเดียได้พยายามดัดแปลงให้เป็น แบบอย่างของอินเดียโดยแท้

33.       ศิลปะอมราวดีเจริญขึ้นแถนลุ่มแม่น้ำใด

(1) ลุ่มแม่น้ำสินธุ         

(2)ลุ่มแม่น้ำคงคา        

(3)ลุ่มแม่น้ำยมุนา        

(4)ลุ่มแม่น้ำกฤษณา

ตอบ 4 หน้า 97 ศิลปะอมราวดี (พุทธศตวรรษที่ 7-9) เจริญขึ้นทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย แถบลุ่มแม่น้ำกฤษณาโดยเฉพาะที่เมืองอมราวดี นาคารชุนิโกณฑะ ชัคคัยยะเปฎะ และโคลิ ภายใต้การอุปถัมภ์ของราชวงศ์สัตตวาหนะ เมื่อประมาณต้นพุทธศตวรรษที่ 6

34.       พระพุทธรูปนาคปรกเริ่มทำครั้งแรกในศิลปะอินเดีย

(1) ศิลปะคันธารราฐ   (2)       ศิลปะมถุรา     (3)       ศิลปะอมราวดี (4)       ศิลปะคุปตะ

ตอบ 3 หน้า 121 พระพุทธรูปนาคปรกในอินเดียมีกำเนิดครั้งแรกในศิลปะอมราวดี และทำแต่เฉพาะ ในศิลปะอมราวดีเท่านั้น หลังจากนั้นจึงได้ส่งผลต่อไปยังศิลปะลังกาแบบอนุราชปุระ นอกจากนี้ ยังให้อิทธิพลต่อศิลปะคุปตะและหลังคุปตะของอินเดียอีกด้วย

35.       การยืนเอียงตะโพกของพระพุทธรูปอินเดียเราเห็นครั้งแรกในศิลปะใด

(1) ศิลปะคันธารราฐ   (2)ศิลปะมฤรา (3)ศิลปะอมราวดี        (4)ศิลปะคุปตะ

ตอบ4 หน้า 103 พระพุทธรูปคุปตะมีความงามตามแบบอุดมคติที่ช่างอินเดียยึดตามกฎของ ลักษณะมหาบุรุษ แล้วนำมาประยุกต์เข้ากับความนึกคิดของช่างเอง ดังนั้นพระพุทธรูป จึงมีลักษณะไม่มีเพศ เป็นกึ่งมนุษย์กึ่งเทวดา มักแสดงเป็นภาพเต็มตัวหันด้านหน้า และยืนตริภังค์ (ยืนเอียงตะโพก) บ้าง ยืนตรงบ้าง

36.       การครองจีวรของพระพุทธรูปมถุรา

(1) ห่มคลุม จีวรเป็นริ้ว (2) ห่มเฉียง เปิดพระอังสาขวา

(3) ห่มเฉียง เปิดพระอังสาซ้าย ไมมีสังฆาฏิ    (4) ห่มคลุม จีวรเรียบติดกับพระวรกาย

ตอบ3 หน้า 95 – 96, (AR 103 เลขพิมพ์ 30175 หน้า 55) การครองจีวรของพระพุทธรูปมถุราจะเป็นแบบใหม่ คือ ครองเฉพาะจีวรและสบงโดยไม่ปรากฏว่ามีสังฆาฏิ และมักห่มเฉียง เปิดพระอังสาซ้าย โดยบางครั้งพระพุทธรูปก็จะห่มคลุมซึ่งคงเลียนแบบมาจากศิลปะตันธารราฐ ส่วนอิทธิพลของศิลปะอิหร่านจะปรากฏชัดในเครื่องแต่งกายของเทวรูปบางองศ์ เช่น รูปพระอาทิตย์แต่งกายตามแบบนักรบอิหร่าน ฯลฯ

37.       ศิลปะอิหร่านที่ปรากฏในศิลปะมถุราเราเห็นได้จาก

(1)       พระพักตร์ของพระพุทธรูป      (2) เครื่องแต่งกายของเทวรูปบางองค์

(3) ริ้วผ้าของพระพุทธรูป         (4) ขมวดพระเกศาของพระพุทธรูป

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 36. ประกอบ

38.       สถาปัตยกรรมในศิลปะคุปตะนิยมสร้าง       

(1) เลียนแบบจากเครื่องไม้

(2)       เลียนแบบเทวาลัยของศาสนาพราหมณ์         (3) ไว้กลางแจ้ง           (4) ถูกข้อ 2 และ 3

ตอบ 4 หน้า 102 สถาปัตยกรรมในสมัยคุปตะจะนิยมสร้างไว้กลางแจ้ง โดยในสมัยพระเจ้าจันทรคุปต์ ที่ 2 พุทธศาสนสถานที่สร้างขึ้น เช่น โบสถ์ วิหาร สถูป ฯลฯ มักจะเลียนแบบจากเทวาลัยของ ศาสนาพราหมณ์ ซึ่งลักษณะทางสถาปัตยกรรมเช่นนี้ได้ให้อิทธิพลต่อการสร้างเจดีย์ของพม่า (Pagoda) และบุโรพุทโธของอินโดนีเซียด้วย

39.       ศิลปะอินเดียเริ่มเสื่อมลงในสมัยใด

(1)       สมัยอมราวดี    (2) สมัยคุปตะ (3) สมัยหลังคุปตะ      (4) สมัยปาละ-เสนะ

ตอบ 3 หน้า 100 – 101109 ศิลปะที่มีความงามสูงสุดในสมัยคุปตะ (พุทธศตวรรษที่ 9 – 11)ยังคงทำต่อมาอีกจนหมดสมัยของพระเจ้ากุมารคุปต์ในพุทธศตวรรษที่ 12 หลังจากนั้น เมื่อเริ่มเข้าสู่สมัยหลังคุปตะ (พุทธศตวรรษที่ 12 – 14) ศิลปกรรมก็เริ่มเสื่อมลง เพราะถึงแม้ ประติมากรรมที่ทำขึ้นจะยังคงยึดมั่นในลักษณะของมหาบุรุษ แตกไม่มีชีวิตจิตใจอีกต่อไป

40.       ศิลปะอินเดียเสื่อมลงเพราะ

(1)       ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์มากจนเกินไป    (2) ยึดถือธรรมชาติมากเกินไป

(3)       เน้นอุดมคติมากจนเกินไป      (4) เสื่อมลงไปเองตามธรรมชาติ

ตอบ 1 หน้า 83109 การที่สังคมในอินเดียมีกฏเกณฑ์และข้อบังคับมากเกินไป ทำให้ช่างอินเดีย ไม่สามารถใช้ความคิดของตนเองในการสร้างสรรค์งานศิลปะได้อีก เพราะช่างต้องการเพียง งานศิลปะที่ตรงตามกฎเกณฑ์และข้อบังคับอันเกิดจากความเชื่อเท่านั้น จึงเป็นผลให้ศิลปะ อินเดียเสื่อมลงในที่สุด เช่น การเสื่อมลงของศิลปะคุปตะ ซึ่งเป็นศิลปะยุคทองของอินเดีย

41.       สถูปของศิลปะอินเดียสมัยใดให้อิทธิพลต่อบุโรพุทโธของอินโดนีเซีย

(1) สมัยคันธารราฐ      

(2) สมัยมถุรา  

(3) สมัยอมราวดี          

(4) สมัยคุปตะ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 38. ประกอบ

42.       ศิลปะปาละต่างจากศิลปะเสนะ เพราะศิลปะปาละ…

(1) สร้างขึ้นจากคติศาสนาพุทธมหายาน         

(2) นิยมทำรูปเคารพที่มีแผ่นหลังติดอยู่

(3) นิยมทำรูปเคารพประทับนั่งบนอาสน์         

(4) นิยมทำมุทราต่างไปจากศิลปะเสนะ

ตอบ 1 หน้า 105 ศิลปะปาละ (พุทธศตวรรษที่ 14 – 16) คงทำขึ้นเนื่องจากศาสนาพุทธมหายานที่ได้รับอิทธิพลจากศาสนาฮินดู คือ ลัทธิตันตระหรือวัชรยาน ดังนั้นจึงปรากฏมีรูปพระโพธิสัตว์ รูปเทพ และรูปศักติ (พระมเหสีของเทพ) แต่ต่อมาในสมัยศิลปะเสนะ (พุทธศตวรรษที่ 16 – 18) ได้กลับไปนับถือศาสนาฮินดู จึงทำให้ศิลปกรรมในสมัยนี้เต็มไปด้วยเทพทางศาสนาฮินดู

43.       ลัทธิศักติหมายถึงลัทธิหนึ่งที่บูชา

(1) พระศิวะ     

(2) พระนารายณ์         

(3) พระมเหสีของเทพ 

(4) พระอุมา

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 42. ประกอบ

44.       ศิลปะปาละ-เสนะ

(1)       นิยมหล่อรูปเคารพด้วยสำริด  (2) นิยมสลักรูปเคารพด้วยศิลาทราย

(3) นิยมทำรูปเคารพด้วยปูนบั้น          (4) นิยมทำรูปเคารพด้วยดินเผา

ตอบ 1 หน้า 105 ลักษณะเฉพาะของศิลปะปาละและเสนะ คือ มีแผ่นหลังซึ่งมีลวดลายประดับอยู่ มากมายติดอยู่กับพระพุทธรูป โดยพระพุทธรูปส่วนใหญ่ในสมัยนั้มักเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง ที่หล่อด้วยสำริดและสร้างด้วยศิลา แต่ไม่มีความสวยงามเลย

45.       ศิลปะอินเดียสมัยใดที่ไม่นิยมรูปเคารพ         

(1) ศิลปะอินเดียสมัยโบราณ

(2)       ศิลปะอมราวดี            (3) ศิลปะปาละ-เสนะ (4) ศิลปะอิสลาม

ตอบ 4 หน้า 106 – 107 ศิลปะอิสลาม (พุทธศตวรรษที่ 18 – 23) จะไม่นิยมทำรูปเคารพแต่อย่างใด ดังนั้นจึงไม่ปรากฏว่ามีรูปเคารพที่เป็นประติมากรรมเลย แต่สิ่งที่เหลือให้ชื่นชมและมีความงาม ที่แปลกใหม่ คือ จิตรกรรมและสถาปัตยกรรม

46.       ศิลปะทวารวดี

(1) ทำขึ้นจากคติทางศาสนาพุทธหินยานนิกายหนึ่ง   (2) เป็นศิลปะสมัยแรกสุดของไทย

(3)       เป็นศิลปะที่เจริญขึ้นทางตะวันออกเฉียงเหนือของไทย          (4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 2 หน้า 119 – 120214 ศิลปะทวารวดี เป็นศิลปะสมัยแรกสุดของไทยที่เจริญขึ้นทางภาคกลาง และทำขึ้นจากคติทางพุทธศาสนาหินยานอย่างเถรวาทที่ใช้ทั้งภาษาบาลีและสันสกฤต พุทธศาสนามหายาน และศาสนาฮินดู จึงปรากฏมีอิทธิพลของศิลปะอมราวดีซึ่งเป็นศิลปกรรมที่ทำขึ้นจากคติทางพุทธหินยาน รวมทั้งศิลปะคุปตะ หลังคุปตะ และศิลปะปาละ-เสนะที่ทำขึ้น จากคติทางพุทธศาสนามหายาน

47.       พระบรมธาตุไชยาเป็นสถาปัตยกรรมในศิลปะ

(1) ทวารวดี      (2) ศรีวิชัย       (3) ลพบุรี         (4) สุโขทัย

ตอบ 2 หน้า 129 พระบรมธาตุไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เป็นสถาปัตยกรรมที่แม้จะได้รับการบูรณะ ซ่อมแซมมาบ้าง แต่ก็ยังคงเห็นลักษณะเดิมของสถาปัตยกรรมแบบศรีวิชัยอยู่ ในขณะที่ สถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ที่พบใน อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานีนั้น ได้รับการซ่อมแซมจนเกือบจะ ไม่เห็นสถาปัตยกรรมรูปเดิม

48.       ศิลปะของไทยสมัยใดที่มีความคล้ายคลึงกับศิลปะเขมร

(1) ศิลปะศรีวิชัย         (2)       ศิลปะลพบุรี    (3)       ศิลปะสุโขทัย   (4)       ศิลปะอยุธยา

ตอบ 2 หน้า 132 ศิลปะลพบุรี เจริญขึ้นทางภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยโดยลักษณะทางศิลปกรรมจะคล้ายคลึงกับศิลปกรรมในเขมร ทังนี้เพราะดินแดนส่วนใหญ่ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและเมืองลพบุรีของไทยเคยอยู่ในครอบครองของเขมรมาก่อน

49.       ศิลปะของไทยสมัยใดที่นิยมสร้างสถาปัตยกรรมด้วยศิลาแลง

(1) ศิลปะลพบุรี           (2)       ศิลปะสุโขทัย   (3)       ศิลปะอยุธยา   (4)       ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 หน้า 136148 สถาปัตยกรรมลพบุรีมักจะก่อด้วยศิลาแลงและสร้างเป็นเทวาลัยบนเชิงเขาสูง ส่วนสถาปัตยกรรมสุโขทัยที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะลพบุรีก็มักจะก่อด้วยศิลาแลงเช่นกัน เช่น พระปรางค์วัดพระพายหลวง หรือศาลตาผาแดง จังหวัดสุโขทัย

50.       พระพุทธรูบทวารวดีรุ่นที่ 2 เป็นอิทธิพลของศิลปะ

(1) อินเดีย       (2)       พื้นเมือง           (3)       เขมร    (4)       สุโขทัย

ตอบ 2 หน้า 123 – 124 พระพุทธรูปทวารวดีแบ่งเป็น 3 รุ่นดังนี้

1.         รุ่นที่ 1 แสดงอิทธิพลของศิลปะอมราวดี คุปตะและหลังคุปตะ มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 12

2.         รุ่นที่ 2 แสดงอิทธิพลของศิลปะพื้นเมืองมากยิ่งขึ้น มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 13 – 15

3.         รุ่นที่ 3 แสดงอิทธิพลของศิลปะขอมแบบปาปวนหรือศิลปะลพบุรีตอนต้น มีอายุราว พุทธศตวรรษที่ 15 ลงมา

51.       พระพิมพ์ในศิลปะทวารวดีต่างจากพระพิมพ์ในสมัยศรีวิชัยคือ

(1)       ทำขึ้นเพื่อสืบศาสนาพุทธ        

(2) เป็นพระพิมพ์ดินดิบ

(3) นิยมทำพระกำแพงร้อย      

(4) เป็นพระพิมพ์สำริด

ตอบ 1 หน้า 124129 พระพิมพ์ของศิลปะทวารวดีมักสร้างด้วยดินเผาเพื่อไว้สืบพระบวรพุทธศาสนา โดยมักมีพระธรรมหรือคาถาเย ธมมาฯ อันเป็นหัวใจของศาสนาปรากฏอยู ส่วนพระพิมพ์ ของศิลปะศรีวิชัยนั้นทำขึ้นจากคติทางมหายาน โดยนิยมทำพระพิมพ์ดินดิบเพราะไมได้ถือ การสืบพระพุทธศาสนาเป็นที่ตั้ง แต่ถือปรมัตประโยชน์ของผู้มรณภาพไปแล้ว

