LAW 3016 กฎหมายปกครอง การสอบไล่ภาคซ่อม S/2549

การสอบซ่อมภาคฤดูร้อน  ปีการศึกษา  2549

 ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 3016 กฎหมายปกครอง  (สำหรับนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์)

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  4  ข้อ

ข้อ  1  จงทำตามคำสั่งต่อไปนี้

ก.              1     จงยกตัวอย่างกฎหมายปกครองมา  10  ฉบับ

2       หน่วยงานของรัฐและหน่วยงานทางปกครองได้แก่หน่วยงานใดบ้าง

3       เจ้าหน้าที่ของรัฐได้แก่ใครบ้าง

4       การใช้อำนาจทางปกครองหมายความว่าอย่างไร

5       การบริการสาธารณะเป็นอย่างไร

ธงคำตอบ

1  กฎหมายปกครอง  ได้แก่  พระราชบัญญัติ  พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ  พระราชกำหนด  และกฎหมายต่างๆ  ที่เมื่อเกิดกรณีพิพาทแล้วนำคดีไปขึ้นศาลปกครอง  ตัวอย่างเช่น

(1) กฎหมายที่ดิน

(2) พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน

(3) พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน

(4) พระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด

(5) พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล

(6) พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร

(7) พระราชบัญญัติเทศบาล

(8) พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยรามคำแหง

(9) พระราชบัญญัติการไฟฟ้า

 (10) พระราชบัญญัติการท่าเรือ

(11)พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง

(12) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

(13)  พระราชกำหนดการบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉิน

2  หน่วยงานของรัฐและหน่วยงานทางปกครอง  ได้แก่  หน่วยงานการบริหารราชการส่วนกลางส่วนภูมิภาค  ส่วนท้องถิ่น  รัฐวิสาหกิจ  และหน่วยงานอื่นที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นหน่วยงานทางปกครอง  รวมทั้งหน่วยงานเอกชนที่ใช้อำนาจทางปกครองตามกฎหมาย  ตัวอย่างเช่น

(1) หน่วยงานการบริหารราชการส่วนกลาง  ได้แก่  กระทรวง  ทบวง  กรม

(2) หน่วยงานการบริหารราชการส่วนภูมิภาค  ได้แก่  จังหวัด  อำเภอ

(3) หน่วยงานการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น  ได้แก่  องค์การบริหารส่วนตำบล  เทศบาล  องค์การบริหารส่วนจังหวัด  กรุงเทพมหานคร  และเมืองพัทยา

(4) รัฐวิสาหกิจ  ได้แก่  การไฟฟ้านครหลวง  การประปานครหลวง  ธนาคารออมสิน  การท่าเรือแห่งประเทศไทย  การรถไฟแห่งประเทศไทย

(5) หน่วยงานอื่นๆ  ของรัฐที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นหน่วยงานทางปกครอง

(6) หน่วยงานเอกชนที่ใช้อำนาจหรือได้รับให้ใช้อำนาจปกครองตามกฎหมาย  ได้แก่  สำนักงานรังวัดเอกชน  สถานที่ตรวจสภาพรถยนต์  สภาทนายความ  แพทยสภา  เป็นต้น

3  เจ้าหน้าที่ของรัฐ  ได้แก่  บุคคลหรือคณะบุคคลที่ใช้อำนาจหรือได้รับมอบให้ใช้อำนาจทางปกครองตามกฎหมาย  รวมถึงคณะบุคคลที่จัดตั้งขึ้นและมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายด้วย  เช่น  ข้าราชการพนักงาน  เจ้าหน้าที่  รวมถึงคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายด้วย

 การใช้อำนาจทางปกครอง  คือ  การใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่อันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง  โอน  สงวน  หรือระงับต่อสถานภาพหรือสิทธิของบุคคลไม่ว่าจะเป็นการชั่วคราวหรือถาวร

5  การบริการสาธารณะ  คือ  กิจการที่อยู่ในความอำนวยการหรืออยู่ในความควบคุมของฝ่ายปกครองที่ จัดทำขึ้นเพื่อสนองตอบความต้องการส่วนรวมของประชาชนและกิจการดังกล่าวจะต้อง มีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจหน้าที่ไว้  ตัวอย่างเช่น  การจัดการศึกษา  การสาธารณสุข  การคมนาคม  การสาธารณูปโภค  เป็นต้น

ข  จงอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างกฎหมายปกครอง  หน่วยงานทางปกครอง  เจ้าหน้าที่ของรัฐ  การใช้อำนาจทางปกครอง  การบริการสาธารณะ  และศาลปกครอง  พร้อมยกตัวอย่างให้ชัดเจน

ธงคำตอบ

กฎหมายปกครองเป็นกฎหมายที่บัญญัติให้อำนาจหน้าที่ในทางปกครองแก่หน่วยงานทางปกครอง  หรือหน่วยงานของรัฐและแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ  โดยหน่วยงานทางปกครองหรือหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องใช้อำนาจทางปกครอง  เพื่อการบริการสาธารณะตามที่กฎหมายบัญญัติให้อำนาจหน้าที่ไว้  และเมื่อเกิดปัญหาจากการใช้อำนาจทางปกครองหรือเกิดกรณีพิพาททางปกครองขึ้นมา  จะต้องนำคดีไปฟ้องยังศาลปกครอง  เนื่องจากศาลปกครองมีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาคดีปกครอง  ตัวอย่างเช่น

นายดำมีที่ดินติดทางหลวงแผ่นดิน  ซึ่งบนท้องถนนหน้าที่ดินของนายดำเป็นที่กลับรถที่เกิดอุบัติเหตุรุนแรงเป็นประจำ  ดังนั้นกรมทางหลวงซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐหรือเป็นหน่วยงานทางปกครองจึงขยายผิวจราจรของถนนออกไป  เพื่อเป็นที่กลับรถให้เกิดความปลอดภัยแก่ประชาชนผู้สัญจรไปมาบนถนนหลวง  ซึ่งการขยายผิวจราจรถือเป็นการใช้อำนาจทางปกครองของกรมทางหลวงเพื่อเป็นการบริการสาธารณะ  แต่การขยายผิวจราจรของกรมทางหลวงได้รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของนายดำ  ทำให้นายดำได้รับความเดือดร้อนเสียหาย  ดังนั้นนายดำจึงนำคดีไปฟ้องยังศาลปกครอง  เป็นต้น

 

ข้อ  2  ปัจจุบันประเทศไทยมีศาลอยู่  3  ศาล  ได้แก่  ศาลยุติธรรม  ศาลปกครอง  และศาลทหาร  (ศาลรัฐธรรมนูญถูกยกเลิกโดยคณะปฏิรูปฯ  เมื่อ  19  กันยายน  2549)  ซึ่งแต่ละศาลมีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาคดีแตกต่างกัน

จงอธิบายว่าศาลปกครองมีอำนาจหน้าที่พิจารณาพิพากษาคดีตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง  พ.ศ.  2542  ว่าอย่างไร

ธงคำตอบ

พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง  พ.ศ. 2542  มาตรา  9  บัญญัติว่า  ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งในเรื่องดังต่อไปนี้

(1) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย  ไม่ว่าจะเป็นการออกกฎ  คำสั่งหรือการกระทำอื่นใด  เนื่องจากการกระทำโดยไม่มีอำนาจ  หรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่  หรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย  หรือโดยไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอน

หรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้สำหรับการกระทำนั้น  หรือโดยไม่สุจริตหรือมีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม  หรือมีลักษณะเป็นการสร้างขั้นตอนโดยไม่จำเป็น  หรือสร้างภาระให้เกิดกับประชาชนเกินสมควร  หรือเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ

(2) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ  หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร

(3) คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิด  หรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย  หรือจากกฎ  คำสั่งทางปกครอง  หรือคำสั่งอื่น  หรือจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ  หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร

(4) คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง

(5) คดีที่มีกฎหมายกำหนดให้หน่วยงานทางปกครอง  หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐฟ้องคดีต่อศาลเพื่อบังคับให้บุคคลต้องกระทำหรือละเว้นกระทำอย่างหนึ่งอย่างใด

(6) คดีพิพาทเกี่ยวกับเรื่องที่มีกฎหมายกำหนดให้อยู่ในเขตอำนาจศาลปกครอง

 

ข้อ  3  การจัดระเบียบราชการแผ่นดิน  โดยมอบอำนาจในการปกครองให้แก่ราชการบริหารส่วนกลางเป็นผู้ดำเนินการปกครองตลอดทั้งอาณาเขตของประเทศ  เป็นความหมายของหลักการจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดินแบบใด  หลักดังกล่าวมีสาระสำคัญถึงข้อดีและข้อเสียอย่างไร  จงอธิบาย

ธงคำตอบ

หลักที่ใช้ในการจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน  โดยมอบอำนาจในการปกครองให้แก่ราชการบริหารส่วนกลาง  เป็นผู้ดำเนินการปกครองตลอดทั้งอาณาเขตของประเทศเรียกว่า  หลักการรวมอำนาจปกครอง  ซึ่งมีสาระสำคัญ  ได้แก่

1       มีการรวมกำลังทหารและตำรวจขึ้นต่อส่วนกลาง

2       มีการรวมอำนาจในการวินิจฉัยสั่งการอยู่ที่ส่วนกลางทั้งสิ้น

3       มีการลำดับขั้นการบังคับบัญชาเจ้าหน้าที่ลดหลั่นกันไป

ข้อดีของหลักการรวมอำนาจปกครอง  ได้แก่

1       ทำให้อำนาจรัฐบาลมั่นคงและแผ่ขยายไปทั่วทั้งอาณาเขตประเทศ

2       เป็นวิธีการปกครองที่ให้ความเสมอภาคแก่ประชาชนทั่วทั้งประเทศ

3       เป็นหลักการปกครองที่ประหยัด

4       เป็นหลักที่ทำให้เกิดความเป็นเอกภาพในการปกครอง

ข้อเสียของหลักการรวมอำนาจปกครอง  ได้แก่

1       ไม่สามารถจัดทำบริการสาธารณะได้ผลดีและทั่วถึงทุกท้องถิ่นพร้อมกัน

2       มีความชักช้าเกี่ยวกับแบบแผนของราชการ

 

ข้อ  4  ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินชดเชย  และไม่มีสิทธิได้รับเงินชดเชยแทนการจัดสรรที่ดินของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินแห่งชาติ  ปรากฏรายชื่อทั้งหมด  100  คน  นายขาวมีชื่อปรากฏในประกาศดังกล่าวว่าเป็นผู้ไม่มีสิทธิได้รับเงินชดเชย  จึงต้องการจะโต้แย้งสิทธิของตนตามประกาศดังกล่าว  ดังนี้  ให้ท่านวินิจฉัยว่าประกาศดังกล่าวเป็นคำสั่งทางปกครอง  หรือกฎ  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  5  แห่ง  พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  พ.ศ. 2539  นั้น  คำสั่งทางปกครอง  หมายความว่า

(1) การใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ที่มีผลเป็นการสร้างนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคลในอันที่จะก่อ  เปลี่ยนแปลง  โอน  สงวน  ระงับ  หรือมีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคล  ไม่ว่าจะเป็นการถาวรหรือชั่วคราว  เช่น  การสั่งการ  การอนุญาต  การอนุมัติ  การวินิจฉัย  อุทธรณ์  การรับรอง  และการรับจดทะเบียน  แต่ไม่ไหมายความรวมถึงการออกกฎ

(2) การอื่นที่กำหนดในกระทรวง

กฎ  หมายความว่า  พระราชกฤษฎีกา  กฎกระทรวง  ประกาศกระทรวง  ข้อบัญญัติท้องถิ่น  ระเบียบ  ข้อบังคับ  หรือบทบัญญัติอื่นที่มีผลบังคับเป็นการทั่วไป  โดยไม่มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่กรณีใดหรือบุคคลใดเป็นการเฉพาะ

วินิจฉัย

ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยที่ดินและไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยที่ดิน  การจัดสรรที่ดินของคณะกรรมการจัดสรรที่ดินแห่งชาติเป็นคำสั่งทางปกครอง  เพราะประกาศดังกล่าวก่อให้เกิดนิติสัมพันธ์ระหว่างนายขาวกับคณะกรรมการจัดสรรที่ดินแห่งชาติ  ทำให้นายขาวไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชยที่ดิน  คณะกรรมการฯก็ไม่มีหน้าที่ต้องจ่ายเงินค่าทดแทนแก่นายขาว  จึงเป็นคำสั่งที่เกิดผลเฉพาะเจาะจงแก่นายขาว  ประกาศดังกล่าวถือเป็นคำสั่งทางปกครองที่มีผลแก่ผู้มีรายชื่อทั้งหมด  100  คน  เป็นการเฉพาะราย  เพียงแต่เป็นคำสั่งทางปกครองที่ได้รวมแจ้งเป็นประกาศให้ทราบในฉบับเดียวกัน  

LAW 3016 กฎหมายปกครอง การสอบไล่ภาค 1/2550

การสอบไล่ภาค  1  ปีการศึกษา  2550

 ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 3016 กฎหมายปกครอง  (สำหรับนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์)

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  4  ข้อ

ข้อ  1  นายบดี  บ้านด่าน  ถูกเวนคืนที่ดินและคณะกรรมการพิจารณาค่าเวนคืนได้มีหนังสือแจ้งให้นายบดีไปรับเงินค่าเวนคืนเป็นเงินหนึ่งล้านบาท  นายบดี  ไม่พอใจกับจำนวนเงินดังกล่าวเนื่องจากที่ดินของตนที่ถูกเวนคืน  ควรจะได้ค่าเวนคืนไม่ต่ำกว่าห้าล้านบาท  ดังนี้  หากนายบดี  มาปรึกษาท่าน  ท่านจะแนะนำอย่างไร

ธงคำตอบ

พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง  พ.ศ. 2542  มาตรา  9  วรรคแรก  (1)  (2) บัญญัติว่า  ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งในเรื่องดังต่อไปนี้

(1) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วย

กฎหมาย  ไม่ว่าจะเป็นการออกกฎ  คำสั่งหรือการกระทำอื่นใด  เนื่องจากการกระทำโดยไม่มีอำนาจ  หรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่  หรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย  หรือโดยไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอน  หรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้สำหรับการกระทำนั้น  หรือโดยไม่สุจริตหรือมีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม  หรือมีลักษณะเป็นการสร้างขั้นตอนโดยไม่จำเป็น  หรือสร้างภาระให้เกิดกับประชาชนเกินสมควร  หรือเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ

(2) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ  หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร

และมาตรา  42  วรรคสอง  บัญญัติว่า

ในกรณีที่มีกฎหมายกำหนดขั้นตอนหรือวิธีการสำหรับการแก้ไขความเดือดร้อนหรือเสียหายในเรื่องใดไว้โดยเฉพาะ  การฟ้องคดีปกครองในเรื่องนั้นจะกระทำได้ต่อเมื่อมีการดำเนินการตามขั้นตอนและวิธีการดังกล่าว  และได้มีการสั่งการตามกฎหมายนั้น  หรือมิได้มีการสั่งการภายในเวลาอันสมควรหรือภายในเวลาที่กฎหมายนั้นกำหนด

วินิจฉัย

ข้อเท็จจริงตามปัญหาดังกล่าว  ถ้านายบดี  บ้านด่าน  มาปรึกษาข้าพเจ้า  ข้าพเจ้าจะให้คำแนะนำตามขั้นตอน  ดังนี้  คือ

1       การที่คณะกรรมการพิจารณาค่าเวนคืน  ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐได้มีหนังสือแจ้งให้นายบดีไปรับเงินค่าเวนคืนนั้น  ถือว่าหนังสือแจ้งค่าเวนคืนดังกล่าวเป็นคำสั่งทางปกครอง  เพราะเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ที่มีผลเป็นการสร้างนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคล  และก่อให้เกิดผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคล

2       กรณีพิพาทที่เกิดขึ้น  เนื่องจากนายบดี  ไม่พอใจกับจำนวนเงินค่าเวนคืนที่คณะกรรมการพิจารณาค่าเวนคืนกำหนด  คือจำนวนเงินหนึ่งล้านบาท  เพราะที่ดินของนายบดี  ที่ถูกเวนคืนควรจะได้ค่าเวนคืนไม่ต่ำกว่าห้าล้านบาทนั้น  ถือว่าเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย  คือได้ออกคำสั่งโดยการใช้ดุลยพินิจโดยมิชอบ  คือการกำหนดจำนวนเงินค่าเวนคืนต่ำกว่าความเป็นจริง  คดีพิพาทดังกล่าวจึงเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลปกครองตาม  มาตรา  9  วรรคแรก  (1)  ซึ่งนายบดี สามารถที่จะนำคดีไปฟ้องศาลปกครองได้

3       แต่อย่างไรก็ตาม  เมื่อคดีพิพาทดังกล่าว  เป็นคดีพิพาทที่เกี่ยวกับการออกคำสั่งทางปกครองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย  ดังนั้นก่อนที่นายบดี  จะฟ้องคดีต่อศาลปกครอง  นายบดีจะต้องปฏิบัติตามมาตรา  42  วรรคสองก่อน  คือจะต้องอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อคณะกรรมการพิจารณาค่าเวนคืนผู้ออกคำสั่ง  ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในหนังสือแจ้งนั้น  ถ้านายบดี  ไม่อุทธรณ์คำสั่งนั้น  ก็ไม่สามารถที่จะนำคดีไปฟ้องศาลปกครองได้

4       ในกรณีที่มีการอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวแล้ว  เมื่อพ้นกำหนด  60  วัน  ยังไม่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์  ถือได้ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ  คือคณะกรรมการพิจารณาค่าเวนคืนปฏิบัติหน้าที่คือพิจารณาค่าเวนคืนล่าช้าเกินสมควร  ดังนี้ผู้อุทธรณ์คือนายบดี  สามารถนำคดีพิพาทดังกล่าวไปฟ้องศาลปกครองได้ภายในกำหนด  1  ปี

 

ข้อ  2  โรงงานน้ำตาลมั่วกี่ได้ปล่อยน้ำเสียลงลำน้ำสาธารณะ  เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบตามกฎหมายได้ปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย  แม้จะมีประชาชนร้องเรียนหลายครั้งแล้วก็ตาม  จนสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ใช้น้ำในการอุปโภคบริโภค  เกิดโรคผิวหนังผื่นคันซึ่งแพทย์ระบุว่าเกิดจากน้ำเป็นพิษ  ประชากรเสียค่ารักษาพยาบาลเกี่ยวกับโรคผิวหนังดังกล่าวติดต่อกันมารวมเป็นเงินคนละหลายหมื่นบาท

