HIS1001 อารยธรรมตะวันตก การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2556

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2556

ข้อสอบกระบวนวิชา HIS1001 อารยธรรมตะวันตก

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 120 ข้อ)

1.         หลักฐานที่สำคัญที่สุดในการศึกษาประวัติศาสตร์คือ

(1)       ซากสิ่งมีชีวิต   

(2) ลายลักษณ์อักษร

(3) เครื่องมือเครื่องใช้ 

(4) งานศิลปะ

ตอบ 2 หน้า 2112 (H), (คำบรรยาย) เรื่องราวที่ได้จารึกไว้เป็นหลักฐาน (Written Records) คือ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่มีการจารึกเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งถือว่าเป็นหลักฐานที่สำคัญที่สุดในการศึกษาเรื่องราวของมนุษย์สมัยประวัติศาสตร์ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1.         หลักฐานดั้งเดิมหรือหลักฐานชั้นต้น (Primary Records) เช่น หลักศิลาจารึก สนธิสัญญา จดหมาย เอกสารทางการทูต แถลงการณ์ของรัฐบาล ฯลฯ

2.         หลักฐานรอง (Secondary Records) คือ หนังสือที่เรียบเรียงมาจากหลักฐานดั้งเดิม

2.         นักเล่นพระเครื่องใช้วิธีการตรวจสอบความเที่ยงแท้ของหลักฐานโดย

(1)External Criticism

(2) Internal Criticism

(3) Primary Records 

(4) Secondary Records

ตอบ 1 หน้า 2112 (H), (คำบรรยาย) วิธีการตรวจสอบความเที่ยงแท้ของหลักฐานมี 2 วิธี คือ

1.         การวิจารณ์ภายนอก (External Criticism) คือ การตรวจสอบความเที่ยงแท้ของหลักฐาน ว่าเป็นของจริงหรือของปลอม เช่น การตรวจดูพระเครื่อง การตรวจดูอัญมณี เป็นต้น

2.         การวิจารณ์ภายใน (Internal Criticism) คือ การเรียบเรียงหรือการตีความเอกสารที่เป็น ลายลักษณ์อักษร เช่น การตรวจสอบศิลาจารึก การตีความบันทึกทางการเมือง เป็นต้น

3.         ข้อใดไม่จัดอยู่ในความหมายของคำว่าวัฒนธรรม

(1)การเคี้ยวเสียงดัง   

(2) การกินด้วยมือ

(3) การกินด้วยช้อนส้อม         

(4) การกินด้วยตะเกียบ

ตอบ 1 หน้า 21 – 2212 (H), (คำบรรยาย) วัฒนธรรม หมายกึง ความดีงามหรือความเจริญก้าวหน้า ในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ ซึ่งการที่มนุษย์มาอยู่รวมกันเป็นสังคมจนก่อให้เกิดความรู้ ความเชื่อ ภาษา ศิลปกรรม ศิลปะ กฎหมาย ขนบธรรมเนียม มารยาททางสังคม ความสามารถอื่น ๆ ตลอดจนความเคยชินต่าง ๆ แบบเดียวกัน ถือว่ามนุษย์มีวัฒนธรรมเดียวกัน ซึ่งเราสามารถดูความแตกต่างของแต่ละวัฒนธรรมได้จากงานศิลปะ ภาษา และพฤติกรรม

4.         ทฤษฎีการเอาชนะของทอยน์บีทางอารยธรรมเกี่ยวข้องกับข้อใด

(1)การสร้างระบบการชลประทาน      

(2) การเปลี่ยนสภาพคนป่าเถื่อนให้เป็นอารยชน

(3) การรับสิ่งที่เจริญกว่ามาปรับปรุงใช้          

(4) การทำลายหน้าดินจนก่อให้เกิดนํ้าท่วม

ตอบ 1 หน้า 2713 (H) ทฤษฎีเพื่อเอานะของอาร์โนลด์ เจ. ทอยน์บี เป็นทฤษฎีที่เชื่อในความพยายาม ของมนุษย์ที่จะเอาขนะธรรมชาติ เช่น อียิปต์ใช้ประโยชน์จากนํ้าท่วมแม่นํ้าไนล์ด้วยการสร้าง ระบบการชลประทาน หรือการปรับปรุงเขตทะเลทรายให้ใช้ประโยขน์ในการเกษตรกรรมได้ เป็นต้น

5.         ข้อใดไม่จัดอยูในแหล่งกำเนิดอารยธรรมในยุคโบราณ

(1)อียิปต์        

(2) เมโสโปเตเมีย       

(3) จีน 

(4) ออสเตรเลีย

ตอบ4 หน้า 2813 (H) อารยธรรมเริ่มแรกของโลกหรืออารยธรรมในยุคโบราณมักถือกำเนิดขึ้น ในบริเวณที่ราบลุ่มแม่นํ้า ได้แก่ อารยธรรมอียิปต์โบราณในที่ราบลุ่มแม่นํ้าไนล์ อารยธรรมเมโสโปเตเมียในที่ราบลุ่มแม่นํ้าไทกริส-ยูเฟรติส อารยธรรมจีนในที่ราบลุ่มแม่นํ้าฮวงโหหรือ แม่น้ำเหลือง และอารยธรรมอินเดียในที่ราบลุ่มแม่น้ำสินธุ

6.         แม่แบบของอารยธรรมตะวันตกคือ

(1) กรีก           

(2) โรมัน         

(3) อียิปต์       

(4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 หน้า 3114 (H), 17 (H) ขอบเขตของอารยธรรมในยุคโบราณ แบงออกเป็น 3 กลุ่ม คือ

1.         อารยธรรมตะวันออก มีแม่แบบคือ อารยธรรมจีน-อินเดีย

2.         อารยธรรมตะวันตก มีแม่แบบคือ อารยธรรมกรีก-โรมัน

3.         อารยธรรมโลก มีแม่แบบคือ อารยธรรมอียิปต์-เมโสโปเตเมีย

7.         โลหะที่เป็นเครื่องมือสำคัญในการขยายอำนาจของมนุษย์คือ

(1) ทองแดง    

(2) เหล็ก         

(3) ทองบรอนซ์           

(4) ดีบุก

ตอบ2 หน้า 33 – 3414 (H) การเรียนรู้การใช้โลหะของมนุษย์ในอารยธรรมสมัยแรกจะเริ่มจาก การใช้ทองแดง ต่อมาก็ได้มีการนำทองแดงมาผสมกับดีบุกกลายเป็นทองบรอนซ์ จนกระทั่ง พัฒนามาเป็นการหลอมเหล็กขึ้นใช้ ซึ่งเหล็กได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการผลิตอาวุธเพื่อใช้ ในการขยายอำนาจของมนุษย์ในเวลาต่อมา

8.         ความสำคัญของประวัติศาสตร์ในยุคโบราณคือ

(1)       เริ่มต้นและสิ้นสุดลงเมื่อประมาณ 5000 B.C. – A.D. 500

(2)       เป็นเรื่องราวของอียิปต์ เมโสโปเตเมีย กรีก และโรมัน

(3)       เป็นจุดกำเนิดของอารยธรรมที่ตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน        

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 1711 (H) ประวัติศาสตร์ในยุคโบราณ จะอยู่ในช่วงระยะเวลาประมาณ 5000 B.C. – A.D. 500 ซึ่งเป็นสมัยที่มนุษย์มีการตั้งบ้านเรือนเป็นหลักแหล่งแบบสังคมเมือง มีตัวอักษรใช้ รวมทั้งมีศาสนาและวัฒนธรรมดีกว่ายุคก่อนประวัติศาสตร์ โดยอารยธรรม ความเจริญในยุคโบราณ ได้แก่ อารยธรรมอียิปต์ เมโสโปเตเมีย จีน อินเดีย กรีก และโรมัน ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของอารยธรรมที่ตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน ยุคนี้สิ้นสุดลงเมื่ออาณาจักรโรมัน ถูกพวกอนารยชนเยอรมันเข้ายึดครองในปี ค.ค. 476

9.         แม้ว่าอากาคร้อนและแห้งแล้งแต่ชาวอียิปต์ยังสามารถเพาะปลูกได้ผลดี เพราะ

(1)       ชาวอียิปต์เก่งการทำชลประทาน        

(2) ความอุดมสมบูรณ์ตามบริเวณริมฝั่งแม่น้ำไนล์

(3) อียิปต์มีทะเลทรายล้อมรอบ          

(4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 หน้า 465917 (H), 21 (H) ถึงแม้ว่าสภาพที่ตั้งของอียิปต์จะเป็นบริเวณที่มีอากาศร้อนและ แห้งแล้ง มีภูมิประเทศแวดล้อมไปด้วยทะเลทราย และมีฝนตกเฉพาะบริเวณเดลต้า แต่อียิปต์ ได้รับความชุ่มชื้นจากแม่นํ้าไนล์ รวมทั้งมีการพัฒนาระบบการชลประทานที่ดี จึงทำให้อียิปต์ กลายเป็นดินแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การทำเกษตรกรรม ซึ่งส่งผลให้มีผลผลิต ทางการเกษตรจำนวนมาก และสามารถส่งเป็นสินค้าออกไปขายยังดินแดนต่าง ๆ ได้อีกด้วย

10.       ไพรเมท (Primate) มีความสำคัญคือ

(1) ทฤษฎีกำเนิดโลกของอิมมานูเอล คานท์   

(2) บรรพบุรุษของมนุษย์

(3) การเคลื่อนไหวของธารนํ้าแข็ง       

(4) เป็นยุคย่อย 1 ใน 4 ยุคของยุคนํ้าแข็ง

ตอบ 2 หน้า 1 – 28 (H) นักประวัติศาสตร์ได้สันนิษฐานว่าแหล่งกำเนิดของมนุษย์น่าจะอยู่ใน ทวีปเอเชียและแอฟริกา รวมทั้งบริเวณตอนกลางของทวีปเอเชียที่อยู่ติดกับยุโรป คือ บริเวณยูเรเชีย (Eurasia) โดยบริเวณดังกล่าวนี้จะมีภูมิอากาศที่เหมาะสำหรับการพัฒนา ของไพรเมท (Primate) ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ ต่อมาบรรดาไพรเมทเหล่านี้ก็ได้ กระจัดกระจายออกไปตั้งถิ่นฐานในที่ต่าง ๆ ทั้งในทวีปยุโรปและทวีปอเมริกา

11.       แหล่งกำเนิดของมนุษย์อยู่ในทวีป

(1) แอฟริกา    

(2) อเมริกา     

(3) ออสเตรเลีย           

(4) อาร์กติก

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 10. ประกอบ

12.       ข้อใดไม่ถูกต้องในการศึกษาวิวัฒนาการของโลกตามหลักธรณีวิทยา

(1)       ธรณีวิทยาคือการศึกษาซากสิ่งมีชีวิตที่ตกค้างอยู่ตามชั้นของหิน

(2)       มนุษย์และไดโนเสาร์คือสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในยุคเดียวกัน

(3)       ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไปปเมื่อประมาณ 60 ล้านปีมาแล้ว

(4)       สมัยเซโนโซอิกคือสมัยที่สิ่งมีชีวิตมีสภาพคล้ายปัจจุบันที่สุด

ตอบ 2 หน้า 6 – 78 – 9 (H) ธรณีวิทยา คือ การศึกษาซากสิ่งมีชีวิตที่ตกค้างอยู่ตามชั้นของหิน ซึ่งประวัติศาสตร์ทางธรณีวิทยาของโลก แบ่งออกเป็น 5 สมัย ได้แก่

1.         อาร์เคโอโซอิก (Archeozoic) คือ สมัยของสัตว์เซลล์เดียว (1,550 – 825 ล้านปีมาแล้ว)

2.         โพรเทโรโซอิก (Proterozoic) คือ สมัยของสัตว์นํ้าโบราณไม่มีกระดูกสันหลัง (825 – 500 ล้านปีมาแล้ว)

3.         พาเลโอโซอิก (Paleozoic) คือ สมัยที่เริ่มมีสัตว์ครึ่งบกครึ่งนํ้า (500 – 185 ล้านปีมาแล้ว)

4.         เมโซโซอิก (Mesozoic) คือ สมัยของสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ เช่น ไดโนเสาร์ (185 – 60 ล้านปีมาแล้ว)

5.         เซโนโซอิก (Cenozoic) คือ สมัยของสิ่งมีชีวิตที่มีสภาพคล้ายปัจจุบันมากที่สุด (60 ล้านปีมาแล้ว) ได้แก่ เกิดบรรพบุรุษของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และสัตว์ในตระกูลไพรเมท (Primate)ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์

13.       การแบ่งยุคประวัติศาสตร์ใช้อะไรเป็นเกณฑ์แบ่ง

(1) ซากวัสดุ    

(2) ซากสิ่งมีชีวิต         

(3) ตัวอักษร    

(4) การแบ่งชั้นของหิน

ตอบ 3 หน้า 72 (H), 9 (แ) การแบ่งสมัยประวัติศาสตร์ของมนุษย์จะพิจรณาจากการรู้หนังสือ หรือการประดิษฐ์ตัวอักษรเป็นเกณฑ์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ยุคใหญ่ ๆ ดังนี้

1.         ยุคหินหรือยุคก่อนประวัติศาสตร์ คือ ยุคก่อนการรู้หนังสือ หรือยุคก่อนการประดิษฐ์ตัวอักษร

2.         ยุคโลหะหรือยุคเริ่มต้นของสมัยประวัติศาสตร์ คือ ยุครู้หนังสือ หรือยุคที่เริ่มมีการประดิษฐ์ ตัวอักษรแล้ว

14.       ความสำคัญของยุคหินใหม่คือยุค

(1) ลองผิดลองถูก      

(2) ล่าสัตว์      

(3) เลี้ยงสัตว์  

(4) ตั้งถิ่นฐาน

ตอบ4 หน้า 8 – 1538 – 399 – 10 (H) ยุคหินแบ่งออกเป็น 4 ยุค คือ 1. ยุคหินแรก เป็นยุค ลองผิดลองถูกของมนุษย์ 2. ยุคหินเก่า หรือยุคเก็บผลไม้ เป็นยุคที่มนุษย์เริ่มใช้อาวุธป้องกันตนเอง นุ่งห่มหนังสัตว์ และเก็บผลไม้ 3. ยุคหินกลาง เป็นยุคที่มนุษย์เริ่มรู้จักวิธีการเลี้ยงสัตว์ โดยสัตว์ที่นำมาเลี้ยงชนิดแรกคือ สุนัข 4. ยุคหินใหม่ หรือยุคปลูกผลไม้ เป็นยุคที่มนุษย์รู้จัก เลี้ยงสัตว์และเพาะปลูก จนถึงขั้นควบคุมการผลิตอาหารได้ ทำให้มนุษย์เปลี่ยนจากชุมชนเร่ร่อน เป็นชุมชนตั้งรกราก หรือเป็นยุคที่เริ่มมีการตั้งถิ่นฐานเป็นครั้งแรก

15.       มนุษย์ที่รู้จักคิดและโต้ตอบมีลักษณะคล้ายมนุษย์ปัจจุบันคือ

(1) Pithecanthropus

(2) Sinanthropus

(3) Homo Fabor

(4) Homo Sapiens

ตอบ4 หน้า 11-123810 (H) Homo Sapiens หรือมนุษย์ฉลาด เริ่มปรากฏขึ้นครั้งแรก ในยุคหินเก่าตอนปลาย ซึ่งถือเป็นมนุษย์ที่รู้จักคิดและรู้จักการโต้ตอบ และมีหน้าตาคล้าย มนุษย์ปัจจุบันมากขึ้น จนถือเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ปัจจุบัน ซึ่งมีอยู่ 3 เผ่าพันธุ์ คือ

1.โครมันยอง (Cro-Magnon) คือ คนผิวขาว

2. กริมัลดี (Grimaldi) คือ คนผิวดำ

3.ชานเซอเลด (Chancelade) คือ คนผิวเหลือง หรือผิวสีนํ้าตาล

16.       ประวัติศาสตร์ยุคโบราณได้เปลี่ยนมาสู่ประวัติศาสตร์ยุคกลางภายหลังกรุงโรมแตกในปี ค.ศ. 476 เพราะ

(1) เปลี่ยนแปลงสังคมเมืองมาเป็นสังคมชนบท        

(2) มีการฟื้นฟูการศึกษาเพราะการประดิษฐ์แทนพิมพ์

(3) การรับอารยธรรมคลาสสิกมาจากภาคตะวันออก

(4) มนุษย์มีความเชื่อมั่นในตนเอง

ตอบ 1 หน้า 3 (H), 54 (H) ในปี ค.ศ. 476 เป็นปีที่กรุงโรมซึ่งเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิโรมันตะวันตกถูกพวกอนารยชนเยอรมันเข้ายึดครอง ซึ่งถือว่าเป็นปีแห่งการสิ้นสุดของยุคโบราณและก้าวเข้าสู่ ยุคกลาง ทั้งนี้เพราะสังคมเมืองที่ทันสมัยภายใต้การปกครองของพวกโรมันต้องเปลี่ยนมาสู่สมัยแห่งความวุ่นวาย นั่นคือ การแปลงสภาพจากสังคมเมืองมาเป็นสังคมชนบทที่อารยธรรม ความเจริญต่าง ๆ ไม่ได้รับการทำนุบำรุงรักษา

17.       ทฤษฎีพัฒนาการของชาร์ลส์ ดาร์วิน ไม่ตรงกับข้อใด

(1) สิ่งมีชีวิตพัฒนาการมาจากสัตว์เซลล์เดียว           

(2) เข้ากันได้ดีกับหลักการของศาสนาคริสต์และยิว

(3) การถ่ายทอดพันธุกรรมมาจากพ่อและแม่ 

(4) การปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม

ตอบ 2 หน้า 18 – 1911 (H) ชาร์ลส์ ดาร์วิน นักชาติพันธุ์วิทยาชาวอังกฤษ ได้เขียนหนังสือเรื่อง ทฤษฎีวิวัฒนาการหรือทฤษฎีพัฒนาการ” (The Theory of Evolution) ซึ่งมีสาระสำคัญคือ

1.         สิ่งมีชีวิตถือกำเนิดมาจากสัตว์เซลล์เดียวในทะเล

2.         สิ่งมีชีวิตจะค่อย ๆ เปลี่ยนรูปร่างไปตามสภาพแวดล้อม

3.         สิ่งมีชีวิตย่อมได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมมาจากพ่อและแม่ ดังนั้นทั้งพืชและสัตว์ที่มีชีวิตยืนยาวอยู่ในสิ่งแวดล้อมรอบตนก็จะถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมนั้นให้ลูกหลานด้วย

4.         สิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ ก็จะต้องสูญพันธุ์ไปในที่สุด

18.       ความสำคัญของทะเลทรายต่อผลการสร้างอารยธรรมของอียิปต์คือ

(1)       เป็นส่วนประกอบสำคัญต่อสิ่งก่อสร้างของอียิปต์

(2)       เป็นพรมแดนธรรมชาติป้องกันการรุกรานจากภายนอก

(3)       เป็นเส้นทางลัดที่จะออกไปค้าขายทางทะเลแดง

(4)       ถูกทุกข้อ

ตอบ2 หน้า 4718 (H) ทะเลทรายถือเป็นปัจจัยทางธรรมชาติปัจจัยหนึ่งที่ช่วยสร้างสมอารยธรรม ของอียิปต์คือ ช่วยให้อียิปต์มีอาภาศปลอดโปรง เนื่องจากทะเลทรายช่วยกั้นให้พ้นจาก เขตอากาศร้อนและความกดอากาศตํ่า นอกจากนี้ยังเป็นพรมแดนหรือปราการทางธรรมชาติ ที่ช่วยป้องกันการรุกรานจากศัตรูภายนอกอีกด้วย

19.       ในสมัยอาณาจักรเก่ากิจกรรมที่ชาวอียิปต์ได้ทำเพื่อแสดงว่าฟาโรห์มีสภาวะเป็นเทวกษัตริย์คือ

(1)       การถวายอุทิศผู้คนเป็นเครื่องบูชายัญ

(2) การสร้างเขื่อนถวายแก่ฟาโรห์

(3) การสร้างพีระมิดถวายแก่ฟาโรห์   

(4) พิธีการทรงเจ้าเข้าทรงของฟาโรห์

ตอบ 3 หน้า 53 – 546019 (H), 21 (H) การปกครองของอียิปต์ในสมัยอาณาจักรเก่าหรือสมัยพีระมิด เป็นแบบเทวาธิปไตย (Theocracy) โดยมีฟาโรห์เป็นประมุขสูงสุด และทรงเป็นเทวกษัตริย์ ที่มีฐานะเป็นโอรสของเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์คือ สุริยเทพเรหรือรา (Re/Ra) ด้วยความเชื่อนี้ จึงทำให้ชาวอียิปต์มีการสร้างพีระมิดเพื่อถวายแก่ฟาโรห์ เนื่องจากเชื่อว่าเมื่อฟาโรห์สิ้นพระชนม์ ไปแล้ว ก็จะได้ไปร่วมมือกับเทพเจ้าเพื่อนำความอุดมสมบูรณ์มาให้แก่อียิปต์เหมือนในสมัยที่ ฟาโรห์ยังมีชีวิตอยู่ และเพื่อหวังผลในโลกหน้า

20.       ความสำคัญของสมัยอาณาจักรกลางของอียิปต์คือ

(1)       เป็นสมัยประชาธิปไตยเพราะสามัญชนสามารถเข้ารับราชการได้     

(2) ถูกรุกรานจากพวกฮิคโซส

(3) พวกพระและขุนนางมีอำนาจเหนือฟาโรห์ 

(4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 หน้า 55 – 5620 (H) สมัยอาณาจักรกลางของอียิปต์ เป็นสมัยที่ฟารห์ทรงยึดอำนาจ คืนมาจากพวกขุนนางโดยได้รับความช่วยเหลือจากประชาชน พระองค์จึงทรงตอบแทนประชาชน ด้วยการอนุญาตให้สามัญชนเข้ารับราชการได้ ซึ่งถือว่าเป็นการเริ่มต้นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของอียิปต์ ต่อมาใบปี 1730 B.C. อียิปต์ก็ถูกรุกรานเป็นครั้งแรกโดยพวกฮิคโซล (Hyksos) ผ่านทางบริเวณช่องแคบสุเอซ ซึ่งพวกฮิคโซสรู้จักการใช้ม้าและรถศึกในการทำสงคราม จึงทำให้สามารถครอบครองอียิปต์ได้นานถึง 150 ปี

21.       การสร้างวิหารในสมัยอาณาจักรใหม่หรือสมัยจักรวรรดิก็เพื่อ

(1) ถวายแก่เทพเจ้า

(2) แสดงอำนาจของฟาโรห์

(3) ต้องการกลับมาเกิดใหม่   

(4) แสดงความสามารถในวิธีการก่อสร้าง

ตอบ 2 หน้า 56 – 5720 (H) สมัยอาณาจักรใหม่หรือสมัยจักรวรรดิชองอียิปต์ เป็นสมัยที่ฟาโรห์มีอำนาจมากที่สุด เพราะหลังจากที่ขุนนางอียิปต์สามารถขับไล่พวกฮิคโซสออกจากอียิปต์ได้สำเร็จแล้ว ฟาโรห์ได้ทรงดึงอำนาจคืนจากพวกขุนนางและพระ จากนั้นจึงทรงปกครองด้วยอำนาจเด็ดขาด แต่เพียงผู้เดียว มีการสั่งสมกองทัพทั้งกองทัพบกและกองทัพเรือ เริ่มใช้นโยบายรุกรานเพื่อนบ้าน เอาไว้เป็นรัฐกันชน และที่สำคัญก็คือ การเปลี่ยนจากการสร้างพีระมิดมาเป็นการสร้างวิหาร ตามไหล่เขาและหน้าผาอย่างใหญ่โตมโหฬาร เพื่อแสดงอำนาจและความมั่งคั่งของฟาโรห์

22.       การปฏิวัติทางศาสนาของฟาโรห์อาเมนโฮเตปที่ 4 ก็เพื่อ

(1) ปฏิรูปศาสนาเพื่อผลทางการเมือง

(2) ตัดทอนอำนาจและความร่ำรวยของพวกพระ

(3)ทำให้มีลักษณะคล้ายศาสนาของพวกยิว  

(4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 หน้า 5821 (H) จุดมุ่งหมายที่สำคัญในการปฏิรูปศาสนาชองฟาาโรห์อาเมนโฮเตปที่ 4 มีดังนี้

1.         ต้องการให้ชาวอียิปต์หันมานับถือสุริยเทพอาเมนหรือเทพอาเตนเพียงองค์เดียวเท่านั้น

2.         เพื่อผลทางการเมือง คือ สร้างอำนาจให้กับฟาโรห์ และต้องาารตัดทอนอำนาจของพวกพระอามอนที่ร่ำรวยขึ้นจากทรัพย์สินที่บรรดาหัวเมืองนำมาถวาย

23.       สิ่งที่ไม่ได้เป็นมรดกทางอารยธรรมของอียิปต์คือ       

(1) อักษรภาพ

(2)       อักษรรูปลิ่ม    

(3) การทำกระดาษ

(4) หัวใจคือศูนย์กลางการโหลเวียนของโลหิต

ตอบ 2 หน้า 59 – 6369. 21 – 23 (H), (คำบรรยาย) มรดกทางอารยธรรมที่สำคัญของอียิปต์ มีดังนี้

1.         มีการประดิษฐ์ตัวอักษรเฮียโรกลิฟิก (Hieroglyphic) ขึ้นเมื่อประมาณ 3000 B.C. ซึ่งมีลักษณะเป็นอักษรภาพที่บันทึกลงบนแผ่นกระดาษปาไปรัส (Papyrus)

2. มีการสร้างพีระมิดและวิหาร ที่ใหญ่โตเพื่อถวายแก่พาโรห์ 

3. มีความเจริญทางด้านการแพทย์ เช่น มีการค้นพบว่าหัวใจ คือศูนย์กลางการหมุนเวียนของโลหิต ฯลฯ

4. มีการสร้างระบบชลประทานที่มีประสิทธิภาพสูง

5.         มีการสร้างปฏิทินแบบสุริยคติขึ้นในปี 4241 B.C.

6. มีการนำต้นอ้อหรือต้นกกที่ขึ้นในแม่นํ้าไนล์มาทำกระดาษปาไปรัส เป็นต้น

24.       กลุ่มชนที่ไม่ได้เข้ารุกรานและยึดครองอียิปต์คือ

(1)สุเมเรียน    

(2) อัสสิเรียน  

(3) เปอร์เซีย   

(4) กรีก

ตอบ 1 หน้า 6522 (H) เมื่อประมาณ 1100 B.C. อียิปต์เริ่มเสื่อมลงเนื่องจากการทำสงคราม และถูกรุกรานจากภายนอก นับตั้งแต่การทำสงครามกับพวกฮิตไตท์ อัสสิเรียน และเปอร์เซีย ต่อมาในปี 332 B.C. อียิปต์ก็ถูกยึดครองโดยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งกรีซ ซึ่งพระองค์ ได้ทรงสร้างเมืองอเล็กซานเดรียไว้ตรงปากแม่นํ้าไนล์ เพื่อเป็นศูนย์กลางการปกครองและ ศูนย์กลางอารยธรรมไว้ในอียิปต์

25.       ปัจจัยที่ทำให้ชาวอียิปต์กับประชากรในเมโสโปเตเมียมีความเชื่อและทัศนคติในการดำเนินชีวิตแตกต่างกันคือ

(1)แม่น้ำ         

(2) สภาพภูมิประเทศ 

(3) ความแตกต่างทางเชื้อชาติ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 65 – 6823 (H) ปัจจัยที่ทำให้ชาวอียิปต์กับชาวเมโสโปเตเมียมีความเชื่อและทัศนคติในการดำเนินชีวิตแตกต่างกัน มีดังนี้ 1. ลักษณะภูมิประเทศของเมโสโปเตเมียไม่มีภูเขา และทะเลทรายเหมือนอียิปต์ จึงทำให้ถูกศัตรูรุกรานได้ง่ายกว่าอียิปต์

2.         เมโสโปเตเมียเป็นที่อยู่ของกลุ่มชนหลายเชื้อชาติ ในขณะที่อียิปต์เป็นที่อยู่ของชนกลุ่มเดียว

3.         ดินแดนทั้ง 2 แห่งต่างได้รับประโยชน์จากความอุดมสมบูรณ์ของแม่นํ้า แต่ชาวเมโสโปเตเมีย ได้รับความเดือดร้อนจากการไหลล้นฝั่งของแม่น้ำไทกรีส-ยูเฟรตีส ประกอบกับมีการทำสงคราม แย่งชิงอำนาจกันอยู่ตลอดเวลา ทำให้ชาวเมโสโปเตเมียเป็นพวกมองโลกในแง่ร้ายและไม่คิด จะกลับมาเกิดใหม่ ในขณะที่อียิปต์ได้รับประโยชน์จากแม่นํ้าไนล์ ทำให้เป็นพวกที่มองโลก ในแง่ดีและคิดจะกลับมาเกิดใหม่

26.       การนับหน่วย 60 ของพวกสุเมเรียนมีผลต่อปัจจุบันคือ

(1) เรขาคณิต 

(2) นาฬิกา      

(3) ปฏิทิน       

(4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 หน้า 69 – 7123 – 24 (H) สุเมเรียนเป็นชนชาติแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานและวางรากฐาน ทางอารยธรรมในดินแดนเมโสโปเตเมีย มรดกทางอารยธรรมที่สำคัญของชาวสุเมเรียน มีดังนี้

1.         มีการประดิษฐ์ตัวอักษรคูนิฟอร์ม (Cuneiform) หรืออักษรรูปลิ่มลงบนแผ่นดินเหนียว เมื่อประมาณ 3500 B.C. 

2. มีการสร้างสถาปัตยกรรมด้วยอิฐที่เรียกว่า ซิกกูแรต (Ziggurats) เพื่อใช้เป็นวิหารของเทพเจ้า

3. มีการทำปฏิทินแบบจันทรคติขึ้นใช้ โดยหนึ่งปี จะมี 354 วัน

4. มีการนับหน่วย 6010 และ 6 ซึ่งมีผลต่อการนับเวลาเพื่อประดิษฐ์นาฬิกา และการคำนวณทางเรขาคณิตในปัจจุบัน

5. ใช้กฎหมายที่มีลักษณะสนองตอบ หรือ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

6. มีการกำหนดมาตราชั่ง ตวง วัด โดยยึดหลักการนับหน่วย 60 เป็นต้น

27.       ความสำคัญของกฎหมายฮัมมูราบีของพวกบาบิโลนคือ

(1)ใช้ลัทธิสนองตอบ หรือตาต่อตา ฟันต่อฟัน 

(2) เพื่อผดุงความยุติธรรมให้คงอยู่ในแผ่นดิน

(3)ใช้ต่อมาจนถึงสมัยกฎหมายโรมัน 

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 72 – 7424 (H) มรดกทางอารยธรรมที่สำคัญของพวกอะมอไรท์หรือพวกบาบิโลนเก่า คือ ประมวลกฎหมายฮัมมูราบี (The Code of Hummurabi) ของพระเจ้าอัมมูราบี ซึ่งได้รับ อิทธิพลมาจากกฎหมายของพวกสุเมเรียนที่อาศัยหลักลัทธิสนองตอบ (Lex Talionis) หรือ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการจัดทำก็คือ เพื่อผดุงหรือพิทักษ์ความยุติธรรม ให้คงอยู่ในแผ่นดิน ทำลายคนชั่วและคนร้าย ป้องกันไมให้คนแข็งแรงข่มเหงคนที่อ่อนแอกว่า และเพื่อพัฒนาสวัสดิการสำหรับประชาชน ซึ่งประมวลกฎหมายนี้ได้ใช้ต่อมาจนถึงสมัยของ กฎหมายโรมัน

28.       พวกฮิคโซสและพวกแคสไซท์มีลักษณะเหมือนกันคือ

(1) การใช้ม้าและรถศึก          

(2) การทำเขื่อน          

(3) การทำปฏิทิน        

(4) การประดิษฐ์ตัวอักษร

ตอบ 1 หน้า 76 – 7720 (H), 24 (H) สิ่งที่พวกฮิคโซสและพวกแคสไซท์มีลักษณะเหมือนกันคือเป็นพวกที่นำม้าและรถศึกมาใช้ทั้งในยามสงครามและยามสงบ โดยการใช้ม้านั้นทำให้อนารยชน ทั้ง 2 เผ่าสามารถแย่งชิงดินแดนอื่น ๆ มาเป็นเมืองขึ้นของตนได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังช่วย ทำให้การส่งข่าวสารระหว่างเมืองต่าง ๆ เร็วขึ้น ข่วยในการขนส่งและการเผยแพร่ศิลปวทยาการ รวมทั้งทำให้สะดวกในการสร้างและปกครองจักรวรรดิที่กว้างใหญ่ไพศาล

29.       ผลงานที่สำคัญของพวกฮิตไตท์คือ

(1) คณิตศาสตร์         

(2) การแพทย์ 

(3) การหลอมเหล็ก     

(4) การก่อสร้าง

ตอบ 3 หน้า 78 – 7925 (H), (คำบรรยาย) ผลงานทางด้านอารยธรรมของฮิตไตท์ มีดังนี้

1.         นำเหล็กมาถลุงและหลอมใช้เป็นชาติแรก รวมทั้งรู้จักใช้ม้าและรถศึกในการรบ

2.         ปรับปรุงและผสมผสานตัวอักษรคูนิฟอร์มของชาวสุเมเรียนและตัวอักษรเฮียโรกลิฟิกของ อียิปต์ให้ใช้ง่ายขึ้น

3. กฎหมายเลียนแบบกฎหมายฮัมมูราบี แต่จะลงโทษด้วยการชดใช้หรือ การลงโทษพอเข็ดหลาบแทนการแก้แค้นแบบลัทธิสนองตอบ

4. ถ่ายทอดวัฒนธรรมให้แก่ พวกฟรีเจียนและลีเดิยน ซึ่งต่อมากลุ่มชนทั้งสองก็ได้ถ่ายทอดวัฒนธรรมต่อให้แก่พวกกรีก ซึ่งได้กลายมาเป็นผู้นำในการวางรากฐานให้แก่อารยธรรมตะวันตกในปัจจุบัน

30.       ผลงานที่สำคัญของพวกอัสสิเรียนคือ

(1) การแบ่งการปกครองจักรวรรดิอย่างมีระบบ         

(2) การสร้างถนนและระบบการส่งข่าว

(3) ศิลปะการแกะสลักภาพนูน          

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 80 – 8225 – 26 (H) มรดกทางอารยธรรมของอัสสิเรียน มีดังนี้

1. เป็นชนชาติแรกที่จัดระเบียบการปกครองจักรวรรดิอย่างมีระบบ

2. ศิลปะที่มีชื่อเสียงมาก ของอัสสิเรียนคือ การแกะสลักภาพนูนตํ่า ซึ่งสะท้อนถึงลักษณะที่ดุร้ายของชาวอัสสิเรียน

3.         สร้างหอสมุดแห่งแรกของเอเชียตะวันตกคือ หอสมุดที่กรุงนิเนอเวห์ ซึ่งสร้างในสมัย

พระเจ้าอัสซูร์บานิพัล  

4. ชาวอัสสิเรียนได้รับฉายาว่าเป็น ชาวโรมันตะวันออก” เพราะมีลักษณะเหมือนชาวโรมัน เช่น มีความสามารถทางด้านการคมนาคม การสร้างถนน และ ระบบการส่งข่าวสาร ชอบทำสงครามเพื่อขยายจักรวรรดิออกไปให้กว้างใหญ่ไพศาล เป็นต้น

31.       ผลงานที่สำคัญของพวกแคลเดียนหรือบาบิโลนใหม่คือ

(1)สวนลอย    

(2) การนับวันในหนึ่งสัปดาห์  

(3) การทำเหรียญ       

(4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 หน้า 82 – 8426 (H) ผลงานที่สำคัญของพวกแคลเดียนหรือพวกบาบิโลนใหม่ มีดังนี้

1.         มีการสร้าง สวนลอยแห่งนครบาบิโลน” ขึ้นในสมัยกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ซึ่งชาวกรีกนับเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก

2.         มีความเจริญทางด้านโหราศาสตร์ นั่นคือ ชาวแคลเดียนเป็นผู้ริเริ่มการเรียกชื่อวันต่าง ๆ ทั้ง 7 วันใน 1 สัปดาห์ตามชื่อของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ

3.         มีความเจริญทางด้านดาราศาสตร์ นั่นคือ สามารถคำนวณหาระยะเวลาที่ดวงจันทร์ หมุนรอบโลก รวมทั้งเวลาที่เกิดสุริยคราสและจันทรคราสได้อย่างแม่นยำ

32.       พวกฟินิเชียนและพวกอราเมียนเป็นชนเผ่าเซไมท์ด้วยกัน และยังมีความสำคัญเหมือนกันในด้าน

(1) การค้า       

(2) ภาษา        

(3) การทำชลประทาน

(4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 หน้า 84 – 8727 (hi) ความสำคัญที่เหมือนกันของพวกพฟินิเชียนและพวกอราเมียน มีดังนี้ 1. เป็นชนเผ่าเซไมท์ (เซมิติก) เหมือนกันและมีดินแดนอยูใกล้กัน

2. มีความชำนาญที่เหมือนกัน คือ การทำการค้าขาย โดยฟินิเชียนเป็นพ่อค้าทางทะเลที่ยิ่งใหญ่ในย่านเมดิเตอร์เรเนียน สวนอราเมียนเป็นพ่อค้าทางบกที่ยิ่งใหญ่ในเขตตะวันออกใกล้ (เอเชียตะวันตก)

3.         พยัญชนะของฟินิเชียนได้กลายเป็นรากฐานของตัวอักษรกรีกและโรมันในเวลาต่อมา ส่วนภาษาอราเมียนหรือภาษาอราเมอิกเป็นภาษากลางของกลุ่มเอเชียตะวันตก และเป็นภาษา ที่พระเยซูและสาวกใช้ในการสอนศาสนา

33.       ดินแดนในพันธสัญญาที่พระเจ้าประทานให้แก่อับราฮัม บรรพบุรุษของชาวฮิบรูคือ

(1) Uganda

(2) Canaan Palestine        

(3) Babylonia   

(4) Egypt

ตอบ 2 หน้า 8728 (H), (คำบรรยาย) พวกฮิบรูเชื่อว่าบรรพบุรุษของตนคือ อับราฮัม ซึ่งได้นำ ชาวฮิบรูมาตั้งถิ่นฐานทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของทะเลทรายอาระเบีย ต่อมาพระเจ้า ได้ให้พันธสัญญากับอับราฮัมว่าจะประทานดินแดน Canaan Palestine ให้แก่หลานชายของอับราฮัมคือ Jacob หรือ Israel เพื่อตั้งถิ่นฐาน ต่อมายาคอบไต้นำพวกฮิบรูอพยพ มาทางภาคตะวันตกแล้วเข้าครอบครองปาเลสไตน์ โดยเรียกดินแดนนี้ว่า อิสราเอล

34.       อาณาจักรจูดาห์ของพวกฮิบรูหายไปจากแผนที่โลกในศตวรรษที่ 2 ด้วยการกระทำของพวก

(1) แคลเดียน 

(2) กรีก           

(3) เปอร์เซีย   

(4) โรมัน

ตอบ 4 หน้า 9029 (H) ในช่วงศตวรรษที่ 1 และ 2 พวกกรีกและโรมันไตด้เข้ามาปกครองปาเลสไตน์ แทนเปอร์เซียตามลำดับ ทำให้พวกฮิบรูที่อยู่ภายใต้การปกครองของโรมันก่อการกบฏขึ้น โรมันจึงยกกองทัพไปปราบปรามอย่างทารุณ และประหารพวกฮิบรูเป็นจำนวนมาก ส่วนพวกฮิบรูที่เหลือซึ่งเป็นที่รู้จักกันในเวลาตอมาว่า พวกยิว” ได้หนีไปอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของยุโรปและเอเชีย จนกระทั่งประมาณศตวรรษที่ 20 อาณาจักรจูดาห์ก็ล่มสลายลงอย่างถาวร

35.       ผลงานที่สำคัญของกษัตริย์ครีซัสแห่งลิเดียคือ

(1) การทำเหรียญ       

(2) ตัวอักษร    

(3) คณิตศาสตร์         

(4) การขยายอำนาจ

ตอบ 1 หน้า 92 – 9330 (H), (คำบรรยาย) ผลงานที่สำคัญของกษัตริย์ครีซัสแห่งลิเดีย มีดังนี้

1. เป็นกษัตริย์ที่มีความมั่งคั่งมากจากการทำการค้ากับดินแดนแถบลุ่มแม่นํ้าไทกรีส-ยูเฟรตีสและ หมู่เกาะอีเจียน   2. มีการผลิตเหรียญกษาปณ์หรือทำเหรียญทองผสมเงินขึ้นเป็นครั้งแรก

เพื่อใช้ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนตามนํ้าหนักของเหรียญ ซึ่งถือว่าเป็นมรดกทางอารยธรรม ที่ตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน

3. ทำสงครามกับเปอร์เซียจนในที่สุดก็ถูกยึดครองโดย พระเจ้าไซรัสมหาราชแห่งเปอร์เซียในปี 546 B.C.

36.       แสงสว่างในศาสนาโซโรแอสเตอร์ของเปอร์เซียมีนัยถึง

(1) ความดี      

(2) ความชั่ว    

(3) ความลุ่มหลง        

(4) ตัณหาราคะ

ตอบ 1 หน้า 96 – 9831 (H) ลักษณะที่สำคัญของศาสนาโซโรแอสเตอร์ ซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติ ของเปอร์เซีย มีดังนี้

1. มีลักษณะเป็นทวิเทพ คือ พระเจ้าองค์เดียวเป็นพระเจ้าทั้งความดีและ ความชั่ว ซึ่งพระเจ้าแห่งความดีคือ พระอาหุรา มาสดา เป็นเทพเจ้าแห่งแสงสว่างและความดี ส่วนพระเจ้าแห่งความชั่ว คือ อหริมัน เป็นเทพเจ้าแห่งความมืดและความชั่วร้าย

2.เชื่อในเรื่องการพื้นคืนชีพของคนตาย

3. เป็นศาสนาแห่งจริยธรรมและเหตุผล โดยเชื่อว่า ตายไปแล้วจะต้องได้รับผลกรรมที่เคยทำไว้เมื่อยังมีชีวิตอยู่      

4. เป็นศาสนาที่ประกาศสัจธรรมเป็นศาสนาแรกของโลกตะวันตก

5. เป็นศาสนาที่มีการบูชาไฟ

37.       แม้กรีซมีรูปแบบการปกครองเป็นนครรัฐ แต่สิ่งที่ทำให้ชาวกรีกหรือชาวเฮลเลนส์สามารถมารวมตัวกันได้คือ

(1) ภาษา ศาสนา และกีฬา

(2) การทำสงคราม

(3) ประเพณีการแข่งเรือ

(4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 หน้า 11011738 (H), (คำบรรยาย) ปัจจัยที่ทำให้ชาวกรีกหริอชาวเฮลเลนส์สามารถรวมตัวกันได้ มีดังนี้

1. มีภาษาพูดเดียวกัน ส่วนพวกที่ไม่พูดภาษากรีกจะถูกเรียกวา พวกป่าเถื่อน” (Barbarians) 2. รู้สึกวาพวกตนคือ พวกเฮลเลนส์ (Hellenes) และเรียกดินแดนที่ตนอาศัย อยู่ว่า เฮลลัส” (Hellas) ซึ่งนับถือศาสนาเดียวกัน

3. มีการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวนครรัฐต่าง ๆ จะหยุดทำสงครามแล้วมาแข่งขันกีฬาร่วมกัน

4.         เมื่อมีการทำสงคราม

38.       ความสำคัญของสงครามม้าไม้หรือมหากาพย์อีเลียดคือ

(1)       การขยายอำนาจของพวกกรีกต่อกรุงทรอยซึ่งเป็นอารยธรรมอีเจียนแหล่งสุดท้ายในบริเวณทะเลอีเจียน

(2)       เป็นสงครามระหว่างพวกเซไมท์กับพวกอินโด-ยุโรป

(3)       เป็นสัญลักษณ์ของนักรบผู้ใช้ม้าในการทำสงครามซึ่งมีชัยเป็นครั้งแรก        

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 110 – 11135 – 36 (H) อารยธรรมทรอยเป็นอารยธรรมอีเจียนแหล่งสุดท้ายในบริเวณ ทะเลอีเจียนที่พยายามต่อต้านชาวกรีกผู้รุกราน อันเป็นต้นกำเนิดของมหากาพย์อีเลียด (Iliad) และโอดิสเสย์ (Odyssey) ของจินตกวีตาบอดชื่อ โฮเมอร์ โดยมหากาพย์อีเลียตจะเป็นเรื่องราว ของการทำสงครามม้าไม้หรือสงครามกรุงทรอยระหว่างพวกเซไมท์ (โทรจันหรือทรอย) กับ พวกอินโด-ยุโรป (กรีก) นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงเรื่องม้าไม้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของนักรบผู้ใช้ม้า ในการทำสงครามซึ่งมีชัยเป็นครั้งแรก

39.       ความเป็นพลเมืองกรีกจะได้รับสิทธิแตกต่างจากประชาชนกรีกทั่วไปคือ

(1) ร่วมพิธีกรรมทางศาสนา

(2)ร่วมการทำสงคราม

(3) ร่วมทางการเมือง  

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 11338(H) ความเป็นพลเมืองกรีกในแต่ละนครรัฐจะมีสิทธิดังนี้

1.         มีสิทธิและมีส่วนที่จะประกอบพิธีกรรมทางศาสนา

2.         มีสิทธิและมีส่วนร่วมทางการเมือง

3. มีส่วนในการต่อสู้เพื่อป้องกันนครรัฐ

40.       กีฬาโอลิมปิกยุคใหม่ซึ่งจัดในปี ค.ศ. 1896 มีการแข่งขันกันที่เมือง

(1)สปาร์ตา     

(2) เอเธนส์     

(3) มาสิโดเนีย

(4) คอรินธ์

ตอบ 2 หน้า 39 (H), (คำบรรยาย) ปีแยร์ เฟรดี บารง เดอ กูแบร์แต็ง เป็นนักศึกพาชาวฝรั่งเศสที่ได้ เสนอแนวคิดในการฟื้นฟูการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง หลังจากที่ถูกยกเลิกไปในปี ค.ค. 393โดยการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่ได้จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1896 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ เพื่อเป็นเกียรติแก่ประเทศผู้ให้กำเนิดกีฬาโอลิมปิก และกำหนด ให้จัดขึ้นทุก ๆ 4 ปี

41.       ความสำคัญของทรราชกรีกคือ

(1) ได้อำนาจมาจากการสืบสายโลหิต

(2) ส่งเสริมการค้า

(3)       เคร่งครัดในการร่างประมวลและการใช้กฎหมาย       

(4) ถูกข้อ 2 และ 3

ตอบ 4 หน้า 116-11740 (H) ทรราชกรีก (Tyrants) คือ ผู้ที่ก้าวขึ้นสู่อำนาจด้วยการใช้กำลัง ไม่ใช่ ด้วยการสืบสายโลหิต ส่วนใหญ่ทรราชจะมาจากพ่อค้าที่อ้างว่าจะปกป้องคนจนจากพวกขุนนาง และข้าราชการ รวมทั้งต้องการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยช่วยส่งเสริม การค้าและเคร่งครัดในการร่างประมวลและการใช้กฎหมาย ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาได้ดี ต่อมา เมื่อมีการสืบทอดสายโลหิต พวกทรราชคนต่อมาหลงอำนาจและปกครองแบบกดขี่ จึงถูก ประชาชนร่วมมือกันขับไล่ออกจากอำนาจ

42.       สาเหตุที่ทำให้สปาร์ตาต้องปกครองแบบเผด็จการทหาร เพราะ

(1)       เป็นพวกอินโด-ยุโรปพวกสุดท้ายที่อพยพเข้ามาอยู่ในคาบสมุทรกรีก

(2)       มีปัญหาทางสภาพภูมิศาสตร์ต่อการเลี้ยงชีพ

(3)       มีทาสเชลยศึกจำนวนมากจากการทำสงคราม          

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 118 – 12140 (H), (คำบรรยาย) สาเหตุที่ทำให้สปาร์ตาต้องปกครองแบบเผด็จการทหาร หรือแบบเผด็จการเบ็ดเสร็จ มีดังนี้ 1. ชาวสปาร์ดาสืบเชื้อสายมาจากพวกดอเรียน ซึ่งเป็น พวกอินโด-ยุโรปพวกสุดท้ายที่อพยพเข้ามาอยู่ในคาบสมุทรกรีก 2. มีสภาพทางภูมิศาสตร์ ที่ไม่เอื้อต่อการประกอบอาชีพ กล่าวคือ เป็นดินแดนที่ตั้งอยู่ในหุบเขาและไม่ติดชายฝั่งทะเล ทำให้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจ 3. ชาวสปาร์ตาแก้ป้ญหาทางเศรษฐกิจด้วยการทำสงคราม ปราบปรามนครรัฐอื่น ๆ ทำให้มีจำนวนทาสและเชลยศึกมากกว่าชาวสปาร์ตาแท้ ๆ จึงต้องมีการควบคุมพวกทาสด้วยระบบทหาร

43.       ความสำคัญของสงครามเพโลพอนนีเชียนคือ           

(1) สปาร์ตาไม่พอใจเอเธนส์ที่ปกครองแบบประชาธิปไตย

(2)นครรัฐกรีกถูกรุกรานจากพวกเปอร์เซีย     

(3) การล่มสลายของระบบนครรัฐกรีก

(4)นครรัฐกรีกถูกยึดครองโดยพวกโรมัน

ตอบ 3 หน้า 14446 (H) ในระหว่างปี 431 – 404 B.C. นครรัฐตาง ๆ ของกรีกได้ทำสงครามภายใน ระหว่างกันเอง เรียกว่า สงครามเพโลพอนนีเชียน” (The Peloponnesian War) ซึ่งเกิดขึ้น บนคาบสมุทรเพโลพอนมีซัสเป็นส่วนใหญ่ ทำให้บรรดานครรัฐกรีกอ่อนแอลง จนเปิดโอกาสให้ พระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งมาสิโดเนียยกกองทัพทหารฟาแลงซ์ (Phalanx) เข้ายึดครองนครรัฐกรีกได้ทั้งหมด และสามารถรวบรวมนครรัฐกรีกซึ่งไม่เคยรวมกันเป็นรัฐเดียวเข้าไว้ด้วยกันได้สำเร็จ ในปี 338 B.C.