52.       เราทราบคำว่า ทวารวดี” จาก

(1) บันทึกจดหมายเหตุจีนในสมัยราชวงศ์ฮั่น  

(2) บันทึกจดหมายเหตุรายวันของนักพรตจีน

(3) จารึกบนแผ่นทองพบที่นครปฐมและอูทอง            

(4) จารึกบนหลักศิลาจารึกสมัยสุโขทัย

ตอบ2 หน้า 119 เราทราบคำว่า ทวารวดี” จากการพบเหรียญเงิน 3 เหรียญที่มีจารึกว่าศรีทวาราวดีศวรปุณย” พร้อมทั้งจดหมายเหตุจีนจากการบันทึกของหลวงจีนเหี้ยนจัง ซึ่งเป็นพระสงฆ์ในสมัยราชวงศ์ถัง โดยเขาได้กล่าวถึงอาณาจักรโถโลโปตี้ (ทวารวดี) ว่า อยู่ระหว่างอาณาจักรศรีเกษตร (พม่า) และอาณาจักรอิสานปุระ (เขมร)

53.       ศิลปะอินเดียที่ให้กับศิลปะทวารวดี

(1) ศิลปะอินเดียสมัยโบราณและศิลปะคันธารราฐ    

(2) ศิลปะคันธารราฐและศิลปะมถุรา

(3) ศิลปะมถุราและศิลปะอมราวดี      

(4) ศิลปะอมราวดีและศิลปะคุปตะ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 46. ประกอบ

54.       พระพุทธรูปขัดสมาธิราบคือ

(1)       ประทับขัดสมาธิเห็นฝ่าพระบาทสองข้าง พระหัตถ์ประสานกันบนพระเพลา

(2)       ประทับขัดสมาธิเห็นฝ่าพระบาทข้างเดียว พระหัตถ์ประสานกันบนพระเพลา

(3)       ประทับขัดสมาธิเห็นฝ่าพระบาทสองข้าง พระหัตถ์ทำท่าประคองพระธรรมจักร

(4)       ประทับนั่งสมาธิเห็นฝ่าพระบาทข้างเดียว พระหัตถ์ทำท่าประคองพระธรรมจักร

ตอบ 2 หน้า 140 พระพุทธรูปขัดสมาธิราบ คือ พระพุทธรูปในท่าประทับนั่งขัดสมาธิราบแลเห็นฝ่าพระบาทเพียงข้างเดียว พระหัตถ์ประสานกันบนพระเพลา บางครั้งฐานเรียบ ไม่มีลวดลายประกอบ

55.       เจดีย์จุลประโทนอยู่ที่จังหวัด

(1) สุโขทัย       (2) อยุธย      (3) นครปฐม    (4) ราชบุรี

ตอบ 3 หน้า 124 – 125162 (S) สถาปัตยกรรมในสมัยทวารวดีจะเห็นได้จากรูปเจดีย์เท่านั้นเพราะไม่ปรากฎว่ามีโบสถ์วิหารหลงเหลืออยู่แต่อย่างใด เช่น พระเจดีย์จุลประโทนและเจดีย์ วัดพระเมรุ จ.นครปฐม ซึ่งเป็นซากอาคารใหญ่ก่อด้วยอิฐ บางครั้งย่อมุมและมีบันไดลงไปข้างล่างเจดีย์วัดกู่กุด จ.ลำพูน ซึ่งจัดเป็นสถาปัตยกรรมทวารวดีตอนปลาย ฯลฯ

56.       เจดีย์วัดกูกุดอยู่ที่จังหวัด

(1) เชียงราย    (2) เชียงใหม่    (3)       ลำพูน  (4)       ราชบุรี

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 55. ประกอบ

57.       ศิลปะที่มีความคล้ายคลึงกับศิลปะอินโดนีเซีย

(1) ศิลปะทวารวดี        (2) ศิลปะศรีวิชัย         (3)       ศิลปะลพบุรี    (4)       ศิลปะเชียงแสน

ตอบ 2 หน้า 126 – 127 ศิลปะศรีวิชัย มีอำนาจขึ้นที่เกาะสุมาตราและขยายอำนาจเข้าครอบครอง ดินแดนทางตอนใต้ของไทย โดยศิลปะในสมัยนี้จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับศิลปะอินโดนีเซีย คือ เป็นศิลปกรรมที่ทำขึ้นจากพุทธศาสนามหายานทั้งสิ้น โดยได้รับอิทธิพลจากศิลปะแบบ คุปตะและปาละ-เสนะจากอินเดีย

58.       ศิลปะของไทยยุคใดที่ทำประติมากรรมได้สวยที่สุด

(1) ศิลปะเชียงแสน     (2) ศิลปะสุโขทัย         (3)       ศิลปะอยุธยา   (4)       ศิลปะรัตนโกสินทร์

ตอบ 2 หน้า 143 – 144 ศิลปะสุโขทัย ถือเป็นศิลปะยุคทองของศิลปกรรมไทย ทั้งนี้เพราะ ประติมากรรมในสมัยนี้มีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะแบบ มีความสวยงามสง่า และมีความเรียบง่ายตามอุดมคติผิดไปจากศิลปกรรมสมัยอื่น ๆ

59.       ศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์เริ่มต้นจาก

(1)       พระเจ้าตากสินตั้งกรุงธนบุรีเป็นราชธานี

(2)       พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกตั้งกรุงเทพเป็นราชธานี

(3)       พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยุหัวขึ้นครองราชย์

(4)       พระบทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นครองราชย์

ตอบ 2 หน้า 156 ศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์เจริญขึ้นทางภาคกลางของไทย โดยเริ่มตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงสถาปนากรุงเทพมหานครขึ้นเป็นราชธานี ตั้งแต่ พ.ศ. 2325 จนถึงปัจจุบัน

60.       งานสร้างสรรค์ศิลปะที่สูงสุดของมนุษย์คือข้อใด

(1) ภาพวาดบนผืนผ้าใบ         (2) โบสถ์ วิหาร (3) บ้านที่อยู่อาศัย     (4) เครื่องประดับเพชร

ตอบ     2 หน้า 2004 (S)12 (S) ศาสนศิลปะ (Religious Art) หรืองานศิลปกรรมในลัทธิความเชื่อถือและศาสนา ถือเป็นงานสร้างสรรค์ที่สูงสุดและเหนือกว่างานสร้างสรรค์ด้านอื่น ๆ เพราะเป็น งานศิลปะที่เกิดจากความซาบซึ้งทางพุทธิปัญญาที่มีคุณคาเหนือกว่าศิลปะทั้งหลายที่มนุษย์ ได้สร้างขึ้น เช่น ประติมากรรมพระพุทธรูปในศิลปะสุโขทัย ภาพเขียนพุทธประวัติ โบสถ์ วิหาร หรือศาสนสถานที่สร้างขึ้นเพื่อการบูชาต่าง ๆ เป็นต้น

61.       ศิลปะที่ให้ประโยชน์สุขทางกาย

(1) วิจิตรศิลป์  

(2) ศิลปะประยุกต์      

(3) ทัศนศิลป์   

(4) ศิลปะกินระวางเนื้อที่

ตอบ 2 หน้า 8 – 93 – 4 (S) ศิลปะประยุกต์ (Applied Art) คือ งานศิลปะที่ผู้สร้างตั้งใจสร้าง หรือประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อประโยชน์ใช้สอยอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเป็นการรู้จักนำเอาศิลปะมา ดัดแปลงให้เป็นประโยชน์แกชีวิตประจำวัน ซึ่งถือเป็นประโยชน์สุขทางกายของมนุษย์ เช่น เครื่องประดับ เครื่องจักร ผ้า เครื่องหนัง เครื่องเคลือบ และเครื่องใช้สอยต่าง ๆ เป็นต้น

62.       ผลของพัฒนาการแห่งรสนิยมเป็นเช่นไร        

(1) เหมือนกันทุกชาติ

(2)       แตกต่างกันไปตามขนบธรรมเนียมประเพณี  

(3) คล้ายคลึงกันทุกวัฒนธรรม

(4)       ไม่ปรากฏมีพัฒนาการแห่งรสนิยมในสังคมระบอบคอมมิวนิสต์

ตอบ 2 หน้า 5 (S) รสนิยมที่ดีนงานศิลปะ หมายถึง การรู้จักความสัมพันธ์ของโครงสร้างและส่วนประกอบขั้นมูลฐานที่สำคัญของงานศิลปะ โดยต้องพิจารณาถึงรูปลักษณะที่สวยงามและ ประโยชน์ใช้สอยควบคู กันไปด้วย ซึ่งพัฒนาการแห่งรสนิยมที่มีขึ้นของแต่ละชาติจะแตกต่างกัน อันเป็นผลมาจากความแตกต่างของขนบธรรมเนียมประเพณี เชื้อชาติ วัฒนธรรม และประสบการณ์ ของแต่ละบุคคล

63.       ภาพแห่งจินตนาการคือภาพใด

(1) คชสีห์ ลายกนก     

(2) ดอกเบญจมาสสีเหลือง

(3)       รูบปั้นศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี        

(4) ภาพวาดบนผืนผ้าใบชื่อ บ้านชายทุ่ง

ตอบ 1 หน้า 19 (S)31 (S) จินตนาการก้าวไกลหรือความคิดเพ้อฝัน เป็นจินตนาการเหนือความจริง ที่มนุษย์ทำให้แตกต่างไปจากที่ตนเคยเห็น โดยบางทีก็ทำให้ดูลํ้าลึกน่าติดตาม หรือทำให้ชวนสงสัยว่ามีจริงหรือไม่ เป็นไปได้หรืออย่างไร เช่น การที่ช่างเขียนไทยในสมัยก่อน เขียนภาพลายกนก กินรี คชสีห์ นางยักษ์ ม้ามังกร หรือสัตว์ในนิยายโบราณต่าง ๆ

64.       ศิลปะแบบคิวบิสม์ จัดเป็นศิลปะแบบใด

(1) จินตนาการ            (2) กึ่งจินตนาการ        (3) ภาพเหมือนจริง      (4) สเปน

ตอบ     2 หน้า 22138 – 39 (S)57 (S) ศิลปะนามธรรมหรือมโนศิลป์ (Abstract) คือ การถ่ายทอดตามความรู้สึกด้วยใจ โดยการนำเอารูปทรงต่าง ๆ ที่พบเห็นในธรรมชาติมาจัดเสียใหม่ ดังนันจึงอาจจะมีลักษณะกึ่งธรรมชาติ กึ่งนามธรรม และผิดเพี้ยนไปจากธรรมชาติอยู่บ้าง เช่น ศิลปะแบบคิวบิสม์ จัดเป็นศิลปะแบบกึ่งจินตนาการที่มีลักษณะเป็นเหลี่ยม เป็นมุม และบิดเบี้ยว ไม่เป็นรูปทรง แตก็ยังพอพิจารณาดูรูปลักษณะได้ว่าเป็นรูปอะไร

65.       โคลด์ โมเนต์ เป็นศิลปินชนชาติใด

(1) ฝรั่งเศส      (2) อเมริกัน      (3) ยุโรป          (4) สเปน

ตอบ1 หน้า 35 – 36 (S) โคลด์ โมเนต์ (Claude Monet) เป็นศิลปินชาวฝรั่งเศสที่นิยมเขียน ภาพแบบ Impressionist เช่น ภาพเขียนความประทับใจยามรุ่งอรุณ (Impression : Sunrise) ซึ่งศิลปินเขียนด้วยแปรงหยาบ ๆ ทิ้งรอยแปรงไว้ให้แสงของสีผสมกันโดยไม่ต้องเกลี่ยเนื้อสี ให้เสมอกัน

66.       งานศิลปะสำเร็จลงตรงกระบวนการดังนี้

(1)       ศิลปิน-ธรรมชาติ-แรงบันดาลใจ-แสดงออก (2) ศิลปิน-ความชำนาญ-ธรรมชาติ-แสดงออก

(3) ศิลปิน-จินตนาการ-แรงบันดาลใจ-แสดงออก (4) ศิลปิน-จินตนาการ-ธรรมชาติ-แสดงออก

ตอบ1 หน้า 10 – 1136 (S) กระบวนการในการสร้างสรรค์งานศิลปะนั้น เกิดจากการที่ศิลปิน

ได้สัมผัสกับความงามของธรรมชาติแล้วเกิดแรงบันดาลใจหรือเกิดความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ และแสดงออกมาเป็นงานศิลปะในรูปแบบต่าง ๆ โดยการตัดทอนเอาเฉพาะส่วนที่สำคัญและ ส่วนที่มีความหมายต่อผู้พบเห็นเท่านั้น

67.       แรงบันดาลใจของศิลปินได้มาจากสิ่งใด        

(1) ธรรมชาติเท่านั้น

(2)       ธรรมชาติและจินตนาการ        (3) ความดีใจเสียใจ     (4) ความสวยงาม

ตอบ 2 หน้า 10 ถึงแม้ว่าธรรมชาติจะเป็นแรงบันดาลใจอันเร้นลับที่ผลักดันให้มนุษย์สร้างงานศิลปะ ออกมาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง สุดแล้วแต่ประสบการณ์และอารมณ์สะเทือนใจของศิลปินผู้นั้น แต่หากปราศจากอำนาจแห่งความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ อันก่อให้เกิดมโนภาพหรือจินตนาการขึ้น ในจิตใจด้วยแล้ว งานศิลปะก็มิอาจสร้างสรรค์ขึ้นมาได้

68.       การเข้าใจศิลปะได้ดีเยี่ยมควรต้องเข้าใจสิ่งใดก่อน

(1) องค์ประกอบของศิลปะ     (2) ธรรมชาติ (3) โครงสร้างของงานศิลปะ      (4) ทฤษฎีสี

ตอบ 2 หน้า 36 (S) การเข้าใจศิลปะจะต้องเข้าใจธรรมชาติซึ่งเป็นสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวก่อนเป็นอันดับแรก นอกจากนี้ยังต้องเข้าใจลึกลงไปถึงส่วนสำคัญอื่น ๆ ที่เป็นความสัมพันธ์ของ โครงสร้างในงานศิลปะ เช่น องค์ประกอบของศิลปะ โครงสร้างของงานศิลปะ และทฤษฎีสี

69.       สตรีสูงอายุแต่งตัวเป็นสาววัยรุ่น เรียกสตรีผู้นี้ว่า

(1) มีรสนิยมพัฒนาการไปตามวัย       (2) ไม่มีพัฒนการทางรสนิยม

(3)       สาวสองพันปี   (4) สาวใหญ่

ตอบ 2 หน้า 4 รสนิยมของคนเราทุกคนจะพัฒนาไปตามวัย และย่อมมีพัฒนาการไปในทางที่ดีขึ้นถ้าเรารู้จักศึกษาและหาประสนการณ์ใหม่ ๆ พร้อมทั้งเอาใจใส่ที่จะเปลี่ยนแปลงปรับปรุงตัวอยู่เสมอ รสนิยมในขั้นพื้นฐานที่มีอยู่ก็จะเกิดมีวิวัฒนาการใหม่และดีขึ้น ยกเว้นแต่ผู้ที่ไม่พยายามจะเอาใจใส่ก้บสิ่ งเหล่านี้เท่านั้น