ถ้าท่านเป็นชาวบ้านจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไร

ธงคำตอบ

พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง  พ.ศ. 2542  มาตรา  9  วรรคแรก  (2)  และ  (3)  บัญญัติว่า  ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งในเรื่องดังต่อไปนี้

(2) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ  หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร

(3) คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิด  หรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย  หรือจากกฎ  คำสั่งทางปกครอง  หรือคำสั่งอื่น  หรือจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ  หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร

วินิจฉัย

การที่โรงงานน้ำตาลมั่วกี่ได้ปล่อยน้ำเสียลงลำน้ำสาธารณะ  โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบตามกฎหมายได้ปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย  แม้จะมีประชาชนร้องเรียนหลายครั้งแล้วก็ตาม  ถือว่าเป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายได้ละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ  ตาม  พ.ร.บ.  จัดตั้งศาลปกครองฯ  มาตรา 9  วรรคแรก  (2)

และเมื่อการละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน  คือทำให้ประชาชนที่ใช้น้ำในการอุปโภคบริโภคเกิดโรคผิวหนัง  และต้องเสียค่ารักษาพยาบาล  ถือว่าเป็นการกระทำละเมิดทางปกครอง  ตาม  พ.ร.บ.  จัดตั้งศาลปกครองฯ  มาตรา  9  วรรคแรก  (3)

ดังนั้นคดีพิพาทดังกล่าว  ถือว่าเป็นคดีพิพาทที่อยู่ในอำนาจของศาลปกครอง  ถ้าข้าพเจ้าเป็นชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนเสียหายดังกล่าว  ก็จะนำคดีไปฟ้องศาลปกครอง  โดย ฟ้องหน่วยงานที่เป็นนิติบุคคลที่เจ้าหน้าที่นั้นสังกัดอยู่เพื่อให้ศาล ปกครองสั่งให้หน่วยงานทางปกครองนั้นใช้เงินค่าเสียหายให้แก่ประชาชนที่ได้ รับความเสียหายจากการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐดังกล่าว

 

ข้อ  3  จงอธิบายเหตุผลของการที่ราชการบริหารส่วนกลางหรือส่วนภูมิภาคใช้ อำนาจกำกับดูแลกับราชการบริหารส่วนท้องถิ่นแทนที่จะใช้อำนาจบังคับบัญชาว่า เป็นเพราะเหตุใด  รวมถึงอธิบายลักษณะของอำนาจบังคับบัญชาและอำนาจกำกับดูแลตามที่ท่านได้ศึกษามา

ธงคำตอบ

อำนาจบังคับบัญชา  เป็นอำนาจที่หัวหน้าหน่วยงานใช้ปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นอำนาจที่ผู้บังคับบัญชาสามารถที่จะสั่งการใดๆ  ก็ได้ตามที่เห็นว่าเหมาะสม  สามารถที่จะกลับ  แก้ไข  ยกเลิก  เพิกถอน  คำสั่งหรือการกระทำของผู้ใต้บังคับบัญชาได้เสมอ

เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะเป็นประการอื่น  แต่อย่างไรก็ตาม  การใช้อำนาจบังคับบัญชานั้นจะต้องชอบด้วยกฎหมายด้วย  จะใช้อำนาจบังคับบัญชาที่ขัดต่อกฎหมายไม่ได้แม้ว่าจะได้ใช้ไปในทางที่เหมาะสมก็ตาม

อำนาจกำกับดูแล  เป็นความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรควบคุมกำกับองค์กรภายใต้ควบคุมกำกับซึ่งเป็นอำนาจที่มีเงื่อนไข  คือองค์กรควบคุมกำกับจะใช้อำนาจได้ก็ต่อเมื่อมีกฎหมายให้อำนาจไว้และการใช้อำนาจนั้นต้องเป็นไปตามรูปแบบที่กฎหมายกำหนด

องค์กรควบคุมกำกับไม่มีอำนาจสั่งการให้องค์กรภายใต้ควบคุมกำกับปฏิบัติการตามที่ตนเห็นสมควร

เหตุผลที่มีการบัญญัติให้อำนาจบังคับบัญชาต่างกับการบังคับบัญชาเพราะว่า  หลักการกระจายอำนาจเป็นการฝึกให้ประชาชนในท้องถิ่นตัดสินใจด้วยตนเอง  มีการปกครองด้วยตนเอง  การใช้อำนาจบังคับบัญชาเหนือราชการบริหารส่วนท้องถิ่นจึงเท่ากับทำลายระบบกระจายอำนาจในการให้ประชาชนปกครองตนเอง  ดังนั้น  การใช้อำนาจควบคุมกำกับดูแลควรจะอยู่ในขอบเขต

โดยพิจารณาแต่เพียงว่าท้องถิ่นทำกิจการในขอบอำนาจของตนหรือไม่  ละเมิดกฎหมายหรือไม่  รวมถึงควบคุมความชอบด้วยกฎหมายของนิติกรรมทางปกครองของท้องถิ่นเท่านั้น  ไม่สามารถควบคุมดุลพินิจได้  เว้นแต่มีกฎหมายบัญญัติไว้

 

ข้อ  4  ขาวตำแหน่งเจ้าหน้าที่พัสดุ  เป็นกรรมการพิจารณาผู้เข้ารับการประมูลติดตั้งระบบไฟฟ้าของอาคารสำนักงานของหน่วยงานของรัฐที่ตนสังกัด  ปรากฏว่าแดงซึ่งเป็นอดีตสามีของขาวและมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการบริษัท ได้ยื่นซองประมูลเพื่อติดตั้งระบบไฟฟ้าของอาคารสำนักงานดังกล่าวด้วย

แดงเกรงว่าขาวจะพิจารณาเรื่องของตนไม่เป็นกลางเพราะตนเองทำร้ายจิตใจของขาวไว้อย่างมาก  ในขณะที่ขาวเองไม่ได้ติดใจและคิดอาฆาตแค้นกับแดงแต่อย่างใด  ดังนี้  ให้ท่านพิจารณาว่าขาวเป็นเจ้าหน้าที่ที่สามารถพิจารณาทางปกครองตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  พ.ศ. 2539  ได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  พ.ศ. 2539  มาตรา  13  บัญญัติว่า

เจ้าหน้าที่ดังต่อนี้  จะทำการพิจารณาทางปกครองไม่ได้

(1) เป็นคู่กรณีเอง

(2) เป็นคู่หมั้นหรือคู่สมรสของคู่กรณี

(3) เป็นญาติของคู่กรณี  คือ  เป็นบุพการี  หรือผู้สืบสันดานไม่ว่าชั้นใดๆ  หรือเป็นพี่น้อง  หรือเป็นญาติเกี่ยวพันทางแต่งงานนับได้เพียงสองชั้น

(4) เป็นหรือเคยเป็นผู้แทนโดยชอบธรรม  หรือผู้พิทักษ์  หรือผู้แทน  หรือตัวแทน  ของคู่กรณี

(5) เป็นเจ้าหนี้  หรือลูกหนี้  หรือเป็นนายจ้างของคู่กรณี

(6) กรณีอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง 

และมาตรา  16  บัญญัติว่า

ในกรณีมีเหตุอื่นใดนอกจากที่บัญญัติไว้ในมาตรา  13  เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่หรือกรรมการในคณะกรรมการที่มีอำนาจพิจารณาทางปกครองซึ่งมีสภาพร้ายแรงอันอาจทำให้การพิจารณาทางปกครองไม่เป็นกลาง  เจ้าหน้าที่หรือกรรมการผู้นั้นจะทำการพิจารณาทางปกครองในเรื่องนั้นไม่ได้

วินิจฉัย

การที่ขาวซึ่งมีตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่พัสดุ  จะเป็นกรรมการพิจารณาผู้เข้ารับการประมูลติดตั้งระบบไฟฟ้าของอาคาร  โดยมีแดงซึ่งเป็นอดีตสามีของขาวได้ยื่นซองประมูลเพื่อติดตั้งระบบไฟฟ้าของอาคารดังกล่าวด้วยนั้น  ถือว่าขาวสามารถที่จะเป็นกรรมการที่จะทำการพิจารณากรณีดังกล่าวได้  เพราะไม่ต้องห้ามตาม  พ.ร.บ.  วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองฯ  มาตรา  13(2)  ที่ได้บัญญัติห้ามไว้เฉพาะกรณีที่เป็นคู่หมั้นหรือคู่สมรสของคู่กรณีเท่านั้น  ไม่รวมถึงอดีตสามีหรืออดีตภรรยาที่การสมรสได้สิ้นสุดลงแล้ว

และเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าแม้แดงจะเคยทำร้ายจิตใจของขาว  แต่ขาวไม่ได้ติดใจและคิดอาฆาตแค้นแดงแต่อย่างใด  และการพิจารณาทางปกครองดังกล่าวก็เป็นเพียงการพิจารณาผู้เข้ารับการประมูลติดตั้งระบบไฟฟ้าของอาคารสำนักงานของหน่วยงานของรัฐเท่านั้น  ดังนั้นจึงไม่ถือว่าเป็นเหตุที่มีสภาพร้ายแรงที่จะกระทบต่อความไม่เป็นกลางในการพิจารณาทางปกครอง  ตามมาตรา  16  เป็นเพียงกรณีที่แดงหวาดระแวงไปเอง

สรุป  ขาวเป็นเจ้าหน้าที่สามารถพิจารณาทางปกครองได้  ไม่ต้องห้ามตามมาตรา  13  และ  16  แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  พ.ศ. 2539

LAW 3016 กฎหมายปกครอง การสอบไล่ภาค 2/2550

การสอบไล่ภาค  2  ปีการศึกษา  2550

 ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 3016 กฎหมายปกครอง 

(สำหรับนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์)

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  4  ข้อ

ข้อ  1  จงทำตามคำสั่งต่อไปนี้

ก.      ข้อใดต่อไปนี้มิใช่  กฎ  (ตอบผิดจะไม่ได้คะแนนเลยเพราะเป็นสาระสำคัญ)

1       พระราชกฤษฎีกาการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร

2       ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่  พ.ศ. 2539

3       พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่  พ.ศ. 2539

4       ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเกี่ยวกับเรื่องความสะอาด

5       เทศบัญญัติเทศบาลเมืองวารินชำราบ

6       ประมวลกฎหมายอาญา

7       ประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง

8       คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติงานในวันส่งท้ายปีเก่าและวันขึ้นปีใหม่

9       กฎกระทรวงเรื่องหลักเกณฑ์ในการขออนุญาตสร้างสิ่งรุกล้ำลำน้ำ

10  คำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี

11  ข้อบัญญัติตำบลนายืน

12  ข้อบัญญัติเมืองพัทยา

ธงคำตอบ

คำว่า  กฎ  หมายความว่า  พระราชกฤษฎีกา  กฎกระทรวง  ประกาศกระทรวง  ข้อบัญญัติท้องถิ่น  ระเบียบ  ข้อบังคับ  หรือบทบัญญัติอื่นที่มีผลบังคับเป็นการทั่วไป  โดยไม่มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่กรณีใดหรือบุคคลใดเป็นการเฉพาะ

ดังนั้นจากคำถามเมื่อพิจารณาประกอบกับความหมายของคำว่า  กฎ  ดังกล่าว  ข้อที่มิใช่กฎ  ได้แก่

3       พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่  พ.ศ. 2539  

6       ประมวลกฎหมายอาญา

7       ประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง

8       คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติงานในวันส่งท้ายปีเก่าและวันขึ้นปีใหม่

10  คำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี

ข  จงอธิบายว่ามีใครบ้างเป็นผู้ใช้กฎหมายปกครอง

1       ผู้ใช้กฎหมายปกครอง  ได้แก่  หน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

1)    หน่วยงานทางปกครอง  เช่น

(1) หน่วยงานการบริหารราชการส่วนกลาง  ได้แก่  กระทรวง  ทบวง  กรม

(2) หน่วยงานการบริหารราชการส่วนภูมิภาค  ได้แก่  จังหวัด  อำเภอ

(3) หน่วยงานการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น  ได้แก่  องค์การบริหารส่วนตำบล  เทศบาล  องค์การบริหารส่วนจังหวัด  กรุงเทพมหานคร  และเมืองพัทยา

(4) รัฐวิสาหกิจ  ได้แก่  การไฟฟ้านครหลวง  การประปานครหลวง  ธนาคารออมสิน  การท่าเรือแห่งประเทศไทย  การรถไฟแห่งประเทศไทย

(5) หน่วยงานอื่นๆ  ของรัฐที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นหน่วยงานทางปกครอง

(6) หน่วยงานเอกชนที่ใช้อำนาจหรือได้รับให้ใช้อำนาจปกครองตามกฎหมาย  ได้แก่  สำนักงานรังวัดเอกชน  สถานที่ตรวจสภาพรถยนต์  สภาทนายความ  แพทยสภา  เป็นต้น

2)    เจ้าหน้าที่ของรัฐ  ได้แก่  บุคคลหรือคณะบุคคลที่ใช้อำนาจหรือได้รับมอบให้ใช้อำนาจทางปกครองตามกฎหมาย  รวมถึงคณะบุคคลที่จัดตั้งขึ้นและมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายด้วย  เช่น  ข้าราชการพนักงาน  เจ้าหน้าที่  รวมถึงคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายด้วย

 

ข้อ  2  องค์การบริหารส่วนตำบลได้สร้างถนนเข้าหมู่บ้านระยะทาง  800  เมตร  ต่อมานายสมชายฯ  ได้แจ้งกับองค์การบริหารส่วนตำบลเมื่อวันที่  5  กุมภาพันธ์  2550  ว่าส่วนหนึ่งของถนนได้รุกล้ำเข้าไปในที่ของตนเป็นเนื้อที่  25  ตารางวา

และการสร้างถนนดังกล่าวทำให้ตัวบ้านของตนทรุดและแตกร้าวคิดค่าเสียหาย  300,000  บาท  องค์การบริหารส่วนตำบลได้ตอบนายสมชายฯ  ไปเมื่อวันที่  15  มีนาคม  2550  ว่าที่ดินที่ทำถนนทั้งหมดนั้นเป็นที่ขององค์การบริหารส่วนตำบล  ส่วนบ้านที่ชำรุดเสียหายนั้นได้ให้วิศวกรไปตรวจสอบค่าเสียหายแล้ว  องค์การ

บริหารส่วนตำบลชดใช้ค่าบ้านชำรุดและเสียหายได้เพียง  100,000  บาท  วันที่  21  กุมภาพันธ์  2551  นายสมชายฯ  มาหาท่าน  ท่านจะแนะนำในกรณีดังกล่าวอย่างไร  จงอธิบายและยกหลักกฎหมายประกอบให้ชัดเจน 

ธงคำตอบ

พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง  พ.ศ. 2542  มาตรา  9  วรรคแรก  (1)  (2)  และ  (3)  บัญญัติว่า  ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งในเรื่องดังต่อไปนี้

(1) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ว่าจะเป็นการออกกฎ  คำสั่ง  หรือการกระทำอื่นใดเนื่องจากกระทำโดยไม่มีอำนาจหรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่หรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย  หรือโดยไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอน  หรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้สำหรับการกระทำนั้น  หรือโดยไม่สุจริต  หรือมีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม  หรือมีลักษณะเป็นการสร้างขั้นตอนโดยไม่จำเป็น  หรือสร้างภาระให้เกิดกับประชาชนเกินสมควร  หรือเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ

(2) คดี พิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อ หน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้า เกินสมควร

(3) คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย  หรือจากกฎคำสั่งทางปกครอง  หรือคำสั่งอื่น  หรือจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ  หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร

และมาตรา  42  วรรค  2  บัญญัติว่า 

ในกรณีที่มีกฎหมายกำหนดขั้นตอนหรือวิธีการสำหรับการแก้ไขความเดือดร้อนหรือเสียหายในเรื่องใดไว้โดยเฉพาะ   การฟ้องคดีปกครองในเรื่องนั้นจะกระทำได้ต่อเมื่อมีการดำเนินการตามขั้นตอนและวิธีการดังกล่าว  และได้มีการสั่งการตามกฎหมายนั้น  หรือมิได้มีการสั่งการภายในเวลาอันสมควรหรือภายในเวลาที่กฎหมายนั้นกำหนด

วินิจฉัย

ข้อพิพาทระหว่างองค์การบริหารส่วนตำบล  กับนายสมชาย  มีอยู่  2  ประเด็น  ได้แก่

ประเด็นที่  1  นายสมชายอ้างว่าที่ดินที่องค์การบริหารส่วนตำบลได้สร้างถนนเข้าหมู่บ้านนั้นมีที่ดินจำนวนเนื้อที่  25  ตารางวาเป้นของตน  แต่องค์การบริหารส่วนตำบลก็อ้างว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินขององค์การบริหารส่วนตำบล  ประเด็นพิพาทที่เกิดขึ้น  จึงเป็นเรื่องของการโต้แย้งกรรมสิทธิ์ในที่ดินเนื้อที่  25  ตารางวานั้นว่าเป็นของใคร  คดีพิพาทดังกล่าว

จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับเรื่องของกรรมสิทธิ์ในที่ดินไม่ใช่คดีพิพาทตามมาตรา  9  (1)  (2)  และ  (3)  แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ  ดังนั้นคดีพิพาทดังกล่าวจึงไม่อยู่ในอำนาจของศาลปกครองที่จะรับไว้พิจารณาพิพากษา  จึงต้องนำคดีดังกล่าวไปฟ้องศาลยุติธรรมคือศาลแพ่ง  จะฟ้องศาลปกครองไม่ได้

ประเด็นที่  2  การที่องค์การบริหารส่วนตำบลได้สร้างถนนเข้าหมู่บ้าน  และการสร้างถนนดังกล่าวทำให้ตัวบ้านของนายสมชายทรุดและแตกร้าวนั้น  การกระทำดังกล่าวขอองค์การบริหารส่วนตำบล  ถือว่าเป็นการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมายขององค์การบริหารส่วนตำบลตามที่กฎหมายได้บัญญัติไว้

และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นตามมาตรา  9  (3)  แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ  จึงเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง  ดังนั้นจึงต้องนำคดีพิพาทดังกล่าวไปฟ้องศาลปกครองภายในอายุความ  1  ปี

แต่เนื่องจากนายสมชายได้เรียกร้องให้องค์การบริหารส่วนตำบลชดใช้ค่าเสียหาย  300,000  บาท  แต่องค์การบริหารส่วนตำบลตอบกลับมาว่าจะชดใช้ค่าเสียหายได้เพียง  100,000  บาท  ซึ่งการกำหนดค่าเสียหายขององค์การบริหารส่วนตำบลดังกล่าวถือว่าเป็นคำสั่งทางปกครอง

