The Advantages and Disadvantages of studying Abroad

Every parent wants the best for their children. When it comes to education, parents want to take their children to go to the best schools and universities they can afford. They believe that education is the key of a successful and wealthy life. Some parents even make a big economic effort to send their children to a foreign country. They think that studying abroad will give their children better career opportunities. However, studying abroad might have as many advantages as disadvantages.

Studying in a different county has the great advantages of learning proficiently a new language. Languages such as English or German are very valued when looking for a job. In Thailand, having knowledge of Chinese and Japanese is also very important. Furthermore, some foreign universities offer a high level of education, large amount of resources and a highly qualified faculty. In addition, learning a new culture might be advantages for one’s personal life, since it might help US to face life from different perspectives. Moreover, students can help promote Thailand and Thailand’s way of life. This is not only beneficial to the student but to the country.

On the other hand, studying abroad has disadvantages as well. The major drawback of studying abroad is money. It is very expensive to study in a different country, especially in Western countries where the cost of living is much higher than Thailand’s. Tuition, books, room and board, and traveling expenses on Western countries are only affordable by wealthy families. In addition, not all foreign universities offer a better education as some Thai universities. Some universities and colleges in Thailand are as good as some universities in Europe and America. One has to be very careful when choosing what school to go to. Another problem that students might encounter after a few years abroad is the loss of touch with the social, politic and economic life of their home countries.

In summary, there are many aspects to think about when deciding whether to study abroad or not. Learning a new language is very useful in life, but one must keep in mind that there are disadvantages as well. Most importantly, one must remember that Thailand has some good education centers that attract students from many countries of Asia

คำศัพท์ที่ควรรู้

abroad       =        ต่างประเทศ

education  =        การศึกษา

afford         =        สามารถจ่ายได้

wealthy (adj.)      =  มั่งคั่ง ร่ำรวย

effort (n)      =          ความพยายาม

foreign –     = ต่างประเทศ

career (n)    = อาชีพ, การงาน

proficiently (adv.)        =  เชี่ยวชาญ

valued        =        ประเมินค่าไว้สูง

resources (n)         = แหล่งที่มา, ทรัพยากร

faculty (n)   =          คณะ, สติปัญญา

face (v)       = เผชิญหน้า = encounter

perspectives (n)   =ทัศนะ, การมอง

promote    =        ส่งเสริม, สนับสนุน

beneficial (adj.)   =        ประโยชน์, ผลดี

drawback (n)         = ข้อเสีย, อุปสรรค = disadvantage

tuition (n)   = ค่าเล่าเรียน, คำเรียน

room and board =        ที่พักและอาหาร

loss of touch       =        ไม่มีการติดต่อกัน

aspects       = ลักษณะ, แง่มุม, ด้าน

ข้อดีและข้อเสียของการไปศึกษาในต่างประเทศ

พ่อแม่ทุกคนต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกๆของพวกเขา พ่อแม่ต้องการนำลูกของพวกเขาไปที่โรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดที่พวกเขาสามารถจัดหาให้ได้ เมื่อถึงเวลาที่ลูกๆ ต้องเข้าเรียน พวกเขาเชื่อว่าการศึกษาเป็นกุญแจนำไปสู่ความสำเร็จและชีวิตที่มั่งคั่ง พ่อแม่บางคนต้องมีความพยายามทางด้านการเงินเพื่อส่งลูกหลานของตนเองไปต่างประเทศ พวกเขาคิดว่าการไปศึกษาที่ต่างประเทศจะทำให้มี โอกาสทางอาชีพที่ดีกว่าต่อลูกหลานของพวกเขา อย่างไรก็ตามการศึกษาในต่างประเทศอาจจะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

การศึกษาในต่างประเทศมีข้อดีมากมายเกี่ยวกับการได้เรียนรู้ภาษาใหม่ ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว ภาษาต่าง ๆ เช่น ภาษาอังกฤษและภาษาเยอรมันถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อคุณกำลังมองหางานทำในประเทศไทยการมีความรู้เกี่ยวกับภาษาจีนและภาษาญี่ปุ่นก็ถือว่าสำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาวิทยาลัยต่างประเทศบางแห่งมีระดับการศึกษาถึงขั้นสูงและมีทรัพยากรมากมายและมีคณะที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้การเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมใหม่ๆ อาจจะมีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของบุคคลนั้น ๆ เพราะว่ามันอาจจะช่วยให้เราเผชิญหน้าหรือพบปะชีวิตที่แตกต่างจากสิ่งที่เห็น อนึ่ง นักเรียนสามารถช่วยเผยแพร่เกี่ยวกับประเทศไทยหรือวิถีชีวิตของคนไทยได้ สิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่เป็นประโยชน์แค่นักเรียนเท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อประเทศได้อีกด้วย

ในทางตรงกันข้าม การศึกษาในต่างประเทศก็ยังมีข้อเสีย อุปสรรคที่สำคัญของการศึกษาในต่างประเทศก็คือเงิน ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเรียนในต่างประเทศที่สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศทางตะวันตกซึ่งค่าครองชีพสูงกว่าเมืองไทย ครอบครัวที่ร่ำรวยจะสามารถจ่ายค่าเล่าเรียน ค่าหนังสือ ค่าที่พักและอาหาร รวมทั้งค่าเดินทางในต่างประเทศได้ นอกจากนี้ไม่ใช่ทุกมหาวิทยาลัยในต่างประเทศจะมีการศึกษาที่ดีกว่าในเมืองไทยเสมอไป บางมหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัยในประเทศไทยก็เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีเหมือนมหาวิทยาลัยในยุโรปและอเมริกา มันเป็นสิ่งหนึ่งที่ควรระวังอย่างมากเมื่อต้องการที่จะเลือกเรียนที่ไหน ปัญหาอีกอย่างหนึ่งซึ่งนักเรียนอาจจะประสบพบเจอหลังจาก 2-3 ปีในต่างประเทศก็คือความห่างเหินกับสังคม การเมือง เศรษฐกิจในประเทศบ้านเกิดเมืองนอน

กล่าวโดยสรุปแล้ว มีหลายแง่มุมในการคิดว่าเมื่อใดควรตัดสินใจว่าจะเรียนในต่างประเทศหรือไม่ต้องการที่จะไป การเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ในการดำเนินชีวิต แต่อย่างหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงข้อเสียของมันด้วยสิ่งที่สำคัญ ที่สุดอย่างหนึ่งที่จะต้องระลึกถึงว่าประเทศไทยมีศูนย์กลางการศึกษาที่ดี ซึ่งดึงดูดนักเรียนจากหลายประเทศในเอเชียได้เช่นกัน

What People Need Most

Some people spend mot of their lives searching for happiness. They ask themselves what they need to do to be happy. This question does not have an easy answer. What people need most varies from people to people. Wealthy people might say that what they need is love. Poor people might say that what they need is money. What it is sure that people need and desire what they do not have. Money cannot buy everything. A good health is also something that people need most. In mv opinion, health, money and love are probably the three things that people need most to be happy in life.

Firstly, nobody can be happy without loving and being loved. Love is very important in our lives. It gives US mental stability and strength. It also helps US to gain self-confidence and to focus on our jobs. We can get love from family and friends. Love is much more difficult to obtain than money and it is probably what people need most.

Secondly, people need to take care of their bodies. A good health is important to accomplish all our objectives in life. A bad health can keep US from fulfilling our dreams. A bad health can prevent US from playing sports and performing other activities. A bad health might limit our career possibilities. A good health is definitely one of the things that people need most.

Everyone wants as much money as they can get. People work hard because they think money will give them happiness. We all want big houses, expensive cars, and all kind of luxuries It is also important to buy necessary goods like food and medicine. However, money cannot bring US happiness if we do not have love and health. Nevertheless, money is one of the things that people want the most.

In conclusion, the previous paragraphs should explain what people need most is love, health and money. Love takes care of our minds, health takes care of our bodies, and money takes car of our materialistic ambitions. With the first two we can accomplish many things in life and we can be happy. Money is also important. We probably need all three of them to be the happiest people in the world.