70.       ในชีวิตประจำวันเราพบกับข้อใดมากที่สุด

(1) วิจิตรศิลป์  (2) ศิลปะประยุกต์ (3) นิเทศศิลป์       (4) อุตสาหกรรมศิลป์

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 61. ประกอบ

71. ศิลปะบริสุทธิ์มีประโยชน์ต่อชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร

(1) ช่วยให้มีความสุขสบายใจ 

(2) ช่วยให้รู้จักออกแบบเครื่องแต่งกายได้เหมาะสม

(3) ช่วยให้มีความเป็นอยู่สบายขึ้น      

(4) ช่วยให้มีสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น

ตอบ หน้า 4 (S)87 (S) ศิลปะบริสุทธิ์หรือประณีตศิลป์ (Fine Art) เป็นงานศิลปะที่คำนึงถึงประโยชน์ ทางจิตใจ คือ ช่วยให้มีความสุขสบายใจ ทำให้เกิดความประทับใจที่ดื่มดํ่า มีความศักดิ์สิทธิ์ ในทางจิต เกิดอารมณ์สะเทือนใจไม่เสื่อมคลายและไม่สูญหายไปจากความทรงจำ ดังนั้นจึง จัดเป็นงานศิลปะอมตะหรือเรียกว่า วิจิตรศิลป์ ซึ่งเป็นศิลปะชั้นสูง ได้แก่ งานจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์

72.       การแสดงออกถึงความซาบซึ้งในความงามทางศิลปะแสดงออกได้

(1) ทางอารมณ์และความร่าเริง           

(2) ทางอารมณ์และสีสัน

(3) ทางอารมณ์และพุทธิปัญญา         

(4) ทางอารมณ์และการออกแบบ

ตอบ3  หน้า 3 (S)12 – 13 (S) สุนทรียรสหรือรสของศิลปะจะก่อให้เกิดความรู้สึกซาบซึ้งในสุนทรียภาพหรือความงามของศิลปะ ซึ่งนับเป็นความเข้าใจที่สำคัญยิ่งของมนุษย์ต่อสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว โดยการแสดงออกถึงความซาบซึ้งในความงามทางศิลปะมีสิ่งสำคัญ 2 ประการ คือ 1. ความซาบซึ้งทางอารมณ์   2. ความซาบซึ้งทางพุทธิปัญญา

73.       จุดมุงหมายในการเรียนศิลปะวิจักษณ์

(1) รู้จักวิธีการเบื้องต้นในการอนุรักษ์ศิลปกรรมของชาติ        

(2) รู้จักพัฒนารสนิยมให้เหมาะสมกับวัย

(3) รู้จักจัดระเบียบของสิ่งของเครื่องใช้ให้ดูสวยงามขึ้น          

(4) รู้จักหลักในการวาดรูปด้วยสีน้ำมัน

ตอบ 1 หน้า 3  จุดมุ่งหมายในการเรียนวิชาศิลปะวิจักษณ์ คือ เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจและพิจารณางานศิลปะอย่างมีเหตุผล ตลอดจนเข้าใจประวัติความเป็นมาจนสามารถวิเคราะห์ และสังเคราะห์งานศิลปะได้ กล่าวคือ เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งสวยงามเพื่อนำไปใช้ ในชีวิตประจำวัน เกิดทัศนคติที่ดี รู้จักคุณค่าของศิลปกรรม และยังเป็นการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจอย่างมีหลักการ จนสามารถรู้จักวิธีการเบื้องต้นในการอนุรักษ์ศิลปกรรมของชาติได้

74.       ธรรมชาติเป็นแม่แบบให้มนุษย์ เพราะ

(1) ธรรมชาติได้สร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ไว้ไมรู้จักหมดสิ้น (2) ธรรมชาติไม่สามารถปรุงแต่งได้

(3) ธรรมชาติมีความกว้างขวางยิ่งใหญ่           (4) ธรรมชาติให้สิ่งแวดล้อมที่แปลกใหม่เสมอ

ตอบ 1 หน้า 10 – 115 (S) ธรรมชาติได้สร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ไวไมรู้จักหมดสิ้น ไม่ว่าจะเป็นความงาม ความอัปลักษณ์ และรูปลักษณะแบบต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ทั่วไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจ ให้มนุษย์ใช้เป็นแบบในการสร้างงานศิลปะขึ้น ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าธรรมชาติเป็นแม่แบบของศิลปะ หรือเป็นบ่อเกิดแห่งศิลปะ แต่มิใช่ตัวศิลปะ เพราะศิลปะย่อมหมายถึงสิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์ สร้างขึ้นเท่านั้น

75.       ความรู้สึกในด้านความงามเป็นความหมายเกี่ยวกับข้อใด

(1)       ความลงตัว     (2) ความสมสัดส่วน    (3) รสนิยม       (4) ความมีช่องว่างที่พอเหมาะ

ตอบ3  หน้า 6 – 7 (S) ความรู้สึกในด้านความงาม เป็นสิ่งเดียวกับที่เรียกว่ารสนิยม ซึ่งจะค่อย ๆเติบโตไปสู่สิ่งที่ประณีตกว่า ลึกซึ้งกว่า และมีวิวัฒนาการตามลำดับขั้น ยิ่งถ้ามีการศึกษาหาความรู้ ในงานศิลปะอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้รสนิยมขยับขยายสูงขึ้นไปทีละขั้นโดยที่ผู้นั้นแบบไม่รู้ตัว

76.       เรื่องของศิลปะ กล่าวอีกอย่างหนึ่งได้ว่า คือ   

(1) เรื่องของความงาม

(2)       เรื่องของชีวิตและธรรมชาติ     (3) เรื่องของความมีระเบียบ    (4) เรื่องของกฎเกณฑ์

ตอบ1 หน้า 6 นักปรัชญา ในยุคบัจจุบันมีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องของศิลปะแตกต่างไปจากนักปรัชญาสมัยเก่า โดยกล่าวว่า ศิลปะคือการสะท้อนความจริงของชีวิตตามที่เป็นอยู่จริง และความแท้จริงนั้นก็คือเรื่องของความงาม ซึ่งความงามของศิลปะอาจจะหมายถึง การพรรณนาเรื่องราวในชีวิตทั้งในแงดีและไม่ดีก็ได้

77.       ปราชญ์ชาวกรีกให้ความหมายของคำว่า ศิลปะ

(1) ต้องมาจากความดีเทานั้น  (2) ต้องมาจากธรรมชาติ

(3)       ต้องลอกเลียนธรรมชาติ         (4) ต้องสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่

ตอบ 3 หน้า 59 (S) นักปรัชญามักจะกล่าวถึงศิลปะว่า มีพื้นฐานมาจากความงามและความดี โดยนักปราชญ์ชาวกรีก ได้ให้คำนิยามว่า งานศิลปะเป็นการลอกเลียนธรรมชาติ(The Imitation of Nature) เช่น โสเครตีส (Socrates) ได้ให้ความหมายว่า ศิลปะเป็นความงามที่ได้จากธรรมชาติ และต้องมีผลเสริมสร้างทางด้านจิตใจด้วย” ฯลฯ

78.       ภาพลายเส้นชื่อ ทางสายกลาง” เป็นภาพของศิลปินท่านใด

(1) ปรีชา เถาทอง        (2) สวัสดิ์ ตันติสุข        (3) ถวัลย์ ดัชนี (4) เขียน ยิ้มสิริ

ตอบ3 หน้า 18 (S) ภาพวาดลายเส้นชื่อ “ทางสายกลาง” ของถวัลย์ ดัชนี เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึง ความพอดี เหมาะเจาะ ไม่ย่อหย่อน และไม่ตึงเขม็ง เป็นสัจภาวะที่ทั้งกายและจิตพบพุทธธรรม ในมัชฌิมาปฏิปทาหรือทางสายกลางตามคำสอนของพระพุทธเจ้า เข้าสู่ความสะอาด ความสว่าง และความสงบอันเป็นความจริงที่สุดของหัวใจพุทธธรรม

79.       ศิลปะกินระวางนื้อที่ หมายถึง

(1) จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม    (2) ศิลปกรรมที่วางไว้กลางแจ้ง

(3) ศิลปกรรมที่ยกไปมาได้      (4) ประติมากรรมและสถาปัตยกรรม

ตอบ 1 หน้า 840. 87 (S) ศิลปะกินระวางเนื้อที่ (Space Art) บางครั้งก็เรียกว่า ทัศนศิลป์(Visual Art or Plastic Art) หมายถึง ศิลปะที่จำกัดระวางเนื้อที่ส่วนใดส่วนหนึ่งในอากาศ ด้วยปริมาตรของศิลปะเหล่านั้น ซึ่งได้แก่ จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม เป็นต้น

ข้อ 80. – 84. ให้ใช้ตัวเลือกที่เห็นว่ามีข้อความเกี่ยวข้องกันต่อไปนี้เป็นคำตอบ

(1) สถาปัตยกรรม       (2) เรื่องของเส้น สี แสง และเงา          (3) มิเซียม ยิบอินซอย

(4)       ถวัลย์ ดัชนี      (5) ศิลป์ พีระศรี

80.       รูปเหมือนนางมาลินี

ตอบ 5 หน้า 7 (S) ภาพเหมือนของนางมาลินี พีระศรี เป็นผลงานของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ส่วนภาพ สันติคาม” นั้น เป็นผลงานของมิเซียม ยิบอินซอย

81.       วิจิตรศิลป์

ตอบ 1 หน้า 822 (S) วิจิตรศิลป์ (Fine Art) หมายถึง จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม วรรณศิลป์ ดุริยางคศิลป์ และภาพพิมพ์ ซึ่งเกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจของธรรมชาติจนส่งเสริม ให้ศิลปินเกิดความคิดสร้างสรรค์ในงานศิลปะ หริอเป็นศิลปกรรมที่ทำขึ้นจากความสัมพันธ์กัน อย่างประณีตของเส้นและมวลสิ่งหรือสีที่มีความผสมกลมกลืนกันอย่างงดงาม

82.       สันติคาม

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 80. ประกอบ

83.       ภาพดวงอาทิตย์

ตอบ 4 หน้า 29 – 30 (Sภาพดวงอาทิตย์” ผลงานของถวัลย์ ดัชนี เป็นภาพที่เปรียบเทียบให้เห็นถึงดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงอันแรงกล้าอย่างสมํ่าเสมอนานนับปีโดยไม่เปลี่ยนแปลง ดังเช่น แมลงกว่าง (ส่วนบนสุดของภาพ) ที่ไม่มีความหวั่นไหว มีความหนักแน่น มั่นคงอย่างสมํ่าเสมอ และ แฝงด้วยอำนาจอันเข้มแข็ง ถึงแม้จะมีความรู้สึกเจ็บปวด หรือโกรธแค้น ลักษณะใบหน้า และท่าทางของแมลงกว่างจะไม่เปลี่ยนแปลง หรือแสดงออกมาให้เห็นได้

84.       ความซาบซึ้งทางอารมณ์

ตอบ 2 หน้า 12 (S) ความซาบซึ้งทางอารมณ์ (Emotional Appreciation) เป็นความรู้สึกบนพี้นฐานแห่งความชื่นชมยินดีและความพึงพอใจที่ได้รับจากการสัมผัสกับความงามในองค์ประกอบของเส้น สี แสง เงา รูปทรง ท่าทาง ถ้อยคำสำนวน และอื่น ๆ อันเป็นความรู้สึกประทับใจหรือสะเทือนใจ

ข้อ 85. – 89. ให้ใช้ตัวเลือกที่เห็นว่ามีข้อความเกี่ยวข้องกันต่อไปนี้เป็นคำตอบ

(1) มิลเลต์       (2) โมเนต์        (3) ชอง แกร์    (4) บอตติเชลลี่            (5) ฟานก๊ะ

85.       รูปปิกัสโซ

ตอน 3 หน้า 23 (S) ภาพเขียนรูปปิกัสโซ (Portrait of Picasso) ผลงานของของ แกร์ (Juan Gris)

86.       การเกิดของเทพีวีนัส

ตอบ4  หน้า 13 (S) ภาพเขียนการเกิดของเทพีวีนัส (The Birth of Venus) ผลงานของบอตติเชลลี่(Botticelli)

87.       ภาพชาวนาเก็บข้าวร่วงหล่นหลังฤดูเก็บเกี่ยว

ตอบ 1 หน้า 33 (S) ภาพเขียนชาวนาเก็บข้าวร่วงหล่นหลังจากฤดูเก็บเกี่ยว ผลงานของมิลเลต์ ซึ่งเป็นศิลปินที่นิยมแสดงความประทับใจในสภาพแวดล้อมธรรมชาติ

88.       คืนที่แวววาวด้วยดวงดาว

ตอบ 5 หน้า 31 – 32 (S) ภาพเขียนคืนที่แวววาวด้วยดวงดาว (The Starry Night) ผลงานของ ฟานโก๊ะ (Van Gogh)

89.       ความประทับใจในยามรุ่งอรุณ

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 65. ประกอบ

90.       ศิลปินที่นิยมแสดงออกด้วยการตัดทอน

(1) ฟานโก๊ะ     (2) โมเนต์        (3) โกแกง        (4) ชอง แกร์

ตอบ 1 หน้า 37 (S) การแสดงออกหรือถ่ายทอดด้วยการตัดทอน (Distortion) เป็นการแสดงออก ที่ศิลปินจะไม่ลอกเลียนธรรมชาติทั้งหมด แต่จะเน้นเฉพาะส่วนสำคัญหรือจุดเด่นที่ก่อให้เกิด อารมณ์สะเทือนใจ ส่วนที่รองลงมาหรือไม่น่าสนใจก็จะตัดทิ้งออกไป ไม่ถ่ายทอดออกมาให้เห็น เช่น ฟานก๊ะ (Van Gogh) เป็นศิลปินที่นิยมแสดงออกด้วยการตัดทอนได้อย่างเหมาะสม

91. ศิลปินที่นิยมแสดงความประทับใจในสภาพแวดล้อมธรรมชาติ

(1) ฟานโกะ     

(2) มิลเลต์       

(3) โคลด์ โมเนต์          

(4) พอล โกแกง

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 87. ประกอบ

92.       ลักษณะเด่นของการเขียนรูปของฟานโก๊ะคือ

(1) ปาดด้วยสีแปรงแล้วไม่เกลี่ยให้เสมอ         

(2) นิยมวาดภาพตัดทอน

(3) นิยมใช้สีสดใส       

(4) นิยมวาดภาพชีวิตชาวนา

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 90. ประกอบ

93.       ศิลปินที่นิยมเขียนภาพแบบ “Impressionist” คือ

(1) ฟานโก๊ะ     

(2)       โมเนต  

(3)       โกแกง 

(4)       บอตติเชลลี่

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 65. ประกอบ

94.       ภาพ เมื่อไหร่คุณจะแต่งงาน” เป็นของใคร

(1) ฟานก๊ะ     (2)       พอล โกแกง     (3)       โมเนต์  (4)       มิลเลต์

ตอบ 2 หน้า 39 (S). 41 (S) ภาพเขียนเมื่อไหร่คุณถึงจะแต่งงาน ผลงานของพอล โกแกง (Paul Gauguin)