ดังนั้นถ้านายสมชายไม่พอใจกับค่าเสียหายที่องค์การบริหารส่วนตำบลชดใช้ให้  นายสมชายจะต้องปฏิบัติตามมาตรา  42  วรรค  2  ก่อน  คือ  จะต้องอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองนั้นก่อนที่จะนำคดีพาทนั้นไปฟ้องศาลปกครอง

สรุป  เมื่อนายสมชายมาหาข้าพเจ้า  ข้าพเจ้าจะแนะนำกรณีดังกล่าวแก่นายสมชาย  ตามเหตุผลและหลักกฎหมายดังกล่าวข้างต้น

 

ข้อ  3  จงอธิบายว่าประเทศไทยนำหลักการรวมอำนาจปกครอง  (Centralization)  มาใช้ในการจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดินอย่างไร

ธงคำตอบ

หลักการรวมอำนาจปกครอง  เป็นหลักในการจัดระเบียบบริหารราชการ  โดยการมอบอำนาจปกครองให้แก่ราชการบริหารส่วนกลาง  และมีเจ้าหน้าที่ของราชการบริหารส่วนกลางเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองซึ่งหลักการรวมอำนาจปกครองนี้จะแบ่งออกเป็น  2  รูปแบบ  คือ  การรวมศูนย์อำนาจปกครอง  และการกระจายการรวมศูนย์อำนาจปกครองหรือการแบ่งอำนาจปกครอง

1       การรวมศูนย์อำนาจปกครอง  คือ  การรวมอำนาจวินิจฉัยสั่งการทั้งหมดไว้ที่ศูนย์กลางหรือส่วนกลาง  และต้องมีระบบการบังคับบัญชาที่เคร่งครัด  มีการรวมกำลังในการบังคับต่างๆ  คือ  กำลังทหาร  และกำลังตำรวจให้ขึ้นตรงต่อส่วนกลาง  และมีลำดับชั้นการบังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่

2       การแบ่งอำนาจปกครองหรือการกระจายการรวมศูนย์อำนาจปกครอง  เป็นรูปแบบที่อ่อนตัวลงมาของการรวมศูนย์อำนาจปกครอง  โดย การมอบอำนาจในการตัดสินใจหรือการวินิจฉัยสั่งการบางอย่างให้แก่องค์กรหรือ เจ้าหน้าที่ของส่วนกลางที่ถูกส่งไปประจำอยู่ในแต่ละท้องที่การปกครอง  โอยองค์กรหรือเจ้าหน้าที่เหล่านั้นยังคงอยู่ในระบบบังคับบัญชาของส่วนกลาง

ประเทศไทยได้นำแนวคิดเรื่องหลักการรวมอำนาจมาใช้ในการจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดินคือ  การจัดระเบียบบริหารราชการส่วนกลางจะใช้หลักการรวมศูนย์อำนาจปกครอง  และการจัดระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาคใช้หลักการกระจายการรวมศูนย์อำนาจหรือหลักการแบ่งอำนาจปกครอง

 

ข้อ  4  แดงทำหนังสือร้องเรียนต่อกรมที่ดินว่าตนเองถูกขาว ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานที่ดินเรียกรับเงินจำนวนหนึ่งเพื่อให้ตนเองได้เอกสาร สิทธิ์ในที่ดิน  กรมที่ดินจึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงขาว  ปรากฏว่าคณะกรรมการได้รายงานผลสอบข้อเท็จจริงต่อกรมที่ดินว่า  ไม่ปรากฏว่าขาวได้เรียกร้องรับเงินจากแดง

และไม่มีการออกเอกสารสิทธิ์ใดๆ  แก่แดง  กรมที่ดินจึงนำผลรายงานดังกล่าวแจ้งให้กับแดงทราบ  แดงเห็นว่ากระบวนพิจารณาสอบข้อเท็จจริงไม่ชอบเพราะคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงไม่เปิดโอกาสให้ตนเองโต้แย้งพยานหลักฐานใดๆ  ตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  พ.ศ. 2539  มาตรา  30  จึงทำให้ผลรายงานการสอบข้อเจจริงดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ดังนี้  ท่านคิดว่าความเห็นของแดงถูกต้องหรือไม่  เพราะเหตุใด  จงอธิบาย

ธงคำตอบ

มีหลักกฎหมายตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองฯ  ที่เกี่ยวข้องดังนี้

คำว่า  คู่กรณี  หมายความว่าผู้ยื่นคำขอหรือผู้คัดค้านคำขอ  ผู้อยู่ในบังคับหรือจะอยู่ในบังคับของคำสั่งทางปกครอง  และผู้ซึ่งได้เข้ามาในกระบวนการพิจารณาทางปกครอง  เนื่องจากสิทธิของผู้นั้นจะถูกกระทบกระเทือนจากผลของคำสั่งทางปกครอง

และมาตรา  30  วรรคแรก  ได้บัญญัติหลักไว้ว่า

ในกรณีที่คำสั่งทางปกครองอาจกระทบถึงสิทธิของคู่กรณี  เจ้าหน้าที่ต้องให้คู่กรณีมีโอกาสที่จะได้ทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอและมีโอกาสได้โต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตน

จากหลักกฎหมายดังกล่าว  จะเห็นได้ว่า  การที่เจ้าหน้าที่จะต้องให้คู่กรณีมีโอกาสที่จะได้ทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอ  และได้มีโอกาสโต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตนนั้น  จะต้องเป็นกรณีที่เกี่ยวกับการพิจารณาทางปกครอง  คือการเตรียมการและการดำเนินการของเจ้าหน้าที่เพื่อจัดให้มีคำสั่งทางปกครอง  และคำสั่งทางปกครองนั้นอาจจะกระทบถึงสิทธิของคู่กรณีเท่านั้น

วินิจฉัย

การที่กรมที่ดินมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงขาวตามที่แดงได้ทำหนังสือร้องเรียนนั้น  เป็นเพียงการดำเนินการภายในของกรมที่ดินเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเบื้องต้นเกี่ยวกับหนังสือร้องเรียนของแดงเท่านั้น  มิใช่เป็นการดำเนินการเพื่อจัดให้มีคำสั่งทางปกครองเหมือนเช่นการ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยเพื่อจัดให้มีคำสั่งลงโทษทางวินัยแต่อย่างใด  อีกทั้งแดงก็มิใช่คู่กรณีตามหลักกฎหมายดังกล่าวข้างต้น

ดังนั้นการดำเนินการของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง  จึงไม่จำเป็นต้องเปิดโอกาสให้แดงได้โต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานแต่อย่างใด

สรุป  ความเห็นของแดงที่ว่ากระบวนการพิจารณาสอบข้อเท็จจริงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นจึงไม่ถูกต้อง  ตามมาตรา  30  แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองฯ

LAW 3016 กฎหมายปกครอง การสอบไล่ภาค S/2550

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน  ปีการศึกษา  2550

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 3016 กฎหมายปกครอง  (สำหรับนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์) 

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  4  ข้อ  ข้อละ  25  คะแนน

ข้อ  1  จงทำตามคำสั่งต่อไปนี้

ก)     จงอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่าง

–                    หน่วยงานทางปกครอง

–                    เจ้าหน้าที่ของรัฐ

–                    กฎหมายปกครอง

–                    การใช้อำนาจทางปกครอง

–                    การบริการสาธารณะ  และ

–                    ศาลปกครอง

พร้อมยกตัวอย่างประกอบให้ชัดเจน

ข)     เพราะเหตุใดจึงต้องตราพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  พ.ศ. 2539  ขึ้นมาใช้และมีความสำคัญอย่างไรกับหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ  จงอธิบายและยกตัวอย่างประกอบ

ธงคำตอบ

ก  กฎหมายปกครอง  เป็นกฎหมายที่บัญญัติให้อำนาจหน้าที่ในทางปกครองแก่หน่วยงานทางปกครอง  หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ  ส่วนใหญ่จะอยู่ในชื่อของพระราชบัญญัติ  หรืออาจจะอยู่ในชื่อของกฎหมาย  เช่น  ประมวลกฎหมายที่ดิน  เป็นต้น

ดังนั้นหน่วยงานทางปกครอง  ซึ่งได้แก่หน่วยงานในการบริหารราชการส่วนกลาง  ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น  รวมถึงหน่วยงานอื่นๆของรัฐ  รัฐวิสาหกิจ  และหน่วยงานเอกชนที่ได้รับมอบหมายให้ใช้อำนาจทางปกครองด้วย  และเจ้าหน้าที่ของรัฐ   ซึ่งได้แก่  ข้าราชการ  พนักงาน  เจ้าหน้าที่จะดำเนินการในทางปกครองหรือบริการสาธารณะได้จะต้องมีกฎหมายปกครองบัญญัติให้อำนาจและหน้าที่ไว้  มิฉะนั้นไม่สามารถดำเนินการได้

การใช้อำนาจทางปกครอง  คือ  การใช้อำนาจตามกฎหมายปกครองของเจ้าหน้าที่เพื่อออกคำสั่งหรือดำเนินการอื่นใดในทางปกครอง  หรือบริการสาธารณะ  คือ  กิจการที่อยู่ในความอำนวยการหรืออยู่ในความควบคุมของฝ่ายปกครอง  ซึ่งการใช้อำนาจทางปกครองและการบริการสาธารณะจะสำเร็จได้จะต้องมีกฎหมายปกครองบัญญัติให้อำนาจไว้  และเมื่อการใช้อำนาจทางปกครองหรือการบริการสาธารณะของเจ้าหน้าที่เกิดกรณีพิพาทตามมาตรา  9  แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง  พ.ศ. 2542  ก็จะต้องนำคดีไปฟ้องยังศาลปกครอง  เนื่องจากศาลปกครองมีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาคดีปกครองตามพระราชบัญญัติดังกล่าว

ตัวอย่างเช่น  ประมวลกฎหมายที่ดิน  ซึ่งเป็นกฎหมายปกครอง  เนื่องจากเป็นกฎหมายที่บัญญัติให้อำนาจหน้าที่ในทางปกครองแก่หน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐไว้  เช่น  บัญญัติให้อำนาจหน้าที่แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือเจ้าพนักงาน ที่ดินมีอำนาจหน้าที่ในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่เกี่ยวกับอสังหาริม ทรัพย์  หรือมีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการออกโฉนดที่ดิน  หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดิน  เป็นต้น

ถ้าหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายแล้วเกิดกรณีพิพาทขึ้น  เช่น  เจ้าพนักงานที่ดินได้ดำเนินการออกโฉนดที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย  ดังนี้ถือว่าข้อพิพาทดังกล่าวเป็นข้อพิพาททางปกครอง  หรือที่เรียกว่า  คดีปกครอง  ตามมาตรา  9  แห่ง  พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง  พ.ศ. 2542  จึงต้องนำคดีดังกล่าวไปฟ้องศาลปกครอง  เนื่องจากศาลปกครองมีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาคดีปกครองตาม  มาตรา  9  ดังกล่าว

ข  เนื่องจากกฎหมายปกครอง  ซึ่งเป็นกฎหมายที่บัญญัติให้อำนาจและหน้าที่ในทางปกครองแก่หน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น  มีอยู่เป็นจำนวนมาก  ซึ่งอาจจะอยู่ในชื่อของพระราชบัญญัติ  พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ  ในชื่อของกฎหมาย  หรืออยู่ในชื่อของพระราชกำหนด  ซึ่งรวมแล้วมีมากกว่า  700  ฉบับ  ซึ่งในการดำเนินการในทางปกครองของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ  ตามที่กฎหมายแต่ละฉบับได้บัญญัติไว้นั้น  อาจจะแตกต่างกัน

ดังนั้นด้วยเหตุผลดังกล่าว  จึงได้มีการตราพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  พ.ศ. 2539  ขึ้นมาใช้  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการวางมาตรฐานการปฏิบัติงานราชการและ เพื่อให้การดำเนินงานในทางปกครองของหน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมายในแนวทางเดียวกัน  ได้แก่  การวางกรอบวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองของเจ้าหน้าที่ของรัฐในการออกคำสั่งทางปกครอง  เช่น  การวางหลักเกี่ยวกับการพิจารณาทางปกครอง  รูปแบบและผลของคำสั่งการอุทธรณ์คำสั่ง  การเพิกถอนคำสั่ง  การขอให้พิจารณาใหม่  การบังคับทางปกครอง  วิธีแจ้งคำสั่งรวมทั้งระยะเวลาและอายุความ  เป็นต้น

 

ข้อ  2  กรณีพิพาทที่เกิดจากการใช้อำนาจทางปกครองจะต้องนำคดีไปฟ้องยังศาลปกครอง  จงอธิบายว่ากรณีพิพาทใดบ้างที่จะต้องนำคดีไปฟ้องศาลปกครอง

ธงคำตอบ

กรณีพิพาทที่เกิดจากการใช้อำนาจทางปกครอง  และจะต้องนำคดีนั้นไปฟ้องยังศาลปกครองได้แก่  คดีที่บัญญัติไว้ในมาตรา  9  วรรคแรก  แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542  ซึ่งมีดังนี้

(1) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ว่าจะเป็นการออกกฎ  คำสั่ง  หรือการกระทำอื่นใดเนื่องจากกระทำโดยไม่มีอำนาจหรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่หรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย  หรือโดยไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอน  หรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้สำหรับการกระทำนั้น  หรือโดยไม่สุจริต  หรือมีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม  หรือมีลักษณะเป็นการสร้างขั้นตอนโดยไม่จำเป็น  หรือสร้างภาระให้เกิดกับประชาชนเกินสมควร  หรือเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ

(2) คดี พิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อ หน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้า เกินสมควร

(3) คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย  หรือจากกฎคำสั่งทางปกครอง  หรือคำสั่งอื่น  หรือจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ  หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร

(4) คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง

(5) คดีที่มีกฎหมายกำหนดให้หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐฟ้องคดีต่อศาลเพื่อบังคับให้บุคคลต้องกระทำ  หรือละเว้นกระทำอย่างหนึ่งอย่างใด

(6) คดีพิพาทเกี่ยวกับเรื่องที่กฎหมายกำหนดให้อยู่ในเขตอำนาจศาลปกครอง

 

ข้อ  3  องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งได้แก่  เทศบาล  องค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบลกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยานั้น  รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  พุทธศักราช  2550  ได้กำหนดโครงสร้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง  5  รูปแบบไว้อย่างไรบ้าง  จงอธิบาย

ธงคำตอบ

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  พุทธศักราช  2550  ได้กำหนดโครงสร้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง  5  รูปแบบ  ดังนี้

(1) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องประกอบด้วยสภาท้องถิ่นและคณะผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น  (มาตรา  284  วรรคแรก)

(2) สมาชิกสภาท้องถิ่นต้องมาจากการเลือกตั้ง  (มาตรา  284  วรรคสอง)

(3) คณะผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นให้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนหรือมาจากความเห็นชอบของสภาท้องถิ่น  (มาตรา  284  วรรคสาม)

(4) วิธีการออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและคณะผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น  ให้ใช้วิธีออกเสียงลงคะแนนโดยตรงและลับ  (มาตรา  284  วรรคสี่)

(5) วาระการดำรงตำแหน่ง  ทั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น  คณะผู้บริหารหรือบริหารท้องถิ่น  มีวาระการดำรงตำแหน่งที่เท่ากัน  คือคราวละ  4  ปี  (มาตรา  284  วรรคห้า)

(6) คณะผู้บริหารท้องถิ่น  หรือผู้บริหารท้องถิ่น  จะเป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ  พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ  หน่วยงานของรัฐ  หรือรัฐวิสาหกิจ  หรือของราชการส่วนท้องถิ่นและจะมีผลประโยชน์ขัดกันกับการดำรงตำแหน่งตามที่กฎหมายบัญญัติมิได้  (มาตรา  284  วรรคหก)

(7) การจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษที่มีโครงสร้างการบริหารที่แตกต่างจากที่บัญญัติไว้ในมาตรานี้  ให้กระทำได้ตามที่กฎหมายบัญญัติ  แต่คณะผู้บริหารท้องถิ่น  หรือผู้บริหารท้องถิ่นต้องมาจากการเลือกตั้ง  (มาตรา  284  วรรคเก้า)

 

ข้อ  4  นายเข้มเป็นข้าราชการ  ขณะปฏิบัติราชการได้ดื่มสุราและเกิดอุบิเหตุทำปืนลั่นแต่โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต  นายเข้มจึงถูกดำเนินคดีอาญาเปรียบเทียบปรับ  500  บาท  ฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง  หมู่บ้านหรือที่ชุมชน  ผู้บังคับบัญชาของนายเข้มจึงตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยกล่าวหานาย เข้มกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงโดยต้องหาคดีอาญาฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิด โดยใช่เหตุฯ

แต่ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายเข้มว่านายเข้มเมาสุรายิงปืนด้วยความคึกคะนอง  จากนั้นมีคำสั่งลงโทษปลดนายเข้มออกจากราชการ  โดยระบุว่ามีความผิดเพราะเมาสุรายิงปืนด้วยความคึกคะนอง  ดังนี้  คำสั่งปลดนายเข้มออกจากราชการเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองหรือไม่  เพราะเหตุใด  จงอธิบาย

ธงคำตอบ

พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  พ.ศ. 2539  มาตรา  30  วรรคแรก  บัญญัติว่า

ในกรณีที่คำสั่งทางปกครองอาจกระทบถึงสิทธิของคู่กรณี  เจ้าหน้าที่ต้องให้คู่กรณีมีโอกาสที่จะได้ทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอและมีโอกาสโต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตน

ตามบทบัญญัติดังกล่าว  หมายความว่า  ในกรณีที่เจ้าหน้าที่จะออกคำสั่งทางปกครองใด  และคำสั่งทางปกครองนั้นอาจกระทบถึงสิทธิของคู่กรณี  เจ้าหน้าที่ผู้ออกคำสั่งทางปกครองนั้นจะต้องให้คู่กรณีมีโอกาสที่จะได้ทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอ  และต้องให้คู่กรณีได้มีโอกาสโต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตน  เว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นที่กฎหมายบัญญัติไว้ในมาตรา  30  วรรคสอง  และวรรคสาม