คำศัพท์ที่ควรรู้

searching   =        ค้น, หา, ตรวจสอบ

wealthy (adj.)      =        มั่งคั่ง, ร่ำรวย

desire (n)     =          ความปรารถนา

occasions (n)         =          โอกาส, จังหวะ

mental (adj.)       =        เกี่ยวกับจิตใจ

stability (n)            =          ความมั่นคง

strength (n)            = จุดแข็ง, ความแข็งแรง, กำลัง

gain (v)       = ได้มา, ได้รับ

self-confidence (n) = ความเชื่อมั่นในตัวเอง

focus (v)     =        จุดความสนใจ

take care of         =        ดูแลเอาใจใส่

accomplish (v)    =        ทำสำเร็จ, บรรลุ

prevent (v) =        ป้องกัน

luxuries (n) =          หรูหรา, ฟุ่มเฟือย

ambitions (n)        =          ความทะเยอทะยาน

materialistic (adj.) =     ยึดถือเอาวัตถุเป็นสำคัญ

สิ่งที่คนเราต้องการมากที่สุด

คนบางคนใช้เวลาในการดำเนินชีวิตของเขาส่วนใหญ่ในการหาความสุข พวกเขาถามตัวเองว่าอะไรที่พวกเขาต้องการทำเพื่อให้มีความสุข คำถามนี้มันไม่ใช่คำตอบที่ง่ายเลย อะไรที่คนเราส่วนใหญ่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงจากคนหนึ่งสู่คนหนึ่ง คนที่มั่งคั่งร่ำรวยอาจจะพูดว่าสิ่งที่เขาต้องการก็คือความรัก ส่วนที่ยากจนอาจจะพูดว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือเงิน มันเชื่อแน่ได้เลยว่า คนเราต้องการและปรารถนาอะไรที่พวกเขาไม่มี เงินไม่สามารถซื้อทุกสิ่งทุกอย่างได้ สุขภาพที่ดีเช่นกันก็เป็นสิ่งที่ผู้คนต้องการมากที่สุด ในความคิดของข้าพเจ้า สุขภาพ เงิน และความรักน่าจะเป็น 3 สิ่งที่ผู้คนต้องการมากที่สุดเพื่อที่จะมีความสุขในชีวิต

ประการแรก ไม่มีใครสามารถมีความสุขโดยปราศจากความรักและที่จะถูกรักได้ ความรักเป็นเรื่องสำคัญในชีวิตของคนเรา ความรักให้ความมั่นใจทางด้านจิตใจและความเข้มแข้งกับเรา นอกจากนี้ความรักยังช่วยให้เรามีความเชื่อมั่นในตนเองและมีสมาธิในการทำงาน พวกเราสามารถได้ความรักจากครอบครัวและเพื่อน ๆ ซึ่งพวกเขาทั้งสองกลุ่มนี้เป็นสิ่งที่จำเป็น ความรักเป็นสิ่งที่ได้มายากกว่าเงินทองและมันเป็นไปได้ว่าความรักคงเป็นสิ่งที่คนเราต้องการมากอีกอย่างหนึ่ง

ประการที่สองคือคนเราต้องการดูแลร่างกายของตัวเอง สุขภาพที่ดีเป็นสิ่งสำคัญในการบรรลุผลสำเร็จในเป้าหมายทุกเป้าหมายในชีวิตของคนเรา สุขภาพที่ยำแย่สามารถทำให้เราไกลจากฝันของเราและการกระทำกิจกรรมอื่นๆด้วย สุขภาพที่ไม่ดีนี้อาจจะจำกัดความเป็นไปได้ในอาชีพการงานของเรา ส่วนสุขภาพดีก็เป็นสิ่งหนึ่งในหลายสิ่งที่คนเราต้องการ

ทุกๆ คนต้องการเงินทองมากมายเท่าที่เขาจะได้มา คนเราทำงานหนักก็เพราะ พวกเขาคิดว่าเงินทองจะให้ความสุขแก่พวกเขาได้ พวกเราต้องการบ้านที่ใหญ่โต รถที่มีราคาแพงและสิ่งที่หรูหราฟุ่มเฟือยต่างๆ เงินทองเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกซื้อสินค้าที่จำเป็น เช่น อาหารและยารักษาโรค อย่างไรก็ตามเจนทองก็ไม่สามารถนำความสุขมาให้เราได้ ถ้าเราไม่มีความรักและมีสุขภาพที่ดี แต่ถึงกระนั้นเงินทองก็ยังเป็นสิ่งที่คนเรายังต้องการมากที่สุด

โดยสรุปแล้ว ย่อหน้าข้างต้นได้อธิบาย ถึงสิ่งที่ผู้คนต้องการมากที่สุดคือความรัก สุขภาพและเงินทอง ความรักจะดูแลจิตใจของคนเรา ส่วนสุขภาพดีก็ดูแลร่างกายของคนเราและเงินทองจะดูแลความปรารถนาอันแรงกล้า ทางด้านวัตถุนิยมของคนเรา นอกจากนี้ด้วยสองสิ่งแรกสามารถ บรรลุสิ่งต่างๆ ในชีวิตได้และคนเราก็สามารถมีความสุขได้เลย เงินทองเป็นสิ่งสำคัญเหมือนกัน เราต้องการทั้งสามสิ่งนี้เพื่อทำให้เรามีความสุขมากที่สุดในโลก

Kinds of Pollution in Bangkok

It is common knowledge that Mexico City, Sao Paolo, and Los Angeles are some of the most polluted cities in the world. Unfortunately, Bangkok is not far behind. Air pollution is a big problem in Thailand’s capital city. However, it is not the only kind of pollution that threats the residents of Bangkok. Noise pollution and water pollution are major concerns for the local authorities.

Air pollution is mostly caused by the fuel combustion of automobiles. As the population of Bangkok increases, as does that the number of vehicles. Furthermore, the gasoline price is inexpensive compared to other countries and people do not hesitate to drive their cars anytime they feel like it. Many factories surrounding the Bangkok area are also responsible for the excessive level of air pollution. It seems that the law is quite lax concerning this issue. In addition, the large amount of high building in the city does not allow a proper air flow to clean the atmosphere, creating a permanent cloud of toxic gases over the city.

Noise pollution is also a big problem in Bangkok, and the vehicles are also responsible for it, especially the vast number of old and poor condition cars running in the streets of the city. The big number of buses, tuk-tuks, motorcycles also contribute to the high level of noise. As hot as it is in Thailand, it is difficult to sleep at night with your windows opened due to the noise in the street.

Bangkok, also known as the Venice of Asia due to its large canal system, suffers from water pollution as well. All the canals are polluted. Often, some of these canals give off a quite disgusting smell, especially on very hot days. It is not difficult to see factories releasing hazardous wastes to the canals. These canals might cause some kind of diseases, especially to children who swim in them.

Air, water, and noise pollution are very difficult problems to solve. It seems that the local authorities do not as much as they ought to. However, the people of Bangkok could help reducing the pollution just by taking good care of the engines of their vehicles in order to save fuel and reduce the noise level.

คำศัพท์ที่ควรรู้

pollution    =        มลพิษ

threats (n)  =          การคุกคาม

residents (n)          =     ผู้อยู่อาศัย

concerns (n)          =          ความวิตกกังวล, เอาเป็นธุระ

fuel (n)         =          เชื้อเพลิง, น้ำมัน

combustion (n)    =          การเผาไหม้

gasoline (n)            =          น้ำมันเชื้อเพลิง

inexpensive (adj.)         =        ไม่แพง

excessive (adj.)   =        มากเกินปกติ

lax     =        หย่อนยาน

issue =        การปล่อยออกมา

flow  =        ไหล

toxic =        เป็นพิษ

vast (adj.)   =        ใหญ่โต, กว้างขวาง

canal =        คลอง

suffer (v)    =        ประสบ, ได้รับ

give off       =        ปลดปล่อย

disgusting  =        ความน่าขยะแขยง

hazardous (adj.)  =        เต็มไปด้วยอันตราย

waste (n)     =          ขยะ, ของเสีย

disease (n)  =          เชื้อโรค

engines (n) = เครื่องจักร, เครื่องกล

ชนิดของมลพิษในกรุงเทพฯ

มันเป็นที่รู้กันทั่วไปว่าเมืองเม็กซิโกซิตี้ เซาเปาโล และลอสแองเจลสิส เป็นเมืองที่มีมลพิษมากที่สุดในโลก ในแง่เดียวกันกรุงเทพฯก็เป็นเมืองที่มีมลพิษที่ใกล้เคียงกับ 3 เมืองที่กล่าวมา มลพิษทางอากาศ ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ของเมืองหลวงของประเทศไทย อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เพียงแค่มลพิษประเภทเดียวที่คุกคามประชาชนในกรุงเทพฯเท่านั้น มลพิษทางเสียงและมลพิษทางน้ำก็เป็นสิ่งที่ควรพิจารณาในขั้นต้นๆ สำหรับเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นนั้น ๆ

มลพิษทางอากาศมีสาเหตุมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงของรถยนต์ ในขณะที่ประชากรของกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นก็ส่งผลให้จำนวนยานพาหนะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราคาของน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศไทย มีราคาไปแพงหากเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ และประชาชนไม่ค่อยตระหนักถึงความจำเป็นในการใช้รถยนต์ ทุกเวลาที่พวกเขารู้สึกอยากจะขับมัน โรงงานหลายแห่งที่อยู่รอบๆกรุงเทพฯก็ควรมีความรับผิดชอบ สำหรับระดับของมลพิษทางอากาศที่มีมากเกินไป มันดูเหมือนว่ากฎหมายที่ควบคุมทางด้านมลพิษนั้นมีความหย่อนยาน นอกจากนี้จำนวนตึกที่สูงที่อยู่ในเมืองมีจำนวนมากขึ้น มันไปสกัดการหมุนเวียนของอากาศที่สะอาด ทำให้เกิดกลุ่มเมฆหมอกพิษที่อยู่เหนือเมือง

มลพิษ ทางเสียงก็เป็นปัญหาใหญ่อีกปัญหาหนึ่งในกรุงเทพฯ และยานพาหนะก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดมลพิษทางเสียงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำนวนรถที่เก่าหรือทรุดโทรมจำนวนมากก็ยังวิ่งอยู่บนท้อง ถนน จำนวนรถโดยสารประจำทาง รถตุ๊กตุ๊กและการขนส่งอื่นๆ ก็เป็นตัวที่กระจายเสียงด้วยและด้วยอากาศที่ร้อนของประเทศไทยจึงทำให้เป็น การยากที่จะหลับในตอนกลางคืน แต่ถ้าคุณเปิดหน้าต่าง คุณก็จะได้ยินเสียงดังจากถนน

กรุงเทพฯเป็นที่รู้จักกันในฐานะที่เป็นเมืองที่มีคลองมากมายของเอเชีย ได้ประสบกับปัญหามลพิษทางน้ำอีกด้วย คลองต่างๆก็มีแต่มลพิษ คลองบางคลองเหล่านี้ได้ส่งกลิ่นเหม็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่อากาศร้อนๆ มันไม่ยากเลยที่จะเห็นโรงงานปล่อยขยะที่เต็มไปด้วยอันตรายลงสู่แม่น้ำลำคลอง คลองเหล่านี้ก็จะเป็นแหล่งก่อให้เกิดเชื้อโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอันตรายที่เกิดกับเด็กที่เล่นน้ำตามลำคลอง

มลพิษ ทางอากาศ ทางน้ำ ทางเสียง เป็นปัญหาที่ยากที่จะแก้ไข มันดูเหมือนว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ได้ทำอะไรเลย ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ควรทำ อย่างไรก็ตามประชาชนในกรุงเทพฯ สามารถช่วยเหลือในการลดมลพิษเหล่านี้ได้โดยการหมั่นดูแลเครื่องยนต์ของรถตัว เองเพื่อประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงและเพื่อลดระดับเสียงของเครื่องยนต์ลง

My Two Best Friends

Friends are one of the most important things that we have in life. We have many friends and we can not live without them. We can never have enough friends. However, all of US have two or three people that we consider our “best friends. My best two friends are very different one from the other and they make me happy in very different ways. My best two friends names are Joe and Joy.

Joe has been my best friend since the day we were born. He is only four months younger than me. He is not only my best friend but he is also my cousin. We do not look alike at all. He is much taller and has long hair. However, our personalities are very similar. We both live เท Bangkok and we went to the same school, high school and university, although we studied different majors. We always have something to talk about and we have no secrets between each other. He is the person that always understands the way I feel and the way I think. Joe knows me better than my parents. What I like best about Joe is that he is always there when I need him, in the good times and the unhappy times. He has never let me down. They say that a friend in need is a friend indeed. That IS Joe.

On the other hand, Joy is completely different. She is not even a person. She is my faithful dog, but nevertheless my best friend. Joy is a big dog with long blond fur. She is a Golden Retriever and has won two dog beauty contests. Joy makes me happy in some ways that people cannot. She makes me feel good because she is always happy to see me She makes me feel safe and self-confident. Joy senses when I am happy and when I am sad. She understands me as much as Joe does. I wished I had more friends like Joy

Something that really makes me upset is that Joe and Joy do not get along. I have tried to spend time with the two of them together, but it is impossible. They do not like each Other. Joe says that he loves cats and that hates dogs. Joy does not say anything and she does not make any effort to be friends with Joe. I do not know what to do. Why my best two friends cannot get along? I wished someone could help me with this.

People need friends. It does not matter if they are humans or animals, but we need to love and feel loved. Joe and Joy makes me feel special in different ways and I know that I make them feel important too. They know that I love them and I know that they love me. Joe and Joy are definitely my best friends.

คำศัพท์ที่ควรรู้

alike  = คล้ายกัน, เหมือนกัน

cousin        =        ญาติพี่น้อง

personalities       =        ลักษณะนิสัย

majors        =        สำคัญ, หลัก

secrets       =        ความลับ

letdown     =        ความผิดหวัง, ความหดหู่ใจ

indeed        =        โดยแท้จริง

faithful       =        ซื่อสัตย์, ไว้ใจได้

self-confident      =        ความเชื่อมั่นในตัวเอง

senses        =        ความรู้สึก

get along   =        เป็นมิตรกัน

เพื่อนที่ดีที่สุดของฉันสองคน

เพื่อนคือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เรามีอยู่ เรามีเพื่อนหลายคนและเราไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากพวกเขา เราไม่เคยมีเพื่อนเพียงพอ หมายความว่าเราสามารถมีเพื่อนได้ไม่จำกัดจำนวน อย่างไรก็ตามเพื่อนของเราทั้งหมดอาจจะมีเพียง 2-3 คนที่เราถือว่าเป็น “เพื่อนที่ดีที่สุด” เพื่อนที่ดีที่สุดของฉันสองคนมีความแตกต่างกันและพวกเขาทั้งสองคนมักทำให้ฉันมีความสุขในวิธีที่แตกต่างกัน เพื่อนที่ดีที่สุดของฉันสองคนนี้มีชื่อว่า โจ และ จอย

โจเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันตั้งแต่วันที่พวกเราเกิดเลย โจมีอายุอ่อนกว่าฉันแค่ 4 เดือน เขาไม่ใช่แค่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเท่านั้น แต่เขายังเป็นญาติของฉันอีกด้วย พวกเราทั้งสองไม่มีอะไรเหมือนกันเลย โจเขาสูงกว่าฉันและเขามีผมยาว อย่างไรก็ตามนิสัยหรือทัศนคติของพวกเราทั้งสองออกจะคล้ายๆกัน พวกเรามีเรื่องให้คุยกันตลอดเวลาและเราสองคนไม่เคยมีความลับระหว่างกันและ กันเลย โจถือว่าเป็นบุคคลที่เข้าใจความรู้สึกของฉันเสมอหรือเข้าใจในสิ่งที่ฉัน กำลังคิดอยู่ โจรู้จักฉันดีกว่าพ่อแม่ของฉันเสียอีก ส่งที่ฉันชอบมากที่สุดในตัวโจก็คือเขาจะอยู่กับฉันเสมอ ไม่ว่าฉันจะอยู่ในช่วงที่ดีหรือแย่ เขาไม่เคยทำให้ฉันเสียใจเลย คนเรามักพูดว่า เพื่อนในความต้องการคือเพื่อนที่แท้จริง นั่นคือโจ