95.       ความรู้สึกทางด้านความงามของมนุษย์เกิดขึ้นเมื่อใด

(1) พร้อมกับมนุษย์      (2) ยุคหินเก่า   (3)       ยุคหินใหม่       (4)       มีการก่อสร้างเทวาลัย

ตอบ 1 หน้า 1 (S) ความรู้สึกทางด้านความงาม นับเป็นธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนที่มีติดตัวมา แต่กำเนิด เพียงแต่จะมีความแตกต่างกันในด้านการแสดงออกเท่านั้น จึงเป็นที่ยอมรับกัน โดยทั้วไปว่าจุดเริ่มต้นของศิลปะได้กำเนิดขึ้นมาพร้อมกับมนุษย์

96.       ข้อใดเกี่ยวข้องกับความซาบซึ้งทางพุทธิปัญญา

(1) ประติมากรรมศิลปะสุโขทัย           (2) ภาพเขียนพุทธประวัติในโบสถ์วัดสุวรรณาราม

(3) ภาพเหมือนของพอล โกแกง          (4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 หน้า 12 – 13 (S), (ดูคำอธิบายข้อ 60. ประกอบ) ความซาบซึ้งทางพุทธิปัญญา (Intellectual Appreciation) เป็นความรู้สึกอันเนี่องมาจากการมีความเข้าใจใน หลักของความงามทางสุนทรียภาพหรือความงามของศิลปะ โดยการรู้ถึงองค์ประกอบ และวิวัฒนาการของศิลปะ

97.       ข้อใดไม่ใช่วิจิตรศิลป์

(1) จิตรกรรม   (2) ประติมากรรม        (3) สถาปัตยกรรม       (4) ภาพถ่าย

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 81. ประกอบ

98.       ข้อใดคือการถ่ายทอดตามความรู้สึกด้วยใจ

(1) นามธรรม   (2) เหมือนจริง (3) ตัดทอน      (4) หุ่นนิ่ง

ตอบ 1 ดูดำอธิบายข้อ 64. ประกอบ

99.       ภาพสามมิติมีลักษณะอย่างไร

(1) แบนราบ    (2) มีความลึกในภาพ

(3) เส้นคมกริบดังคมมีด          (4) รูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมคางหมู

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 1. ประกอบ

100.    การแสดงออกด้วยการตัดทอนคืออะไร

(1) ภาพเหมือนจริง      (2) ไม่ลอกเลียนธรรมชาติทั้งหมด

(3) ภาพในชีวิตประจำวัน        (4) ลอกเลียนธรรมชาติ

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 90. ประกอบ

ART1003 ศิลปะวิจักษณ์ การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2554

การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2554

ข้อสอบกระบวนวิชา ART 1003 ศิลปะวิจักษณ์

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ

1.         วัฒนธรรมของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์แสดงออกมาในรูปใด

(1)       ภาษา   

(2) อักษร         

(3) ศิลปกรรม  

(4) เพลงร้อง

ตอบ 3 หน้า 47 วัฒนธรรมของมนุษย์ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ มักแสดงออกมาในรูปของศิลปกรรม นับตั้งแต่เครื่องใช้ไม้สอย เครื่องปั้นดินเผา และเครื่องประดับต่าง ๆ ล้วนเป็นสิ่งที่บ่งบอกให้รู้ ถึงความเจริญรุ่งเรืองของสังคม ชีวิตความเป็นอยู่ และเทคโนโลยีในสมัยนั้น ๆ ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้เพราะมนุษย์ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ยังไม่มีตัวอักษรสำหรับการจดบันทึก

2.         ความรู้ที่เรียกว่า แม่แห่งศิลปะ” คือสิ่งใด

(1)       ความจริงในประวัติศาสตร์     

(2) การเขียนสีนํ้า

(3) สิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวเรา   

(4) ภาพปูนปั้นของสมัยคลาสสิก

ตอบ 3 หน้า 9-10 บ่อเกิดหรือแม่แห่งศิลปะมิได้มาจากธรรมชาติเท่านั้น เพราะสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวเรายอมมีผลเป็นอย่างมากต่อการสร้างสรรค์งานศิลปะ ดังนั้นปัจจัยที่ทำให้เกิดงานศิลปะ จึงประกอบไปด้วยธรรมชาติ ศาสนา ความเชื่อถือ ภูมิอากาศ ภูมิประเทศ ระบบการปกครอง สังคม และวัสดุที่นำมาใช้

3.         คุณค่าทางสุนทรียภาพทางศิลปะ คือ

(1) เป็นการแสดงออกถึงภาพที่ให้ความรู้สึกสะเทือนใจมากที่สุด

(2)       เป็นภาพที่มีการจัดวางเส้น รูปร่าง มวล พื้นผิว และช่องว่างได้อย่างเหมาะสม

(3)       เป็นการแสดงออกถึงลีลา ฝีแปรงที่แข็งกร้าวเด็ดเดี่ยว

(4)       เป็นการแสดงออกถึงสิ่งแปลกใหม่ในงานศิลปะ

ตอบ 2 หน้า 32030 คุณค่าทางสุนทรียภาพของศิลปะหรือคุณค่าทางสุนทรียศาสตร์ (Aesthetics) คือ การจัดวางโครงสร้างของศิลปะให้มีองค์ประกอบของเส้น คุณค่า รูปร่าง มวล พื้นผิว และ ช่องว่างให้มีความสมดุล มีสัดส่วน มีช่วงจังหวะ มีความกลมกลืน มีความขัดแย้ง และมีจุดเด่น ในงานศิลปะได้อย่างเหมาะสม

4.         การศึกษาศิลปะอาจกล่าวอีกอย่างหนึ่งได้ว่า

(1)       คือการศึกษาชีวประวัติและผลงานของศิลปิน (2) คือการศึกษาโครงสร้างของงานศิลปะ

(3) คือการกำหนดรูปแบบของภาพเขียนจากผลงาน  (4) คือการศึกษาเรื่องราวของมนุษย์

ตอบ4 หน้า 4 ศิลปกรรมย่อมคู่กับวัฒนธรรมเสมอ เพราะเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นและแสดงออกถึง ความเจริญของสังคม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ และความคิดอ่านของศิลปิน จึงได้ถ่ายทอดออกมา เป็นงานศิลปะ ดังนั้นการศึกษาศิลปะจึงอาจกล่าวได้ว่า คือการศึกษาเรื่องราวของมนุษย์” นั่นเอง

5.         การถ่ายทอดงานศิลปะขึ้นอยู่กับ

(1) ความชำนาญในการเลือกเนื้อหา   (2) ทักษะและประสาท

(3) รูปแบบที่กำหนดไว้แล้ว     (4) ส่วนประกอบและเครื่องมือเกี่ยวกับงานศิลปะ

ตอบ 2 หน้า 11 ความรู้สึกในการถ่ายทอดงานศิลปะจะขึ้นอยู่กับทักษะและประสาทสัมผัสของศิลปิน ซึ่งการถ่ายทอดและตัดทอนอาจจะทำได้ 3 ประการ คือ          1. การถ่ายทอดตามความเป็นจริง2. การถ่ายทอดโดยการตัดทอน     3. การถ่ายทอดตามความรู้สึก

6.         จุดมุ่งหมายที่สำคัญอีกประการหนึ่งในการเรียนวิชาศิลปะวิจักษณ์ คือ

(1)       เป็นผู้เชี่ยวชาญในการอนุรักษ์ศิลปกรรมของชาติ

(2)       เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งสวยงามเพื่อนำใช้ในชีวิตประจำวัน

(3)       เข้าใจความเป็นมาของศิลปกรรมชิ้นสำคัญของประเทศจนสามารถอธิบายได้

(4)       มีความชำนาญในการจัดรูปแบบทางด้านศิลปะ

ตอบ 2 หน้า 3 จุดมุ่งหมายในการเรียนวิชาศิลปะวิจักษณ์ คือ เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจและ พิจารณางานศิลปะอย่างมีเหตุผล ตลอดจนเข้าใจประวัติความเป็นมาจนสามารถวิเคราะห์ และสังเคราะห์งานศิลปะได้ กล่าวคือ เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งสวยงามเพื่อนำไปใช้ ในชีวิตประจำวัน เกิดทัศนคติที่ดี รู้จักคุณค่าของศิลปกรรม และยังเป็นการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจอย่างมีหลักการ จนสามารถรู้วิธีการเบื้องต้นในการอนุรักษ์ศิลปกรรมของชาติได้

7.         ภูเขา ต้นไม้ ใบไม้ จัดเป็นรูปลักษณะทางศิลปะแบบใด

(1) เรขาคณิต  (2) ธรรมชาติ   (3) อิสระ          (4) ที่กำหนดแล้ว

ตอบ 2 หน้า 11 รูปลักษณะของงานศิลปะ แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ 1. แบบธรรมชาติเป็นรูปลักษณะที่ตายตัวไม่เปลี่ยนแปลง เช่น ภูเขา ต้นไม้ ใบไม้ ดอกไม้ มนุษย์ สัตว์ ฯลฯ

2.         แบบเรขาคณิต เป็นรูปลักษณะที่ได้แบบอย่างจากธรรมชาติมาบ้าง เช่น เส้นตรง เส้นโค้ง ฯลฯ

3.         แบบอิสระ เป็นรูปลักษณะที่ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว และเปลี่ยนแปลงไปตามความนิยมหรือ ความเห็นชอบของผู้ประดษฐ์

8.         มนุษย์ สัตว์ จัดเป็นรูปลักษณะของศิลปะแบบใด

(1) ที่กำหนดแล้ว         (2) เรขาคณิต  (3) ธรรมชาติ   (4) อิสระ

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 7. ประกอบ

9.         สุนทรียรสในวิชาศิลปะวิจักษณ์ ให้ความรู้สึกซาบซึ้งในเรื่องใด

(1) ความรัก     (2) ความงาม   (3) ความสวย  (4) ความบันเทิง

ตอบ 2 หน้า 3 (S)12 – 13 (S) สุนทรียรสหรือรสของศิลปะจะก่อให้เกิดความรู้สึกซาบซึ้ง ในสุนทรียภาพหรือความงามของศิลปะ ซึ่งนับเป็นความเข้าใจที่สำคัญยิ่งของมนุษย์ต่อ สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว โดยมีสิ่งสำคัญ 2 ประการ คือ 1. ความซาบซึ้งทางอารมณ์ 2. ความซาบซึ้งทางพุทธิปัญญา

10.       สุนทรียะในวิสัยของธรรมชาติเกี่ยวข้องกับ

(1) ความงาม ความมีระเบียบทางธรรมชาติ    (2) ความกลมกลืนของรูปลักษณะของธรรมชาติ

(3) ความลงตัว ความเหมาะสมของธรรมชาติ (4) ความสวยงามทางสีสันของธรรมชาติ

ตอบ 1 หน้า 12 สุนทรียะในวิสัยของธรรมชาติ หมายถึง สุนทรียะแห่งความมีระเบียบและความงาม โดยธรรมชาติจะมีกฎแห่งสุนทรียะซึ่งก่อให้เกิดความมีระเบียบ ความเหมาะสมกลมกลืน และ ความงามอยู่ทั้งสิ้น ดังนั้นในธรรมชาติจึงมีความงาม ความสะเทือนใจ และให้ความนึกคิด แกผู้พบเห็นเสมอ

11.       ศิลปกรรมที่สูงสุดของมนุษย์

(1)       จำลองแวดล้อมไว้        

(2) สร้างศาสนสถานเพื่อการบูชา

(3) รูปปั้นเทพเจ้าหรือเทพธิดา 

(4) สร้างที่อยู่อาศัย

ตอบ 2 หน้า 2004 (S). 12 (S) ศาสนศิลปะ (Religious Art) หรืองานศิลปกรรมในลัทธิความเชื่อถือ และศาสนา ถือเป็นผลงานสร้างสรรค์ที่สูงสุดและเหนือกว่างานสร้างสรรค์ด้านอื่น ๆ เพราะว่า เป็นงานศิลปะที่เกิดจากความซาบซึ้งทางพุทธิปัญญาที่มีคุณค่าเหนือกว่าศิลปะทั้งหลายที่มนุษย์ ได้สร้างขึ้น เช่น ประติมากรรมพระพุทธรูปในศิลปะสุโขทัย ภาพเขียนพุทธประวัติ โบสถ์ วิหาร หรือศาสนสถานที่สร้างขึ้นเพื่อการบูชาต่าง ๆ เป็นต้น

12.       ยุคสมัยก่อนประวัติศาสตร์แตกต่างจากสมัยประวัติศาสตร์ เพราะยุคก่อนประวัติศาสตร์

(1) ไม่มีตัวอักษร          

(2) ไม่มีเครื่องปั้นดินเผา

(3) ไม่มีกระดาษ          

(4) ไม่มีเครื่องดนตรี

ตอบ 1 หน้า 47114 (S) การแบ่งยุคสมัยของมนุษย์จะใช้ตัวอักษรเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง กล่าวคือ ยุคก่อนประวัติศาสตร์นั้นจะยังไม่มีตัวอักษรสำหรับการจดบันทึก การศึกษาศิลปะจึงศึกษาจาก ศิลปะวัตถุและซากโครงกระดูกต่าง ๆ ส่วนยุคประวัติศาสตร์จะมีการใช้ตัวอักษรเพื่อสื่อความหมาย และทำความเข้าใจระหว่างกัน การศึกษาศิลปะจึงศึกษาจากลายลักษณ์อักษรที่ได้จดบันทึกขึ้น

13.       พื้นผิวของไม้มะเกลือให้ความรู้สึก

(1) บางเบา      

(2) ลื่นมัน        

(3) อ่อนหวาน  

(4) เย็นสบายตา

ตอบ 4 หน้า 64 – 65 (S) พื้นผิวของดิน เปลือกไม้ อิฐ พืช เปลือกไข่ ขนสัตว์ ใยไหม ปีกของแมลง หรือไม้มะเกลือขัดมัน ฯลฯ ซึ่งมีลักษณะโดยธรรมชาติเป็นวัสดุที่แข็งและสะท้อนแสงได้อย่างดี จะให้ความรู้สึกเย็น แต่ถ้ามีลายไม้มากหรือมีสีนํ้าตาลเข้มจนเกือบดำจะให้ความรู้สึกอบอุ่นแทน