44.       ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น บิดาของการแพทย์” คือ

(1) เฮโรโดตัส  

(2) อริสโตเติล 

(3) ฮิปโปเครติส          

(4) โสเครติส

ตอบ 3 หน้า 136.44(H) ฮิปโปเครติส (Hippocrates) ได้รับการยกยองว่าเป็น ‘‘บิดาของการแพทย์” ซึ่งเขาแสดงความเห็นว่า โรคทุกชนิดมีสาเหตุมาจากธรรมชาติ ไม่ใช่เพราะพระเจ้าลงโทษ ดังนั้นการรักษาที่ดีที่สุดจึงควรเป็นการพักผ่อนอยู่ในที่อากาคบริสุทธิ์ และการควบคุมอาหาร นอกจากนี้เขายังเป็นแพทย์ที่มีอุดมคติสูงส่ง ซึ่งปรากฏเป็นหลักปฏิญาณของแพทย์ในปัจจุบัน ที่เรียกว่า “Hippocratic Oath”

45.       บุคคลผู้มีอิทธิพลต่อการปั้นพระพุทธรูปของอินเดียคือ         

(1) เพลโต

(2)อเล็กซานเดอร์มหาราช      

(3) ทูไซดิดิส    

(4) พิทากอรัล

ตอบ 2 หน้า 152.47 (H) ในสมัยที่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชกษัตริย์ของกรีก ได้ยกกองทัพขยายอำนาจมาถึงชายแดนอินเดียบริเวณลุ่มแม่นํ้าสินธุในปี 323 B.C. ส่งผลให้ชาวอินเดีย ในแคว้นคันธาระได้รับอิทธิพลทางด้านการปั้นหรือประติมากรรมจากกรีก นั่นคือ ศิลปะการปั้นพระพุทธรูปแบนกรีก (Greco Buddhist Arts) ซึ่งจะเห็นว่าพระพุทธรูปของอินเดียในระยะแรกนั้น จะมีลักษณะเหมือนเทพอพอลโลของกรีก

46.       สัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของนิยายการสร้างกรุงโรมซึ่งเป็นเรื่องราวของพี่น้องฝาแฝดโรมิวลุสและเรมุสคือ

(1)หมาป่า       

(2) วัว 

(3) หมู

(4) กวาง

ตอบ 1 หน้า 15848 (H) ในมหากาพย์อีเนียดของเวอร์จิลได้กล่าวถึงตำนานการสร้างกรุงโรมไว้ว่า โรมิวลุสและเรมุส โอรสแฝดของนางซิลเวียกับเทพเจ้ามาร์ส (Mars) เป็นผู้สร้างกรุงโรมขึ้น ในปี 753 B.C. ได้รอดชีวิตจากการที่ถูกอมูลิอุสจับใส่ตะกร้าลอยน้ำ โดยได้รับการช่วยเหลือ จากหมาใน (หมาป่า) ดังนั้นหมาในจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของกรุงโรม ด้วยเหตุนี้เองคนอิตาลี ที่ไม่ชอบโรมันจึงเรียกพวกโรมันว่า พวกลูกหมาใน

47.       ในตอนต้นสมัยสาธารณรัฐโรมัน สิ่งที่เป็นเครื่องแสดงการให้สิทธิในการปกครองและสิทธิในการยับยั้งกฎหมายคือ

(1)Patrician       

(2) Plebeian      

(3) Hortensian 

(4) Tribunes

ตอบ 4 หน้า 16149 (H) ในตอนต้นสมัยสาธารณรัฐโรมัน พวกแพทริเชียน (Patrician) หรือ กลุ่มชนชั้นสูงได้ยินยอมให้พวกพลีเบียน (Plebeian) หรือกลุ่มชนชั้นต่ำ จัดตั้งคณะตรีบูน (Tribunes) ขึ้นในปี 466 B.C. เพื่อทำหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ของพวกพลีเบียนในสภาซีเนท (Senate) และสามารถวีโต้ (Veto) หรือคัดค้านกฎหมายที่จะออกมาขัดผลประโยชน์ของพวกพลีเบียนได้

48.       สำนวน “Pyrrhic Victory” มีความหมายถึง

(1) ไปตายเอาดาบหน้า          

(2) ชัยชนะที่ได้มาแต่ตัวเองต้องเสียหายอย่างยับเยิน

(3)ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรม    

(4) ทำตัวให้เหมือนชาวโรมัน

ตอบ 2 หน้า 16349 (H) ในช่วงที่โรมันทำสงครามขยายอำนาจลงไปทางตอนใต้ของแหลมอิตาลี ซึ่งเป็นเขตยึดครองของพวกกรีก กรีกได้ขอความช่วยเหลือจากกษัตริย์ไพรัสแห่งเอปิรัสซึ่งเป็นกษัตริย์แห่งนครรัฐกริก โดยในระยะแรกนั้นกษัตริย์ไพรัสทรงได้รับชัยขนะ แต่กองทัพของพระองค์ ก็ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก จนเกิดเป็นสำนวนภาษาอังกฤษที่ว่า “Pyrrhic Victory” หมายถึง ชัยชนะที่ได้มาแต่ตัวเองต้องเสียหายอย่างยับเยิน โดยในที่สุดโรมก็ชนะและสามารถ ยึดครองแหลมอิตาลีได้ทั้งหมดนับตั้งแต่ปี 265 B.C. เป็นต้นมา

49.       สิ่งที่จูเลียส ซีซาร์ ได้มาจากอียิปต์และนำมาเผยแพร่ใช้ในสาธารณรัฐโรมันในปี 46 B.C. และได้ตกทอด ใช้มาจนถึงปัจจุบันคือ

(1)ปฏิทินแบบสุริยคติ

(2) การทำระบบชลประทาน

(3)ตัวอักษรเฮียโรกลิฟิก         

(4) วิชาคณิตศาสตร์

ตอบ1 หน้า 5250 – 51 (H) ในปี 46 B.C. จูเลียส ซีซาร์ ได้นำเอาปฏิทินแบบสุริยคติของอียิปต์ มาเผยแพร่และนำมาดัดแปลงใช้ในสาธารณรัฐโรมัน ซึ่งปฏิทินดังกล่าวก็ยังคงใช้สืบเนื่อง มาจนถึงปัจจุบัน โดยชื่อเดือนกรกฎาคมหรือ July ก็มาจากชื่อของ Julius Caesar นั่นเอง

50.       ความหมายของ “Pax Romana” ซึ่งเริ่มในสมัยจักรพรรดิออกุสตุสที่ 1 คือ

(1)เป็นยุคทองของโรมัน         

(2) เป็นพลเมืองโรมันหมายเลขหนึ่ง

(3) การยกเลิกระบอบสาธารณรัฐ      

(4) สันติสุขที่ไม่มีผู้ใดมารุกรานร่วม 200 ปี

ตอบ 4 หน้า 169 – 17151 (H) ความสำคัญของสมัยการปกครองของจักรพรรดิออกุสตุสที่ 1 มีดังนี้

1.         เป็นสมัยสันติสุขโรมัน (Pax Romana : 27 B.C. – A.D. 180) ซึ่งเกิดขึ้นจากอานุภาพของ จักรพรรดิออกุสตุสที่ 1 ทำให้ไม่มีกลุ่มชนใดมารุกรานจักรวรรดิโรมันเป็นเวลาร่วม 200 ปี

2.         เป็นยุคทองของโรมัน (Roman’s Golden Age)

3.         ได้ชื่อว่าเป็น ยุคปรินซิเปท” (Principate) นั่นคือ ออกุสตุสทรงพอพระทัยในตำแหน่ง พลเมืองโรมันหมายเลขหนึ่ง (Princeps) มากกว่าตำแหน่งจักรพรรดิ

4.         มีการยกเลิกการปกครองจากระบอบสาธารณรัฐมาเป็นจักรวรรดิโรมัน

5.         เป็นสมัยที่พระเยซูคริสต์ประสูติที่เมืองเบธเลเฮมในมณฑลจูเดียของโรมัน

51.       ข้อความที่กล่าวว่า ผู้ต้องหาจะต้องถือว่าบริสุทธิ์ก่อนที่จะได้รับการตัดสินว่าผิดหรือถูก” ปรากฏอยู่ในกฎหมาย

(1) ฮัมมูราบี    

(2) จัสติเนียน 

(3) 12โต๊ะ       

(4) ตรา3ดวง

ตอบ 3 หน้า 172 – 17352 (H) กฎหมายโรมันนับว่ามีความสำคัญมากในการช่วยรักษาความสงบ และระเบียบปกครองในจักรวรรดิ นอกจากนี้ยังได้ชื่อว่ามีความเที่ยงตรงยุติธรรม ให้เสรีภาพ และมีมนุษยธรรมโดยหลักใหญ่ที่เป็นแนวปฏิบัติซึ่งปรากฏอยู่ในกฎหมาย 12โต๊ะ คือ ผู้ต้องหานั้นจะต้องถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ก่อนที่จะได้รับการตัดสินว่าผิดหรือถูก” ได้เป็นที่ยอมรับ มาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งกฎหมายโรมันจะมีอิทธิพลอย่างมากต่อระบบกฎหมายของประเทศต่าง ๆ ในแถบยุโรปในเวลาต่อมา ซึ่งที่สำคัญคือ ฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน

52.       ภาษาที่ไม่ได้มีต้นกำเนิดหรือตกทอดมาจากภาษาโรมานซ์หรือภาษาละตินคือ ภาษา

(1) อังกฤษ     

(2) โรมาเนีย   

(3) ฝรั่งเศส     

(4) สเปน

ตอบ 1 หน้า 18053 (H) ภาษาละตินเป็นต้นกำเนิดของภาษาโรมานซ์สมัยใหม่ ได้แก่ ภาษาอิตาลี ภาษาฝรั่งเศส ภาษาสเปน ภาษาโปรตุเกส และภาษาโรมาเนีย ส่วนภาษาอังกฤษนั้นมีต้นกำเนิด ส่วนใหญ่มาจากภาษาเยอรมัน

53.       การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์บนไม้กางเขนมีความสำคัญคือ

(1)       เป็นการไถ่บาปให้แก่มวลมนุษย์เป็นครั้งสุดท้าย

(2)       เพื่อป้องกันการเกิดวันสิ้นสุดของโลก (Doomsday)

(3)       ทำให้ชาวโรมันหันมายอมรับศาสนาคริสต์ทันที

(4)       ทำให้มีการปราบปรามพวกคริสเตียนเป็นเวลา 300 ปี

ตอบ 1 หน้า 181 – 18253 (H) พระเยซูคริสต์ เป็นบุตรของนางมาเรียและโยเซฟ ซึ่งมีถิ่นฐานอยูที่เมืองนาซาเรธ แต่พระองค์มาประสูติที่เมืองเบธเลเฮม ทั้งนี้ทรงศึกษาคัมภีร์ The Old Testament ตั้งแต่วัยเยาว์ เมื่ออายุได้ 30 ปีก็ได้ออกเทศนาสั่งสอน โดยอ้างตนว่าเป็น พระบุรของพระเจ้า” หรือทรงเป็น พระมหาไถ่” (Messiah) เพื่อทำหน้าที่ไถ่บาปให้แก่มนุษย์ ซึ่งการสิ้นพระซนม์ บนไม้กางเขนของพระองค์ก็เท่ากับทรงไถ่บาปให้แก่มวลมนุษย์เป็นครั้งสุดท้าย

54.       สันตะปาปาองค์แรกของกรุงโรมคือ

(1)St. Paul

(2) St. James     

(3) St. Peter      

(4) St. Thomas

ตอบ 3 หน้า 238 – 240 อัครสาวกของพระเยซูคริสต์คนแรกที่เข้าไปเผยแผ่คริสต์ศาสนาในกรุงโรม ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 11 คือ เซนต์ปีเตอร์ (St. Peter) ซึ่งต้องเผชิญกับการต่อต้านอย่างหนัก ในระยะแรก แต่ต่อมาชาวโรมันก็ยอมรับ ทำให้กรุงโรมกลายเป็นศูนย์กลางของคริสต์ศาสนา และเซนต์ปีเตอร์ ก็กลายเป็นสันตะปาปา (Pope) องค์แรกของคริสตจักรในกรุงโรม

55.       ศาสนาคริสต์นิกายตะวันออกซึ่งแยกตัวออกจากนิกายตะวันตกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1054 คือ นิกาย

(1) Greek Orthodox

(2) Roman Catholic

(3) Church of England

(4) Presbyterian

ตอบ 1 หน้า 238 – 23932154 (H), (คำบรรยาย) ในปี ค.ศ. 1054 คริสต์ศาสนาได้แยกออกจากกัน อย่างเด็ดขาดเป็น 2 นิกาย คือ 1. นิกายกรีกออร์ธอดอกซ์ (Greek Orthodox) นับถือกันใน จักรวรรดิโรมันตะวันออก มีประมุขสูงสุดคือ แพทริอาร์ค มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองคอนสแตนติโนเปิล ใช้ภาษากรีก และเจริญแพร่หลายในยุโรปตะวันออกและรัสเซีย      

2. นิกายโรมันคาทอลิก (Roman Catholic) นับถือกันในจักรวรรดิโรมันตะวันตก มีประมุขสูงสุดคือ สันตะปาปา มีศูนย์กลางอยูที่กรุงโรม ใช้ภาษาละติน และเจริญแพร่หลายในยุโรปตะวันตกและอิตาลี

56.       พืชที่ชาวยุโรปไม่ได้นำมาจากทวีปอเมริกาคือ

(1) Tobacco       

(2) Apple  

(3) Gum    

(4) Potato

ตอบ 2 หน้า 55 (H) พืซสำคัญในทวีปอเมริกาที่ถูกนำไปเผยแพร่โดยชาวยุโรป เช่น ยาสูบ (Tobacco), มันฝรั่ง (Potato), มะเขือเทศ (Tomato), โกโก้ (Cacao), หมากฝรั่ง (Gum), ข้าวโพด (Maize) เป็นต้น

57.       วิธีการศึกษาในยุคกลางตอนต้นคือ

(1) เรียนรู้ด้วยของจริงจากการดูและการฟัง   

(2) เรียนวิชาชีพจากการฝึกฝนกับผู้ประกอบอาชีพนั้น ๆ

(3) การเข้าเรียนในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย

(4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 หน้า 208 – 20959 (H) ลักษณะเด่นของยุคกลางตอนต้น มีดังนี้

1.         คนส่วนใหญ่ไม่รู้หนังสือ แต่สามารถเรียนรู้ด้วยวิธีการฝึกทักษะ หรือการเรียนรู้ด้วยของจริง จากการดู การฟัง และการเรียนวิชาชีพจากการฝึกฝนกับผู้ประกอบอาชีพนั้น ๆ

2.         คริสต์ศาสนามีอำนาจสูงสุด โดยมีอิทธิพลเหนือสังคมและความเชื่อของผู้คนในสมัยนั้น

3.         มีการปกครองเป็นแบบศักดินาสวามีภักดิ์ (Feudalism)

4.         พวกอนารยชน คริสต์ศาสนา และระบอบศักดินาสวามิภักดิ์ เป็นสถาบันทีมีบทบาทเด่น ในการผสมผสานและพัฒนาในยุคกลาง

58.       พวกอนารยชนเยอรมันที่อพยพเข้าไปตั้งถิ่นฐานในอังกฤษคือ

(1) Visigoths

(2) Angles and Saxons

(3) Vandals       

(4) Burgundians

ตอบ 2 หน้า 21260 (H) พวกแองเกิลส์และแซกซัน (The Angles and Saxons)เป็นอนารยชนเยอรมันที่เข้ายึดครองและอพยพเข้าไปตั้งถิ่นฐานในอังกฤษ เนื่องจากได้รับชัยชนะเหนือพวกโรมันและพวกเซลท์ (Celts) ในบริเทน จากนั้นจึงสถาปนาอาณาจักร เยอรมันขึ้นโดยให้ชื่อตามนามของพวกแองเกิลส์ว่า “ England”

59.       การรุกรานของพวกอนารยชนในยุคกลางตอนต้นก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในยุโรปตะวันตกคือ

(1)เปลี่ยนจากสังคมเมืองเป็นสังคมชนบท     

(2) ไม่ใช้กฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษร

(3) ไม่มีการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม 

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ4  หน้า 214 – 21561 (H) ยุโรปตะวันตกภายใต้การปกครองของพวกอนารยชนในยุคกลางตอนต้น มีลักษณะดังนี้

1.         จักรวรรดิแตกแยกออกเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อยมากกวาที่จะรวมตัวกันเป็นปึกแผ่น

2.         พวกอนารยชนไม่สร้างเมืองเหมือนพวกกรีก-โรมัน แต่มีวิถีชีวิตแบบสังคมชนบท

3.         พวกอนารยชนมักทำสงครามระหว่างกันอยู่ตลอดเวลา จึงไม่มีเวลาพอที่จะทำนุบำรุง ศิลปวัฒนธรรม ทำให้อารยธรรมกรีก-โรมันเสื่อมลง

4.         พวกอนารยชนไม่ใช้กฎหมายที่เป็นเหตุเป็นผลหรือเป็นลายลักษณ์อักษร การตัดสินลงโทษ จึงอ้างอิงสิ่งศักดิ์สิทธิ์และใช้การต่อสูหรือสาบานตน

5.         เศรษฐกิจซบเซา โดยมีลักษณะเป็นเศรษฐกิจแบบชุมชนแคบ ๆ และใช้วิธีการแลกเปลี่ยน สินค้าแทนการใช้เงิน

60.       ผลงานที่สำคัญของชาร์ล มาร์แตล ในปี ค.ศ. 732 คือ

(1)       รบชนะพวกมัวร์ที่เมืองตูร์ในฝรั่งเศส

(2)       ขับไล่พวกมัวร์ออกจากสเปนได้สำเร็จ

(3)       สามารถผลักดันพวกมัวร์ออกจากฝรั่งเศสกลับลงไปอยู่ในสเปน      

(4) ถูกข้อ 1 และ 3

ตอบ . 4 หน้า 21762 (H), (คำบรรยาย) ชาร์ล มาร์แตล (Charles Martel) เป็นสมุหราชมณเฑียร ที่มีบทบาทสำคัญต่อการก่อตั้งราชวงศ์คาโรแลงเจียน โดยเขาได้รับฉายาว่า ขุนค้อน(The Hammer) ที่สามารถรบชนะพวกมอสเล็มหรือพวกมัวร์ที่เมืองตูร์ (Tours) ในฝรั่งเศส ได้สำเร็จ ซึ่งถือว่าเป็นการยุติการขยายอำนาจของพวกมัวร์ที่เข้าไปในฝรั่งเศสโดยสิ้นเชิง ใบปี ค.ศ. 732 หลังจากนั้นพวกมัวร์ก็ถูกผลักดันให้กลับไปอยู่ในสเปนตามเดิม

61.       กษัตริย์ผู้ได้รับการสวมมงกุฎจากสันตะปาปาในปี ค.ศ. 800 เป็นจักรพรรดิโรมันองค์ใหม่ผู้สามารถ รวบรวมดินแดนยุโรบตะวันตกเข้าด้วยกันอีกครั้ง ภายหลังกรุงโรมแตกในปี ค.ศ. 476 คือ

(1) Meroveg      

(2) Clovis  

(3) Pepin  

(4) Charlemagne

ตอบ 4 หน้า 218 – 22063 (H) ชาร์เลอมาญ (Charlemagne) เป็นกษัตริย์ชาวแฟรงค์ที่ทรงอานุภาพ มากที่สุดของราชวงศ์คาโรแลงเจียน และถือว่าทรงมีเทวสิทธิ์ปกครองจักรวรรดิ ทั้งนี้เพราะ ในปี ค.ศ. 800 พระองค์ได้รับการสวมมงกุฎจากลันตะปาปาลีโอที่ 3 เพื่อสถาปนาให้ทรงเป็น จักรพรรดิองค์ใหม่ของจักรวรรดิโรมัน ซึ่งเท่ากับเป็นการฟื้นฟูจักรวรรดิโรมันตะวันตกขึ้นมาใหม่ ทั้งนี้ผลงานที่สำคัญของพระองค์คือ สามารถรวบรวมยุโรปตะวันตกให้เป็นปึกแผ่นได้สำเร็จ ทรงส่งเสริมการศึกษา กำหนดรูปแบบการใช้เงินเหรียญ และกำหนดมาตราวัด

62.       สนธิสัญญาแวร์ดัง ค.ศ. 843 เพื่อแบ่งจักรวรรดิของจักรพรรดิชาร์เลอมาญ เป็นที่มาของประเทศ… ในปัจจุบัน

(1) เยอรมนี     

(2) ฝรั่งเศส     

(3) อังกฤษ     

(4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 หน้า 220 – 22164 (H) ผลของสนธิสัญญาแวร์ดังในปี ค.ศ. 843 เป็นจุดกำเนิดของประเทศ เยอรมนีและฝรั่งเศสในปัจจุบัน โดยมีการแบ่งจักรวรรดิของชาร์เลอมาญออกเป็น 3 ส่วน คือ

1.         หลุยส์เดอะเยอรมัน (Louis the German) ได้ครอบครองดินแดนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำไรน์ ปัจจุบันคือ ดินแดนทางภาคตะวันตกและตอนกลางของประเทศเยอรมนี

2.         ชาร์ลเดอะบอลด์ (Charles the Bald) ได้ครอบครองดินแดนทางตะวันตกของจักรวรรดิปัจจุบันก็คือ ประเทศฝรั่งเศส          

3. โลแธร์ (Lothair) ได้ครอบครองดินแดนทางตอนเหนือของอิตาลีและตอนกลางของจักรวรรดิ ซึงต่อมาก็คือ แคว้นลอแรน

63.       ที่มาของระบอบศักดินาสวามิภักดิ์ในยุคกลางของยุโรปคือ  

(1) ยุโรปถูกรุกรานอีกครั้งจากภายนอก

(2)กบัตริยอ่อนแอไม่สามารถดูแลประชากรได้ทั่วถึง

(3)ประชาชนหันมาพึ่งพาขุนนางเพื่อความปลอดภัยของตนเอง

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 222 – 22665 (H) สาเหตุที่ทำให้เกิดระบอบฟิวดัล (Feudalism) หรือระบอบศักดินาสวามิภักดิ์ มีดังนี้

1. กษัตริย์อ่อนแอ ทำให้ไม่สามารถให้ความคุ้มครองแก่ประชาชน ได้อย่างทั่วถึง ดังนั้นประชาชนจึงต้องหันมาพึ่งพาขุนนางเพื่อความปลอดภัยของตนเอง

2.         ยุโรปถูกรุกรานอีกครั้งจากพวกอนารยชนภายนอก

3. เศรษฐกิจซบเซา ทำให้ชนชั้นกลาง หรือพวกพอค้าหมดอำนาจ ในขณะที่ขุนนางเจ้าของที่ดินขึ้นมามีอำนาจแทน

64.       สาเหตุความเสื่อมของระบอบฟิวดัลคือ         

(1) สงครามครูเสด

(2)ความเจริญทางการค้า       

(3) โรคระบาด

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 23766 – 67 (H) สาเหตุสำคัญที่ทำให้ระบอบฟิวดัลหรือระบอบศักดินาสวามิภักดิ์เสื่อมลง มีดังนี้

1. สงครามครูเสด ทำให้พวกขุนนางตายไปเป็นจำนวนมาก กษัตริย์จึงมิอำนาจเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

2.ความเจริญทางการค้า ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจแบบแมเนอร์ลดความสำคัญลง

3.ความสำเร็จในการผลิตกระสุนดินปืน ทำให้บทบาทของขุนนางและอัศวินสวมเกราะลดลง

4.การเกิดโรคระบาดในศตวรรษที่ 14 คือ กาฬโรค ทำให้ประชากรลดลง พวกทาสดิดที่ดิน จึงหางานทำได้ง่ายขึ้น เป็นต้น

65.       จักรพรรดิจัสติเนียนแห่งอาณาจักรโรมันตะวันออกมีผลงานที่สำคัญคือ

(1)       ขยายอำนาจเข้าไปในยุโรปตะวันตก

(2) กฎหมาย   

(3) โบสถ์เซนต์โซเฟีย 

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 252 – 25370 (H) ผลงานที่สำคัญของจักรพรรดิจัสติเนียนแห่งจักรวรรดิโรมันตะวันออกมีดังนี้

1. ขยายอาณาเขตออกไปถึงภาคเหนือของแอฟริกา ภาคใต้ของสเปน และอิตาลี

2.สร้างประมวลกฎหมายจัลติเนียน (Corpus Juris Civilis) ในปี ค.ศ. 529

3.สร้างโบสถ์เซนต์โซเฟีย (Santa Sophia) ที่กรุงคอนสแตนติโนเปิลเมื่อ ค.ศ. 537

66.ข้อใดไม่ใช่ความสำคัญของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างจักรพรรดิแห่งอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์กับสันตะปาปา           

(1) การขยายอำนาจจักรพรรดิเข้าไปในแหลมอิตาลี

(2)การแข่งขันกันแต่งตั้งพระชั้นผู้ใหญ่           

(3) ทำให้รัฐเยอรมันแตกแยกออกเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อย

(4)ทำให้จักรพรรดิมีอำนาจสูงสุดเหนือองค์สันตะปาปา

ตอบ 4 หน้า 71 – 72 (H), 77 – 78 (H), (คำบรรยาย) ความสำคัญของความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ระหวางจักรพรรดิแห่งอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์กับสันตะปาปาในยุคกลาง มีดังนี้

1.จักรพรรดิแห่งอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ทรงขยายอำนาจออกไปอย่างกว้างขวางและ ได้รวมอิตาลีเข้ากับอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ และทรงเน้นว่าอาณาจักรเป็นฝ่ายปกครอง ศาสนจักร ทำให้สันตะปาปาไม่พอใจ

2.การแข่งขันกันแต่งตั้งพระชั้นผู้ใหญ่ระหว่างจักรพรรดิกับสันตะปาปา

3.ทำให้อาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (ดินแดนเยอรมนี) แตกแยกออกเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อย

4.ทำให้จักรพรรดิไม่มีอำนาจสูงสุดอีกต่อไป

67.หลังจากราชวงศ์คาโรแลงเจียนหมดอำนาจไปจากฝรั่งเศส พวกขุนนางได้เลือกอู๊ก กาเปท์ ขึ้นเป็นกษัตริย์ในปี ค.ศ. 987 จึงเป็นที่มาของการเกิดระบอบ… ขึ้นในยุโรป     

(1) สมบูรณาญาสิทธิราชย์

(2) ศักดินาสวามิภักดิ์ 

(3) สังคมนิยม

(4) ประชาธิปไตย

ตอบ 2 หน้า 26472 (H) หลังจากพระเจ้าหลุยส์ทิ่ 5 แห่งราชวงศ์คาโรแลงเจียนสายฝรั่งเศส สิ้นพระชนม์ ในปี ค.ศ. 987 พวกขุนนางฝรั่งเศสจึงได้เลือก อู๊ก กาเปท์ ขึ้นเป็นกษัตริย์ราชวงศ์คาเปเตียน ทั้งนี้ทรงมีดินแดนที่ปกครองอย่างแท้จริงคือ เกาะฝรั่งเศส ซึ่งเป็นดินแดนเล็ก ๆ ในภาคกลาง ของฝรั่งเศสเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นกษัตริย์ที่ไม่มีอำนาจแต่ประการใด ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้น ของการปกครองในระบอบศักดินาสวามิภักดิ์ขึ้นในยุโรป นอกจากนี้ยังทรงวางรากฐาน การสืบราชสมบัติจากพ่อไปสู่สูกอีกด้วย

68.       ความสำคัญของกษัตริย์ฟิลิป ออกัสตัส แห่งฝรั่งเศส คือ

(1) ขัดแย้งกับกษัตริย์จอห์นแห่งอังกฤษและสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 3       

(2) สร้างพระราชวังลูฟร์

(3)ก่อตั้งมหาวิทยาลัยปารีสในปี ค.ศ. 1200  

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 26627572 (H), 75 (H) ความสำคัญของกษัตริย์ฟิลิป ออกัสตัส แห่งฝรั่งเศส มีดังนี้

1.         ทรงมีปัญหาขัดแย้งกับสันตะปาปาอินโนเซนต์ทิ่ 3 ในเรื่องทิ่ทรงหย่าขาดกับพระมเหสี ซึ่งทำให้สันตะปาปาทรงประกาศปิดโบสถ์ (Interdict) ในฝรั่งเศส

2.         ทำให้มีการก่อสร้างพระราชวังลูฟร์ (Louvre) ขึ้น

3.         มีการก่อตั้งมหาวิทยาลัยปารีสในปี ค.ศ. 1200         

4. สนับสนุนการสร้างเมืองใหม่

5.         ร่วมมือกับชาวเมืองเพื่อกำจัดอิทธิพลของขุนนางฟิวดัลลง

6.         ทรงทำสงครามกับพระเจ้าจอห์นแห่งอังกฤษเรื่องผลประโยชน์ในฝรั่งเศส

69.       การรวมสเปนในศตวรรษที่ 15 ภายหลังพวกมัวร์เข้ามามีอำนาจและอิทธิพลร่วม 800 ปี คือ การรวม อาณาจักรคริสเตียน 2 แห่งเข้าด้วยกัน คือ

(1) คาสติลกับอรากอน

(2) อรากอนกับนาวาร์ 

(3) นาวาร์กับโปรตุเกส

(4) โปรตุเกสกับคาสติล

ตอบ 1 หน้า 26773 (H) การรวมสเปนที่เข้มแข็งที่สุดคือ การรวมอาณาจักรคริสเตียน 2 แห่ง นั่นคือ คาสติลและอรากอนเข้าด้วยกัน ซึ่งเกิดจากการอภิเษกระหวางเจ้าหญิงอิซาเบลลาแห่งคาสติล กับเจ้าชายเฟอร์ดินันด์แห่งอรากอน ที่ทรงร่วมกันปกครองในฐานะกษัตริย์คาทอลิก และได้ทำสงครามกับพวกมัวร์จนมีชัยชนะในปี ค.ศ. 1492 นอกจากนี้ยังสามารถยึดอาณาจักรกรานาดา ที่อยู่ทางตอนใต้ของสเปนคืนจากพวกมัวร์ได้สำเร็จ ทำให้การปกครองโดยมุสลิมในสเปนสิ้นสุดลง

70.       ผลจากการที่วิลเลียม ดุ๊กแห่งนอร์มังดี เข้ายึดครองอังกฤษในปี ค.ศ. 1066 คือ

(1)       ภาษาฝรั่งเศสกลายเป็นภาษาของชนชั้นสูงและปะปนในภาษาอังกฤษ

(2)       กษัตริย์ฝรั่งเศสมีฐานะเป็นกษัตริย์อังกฤษด้วย

(3)       กษัตริย์อังกฤษมีฐานะเป็นกษัตริย์ฝรั่งเศสด้วย

(4)       พวกแองโกล-แซกซันกลับมามีอำนาจ

ตอบ 1 หน้า 271 – 27372 (H), 74 (H) ผลจากการที่วิลเลียม ดุ๊กแห่งนอร์มังดีของฝรั่งเศส ได้เข้า ยึดครองอังกฤษในปี ค.ค. 1066 มีดังนี้

1. ทำให้กษัตริย์อังกฤษมี 2 สถานภาพ คือ มีฐานะ เป็นเจ้า (Lord) สูงสุดในอังกฤษ แต่ต้องมีฐานะเป็นข้า (Vassal) ของกษัตริย์ฝรั่งเศส เมื่อเข้าไปถือครองและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากที่ดินในฝรั่งเศส

2. ขุนนางแองโกล-แซกซันถูกกำจัด

3.         ภาษาฝรั่งเศสกลายเป็นภาษาของชนชั้นสูงและเข้าไปปะปนในภาษาอังกฤษ

4.         มีการนำระบบแมเนอร์เข้ามาใช้ในอังกฤษ

5. มีการจัดทำทะเบียนราษฎร์อย่างละเอียด ในปี ค.ศ. 1086 ซึ่งเริยกว่า “Doomsday Books” เพื่อการเก็บภาษีและการเกณฑ์แรงงาน

71.       ความสำคัญของรัฐธรรมนูญแมกนา คาร์ตา ปี ค.ศ. 1215 ของอังกฤษคือ

(1)       ทำให้กษัตริย์จอห์นมีอำนาจเหนือพวกขุนนาง

(2)       กษัตริย์จอห์นสามารถยึดดินแดนในฝรั่งเศสกลับคืนมา

(3)       ทำให้อังกฤษรวมประเทศได้สำเร็จ

(4)       เป็นจุดเริ่มต้นของระบอบรัฐสภา

ตอบ 4 หน้า 27575 (H), (คำบรรยาย) ในปี ค.ศ. 1215 พระเจ้าจอห์นหรือกษัตริย์ผู้ไร้แผ่นดิน (John the Lackland) ทรงถูกพวกขุนนางอังกฤษบังคับให้ลงนามในรัฐธรรมนูญแมกนา คาร์ตา (Magna Carta หรือ The Great Charter) ซึ่งถือเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกของอังกฤษ โดยมี หลักการที่สำคัญยิ่ง คือ กำหนดให้ทุกชนชั้นต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย นอกจากนี้ยังลดอำนาจ ของกษัตริย์ ให้ศาลยุติธรรมทำหน้าที่ตัดสินคดีความของเสรีชน การจัดเก็บภาษีต้องทำด้วย ความยุติธรรม และมีการกล่าวถึงตัวบทกฎหมายอีกด้วย ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของการปกครอง ใบระบอบรัฐสภา หรือการปกครองระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญของอังกฤษ

72.       สงครามครูเสดที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1095 เป็นสงครามที่พวกคริสเตียนยกทัพไปตี… คืนจากพวกมุสลิม

(1) เบธเลเฮม 

(2) เยรูซาเล็ม 

(3) คอนสแตนติโนเปิล           

(4) ดามัสกัส

ตอบ 2 หน้า 279 – 28576 – 77 (H) สงครามครูเสด (ค.ค. 1095 – 1291) ในยุคกลาง ถือเป็นสงครามมหายุทธ์ที่กินระยะเวลาร่วม 200 ปี (รวมทั้งหมด 8 ครั้ง) โดยเป็นสงครามระหว่าง ศาสนาคริสต์กับคาสนาอิสลาม หรือระหว่างพวกคริสเตียนกับพวกมุสลิมหรือมอสเล็ม เพื่อแย่งกันครอบครองกรุงเยรูซาเล็ม และเมื่อสิ้นสุดสงครามพวกคริสเตียนก็ไม่สามารถยึด กรุงเยรูซาเล็มคืนจากพวกมุสลิมได้ จึงถือว่าเป็น ความล้มเหลวที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ในประวัติศาสตร์” เพราะชาวยุโรปได้รับบทเรียนต่าง ๆ จากพวกอาหรับและอิสลามอื่น ๆ เป็นอันมาก

73.       ผลของสงครามครูเสดคือ

(1) การเปิดดินแดนยุโรปตะวันตกออกสู่โลกภายนอก

(2) ฟื้นฟูการค้าในยุโรปตะวันตก

(3)การสิ้นสุดของระบอบฟิวดัล          

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 284 – 28577 (H) ผลของสงครามครูเสด มีดังนี้

1. ทำให้ระบอบฟิวดัลหรือระบอบ ศักดินาสวามิภักดิ์เสื่อมลง

2. เกิดการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการค้าในดินแดนยุโรปตะวันตก

3. มีการเปิดเส้นทางการค้าเพื่อนำเอาความเจริญและสินค้าจากภาคตะวันออกไปเผยแพร่ ในยุโรปตะวันตก          

4. กษัตริย์มีอำนาจมากขึ้น ในขณะที่ขุนนางเสื่อมอำนาจและยากจนลง

5.เมืองต่างๆ เริ่มขยายขึ้น เพราะการค้าขยายตัว

6. อำนาจของฝ่ายศาสนจักรเพิ่มขึ้น

7.มีการนำเงินและทองเข้ามาในยุโรปมากขึ้น เป็นต้น

74.       รัฐธรรมนูญฉบับ ประกาศทอง” ปี ค.ศ. 1356 โดยจักรพรรดิชาร์ลที่ 4 แห่งอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ มีความสำคัญคือ

(1)จัดตั้งคณะผู้เลือกตั้ง 7 คนเป็นผู้เลือกจักรพรรดิองค์ใหม่

(2)ต้องการตัดสิทธิสันตะปาปาออกจากการเลือกจักรพรรดิองค์ใหม่

(3)ทำให้ดินแดนเยอรมนีสามารถรวมชาติได้สำเร็จ

(4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 หน้า 292 – 29378 (H) ตามรัฐธรรมนูญฉบับประกาศทอง (The Golden Bull) ปี ค.ศ.. 1356 ซึ่งประกาศใช้โดยจักรพรรดิชาร์ลที่ 4 แห่งลักเซมเบิร์ก กำหนดให้เจ้าผู้ครองแคว้นในอาณาจักร โรมันอันศักดิสิทธิ์ (เจ้าเยอรมัน) 7 องค์ หรือจัดเป็นคณะผู้เลือกตั้ง 7 คน (Electors) เป็นผู้เลือก จักรพรรดิองค์ใหม่โดยไม่ต้องมีการรับรองจากศาสนจักร ซึ่งถือว่าเป็นการตัดสิทธิของ สันตะปาปาในการเลือกจักรพรรดิองค์หม่ออกไป และนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1438 เป็นต้นมา กษัตริย์แห่งราชวงค์แฮปสเบิร์กแห่งออสเตรียมักจะได้รับการเลือกตั้งเป็นจักรพรรดิ

75.       ความสำคัญของสงครามร้อยปี (ค.ศ. 1337 – 1453) ระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสคือ

(1) การฟื้นตัวของระบอบฟิวดัล         

(2) ขุนนางกลับมามีอำนาจเหนือกษัตริย์

(3)อังกฤษและฝรั่งเศสสามารถรวมชาติได้สำเร็จ

(4) ส่งผลต่อการเกิดสงครามดอกกุหลาบในอังกฤษ

ตอบ3 หน้า 29979 (H) ผลของสงครามร้อยปี (ค.ศ. 1337 – 1453) ระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส มีดังนี้

1.         เป็นการสิ้นสุดระบอบฟิวคัลหรือระบอบศักดินาสวามิภักดิ์ทั้งในอังกฤษและฝรั่งเศส เพราะ พวกขุนนางตายไปเป็นจำนวนมาก และยังส่งผลให้กษัตริย์มีอำนาจเพิ่มขึ้น

2.         ทำให้เกิดความรู้สึกชาตินิยมขึ้นทั้ง 2 ชาติ จนกษัตริย์ของทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสสามารถ รวมตัวเป็นรัฐชาติ (Nation-state) ได้สำเร็จ

3.         อังกฤษได้เลิกใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาราชการ

76.       เหตุการณ์ Babylonian Captivity ค.ศ. 1305 – 1377 และ The Great Schism ค.ศ. 1378 – 1417 มีความสำคัญคือ

(1)แสดงถึงความเสื่อมของคาสนจักร 

(2) แสดงถึงความเสื่อมอำนาจของอาณาจักร

(3) พวกแคลเดียนไปกวาดต้อนพวกยิว          

(4) ศาสนาคริสต์แตกแยกออกเป็นหลายนิกาย

ตอบ1 หน้า 300 – 30380 – 81 (H) เหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความเสื่อมอำนาจของศาสนจักร ในศตวรรษที่ 14 – 15 มีดังนี้

1.         การคุมขังแห่งบาบิโลเนีย (Babylonian Captivity : ค.ศ. 1305 – 1377) เกิดขึ้นเพราะ สันตะปาปาได้ย้ายที่ประทับจากกรุงโรมในอิตาลีมาอยู่ที่เมืองอาวิญยองในฝรั่งเศส ทำให้ สันตะปาปาชาวฝรั่งเศสองค์ต่อ ๆ มาพำนักอยู่ในฝรั่งเศสเป็นเวลา 70 ปี ส่งผลให้สันตะปาปา ตกอยู่ภายใต้อำนาจของกษัตริย์ฝรั่งเศส และมิได้มีฐานะเป็นประมุขสากลอีกต่อไป

2.         การแตกแยกครั้งใหญ่ (The Great Schism : ค.ศ. 1378 – 1417) มีสาเหตุมาจากการแย่งชิงตำแหน่งพระสันตะปาปาระหว่างชาวอิตาลีกับชาวฝรั่งเศส จนส่งผลให้เกิดสันตะปาปาขึ้น พร้อมกัน 2 องค์ทั้งที่กรุงโรมในอิตาลี และที่เมืองอาวิญยองในฝรั่งเศส

77.       ความสำคัญของอำนาจเทวสิทธิ์ของกษัตริย์คือ         

(1) เป็นการปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์

(2)กษัตริย์ดึงอำนาจมาจากสันตะปาปาที่เสื่อมอำนาจลง

(3)กษัตริย์คือตัวแทนของพระเจ้าบนโลก       

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 332 – 33386 (H) อำนาจเทวสิทธิ์ของกษัตริย์ (Divine Rights of King) แต่เดิมนั้น คืออำนาจของสันตะปาปา เมื่อสันตะปาปาเสื่อมอำนาจลงกษัตริย์จึงเป็นผู้ใช้อำนาจนี้แทน โดยกษัตริย์ทรงอ้างว่าเป็นตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้าที่ถูกส่งมาปกครองมนุษย์ ดังนั้นมนุษย์ จึงไม่มีสิทธิปลดกษัตริย์ออกจากตำแหน่ง ซึ่งส่งผลให้ยุโรปในช่วงต้นยุคใหม่มีการปกครอง ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ นั่นคือ กษัตริย์เป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในการปกครองแผ่นดิน

78.       ในสมัยศตวรรษที่ 15 ดินแดนที่ยังไม่สามารถรวมเป็นรัฐชาติได้สำเร็จคือ

(1)สเปน         

(2) โปรตุเกส   

(3) อังกฤษและฝรั่งเศส          

(4) เยอรมนีและอิตาลี

ตอบ 4 หน้า 332338393. 86 (H), 88 (H) ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 เป็นสมัยการกำเนิดรัฐชาติ ภายใต้ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่งประเทศที่สามารถรวมตัวกันเป็นรัฐชาติได้สำเร็จ ได้แก่ สเปน โปรตุเกส อังกฤษ และฝรั่งเศส ในขณะที่เยอรมนีและอิตาลียังคงแตกแยก ออกเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อย เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศขาดเอกภาพทางการเมือง

79.       ข้อใดไม่ใช่ความสำคัญของการปฏิวัติทางการค้า ค.ศ. 1500 – 1700

(1)       ความเจริญทางเศรษฐกิจเปลี่ยนจากเมดิเตอร์เรเนียนไปสู่แอตแลนติกและภาคโพ้นทะเล

(2)       เศรษฐกิจของอิตาลีซบเซาลง

(3)       การค้าเข้ามามีบทบาทแทนการเกษตรกรรม

(4)       ระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก

ตอบ 4 หน้า 33988 (H) ความสำคัญของการปฏิวัติทางการค้า (ค.ศ. 1500 – 1700) มีดังนี้

1.         ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของยุโรปได้เปลี่ยนแปลงจากบริเวณทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปสู่ มหาสมุทรแอตแลนติกและภาคโพ้นทะเล

2. เศรษฐกิจของอิตาลีซบเซาและลดความสำคัญลง ในขณะที่สเปนและโปรตุเกสมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น

3. การค้าเข้ามามีบทบาทแทน การเกษตรกรรม

4. ลัทธิเศรษฐกิจแบบพาณิชย์ชาตินิยมได้แพร่หลายไปทั่วโลก

80.       ข้อใดไม่ใช่ความหมายของลัทธิพาณิชย์ชาตินิยม

(1) การควบคุมเศรษฐกิจโดยรัฐบาลแห่งชาติ

(2) รัฐต้องการเงินเพื่อนำไปสร้างกองทัพ

(3) พึ่งพาเศรษฐกิจชาติอื่นให้น้อยลง 

(4) อาณานิคมมีความเสรีทางเศรษฐกิจ

ตอบ 4 หน้า 339 – 34088 (H), (คำบรรยาย) ลัทธิพาณิชย์ชาตินิยม (Mercantilism) เป็นระบบการค้าที่รัฐบาลแห่งชาติและกษัตริย์จะเป็นผู้ควบคุมเศรษฐกิจทั้งหมด นั่นคือ กษัตริย์เป็นผู้อุปถัมภ์ และมีอำนาจในการกำหนดสิทธิในการต่อรองหรือผูกขาดสินค้า ทั้งนี้พวกนายทุนจะได้รับการส่งเสริมทางการค้าจากรัฐบาล ส่วนกษัตริย์จะสะสมโลหะมีค่าเพื่อหาเงินมาขยายกองทัพ และสะสมอาวุธเพื่อป้องกันการรุกรานจากชาติอื่น นอกจากนี้ยังผูกขาดการค้าโดยบังคับให้ ประเทศอาณานิคมค้าขายกับเมืองแม่เทานั้น เน้นการพึ่งพาเศรษฐกิจจากชาติอื่น ๆ ให้น้อยที่สุด และส่งเสริมการมีอาณานิคม ทำให้เกิดการแช่งขันทางการค้าและเกิดกรณีพิพาทในกลุ่มประเทศอาณานิคมอยู่บ่อยครั้ง

81.       ข้อใดไม่ใช่สาเหตุของการสำรวจทางทะเลในสมัยศตวรรษที่ 15

(1) ความต้องการสินค้าจากภาคตะวันออก    

(2) กรุงคอนสแตนติโนเปิลถูกพวกเติร์กยึดครอง

(3) ล้มการผูกขาดการค้าของพวกพ่อค้าอิตาลี           

(4) กรุงโรมถูกพวกอนารยชนเยอรมันยึดครอง

ตอบ 4 หน้า 350 – 35189 – 90 (H), (คำบรรยาย) สาเหตุที่ทำให้ยุโรปตะวันตกออกสำรวจ เส้นทางทางทะเลเพื่อแสวงหาอาณานิคมใหม่ในช่วงศตวรรษที่ 15 – 16 มีดังนี้

1.แรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ยุคกลางที่กองทัพครูเสดนำเอาความรู้และสินค้าจากเอเชีย ไปเผยแพร่ในยุโรป

2 อิทธิพลจากหนังสือชื่อ The book of Marco Polo ของมารโค โปโล ซึ่งเป็นบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางไปจีนที่ใช้เวลานานถึง 25 ปี

3.เส้นทางการค้าระหว่างยุโรปกับภาคตะวันออกถูกตัดขาด เนื่องจากกรุงคอนสแตนติโนเปิล ถูกพวกออตโตมัน เติร์ก ยึดครองในปี ค.ศ. 1453

4.มีความต้องการสินค้าจากภาคตะวันออก

5.ต้องการล้มเลิกการผูกขาดสินค้าจากภาคตะวันออกของพ่อค้าชาวอิตาลี เป็นต้น

82.       ชาวยุโรปชาติแรกที่ค้นพบเส้นทางเดินเรือมาสู่อินเดียในศตวรรษที่ 15 คือ

(1) สเปน        

(2) โปรตุเกส   

(3) อังกฤษ     

(4) ฮอลันดา

ตอบ 2 หน้า 33635190 (H) ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 โปรตุเกสเป็นชาติแรกที่เป็นผู้นำในการเดินเรือ เข้ามาในทวีปเอเชีย โดยนักเดินเรือคนสำคัญ คือ วาสโก ดา กามา (Vasco da Gama) สามารถเดินเรืออ้อมทวีปแอพ่ริกาไปถึงอินเดียในปี ค.ศ. 1498 ได้สำเร็จเป็นคนแรก

83.       การฟื้นพูศิลปวิทยาหรือการเกิดใหม่ของอารยธรรมคลาสสิกมีผลตามมาคือ การให้ความสำคัญแก่

(1) พระเจ้า     

(2) โลกหน้า    

(3) มนุษย์       

(4) พระ

ตอบ 3 หน้า 356 – 35892 (H) การฟื้นฟูศิลปวิทยาการหรือเรอเนสซองส์ (Renaissance)ในคริสต์ศตวรรษที่ 14 คือ การเกิดใหม่ของอารยธรรมคลาสสิกหรือการฟื้นฟูอารยธรรมกรีก-โรมัน ขึ้นมาใหม่ ซึ่งในสมัยพ่นฟูศิลปวิทยาการจะเน้นความสำคัญของมนุษย์ ปรัชญามนุษยนิยม (Humanism) รวมทั้งการแสดงออกของปัจเจกบุคคลและประสบการณทางโลก ทั้งนี้การฟื้นฟู ศิลปวิทยาการเกิดขึ้นครั้งแรกที่เมืองฟลอเรนซ์ในแหลมอิตาลี ก่อนที่จะแพร่ขยายเข้าไปใน ประเทศฝรั่งเศส เยอรมนี เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ และอังกฤษ

84.       รัฐที่รํ่ารวยที่สุดในแหลมอิตาลีซึ่งเป็นผลมาจากการเป็นเจ้าทะเลและศูนย์กลางการอุตสาหกรรมในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาคือ

(1) ฟลอเรนซ์  

(2) เวนิส         

(3) เจนัว         

(4) ปิซ่า

ตอบ 2 หน้า 359 – 36092 – 93 (H) สาธารณรัฐเวนิสเป็นหนึ่งในบรรดา 5 รัฐผู้นำในแหลมอิตาลี ที่รํ่ารวยที่สุดในฐานะที่เป็นศูนย์กลางควบคุมการค้าในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในคริสต์ศตวรรษ ที่ 14 จนได้ชื่อว่า ราชินีแห่งท้องทะเล” (Queen of the Seas) ทั้งนี้เวนิสมีเรือถึง 3,300 ลำ เป็นกองเรือใหม่ที่สุดในโลก เพราะมีทุนมหาศาลจากการทำอุตสาหกรรม สามารถทำการผลิต กระสุนปืนและอะไหล่สำหรับเรือด้วยตนเอง ซึ่งการทุ่มเทด้านการค้าและอุตสาหกรรมนี้มีผลให้ เวนิสเริมกระบวนการฟื้นฟูศิลปวิทยาการในคริสต์ศตวรรษที่ 15 และได้กลายเป็นศูนย์กลาง ทางด้านการพิมพ์ของยุโรป

85.       จุดมุ่งหมายในการเขียนหนังสือ The Prince ของมาเคียเวลลี ในปี ค.ศ. 1513 คือ

(1) ต่อต้านอำนาจกษัตริย์       

(2) รวมอิตาลีเข้าด้วยกัน

(3) การก้าวไปสู่ความสำเร็จโดยไม่ต้องคำนึงถึงศีลธรรม       

(4) ถูกข้อ 2 และ 3

ตอบ 4 หน้า 333 – 33436294 (H) นิโคโล มาเคียเวลลี (NicoLo Machiavelli) เป็นนักเขียนผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในสมัยเรอเนสซองส์ โดยผลงานที่มีชื่อเสียงก็คือ The Prince ใบปี ค.ศ. 1513 ซึ่งเป็นหนังสือที่แนะนำผู้ปกครองให้รักษาความปลอดภัยของรัฐในทุกวิถีทางที่จำเป็นโดยมีวิธีการที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จและได้มาซึ่งอำนาจโดยไม่คำนึงถึงศีลธรรมและวิธีการที่ถูกต้อง ทั้งนี้จุดมุ่งหมายของเขาก็คือ ต้องการรวมอิตาลีภายใต้การปกครองเดียวกัน

86.       สาเหตุปัจจุบันที่ก่อให้เกิดการปฏิรูปศาสนาขึ้นในศตวรรษที่ 16 คือ

(1)พิธีกรรมทางศาสนามีมากเกินไป   

(2) พระไม่มีความรู้และศีลธรรม

(3) สันตะปาปาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมีอง    

(4) การขายใบไถ่บาป

ตอบ 4 หน้า 378 – 37998 (H) สาเหตุปัจจุบันที่ทำให้เกิดการปฏิรูปศาสนาขึ้นในศตวรรษที่ 16 คือ การที่สันตะปาปาลีโอที่ 10 ขายใบไถ่บาปในดินแดนเยอรมนี เพื่อนำเอาเงินไปบูรณะโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ใบนกรุงโรม พระองค์จึงถูกโจมตีจากมาร็ติน ลูเธอร์ พระชาวเยอรมัน ซึ่งได้เขียน คำประท้วง 95 ข้อ (95 Theses) ทำให้มีผู้เห็นด้วยว่าไม่ควรนำเงินเยอรมันไปสร้างวัดในอิตาลี เหตุการณ์ดังกล่าวจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการประท้วงทางศาสนาและเป็นที่มาของคำว่า “Protestant” ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1529

87.       ข้อใดไม่ใช่ความสำคัญของนิกายโปรเตสแตนต์

(1) ตัดอำนาจสันตะปาปา      

(2) เป็นศาสนาแห่งชาติ

(3) เน้นการเข้าถึงศาสนาโดยการอ่านพระคัมภีร์        

(4) การคงคำสอนในพระคัมภีร์เป็นภาษาละติน

ตอบ 4 หน้า 379 – 38198 (H), (คำบรรยาย) ในขณะที่ลี้ภัยอยู่ที่แซกโซนี มาร์ติน ลูเธอร์(Martin Luther) ผู้ก่อตั้งนิกายโปรเตสแตนต์ ได้แปลพระคัมภีร์ไบเบิลจากภาษาละตินเป็น ภาษาเยอรมันและภาษาท้องถิ่นอื่น ๆ อย่างแพร่หลาย เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงศาสนาได้ โดยการอ่านพระคัมภีร์ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งพระหรือชี และไมมีพิธีกรรมอย่างคาทอลิก จนเป็นที่มาของนิกายลูเธอรันนิสม์ (Lutheranism) ซึ่งเป็นนิกายโปรเตสแตนต์นิกายแรก

88.       อังกฤษทำการปฏิรูปศาสนาในสมัยพระเจ้าเฮนรีที่ 8 เพราะกษัตริย์ต้องการ

(1) หย่าขาดจากพระมเหสี     

(2) ตัดอำนาจสันตะปาปา

(3) ทำให้ศาสนาเกิดความบริสุทธิ์      

(4) ยึดที่ดินของวัด

ตอบ 1 หน้า 38399 (H), (คำบรรยาย) การปฏิรูปศาสนาในอังกฤษเกิดขึ้นเพราะพระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ ทรงไม่พอพระทัยที่พระสันตะปาปาไม่ยอมจัดการให้พระองค์หย่าขาดจาก พระนางแคเทอรีนแห่งอรากอนเพื่ออภิเษกสมรสใหม่กับแอน โบลีน จึงทรงตั้งสังฆราชแห่งแคนเทอเบอรีขึ้นใหม่ โดยตัดขาดจากองค์กรคริสตจักรที่กรุงโรม และทรงให้รัฐสภาออกกฎหมายที่เรียกว่า “The Act of Supremacy” ในปี ค.ค. 1534 เพื่อแต่งตั้งให้พระองค์เป็นประมุข ทางศาสนาในประเทศอังกฤษแทนสันตะปาปา ซึ่งส่งผลทำให้อังกฤษเปลี่ยนศาสนาเป็น นิกายอังกฤษ” (Anglican Church/Church of England)

89.       ข้อใดไม่ใช่ความสำคัญของสงคราม 30 ปี

(1) เป็นสงครามคาสนาในดินแดนเยอรมนี     

(2) ทำให้ฝรั่งเคสมีชัยเหนือสเปน

(3) ทำให้การรวมเยอรมนีช้าไป 200 ปี           

(4) พวกคาทอลกได้รับชัยชนะ

ตอบ4  หน้า 390 – 391101 (H) สงคราม 30 ปี (The Thirty Years War : ค.ศ. 1618 – 1648;เป็นสงครามศาสนาครั้งสุดท้ายของยุโรปที่เกิดขึ้นในอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (เยอรมนี) โดยเป็นสงครามระหว่างพวกโปรเตสแตนต์ที่ได้รับความช่วยเหลือจากอังกฤษและฝรั่งเศสกับ พวกคาทอลิกที่ได้รับความช่วยเหลือจากสเปน ในที่สุดสงครามก็จบลงด้วยชัยชนะของพวก โปรเตสแตนต์และฝรั่งเศส ทำให้ฝรั่งเศสกลายเป็นมหาอำนาจในยุโรปแทนที่สเปน ขณะที่ดินแดน เยอรมนีได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก ส่งผลทำให้การรวมเยอรมนีช้าไปเป็นเวลา 200 ปี

90.       คำประกาศแห่งเมืองนังต์ (Edict of Nantes) ค.ศ. 1598 โดยพระเจ้าเฮนรีที่ 4 แหงฝรั่งเศส เรื่องขันติธรรมทางศาสนามีผลทำให้

(1)       ประชาชนไม่ต้องนับถือศาสนานิกายเดียวกับกษัตริย์

(2)       ฝรั่งเศสปลอดจากสงครามศาสนาตลอดศตวรรษที่ 17

(3)       พวกฮิวเกอโนต์และพวกคาทอลิกมีสิทธิเท่าเทียมกันตามกฎหมาย

(4)       ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 383 – 384404101 (H), 106 (H) หลังจากที่พระเจ้าเฮนรีที่ 4 ปฐมกษัตริย์ของราชวงค์บูร์บองแห่งฝรั่งเศสทรงเปลี่ยนมานับถือนิกายคาทอลิกแล้ว (เดิมทรงเป็นฮิวเกอโนต์ หรือโปรเตสแตนต์) พระองค์ได้ทรงออกคำประกาศโองการแห่งเมืองนังต์ (Edict of Nantes) ในปี ค.ศ. 1598 เพื่อให้เกิดการประนีประนอมและเกิดความเสมอภาคทางศาสนา รวมทั้ง เป็นการให้สิทธิอย่างเท่าเทียมกันระหว่างพวกคาทอลิกกับพวกฮิวเกอโนต์ ทำให้ฝรั่งเศส เป็นประเทศเดียวที่ประชาชนไม่ต้องนับถือศาสนานิกายเดียวกับกษัตริย์ และปลอดจาก สงครามศาสนาตลอดคริสต์ศตวรรษที่ 17

91.       พระราชวังแวร์ซายส์มีความสำคัญต่อการเมืองฝรั่งเศสตลอดสมัยหลุยส์ที่ 14 คือ

(1) ยุติปัญหาศาสนา  

(2) กำจัดอิทธิพลขุนนางท้องถิ่น

(3) ศูนย์รวมนักวิชาการ          

(4) หนีห่างชีวิตอันสับสนในปารีส

ตอบ.2 หน้า 409106 (H), (คำบรรยาย) พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ของราชวงศ์บูร์บองแห่งฝรั่งเศสทรงสร้างพระราชวังใหม่ขึ้นที่แวร์ซายส์ ซึ่งตั้งอยูนอกกรุงปารีส โดยมีจุดประสงคํที่สำคัญคือ เพื่อหลีกหนีชาวปารีสซึ่งมักจะทำตัวเป็นศัตรูกับรัฐบาล และยังทรงต้องการแยกออกมาจาก ขุนนางเก่าๆ ที่มีอิทธิพลในพระราชวังเดิมเพื่อสร้างพระราชอำนาจใหม่ ทำให้พระราชวังแห่งนี้ กลายเป็นเมืองหลวงที่เป็นศูนย์รวมการปกครองของพระองค์ และเป็นสถานที่ที่ขุนนางคนสำคัญ ของพระองค์มาอาศัยอยู่ ทำให้พระองค์สามารถควบคุมขุนนางได้อย่างใกล้ชิด

92.       ความขัดแย้งระหว่างพระเจ้าชาร์ลที่ 1 กับพวกเพียวริตันในสภา มีผลทำให้อังกฤษเปลี่ยนแปลงการปกครองไปสู่ระบอบ

(1) สมบูรณาญาสิทธิราชย์

(2) ศักดินาสวามีภักดิ์

 (3) สาธารณรัฐ          

(4) ประชาธิปไตย

ตอบ 3 หน้า 411 – 413107 (H) ในระหว่างปี ค.ศ. 1642 – 1649ได้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้น ในอังกฤษ ทั้งนี้มีสาเหตุมาจากความขัดแย้งระหวางพระเจ้าชาร์ลที่ 1 กับรัฐสภาอังกฤษซึ่งตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของพวกเพียวริตัน (Puritans) ในกรณีที่พระองค์ต้องการเงินเพื่อไปปราบปรามการก่อกบฏของพวกสก็อต โดยสงครามจบลงด้วยชัยชนะของรัฐสภา และพระเจ้าชาร์ลที่ 1 ถูกตัดสินประหารชีวิตในปี ค.ศ. 1649 ซึ่งถือว่าเป็นการสิ้นสุดสมัยการปกครองในระบอบเทวสิทธิ์ในอังกฤษและเปลี่ยนไปสู่การปกครองในระบอบสาธารณรัฐ (Republic)

93.       อังกฤษปกครองในระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ เป็นผลมาจาก

(1) การประกาศเอกราชของสหรัฐอเมริกา      

(2) การทำสงคราม 7 ปีกับฝรั่งเศส

(3) การปฏิวัติอันรุ่งเรือง ค.ศ. 1688   

(4) รัฐธรรมนูญแมกนา คาร์ตา

ตอบ 3 หน้า 417108 (H) ผลของการปฏิวัติอันรุ่งเรืองของอังกฤษในปี ค.ศ. 1688 มีดังนี้