วินิจฉัย

การที่ผู้บังคับบัญชาได้ออกคำสั่งปลดนายเข้มออกจากราชการ  ซึ่งเป็นคำสั่งทางปกครองและกระทบถึงสิทธิของคู่กรณีคือนายเข้ม  โดยไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่านายเข้มเมาสุรายิงปืนด้วยความคึกคะนอง  ซึ่งทำให้นายเข้มไม่มีโอกาสที่จะได้ทราบข้อเท็จจริงในข้อกล่าวหาอันนำไปสู่การลงโทษได้เพียงพอ  และไม่มีโอกาสได้โต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตน

อีกทั้งไม่ปรากฏว่ามีเหตุจำเป็นที่จะไม่ปฏิบัติตาม  มาตรา  30  วรรคแรก  ดังนั้น  คำสั่งปลดนายเข้มออกจากราชการจึงขัดต่อมาตรา  30  วรรคแรกแห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  พ.ศ. 2539  จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

สรุป  คำสั่งปลดนายเข้มออกจากราชการ  เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  ตามเหตุผลและหลักกฎหมายดังกล่าวข้างต้น

LAW 3016 กฎหมายปกครอง การสอบไล่ภาค 1/2551

การสอบไล่ภาค  1  ปีการศึกษา  2551

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 3016 กฎหมายปกครอง 

(สำหรับนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์) 

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  4  ข้อ

ข้อ  1  จงทำตามคำสั่งต่อไปนี้

1.1            จงยกตัวอย่างกฎหมายปกครองมา  5  ฉบับ  พร้อมอธิบายว่าเพราะเหตุใดจึงเป็นกฎหมายปกครอง

1.2            จงอธิบายว่าผู้ใช้กฎหมายปกครองมีองค์กรใดหรือบุคคลใดบ้าง  ให้อธิบายอย่างละเอียด

1.3            จงอธิบายว่าการใช้อำนาจทางปกครองคืออะไร  และการใช้อำนาจทางปกครองได้แก่อะไรบ้าง

1.4            จงอธิบายอย่างละเอียดถึงความสัมพันธ์ระหว่างกฎหมายปกครอง  หน่วยงานทางปกครอง  เจ้าหน้าที่ของรัฐ  การใช้อำนาจทางปกครอง  และศาลปกครองว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างไร

ธงคำตอบ

1.1            ตัวอย่างกฎหมายปกครอง  ได้แก่

(1) พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน  พ.ศ. 2534

(2) พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน  พ.ศ. 2535

(3) พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  พ.ศ. 2539

(4) พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธพิจารณาคดีปกครอง  พ.ศ. 2542

(5) พระราชบัญญัติเทศบาล  พ.ศ. 2496

(6) พระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด  พ.ศ. 2540

(7) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย  คณะกรรมการการเลือกตั้ง

(8) พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน

(9) ประมวลกฎหมายที่ดิน

หมายเหตุ ให้นักศึกษายกตัวอย่างของกฎหมายปกครองมาเพียง  5  ฉบับ  ซึ่งจะยกตัวอย่างชื่อของกฎหมายใดก็ได้  (โดยไม่ต้องเขียน  พ.ศ. ก็ได้)  แต่ต้องอยู่ในชื่อของ  พระราชบัญญัติหรือพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ  พระราชกำหนด  หรือในชื่อของกฎหมายอื่น  ยกเว้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และประมวลกฎหมายอาญา

และตามตัวอย่างดังกล่าวเป็นกฎหมายปกครอง  เพราะเป็นกฎหมายที่บัญญัติให้อำนาจหน้าที่ในทางปกครองแก่หน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

1.2            ผู้ใช้กฎหมายปกครอง ได้แก่

1)    หน่วยงานของรัฐและหน่วยงานทางปกครอง  ได้แก่  หน่วยงานการบริหารราชการส่วนกลาง  ส่วนภูมิภาค  ส่วนท้องถิ่น  และหน่วยงานอื่นที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นหน่วยงานทางปกครอง  รวมทั้งหน่วยงานเอกชนที่ใช้อำนาจทางปกครองตามกฎหมาย  ตัวอย่างเช่น

(1) หน่วยงานบริหารราชการส่วนกลาง  ได้แก่  กระทรวง  ทบวง  กรม

(2) หน่วยงานบริหารราชการส่วนภูมิภาค  ได้แก่  จังหวัด  อำเภอ

(3) หน่วยงานบริหารราชการส่วนท้องถิ่น  ได้แก่  องค์การบริหารส่วนตำบล  เทศบาล  องค์การบริหารส่วนจังหวัด  กรุงเทพมหานคร  และเมืองพัทยา

(4) รัฐวิสาหกิจ  ได้แก่  การไฟฟ้านครหลวง  การประปานครหลวง  ธนาคารออมสิน  การท่าเรือแห่งประเทศไทย  การรถไฟแห่งประเทศไทย  เป็นต้น

(5) หน่วยงานอื่นรวมทั้งหน่วยงานเอกชนที่ใช้อำนาจทางปกครอง  ได้แก่  สำนักงานรังวัดเอกชน  สถานที่ตรวจสภาพรถยนต์  สภาทนายความ  แพทยสภา  เป็นต้น

2)    เจ้าหน้าที่ของรัฐ  ได้แก่  บุคคลหรือคณะบุคคลที่ใช้อำนาจหรือได้รับมอบให้ใช้อำนาจทางปกครองตามกฎหมาย  ตัวอย่างเช่น  ข้าราชการ  พนักงาน  ลูกจ้าง  หรือคณะกรรมการที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐและหน่วยงานทางปกครอง  เป็นต้น

1.3            การใช้อำนาจทางปกครอง  คือ  การใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่อันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง  โอน  สงวน  หรือระงับต่อสถานภาพหรือสิทธิของบุคคลไม่ว่าจะเป็นการชั่วคราวหรือถาวร

ตัวอย่างการใช้อำนาจทางปกครอง  ได้แก่

(1) การออกคำสั่งทางปกครอง  เช่น  การสั่งการ  การอนุญาต  การอนุมัติ  การรับรอง  การรับจดทะเบียน  เป็นต้น

(2) การออกกฎ  เช่น  การออกพระราชกฤษฎีกา  กฎกระทรวง  ประกาศกระทรวง  ระเบียบ  ข้อบังคับ  หรือข้อบัญญัติท้องถิ่น  เป็นต้น

(3) การกระทำทางปกครองอื่นๆ  เช่น  การปฏิบัติการทางปกครองหรือสัญญาทางปกครอง

1.4            กฎหมายปกครองเป็นกฎหมายที่บัญญัติให้อำนาจหน้าที่ในทางปกครองแก่หน่วยงานทางปกครองและแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ  โดยหน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องใช้อำนาจทางปกครอง  เพื่อการบริการสาธารณะตามที่กฎหมายบัญญัติให้อำนาจหน้าที่ไว้  และเมื่อเกิดปัญหาจากการใช้อำนาจทางปกครองหรือเกิดกรณีพิพาททางปกครองขึ้นมา  จะต้องนำคดีไปฟ้องยังศาลปกครอง  เนื่องจากศาลปกครองมีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาคดีปกครอง 

 

ข้อ  2  ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน  พ.ศ. 2550  บัญญัติให้ศาลมี  4  ศาล  ได้แก่  ศาลรัฐธรรมนูญ  ศาลปกครอง  ศาลทหาร  และศาลยุติธรรม  ซึ่งแต่ละศาลมีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาคดีแตกต่างกัน

ให้นักศึกษาอธิบายว่าศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งในเรื่องใดบ้าง

ธงคำตอบ

พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง  พ.ศ. 2542  มาตรา  9  วรรคแรก  (1)  (2)  และ  (3)  บัญญัติว่า  ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งในเรื่องดังต่อไปนี้

(1) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย  ไม่ว่าจะเป็นการออกกฎ  คำสั่งหรือการกระทำอื่นใด  เนื่องจากการกระทำโดยไม่มีอำนาจ  หรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่  หรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

หรือโดยไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอน  หรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้สำหรับการกระทำนั้น  หรือโดยไม่สุจริตหรือมีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม  หรือมีลักษณะเป็นการสร้างขั้นตอนโดยไม่จำเป็น  หรือสร้างภาระให้เกิดกับประชาชนเกินสมควร  หรือเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ

(2) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ  หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร

(3) คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิด  หรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย  หรือจากกฎ  คำสั่งทางปกครอง  หรือคำสั่งอื่น  หรือจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ  หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร

(4) คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง

(5) คดีที่มีกฎหมายกำหนดให้หน่วยงานทางปกครอง  หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐฟ้องคดีต่อศาลเพื่อบังคับให้บุคคลต้องกระทำหรือละเว้นกระทำอย่างหนึ่งอย่างใด

(6) คดีพิพาทเกี่ยวกับเรื่องที่มีกฎหมายกำหนดให้อยู่ในเขตอำนาจศาลปกครอง

 

ข้อ  3  ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน  พ.ศ. 2534  บัญญัติให้การปฏิบัติหน้าที่ของส่วนราชการต้องใช้วิธีการบริหารกิจการบ้างเมืองที่ดี  ดังนี้  การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีมีขอบเขตความหมายแค่ไหน  เพียงใด  จงอธิบายมาพอเข้าใจ

ธงคำตอบ

ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์  และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี  พ.ศ. 2546  ในมาตรา  6  ได้กำหนดขอบเขตความหมายของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีไว้ว่า  การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีได้แก่การบริหารราชการเพื่อบรรลุเป้าหมายดังต่อไปนี้

1       เกิดประโยชน์สุขของประชาชน  คือสามารถสนองตอบต่อความต้องการของประชาชนได้  พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนได้  ทำให้ประชาชนมีความอยู่ดีกินดี  มีความสงบและปลอดภัย

2       เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ  ซึ่งการที่จะให้ภารกิจใดเกิดผลสัมฤทธิ์ขึ้นนั้น  การปฏิบัติงานจะต้องมีแผนงานจะต้องมีรายละเอียดแสดงถึงขั้นตอน  ระยะเวลา  และงบประมาณที่ใช้  เพื่อสามารถที่จะตรวจสอบได้ว่าการดำเนินงานเป็นไปตามขั้นตอน  และระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในแผนงานหรือไม่เพียงใด

3       มีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ  ซึ่งการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพนั้น  จะต้องดำเนินการตามหลักดังนี้  คือ

(1) หลักความโปร่งใส  คือ  ต้องเปิดเผยกำหนดงาน  แผนงาน  และงบประมาณให้ประชาชนสามารถตรวจสอบได้  ข้าราชการมีส่วนได้เสียอย่างไรหรือไม่  ซึ่งจะเป็นการสร้างความรู้สึกที่ดีให้กับประชาชน

(2) หลักของความคุ้มค่า  คือ  ในการใช้ทรัพยากรนั้นกฎหมายให้คำนึงถึงความคุ้มค่าในการใช้ทรัพยากรด้วย

(3) หลักของความชัดเจนในการปฏิบัติงาน  เช่น  จะต้องกำหนดระยะเวลาในการปฏิบัติงานให้ชัดเจน  เป็นต้น

4       ไม่มีขั้นตอนการปฏิบัติงานเกินความจำเป็น  เช่น  ลดขั้นตอนการปฏิบัติงานลงโดยคำนึงถึงเนื้องานเป็นสำคัญ  เป็นต้น

5       มีการปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการให้ทันต่อสถานการณ์  ทั้งนี้เพราะสถานการณ์ต่างๆอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา  ดังนั้นในส่วนราชการเองก็ต้องมีการปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ด้วย

6       ประชาชนได้รับการอำนายความสะดวกและได้รับการตอบสนองความต้องการ  อันเป็นแนวทางที่ส่วนราชการต้องจัดให้มีขึ้น

7       มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการอย่างสม่ำเสมอ  เพราะการประเมินผลถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ  ซึ่งจะทำให้ทราบได้ว่า  การปฏิบัติราชการต่างๆ  ที่ได้ทำไปแล้วนั้นได้ผลหรือไม่  หรือแผนที่กำหนดไว้นั้นเมื่อนำไปปฏิบัติแล้วบรรลุผลหรือไม่

 

ข้อ  4  นายเขียวจอดรถยนต์ไว้ที่ริมถนนติดกับสวนอัมพรซึ่งเป็นที่ห้ามจอด  แต่นายเขียวเห็นว่ามีรถยนต์คันอื่นจอดอยู่ในที่ห้ามจอดหลายคัน  จึงคิดว่าคงจอดได้  โดยตั้งใจว่าจะจอดชั่วคราวภายในเวลาไม่เกิน  15  นาที

จากนั้นนายเขียวจึงได้ไปทำธุระส่วนตัว  เมื่อกลับมาจึงพบว่ารถยนต์ของตนได้ถูกเจ้าพนักงานตำรวจใช้รถยกรถยนต์ของตนไปไว้ในที่สถานีตำรวจ  เนื่องจากส่วนราชการต้องการใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดงานกาชาด เจ้าพนักงานตำรวจได้เขียนใบสั่งให้นายเขียวชำระค่าปรับและค่าใช้จ่ายในการยกรถยนต์  นายเขียวเห็นว่าเจ้าพนักงานตำรวจไม่ได้แจ้งให้ตนทราบว่าจะมีการจัดงานกาชาดบริเวณดังกล่าว

มิฉะนั้นตนเองคงไม่จอดบริเวณดังกล่าวและทำให้ต้องเสียเงินเช่นนี้  ดังนี้  ท่านคิดว่าคำสั่งให้ชำระค่าปรับเป็นคำสั่งทางปกครองที่จะต้องแจ้งผลกระทบสิทธิเพื่อให้นายเขียวมีโอกาสโต้แย้งเพื่อปกป้องสิทธิของตนเอง  ตามมาตรา  30  แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  พ.ศ. 2539  หรือไม่  เพราะเหตุใด  จงอธิบาย

ธงคำตอบ

 มาตรา  5  แห่ง  พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  พ.ศ. 2539  นั้น  คำสั่งทางปกครอง  หมายความว่า

(1) การใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ที่มีผลเป็นการสร้างนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคลในอันที่จะก่อ  เปลี่ยนแปลง  โอน  สงวน  ระงับ  หรือมีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคล  ไม่ว่าจะเป็นการถาวรหรือชั่วคราว  เช่น  การสั่งการ  การอนุญาต  การอนุมัติ  การวินิจฉัย  อุทธรณ์  การรับรอง  และการรับจดทะเบียน  แต่ไม่ไหมายความรวมถึงการออกกฎ

(2) การอื่นที่กำหนดในกระทรวง

และมาตรา  30  วรรคแรก  บัญญัติว่า

ในกรณีที่คำสั่งทางปกครองอาจกระทบถึงสิทธิของคู่กรณี  เจ้าหน้าที่ต้องให้คู่กรณีมีโอกาสที่จะได้ทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอ  และมีโอกาสโต้แย้ง  และแสดงพยานหลักฐานของตน

ตามบทบัญญัติมาตรา  30  วรรคแรก  แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  พ.ศ. 2539  นั้น  การที่เจ้าหน้าที่จะต้องให้คู่กรณีมีโอกาสได้ทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอ  และให้คู่กรณีได้มีโอกาสโต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตนนั้น  จะต้องเป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการพิจารณาทางปกครอง  คือ  การดำเนินการเพื่อจัดให้มีคำสั่งทางปกครอง  และคำสั่งทางปกครองนั้นอาจจะไปกระทบสิทธิของคู่กรณีเท่านั้น  คู่กรณีจึงจะได้รับสิทธิดังกล่าว

วินิจฉัย

การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เขียนใบสั่งให้นายเขียวชำระค่าปรับตามความผิดของกฎหมายจราจร  ซึ่งกฎหมายให้อำนาจเจ้าพนักงานตำรวจจราจรสามารถเปรียบเทียบได้นั้นไม่ใช่เป็นการใช้อำนาจทางปกครองแต่อย่างใด  ดังนั้นคำสั่งให้นายเขียวชำระค่าปรับดังกล่าวจึงไม่เป็นคำสั่งทางปกครอง  ตามความหมายของมาตรา  5  แห่ง  พระราชบัญญัติราชการทางปกครอง  พ.ศ. 2539  และเมื่อไม่เป็นคำสั่งทางปกครอง  จึงไม่ต้องนำมาตรา  30  มาใช้บังคับกับข้อเท็จจริงดังกล่าว

สรุป  คำสั่งให้ชำระค่าปรับดังกล่าวไม่เป็นคำสั่งทางปกครองที่จะต้องแจ้งผลกระทบสิทธิเพื่อให้นายเขียวมีโอกาสโต้แย้ง  เพื่อปกป้องสิทธิของตนเอง  ตามเหตุผลและหลักกฎหมายดังกล่าวข้างต้น

LAW 3016 กฎหมายปกครอง การสอบไล่ภาค 2/2551

การสอบไล่ภาค  2  ปีการศึกษา  2551

 ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 3016 กฎหมายปกครอง 

(สำหรับนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์)

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  4  ข้อ

ข้อ  1  จงอธิบายอย่างละเอียด

1       ผู้ใช้กฎหมายปกครองได้แก่ใครบ้าง

2       การใช้อำนาจทางปกครองได้แก่อะไรบ้าง

3       กฎได้แก่อะไรบ้าง

4       คำสั่งทางปกครองคืออะไร

5       มาตรา  9(3)  พ.ร.บ.  จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง  พ.ศ. 2542  บัญญัติว่าอย่างไร

ธงคำตอบ

1       ผู้ใช้กฎหมายปกครอง  ได้แก่  หน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

1)    หน่วยงานทางปกครอง  เช่น

(1) หน่วยงานการบริหารราชการส่วนกลาง  ได้แก่  กระทรวง  ทบวง  กรม

(2) หน่วยงานการบริหารราชการส่วนภูมิภาค  ได้แก่  จังหวัด  อำเภอ

(3) หน่วยงานการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น  ได้แก่  องค์การบริหารส่วนตำบล  เทศบาล  องค์การบริหารส่วนจังหวัด  กรุงเทพมหานคร  และเมืองพัทยา

(4) รัฐวิสาหกิจ  ได้แก่  การไฟฟ้านครหลวง  การประปานครหลวง  ธนาคารออมสิน  การท่าเรือแห่งประเทศไทย  การรถไฟแห่งประเทศไทย

(5) หน่วยงานอื่นๆ  ของรัฐที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นหน่วยงานทางปกครอง

(6) หน่วยงานเอกชนที่ใช้อำนาจหรือได้รับให้ใช้อำนาจปกครองตามกฎหมาย  ได้แก่  สำนักงานรังวัดเอกชน  สถานที่ตรวจสภาพรถยนต์  สภาทนายความ  แพทยสภา  เป็นต้น