14.       สีที่มีความอ่อนหวาน คือสีใด

(1)       สีแดง   (2) สีชมพู        (3) สีเหลือง     (4) สีเขียว

ตอบ 2 หน้า 71 (S) ในเรื่องจิตวิทยาของสีนั้นถือว่า สีมีอิทธิพลเหนือจิตใจของมนุษย์โดยทั่วไป ดังนั้นสีจึงสามารถบ่งบอกถึงอารมณ์และความรู้สึกได้เป็นอย่างดี เช่น สีเหลือง หมายถึง ความไพบูลย์สีแดง หมายถึง ความตื่นเต้นเร้าใจสีชมพูหรือสีดอกกุหลาบ หมายถึง ความอ่อนหวานนุ่มนวลสีเขียวและสีนํ้าเงิน หมายถึง ความสงบเงียบ ฯลฯ

15.       สีกลาง คือสีใด

(1) ขาว            (2) น้ำเงิน        (3) นํ้าตาล       (4) เทา

ตอบ 4 หน้า 3467 (S) สีทั้งหลายที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนั้นเกิดจากการผสมกันของแม่สีที่เรียกว่า แม่สีวัตถุธาตุ ได้แก่            1. สีนํ้าเงิน (Prussian Blue) 2. สีแดง (Crimson) 3. สีเหลือง(Gamboge Tint) ซึ่งสีทั้งสามนี้เมื่อนำมาผสมกันในอัตราส่วนที่เท่า ๆ กันก็จะได้สีกลาง (Neutral Tint) คือ สีเทา แต่ถ้าผสมเข้มจัดจะได้สีดำ

16.       สีตรงกันข้าม คือข้อใด

(1) เทาเข้ม ฟ้าใส         (2) แดง ชมพูอ่อน        (3) เหลือง นํ้าตาล       (4) ส้ม น้ำเงิน

ตอบ 4 หน้า 3669 (S) สีตรงกันข้ามหรือสีคูจะเป็นสีที่ตัดกันอย่างแท้จริง ซึ่งสีบางสีจะเอามาผสมกัน ไมได้เพราะสีจะเน่าและไม่สวย โดยสีชนิดนี้มีมากคู่ด้วยกัน เช่น สีเชียวกับสีแดงเลือดนก,สีเหลืองกับสีม่วงสีนั้าเงินกับสีส้มสีแดงกับสีเขียวนํ้าเงิน ฯลฯ

17.       ศิลปะบริสุทธิ์

(1) ให้ความพอใจ

(2)       ให้ความเพลิดเพลิน    (3) ให้อารมณ์สะเทือนใจ         (4) เป็นศิลปะชั้นสูง

ตอบ 3 หน้า 4 (S)87 (S) ศิลปะบริสุทธิ์หรือประณีตศิลป์ (Fine Art) เป็นงานศิลปะที่คำนึงถึงประโยชน์ทางจิตใจ คือ ช่วยให้มีความสุขสบายใจ ทำห้เกิดความประทับใจที่ดื่มดํ่า มีความศักดิ์สิทธิ์ ในทางจิต เกิดอารมณ์สะเทือนใจไมเสื่อมคลายและไมสูญหยไปจากความทรงจำ ดังนั้นจึง จัดเป็นงานศิลปะอมตะหรือเรียกว่า วิจิตรศิลป์” ซึ่งเป็นศิลปะชั้นสูง ได้แก่ งานจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์

18.       ข้อใดหมายถึงงานนิเทศศิลป์

(1) ภาพเหมือนคุณมาลินี พีระศรี        (2) ภาพหญิงสาวของตูลูส โลเทรค

(3)       ภาพประกอบในนิตยสาร       (4) ภาพพิมพ์ของฮิโรชิเอะ

ตอบ 3 หน้า 102 – 103 (S) งานนิเทศศิลป์ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับวงการธุรกิจและการโฆษณา เช่น การออกแบบเครื่องหมายสัญลักษณ์ การออกแบบลายผ้า ลายกระเบื้องเคลือบ การออกแบบ หนังสือ ภาพประกอบในนิตยสาร ตลอดจนการออกแบบผลิตภัณฑ์จำพวกเครื่องปั้นดินเผา ฯลฯ

19.       ภาพหุ่นนิ่งรูปดอกไม้เกี่ยวข้องกับข้อใด

(1) สีน้ำมัน      (2) ลายเส้น     (3) จิตรกรรม   (4) ประติมากรรม

ตอบ 2 หน้า 36 (S) ภาพเหมือนจริงหรือหุ่นนิ่ง (Still Life) เป็นการแสดงออกตามความเป็นจริง ซึ่งถอดแบบมาจากธรรมชาติอย่างชัดเจน โดยศิลปินจะแสดงความรู้สึกต่าง ๆ ตามที่เข้าใจ และต้องการแสดงออก ได้แก่ การแสดงออกถึงเรื่องราวชีวิตจริง การทำงาน ความยากจน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น ภาพหุ่นนิ่งของนักดนตรี ภาพลายเส้นรูปเหมือน ของดอกไม้ต่าง ๆ เป็นต้น

20.       ศิลปกรรมนานาชาติแสดงออกถึงความงามในรูปแบบใด

(1) ความเหมือนกัน     (2) ต่างกันในเรื่องนํ้าหนัก

(3) มีรสนิยมต่างกัน     (4) ต่างกันในเรื่องของสี

ตอบ 3 หน้า 5 (S) รสนิยมที่ดีในงานศิลปะ หมายถึง การรู้จักความสัมพันธ์ของโครงสร้างและส่วนประกอบขั้นมูลฐานที่สำคัญของงานศิลปะ โดยต้องพิจารณาถึงรูปลักษณะที่สวยงามและ ประโยชน์ใช้สอยควบคูกันไปด้วย ซึ่งรสนิยมที่มีขึ้นของแต่ละชาติจะแตกต่างกัน อันมีผลมาจาก ความแตกต่างของขนบธรรมเนียม เชื้อชาติ วัฒนธรรม และประสบการณ์ของแต่ละบุคคล

21.       สิ่งบันดาลใจให้ศิลปินสร้างสรรค์งานศิลปะ

(1) ความสันโดษ          

(2) ความเชื่อเรื่องวิญญาณ

(3) ความสะเทือนอารมณ์        

(4) ความกตัญญูต่อธรรมชาติ

ตอบ3 หน้า 10 ถึงแม้ว่าธรรมชาติจะเป็นแรงบันดาลใจอันเร้นลับที่ผลักดันให้มนุษย์สร้างงานศิลปะ ออกมาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง สุดแล้วแต่ประสบการณ์และอารมณ์สะเทือนใจของศิลปินผู้นั้น แต่หากปราศจากอำนาจแห่งความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ อันก่อให้เกิดมโนภาพหรือจินตนาการขึ้นในจิตใจด้วยแล้ว งานศิลปะก็มิอาจสร้างสรรค์ขึ้นมาได้

22.       ประติมากรรมนูนต่ำคือข้อใด

(1) ภาพปูนปั้นที่เจดีย์จุลประโทน       

(2) ลายจำหลักบนใบเสมา

(3) เหรียญห้าบาทไทย            

(4) พระพุทธรูปบนฐานเตี้ย

บ 3 หน้า 41 – 42 ประติมากรรม คือ ศิลปกรรมซึ่งเป็นรูปทรงสามมิติ มีการกินที่ในอากาศ แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่

1.         ประติมากรรมนูนตํ่า คือ รูปที่ปั้นหรือแกะสลักให้ยื่นออกมาจากแผ่นหลัง โดยมี พื้นแบนราบเสมอกันทั่วทั้งองค์ประกอบ เช่น เหรียญเงินตราต่าง ๆ ฯลฯ

2.         ประติมากรรมนูนสูง คือ รูปปั้นหรือแกะสลักที่นูนออกมาจนเกือบหลุดออกจากแผ่นหลัง

3.         ประติมากรรมลอยตัว คือ รูปปั้นที่ไม่มีแผ่นหลัง สามารถดูได้รอบด้านและทุกระดับแนวดู

23.       ศิลปะสมัยใหม่

(1) มักเป็นศิลปะนามธรรม      

(2) มักประดิษฐ์จากวัสดุแปลกใหม่

(3) มักไมให้ประโยชน์ต่อสิ่งใดเลย      

(4) มักให้ประโยชน์ต่อการขัดเกลาจิตใจ

ตอบ 4 หน้า 42 ศิลปะสมัยใหม่ มักจะถูกสร้างขึ้นมาโดยไมมีจุดมุ่งหมายในประโยชน์ใช้สอยแต่อย่างใด ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นมาลอย ๆ ตามความนึกคิดและความพอใจอันเนื่องมาจากความงามหรือ สิ่งประทับใจอื่น ๆ ของศิลปิน ดังนั้นจึงมีจุดมุ่งหมายที่จะขัดเกลาจิตใจของเราให้ผ่องใส หรืออาจกล่าวอีกอย่างหนึ่งได้ว่าเป็นประโยชน์ทางใจนั่นเอง

24.       ภาพสามมิติ หมายถึง

(1) ภาพเขียนที่มีความลึก       (2) สถาปัตยกรรม (3) ประติมากรรม  (4) ภาพเขียนสีนํ้ามัน

ตอบ 1 หน้า 41221 – 222 ภาพสามมิติได้แบบอย่างการเขียนมาจากศิลปะตะวันตก ดังนั้นจึงมีลักษณะเป็นภาพเขียนที่มีความลึก อันประกอบไปด้วยสี เส้น แสง และเงา ผิดกับภาพเขียนของ ศิลปะตะวันออกที่มักจะประกอบไปด้วยสีและเส้นเท่านั้น ทำให้ภาพเขียนมีลักษณะเป็นรูปแบน ๆ หรือเป็นภาพสองมิติที่ไม่มีความลึก ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของภาพจิตรกรรมฝผนังไทย

25.       ศิลปะกินระวางเนื้อที่ หมายถึง

(1) ศิลปะบริสุทธิ์         (2) ศิลปะประยุกต์      (3) ทัศนศิลป์   (4) ภาพเขียน

ตอบ 3 หน้า 84087 (S) ศิลปะกินระวางเนื้อที่ (Space Art) บางครั้งก็เรียกว่า ทัศนศิลป์(Visual Art or Plastic Art) หมายถึง ศิลปะที่จำกัดระวางเนื้อที่ส่วนใดส่วนหนึ่งในอากาศ ด้วยปริมาตรของศิลปะเหล่านั้น ซึ่งได้แก่ จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม เป็นต้น

26.       ศิลปะยุคทองของศิลปะในแต่ละประเทศ

(1) นิยมความสวยงามแบบเดียวกัน   (2) แสดงออกถึงความอ่อนหวาน

(3) เปลี่ยนแปลงไปตามความนิยมของยุคสมัย           (4) ไมเป็นที่นิยมของยุคต่อมา

ตอบ 3 หน้า 39 – 40 ศิลปะยุคทอง เป็นศิลปวัฒนธรรมของแต่ละชาติที่มีความเจริญคลี่คลายถึง จุดสูงสุด มีลักษณะเป็นอุดมคติของตนเอง และมีความสวยงามจนไม่มีศิลปะสมัยใดเทียบได้ แต่ความนิยมในเรื่องความงามอันถือว่าเป็นยุคทองของศิลปกรรมนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตาม คตินิยม วัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมประเพณีของกลุ่มศิลปินในแต่ละยุคแต่ละสมัย

ข้อ 27. – 31. ให้ระบายหมายเลข 1 เมื่อเห็นว่าถูก และระบายหมายเลข 2 เมื่อเห็นว่าผิด

27.       สภาพแวดล้อมและประเพณีในสังคมที่แตกต่างกันย่อมทำให้ศิลปกรรมมีรูปแบบที่ต่างกัน

ตอบ 1 หน้า 16. 19 สภาพแวดล้อม (ภูมิอากาศ ภูมิประเทศ ฯลฯ) วัสดุที่นำมาใช้ สภาพลังคมประเพณี และระบบการปกครองที่แตกต่างกัน ย่อมมีผลทำให้แบบอย่างและลักษณะของงาน ศิลปะแตกต่างกันไปด้วย เช่น ในประเทศที่ฝนตกชุกก็นิยมทำหลังคายื่นยาวออกมาเพื่อกันแดด และคุ้มฝน ส่วนประเทศที่แห้งแล้งก็มักทำหลังคางอนโค้งเพี่อรองรับนํ้าฝน เป็นต้น

28.       ความเข้าใจในศิลปะย่อมสามารถพัฒนารสนิยมของคนให้ดีขึ้น

ตอบ 1 หน้า 4 นักปราชญ์และศิลปินทั้งหลายให้ความเห็นว่า ความรู้สึกซาบซึ้งและเข้าใจในศิลปะ หรือการประจักษ์ในด้านความงาม เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยพัฒนารสนิยมของคนให้ดีขึ้น ซึ่งถ้าคนเรารู้จักศึกษาและหาประสบการณ์ใหม่ ๆ พร้อมทั้งเอาใจใส่ที่จะเปลี่ยนแปลงและ ปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอ รสนิยมในขั้นพื้นฐานที่มีอยู่ก็จะเกิดมีวิวัฒนาการใหม่และดีขึ้น

29.       วัฒนธรรมย่อมคู่กับศิลปกรรมเสมอ

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 4. ประกอบ

30.       ศิลปกรรมย่อมบ่งบอกถึงวิถีชีวิตของคนในยุคนั้น ๆ

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 4. ประกอบ

31. ศิลปินในยุคปัจจุบันมีความเห็นว่าศิลปะย่อมมีพื้นฐานมาจากความงามและความดี

ตอบ 2 หน้า 5-6 นักปรัชญาสมัยเก่ามักจะกล่าวถึงศิลปะว่ามีพื้นฐานมาจากความงามและความดี ในขณะที่นักปรัชญาในยุคปัจจุบันกลับมีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องของศิลปะแตกต่างไปจาก นักปรัชญาสมัยเก่า โดยกล่าวว่า ศิลปะคือการสะท้อนความจริงของชีวิตตามที่เป็นอยู่จริง และความแท้จริงนั้นก็คือความงาม ซึ่งความงามของศิลปะอาจจะหมายถึงการพรรณนาเรื่องราว ในชีวิตทั้งในแงดีและไม่ดีก็ได้

ข้อ 32. – 36. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) เพลโต        (2) ศิลป์ พีระศรี           (3) ลียอป ตอลสตอย

(4)       แรงบันดาลใจ  (5) นักโบราณคดี

32.       ศิลปกรรม

ตอบ 4 หน้า 7 ศิลปกรรมเป็นงานที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์อันมีธรรมชาติเป็นแรงบันดาลใจ ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งสวยงามหรือไม่ก็ได้ แต่ต้องมีส่วนช่วยเสริมสร้างจิตใจของมนุษย์ให้สูงขึ้น และศิลปะนั้นอาจแสดงออกมาในรูปที่เป็นศีลธรรมหรือไม่ก็ได้

33.       ศิลปะเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ

ตอบ 1 หน้า 6 เพลโต (Plato) มีความเห็นเกี่ยวกับศิลปะว่า ศิลปะเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ผู้ที่จะเข้าใจและนิยมความงามในศิลปะได้มีเพียงนักปรัชญาเท่านั้น