1.         ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในอังกฤษสิ้นสุดลง และเปลี่ยนไปสู่การปกครองใน ระบอบรัฐสภา ซึ่งเป็นการปกครองที่กษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ

2. รัฐสภามีอำนาจสูงสุด

3. ฐานะของพวกโปรเตสแตนต์มีความมั่นคงขึ้น        

4. กษัตริย์จะประกาศสงคราม จัดกองทัพหรือแต่งตั้งรัฐมนตรีคนใด ต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาก่อน

94.       ผลงานสำคัญของพระเจ้าเฟรเดอริกมหาราชแห่งปรัสเซียคือ

(1) พัฒนากองทัพ

(2)ทำสงครามกับออสเตรีย    

(3) ร่วมแบ่งโปแลนด์  

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 419 – 421108 – 109 (H), (คำบรรยาย) พระเจ้าเฟรเดอริกมหาราชแห่งปรัสเซีย ทรงเป็นกษัตริย์ทรงภูมิธรรมหรือกษัตริย์ประเทืองปัญญา (Enlightened Despots) ซึ่งมีผลงานที่สำคัญดังนี้

1.         พยายามหาเงินเพื่อพัฒนากองทัพที่ได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดีและมีอาวุธที่ทันสมัย เพื่อขยายอำนาจทางการทหาร และสร้างรัฐบาลให้เข้มแข็ง จนทำให้ปรัสเซียในสมัยของ พระองค์ได้รับฉายาว่าเป็น สปาร์ตาแห่งยุโรป

2.         ในระหว่างปี ค.ศ. 1740 – 1748ทำสงครามกับออสเตรียเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ทางทหาร ในยุโรปกลาง โดยแย่งชิงดินแดนไซลีเชียจากพระราชินีมาเรีย เธเรซา

3.         ในปี ค.ศ. 1772 ทรงร่วมกับพระนางแคเทอรีนมหาราชินีแห่งรัสเซีย และออสเตรียแบ่งแยก โปแลนด์เป็นครั้งแรก

95.       ในปี ค.ศ. 1795 ประเทศในยุโรปกลางที่หายไปจากแผนที่ของยุโรปเพราะการแบ่งของ 3 ประเทศมหาอำนาจ คือ รัสเซีย ปรัสเชีย และออสเตรียคือ

(1)บัลแกเรีย   

(2) โปแลนด์   

(3) โรมาเนีย   

(4) ฮังการี

ตอบ 2 หน้า 427109 (H) ในปี ค.ศ. 1772 รัสเซีย ออสเตรีย และปรัสเซียได้ร่วมกันแบ่งแยกโปแลนด์ เป็นครั้งแรก ทำให้รัฐบาลโปแลนด์ต้องออกกฎหมายยกเลิก “Liberum Veto” ในปี ค.ค. 1791 แต่รัสเซียกับปรัสเซียก็แบ่งแยกโปแลนด์อีกเป็นครั้งที่2ในปี ค.ศ. 1793ทำให้เกิดการจลาจล ในโปแลนด์ซึ่งสร้างความตกใจให้แก่ยุโรปตะวันออกทั้งหมด ในที่สุดทั้ง 3 ประเทศก็รวมกัน แบ่งโปแลนด์อีกเป็นครั้งที่ 3ในปี ค.ศ. 1795 เป็นผลให้โปแลนด์หายไปจากแผนที่ของยุโรป นับตั้งแต่นั้น

96.       ลักษณะสำคัญของกษัตริย์ประเทืองปัญญา (Enlightened Despots) คือ

(1) มีความรู้

(2)สมบูรณาญาสิทธิราชย์      

(3) เคร่งศาสนา          

(4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 หน้า 419431491108 (H) ลักษณะสำคัญของกษัตริย์ประเทืองปัญญา (Enlightened Despots) คือ เป็นกษัตริย์ผู้ทรงถือพระองค์ว่าเป็น ผู้รับใช้ชาติคนแรก” นั่นคือ มีหน้าที่ให้ ความสุขแก่ประชาชนด้วยการสร้างรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ และดำเนินการปฏิรูปเมื่อจำเป็น นอกจากนี้ยังทรงปกครองประเทศในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ทรงนำเอาความรู้มาใช้ใน การปรับปรุงประเทศ และไม่สนใจในเรื่องความแตกต่างทางด้านศาสนา ซึ่งกษัตริย์ที่ทรงเป็นกษัตริย์ประเทืองปัญญา เช่น พระเจ้าเฟรเดอริกมหาราชแห่งปรัสเซีย พระนางแคเทอรีนมหาราชินี แห่งรัสเซีย เป็นต้น

97.       นักวิทยาศาสตร์ผู้เสนอทฤษฎีว่า ดวงอาทิตย์คือศูนย์กลางของจักรวาลคือ

(1) ไทโซ บราเฮ           

(2)เคปเลอร์    

(3)โคเปอร์นิคัส           

(4)ปโทเลมี

ตอบ 3 หน้า 434110(H) นิโคลัส โคเปอร์นิคัส (Nicholaus Copernicus) นักวิทยาศาสตร์ชาวโปแลนด์ เป็นผู้ที่เชื่อว่า ดวงอาทิตย์คือศูนย์กลางของจักรวาล โดยมีโลกเป็นบริวารดวงหนึ่ง

98.       นักวิทยาศาสตร์ผู้เสนอกฎแรงโน้มถ่วงของโลกหรือกฎการดึงดูดของโลกคือ

(1) ไอสไตน์     

(2)กาลิเลโอ    

(3)นิวตัน         

(4)โคเปอร์นิคัส

ตอบ 3 หน้า 437 – 439111 (H) เซอรไอแซค นิวตัน นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ เป็นผู้ค้นพบ กฎแรงโน้มถ่วง” หรือ กฎแห่งการดึงดูดของโลก” นอกจากนี้ผลงานเรื่อง “Principia” ของเขายังช่วยอธิบายถึงการที่โลกและดาวเคราะห์โคจรรอบดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์โคจร รอบโลก อีกทั้งยังมีอิทธิพลต่อวงการวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันที่ยํ้าว่า หลักการของวิทยาศาสตร์ คือ การสังเกต การคำนวณ และการทดลอง

99.       นักปรัชญาผู้เสนอแนวคิดเรื่องการแบ่งแยกอำนาจออกเป็น 3 ฝ่ายคือ บริหาร ตุลาการ และนิติบัญญัติ คือ

(1) ล็อค          

(2)มองเตสกีเออ         

(3)ฮอบส์         

(4)รุสโซ

ตอบ 2 หน้า 447 – 448, (คำบรรยาย) มองเตสกีเออ เป็นนักปรัชญาชาวฝรั่งเศสที่เขียนหนังสือชื่อ วิญญาณแห่งกฎหมาย” (The Spirit of Law)ในปี ค.ศ. 1748 ทั้งนี้เขาเห็นว่าการปกครอง ที่ดีที่สุดคือ การใช้กฎหมาย และต้องมีการแบ่งแยกอำนาจการปกครองออกเป็น 3 ฝ่าย อย่างเด็ดขาด ได้แก่ ฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ

100.    สาเหตุที่ชาวอาณานิคมอเมริกันไม่ยอมเสียภาษีเพิ่มให้แกอังกฤษคือ

(1) ไม่มีผู้แทนในสภาอังกฤษ  

(2) ได้รับการสนับสนุนจากฝรั่งเศส

(3)ไม่พอใจที่อังกฤษยึดครองแคนาดา

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 453 – 454113 (H), (คำบรรยาย) ในระหว่างปี ค.ศ. 1763 – 1775 สัมพันธภาพ ระหว่างอังกฤษและอาณานิคมทั้ง 13 แห่งในนิวอิงแลนด์เริ่มตึงเครียดมากขึ้น เพราะอังกฤษ พยายามบังคับให้อาณานิคมอเมริกันต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นตามนโยบายพาณิชย์ชาตินิยม แต่ ชาวอาณานิคมต่อต้านไม่ยอมเสียภาษี เพราะถือว่าไม่มีผู้แทนของตนในรัฐสภาของอังกฤษ และต่อต้านไม่ยอมซื้อสินค้าของอังกฤษโดยความขัดแย้งนี้ได้นำไปสู่การปฏิวัติอเมริกาเพื่อ ประกาศอิสรภาพจากอังกฤษในวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1776 ซึ่งเท่ากับเป็นการสถาปนา ประเทศสหรัฐอเมริกา

101.    กลุ่มอภิสิทธิ์ชนที่ไม่ต้องเสียภาษีก่อนการปฏิวัติฝรั่งเศส ค.ศ. 1789 คือ

(1) พระ           

(2) ขุนนาง      

(3) สามัญชน  

(4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 หน้า 459 – 460114 (H) ก่อนการปฏิวัติฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1789 ฝรั่งเศสมีการแบ่งชนชั้นทางสังคมออกเป็น 3 ชนชั้น หรือ 3 ฐานันดร ได้แก่

1.         ฐานันดรที่ 1 ได้แก่ พระหรือเจ้าหน้าที่ศาสนา

2.         ฐานันดรที่ 2 ได้แก่ เจ้าหรือขุนนาง

3.         ฐานันดรที่ 3 ได้แก่ สามัญชน ซึ่งประกอบด้วยชนชั้นกลาง ช่างฝีมือ และชาวนา

โดยฐานันดรที่ 1 และ 2 เป็นกลุ่มที่มีอภิสิทธิ์ทางสังคมที่ไมต้องเสียภาษีรายได้ ส่วนฐานันดรที่ 3 เป็นกล่มที่ไม่มีอภิสิทธิ์ โดยต้องแบกรับภาระภาษีและภาระทางสังคมของประเทศ

102.    สาเหตุปัจจุบันที่นำไปสู่การปฏิวัติฝรั่งเศส ค.ศ. 1789 คือ

(1) ความแตกต่างทางสังคม   

(2) ปัญหาการคลัง

(3)การใช้อำนาจเกินขอบเขตของรัฐบาล        

(4) ได้รับอิทธิพลจากสหรัฐอเมริกา

ตอบ 2 หน้า 460 – 461114 – 115 (H) สาเหตุปัจจุบันที่นำไปสู่การปฏิวัติฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1789 คือ ปีญหาทางด้านการคลัง ทั้งนี้เพราะพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ไม่มีเงินเพียงพอที่จะใช้จ่ายในการ บริหารประเทศ จึงทรงเรียกประชุมสภาฐานันดรในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1789 เพื่อร่วมมือกัน หาวิธีแก้ไขปัญหาการคลัง แต่ก็ตกลงกันไม่ได้ ทำให้กลุ่มฐานันดรที่ 3 ซึ่งประกอบด้วยชนชั้นกลาง ช่าฝีมือ และชาวนา แยกตัวออกมาตั้งสภาแห่งชาติของฝรั่งเศส ซึ่งได้กลายเป็นชนวนนำไปสู่ การปฏิวัติฝรั่งเศสในที่ลุด

103.    ปัจจัยที่ทำให้นโปเลียนหมดอำนาจคือ           

(1) การปิดล้อมอังกฤษ

(2) ลัทธิชาตินิยมที่ต่อต้านฝรั่งเศส     

(3) การบุกรัสเซีย        

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 469 – 470117 (H) ปัจจัยที่ทำให้จักรพรรดิบโปเลียนแห่งฝรั่งเศสเสื่อมอำนาจ มีดังนี้

1.         มีการปิดล้อมอังกฤษทางเศรษฐกิจ (Continental Blockade) เพื่อไม่ให้ประเทศบนภาคพื้น- ยุโรปค้าขายกับอังกฤษ แต่ก็ไม่เป็นผล จนถูกกล่าวว่าเป็นเพียง แผนการณ์บนกระดาษ” (Paper Blockade)

2.         ดินแดนที่อยู่ภายใต้การปกครองของนโปเลียนเกิดความรู้สึกชาตินิยม เพราะไม่พอใจต่อ การถูกกดขี่จากกองทัพนโปเลียน

3.         ทำสงครามกับรัสเชียในปี ค.ศ. 1812 แต่ต้องพ่ายแพ้ต่อความหนาวเย็น การขาดแคลนอาหาร และกองทัพรัสเซีย จนต้องถอยทัพกลับมา ซึ่งสงครามในครั้งนี้ทำให้นโปเลียนหมดอำนาจ จนต้องสละบัลลังก์ไปในปี ค.ศ. 1814 และถูกเนรเทศไปอยู่ที่เกาะเอลบา

104.    ในยุคเมตเตอร์นิก ค.ศ. 1815 – 1848 ยุโรปตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของพวก

(1) เสรีนิยม    

(2) สังคมนิยม

(3) ชาตินิยม   

(4) อนุรักษนิยม

ตอบ 4 หน้า 471 – 473118 (H) ภายหลังการประชุมที่เวียนนาสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1815 ประเทศในยุโรปส่วนใหญก็ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของกลุ่มอนุรักษนิยม มีผู้นำคือ เจ้าชายเมตเตอร์นิก เสนาบดีของอาณาจักรออสเตรีย ซึ่งเป็นผู้ที่ต่อสู้เพื่อรักษาระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และทำการต่อต้านระบอบเสรีนิยมทุกประเภท ทำให้ยุคสมัยของคองเกรสแห่งเวียนนาถูกเรียกว่า ยุคเมตเตอร์นิก” (ค.ค. 1815 – 1848)

105.    ประเทศผู้นำในอุตสาหกรรมทอผ้าในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมคือ

(1) ฝรั่งเศส     

(2) อังกฤษ     

(3) เบลเยียม  

(4) เยอรมนี

ตอบ 2 หน้า 495 – 496562123 (H) ประเทศอังกฤษ เป็นประเทศแรกบนภาคพื้นทวีปยุโรปที่ ประสบความสำเร็จจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมในระหว่างปี ค.ศ. 1760 – 1830 โดยเริ่มจาก การประดิษฐ์เครืองจักรเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมทอผ้า ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมแรกที่มีการปฏิวัติ หลังจากนั้นการปฏิวัติอุตสาหกรรมจึงได้แพร่ขยายไปในประเทศต่าง ๆ บนภาคพื้นยุโรป สหรัฐอเมริกา และในทวีปเอเชีย

106.    ขบวนการอนาธิปไตย (Anarchism) ซึ่งเป็นผลมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม เป็นขบวนการที่ต่อต้าน

(1) ลัทธิสังคมนิยม     

(2) ลัทธิคอมมิวนิสต์   

(3) ลัทธินายทุน          

(4) ลัทธิซินดิคาลิสม์

ตอบ 3 หน้า 505 อนาธิปไตย (Anarchism) เป็นขบวนการที่ต่อต้านระบบนายทุนซึ่งมีแนวความคิดที่รุนแรงกว่าสังคมนิยมมาก โดยอนาธิปไตยจะเน้นการทำลายอำนาจทุกชนิดทั้งความคิด ในเรื่องการปกครองโดยรัฐ ระเบียบประเพณี และระบบชนชั้น ทั้งนี้เพราะกลุ่มอนาธิปไตย มีความเชื่อว่าทุกรัฐบาลล้วนกดขี่ ซึ่งนักคิดคนสำคัญของขบวนการนี้ เช่น วิลเลียม กอดวิน,ปิแอร์ พรูดองไมเคิล บูกานิน เป็นต้น

107.    ผู้บัญชาการกองทัพอาสาสมัครเชิร์ตแดง (Red Shirts) ผู้มีบทบาทสำคัญในการรวมอิตาลีคือ

(1) มาสสินิ     

(2) คาวัวร์       

(3) การิบัลดี   

(4) ออสินิ

ตอบ 3 หน้า 515126 (H) จากการที่ซาร์ดิเนียต้องยกเมืองนิซและแคว้นซาวอยให้แกฝรั่งเศส เพื่อ เป็นการตอบแทนในการช่วยรบกับออสเตรียในปี ค.ค. 1859 นั้น ทำให้การิบัลดี (Garibaldi) ซึ่งเป็นวีรบุรุษของชาวอิตาเลียนไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงรวบรวมอาสาสมัครเชิร์ตแดง (Red Shirts)ในปี ค.ศ. 1860 ลงเรือไปซิซิลี จากนั้นก็เข้ายึดซิซิลีและข้ามมายึดเนเปีลส์ รวมทั้งเดินทัพมุ่งสู่กรุงโรม ซึ่งได้รับการคุ้มครองจากกองทหารฝรั่งเศสด้วย

108.    การรวมเยอรมนีของบิสมาร์คด้วยนโยบาย เลือดและเหล็ก” คือ การรวมเยอรมนีโดย

(1) ขอความช่วยเหลือจากต่างชาติ     

(2) การทำสงคราม

(3) วิถีทางการทูต       

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 517 – 520128 – 129 (H) บิสมาร์ค อัครมหาเสนาบดีของปรัสเซีย ได้ประกาศใช้ นโยบายเลือดและเหล็กในการบริหารประเทศ และใช้ในการดำเนินนโยบายเพื่อรวมเยอรมนี เข้าด้วยกัน ซึ่งในระยะแรกนั้นบิสมาร์คจะใช้วิธีการทำสงครามถึง 3 ครั้ง คือ ทำสงครามกับเดนมาร์ก ออสเตรีย และฝรั่งเศส ซึ่งหลังจากที่ฝรังเศสเป็นฝ่ายพ่ายแพแก่ปรัสเซีย ได้ส่งผลทำให้บิสมร์ค สามารถจัดตั้งประเทศเยอรมนีขึ้นได้สำเร็จในปี ค.ศ. 1871 ที่ห้องกระจกในพระราชวังแวร์ซายส์ ประเทศฝรั่งเศส

109.    ในสมัยจักรวรรดินิยมยุคใหม่ ค.ศ. 1871 – 1914 ไทยต้องเสียดินแดนให้แก่

(1) อังกฤษ     

(2) ฝรั่งเศส     

(3) โปรตุเกส   

(4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 (คำบรรยาย) ในสมัยจักรวรรดินิยมยุคใหม่ (ค.ค. 1871 – 1914) ไทยต้องยอมเสียดินแดน ซึ่งเป็นรัฐในอารักขาของตน เพื่อแลกเปลี่ยนกับสิทธิสภาพนอกอาณาเขตกับชาติตะวันตก 2 ประเทศ คือ

1. เสียดินแดนของรัฐตอนบนในแหลมมลายู ได้แก่ ไทรบุรี ปะลิส กลันตัน และตรังกานูให้แก่อังกฤษ ในปี ค.ศ. 1909           

2. เสียดินแดนฝั่งซ้ายของแม่นํ้าโขงได้แก่พระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ ให้แก่ฝรั่งเศส

110.    สิ่งที่อังกฤษใช้เป็นข้ออ้างในการทำสงครามเปิดประเทศจีนคือ

(1) ระบบการค้าเสรี    

(2) ฝิ่น

(3) ผ้า 

(4) ความไม่เป็นธรรมทางการค้า

ตอบ 2 หน้า 527132 (H) อังกฤษเป็นชาติแรกที่ใช้นโยบายเรือปืนบีบบังคับให้จีนเปิดประเทศด้วย สงครามฝิ่น (ค.ศ. 1840 – 1842) เนื่องจากอังกฤษไม่พอใจระบบการค้าทีเอาเปรียบของจีน จึงแก้ปัญหาด้วยการนำฝิ่นจากอินเดียมาขายในจีน รัฐบาลแมนจูของจีนไม่ยินยอมจึงทำให้เกิด สงครามขึ้น ผลปรากฎว่าจีนเป็นฝ่ายแพ้และต้องลงนามในสนธิสัญญานานกิงในปี ค.ศ. 1842 ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้

1. จีนต้องเปิดเมีองท่าเพิ่มอีกคือ เอหมึง ฟูเจา นิงโป และเซี่ยงไฮ้ เพื่อให้ชาวต่างชาติเข้ามาพำนักและค้าขาย

2. จีนต้องยกเกาะฮ่องกงให้อังกถษ และต้อง ชดใช้ค่าเสียหายด้วย

3. จีนต้องยกเลิกภาษีขาเข้า

111.    สนธิสัญญาสันนิบาตสามจักรพรรดิซึ่งเป็นนโยบายที่บิสมาร์คต้องการโดดเดี่ยวฝรั่งเศสไม่ประสบความสำเร็จเพราะความขัดแย้งระหว่าง    

(1) เยอรมนีกับรัสเซีย

(2) ออสเตรียกับรัสเซีย           

(3) ออสเตรียกับเยอรมนี        

(4) ฝรั่งเศสกับเยอรมนี

ตอน2   หน้า 529 ภายหลังการรวมเยอรมนีในปี ค.ศ. 1871 แล้ว บิสมาร์กได้พยายามโดดเดี่ยวฝรั่งเศสด้วยการเข้าร่วมจัดตั้งสันนิบาตสามจักรพรรดิ (The Three Emperors League) ขึ้นในปี ค.ศ. 1873 ซึ่งเป็นการเข้าร่วมภาคีระหว่างจักรพรรดิฟรานซิส โจเซฟ แห่งออสเตรียไกเซอร์วิลเลยมที่ 1 แห่งเยอรมนี และพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 แห่งรัสเซีย อย่างไรก็ตามจุดอ่อนของสันนิบาตนี้ ก็คือ ความขัดแย้งระหวางรัสเซียกับออสเตรียเรื่องผลประโยชน์ในคาบสมุทรบอลข่าน ซึ่งส่งผลให้ รัสเซียถอนตัวออกมา ทำให้ความต้องการโดดเดี่ยวฝรั่งเศสไม่ประสบความสำเร็จ

112.    ประเทศที่ไม่ได้อยู่ในฝ่ายมหาอำนาจกลาง (Central Powers) ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 คือ

(1) เยอรมนี     

(2) ออสเตรีย-ฮังการี

(3) บัลแกเรีย  

(4) อิตาลี

ตอบ 4 หน้า 535134 (H) เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ขึ้นในปี ค.ศ. 1914 ประเทศมหาอำนาจ ในยุโรปได้แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ

1.         ฝ่ายมหาอำนาจกลาง (The Central Powers) ประกอบด้วย เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี ตุรกี และบัลแกเรีย

2.         ฝ่ายสัมพันธมิตร (The Allied Powers) ประกอบด้วย ฝรั่งเศส รัสเซีย และอังกฤษ ต่อมาก็มีประเทศอื่นเข้ามาร่วมด้วย ได้แก่ อิตาลี สหรัฐอเมริกา เซอร์เบีย จีน ญี่ปุ่น และไทย

113.    สหรัฐอเมริกาเข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่ 1 เพราะ

(1) ไม่พอใจเยอรมนีที่ใช้เรือดำนํ้าอย่างไม่มีขอบเขต

(2)ไม่พอใจเยอรมนีที่ยุให้เม็กซิโกกับญี่ปุ่นทำสงครามกับสหรัฐอเมริกา

(3) ถูกโจมตีที่เพิร์ล ฮาร์เบอร์  

(4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ4 หน้า 536 – 537134 (H), (คำบรรยาย) สาเหตุที่ทำให้สหรัฐอเมริกาซึ่งได้ประกาศตัว เป็นกลาง ต้องเข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่ 1 ร่วมกับประเทศฝ่ายสัมพันธมิตร มีดังนี้

1.สหรัฐฯ แอบลักลอบค้าอาวุธสงครามให้แก่ฝายสัมพันธมิตร ต่อมาเมื่อเยอรมนีทราบเรื่องนี้ จึงทำสงครามเรือดำนํ้าโดยไม่จำกัดขอบเขต ทำให้สหรัฐฯ ได้รับความเดือดร้อน

2.สหรัฐฯ ไม่พอใจที่เยอรมนีชักชวนให้เม็กซิโกกับญี่ปุ่นทำสงครามกับสหรัฐฯ

3.สหรัฐฯ เป็นผู้ขายอาวุธให้แก่ฝ่ายส้มพันธมิตร ถ้าฝ่ายสัมพันธมิตรพ่ายแพ้สงคราม สหรัฐฯ ก็จะต้องสูญเสยเงินที่ควรได้จากการขายอาวุธ

114.    สาเหตุสำคัญที่ทำให้รัฐบาลปฏิวัติของเคอเรนสกี้ไม่ยอมถอนรัสเซียออกจากสงครามโลกครั้งที่ 1 เพราะ

(1) กลัวเลนินจะปฏิวัติ           

(2) กลัวว่าซาร์จะกลับมามีอำนาจ

(3)สหรัฐอเมริกาขู่จะไม่ให้เงินกู้          

(4) กลัวการปฏิวัติซ้อนจากพวกรัสเซียขาว

ตอบ 3 หน้า 537 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 รัฐบาลเฉพาะกาลของนายเคอเรนสกี้ได้ถูกกดดันจาก สหรัฐอเมริกาให้รัสเซียทำสงครามต่อไป มิฉะนั้นจะไม่ให้รัสเซียกู้ยืมเงิน แต่ทหารรัสเซียไม่มีกำลังใจในการรบ อีกทั้งความไม่พร้อมในด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ และชาวรัสเซียโดยทั่วไป เริ่มเบื่อหน่ายการบริหารงานของนายเคอเรนสกี้ ดังนั้นจึงส่งผลให้การปฏิวัติครั้งใหญ่ของพรรคบอลเชวิคของเลนินในช่วงปลายปี ค.ศ. 1917 ได้รับการสนับสบุนจนได้รับชัยชนะ ทำให้รัสเซียต้องเปลี่ยนแปลงการปกครองไปสู่ระบอบคอมมิวนิสต์ในที่สุด

115.    หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ยุติลง สหรัฐอเมริกาไม่ได้ร่วมเป็นสมาชิกสันนิบาตชาติทั้ง ๆ ที่เป็นข้อเสนอของ ประธานาธิบดีวิลสัน เพราะ

(1) รัฐสภาไม่อนุมัติ    

(2) ละเมิดลัทธิมอนโร 

(3) ขัดแย้งกับฝรั่งเศส

(4)ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ4 หน้า 539137 (H) ในเดือนพฤศจิกายน ค.ค. 1919 ประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน ได้เสนอ ร่างสนธิสัญญาแวร์ซายส์ต่อรัฐสภาอเมริกัน แต่สภาไม่ยอมรับเพราะ

1.         เห็นว่าสนธิสัญญาฉบับนี้บีบคั้นเยอรมนีมากเกินไป

2.         การที่สหรัฐอเมริกาจะต้องเข้าเป็นสมาขิกของสันนิบาตชาตินั้น ถือว่าเป็นการละเมิด ลัทธิมอนโรที่สันนิบาตชาติอาจเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในทวีปอเมริกาได้ ทำให้ ความต้องการความโดดเดี่ยวเป็นเอกเทศของสหรัฐอเมริกาต้องสิ้นสุดลง

116.    ลัทธิที่เกิดขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ยุติลงเพื่อต่อต้านการขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์ คือ

(1) ฟาสซิสต์   

(2) นาซี           

(3) ประชาธิปไตย       

(4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 หน้า 541 – 543137 – 138 (H), (คำบรรยาย) หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ยุติลง ได้เกิดขบวนการชาตินิยมที่เรียกว่า ระบอบเผด็จการเบ็ดเสร็จ” ขึ้น ซึ่งเป็นการปกครองที่ผู้นำเดี่ยว มีอิทธิพลครอบงำ หรืออาจอยู่ในรูปองค์กรผู้นำพรรคการเมือง 1 พรรค ใช้อำนาจเด็ดขาด ในลักษณะก้าวร้าวแต่เพียงพรรคเดียว แบงออกเป็น 2 แบบ ซึ่งมีลักษณะตรงข้ามกัน ได้แก่

1.         ลัทธิคอมมิวนิสต์ (Communism) หรือเผด็จการฝ่ายซ้าย เป็นขบวนการต่อต้านลัทธิทุนนิยมประชาธิปไตย

2.         ลัทธิฟาสซิสต์ (Fascism) หรือเผด็จการฝ่ายขวา ก่อตั้งโดยเบนิโต มุสโสลินี เกิดขึ้นในอิตาลี และขยายต่อมายังเยอรมนี เรียกว่า ลัทธินาซี” เป็นขบวนการชาตินิยมที่ต่อต้านการขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์และระบอบเสริประชาธิปไตย

117.    ประเทศที่ถูกฮิตเลอร์เข้ายึดครองก่อนการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2ในปี ค.ศ. 1939 คือ

(1) ออสเตรียและเชคโกสโลวะเกีย    

(2) ฝรั่งเศส     

(3) รัสเซีย       

(4) ฮอลแลนด์

ตอบ 1 หน้า 548 – 550 วิกฤตการณ์ตึงเครียดก่อนที่ฮิตเลอร์จะนำกองทัพบุกโปแลนด์ อันเป็น จุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่2ในปีค.ศ. 1939ได้แก่

1.         เยอรมนีได้รวมเอาออสเตรียเข้าเป็นแคว้นหนึ่งของเยอรมนี

2.         เยอรมนีได้รวมแคว้นซูเดเทนของเชคโกสโลวะเกียเข้าเป็นแคว้นหนึ่งของเยอรมนี

3.         เยอรมนียึดแคว้นเมเมลคืนจากลิทัวเนีย

4.         อิตาลีรุกรานอัลบาเนีย

118.    ฮิตเลอร์ทำสัญญากับชาติใดก่อนบุกโปแลนด์ ค.ศ. 1939

(1) อังกฤษ     

(2) รัสเซีย       

(3) อิตาลี        

(4) ฝรั่งเศส

ตอบ 2 หน้า 550 ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1939 ฮิตเลอร์ได้เรียกร้องให้โปแลนด์คืนฉนวนโปแลนด์และเมืองดานซิกให้เยอรมนี แต่โปแลนด์ไม่ยินยอม ฮิตเลอร์จึงตอบโต้ว่ากองทัพเยอรมันจะบุก โปแลนด์ ทำให้อังกฤษและฝรั่งเศสไม่พอใจ และได้พยายามชักชวนรัสเซียให้เข้ามาช่วยสกัดกั้น ฮิตเลอร์ แต่รัสเซียไม่ยอมเข้าร่วมด้วย ฮิตเลอร์จึงตัดหน้าด้วยการเดินทางไปพบสตาลิน แล้ว ตกลงทำสนธิสัญญาไม่รุกรานกันในวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 1939 ทั้งนี้สตาลินยินยอมเพราะ หวังว่าการเป็นพันธมิตรกับเยอรมนีจะทำให้รัสเซียสามารถวางตัวเป็นกลางได้

119.    ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติ ยุโรปตะวันออกตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของ

(1) รัสเซีย       

(2) สหรัฐอเมริกา        

(3) อังกฤษ     

(4) ฝรั่งเศส

ตอบ 1 หนา 556139 (H) ผลของสงครามโลกครั้งที่ 2 มีดังนี้

1.         เกิดการเปลี่ยนแปลงดุลอำนาจของโลก โดยมหาอำนาจยุโรปตะวันตกได้ลดความสำคัญลง และเกิดประเทศมหาอำนาจใหม่ คือ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้นำฝ่ายโลกเสรีประชาธิปไตย และรัสเชซีย ซึ่งเป็นผู้นำของยุโรปตะวันออกและโลกคอมมิวนิสต์

2.         มีการก่อตั้งองค์การสหประชาชาติ

3.         ประเทศที่ตกเป็นอาณานิคมมีการเรียกร้องเอกราช

120.    วิกฤตการณ์ปิดล้อมเบอร์ลิน ค.ศ. 1948 – 1949 ในสมัยสงครามเย็น การขนส่งเข้าเบอร์ลินทำได้เฉพาะทาง

(1) รถไฟ         

(2) รถยนต์      

(3) เครื่องบิน  

(4) เรือ

ตอบ 3 หน้า 560 การปิดล้อมเบอร์ลินในปี ค.ศ. 1948 เป็นผลมาจากวิกฤตการณ์สงครามเย็น โดย สหภาพโซเวียตได้สั่งปิดเบอร์ลินของเยอรมนีซึ่งเป็นเขตยึดครองของตน เพราะต้องการขับไล่ สัมพันธมิตรออกจากเบอร์ลินทั้งหมด โดยอนุญาตให้การขนส่งกระทำได้เฉพาะทางอากาศ ฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งนำโดยสหรัฐอเมริกาจึงตอบโต้ด้วยการจัดตั้งองค์การนาโต้ (NATO) ขึ้น ทำให้ โซเวียตซึ่งยังไม่พร้อมทำสงครามยอมยกเลิกการปิดล้อม และยอมให้องค์การสหประชาชาติ เข้ามาช่วยจัดการเปิดการคมนาคมระหว่างเบอร์ลินตะวันตกกับเบอร์ลินตะวันออกใหม่อีกครั้ง ในปี ค.ศ. 1949

HIS1001 อารยธรรมตะวันตก การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2556

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2556

ข้อสอบกระบวนวิชา HIS 1001 อารยธรรมตะวันตก

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 120 ข้อ)

1.         เหตุการณ์ใดที่เกิดขึ้นพร้อมกับการสิ้นสุดยุค Reconquest      

(1)       การค้นพบทฤษฎีวิธีการทางวิทยาศาสตร์

(2) Christopher Columbus ค้นพบโลกใหม่ทวีปอเมริกา

(3) การปฏิรูปศาสนาโดย Martin Luther

(4) กรุงคอนสแตนติโนเปลถูกออตโตมัน เติร์ก ยึดครอง

ตอบ 2 หน้า 2-3 (H), 73 (H), 90 (H) ยุค Recoriquest หรือ Reconquista เป็นยุคแห่งการยึดอำนาจคืนของพวกคริสเตียนจากพวกมัวร์ในสเปน โดยยุคนี้สิ้นสุดลงในปี A.D. 1492 ซึ่งตรงกับปีที่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (Christopher Columbus) เดินทางไปค้นพบโลกใหม่ หรือทวีปอเมริกา โดยถือเป็นปีแห่งการสิ้นสุดสมัยประวัติศาสตร์ยุคกลางเข้าสู่ยุคใหม่

2.         A.Q. Anno Domini Nortri Leau Christh (ปีของพระเยซูคริสต์) หรือคริสต์ศักราชเริ่มนับเวลาตั้งแต่ เกิดเหตุการณ์ใด

(1)       พระเจ้าสร้างโลก        

(2) พระเยซูสิ้นพระชนม์

(3) พระเยซูประสูติ     

(4) เริ่มมีการใช้ตัวหนังสือ

ตอบ 3 หน้า 1 (H) A.D.(Anno Domini) เป็นภาษาละตินซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษคือ “in the year of the Lord” หมายถึง ปีภายหลังการประสูติของพระเยซูคริสต์หรือคริสต์ศักราช โดยใช้ ชื่อย่อว่า ค.ศ. เช่น A.D. 2000 หรือ ค.ศ. 2000

3.         ข้อใดไม่ถูกต้อง

(1)       ยุคหินคือยุคก่อนการประดิษฐ์ตัวอักษรหรือยุคก่อนประวัติศาสตร์

(2)       ยุคโลหะคือยุคก่อนการประดิษฐ์ตัวอักษร

(3)       ยุคกลางมีความรุ่งเรืองทางคริสต์ศาสนาสูงที่สุด

(4)       อารยธรรมโรมันจัดอยู่ในยุคประวัติศาสตร์หรือยุคกลาง

ตอบ 2 หน้า 72 (H), 9 (H) การแบ่งสมัยประวัติศาสตร์ของมนุษย์จะพิจารณาจากการรู้หนังสือ หรือการประดิษฐ์ตัวอักษรเป็นเกณฑ์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ยุคใหญ่ๆ ดังนี้

1.         ยุคหินหรือยุคก่อนประวัติศาสตร์ คือ ยุคก่อนการรู้หนังสือ หรือยุคก่อนการประดิษฐ์ตัวอักษร

2.         ยุคโลหะหรือยุคประวัติศาสตร์ คือ ยุครู้หนังสือ หรือยุคที่เริ่มมีการประดิษฐ์ตัวอักษรแล้ว

4.         A.D. 476 เกิดเหตุการณ์สำคัญที่นักประวัติศาสตร์ถือว่าสิ้นสุดยุคโบราณเข้าสู่ยุคกลางคือ

(1)       อาณาจักรโรมันตะวันออกล่มสลาย    

(2) สิ้นสุดยุค Reconquest ในสเปน

(3) อาณาจักรโรมันตะวันตกล่มสลาย

(4) การเกิดใหม่ของอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์

ตอบ 3 หน้า 3 (H), 54 (H) ในปี A.D. 476 (ค.ศ. 476) เป็นปีที่กรุงโรมซึ่งเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิ โรมันตะวันตกล่มสลาย เนื่องจากถูกพวกอนารยชนเยอรมันเข้ายึดครอง ซึ่งถือว่าเป็นปีแห่ง การสิ้นสุดยุคโบราณเข้าสู่ยุคกลาง ทั้งนี้เพราะสังคมเมืองที่ทันสมัยภายใต้การปกครองของ พวกโรมันต้องเปลี่ยนมาสู่สมัยแห่งความวุ่นวาย ภายใต้การเข้ามามีอำนาจของพวกอนารยชน ในยุโรปตะวันตก ทำให้มีการแปลงสภาพจากสังคมเมืองมาเป็นสังคมชนบทที่อารยธรรม ความเจริญต่างๆ ไม่ได้รับการทำนุบำรุงรักษา

5.         ความสำคัญของยุคโลหะ

(1)ยุคที่มีการประดิษฐ์ตัวอักษร          

(2) ยุครู้หนังสือ

(3) ยุคประวัติศาสตร์  

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 3. ประกอบ

6.         ยุคน้ำแข็ง (Pleistocene) ในช่วงที่น้ำแข็งละลายมีความสำคัญอย่างไร

(1)       มีสัตว์เซลล์เดียวได้ถือกำเนิดขึ้นในโลก

(2)       ปรากฏร่องรอยสิ่งมีชีวิตคือ มนุษย์” ขึ้นครั้งแรก

(3)       สัตว์เลื้อยคลานประเภทไดโนเสาร์ถือกำเนิด

(4)       มีการค้นพบหมู่เกาะสปีตส์เบอร์เกน (Spitsbergen)

ตอบ 2 หน้า 28 (H) ยุคที่ธารนํ้าแข็งแผ่เข้ามาปกคลุมส่วนต่าง ๆ ของโลกนั้น เรียกว่า ยุคนํ้าแข็ง” (Pleistocene) ซึ่งเริ่มเกิดขึ้นประมาณเกือบ 1 ล้านปีมาแล้ว ยุคนี้นับว่ามีความสำคัญต่อเรื่องราวของมนุษยชาติเป็นอย่างมาก เพราะในช่วงที่น้ำแข็งละลายได้ปรากฏร่องรอยของสิ่งมีชีวิตคือ มนุษย์” ขึ้นเป็นครั้งแรก

7.         A.D. 1795 Immanuel Kant (อิมมานูเอล คานท์) นักปรัชญาชาวเยอรมันเสนอทฤษฎีใดซึ่งขัดแย้งกับทฤษฎีการสร้างโลกในพระคัมภีร์เก่า (The Old Testament : The Genesis)

(1)       สิ่งมีชีวิตกำเนิดจากสัตว์เซลล์เดียว

(2)       โลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล พระเจ้าเป็นผู้สร้างโลก

(3)       โลกเกิดจากการรวมตัวของฝุ่น ผง ก๊าซ ที่เคลื่อนไหวในจักรวาล

(4)       มนุษย์ถือกำเนิดในยุคน้ำแข็ง

ตอบ 3 หน้า 17 (H) ในปี A.D. 1775 อิมมานูเอล คานท์ (Immanuel Kant) นักปรัชญาชาวเยอรมัน ได้เสนอทฤษฎีการกำเนิดของโลกว่า โลกและดาวเคราะห์ถือกำเนิดมาจากกลุ่มเมฆ กลุ่มผงและ กลุ่มก๊าซที่เคลื่อนไหวในจักรวาล ซึ่งได้ถูกกระแสลมหมุนอย่างรุนแรง ทำให้เกิดการรวมตัวกันขึ้นเป็น ดาวเคราะห์ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ ซึ่งทฤษฎีนี้ได้ขัดแย้งกับทฤษฎีการสร้างโลกในพระคัมภีร์เก่า (The Old Testament) ในบทปฐมกาล (Genesis) ที่กล่าวว่า พระเจ้า (พระยะโฮวา) คือผู้สร้างสรรพสิ่งต่าง ๆ ขึ้นมาในจักรวาลรวมทั้งโลกและมนุษย์

8.         หมู่เกาะสปิตสํเบอร์เกน (Spitsbergen) ตอนเหนือของประเทศนอร์เวย์เป็นการพิสูจน์ทฤษฎีใด

(1) โลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

(2) สิ่งมีชีวิตเริ่มต้นจากถ่านหิน

(3) มนุษย์ถือกำเนิดในยุคนํ้าแข็ง       

(4) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 1 หน้า 27 (H) การเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกและสิ่งมีชีวิตทั้งหลายเกิดขึ้นหมุนเวียนอยู่ตลอด เวลาเป็นเวลาช้านาน ตัวอย่างเช่น การขุดค้นพบแหล่งถ่านหินในบริเวณหมู่เกาะสปิตล์เบอร์เกน (Spitsbergen) ที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศนอร์เวย์ (Norway) ใกล้กับบริเวณขั้วโลกเหนือ หรือบริเวณที่เส้นขนาน 80 องศาเหนือ ซึ่งปัจจุบันถูกปกคลุมไปด้วยธารนํ้าแข็งนั้น ถือเป็น ประจักษ์พยานได้ว่าบริเวณนี้เคยเป็นเขตป่าไม้และมีอากาศแบบกึ่งเมืองร้อนมาก่อน

9.         ข้อใดไม่ใช่ทวีปแหล่งกำเนิดของมนุษย์

(1) เอเชีย        

(2) อเมริกา     

(3) แอฟริกา    

(4) ยูเรเชีย

ตอบ 2 หน้า 1 – 28 (H) นักประวัติศาสตร์ได้สันนิษฐานว่าแหล่งกำเนิดของมนุษย์น่าจะอยู่ใน ทวีปเอเชียและแอฟริกา รวมทั้งบริเวณตอนกลางของทวีปเอเชียที่อยู่ติดกับยุโรป คือ บริเวณยูเรเชีย (Eurasia) โดยบริเวณดังกล่าวนื้จะมีภูมิอากาศที่เหมาะสำหรับการพัฒนา ของไพรเมท (Primate) ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ ต่อมาบรรดาไพรเมทเหล่านี้ก็ได้ กระจัดกระจายออกไปตั้งถิ่นฐานในที่ต่าง ๆ ทั้งในทวีปยุโรปและทวีปอเมริกา

10.       ยุคหินใดที่มนุษย์เริ่มตั้งถิ่นฐานและสร้างอารยธรรม

(1)       ยุคหินแรก       

(2) ยุคหินเก่า  

(3) ยุคหินกลาง          

(4) ยุคหินใหม่

ตอบ 4 หน้า 8 – 1538 – 399 – 10 (H) ยุคหินแบ่งออกเป็น 4 ยุค คือ

1. ยุคหินแรก เป็นยุคลองผิดลองถูกของมนุษย์

2. ยุคหินเก่า หรือยุคเก็บผลไม้ เป็นยุคที่มนุษย์เริ่มใช้อาวุธป้องกันตนเอง นุ่งห่มหนังสัตว์ และเก็บผลไม้

3. ยุคหินกลาง เป็นยุคที่มนุษย์เริ่มรู้จักวิธีการเลี้ยงสัตว์ โดยสัตว์ที่นำมาเลี้ยงชนิดแรกคือ สุนัข 4. ยุคหินใหม่ หรือยุคปลูกผลไม้ เป็นยุคที่มนุษย์รู้จัก เลี้ยงสัตว์และเพาะปลูก จนถึงขั้นควบคุมการผลิตอาหารได้ ทำให้มนุษย์เปลี่ยนจากชุมชนเร่ร่อน เป็นชุมชนตั้งรกราก หรือเป็นยุคที่เริ่มมีการตั้งถิ่นฐานเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ยังมีหัวหน้าปกครอง มีการแบ่งงานกันทำ และเริ่มดำรงชีวิตแบบสังคมเมือง (Urban Life) ซึ่งถือว่าเป็นสมัยอารยธรรม (Civilization) ของมนุษย์

11.       สัตว์ชนิดใดที่มนุษย์นำมาเลี้ยงเป็นชนิดแรก

(1) แมว           

(2) ช้าง           

(3) ม้า 

(4) สุนัข

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 10. ประกอบ

12.       ข้อใดจัดเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่มีความนาเชื่อถือน้อยที่สุด

(1)จารึก          

(2) พงศาวดาร

(3) ตำนาน      

(4) จดหมายเหตุ

ตอบ 3 หน้า 2112 (H), (คำบรรยาย) เรื่องราวที่ได้จารึกไว้เป็นหลักฐาน (Written Records) คือหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่มีการจารึกเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งถือว่าเป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือ มากที่สุดในการศึกษาเรื่องราวของมนุษย์สมัยประวัติศาสตร์ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1.         หลักฐานดั้งเดิมหรือหลักฐานชั้นต้น (Primary Records) เช่น หลักศิลาจารึก สนธิสัญญา จดหมายเหตุ เอกสารทางการทูต แถลงการณ์ของรัฐบาล พงศาวดาร ฯลฯ

2.         หลักฐานรอง (Secondary Records) คือ หนังสือที่เรียบเรียงมาจากหลักฐานดั้งเดิม

13.       Nomad Theory มีลักษณะอย่างไร    

(1) การปรับตัวการใช้ชีวิตเข้ากับสภาพแวดล้อม

(2)การเอาชนะธรรมชาติ การทำชลประทาน  

(3) การทำลายอารยธรรม

(4)การที่ผู้ชนะรับเอาอารยธรรมที่เจริญกว่าของผู้แพ้มาปรับใช้

ตอบ 4 หน้า 26 – 2713 (H) ทฤษฎีโนแมด (Nomad Theory) หมายถึง การที่ผู้ชนะยอมรับเอา วัฒนธรรมและอารยธรรมที่เจริญกว่าของผู้แพ้มาเผยแพร่และปรับปรุงใช้ (พวกโนแมดเป็น พวกเร่ร่อนตามทะเลทรายที่สามารถรบชนะพวกที่มีอารยธรรมสูงกว่า) เช่น ในกรณีที่ พวกเซไมท์เข้ายึดครองดินแดนของพวกสุเมเรียน และรับเอาอารยธรรมของพวกสุเมเรียน มาปรับปรุงใช้ เป็นต้น

14.       ข้อใดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของอียิปต์      

(1) การประดิษฐ์ปฏิทินแบบสุริยคติ

(2)       การประดิษฐ์กระดาษขึ้นใช้เป็นครั้งแรกจากต้น Papyrus

(3)       ตัวอักษร Hieroglyphic 

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 59 – 6321 – 23 (H), (คำบรรยาย) มรดกทางอารยธรรมที่สำคัญของอียิปต์ มีดังนี้

1.         มีการประดิษฐ์ตัวอักษรเฮียโรกลิฟิก (Hieroglyphic) ขึ้นเมื่อประมาณ 3000 B.C.ซึ่งมีลักษณะเป็นอักษรภาพที่บันทึกลงบนแผ่นกระดาษปาไปรัส (Papyrus หรือคำว่า Paper ในปัจจุบัน)         

2. มีการสร้างพีระมิดเพื่อใช้เป็นสถานที่เก็บพระศพของฟาโรห์

3.         มีความเจริญทางด้านการแพทย์ เช่น มีการค้นพบว่าหัวใจคือศูนย์กลางการหมุนเวียน ของโลหิต ฯลฯ         

4. มีการสร้างระบบชลประทานที่มีประสิทธิภาพสูง

5.         มีการสร้างปฏิทินแบบสุริยคติขึ้นในปี 4241 B.C.

6.         มีการนำต้น Papyrus หรือต้นกกที่ขึ้นในแม่นํ้าไนล์มาทำกระดาษปาไปรัส เป็นต้น

15.       ช่องแคบสุเอซ (Suez Canal) มีความสำคัญอย่างไร

(1)       เป็นจุดเชื่อมทะเลเมดิเตอร์เรเบียนกับทะเลแดงเพื่อใช้ทำการค้า

(2)       คลองสายหลักของประเทศสร้างความอุดมสมบูรณ์

(3)       เป็นปราการธรรมชาติในการป้องกันดินแดน

(4)       เป็นจุดแข็งของสภาพภูมิศาสตร์ของอียิปต์

ตอบ 1 หน้า 47 – 485618 (H), 20 (H) จุดอ่อนทางภูมิศาสตร์ของอียิปต์ที่ทำให้พวกฮิคโซสสามารถ เข้ามารุกรานและยึดครองอียิปต์ได้สำเร็จ คือ บริเวณช่องแคบสุเอซ (Suez Canal) ซึ่งเป็น พื้นที่เชื่อมระหว่างทวีปแอฟริกากับทวีปเอเชียตะวันตกบริเวณที่ราบลุ่มแม่นํ้าไทกริส-ยูเฟรตีส ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดอารยธรรมเมโสโปเตเมีย ดังนั้นพื้นที่บริเวณนี้จึงเป็นทางเชื่อมหรือสะพาน ระหว่าง 2 ทวีปและ 2 อารยธรรม เป็นจุดเชื่อมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกับทะเลแดงเพื่อใช้เป็น เป็นเส้นทางการค้า เป็นแหล่งเชื่อมความคิด และเป็นทางเดินของศัตรูผู้รุกรานตลอดสมัย ประวัติศาสตร์อันยาวนานของอียิปต์

16.       จุดประสงค์ของการสร้างพีระมิดคือข้อใด

(1) วิหารเพื่อบูชาเทพเจ้า        

(2) พระราชวังของฟาโรห์

(3) สถานที่เก็บพระศพของทำโรห์      

(4) ศาสนสถานประจำราชวัง

ตอบ 3 หน้า 53 – 5464 – 6519 (H), 21 (H) การสร้างพีระมิดในสมัยอาณาจักรเก่าของอียิปต์นั้น เป็นการสร้างเพื่อถวายแก่ฟาโรห์ โดยมีจุดประสงค์สำคัญ 2 ประการ คือ

1.         เชื่อว่าเมื่อทำโรห์สิ้นพระชนม์ไปแล้ว ก็จะได้ไปร่วมมือกับเทพเจ้าเพื่อนำความอุดมสมบูรณ์ มาให้แก่อียิปต์เหมือนในสมัยที่ฟาโรห์ยังมีชีวิตอยู่

2.         จากความเชื่อในเรื่องวิญญาณเป็นอมตะและโลกหน้า ทำให้มีการสร้างพีระมิดไว้เก็บรักษา พระศพของทำโรห์ เพื่อรอการฟื้นคืนพระชนม์ชีพ

17.       ฟาโรห์องค์ใดพยายามลดบทบาทและอำนาจของพระให้น้อยลง โดยการประกาศยกเลิกเทพเจ้าทั้งหมด ให้นับถือเทพเจ้าองค์เดียว

(1) เมเนส       

(2) ตุเตนกาเมน          

(3) แฮทเซปสุท           

(4) อาเมนโฮเตป

ตอบ 4 หน้า 5821 (H) จุดมุ่งหมายที่สำคัญในการปฏิรูปศาสนาของฟาโรห์อาเมโฮเตปที่ 4 มีดังนี้

1.         ต้องการให้ชาวอียิปต์หันมานับถือสุริยเทพอาเมนหรือเทพอาเตนเพียงองค์เดียวเท่านั้น

2.         เพื่อผลทางการเมือง คือ สร้างอำนาจให้กับฟาโรห์ และต้องการตัดทอนอำนาจของ พวกพระอามอนที่ร่ำรวยขึ้นจากทรัพย์สินที่บรรดาหัวเมืองนำมาถวาย

18.       กระดาษ Papyrus ซึ่งใช้เขียนตัวอักษร Hieroglyphic เป็นที่มาของคำว่า…..ซึ่งมีการใช้ในปัจจุบัน

(1)Picture 

(2) Paper  

(3) Print    

(4) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 14. ประกอบ

19.       เหตุใดชาวเมโสโปเตเมียถึงมองโลกในแง่ร้าย

(1)       ได้รับความลำบากและความเสียหายจากแม่นํ้าไทกรีส-ยูเฟรติส

(2)       มีการอยู่ร่วมกันของหลายเผ่าพันธุ์ทำให้เกิดความขัดแย้ง

(3)       พื้นที่ไม่มีความอุดมสมบูรณ์ มีการแย่งชิงอาหารและทรัพยากร        

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 65 – 6823 (H), (คำบรรยาย) ปัจจัยที่ทำให้ชาวเมโสโปเตเมียมองโลกในแง่ร้าย ปลงทุกข์ หวาดกลัว จนทำให้ไม่คิดที่จะกลับมาเกิดใหม่อีก และไม่มีการทำมัมมี่เช่นเดียวกับชาวอียิปต์ มีดังนี้

1.         เมโสโปเตเมียเป็นที่อยู่ของกลุ่มชนหลายเชื้อชาติ จึงทำให้เกิดการทำสงครามแย่งชิงอำนาจกัน อยู่ตลอดเวลา

2.         เมโสโปเตเมียไม่มีปราการทางธรรมชาติเพื่อป้องกันการรุกรานจากภายนอกเหมือนกับอียิปต์ ที่มีทะเลทราย จึงถูกรุกรานได้ง่าย

3.         การไหลท่วมล้นฝั่งของแม่นํ้าไทกริส-ยูเฟรติสในแต่ละปีมีความรุนแรง จนสร้างความลำบาก และความเสียหายให้แก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณสองฝั่งแม่น้ำเป็นอย่างมาก

4.         พื้นที่ไม่มีความอุดมสมบูรณ์ ทำให้มีการแย่งชิงอาหารและทรัพยากรธรรมชาติ

20.       กลุ่มชนชาติแรกที่สร้างอารยธรรมในดินแดนเมโสโปเตเมียคือกลุ่มใด

(1) สุเมเรียน   

(2) อัคคาเดียน           

(3) แคลเดียน 

(4) เปอร์เซีย

ตอบ 1 หน้า 68 – 7123 – 24 (H) สุเมเรียนเป็นชนชาติแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานและวางรากฐานทางอารยธรรมในดินแดนเมโสโปเตเมีย มรดกทางอารยธรรมที่สำคัญของชาวสุเมเรียน มีดังนี้

1.         มีการประดิษฐ์ตัวอักษรคูนิฟอร์ม (Cuneiform) หรืออักษรรูปลิ่ม โดยใช้เหล็กแหลมกดลง บนแผ่นดินเหนียวแล้วจึงนำไปตากให้แห้ง เมื่อประมาณ 3500 B.C.