ในทางกลับกัน โจเป็นคน แต่เพื่อนที่ดีที่สุดของฉันอีกคนหนึ่งกลับไม่ใช่คน จอยเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ของฉัน แต่ก็ถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันอีกคนหนึ่งด้วย เธอเป็นสุนัขตัวใหญ่และมีขนที่ยาว เธอเป็นสุนัขพันธ์โกลเด้นรีทิพเวอร์ ที่ชนะการประกวดสุนัขสวยและได้รางวัลมาถึงสองรางวัล จอยมักทำให้ฉันมีความสุขในวิธีที่คนเราไม่สามารถทำได้ เธอทำให้ฉันรู้สึกดีเพราะเธอมีความสุขเสมอ เมื่อเห็นฉัน เธอทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยและเชื่อมั่นในตัวเอง ฉันหวังว่าฉันจะมีเพื่อนเพิ่มขึ้นอีกและคล้ายจอย

บางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ฉันเสียใจคือโจกับจอยไม่เป็นมิตรกัน ฉันพยายามที่จะใช้เวลากัทั้งสองคนพร้อม ๆ กัน แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ เขาทั้งสองไม่ชอบหน้ากัน โจพูดว่าเขาชอบแมวมากกว่าและเขาไม่ชอบสุนัข จอยไม่เคยพูดอะไรเลยและเธอไม่เคยพยายามที่จะผูกมิตรด้วย ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรดี ทำไมเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันทั้งสองไม่สามารถที่จะเป็นมิตรกันได้? ฉันต้องการให้ใครบางคนช่วยฉัน

คนเราต้องการเพื่อน มันไม่สำคัญเลยว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ แต่คนเราต้องการที่จะรักใครหรือถูกใครรัก โจและจอยทำให้ฉันมีความรู้สึกพิเศษ ในวิธีต่างๆ และฉันรู้ว่าฉันทำให้พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาสำคัญต่อฉันด้วย พวกเขารู้ว่าฉันรักพวกเขาและฉันก็รู้ว่าพวกเขาก็รักฉัน โจและจอยเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันอย่างแน่นอน

How to Get Rid of Boredom

Are we bored of watching television? There are many things to do in Bangkok; however, there are still people who get bored all the time. There are many ways to have fun. The best wav to avoid boredom is spending time with our friends. Playing sports, shopping, going to the movies, and reading books are also some popular ways to keep ourselves entertained. However, there are other ways such as camping and hiking.

Spending time with our friends is probably the most popular and cheapest way to get rid of boredom. Most of the times we do not have to do anything, especially for there are always interesting topics to talk about with our friends. Some think that a good book is the best friends. However, if we think that our friends are boring or we dislike reading, we can always play sports. Football, badminton, tagrau, and aerobics are very popular sports in Thailand. They are cheap too; we do not have to spend much money.

If we are not the sport-type of person, or we do not have anyone to play sports with, we can go to the mail. But be careful, this is going to cost you some money. There are people who go to shopping centers for window shopping only. This is very entertaining too, but very difficult to accomplish. You need a lot of self-control. Going to the movies is a nice way to get rid of boredom, although it costs some money as well. We can go alone or with companions. At any given time, there is a wide variety of movies, and it is not being difficult to find one of our likes.

Hiking and camping are very good ways to get rid of boredom. They are very healthy for both our heart and our mind. They also get US in contact with nature. The problem with these activities is that they require some planning and a lot of free time. However, if we do have the time, I strongly recommend these activities, especially for the people who live in Bangkok and other big cities.

Getting rid of boredom is not as difficult as some people think. There is an uncountable number of things we can do, especially in cities like Bangkok. Some are cheap and some are not, but if we think about it, there is not reason to get bored.

คำศัพท์ที่ควรรู้

get rid of    = กำจัด , ขจัด = eliminate

boredom (n)          =          ความน่าเบื่อหน่าย

avoid (v)    =        หลีกเลี่ยง, หลบหลีก

camping     =        การตั้งค่ายที่พัก

hiking         =        การเดินทางไกลด้วยเท้า

dislike        =        ไม่ชอบ

mall  =        ห้างสรรพสินค้า

window shopping        = การไปห้างเพื่อเดินเล่น ไม่ได้ต้องการซื้อของ

accomplish          = ประสบผลสำเร็จ, บรรลุผล

self-control          =        การควบคุมตนเอง

companions        =        เพื่อนร่วมเส้นทาง

variety       =        หลากหลาย, มากมาย

healthy      =        สุขภาพดี, แข็งแรง = strong

contact      =        การพบปะ, การติดต่อ

require       =        ต้องการ

planning    =        การวางแผน

วิธีกำจัดความเบื่อหน่าย

เรารู้สึกเบื่อบ้างไหมเวลาดูโทรทัศน์ มีสิ่งต่างๆหลายๆสิ่งที่น่าทำในกรุงเทพฯ แต่คนเราก็ยังคงรู้สึกเบื่ออยู่ มีหลายวิธีที่จะทำให้เราเพลิดเพลินสนุกสนาน วิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงความเบื่อหน่าย คือ การใช้เวลาอยู่กับเพื่อนๆของเรา การเล่นกีฬา การเดินซื้อของ การไปดูหนังและการอ่านหนังสือ เหล่านี้เป็นวิธีที่นิยมใช้กันเพื่อทำให้เกิดความเพลิดเพสินแก่ตัวเราเอง อย่างไรก็ตามยังมีวิธีอื่น ๆ การไปแค้มป์และการเดินทางไกลด้วยเท้า

การใช้เวลาอยู่กับเพื่อนๆ ของเราเป็นวิธีที่ถูกที่สุดและนิยมนำมาใช้มากที่สุดเพื่อขจัดความเบื่อ ตลอดเวลาส่วนใหญ่ถ้าเราไม่มีอะไรที่จะทำ เราอาจจะคุยกับเพื่อนของเราในเรื่องที่น่าสนใจ ความคิดบางความคิดที่ว่าหนังสือดีคือเพื่อนที่ดีที่สุด แต่อย่างไรก็ตามถ้าเราคิดว่าเพื่อนของเราน่าเบื่อแล้ว หรือเราไม่ชอบอ่านหนังสือ เราก็สามารถเล่นกีฬาก็ได้ ฟุตบอล แบดมินตัน ตะกร้อและแอโรบิค เป็นกีฬาที่นิยมกันในประเทศไทย กีฬาเหล่านี้ไม่แพงที่จะเล่น เราก็ไม่ต้องเสียเงินมากด้วย

ถ้าเราเป็นคนที่ไม่ชอบเล่นกีฬา หรือเราไม่มีใครที่จะเล่นกีฬาด้วย เราก็อาจสามารถไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าได้ แต่ควรระวังการไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้านั้น เราอาจต้องเสียเงินมาก มีผู้คนที่ไปเดินห้างเพื่อดูหรือเดินเล่นอย่างเดียว สิ่งเหล่านี้ให้ความบันเทิงได้เหมือนกัน แต่ยากที่จะหักห้ามใจที่จะไม่ซื้อของในห้างได้ เราจำ เป็นต้องมีการควบคุมตัวเองให้มากเพื่อที่จะไม่ซื้อของเวลาเดินเล่นที่ห้าง การไปดูหนังก็เป็นวิธีที่ดีอีกวิธีหนึ่ง ในการขจัดความเบื่อ ถึงแม้เราจะต้องเสียเงินค่าตั๋วหนังก็ตาม เราสามารถไปตามลำพังหรือไปกับเพื่อนฝูง นอกจากนี้หนังยังมีหลากหลายประเภท ดังนั้นจึงไม่ยากนักที่จะหาใครสักคนที่ชอบหนังประเภทเดียวกับเรา

การ เดินทางไกลด้วยเท้าและการไปแค้มป์ เป็นวิธีที่ดีมากในการขจัดความเบื่อ ทั้งสองวิธีนี้ทำให้ร่างกายแข็งแรงซึ่งดีต่อหัวใจและจิตใจของเรา กิจกรรมทั้งสองนี้ยังให้เราสัมผัสกับธรรมชาติ ปัญหาในกิจกรรมทั้งสองนี้คือเราจะต้องมีการวางแผนและใช้เวลามากในการทำ กิจกรรมแต่อย่างไรก็ตามถ้าเรามีเวลา ข้าพเจ้าขอแนะนำว่าควรทำกิจกรรมทั้งสองนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่อยู่ในกรุงเทพฯและเมืองใหญ่ ๆ

การขจัดความเบื่อหน่าย ไม่ใช่เรื่องยากที่คนเราสามารถจะคิดได้ มีหลากหลายวิธีที่นับไม่ถ้วนที่เราสามารถทำได้ โดยเฉพาะคนในกรุงเทพฯ บางกิจกรรมก็ถูกไม่แพง และบางกิจกรรมก็แพง แต่ถ้าเราคิดถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น มันก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะทำให้เรารู้สึกเบื่อ

The Causes of Failures in Examination

Examinations are necessarily educational instruments used for students’ evaluation or assessments. Consequently, the results of their examination reflect students’ knowledge and their progress in their current studies. Final examinations in any courses result in the students’ promotion to the next level or repetition the same level in case of their inability to pass the examinations. Failures in examinations can have various effects on the students. In my opinions, failures in examinations could be attributed to three causes: lack of interest, inadequate Planning and inadequate communication.