34.       ศิลปะเป็นหลักฐานอ้างอิงทางประวัติศาสตร้

ตอบ 5 หน้า 7 นักโบราณคดี เห็นว่า ศิลปกรรมย่อมเป็นสิ่งสำคัญที่บ่งบอกถึงความเจริญในอดีต และศิลปะย่อมเป็นหลักฐานอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ได้ดีที่สุด

35.       ศิลปะเป็นสะพานที่เชื่อมคติความเชื่อทางวัตถุและจิตใจ

ตอบ 2 หน้า 6 ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้ให้ความหมายของศิลปะว่า ศิลปะเป็นสะพานที่เชื่อม คติความเชื่อทางวัตถุกับทางจิตใจ เมื่อผู้ใดเข้าใจและรู้คุณค่าของศิลปะแล้วผู้นั้นก็อาจจะถึง ซึ่งความสุขที่แท้จริง

36.       ความประณีตไม่ใช่งานศิลปะ

ตอบ 3 หน้า 5-6 ลียอป ตอลสตอย (Lyof Talstoy) กล่าวถึงความหมายของศิลปะว่า ศิลปะที่มี ความประณีต ความงาม และความบันเทิงเริงใจนั้นหาใช่เป็นศิลปะไม่ แต่เป็นเพียงงานฝีมือ เพราะเป็นงานที่ขาดเงื่อนไขที่จำเป็นอย่างยิ่งของศิลปะ

ข้อ 37. – 41. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) ศิลปะประยุกต์      (2) การแสดงออก        (3) มัณฑนศิลป์

(4) ธรรมชาติ   (5) วิจิตรศิลป์

37.       จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม วรรณศิลป์ และดุริยางคศิลป์ หมายถึง       

ตอบ 5 หน้า 822122 (S) วิจิตรศิลป์ (Fine Art) หมายถึง จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม วรรณศิลป์ ดุริยางคศิลป์ และภาพพิมพ์ ซึ่งเกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจของธรรมชาติจนส่งเสริม ให้ศิลปินเกิดความคิดสร้างสรรค์นงานศิลปะ หรือเป็นศิลปกรรมที่ทำขึ้นจากความสัมพันธ์กัน อย่างประณีตของเส้นและมวลสิ่งหรือสีที่มีความผสมกลมกลืนกันอย่างงดงาม

38.       ต่างหูและกำไลแขนจัดว่าเป็น            

ตอบ1  หน้า 8 – 93 – 4 (S)127 (S) ศิลปะประยุกต์ (Applied Art) คือ ศิลปะที่ตั้งใจสร้างหรือประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อประโยชน์ใช้สอย หรือเพื่อประโยชน์แกชีวิตประจำวันอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น เครืองประดับ (ต่างหู กำไลแขน) เครื่องจักร ผ้า เครื่องหนัง เครื่องเคลือบ รวมทั้งสะพานส่งนํ้า หรือเขื่อนกั้นนํ้าของศิลปะโรมัน ฯลฯ ซึ่งอาจจะแบ่งย่อยออกไปเรียกว่า พาณิชย์ศิลป์หรือ อุตสาหกรรมศิลป์” แต่ถ้าหากประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อประดับตกแต่งในอาคารสถานที่ก็จะเรียกว่า มัณฑนศิลป์” เช่น การออกแบบเครื่องเรือน โต๊ะ เก้าอี้ ฯลฯ

39.       ศิลปะสำหรับประดับตกแต่งอาคารสถานที่เรียกว่า 

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 38. ประกอบ

40.       สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของงานศิลปะ คือ 

ตอบ 2 หน้า 10 การแสดงออก (Expression) ถือเป็นกระบวนการขั้นสุดท้ายที่มีความสำคัญต่อการสร้างสรรค์งานศิลปะอย่างยิ่ง กล่าวคือ ถ้าเกิดอารมณ์สะเทือนใจจนก่อให้เกิดมโนภาพขึ้น ในจิตใจแต่มิได้แสดงออก งานศิลปะก็ไมอาจสร้างสรรค์ขึ้นได้

41.       ทรัพยากรทางความคิดของศิลปิน คือ 

ตอบ.4 หน้า 10 – 11 ในการสร้างสรรค์งานศิลปะนั้น ธรรมชาติ ศิลปิน และการแสดงออกย่อมมี ความสัมพันธ์และส่งผลต่อกันจนไม่สามารถจะแยกสิ่งใดสิ่งหนึ่งออกได้ ทั้งนี้เพราะธรรมชาติ เปรียบเสมือนเป็นทรัพยากรทางความคิดให้ศิลปินสร้างสรรค์งานศิลปะ โดยดัดแปลงคิดค้น หารูปลักษณะแบนใหม่ ๆ เพื่อรับใช้สังคมอย่างไมรู้จักจบสิ้นนั่นเอง

42.       พระพุทธรูปคันธารราฐมีการครองจีวรแบบใด

(1) ห่มคลุมพระอังสาทั้งสองข้าง จีวรเป็นริ้ว    

(2) ห่มเปิดพระอังสาขวา

(3) ห่มเปิดพระอังสาซ้าย         

(4) ห่มคลุมพระอังสาทั้งสองข้าง จีวรเรียบ

ตอบ 1 หน้า 93 – 94 พระพุทธรูปสมัยคันธารราฐของอินเดียจะมีความสวยงามตามแบบศิลปะกรีก อย่างชัดเจน ซึ่งจะเห็นได้จากพระพักตร์ พระเกศา และการครองจีวรที่แทบจะไม่มีลักษณะ ของอินเดียเหลืออยู่เลย คือ มีการครองจีวรห่มคลุมพระอังสา (บ่าหรือไหล่) ทั้ง 2 ข้าง โดยมีจีวรแนบกันมากับพระองค์ และมีริ้วนูนหนาเป็นวงโค้งซ้อนกันทางด้านหน้า

43.       หัวเสาแบบโครินเธียน เป็นอิทธิพลของศิลปะใด

(1) กรีก            

(2) อียิปต์        

(3) เปอร์เซีย    

(4) เมโสโปเตเมีย

ตอบ 1 หน้า 94 – 95121 – 122 (S) สถาปัตยกรรมในศิลปะคันธารราฐของอินเดียจะได้รับอิทธิพล จากศิลปะกรีก เช่น การนิยมทำหัวเสาแบบโครินเธียน (Corinthian) ซึ่งมักจะประดับลวดลาย ด้วยเครื่องประดับต่าง ๆ บนหัวเสา เช่น ลายใบอาคันธัส ลายใบปาล์ม ลายพวงองุ่น และ ลายกามเทพแบกพวงมาลัย ฯลฯ

44.       ยกชายจีวรขึ้นระหว่างพระโสณี

(1) พระพุทธรูปคันธารราฐ       (2) พระพุทธรูปมถุรา

(3) พระพุทธรูปอมราวดี           (4) พระพุทธรูปคุปตะ

ตอบ 2 หน้า 95, (AR 103 เลขพิมพ์ 30175 หน้า 55) การครองจีวรของพระพุทธรูปมถุราจะเป็นแบบใหม่ คือ ครองเฉพาะจีวรและสบงโดยไม่ปรากฏว่ามีสังฆาฏิ และมักห่มเฉียง เปิดพระอังสาซ้าย พระหัตถ์ซ้ายมักยกชายจีวรขึ้นระหว่างพระโสณี (ตะโพก)

45.       สถาปัตยกรรมที่สำคัญของศิลปะสมัยอมราวดี คือ

(1) ศาสนสถานที่สลักลึกเข้าไปในภูเขา          (2) สถูปสำหรับบรรจุพระบรมอัฐิของพระพุทธเจ้า

(3) ศาสนสถานที่สร้างขึ้นกลางแจ้ง    (4) พระเจดีย์สำหรับบรรจุพระบรมอัฐิของพระพุทธเจ้า

ตอบ 2 หน้า 97 – 98 ศิลปะอมราวดี (พุทธศตวรรษที่ 7-9) เจริญขึ้นทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย แถบลุ่มแม่น้ำกฤษณาโดยเฉพาะที่เมืองอมราวดี นาคารชุนิโกณฑะ ชัคคัยยะเปฎะ และโคลิ ภายใต้การอุปถัมภ์ของราชวงศ์สัตตวาหนะ เมื่อประมาณต้นพุทธศตวรรษที่ 6 โดยมีสถาปัตยกรรม ที่สำคัญที่สุด คือ สถูปสำหรับบรรจุพระบรมอัฐิธาตุของพระพุทธเจ้า

46.       ศิลปะอินเดียที่เจริญขึ้นแถบแม่นํ้ากฤษณา คือ

(1) ศิลปะคันธารราฐ   (2) ศิลปะมถุรา            (3) ศิลปะอมราวดี       (4) ศิลปะคุปตะ

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 45. ประกอบ

47.       พระพุทธรูปอินเดียเริ่มเป็นแบบอย่างของศิลปะอินเดียอย่างแท้จริงในสมัยใด

(1) สมัยคันธารราฐ      (2) สมัยมถุรา  (3)       สมัยคุปตะ       (4) สมัยอมราวดี

ตอบ     2 หน้า 959799 พระพุทธรูปอินเดียเริ่มเป็นแบบอย่างของศิลปะอินเดียในสมัยมถุรา(พุทธศตวรรษที่ 7-8) แต่ความเป็นอินเดียอย่างแท้จริงและลักษณะของมหาบุรุษปรากฏขึ้น อย่างครบครันในพระพุทธรูปสมัยอมราวดี (พุทธศตวรรษที่ 7-9) ซึ่งถือได้ว่ามีความงาม ตามแบบอินเดียโดยแท้ เพราะไม่เห็นลักษณะของอิทธิพลต่างชาติเลย

48.       มหาวิทยาลัยนาลันทาในอินเดียเป็นมหาวิทยาลัยแห่งอะไร

(1) พุทธศาสนา           (2) ศาสนาพราหมณ์    (3)       ศาสนาอิสลาม (4) ศาสนาเชน

ตอบ1 หน้า 213152 (S) มหาวิทยาลัยนาลันทาในอินเดีย เป็นงานสถาปัตยกรรมในสมัยศิลปะปาละ-เสนะ ซึ่งมหาวิทยาลัยแห่งนี้ถือเป็นมหาวิทยาลัยแห่งพุทธศาสนา โดยเป็นศูนย์กลางใหญ่ ของพุทธศาสนาลัทธิตันตระ อยูในแคว้นเบงกอล

49. ยุคทองของศิลปะอินเดียเจริญขึ้นในระหว่างพุทธศตวรรษที่เท่าใด

(1) ที่ 3 – 5       (2) ที่ 5 – 7       (3)       ที่ 7 – 9 (4) ที่ 9 – 11

ตอบ4 หน้า 100109 ยุคทองของศิลปะอินเดียซึ่งเป็นศิลปะที่มีความงามสูงสุด คือ ศิลปะสมัยคุปตะ ที่เจริญขึ้นในระหว่างพุทธศตวรรษที่ 9-11 ภายใต้การอุปถัมภ์ของราชวงศ์คุปตะ และในยุคนี้ ยังเป็นยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองทางด้านปรัชญาการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องในศาสนาอีกด้วย

50.       พระพุทธรูปยุคทองของอินเดียเริ่มเสื่อมลงหลังพุทธศตวรรษที่เท่าใด

(1) ที่ 12          (2) ที่ 13          (3) ที่ 14          (4) ที่ 15

ตอบ 1 หน้า 101 – 103พระพุทธรูปสมัยคุปตะ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปยุคทองของอินเดียเริ่มเสื่อมลงเมื่อหมดสมัยของพระเจ้ากุมารคุปต์ในพุทธศตวรรษที่ 12 และหลังจากนี้เป็นต้นไปประติมากรรม ต่าง ๆ จะมีร่างกายหนักทึบและเพิ่มลวดลายมากขึ้น ส่วนภาพเขียนที่เป็นภาพบุคคลนั้นก็จะเพิ่ม รายละเอียดและเครื่องประดับ ทำให้ภาพบุคคลเดี่ยว ๆ ดูแข็งกระด้างไม่มีชีวิตจิตใจอีกต่อไป

51.       พระพุทธรูปทวารวดียุคแรกได้รับอิทธิพลของศิลปะใด

(1) ศิลปะอมราวดี คุปตะ หลังคุปตะ  

(2) ศิลปะขอมแบบปาปวน

(3) ศิลปะพื้นเมือง       

(4) ศิลปะอิสลาม

ตอบ 1 หน้า 123 – 124 พระพุทธรูปทวารวดีแบ่งเป็น 3 รุ่นดังนี้ 1. รุ่นที่ 1 หรือพระพุทธรูปยุคแรก ได้รับอิทธิพลของศิลปะอมราวดี คุปตะและหลังคุปตะ มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 12

2.         รุ่นที่ 2 ได้รับอิทธิพลของศิลปะพื้นเมืองมากยิ่งขึ้น มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 13-15

3.         รุ่นที่ 3 ได้รับอิทธิพลของศิลปะขอมแบบปาปวนหรือศิลปะลพบุรีตอนต้น มีอายุราว พุทธศตวรรษที่ 15 ลงมา

52.       ศาสนสถานในศิลปะคุปตะ

(1) ได้รับอิทธิพลจากศาสนาพราหมณ์            

(2) นิยมทำหลังคาเป็นชั้น ๆ

(3) นิยมสลักลึกเข้าไปในภูเขา            

(4) นิยมสร้างสถูปเป็นพื้น

ตอบ 1 หน้า 102 สถาปัตยกรรมในสมัยคุปตะจะนิยมสร้างไว้กลางแจ้ง โดยในสมัยพระเจ้าจันทรคุปต์ ที่ 2 พุทธศาสนสถานที่สร้างขึ้น เช่น โบสถ์ วิหาร สถูป ฯลฯ มักจะเลียนแบบจากเทวาลัยของ ศาสนาพราหมณ์ ซึ่งลักษณะทางสถาปัตยกรรมเช่นนี้ได้ให้อิทธิพลต่อการสร้างเจดีย์ของพม่า (Pagoda) และบุโรพุทโธของอินโดนีเซียด้วย

53.       เมื่อประติมากรรมและภาพเขียนในศิลปะคุปตะเสื่อมลงแล้ว

(1) นิยมเพิ่มรายละเอียดและเครื่องประดับมากขึ้น 

(2) นิยมเพิ่มตัวบุคคลในภาพมากขึ้น

(3) นิยมใช้สีสันสดและหลายสีมากยิ่งขึ้น       

(4) นิยมทำภาพเคลื่อนไหวมากยิ่งขึ้น

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 50. ประกอบ

54.       พระพุทธรูปสมัยคุปตะของอินเดีย

(1)       มีความงามอย่างเรียบง่าย แต่รูปประติมากรรมหนักทึบ

(2)       มักนิยมห่มคลุมพระอังสาสองข้าง จีวรเป็นริ้ว เป็นพระพุทธรูปกรีก

(3)       ขมวดพระเกศาวนขวา นิยมห่มเฉียงเปิดพระอังสาซ้าย จีวรเป็นริ้ว

(4)       นิยมแสดงให้เห็นว่าพระพุทธองค์ทรงเป็นทั้งพระมหากษัตริย์และเทวดา

ตอบ4 หน้า 101 พระพุทธรูปสมัยคุปตะของอินเดียจะไม่นิยมแสดงให้เห็นว่าพระพุทธรูปเป็นมนุษย์ อย่างแท้จริง แต่เป็นทั้งพระมหากษัตริย์และเทวดา หรืออาจจะกล่าวได้ว่าเป็นกึ่งมนุษย์กึ่งเทวดา ก็ได้ ดังเช่นที่ช่างคุปตะไม่ได้แสดงให้เห็นมุกขลึงค์อันเป็นลักษณะที่แสดงให้รู้ถึงเพศเลย