2)    เจ้าหน้าที่ของรัฐ  ได้แก่  บุคคลหรือคณะบุคคลที่ใช้อำนาจหรือได้รับมอบให้ใช้อำนาจทางปกครองตามกฎหมาย  รวมถึงคณะบุคคลที่จัดตั้งขึ้นและมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายด้วย  เช่น  ข้าราชการพนักงาน  เจ้าหน้าที่  รวมถึงคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายด้วย

2       การใช้อำนาจทางปกครอง  คือการใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่  ได้แก่

1)    การออกกฎ  เช่น  การออกพระราชกฤษฎีกา  กฎกระทรวง  ประกาศกระทรวง  เป็นต้น

2)    การออกคำสั่งทางปกครอง  เช่น  การสั่งการ  การอนุญาต  การรับจดทะเบียน  เป็นต้น

3)    การกระทำทางปกครองอื่นๆ  เช่น  การปฏิบัติการทางปกครอง  หรือสัญญาทางปกครอง  เป็นต้น

3       กฎ  หมายความว่า  พระราชกฤษฎีกา  กฎกระทรวง  ประกาศกระทรวง  ข้อบัญญัติท้องถิ่น  ระเบียบข้อบังคับ  หรือบทบัญญัติอื่นที่มีผลบังคับเป็นการทั่วไป  โดยไม่มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่กรณีหรือบุคคลใดเป็นการเฉพาะ

4       คำสั่งทางปกครอง  หมายความว่า

1)    การใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ที่มีผลเป็นการสร้างนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคลในอันที่จะก่อ  เปลี่ยนแปลง  โอน  สงวน  ระงับ  หรือมีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลไม่ว่าจะเป็นการถาวรหรือชั่วคราว  เช่น  การสั่งการ  การอนุญาต  การอนุมัติ  การวินิจฉัยอุทธรณ์  การรับรอง  และการรับจดทะเบียน  แต่ไม่หมายความรวมถึงการออกกฎ

2)    การอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง

5       ตามมาตรา  9(3)  แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง  พ.ศ. 2542  ได้บัญญัติไว้ว่า

ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษา  หรือมีคำสั่งในเรื่องต่อไปนี้

(3) คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิด  หรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย  หรือจากกฎ  คำสั่งทางปกครอง  หรือคำสั่งอื่น  หรือจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ  หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร

 

ข้อ  2  องค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่งได้สร้างถนนเข้าหมู่บ้านเป็นระยะทาง  800  เมตร  ต่อมานายสมชายได้แจ้งกับองค์การบริหารส่วนตำบลเมื่อวันที่  5  กุมภาพันธ์  2550  ว่าส่วนหนึ่งของถนนได้รุกล้ำเข้าไปในที่ของตนเป็นเนื้อที่  25  ตารางวา  และการสร้างถนนดังกล่าวทำให้ตัวบ้านของตนทรุดและแตกร้าว  คิดค่าเสียหาย  300,000  บาท

องค์การบริหารส่วนตำบลได้ตอบนายสมชาย  ไปเมื่อวันที่  15  มีนาคม  2550  ว่าที่ดินที่ทำถนนทั้งหมดนั้นเป็นที่ดินขององค์การบริหารส่วนตำบล  ส่วนบ้านที่ชำรุดเสียหายนั้นได้ให้วิศวกรไปตรวจสอบค่าเสียหายแล้ว  องค์การบริหารส่วนตำบลชดใช้ค่าบ้านทรุดและเสียหายได้เพียง  100,000  บาท

วันที่  1  กุมภาพันธ์  2551  นายสมชาย  มาพบท่าน  ท่านจะแนะนำนายสมชาย  ในกรณีดังกล่าวอย่างไร  จงอธิบายและยกหลักกฎหมายประกอบให้ชัดเจน

ธงคำตอบ

พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง  พ.ศ. 2542  มาตรา  9  วรรคแรก  (1)  (2)  และ  (3)  บัญญัติว่า  ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งในเรื่องดังต่อไปนี้

(1) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย  ไม่ว่าจะเป็นการออกกฎ  คำสั่งหรือการกระทำอื่นใด  เนื่องจากการกระทำโดยไม่มีอำนาจ  หรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่  หรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย  หรือโดยไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอน  หรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้สำหรับการกระทำนั้น  หรือโดยไม่สุจริตหรือมีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม  หรือมีลักษณะเป็นการสร้างขั้นตอนโดยไม่จำเป็น  หรือสร้างภาระให้เกิดกับประชาชนเกินสมควร  หรือเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ

(2) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ  หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร

(3) คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิด  หรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย  หรือจากกฎ  คำสั่งทางปกครอง  หรือคำสั่งอื่น  หรือจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ  หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร

และมาตรา  42  วรรคสอง  บัญญัติว่า

ในกรณีที่มีกฎหมายกำหนดขั้นตอนหรือวิธีการสำหรับการแก้ไขความเดือดร้อนหรือเสียหายในเรื่องใดไว้โดยเฉพาะ  การฟ้องคดีปกครองในเรื่องนั้นจะกระทำได้ต่อเมื่อมีการดำเนินการตามขั้นตอนและวิธีการดังกล่าว  และได้มีการสั่งการตามกฎหมายนั้น  หรือมิได้มีการสั่งการภายในเวลาอันสมควรหรือภายในเวลาที่กฎหมายนั้นกำหนด

ตามปัญหาข้อพิพาทระหว่างองค์การบริหารส่วนตำบล  กับนายสมชาย  มีอยู่  3  ประเด็น  ได้แก่

ประเด็นที่  1  นายสมชายอ้างว่าที่ดินที่องค์การบริหารส่วนตำบลได้สร้างถนนเข้าหมู่บ้านนั้น  มีที่ดินจำนวน  25  ตารางวาเป็นของตน  แต่องค์การบริหารส่วนตำบลก็อ้างว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินขององค์การบริหารส่วนตำบล  ประเด็นพิพาทที่เกิดขึ้น  จึงเป็นเรื่องของการโต้แย้งกรรมสิทธิ์ในที่ดินเนื้อที่  25  ตารางวานั้นว่าเป็นของใคร

คดีพิพาทดังกล่าว  จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับเรื่องของกรรมสิทธิ์ในที่ดินไม่ใช่คดีพิพาทตามมาตรา  9  (1)  (2)  และ  (3)  แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ  ดังนั้นคดีพิพาทดังกล่าวจึงไม่อยู่ในอำนาจของศาลปกครองที่จะรับไว้พิจารณาพิพากษา  จึงต้องนำคดีดังกล่าวไปฟ้องศาลยุติธรรมคือศาลแพ่ง  จะฟ้องศาลปกครองไม่ได้

ประเด็นที่  2  การที่องค์การบริหารส่วนตำบลได้สร้างถนนเข้าหมู่บ้าน  และการสร้างถนนดังกล่าวทำให้ตัวบ้านของนายสมชายทรุดและแตกร้าวนั้น  การกระทำดังกล่าวขององค์การบริหารส่วนตำบล

ถือว่าเป็นการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมายขององค์การบริหารส่วนตำบลตามที่กฎหมายได้บัญญัติไว้  และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นตามมาตรา  9(3)  แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ  จึงเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง  ดังนั้นจึงต้องนำคดีพิพาทดังกล่าวไปฟ้องศาลปกครองภายในอายุความ  1  ปี  ตามมาตรา  51

ประเด็นที่  3  นายสมชายได้เรียกร้องให้องค์การบริหารส่วนตำบลชดใช้ค่าเสียหาย  300,000  บาทแต่องค์การบริหารส่วนตำบลตอบกลับมาว่าจะชดใช้ค่าเสียหายได้เพียง  100,000  บาท  ซึ่งการกำหนดค่าเสียหายขององค์การบริหารส่วนตำบลดังกล่าวถือว่าเป็นคำสั่งทางปกครอง  ดังนั้นถ้านายสมชายไม่พอใจกับค่าเสียหายที่องค์การบริหารส่วนตำบลชดใช้ให้

นายสมชายจะต้องปฏิบัติตามมาตรา  42  วรรคสอง  คือ  จะต้องอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองนั้นก่อนที่จะนำคดีพิพาทนั้นไปฟ้องศาลปกครอง

และในกรณีดังกล่าวนายสมชายสามารถที่จะอุทธรณ์ได้เนื่องจากยังไม่เกินกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์  คือ  1  ปี  และเมื่อได้อุทธรณ์แล้ว  ถ้าองค์การบริหารส่วนตำบลตอบกลับมาแต่นายสมชายไม่พอใจค่าตอบแทน  หรือถ้าไม่ตอบมาภายใน  90  วัน  นายสมชายสามารถนำคดีไปฟ้องศาลปกครองได้

สรุป  เมื่อนายสมชายมาหาข้าพเจ้า  ข้าพเจ้าจะแนะนำกรณีดังกล่าวแก่นายสมชาย  ตามเหตุผลและหลักกฎหมายดังกล่าวข้างต้น

 

ข้อ  3  จากการศึกษาหลักที่ใช้ในการจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดินนั้น  เห็นได้ว่าประเทศไทยใช้ทั้งหลักการรวมอำนาจปกครองและหลักกระจายอำนาจปกครอง  ดังนี้ให้ท่านอธิบายว่าประเทศไทยใช้ทั้งสองหลักในการจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดินอย่างไรบ้าง

ธงคำตอบ

ประเทศไทยได้นำแนวคิดเรื่องหลักการรวมอำนาจใช้ในการจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน  คือ  การจัดระเบียบบริหารราชการส่วนกลางจะใช้หลักการรวมศูนย์อำนาจปกครอง  และการจัดระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาคใช้หลักการกระจายการรวมศูนย์อำนาจหรือหลักการแบ่งอำนาจปกครอง

หลักการรวมอำนาจปกครอง  เป็นหลักในการจัดระเบียบบริหารราชการ  โดยการมอบอำนาจปกครองให้แก่ราชการบริหารส่วนกลาง  และมีเจ้าหน้าที่ของราชการบริหารส่วนกลางเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองซึ่งหลักการรวมอำนาจปกครองนี้จะแบ่งออกเป็น  2  รูปแบบ  คือ  การรวมศูนย์อำนาจปกครอง  และการกระจายการรวมศูนย์อำนาจปกครองหรือการแบ่งอำนาจปกครอง

1       การรวมศูนย์อำนาจปกครอง  คือ  การรวมอำนาจวินิจฉัยสั่งการทั้งหมดไว้ที่ศูนย์กลางหรือส่วนกลาง  และต้องมีระบบการบังคับบัญชาที่เคร่งครัด  มีการรวมกำลังในการบังคับต่างๆ  คือ  กำลังทหาร  และกำลังตำรวจให้ขึ้นตรงต่อส่วนกลาง  และมีลำดับชั้นการบังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ 

2       การแบ่งอำนาจปกครองหรือการกระจายการรวมศูนย์อำนาจปกครอง  เป็นรูปแบบที่อ่อนตัวลงมาของการรวมศูนย์อำนาจปกครอง  โดยการมอบอำนาจในการตัดสินใจหรือการวินิจฉัยสั่งการบางอย่างให้แก่ องค์กรหรือเจ้าหน้าที่ของส่วนกลางที่ถูกส่งไปประจำอยู่ในแต่ละท้องที่การ ปกครอง  โอยองค์กรหรือเจ้าหน้าที่เหล่านั้นยังคงอยู่ในระบบบังคับบัญชาของส่วนกลาง

ส่วนแนวคิดในเรื่องหลักกระจายอำนาจปกครองนั้น  ประเทศไทยได้นำมาใช้ในการจัดระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น

หลักการกระจายอำนาจปกครอง  เป็นหลักในการจัดระเบียบบริหารราชการ  โดยส่วนกลางจะมอบอำนาจปกครองบางส่วนให้แก่องค์กรอื่น  ซึ่งไม่ใช่องค์กรของส่วนกลางหรือส่วนภูมิภาค  เช่น  การมอบอำนาจปกครองให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  ในการจัดทำบริการสาธารณะด้วยตนเอง  โดยมีความเป็นอิสระ  ไม่อยู่ในความบังคับบัญชาของส่วนกลาง  แต่จะอยู่ภายใต้การกำกับดูแล 

 

ข้อ  4  การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  อาศัยอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติออกประกาศกระทรวงมหาดไทย  เรื่อง  ถอนสัญชาติไทยไทยของนายเหลืองและนายแดง  ดังนี้  ท่านคิดว่าประกาศฯดังกล่าวเป็น  กฎ  หรือ  คำสั่งทางปกครอง  ตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  พ.ศ. 2539  จงอธิบายพร้อมเหตุผล

ธงคำตอบ

ตามมาตรา  5  พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  พ.ศ. 2539  ได้ให้ความหมายของ  คำสั่งทางปกครอง  และ  กฎ  ไว้ดังนี้

คำสั่งทางปกครอง  หมายความว่า

1)    การใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ที่มีผลเป็นการสร้างนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคลในอันที่จะก่อ  เปลี่ยนแปลง  โอน  สงวน  ระงับ  หรือมีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลไม่ว่าจะเป็นการถาวรหรือชั่วคราว  เช่น  การสั่งการ  การอนุญาต  การอนุมัติ  การวินิจฉัยอุทธรณ์  การรับรอง  และการรับจดทะเบียน  แต่ไม่หมายความรวมถึงการออกกฎ

2)    การอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง

กฎ  หมายความว่า  พระราชกฤษฎีกา  กฎกระทรวง  ประกาศกระทรวง  ข้อบัญญัติท้องถิ่น  ระเบียบ  ข้อบังคับ  หรือบทบัญญัติอื่นที่มีผลบังคับเป็นการทั่วไป  โดยไม่มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่กรณีใดหรือบุคคลใดเป็นการเฉพาะ

โดยปกติแล้วการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐได้มีการกระทำทางปกครองโดยการออกกฎหรือออกคำสั่งทางปกครองนั้น  เป็นการชิอำนาจทางปกครองโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย  เพียงแต่การพิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวเป็นกฎ  หรือคำสั่งทางปกครองนั้น  มิได้พิจารณาจากชื่อหรือรูปแบบ  เพราะบางกรณีหน่วยงานทางปกครอง  หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ออกระเบียบหรือประกาศอย่างใดอย่างหนึ่ง  แต่ถ้าระเบียบหรือประกาศนั้นไม่มีผลบังคับเป็นการทั่วไป  แต่มุ่งหมายให้มีผลบังคับใช้แกกรณีใดหรือบุคคลใดเป็นการเฉพาะ  ระเบียบหรือประกาศนั้นก็ไม่ถือว่าเป็น  กฎ  แต่จะเป็น  คำสั่งทางปกครอง

วินิจฉัย

การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  ได้ออกประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องถอนสัญชาติไทยของนายเหลืองและนายแดง  จะเห็นได้ว่าประกาศฯ  ดังกล่าวมีผลใช้บังคับเฉพาะนายเหลืองและนายแดง  และจะมีผลกระทบต่อสิทธิและหน้าที่โดยเฉพาะเจาะจงกับนายเหลืองและนายแดงเท่านั้น  ประกาศฯดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งทางปกครอง  ไม่ใช่กฎ

สรุป  ประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องถอนสัญชาติของนายเหลืองและนายแดง  เป็นคำสั่งทางปกครอง  ด้วยเหตุผลและหลักกฎหมายดังกล่าวข้างต้น

LAW 3016 กฎหมายปกครอง การสอบไล่ภาค S/2551

การสอบไล่ฤดูร้อน  ปีการศึกษา  2551

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 3016 กฎหมายปกครอง 

(สำหรับนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์)

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  4  ข้อ  (คะแนนเต็มข้อละ  25  คะแนน)

 ข้อ  1  จงอธิบายอย่างละเอียดว่า  กฎหมายปกครองมีความสำคัญต่อการบริหารราชการแผ่นดินของไทยปัจจุบันอย่างไร  พร้อมยกตัวอย่างให้ชัดเจน 

ธงคำตอบ

กฎหมายปกครองมีความสำคัญต่อการบริหารราชการแผ่นดินของไทยปัจจุบันดังนี้  คือ

กฎหมายปกครอง  ซึ่งอาจจะอยู่ในชื่อของ  พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ  หรือพระราชบัญญัติหรือพระราชกำหนด  หรือประมวลกฎหมาย  เป็นกฎหมายที่บัญญัติให้อำนาจหน้าที่ในทางปกครองแก่หน่วยงานทางปกครอง  หรือแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ

ซึ่งอำนาจหน้าที่ในทางปกครองนั้น  ได้แก่  อำนาจหน้าที่ในการจัดทำบริการสาธารณะ  และการใช้อำนาจทางปกครอง  ในการออกกฎ  การออกคำสั่งทางปกครอง  รวมทั้งการกระทำในทางปกครองอื่นๆ  เช่น  การทำสัญญาทางปกครอง  เป็นต้น

สำหรับการบริหารราชการแผ่นดินของไทยปัจจุบัน  จะแบ่งออกเป็น  3  ส่วน  ได้แก่

1       ราชการบริหารส่วนกลาง  ได้แก่  กระทรวง  ทบวง  กรม  เป็นต้น

2       ราชการบริหารส่วนภูมิภาค  ได้แก่  จังหวัด  และอำเภอ

3       ราชการบริหารส่วนท้องถิ่น  ได้แก่  เทศบาล  องค์การบริหารส่วนตำบล  องค์การบริหารสาวนจังหวัด  กรุงเทพมหานคร  และเมืองพัทยา

ซึ่งการบริหารราชการแผ่นดินของราชการบริหารทุกส่วน  ก็คือการกระทำหรือการใช้อำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายได้บัญญัติไว้นั่นเอง  ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำบริการสาธารณะต่างๆ  หรือการใช้อำนาจในทางปกครอง  เช่น  ในการออกกฎ  ออกคำสั่งทางปกครอง  หรือการกระทำทางปกครองอื่นๆ  ซึ่งกฎหมายที่บัญญัติให้อำนาจหน้าที่ไว้ดังกล่าว  คือ  กฎหมายปกครองนั่นเอง

ตัวอย่างเช่น  พระราชบัญญัติเทศบาล  เป็นกฎหมายปกครองและเป็นกฎหมายที่บัญญัติเกี่ยวกับการบริหารราชการของเทศบาลซึ่งเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น  เช่น  บัญญัติถึงอำนาจหน้าที่ในทางปกครอง  ขอบเขตของการใช้อำนาจทางปกครอง  ตลอดทั้งโครงสร้างของเทศบาล  เป็นต้น

 