For the first cause of failures in examination, students’ lack of interest is the fundamental cause because of several reasons. When students lack of interest in their study, they do not put much effort in their learning. They may be lazy, so they do not attend classes regularly. Some may not do the assignments and review their lectures. This may cause their study much behind the schedule. To avoid the problem, they may hang around the shopping mall or internet cafe. When the examination day comes, they do not prepare anything for their exam and then they fail the examination.

As for the second cause of failures in the examination, some students might have inadequate planning for the courses they want to register in each semester. Some students both study and work at the same time, so they do not have sufficient time for their study and examination’s preparations. They cannot attend regular lectures and what they do is to do self-study at home. This is not enough for passing the examinations. Other students may have time constraint problem as they register too many courses in a semester. If they take many courses and they do not have adequate planning, they will face with the situation of taking many final examinations about the same time. This could lead to failures in examinations for causes that students do not put enough effort.

As for the last cause of failures in the examinations, inadequate communication can lead to failures in examination. Inadequate communication could occur throughout the course and during the examination. At the beginning of the course, the students might not know the goals of the course as they may not attend classes. Then they may not have some friends to ask when they do not understand the lectures. Some may hesitate to ask the lecturers when they have gone behind the schedules. During the examinations, they may not understand the instructions and they do not ask for clarification. Some may not have a good writing skill to write answers to the exam questions. All of these things could lead to failures in the examinations.

In conclusion, the previous paragraphs should explain the three causes of failures in examinations. They are lack of interest, inadequate planning, and inadequate communication. Failures in examination cause the students being left behind their peers and they have to pay fees to retake the examination. Thus, the students who do not succeed in their examinations most encounter with social and financial effects on their study in the schools or universities.

คำศัพท์ที่ควรรู้

instruments (n)   =        เครื่องมือ

evaluation (n)     =        การประเมิน        =          assessment

reflect (v)   =        สะท้อนให้เห็น

progress (n)         =        ความก้าวหน้า

current (adj.)       =        ปัจจุบัน

promotion (n)     = การเลื่อน, การส่งเสริม

repetition (n)      = การซ้ำซาก, อยู่ที่เดิม

various (adj.)       = มากมาย, หลากหลาย = diverse, many

attribute (v)        = สืบเนื่องจาก, เป็นผลมาจาก

lack (V, n)  =        การขาด

interest (n) =        ความสนใจ

inadequate (adj.)          =        ไม่เพียงพอ         =          insufficient, not enough

fundamental (adj.)       =        พื้นฐาน =          basic

effort (n)    =        ความพยายาม    =          attempt

attend (v)   = เข้า (เรียน)     absent (ขาดเรียน)

preparation (n)   =        การเตรียมตัว

constraint (n)      =        การบังคับ

goals (n)     =        เป้าหมาย

hesitate (v)          =        ลังเล, รีรอ

instruction (n)     =        การสอน

clarification (n)   = การทำให้กระจ่าง, การทำให้เข้าใจง่าย

encounter (v)      = เผชิญกับ

สาเหตุต่างๆ ของการสอบตก

การสอบเป็นเครื่องมือทางการศึกษาที่จำเป็นซึ่งถูกใช้สำหรับการประเมินนักศึกษา ดังนั้น ผลของการสอบสะท้อนให้เห็นถึงความรู้ของนักเรียนและความก้าวหน้าของนักเรียนในการศึกษาขณะนั้นของพวกเขา การสอบปลายเทอมในวิชาไหนก็ตามเป็นผลต่อการเลื่อนไปสูระดับ ต่อไปหรือการซ้ำอยู่ในระดับเดิมของนักเรียนในกรณีที่ไม่สามารถฝานการสอบของพวกเขา การสอบตกสามารถมีผลมากมายต่อนักเรียน ในความคิดเห็นของข้าพเจ้า การสอบตกสามารถมีผลมาจาก 3 สาเหตุคือ การขาดความสนใจ การวางแผนที่ไม่ดีพอ และการสื่อสารที่ไม่เพียงพอ

สำหรับสาเหตุแรกของการสอบตก การขาดความสนใจของนักเรียนเป็นสาเหตุเบื้องต้น เพราะเหตุผลจำนวนมาก เมื่อนักเรียนขาดความสนใจในการเรียนของพวกเขา พวกเขาก็ไม่พยายามใน การเรียนของพวกเขา พวกเขาอาจจะขี้เกียจ ดังนั้นพวกเขาไม่เข้าเรียนอย่างสม่ำเสมอ บางคนอาจจะ ไม่ทำการบ้านและทบทวนการบรรยาย สิ่งนี้อาจจะทำให้การเรียนของพวกเขาล่าช้ากว่าตารางการสอน เพื่อที่จะหลบหลีกปัญหา พวกเขาอาจจะใช้เวลาของพวกเขาทำบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ทำให้พวกเขาวิตกกังวล พวกเขาอาจจะไปเดินเล่นรอบห้างสรรพสินค้าหรือร้านคาเฟ่ที่มีบริการอินเตอร์เน็ต เมื่อถึงเวลาในการสอบ พวกเขาไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยในการสอบและพวกเขาก็สอบตก

สำหรับ สาเหตุที่สองของการสอบตก นักเรียนบางคนอาจจะไม่ได้วางแผนการเรียน อย่างเพียงพอสำหรับวิชาที่พวกเขาลงทะเบียนในแต่ละเทอมนักเรียนบางคนทั้ง เรียนและทำงานในขณะเดียวกัน ดังนั้น พวกเขาไม่มีเวลาเพียงพอสำหรับการเรียนและการเตรียมตัวในการสอบ พวกเขา ไม่สามารถเข้าเรียนการบรรยายปกติและสิ่ที่พวกเขาทำคือการเรียนรู้ด้วยตนเอง ที่บ้าน สิ่งนี้ไม่เพียงพอสำหรับการสอบผ่าน นักเรียนคนอื่น ๆ อาจจะมีปัญหาเวลาที่บีบรัดเพราะพวกเขาลงทะเบียน หลายวิชามากเกินไปในหนึ่งเทอม ถ้าพวกเขาลงหลายวิชาและพวกเขาไม่มีการวางแผนที่เพียงพอ พวกเขาจะเผชิญกับสถานการณ์ของการลงสอบปลายเทอมจำนวนมากในขณะเดียวกัน สิ่งนี้สามารถทำให้เกิดการสอบตกเพราะสาเหตุที่ว่านักเรียนไม่ได้พยายามอย่าง เพียงพอ

สาเหตุ ประการที่สามของการสอบตก การสื่อสารที่ไม่ดีพอสามารถทำให้เกิดการสอบตกได้ การสื่อสารที่ไม่ดีพอสามารถเกิดขึ้นตลอดหลักสูตรและระหว่างการสอบ ในตอนต้นเทอม นักเรียนอาจจะไม่รู้เป้าหมายของหลักสูตรเพราะพวกเขาไม่ได้เข้าเรียนและพวก เขาอาจจะไม่มีเพื่อนที่จะให้ซักถามเมื่อพวกเขาไม่เข้าใจการบรรยาย บางคนอาจจะลังเลที่จะถามอาจารย์ เมื่อพวกเขาไปช้ากว่าตารางการสอน ในระหว่างการสอบ พวกเขาอาจจะไม่เข้าใจคำสั่งและพวกเขาไม่ถามให้เกิดความกระจ่าง บางคนอาจจะไม่มีทักษะการเขียนที่ดีที่จะเขียนคำตอบในคำถามของข้อสอบ ทั้งหมดเหล่านี้ สามารถทำให้เกิดการสอบตก