55.       ภาพเขียนในสมัยคุปตะ

(1)       เมื่อทำภาพสามมิติ ช่างนิยมทำภาพที่อยู่ใกล้ใหญ่และอยู่ไกลเล็กลง

(2)       เมื่อทำภาพสามมิติ ช่างนิยมทำเป็นภาพซ้อน ๆ กันขึ้นไป

(3)       เมื่อทำภาพสามมิติ ช่างนิยมทำภาพที่ต้องการเน้นให้ใหญ่เป็นพิเศษ

(4)       เมื่อทำภาพสามมิติ ช่างนิยมแบ่งภาพออกเป็นช่วง ๆ

ตอบ 2 หน้า 103 ภาพเขียนในสมัยคุปตะจะนิยมเขียนแบ่งเป็นช่วง ๆ และมีลาดลายประดับตกแต่ง ส่วนการทำภาพให้เป็นสามมิตินั้น ช่างคุปตะนิยมทำเป็นภาพซ้อน ๆ กันขึ้นไป โดยภาพบุคคล ที่อยู่ไกลจะเขียนให้รูปเล็กลง จึงทำให้เกิดเป็นภาพสามมิติขึ้นมาได้

56.       ลักษณะพิเศษของศิลปะปาละ-เสนะ คือประติมากรรม

(1) หนักทึบ ไม่มีความงามแต่อย่างใด (2) มักมีแผ่นหลังประกอบ

(3) ตั้งอยู่บนฐานที่สูงขึ้น         (4) มีรูปอวบอ้วน ชายสังฆาฏิยาวจรดพระนาภี

ตอบ 2 หน้า 105 ลักษณะพิเศษของศิลปะปาละและเสนะ คือ มักมีแผ่นหลังประกอบ ซึ่งมีลวดลาย ประดับอยู่มากมายติดอยู่กับพระพุทธรูป โดยพระพุทธรูปส่วนใหญ่ในสมัยนี้มักเป็นพระพุทธรูป ทรงเครื่องที่หล่อด้วยสำริดและสร้างด้วยศิลา แต่ไม่มีความสวยงามเลย

57.       สมัยหินกลาง หมายถึง

(1) ยุคสมัยหนึ่งของสมัยก่อนประวัติศาสตร์   (2) สมัยกลางของสมัยก่อนประวัติศาสตร์

(3) สมัยที่คนสมัยหินรู้จักใช้หินเป็นอาวุธ        (4) สมัยที่คนสมัยหินรู้จักใช้เหล็กเป็นอาวุธ

ตอบ1 หน้า 49 – 5663 – 68. 75 ยุคสมัยก่อนประวัติศาสตร์ทั้งของยุโรปและของไทยแบ่งออกเป็น 4 ยุค คือ 1. ยุคสมัยหินเก่า 2. ยุคสมัยหินกลาง 3. ยุคสมัยหินใหม่

4.         ยุคสมัยโลหะ

58.       จิตรกรรมในสมัยโบราณมักพบ

(1) ตามถ้ำ       (2) ตามแผ่นจารึก        (3) ตามฐานพระพุทธรูป          (4) ตามแผ่นหิน

ตอบ 1 หน้า 49 – 51 จิตรกรรมในสมัยโบราณก่อนประวัติศาสตร์มักพบตามถํ้า เช่น ตามผนังถํ้า และเพดานถ้ำที่อยู่ลึกจากปากถ้ำเข้าไป บางครั้งจึงเรียกว่า ศิลปะถํ้า” โดยถํ้าแรกสุดที่พบ จิตรกรรมภาพเขียนของคนก่อนประวัติศาสตร์ที่เก่าที่สุด คือ ถํ้า. Altamira ที่อยู่ทางตอนเหนือ ของสเปน โดยพบภาพเขียนเป็นภาพกวางตัวเมีย ส่วนที่ถํ้า Laussel ในฝรั่งเศส ได้พบภาพเขียน เป็นภาพสัตว์ เช่น รูปม้า วัวไบซัน และกวาง

59.       Dolmens คือสิ่งใด

(1) หินตั้ง         (2) โต๊ะหิน       (3) หินตั้งเป็นวงกลม   (4) หินตั้งเป็นแถวขนาน

ตอบ 2 หน้า 72, (AR 103 เลขพิมพ์ 30175 หน้า 37 – 38) วัฒนธรรมหินใหญ่ เป็นวัฒนธรรมของ คนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่รู้จักนำเอาก้อนหินมาก่อสร้างอย่างง่าย ๆ ให้เป็นรูปต่าง ๆ ดังนี้

1.         โต๊ะหิน (Dolmens) 2. หินตั้ง (Standing Stone) หรือแท่งหินที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยว (Menhirs) 3. หินตั้งเป็นวงกลม (Stone Circles or Comlechs) 4. หินตั้งเป็นแถวขนาน (Alignments)

60.       ประติมากรรมของคนสมัยหินนั้นมักแสดงออกถึงสิ่งใด

(1) ความต้องการให้ฝนฟ้าตกตามฤดูกาล      (2) ความมีบุตรหลานมากมาย

(3) ความมั่งมีศรีสุข     (4) ความอุดมสมบูรณ์

ตอบ 4 หน้า 51 ประติมากรรมที่ทำขึ้นครั้งแรกของคนสมัยหินหรือสมัยก่อนประวัติศาสตร์

จะนิยมทำเป็นรูปผู้หญิงไม่มีหน้าตา แต่มีรูปร่างอ้วน แสดงว่าประติมากรรมที่ทำขึ้นมานี้ มีความเกี่ยวข้องกับความอุดมสมบูรณ์ และแสดงออกถึงการนับถือเพศแม่อย่างชัดเจน เช่น พบประติมากรรมลอยตัวที่ประเทศเยอรมนี ลือ วีนัส วีเลนดอร์ฟ (Venus of Willendorf)ซึ่งเป็นเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์

61.       หุบเขานามาดาของอินเดียมีความสำคัญ คือ

(1) เป็นแหล่งที่พบภาพเขียนที่ถํ้ามากที่สุด     

(2) เป็นแหล่งที่มีทิวทัศน์สวยงามมากที่สุด

(3) เป็นแหล่งที่พบขวานหินมากที่สุด  

(4) เป็นแหล่งที่พบภาชนะที่ทำด้วยโลหะมากที่สุด

ตอบ 1 หน้า 216, (AR 103 เลขพิมพ์ 30175 หน้า 38) ถํ้าในหุบเขานามาดา (Namada) ของประเทศอินเดีย เป็นแหล่งที่พบจิตรกรรมภาพเขียนฝาผนังสมัยก่อนประวัติศาสตร์ มากที่สุด โดยรูปภาพและเทคนิคการเขียนจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับภาพเขียนในถํ้าที่พบ ในประเทศสเปนและฝรั่งเศส

62.       ศาสนาพุทธเจริญขึ้นในแคว้นใดของอินเดีย

(1) แคว้นปัญจาบ        

(2) แคว้นอัสสัม           

(3) แคว้นมคธ  

(4) แคว้นสินธุ

ตอบ 3 หน้า 90 พระพุทธศาสนาเจริญขึ้นในแคว้นมคธหรือมคธราฐในสมัยพระเจ้าพิมพิสาร และ เจริญขึ้นถึงขีดสุดในสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราชราวพุทธศตวรรษที่ 3 ดังนั้นในยุคแรกเริ่ม ของการทำศิลปกรรมอินเดียนี้ พุทธศาสนาจึงมีบทบาทเป็นอย่างมาก

63.       สถาปัตยกรรมในยุคแรกเริ่มของอินเดีย

(1) มีความเรียบง่ายมากที่สุด  

(2) มักเจาะลึกเข้าไปในภูเขา

(3) มักสร้างด้วยดินเหนียวและไม้       

(4) มักพบตามถํ้า

ตอบ 3 หน้า 90 นักโบราณคดีให้ความเห็นว่า สถาปัตยกรรมในยุคแรกเริ่มของอินเดียนั้นคงจะ

สร้างด้วยดินเหนียวและไม้ซึ่งแตกสลายได้ง่าย ดังนั้นจึงไม่เหลือร่องรอยให้คนรุ่นหลังได้เห็น ทำให้สถาปัตยกรรมและศิลปกรรมที่เหลืออยู่ไมเก่าไปกว่าพุทธศตวรรษที่ 3 แม้ว่าพุทธศาสนา จะเจริญขึ้นในอินเดียตั้งแต่พุทธกาลมาแล้วก็ตาม

64.       สถาปัตยกรรมเก่าสุดที่พบในอินเดียไม่เก่าไปกว่า

(1) พุทธศตวรรษที่ 1    (2) พุทธศตวรรษที่ 2    (3) พุทธศตวรรษที่ 3    (4) พุทธศตวรรษที่ 4

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 63. ประกอบ

65.       พุทธศิลปะในยุคแรกเริ่มของอินเดีย

(1) มักเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงพุทธประวัติ  (2) มักเป็นพระพุทธรูปประทับนั่งสมาธิ

(3) มักเป็นพระพุทธเจดีย์        (4) มักเป็นศาสนสถาน

ตอบ 4 หน้า 91 พุทธศิลปะในยุคแรกเริ่มของอินเดียที่เหลือร่องรอยไว้ให้ชนรุ่นหลังได้เห็นเก่าสุด คือ ศิลปกรรมในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช พุทธศตวรรษที่ 3 ที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะกรีก และอิหร่าน (เปอร์เซีย) เช่น มักสร้างเป็นศาสนสถานที่เจาะลึกเข้าไปในภูเขา โดยมีลักษณะเป็นถํ้า ซึ่งมีอยู่ 2 ลักษณะ คือ เป็นถํ้าวิหาร และถํ้าเจดีย์สถาน

66.       พระพุทธรูปคันธารราฐเกี่ยวข้องกับข้อใด

(1) มีความสวยงามตามธรรมชาติ       (2) มีความสวยงามตามแบบศิลปะกริก

(3) มีความสวยงามตามแบบศิลปะอินเดีย      (4) มีความสวยงามที่เรียบง่ายมาก

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 42. ประกอบ

67.       จิตรกรรมตามผนังถํ้าของอินเดียเก่าสุดอยู่ในสมัยใด

(1) สมัยหินเก่า            (2) สมัยหินกลาง         (3) สมัยหินใหม่           (4) สมัยโลหะ

ตอบ 2 หน้า 5875 จิตรกรรมตามผนังถํ้าของอินเดียที่เก่าที่สุดอยู่ในสมัยหินกลาง โดยมีการพบ หลักฐานที่ถํ้า The Great Billa Surgam Cave ใน Kurnool ซึ่งลักษณะของการเขียนภาพ ที่ปรากฏในถํ้าไม่ว่าจะเป็นรูปคน สัตว์ อาวุธ และเครื่องใช้ จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับภาพเขียน ในถํ้าของประเทศฝรั่งเศสตามแบบของพวกแมกดาเลเนียน

68.       จิตรกรรมตามผนังถํ้าของไทยเก่าสุดอยู่ในสมัยใด

(1) สมัยหินเก่า            (2)สมัยหินกลาง          (3)สมัยหินใหม่            (4)สมัยโลหะ

ตอบ 1 หน้า 71108 (S), (AR 103 เลขพิมพ์ 30175 หน้า 39) จิตรกรรมตามผนังถํ้าของไทยที่เก่าที่สุดอยู่ในสมัยหินเก่า ซึ่งมีการพบหลักฐานทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคกลางเช่น มีการพบการสลักเพิงผาที่เก่าที่สุดที่ถํ้ามิ้ม จ.อุดรธานี หรือมีการพบรูปมือคนที่ถาฝ่ามือ จ.ขอนแก่น เป็นต้น

69.       จิตรกรรมในถํ้าที่หุบเขานามาดาเหมือนภาพเขียนที่ใด

(1) เยอรมนี      (2)       ฝรั่งเศส            (3)       อังกฤษ            (4)       อิตาลี

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 61. ประกอบ

70.       ถํ้าฝ่ามืออยู่ในจังหวัดใด

(1) ขอนแก่น    (2)       เชียงราย          (3)       กาญจนบุรี       (4)       อุดรธานี

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 68. ประกอบ

71.       โมเหนโจดาโรและฮารัปปา อยู่ในประเทศใด

(1) สเปน         

(2)       อิตาลี   

(3)       อินเดีย 

(4)       อินโดนีเซีย

ตอบ 3 หน้า 59 อารยธรรมโมเหนโจดาโรและฮารัปปา เจริญขึ้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างสมัยก่อนประวัติศาสตร์และสมัยประวัติศาสตร์ของอินเดีย ทั้งนี้เพราะพบหลักฐานทาง โบราณคดีทั้งสองสมัย โดยหลักฐานที่เป็นโบราณวัตถุก่อนประวัติศาสตร์ที่สำคัญ คือ ตราประทับที่ทำด้วยหินสบู่ในรูปต่าง ๆ ซึ่งพบทั้งในแคว้นปัญจาบและสินธุ

72.       โบราณวัตถุที่สำคัญที่โมเหนโจดาโร

(1) เครื่องมือหิน           

(2) หม้อดินเผา

(3) ตราประทับทำจากหินสบู่   

(4) ซากพระราชวังโบราณ

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 71. ประกอบ

73.       ข้อความใดเกี่ยวข้องกับคัมภีร์พระเวท

(1) อารยัน       

(2) ศาสนาพุทธ           

(3) ดราวิเดียน 

(4) ศาสนาเชน

ตอบ 1 หน้า 90 เมื่อชาวอารยันได้เข้ามายึดครองดินแดนแถบลุ่มแม่นํ้าสินธุและคงคา ก็ได้นำเอา คัมภีร์พระเวทเข้ามาเผยแพร่ในอินเดียด้วย ซึ่งคัมภีร์พระเวทนี้มีอิทธิพลต่อคติความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณี ตำนานเก่าแก และนิยายพื้นเมืองของชาวอารยันมาก

74.       ภาพเขียนของจีนเจริญสูงสุดในสมัยใด

(1) สมัยราชวงศ์ฮั่น      (2) สมัยราชวงศ์ถัง      (3) สมัยราชวงศ์ซ่ง      (4) สมัยราชวงศ์หมิง

ตอบ.2 หน้า 39220 ภาพเขียนของจีนเจริญสูงสุดในสมัยราชวงศ์ถัง ซึ่งถือเป็นยุคทองของศิลปะจีน ส่วนภาพเขียนในสมัยราชวงศ์ซ่งหรือซ้องนั้น ศิลปินจีนนิยมเขียนภาพภูมิประเทศ หรือภาพทิวทัศน์อันสวยงาม เช่น ภาพภูเขา ต้นไม้ ฯลฯ ผลุบโผล่อยู่ในสายหมอก