2.         มีการสร้างสถาปัตยกรรมด้วยอิฐที่เรียกว่า ซิกกูแรต” (Ziggurats) เพื่อใช้เป็นวิหารของเทพเจ้า

3.         มีการทำปฏิทินแบบจันทรคติขึ้นใช้ โดยหนึ่งปีจะมี 354 วัน

4.         มีการนับหน่วย 6010 และ 6 ซึ่งมีผลต่อการนับเวลาเพื่อประดิษฐ์นาฬิกาและการคำนวณ ทางเรขาคณิตในปัจจุบัน

5.         ใช้กฎหมายที่มีลักษณะสนองตอบ หรือ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” เป็นต้น

21.       ตัวอักษรรูปลิ่มเกิดจากการนำของแหลมมากดทับลงบนแผ่นดินเหนียวแล้วนำไปตาก เรียกว่า

(1) เฮียโรกลิพีก          

(2) คูนิฟอร์ม   

(3) อราเมอิก   

(4) ละติน

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 20. ประกอบ

22.       กฎหมายลายลักษณ์อักษรฉบับแรกของโลกคือกฎหมายใด

(1)       กฎหมายจัสติเนียน    

(2) กฎหมายดราโค

(3) รัฐธรรมนูญแมกนาคาร์ตา

(4) กฎหมายฮัมมูราบี

ตอบ 4 หน้า 73 – 7424 (H) พระเจ้าฮัมมูราบี แห่งจักรวรรดิบาบิโลเนีย ได้ทรงร่างประมวลกฎหมาย ฮัมมูราบี (The Code of Hammurabi) ขึ้นมาใช้ โดยจารึกด้วยอักษรคูนิฟอร์มลงบนแผ่นหินไดโดไรท์สีดำซึ่งสูง 8 ฟุต ดังนั้นจึงถือว่าเป็นกฎหมายที่มีการจารึกเป็นลายลักษณ์อักษรฉบับแรก ของโลก ทั้งนี้ประมวลกฎหมายอัมมูราบีจะอาศัยหลักลัทธิสนองตอบ (Lex Talionis) หรือ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากกฎหมายของสุเมเรียน

23.       ชนชาติใดได้รับฉายาว่า ชาวโรมันตะวันออก

(1) อัคคาเดียน           

(2) อัสสิเรียน  

(3) ลิเดียน      

(4) เปอร์เซียน

ตอบ 2 หน้า 80 – 8225 – 26 (H) มรดกทางอารยธรรมของอัสสิเรียน มีดังนี้

1.         เป็นชนชาติแรกที่จัดระเบียบการปกครองจักรวรรดิอย่างมีระบบ

2. ศิลปะที่มีชื่อเสียงมาก ของอัสสิเรียนคือ การแกะสลักภาพนูนตํ่า ซึ่งสะท้อนถึงลักษณะที่ดุร้ายของชาวอัสสิเรียน

3.         สร้างหอสมุดแห่งแรกของเอเชียตะวันตกคือ หอสมุดที่กรุงนิเนอเวห์ ซึ่งสร้างในสมัย พระเจ้าอัสซูร์บานิพัล  

4. ชาวอัสสิเรียนได้รับฉายาว่าเป็น ชาวโรมันตะวันออกเพราะมีลักษณะเหมือนชาวโรมัน เช่น มีความสามารถทางด้านการคมนาคม การสร้างถนน และ ระบบการส่งข่าวสาร ชอบทำสงครามเพื่อขยายจักรวรรดิออกไปให้กว้างใหญ่ไพศาล เป็นต้น

24.       มรดกที่ชาวลิเดียนทิ้งไว้ให้คือข้อใด

(1) การนำเหล็กมาใช้เป็นพวกแรก     

(2) การประดิษฐ์เหรียญกษาปณ์

(3) การสลักนูนต่ำที่สวยงาม  

(4) นำรถศึกมาใช้ในการสงคราม

ตอบ 2 หน้า 92 – 9330 (H), (คำบรรยาย) ผลงานที่สำคัญของกษัตริย์ครีซัสแห่งลิเดีย มีดังนี้

1. เป็นกษัตริย์ที่มีความมั่งคั่งมากจากการทำการค้ากับดินแดนแถบลุ่มแม่นํ้าไทกริส-ยูเฟรตีสและ หมู่เกาะอีเจียน

2. มีการผลิตเหรียญกษาปณ์หรีอทำเหรียญทองผสมเงินขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อใช้ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนตามนํ้าหนักของเหรียญ ซึ่งถือว่าเป็นมรดกทางอารยธรรม ที่ตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน

3. ทำสงครามกับเปอร์เซียจนในที่สุดก็ถูกยึดครองโดย พระเจ้าไซรัสมหาราชแห่งเปอร์เซียในปี 546 B.C.

25.       กลุ่มใดเป็นผู้ปรับปรุงตัวอักษร Hieroglyphic + Cuneiform และส่งต่อให้กับอารยธรรมโรมัน

(1) อัคคาเดียน           

(2) ฮิตไตท์      

(3) ลิเดียน      

(4) ฟินิเชียน

ตอบ 2 หน้า 78 – 7925 (H), (คำบรรยาย) ผลงานทางด้านอารยธรรมของฮิตไตท์ มีดังนี้

1.         นำเหล็กมาถลุงและหลอมใช้เป็นชาติแรก รวมทั้งรู้จักใช้ม้าและรถศึกในการรบ

2.         ปรับปรุงและผสมผสานตัวอักษรคูนิฟอร์ม (Cuneiform) ของชาวสุเมเรียนและตัวอักษร เฮียโรกลิฟิก (Hieroglyphic) ของอิยิปต์ให้ใช้ง่ายขึ้น ซึ่งต่อมาได้ส่งต่อให้กับอารยธรรมโรมัน

3.         กฎหมายเลียนแบบกฎหมายฮัมมูราบิ แต่จะลงโทษด้วยการชดใช้หรือการลงโทษพอเข็ดหลาบ แทนการแก้แค้นแบบลัทธิสนองตอบ

4.         ถ่ายทอดวัฒนธรรมให้แก่พวกฟรีเจียนและลิเดียน ซึ่งต่อมากลุ่มชนทั้งสองก็ได้ถ่ายทอดวัฒนธรรม ต่อให้แก่พวกกรีก ซึ่งได้กลายมาเป็นผู้นำในการวางรากฐานให้แก่อารยธรรมตะวันตกในปัจจุบัน

26.       ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของอารยธรรมกรีก

(1) ให้ความสำคัญกับมนุษย์ ปัจเจกบุคคล    

(2) เน้นความสนุกสนานร่าเริง กิจกรรมสาธารณะ

(3) มีศีลธรรมและการปฏิบัติตนเป็นคนดี       

(4) ให้ความสำคัญความรู้และปรัชญา

ตอบ 3 หน้า 107130 – 13113715147 (H) ลักษณะสำคัญของอารยธรรมกรีก มีดังนี้

1.         ชาวกรีกโบราณจะเน้นความสำคัญชองมนุษย์ โดยถือว่ามนุษย์คือสัตว์โลกที่มีความสำคัญที่สุด ในจักรภพ รวมทั้งจะยอมรับนับถือความเป็นปัจเจกบุคคล

2.         ให้ความสำคัญในเรื่องความรู้และปรัชญา

3.         เน้นกิจกรรมสาธารณะและความสนุกสนานร่าเริง

4.         มองโลกในแง่ดี มีเหตุผลและมีโลกทัศน์ที่กว้าง ส่งเสริมในเรื่องเสรีภาพ

5.         มีความผูกพันต่อส่วนรวมซึ่งแสดงออกในลักษณะของการปกครองโดยเสียงข้างมากหรือ ระบอบประชาธิปไตย

6.         เป็นนักมนุษยนิยม (Humanist)

27.       ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของกรีกเป็นหมู่เกาะ ทำให้กรีกมีการปกครองแบบใด

(1) นครรัฐ       

(2) กษัตริย์     

(3) เผด็จการ   

(4) สาธารณรัฐ

ตอบ 1 หน้า 110112 – 11338 (H) สาเหตุที่ทำให้กรีกยุคโบราณมีการปกครองแบบนครรัฐ เนื่องจาก

1.         ปัญหาทางสภาพภูมิศาสตร์ เนื่องจากกรีกมีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูง และเป็นเกาะอยู่ติด ชายฝั่งทะเลที่เว้า ๆ แหว่ง ๆ พื้นที่ไม่ติดต่อกัน และหาที่ราบยาก จนกลายเป็นพรมแดน ที่แบ่งแยกชาวกรีกออกจากกันและเป็นอิสระต่อกัน

2.         ชาวกรีกมีนิสัยรักความเป็นอิสระ

28.       พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชสามารถรวบรวมนครรัฐกรีกเข้าด้วยกันและขยายจักรวรรดิกรีกออกไป อย่างกว้างขวาง โดยมีเมืองศูนย์กลางทางอารยธรรมเฮลเลนิสติกอยู่ที่เมืองใด

(1) อินเดีย      

(2)อเล็กซานเดรีย       

(3)เอเธนส์      

(4)มาสิโดเนีย

ตอบ 2 หน้า 14514846 – 47 (H) พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great)แห่งมาสิโดเนีย สามารถรวบรวมนครรัฐกรีกเข้าด้วยกัน จากนั้นได้ขยายจักรวรรดิกรีกออกไป อย่างกว้างขวางนับตั้งแต่เอเชียน้อย ซีเรีย ปาเลสไตน์ อียิปต์ เมโสโปเตเมีย เปอร์เซีย และชายแดนอินเดีย ทั้งนี้ได้ทรงพยายามรวมลักษณะที่ดีของอารยธรรมตะวันตก (กรีก) และ ตะวันออก (เปอร์เซีย) เข้าด้วยกัน ปัจจุบันเราเรียกอารยธรรมนี้ว่า เฮลเลนิสติก’’ (Hellenistic) ซึ่งมีศูนย์กลางของอารยธรรมอยู่ที่เมืองอเล็กซานเดรียในอียิปต์

29.       เมืองที่เป็นต้นแบบของการปกครองแบบประชาธิปไตยคือข้อใด

(1) สปาร์ตา    

(2)อิกทากัา     

(3)ทรอย         

(4)เอเธนส์

ตอบ 4 หน้า 12713040 (H), 43 (H) ในระหว่างสมัยของการปฏิรูปประชาธิปไตย (600 – 500 B.C.) เอเธนส์ได้พัฒนาการปกครองในระบอบประชาธิปไตยก้าวหน้าไปได้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสมัยของเพริคลิสนั้นถือว่าระบอบประชาธิปไตยได้พัฒนาไปถึงจุดสูงสุด จนทำให้สมัยนี้ ได้ชื่อว่าเป็น ยุคทองของเอเธนส์” และทำให้เอเธนส์กลายเป็น บรมครูของนครรัฐกรีก หรือชาวเฮลลัสทั้งมวล” ดังนั้นเอเฮนส์จึงถือว่าเป็นต้นกำเนิดและต้นแบบของการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยและของอารยธรรมตะวันตก

30.       จุดประสงค์ของกีฬาโอลิมปิกในยุคโบราณคือข้อใด

(1)       การแข่งขันหาบุคคลที่แข็งแรงที่สุดเพื่อคัดเลือกเป็นกษัตริย์

(2)       การแสดงต่อเทพเจ้าที่สถิตอยู่บนเทือกเขาโอลิมปัส

(3)       เพื่อสร้างความสามัคคีกลมเกลียวในนครรัฐกริก       

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 115.39(H) ชาวกรีกโบราณเชื่อว่าเทพเจ้ากรีกมักจะพอใจในการแสดงออกถึงความ กล้าหาญและความเข้มแข็งของมนุษย์ จึงได้จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก (Olympic Games) ขึ้นทุก ๆ 4 ปี เพื่อถวายแด่เทพเจ้ากรีกที่สถิตอยู่บนเทือกเขาโอลิมปัส โดยเฉพาะเพื่อถวายแด่ เทพเซอุส (Zeus) ซึ่งเป็นเทพเจ้าสูงสุดชของกรีก โดยในการแข่งขันครั้งแรกจะมีเฉพาะกีฬาวิ่งแข่ง ต่อมาจึงได้เพิ่มประโดดสูง พุ่งแหลน ขว้างจักร ชกมวย มวยปลํ้า การแข่งม้า และการแข่งรถ ซึ่งผู้ที่ชนะจะได้รับมงกุฎที่ทำด้วยก้านมะกอก

31.       ฮิปโปเครติสมีผลงานสำคัญทางด้าน

(1) ปรัชญา     

(2) การแพทย์ 

(3) ประวัติศาสตร์       

(4) คณิตศาสตร์

ตอบ 2 หน้า 13644 (H) ฮิปโปเครตีส (Hippocrates) ได้รับการยกย่องว่าเป็น บิดาของการแพทย์” ซึ่งเขาแสดงความเห็นว่า โรคทุกชนิดมีสาเหตุมาจากธรรมชาติ ไม่ใช่เพราะพระเจ้าลงโทษ ดังนั้นการรักษาที่ดีที่สุดจึงควรเป็นการพักผ่อนอยู่ในที่อากาศบริสุทธิ์ และการควบคุมอาหาร นอกจากนี้เขายังเป็นแพทย์ที่มีอุดมคติสูงส่ง ซึ่งปรากฏเป็นหลักปฏิญาณของแพทย์ในปัจจุบัน ที่เรียกว่า “Hippocratic Oath”

32.       คณะเอเฟอร์ (Ephors) มีหน้าที่ใด

(1) พิจารณาความสมบูรณ์ของสมาชิกสภา   

(2) ออกกฎหมาย

(3) พิจารณาความสมบูรณ์ของเด็กเกิดใหม่   

(4) ถอดถอนกษัตริย์

ตอบ 3 หน้า 119 – 12012241 (H) กลุ่มผู้มีอำนาจสูงสุดในนครรัฐสปาร์ตาคือ คณะเอเฟอริ์ (Ephors) ซึ่งมีหน้าที่สำคัญดังนี้

1.กำหนดโชคชะตาของเด็กเกิดใหม่ทุกคน นั่นคือ เมื่อมีเด็กเกิดใหม่ต้องนำไปให้คณะเอเฟอร์ตรวจสอบความแข็งแรงสมบูรณ์ของร่างกาย ถ้าเด็กพิการหรืออ่อนแอก็จะถูกนำไปทิ้งหน้าผา เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อสังคม  

2. สามารถถอดถอนหรือสั่งประหารกษัตริย์ได้

3.ควบคุมระบบการศึกษา      

4. มีอำนาจเหนือกฎหมายและสภา

33.       การบริหารอยู่ในมือคนส่วนใหญ่” ผู้ที่เป็นผู้วางรากฐานประชาธิปไตยในเอเธนส์คือใคร

(1) คลิสเธนิส (Cleisthenes)    

(2) ธีโอโดซีอุส (Theodosius)

(3) เพริคลิส (Pericles)    

(4) เฮโรโดตัส (Herodotus)

ตอบ 1 หน้า 126 – 12743 (H) คลิสเธนีส (Cleisthenes) เป็นผู้ที่วางรากฐานการปกครองระบอบประชาธิปไตยในเอเธนส์เป็นคนแรกจนได้รับสมญาว่า บิดาของประชาธิปไตยแห่งกรุงเอเธนส์” และทำให้ประชาธิปไตยมีความหมายว่า การบริหารอยู่ในมือของคนส่วนใหญ่” ซึ่งการปฏิรูป ที่สำคัญ ได้แก่

1. กำจัดอิทธิพลของครอบครัวที่มีอำนาจทางการเมือง

2.จัดตั้งสภา 500 แทนสภา 400 ของโซลอน และแบ่งเอเธนส์ออกเป็น 10 เขต แต่ละเขต มีสมาชิก 50 คน  

3. นำเอาระบบออสตราซิสม์ (Ostracism) ซึ่งเป็นการเนรเทศบุคคล ที่ไม่พึงปรารถนาออกนอกประเทศมาใช้

34.       สงครามใดเป็นจุดเริ่มต้นทให้นครรัฐกรีกเกิดความแตกแยก

(1)       Persian War    

(2) Trojan War

(3) Peloponnesian War    

(4) Armada War

ตอบ3  หน้า 14446 (H) ในระหว่างปี 431 – 404 B.C. นครรัฐต่าง ๆ ของกรีกได้ทำสงครามภายในระหว่างกันเอง เรียกว่า สงครามเพโลพอนนีเชียน” (The Peloponnesian War) ซึ่งเกิดขึ้น บนคาบสมุทรเพโลพอนนีซัสเป็นส่วนใหญ่ ทำให้บรรดานครรัฐกรีกเกิดความแตกแยกและ อ่อนแอลง จนเปิดโอกาสให้พระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งมาสิโดเนียยกกองทัพทหารฟาแลงช์ (Phalanx) เข้ายึดครองนครรัฐกรีกได้ทั้งหมด และสามารถรวบรวมนครรัฐกรีกซึ่งไม่เคยรวมกันเป็นรัฐเดียว เข้าไว้ด้วยกันได้สำเร็จในปี 338 B.C.

35.       กฎหมายลายลักษณ์อักษรฉบับแรกของโรมันคือข้อใด

(1) ฮัมมูราบี    

(2) โซลอน      

(3) ดราโค       

(4) 12 โต๊ะ

ตอบ 4 หน้า 16149 (H) ในสมัยสาธารณรัฐโรมัน หลังจากที่พวกพลีเบียนได้รวมตัวกันเรียกร้องสิทธิ ในการปกครองจากพวกแพทรีเชียนในปี 466 B.C. แล้ว พวกพลีเบียนยังได้เรียกร้องให้ มีการร่างกฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษร โดยจารึกลงบนแผ่นทองแดง 12 แผ่น แล้วนำไปติด ที่ฟอรัมเพื่อประกาศให้ราษฎรโดยทั่วไปทราบ เรียกว่า กฎหมาย 12โต๊ะ” ซึ่งถือว่าเป็น กฎหมายลายลักษณ์อักษรฉบับแรกของโรมัน โดยประกาศใช้เมื่อปี 450 B.C.

36.       ความสำคัญของปฏิทินแบบจูเลียนที่ประกาศใช้ในสาธารณรัฐโรมันตั้งแต่ปี 46 B.C. และตกทอด ใช้มาจนถึงปัจจุบันคือ

(1) มีที่มาจากปฏิทินแบบสุริยคติของอียิปต์   

(2) กรกฎาคมเป็นเดือนของจูเลียส ซีซาร์

(3) สิงหาคมเป็นเดือนของจักรพรรดิออกุสตุสที่ 1      

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 5250 – 51 (H), (คำบรรยาย) ในปี 46 B.C. จูเลียส ซีซาร์ ได้นำเอาปฏิทินแบบสุริยคติ ของอียิปต์มาเผยแพร่และนำมาดัดแปลงใช้ในสาธารณรัฐโรมัน ปฏิทินจึงถือกำเนิดขึ้นครั้งแรก โดยมีชื่อว่า Julian Calendar ซึ่งปฏิทินดังกล่าวก็ยังคงใช้สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยชื่อ เดือนกรกฎาคมหรือ July ก็มาจากชื่อของ Julius Caesar ส่วนชื่อเดือนสิงหาคม (August) จะมาจากชื่อของจักรพรรดิออกุสตุสที่ 1 (Augustus I) ซึ่งปกครองจักรวรรดิโรมันในปี 27 B.C.

37.       สาเหตุที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงจากสาธารณรัฐโรมันกลายมาเป็นจักรวรรดิโรมันคือ (1) การประกาศใช้ปฏิทินใหม่    

(2) การสังหารจูเลียส ซีซาร์

(3) การถือกำเนิดของซีซาเรียนบุตรขายของซีซาร์      

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 168 – 16951 (H) หลังจากที่จูเลียส ซีซาร์ ถูกบรูตัสและสมาชิกสภาซีเนทรุมสังหาร จนสิ้นพระชนม์แล้ว กรุงโรมก็เกิดความวุ่นวายเพราะมีการแย่งขิงอำนาจซึ่งกันและกันในที่สุด ออคเตเวียน หลายชายและมีฐานะเป็นบุตรบุญธรรมของซีซาร์ได้รับชัยชนะ และได้สถาปนา ตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิโรมัน โดยทรงมีพระนามใหม่ว่า ออกุสตุสที่ 1” พร้อมทั้งมีการ เปลี่ยนแปลงการปครองจากระบอบสาธารณรัฐมาเป็นจักรวรรดิโรมันในปี 27 B.C.

38.       สำนวน “Pyrrhic Victory” มีความหมายอย่างไร        

(1) ชัยชนะที่ประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม

(2)ชัยชนะที่ได้รับการโหวตและตัดสินจากเสียงข้างมาก

(3)ชัยชนะที่ได้มาแต่ตัวเองต้องเสียหายอย่างยับเยิน

(4) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 16349 (H) ในช่วงที่โรมันทำสงครามขยายอำนาจลงไปทางตอนใต้ของแหลมอิตาลี ซึ่งเป็นเขตยึดครองของพวกกรีก กรีกได้ขอความข่วยเหลือจากกษัตริย์ไพรัส (Pyrrhus)แห่งเอปิรัสซึ่งเป็นกษัตริย์แห่งนครรัฐกรีก โดยในระยะแรกนั้นกษัตริย์ไพรัสทรงได้รับชัยชนะ แต่กองทัพของพระองค์ก็ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก จนเกิดเป็นสำนวนภาษาอังกฤษที่ว่า “Pyrrhic Victory” หมายถึง ชัยชนะที่ได้มาแต่ตัวเองต้องเสียหายอย่างยับเยิน โดยในที่สุด โรมก็ชนะและสามารถยึดครองแหลมอิตาลีได้ทั้งหมดนับตั้งแต่ปี 265 B.C. เป็นต้นมา

39.       Pax Romana (สมัยสันติสุขโรมัน) 25 B.C. – A.D. 180 เป็นสมัยที่ไม่มีกลุ่มใดมารุกรานโรมันเป็นระยะเวลา 200 ปี เป็นผลงานของใคร

(1) Nero    

(2) Julius Caesar       

(3) Augustus Caesar

(4) Pyrrhus

ตอบ 3 หน้า 169 – 17151 (H) ความสำคัของสมัยการปกครองของจักรพรรดิออกุสตุสที่ 1(Augustus Caesar หรือ Augustus I) มีดังนี้

1. เป็นสมัยสันติสุขโรมัน (Pax Romana : 27 B.C. – A.D. 180) ซึ่งเกิดขึ้นจากอานุภาพของจักรพรรดิออกุสตุสที่ 1 ทำให้ไม่มีกลุ่มชนใดมา รุกรานจักรวรรดิโรมันเป็นเวลาร่วม 200 ปี

2. เป็นยุคทองของโรมัน (Roman’s Golden Age)

3.ได้ชื่อว่าเป็น ยุคปรินซิเปท” (Pnndpate) นั่นคือ ออกุสตุสทรงพอพระทัยในตำแหน่ง พลเมืองโรมันหมายเลขหนึ่ง (Princeps) มากกว่าตำแหน่งจักรพรรดิ

4.         มีการยกเลิกการปกครองจากระบอบสาธารณรัฐมาเป็นจักรวรรดิโรมัน

5.         เป็นสมัยที่พระเยซูคริสต์ประสูติที่เมืองเบธเลเฮมในมณฑลจูเดียของโรมัน

40.       ข้อใดไม่ใช่อารยธรรมโลกโบราณในทวีปอเมริกา ได้แก่อารยธรรมใด

(1) แอสเท็ค    

(2) มายา        

(3) อินคา        

(4) สุเมเรียน

ตอบ 4 หน้า 18955 (H), (ดูคำอธิบายข้อ 20. ประกอบ) อารยธรรมเก่าในโลกใหม่หรืออารยธรรมโลกโบราณในทวีปอเมริกา จะมีเพียง 3 ชนเผ่าที่มีอารยธรรมสูงเทียบเท่ากับอารยธรรมอียิปต์ และเมโสโปเตเมีย ได้แก่ มายา (Maya) ในอเมริกากลางและกัวเตมาลาแอสเท็ค (Aztec)ในเม็กซิโก และอินคา (Inca) ในเปรู

41.       เหตุใดยุคกลางตอนต้นถึงถูกเรียกว่า ยุคมืด” (Dark Age)

(1)       ความเจริญก้าวหน้าของอารยธรรมกรีก-โรมัน หยุดชะงักและสูญหาย

(2)       เกิดสงครามความขัดแย้งระหว่างศาสนาบ่อยครั้ง

(3)       โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์เป็นผลให้ขาดอาหารและความอุดมสมบูรณ์

(4)       ความเสื่อมของคริสต์ศาสนา

ตอบ 1 หน้า 205 – 20831859 (H), (คำบรรยาย) ยุคกลางตอนต้น (คศ. 500 – 1050) ถูกเรียกว่า ยุคมืด” (Dark Age) เพราะความเจริญก้าวหน้าด้านศิลปวิทยาการต่าง ๆ ของอารยธรรม กรีก-โรมัน หรืออารยธรรมคลาสสิกได้หยุดชะงักลงและสูญหายไปจากดินแดนยุโรปตะวันตก นอกจากนี้ยังถูกพวกอนารยชนเยอรมันกลุ่มต่างๆ เข้ามารุกรานอยู่เสมอ ทำให้สภาพบ้านเมือง เกิดความสับสนวุ่นวาย มีการปล้นสะดมและสู้รบระหว่างกลุ่มชนตลอดเวลา อีกทั้งสภาพสังคม ยังมีลักษณะเป็นสังคมชนบทโดยส่วนใหญ่จะเป็นชาวนาชาวไร่ที่ยากจนไมมีการตั้งอาณาจักรใหญ่ของตนเอง ปกครองโดยไม่ใช้กฎหมายและไม่มีระเบียบแบบแผน อย่างไรก็ตามสถาบันเดียวที่พวกอนารยชนไม่ได้ทำลายไปพร้อมกับจักรวรรดิโรมันตะวันตกและกลายเป็นสิ่งที่มีบทบาทสำคัญ ในยุคกลางก็คือ ศาสนาคริสต์

42.       การปกครองแบบศักดินาสวามิภักดิ์ (Feudalism) สิ่งใดสำคัญที่สุด

(1)ทอง

(2) อำนาจ      

(3) ทรัพยากร  

(4) ที่ดิน

ตอบ 4 หน้า 223 – 22465 (H), (คำบรรยาย) ระบอบศักดินาสวามิภักดิ์หรือระบอบฟิวดัล(Feudalism/FeudaO เป็นระบบความสัมพันธ์โดยมีเงื่อนไขระหว่างเจ้าเหนือหัว (Lord) หรือ ผู้ให้เช่าที่ดินซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นกษัตริย์หรือขุนนาง กับบริวารหรือข้า (Vassal) หรือผู้เช่าที่ดิน โดยมีที่ดิน (Fiefs/Feuda) เป็นพันธะแห่งความผูกพันและภาระหน้าที่ที่มีต่อกันระหว่างเจ้ากับข้า

43.       ระบบเศรษฐกิจของพวกอนารยชนที่ใช้ร่วมกับการปกครองแบบศักดินาสวามิภักดิ์คือข้อใด

(1)ทุนนิยม      

(2)เสรีนิยม     

(3) พาณิชย์ชาตินิยม

(4) ระบบปราสาท

ตอบ 4 หน้า 233 – 23466 (H), (คำบรรยาย) ระบบแมเนอร์ ระบบคฤหาสน์ หรือระบบปราสาท (Manorialism) เป็นระบบเศรษฐกิจของพวกอนารยชนที่เกิดขึ้นพร้อมกับการปกครองแบบ ศักดินาสวามิภักดิ์ และถือเป็นหน่วยเศรษฐกิจของยุคกลาง ซึ่งสภาพโดยทั่วไปของแมเนอร์ (Manor) จะประกอบด้วย คฤหาสน์หรือปราสาท (Castte/Manor House) ของเจ้าของที่ดิน เป็นจุดศูนย์กลาง ล้อมรอบด้วยกระท่อมของชาวนารวมกันเป็นหมู่บ้าน (Village) ส่วนรอบนอกหมู่บ้านจะเป็นทุ่งโล่งสำหรับการเกษตร ทุ่งหญ้า และป่าไม้ นอกจากนี้ยังเป็นระบบเศรษฐกิจ แบบพึ่งตนเอง (Self-sufficiency) ซึ่งมีการทำการเกษตรเป็นหลัก

44.       อนารยชนกลุ่มแรกที่สามารถก่อตั้งอาณาจักรแรกขึ้นในดินแดนยุโรปตะวันตกคือกลุ่มใด

(1)Norman        

(2)Franks 

(3) Visigoths     

(4)Ostrogoths

ตอบ 2 หน้า 215 – 21761 – 62 (H) พวกแฟรงค์ (Franks) เป็นอนารยชนที่สามารถรวบรวมดินแดน ยุโรปตะวันตกให้เป็นปึกแผ่นได้อีกครั้งภายหลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตก โดยพวกแฟรงค์ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานบริเวณลุ่มแม่นํ้าไรน์เมื่อประมาณ ค.ศ. 300 ต่อมาได้อพย ไปตั้งถิ่นฐานทางตอนเหนือของแคว้นกอล และได้ก่อตั้งอาณาจักรแฟรงค์เป็นอาณาจักรแรก ขึ้นในดินแดนยุโรปตะวันตกภายใต้การนำของ 2 ราชวงศ์ คือ อาณาจักรเมโรแวงเจียน และ อาณาจักรคาโรแลงเจียน

45.       Donation of Pepin การบริจาคที่ของ Pepin ที่ภายหลังพัฒนาเป็นนครรัฐวาติกันคือพื้นที่ใด

(1)Papal States

(2) Aix-la-chapelle   

(3) Vatican        

(4) Constantinoble

ตอบ 1 หน้า 21762 – 63 (H) เมื่อเปแปงที่ 3 (Pepin III) ได้ขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์คาโรแลงเจียนของพวกแฟรงค์ในปี ค.ศ. 752 แล้ว เปแปงก็ต้องการการสนับสนุนทางการเมืองจากฝ่ายศาสนจักร ดังนั้นพระองค์จึงเอาใจสันตะปาปาด้วยการยึดครองอาณาจักรทางภาคกลางของพวกลอมบาร์ด และนำไปถวายแก่สันตะปาปา เรียกว่า การบริจาคที่ของเปแปง (Donation of Pepin) ต่อมา ดินแดนนี้ก็คือ นครรัฐสันตะปาปา (Papal States) ซึ่งมีผลสำคัญคือ เป็นการเริ่มอำนาจ ทางการเมืองของสันตะปาปาในอิตาลีซึ่งยืนยงจนถึงปี ค.ศ. 1870

46.       Vassal มีความหมายว่าอย่างไร

(1)ผู้ให้เช่าที่ดิน           

(2) ทาสติดที่ดิน          

(3) ผู้เช่าที่ดิน  

(4) แรงงาน

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 42. ประกอบ

47.       ในยุคกลางมีสงครามแย่งชิงที่ดินระหว่างขุนนางบ่อยครั้ง สันตะปาปาจึงออกประกาศให้มีการหยุดพักรบ เพื่อพระผู้เป็นเจ้า คือประกาศข้อใด

(1)Peace of God        

(2) Truce of God       

(3) Interdict      

(4) Excommunication

ตอบ 2 หน้า 231 – 23265 – 66 (H) ในยุคกลางมักมีสงครามแย่งชิงที่ดินระหว่างขุนนางอยู่บ่อยครั้งสันตะปาปาจึงออกประกาศให้มีการหยุดพักรบเป็นการชั่วคราวใน 2 กรณี ดังนี้คือ

1.         ประกาศสันติสุขแห่งพระผู้เป็นเจ้า (Peace of God) ซึ่งมีจุดประสงค์สำคัญเพื่อให้ การพิทักษ์แก่บุคคลและสถานที่บางแห่งยามที่มีสงคราม เช่น ในโบสถ์ พื้นที่รอบโบสถ์ สำนักชีเป็นต้น

2.         ประกาศระยะพักรบเพื่อพระผู้เป็นเจ้า (Truce of God) คือ ห้ามทำการรบตั้งแต่ พระอาทิตย์ตกดินในวันพุธไปจนถึงพระอาทิตย์ขึ้นในเช้าวันจันทร์

48.       วิธีการใดที่สันตะปาปาใช้ลงโทษกษัตริย์

(1)Peace of God        

(2) Truce of God       

(3) Interdict      

(4) Excommunication

ตอบ 4 หน้า 24032166 (H) มาตรการสำคัญที่ศาสนจักรใช้ลงโทษผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสอนทางศาสนามีดังนี้

1. การบัพพาชนียกรรม (Excommunication) คือ การประกาศขับไล่บุคคลสำคัญ เช่น กษัตริย์ หรือนักคิดคนสำคัญ ออกจากการเป็นคริสเตียนหรือเป็นพวกนอกรีด (Heretic) โดยไมให้ศาสนิกชนอื่นเข้ามาคบหาด้วย        

2. การอินเทอดิค (Interdict) คือ การประกาศว่าดินแดนใดดินแดนหนึ่งเป็นดินแดนนอกศาสนา ห้ามประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และบางกรณี อาจตัดกลุ่มชนออกจากศาสนา ซึ่งถือว่าเป็นการลงโทษที่รุนแรงที่สุด

49.       ข้อใดไม่ใช่ความเสื่อมของระบบฟิวดัล          

(1) สงครามครูเสดทำให้ขุนนางตายเป็นจำนวนมาก

(2)       การผลิตดินปืน ทำให้นักรบและอัศวินหมดความหมาย

(3)       โรคระบาดกาฬโรค (Black Death)     

(4) การแย่งชิงที่ดินระหว่างกษัตริย์

ตอบ 4 หน้า 23766 – 67 (H) สาเหตุสำคัญที่ทำให้ระบอบฟิวดัลหรือระบอบศักดินาสวามิภักดิ์เสื่อมลง มีดังนี้

1. สงครามครูเสด ทำให้พวกขุนนางตายไปเป็นจำนวนมาท กษัตริย์จึงมีอำนาจเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

2.         ความเจริญทางการค้า ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจแบบแมเนอร์ลดความสำคัญลง

3.         ความสำเร็จในการผลิตกระสุนดินปืน ทำให้นักรบและอัศวินสวมเกราะหมดความหมาย

4.         การเกิดโรคระบาดในศตวรรษที่ 14 คือ กาฬโรค (Black Death) ทำให้ประชากรลดลง พวกทาสติดที่ดินจึงหางานทำได้ง่ายขึ้น เป็นต้น

50.       การเลือกสันตะปาปาองค์ใหม่สืบต่อจากสันตะปาปาองค์เก่าเลือกจากพระในกลุ่มใด

(1)Priest   

(2) Bishop

(3) Archbishop

(4) Cardinal

ตอบ 4 หน้า 240 – 24167 – 68 (H), (คำบรรยาย) ตำแหน่งของพระในโครงสร้างของศาสนจักร สามารถเรียงลำดับจากระดับตํ่าสุดไปหาสูงที่สุด ได้แก่ พระ (Priest), บิชอป (Bishop),อาร์ชบิชอป (Archbishop), คาร์ดินัล (Cardinal) ซึ่งแต่งตั้งโดยสันตะปาปา โดยทำหน้าที่ เป็นที่ปริกษาของสันตะปาปา และสันตะปาปา (Pope) ซึ่งเป็นหัวหน้าสูงสุดของศาสนจักร เมื่อสันตะปาปาสิ้นพระชนม์ลง พระที่อยู่ในกลุ่ม Cardinal จะเป็นผู้ที่มีสิทธิได้รับเลือกให้ เป็นสันตะปาปาองค์ใหม่โดยผ่านที่ประชุมของคณะคาร์ดินัล (College of Cardinals)หรือพระราชาคณะ

51.       จักรวรรดิโรมันตะวันออกล่มสลายจากการรุกรานของกลุ่มใด

(1)Moors  

(2) Lombards   

(3) Franks

(4) Ottoman Turks

ตอบ 4 หน้า 25554 (H), 70 (H) ในปี A.D. 1453 จักรวรรดิโรมันตะวันออกหรือจักรวรรดิไบแซนไทน์ ได้ล่มสลายลง เพราะถูกพวกออตโตมัน เติร์ก (Ottoman Turks) เข้ายึดครองกรุงคอนสแตนติโนเปิลได้สำเร็จ หลังจากนั้นอารยธรรมไบแซนไทน์จึงถูกถ่ายทอดให้แก่รัสเซียทั้งทางด้านสถาปัตยกรรม ปฏิทิน ตัวอักษร และนิกายกรีกออร์ธอดอกซ์ (Greek Orthodox) ซึ่งได้ย้ายศูนย์กลางไปอยู่ที่ รัสเซีย (Russia) เรียกว่า นิกาย Russian Orthodox”

52.       A.D. 1453 กรุงคอนสแตนติโนเปิลแตก นิกาย Greek Orthodox ย้ายศูนย์กลางไปอยู่ที่

(1)Russia  

(2) Germany     

(3) Rome  

(4) Moscow

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 51. ประกอบ

53.       ประมวลกฎหมายใดเป็นแบบอย่างของตัวบทกฎหมายในสมัยกลางและยังสืบทอดมาถึงปัจจุบัน

(1)ดราโค        

(2) จัสติเนียน 

(3) 12โต๊ะ       

(4) อัมมูราบี

ตอบ 2 หน้า 252 – 25332370 (H) ผลงานที่สำคัญของจักรพรรดิจัสติเนียนแห่งจักรวรรดิโรมันตะวันออก มีดังนี้

1.         ขยายอาณาเขตออกไปถึงภาคเหนือของแอฟริกา ภาคใต้ของสเปน และอิตาลี

2.         สร้างประมวลกฎหมายจัสติเนียน (Corpus Juris Civilis) ในปี ค.ศ. 529 ซึ่งได้กลายเป็น แบบอย่างของตัวบทกฎหมายในสมัยกลางและยังสืบทอดมาถึงปัจจบัน

3.         สร้างโบสถ์เซนต์โซเฟีย (Santa Sophia) ที่กรุงคอนสแตนติโนเปิลเมื่อ ค.ศ. 537

54.       A.D. 718 – 1492 ระยะเวลากว่า 700 ปี เป็นยุคแห่งการยึดอำนาจคืนของพวกคริสเตียนจากพวกมัวร์ ในสเปนเรียกว่ายุคใด

(1)Dark Age      

(2) Reconquest

(3) Renaissance

(4) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 2 หน้า 267335 – 33673 (H), 86 – 87 (H) ยุค Reconquista หรือ Reconquest เป็นยุคแห่งการยึดอำนาจคืนของพวกคริสเตียนจากพวกมัวร์ (Moors) หรือมุสลิมสเปน ซึ่งยึดครองสเปนนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 718 – 1492 เป็นระยะเวลากว่า 700 ปี โดยยุคนี้ได้สิ้นสุดลง เมื่อสเปนสามารถเข้ายึดครองอาณาจักรกรานาดาจากพวกมัวร์ได้สำเร็จในปี ค.ศ. 1492 ภายใต้การนำของกษัตริย์สเปน 2 พระองค์ คือ พระเจ้าเฟอร์ดินานค์ที่ 2 แห่งอรากอน และพระราชินีอิซาเบลลาที่ 1 แห่งคาสติล จากนั้นจึงมีการรวมอาณาจักรคริสเตียน 4 แห่ง คือ คาสติล (Castile), อรากอน (Aragon), กรานาดา (Granada) และนาวารี (Navarre)เข้าด้วยกัน แล้วสถาปนาเป็นรัฐชาติสเปนนับตั้งแต่นั้น

55.       ข้อใดไมใช่สาเหตุของการเกิดสงครามร้อยปีคือข้อใด

(1)       Edward III แห่งอังกฤษต้องการครองบัลลังก์ฝรั่งเศส

(2)       อังกฤษมีความเข้มแข็งทางทหารและพลเมืองบางส่วนของฝรั่งเศสเข้าข้างฝ่ายอังกฤษ

(3)       ต้องการทำการค้าร่วมกับฝรั่งเศส

(4)       ถูกขัดขวางจากฝรั่งเศสในการยึดสกอตแลนด์

ตอบ 3 หน้า 296 – 29779 (H), (คำบรรยาย) สงครามร้อยปี (The Hundred Years’ War:ค.ศ. 1337 – 1453) เป็นสงครามฟิวดัลระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศส ซึ่งมีสาเหตุสำคัญดังนี้

1.         กษัตริยเอ็ดเวิร์ดที่ 3 (Edward III) แห่งอังกฤษ ทรงเรียกร้องสิทธิในการขึ้นครองราชบัลลังก์ ฝรั่งเศสในฐานะที่ทรงเป็นทายาทของฟิลิปที่ 4 กษัตริย์แห่งฝรั่งเศส

2.         อังกฤษมีความเข้มแข็งทางทหาร และพลเมืองบางส่วนของฝรั่งเศสเข้าข้างฝ่ายอังกฤษ

3.         แคว้นฟลานเดอร์ (เบลเยี่ยมในปัจจุบัน) ซึ่งควรจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของฝรั่งเศส แต่ประชาชนกลับฝักใฝ่อังกฤษเพราะได้รับผลประโยชน์ทางการค้า

4.         อังกฤษถูกฝรั่งเศสขัดขวางในการยึดครองสกอตแลนด์

56.       Tudor Dynasty เป็นผลจากการเกิดสงครามใด

(1) สงคราม 100 ปี     

(2) สงครามดอกกุหลาบ

(3) สงครามเปอร์เซียน

(4) สงครามกลางเมืองฝรั่งเศส

ตอบ 2 หน้า 29932679 – 80 (H) สงครามดอกกุหลาบ (War of the Roses : ค.ศ. 1455)เป็นสงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้นในอังกฤษ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการแย่งกันขึ้นปกครองอังกฤษ ระหว่างตระกูลแลงคาสเตอร์ (ดอกกุหลาบสีแดง) กับตระกูลยอร์ก (ดอกกุหลาบสีขาว) สงครามจบลงในปี ค.ศ. 1485โดยเฮนรี ทิวดอร์ ผู้นำตระกูลแลงคาสเตอร์เป็นผู้ชนะ ซึ่งมีผลติดตามมาคือ

1. ขุนนางเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก ทำให้กษัตริย์องค์ใหม่สามารถ พัฒนาระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

2. เฮนรี ทิวดอร์ ได้สถาปนาราชวงศ์ ทิวดอร์ (Tudor Dynasty) ขึ้นปกครองอังกฤษ

57.       อังกฤษเปลี่ยนศาสนาจาก Catholic เป็น Anglican Church (Church of England) สมัยใด

(1) Henry V        

(2) Edward I      

(3) Henry VIII

(4) William the Conqueror

ตอบ 3 หน้า 38399 (H), (คำบรรยาย) การปฏิรูปศาสนาในอังกฤษเกิดขึ้นเพราะพระเจ้าเฮนรีที่ 8 (Henry VIII) แห่งอังกฤษทรงไม่พอพระทัยที่สันตะปาปาไม่ยอมจัดการให้พระองค์หย่าขาดจาก พระบางแคทเทอรีนแห่งอรากอนเพื่ออภิเษกสมรสใหม่กับแอน โบลีน (Ann Bolynn) จึงทรงตั้ง สังฆราชแห่งแคนเทอเบอรี่ขึ้นใหม่ โดยตัดขาดจากองค์กรคริสตจักรที่กรุงโรม และทรงให้รัฐสภา ออกกฎหมายที่เรียกว่า “The Act of Supremacy” นปี ค.ศ. 1534 เพื่อแต่งตั้งให้พระองค์เป็น ประมุขทางศาสนาในประเทศอังกฤษแทนสันตะปาปา หรือ “Catholic without Pope” ซึ่งส่งผล ทำให้อังกฤษเปลี่ยนศาสนาเป็น นิกายอังกฤษ” (Anglican Church/Church of England)

58.       ภาษาฝรั่งเศสเข้าไปปะปนกับภาษาอังกฤษและแพร่หลายในกลุ่มชนชั้นสูงของอังกฤษ เป็นผลมาจากการกระทำของ……ในปี ค.ศ. 1066

(1) วิลเลียมแห่งนอร์มังดี

(2) ฟิลิป ออกัสตัส      

(3) ริชาร์ดใจสิงห์        

(4) อัลเฟรดมหาราช

ตอบ 1 หน้า 271 – 27372 (H), 74 (H) ผลจากการที่วิลเลียม ดุ๊กแห่งนอร์มังดีของฝรั่งเศส ได้เข้า ยึดครองอังกฤษในปี ค.ศ. 1066 มีดังนี้

1. ทำให้กษัตริย์อังกฤษมี 2 สถานภาพ คือ มีฐานะ เป็นเจ้า (Lord) สูงสุดในอังกฤษ แต่ต้องมีฐานะเป็นข้า (Vassal) ของกษัตริย์ฝรั่งเศส เมื่อเข้าไป ถือครองและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากที่ดินในฝรั่งเศส

2. ขุนนางแองโกล-แซกซันถูกกำจัด

3.ภาษาฝรั่งเศสกลายเป็นภาษาของชนชั้นสูงและเข้าไปปะปนในภาษาอังกฤษ

4.มีการนำระบบแมเนอร์เข้ามาใช้ในอังกฤษ

5. มีการจัดทำทะเบียนราษฎร์อย่างละเอียด ในปี ค.ศ. 1086 ซึ่งเรียกว่า “Doomsday Books” เพื่อการเก็บภาษีและการเกณฑ์แรงงาน

59.       Henry the Navigator เจ้าชายแห่งการเดินเรือเป็นผู้นำการเดินเรือของประเทศใด

(1)สเปน         

(2) โปรตุเกส   

(3) อังกฤษ     

(4) ฝรั่งเศส

ตอบ 2 หน้า 35173 (H), 90 (H) บุคคลสำคัญที่ทำให้โปรตุเกสประสบความสำเร็จในการสำรวจ ทางทะเลในศตวรรษที่ 15 คือ เจ้าชายเฮนรี นักเดินเรือ (Henry the Navigator) ซึ่งทรง สนพระทัยในการศึกษาเรื่องราวของทวีปแอฟริกา และทรงเปิดโรงเรียนเดินเรือขึ้น ทำให้โปรตุเกส มีนักเดินเรือที่สำคัญ 3 ท่าน ได้แก่ ไดแอซ (Diaz), วาสโก ดา กามา (Vasco da Gama) และ คาบรัล (Cabral)

60.       บุคคลใดเป็นผู้ค้นพบทวีปอเมริกาในปี A.D. 1492

(1) วาสโก ดา กามา   

(2) คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส

(3) เดวิด เบคแฮม       

(4) แมกเจลแลน เดลคาโน

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 1. ประกอบ

61.       บุคคลผู้เดินทางโดยเรือรอบโลกเป็นกลุ่มแรกคือใคร

(1) วาสโก ดา กามา   

(2) คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส

(3) เดวิด เบคแฮม       

(4) แมกเจลแลน เดลคาโน

ตอบ 4 หน้า 35190 (H), (คำบรรยาย) แมกเจลแลน เดลคาโน เป็นนักสำรวจทางเรือชาวสเปน กลุ่มแรกที่ได้รับการยกย่องว่าแล่นเรือรอบโลกสำเร็จเป็นครั้งแรกในระหว่างปี ค.ศ. 1519 – 1522 และถือว่าเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าโลกกลมเป็นครั้งแรกอีกด้วย

62.       “Renaissance” มีความหมายว่าอย่างไร        

(1) การนำศิลปวิทยาการในยุคกลางกลับมาใช้ใหม่

(2)การพัฒนาศิลปวิทยาการต่อเนื่องจากยุคกลาง     

(3) การฟื้นฟูศิลปะและวิชาการกรีก-โรมัน

(4)ความพยายามหาแนวทางใหม่ในการพัฒนาศิลปะนำใปสู่ยุคใหม่

ตอบ 3 หน้า 355 – 35892 (H) การฟื้นฟูศิลปวิทยาการหรือเรอเนสซองส์ (Renaissance) ซึ่งคำว่า “Renaissance” แปลตามศัพท์ได้ว่า การเกิดใหม่” (Rebirth) ซึ่งก็จะหมายถึงการฟื้นฟูศิลปะ และวิชาการกรีก-โรมัน หรือการเกิดใหม่ของอารยธรรมคลาสสิกหรือการฟื้นฟูอารยธรรม กรีก-โรมัน (Greco-Roman) ขึ้นมาใหม่ ทั้งนี้การฟื้นฟูศิลปะวิทยาการเกิดขึ้นครั้งแรก ที่เมืองฟลอเรนซ์ในแหลมอิตาลี ก่อนที่จะแพร่ขยายเข้าไปใบประเทศฝรั่งเศส เยอรมนี เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ และอังกฤษ

63.       การจัดทั้งคณะผู้เลือก 7 คน (7 Electors) เพื่อเลือกจักรพรรดิองค์ใหม่ตามรัฐธรรมนูญฉบับประกาศทอง ปี ค.ศ. 1356 เท่ากับเป็นการตัดอิทธิพลของ….ออกจากการเลือกตั้งจักรพรรดิองค์ใหม่แห่งอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์

(1) กษัตริย์เยอรมัน     

(2) สันตะปาปา          

(3) ขุนนางฝรั่งเศส      

(4) พระ

ตอบ 2 หน้า 292 – 29378 (H) ตามรัฐธรรมนูญฉบับประกาศทอง (The Golden Bull) ปี ค.ศ. 1356 ซึ่งประกาศใช้โดยจักรพรรดิซาร์ลที่ 4 แห่งลักเซมเบิร์ก กำหนดให้เจ้าผู้ครองแคว้นในอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (เจ้าเยอรมัน) 7 องค์ หรือจัดเป็นคณะผู้เลือกทั้ง 7 คน (7Electors) เป็น ผู้เลือกจักรพรรดิองค์ใหม่โดยไม่ต้องมีการรับรองจากศาสนจักร ซึ่งถือว่าเป็นการตัดสิทธิของ สันตะปาปาออกจากการเลือกตั้งจักรพรรดิองค์ใหม่แห่งอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ และ นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1438 เป็นต้นมา กษัตริย์แห่งราชวงศ์แฮปสเบิร์กแห่งออสเตรียมักจะได้รับการเลือกตั้งเป็นจักรพรรดิ

64.       เหตุการณ์ Babylonian Captivity ค.ศ. 1305 – 1377 และเหตุการณ์ The Great Schism ค.ศ. 1378 – 1417 แสดงให้เห็บถึงความเสื่อมของ

(1) ศาสนจักร

(2)ระบอบศักดินาสวามิภักดิ์  

(3) ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์     

(4) พวกแคลเตียน

ตอบ 1 หน้า 300 – 30380 – 81 (H) เหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความเสื่อมอำนาจของศาสนจักร ในศตวรรษที่ 14-15 มีดังนี้

1.         การคุมขังแห่งบาบิโลเนีย (Babylonian Captivity : ค.ศ. 1305 – 1377) เกิดขึ้นเพราะ สันตะปาปาได้ย้ายที่ประทับจากกรุงโรมในอิตาลีมาอยู่ที่เมืองอาวิญยองในฝรั่งเศส ทำให้ สันตะปาปาชาวฝรั่งเศสองค์ต่อ ๆ มาพำนักอยู่ในฝรั่งเศสเป็นเวลา 70 ปี ส่งผลให้สันตะปาปา ตกอยู่ภายใต้อำนาจของกษัตริย์ฝรั่งเศส และมิได้มีฐานะเป็นประมุขสากลอีกต่อไป

2.         การแตกแยกครั้งใหญ่ (The Great Schism : ค.ศ. 1378 – 1417) มีสาเหตุมาจากการแย่งชิง ตำแหน่งพระสันตะปาปาระหว่างชาวอิตาลีกับชาวฝรั่งเศส จนส่งผลให้เกิดสันตะปาปาขึ้น พร้อมกัน 2 องค์ทั้งที่กรุงโรมในอิตาลี และที่เมืองอาวิญยองในฝรั่งเศส

65.       รัฐใดได้รับฉายาว่า ราชินีแห่งท้องทะเล

(1) เวนิส         

(2) เจนัว         

(3) ปิซา          

(4) ฟลอเรนซ์

ตอบ 1 หน้า 359 – 36092 – 93 (H) สาธารณรัฐเวนิสเป็นหนึ่งในบรรดา 5 รัฐผู้นำในแหลมอิตาลี ที่ร่ำรวยที่สุดในฐานะที่เป็นศูนย์กลางควบคุมการค้าในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในคริสต์ศตวรรษ ที่ 14 จนได้ชื่อว่า ราชินีแห่งท้องทะเล” (Queen of the Seas) ทั้งนี้เวนิสมีเรือถึง 3,300 ลำ เป็นกองเรือใหม่ที่สุดในโลก เพราะมีทุนมหาศาลจากการทำอุตสาหกรรม สามารถทำการผลิต กระสุนปืนและอะไหล่สำหรับเรือด้วยตนเอง ซึ่งการทุ่มเทด้านการค้าและอุตสาหกรรมนี้มีผลให้ เวนิสเริ่มกระบวนการฟื้นฟูศิลปวิทยาการในคริสต์ศตวรรษที่ 15 และได้กลายเป็นศูนย์กลาง ทางด้านการพิมพ์ของยุโรป

66.       “The end justifies the means” การทำให้บรรลุจุดมุ่งหมายวิธีใดวิธีหนึ่ง โดยไม่ต้องคำนึงถึงศีลธรรมเป็นทัศนะหนึ่งในหนังสือเล่มใด        

(1) The Art of War

(2)The Principia        

(3) The Book of Marco Polo

(4) The Prince

ตอบ 4 หน้า 333 – 33436294 (H) นิโคโล มาเคียเวลลี (Nicolo Machiavelli) เป็นนักเขียนผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการโดยผลงานที่มีชื่อเสียงก็คือ The Prince ในปี ค.ศ. 1513 ซึ่งเป็นหนังสือที่แนะนำผู้ปกครองให้รักษาความปลอดภัยของรัฐในทุกวิถีทางที่จำเป็น โดยวิธีการ ที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จและได้มาซึ่งอำนาจจะเป็นไปตามทัศนะหนึ่งที่ว่า “The end justifies the means ” หรือการทำให้บรรลุจุดมุ่งหมายวิธีใดวิธีหนึ่งโดยไม่ต้องคำนึงถึงศีลธรรมและ วิธีการที่ถูกต้อง ทั้งนี้จุดมุ่งหมายของเขาก็คือ ต้องการรวมอิตาลีภายใต้การปกครองเดียวกัน

67.       The Last Supper & Mona Lisa เป็นภาพเขียนอันโด่งดังของศิลปินใด

(1)Leonardo da Vinci

(2) John Lock

(3) Raphael       

(4) Michelangelo

ตอบ 1 หน้า 363 – 36494 (H) ลีโอนาร์โด ดา วินซี (Leonardo da Vinci) เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด ของสากลมนุษย์ (Universal Man) ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ โดยดา วินซี ถือว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถรอบตัว โดยเป็นทั้งประติมากร นักดนตรี สถาปนิก วิศวกร และจิตรกร ทั้งนี้ ผลงานด้านจิตรกรรมที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขาก็คือ The Last Supper และ Mona Lisa ซึ่งนับเป็นตัวอย่างอันดีของศิลปะที่เชิดชูความสำคัญของสตรีในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ

68.       ข้อใดคือผลงานของ William Shakespeare ที่โด่งดังในสมัย Renaissance

(1) The Principia       

(2) The Panthom of the Opera

(3)Romeo & Juliet    

(4) Social Contract

ตอบ 3 หน้า 37196 (H) วิลเลียม เช็คสเปียร์ (William Shakespeare) เป็นนักเขียนวรรณกรรม ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของอังกฤษในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ โดยเขียนบทละครเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด 38 เรื่อง มีทั้งสุขนาฏกรรม (Comedies), โศกนาฏกรรม (Tragedies) และประวัติศาสตร์ (Histories) ซึ่งผลงานที่มีชื่อเสียง1ของเช็คสเปียร์ เช่น Romeo & Juliet, Hamlet, Macbeth เป็นต้น

69.       สาเหตุที่อิตาลีเป็นจุดกำเนิดของการฟื้นฟูศิลปวิทยาการในสมัยศตวรรษที่ 14 เพราะ

(1) เคยเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิโรมันมาก่อน       

(2) มั่งคั่งเพราะการค้า

(3)ผู้ปกครองมีเสรีภาพและรํ่ารวยสามารถสนับสนุนการสร้างผลงานทางด้านศิลปะ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 35892 (H) สาเหตุที่ทำให้อิตาลีเป็นแหล่งกำเนิดของการฟื้นฟูศิลปวิทยาการใน ศตวรรษที่ 14 มีดังนี้           

1. เคยเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิโรมันมาก่อน

2. การเดินทางของมาร์โค โปโล ไปยังจีนในระหว่างปี ค.ศ. 1269 – 1295 ได้กระตุ้นให้ ผู้คนในอิตาลีใฝ่รู้มากกว่าผู้คนในดินแดนอื่น ๆ ในสมัยกลาง

3. เจ้าผู้ครองนครรัฐด่าง ๆ ในอิตาลีมังคั่งจากการค้า และมีเสรีภาพมากจนสามารถสนับสนุน การสร้างผลงานทางด้านศิลปะของนักปราชญ์ นักประพันธ์ ข่างฝีมือ และช่างศิลป์ได้