สรุปแล้ว ย่อหน้าข้างต้นอธิบายถึงสาเหตุ 3 ประการของการสอบตก พวกเขาขาดความ สนใจ การวางแผนที่ไม่ดีพอและการสื่อสารที่ไม่เพียงพอ ความล้มเหลวในการสอบทำให้นักเรียนล่าช้า เพื่อน ๆ และพวกเขาต้องจ่ายค่าเรียนในการสอบใหม่ ดังนั้น นักเรียนที่ไม่ประสบผลสำเร็จในการสอบ ของพวกเขาต้องเผชิญกับผลกระทบทางด้านการเงินและสังคมกับการเรียนของพวกเขาในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย

Give the Reasons Why Rural People Migrate to Bangkok

Thailand has a total population of sixty-two million people. Eight million people live in the city of Bangkok alone. That means that almost thirteen percent of the total population lives in the capital city. This happens in every country in the world, the inhabitants of rural areas migrate to the nation’s capital. However, there are plenty of reasons why rural people have migrated to Bangkok and it is difficult to discuss of them. In this analysis, the reasons that cause them migrate to Bangkok can be classified into three aspects: their higher education, their employment opportunities, and their investments.

Education is very important in our society. Students like to study in the best universities to be ready for the real world. The best universities and colleges are located in Bangkok. A lot of people from the countryside come to the big city to study. They spend some a few years here and when it is time to go back they realize that they do not want to go. They meet many people here, probably their future spouses. They acknowledge that they will get better jobs if they stay here. Many of these students do not go back to their hometowns. They come for studying but they spend the rest of their lives here also.

Employment attracts many workers. Many people come to the big city searching for a job They come from small towns where there are very few jobs. There is nothing for them to do in their hometowns. They do not have jobs and they need to feed their families. There are thousands of different businesses in Bangkok. They think that the city is full of jobs and money. So they migrate to Bangkok and looks for a job. Some succeed and some do not, but they all believe that it is worth trying.

Investment causes many rich rural people who want to do their businesses come to Bangkok. They believe that migrating to Bangkok makes them receive many possibilities to do. They can be self-employed as they can invest their money in the stock market. They may use convenient business facilities, such as banking and financial institution. They may open their own business and be business counterparts with other people. Finally, they may bring local products to sell in Bangkok or to do international trade in Bangkok.

In conclusion, the above paragraphs have explained three aspects that cause rural people move to stay in Bangkok. The first aspect is their higher education and the second is their employment. The last aspect is their investment purpose as many of them are businessmen who have found Bangkok convenient place for their business.

คำศัพท์ที่ควรรู้

rural (adj.)        = เกี่ยวกับชนบท

migrate (v)        = อพยพ, ย้ายถิ่น

population (n) = ประชากร

inhabitant (n)   = ผู้อาศัย, พลเมือง

employment (n)         = การจ้างงาน

countryside (n)            = ชาวชนบท

 spouses (n)        = คู่ชีวิต, คู่สมรส

acknowledge (n)        = รับทราบ

hometown (n)  = บ้านเกิดเมืองนอน

attract (v)          = ดึงดูดใจ, มีเสน่ห์

search (v) = ค้นหา, ตรวจสอบ

worth (adj.)      = มีค่า, มีคุณค่า

เหตุผลต่าง ๆ ว่าทำไมคนชนบทอพยพเข้าสู่กรงเทพฯ

เมืองไทยมีจำนวนประชากรทั้งหมด 62 ล้านคนและ 8 ล้านคนอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งหมายความว่า 13% ของจำนวนประชากรทั้งหมดอาศัยอยู่ในเมืองหลวง มันเกิดขึ้นในทุกประเทศในโลกนี้คนที่อาศัยอยู่ตามชนบทได้ย้ายถิ่นฐานเข้ามาในเมืองหลวง แต่อย่างไรก็ตาม มีหลายเหตุผลว่า ทำไมคนชนบทอพยพเข้ามาสู่กรุงเทพฯ และมันก็ยากที่จะอธิบายถึง ในการวิเคราะห์ ปัจจัยที่ทำให้คนชนบทอพยพเข้าสู่กรุงเทพฯ สามารถจัดออกได้เป็น 3 ลักษณะคือ การได้รับการศึกษาที่สูงขึ้นของพวกเขา มีโอกาสของการจ้างงาน และการลงทุน

การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญมากในชีวิตของคนเรา นักเรียนนักศึกษาชอบที่จะศึกษาในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับโลกแห่งความเป็นจริง มหาวิทยาลัยและวิทยาลัยที่ดีที่สุด มักตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ประชาชนหลาย ๆ คนมาจากต่างจังหวัด เข้ามาในเมืองใหญ่ก็เพื่อศึกษาเล่าเรียน พวกเขาต้องใช้เวลา 2-3 ปีในการเรียนที่กรุงเทพฯ และเมื่อถึงเวลากลับบ้าน พวกเขากลับไม่ต้องการที่จะกลับบ้านเกิดเมืองนอน พวกเขาพบปะผู้คนหลาย ๆ คนที่นี่ บางครั้งก็พบรักและแต่งงานกันที่นี่ พวกเขารู้ว่าพวกเขาจะได้งานที่ดีกว่าถ้าอยู่ที่กรุงเทพฯ นักเรียนนักศึกษาหลาย ๆ คนไม่ได้กลับบ้านเกิดเมืองนอนของตน การเข้ามาในกรุงเทพฯก็เพื่อศึกษาเล่าเรียนแต่พวกเขากลับใช้ชีวิตที่เหลือที่นี่

การจ้างงานก็เป็นสิ่งที่ดึงดูดใจให้คนงานหลาย ๆ คนเข้ามาในเมืองใหญ่เพื่อหางานทำ พวกเขามาจากเมืองเล็ก ๆ ที่ซึ่งมีงานสองสามงานเท่านั้น ทำให้พวกเขาไม่มีงานทำในเมืองเล็ก ๆ ที่เขาอาศัยอยู่ พวกเขาไม่มีงานทำแต่พวกเขายังต้องเลี้ยงดูครอบครัวของพวกเขาเอง ในกรุงเทพฯมีธุรกิจที่แตกต่างกันหลายพันธุรกิจ พวกเขาจึงคิดว่ากรุงเทพฯ เต็มไปด้วยงานและเงิน ดังนั้นพวกเขา จึงเข้ามาในกรุงเทพฯ และหางานทำ บางคนก็ประสบความสำเร็จและบางคนก็ไม่ แต่พวกเขายังเชื่อ ว่าการเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ เป็นผลดีที่ได้พยายามทำเพื่อหางานทำ

การลงทุนทำให้ผู้คนชนบทที่ร่ำรวยจำนวนมากที่ต้องการทำธุรกิจหลั่งไหลเข้ามาสู่กรุงเทพฯ พวกเขาเชื่อว่าการอพยพเข้าสู่กรุงเทพฯ ทำให้พวกเขาได้รับโอกาสที่จะทำหลาย ๆ สิ่งได้ มากมาย พวกเขาสามารถจ้างตัวเองทำงานด้วยการลงทุนเงินของพวกเขาในตลาดหุ้น พวกเขาอาจจะ ใช้สถานที่ธุรกิจอำนวยความสะดวก เช่น ธนาคารและสถาบันการเงิน, พวกเขาอาจจะเปิดธุรกิจของตนเองและเป็นผู้ร่วมลงทุนกับคนอื่น สุดท้าย พวกเขาอาจจะนำสินค้าพื้นบ้านมาขายในกรุงเทพฯหรือทำการค้าระหว่างประเทศในกรุงเทพฯ

โดยสรุปแล้ว ย่อหน้าข้างต้นได้อธิบาย 3 ลักษณะที่ทำให้ผู้คนชนบทอพยพเข้าสู่กรุงเทพฯ ลักษณะแรกคือการศึกษาและลักษณะที่สองคือการจ้างงาน ลักษณะที่สามคือการลงทุนซึ่งพวกเขาส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจที่พบว่ากรุงเทพฯ เป็นสถานที่สะดวกสำหรับการทำธุรกิจของพวกเขา

The Effects of Deforestation

Deforestation is the clearing of large areas of lands, jungles and forests. It involves the cutting down, burning and damaging of big number of trees. Unfortunately, deforestation is a fact across the Earth, especially in underdeveloped and developing countries. The effects of deforestation are very cruel when it occurs on tropical forests. Tropical forests are not only beautiful but they are vital for human, animal and vegetable life. We need wood for houses and furniture. We need paper, which comes from trees. Also, we deforest for planting crops and grazing cattle. However, the important issue here is not the causes but the effects of deforestation. The effects, as explained below, are quite severe and harmful for our lives.