ข้อ  2  นายแรม  ไม่รักเรียน  หลังจากจบ  ม.6  แล้วสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้  แม่จึงบังคับให้เรียนรามฯ ที่กรุงเทพฯ  เรียนอยู่หลายปีไม่จบจนถูกเกณฑ์เป็นทหาร  เมื่อพ้นทหารแล้วพอดีหลักสูตรนิติศาสตร์ภาคพิเศษเปิดสอนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงสาขาวิทยบริการจังหวัดตรัง  แม่จึงบังคับให้นายแรมฯมาสมัครเรียน

แต่นายแรมฯ  ก็ยังคงไม่สนใจในการเรียนเช่นเดิม  คือไม่มาเรียน  ไม่อ่านหนังสือ  จึงสอบวิชากฎหมายปกครองไม่ผ่าน  สอบซ่อมก็ไม่ผ่าน  ลงทะเบียนใหม่อีกสองครั้งก็ยังไม่ผ่านอีก  จนเพื่อนๆร่วมรุ่นรับปริญญากันไปหมดแล้ว

นายแรมฯ  ก็ยังสอบกฎหมายปกครองไม่ผ่าน  แม่นายแรมฯ  จึงนำคดีไปฟ้องศาลปกครองว่าประกาศผลสอบวิชากฎหมายปกครองภาคเรียนที่ผ่านมาเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ  เนื่องจากบุตรชายของตนทำข้อสอบได้ถูกต้องทั้งสี่ข้อ

ถามว่า  ถ้าท่านเป็นศาลจะใช้หลักกฎหมายใดมาพิจารณาในคดีนี้  และจะตัดสินว่าอย่างไร  พร้อมยกข้อกฎหมายประกอบให้ชัดเจน

ธงคำตอบ

พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง  พ.ศ. 2542  มาตรา  42  วรรคแรก  บัญญัติว่า

ผู้ใดได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย  หรืออาจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้อันเนื่องจากการ กระทำหรือการงดเว้นการกระทำของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือ มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง  หรือกรณีอื่นใดที่อยู่ในเขตอำนาจศาลปกครองตามมาตรา  9  และการแก้ไขหรือบรรเทาความเดือดร้อนหรือความเสียหายหรือข้อยุติข้อโต้แย้งนั้นต้องมีคำบังคับตามที่กำหนดในมาตรา  72  ผู้นั้นมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครอง

ตาม พ.ร.บ.  จัดตั้งศาลปกครองฯ  มาตรา  42  วรรคแรกดังกล่าว  จะเห็นได้ว่าบุคคลผู้มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองนั้น  จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายเนื่องจากการกระทำของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ  ซึ่งข้อเท็จจริงตามปัญหาการที่มีประกาศว่านายแรมสอบวิชากฎหมายปกครองในภาคเรียนที่ผ่านมาไม่ผ่านนั้น  ผู้ที่ได้รับความเสียหายและจะนำคดีไปฟ้องศาลปกครองว่าประกาศผลสอบ วิชากฎหมายปกครองในภาคเรียนที่ผ่านมาเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบนั้นต้องเป็นนายแรม  ไม่ใช่แม่นายแรมซึ่งมิใช่ผู้เสียหาย

ดังนั้นเมื่อแม่นายแรม  ได้นำคดีไปฟ้องศาลปกครองว่าประกาศผลสอบดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ  ถ้าข้าพเจ้าเป็นศาลปกครองจะพิจารณาไม่รับฟ้องคดีนี้  เพราะผู้ฟ้องคดีไม่ใช่ผู้เสียหายในคดีนี้ตาม  พ.ร.บ.  จัดตั้งศาลปกครองฯ  มาตรา  42  วรรคแรก  ส่วนกรณีอื่นไม่ต้องนำมาพิจารณา

สรุป  ถ้าข้าพเจ้าเป็นศาลปกครอง  จะมีคำสั่งไม่รับฟ้องคดีนี้  เพราะผู้ฟ้องคดีไม่ใช่ผู้เสียหาย  ตามเหตุผลและหลักกฎหมายดังกล่าวข้างต้น

 

ข้อ  3  จงอธิบายลักษณะของอำนาจบังคับบัญชา  และอำนาจกำกับดูแลมาโดยละเอียด

ธงคำตอบ

อำนาจบังคับบัญชา  เป็นอำนาจที่หัวหน้าหน่วยงานใช้ปกครองผู้ใต้บังคับบัญชา  เป็นอำนาจที่ไม่มีเงื่อนไข  ผู้บังคับบัญชาสามารถที่จะสั่งการใดๆ  ก็ได้ตามที่เห็นว่าเหมาะสม  สามารถที่จะกลับ  แก้ไข  ยกเลิกเพิกถอน  คำสั่งหรือกรกระทำของผู้ใต้บังคับบัญชาได้เสมอ  เว้นแต่จะมีกฎเกณฑ์บัญญัติไว้โดยเฉพาะเป็นประการอื่น  แต่อย่างไรก็ตามการใช้อำนาจบังคับบัญชานั้นจะต้องชอบด้วยกฎหมายด้วย  จะใช้อำนาจบังคับบัญชาที่ขัดต่อกฎหมายไม่ได้แม้ว่าจะได้ใช้ไปในทางที่เหมาะสมก็ตาม

ส่วน  อำนาจกำกับดูแล  หรืออำนาจควบคุมกำกับนั้น  ไม่ใช่เรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชา  แต่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรควบคุมกำกับองค์กรภายใต้การควบคุมกำกับ  จึงเป็นอำนาจที่มีเงื่อนไข  คือจะใช้ได้ต่อเมื่อมีกฎหมายให้อำนาจและต้องเป็นไปตามรูปแบบที่กฎหมายกำหนด

ในการควบคุมกำกับนั้น  องค์กรควบคุมกำกับไม่มีอำนาจสั่งการให้องค์กรภายใต้การควบคุมกำกับปฏิบัติตามที่เห็นสมควร  องค์กรภายใต้ควบคุมกำกับมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย  องค์กรควบคุมกำกับจึงเพียงแต่ควบคุมกำกับให้องค์กรภายใต้การควบคุมกำกับปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น

 

ข้อ  4  นายแมนเปิดกิจการร้านอาหารของตนเองและทำการโฆษณาเชิญชวนให้ประชาชนใน เขตอำเภอของตนมารับประทานอาหารที่ร้านของตนตามใบอนุญาตให้ทำการโฆษณาโดยใช้ เครื่องขยายเสียงจากพนักงานฝ่ายปกครอง  (นายอำเภอ)

ปรากฏว่าเสียงที่โฆษณาสร้างความรำคาญให้แก่เพื่อนบ้านใกล้เคียง  นายอำเภอจึงมีหนังสือไปยังนายแมนให้ลดเสียงลง  ถ้าไม่ปฏิบัติตามอาจสั่งให้หยุดโฆษณาได้  ดังนี้  หนังสือแจ้งให้นายแมนลดเสียงจากการใช้เครื่องขยายเสียงของนายอำเภอดังกล่าว  เป็นคำสั่งทางปกครองตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  พ.ศ. 2539  หรือไม่  เพราะเหตุใด  จงอธิบาย

ธงคำตอบ

มาตรา  5  แห่ง  พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  พ.ศ. 2539  นั้น  คำสั่งทางปกครอง  หมายความว่า

(1) การใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ที่มีผลเป็นการสร้างนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคลในอันที่จะก่อ  เปลี่ยนแปลง  โอน  สงวน  ระงับ  หรือมีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคล  ไม่ว่าจะเป็นการถาวรหรือชั่วคราว  เช่น  การสั่งการ  การอนุญาต  การอนุมัติ  การวินิจฉัย  อุทธรณ์  การรับรอง  และการรับจดทะเบียน  แต่ไม่ไหมายความรวมถึงการออกกฎ

(2) การอื่นที่กำหนดในกระทรวง

กรณีที่จะเป็นคำสั่งทางปกครองตาม  (1)  นั้น  จะต้องมีองค์ประกอบดังนี้  คือ

1       ต้องเป็นคำสั่งที่ออกโดยเจ้าหน้าที่

2       ต้องมีลักษณะเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมาย

3       ต้องมีลักษณะเป็นการแสดงเจตนาของเจ้าหน้าที่มีผลเป็นการสร้างนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคลในอันที่จะก่อ  เปลี่ยนแปลง  โอน  สงวน  ระงับ  หรือมีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคล

4       ต้องก่อให้เกิดผลเฉพาะกรณีหรือเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจง

5       ต้องมีผลโดยตรงไปสู่ภายนอกฝ่ายปกครอง

วินิจฉัย

การที่นายอำเภอได้มีหนังสือแจ้งไปยังนายแมนเพื่อให้นายแมนลดเสียงลง  และถ้าไม่ปฏิบัติตามอาจสั่งให้หยุดโฆษณานั้น  ถือได้ว่าเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมาย  (พ.ร.บ.  ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง  พ.ศ. 2493)  ของเจ้าหน้าที่คือนายอำเภอ  และการใช้อำนาจออกคำสั่งดังกล่าว  มีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิของนายแมน  คือนายแมนต้องลดเสียงในการใช้เครื่องขยายเสียงลง  ซึ่งถ้าไม่ปฏิบัติตามเจ้าหน้าที่อาจสั่งให้หยุดโฆษณาได้  จึงมีลักษณะเป็นคำสั่งทางปกครอง

สรุป  หนังสือแจ้งให้นายแมนลดเสียงจากการใช้เครื่องขยายเสียงของนายอำเภอเป็นคำสั่งทางปกครอง  ด้วยเหตุผลและหลักกฎหมายดังกล่าวข้างต้น

LAW 3016 กฎหมายปกครอง การสอบไล่ภาค 1/2552

การสอบไล่ภาค  1  ปีการศึกษา  2552

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 3016 (LA316) (LW318) กฎหมายปกครอง 

(สำหรับนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์)  

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  4  ข้อ  (คะแนนเต็มข้อละ  25  คะแนน)

ข้อ  1  จงอธิบายอย่างละเอียดว่า  กฎหมายปกครอง  มีความสำคัญต่อการบริหารราชการแผ่นดินทั้งส่วนกลาง  ส่วนภูมิภาค  และส่วนท้องถิ่นอย่างไร  พร้อมยกตัวอย่างให้ชัดเจน

ธงคำตอบ

กฎหมายปกครอง  คือ  กฎหมายที่บัญญัติให้อำนาจและหน้าที่ในทางปกครองแก่หน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ  ซึ่งอำนาจและหน้าที่ในทางปกครองนั้นได้แก่อำนาจหน้าที่ในการจัดทำบริการสาธารณะซึ่งเป็นกิจการของฝ่ายปกครอง

รวมทั้งอำนาจหน้าที่ของฝ่ายปกครองที่เกี่ยวกับการกระทำทางปกครองต่างๆ  เช่น  การออกกฎ  การออกคำสั่งทางปกครอง  หรือการทำสัญญาทางปกครอง  เป็นต้น

และการบริหารราชการแผ่นดิน  ไม่ว่าจะเป็นราชการบริหารส่วนกลาง  ส่วนภูมิภาค  และส่วนท้องถิ่น  ก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการจัดทำบริการสาธารณะ  เพื่อประโยชน์แก่ประชาชนส่วนรวม  และการใช้อำนาจทางปกครองเพื่อออกกฎ  ออกคำสั่งทางปกครอง  รวมทั้งการทำสัญญาทางปกครองทั้งสิ้น  เช่น  ตาม  พ.ร.บ.  ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน  พ.ศ. 2534  ซึ่งเป็นกฎหมายปกครองได้บัญญัติให้อำนาจแก่นายกรัฐมนตรีในการออกกฎระเบียบ  หรือข้อบังคับต่างๆได้

หรือตาม  พ.ร.บ.   เทศบาล  ได้บัญญัติให้อำนาจและหน้าที่แก่เทศบาลซึ่งเป็นหน่วยราชการบริหารส่วนท้องถิ่นในการดำเนินการจัดทำบริการสาธารณะต่างๆ  เป็นต้น  ซึ่งจะเห็นได้ว่า  ถ้าไม่มีกฎหมายปกครองบัญญัติให้อำนาจและหน้าที่แก่นายกรัฐมนตรีหรือเทศบาลแล้ว  นายกรัฐมนตรีหรือเทศบาลก็ย่อมไม่มีอำนาจที่จะกระทำการดังกล่าวได้เลย

ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า  กฎหมายปกครองมีความสำคัญต่อการบริหารราชการแผ่นดินทั้งส่วนกลาง  ส่วนภูมิภาค  และส่วนท้องถิ่น  ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

 

ข้อ  2  วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง”  หมายความว่าอย่างไร  มีความสำคัญกับกฎหมายปกครองอย่างไร  พร้อมยกตัวอย่างให้ชัดเจน

ธงคำตอบ

วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  หมายความว่า  การเตรียมการและการดำเนินการของเจ้าหน้าที่  เพื่อจัดให้มีคำสั่งทางปกครอง  หรือกฎและรวมถึงการดำเนินการใดๆ  ในทางปกครองตามพระราชบัญญัตินี้  (พ.ร.บ.  วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  พ.ศ. 2539  มาตรา  5)

และ  วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  มีความสำคัญกับกฎหมายปกครอง  ทั้งนี้เพราะ

กฎหมายปกครอง  คือ  กฎหมายที่บัญญัติให้อำนาจและหน้าที่ในทางปกครองแก่หน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ  ซึ่งอำนาจหน้าที่ในทางปกครองนั้น  ก็คือการใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ในการออกคำสั่งทางปกครอง  ออกกฎ  หรือการกระทำทางปกครองในรูปแบบอื่น  ได้แก่  ปฏิบัติการทางปกครองรวมถึงการทำสัญญาทางปกครอง  นั่นเอง

ซึ่งการใช้อำนาจทางปกครองดังกล่าว  โดยเฉพาะที่สำคัญคือการใช้อำนาจทางปกครองของเจ้าหน้าที่เพื่อที่จะออกคำสั่งทางปกครอง  หรือกฎนั้น  ถ้าจะให้คำสั่งทางปกครองหรือกฎที่ออกมานั้น

เป็นคำสั่งทางปกครองหรือกฎที่ชอบด้วยกฎหมาย  เจ้าหน้าที่ผู้ออกคำสั่งทางปกครองหรือกฎนั้น  จะต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนที่กฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองได้กำหนดไว้  เช่น  ตามมาตรา  13  ในการพิจารณาทางปกครอง  เจ้าหน้าที่ผู้ใดมีส่วนได้เสียในเรื่องที่ตนมีอำนาจพิจารณาทางปกครอง

จะทำการพิจารณาทางปกครองไม่ได้  หรือตามมาตรา  30  ในกรณีที่คำสั่งทางปกครองอาจกระทบถึงสิทธิของคู่กรณี  เจ้าหน้าที่ต้องให้โอกาสคู่กรณีได้ทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอ  และให้คู่กรณีได้มีโอกาสโต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตนเป็นต้น

ดังนั้น  ถ้าการใช้ อำนาจทางปกครองตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ไม่ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และขั้นตอน ที่กฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองได้กำหนดไว้แล้ว  ก็จะเป็นการใช้อำนาจทางปกครองที่มิชอบด้วยกฎหมาย  ซึ่งจะทำให้เกิดข้อพิพาททางปกครองขึ้นได้


ข้อ  3  หลักกระจายศูนย์รวมอำนาจปกครอง  หรือหลักการแบ่งอำนาจปกครอง  มีสาระสำคัญอย่างไร  การจัดระเบียบอำนาจปกครองโดยวิธีดังกล่าวเป็นประโยชน์หรือเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยหรือไม่  จงอธิบายธงคำตอบ

หลักกระจายศูนย์รวมอำนาจปกครองหรือหลักการแบ่งอำนาจปกครอง  เป็นหลักในการจัดระเบียบบริหารราชการที่ราชการบริหารส่วนกลางได้มอบ อำนาจในการวินิจฉัยสั่งการบางส่วนให้แก่เจ้าหน้าที่ของส่วนกลางที่ส่งไป ประจำเพื่อปฏิบัติราชการตามเขตภูมิภาคหรือเขตการปกครองต่างๆ  ของประเทศ  โดยเจ้าหน้าที่เหล่านั้นยังคงอยู่ภายใต้อำนาจบังคับบัญชาจากส่วนกลางโดยตรง

สาระสำคัญของหลักการแบ่งอำนาจปกครอง

1       ต้องมีราชการบริหารส่วนกลาง  เพราะราชการบริหารส่วนกลางเป็นเจ้าของอำนาจและจะเป็นผู้จัดแบ่งอำนาจของตนไปให้แก่ส่วนภูมิภาค

2       ต้องมีเจ้าหน้าที่ที่เป็นตัวแทนของส่วนกลาง  โดยส่วนกลางจะเป็นผู้แต่งตั้งและจัดส่งเจ้าหน้าที่เหล่านั้นไปประจำอยู่ตามเขตการปกครองในส่วนต่างๆของประเทศ  เช่น  ไปประจำอยู่ตามจังหวัด  และอำเภอต่างๆเป็นต้น  และเจ้าหน้าที่เหล่านั้นยังคงอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของส่วนกลาง

3       ส่วน กลางจะแบ่งอำนาจให้แก่เจ้าหน้าที่ซึ่งไปประจำอยู่ในส่วนภูมิภาคเพื่อไป ดำเนินการเฉพาะบางเรื่องหรือบางขั้นตอนในขอบเขตที่ส่วนกลางกำหนด  ซึ่งจะแบ่งอำนาจให้มากน้อยขึ้นอยู่กับส่วนกลางโดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ

การจัดระเบียบอำนาจปกครองโดยวิธีดังกล่าวนั้น  จะเป็นประโยชน์สำหรับประชาชนที่ยังขาดสำนึกหรือยังหย่อนความสามารถในการที่จะปกครองตนเอง เพราะการแบ่งอำนาจปกครองเป็นการฝึกฝนให้แก่ประชาชนได้เรียนรู้เกี่ยวกับการปกครองตนเอง  ซึ่งเป็นก้าวแรกที่จะนำไปสู่การกระจายอำนาจปกครอง  จึงถือว่าเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย

แต่อย่างไรก็ดี  การจัดระเบียบอำนาจปกครองโดยวิธีดังกล่าว  ก็เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยเช่นกัน  เพราะการที่ส่วนกลางได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ไปบริหารงานในแต่ละท้องที่นั้น  แสดงให้เห็นว่าส่วนกลางยังไม่เชื่อมั่นในความสามารถของประชาชนในการปกครองตนเอง  และประชาชนในแต่ละท้องถิ่นก็จะมองว่าการบริหารงานของส่วนภูมิภาคยังเป็นของส่วนกลางไม่เกี่ยวกับตน  ดังนั้นการพัฒนาการเรียนรู้การปกครองตนเองก็อาจไม่เกิดขึ้น