70.       ผู้ที่เขียนคำประท้วง 95 ข้อ (95 Theses) ต่อต้านศาสนจักรคือใคร

(1) Martin Luther

(2) Henry VIII    

(3) Calvin 

(4) Elizabeth I

ตอบ 1 หน้า 378 – 37998 (H) สาเหตุปัจจุบันที่ทำให้เกิดการปฏิรูปศาสนาขึ้นในศตวรรษที่ 16 คือ การที่สันตะปาปาลีโอที่ 10 ขายใบไถ่บาปในดินแดนเยอรมนี เพื่อนำเอาเงินไปบูรณะโบสถ์ เซนต์ปีเตอร์ในกรุงโรม พระองค์จึงถูกโจมตีจากมาร์ติน ลูเธอร์ (Martin Luther) พระชาวเยอรมัน ซึ่งได้เขียนคำประท้วง 95 ข้อ (95 Theses) ทำให้มีผู้เห็นด้วยว่าไม่ควรนำเงินเยอรมันไปสร้างวัด ในอิตาลี เหตุการณ์ดังกล่าวจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการประท้วงทางศาสนาและเป็นที่มาของคำว่า “Protestant” ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1529

71.       สาเหตุปัจจุบันซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการปฏิรูปศาสนาคือข้อใด

(1) การเรี่ยไรเงินบริจาคเพื่อสร้างโบสถ์ St. Peter

(2) การซื้อขายตำแหน่งทางศาสนา

(3)การขายใบไถ่บาป 

(4) พระประพฤติตัวไม่เหมาะสม

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 70. ประกอบ

72.       บุคคลที่ไม่ได้เสนอทฤษฎีว่าดวงอาทิตย์คือศูนย์กลางของจักรวาลคือ

(1) ปโทเลมี    

(2) โคเปอร์นิคัส          

(3) กาลิเลโอ   

(4) ไอแซค นิวตัน

ตอบ 1 หน้า 434436 – 438110 – 111 (H) คลอเดียส ปโทเลมี (Claudius Ptolemy) เป็น นักดาราศาสตร์แห่งเมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ ซึ่งได้สรุปว่า โลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล โดยมีดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ รวมทั้งดวงอาทิตย์โคจรโดยรอบ สำหรับโคเปอร์นิคัส เคปเลอร์ กาลิเลโอ และเซอรไอแซค นิวตัน ต่างก็มีความคิดขัดแย้งกับปโทเลมี เพราะเชื่อว่า ดวงอาทิตย์ คือศูนย์กลางของจักรวาล โดยมีโลกเป็นบริวารดวงหนึ่ง

73.       “Catholic without Pope” คือนิกายใด

(1) Roman Catholic

(2) Lutheranism

(3) Calvinism    

(4) Church of England

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 57. ประกอบ

74.       Inquisition ถูกก่อตั้งเพื่อจุดประสงค์ใด

(1)       ต่อต้านการปฏิรูปทางศาสนา

(2)       ต่อต้านการกระทำของพวกนอกรีต มีการลงโทษอย่างรุนแรง

(3)       สนับสนุนนิกายที่แยกออกมาจาก Catholic

(4)       ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 38599 (H) การจัดตั้งศาลพิเศษทางศาสนา (Inquisition) มีจุดประสงค์เพื่อต่อต้าน การกระทำของพวกนอกรีตหรือพวกโปรเตสแตนต์ โดยมีการลงโทษอย่างรุนแรง เข่น การเผา ทั้งเป็น ซึ่งศาลพิเศษทางศาสนาประสบความสำเร็จในการปราบปรามพวกนอกรีตเป็นจำนวนมาก ในสเปนและอิตาลี

75.       Edict of Nantes (โองการแห่งเมืองนังต์) มีเนื้อหาสำคัญเรื่องใด

(1)       ประกาศให้ประชาชนนับถือศาสนาตามกษัตริย์

(2)       ประกาศให้สิทธิเท่าเทียมกันระหว่างคาทอลิกและฮิวเกอโนต์

(3)       ให้ความช่วยเหลือคาทอลิกในการต่อต้านฮิวเกอโนต์

(4)       ประกาศให้เสรีภาพประชาชนในการนับถือทางศาสนา

ตอบ 2 หน้า 383 – 384404101 (H), 106 (H) หลังจากที่พระเจ้าเฮนรีที่ 4 ปฐมกษัตริย์ของ ราซวงศ์บูร์บองแห่งฝรั่งเศสทรงเปลี่ยนมานับถือนิกายคาทอลิกแล้ว (เดิมทรงเป็นฮิวเกอโนต์ หรือโปรเตสแตนต์) พระองค์ได้ทรงออกคำประกาศโองการแห่งเมืองนังต์ (Edict of Nantes) ในปี ค.ศ. 1598 เพื่อให้เกิดการประนีประนอมและเกิดความเสมอภาคทางศาสนา รวมทั้ง เป็นการให้สิทธิอย่างเท่าเทียมกันระหว่างพวกคาทอลิกกับพวกฮิวเกอโนต์ ทำให้ฝรั่งเศส เป็นประเทศเดียวที่ประชาชนไม่ต้องนับถือศาสนานิกายเดียวกับกษัตริย์ ปลอดจากสงคราม ศาสนาตลอดคริสต์ศตวรรษที่ 17 และเกิดหลักการใหม่ว่า ศาสนาเสรีมีในประเทศเสรี (A free church in a free state)

76.       ข้อใดไมใข่ผลงานของพระเจ้าเฟรเดอริกมหาราชแห่งปรัสเซีย

(1) ทรงเป็นกษัตริย์ประเทืองปัญญา  

(2) ทำสงครามแย่งดินแดนไซลีเซียจากออสเตรีย

(3) ร่วมมือกับออสเตรียและรัสเซียแบ่งโปแลนด์        

(4) ขยายอำนาจเข้าไปในทวีปอเมริกาเหนือ

ตอบ 4 หน้า 419 – 421108 – 109 (H), (คำบรรยาย) พระเจ้าเฟรเดอริกมหาราชแห่งปรัเซีย ทรงเป็นกษัตริย์ทรงภูมิธรรมหรือกษัตริย์ประเทืองปัญญา (Enlightened Despots) ซึ่งมีผลงานที่สำคัญดังนี้

1.         พยายามหาเงินเพื่อพัฒนากองทัพที่ได้รับการผฝึกฝนเป็นอย่างดีและมีอาวุธที่ทันสมัย เพื่อขยายอำนาจทางการทหาร และสร้างรัฐบาลให้เข้มแข็ง จนทำให้ปรัสเซียในสมัยของ พระองค์ได้รับฉายาว่าเป็น สปาร์ตาแห่งยุโรป

2.         ในระหว่างปี ค.ศ. 1740 – 1748ทำสงครามกับออสเตรียเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ทางทหาร ในยุโรปกลาง โดยแย่งชิงดินแดนไซลีเซียจากพระราชินีมาเรีย เธเรซา

3.         ในปี ค.ศ. 1772 ทรงร่วมกับพระนางแคเทอรีนมหาราชินีแห่งรัสเซียและออสเตรียแบ่งแยก โปแลนด์เป็นครั้งแรก

77.       New Monarchies (ระบอบราชาธิปไตยยุคใหม่) มีลักษณะอย่างไร

(1)       กษัตริย์ได้รับการสนับสนุบจากชนชั้นกลางเป็นศูนย์รวมอำนาจ

(2)       กษัตริย์สามารถปราบปรามขุนนางมาอยู่ภายใต้อำนาจได้

(3)       คริสตจักรลดบทบาทอยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์

(4)       ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 402 – 403105 (H) ระบอบราชาธิปไตยยุคใหม่ (New Monarchies) คือ ระบอบที่ กษัตริย์ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มชนชั้นกลาง จนสามารถปราบปรามพวกขุนนางให้เข้ามาอยู่ภายใต้อำนาจได้ ทำให้กษัตริย์กลายเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชน และมีพระราชอำนาจ ไม่จำกัด แม้แต่คณะสงฆ์และคริสตจักรก็ต้องลดบทบาทอยู่ภายใต้อำนาจของกษัตริย์ กษัตริย์ยุคใหม่ ได้แก่ กษัตริย์ราชวงศ์วาลัวส์ของฝรั่งเศส กษัตริย์ราชวงศ์แฮปสเบิร์กของสเปน และกษัตริย์ราชวงศ์ทิวดอร์ของอังกฤษ

78.       “A free church in a free state” ศาสนาเสรีมีในประเทศเสรี เป็นข้อความจากประกาศฉบับใด

(1) The Golden Bull 

(2) Edict of Nantes

(3) 7 Electors     

(4) Magna Carta the Great Charter

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 75. ประกอบ

79.       จุดประสงค์ของการสร้างพระราชวงแวร์ซายส์คือข้อใด

(1)       ต้องการประกาศความยิ่งใหญ่ของราชวงศ์บูร์บอง

(2)       เป็นพระราชวังแห่งแรกของราชวงศ์บูร?บอง

(3)       ต้องการรวมอำนาจขุนนางที่มีอิทธิพลเข้าสู่ศูนย์กลาง

(4)       ต้องการกระจายอำนาจโดยรอบของพระราชวงศ์

ตอบ 3 หน้า 409106 (H), (คำบรรยาย) พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ของราชวงศ์บูร์บองแห่งฝรั่งเศสทรงสร้างพระราชวังใหม่ขึ้นที่แวร์ซายส์ ซึ่งตั้งอยู่นอกกรุงปารีส โดยมีจุดประสงค์ที่สำคัญคือ เพื่อหลีกหนีชาวปารีสซึ่งมักจะทำตัวเป็นศัตรูกับรัฐบาล และยังทรงต้องการแยกออกมาจาก ขุนนางเก่า ๆ ที่มีอิทธิพลในพระราชวังเดิมเพื่อสร้างพระราชอำนาจใหม่ ทำให้พระราชวังแห่งนี้ กลายเป็นเมืองหลวงที่เป็นศูนย์รวมการปกครองของพระองศ์ และเป็นสถานที่ที่ขุนนางคนสำคัญ ของพระองศ์มาอาศัยอยู่ ทำให้พระองศ์สามารถควบคุมขุนนางได้อย่างใกล้ชิด

80.       ใครเป็นผู้ยกเลิก Edict of Nantes (โองการแห่งเมืองนังต์)

(1) หลุยส์ที่ 16           

(2) หลุยส์ที่ 14           

(3) Henry IV      

(4) Philip the Fair

ตอบ 2 หน้า 409106 (H) ในปี ค.ศ. 1685 พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงประกาศยกเลิกโองการแห่ง เมืองนังต์ (Edict of Nantes) และเริ่มปราบปรามพวกฮิวเกอโนต์ ทำให้พวกฮิวเกอโนต์ หนีไปยังประเทศอังกฤษ ปรัสเซีย และฮอลันดา ซึ่งเหตุการณดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อ การอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของฝรั่งเศสเป็นอย่างมาก

81.       A.D. 1789 เกิดเหตุการณ์ใดที่มีความสำคัญมากต่อโลก

(1) การปฏิวัติฝรั่งเศส 

(2) การประกาศอิสรภาพของอเมริกา

(3) การปฏิวัติอุตสาหกรรม     

(4) การปฏิวัติอันรุ่งเรือง

ตอบ 1 หน้า 455 – 461114 – 115 (H) การปฏิวัติฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1789 (A.D. 1789) เกิดขึ้น ในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 โดยเป็นการปฏิวัติภายใต้การนำของกลุ่มชนชั้นกลางที่ต้องการล้มระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์หรือระบอบเก่าและต้องการเข้ามามีสวนร่วมในการปกครอง มีผล ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบเก่าไปสู่การปกครองในระบอบสาธารณรัฐ ซึ่งสาเหตุโดยทั่วไปที่ทำให้เกิดการปฏิวัติ ได้แก่       

1. พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ไม่เข้มแข็งพอที่จะปกครองใบระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์

2. ฝรั่งเศสไม่มีรัฐธรรมนูญ ทำให้การปกครองไม่มีประสิทธิภาพ และเกิดการออกเสียงที่ไม่เป็นธรรมในสภา

3. เกิดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยในราชสำนักและค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการทำสงคราม

4. ได้รับอิทธิพลจากการปฏิวัติอันรุ่งเรืองของอังกฤษและการปฏิวัติอเมริกัน ส่วนสาเหตุปัจจุบันก็คือ ปัญหาทางด้านการคลัง

82. _____ถูกประหารด้วยเครื่องกิโยตินภายหลังการปฎิวัติฝรั่งเศส

(1)หลุยส์ที่ 16

(2) Henry IV      

(3) หลุยส์ที่ 14           

(4) Philip the Fair

ตอบ1 หน้า 464115 (H) ภายหลังการปฏิวัติฝรั่งเศส พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมารี อังตัวแนตได้ถูกประหารชีวิตด้วยเครื่องกิโยตินในปี ค.ศ. 1793 หลังจากนั้นอังกฤษก็ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตร กับชาติต่าง ๆ ทำสงครามกับฝรั่งเศส ทั้งนี้เพราะอังกฤษกลัวว่าฝรั่งเศสจะเข้ายึดครองเบลเยียม ซึ่งเป็นจุดพักสินค้าที่อังกฤษจะนำเข้าไปขายในประเทศบนภาคพื้นทวีปยุโรป

83.       ผู้ที่ได้รับฉายาว่า King in Parliament หมายถึงใคร

(1) Louis XIV

(2)Elizabeth (Virgin Queen)     

(3) Marry I         

(4) James II

ตอบ 2 หน้า 410107 (H), (ค่าบรรยาย) พระนางเอลิซาเบทที่ 1 (Elizabeth I หรือ Virgin Queen : ค.ศ. 1558 – 1603) เป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ทิวดอร์ (Tudor Dynasty) ของอังกฤษ ทรงปกครองอังกฤษโดยใช้วิธีการที่เรียกว่า กษัตริย์ในรัฐสภา” (King in Parliament) หมายความว่า กษัตริย์และรัฐสภาจะใช้อำนาจในการปกครองร่วมกับ แต่กษัตริย์จะปกครอง โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ซึ่งถือว่าเป็นการปกครองแบบประชาธิปไตยใน ระบอบรัฐสภา หรือระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ

84.       การปกครองแบบ Commonwealth สามารถปราบปรามไอร์แลนด์ สกอตแลนด์เข้าร่วมกับอังกฤษและเวลส์ในสมัยของใคร

(1) โอลิเวอร์ ครอมเวลส์          

(2) James I

(3) Chales I        

(4) James II

ตอบ 1 หน้า 414107 (H) สาธารณรัฐเพียวริตัน (Puritan Republic) ภายใต้การนำของโอลิเวอร์ ครอมเวลส์ สามารถปราบปรามไอร์แลนด์และสกอตแลนด์ให้เข้ามาร่วมกับอังกฤษและเวลส์ เป็นการปกครองแบบคอมมอนเวลท์ (Commonwealth) ซึ่งในสมัยครอมเวลส์นั้น ปรากฏว่า อังกฤษมีความเจริญทางด้านการค้าและอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังสามารถยึดเกาะจาไมก้า จากสเปนได้สำเร็จในปี ค.ศ. 1658 ด้วย

85.       The Glorious Revolution การปฏิวัติอันรุ่งเรืองเกิดขึ้นด้วยสาเหตุใด

(1)       James II ยอมสละราชบัลลังก์โดยไม่มีการเสียเลือดเนื้อ

(2)       รัฐสภาทำการปฏิวัติอำนาจของกษัตริย์และแต่งตั้งโอลิเวอร์ ครอมเวลส์

(3)       James II พยายามต่อต้านอำนาจของรัฐสภาจนเกิดสงคราม

(4)       ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 415417108 (H) การปฏิวัติอันรุ่งเรืองในอังกฤษ (The Glorious Revolution)ในปี ค.ศ. 1688 เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยพระเจ้าเจมส์ที่ 2 (James II) ซึ่งทรงขัดแย้ง กับรัฐสภาในเรื่องศาสนา กล่าวคือ เมื่อพระโอรสของพระองค์รับศีลเป็นคาทอลิก ทำให้พระองค์ ต้องการให้อังกฤษกลับไปนับถือนิกายคาทอลิกด้วย รัฐสภาอังกฤษจึงตัดสินใจไปเชิญเจ้าหญิงแมรี พระราชธิดาของพระองค์ซึ่งนับถือนิกายโปรเตสแตนต์ และได้อภิเษกกับวิลเลียมแห่งออเรนจ์ กษัตริย์แห่งฮอลันดา ให้มาปกครองอังกฤษแทน ทำให้พระเจ้าเจมส์ที่ 2 ยอมสละราชบัลลังก์ โดยไม่มีการเสียเลือดเนื้อ และได้เสด็จลี้ภัยไปอยู่ฝรั่งเศส

86.       นักปรัชญาทางการเมืองผู้เสนอทฤษฎีให้ประชาฃนสามารถล้มรัฐบาลได้ถ้าไม่ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญา หรือทำให้ประชาชนไม่พอใจคือ

(1) จอห์น ล็อค

(2) ฌอง ฌาค รุสโซ    

(3) โทมัส ฮอบบ์         

(4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 หน้า 441446 – 447454112 – 113 (H) จอห์น ล็อค และฌอง ฌาค รุสโซ เป็นนักปรัชญาทางการเมืองผู้เสนอทฤษฎีสัญญาประชาคม (The Social Contract) ที่เห็นว่า มนุษย์มีความเท่าเทียมกันตั้งแต่เกิด…ประชาชนเลือกรัฐบาลขึ้นมาเพื่อป้องกันสิทธิของตน ถ้ารัฐบาลทำลายสิทธินั้นด้วยการไม่ปฏิบัติตามคำมันสัญญาหรือทำให้ประชาชนไม่พอใจ ประชาชนย่อมมีสิทธิล้มรัฐบาลได้

87.       ปี ค.ศ. 1492 มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์การสร้างรัฐชาติของสเปน เมื่อพวกคริสเตียนสามารถเข้ายึดครองอาณาจักรจากพวกมัวร์ (Moors) ได้สำเร็จ

(1) คาสติล     

(2) อรากอน    

(3) นาวาร์       

(4) กรานาดา

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 54. ประกอบ

88.       การปฏิวัติอเมริกันในปี ค.ศ. 1776 ก่อให้เกิดการปกครองรูปแบบใหม่ขึ้นในเวลานั้นคือ

(1) สาธารณรัฐประชาธิปไตย 

(2) สาธารณรัฐสังคมนิยม

(3) คณาธิปไตย          

(4) เผด็จการเบ็ดเสร็จ

ตอบ 1 หน้า 454113 (H), (คำบรรยาย) การปฏิวัติอเมริกันในปี ค.ศ. 1776 ได้รับอิทธิพลจากนักปรัชญา ทางการเมือง 2 ท่านคือ จอห์น ล็อค และรุสโซ โดยแนวความคิดของพวกเขาได้ไปปรากฏใน คำประกาศอิสรภาพ (Declaration of Independence) ของรัฐอาณานิคมในทวีปอเมริกาเหนือ ในวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1776 ซึ่งเท่ากับเป็นการสถาปนาประเทศสหรัฐอเมริกาขึ้น โดยมีการปกครองในระบอบสาธารณรัฐประชาธิปไตย (Democratic Republic) และมีประธานาธิบดี คนแรก คือ จอร์จ วอชิงตัน

89.       ข้อใดไม่ถูกต้องในเรื่องการปฏิวัติทางการค้า ค.ศ. 1500 – 1700

(1)       การค้าในเมดิเตอร์เรเนียนซบเซาลง

(2)       เกิดลัทธิเศรษฐกิจแบบพาณิชย์ชาตินิยม

(3)       พวกพระและขุนนางมีบทบาทสำคัญในการควบคุมเศรษฐกิจ

(4)       มีการฟื้นฟูการค้าทาสขึ้นใหม่

ตอบ 3 หน้า 339 – 34488 – 89 (H) ความสำคัญของการปฏิวัติทางการค้า (ค.ศ. 1500 – 1700) มีดังนี้

1.         ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของยุโรปได้เปลี่ยนแปลงจากบริเวณทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ไปสู่มหาสมุทรแอตแลนติกและภาคโพ้นทะเล

2.         เศรษฐกิจของอิตาลีซบเซาลงในขณะที่สเปนและโปรตุเกสมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น

3.         การค้าเข้ามามีบทบาทแทนการเกษตรกรรม

4.         ลัทธิเศรษฐกิจแบบพาณิชย์ชาตินิยมได้แพร่หลายไปทั่วโลก

5. กำเนิดระบอบทุนนิยม

6.         ชนชั้นกลางอันได้แก่ พวกพ่อค้า นายธนาคาร นักลงทุน และเจ้าของกิจการอุตสาหกรรม กลายเป็นพวกที่มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจ

7.         เกิดการฟื้นฟูการค้าทาสขึ้นมาใหม่โดยชาวโปรตุเกส เป็นต้น

90.       สาเหตุที่ทำให้เกิดการแสวงหาเส้นทางเดินเรือมาสู่ทวีปเอเชียในสมัยศตวรรษที่ 15 คือ

(1)       คอนสแตนติโนเปิลถูกยึดครอง

(2)       ต้องการล้มเลิกการผูกขาดทางการค้าของพวกเวนิสและเจนัว

(3)       ความต้องการเครื่องเทศ ผ้าไหม พรม และเครื่องแก้ว 

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 350 – 35189 – 90 (H) สาเหตุที่ก่อให้เกิดการสำรวจทางทะเลของประเทศในยุโรปตะวันตกมาสู่ทวีปเอเชียในสมัยศตวรรษที่ 14 – 15 คือ 1. แรงบันดาลใจที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่ยุคกลางที่กองทัพครูเสดนำเอาความรู้และสินค้าจากเอเชียไปเผยแพร่ในยุโรป

2.         กรุงคอนสแตนติโนเปิลถูกพวกออตโตมัน เติร์ก เข้ายึดครองในปี ค.ศ. 1453 ทำให้ เส้นทางการค้าระหว่างยุโรปกับเอเชียถูกตัดขาด

3. มีความต้องการสินค้าจากเอเชียหรือ ภาคตะวันออก เช่น เครื่องเทศ ผ้าไหม พรม และเครื่องแก้ว

4. ต้องการล้มการผูกขาดของ พวกพ่อค้าชาวอิตาลีที่มั่งคั่งจากการค้า เช่น เวนิส เจนัว

5. มีการปรับปรุงเส้นทางเดินเรือ มีการประดิษฐ์เรือขนาดใหญ่ เข็มทิศ และมีการทำแผนที่ที่มีความแน่นอนมากขึ้น

91.       การทำลายคุกบาสติลย์ในวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1789 จนกลายมาเป็นวันชาติของฝรั่งเศสในปัจจุบัน มีสาเหตุมาจาก

(1)       มีข่าวลือว่ารัฐบาลจะนำทหารมาปราบปรามพวกปฏิวัติ

(2)       เป็นสัญลักษณ์ของการปกครองใบระบอบเก่า

(3)       ต้องการปล่อยนักโทษมาสู้กับรัฐบาล

(4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 หน้า 461115 (H) การบุกเข้าทำลายคุกบาสติลย์ของฝายฐานันดรที 3 ในวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1789 จนกลายมาเป็นวันชาติของฝรั่งเศสในปัจจุบันนั้น มีสาเหตุมาจาก

1.         มีข่าวลือว่ารัฐบาลได้เตรียมใช้กำลังทหารเพื่อปราบปรามพวกปฏิวัติ

2.         คุกบาสติลย์เป็บที่คุมขังของบุคคลทีเป็นศัตรูของรัฐ และเป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่แสดงถึง ความโหดร้ายของการปกครองในระบอบเก่า

92.       ก่อนเกิดการปฏิรูปศาสนา คริสต์ศาสนาที่เผยแผ่ในดินแดนยุโรปตะวันตกคือ

(1) โรมันคาทอลิก       

(2) กรีกออร์ธอดอกซ์  

(3) โปรเตสแตนต์       

(4) แอเดรียน

ตอบ 1 หน้า 208237 – 238376386 ก่อนเกิดการปฏิรูปศาสนา สถาบันที่สำคัญที่สุดในยุโรป ตะวันตกสมัยยุคกลางก็คือ คริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งมีส่วนในการสร้างความเป็น อันหนึ่งอันเดียวกัน โดยจะมีอิทธิพลเหนือสังคมและความเชื่อของผู้คนในสมัยนั้น แต่หลังจาก การปฏิรูปศาสนาในช่วงต้นศตวรรษที่ 16 ได้ส่งผลให้นิกายคาทอลิกไม่ใช่คริสต์ศาสนาเพียง นิกายเดียวในยุโรปตะวันตกอีกต่อไป แต่ได้เกิดนิกายโปรเตสแตนต์ขึ้นมาอีกหลายนิกาย เช่น นิกายลูเธอรันนิสมีนิกายคาลแวงหรือคาลวินิสม์นิกายแองกลิคันหรือนิกายอังกฤษ เป็นต้น

93.       ข้อใดไม่ใช่ผลงานของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชแห่งรัสเซีย

(1)       เปิดประเทศรับอารยธรรมยุโรปตะวันตกและพัฒนากองทัพเรือ

(2)       บังคับให้ชาวรัสเชียโกนหนวดโกนเครา

(3)       ตั้งโรงพิมพ์ โรงเรียน โรงพยาบาล และปรับปรุงปฏิทินเป็นแบบตะวันตก

(4)       ย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่มอสโก

ตอบ 4 หน้า 421426109 (H) ผลงานที่สำคัญของพระเจ้าปีเตอร์ที่ 1 หรือปีเตอร์มหาราชแห่งราชวงศ์โรมานอฟของรัสเซีย (ค.ศ. 1682 – 1725) มีดังนี้

1. เป็นผู้เปิดประเทศเพื่อรับอารยธรรมจากยุโรปตะวันตกและพัฒนากองทัพเรือ

2. ออกกฎหมายให้ชาวรัสเซียแต่งกายแบบ ยุโรป ให้โกนหนวดเครา และสวมเสื้อแขนสั้นแบบยุโรป

3. ตั้งโรงพิมพ์ โรงเรียน โรงพยาบาล และ ปรับปรุงปฏิทินเป็นแบบตะวันตก

4. ย้ายเมืองหลวงจากมอสโกไปยังกรุงเซนต่ปีเตอร์สเบิร์ก

94.       ในยุคที่เมตเตอร์นิกมีอำนาจทางการเมืองระหว่างประเทศในยุโรป (ค.ศ. 1815 – 1848) สิ่งที่เมตเตอร์นิก ยับยั้งไม่ต้องการให้เกิดคือ

(1) สันตะปาปากลับมามีอำนาจ        

(2) การขยายอำนาจของตุรกี

(3) การปฏิวัติของพวกเสรีนิยม          

(4) การขยายอำนาจของอังกฤษทางทะเล

ตอบ 3 หน้า 471 – 473118 (H) ภายหลังการประชุมที่เวียนนาสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1815 ประเทศ ในยุโรปส่วนใหญ่ก็ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของกลุ่มอนุรักษนิยม มีผู้นำคือ เจ้าชายเมตเตอร์นิก เสนาบดีของอาณาจักรออสเตรีย ซึ่งเป็นผู้ที่ต่อสู้เพื่อรักษาระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และทำการต่อต้านการปฏิวัติของพวกเสรีนิยมหรือระบอบเสรีนิยมทุกประเภท ทำให้ยุคสมัยของ คองเกรสแห่งเวียนนาถูกเรียกว่า ยุคเมตเตอร์นิก‘’ (ค.ศ. 1815 – 1848)

95.       The Restoration คือช่วงเวลาของเหตุการณ์ใด

(1) การปฏิวัติอันรุ่งเรือง         

(2) การปฏิรูปศาสนา

(3) การฟื้นฟูระบอบกษัตริย์   

(4) การต่อต้านระบอบสังคมนิยม

ตอบ 3 หน้า 414 – 415108 (H) การฟื้นฟูระบอบกษัตริย์ (The Restoration : ค.ศ. 1660) เกิดขึ้น หลังจากที่ครอมเวลส์ถึงแก่กรรม โดยรัฐสภาได้ไปเชิญพระเจ้าชาร์ลที่ 2 (ค.ศ. 1660 – 1685) พระราชโอรสของพระเจ้าชาร์ลที่ 1 ที่ทรงลี้ภัยไปอยู่ฝรั่งเศสให้มาปกครองอังกฤษ ซึ่งในปี ค.ศ. 1679 ได้มีการออกกฎหมาย Habeas Corpus Act มีใจความสำคัญว่า บุคคลจะถูกคุมขัง เป็นเวลานานเกินควรโดยบุคคลผู้นั้นไม่ได้รับการขึ้นศาล และไม่มีโอกาสป้องกันการจับกุมและ จำคุกโดยไม่มีเหตุผลสมควรไม่ได้” โดยสมัยนี้จัดว่าเป็นสมัยสถาปนาระบอบกษัตริย์โดยรัฐสภาขึ้น ในอังกฤษ

96.       ผลงาน Principia ของ Sir Isaac Newton เป็นงานเขียนเกี่ยวกับเรื่องอะไร

(1) กฎการดึงดูดของโลก       

(2) การค้นพบจุดดับบนดวงอาทิตย์

(3) การค้นพบวงแหวนของดาวเสาร์   

(4) โลกคือศูนย์กลางของจักรวาล

ตอบ 1 หน้า 437 – 439111 (H) เซอร์ไอแซค นิวดัน (Sir Isaac Newton) นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ เป็นผู้ค้นพบ กฎแรงโน้มถ่วง” หรือ ‘’กฎการดึงดูดของโลก” ซึ่งปรากฏในผลงานเรื่อง “Principia” ในปี ค.ศ. 1687 นอกจากนี้นิวตันยังอธิบายถึงการที่โลกและดาวเคราะห์โคจร รอบดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์โคจรรอบโลก และยังมีอิทธิพลต่อวงการวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน ที่ยํ้าว่า หลักการของวิทยาศาสตร์คือ การสังเกต การคำนวณ และการทดลอง

97.       ความสำคัญของรัฐธรรมนูญแมกนา คาร์ตา ซึ่งพระเจ้าจอห์นถูกบังคับให้ลงนามโดยพวกขุนนางอังกฤษในปี ค.ศ. 1215 นับเป็นจุดเริ่มต้นของการปกครองในระบอบ…….ในเวลาต่อมา

(1)สมบูรณาญาสิทธิราชย์      

(2) รัฐสภา

(3) ศักดินาสวามิภักดิ์

(4) เผด็จการ

ตอบ 2 หน้า 27575 (H), (คำบรรยาย) ในปี ค.ศ. 1215 พระเจ้าจอห์นหรือกษัตริย์ผู้ไร้แผ่นดิน (John the Lackland) ทรงถูกพวกขุนนางอังกฤษบังคับให้ลงนามในรัฐธรรมนูญแมกนา คาร์ตา (Magna Carta หรือ The Great Charter) ซึ่งถือเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกของอังกฤษโดยมี หลักการที่สำคัญยิ่ง คือ กำหนดให้ทุกชนชั้นต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย นอกจากนี้กษัตริย์ยังถูก ลดอำนาจในการตัดสินคดี โดยจะให้ศาลยุติธรรมเท่านั้นทำหน้าที่ตัดสินคดีความของเสรีชน และ การจัดเก็บภาษีต้องทำด้วยความยุติธรรม ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของการปกครองในระบอบรัฐสภา หรือการปกครองระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญของอังกฤษ

98.       ผลงานสำคัญของพระนางแคเทอรีนมหาราชินี กษัตริย์ประเทืองปัญญาของรัสเซียคือข้อใด

(1) ปรับปรุงประเทศให้เจริญทัดเทียมอารยประเทศ  

(2) ขยายอำนาจสู่ภายนอก

(3) ทำการแบ่งโปแลนด์ถึง 3 ครั้ง จนหายจากแผนที่ทวีปยุโรป          

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 427109 (H) พระนางแคเทอรีนมหาราชินี (ค.ศ. 1762 – 1796) ทรงเป็นกษัตริย์ ประเทืองปัญญาของรัสเซีย โดยทรงมีผลงานที่สำคัญดังนี้

1.         ทรงพยายามปรับปรุงประเทศให้เจริญทัดเทียมอารยประเทศ

2.         อุปถัมภ์นักปราชญ์และขยายอำนาจออกสู่ภายนอก

3.         ในระหว่างปี ค.ศ. 1772 – 1795 ได้ร่วมกับปรัสเซียและออสเตรียทำการแบ่งแยกโปแลนด์ ถึง 3 ครั้ง จนทำให้โปแลนด์หายไปจากแผนที่ของยุโรป

99.       อเมริกาเคยเป็นอาณานิคมของประเทศใด

(1) ฝรั่งเศส     

(2) เยอรมนี     

(3) รัสเซีย       

(4) อังกฤษ

ตอบ 4 หน้า 453 – 454113 (H), (ดูคำอธิบายข้อ 88. ประกอบ) ในระหว่างปี ค.ศ. 1763 – 1775 สัมพันธภาพระหว่างอังกฤษและอาณานิคมทั้ง 13 แห่งในนิวอิงแลนด์เริ่มตึงเครียดมากขึ้น เพราะอังกฤษพยายามบังคับให้อาณานิคมอเมริกันต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นตามนโยบายพาณิชย์ ชาตินิยม แต่ชาวอาณานิคมต่อต้านไม่ยอมเสียภาษี เพราะถือว่าไม่มีผู้แทนของตนในรัฐสภา ของอังกฤษ และต่อต้านไม่ยอมซื้อสินค้าของอังกฤษ โดยความขัดแย้งนี้ได้นำไปสู่การปฏิวัติ อเมริกันในที่สุด

100.    ข้อใดไม่ใช่สาเหตุของการปฏิวัติฝรั่งเศสในปี A.D. 1789

(1)       ค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยในราชสำนักค่าใช้จ่ายการทำสงคราม

(2)       อิทธิพลจากการปฏิวัติประเทศอเมริกาและอังกฤษ

(3)       ได้รับการช่วยเหลือในยุคเมตเตอร์นิก

(4)       การออกเสียงที่ไม่เป็นธรรมในสภา

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 81. ประกอบ

101.    การปิดล้อมทางเศรษฐกิจ (Continental Blockade) เป็นนโยบายที่นโปเลียนใช้กับประเทศใด

(1) รัลเซีย       

(2) อังกฤษ     

(3) ปรัสเซีย    

(4) ออสเตรีย

ตอบ 2 หน้า 469 – 470117(H) ปัจจัยที่ทำให้จักรพรรดินโปเลียนแห่งฝรั่งเศสเสื่อมอำนาจ มีดังนี้

1.         มีการปิดล้อมอังกฤษทางเศรษฐกิจ (Continental Blockade) เพื่อไม่ให้ประเทศบนภาคพื้นยุโรปค้าขายกับอังกฤษ แต่ก็ไม่เป็นผล จนถูกกล่าวว่าเป็นเพียง แผนการณ์บนกระดาษ’’ (Paper Blockade)

2.         ดินแดนที่อยู่ภายใต้การปกครองของนโปเลียนเกิดความรู้สึกชาตินิยม เพราะไม่พอใจต่อ การถูกกดขี่จ4ากกองทัพนโปเลียน

3.         ทำสงครามกับรัสเซียในปี ค.ศ. 1812 เนื่องจากรัสเซียฝ่าฝืนนโยบายการปิดล้อมอังกฤษ ทางเศรษฐกิจ แต่กองทัพนโปเลียบก็ต้องพ่ายแพ้ต่อความหนาวเย็น การขาดแคลนอาหาร และกองทัพรัสเซีย จนต้องถอยทัพกลับมา ซึ่งสงครามในครั้งนี้ทำให้นโปเลียนหมดอำนาจ จนต้องสละบัลลังก์ไปในปี ค.ศ. 1814 และถูกเนรเทศไปอยู่ที่เกาะเอลบา

102.    ประเทศที่ฝ่าฝืนนโยบายการปิดล้อมทางเศรษฐกิจของนโปเลียน จนเป็นชนวนสงครามและทำให้นโปเลียน เสียอำนาจสมัยแรกคือประเทศใด

(1) รัสเซีย       

(2) อังกฤษ     

(3) ปรัสเซีย    

(4) ออสเตรีย

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 101. ประกอบ

103.    สาเหตุที่ทำให้อังกฤษเป็นผู้นำในการปฎิวัติอุตสาหกรรมในสมัยศตวรรษที่ 18 เพราะ

(1) มั่งคั่งจากการค้า   

(2) มีเหล็ก ถ่านหิน และกำลังคน

(3) เป็นผู้นำทางการประดิษฐ์และเทคโนโลยี 

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 495 – 496123 (H), (คำบรรยาย) สาเหตุที่ทำให้อังกฤษเป็นผู้นำในการปฏิวัติอุตสาหกรรม เป็นชาติแรกในศตวรรษที่ 18 มีดังนี้.

1. มีความสงบทางการเมืองภายหลังการปฎิวัติอันรุ่งเรือง ในปี ค.ศ. 1688   

2. มีความมั่งคั่งจากการค้า

3. มีความพร้อมในเรื่องกำลังคนหรือแรงงาน เนื่องจากชนชั้นกลางของอังกฤษเพิ่มจำนวนขึ้นเร็วมาก ทำให้เกิดแรงงานราคาถูก

4. มีการพัฒนาทางด้านการเกษตรที่ก้าวหน้า 

5. มีถ่านหินและเหล็กเป็นจำนวนมาก

6. มีการพัฒนาเทคโนโลยีและการประดิษฐ์เครื่องจักร โดยเครื่องจักรที่สำคัญคือ เครื่องจักรไอนํ้า

104.    ผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรมคือ

(1) เกิดชนชั้นนายทุนและกรรมกร      

(2) การเพิ่มจำนวนประชากร

(3) จักรวรรดินิยมและสังคมนิยม       

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 499124 (H) ผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรม มีดังนี้

1. เกิดลัทธินายทุนขึ้น 

2. เกิดชนชั้นใหม่ขึ้นในสังคมคือ นายทุนกับกรรมกร

3. ทำให้จำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

4. เกิดการออกแสวงหาอาณานิคมหรือเริ่มลัทธิจักรวรรดินิยมยุคใหม่ (ค.ศ. 1870 – 1914)

5.เกิดลัทธิเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมและคอมมิวนิสต์ เพื่อต่อต้านการแสวงหาผลประโยชน์ ของพวกนายทุนอุตสาหกรรม เป็นต้น

105.    การที่คาวัวร์นำซาร์ดิเนียเข้าร่วมในสงครามไครเมียในปี ค.ศ. 1855 ก็เพื่อ

(1) ต้องการแก้แค้นรัสเซีย      

(2) ต้องการเมืองนีซและซาวอยกลับคืน

(3) ขอความช่วยเหลือจากฝรั่งเศสเพื่อรวมอิตาลี        

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 512 – 513126 (H) ผู้นำที่มีบทบาทสำคัญในการรวมชาติอิตาลีในระหว่างปี ค.ศ.1860 – 1861 คือ เคานต์ คามิลโล ดิ คาวัวร์ นายกรัฐมนตรีของซาร์ดิเนีย ซึ่งเชื่อว่าการรวมชาติ จะกระทำได้โดยการปราบออสเตรียก่อน จากนั้นจึงดึงประเทศมหาอำนาจเข้ามาช่วย พร้อมกับดำเนินการทางการทูตไปด้วย ดังนั้นคาวัวร์จึงนำซาร์ดิเนิยเข้าร่วมในสงครามไครเมียในปี ค.ศ. 1855 ซึ่งทำให้คาวัวร์สามารถขอความช่วยเหลือจากจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 ของฝรั่งเคส ให้มาช่วยรบกับออสเตรียได้

106.    การรวมอิตาลีมีความสำเร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1870 เมื่อได้กรุงโรมเป็นเมืองหลวง ซึ่งเป็นผลมาจากการทำสงครามระหว่าง         

(1) ออสเตรียกับปรัสเซีย

(2)ฝรั่งเศสกับปรัสเซีย

(3) ซาร์ดิเนียกับออสเตรีย      

(4) ออสเตรียกับฝรั่งเศส

ตอบ 2 หน้า 515126 – 127 (H) หลังจากที่คาวัวร์เสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 1861 การรวมอิตาลีก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งนั้เพราะแคว้นเวเนเทียยังอยู่ภายใต้การปกครองของออสเตรีย และ กรุงโรมยังไม่ได้เป็นเมืองหลวงของอิตาลี จนกระทั่งเมื่อเกิดสงครามระหว่างฝรั่งเศสกับปรัสเซีย ในปี ค.ศ. 1870 กองกำลังทหารของฝรั่งเศสที่ให้ความคุ้มครองแก่สันตะปาปาในกรุงโรม จึงเดินทางกลับฝรั่งเศส รัฐบาลอิตาลีได้ถือโอกาสเข้ายึดกรุงโรมมาเป็นเมืองหลวง และรวมอิตาลี ได้สำเร็จอย่างสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1871

107.    ภายหลังการประชุมที่เวียนนาสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1815 ปัจจัยที่ทำให้ปรัสเซียกลายมาเป็นผู้นำในการรวมเยอรมนีเข้าด้วยกันคือ

(1) ไม่มีปัญหาเรื่องชนกลุ่มน้อย         

(2) การจัดตั้งสหภาพศุลกากร

(3)การมีผู้นำที่เข้มแข็งคือบิสมาร์ค     

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 418 – 421515517 – 519128 (H) ภายหลังการประชุมที่เวียนนาสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1815 ปรัสเซียได้กลายมาเป็นผู้นำในการรวมเยอรมนีเข้าด้วยกันได้สำเร็จ โดยมีปัจจัยสำคัญ อยู่ 3 ประการ ดังนี้

1. ปรัสเซียไม่มีปัญหาเรื่องชนกลุ่มน้อย เพราะผู้ปกครองให้เสรีภาพ ในการนับถือศาสนา จึงมีชาวต่างชาติเข้ามาตั้งหลักแหล่งเป็นจำนวนมาก

2.มีการจัดตั้งสหภาพศุลกากรซึ่งเป็นการประกาศอิทธิพลของปรัสเซีย

3.การมีผู้น่าที่เข้มแข็งคือ บิสมาร์ค อัครมหาเสนาบดีของปรัสเซีย ซึ่งได้ประกาศใช้นโยบาย เลือดและเหล็ก’’ ในการบริหารประเทศและการรวมเยอรมนีเข้าด้วยกัน

108.    ความสำคัญของสงครามเจ็ดสัปดาห์ในปี ค.ศ. 1866 ระหว่างออสเตรียกับปรัสเซียคือ

(1) ออสเตรียกลายเป็นผู้นำในกลุ่มรัฐเยอรมัน           

(2) ปรัสเซียกลายเป็นผู้นำในกลุ่มรัฐเยอรมัน

(3) ออสเตรียเปลี่ยนสถานภาพมาเป็นออสเตรีย-ฮังการี        

(4) ถูกข้อ 2 และ 3

ตอบ 4 หน้า 517 – 518129 (H) ความสำคัญของสงครามเจ็ดสัปดาห์ในปี ค.ศ. 1866 ระหว่าง ออสเตรียกับปรัสเซีย มีดังนี้

1. เป็นการตัดอิทธิพลชองออสเตรียออกจากดินแดนเยอรมนี

2. รัฐเยอรมันทางตอนเหนือยอมเข้ามารวมกับปรัสเชีย โดยมีการจัดตั้งสมาพันธรัฐเยอรมัน ทางตอนเหนือขึ้น

3. ในปี ค.ศ. 1867 ออสเตรียได้เปลี่ยนสถานภาพมาเป็นอาณาจักร ออสเตรีย-ฮังการี

109.    ลัทธิจักรวรรดินิยมยุคใหม่ ค.ศ. 1871 – 1914 เน้นการยึดครองประเทศด้อยพัฒนาในทางเศรษฐกิจเป็นเพราะผลกระทบที่ได้รับจากการเกิด

(1) การปฏิวัติอุตสาหกรรม

(2)การรวมเยอรมนี     

(3) การปฏิรูปศาสนา  

(4) การฟื้นฟูศิลปวิทยาการ

ตอบ 1 หน้า 522 – 524130 – 131 (H) ลัทธิจักรวรรดินิยมยุคใหม่ (ค.ศ. 1871 – 1914) คือ ยุคที่ประเทศมหาอำนาจในยุโรปนำโดยอังกฤษ ฝรั่งเศส และฮอลันดา ได้ออกมาแสวงหา อาณานิคมในทวีปแอฟริกาและเอเชีย ซึ่งเน้นการยึดครองประเทศด้อยพัฒนาในทางเศรษฐกิจ โดยมีสาเหตุสำคัญคือ

1. ผลจากการปฏิวัติอุตลาหกรรมทำให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการเพิ่มขึ้นของจำนวนพลเมือง ทำให้ตัองมีการแสวงหาอาณานิคมเพื่อเป็นแหล่งวัตถุดิบ และตลาด เพื่อจัดตั้งฐานทัพ และเพื่อระบายพลเมือง

2. ต้องการแสดงถึงความเป็นประเทศ มหาอำนาจในยุโรป

3. ต้องการเผยแผ่ศาสนาคริสต์

4. ลัทธิชาตินิยม ทำให้ชาวยุโรป ต้องการเข้าครอบครองดินแดนที่มีอารยธรรมต่ำกว่า

110.    จีนและอินเดียต่างก็เป็นชาติที่มีอารยธรรมสูง อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ทั้ง 2 ชาติได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง จากลัทธิจักรวรรดินิยมยุคใหม่

(1) ขาดการพัฒนาอุตสาหกรรมด้วยเครื่องจักร          

(2) กองทัพไม่มีประสิทธิภาพ

(3)ประชาชนและสังคมขาดระเบียบ  

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 523131 (H) จีนและอินเดียต่างเป็นชาติที่มีอารยธรรมสูง แต่ก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากลัทธิจักรวรรดินิยมยุคใหม่ ทั้งนี้เพราะทั้ง 2 ชาติมีปัญหาเรื่อง

1. ขาดอุตสาหกรรม ที่ผลิตด้วยเครื่องจักร

2. ขาดกองทัพที่มีประสิทธิภาพ

3. ประชาชนและสังคมขาดระเบียบวินัย

111.    ภายหลังการรวมเยอรมนีประสบความสำเร็จในปี ค.ศ. 1871 ประเทศที่ถูกบิสมาร์คดำเนินนโยบาย จนกระทั่งต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเป็นเวลากว่า 20 ปีคือ

(1) อังกฤษ     

(2) ฝรั่งเศส     

(3) ออสเตรีย  

(4) อิตาลี

ตอบ 2 หน้า 129 (H), (คำบรรยาย) หลังจากที่บิสมาร์คสามารถรวมเยอรมนีได้สำเร็จในปี ค.ศ. 1871 แล้ว สิ่งที่บิสมาร์คไม่ต้องการให้เกิดขึ้นคือ

1.         ไม่ต้องการให้ฝรั่งเศสมีพันธมิตรโดยเฉพาะกับรัสเซีย เพราะอาจจะทำการแก้แค้นเยอรมนีได้ และทำให้เยอรมนีต้องทำศึก 2 ด้าน ดังนั้นจึงต้องดำเนินนโยบายโดดเดี่ยวฝรั่งเศส ทำให้ฝรั่งเศลต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเป็นเวลากว่า 20 ปี

2.         เยอรมนีไม่ควรเป็นศัตรูกับอังกฤษที่เป็นมหาอำนาจทางทะเล เพราะอังกฤษไม่มีผลประโยชน์ในทวีปยุโรป แต่อังกฤษจะมีผลประโยชน์กับอาณานิคมภาคโพ้นทะเล

112.    ประเทศใดไม่ได้อยู่กลุ่มประเทศมหาอำนาจกลางในสงครามโลกครั้งที่ 1 คือ

(1) เยอรมนี     

(2) ออสเตรีย-ฮังการี   

(3) ตุรกี           

(4) อิตาลี

ตอบ 4 หน้า 535134 (H) เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ขึ้นในปี ค.ศ. 1914 ประเทศมหาอำนาจในยุโรปได้แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ

1.         ฝ่ายมหาอำนาจกลาง (The Central Powers) ประกอบด้วย เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี ตุรกี และบัลแกเรีย

2.         ฝ่ายสัมพันธมิตร (The Allied Powers) ประกอบด้วย ฝรั่งเศส รัสเซีย และอังกฤษ ต่อมาก็มีประเทศอื่นเข้ามาร่วมด้วย ได้แก่ อิตาลี สหรัฐอเมริกา เซอร์เบีย จีน ญี่ปุ่น และไทย

113.    สาเหตุที่ทำให้รัฐบาลชั่วคราวของเคอเรนสกี้ไม่ยอมถอนรัสเซียออกจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ภายหลังล้มระบอบซาร์ลงในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1917 เพราะถูก…….ขู่จะไม่ยอมห้รัสเซียกู้เงิน

(1) อังกฤษ     

(2) สหรัฐอเมริกา        

(3) ฝรั่งเศส     

(4) อิตาลี

ตอบ 2 หน้า 537136 (H) ภายหลังจากการล้มระบอบซาร์ลงในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1917 รัสเซียก็มีรัฐบาลชั่วคราวของนายเคอเรนสกี้ขึ้นมาปกครองแทน แต่ก็ยังไม่ยอมถอนตัวออกจาก สงครามโลกครั้งที่ 1 เพราะถูกกดดันจากสหรัฐอเมริกาให้ทำสงครามต่อไป มิฉะนั้นจะไม่ให้ รัสเซียกู้ยืมเงิน แต่ทหารรัสเซียไม่มีกำลังใจในการรบ อีกทั้งความไม่พร้อมในด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ และชาวรัสเซียโดยทั่วไปเริ่มเบื่อหน่ายการบริหารงานของนายเคอเรนสกี้ ดังนั้นจึงเป็นการ เปิดโอกาสให้พรรคบอลเชวิคของเลนินทำการปฏิวัติครั้งใหญ่ขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1917 ซึ่งส่งผลทำให้รัสเซียต้องเปลี่ยนแปลงการปกครองไปสู่ระบอบคอมมิวนิสต์ และรัสเซียต้อง ถอนตัวจากสงครามโลกครั้งที่ 1

114.    ความสำคัญของลัทธิฟาสซิสต์และลัทธินาซีคือ

(1) เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ยุติ          

(2) ต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์

(3) ต่อต้านโลกเสรีและระบอบประชาธิปไตย

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 541 – 543137 – 138 (H), (คำบรรยาย) หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ยุติลง ได้เกิด ขบวนการชาตินิยมที่เรียกว่า ระบอบเผด็จการเบ็ดเสร็จ” ขึ้น ซึ่งเป็นการปกครองที่ผู้นำเดียว มีอิทธิพลครอบงำ หรืออาจอยู่ในรูปองค์กรผู้นำพรรคการเมือง 1 พรรค ใช้อำนาจเด็ดขาดใน ลักษณะก้าวร้าวแต่เพียงพรรคเดียว แบ่งออกเป็น 2 แบบ ซึ่งมีลักษณะตรงข้ามกัน ได้แก่

1.         ลัทธิคอมมิวนิสต์ (Communism) หรือเผด็จการฝ่ายซ้าย เป็นขบวนการต่อต้านลัทธิ ทุนนิยมประชาธิปไตย

2.         ลัทธิฟาสซิสต์ (Fascism) หรือเผด็จการฝ่ายขวา ก่อตั้งโดยเบนิโต มุลโสลินี เกิดขึ้นในอิตาลี และขยายต่อมายังเยอรมนี เรียกว่า ลัทธินาซี” เป็นขบวนการชาตินิยมที่ต่อต้านการขยายตัว ของลัทธิคอมมิวนิสต์และระบอบเสรีประชาธิปไตย

115.    ก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ฮิตเลอร์ทำสัญญา Nazi-Soviet กับสตาลินในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1939 เพราะ

(1) ต้องการเอาใจรัสเซีย         

(2) ไม่ต้องการทำศึก 2 ด้าน

(3) ต้องการให้รัสเซียคานอำนาจอังกฤษ        

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 550, (คำบรรยาย) ก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ฮิตเลอร์ได้เดินทางไปพบสตาลินที่รัสเซีย เพื่อตกลงทำสนธิสัญญาไม่รุกรานกันหรือที่เรี่ยกว่า สนธิสัญญา Nazi-Soviet” ในวันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 1939 ทั้งนี้เพราะฮิตเลอร์ต้องการเอาใจรัสเซีย ไม่ต้องการทำศึก 2 ด้าน และต้องการให้รัสเซียคานอำนาจของอังกฤษและฝรั่งเศส ส่วนรัสเซียก็หวังว่าตนจะสามารถ วางตัวเป็นกลางได้เมื่อเป็นพันธมิตรกับเยอรมนี

116.    สาเหตุที่ฮิตเลอร์บุกโปแลนด์ในวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1939จนเป็นชนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2ขึ้นเพราะ

(1) การเกิดโปแลนด์ทำดินแดนเยอรมนีถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน

(2) ต้องการเอาใจรัสเซีย

(3) โปแลนด์หันมาฝักใฝ่อังกฤษและฝรั่งเศส 

(4) ต้องการหาช่องทางออกสู่ทะเลบอลติก

ตอบ 3 หน้า 550138 (H) สาเหตุปัจจฺบันที่ทำให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 คือ การที่กองทัพเยอรมนี เริ่มบุกโปแลนด์ในวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1939 เนื่องจากฮิตเลอร์ได้เรียกร้องให้โปแลนด์ยอมคืน ฉนวนโปแลนด์และเมืองดานซิกให้เยอรมนี แต่โปแลนด์ไม่ยินยอมและหันไปฝักใฝ่อังกฤษและ ฝรั่งเศส ซึ่งเมื่อกองทัพเยอรมนีบุกโปแลนด์ ฝ่ายอังกฤษได้ยื่นคำขาดให้เยอรมนียุติการบุกนั้น แต่เยอรมนีไม่ยอมปฏิบัติตาม อังกฤษและฝรั่งเศสจึงประกาศสงครามกับเยอรมนีในวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 1939 จนทำให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้นในที่สุด

117.    สิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นช่วงที่เกิดวิกฤติการณ์สงครามเย็นในระหว่างปี ค.ศ. 1945 – 1991 คือ

(1)       สงครามเบ็ดเสร็จระหว่างสหรัฐอเมริกากับโซเวียตรัสเซีย

(2)       การโฆษณาชวนเชื่อลัทธิอุดมการณ์

(3)       สงครามตัวแทน เช่น สงครามเกาหลี

(4)       การยึดครองยุโรปตะวันออกโดยโซเวียตรัสเซีย

ตอบ 1 หน้า 559 – 561139 (H) สงครามเย็น (Cold War) เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1945 หลังจากที่ สงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง และสิ้นสุดลงเมื่อเกิดการล่มสลายของระบอบคอมมิวนิสต์ในโซเวียตรัสเซียในปี ค.ศ. 1991 ซึ่งสงครามเย็นมีลักษณะสำคัญ ดังนี้

1. เป็นความขัดแย้ง ทางด้านอุดมการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ระหว่างสหรัฐอเมริกามหาอำนาจ ผู้นำฝ่ายโลกเสรีประชาธิปไตย กับโซเวียตรัสเซียมหาอำนาจผู้นำฝ่ายโลกคอมมิวนิสต์

2.         ทั้งสองประเทศจะไม่ทำสงครามแบบเบ็ดเสร็จ (Total War) ต่อกันโดยตรง เพราะต่างฝ่าย ต่างก็มีอาวุธร้ายแรง แต่มักใช้วิธิการทำสงครามจิตวิทยาหรือสงครามตัวแทน (Proxy War) เช่น สงครามเกาหลี

3. แข่งกันหาพันธมิตรโดยใช้วิธีทางการทูตและการโฆษณาชวนเชื่อลัทธิอุดมการณ์

4.         มีการแช่งขันกันสะสมอาวุธและแข่งขันวิทยาการทางด้านอวกาศ

5.         การยึดครองยุโรปตะวันออกโดยโซเวียตรัสเซีย

118.    ความขัดแย้งทางด้านอุดมการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมระหว่างประเทศมหาอำนาจผู้นำ ฝ่ายโลกเสรีประชาธิปไตย กับประเทศมหาอำนาจผู้นำฝ่ายโลกคอมมิวนิสต์ คือสงครามใด