Deforestation affects the environment in many ways. First of all, it has killed a lot of species of animals by taking away the habitat that those species live in. Many animals are unable to adapt to live in another habitat and usually die off. It has also killed many species of plants because when deforestation takes place not only the big trees are cut down, the little plants also die.

Second of all, deforestation increases the greenhouse effect. A tree needs carbon dioxide to grow and perform the photo synthesis. However, when a tree is cut down and decomposes, it releases that carbon dioxide back into the atmosphere, which increases the greenhouse effect and helps the global warming. Scientists warn that global warming might melt the icebergs of the earth s poles and flood cities and towns.

Third of all, deforestation causes erosion because when trees are clear-cut, there are neither roots to hold the soil in place nor vegetation to lessen the impact of hard rain on the soil. Erosion relieves large amounts of sand and mud into the rivers and lakes. In addition, long periods of erosion cause desertification, which is increasing everyday.

In summary, the above paragraphs should explain the effects of deforestation. Deforestation has killed a lot of species of animals and plants and it increases the greenhouse effect Lastly, deforestation causes erosion. Due to these harmful effects, people in the world can help reduce the amount of deforestation by replanting clear-cut areas, make more national parks, reduce the use of wood articles by using other materials such as plastic and use recycled materials.

คำศัพท์ที่ควรรู้

deforestation (n)       =          การทำลายป่าไม้

clearing (adj.)  =       ที่แผ้วถางเพื่อต้องการที่ว่าง, โล่งเตียน

cutting down (n)        =          การตัดลง

developing countries (n) =          ประเทศที่กำลังพัฒนา

tropical forests (n)    =       ป่าเขตร้อน

vital (adj.)         =       สำคัญยิ่ง

disappear (v)   =       หายไป

rate (n)       =       อัตรา

grazing (n)           =          ทุ่งปศุสัตว์ ทุ่งเลี้ยงสัตว์

habitat (n)           =          ถิ่นที่อยู่ของพืชและสัตว์

adapt (v)  =         ปรับตัว, ดัดแปลง

die off (v) =         ตาย, หมดอายุ

severe (adj.)     =       รุนแรง

greenhouse effect (n)        =          ภาวะเรือนกระจก

photosynthesis (n)   =         การที่พืชสร้างอาหารเพื่อเลี้ยงตัวเองโดยการสร้างคาร์โบไฮเดตรวมกับคาร์บอนไดออกไซค์และน้ำเมื่อมีแสงกับคลอโรฟิลล์

decomposes (n)          =          สลายตัว, เน่าเปื่อย

iceberg (n)           =          ภูเขาน้ำแข็ง

poles (n)   =          ขั้วโลก

melt (v)    =       ละลาย

erosion (n)          =          การกัดกร่อน, การกัดเซาะ

impact (n)            =          ผลกระทบ, อิทธิพล

desertification (n)     =          การเปลี่ยนที่ดินที่อุดมสมบูรณ์ให้เป็นทะเลทราย

recycled material (n)          =          วัตถุที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่

ผลกระทบของการทำลายป่าไม้

การทำลายป่าไม้ คือการแผ้วถางพื้นที่กว้างใหญ่ตามที่ดิน ตามป่าทึบ และตามป่าทั่วไปให้เกิดว่างเปล่า มันเกี่ยวข้องกับการตัดไม้ การเผาป่า และการทำให้ป่าไม้เสียหาย อย่างโชคไม่ดี การทำลายป่าเป็นข้อเท็จจริงที่ข้ามสู่จากซีกหนึ่งไปยังอีกซีกหนึ่งของโลก โดยเฉพาะในประเทศที่ พัฒนาแล้วและประเทศที่กำลังพัฒนา ผลกระทบของการทำลายป่าไม้เป็นเรื่องทารุณหรือเป็นเรื่องร้ายแรงเมื่อมันเกิดขึ้นในป่าเขตร้อน ป่าในเขตร้อนไม่ใช่เป็นแค่ป่าไม้ที่สวยงาม ยังเป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิตมนุษย์ สัตว์และพืชผักต่าง ๆ ผู้คนต้องการไม้เพื่อสร้างบ้านเรือนและเฟอร์นิเจอร์ พวกเราต้องการ กระดาษซึ่งทำมาจากไม้อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดในเรื่องนี้ก็คือผลกระทบของการทำลายป่า ไม่ใช่สาเหตุของการทำลายป่า ดังที่กล่าวมาข้างต้น ผลกระทบต่าง ๆ เป็นสิ่งที่รุนแรงและอันตรายต่อชีวิตของพวกเรา

การทำลายป่า มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในหลายๆด้าน ประการแรกคือ มันฆ่าหรือทำลายสัตว์ต่างๆ  โดยการทำให้ถิ่นที่อยู่ของสัตว์นั้นหายไป ซึ่งถิ่นที่อยู่ก็คือที่อยู่อาศัยของสัตว์ต่างๆ สัตว์หลายๆตัวไม่สามารถปรับตัวในการอยู่อาศัยในถิ่นฐานอีกที่หนึ่งได้และมันมักจะตายลง มันยังฆ่าพืชพันธุ์หลายๆชนิดเพราะว่าเมื่อมีการทำลายป่าเกิดขึ้นไม่เพียงแต่ต้นไม้ใหญ่จะถูกโค่นลง พืชเล็กๆก็จะตายไปด้วย

ประการ ที่สอง การทำลายป่าจะไปเพิ่มผลกระทบต่อภาวะเรือนกระจกหรือก็คือภาวะที่โลกมี อุณหภูมิสูงขึ้นเนื่องจากมลพิษจากสิ่งแวดล้อม ต้นไม้ต้องการคาร์บอนไดออกไซค์เพื่อการเจริญเติบโตของตัวมันเองและดำเนินการ ผลิตอาหารหรือสร้างคาร์โบไฮเดรตรวมกับคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ อย่างไรก็ตามเมื่อต้นไม้ถูกตัดลงและได้สลายตัวเน่าเปื่อยไป ต้นไม้ก็ได้ปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์กลับเข้ามาสู่บรรยากาศ ซึ่งมันไปเพิ่มภาวะเรือนกระจกและทำให้อุณหภูมิของโลกร้อนขึ้น นักวิทยาศาสตร์ได้เตือนว่าอุณหภูมิที่สูงขึ้นนี้อาจจะไปละลายน้ำแข็งที่ขั้ว โลกและทำให้มีน้ำท่วมตามเมืองต่างๆ

ประการ ที่สาม การทำลายป่าก่อให้เกิดการสึกกร่อนของดินเพราะว่าเมื่อต้นไม้ถูกตัดลง ทำให้ไม่มีรากไม้ไปคอยยึดดินและไม่มีการเจริญเติบโตของพืชที่ช่วยปกคลุมหน้า ดินเพื่อบรรเทาอิทธิพลของฝนที่ตกหนักบนหน้าดิน การสึกกร่อนทำให้ทรายและโคลนจำนวนมากไหลลงสู่แม่น้ำลำคลองและทะเลสาบ นอกจากนี้ การสึกกร่อนในระยะยาวจะเป็นสาเหตุก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดินที่อุดม สมบูรณ์ให้เป็นทะเลทรายที่แห้งแล้ง และไม่สามารถเพาะปลูกอะไรได้เพิ่มมากขึ้นทุกวัน