ดังนั้น  การจัดระเบียบอำนาจปกครองโดยวิธีดังกล่าวจะเป็นประโยชน์หรืออุปสรรคต่อการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย  จึงขึ้นอยู่กับความพร้อมของประชาชนเป็นสำคัญ

 

ข้อ  4  นายกเทศมนตรีตำบลนาดีอาศัยอำนาจตามกฎหมายควบคุมอาคาร  มีหนังสือถึงนายโชค  ความว่าห้ามนายโชคเข้าใช้อาคารพาณิชย์ที่เปิดเป็นร้านขายอาหารและเครื่องดื่ม  โดยให้เหตุผลว่าร้านขายอาหารและเครื่องดื่มของนายโชคเปิดตลอด  24  ชั่วโมง

และส่งเสียงดังเป็นที่น่ารำคาญแก่ผู้อยู่อาศัยข้างเคียง  ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย  โดย ไม่มีข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าตัวอาคารพาณิชย์ของนาย โชคนั้นมีสภาพที่อาจเป็นภยันตรายตามวัตถุประสงค์ของกฎหมายควบคุมอาคารแต่อย่างใด

ดังนี้หนังสือที่ห้ามนายโชคเข้าใช้อาคารพาณิชย์ดังกล่าวถูกต้องตามรูปแบบตามที่พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  พ.ศ. 2539  มาตรา  37  หรือไม่  และหนังสือดังกล่าวเป็นคำสั่งทางปกครองที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่  เพราะเหตุใด  จงอธิบาย

ธงคำตอบ

พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  พ.ศ. 2539  มาตรา  37  วรรคแรก  บัญญัติว่า

คำสั่งทางปกครองที่ทำเป็นหนังสือและการยืนยันคำสั่งทางปกครองเป็นหนังสือต้องจัดให้มีเหตุผลไว้ด้วย  และเหตุผลนั้นอย่างน้อยต้องประกอบด้วย

(1) ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญ

(2) ข้อกฎหมายที่อ้างอิง

(3) ข้อพิจารณาและข้อสนับสนุนในการใช้ดุลพินิจ

ตามบทบัญญัติดังกล่าว  หมายความว่า  เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ออกคำสั่งทางปกครองและเป็นคำสั่งทางปกครองที่ทำเป็นหนังสือ  เจ้าหน้าที่ต้องจัดให้มีเหตุผลไว้ในคำสั่งทางปกครองนั้นด้วย  และเหตุผลนั้นอย่างน้อยต้องมีข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญ  ข้อกฎหมายที่อ้างอิง  และข้อพิจารณาและข้อสนับสนุนในการใช้ดุลพินิจ

วินิจฉัย

การที่นายกเทศมนตรีตำบลนาดีได้มีคำสั่งทางปกครองที่เป็นหนังสือห้ามนายโชคเข้าใช้อาคารพาณิชย์ที่เปิดเป็นร้านอาหารและเครื่องดื่ม  โดยให้เหตุผลว่าร้านขายอาหารและเครื่องดื่มของนายโชคเปิดตลอด  24  ชั่วโมง  และส่งเสียงดังเป็นที่น่ารำคาญแก่ผู้อยู่อาศัยข้างเคียงนั้น  เหตุผล ที่นายกเทศมนตรีตำบลนาดีได้ให้ไว้ในคำสั่งห้ามใช้อาคารไม่มีข้อเท็จจริงอัน เป็นสาระสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าอาคารดังกล่าวมีสภาพที่อาจเป็นอันตราย

รวมทั้งไม่มีข้อพิจารณาและข้อสนับสนุนในการใช้ดุลพินิจแต่อย่างใด  คำสั่งทางปกครองดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย  เพราะมิได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามรูปแบบอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้สำหรับการกระทำนั้นตาม  พ.ร.บ.  วิธีปฏิบัติราชการปกครองฯ  มาตรา  37  วรรคแรก

สรุป  หนังสือห้ามนายโชคเข้าใช้อาคารพาณิชย์ดังกล่าว  เป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย  ตามเหตุผลและหลักกฎหมายดังกล่าวข้างต้น

LAW3016 กฎหมายปกครอง การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2552

การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2552

 ข้อสอบกระบวนวิชา LAW3016 กฎหมายปกครอง(สำหรับนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์)

คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. ในฐานะที่นักศึกษาได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคนกรุงเทพฯให้นักศึกษาอธิบาย อย่างละเอียดว่ากรุงเทพมหานครกับกฎหมายปกครองมีความเกี่ยวข้องหรือมีความ สัมพันธ์ต่อกันอย่างไร

ธงคำตอบ

กรุงเทพมหานครกับกฎหมายปกครองมีความเกี่ยวข้องและมีความสัมพันธ์กัน ดังนี้คือ

กฎหมายปกครอง” คือ กฎหมายที่บัญญัติให้อำนาจและหน้าที่ในทางปกครองแก่หน่วยงาน ทางปกครองและเจ้าหน้าที่ชองรัฐ ซึ่งอำนาจและหน้าที่ในทางปกครองนั้น ได้แก่ อำนาจหน้าที่ในการจัดทำบริการสาธารณะซึ่งเป็นกิจกรรมของฝ่ายปกครอง

รวมทั้งการใช้อำนาจทางปกครองของเจ้าหน้าที่ในการออกกฎ คำสั่งทางปกครอง หรือการกระทำทางปกครองในรูปแบบอื่น ๆ เช่น การทำสัญญาทางปกครอง เป็นต้น

ตัวอย่างกฎหมายปกครอง เช่น พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณา คดีปกครอง เป็นต้น

กรุงเทพมหานคร” ตาม พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครนั้น ได้กำหนดให้ กรุงเทพมหานครเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น ซึ่งถือว่าเป็นหน่วยงานทางปกครองประเภทหนึ่งและมีอำนาจ หน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด เช่น การรักษาความสงบเรียบร้อยชองประชาชน การทะเบียน การสาธารณสุข การคมนาคมขนส่ง การผังเมือง การศึกษาและส่งเสริมการกีฬา เป็นต้น ซึ่งอำนาจหน้าที่ดังกล่าว คืออำนาจหน้าที่การจัดทำบริการสาธารณะ นั่นเอง

และในการดำเนินการจัดทำบริการสาธารณะต่าง ๆ ตามที่กฎหมายได้กำหนดไว้นั้น เพื่อให้ การจัดทำบริการสาธารณะเกิดผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ของการจัดทำ กรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร จึงจำเป็นต้องมีการออกกฎ หรือออกคำสั่งทางปกครอง หรือการกระทำอื่นใดในทางปกครองเพื่อมาบังคับใช้กับบุคคลซึ่งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งการกระทำการ ดังกล่าวนั้นเรียกว่า การใช้อำนาจทางปกครอง

แต่อย่างไรก็ตาม ในการใช้อำนาจทางปกครองเพื่อดำเนินการต่าง ๆ ของกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานครนั้นจะต้องใช้อำนาจและหน้าที่เฉพาะเท่าที่กฎหมายระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครได้กำหนดไว้เท่านั้น และนอกจากนั้นถ้าการใช้อำนาจทางปกครอง ได้ไปเกี่ยวพันกับกฎหมายปกครองอื่น ๆ ที่ได้กำหนดกฎเกณฑ์หรือวิธีปฏิบัติในการใช้อำนาจทางปกครองไว้ การใช้อำนาจทางปกครองดังกล่าวก็ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่กฎหมายปกครองอื่น ๆ นั้นกำหนดไว้ด้วย

ตัวอย่างเช่น ถ้ากรุงเทพมหานครหรือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะใช้อำนาจทางปกครอง เพื่อที่จะออกกฎ หรือคำสั่งทางปกครอง ถ้าจะให้กฎหรือคำสั่งทางปกครองที่ออกมานั้นเป็นกฎหรือคำสั่งทางปกครอง ที่ชอบด้วยกฎหมาย เจ้าหน้าที่ผู้ออกกฎหรือคำสั่งทางปกครองจะต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ และขั้นตอนที่กฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองได้กำหนดไว้

เช่น ตามมาตรา 13 ในการพิจารณาทางปกครอง เจ้าหน้าที่ผู้ใดมีส่วนด้เสียในเรื่องที่ตนมีอำนาจพิจารณาทางปกครองจะทำการพิจารณาทางปกครองไม่ได้ หรือ ตามมาตรา 30 ในกรณีที่คำสั่งทางปกครองอาจกระทบถึงสิทธิของคูกรณี เจ้าหน้าที่ต้องให้โอกาสคู่กรณีได้ทราบ ข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอ และให้คู่กรณีได้มีโอกาสโต้แย้ง และแสดงพยานหลักฐานของตน เป็นต้น

และถ้าการใช้อำนาจทางปกครองของกรุงเทพมหานคร หรือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหรือ เจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานครนั้นไมถูกต้อง หรือไมชอบด้วยกฎหมายตามที่กฎหมายระเบียบบริหารราชการ กรุงเทพมหานคร หรือกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองซึ่งเป็นกฎหมายปกครองได้กำหนดไว้ ย่อมก่อให้เกิด ข้อพิพาททางปกครองหรือที่เรียกว่า คดีปกครอง” ขึ้น

ก็จะต้องนำคดีพิพาทนั้นไปฟ้องร้องต่อศาลปกครอง เพื่อให้ ศาลปกครองเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด ทั้งนี้เพราะศาลปกครองเป็นศาลที่มีอำนาจในการพิจารณาพิพากษาคดีปกครองตามกฎหมาย จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง ซึ่งเป็นกฎหมายปกครองประเภทหนึ่ง

ดังนั้น จะเห็นได้ว่ากรุงเทพมหานครย่อมมีความเกี่ยวข้อง และมีความสัมพันธ์กับกฎหมาย ปกครอง ดังที่ได้อธิบายไว้ดังกล่าวข้างต้น


 

ข้อ 2. นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ส่วนหนึ่งเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว ไปเข้ารับราชการเป็นปลัดอำเภอบ้าง ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลบ้าง ปลัดเทศบาลบ้างฯ

จงอธิบายว่ากฎหมายปกครองและวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมีส่วนเกี่ยวข้องกับปลัดอำเภอตั้งแต่ สมัครสอบเข้าเป็นปลัดอำเภอจนกระทั่งเกษียณอายุราชการอย่างไรบ้าง พร้อมยกตัวอย่างให้ชัดเจน

ธงคำตอบ

กฎหมายปกครองและวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองนั้น ย่อมมีส่วนเกี่ยวข้องกับนักศึกษาที่เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วไปเข้ารับราชการเป็นปลัดอำเภอ ทั้งนี้เพราะ

กฎหมายปกครอง” นั้น นอกจากจะเป็นกฎหมายที่บัญญัติให้อำนาจและหน้าที่แก่หน่วยงาน ทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐในการใช้อำนาจทางปกครองเพื่อการออกกฎ

คำสั่งทางปกครองหรือการดำเนิน กิจกรรมทางปกครองอื่น ๆ แล้ว ยังเป็นกฎหมายที่บัญญัติหลักในการจัดองค์กรของการบริหารราชการแผ่นดิน และการจัดระเบียบในการบริหารงานของเจ้าหน้าที่ภายในองค์กรนั้นด้วย

ส่วน วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง” ตาม พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองนั้น หมายถึง การเตรียมการและการดำเนินการของเจ้าหน้าที่เพื่อจัดให้มีคำสั่งทางปกครอง หรือกฎและรวมถึงการดำเนินการ ใด ๆ ในทางปกครองตามกฎหมายนี้

ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากบทนิยามหรือความหมายทั่ว ๆ ไปของกฎหมายปกครองและวิธีปฏิบัติ ราชการทางปกครองแล้ว จะเห็นได้ว่า กฎหมายปกครองและวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับ ปลัดอำเภอในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐฝายปกครองนับตั้งแต่การสมัครสอบเข้าเป็นปลัดอำเภอจนกระทั่งเกษียณ อายุราชการ กล่าวคือ

ในการสมัครสอบเข้ารับราชการเป็นปลัดอำเภอนั้น คุณสมบัติของผู้สมัครสอบ การประกาศ รายชื่อของผู้มีสิทธิในการสอบและการประกาศรายชื่อผู้ที่สอบได้ รวมทั้งวิธีการบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นปลัดอำเภอนั้น ก็จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายปกครอง คือ กฎหมายระเบียบข้าราชการพลเรือน และกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองกำหนดไว้

และในกรณีที่ได้มีการเข้ารับราชการเป็นปลัดอำเภอแล้ว ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการนั้น ก็จะต้อง เกี่ยวข้องกับกฎหมายปกครองและวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตลอดเวลา เช่น

ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการของปลัดอำเภอ หรือในกรณีที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้นไปอีก เช่น ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นนายอำเภอ หรือผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นต้น ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการของบุคคล ดังกล่าว ก็จะต้องทราบว่ากฎหมายปกครองต่าง ๆ เช่น พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ร.น. ระเบียบ ข้าราชการพลเรือน หรือกฎหมายปกครองอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

เช่น กฎหมายเกี่ยวกับองค์กรปกครองสวนท้องถิ่นนั้น ได้บัญญัติให้อำนาจและหน้าที่ในทางปกครองแกบุคคลเหล่านั้นไว้อย่างไร เพื่อทีจะทำให้บุคคลเหล่านั้นได้ใช้ อำนาจปกครองได้อย่างถูกต้องและชอบด้วยกฎหมาย

นอกจากนั้นในการปฏิบัติหน้าที่ราชการของปลัดอำเภอ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐฝ่ายปกครองอื่น ๆ (ในกรณีที่ได้รับเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้น) นั้น ส่วนใหญมักจะเป็นเรื่องของการใช้อำนาจทางปกครอง เพื่อออกกฎ คำสั่งทางปกครอง หรือเพื่อดำเนินการทางปกครองในรูปแบบอื่น ๆ

เช่น การกระทำทางปกครองที่เรียกว่า ปฏิบัติการ ทางปกครอง เป็นต้น ดังนั้นถ้าจะให้การใช้อำนาจทางปกครองดังกล่าว เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย เจ้าหน้าที่เหล่านั้นก็จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอน และวิธีการตามที่กฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองได้กำหนดไว้ด้วย

ตัวอย่างเช่น ในกรณีที่ปลัดอำเภอจะใช้อำนาจทางปกครอง เพื่อออกคำสั่งทางปกครอง เรื่องใดเรื่องหนึ่ง ปลัดอำเภอจะต้องทราบว่า กฎหมายปกครองได้บัญญัติให้อำนาจและหน้าที่ในการออกคำสั่งทางปกครองในเรื่องดังกล่าวแกปลัดอำเภอหรือไม่ หรือถ้ามีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจและหน้าที่ไว้ กฎหมายได้บัญญัติหลักเกณฑ์ วิธีการ หรือขั้นตอนในการออกคำสั่งทางปกครองในเรื่องนั้นไว้หรือไม่อย่างไร

ทั้งนี้เพราะถ้าปลัดอำเภอได้ใช้อำนาจทางปกครองและออกคำสั่งทางปกครองตามที่กฎหมายได้บัญญัติให้อำนาจไว้ รวมทั้งได้ ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการที่กฎหมายได้กำหนดไว้ คำสั่งทางปกครองที่ออกมานั้น ก็จะเป็นคำสั่งทางปกครอง ที่ชอบด้วยกฎหมาย

แต่ถ้าปลัดอำเภอได้ออกคำสั่งทางปกครองมาโดยที่ไมมีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจไว้หรือ ออกคำสั่งทางปกครองมา โดยไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือวิธีการที่กฎหมายได้กำหนดไว้ ค่าสั่งทางปกครองนั้น ก็จะเป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งอาจจะทำให้เกิดข้อพิพาททางปกครองขึ้นมาได้


 

ข้อ3. จงอธิบายสาระสำคัญของหลักกระจายอำนาจปกครองโดยวิธีการกระจายอำนาจปกครองแบบพื้นที่ (หรืออาณาเขต) กับวิธีการกระจายอำนาจปกครองแบบกิจการ (หรือเทคนิค) ว่ามีอย่างไร และ ทั้งสองวิธีมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

ธงคำตอบ

หลักกระจายอำนาจทางปกครอง” คือ หลักการที่ราชการบริหารส่วนกลางได้มอบอำนาจ ปกครองบางส่วนให้แกองค์กรอื่นซึ่งมิใช่องค์กรของราชการบริหารส่วนกลาง เพื่อไปจัดทำบริการสาธารณะบางอย่าง โดยมีความเป็นอิสระ ไมอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของส่วนกลาง แต่จะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลเท่านั้น

การกระจายอำนาจ มีได้ 2 รูปแบบ คือ

1.             การกระจายอำนาจตามเขตแดนหรือตามพื้นที่ (หรือกระจายอำนาจตามอาณาเขต) เป็นวิธีการกระจายอำนาจให้แกส่วนท้องถิ่น โดยให้ส่วนท้องถิ่นได้มีการจัดตั้งองค์กรขึ้นมาแยกต่างหากจากส่วนกลาง และให้มีสภาพเป็นนิติบุคคล เช่น เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล หรือองค์การบริหารส่วนจังหวัด เป็นต้น แล้วส่วนกลางก็จะมอบอำนาจให้องค์กรส่วนท้องถิ่นนั้นไปดำเนินจัดทำกิจการบริการสาธารณะ ตามอำนาจหน้าที่ ที่กฎหมายได้กำหนดไว้ โดยจะมีการกำหนดขอบเขตหรือพื้นที่ไว้ ซึ่งโดยหลักทั่วไปองค์กรส่วนท้องถิ่นนั้นก็จะ ไปจัดทำกิจการนอกเขตหรือนอกพื้นที่ที่กำหนดไวัไมได้ นอกจากจะมีกฎหมายบัญญัติยกเว้นไว้โดยเฉพาะ

ซึ่งวิธีการกระจายอำนาจให้แก่ส่วนท้องถิ่นวิธีนี้ กระท่าโดยการมอบอำนาจการจัดทำกิจการบริการสาธารณะหลาย ๆ อย่างให้แกส่วนท้องถิ่นไปจัดทำโดยเจ้าหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่นนั้นเอง และด้วยงบประมาณขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่นนั้นเพื่อสนองตอบต่อความต้องการส่วนรวมของประชาชนในท้องถิ่นนั้น ๆ

สาระสำคัญของหลักการกระจายอำนาจตามเขตแดนหรือตามพื้นที่ ได้แก่

1)            มีการจัดตั้งองค์กรขึ้นมาเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากและเป็นอิสระจากราชการ บริหารส่วนกลางมีงบประมาณ และเจ้าหน้าที่เป็นของตนเอง เพื่อจัดทำบริการสาธารณะตามที่ได้รับมอบหมาย