(1) สงครามโลกครั้งที่ 1

(2) สงครามโลกครั้งที่ 3

(3) สงครามเย็น          

(4) สงครามครูเสด

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 117. ประกอบ

119.    ผู้ก่อทั้งลัทธิฟาสซิสต์หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ยุติลงคือใคร

(1) เบนิโต มุสโสลินี

(2) อดอล์ฟ ฮิตเลอร์

(3) บิสมาร์ค   

(4) โอลิเวอร์ ครอมเวลส์

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 114. ประกอบ

120.    ข้อใดไมใช่สาเหตุที่รัสเซียถอนตัวออกจากสงครามโลกครั้งที่ 1 เพราะ

(1) เกิดการปฏิวัติล้มล้างราชวงศ์โรมานอฟ    

(2) ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจและการเงิน

(3) เกิดปัญหาการปฏิวัติโดยพวกบอลเชวิค   

(4) แพ้สงคราม

ตอบ 4 หน้า 537134 (H), 136 (H), (คำบรรยาย) สาเหตุที่ทำให้รัสเซียถอนตัวออกจากสงครามโลก ครั้งที่ 1 มีดังนี้           

1. เกิดการปฏิวัติเพื่อล้มล้างราชวงศ์โรมานอฟที่ปกครองประเทศอย่างไร้ประสิทธิภาพในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1917

2. รัสเซียมีปัญหาทางด้านเศรษฐกิจและการเงิน

3.         เกิดการปฏิวัติของพรรคบอลเชวิคในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1917 ภายใต้การนำของเลนิน ส่งผลให้รัสเซียเปลี่ยนแปลงการปกครองไปสู่ระบอบคอมมิวนิสต์ และก่อตั้งเป็นสหภาพโซเวียตขึ้น

HIS1001 อารยธรรมตะวันตก การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2557

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2557

ข้อสอบกระบวนวิชา HIS 1001 อารยธรรมตะวันตก

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (ขอสอบมีทั้งหมด 120 ข้อ)

1.         นักปรัชญาชาวเยอรมันผู้เสนอทฤษฎีว่าโลกและดาวเคราะห์ถือกำเนิดมาจากการรวมตัวของกลุ่มผงและก๊าซที่เคลื่อนไหวในจักรวาลคือ

(1)อิมมานูเอล คานท์  

(2) เคปเลอร์   

(3) โคเปอร์นิคัส          

(4) ฟรอยด์

ตอบ 1 หน้า 17 (H) ในปี ค.ศ. 1775 อิมมานูเอล คานท์ (Immanuel Kant) นักปรัชญาชาวเยอรมัน ได้เสนอทฤษฎีการกำเนิดของโลกว่า โลกและดาวเคราะห์ถือกำเนิดมาจากกลุ่มเมฆ กลุ่มผงและ กลุ่มก๊าซที่เคลื่อนไหวในจักรวาล ซึ่งได้ถูกกระแสลมหมุนอย่างรุนแรง ทำให้เกิดการรวมตัวกันขึ้นเป็นดาวเคราะห์ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์

2.         ความสำคัญของยุคนํ้าแข็งคือการกำเนิดของ

(1)สัตว์เซลล์เดียว       

(2) มนุษย์       

(3) วาฬ           

(4) ไดโนเสาร์

ตอบ 2 หน้า 28 (H) ยุคที่ธารน้ำแข็งแผ่เข้ามาปกคลุมส่วนต่าง ๆ ของโลกนั้น เรียกว่า ‘’ยุคนํ้าแข็ง” (Pleistocene) ซึ่งเริ่มเกิดขึ้นประมาณเกือบ 1 ล้านปีมาแล้ว และสิ้นสุดลงเมื่อประมาณ 25,000 ปีมาแล้ว ยุคนี้นับว่ามีความสำคัญต่อเรื่องราวของมนุษยชาติเป็นอย่างมาก เพราะในช่วงระยะเวลาที่นํ้าแข็งละลายได้ปรากฏร่องรอยของสิ่งมีชีวิตคือ มนุษย์” ขึ้นเป็นครั้งแรก

3.         ยูเรเชียคือแหล่งกำเนิดของมนุษย์อยู่ในทวีปเอเชียบริเวณที่ติดต่อกับทวีป

(1) แอฟริกา    

(2) อเมริกา     

(3) ยุโรป         

(4) ออสเตรเลีย

ตอบ 3 หน้า 1 – 28 (H) นักประวัติศาสตร์ได้สันนิษฐานว่าแหล่งกำเนิดของมนุษย์น่าจะอยู่ในทวีปเอเชีย และแอฟริกา รวมทั้งบริเวณตอนกลางของทวีปเอเชียที่อยู่ติดกับทวีปยุโรป คือ บริเวณยูเรเชีย (Eurasia) โดยบริเวณดังกล่าวนี้จะมีภูมิอากาศที่เหมาะสำหรับการพัฒนาของไพรเมท (Primate) ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ ต่อมาบรรดาไพรเมทเหล่านี้ก็ได้กระจัดกระจายออกไปตั้งถิ่นฐาน ในที่ต่าง ๆ ทั้งในทวีปยุโรปและทวีปอเมริกา

4.         มนุษย์ Homo sapiens ผู้เป็นบรรพบุรุษของพวกผิวขาวในปัจจุบันคือ

(1) Neanderthal        

(2) Cro-Magnon        

(3) Grimaldi      

(4) Chancelade

ตอบ 2 หน้า 11-123810 (H) Homo sapiens หรือมนุษย์ฉลาด เริ่มปรากฏขึ้นครั้งแรก ในยุคหินเก่าตอนปลาย ซึ่งถือเป็นมนุษย์ที่รู้จักคิดและรู้จักการโต้ตอบ และมีหน้าตาคล้าย มนุษย์ปัจจุบันมากขึ้น จนถือเป็นบรรพบุรุษชองมนุษย์ปัจจุบัน ซึ่งมีอยู่ 3 เผ่าพันธุ์ คือ

1.โครมันยอง (Cro-Magnon) คือ คนผิวขาว

2. กริมัลดี (Grimaldi) คือ คนผิวดำ

3. ชานเซอเลด (Chancelade) คือ คนผิวเหลือง หรือผิวสีนํ้าตาล

5.         ความสำคัญของยุคหินกลางคือ

(1) การเลี้ยงสัตว์        

(2) การเลี้ยงสัตว์และการเพาะปลูก

(3) การตั้งถิ่นฐาน       

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 8 – 1538 – 399 – 10 (H) ยุคหินแบ่งออกเป็น 4 ยุค คือ

1. ยุคหินแรก เป็นยุค ลองผิดลองถูกของมนุษย์

2. ยุคหินเก่า หรือยุคเก็บผลไม้ เป็นยุคที่มนุษย์เริ่มใช้อาวุธป้องกันตนเอง นุ่งห่มหนังสัตว์ และเก็บผลไม้

3. ยุคหินกลาง เป็นยุคที่มนุษย์เริ่มรู้จักการเลี้ยงสัตว์ โดยสัตว์ที่นำมาเลี้ยงชนิดแรกคือ สุนัข

4. ยุคหินใหม่ หรือยุคปลูกผลไม้ เป็นยุคที่มนุษย์รู้จักเลี้ยงสัตว์และเพาะปลูก จนถึงขั้นควบคุมการผลิตอาหารได้ ทำให้มนุษย์เปลี่ยนจาก ชุมชนเร่ร่อน เป็นชุมชนรกราก หรือเป็นยฺคที่เริ่มมีการตั้งถิ่นฐานเป็นครั้งแรก

6. ประวัติศาลตร์ยุคโบราณสิ้นสุดลงเมื่อ

(1) จักรวรรดิโรมันตะวันออกถูกทำลาย          

(2) จักรวรรดิโรมันตะวันตกถูกทำลาย

(3) การประดิษฐ์แท่นพิมพ์                  

(4) การค้นพบโลกใหม่

ตอบ 2 หน้า 3 (H), 54 (H) ในปี ค.ศ. 476 เป็นปีที่กรุงโรมซึ่งเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิโรมันตะวันตถูกทำลาย เนื่องจากถูกพวกอนารยชนยอรมันเข้ายึดครอง ซึ่งถือว่าเป็นปีแห่งการสิ้นสุด ยุคโบราณเข้าสู่ยุคกลาง ทั้งนี้เพราะสังคมเมืองที่ทันสมัยภายใต้การปกครองของพวกโรมันต้อง เปลี่ยนมาสู่สมัยแห่งความวุ่นวาย ภายใต้การเข้ามามีอำนาจของพวกอนารยชนในยุโรปตะวันตก ทำให้มีการแปลงสภาพจากสังคมเมืองมาเป็นสังคมชนบทที่อารยธรรมความเจริญต่าง ๆ ไม่ได้รับการทำนุบำรุงรักษา

7.         ทฤษฎีวิวัฒนาการของชาร์ลส์ ดาว์วิน กล่าวไว้ว่า สิ่งมีชีวิตถือกำเนิดมาจาก

(1) พระเจ้าเป็นผู้สร้าง

(2) สัตว์เซลล์เดียวในทะเล

(3) การถ่ายทอดทางพันธุกรรมมาจากพ่อและแม่      

(4) เชื้อแบคทีเรีย

ตอบ 2 หน้า 18 – 1911 (H) ชาร์ลล์ ดาร์วิน นักชาติพันธุวิทยาชาวอังกฤษ ได้เขียนหนังสือเรื่อง ทฤษฎีวิวัฒนาการหรือทฤษฎีพัฒนาการ” (The Theory of Evolution) ซึ่งมีสาระสำคัญคือ

1.         สิ่งมีชีวิตถือกำเนิดมาจากสัตว์เซลล์เดียวในทะเล

2.         สิ่งมีชีวิตจะค่อยๆ เปลี่ยนรูปร่างไปตามสภาพแวดล้อม

3.         สิ่งมีชีวิตย่อมได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมมาจากพ่อและแม่ ดังนั้นทั้งพืซและสัตว์ที่มี ชีวิตยืนยาวอยู่ในสิ่งแวดล้อมรอบตนก็จะถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมนั้นให้ลูกหลานด้วย

4.         สิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ ก็จะต้องสูญพันธุไปในที่สุด

8.         ประวัติศาสตร์คือการเรียนรู้เรื่องราวของ

(1) มนุษย์       

(2) สัตว์          

(3) เครื่องมือเครื่องใช้

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 203712 (H) ประวัติศาสตร์ คือ การศึกษาเรียนรู้เรื่องราวของชาติพันธุ์มนุษย์ในอดีต ซึ่งน่าจะมีความหมายเป็น 2 นัย คือ

1.         การศึกษาทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยกำเนิดมนุษย์มาจนถึงปัจจุบัน

2.         ข้อวิจารณ์หรือบันทึกการค้นคว้าทั้งหลายที่ได้คัดเลือกเอามาเฉพาะหัวข้อที่น่าสนใจ

9.         หนังสือตำราอารยธรรมตะวันตกจัดเป็น

(1) เอกสารชั้นหนึ ง    

(2) หลักฐานรอง         

(3) การตรวจสอบภายนอก

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 2112 (H), (คำบรรยาย) เรื่องราวที่ได้จารึกไว้เป็นหลักฐาน (Written Records) คือ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่มีการจารึกเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งถือว่าเป็นหลักฐานที่สำคัญที่สุด ในการศึกษาเรื่องราวของมนุษย์สมัยประวัติศาสตร์ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1.         หลักฐานดั้งเดิมหรือหลักฐานชั้นต้น (Primary Records) เช่น หลักศิลาจารึก สนธิสัญญา จดหมายเหตุ เอกสารทางการทูต แถลงการณ์ของรัฐบาล พงศาวดาร ฯลฯ

2.         หลักฐานรอง (Secondary Records) คือ หนังสือที่เรียบเรียงมาจากหลักฐานดั้งเดิม เช่น ตำราอารยธรรมตะวันตก ฯลฯ

10.       ข้อใดไม่จัดอยู่ในความหมายของคำว่า วัฒนธรรม

(1) การกิน      

(2) ภาษา        

(3) การทำผิดกฎหมาย           

(4) ศิลปะ

ตอบ 3 หน้า 21 – 2212 (H), (คำบรรยาย) วัฒนธรรม หมายถึง ความดีงามหรือความเจริญก้าวหน้า ในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ ซึ่งการที่มนุษย์มาอยู่รวมกันเป็นสังคมจนก่อให้เกิดความรู้ ความเชื่อ ภาษา ศิลปกรรม ศิลปะ กฎหมาย ขนบธรรมเนียม มารยาททางสังคม ความสามารถอื่น ๆ ตลอดจนความเคยชินต่าง ๆ แบบเดียวกัน ถือได้ว่ามนุษย์มีวัฒนธรรมเดียวกัน ซึ่งเราสามารถ แยกแยะความแตกต่างของแต่ละวัฒนธรรมได้จากงานศิลปะ ภาษา และพฤติกรรม

11.       ทฤษฎีโนแมดทางอารยธรรมเน้นในเรื่อง

(1)       สภาพภูมิศาสตร์

(2)       การเสื่อมของการใช้ดิน

(3)       ผู้ชนะรับเอาวัฒนธรรมที่สูงกว่าของผู้แพ้มาปรับปรุงใช้

(4)       ความพยายามเอาชนะธรรมชาติ

ตอบ 3 หน้า 26 – 2713 (H) ทฤษฎีโบแมด (Nomad Theory) หมายถึง การที่ผู้ชนะยอมรับเอาวัฒนธรรมและอารยธรรมที่เจริญกว่าของผู้แพ้มาเผยแพร่และปรับปรุงใช้ (พวกโนแมดเป็น พวกเร่ร่อนตามทะเลทรายที่สามารถรบชนะพวกที่มีอารยธรรมสูงกว่า) เช่น ในกรณีที่พวกเซไมท์ เข้ายึดครองดินแดนของพวกสุเมเรียน และรับเอาอารยธรรมของพวกสุเมเรียนมาปรับปรุงใช้ เป็นต้น

12.       อารยธรรมอียิปต์-เมโสโปเตเมียจัดอยู่ในกลุ่มอารยธรรม

(1) ตะวันออก 

(2) ตะวันตก   

(3) สากล        

(4) โลก

ตอบ 4 หน้า 3114 (H), 17 (H) ขอบเขตของอารยธรรมในยุคโบราณ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ

1.         อารยธรรมตะวันออก มีแม่แบบคือ อารยธรรมจีน-อินเดีย

2.         อารยธรรมตะวันตก มีแม่แบบคือ อารยธรรมกรีก-โรมัน

3.         อารยธรรมโลก มีแม่แบบคือ อารยธรรมอียิปต์-เมโสโปเตเมีย

13.       โลหะชนิดแรกที่มนุษย์รู้จักหลอมใช้คือ

(1) ทองแดง    

(2) ดีบุก          

(3) ทองบรอนซ์           

(4) เหล็ก

ตอบ 1 หน้า 33 – 3414 (H) การเรียนรู้การใช้โลหะของมนุษย์ในอารยธรรมสมัยแรกนั้น มนุษย์ได้รู้จัก วิธีการหลอมทองแดง แล้วนำทองแดงนั้นมาเป็นอาวุธ เครื่องมือเครื่องใช้ รวมทั้งเป็นเครื่องประดับ ต่อมาจึงเริ่มเรียนรู้การนำทองแดงมาผสมกับดีบุกกลายเป็นทองบรอนซ์ ต่อจากนั้นก็เริ่มรู้จัก การหลอมเหล็กขึ้นใช้ ซึ่งเหล็กได้เป็นเครื่องมือสำคัญในการขยายอำนาจของมนุษย์ในเวลาต่อมา

14.       ความสำคัญของแม่นํ้าไนล์ต่อการสร้างสมอารยธรรมของอียิปต์คือ

(1) ช่วยป้องกันการรุกรานจากข้าศึก  

(2) ช่วยทำให้อียิปต์อุดมสมบูรณ์ด้านเกษตรกรรม

(3) เป็นแหล่งผลิตแร่เหล็ก     

(4) เป็นแหล่งประมงที่สำคัญ

ตอบ 2 หน้า 4617(H) แม่นํ้าไนล์คือหัวใจสำคัญที่หล่อเลี้ยงประเทศอียิปต์ ทั้งนี้เพราะสภาพที่ตั้ง ของอียิปต์จะเป็นบริเวณที่มีอากาศร้อนและแห้งแล้ง มีภูมิประเทศแวดล้อมไปด้วยทะแลหราย และมีฝนตกเฉพาะบริเวณเดลต้า แต่อียิปต์ได้รับความชุ่มชื้นจากแม่น้ำไนล์ จึงช่วยทำให้อียิปต์ มีความอุดมสมบรณ์ด้านเกษตรกรรม และความมั่งคั่งจนสามารถสร้างสมอารยธรรมอันยิ่งใหญ ของโลกในยุคโบราณ

15.       บริเวณจุดอ่อนของอียิปต์ที่ศัตรูจะเข้ารุกรานได้โดยง่ายคือบริเวณ

(1) ช่องแคบสุเอซ       

(2) แม่น้ำไนล์  

(3) เดลด้า       

(4) ทะเลทราย

ตอบ 1 หน้า 47 – 485618 (H), 20 (H) บริเวณเดียวที่เป็นจุดอ่อนทางภูมิศาสตร์ของอียิปต์ ที่ทำให้พวกฮิคโซสสามารถเข้ามารุกรานและยึดครองอียิปต์ได้สำเร็จ คือ บริเวณช่องแคบสุเอซ (Suez Canal) ซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมระหว่างทวีปแอฟริกากับทวีปเอเชียตะวันตกบริเวณ ที่ราบลุ่มแม่นํ้าไทกริส-ยูเฟรทีส ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดอารยธรรมเมโสโปเตเมีย ดังนั้นพื้นที่บริเวณนี้ จึงเป็นทางเชื่อมหรือสะพานระหว่าง 2 ทวีปและ 2 อารยธรรม เป็นเส้นทางการค้า เป็นแหล่งเชื่อมความคิด และเป็นทางเดินของศัตรูผู้รุกรานตลอดสมัยประวัตศาสตร์อันยาวนานของอียิปต์

16.       การสร้างปฏิทินของอียิปต์เป็นผลมาจาก

(1) การดูดวงอาทิตย์  

(2) การดูดวงจันทร์     

(3) การทำชลประทาน

(4) การทำพีระมิด

ตอบ 3 หน้า 6322 (H), (คำบรรยาย) การสร้างปฏิทินแบบสุริยคติของอียิปต์ในปี 4241 B.C.เป็นผลมาจากการที่ฟาโรห์ได้ส่งคนไปสังเกตการขึ้นลงของระดับนํ้าในแม่นํ้าไนล์แล้วจดเป็นสถิติ เพื่อการทำชลประทาน ซึ่งปฏิทินสุริยคติจะมีประโยชน์อย่างมากต่อการทำเกษตรกรรม เพราะทำให้ทราบระยะเวลาการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล และทำให้รู้สภาวะการขึ้นลงของ แม่น้ำไนล์ได้อย่างแม่นยำ

17.       สมัยราชวงศ์ของอียิปต์เริ่มขึ้นเมื่อ

(1) มีการประดิษฐ์ตัวอักษรเฮียโรกลิฟิก         

(2) มีการรวมอียิปต์สูงกับอียิปต์ตํ่าเข้าด้วยกัน

(3) ชาวอียิปต์เลิกเร่ร่อนและหันมาตั้งถิ่นฐาน 

(4) พวกพระและขุนนางหมดอำนาจ

ตอบ 2 หน้า 53, 19 (H) สมัยอาณาจักรเก่าหรือสมัยพีระมิดของอียิปต์ (3000 – 2400 B.C.) เริ่มต้นขึ้น เมื่อฟาโรห์เมเนส (Menes) ทรงรวมอียิปต์สูงกับอียิปต์ตํ่าเข้าด้วยกัน และสร้างเมืองใหม่คือ เมืองเมมฟิส (Memphis) ขึ้นเป็นเมืองหลวง แล้วเริ่มรวมนครรัฐต่าง ๆ ของอียิปต์เข้าด้วยกัน ซึ่งกินเวลาตลอดสมัยราชวงศ์ที่ 1 คือประมาณ2700 B.C. จึงเป็นสมัยเริ่มต้นราชวงศ์อย่างแท้จริง

18.       คำว่า ฟาโรห์ มีความหมายถึง

(1) กษัตริย์     

(2) ขุนนาง      

(3) พระ           

(4) พระราชวัง

ตอบ 4 หน้า 19 – 20 (H) คำว่า ฟาโรห์” มีความหมายถึง พระราชวังหรือเรือนหลวง (Great House/ Royal House) ซึ่งเป็นชื่อที่ชาวอียิปต์ใช้เรียกกษัตริย์ผู้ที่มีความศักดิ์สิทธิ์จนกระทั่งไม่กล้า เอ่ยถึงพระนามของกษัตริย์ จึงเรียกที่อยู่ของกษัตริย์แทน

19.       สิ่งก่อสร้างที่นิยมสร้างในสมัยอาณาจักรเก่าคือ

(1) เขื่อน         

(2) พีระมิด      

(3) วิหาร         

(4) พระราชวัง

ตอบ 2 หน้า 53 – 5419 (H), (คำบรรยาย) ความสำคัญในสมัยอาณาจักรเก่าหรือสมัยพีระมิดของอียิปต์ (3000 – 2400 B.C.) มีดังนี้

1.         ศิลปะสำคัญที่นิยมสร้าง คือ การสร้างพีระมิด เพื่อถวายแก่ฟาโรห์ โดยมีจุดประสงค์ว่า เมื่อฟาโรห์สิ้นพระชนม์ไปแล้ว ก็จะได้ไปร่วมมือกับเทพเจ้าเพื่อนำความอุดมสมบูรณ์ มาให้แก่อียิปต์ เหมือนในสมัยที่ฟาโรห์ยังมีชีวิตอยู่

2.         มีการปกครองเป็นแบบเทวาธิปไตย (Theocracy) โดยมีฟาโรห์เป็นประมุขสูงสุด และมีฐานะเป็นโอรสของเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์คือ สุริยเทพเรหรือรา (Re/Ra) ทรงทำหน้าที่ เป็นทั้งหัวหน้ารัฐบาลและหัวหน้าพระ โดยมีนโยบายคือ รักษาสันติภาพไม่รุกรานใคร ซึ่งนับเป็นจุดอ่อนของฟาโรห์คือไม่มีกองทัพของพระองค์เอง ต้องอาศัยการเกณฑ์ทหาร มาจากพวกขุนนางที่ปกครองจังหวัดต่าง ๆ จนเป็นสาเหตุที่ทำให้ฟาโรห์สูญเสียอำนาจ ให้กับเหล่าขุนนาง และทำให้สมัยอาณาจักรเก่าเสื่อมลงในที่สุด

20.       สมัยอาณาจักรเก่าฟาโรห์หมดอำนาจเพราะพวก

(1) ขุนนาง      

(2) พระ           

(3) ฮิคโซส      

(4) กรีก

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 19. ประกอบ

21.       สมัยขุนนางฟาโรห์มีบทบาทสำคัญทางด้าน

(1) การปกครอง         

(2) ศาสนา      

(3) การทำชลประทาน

(4) วรรณคดี

ตอบ 2 หน้า 5520 (H) สมัยฟิวดัลของอียิปต์ (2200 – 2000 B.C.) เป็นสมัยที่พวกขุนนางหรือ ผู้ว่าราชการมณฑลต่าง ๆ (Nomarchs) เข้ายึดอำนาจจากฟาโรห์มาเป็นของตนเอง ทำให้ ฟาโรห์ในสมัยราชวงศ์ที่ 7 และ 8 มีฐานะเป็นเพียงฟาโรห์หุ่นเชิด โดยจะมีบทบาทสำคัญ ทางด้านศาสนา ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าของพวกพระ จนกระทั่งในสมัยกษัตริย์ราชวงศ์ที่ 11 แห่งราขวงศ์ทีบีส (Thebes) ซึ่งสามารถขับไล่ขุนนางและเข้ายึดอำนาจได้สำเร็จ ทำให้อียิปต์ รวมตัวกันได้เป็นปึกแผ่นอีกครั้งหนึ่ง

22.       สมัยประชาธิปไตยของอียิปต์จัดอยู่ในสมัย

(1) อาณาจักรเก่า       

(2) ขุนบาง      

(3) อาณาจักรกลาง    

(4) อาณาจักรใหม่

ตอบ 3 หน้า 55 – 5620 (H) สมัยอาณาจักรกลางของอียิปต์ (2000 – 1730 B.C.) เป็นสมัยที่ ฟาโรห์ทรงยึดอำนาจคืนมาจากพวกขุนนางโดยได้รับความช่วยเหลือจากประชาชน พระองศ์ จึงทรงตอบแทนประชาชนด้วยการอนุญาตให้สามัญชนเข้ารับราชการได้ ซึ่งถือว่าเป็นสมัย เริ่มต้นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของอียิปต์ ต่อมาในปี 1730 B.C. อียิปต์ก็ถูกรุกราน เป็นครั้งแรกโดยพวกฮิคโซส (Hyksos) ผ่านทางบริเวณช่องแคบสุเอซ ซึ่งพากฮิคโซสรู้จัก การใช้ม้าและรถศึกในการทำสงคราม จึงทำให้สามารถยึดครองอียิปต์ต่ำบริเวณเดลต้า ได้สำเร็จเป็นเวลานานถึง 150 ปี

23.       ปัจจัยที่ทำให้พวกฮิคโซสยึดครองอียิปต์ตํ่าได้สำเร็จคือ

(1) การใช้ม้าและรถศึก          

(2) การเข้าโจมตีอียิปต์ผ่านทางทะเลทราย

(3) ได้รับความช่วยเหลือจากพวกขุนนาง       

(4) เก่งในการทำชลประทาน

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 22. ประกอบ

24.       จุดมุ่งหมายที่สำคัญในการปฏิรูปศาสนาของฟาโรห์อาเมนโฮเตปที่ 4 คือ

(1) ทำให้ศาสนาบริสุทธิ์         

(2) เปลี่ยนมานับถือเทพเจ้าองค์เดียว

(3) ลดอำนาจพวกพระ           

(4) ต้องการย้ายเมืองหลวง

ตอบ 3 หน้า 5821 (H) ฟาโรห์อาเมนโฮเตปที่ 4 ของอียิปต์ ทรงปฏิรูปศาสนาโดยทรงให้ยกเลิกการนับถือเทพเจ้าองค์อื่นๆ ทั้งหมด แล้วให้ชาวอียิปต์หันมานับถือสุริยเทพอาเมนหรือเทพอาเตน เพียงองค์เดียวเท่านั้น รวมทั้งทรงย้ายเมืองหลวงจากทีบีส (Tebes) ไปอยู่ที่เทล เอล อามาร์นา (Tell el Amana) ซึ่งการกระทำดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายที่สำคัญเพื่อผลทางการเมือง คือ เป็นการ ลดอำนาจของพวกพระอามอนที่ร่ำรวยขึ้นจากทรัพย์สินที่บรรดาหัวเมืองนำมาถวาย และ ยังถือเป็นจุดเริ่มต้นของการนับถือเทพเจ้าองค์เดียว

25.       การทำมัมมี่ของอียิปต์มีจุดประสงค์เพื่อ        

(1) การกลับมาเกิดใหม่

(2) การรักษาศพไมให้เน่าเปื่อย          

(3) เอาไว้บูชา 

(4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 หน้า 64 – 6522 (H) ชาวอียิปต์มีความเชื่อเรื่องวิญญาณเป็นอมตะและชีวิตหลังความตาย เป็นพวกมองโลกในแง่ดี และคิดหวังจะกลับมาเกิดใหม่ในโลกหน้า ด้วยเหตุนี้ชาวอียิปต์จึงมีวิธี เก็บรักษาศพไมให้เน่าเปื่อยด้วยการทำเป็นมัมมี่ และสร้างพีระมิดไว้เก็บพระศพของฟาโรห์ โดยฝังไปพร้อม ๆ กับข้าวของเครื่องใช้และอาหาร

26.       อารยธรรมเมโสโปเตเมียเป็นอารยธรรมที่เกิดขึ้นในทวีป

(1) เอเชีย        

(2) แอฟริกา    

(3) ออสเตรเลีย           

(4) ยุโรป

ตอบ 1 หน้า 65 – 6622 (H) คำว่า เมโสโปเตเมีย” เป็นภาษากรีก แปลว่า ดินแดนระหว่างแม่นํ้า 2 สาย” (Land between Rivers) คือ แม่นํ้าไทกริส-ยูเฟรทีส โดยอารยธรรมเมโสโปเตเมีย ได้ชื่อว่าเป็นอารยธรรมเกษตรกรรม ทั้งนี้จะครอบคลุมบริเวณตั้งแต่อ่าวเปอร์เซียไปจนถึงซีเรีย และปาเลสไตน์ ซึ่งเราสามารถเรียกบริเวณนี้ได้อีกชื่อหนึ่งว่า ดินแดนพระจันทร์เสี้ยว” (Fertile Crescent) หรือดินแดนเอเชียตะวันตก (ประเทศอิรักในปัจจุบัน)

27.       ข้อใดไม่ใช่ผลงานของพวกสุเมเรียน

(1) ปฏิทินแบบสุริยคติ

(2) ตัวอักษรคูนิฟอร์ม 

(3) การนับหน่วย 60   

(4) กฎหมายสนองตอบ

ตอบ 1 หน้า 68 – 7123 – 24 (H) สุเมเรียนเป็นชนชาติแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานและวางรากฐานทางอารยธรรมในดินแดนเมโสโปเตเมีย มรดกทางอารยธรรมที่สำคัญของชาวสุเมเรียน มีดังนี้

1.         มีการประดิษฐ์ตัวอักษรคูนิฟอร์ม (Cuneiform) หรืออักษรรูปลิ่ม โดยใช้เหล็กแหลมกดลงบนแผ่นดินเหนียวแล้วจึงนำไปตากให้แห้ง เมี่อประมาณ 3500 B.C.

2.         มีการสร้างสถาปัตยกรรมด้วยอิฐที่เรียกว่า ซิกกูแรต” (Ziggurats) เพื่อใช้เป็นวิหารของเทพเจ้า

3.         มีการทำปฏิทินแบบจันทรคติขึ้นใช้โดยหนึ่งปีจะมี 354 วัน

4.         มีการนับหน่วย 6010 และ 6 ซึ่งมีผลต่อการนับเวลาเพื่อประดิษฐ์นาฬิกาและการคำนวณทางเรขาคณิตในปัจจุบัน

5.         ใช้กฎหมายที่มีลักษณะสนองตอบ หรือ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” เป็นต้น

28.       ผลงานที่สำคัญของพระเจ้าฮัมมูราบีคือ

(1) ศาสนา      

(2) กฎหมาย   

(3) ห้องสมุด   

(4) การหลอมเหล็ก

ตอบ 2 หน้า 73 – 7424 (H) พระเจ้าฮัมมูราบี แห่งจักรวรรดิบาบิโลเนียหรือบาบิโลนเก่า ทรงมีผลงานที่สำคัญคือ ประมวลกฎหมายฮัมมูราบี (The Code of Hammurabi) โดยจารึกด้วยอักษรคูนิฟอร์ม ลงบนแผ่นหินไดโดไรท์สีดำซึ่งสูง 8 ฟุต ดังนั้นจึงถือว่าเป็นกฎหมายที่มีการจารึกเป็นลายลักษณ์ อักษรฉบับแรกของโลก ทั้งนี้ประมวลกฎหมายฮัมมูราบีจะอาศัยหลักลัทธิสนองตอบ (Lex Talionis) หรือตาต่อตา ฟันต่อฟัน ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากกฎหมายของสุเมเรียน

29.       ความสำคัญของพวกฮิตไทต์คือ

(1) ศาสนา      

(2) กฎหมาย   

(3) ห้องสมุด   

(4) การหลอมเหล็ก

ตอบ 4 หน้า 78 – 7925 (H), (คำบรรยาย) ผลงานทางด้านอารยธรรมของฮิตไทต์ มีดังนี้

1.         มีการหลอมเหล็กใช้เป็นชาติแรก รวมทั้งรู้จักใช้ม้าและรถศึกในการรบ

2.         ปรับปรุงและผสมผสานตัวอักษรคูนิฟอร์ม (Cuneiform) ของชาวสุเมเรียนและตัวอักษร เฮียโรกลิฟิก (Hieroglyphic) ของอียิปต์ให้ใช้ง่ายขึ้น ซึ่งต่อมาได้ส่งต่อให้กับอารยธรรมโรมัน

3.         กฎหมายเลียนแบบกฎหมายฮัมมูราบี แต่จะลงโทษด้วยการชดใช้หรือการลงโทษพอเข็ดหลาบ แทนการแก้แค้นแบบลัทธิสนองตอบ

4.         ถ่ายทอดวัฒนธรรมให้แก่พวกฟรีเจียนและลิเดียน ซึ่งต่อมากลุ่มชนทั้งสองก็ได้ถ่ายทอดวัฒนธรรม ต่อให้แก่พวกกรีก ซึ่งได้กลายมาเป็นผู้นำในการวางรากฐานให้แก่อารยธรรมตะวันตกในปัจจุบัน

30.       ผลงานของกษัตริย์อัสซูร์บานิพัลแห่งอัสซีเรียคือ

(1) ศาสนา      

(2) กฎหมาย   

(3) ห้องสมุด   

(4) การหลอมเหล็ก

ตอบ 3 หน้า 8226 (H) ผลงานสำคัญของกษัตริย์อัสซูร์บานิพัลแห่งอัสซีเรีย คือ ทรงสร้างหอสมุด ที่กรุงนิเนอเวห์ โดยทรงให้มีการรวบรวมแผ่นดินเหนียวประมาณ 22,000 แผ่นเข้าด้วยกัน ซึ่งนับเป็นห้องสมุดแห่งแรกของเอเชียตะวันตก และเป็นที่มาของการสร้างห้องสมุดในปัจจุบัน โดยแผ่นดินเหนียวนี้ส่วนใหญ่เป็นพวกเพลงสวดสำหรับพิธีทางศาสนาของพวกสุเมเรียน นิยายปรัมปราเกี่ยวกับการสร้างโลกครั้งใหญ่ ตำราไวยากรณ์และตำราแพทย์

31.       ผลงานที่สำคัญของพวกแคลเดียนหรือบาบิโลนใหม่คือ

(1) ดาราศาสตร์          

(2) สวนลอย   

(3) กฎหมาย   

(4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 หน้า 82 – 8426 (H) ผลงานที่สำคัญของพวกแคลเดียนหรือพวกบาบิโลนใหม่ มีดังนี้

1.         มีการสร้าง สวนลอยแห่งนครบาบิโลน” ขึ้นในสมัยกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ซึ่งชาวกรีกนับเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก

2.         มีความเจริญทางด้านโหราศาสตร์ นั่นคือ ชาวแคลเดียนเป็นผู้ริเริ่มการเรียกชื่อวันต่าง ๆ ทั้ง 7 วันใน 1 สัปดาห์ตามชื่อของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ

3.         มีความเจริญทางด้านดาราคาสตร์ นั่นคือ สามารถคำนวณหาระยะเวลาที่ดวงจันทร์ หมุนรอบโลก รวมทั้งเวลาที่เกิดสุริยคราสและจันทรคราสได้อย่างแม่นยำ

32.       ความสำคัญของพวกฟินิเชียนคือ

(1) พ่อค้าทางบก        

(2) พ่อค้าทางทะเล     

(3) ดาราศาสตร์          

(4) การชลประทาน

ตอบ 2 หน้า 84 – 8527 (H) ความสำคัญของพวกพินิเชียน มีดังนี้

1. เป็นพ่อค้าทางทะเลที่ยิ่งใหญ่ในย่านเมดิเตอร์เรเนียนในศตวรรษที่ 11 B.C. เป็นนักต่อเรือ นักเดินเรือ และนักล่าอาณานิคม

2. เป็นนักลอกเลียนและนักปรับปรุง โดยลอกเลียนแบบอย่างการปกครองจากอียิปต์และ บาบิโลเนียผ่านทางการค้า

3. รับรูปแบบตัวอักษรเฮียโรกลิฟิกของอียิปต์และตัวอักษรคูนิฟอร์ม ของสุเมเรียนมาดัดแปลงเป็นของตน เพื่อการจดบันทึกทางการค้า ต่อมาตัวอักษรดังกล่าว ก็ถูกถ่ายทอดให้แก่พวกกรีกและพวกโรมัน

33.       คัมภีร์ของพวกฮิบรูคือ           

(1) The Holy Bible

(2) The Old Testament     

(3) The New Testament   

(4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 2 หน้า 901044, (H), 30 (H) พระคัมภีร์ไบเบิล (The Holy Bible) ประกอบด้วยคัมภีร์ 2 เล่ม คือ

1. พระคัมภีร์เก่า (The Old Testament) ซึ่งเป็นคัมภีร์ของพวกฮิบรูหรือพวกยิวที่นับถือ ศาลนายิว โดยพระคัมภีร์เก่าจะเป็นเรื่องราวตั้งแต่บทปฐมกาล (Genesis) คือ การที่พระเจ้า ทรงสร้างสรรพสิ่งต่าง ๆ ขึ้นมาในจักรวาล รวมทั้งมนุษย์และสัตวโลก ตลอดจนเรื่องราวที่เป็น ประวัติศาสตร์ของชาวยิว

2. พระคัมภีร์ใหม่ (The New Testament) ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ประวัติของพระเยซูของคริสต์ศาสนา พร้อมทั้งคำสั่งสอนของพระองค์ ทั้งนี้พวกคริสเตียน จะต้องอ่านทั้งพระคัมภีร์เก่าและพระคัมภีร์ใหม่ ซึ่งรวมกันเป็นพระคัมภีร์ไบเบิล ส่วนพวกฮิบรู หรือพวกยิวจะอ่านพระคัมภีร์เก่าเพียงเล่มเดียว

34.       ผลงานของกษัตริย์ครีซัสแห่งลิเดียคือ

(1) การทำเหรียญ       

(2) กฎหมาย   

(3) สวนลอย   

(4) การทำชลประทาน

ตอบ 1 หน้า 92 – 9330 (H), (คำบรรยาย) ผลงานที่สำคัญของกษัตริย์ครีซัสแห่งลิเดีย มีดังนี้

1.         เป็นกษัตริย์ที่มีความมั่งคั่งมากจากการทำการค้ากับดินแดนแถบลุ่มแม่นํ้าไทกริส-ยูเฟรทีสและ หมู่เกาะอีเจียน           

2. มีการผลิตเหรียญกษาปณ์หรือทำเหรียญทองผสมเงินขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อใช้ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนตามนํ้าหนักของเหรียญ ซึ่งถือว่าเป็นมรดกทางอารยธรรม ที่ตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน

3. ทำสงครามกับเปอร์เซียจนในที่สุดก็ถูกยึดครองโดย พระเจ้าไซรัสมหาราชแห่งเปอร์เซียในปี 546 B.C.

35.       ศาสนาของพวกเปอร์เซียคือ

(1) ฮินดู          

(2) โซโรแอสเตอร์        

(3) จูดาอิสซึม 

(4) ออร์ธอดอกซ์

ตอบ 2 หน้า 96 – 9831 (H) ลักษณะที่สำคัญของศาสนาโซโรแอสเตอร์ ซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติ ของเปอร์เซีย มีดังนี้

1. เป็นศาสนาที่นับถือพระเจ้าองค์เดียวศาสนาแรกของเอเชียตะวันตก โดยมีโซโรแอสเตอร์เป็นศาสดา       

2. มีลักษณะเป็นทวิเทพ คือ พระเจ้าองค์เดียวเป็นพระเจ้าทั้งความดีและความชั่ว ซึ่งพระเจ้าแห่งความดีคือ พระอาหุรา มาสดา เป็นเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง และความดี ส่วนพระเจ้าแห่งความชั่ว คือ อหริมัน เป็นเทพเจ้าแห่งความมืดและความชั่วร้าย

3.         เป็นศาสนาที่ประกาศสัจธรรมเป็นศาสนาแรกของโลกตะวันตก

4.         เป็นศาสนาที่มีการบูชาไฟ เป็นต้น

36.       กรีกโบราณปกครองแบบนครรัฐเพราะปัญหาทางด้าน

(1) ภูมิศาสตร์

(2) การปกครอง         

(3) เศรษฐกิจ  

(4) การทำสงครามกับเพื่อนบ้าน

ตอบ 1 หน้า 110112 – 11338 (H) สาเหตุที่ทำให้กรีกยุคโบราณมีการปกครองแบบนครรัฐ เนื่องจาก

1.         ปัญหาทางสภาพภูมิศาสตร์ เนื่องจากกรีกมีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูง และเป็นเกาะอยู่ติด ชายฝั่งทะเลที่เว้า ๆ แหว่ง ๆ พื้นที่ไม่ติดต่อกัน และหาที่ราบยาก จนกลายเป็นพรมแดนที่ แบ่งแยกชาวกรีกออกจากกันและเป็นอิสระต่อกัน           

2. ชาวกรีกมีนิสัยรักความเป็นอิสระ

37.       สิ่งที่ทำให้ชาวกรีกสามารถรวมตัวกันได้คือ

(1) กิฬาโอลิมปิก        

(2) การทำสงคราม     

(3) การค้า       

(4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 หน้า 11011738 (H), (คำบรรยาย) ปัจจัยที่ทำให้ชาวกรีกหรือชาวเฮลเลนส์สามารถรวมตัวกันได้ มีดังนี้

1. มีภาษาพูดเดียวกัน ส่วนพวกที่ไม่พูดภาษากรีกจะถูกเรียกว่า พวกป่าเถื่อน” (Barbarians)

2. รู้สึกว่าพวกตนคือ พวกเฮลเลนส์ (Hellenes) และเรียกดินแดนที่ตนอาศัยอยู่ว่า เฮลลัส” (Hellas) ซึ่งนับถือศาสนาเดียวกัน

3. มีการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวนครรัฐต่าง ๆ จะหยุดทำสงครามแล้วมาแข่งขันกีฬาร่วมกัน

4. เมื่อมีการทำสงคราม โดยนครรัฐต่าง ๆ ก็จะมารวมกันเป็นสมาพันธรัฐ เมื่อเสร็จศึกสงครามจากภายนอก กรีกก็จะแตกแยกกันอีกและต่างก็ดำเนินการปกครองตนเองไปโดยลำพัง

38.       พวกทรราชกรีกมีอาชีพเดิมคือ

(1) ทาส          

(2) ขุนนาง      

(3) พ่อค้า        

(4) พระ

ตอบ 3 หน้า 116 – 11740 (H) ทรราชกรีก (Tyrants) คือ ผู้ที่ก้าวขึ้นสู่อำนาจด้วยการใช้กำลัง ไม่ใช่ด้วยการสืบสายโลหิต ส่วนใหญ่ทรราชจะมาจากพ่อค้าที่อ้างว่าจะปกป้องคนจนจาก พวกขุนนางและข้าราชการ เน้นการปกครองเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยช่วยส่งเสริมการค้าและเคร่งครัดในการร่างประมวลและการใช้กฎหมาย ซึ่งสามารถแก้ไข ปัญหาได้ดี ต่อมาเมื่อมีการสืบทอดสายโลหิต พวกทรราชคนต่อมาหลงอำนาจและปกครอง แบบกดขี่ จึงถูกประชาชนร่วมมือกันขับไล่ออกจากอำนาจ

39.       นครรัฐสปาร์ตาปกครองแบบเผด็จการทหารเพราะมีปัญหเรื่อง

(1) การค้า       

(2) ภาษา        

(3) ทาส          

(4) ศาสนา

ตอบ 3 หน้า 118 – 12140 (H), (คำบรรยาย) สาเหตุที่ทำให้นครรัฐสปาร์ตาต้องปกครองแบบ เผด็จการทหารหรือแบบเผด็จการเบ็ดเสร็จ มีดังนี้

1. ชาวสปาร์ตาสืบเชื้อสายมาจากพวกดอเรียน ขึ้งเป็นพวกอินโด-ยุโรปพวกสุดท้ายที่อพยพ เข้ามาอยู่ในคาบสมุทรกรีก

2.         มีสภาพทางภูมิศาสตร์ที่ไม่เอื้อต่อการประกอบอาชีพ กล่าวคือ เป็นดินแดนที่ตั้งอยู่ในหุบเขา และไม่ติดชายฝั่งทะเล ทำให้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจ

3.         ชาวสปาร์ตาแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจด้วยการทำสงครามปราบปรามนครรัฐอื่น ๆ ทำให้มีจำนวน ทาสและเชลยศึกมากกว่าชาวสปาร์ตาแท้ ๆ จึงต้องมีการควบคุมพวกทาสแบบเผด็จการทหาร

40.       นครรัฐเอเธนส์เป็นแม่แบบของการปกครองในระบอบ

(1) ทหาร         

(2) ประชาธิปไตย       

(3) กษัตริย์     

(4) สาธารณรัฐ

ตอบ 2 หน้า 12713040 (H), 43 (H) ในระหว่างสมัยของการปฏิรูปประชาธิปไตย (600 – 500 B.C.)นครรัฐเอเธนส์ได้พัฒนาการปกครองใบระบอบประชาธิปไตยก้าวหน้าไปได้มากโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสมัยของเพริคลิสนั้นถือว่าระบอบประชาธิปไตยได้พัฒนาไปถึงจุดสูงสุด จนทำให้สมัยนี้ได้ชื่อว่า เป็น ยุคทองของเอเธนส์” และทำให้นครรัฐเอเธนส์กลายเป็น บรมครูของนครรัฐกรีกหรือ ชาวเฮลลัสทั้งมวล” ดังนั้นนครรัฐเอเธนส์จึงถือว่าเป็นต้นกำเนิดและแม่แบบของการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยและของอารยธรรมตะวันตก

41.       ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาของวิชาแพทย์ศาสตร์คือ

(1) พิทากอรัส 

(2) ฮิปโปเครติส          

(3) เฮโรโดตัส  

(4) ทาลิส

ตอบ 2 หน้า 13644 (H) ฮิปโปเครติส (Hippocrates) ได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาของวิชา แพทย์ศาสตร์” ซึ่งเขาแสดงความเห็นว่า โรคทุกชนิดมีสาเหตุมาจากธรรมชาติ ไม่ใช่เพราะ พระเจ้าลงโทษ ดังนั้นการรักษาที่ดีที่สุดจึงควรเป็นการพักผ่อนอยู่ในที่อากาศบริสุทธิ์ และ การควบคุมอาหาร นอกจากนี้เขายังเป็นแพทย์ที่มีอุดมคติสูงส่ง ซึ่งปรากฏเป็นหลักปฏิญาณ ของแพทย์ในปัจจุบันที่เรียกว่า “Hippocratic Oath”

42.       การวิ่งมาราธอนมีกำเนิดมาจากวีรกรรมของนครรัฐ

(1) สปาร์ตา    

(2) เอเธนส์     

(3) คอรินทร์    

(4) มาซิโดเนีย

ตอบ 2 หน้า 14346 (H) สงครามเปอร์เซียหรือสงครามมาราธอน เป็นการทำสงครามระหว่างนครรัฐเอเธนล์กับเปอร์เซีย แต่พระเจ้าดาริอุสแห่งเปอร์เซียต้องมาพ่ายแพ้ที่สมรภูมิมาราธอน ในปี 490 B.C. สงครามในครั้งนี้ได้ทำให้เกิดวีรบุรุษชาวเอเธนส์ชื่อ เฟดิปปิดิส” (Phedippides) ซึ่งใช้เวลาวิ่งจากเอเธนส์ไปสปาร์ตา 2 วัน 2 คืน เพื่อขอกำลังทหารมาช่วยเอเธนส์ แล้ววิ่งกลับมาเอเธนส์และได้เข้าร่วมรบที่ทุ่งมาราธอนด้วย ซึ่งเอเธนส์ก็รบชนะได้โดยไม่ต้องขอความช่วยเหลือ จากสปาร์ตา เฟดิปปิดิสวิ่งกลับเอเธนล์เพื่อแจ้งข่าวถึงชัยชนะของเอเธนล์แล้วล้มลงขาดใจตาย จบกลายมาเป็นตำนานให้เกิดการแข่งขันวิ่งมาราธอนเป็นระยะทาง 26 ไมล์ เมื่อมีการฟื้นฟู กีฬาโอลิมปิกขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1896

43.       สิ่งที่เกิดขึ้นภายหลังการรุกรานอินเดียของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชคือ

(1) การปกครองแบบประชาธิปไตย   

(2) การปกครองแบบเผด็จการทหาร

(3) การปั้นพระพุทธรูป           

(4) การเผยแผ่คริสต์ศาสนา

ตอบ 3 หน้า 15247 (H) ในสมัยที่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชกษัตริย์ของกรีก ได้ยกกองทัพ ขยายอำนาจมาถึงชายแดนอินเดียบริเวณลุ่มแม่น้ำสินธุในปี 323 B.C. ส่งผลให้ชาวอินเดีย ในแคว้นคันธาระได้รับอิทธิพลทางด้านการปั้นหรือประติมากรรมจากกรีก นั้นคือ ศิลปะการปั้นพระพุทธรูปแบบกรีก (Greco Buddhist Arts) ซึ่งจะเห็นว่าพระพุทธรูปของอินเดียในระยะแรกนั้น จะมีลักษณะเหมือนเทพอพอลโลของกรีก

44.       อารยธรรมโรมันมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าอารยธรรม

(1) เฮลเลนิก   

(2) ละติน        

(3) เฮลเลนิสติก          

(4) แอสเท็ค

ตอบ 2 หน้า 15847 – 48 (H), (คำบรรยาย) อารยธรรมโรมันเป็นอารยธรรมของพวกอินโด-ยุโรป ที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในคาบสมุทรอิตาลีเมื่อประมาณ 2000 – 1000 B.C. โดยหนึ่งในบรรดา พวกที่อพยพเข้ามาคือ พวกละติน (Latin) ซึ่งเข้ามาตั้งถิ่นฐานบริเวณลุ่มแม่น้ำไทเบอร์ (Tiber) ต่อมาบริเวณนี้จึงได้ชื่อว่า ที่ราบละติอุม (Plain of Latium) โดยพวกละตินกลุ่มนี้ได้สร้างกรุงโรม (Rome) ขึ้นบนฝั่งแม่น้ำไทเบอร์เมื่อปี 753 B.C. และทำให้ชาวละตินกลุ่มนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โรมัน” หรืออารยธรรมโรมันมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า อารยธรรมละติน นั่นเอง

45.       พวกอีทรัสกันปกครองพวกโรมันด้วยการปกครองในระบอบ

(1) กษัตริย์     

(2) สาธารณรัฐ           

(3) ประชาธิปไตย       

(4) เผด็จการทหาร

ตอบ 1 หน้า 158 – 15948 – 49 (H) ในศตวรรษที่ 8 B.C. พวกอีทรัสกัน (Etruscan) ซึ่งเป็นกลุ่ม ทหารรับจ้างจากเอเชียน้อยได้เข้ายึดครองภาคเหนือและภาคตะวันตกของแหลมอิตาลี รวมทั้ง เข้ายึดครองกรุงโรมและทำการปกครองพวกโรมันด้วยการปกครองในระบอบกษัตริย์อย่างกดขี่ ต่อมาในปี 509 B.C. ได้ถูกพวกแพทริเชียน (Patricians) ซึ่งเป็นกลุ่มชนชั้นสูงชาวโรมันขับไล่ ออกจากกรุงโรมและตั้งคณะรัฐบาลของตนเอง เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบกษัตริย์ มาเป็นระบอบสาธารณรัฐและดำรงอยู่ต่อมานานถึงประมาณ 500 ปี

46.       กฎหมายลายลักษณ์อักษรฉบับแรกของโรมันคือกฎหมาย

(1) ดราโค       

(2)โซลอน       

(3) ฮัมมูราบี    

(4) 12โต๊ะ

ตอบ 4 หน้า 16149 (H) ในสมัยสาธารณรัฐโรมัน หลังจากที่พวกพลีเบียนได้รวมตัวกันเรียกร้อง สิทธิในการปกครองจากพวกแพทริเชียนในปี 466 B.C. แล้ว พวกพลีเบียนยังได้เรียกร้องให้ มีการร่างกฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษร โดยจารึกลงบนแผ่นทองแดง 12 แผ่น แล้วนำไปติด ที่ฟอรัมเพื่อประกาศให้ราษฎรโดยทั่วไปทราบ เรียกว่า กฎหมาย 12โต๊ะ” ซึ่งถือว่าเป็น กฎหมายลายลักษณ์อักษรฉบับแรกของโรมัน โดยประกาศใช้เมื่อปี 450 B.C.

47.       คำว่า Crossing the Rubicon เป็นสำนวนมีความหมายถึง

(1) การไปตายเอาดาบหน้า    

(2) การข้ามแม่นํ้ารูบิคอง

(3) ชัยชนะที่ได้มาแต่เสียหายเป็นอย่างมาก  

(4) ข้ามไปสู่สวรรค์

ตอบ 1 หน้า 16650 (H) ในปี 49 B.C. จูเลียส ซีซาร์ (Julius Caesar) ได้นำกองทัพข้ามแม่น้ำรูบิคอง (Rubicon) ซึ่งเป็นพรมแดนระหว่างอิตาลีกับซิซัลไปน์โกล เข้าไปในกรุงโรมเพื่อทำสงคราม แย่งชิงอำนาจกับปอมเปย์ (Pompey) ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ได้ทำให้เกิดสำนวนภาษาอังกฤษว่า “Crossing the Rubicon” ซึ่งมีความหมายว่า การไปตายเอาดาบหน้า หรือการตกลงใจที่ เด็ดเดี่ยว” และทำให้ซีซาร์ได้เป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียวในสาธารณรัฐโรมัน

48.       ปฏิทินสุริยคติทีจูเลียส ซีซาร์ นำมาประกาศใช้ได้มาจากประเทศ

(1) อิรัก           

(2) อิหร่าน      

(3) อียิปต์       

(4) กรีซ

ตอบ 3 หน้า 5250 – 51 (H), (คำบรรยาย) ในปี 46 B.C. จูเลียส ซีซาร์ ได้นำเอาปฏิทินแบบสุริยคติ ของอียิปต์มาเผยแพร่และนำมาดัดแปลงใช้ในสาธารณรัฐโรมัน ปฏิทินจึงถือกำเนิดขึ้นครั้งแรก โดยมีชื่อว่า Julian Calendar ซึ่งปฏิทินดังกล่าวก็ยังคงใช้สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยชื่อ เดือนกรกฎาคมหรือ July ก็มาจากชื่อของ Julius Caesar ส่วนชื่อเดือนสิงหาคม (August) จะมาจากชื่อของจักรพรรดิออกุสตุสที่ 1 (Augustus I) ซึ่งปกครองจักรวรรดิโรมันในปี 27 B.C.

49.       จักรพรรดิองค์แรกของจักรวรรดิโรมันคือ

(1) จูเลียส ซีซาร์         

(2)ออกุสตุสที่ 1          

(3) เนโร          

(4) เวสปาเชียน

ตอบ 2 หน้า 168 – 16951 (H) หลังจากที่จูเลียส ซีซาร์ ถูกบรูตัสและสมาซีกสภาซีเนทรุมสังหาร จนสิ้นพระชนม์แล้ว กรุงโรมก็เกิดความวุ่นวายเพราะมีการแย่งชิงอำนาจซึ่งกันและกัน ในที่สุด ออคเตเวียน หลานชายและมีฐานะเป็นบุตรบุญธรรมของซีซาร์ได้รับชัยชนะ และได้สถาปนา ตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์แรกของจักรวรรดิโรมันโดยทรงมีพระนามใหม่ว่า ออกุสตุสที่ 1” (Augustus I หรือ Augustus Caesar) พร้อมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบ สาธารณรัฐมาเป็นจักรวรรดิโรมันในปี 27 B.C.