กล่าวโดยสรุป จากย่อหน้าข้างต้นได้อธิบายถึงผลกระทบของการทำลายป่าไม้ การทำลายป่าได้ฆ่าเผ่าพันธุ์พืชและสัตว์ต่างๆ และทำให้เกิดผลกระทบต่อภาวะเรือนกระจก ประการที่สามคือ การทำลายป่าก่อให้เกิดการสึกกร่อนของดิน เนื่องจากผลกระทบที่อันตรายเหล่านี้ ผู้คนทั่วโลกควรปลูกต้นไม้ใหม่ทดแทนต้นไม้ที่ถูกตัดลงไปและทำให้มีอุทยานแห่งชาติเพิ่มขึ้น ลดการใช้ไม้ลง และใช้วัตถุดิบอย่างอื่นทดแทน เช่น พลาสติก และใช้วัตถุดิบที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้

How to Learn English Effectively

When students learn the English language, they want to be able to communicate with native speakers. That is, they must be able to listen to speak, to read and to write with them. To master these four skills efficiently, they cannot rely on only Thai teachers teaching English and many things should be done in order to learn English effectively. Therefore, in my opinion, there are three guidelines for any student who wants to achieve these goals. They are-studying English with native speakers of English, devoting much time and effort on learning and understanding all systems of rules, and practicing using them very often in the daily life conversation.

As for the first guideline, it will be very lucky if any student has a good start learning English with the native speakers, since he or she can have early opportunity to listen and to speak the correct accents, otherwise, his or her accents will be influenced by the mother tongue or the Thai language. Therefore, good model is necessary for his or her imitation. In case that there is no chance to have a native speaker, that person must listen to the conversations from the tapes with the scripts everyday. When the time passes by, that person can gradually pick up correct pronunciations, words, phrases and sentences.

As for the second guideline, that person must spend time and effort on learning and memorizing all kinds of rules so that that person knows the content of the English language. This includes the understanding the English phonological system, morphological system and the grammatical systems. To master all of these aspects, it is very time-consuming and it requires regular attention so that this knowledge is developed unconsciously. Thai person should spend much time on reading available textbooks and materials in addition to learning from the native speakers.

As for the last guideline, that person should learn the usages parts of the rules. This part will be concerned with the cultural aspects of the English language. That person must learn how to select pronunciations of words and phrases to agree with the context or how to write a word or phrase in a particular context. That is, that person must understand different types of usages. Moreover, if that person can understand what he or she speak, how to speak and practice speaking regularly between friends or among friends, finally that person will develop his or her communicative skills and he or she will be able to speak with native speakers when the opportunity comes.

The above paragraphs describe the three guidelines that a person should do in order to improve his or her English skills. The first is that the person should learn the correct accents from the native speakers. The second is that the person must spend time and effort in acquiring the content of the English language. The last is that the person must practice using the four skills as much as possible.

คำศัพท์ที่ควรรู้

master (v)         =       เอาชนะ, เชี่ยวชาญ    

efficiently (adv.)       =       อย่างมีประสิทธิผล     

improve (v)      =       ปรับปรุง, ท่าให้ดีขึ้น   

guidelines (n)   =          แนวทาง          

achieve (v)        =       บรรลุผล, ท่าให้สำเร็จ = succeed

native speakers (n)  =          เจ้าของภาษา  

influence (v)    =       มีอิทธิพล, มีผล           = affect

mother tongue         =       ภาษาแม่, ภาษาแรกเกิด        

model (n) =          แบบอย่าง       

aspect (n) =          แง่มุม, ด้าน     = side, viewpoint

usage (n)  =          การใช้ 

วิธีเรียนรู้ภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อนักเรียนเรียนรู้ภาษาอังกฤษ พวกเขาต้องสามารถสื่อสารกับเจ้าของภาษา นั่นคือ พวกเขาต้องสามารถฟัง พูด อ่าน และเขียนได้ การที่จะเชี่ยวชาญทักษะ4 ประการเหล่านี้ให้อย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขาไม่สามารถอาศัยแต่ครูคนไทยสอนภาษาอังกฤษเท่านั้นและมีอีกหลาย ๆ สิ่งที่ ควรกระทำเพื่อที่จะปรับปรุงทักษะทางด้านภาษาอังกฤษของพวกเขาดังนั้น ในความคิดของข้าพเจ้ามี 3 แนวทางสำหรับนักเรียนที่ต้องการสำเร็จไปสู่เป้าหมายเหล่านี้ มันคือ—การเรียนภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษาอังกฤษ การทุ่มเทเวลาและความพยายามอย่างมากกับการเรียนและความเข้าใจระบบ ทั้งหมดของกฎเกณฑ์และการฝึกฝนการใช้มันบ่อยๆในการสนทนาของชีวิตประจำวัน

สำหรับ แนวทางแรก จะเป็นที่โชคดีอย่างมากถ้านักเรียน มีการเริ่มต้นที่ดีในการเรียนภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษา เพราะนักเรียนสามารถมีโอกาสตั้งแต่แรกในการฟังและพูดสำเนียงได้ถูกต้อง มิฉะนั้น สำเนียงของนักเรียนจะได้รับอิทธิพลจากภาษาแม่หรือภาษาไทย ดังนั้น แบบอย่างที่ดีเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเลียนแบบของนักเรียน ในกรณีที่ไม่มีโอกาสได้เจอกับเจ้าของภาษา บุคคลนั้นควรฟังการสนทนาจากเทปที่มีตัวหนังสือกำกับทุกวัน เมื่อเวลาผ่านไป บุคคลนั้นสามารถรับการออกเสียง คำ วลี และประโยคได้ถูกต้อง

สำหรับแนวทางที่สอง บุคคลนั้นต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมากกับการเรียน และการจดจำกฎเกณฑ์ทั้งหมดเพื่อที่ว่าบุคคลนั้นจะได้รู้เนื้อหาของภาษาอังกฤษ สิ่งนี้รวมถึงความเข้าใจระบบการออกเสียง ระบบโครงสร้างและระบบไวยากรณ์ของภาษาอังกฤษ การเอาชนะทั้งหมดของทุกแง่มุมเหล่านี้ ก็ต้องใช้เวลาอย่างมากและต้องการความเอาใจใส่เพื่อว่าความรู้นี้ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยอัตโนมัติ บุคคลนั้นควรใช้เวลาจำนวนมากในการอ่านตำราและเนื้อหาที่หาได้นอกเหนือจากการเรียนรู้จากเจ้าของภาษาเอง

สำหรับ แนวทางสุดท้าย บุคคลนั้นควรเรียนรู้ในการใช้ส่วนต่าง ๆ ของกฎเกณฑ์ ส่วนนี้ จะเกี่ยวข้องกับลักษณะทางด้านวัฒนธรรมของภาษาอังกฤษ บุคคลนั้นต้องเรียนรู้ที่จะเลือกการออกเสียงของคำหรือวลีที่สอดคล้องกับ เนื้อหาของข้อความหรือการเขียนคำหรือวลีในเนื้อหาของข้อความเฉพาะ นั่นคือ บุคคลนั้นต้องเข้าใจรูปแบบของการใช้ที่แตกต่างกัน ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าบุคคลนั้นสามารถเข้าใจสิ่งที่เขาหรือเธอพูด วิธีการพูดและฝึกฝนการพูดอย่างสม่ำเสมอระหว่างเพื่อนและในกลุ่มเพื่อน ในที่สุดบุคคลนั้นจะพัฒนาทักษะในการสื่อสารของเขาหรือของเธอและเขาหรือเธอจะสามารถพูดกับเจ้าของภาษาเมื่อโอกาสมาถึง

ย่อหน้าข้างต้นนี้อธิบายแนวทาง 3 ประการที่บุคคลนั้นควรกระทำเพื่อที่จะปรับปรุงทักษะทางด้านภาษาอังกฤษของเขาหรือของเธอ ประการแรกคือบุคคลนั้นควรเรียนรู้การออกเสียงที่ ถูกต้องจากเจ้าของภาษา ประการที่สองคือบุคคลนั้นต้องใช้เวลาและความพยายามในการเรียนรู้เนื้อหาของภาษาอังกฤษ ประการสุดท้ายคือบุคคลนั้นต้องฝึกฝนการใช้ทักษะ 4 อย่างให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้