2)            มีการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นหลักการที่สำคัญของการกระจายอำนาจตามเขตแดนหรือ ตามพื้นที่ กล่าวคือ บุคลากรหรือผู้บริหาร รวมทั้งสมาชิกสภาต่าง ๆ จะต้องมาจากการเลือกตั้งจากราษฎรใน ท้องถิ่นนั้น

3)            มีความเป็นอิสระในการดำเนินงานต่าง ๆ ตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย โดยไม่ต้องรับคำลังหรืออยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของส่วนกลาง ซึ่งความเป็นอิสระในที่นี้ให้รวมถึงความเป็น อิสระในเรื่องงบประมาณและเจ้าหน้าที่ด้วย โดยส่วนกลางจะมีอำนาจแต่เพียงการกำกับดูแลให้องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น

2.             การกระจายอำนาจทางบริการหรือทางเทคนิค เป็นวิธีการกระจายอำนาจ โดยที่ส่วนกลาง จะมอบบริการสาธารณะอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียวให้แกองค์กรที่มีการจัดตั้งขึ้นโดยมิได้อยู่ในสังกัดของ ส่วนกลาง ได้แก่ องค์การของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์การมหาชน รับไปดำเนินงานด้วยเงินทุนและด้วยเจ้าหน้าที่ ขององค์การนั้น ๆ เช่น การมอบอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการเดินรถไฟทั่วทั้งประเทศให้แกองค์การของรัฐคือ การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือการมอบอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้านครหลวง หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นต้น

การกระจายอำนาจทางบริการหรือทางเทคนิคนั้น จะมีสาระสำคัญคล้ายกับหลัก กระจายอำนาจทางเขตแดนหรือพื้นที่ เพียงแต่การกระจายอำนาจทั้งสองวิธีมีข้อแตกต่างกัน ดังนี้คือ

(ก) การกระจายอำนาจทางบริการหรือกิจการไมถือเอาอาณาเขตเป็นข้อจำกัดอำนาจ หน้าที่เป็นหลักสำคัญเหมือนกับการกระจายอำนาจทางเขตแดน ซึ่งองค์การอาจจัดทำกิจการได้ทั่วทั้งประเทศ หรือ ทำเฉพาะเขตใดเขตหนึ่งก็ได้ ตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ขององค์การนั้น

(ข) การกระจายอำนาจทางบริการหรือกิจการไม่ถือว่าการเลือกตั้งผู้บริหารเป็นเงื่อนไข ในการจัดตั้งองค์กรที่ได้รับการกระจายอำนาจทางบริการ ซึ่งต่างจากการกระจายอำนาจทางเขตแดนที่ผู้บริหาร ต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น

 

 

ข้อ 4. นายโชคดี ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมประจำจังหวัด สังกัดกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองของนักเรียนว่านายโชคดีให้จัดหาคอมพิวเตอร์แก่ โรงเรียนหรือบริจาคเงินเพื่อจัดหาคอมพิวเตอร์แกโรงเรียน ทำให้ผู้ปกครองหลายคนเดือดร้อน

อธิบดีกรมสามัญศึกษาจึงออกคำสั่งย้ายนายโชคดีไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยม ประจำจังหวัดอื่นทีใกล้เคียง นายโชคดีเห็นว่าคำสั่งย้ายไปดำรงตำแหน่งดังกล่าวไม่เปิดโอกาสให้ตน ทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอและมีโอกาสได้โต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานใดๆ เลย

จึงเป็นคำสั่งที่ไมชอบด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ดังนี้ ท่านเห็นว่าข้ออ้างของนายโชคดีถูกต้องหรือไม่ เพราะเหตุใด จงอธิบายตามหลักกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง

ธงคำตอบ

ตามมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 นั้น คำสั่งทางปกครองหมายความว่า

(1)           การใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ที่มีผลเป็นการสร้างนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่าง บุคคลในอันที่จะก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน ระงับ หรือมีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการถาวรหรือชั่วคราว เช่น การสั่งการ การอนุญาต การอนุมัติ การวินิจฉัยอุทธรณ์ การรับรอง และ การรับจดทะเบียน แต่ไม่หมายความรวมถึงการออกกฎ

(2)           การอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง

และตามมาตรา 30 วรรคแรก บัญญัติว่า

ในกรณีที่คำสั่งทางปกครองอาจกระทบถึงสิทธิของคูกรณี เจ้าหน้าที่ต้องให้คูกรณีมีโอกาส ที่จะได้ทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอ และมีโอกาสโต้แย้ง และแสดงพยานหลักฐานของตน

ตามบทบัญญัติมาตรา 30 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 นั้น การที่เจ้าหน้าที่จะต้องให้คูกรณีมีโอกาสได้ทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอ และให้คูกรณีได้มีโอกาส โต้แย้ง และแสดงพยานหลักฐานของตนนั้น จะต้องเป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการพิจารณาทางปกครอง คือ การดำเนินการเพื่อจัดให้มีคำสั่งทางปกครอง และคำสั่งทางปกครองนั้นอาจจะไปกระทบสิทธิของคู่กรณีเท่านั้น คู่กรณีจึงจะได้รับสิทธิดังกล่าว

ตาม ปัญหา การที่อธิบดีกรมสามัญศึกษาได้ออกคำสั่งย้ายนายโชคดี ตำแหน่งผู้อำนวยการ โรงเรียนมัธยมประจำจังหวัดหนึ่งไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมประจำ จังหวัดอื่นที่ใกล้เคียงนั้น ถือว่าคำสั่งดังกล่าวเป็นเพียงคำสั่งเกี่ยวกับการบริหารงานภายในหน่วยงาน หรือในกรมเดียวกัน และมีผลเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงภารกิจในการปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น

คำสั่งดังกล่าวยังไม่มีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือ หน้าที่ของบุคคล คือยังไมมีผลทำให้สิทธิและประโยชน์นฐานะการเป็นข้าราชการของนายโชคดีเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ดังนั้นคำสั่งย้ายนายโชคดีของอธิบดีกรมสามัญศึกษาลังกล่าวจึงไมใช่คำสั่งทางปกครอง ตามความหมาย ของคำสั่งทางปกครองตามมาตรา 5(1) และเมื่อไมใช่คำสั่งทางปกครอง อธิบดีกรมสามัญศึกษาจึงไม่ต้องปฏิบัติ ตามมาตรา 30 วรรคแรก

คือไม่ต้องให้นายโชคดีได้ทราบข้อเท็จจริงของคำสั่งนั้น และไม่ต้องให้นายโชคดีได้มี โอกาสโต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานแต่อย่างใด และให้ถือว่าคำสั่งย้ายดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย

สรุป ข้ออ้างของนายโชคดีที่ว่าคำสั่งย้ายดังกล่าว เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยวิธีปฏิบัติราชการ ทางปกครองนั้น เป็นข้ออ้างที่ไมถูกต้องตามเหตุผลและหลักกฎหมายดังกล่าวข้างต้น

LAW3016 กฎหมายปกครอง การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2552

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2552

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW3016 กฎหมายปกครอง (สำหรับนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์)

คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. จงอธิบายอย่างละเอียดวากฎหมายปกครองมีความสัมพันธ์และมีความสำคัญกับการบริหารราชการ แผ่นดินตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 อย่างไร พร้อมยกตัวอย่าง ให้ชัดเจน

ธงคำตอบ

กฎหมายปกครองมีความสัมพันธ์และมีความสำคัญกับการบริหารราชการแผ่นดินตาม พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ดังนี้ คือ

กฎหมายปกครอง ซึ่งอาจจะอยู่ในชื่อของ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ หรือ พระราชบัญญัติ หรือพระราชกำหนด หรือประมวลกฎหมาย เป็นกฎหมายที่บัญญัติให้อำนาจหน้าที่ในทางปกครอง แกหน่วยงานทางปกครอง หรือแกเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ซึ่งอำนาจหน้าที่ในทางปกครองนั้น ได้แก่ อำนาจหน้าที่ในการจัดทำบริการสาธารณะ และ การใช้อำนาจทางปกครอง ในการออกกฎ การออกคำสั่งทางปกครอง รวมทั้งการกระทำในทางปกครองอื่น ๆ เช่น การทำสัญญาทางปกครอง เป็นต้น

สำหรับการบริหารราชการแผ่นดินชองไทยตาม พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่

1.         ราชการบริหารส่วนกลาง ได้แก่ กระทรวง ทบวง กรม เป็นต้น

2.         ราชการบริหารส่วนภูมิภาค ได้แก่ จังหวัด และอำเภอ

3.         ราชการบริหารส่วนท้องถิ่น ได้แก่ เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล องค์การบริหาร- ส่วนจังหวัด กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา

และการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นราชการบริหารส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และ ส่วนท้องถิ่น ก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการจัดทำบริการสาธารณะ เพื่อประโยชน์แก่ประชาชนส่วนรวม และการใช้อำนาจ ทางปกครองเพื่อออกกฎ ออกคำสั่งทางปกครอง รวมทั้งการทำสัญญาทางปกครองทั้งสิน เซ่น ตาม พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534

ซึ่งเป็นกฎหมายปกครองได้บัญญัติให้อำนาจแก่นายกรัฐมนตรีในการ ออกกฎ ระเบียบ หรือข้อบังคับต่าง ๆ ได้ ซึ่งถ้าไม่มีกฎหมายปกครอง คือ พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 บัญญัติให้อำนาจและหน้าที่แกนายกรัฐมนตรีแล้ว นายกรัฐมนตรีย่อมไม่มีอำนาจที่จะกระทำการ ดังกล่าวได้เลย

ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า กฎหมายปกครองมีความสัมพันธ์และมีความสำคัญกับการบริหารราชการแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น

 

ข้อ2 จงทำตามคำสั่งต่อไบ่นี้

1)         อธิบายกฎหมายปกครองตามที่ท่านเข้าใจ(5 คะแนน)

2)         จงอธิบายหน่วยงานทางปกครอง(5 คะแนน)

3)         จงอธิบายเจ้าหน้าที่(5 คะแนน)

4)         จงอธิบายการใช้อำนาจปกครองหมายถึงอะไร(5 คะแนน)

5)         จงอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างกฎหมายปกครอง หน่วยงานทางปกครอง การใช้อำนาจปกครอง และศาลปกครอง(5 คะแนน)

ธงคำตอบ

1)         กฎหมายปกครอง ซึ่งอาจจะอยู่ในชื่อของ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ หรือ พระราชบัญญัติ หรือพระราชกำหนด หรือประมวลกฎหมาย เป็นกฎหมายที่บัญญัติให้อำนาจหน้าที่ในทางปกครอง แก่หน่วยงานทางปกครอง หรือแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ในการออกกฎ ออกคำสั่งทางปกครอง หรือการกระทำทางปกครอง อื่น ๆ รวมทั้งการทำสัญญาทางปกครองด้วย

2)         หน่วยงานทางปกครอง ได้แก่

(1)        หน่วยงานการบริหารราชการส่วนกลาง ได้แก่ กระทรวง ทบวง กรม

(2)        หน่วยงานการบริหารราชการส่วนภูมิภาค ได้แก่ จังหวัด อำเภอ

(3)        หน่วยงานการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบล เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา

(4)        รัฐวิสาหกิจ ได้แก่ การไฟฟ้านครหลวง การประปานครหลวง ธนาคารออมสิน การท่าเรือแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นต้น

(5)        หน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นหน่วยงานทางปกครอง

(6)        หน่วยงานเอกชนที่ใช้อำนาจหรือได้รับให้ใช้อำนาจทางปกครองตามกฎหมาย ได้แก่ สำนักงานรังวัดเอกชน สถานที่ตรวจสภาพรถยนต์ สภาทนายความ แพทยสภา เป็นต้น

3)         เจ้าหน้าที่ ได้แก่ บุคคลหรือคณะบุคคลที่ใช้อำนาจหรือได้รับมอบให้ใช้อำนาจทางปกครอง ตามกฎหมาย รวมถึงคณะบุคคลที่จัดตั้งขึ้นและมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายด้วย เช่น ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ รวมถึงคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายด้วย

4)         การใช้อำนาจทางปกครอง คือการใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ ได้แก่

(1)        การออกกฎ เช่น การออกพระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง ประกาศกระทรวง เป็นต้น

(2)        การออกคำสั่งทางปกครอง เช่น การสั่งการ การอนุญาต การรับจดทะเบียน เป็นต้น

(3)        การกระทำทางปกครองอื่น ๆ เช่น การปฏิบัติการทางปกครอง หรือสัญญา ทางปกครอง เป็นต้น

5)         กฎหมายปกครอง เป็นกฎหมายที่บัญญัติให้อำนาจหน้าที่ในทางปกครองแกหน่วยงาน ทางปกครองและแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยหน่วยงานทางปกครองหรือหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐ จะต้องใช้อำนาจทางปกครอง ตามที่กฎหมายบัญญัติให้อำนาจหน้าที่ไว้ และเมื่อเกิดปัญหาจากการใช้อำนาจทางปกครองหรือเกิดกรณีพิพาททางปกครองขึ้นมา จะต้องนำคดีไปฟ้องยังศาลปกครอง เนื่องจากศาลปกครอง มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาคดีปกครอง

 

ข้อ 3. จงอธิบายหลักการรวมศูนย์อำนาจปกครอง (Centralization) และหลักกระจายศูนย์รวมอำนาจ ปกครองหรือหลักการแบ่งอำนาจปกครอง (Decentralization) ว่ามีลักษณะสำคัญอย่างไร และ ทั้งสองหลักมีความสัมพันธ์กันอย่างไร

ธงคำตอบ

หลักการรวมอำนาจปกครอง เป็นหลักในการจัดระเบียบบริหารราชการ โดยการมอบอำนาจ ปกครองให้แก่ราชการบริหารส่วนกลาง และมีเจ้าหน้าที่ของราชการบริหารส่วนกลางเป็นผู้ใช้อำนาจปกครอง

ซึ่งหลักการรวมอำนาจปกครองนี้จะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ การรวมศูนย์อำนาจปกครอง และการกระจาย การรวมศูนย์อำนาจปกครองหรือการแบ่งอำนาจปกครอง

1.การรวมศูนย์อำนาจปกครอง คือ การรวมอำนาจวินิจฉัยสั่งการทั้งหมดไว้ที่ศูนย์กลาง หรือส่วนกลาง และต้องมีระบบการบังคับบัญชาที่เคร่งครัด มีการรวมกำลังในการบังคับต่างๆ

คือ กำลังทหาร และกำลังสำรวจให้ขึ้นตรงต่อส่วนกลาง และมีลำดับชั้นการบังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่

2.การแบ่งอำนาจปกครองหรือการกระจายการรวมศูนย์อำนาจปกครอง เป็นรูปแบบที อ่อนตัวลมา ของการรวมศูนย์อำนาจปกครอง โดยการมอบอำนาจในการตัดสินใจหรือการวินิจฉัยสั่งการบางอย่าง ให้แก่องค์กรหรือเจ้าหน้าที่ของส่วนกลางที่ถูกส่งไปประจำอยู่ในแต่ละท้องที่ การปกครอง โดยองค์กรหรือเจ้าหน้าที่ เหล่านั้นยังคงอยู่ในระบบบังคับบัญชาของส่วนกลาง

และหลักการกระจายการรวมศูนย์อำนาจปกครอง มีความสัมพันธ์กับหลักการรวมศูนย์อำนาจ ปกครองในลักษณะของการใช้อำนาจบังคับบัญชา

 

ข้อ 4. ในการประชุมของสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรี ได้มีการพิจารณาความประพฤติของนายแดง สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรีว่า มีความประพฤติที่นำมาซึ่งความเสื่อมเสียต่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรี

ซึ่งในที่ประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดดังกล่าวอาศัย อำนาจตามกฎหมายขององค์การบริหารส่วนจังหวัด มีมติเอกฉันท์ให้นายแดงสมาชิกสภาองค์การ บริหารส่วนจังหวัดออกจากตำแหน่งเนื่องจากเหตุดังกล่าว ดังนี้

ให้ท่านวินิจฉัยว่า มติของที่ประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดให้นายแดงสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดออกจากตำแหน่ง เนื่องจากเหตุดังกล่าวเป็นคำสั่งทางปกครองหรือไม่ โดยให้อธิบายองค์ประกอบของคำสั่งทางปกครอง มีอย่างไร

และวินิจฉัยว่าเป็นคำสั่งทางปกครองหรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

ตามมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 นั้น คำสั่งทางปกครองหมายความว่า

(1)        การใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ที่มีผลเป็นการสร้างนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่าง บุคคลในอันที่จะก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน ระงับ หรือมีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการถาวรหรือชั่วคราว เช่น การสั่งการ การอนุญาต การอนุมัติ การวินิจฉัยอุทธรณ์ การรับรอง และ การรับจดทะเบียน แต่ไม่หมายความรวมถึงการออกกฎ

(2)        การอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง

กรณีที่จะเป็นคำสั่งทางปกครองตาม (1) นั้น จะต้องมีองค์ประกอบดังนี้ คือ

1.         ต้องเป็นคำสั่งที่ออกโดยเจ้าหน้าที่

2.         ต้องมีลักษณะเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมาย

3.         ต้องมีลักษณะเป็นการแสดงเจตนาของเจ้าหน้าที่ที่มีผลเป็นการสร้างนิติสัมพันธ์ขึ้น ระหว่างบุคคลในอันที่จะก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน ระงับ หรือมีผลกระทบต่อสถานภาพ ของสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคล

4.         ต้องก่อให้เกิดผลเฉพาะกรณีหรือเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจง

5.         ต้องมีผลโดยตรงไปสู่ภายนอกฝ่ายปกครอง

วินิจฉัย

มติ ของที่ประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรีที่ให้นายแดงสมาชิกสภาองค์การ บริหารส่วนจังหวัดออกจากตำแหน่งเนื่องจากมีเหตุว่านายแดงมีความประพฤติที่นำ มาซึ่งความเสื่อมเสียต่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดนั้น เป็นคำสั่งทางปกครอง เพราะเป็นคำสั่งที่ออกโดยเจ้าหน้าที่คือคณะกรรมการที่เป็นการใช้ อำนาจตามกฎหมายชององค์การบริหารส่วนจังหวัด และมีผลกระทบต่อสถานภาพของนายแดง คือทำให้สมาชิกภาพ ของนายแดงสิ้นสุดลง

สรุป มติของที่ประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระบุรีดังกล่าวเป็นคำสั่งทางปกครอง

WordPress Ads
error: Content is protected !!