50.       จักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์จูเลียนผู้เผากรุงโรมในปี ค.ศ. 64 คือ

(1) เวสปาเชียน          

(2) ติตุส          

(3) เนโร          

(4) คอนสแตนติน

ตอบ 3 หน้า 17052 (H) 40 ปีหลังจากที่จักรพรรดิออกุสตุสที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันสิ้นพระชนม์ ในปี ค.ศ. 14 จักรพรรดิโรมันก็ล้วนเป็นผู้ที่สืบเชื้อสายจากราชวงศ์ของจูเลียส ซีซาร์ทั้งสิ้น จึงเรียกราชวงศ์นี้ว่า ราชวงศ์จูเลียน” (Julian Dynasty) จนถึงสมัยจักรพรรดิเนโร (Nero) ซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์จูเลียนผู้เผากรุงโรมในปี ค.ศ. 64 เนื่องจากทรงมีสติวิปลาส ทำให้ความเกลียดชังพระองค์แผ่กระจายไปในวงกว้าง จนเนโรต้องตัดสินพระทัยปลงพระชนม์ พระองค์เองในปี ค.ศ. 68 ซึ่งการสิ้นพระชนม์ชองเนโรก็เทำกับเป็นการสิ้นสุดราชวงศ์จูเลียน

51.       กลุ่มชนพวกแรกที่รู้จักการใช้ซีเมนต์คือ

(1) กรีก           

(2) โรมัน         

(3) อียิปต์       

(4) สุเมเรียน

ตอบ 2 หน้า 176178 – 17952 (H) วิศวกรชาวโรมันถือว่าเป็นพวกแรกที่รู้จักการใช้ซีเมนต์ซึ่งจะเห็นได้จากผลงานทางด้านวิศวกรรมและถาปัตยกรรม เช่น การสร้างถนน การสร้างสะพาน การทำท่อส่งนํ้า การก่อสร้างแอมพิเธียเตอร์ การก่อสร้างอาคารบ้านเรือน เป็นต้น ทั้งนี้การก่อสร้างของโรมันส่วนใหญ่ได้รับแบบอย่างมาจากกรีก

52.       Persecution คือยุคที่พวกโรมันปราบปรามพวก……..เป็นระยะเวลาร่วม 300 ปี

(1) กรีก           

(2) อียิปต์       

(3) สเปน        

(4) คริสเตียน

ตอบ 4 หน้า 18454 (H) ยุค Persecution คือ ยุคที่พวกโรมันทำการปราบปรามพวกคริสเตียน เป็นระยะเวลาร่วม 300 ปี เนื่องจากพวกโรมันไม่ยอมรับศาสนาคริสต์ที่มีหลักการโต้แย้งกับ การปกครองของพวกโรมัน โดยพวกโรมันเชื่อว่าหน้าที่เบื้องต้นก็คือหน้าที่บฏิบัติต่อรัฐ การเคารพสักการะซีซาร์ถือว่าเป็นอธิปไตยสูงสุดที่ปรากฏในร่างของมนุษย์ย่อมไม่ขัดต่อหลักกา ของศาสนาใด แต่พวกครีสเตียนในขณะนั้นเชื่อว่าหน้าที่เบื้องต้นของมนุษย์ก็คือหน้าที่ต่อพระเจ้า รัฐเป็นเรื่องทางโลก ส่วนพระเจ้าเป็นเรื่องของจิตใจ ดังนั้นรัฐจึงรองลงมาจากพระเจ้า ทัศนคติ ของพวกคริสเตียนดังกล่าวนี้ พวกโรมันถือว่าเป็นการคิดกบฏต่อซีซาร์ ต่ออาณาจักรโรมัน และต่อชาวโรมันเป็นส่วนรวม

53.       อารยธรรมอินเดียนในทวีปอเมริกาถูกค้นพบโดยพวก

(1) อังกฤษ     

(2) ฝรั่งเศส     

(3) สเปน        

(4) ดัตช์

ตอบ 3 หน้า 188 – 18935155 (H) อารยธรรมอินเดียนในทวีปอเมริกาหรืออารยธรรมเก่าในโลกใหม่ ถูกค้นพบโดยโคลัมบัส (Columbus) นักเดินเรือชาวสเปนในปี ค.ศ. 1492 แต่ต่อมาอารยธรรม เหล่านี้ก็ถูกทำลายโดยพวกสเปนเช่นเดียวกัน นั่นคือ คอร์เตส (Cortes) ได้เข้าทำลายอารยธรรม ของพวกแอสเท็คในเม็กซิโกระหว่างปี ค.ศ. 1519 – 1521 และปิซาโร (Pizarro) ได้เข้าทำลาย อารยธรรมของพวกอินคาในเปรูในปี ค.ศ. 1532

54.       สถาบันที่ไม่ค่อยมีบทบาทใบยุคกลางตอนต้นคือ

(1) การศึกษา 

(2) ศาสนจักร 

(3) กษัตริย์     

(4) อนารยชน

ตอบ 1 หน้า 208 – 20959 (H), (คำบรรยาย) ลักษณะเด่นของยุคกลางตอนต้น (ค.ศ. 500 – 1000) คือ

1.         มีอนารยชนกลุ่มต่างๆ เข้ามารุกรานยุโรปตะวันตก

2.         เปลี่ยนจากสังคมเมืองที่เจริญมาตั้งแต่กรีก-โรมัน เป็นสังคมปิดแบบชนบท โดยส่วนใหญ่ จะเป็นชาวนาชาวไร่ที่ยากจน เพระถูกกดขี่จากชนกลุ่มน้อย ซึ่งได้แก่ กษัตริย์ พระ และขุนนาง

3.         เป็นยุคมืด (Dark Age) ของอารยธรรมกรีก-โรมัน เพราะมีเพียงพวกพระที่ยังคงศึกษา อารยธรรมกรีก-โรมัน ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่รู้หนังสือ

4.         คริสต์ศาสนาเป็นสถาบันที่มีอำนาจสูงสุด โดยมีอิทธิพลเหนือสังคมและความเชื่อของผู้คน ในสมัยนั้น เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยากจน ขาดความปลอดภัย และขาดความรู้ จึงหันเข้าหา ศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว

5.         สถาบันที่มีบทบาทเด่นในการผสมผสานและพัฒนาในยุคกลางตอนต้น คือ พวกอนารยชน คริสต์ศาสนา และระบอบศักดินาสวามิภักดิ์ (Feudalism)

55.       ประเทศสเปนเคยตกอยู่ภายใต้การปกครองของพวกอนารยชนเยอรมันเผ่า

(1) แองเกิลส์  

(2) แซกซัน      

(3) ลอมบาร์ด 

(4) วิสิกอธ

ตอบ 4 หน้า 20621160 (H), 73 (H), (คำบรรยาย) พวกอนารยชนเยอรมันตะวันออก (East Germans) หรือพวกกอธ (Goths) แบ่งออกเป็น 2 สาขา คือ

1. วิสิกอธ (Visigoths หรือ West Goths) ได้เข้ายึดครองกรุงโรมในปี ค.ค. 476 และได้เข้าไปตั้งถิ่นฐานและปกครองประเทศสเปนเป็น ระยะเวลาร่วม 300 ปี

2. ออสโตรกอธ (Ostrogoths หรือ East Goths) ได้เข้าไปตั้งถิ่นฐาน ในประเทศอิตาลี จนถึงในปี ค.ศ. 554 จึงถูกจักรพรรดิจัลติเนียนแห่งจักรวรรดิโรมันตะวันออก หรือจักรวรรดิไบแซนไทน์ยึดแหลมอิตาลีกลับไปรวมเป็นดินแดนจักรวรรดิโรมันตะวันออก

56.       ในยุคกลางตอนต้นสังคมของยุโรปตะวันตกมีลักษณะเป็นสังคม

(1) เมือง         

(2) ชนบท       

(3) ของพวกพ่อค้า      

(4) อุตสาหกรรม

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 54. ประกอบ

57.       จักรพรรดิผู้ได้รับการสวมมงกุฎจากสันตะปาปาลีโอที่ 3 ในปี ค.ศ. 800 เพื่อสถาปนาจักรวรรดิโรมัน ขึ้นมาใหม่คือ

(1) ชาร์ล มาร์แตล      

(2) ชาร์เลอมาญ         

(3) เปแปง      

(4) โคลวิส

ตอบ 2 หน้า 218 – 22063 (H) ชาร์เลอมาญ (Charlemagne) เป็นกษัตริย์ชาวแฟรงก์ที่ทรงอานุภาพ มากที่สุดของราชวงศ์คาโรแลงเจียน และถือว่าทรงมีเทวสิทธิ์ปกครองจักรวรรดิ ทั้งนี้เพราะ ในปี ค.ศ. 800 พระองค์ได้รับการสวมมงกุฎจากสันตะปาปาลีโอที่ 3 เพื่อสถาปนาให้ทรงเป็น จักรพรรดิองค์ใหม่ของจักรวรรดิโรมัน ซึ่งเท่ากับเป็นการฟื้นฟูจักรวรรดิโรมันตะวันตกขึ้นมาใหม่ ทั้งนี้ผลงานที่สำคัญของพระองค์คือ สามารถรวบรวมยุโรปตะวันตกให้เป็นปึกแผ่นได้สำเร็จ ทรงส่งเสริมการศึกษา กำหนดรูปแบบการใช้เงินเหรียญ และกำหนดมาตราวัด

58.       ประเทศที่มีจุดกำเนิดมาจากการทำสนธิสัญญาแวร์ดังในปี ค.ศ. 843 คือ

(1) เยอรมนี     

(2) ฝรั่งเศส     

(3) อังกฤษ     

(4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 หน้า 220 – 22164 (H) ผลของสนธิสัญญาแวร์ดังในปี ค.ศ. 843 เป็นจุดกำเนิดของประเทศเยอรมนีและฝรั่งเศสในปัจจุบัน โดยมีการแบ่งจักรวรรดิของจักรพรรดิชาร์เลอมาญ ออกเป็น 3 ส่วน คือ

1.         หลุยส์เตอะเยอรมัน (Louis the German) ได้ครอบครองดินแดนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำไรน์ ปัจจุบันคือ ดินแดนทางภาคตะวันตกและตอนกลางของประเทศเยอรมนี

2.         ชาร์ลเดอะบอลด์ (Charles the Bald) ไต้ครอบครองดินแดนทางตะวันตกของจักรวรรดิ ปัจจุบันคือ ประเทศฝรั่งเศส

3.         โลแซร์ (Lothair) ได้ครอบครองดิบแดนทางตอนเหนือของอิตาลีและตอนกลางของจักรวรรดิ ซึ่งต่อมาคือ แคว้นลอแรน

59.       จุดกำเนิดของการปกครองในระบอบศักดินาสวามิภักดิ์ในศตวรรษที่ 10 คือประเทศ

(1) อังกฤษ     

(2) ฝรั่งเศส     

(3) เยอรมนี     

(4) สเปน

ตอบ 2 หน้า 22264 (H) ภายหลังการแบ่งแยกจักรวรรดิของจักรพรรดิชาร์ลเลอมาญตามสนธิสัญญาแวร์ดังได้สิ้นสุดลงแล้ว ยุโรปได้ถูกรุกรานอีกครั้งโดยพวกแมกยาร์ (Magyars) จาก เอเชียพวกมอสเล็ม (Moslems) จากแอพ่ริกาเหนือ และพวกนอร์สแมน (Norsemen) หรือ ที่รู้จักกันในนามพวกไวกิ้ง (Vikings) จากสแกนดิเนเวีย ซึ่งผลของการรุกรานระลอกใหม่ทำให้ บรรดากษัตริย์และเจ้าผู้ปกครองนครเล็ก ๆ ไม่สามารถให้ความคุ้มครองแก่ผู้อยู่ใต้การปกครองได้ จึงเกิดระบบการเมืองการปกครองใหม่ คือ ระบอบศักดินาสวามิภักดิ์ (Feudalism) หรือ ระบอบฟิวดัล ซึ่งเริ่มต้นขึ้นทางภาคเหนือของประเทศฝรั่งเศสเป็นครั้งแรกในศตวรรษที่ 10 ต่อมาก็ได้แพร่หลายไปทั่วดินแดนยุโรปตะวันตก

60.       สาเหตุที่คริสต์ศาสนากลายเป็นสถาบันที่มีอำนาจสูงสุดในยุคกลางเพราะประชาชนส่วนใหญ่

(1) ยากจน      

(2) ขาดความปลอดภัย

(3) ไม่รู้หนังสือ

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 54. ประกอบ

61.       การบัพพาชนียกรรมคือ         

(1) การขับบุคคลใดบุคคลหนึ่งออกจากการเป็นคริสเตียน

(2) การลงโทษทางศาสนา      

(3) การออกบวช         

(4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 หน้า 23224032166 (H), (คำบรรยาย) มาตรการสำคัญที่ศาสนจักรใช้ลงโทษผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งทางศาสนา มีดังนี้

1. การบัพพาชนียกรรม (Excommunication) คือ การประกาศขับไล่ บุคคลใดบุคคลหนึ่ง เช่น กษัตริย์ ขุนนาง หรือนักคิดคนสำคัญ ออกจากการเป็นคริสเตียนหรือ เป็นพวกนอกรีต (Heretic) โดยไม่ให้ศาสนิกชนอื่นเข้ามาคบหาด้วย    

2. การอินเทอดิค (Interdict) คือ การประกาศว่าดินแดนใดดินแดนหนึ่งเป็นดินแดนนอกศาสนา ห้ามประกอบ พิธีกรรมทางศาสนา และบางกรณีอาจตัดกลุ่มชนออกจากศาสนา ซึ่งถือว่าเป็นการลงโทษ ที่รุนแรงที่สุด

62.       สาเหตุที่ทำให้ระบอบศักดินาสวามิภักดิ์เสื่อม เพราะ

(1) สงครามครูเสด      

(2) ความเจริญทางการค้า

(3) การเกิดโรคระบาด

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 23766 – 67 (H) สาเหตุสำคัญที่ทำให้ระบอบศักดินาสวามิภักดิ์หรือระบอบฟิวดัล เสื่อมลง มีตังนี้   

1. สงครามครูเสด ทำให้พวกขุนนางตายไปเป็นจำนวนมาก กษัตริย์จึงมีอำนาจเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

2. ความเจริญทางการค้า ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจแบบพึ่งตนเองของแมเนอร์ลดความสำคัญลง

3. ความสำเร็จในการผลิตกระสุนดินปืน ทำให้อัศวินสวมเกราะและป้อมปราการหมดความหมาย

4. การเกิดโรคระบาดในศตวรรษที่ 14 คือ กาฬโรค (Black Death) ทำให้ประชากรลดลง พวกทาสติดที่ดินจึงหางานทำได้ง่ายขึ้น เป็นต้น

63.       มหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโรมคือ

(1) เซนต์ไมเคิล           

(2) เซนต์ปีเตอร์          

(3) เซนต์ปอล 

(4) เซนต์เจมส์

ตอบ 2 หน้า 18523853 – 54 (H) เซนต์ปีเตอร์ (St. Peter) เป็นหนึ่งในบรรดาอัครสาวกของ พระเยซูคนแรกที่ได้นำเอาคำสั่งสอนของพระเยซูออกไปเผยแผ่ยังกรุงโรม แต่ได้ถูกทำร้ายจน เสียชีวิต ต่อมาเมื่อจักรพรรดิคอนสแตนติน (Constantine) ทรงอนุญาตให้ศาสนาคริสต์เผยแผ่ ในจักรวรรดิโรมันได้อย่างเสรี และในสมัยจักรพรรดิเธโอโดซิอุส (Theodosius) ก็ทรงประกาศ ให้ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติของจักรวรรดิโรมัน ทำให้กรุงโรมกลายเป็นศูนย์กลาง ของคริสต์ศาสนา และในเวลาต่อมามหาวิหารในกรุงโรมจึงได้ชื่อ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ซึ่งเป็น มหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโรม

64.       ตำแหน่งสงฆ์ผู้ที่จะได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสันตะปาปาคือ

(1) Priest   

(2) Bishop

(3) Archbishop

(4) Cardinal

ตอบ 4 หน้า 240 – 24167 – 68 (H), (คำบรรยาย) ตำแหน่งของพระในโครงสร้างของศาสนจักร สามารถเรียงลำดับจากระดับต่ำสุดไปหาสูงที่สุด ได้แก่ พระ (Priest), บิชอป (Bishop),อาร์ชบิชอป (Archbishop), คาร์ดินัล (Cardinal) ซึ่งแต่งตั้งโดยสันตะปาปา โดยทำหน้าที่ เป็นที่ปรึกษาของสันตะปาปา และสันตะปาปา (Pope) ซึ่งเป็นหัวหน้าสูงสุดของศาสนจักร เมื่อสันตะปาปาสิ้นพระชนม์ลง พระที่อยู่ในกลุ่ม Cardinal จะเป็นผู้ที่มีสิทธิได้รับเลือกให้ เป็นสันตะปาปาองค์ใหม่โดยผ่านที่ประชุมของคณะคาร์ดินัล (College of Cardinals) หรือ พระราชาคณะ

65.       จักรพรรดิผู้ได้รับการสวมมงกุฎจากสันตะปาปาจอห์นที่ 12 ในปี ค.ศ. 962 เหมือนกับที่จักรพรรดิชาร์เลอมาญเคยได้รับคือ    

(1) เฟรเดอริก บาร์บารอสซา

(2) ออตโตที่ 1 

(3) เฮนรีที่ 4    

(4) เปแปง

ตอบ 2 หน้า 246 – 24769 (H) ในปี ค.ศ. 962 พระเจ้าออตโตที่ 1 (Otto I) แห่งแซกโซนี ได้รับการ สวมมงกุฎจากลับตะปาปาจอห์นที่ 12 ให้ดำรงตำแหน่งเป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (Holy Roman Empire) เช่นเดียวกับที่จักรพรรดิชาร์เลอมาญเคยได้รับ โดย จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิออตโตที่ 1 จะประกอบไปด้วยดินแดนเยอรมนีและ อิตาลี ซึ่งทำให้พระองค์มีอำนาจยิ่งใหญ่ใบยุโรปในฐานะพระจักรพรรดิผู้ปกครองเยอรมนี และ ยังได้ตำรงตำแหน่งกษัตริย์แห่งอิตาลีอีกด้วย

66.       สาเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างสันตะปาปากับจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ในยุคกลางคือ

(1) สันตะปาปาเป็นผู้สวมมงกุฎให้จักรพรรดิ 

(2) แย่งกันแต่งตั้งพระในตำแหน่งสูง ๆ

(3) จักรพรรดิขยายอำนาจเข้าไปในแหลมอิตาลี         

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 243250 – 25168 – 69 (H) ในศตวรรษที่ 11 ได้เกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างสันตะปาปา เกรเกอรีที่ 7 กับจักรพรรดิเฮนรีที่ 4 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ โดยมีสาเหตุมาจากการ แย่งกันแต่งตั้งพระในตำแหน่งสูง ๆ ซึ่งสันตะปาปาเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ แต่ในที่สุดสันตะปาปา และจักรพรรดิก็สามารถทำความตกลงกันได้ด้วยข้อตกลงแห่งเมืองเวิร์มในปี ค.ศ. 1122 ซึ่งทั้ง สันตะปาปาและจักรพรรดิต่างก็มีสิทธิเห็นชอบหรือไม่ชอบในตำแหน่งพระราชาคณะที่อีกฝ่ายหนึ่ง เลือกมาได้ ซึ่งนับว่าเป็นชัยชนะของสันตะปาปาที่จะได้มีสิทธิร่วมในการเลือกตั้งและแต่งตั้ง พระราชาคณะด้วย ซึ่งในอดีตจักรพรรดิจะเป็นผู้มีสิทธิในการแต่งตั้งพระราชาคณะโดยไม่ต้องผ่าน ความเห็นชอบจากสันตะปาปา

67.       โบสถ์ใหญ่ในกรุงคอนสแตนติโนเปิลสร้างในสมัยจักรพรรดิจัสติเนียนคือ

(1) เซนต์โซเฟีย           

(2) เซนต์เจมส์

(3) เซนต์ปอล 

(4) เซนต์เบเบดิก

ตอบ 1 หน้า 252 – 25332370 (H) ผลงานที่สำคัญของจักรพรรดิจัสติเนียนแห่งจักรวรรดิโรมันตะวันออก มีดังนี้

1. ขยายอาณาเขตออกไปถึงภาคเหนือของแอฟริกา ภาคใต้ของสเปน และอิตาลี

2. สร้างประมวลกฎหมายจัสติเนียน (Corpus Juris Civilis) ในปี ค.ศ. 529 ซึ่งได้กลายเป็นแบบอย่างของตัวบทกฎหมายในสมัยกลางและยังสืบทอดมาถึงปัจจุบัน

3. สร้างโบสถ์เซนต์โซเฟีย (Santa Sophia) ที่กรุงคอนสแตนติโนเปิลเมื่อ ค.ศ. 537

68.       ในยุคกลางสเปนตกอยู่ภายใต้การปกครองของพวก

(1) โรมัน         

(2) ฝรั่งเศส     

(3) มัวร์           

(4) ลอมบาร์ด

ตอน.3 หน้า 26773 (H) ในปี ค.ศ. 711 พวกมัวร์ (Moors) หรือมอสเล็มจากแอฟริกาเหนือซึ่งนับถือ ศาสนาอิสลามได้เข้ายึดครองสเปนและนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 718 – 1492 เป็นระยะเวลากว่า 700ปี เป็นยุคแห่งการยึดอำนาจคืนของพวกคริสเตียนจากพวกมัวร์ในสเปน เรียกว่ายุค Reconquest หรือ Reconquista โดยยุคนี้สิ้นสุดลงเมื่อมีการรวมอาณาจักรคริสเตียน 2 แห่งเข้าด้วยกัน ซึ่งเกิดจากการอภิเษกสมรสระหว่างกษัตริย์สเปน 2 พระองค์ คือ พระเจัาเฟอร์ดินานด์ที่ 2 แห่งอรากอน และพระราชินีอิซาเบลลาที่ 1 แห่งคาสติล ได้ทำสงครามจนสามารถขับไล่พวกมัวร์ ออกจากคาบสมุทรไอบีเรีย และยึดครองอาณาจักรกรานาดาได้สำเร็จในปี ค.ศ. 1492 ทำให้ การปกครองโดยมุสลิมในสเปนสิ้นสุดลง

69.       ในปี ค.ศ. 1066 วิลเลียมแห่งนอร์มังดี ขุนนางชาว สามารถยกกองทัพไปตีอังกฤษได้สำเร็จ

(1) ดัตช์          

(2) เยอรมัน     

(3) ฝรั่งเศส     

(4) สเปน

ตอบ 3 หน้า 271 – 27372 (H), 74 (H) ในปี ค.ศ. 1066 วิลเลียมแห่งนอร์มังดี ขุนนางชาวฝรั่งเศส ซึ่งมีฐานะเป็นข้าของกษัตริย์ฝรั่งเศส ได้ยกกองทัพเข้ารุกรานอังกฤษและรบชนะกษัตริย์ฮาโรลด์ กอดวินสัน ได้สำเร็จ ซึ่งสงครามในครั้งนี้ทำให้มีผลสำคัญติดตามมาคือ ทำให้กษัตริย์อังกฤษ มี 2 สถานภาพ คือ มีฐานะเป็นเจ้า (Lord) สูงสุดในอังกฤษ แต่ต้องมีฐานะเป็นข้า (Vassal) ของ กษัตริย์ฝรั่งเศส เมื่อเข้าไปถือครองและเก็บเกี่ยวผลประโยขบ์จากที่ดินในฝรั่งเศส ซึ่งจากสถานภาพ ดังกล่าวได้กลายมาเป็นขนวนของสงครามร้อยปีระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสในเวลาต่อมา

70.       สงครามครูเสดคือสงครามที่พวกคริสเตียนยกกองทัพไปตีเมีอง กลับคืนจากพวกมุสลิม

(1) เบธเลเฮม 

(2)เยรูซาเล็ม  

(3) คอนสแตนติโนเปิล

(4) ลิสบอน

ตอบ 2 หน้า 279 – 28576 – 77 (H) สงครามครูเสด (ค.ศ. 1095 – 1291) ในยุคกลาง ถือเป็น สงครามมหายุทธ์ที่กินระยะเวลาร่วม 200 ปี (รวมทั้งหมด 8 ครั้ง) โดยเป็นสงครามระหว่าง ศาสนาคริสต์กับศาสนาอิสลาม หรือระหว่างพวกคริสเตียนกับพวกมุสลิมหรือมอสเล็ม เพื่อแย่งกันเข้าครอบครองกรุงเยรูซาเล็ม และเมื่อสิ้นสุดสงครามพวกคริสเตียนก็ไม่สามารถ ยึดกรุงเยรูซาเล็มคืนจากพวกมุสลิมได้ จึงถือว่าเป็น ความล้มเหลวที่ประสบความสำเร็จ มากที่สุดในประวัติศาสตร์” เพราะได้ทำให้เกิดผลดีและความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง และชาวยุโรปได้รับบทเรียนต่างๆ จากพวกอาหรับและอิสลามอื่นๆ เป็นอันมาก

71.       สงครามครูเสดทำให้การปกครองในระบบ……สิ้นสุดลง

(1) กษัตริย์     

(2) ศักดินาสวามีภักดิ์

(3) สาธารณรัฐ           

(4) ประชาธิปไตย

ตอบ 2 หน้า 284 – 28577 (H) ผลของสงครามครูเสด มีดังนี้

1. ทำให้ระบอบศักดินาสวามิภักดิ์ หรือระบอบฟิวดัลเสื่อมลง เพราะพวกขุนนางได้ตายไปเป็นจำนวนมาก

2.         เกิดการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการค้าในดินแดนยุโรปตะวันตก  

3. มีการเปิดเส้นทางการค้าเพื่อนำเอาความเจริญและสินค้าจากภาคตะวันออกไปเผยแพร่ในยุโรปตะวันตก

4.         กษัตริย์มีอำนาจมากขึ้น ในขณะที่ขุนนางเสื่อมอำนาจและยากจนลง

5.         เมืองต่าง ๆ เริ่มขยายขึ้น เพราะการค้าขยายตัว

6. อำนาจของฝ่ายศาสนจักรเพิ่มขึ้น เป็นต้น

72.       ผู้มีสิทธิเลือกจักรพรรดิองค์ใหม่ภายหลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับประกาศทองในปี ค.ศ. 1356 คือ

(1) คณะผู้เลือกตั้ง 7 คน

(2) สันตะปาปา          

(3) กษัตริย์อังกฤษ     

(4) ขุนนางฝรั่งเศส

ตอบ 1 หน้า 292 – 29378 (H) ตามรัฐธรรมนูญฉบับประกาศทอง (The Golden Bult) ในปี ค.ศ. 1356 ซึ่งประกาศใช้โดยจักรพรรดิชาร์ลที่ 4 แห่งลักเซมเบิร์ก กำหนดให้เจ้าผู้ครองแคว้น ในอาณาจักรโรมันอันศักดิสิทธิ์ (เจ้าเยอรมัน) 7 องค์ หรือจัดเป็นคณะผู้เลือกตั้ง 7 คน (7Electors) เป็นผู้เลือกจักรพรรดิองค์ใหม่โดยไม่ต้องมีการรับรองจากศาสนจักร ซึ่งถือว่าเป็นการตัดสิทธิ ของสันตะปาปาออกจากการเลือกตั้งจักรพรรดิองค์ใหม่แห่งอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ และ นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1438 เป็นต้นมา กษัตริย์แห่งราชวงศ์แฮปสเบิร์กแห่งออสเตรียมักจะได้รับ การเลือกตั้งเป็นจักรพรรดิ

73.       สงครามร้อยปี (ค.ศ. 1337 – 1453) เป็นสงครามที่ฝรั่งเศสทำกับ

(1) สเปน        

(2) อังกฤษ     

(3) เยอรมนี     

(4) ฮอลันดา

ตอบ 2 หน้า 296 – 29779 (H) สงครามร้อยปี (The Hundred Years’ War : ค.ศ. 1337 – 1453) เป็นสงครามระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศส โดยมีสาเหตุปัจจุบันเนื่องจากกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 3 (Edward III) แห่งอังกฤษ ทรงเรียกร้องสิทธิในการขึ้นครองราชบัลลังก์ฝรั่งเศสในฐานะที่ ทรงเป็นทายาทของฟิลิปที่ 4 กษัตริย์แห่งฝรั่งเศส เมื่อกษัตริย์ฝรั่งเศสสิ้นพระชนม์ลงโดยไม่มี รัชทายาท แต่พวกขุนนางฝรั่งเศสไม่ยินยอม ดังนั้นพระองค์จึงประกาศสงครามกับฝรั่งเศสใน ปี ค.ศ. 1337 และสงครามได้ดำเนินมาจนชาวฝรั่งเศสสามารถรวมตัวกันขับไล่อังกฤษออกจาก ดินแดนฝรั่งเศสได้สำเร็จในปี ค.ศ. 1453

74.       ผลของสงครามร้อยปี ทำให้เกิดความรู้สึก    

(1) ชาตินิยม

(2) ท้องถิ่นนิยม          

(3) รักประชาธิปไตย   

(4) ศรัทธาทางศาสนาเพิ่มขึ้น

ตอบ 1 หน้า 29979 (H) ผลของสงครามร้อยปี (ค.ศ. 1337 – 1453) ระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส มีดังนี้

1.         เป็นการสิ้นสุดระบอบศักดินาสวามิภักดิ์หรือระบอบฟิวดัลทั้งในอังกฤษและฝรั่งเศส เพราะ พวกขุนนางตายไปเป็นจำนวนมาก และยังส่งผลให้กษัตริย์มีอำนาจเพิ่มขึ้น

2.         ทำให้เกิดความรู้สึกชาตินิยมขึ้นทั้ง 2 ชาติ จนกษัตริย์ของทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสสามารถรวมตัว เป็นรัฐชาติ (Nation-state) ได้สำเร็จ

3.         อังกฤษได้เลิกใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาราชการ

75.       สมัยการคุมขังแห่งบาบิโลเนีย (ค.ศ. 1305 – 1377) สันตะปาปาย้ายมาประทับที่ประเทศ

(1) อิตาลี        

(2) อังกฤษ     

(3) ฝรั่งเศส     

(4) เยอรมนี

ตอบ 3 หน้า 301 – 30280 (H) สมัยการคุมขังแห่งบาบิโลเนียในตอนปลายยุคกลาง (Babylonian Captivity : ค.ศ. 1305 – 1377) เป็นสมัยที่มีการเปรียบเทียบสันตะปาปาว่าเป็นเหมือนกับ พวกยิวที่ถูกกวาดต้อนไปอยู่ที่กรุงบานิโลนในยุคโบราณ เนื่องจากสันตะปาปาชาวฝรั่งเศสได้ย้าย ที่ประทับจากกรุงโรมในอิตาลีมาอยู่ที่เมืองอาวิญยองในฝรั่งเศส ทำให้สันตะปาปาชาวฝรั่งเศส องค์ต่อ ๆ มาก็พำนักอยู่ในฝรั่งเศสเป็นเวลา 70 ปี ซึ่งเหตุการณ์นี้ส่งผลให้สันตะปาปาตกอยู่ ภายใต้อำนาจของกษัตริย์ฝรั่งเศส และมิได้มีฐานะเป็นประมุขสากลอีกต่อไป

76.       ระบอบการปกครองที่มาแทนที่ระบอบศักดินาสวามิภักดิ์ในตอนปลายยุคกลางคือ

(1) สาธารณรัฐ           

(2) กษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ

(3) คณาธิปไตย          

(4) สมบูรณาญาสิทธิราชย์

ตอบ 4 หน้า 332 – 33386 (H) หลังจากที่ระบอบศักดินาสวามิภักดิ์หรือระบอบฟิวดัลได้เลื่อมลง ในตอนปลายยุคกลางช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 รูปแบบการปกครองระบอบใหม่ที่เข้ามาแทนที่คือ ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ (Absolutism) ซึ่งเป็นระบอบที่กษัตริย์เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการ ปกครองแผ่นดิน และอำนาจที่เฟื่องฟูมากคือ อำนาจเทวสิทธิ์ของกษัตริย์ (Divine Rights of King) โดยกษัตริย์ทรงอ้างว่าเป็นตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้าที่ถูกส่งมาปกครองมนุษย์ ดังนั้นมนุษย์จึง ไม่มีสิทธิปลดกษัตริย์ออกจากตำแหน่ง เพราะถ้าคิดล้มล้างกษัตริย์ก็จะถือว่าเป็นความผิดบาป

77.       กษัตริย์สเปนผู้สามารถขับไล่พวกมัวร์ออกจากคาบสมุทรไอบีเรียได้สำเร็จในปี ค.ศ. 1492 คือ

(1) ชาร์ลที่ 5   

(2) ฟิลิปที่ 2    

(3) ฮวน คาร์ลอส        

(4) เฟอร์ดินานด์และอิซาเบลลา

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 68. ประกอบ

78.       ระบอบเศรษฐกิจที่ประเทศแม่ใช้กับอาณานิคมในตอนต้นยุคใหม่คือ

(1) พาณิชย์ชาตินิยม  

(2) เสรีนิยม    

(3) สังคมนิยม

(4) คอมมิวนิสต์

ตอบ 1 หน้า 339 – 34088 (H), (คำบรรยาย) ลัทธิพาณิขย์ชาตินิยม (Mercantilism) เป็นระบบ การค้าที่รัฐบาลแห่งชาติและกษัตริย์จะเป็นผู้ควบคุมเศษฐกิจทั้งหมด โดยพวกนายทุนจะได้รับ การส่งเสริมทางการค้าจากรัฐบาล ส่วนกษัตริย์จะสะสมโลหะมีค่าเพื่อหาเงินมาขยายกองทัพ และสะสมอาวุธเพื่อป้องกันการรุกรานจากชาติอื่บ นอกจากนี้ยังผูกขาดการค้าโดยบังคับให้ ประเทศอาณานิคมค้าขายกับเมืองแม่เท่านั้น เน้นการพึงพาเศรษฐกิจจากชาติอื่นๆ ให้น้อยที่สุด และส่งเสริมการมีอาณานิคม ทำให้เกิดการแข่งขันทางการค้าและเกิดกรณีพิพาทในกลุ่ม ประเทศอาณานิคมจนเกิดสงครามขึ้นบ่อยครั้งในระหว่างปี ค.ศ. 1650 – 1815

79.       ประเทศที่มีบทบาทสำคัญในการค้าทาสในยุคใหม่คือ

(1) ดัตช์          

(2) ฝรั่งเศส     

(3) อังกฤษ     

(4) โปรตุเกส

ตอบ 4 หน้า 342 – 34389 (H) ระบบการค้าทาสได้สูญสิ้นจากอารยธรรมยุโรปไปตั้งแต่ในยุคกลาง ประมาณปี ค.ศ. 1000 แต่พอมาถึงในยุโรปเริ่มต้นยุคใหม่ที่มีการขยายอิทธิพลทางการค้าของ ประเทศในยุโรป ได้เกิดโฉมหน้าเศร้าในประวัติศาสตร์ขึ้นมาอีกก็คือ เกิดการฟื้นฟูการค้าทาส ซึ่งผู้ที่ริเริมเป็นประเทศแรก คือ โปรตุเกส และต่อมาประเทศอื่น ๆ เช่น อังกฤษ สเปน ฝรั่งเศส ก็พลอยถือปฏิบัติด้วย

80.       สาเหตุที่ทำให้ประเทศในยุโรปตะวันตกค้นหาเส้นทางเดินเรือมาสู่ทวีปเอเชียในศตวรรษที่ 15 คือ

(1) ความต้องการเครื่องเทศ   

(2) กรุงคอนสแตนติโนเปิลแตก

(3) เพื่อล้มการผูกขาดทางการค้าของพวกอิตาลี        

(4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 350 – 35189 – 90 (H) สาเหตุที่ก่อให้เกิดการสำรวจทางทะเลของประเทศในยุโรปตะวันตกมาสู่ทวีปเอเชียในสมัยศตวรรษที่ 15 คือ

1. แรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ ยุคกลางที่กองทัพครูเสดนำเอาความรู้และสินค้าจากเอเชียไปเผยแพร่ในยุโรป

2. กรุงคอนสแตนติโนเปิลแตกเพราะถูกพวกออตโตมัน เติร์ก เข้ายึดครองในปี ค.ศ. 1453 ทำให้เส้นทางการค้าระหว่างยุโรปกับเอเชียถูกตัดขาด

3. มีความต้องการสินค้าจากเอเชียหรือ ภาคตะวันออก เช่น เครื่องเทศ ผ้าไหม พรม และเครื่องแก้ว

4. ต้องการล้มการผูกขาดของ พวกพ่อค้าชาวอิตาลีที่มั่งคั่งจากการค้า เช่น เวนิส เจนัว         

5. มีการปรับปรุงเส้นทางเดินเรือ มีการประดิษฐ์เรือขนาดใหญ่ เข็มทิศ และมีการทำแผนที่ที่มีความแน่นอนมากขึ้น

81.       บุคคลผู้ได้รับการยกย่องว่าเดินทางรอบโลกได้สำเร็จเป็นคนแรกคือ

(1) แมกเจลแลน         

(2) บัลบัว       

(3) วาสโก ดา กามา   

(4) โคลัมบัส

ตอบ 1 หน้า 35190 (H), (คำบรรยาย) แมกเจลแลน เดลคาโน เป็นนักสำรวจทางเรือชาวสเปน กลุ่มแรกที่ได้รับการยกย่องว่าแล่นเรือเดินทางรอบโลกสำเร็จเป็นครั้งแรกในระหว่างปี ค.ศ. 1519 – 1522 และถือว่าเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าโลกกลมเป็นครั้งแรกอีกด้วย

82.       การฟื้นฟูศิลปวิทยาการคือการฟื้นฟูอารยธรรม

(1) กรีก-โรมัน 

(2) อียิปต์       

(3) เมโสโปเตเมีย       

(4) ยุคกลาง

ตอบ 1 หน้า 355 – 35892 (H) การฟื้นฟูศิลปวิทยาการหรือเรอเนสซองส์ (Renaissance) ซึ่งคำว่า “Renaissance” แปลตามศัพท์ได้ว่า การเกิดใหม่” (Rebirth) ซึ่งก็จะหมายถึงการเกิดใหม่ ของอารยธรรมคลาสสิกหรือการฟื้นฟูอารยธรรมกรีก-โรมัน (Greco-Roman) ขึ้นมาใหม่ ซึ่งในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการจะเน้นความสำคัญของมนุษย์ ปรัชญามนุษยนิยม (Humanism) รวมทั้งการแสดงออกของปัจเจกบุคคลและประสบการณ์ทางโลก ทั้งนี้การฟื้นฟูศิลปวิทยาการ เกิดขึ้นครั้งแรกที่เมืองฟลอเรนซ์ในแหลมอิตาลี ก่อนที่จะแพร่ขยายเข้าไปในประเทศฝรั่งเศส เยอรมนี เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ และอังกฤษ

83.       แหล่งกำเนิดของการฟื้นฟูศิลปวิทยาการอยู่ที่เมือง

(1) ฟลอเรนซ์  

(2) ลอนดอน   

(3) ปารีส        

(4) อัมสเตอร์ดัม

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 82. ประกอบ

84.       ปรัชญาในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการเน้นในเรื่อง

(1) ศาสนา      

(2) วัตถุนิยม   

(3) สังคมนิยม

(4) มนุษยนิยม

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 82. ประกอบ

85.       จุดมุ่งหมายในการเขียน The Prince โดยมาเคียเวลลี ในปี ค.ศ. 1513 คือการรวม …….. เข้าด้วยกัน

(1) อิตาลี        

(2)เยอรมนี      

(3) อังกฤษ     

(4) ฝรั่งเศส

ตอบ 1 หน้า 333 – 33436294 (H) นิโคโล มาเคียเวลลี (Nicolo Machiavelli) เป็นนักเขียนผู้ทรง อิทธิพลมากที่สุดในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการโดยผลงานที่มีชื่อเสียงก็คือ The Princeในปี ค.ศ. 1513 ซึ่งเป็นหนังสือที่แนะนำผู้ปกครองให้รักษาความปลอดภัยของรัฐในทุกวิถีทางที่จำเป็นโดยวิธีการ ที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จและได้มาซึ่งอำนาจจะเป็นไปตามทัศนะหนึ่งที่ว่า “The end justifies the means” หรือการทำให้บรรลุจุดมุ่งหมายวิธีใดวิธีหนึ่งโดยไม่ต้องคำนึงถึงศีลธรรมและ วิธีการที่ถูกต้อง ทั้งนี้จุดมุ่งหมายของเขาก็คือ ต้องการรวมอิตาลีให้อยู่ภายใต้การปกครองเดียวกัน

86.       ผลงานชิ้นสำคัญของลีโอนาร์โด ดา วินซี คือ 

(1) The Last Judgement

(2) Mona Lisa   

(3) Romeo and Juliet

(4) Utopia

ตอบ 2 หน้า 363 – 36494 (H) ลีโอนาร์โด ดา วินซี (Leonardo da Vinci) เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด ของสากลมนุษย์ (Universal Man) ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ โดยดา วินซี ถือว่าเป็นผู้ที่มี ความสามารถรอบตัว โดยเป็นทั้งประติมากร นักดนตรี สถาปนิก วิศวกร และจิตรกร ทั้งนี้ ผลงานด้านจิตรกรรมที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขาก็คือ The Last Supper และ Mona Lisa ซึ่งนับเป็นตัวอย่างอันดีของศิลปะที่เชิดชูความสำคัญของสตรีในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ

87.       การฟื้นฟูศิลปวิทยาการในดินแดนเยอรมนีได้ก่อให้เกิดผลงานสำคัญทางด้าน

(1) จิตรกรรม  

(2) ประติมากรรม       

(3) ปรัชญา     

(4) การพิมพ์

ตอบ 4 หน้า 359,372,3 (H), 96 (H) การฟื้นนฟูศิลปวิทยาการในดินแดนเยอรมนีได้ก่อให้เกิดผลงาน สำคัญทางด้านการพิมพ์ โดยบุคคลแรกที่ได้รับการยกย่องว่าประดิษฐ์แท่นพิมพ์ของชาวยุโรป ได้สำเร็จในปี ค.ศ. 1445 คือ โจฮันน์ กูเตนเบิร์ก (Johann Gutenberg) ช่างทองชาวเยอรมัน ซึ่งการพิมพ์นี้มีผลต่อการปฏิวัติอารยธรรมยุโรปตะวันตกเป็นอย่างมาก เพราะทำให้การแพร่ขยาย ศิลปวิทยาการทำได้สะดวกและรวดเร็วขึ้นทำให้หนังสือหาอ่านได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการศึกษา ทางด้านศาสนา ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่การปฏิรูปศาสนาในเวลาต่อมา

88.       นิกายที่ใม่จัดอยู่ในกลุ่มโปรเตสแตนต์คือ

(1) ลูเธอรันนิสม์         

(2) ฟรานซิสกัน           

(3) เพรสไบทีเรียน      

(4) คาลวินิสม์

ตอบ 2 หน้า 38338697 (H), 101 (H) การปฏิรูปศาสนาเกิดขึ้นครั้งแรกในดินแดนเยอรมนี(อาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์) ในตอนต้นศตวรรษที่ 16 โดยกลุ่มนักมนุษยนิยมที่ไม่พอใจต่อ บทบาทของศาสนจักร มีผลทำให้เกิดความแตกแยกทางศาสนา และเป็นการสิ้นสุดของสภาพ ศาสนาสากล นั่นคือ นิกายคาทอลิกไม่ใช่คริสต์ศาสนานิกายเดียวของยุโรปตะวันตกอีกต่อไป เพราะประชาชนสามารถเปลี่ยนมานับถือนิกายโปรเตสแตนต์ที่มีหลากหลายนิกาย เช่น นิกาย- ลูเธอรันนิสม์ (Lutheranism), นิกายคาลวินิสม์หรือนิกายคาลแวงในฝรั่งเศส (Calvinism/ Huguenots), นิกายเพรสไบทีเรียนในสกอตแลนด์ (Presbyterian), นิกายแองกลิคันหรือ นิกายอังกฤษ (Anglican Church/Church of England) เป็นต้น

89.       การปฏิรูปศาสนาเกิดขึ้นครั้งแรกในดินแดน

(1) เยอรมนี     

(2) อิตาลี        

(3) อังกฤษ     

(4) ฝรั่งเศส

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 88. ประกอบ

90.       สาเหตุปัจจุบันที่ก่อให้เกิดการปฏิรูปศาสนาคือ         

(1) สันตะปาปาเสื่อมอำนาจ

(2) การขายใบไถ่บาป

(3) พระประพฤติผิดศีลธรรม  

(4) การมุ่งพิธีกรรมมากเกินไป

ตอบ 2 หน้า 378 – 37998 (H) สาเหตุปัจจุบันที่ทำให้เกิดการปฏิรูปศาสนาขึ้นในศตวรรษที่ 16 คือ การที่สันตะปาปาลีโอที่ 10 ขายใบไถ่บาปในดินแดนเยอรมนี เพื่อนำเอาเงินไปบูรณะโบสถ์ เซนต์ปีเตอร์ในกรุงโรม พระองค์จึงถูกโจมตีจากมาร์ติน ลูเธอร์ (Martin Luther) พระชาวเยอรมัน ซึ่งได้เขียนคำประท้วง 95 ข้อ (95 Theses) ทำให้มีผู้เห็นด้วยว่าไม่ควรนำเงินเยอรมันไปสร้างวัด ในอิตาลี เหตุการณ์ดังกล่าวจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการประท้วงทางศาสนาและเป็นที่มาของคำว่า “Protestant” ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1529

91.       การปฏิรูปศาสนาในอังกฤษเกิดขึ้นเพราะ

(1) ต้องการทำให้ศาสนาเกิดความบริสุทธิ    

(2) กษัตริย์ต้องการอภิเษกสมรสใหม่

(3)  กษัตริย์ต้องการยึดที่ดินของวัด    

(4) ต้องการตัดอิทธิพลของสันตะปาปา

ตอบ 2 หน้า 38399 (H), (คำบรรยาย) การปฏิรูปศาสนาในอังกฤษเกิดขึ้นเพราะพระเจ้าเฮนรีที่ 8 (Henry VIII) แห่งอังกฤษทรงไม่พอพระทัยที่สันตะปาปาไม่ยอมจัดการให้พระองค์หย่าขาดจาก พระนางแคทเทอรีนแห่งอรากอนเพื่ออภิเษกสมรสใหม่กับแอน โบลีน (Ann Bolynn) จึงทรงตั้ง สังฆราซแห่งแคนเทอเบอรี่ขึ้นใหม่ โดยตัดขาดจากองค์กรคริสตจักรที่กรุงโรม และทรงให้รัฐสภา ออกกฎหมายที่เรียกวา “The Act of Supremacy” ในปี ค.ศ. 1534 เพื่อแต่งตั้งให้พระองค์เป็นประมุขทางศาสนาในประเทศอังกฤษแทนสันตะปาปา หรือ “Catholic without Pope” ซึ่งส่งผล ทำให้อังกฤษเปลี่ยนศาสนาเป็น นิกายอังกฤษ” (Anglican Church/Church of England)

92.       เมื่อเกิดสงครามศาสนาระหว่างพวกโปรเตสแตนต์กับพวกคาทอลิก ประเทศผู้นำของพวกคาทอลิกคือ

(1) อังกฤษ     

(2) ฝรั่งเศส     

(3) สเปน        

(4) ดัตช์

ตอบ 3 หน้า 390 – 391101 (H) สงคราม30 ปี (The Thirty Years War : ค.ศ. 1618 –   1648)เป็นสงครามศาสนาครั้งสุดท้ายของยุโรปที่เกิดขึ้นในดินแดนเยอรมนีหรืออาณาจักรโรมันอันศักดิสิทธิ์โดยเป็นสงครามระหว่างพวกโปรเตสแตนต์กับพวกคาทอลิกโดยมีอังกฤษกับฝรั่งเศส เป็นผู้นำและเข้าช่วยเหลือพวกโปรเตสแตนต์ สเปนเป็นผู้นำและเข้าช่วยเหลือพวกคาทอลิก ในที่สุดสงครามก็จบลงด้วยชัยชนะของพวกโปรเตสแตนต์และฝรั่งเศส ทำให้ฝรั่งเศสกลายเป็น มหาอำนาจในยุโรปแทนทสเปน ขณะที่ดินแดนเยอรมนีได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก ส่งผลทำให้การรวมเยอรมนีช้าไปเป็นเวลา 200 ปี

93.       พระราชวังแวร์ซายส์ในฝรั่งเศสสร้างในสมัยพระเจ้า

(1) นโปเลียน  

(2) เฮนรีที่ 4    

(3) ฟรานซิสที่ 1          

(4) หลุยส์ที่ 14

ตอบ 4 หน้า 409106 (H), (คำบรรยาย) พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ของราชวงศ์บูร์บองแห่งฝรั่งเศสทรงสร้างพระราชวังใหม่ขึ้นที่แวร์ซายส์ ซึ่งตั้งอยู่นอกกรุงปารีส โดยมีจุดประสงค์ที่สำคัญคือ เพื่อหลีกหนีชาวปารีสซึ่งมักจะทำตัวเป็นศัตรูกับรัฐบาล และยังทรงต้องการแยกออกมาจาก ขุนนางเก่า ๆ ที่มีอิทธิพลในพระราชวังเดิมเพื่อสร้างพระราชอำนาจใหม่ ทำให้พระราชวังแวร์ซายส์ กลายเป็นเมืองหลวงที่เป็นศูนย์รวมการปกครองของพระองศ์ และเป็นสถานที่ที่ขุนนางคนสำคัญ ของพระองศ์มาอาศัยอยู่ ทำให้พระองศ์สามารถควบคุมขุนนางได้อย่างใกล้ชิด

94.       การปฏิวัติอันรุ่งเรืองในอังกฤษปี ค.ศ. 1688 มีผลตามมาคือ

(1) อังกฤษเป็นผู้นำทางการเกษตร    

(2) การปกครองในระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ

(3) อังกฤษเปลี่ยนไปนับถือนิกายคาทอลิก    

(4) นิกายอังกฤษสามารถเผยแพร่ได้อย่างเสรี

ตอบ 2 หน้า 417108.(H) ผลของการปฏิวัติอันรุ่งเรือง (The Glorious Revolution) ของอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1688 มีดังนี้

1. ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในอังกฤษสิ้นสุดลง และเปลี่ยนไปสู่ การปกครองในระบอบรัฐสภา ซึ่งเป็นการปกครองในระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ (Constitutional Monarchy)

2. รัฐสภามีอำนาจสูงสุด         

3. ฐานะของพวกโปรเตสแตนต์มีความมั่นคงขึ้น        

4. กษัตริย์จะประกาศสงคราม จัดกองทัพ หรือแต่งตั้งรัฐมนตรีคนใดต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาก่อน

95.       ผลของสงคราม 7 ปี (ค.ศ. 1756 – 1763) ทำให้ฝรั่งเศสสูญเสีย……ให้แก่อังกฤษ

(1) คาเล่ส์       

(2) แคนาดา    

(3) ยิบรอลต้า 

(4) ไอร์แลนด์

ตอบ 2 หน้า 419 – 421109 (H) ความสำคัญของสงคราม 7 ปี (ค.ศ. 1756 – 1763) คือ

1.         เป็นสงครามที่ทำกันทั้งในทวีปยุโรป อเมริกาเหนือ และเอเชีย

2.         เป็นการเปลี่ยนทิศทางการทูต คือ ศัตรูกลับกลายเป็นมิตร และมิตรกลายเป็นศัตรู โดยปรัสเซยเป็นพันธมิตรกับอังกฤษ เพื่อรบกับออสเตรียซึ่งเป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศส

3.         ผลของสงคราม คือ ปรัสเซียได้ครอบครองไซลีเซียของออสเตรีย และจากสนธิสัญญาปารีส ปี ค.ศ. 1763 ทำให้อังกฤษได้ครอบครองแคนาดาของฝรั่งเศส และฝรั่งเศสต้องถอนตัวออกจาก การแสวงหาผลประโยชน์ในอินเดีย ทำให้อินเดียต้องตกไปเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษในเวลาต่อมา

96.       ประเทศที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการแบ่งโปแลนด์คือ

(1) รัสเซีย       

(2) ออสเตรีย  

(3) ปรัสเซีย    

(4) สเปน

ตอบ 4 หน้า 427109 (H) ในปี ค.ศ. 1772 รัสเซีย ออสเตรีย และปรัสเชียได้ร่วมกันแบ่งแยกโปแลนด์ เป็นครั้งแรก ทำให้รัฐบาลโปแลนด์ต้องออกกฎหมายยกเลิก “Liberum Veto” ในปี ค.ศ. 1791 แต่รัสเซียกับปรัสเชียก็แบ่งแยกโปแลนด์อีกเป็นครั้งที่2ในปี ค.ศ. 1793ทำให้เกิดการจลาจล ในโปแลนด์ซึ่งสร้างความตกใจให้แก่ยุโรปตะวันออกทั้งหมด ในที่สุดทั้ง 3 ประเทศก็ร่วมกัน แบ่งโปแลนด์อีกเป็นครั้งที่ 3ในปี ค.ศ. 1795 เป็นผลให้โปแลนด์หายไปจากแผนที่ของยุโรป นับตั้งแต่นั้น

97.       นักดาราศาสตร์ชาวโปแลนด์ผู้เสนอทฤษฎีว่าดวงอาทิตย์คือศูนย์กลางของจักรวาลคือ

(1) ปโทเลมี    

(2) ไทโซ บราเฮ           

(3) โจฮันน์ เคปเลอร์   

(4) โคเปอร์นิคัส

ตอบ 4 หน้า 434110 (H) นิโคลัส โคเปอร์นิคัส (Nicholaus Copernicus) นักดาราศาสตร์ชาวโปแลนด์ เป็นผู้เสนอทฤษฎีว่า ดวงอาทิตย์คือศูนย์กลางของจักรวาล โดยมีโลกเป็นบริวารดวงหนึ่ง

98.       นักวิทยาศาสตร์ผู้ค้นพบกฎแรงดึงดูดหรือแรงโน้มถ่วงของโลกเป็นชาว

(1) เยอรมัน     

(2) อังกฤษ     

(3) ฝรั่งเศส     

(4) สเปน

ตอบ 2 หน้า 437 – 439111 (H) เซอร์ไอแซค นิวตัน (Sir Isaac Newton) นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ เป็นผู้ค้นพบ กฎแรงโน้มถ่วง” หรือ กฎการดึงดูดของโลก” ซึ่งปรากฏในผลงานเรื่อง “Principia” ในปี ค.ศ. 1687 นอกจากนี้นิวตันยังอธิบายถึงการที่โลกและดาวเคราะห์โคจร รอบดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์โคจรรอบโลก และยังมีอิทธิพลต่อวงการวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน ที่ยํ้าว่า หลักการของวิทยาศาสตร์คือ การสังเกต การคำนวณ และการทดลอง

99.       สาเหตุสำคัญที่นำมาสู่การปฏิวัติอเมริกันในปี ค.ศ. 1776 คือ

(1) ปัญหาเรื่องการเก็บภาษี   

(2) ได้รับการสนับสนุนจากฝรั่งเศส

(3) การถูกบังคับให้ซื้อสินค้าจากอังกฤษ       

(4) ไม่พอใจที่อังกฤษเข้ายึดครองแคนาดา

ตอบ 1 หน้า 453 – 454113 (H), (คำบรรยาย) ในระหว่างปี ค.ศ. 1763 – 1775 สัมพันธภาพระหว่าง อังกฤษและอาณานิคมทั้ง 13 แห่งในนิวอิงแลนด์เริ่มตึงเครียดมากขึ้น เพราะอังกฤษพยายาม บังคับให้อาณานิคมอเมริกันต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นตามนโยบายพาณิชย์ชาตินิยม แต่ชาวอาณานิคม ต่อต้านไม่ยอมเสียภาษี เพราะถือว่าไม่มีผู้แทนของตนในรัฐสภาของอังกฤษ และต่อต้านไม่ยอม ซื้อสินค้าของอังกฤษ โดยความขัดแย้งนี้ได้นำไปสู่การปฏิวัติอเมริกันในปี ค.ศ. 1776ในที่สุด