75.       ข้อใดคือภาพหุ่นนิ่ง

(1) ฉากลับแล (2) ตู้ลายรดน้ำ     (3) เส้นรูปเหมือน    (4) รูปลายเรขาคณิต

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 19. ประกอบ

76.       ศิลปะจีนในสมัยราชวงศ์ซ่งนิยมเขียนภาพประเภทใด

(1) ภาพสงคราม          (2) ภาพเหมือน            (3) ภาพนก ดอกไม้      (4) ภาพทิวทัศน์

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 74. ประกอบ

77.       ลักษณะของศิลปกรรมคิวบิสม์

(1) บริสุทธิ์ไร้เดียงสา   (2) นิยมสลักจากก้อนหิน

(3) รูปทรงบิดเบี้ยว      (4) เหมือนธรรมชาติ

ตอบ 3 หน้า 22138 – 39 (S)57 (S) ศิลปะนามธรรมหรือมโนศิลป์ (Abstract) คือ การถ่ายทอด ตามความรู้สึกด้วยใจ โดยการนำเอารูปทรงต่าง ๆ ที่พบเห็นในธรรมชาติมาจัดเสียใหม่ หรือปรุงแต่งดัดแปลงใหม่ ดังนั้นจึงอาจจะมีลักษณะกึ่งธรรมชาติ กึ่งนามธรรม และผิดเพี้ยน ไปจากธรรมชาติอยู่บ้าง เช่น ศิลปะแบบคิวบิสม์ จัดเป็นศิลปะแบบกึ่งจินตนาการที่มีลักษณะ เป็นเหลี่ยม เป็นมุม และรูปทรงบิดเบี้ยว แตก็ยังพอพิจารณาดูรูปลักษณะได้ว่าเป็นรูปอะไร

78.       ศิลปะเพื่อประโยชน์ใช้สอยเรียกอีกอย่างว่า

(1) ศิลปะประทับใจ    (2) ศิลปะบริสุทธิ์         (3) ศิลปะโรแมนติก     (4) ศิลปะประยุกต์

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 38. ประกอบ

79.       ผลงานสูงสุดของมนุษย์คือข้อใด

(1) ศิลปะถํ้า    (2) ศิลปะเพื่อชีวิต       (3) ศาสนศิลปะ           (4) ศิลปะบริสุทธิ์

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 11. ประกอบ

80.       ข้อใดเป็นวิจิตรศิลป์

(1) แจกันรูปแบบแปลกใหม่

(2) ตึกสูงห้าสิบชั้น

(3) ภาพพิมพ์รูปวัด

(4) ภาพเหมือนรูปดอกไม้

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 17. และ 37. ประกอบ

81.       ช่างโบราณไม่กล้าแสดงรูปพระพุทธรูปเพราะอะไร

(1) ยึดมั่นในศาสนามาก          

(2) ช่างไม่มีความชำนาญ

(3) เกรงกลัวต่อบาป    

(4) ปฏิบัติตามบรรพบุรุษ

ตอบ 1. หน้า 83 – 8443 (S) ศิลปะอินเดียสร้างขึ้นมาเนื่องจากศาสนา แต่เมื่อช่างโบราณยึดมั่น ในศาสนาและกฎเกณฑ์ต่าง ๆ มากเกินไป ย่อมจะทำให้ไมสามารถสร้างสรรค์ภาพพจน์ของ พระพุทธรูปได้อย่างอิสระ เช่น ในยุคที่เริ่มสร้างรูปเพื่อรำลึกถึงพุทธธรรม ช่างจะไม่นิยมปั้น พระพุทธรูป แต่จะเว้นเหลือไว้แต่พระแท่นว่าง เพื่อแสดงให้เห็นว่าพระพุทธองศ์นั้นหมดแล้ว ซึ่งความเห็นแกตัว ไม่ได้ยึดในตนอีกต่อไปหรือคล้ายกับปราศจากตัวตน

82.       ความสมดุลคือข้อใด

(1) ต่างหูข้างหนึ่งเป็นรูปดาวและอีกข้างหนึ่งเป็นรูปเดือน      

(2) ที่คาดผมมีโบทางซ้าย

(3) กระถางดอกโป๊ยเซียนแตกกิ่งก้านสาขามากมาย 

(4) ดอกไม้ปักแจกันเป็นรูปดาว

ตอบ 1 หน้า 30 – 3176 (S) ความสมดุล หมายถึง ความเท่ากันหรือการถ่วงเพื่อให้เกิดการเท่ากัน แบ่งเป็น 2 บระเภท ได้แก่

1.         ความสมดุลที่เท่ากัน คือ ความเท่ากันทั้งซ้ายและขวา เช่น ร่างกายของคน สัตว์ ลฯ

2.         ความสมดุลไมเท่ากัน คือ ความสมดุลที่มิได้เท่ากันโดยแท้จริง แต่มีการจัดขนาด รูปร่าง สี รูปทรง ฯลฯ ให้แตกต่างกันทั้ง 2 ข้าง หรือมีลักษณะสมดุลด้วยตาโดยประมาณ เช่น ต่างหูข้างหนึ่งเป็นรูปดาวและอีกข้างหนึ่งเป็นรูปเดือน ฯลฯ

83.       ต้นไม้ที่อยูใกล้ตัวเรามากที่สุด ด้านที่โดนแดดเต็มที่จะเป็นสีใด

(1) เหลือง        

(2) ขาว            

(3) เทา 

(4) ดำ

ตอบ 2 หน้า 55 – 56 (S) การเขียนรูปที่มีแสงส่องด้านข้างนั้น ด้านที่โดนแดดเต็มที่จะสว่างจนเกิด เป็นน้ำหนักขาว ส่วนที่พอจะได้แสงนิดหน่อยจะกลายเป็นสีเทา และส่วนที่ตรงกันข้ามกับแสง หรือเงาจะเป็นน้ำหนักดำ

84.       ศิลปกรรมเพื่อประโยชน์ใช้สอยคือ

(1) ภาพเขียนสีดอกทานตะวัน            (2) ภาพพิมพ์ลายไทย

(3) สะพานส่งนํ้าศิลปะโรมัน   (4) รูปสลักหินอ่อนศิลปะกรีก

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 38. ประกอบ

85.       ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับรูปทรงเรขาคณิต

(1) ลายจำหลักหินรูปทรงกลม            (2) ตะกร้าย่านลิเภาลายสามเหลี่ยม

(3) ผ้าไหมลายน้ำไหลจากน่าน            (4) จิตรกรรมฝาผนังลายเทพชุมนุม

ตอบ 4 หน้า 60 (S) รูปทรง (Form) แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ ดังนี้

1.         อินทรียรูป คือ รูปทรงที่มีชีวิต มีกฎเกณฑ์แน่นอน และมีโครงสร้าง

2.         รูปทรงเรขาคณิต คือ รูปทรงที่เกิดจากการสร้างของมนุษย์ให้เกิดเป็นเส้นตรงเป็นรูปมีเหลี่ยมมุม รูปวงกลม รวมถึงการตกแต่งด้วยแบบลายเส้นในการจักสาน เช่น ตะกร้า ชะลอม กระบุง ลายในการถักทอ ฯลฯ

3.         รูปทรงอิสระ คือ รูปทรงที่ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว และไม่มีโครงสร้าง

86.       ค่าของความแตกต่างที่เกิดจากแสงและเงา คือ

(1) รูปทรง        (2) ความเข้ม   (3) จุด  (4) ทิศทาง

ตอบ 2 หน้า 56 (S) ความเข้ม (Value) หมายถึง ค่าของความแตกต่างที่เกิดจากแสงและเงาซึ่งคุณค่าของแสงและเงาจะช่วยให้งานศิลปะมีลักษณะเป็นแท่งหรือเป็นกลุ่มก้อน จนทำให้ เกิดเป็นภาพสามมิติขึ้น และก่อให้เกิดความงามในทางศิลปะ

87.       เส้นที่ให้ความรู้สึกไม่หยุดนึ่ง คือ

(1) เส้นโค้ง      (2) เส้นแย้ง     (3) เส้นตรง      (4) เส้นซิกแซ็ก

ตอบ 4 หน้า 2651 – 53 (S) การที่จะเข้าใจศิลปกรรมได้ดีจำเป็นต้องเรียนรู้ในเรื่องของเส้นและ ความหมายของเส้น เช่น เส้นตั้ง จะให้ความรู้สึกมั่นคง จริงจังเส้นซิกแซ็ก จะให้ความรู้สึก ไมหยุดนิ่ง ตื่นเต้น. เส้นเฉียง จะให้ความรู้สึกรวดเร็วเส้นนอน จะให้ความรู้สึกสงบ นึ่งเฉย ผ่อนคลายเส้นโค้งลงสู่พื้น จะให้ความรู้สึกเศร้า เหนื่อยหนาย อ่อนไหวเส้นที่กระจายออกเป็นรัศมี จะให้ความรู้สึกกระจายออก การระเบิด ความมีกำลังเพิ่มขึ้น ฯลฯ

88.       ศิลปินสร้างสรรค์งานศิลปะจาก

(1) ธรรมชาติ   (2) คิดขึ้นเอง   (3) เลียนแบบจากงานอื่น        (4) เสียงเพลง

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 41. ประกอบ

89.       งานศิลปกรรมใดให้ความรู้สึกลึกซึ้ง

(1) กำไลแขนลายมังกร           (2) พานขันหมากสำรับใหญ่

(3) ต่างหูทองคำลายดาว         (4) พระพุทธรูปศิลาทราย

ตอบ 4 หน้า 23 – 30 (S), (ดูคำอธิบายข้อ 11 ประกอบ) คุณสมบัติที่แท้จริงของผลงานศิลปะ ที่มองเห็นมีอยู่ 5 ประการ คือ     1. คุณสมบัติที่เด่นชัดในตัวของมันเอง

2. คุณสมบัติในการดำรงอยู่    3. คุณสมบัติที่ให้ความรู้สึกเพิ่มขึ้น ยิ่งดูยิ่งลึกซึ้ง

เช่น พระพุทธรูปสุโขทัย เป็นต้น           4. คุณสมบัติที่ส่งเสริมให้คิดถึงสิ่งอื่น

5.         คุณสมบัติที่พร้อมทุกด้าน มีความสมบูรณ์ในตัวเอง

90.       รูปทรงสี่เหลี่ยมให้ความรู้สึกอย่างไร

(1) หนักแน่น    (2)       อ่อนไหว           (3)       ไม่หยุดนิ่ง        (4)       แข็งกระด้าง

ตอบ 1 หน้า 62 – 63 (S) รูปทรง สามารถสื่อความหมายและความรู้สึกได้เช่นเดียวกับวิธีการของเส้น เช่น รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส จะให้ความรู้สึกหนักแน่น เข้มแข็ง มั่นคงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า จะให้ ความรู้สึกตรงไปตรงมา เป็นกลาง เคร่งขรึม เอาจริงเอาจังรูปสี่เหลี่ยมคางหมู จะให้ความรู้สึก แปลกใหม่ สนุกสนานรูปวงกลม จะให้ความรู้สึกปลอดภัย มีพลังสูง ฯลฯ

91.       ลักษณะพิเศษของภาพจิตรกรรมไทย คือ

(1) สองมิติ       

(2)       สามมิติ            

(3)       ลายเส้น           

(4)       สีนํ้า

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 24. ประกอบ

92.       เด็กที่อยู่ท่ามกลางศิลปกรรมที่งดงามจะมีบุคลิกอย่างไร

(1) อ่อนไหว     

(2)       อดทน  

(3)       สุขุม     

(4)       ขาดความมั่นใจ

ตอบ 3 หน้า 21 (S) ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้ให้ข้อคิดว่า เด็กที่คุ้นเคยกับงานศิลปะหรือ ได้พบเห็นสิ่งประณีตสวยงามนั้น ต่อไปในอนาคตก็จะกลายเป็นของจำเป็นต่อชีวิตของเด็ก เพราะจะช่วยให้มีความคิดอ่านประณีตสุขุม นอกจากนี้ศิลปะก็ยังช่วยให้เยาวชนของชาติ กลายเป็นคนดีขึ้น และประพฤติปฏิบัติไปตามกฎแห่งศีลธรรม

93.       ข้อใดเกี่ยวข้องกับวิจิตรศิลป์

(1) ชุดโต๊ะเก้าอี้ฝังมุก 

(2) เข็มกลัดเพชร          

(3) รูปหญิงสาวส่องกระจก 

(4) ผ้าไหมแพรวา

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 37. ประกอบ

94.       ลักษณะพิเศษของศิลปะนามธรรม

(1) ทำเป็นรูปที่ผู้อื่นไม่เข้าใจ    (2) สร้างความคิดขึ้นมาใหม่

(3) ปรุงแต่งดัดแปลงใหม่        (4) เปลี่ยนแปลงจากเดิมที่เคยเห็น

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 77. ประกอบ

95.       เส้นโค้ง หมายถึง

(1) ความไมแน่นอน     (2) ความอ่อนไหว        (3) ความแน่วแน่          (4) ความไมหยุดนิ่ง

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 87. ประกอบ

96.       เส้นนอนมีความหมาย

(1) สงบ           (2) รวดเร็ว       (3) ต้นพลัง      (4) เหนื่อยหน่าย

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 87. ประกอบ

97.       เส้นที่กระจายออกเป็นรัศมี หมายถึง

(1) ความหวัง   (2) ความทะเยอทะยาน           (3) ความมีกำลังเพิ่มขึ้น           (4) ความมีสง่า

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 87. ประกอบ

98.       ข้อใดคือศิลปะประยุกต์

(1) ต่างหูรูปดาวและเดือน       (2) ภาพพิมพ์ลายพฤกษา

(3) พระพิมพ์สมัยลพบุรี          (4) ลายปูนปั้นสมัยอยุธยา

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 38. ประกอบ

99.       เส้นที่มีลักษณะต่างกันและมีทิศทางต่างกัน

(1) ย่อมมีความกลมกลืนกัน    (2) เกิดความไม่กลมกลืนกัน

(3) ไร้ชีวิตจิตใจ            (4) มีความรู้สึกขัดแย้ง

ตอบ 2 หน้า 53 (S) หลักสำคัญในการออกแบบเส้นเพื่อให้รู้สึกว่ามีความกลมกลืนหรือตัดกัน มีดังนี้ 1. เส้นที่มีลักษณะคล้ายกันและมีทิศทางใกล้กัน ย่อมกลมกลืนกัน 2. เส้นที่มีลักษณะต่างกันและมีทิศทางต่างกัน ย่อมไม่กลมกลืนกัน

100.    ศิลปกรรมเพื่อประโยชน์ใช้สอยเกี่ยวข้องกับ

(1) ความดีงาม            (2) ความรื่นรมย์ทางใจ

(3) ความเชื่อถือศรัทธา            (4) ประโยชน์แกชีวิตประจำวัน

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 38. ประกอบ

WordPress Ads
error: Content is protected !!