100.    นักปรัชญาทางการเมืองผู้มีอิทธิพลต่อการปฏิวัติอเมริกันคือ

(1) โทมัส ฮอบส์          

(2) มองเตสกิเออร์      

(3) โวลแตร์     

(4) จอห์น ล็อค และรุสโซ

ตอบ 4 หน้า 454,113 (H), (คำบรรยาย) การปฏิวัติอเมริกันในปีค.ศ.1776 ได้รับอิทธิพลจากนักปรัขญา ทางการเมือง 2 ท่านคือ จอห์น ล็อค และรุสโซ โดยแนวความคิดของพวกเขาได้ไปปรากฏใน คำประกาศอิสรภาพ (Declaration of Independence) ของรัฐอาณานิคมในทวีปอเมริกาเหนือ ในวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1776 ซึ่งเท่ากับเป็นการสถาปนาประเทศสหรัฐอเมริกาขึ้น โดยมีการปกครองในระบอบสาธารณรัฐประชาธิปไตย (Democratic Republic) และมีประธานาธิบดี คนแรก คือ จอร์จ วอชิงตัน

101.    สาเหตุสำคัญที่นำไปสู่การปฏิวัติฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1789 คือ

(1) ปัญหาทางด้านการคลัง    

(2) กษัตริย์ปกครองแบบกดขี่

(3) อิทธิพลของการปฏิวัติอุตสาหกรรม          

(4) ความเหลื่อมล้ำทางสังคม

ตอบ 1 หน้า 460 – 461114 – 115 (H) สาเหตุปัจจุบันที่สำคัญที่นำไปสู่การปฏิวัติฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1789 คือ ปัญหาทางด้านการคลัง ทั้งนี้เพราะพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ไม่มีเงินเพียงพอที่จะ ใช้จ่ายในการบริหารประเทศ จึงทรงเรียกประชุมสภาฐานันดรในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1789 เพื่อร่วมมือกันหาวิธีแก้ไขปัญหาการคลัง แต่ก็ตกลงกันไม่ได้ ทำให้กลุ่มฐานันดรที่ 3 คือ สามัญชนที่ประกอบด้วยชนชั้นกลาง ช่างฝีมือ และชาวนา แยกตัวออกมาตั้งสภาแห่งชาติของ ฝรั่งเศส จนทำให้เกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสในที่สุดภายใต้การนำของพวกชนชั้นกลาง ซึ่งผลของการปฏิวัติทำให้ฝรั่งเศสเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบเก่าหรือระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ไปสู่ระบอบสาธารณรัฐในปี ค.ศ. 1792

102.    การปฏิวัติฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1789 เกิดขึ้นภายใต้การนำของพวก

(1) ชนชั้นกลาง           

(2) พระ           

(3) ขุนนาง      

(4) ชาวนา

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 101. ประกอบ

103.    นโปเลียนหมดอำนาจเพราะทำสงครามกับ

(1) ปรัสเซีย    

(2) ออสเตรีย  

(3) รัสเซีย       

(4) โปแลนด์

ตอบ 3 หน้า 470117 (H) ในปี ค.ศ. 1810 รัสเซียได้ยกเลิกการเข้าร่วมกับฝรั่งเศลในการปิดล้อม อังกฤษทางเศรษฐกิจ ด้วยการเปิดเมืองทำรับเรืออังกฤษ ซึ่งได้สร้างความไม่พอใจให้แก่ จักรพรรดินโปเลียนแห่งฝรั่งเศสเป็นอย่างมาก ดังนั้นในปี ค.ศ. 1812 นโปเลียนจึงเกณฑ์ทหาร ทั้งหมดประมาณ 6 แสนคนบุกรัสเซีย แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อความหนาวเย็น การขาดแคลนอาหาร และกองทัพของรัลเซีย จนต้องถอยทัพกลับมาเหลือทหารเพียงประมาณ 2 หมื่นคน โดยการ ทำสงครามกับรัสเซียในครั้งนี้ทำให้นโปเลียนหมดอำนาจจนต้องสละบัลลังก์ไปในปี ค.ศ. 1814 และถูกเนรเทศไปอยู่ที่เกาะเอลบา

104.    ภายหลังการประชุมที่เวียนนาสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1815 แล้ว ยุโรปก็ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของพวก

(1) เสรีนิยม    

(2) อนุรักษนิยม          

(3) สังคมนิยม

(4) ชาตินิยม

ตอบ 2 หน้า 471 – 473118 (H) ภายหลังการประชุมที่เวียนนาสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1815 แล้ว ประเทศ ในยุโรปส่วนใหญ่ก็ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของกลุ่มอนุรักษนิยม มีผู้นำคือ เจ้าชายเมตเตอร์นิก เสนาบดีของอาณาจักรออสเตรีย ซึ่งเป็นผู้ที่ต่อสู้เพื่อรักษาระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และทำการต่อต้านการปฏิวัติของพวกเสรีนิยมหรือระบอบเสรีนิยมทุกประเภท ทำให้ยุคสมัยของ คองเกรสแห่งเวียนนาถูกเรียกว่า ยุคเมตเตอร์นิก” (ค.ศ. 1815 – 1848)

105.    ประเทศผู้นำในการปฏิวัติอุตสาหกรรมคือ

(1) อังกฤษ     

(2) เบลเยียม  

(3) ฝรั่งเศส     

(4) สเปน

ตอบ 1 หน้า 495 – 496562123 (H) ประเทศอังกฤษ เป็นประเทศผู้นำในการปฏิวัติอุตสาหกรรม ใบระหว่างปีค.ศ.1760- 1830 โดยเริ่มจากการประดิษฐ์เครื่องจักรเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมทอผ้า ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมแรกที่มีการปฏิวัติ หลังจากนั้นการปฏิวัติอุตสาหกรรมจึงได้แพร่ขยายไป ในประเทศต่าง ๆ บนภาคพื้นยุโรป สหรัฐอเมริกา และในทวีปเอเชีย

106.    ปรัชญาที่ต่อต้านพวกนายทุนเอาเปรียบพวกกรรมกรคือ

(1) เสรีนิยม    

(2) สังคมนิยม

(3) อนุรักษนิยม          

(4) ชาตินิยม

ตอบ 2 หน้า 500 – 501124 (H) ผลจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิดชนชั้นใหม่ขึ้น 2 ชนชั้น คือ นายทุนหรือชนชั้นกลางกับกรรมกร ซึ่งนายทุนจะเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการปฏิวัติอุตสาหกรรม และมีอิทธิพลทางการเมือง ส่วนกรรมกรในโรงงานซึ่งรวมไปถึงผู้หญิงและเด็กที่อายุเพียง 10 ขวบ หรือน้อยกว่านั้นจะเป็นผู้เสียเปรียบอย่างแท้จริง จากความไม่พอใจในสภาพอันแร้นแค้นของ กรรมกรทั้งหญิงและเด็กได้ก่อให้เกิดแนวคิดที่จะปฏิรูปสังคมเพื่อความเป็นธรรมในสังคม ได้แก่ ลัทธิสังคมนิยม (Socialism) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการเอารัดเอาเปรียบชองนายทุน และเจ้าของที่ดินต่อคนงาน

107.    ประเทศผู้นำในการรวมอิตาลีเข้าด้วยกันคือ

(1) เนเปิลส์     

(2) ซาร์ดิเนีย   

(3) เวนิส         

(4) เจนัว

ตอบ 2 หน้า 512 – 513126 (H) ประเทศผู้นำในการรวมอิตาลีเข้าด้วยกันคือ อาณาจักรปิเอดมอนต์เ- ซาร์ดิเนิย โดยมี เคานต์ คามิลโล ดิ คาวัวร์ เป็นนายกรัฐมนตรีของซาร์ดิเนียในปี ค.ศ. 1852 ซึ่งคาร์วัวร์เชื่อว่าการรวมชาติจะกระทำได้โดยการปราบออสเตรียก่อน จากนั้นจึงดึงประเทศ มหาอำนาจเข้ามาช่วย พร้อมกับดำเนินการทางการทูตไปด้วย ดังนั้นคาวัวร์จึงนำซาร์ดิเนีย เข้าร่วมในสงครามไครเมียในปี ค.ศ. 1855 ซึ่งทำให้คาวัวร์สามารถขอความช่วยเหลือจาก จักรพรรตินโปเลียนที่ 3 ของฝรั่งเศสให้มาช่วยรบกับออสเตรียได้ ซึ่งมีผลทำให้ซาร์ดิเนีย ต้องยกเมืองนีซและแคว้นซาวอยให้แก่ฝรั่งเศสเป็นการตอบแทน

108.    ผู้นำกองทัพอาสาสมัครเสื้อแดงผู้มีบทบาทสำคัญในการรวมอิตาลีคือ

(1) คาวัวร์       

(2) ออร์ซินี      

(3) การิบัลดี   

(4) มาสสินี

ตอบ 3 หน้า 515126(H) การิบัลดี (Garibaldi) วีรบุรุษในการรวมชาติของชาวอิตาลีไม่พอใจที่ รัฐบาลไต้ยกเมืองนีซให้แก่ฝรั่งเศส จึงรวบรวมอาสาสมัครใส่เสื้อสีแดง (Red Shirts) ลงเรือไป ยึดซิซิลีและเนเปิลส์ แล้วเดินทัพม่งสู่กรุงโรมซึ่งเป็นที่อยู่ของสันตะปาปาและได้รับการคุ้มครอง จากกองทหารฝรั่งเศส คาวัวร์กลัวว่ากองทัพของการิบัลดีจะปะทะกับกองทัพทหารฝรั่งเศส ซึ่งเป็นพันธมิตรของตนเอง จึงได้ส่งพระเจ้าวิคเตอร์ เอมมานูเอลที่ 2 ไปเจรจา การิบัลดีจึงยกดินแดนที่ได้มาให้พระองค์ ซึ่งพระองค์ได้นำเอาไปรวมกับดินแดนของพระองค์ทางตอนเหนือ จึงทำให้การรวมอิตาลีประสบความสำเร็จในปี ค.ค. 1860 แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จสมบูรณ์

109.    ประเทศผู้นำในการรวมเยอรมนีเข้าด้วยกันคือ

(1) ออสเตรีย  

(2) ปรัสเชีย    

(3) แซกโซนี    

(4) สวาเบีย

ตอบ 2 หน้า 418 – 421515517 – 519128 (H) ภายหลังการประชุมที่เวียนนาสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1815 ปรัสเซียไต้กลายมาเป็นประเทศผู้นำในการรวมเยอรมนีเข้าด้วยกันได้สำเร็จ โดยมี ปัจจัยสำคัญอยู่ 3 ประการ ดังนี้

1. ปรัสเซียไม่มีปัญหาเรื่องชนกลุ่มน้อย เพราะผู้ปกครอง ให้เสรีภาพในการนับถือศาสนา จึงมีชาวต่างชาติเข้ามาตั้งหลักแหล่งเป็นจำนวนมาก

2. มีการจัดตั้งสหภาพศุลกากรซึ่งเป็นการประกาศอิทธิพลของปรัสเซีย

3. การมีผู้นำที่เข้มแข็ง คือ ปิสมาร์ค อัครมหาเสนาบดีของปรัสเซีย ซึ่งได้ประกาศใช้นโยบาย เลือดและเหล็กในการบริหารประเทศและการรวมเยอรมนีเข้าด้วยกัน

110.    ประเทศในทวีปแอฟริกาที่ยังคงรักษาเอกราชเอาไว้ได้ตลอดสมัยจักรวรรดินิยมยุคใหม่ (ค.ศ. 1871 – 1914) คือ

(1) ซูดาน        

(2) คองโก       

(3) ไนจีเรีย      

(4) เอธิโอเปีย

ตอบ 4 หน้า 523130 – 131 (H) จักรวรรดินิยมยุคใหม่ คือ ยุคที่ประเทศมหาอำนาจในยุโรปได้ ออกมาแสวงหาอาณานิคมในทวีปแอฟริกาและเอเชียในระหว่างปี ค.ศ. 1871 – 1914 โดยมี อังกฤษ ฝรั่งเศส และฮอลันดาเป็นผู้นำ ทำให้ประเทศในทวีปแอฟริกาและเอเชียต้องตกไปเป็น อาณานิคมจำนวนมาก โดยในทวีปแอฟริกาเหลือประเทศที่ยังคงรักษาเอกราชเอาไว้ได้เพียง 2 ประเทศ คือ เอธิโอเปีย และไลบีเรีย ส่วนในทวีปเอเชียเหลือประเทศที่ยังคงรักษาเอกราช เอาไว้ได้ คือ จีน ญี่ปุ่น และไทย

111.    สหรัฐอเมริกาซื้อดินแดนอลาสก้ามาจากประเทศ

(1) อังกฤษ     

(2) รัลเซีย       

(3) ฝรั่งเศส     

(4) ดัตช์

ตอบ 2 หน้า 526 ในปี ค.ศ. 1867 รัชสมัยของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช รัสเซียได้ขายดินแดน อลาสก้าให้สหรัฐอเมริกาไปในราคา 7,200,000 ดอลลาร์

112.    ประเทศมหาอำนาจตะวันตกซึ่งเป็นผู้นำในการเปิดประเทศญี่ปุ่นในสมัยศตวรรษที่ 19 คือ

(1) อังกฤษ     

(2) สหรัฐอเมริกา        

(3) ฝรั่งเศส     

(4) ดัตช์

ตอบ 2 หน้า 131 (H), (คำบรรยาย) ในปี ค.ศ. 1853 นายพลเพอร์รี่ของสหรัฐอเมริกาได้ยื่นสาส์น ให้แก่รัฐบาลญี่ปุ่น เพื่อให้ญี่ปุ่นพิจารณาเปิดประเทศ แต่ญี่ปุ่นม่ยอม ต่อมาในปี ค.ศ. 1854 ญี่ปุ่นจึงยอมเปิดประเทศเนื่องจากเห็นตัวอย่างจากสงครามฝิ่นที่จีนต้องพ่ายแพ้ให้แก่อังกฤษ โดยหลังจากที่ญี่ปุ่นยอมเปิดประเทศรับเอาอารยธรรมตะวันตกแล้ว ได้กลายมาเป็นประเทศ จักรวรรดินิยมในเวลาต่อมา จนสามารถยึดดินแดนของจีน เกาหลี และไต้หวัน มาเป็นของญี่ปุ่นได้

113.    ประเทศที่ดำเนินนโยบายอยู่อย่างโดดเดี่ยวในศตวรรษที่ 19 คือ

(1) อังกฤษ     

(2) เยอรมนี     

(3) ตุรกี           

(4) เซอร์เบีย

ตอบ 1 หน้า 530 – 531 ในศตวรรษที่ 19 ช่วงก่อนการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 นั้น เป็นช่วงที่อังกฤษ ดำเนินนโยบายโดดเดี่ยว (Splendid Isolation) จนเมื่อเห็นว่าเยอรมนีมีท่าที่ต้องการแข่งขัน กำลังนาวีกับอังกฤษ ทำให้อังกฤษตัดสินใจยกเลิกนโยบายโดดเดี่ยว และหันไปทำสัญญาเป็น พันธมิตรกับฝรั่งเศสและรัสเซีย จนในที่สุดได้กลายเป็นกลุ่มไตรพันธมิตร (Triple Entente) ซึ่งประกอบด้วย อังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซีย โดยถือว่าเป็นการยุตินโยบายโดดเดี่ยวฝรั่งเศส ของบิสมาร์กโดยเด็ดขาด

114.    ประเทศที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศมหาอำนาจกลางในสงครามโลกครั้งที่ 1 คือ

(1) เยอรมนี     

(2) อิตาลี        

(3) บัลแกเรีย  

(4) ออสเตรีย-ฮังการี

ตอบ 2 หน้า 535134 (H) เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ขึ้นในปี ค.ศ. 1914 ประเทศมหาอำนาจ ในยุโรปได้แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ

1.         ฝ่ายมหาอำนาจกลาง (The Central Powers) ประกอบด้วย เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี ตุรกี และบัลแกเรีย

2.         ฝ่ายสัมพันธมิตร (The Allied Powers) ประกอบด้วย ฝรั่งเศส รัสเซีย และอังกฤษ

ต่อมาก็มีประเทศอื่นเข้ามาร่วมด้วย ได้แก่ อิตาลี สหรัฐอเมริกา เซอร์เบีย จีน ญี่ปุ่น และไทย

115.    รัสเซียถอนตัวออกจากสงครามโลกครั้งที่ 1 เพราะ

(1) เกิดการปฏิวัติ       

(2) กษัตริย์สิ้นพระชนม์

(3) มีปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ           

(4) อิทธิพลของพวกเสรีนิยม

ตอบ 1 หน้า 537136 (H) ภายหลังจากการล้มระบอบซาร์ลงในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1917 รัสเซีย ก็มีรัฐบาลชั่วคราวของนายเคอเรนสกี้ขึ้นมาปกครองแทน แต่ก็ยังไม่ยอมถอนตัวออกจาก สงครามโลกครั้งที่ 1 เพราะถูกกดดันจากสหรัฐอเมริกาให้ทำสงครามต่อไป มิฉะนั้นจะไม่ให้ รัสเซียกู้ยืมเงิน แต่ทหารรัสเซียไม่มีกำลังใจในการรบ อีกทั้งความไม่พร้อมในด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ และชาวรัสเซียโดยทั่วไปเริ่มเบื่อหน่ายการบริหารงานของนายเคอเรนสกี้ ดังนั้นจึงเป็นการเปิด โอกาสให้พรรคบอลเชวิคของเลนินทำการปฏิวัติครั้งใหญ่ขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1917 ซึ่งส่งผลทำให้รัสเซียต้องเปลี่ยนแปลงการปกครองไปสู่ระบอบคอมมิวนิสต์ และรัสเซียต้อง ถอนตัวจากสงครามโลกครั้งที่ 1

116.    ลัทธิที่เกิดขึ้นภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ยุติเพื่อต้านการขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์คือ

(1) ฟาสซิสต์   

(2) บาซ์          

(3) เสรีนิยม    

(4) ถูกข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 หน้า 541 – 543137 – 138 (H), (คำบรรยาย) หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ยุติลงได้เกิดขบวนการชาตินิยมที่เรียกว่า ระบอบเผด็จการเบ็ดเสร็จ” ขึ้น ซึ่งแบ่งออกเนิน 2 แบบ มีลักษณะตรงข้ามกัน ได้แก่

1. ลัทธิคอมมิวนิสต์ (Communism) หรือเผด็จการฝ่ายซ้าย เป็นขบวนการต่อต้านลัทธิทุนนิยมประชาธิปไตย

2. ลัทธิฟาสซิสต์ (Fascism) หรือเผด็จการ ฝ่ายขวา ก่อตั้งโดยเบนิโต มุสโสลินี เกิดขึ้นในอิตาลี และขยายต่อมายังเยอรมนี เรียกว่า ลัทธินาซี” เป็นขบวนการชาตินิยมที่ต่อต้านการขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์และระบอบเสรีประชาธิปไตย

117.    นโยบายผ่อนปรน (Appeasement Policy) ก่อนการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 อยู่ภายใต้การดำเนินการ ของประเทศ

(1) อังกฤษ     

(2) สเปน        

(3) อิตาลี        

(4) เยอรมนี

ตอบ 1 หน้า 545 – 546549, (คำบรรยาย) ก่อนการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 นายเบวิลล์ แชมเบอร์เลน นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ได้พยายามเจรจาสันติภาพกับฮิตเลอร์ คือ ข้อตกลงมิวนิค (Munich Agreement) ปี ค.ศ. 1938 อันเป็นการดำเนินการตามหลักการของนโยบายผ่อนปรน (Appeasement Policy) ต่อมาในปี ค.ศ. 1939 นโยบายนี้ต้องล้มเหลวเพราะแทนที่ฮิตเลอร์ จะเข้ายึดครองเพียงแค่แคว้นซูเดเทนของเซคโกสโลวะเกีย แต่ฮิตเลอร์ได้เข้ายึดครอง เชคโกสโลวะเกียทั้งประเทศ

118.    สงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อเยอรมนีบุก

(1) เชคโกสโลวะเกีย  

(2) ออสเตรีย  

(3) เบลเยียม  

(4) โปแลนด์

ตอบ 4 หน้า 550138 (H) สาเหตุปัจจุบันที่ทำให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 คือ การที่กองทัพเยอรมนี เริ่มบุกโปแลนด์ในวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1939 เนื่องจากฮิตเลอร์ได้เรียกร้องให้โปแลนด์ยอมคืน ฉนวนโปแลนด์และเมืองดานซิกให้เยอรมนี แต่โปแลนด์ไม่ยินยอมและหันไปฝักใฝ่อังกฤษและ ฝรังเศส ซึ่งเมื่อกองทัพเยอรมนีบุกโปแลนด์ ฝ่ายอังกฤษได้ยื่นคำขาดให้เยอรมนียุติการบุกนั้น แต่เยอรมนีไม่ยอมปฏิบัติตาม อังกฤษและฝรั่งเศสจึงประกาศสงครามกับเยอรมนีในวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 1939 จนทำให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้นในที่สุด

119.    ฮิตเลอร์เริ่มเป็นฝ่ายตั้งรับภายหลังจากการทำสงครามกับประเทศ

(1) อังกฤษ     

(2) สหรัฐอเมริกา        

(3) รัสเซีย       

(4) ฝรั่งเศส

ตอบ 3 (คำบรรยาย) ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1941 ฮิตเลอร์ได้ละเมิดข้อตกลงในสนธิสัญญาไม่รุกรานกัน (Non-Aggression Pact) หรือสนธิสัญญานาซี-โซเวียต ที่ทำไว้กับโซเวียตรัสเซียในปี ค.ศ. 1939 ด้วยการนำกองทัพเยอรมันบุกโจมตีโซเวียตรัสเซียโดยใข้ยุทธการบาร์บารอสซา ดังนั้นเมื่อเกิด สงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น โซเวียตรัสเซียจึงเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร ซึ่งประกอบด้วยอังกฤษ ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา เพื่อทำสงครามกับฝ่ายอักษะ ซึ่งประกอบด้วยเยอรมนี อิตาลี และ ญี่ปุ่น โดยสงครามในยุโรปยุติลงหลังจากที่โซเวียตรัสเซียยึดกรุงเบอร์ลินได้สำเร็จ เยอรมนี เป็นฝ่ายแพ้สงครามและฮิตเลอร์ฆ่าตัวตายในปี ค.ศ. 1945

120.    ประเทศในยุโรปที่ถูกแบ่งในสมัยสงครามเย็นคือ

(1) เชคโกสโลวะเกีย  

(2) เยอรมนี     

(3) ฮังการี       

(4) โปแลนด์

ตอบ 2 (คำบรรยาย) ในสมัยสงครามเย็นเยอรมนีถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ เยอรมนีตะรับตกกับ เยอรมนีตะวันออก โดยสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และฝรั่งเศสได้สถาปนาเยอรมนีตะวันตกซึ่งเป็น เขตยึดครองของตนเป็นประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เพื่อใช้เป็นเขตต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ สหภาพโซเวียตจึงตอบโต้ด้วยการตั้งให้เยอรมนีตะวันออกเป็นประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตย- เยอรมนี และในปี ค.ศ. 1960 โซเวียตได้สร้างกำแพงเบอร์ลินปิดล้อมเยอรมนีตะวันออกเอาไว้ เพื่อสกัดกั้นการอพยพของชาวเยอรมันตะวันออกเข้าสู่เยอรมนีตะวันตก

ENS3403 ภาษาอังกฤษสำหรับมัคคุเทศก์ แนวข้อสอบชุดที่ 3

แนวข้อสอบชุดที่3

Part 1 : Write out the sentence in complete form. Change the verb form where necessary.

1.      buses / plentiful / public / and / cheap / be / Bangkok / in.

2.      milder / food / generally / than / in / is / enjoyed / Chiang Mai / in the central plains.

3.      airport / they / will / shuttle bus / take / to / the / domestic.

4.      some / tourist / like / bargaining / not.

5.      learn / of / her / from / mother / basketry / art / she.

6.      their / take / off / must / entering / chapel / visitors / the / shoes / before.

7.      tourists / themselves / enjoy / Bangkok / in.

8.      airport / suburb / the / a / of / Bangkok / in / be.

9.      meters / in / drivers / Bangkok / taxi / use.

10.    hilltribes / wickerwork / produce / Thailand / Northern.

Answer

1.      buses / plentiful / public / and / cheap / be / Bangkok / in.

Public buses are cheap and plentiful in Bangkok.

2.      milder / food / generally / than / in / is / enjoyed / Chiang Mai / in the central plains.

Food is generally enjoyed in Chiang Mai milder than in the central plains.

3.      airport / they / will / shuttle bus / take / to / the / domestic.

They will take the shuttle bus to the domestic airport.

4.      some / tourist / like / bargaining / not.

Some tourist don’t like bargaining.

5.      learn / of / her / from / mother / basketry / art / she.

She learns the art of basketry from her mother.

6.      their / take / off / must / entering / chapel / visitors / the / shoes / before.

The visitors must take off their shoes before entering the chapel.

7.      tourists / themselves / enjoy / Bangkok / in.

Tourists enjoy themselves in Bangkok.

8.      airport / suburb / the / a / of / Bangkok / in / be.

The airport is in the suburb of Bangkok.

9.      meters / in / drivers / Bangkok / taxi / use.

Taxi drivers in Bangkok use meters.

10.    hilltribes / wickerwork / produce / Thailand / Northern.

Northen Thailand hilltribes produce wickerwork.

 

II.      Complete the dialogue.

Agent :……………………………..                               

Nelson : Could you tell me if there’s the bus directs to Chiang Mai around 7 o’clock?

Agent :……………………………..                               

Nelson : Well. I’d like to know what time does that bus reach Chiang Mai.

Agent :…………………………….                    

Nelson : How much for the ticket?

Agent : …………………………..                                    

Nelson : Can I buy the ticket on the bus?

Agent :…………………………….                    

Nelson : I see, thank you.

Answer

Agent : Good morning. Nakorn Chai Air. Can I help you?

Nelson : Could you tell me if there’s the bus directs to Chiang Mai around 7 o’clock?

Agent : Certainly. There is an express bus directs to Chiang Mai at that time.

Nelson : Well. I’d like to know what time does that bus reach Chiang Mai.

Agent : It gets there around 7.30 a.m. tomorrow.

Nelson : How much for the ticket?

Agent : It’s 750 baht for each trip.

Nelson : Can I buy the ticket on the bus?

Agent : Sorry, sir. You can get it only in the station.

Nelson : I see, thank you.

III.     Construct a conversation by giving useful information about famous beaches in Pattaya to a visitor.

Peter : Hi, John. What can I do for you today?

John : Hi, Peter. I want to spend a few days on interesting and famous beaches near Bangkok. Where should I go?

Peter : You should go to Pattaya. It’s about two hours drive from Bangkok.

John : Is it a beautiful beach?

Peter : Yes, it’s a nice place.

John : What should I see and do there?

Peter : You should go to Pattaya and Jomtien Beaches. They’re popular among most tourists who love water sports such as windsurfing, water skiing and scuba diving.

John : Is there anything else?

Peter : Yes, “Koh Lan” or “Lan Island” It’s the largest of Pattaya’s offshore islands.

John : That’s interesting. How can I get to Pattaya?

Peter : Take an air-conditioned bus at the Eastern Bus terminal. It’s usually called “Ekkamai”

John : Thanks for your practical suggestion.

Peter : You’re welcome

IV.    Construct a conversation by talking about Thai handicrafts

Thai Basketry

Thai basket weaving is an ancient art in Thailand. The art of Thai basketry can be traced as far back as the Sukhothai Period, some 800 years ago. There are a number of old paintings showing villagers using containers made from bamboo, rattan and a few old other natural materials found in abundance in Thailand. In the olden day, these basketry items were simple in production and design, benefiting the uses of the time. Nowadays, the production process and designs have been developed and become more sophisticated and more attractive. Thai basketry is usually made from bamboo, rattan. Woven products in Thailand include not only baskets but also some furnishing items, food containers, fish traps and many things used in everyday life. The popularity of Thai basketry items is growing rapidly not only in the domestic market but abroad as well. Our major markets are the United States, Japan, Germany, Italy and England.

ENS3403 ภาษาอังกฤษสำหรับมัคคุเทศก์ แนวข้อสอบชุดที่ 2

แนวข้อสอบชุดที่ 2

Part I : Answer the following questions. (20 marks)

1.      ………………established the capital at Thonburi.

2.      Thailand’s important exports are…………………

3.      …………sent Buddhist missionaries to Southeast Asia.

4.      The normal check-out time of a hotel is……………

5.      Thailand’s neighbors are         ………………….

6.      ………………..is also the finest example of modern Thai architecture.

7.      The American currency is………………………

8.      A Garuda is…………………

9.      The Marble Temple is built of……………………..

10.    Some of the best things to buy in Thailand are……………

Answer

1.      Phray Taksin established the capital at Thonburi.

2.      Thailand’s important exports are rice, Thai rubber and tin.

3.      Emperor Asoka sent Buddhist missionaries to Southeast Asia.

4.      The normal check-out time of a hotel is 12,00 noon.

5.      Thailand’s neighbors are Myanmar, Loas, Cambodia and Malaysia.

6.      The Marble Temple/Wat Benchamabophit is also the finest example of modern Thai architecture.

7.      The American currency is dollar.

8.      A Garuda is a figure half-bird, half-man.

9.      The Marble Temple is built of white Italian marble from Carrara. Italy.

10.    Some of the best things to buy in Thailand are Thai silk, bronzeware and wood.

Part II : Use the following words and expressions to write a complete sentence (20 marks)

1.      natural resources =

2.      check-in =

3.      free of charge =

4.      precious stone =

5.      recommend =

Answer

1.      natural resources

= Thailand has many natural resources such as mountains, forests and wild animals.

2.      check-in

= You have to check-in at the airport an hour before departure’s time.

3.      free of charge

= It is free of charge for Thai people to visit Wat Prakaew.

4.      precious stone

= A diamond and a ruby are the precious stones.

5.      recommend

= I’d like to recommend you to visit Chiang Mai once. 

Part III : Peter wants to go shopping at the Weekend Market, he asks Danai. his tour guide. Construct a conversation between Sarah and Danai. (20 marks)

Danai : Good morning, Peter. Would you like some help?

Peter : Good morning, Mmm, Danai. I’d like to go shopping in Bangkok.

Do you have any suggestion/idea where I can go shopping?

Danai : Yes. I recommend, “Chatuchak” is very popular among both Thai and foreign tourists.

Peter : What is it famous for?

Danai : It is the largest open air market in Bangkok. That’s why, it’s regarded as the shopper’s paradise in Thailand.

Peter : What kinds of things can I get there?

Danai : Many goods such as woodwork, bronzeware, glassware, ready-to- wear clothes, Thai silk and many kinds of handicrafts for being souvenirs to take back your hometown.

Peter : What’s the best way to get there?

Danai : It’s easy to get there, especially by the new Skytrain or take a taxi, it’s not far from here.

Peter : Anything else about there?

Danai : Anyway, when you buy things, you can ask for lower prices.

Bargaining is a common practice there.

Peter : That sounds interesting. Thank you for your information.

Danai : With pleasure. Enjoy your shopping there.

Part IV : Mr. Moore is cashing his travel’s check at the hotel.

Construct a conversation between Mr. Moore and cashier.

(20 marks)

Cashier : Good morning. Mr. Moore.

What can I do for you today?

Mr.Moore : Yes, Can I cash my traveler’s checks here?

/I would like to cash my traveler’s check?

/ Could you cash traveler’s checks for me?

Cashier : Of course. How many checks would you like to cash? Mr.Moore : Just two—twenty dollars each.

And what is today’s rate for US dollars. / a US dollar.)

/What’s the rate of exchange?

Cashier : Today’s rate is 31 baht to a dollar.

You wanna cash 40 dollars, don’t your?

Mr.Moore : That’s right.

Cashier : That will come 1,240 baht. Please sign your name at the back of the checks

Mr.Moore : Okay.

Cashier : Here’s your money, Sir.

Mr.Moore : Thanks a lot.

Cashier : Any time. Enjoy your pleasant stay in Thailand

Part V : Write a descriptive paragraph (6-8 sentences) about Royal Folk Art and Craft Center. (20 marks)

Bangsai Royal Folk Arts and Crafts Center

(ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร)

Bangsai Royal Folk Arts and Crafts Center, located at Bangsai in Ayuthaya, 70 kilometers from Bangkok. It is another major Thai handcraft center which was established in 1980 under the royal patronage of Her Majesty the Queen. Covering an area of about 1,000 rai, visitors are free to walk around several workshops in the complex and watch the trainees and skilled craftsmen at work. It is the place where villagers from all over Thailand come to receive special training in the art of Thai handicrafts. Besides, some of the best buys are Yanlipao basketry, miniature clay dolls, artificial flowers, handwoven silk, bronzeware, rattan basketry, wood work, glass ware and ready-to-ware clothes. 

ENS3403 ภาษาอังกฤษสำหรับมัคคุเทศก์ แนวข้อสอบชุดที่ 1

แนวข้อสอบชุดที่ 1 ข้อสอบกระบวนวิชา ENS3403ภาษาอังกฤษสำหรับมัคคุเทศก์

I.       Answer the following questions.

1.      What kind of government does Thailand have?

2.      What is the Thai currency?

3.      Into how many regions is Thailand divided, and what are they?

4.      What is a royal temple, or wat luang?

5.      Why do Buddhist Thai males enter the monkhood?

6.      How is a chedi different from a prang?

7.      Where is the Marble Temple?

8.      What handicrafts are produced in Khorat?

9.      Why is King Bhumipol known as King Rama IX?

10.    Name two things of interest in Wat Pho?

Answer (คำตอบ)

1.      What kind of government does Thailand have?

(ประเทศไทยมีการปกครองแบบใด?)

–        It has been a constitutional monarchy.

(ปกครองแบบพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ)

2.      What is the Thai currency?

(หน่วยเงินของไทยคืออะไร?)

–        It is the “baht”

(คือ เงินบาท”)

3.      Into how many regions is Thailand divided, and what are they?

(ประเทศไทยถูกแบ่งออกเป็นกี่ภาค และได้แก่อะไรบ้าง?)

–        It is divided into six regions—the mountainous north, the sprawling northeast, plateau, the central plains, the eastern coast, western mountains and valley and the southern peninsula.

(ถูกแบ่งออกเป็น 5 ภาค ได้แก่ เทือกเขาภาคเหนือ ที่ราบสูงกระจัดกระจายภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ราบลุ่มภาคกลาง ชายฝั่งตะวันออก ภูเขาและหุบเขาตะวันตกและ คาบสมุทรภาคใต้)

4.      What is a royal temple, or wat luang?

(วัดในพระราชสำนักหรือวัดหลวงคืออะไร?)

–        It is the temple built by the king or accepted to be under royal patronage.

(คือวัดที่ถูกสร้างขึ้นโดยพระมหากษัตริย์ หรือยินยอมให้สร้างภายใต้พระบรมราชูปถัมภ์)

5.      Why do Buddhist Thai males enter the monkhood?

(ทำไมชายไทยที่นับถือพุทธศาสนาจึงเข้าสู่การบวช?)

–        Because they would like to study the teachings of the Buddha.

(เพราะว่าพวกเขาต้องการที่จะศึกษาพระธรรมวินัย (คำสอน) ของพระพุทธเจ้า)

6.      How is a chedi different from a prang?

(เจดีย์แตกต่างจากปรางค์อย่างไร?)

–        The top of a chedi is in the shape of a cone whereas the top of a prang is in the shape of a corn cob.

(ยอดของเจดีย์เป็นรูปทรงกรวยในขณะที่ของปรางค์เป็นรูปทรงฝักข้าวโพด)

7.      Where is the Marble Temple?

(วัดเบญจมบพิตรอยู่ที่ไหน?)

–        It is located on Sri Ayutthaya Road near Chitralada Palace.

(ตั้งอยู่บนถนนศรีอยุธยาใกล้กับพระราชวังสวนจิตรลดา)

8.      What handicrafts are produced in Khorat?

(งานหัตถกรรมอะไรที่ผลิตในโคราช?)

–        They are pottery and stoneware.

(ได้แก่งานเครื่องปั้นดินเผา (ด่านเกวียน) และงานเครื่องหิน)

9.      Why is King Bhumipol known as King Rama IX?

(ทำไมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลฯ จึงรู้จักกันดีว่าเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9)

–        Because he is the ninth monarch of the Royal House of Chakri.

(เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี)

10.    Name two things of interest in Wat Pho?

(จงบอกชื่อ 2 สิ่งที่น่าสนใจในวัดโพธิ์)

–        They are the main chapel or the hot and the four great chedi.

(ได้แก่ วิหารหลักหรือโบสถ์และเจดีย์ใหญ่ 4 องค์)

II.      Complete the dialogue.

Tourists : I’d like to buy a Siamese ruby ring. Could you recommend a place to me?

Guide :       ……………………………………..

Tourists : Is the shop far from here?

Guide :        ……………………………………

Tourists : How much should the taxi cost?

Guide :       ……………………………

Tourists : Do they sell other things besides jewelry?

Guide :       …………………………………….                 .

Tourists : I appreciate your information.

Model Answer (แนวคำตอบ)

Tourists : I’d like to buy a Siamese ruby ring. Could you recommend a place to me?

Guide : Yes, the “Siam Precious Stones” is a very good shop for Siamese ruby ring.

Tourists : Is the shop far from here?

Guide : Yes, it’s quite far from here about 5 km.

Tourists : How much should the taxi cost?

Guide : It should be 250 baht.

Tourists : Do they sell other things besides jewelry?

Guide : Yes, they also sell other Thai handicrafts such as Thai silk and bronze ware.

Tourists : I appreciate your information.

Guide : With pleasure.

จงทำบทสนทนาให้สมบูรณ์

นักท่องเที่ยว : ฉันอยากจะซื้อแหวนทับทิมสยามสักวง คุณกรุณาแนะนำสถานที่แห่งหนึ่งแก่ฉัน ได้ไหมค่ะ?

มัคคุเทศก์ : ได้ครับ ร้าน “Siam Precious Stones” เป็นร้านที่ดีร้านหนึ่งสำหรับที่จะซื้อแหวนทับทิมสยามครับ

นักท่องเที่ยว : ร้านอยู่ไกลจากที่นี่ไหมค่ะ?

มัคคุเทศก์ : ไกลครับ มันค่อนข้างไกลจากที่นี่ ประมาณ 5 กิโลเมตร

นักท่องเที่ยว : ค่าแท็กซี่ควรจะเป็นเท่าไหร่ค่ะ?

มัคคุเทศก์ : มันควรจะเป็น 250 บาท

นักท่องเที่ยว : พวกเขาขายอย่างอื่นไหมนอกจากเครื่องเพชรพลอย?

มัคคุเทศก์ : ขายครับ พวกเขายังขายงานหัตกรรมไทยอื่น ๆ อีกด้วยตัวอย่างเช่น ผ้าไหมไทย และเครื่องทองแดง

นักท่องเที่ยว : ฉันขอบคุณข้อมูลคุณจังเลย

มัคคุเทศก์ : ด้วยความเต็มใจครับ

III.     Peter is interested in Thai cooking. He is asking his guide,

Ladda, about Thai cooking schools in Bangkok. Construct a

conversation between Peter and Ladda.

Model answer

Peter : I am interested in Thai cooking and also would like to learn about how to cook it. Could you suggest a Thai cooking school in Bangkok to me?

Ladda : Certainly, the “Thai Cuisine School” is a good school for Thai cooking. It’s only two blocks away from here.

Peter  : What about will they teach me there?

Ladda :  Well, they will teach you about how to cook our Thai real traditional food and how to make it more appealing by carving Thai fruits and vegetables

Peter : That sounds interesting. Thank you for your valuable information.

Ladda : It’s my pleasure.

Ill ปีเตอร์รู้สึกสนใจในการทำอาหารไทย เขากำลังถามมัคคุเทศก์ของเขาคือลัดดาเกี่ยวกับโรงเรียนสอนทำอาหารไทยในกรุงเทพฯ จงแต่งบทสนทนาระหว่างปีเตอร์และลัดดา

คำแปล

ตัวอย่างคำตอบ 1

ปีเตอร์ : ผมรู้สึกสนใจในการทำอาหารไทยและยังต้องการจะเรียนรู้เกี่ยวกับการประกอบ อาหารไทยอีกด้วย คุณกรุณาแนะนำโรงเรียนทำอาหารไทยในกรุงเทพฯ สักที่หนึ่ง ให้แกผมได้ไหมครับ?

ลัดดา   : ได้แน่นอนค่ะ โรงเรียน Thai Cuisine School เป็นโรงเรียนที่ดีแห่งหนึ่งสำหรับอาหารไทย มันอยู่แค่ 2 ช่วงตึกจากที่นี่

ปีเตอร์  : พวกเขาจะสอนเกี่ยวกับอะไรแก่ผมที่นั่นครับ?

ลัดดา   : เออ พวกเขาจะสอนคุณเกี่ยวกับวิธีการปรุงอาหารไทยแท้แบบดั้งเดิม และวิธีการทำให้มันแลดูน่ารับประทาน โดยการแกะสลักผลไม้ไทยและผักต่าง ๆ

ปีเตอร์  : ฟังดูน่าสนใจดีครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่มีค่าของคุณครับ

ลัดดา   : ด้วยความเต็มใจค่ะ

Model answer 2

Peter : I love Thai food, I think it’s, delicious. Thai cooking is

completely different from my country’s. I’d love to be able to cook a few Thai dishes.

Ladda : Well, there some good Thai cooking schools in Bangkok, Would you like to attend one of their courses?

Peter : Absolutely! But do they teach in Englis

Ladda : Yes, they do. These are courses for foreigners interested in Thai cooking style.

Peter : Are they expensive?

Ladda : They are not cheap, but they are affordable. Courses are taught by high qualified chefs.

Peter : Yes. I know a few on Silom Road.

IV. Mary Jones is planning to spend her weekend at Pattaya. She is asking her guide, Somchai. about the accommodations there. Write a conversation between Mary and her guide

Model answer 1

Mary : I am planning to spend my weekend at Pattaya.

Could you recommend a good hotel for me?

Somchai : Absolutely. It depends on what kind of hotel you would like to stay

Mary : The first-class hotel.

Somchai: I recommend, “The Royal Hotel” is a suitable hotel for your stay there. It’s very convenient and not far from the city.

Mary : Thank you for your useful information.

Somchai: You’re welcome. Have a nice trip.

IV. แมรี่ โจนส์ กำลังวางแผนที่จะไปพักผ่อนสุดสัปดาห์ของเธอที่พัทยา เธอกำลังถามมัคคุเทศก์ของเธอ คือ สมชาย เกี่ยวกับที่พักอาศัยที่นั่น จงเขียนบทสนนทนาระหว่างแมรี่ และมัคคุเทศก์ของเธอ

แมรี่ : ฉันกำลังวางแผนที่จะไปพักผ่อนสุดสัปดาห์ของฉันที่พัทยา คุณกรุณาแนะนำโรงแรม ดี ๆ สักแห่งสำหรับฉันได้ไหมค่ะ?

สมชาย : ได้แน่นอนครับ มันขึ้นอยู่กับประเภทของโรงแรมที่คุณต้องการจะพัก

แมรี่ : โรงแรมชั้นหนึ่งค่ะ

สมชาย : ผมแนะนำ “The Royal Hotel” เป็นโรงแรมที่เหมาะสม สำหรับการพักที่นั่น ของคุณ มันสะดวกสบายมากและไม่ไกลจากเมือง

แมรี่ : ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ของคุณค่ะ

สมชาย : ไม่เป็นไร ขอให้สนุกในการเดินทางครับ

Model answer 2

Mary : Excuse me. I want to visit Pattaya next weekend. Can you suggest me a hotel to spend the night?

Somchai : There are all sorts of accommodations in Pattaya, from luxurious resorts to humble guest houses. What do you have in your mind?

Mary : Well, I don’t want to spend too much money. Do you know a nice economic hotel?

Somchai : the cheapest places to spend the night are the guest houses. But all of them are located in a noisy area, especially at night.

Mary : I am not too interested in Pattaya’s night life. I want to enjoy the beach and practice some water sports. I want to rest at night.

Somchai : I know exactly what you need. There are two little quiet hotels that you will love. Let me look for their telephone numbers so we can make a reservation.

Mary : Oh! Thanks so much.

V. Describe only one of these 5 items in 6 – 8 sentences.

1.      Sukhothai         2.      Phuket     3.      The National Museum

4.      Samui Island    5.      The Marble Temple

V       ให้พรรณนาเพียง 1 หัวข้อจาก 5 หัวข้อด้วย 6- 8 ประโยค

1.      สุโขทัย 2.      ภูเก็ต   3.      พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ

4.      เกาะสมุย         5.      วัดเบญจมบพิตร

The Marble Temple

The Marble Temple is usually known as Wat Benchamabophit, located on Sir Ayutthaya Road near Chitralanda Palace. It is famous for its beauty especially the main chapel or the hot that was built of white Italian marble from Carara, Italy, during the reign of King Rama V. Furthermore, The Marble Temple is notable for its elegant building and a collection of bronze Buddha images, including the Buddha lines the walls of the cloister enclosing the spacious, inner courtyard: besides, the inside of the bot is magnificently decorated with cross beams of lacquer and gold. The best time to visit this temple is early in the morning when Buddhist monks are chanting inside the chapel. The main building is open to visitors until 5.00 pm.

คำแปล

The Mable Temple (วัดที่สร้างจาก หินอ่อน) ซึ่งมักรู้จักกันดีว่าเป็นวัดเบญจมบพิตร ตั้งอยู่ บนถนนศรีอยุธยา ใกล้กับพระราชวังสวนจิตรลดา วัดเบญจมบพิตรมีซื่อเสียงว่าสวยงาม โดยเฉพาะ อย่างยิ่งอุโบสถหลักหรือโบสถ์ซึ่งสร้างด้วยหินอ่อนอิตาเลียนสีขาวจากเมือง คาราคาประเทศอิตาลีใน สมัยรัชกาลที่ 5 ยิ่งไปกว่านั้น วัดเบญจมบพิตร ยังมีชื่อเสียงว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่สง่างามและบรรดา พระพุทธรูปทองแดงต่าง ๆ รวมทั้งพระพุทธรูปที่เรียงกันอยู่ข้างฝาผนังของระเบียงโบสถ์ที่ปิดล้อมพื้นที่ว่าง บริเวณสนามหญ้า นอกจากนั้น ภายในโบสถ์ยังถูกตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตาด้วยลายไทยกนกที่ เคลือบด้วยแลกเกอร์และทอง ช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะเยี่ยมชม วัดนี้คือยามเช้าตรู่ขณะที่พระสงฆ์กำลังเดิน เข้าอุโบสถโดยบังเอิญ อุโบสถใหญ่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเที่ยวชมจนถึงเวลา 5 โมงเย็น

ตัวอย่างอีก 1 หัวข้อ

Sukhothai

Sukhothai is an ancient Thai city. As a matter of fact, it used to be one of the former capital cities of Thailand. Sukhothai is in the north of Thailand, about 450 km from Bangkok. It takes about 7 hours by bus from Bangkok. The city is filled with old buildings and ruins that show Sukhothai is important in the past. There is also beautiful Historic National Park. Sukhothai is a great place for tourists because they can rent bicycles and visit the city and the Historic National Park. 

ENS4202 ภาษาอังกฤษสำหรับเลขานุการ Part IV b

B. Write a memorandum from Jack Richards, Personnel Manager of Good Hope International, informing’ all staff about an in-house English training program to be held on weekdays starting 1 March. The placement test will be on 20 February at 5:00 P.M. at Room 102.

แนวเฉลย

B.      เขียนบันทึกสั้น ๆ (a memorandum) จาก Jack Richards; ผู้จัดการฝ่ายบุคคลบริษัท Good Hope International, ให้แจ้งพนักงานทั้งหมดเกี่ยวกับโปรแกรมฝึกอบรมภาษาอังกฤษในบริษัทที่จะถูกจัดขึ้นในทุกๆวันของสัปดาห์ (ยกเว้นเสาร์ อาทิตย์) โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม กำหนดการทดสอบจะมีขึ้นในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เวลา 5 โมงเย็น ที่ห้อง 102.

Good Hope International

Memo

TO  All staff       FROM: Jack Richards

SUBJECT: In-house English training program

DATE: 11 February 2005

Our company has a policy to increase efficiency and effectiveness in our service. I would like to inform all staff in every department to attend the in-house English training program to be held on weekdays starting 1 March. The placement test will be on 20 February at 5:00 p. M. at Room 102.

Please be informed accordingly. Thank you.

ENS4202 ภาษาอังกฤษสำหรับเลขานุการ Part IV a

Part IV: Choose ONE of the following. (20 points)

A. Write a complaint letter from James Cooper, the Marketing Manager of Sincere Services, Inc., 231 Sunset Boulevard, CA 43215 to Sunset Restaurant at 87 Rustic Valley, Dallas, TX 75643 to complain about the reservation he made on 24January for five customers. When they arrived for their dinner, the restaurant could not find their reservation. They had to wait for the table for half an hour.

แนวเฉลย

Part IV: เลือกเขียนจดหมาย 1 ฉบับ จากที่ให้เลือกดังต่อไปนี้(20 คะแนน)

A.      เขียนจดหมายตำหนิติติง (a complaint letter) จาก James Cooper, ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัท Sincere Services, Inc., 231 Sunset Boulevard, CA 43215 ถึง Sunset Restaurant at 87 Rustic Valley, Dallas, TX 75643 เพื่อตำหนิติติงเกี่ยวกับการจองโต๊ะอาหารที่เขาได้ทำไว้เมื่อวันที่ 24 มกราคม สำหรับลูกค้าจำนวนห้าคน ขณะที่พวกเขาไปถึงเพื่อรับประทานอาหารเย็น พนักงานไม่สามารถเจอการจองของพวกเขาพบได้ลูกค้าต้องรอโต๊ะเป็นเวลาถึงครึ่งชั่วโมง

Sincere Services, Inc.,

231 Sunset Boulevard,

Ca 43215

27 January 2005

Sunset Restaurant

87 Rustic Valley,

Dallas, TX 75643

Dear Sir:

We regret to say that we have made the reservation with your restaurant on 24 January 2005 for our five customers. When they arrived for their dinner, the restaurant could not find their reservation. Somebody in your restaurant has made a mistake, perhaps accidental, in filling our reservation into the list on that day.

We have had a good deal of trouble because our customers had to wait for the table for half an hour. This experience made them receive a lot of inconvenience and this situation made me very anxious as it has never occurred in your restaurant before.

Since we have had such pleasant dealings with you in the past, we wish to give you this opportunity to take great care to see that this sort of error does not take place again.

Sincerely yours,

James Cooper

James Cooper Marketing Manage

ENS4202 ภาษาอังกฤษสำหรับเลขานุการ Part III b

B.

Dear Mr. Jones:

Thank you for your 1……………… of 3 March 2001 bringing our attention to 2.……………No. 15784. We have checked the invoice and the 3. ………………of agreement we made and found that you are 4. …………. right about the amount of 81,500to be 5. ________

The mistake occurred 6……………..we hadn’t taken into the fact of the special 7.……………when we sent you the invoice.

It was a 8. ……………. to serve all of you and we thank your company for choosing us as the 9……………….of your conference. We hope you had a successful meeting and that you will 10. ……………….. to the New Haven Hotel again soon.

Sincerely yours,

Alisia Banks     

Manager

terms        discount       because       paid        letter

invoice       site              entirely         return       pleasure

เฉลย

Dear Mr. Jones:

Thank you for your 1. letter of 3 March 2001 bringing our attention to 2. invoice No. 15784. We have checked the invoice and the 3. terms of agreement we made and found that you are 4. entirely right about the amount of 81,500 to be 5. paid .

The mistake occurred 6. because we hadn’t taken into the fact of the special 7.discount when we sent you the invoice.

It was a 8. Pleasure to serve all of you and we thank your company for choosing us as the 9. site of your conference. We hope you had a successful meeting and that you will 10.return to the New Haven Hotel again soon.

Sincerely yours,

Alisia Banks

Manager

คำอธิบาย

ตัวอย่างข้างบนเป็นรูปแบบจดหมายธุรกิจประเภท Adjustment letter (จดหมายปรับความเข้าใจหรือจดหมายแก้ตัว) เพื่อโต้ตอบจดหมายประเภทตำหนิติติงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น(Complaint letter) การขึ้นต้นเนื้อความหรือ body ของจดหมายประเภทนี้จะมีการกล่าวอ้างถึงจดหมาย complaint ที่เขียนมายังบริษัทก่อนหน้านี้ ซึ่งอาจใช้สำนวนข้างบน

  1. Thank you for your letter of + วันที่
  2. invoice = ใบส่งของ/ใบกำกับสินค้า
  3. the terms of agreement = เงื่อนไขข้อตกลง/สัญญา
  4. entirely right = ถูกต้องอย่างทั้งหมด
  5.  to be paid = ได้รับการชำระมา
  6.  The mistake occurred because…..ข้อผิดพลาดเกิดขึ้นเนื่องจาก……
  7. special discount = ส่วนลดพิเศษ
  8.  It was a pleasure to serve all you. ด้วยความยินดีที่ได้บริการทุกอย่างเพื่อคุณ
  9. …the site of your conference แหล่ง/ สถานที่ ในการประชุมของคุณ
  10. …you will return to the New Haven again soon…. และคุณคงจะได้กลับมา (ประชุม)ที่โรงแรม New Haven again อีกครั้ง

ENS4202 ภาษาอังกฤษสำหรับเลขานุการ Part III a

Part III  เติมเต็มช่องว่างด้วยคำ หรือวลี ที่เหมาะสมที่ให้มาด้านล่าง (40 คะแนน)

A. I’m Paula Jones and I’m an auditor. I work for a big 1. firm of accountants in Milan. We have and international 2. networkof associated firms and I have more and more contact with my counterparts in other countries. I need to be able 4 to discuss Italian accountancy principles with them, so I’m trying to 3. improve my English. It’s not always easy to find the time though, as my schedule is pretty hectic.

My job is very 4. interesting but it’s very demanding, too. I generally start at eight and often don’t 5. finish until six at night. The journey to and from work 6. takes about 45 minutes each way and I need to unwind when I get home. I generally have a nice meal 7. with my family. Cooking and eating takes about an hour and a half and I suppose I 8. spend another hour or so on routine chores around the house. ‘It isn’t always possible but I like to have and hour and a half of free time if I can. Then it’s off to bed. I try to get eight hours’  9. sleep to be sure of being on good form for the next day. It only take me half an hour or so to get 10. ready in the mornings, because I don’t bother with breakfast.

คำอธิบาย

1) work for = ทำงานให้กับ + บริษัท / ชื่อบริษัท หรือห้างร้าน (firm)

2)         international network = เครื่อข่ายระหว่างประเทศ

3)         trying to + VI = trying to improve my English

4)         (be) is + very interesting = น่าสนใจ

5)         don’t + VI = don’t finish (ไม่เสร็จสิ้น)

6)         The journey to and from work takes about 45 minutes… ระยะทางไปและกลับจากการทำงาน ใช้เวลา ประมาณ 45 นาที…

7)         I generally have a nice meal with my family. โดยทั่วไปฉันรับประทานอาหารกับครอบครัวอย่างเอร็ดอร่อย

8)         I suppose I spend another hour…  ฉันคาดว่าฉันมักใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง…….. (spend ใช้เวลาหรือใช้จ่ายเงิน)

9)         I try to get eight hours’ sleep……. ฉันพยายามที่จะนอนหลับแปดชั่วโมง   

10)      …to get ready = เตรียมพร้อม

WordPress Ads
error: Content is protected !!