LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2552

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2552

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW4002  การว่าความ

คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2551 นายเกษมได้กู้เงินไปจากนายสมัยเป็นจำนวนเงิน 400,000 บาท โดยนายเกษมยินยอมเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี มีกำหนดใช้คืนภายใน 1 ปี นายเกษม ได้รับเงินจำนวนที่กู้ไปเป็นการถูกต้องแล้ว และนายเกษมได้ทำสัญญากู้ไว้เป็นหลักฐานในวัน ดังกล่าว ปรากฏว่าเมื่อครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ตามสัญญาแล้ว นายเกษมก็ไมยอมชำระหนี้ เงินกู้จำนวนดังกล่าวคืนให้แกนายสมัย อีกทั้งไม่เคยชำระดอกเบี้ยมาตั้งแต่ต้น นายสมัยได้ ทวงถามแล้ว แต่นายเกษมก็เพิกเฉย นายสมัยจึงได้มอบหมายให้ท่านเป็นทนายความฟ้องนายเกษม เพื่อเรียกเงินต้นคืน พร้อมดอกเบี้ยที่ค้างชำระทั้งหมดเป็นเวลา 1 ปีเต็ม เป็นเงิน 60,000 บาท

ฉะนั้น ให้ท่านในฐานะทนายความของนายสมัยผู้ให้กู้ ร่างคำฟ้องให้ตามความประสงค์ของตัวความ (ให้ร่างแต่ใจความในคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องเท่านั้น โดยไม่ต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์ศาล)

ธงคำตอบ

คำฟ้อง

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2551 จำเลยได้กู้เงินไปจากโจทก์เป็นจำนวน 400,000 บาท (สี่แสนบาทถ้วน) โดยจำเลยยอมเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี กำหนดให้ใช้คืนภายใน 1 ปี จำเลยได้รับ เงินจำนวนที่กู้ไปเป็นการถูกต้องแล้วและได้ทำสัญญากู้ไว้เป็นหลักฐานในวันดังกล่าว รายละเอียดปรากฏตาม ภาพถ่ายสัญญากู้ฉบับลงวันที่ 20 กันยายน 2551 เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1

ข้อ 2. เมื่อครบกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ตามสัญญาแล้ว จำเลยไม่ยอมชำระหนี้เงินกู้ จำนวนดังกล่าวคืนแกโจทก์ อีกทังยังไมเคยชำระดอกเบี้ยมาตั้งแต่ต้น โจทก์ได้ทวงถามจำเลยแล้ว แต่จำเลย เพิกเฉยเสีย โจทก์จึงขอบารมีศาลเป็นที่พึ่งได้โปรดบังคับชำระหนี้ให้กับโจทก์ต่อไป ทั้งนี้จำเลยได้ค้างเงินต้น จำนวน 400,000 บาท และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากเงินต้นจำนวนดังกล่าวเป็นเวลา 1 ปีเต็ม เป็นจำนวนดอกเบี้ยที่ค้างชำระ 60,000 บาท รวมเป็นเงินที่จำเลยจะต้องชำระให้กับโจทก์ทั้งสิ้น 460,000 บาท (สี่แสนหกหมื่นบาทถ้วน)

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)……ทนายโจทก์

คำฟ้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ระบุชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ……(ลายมือชื่อนักศึกษา)……ผู้เรียงและพิมพ์

คำขอท้ายฟ้อง

1.         ให้จำเลยใช้เงินต้นและดอกเบี้ยที่ค้างชำระเป็นเงินทั้งสิ้น 460,000 บาท (สี่แสน หกหมื่นบาทถ้วน) แกโจทก์

2.         ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากเงินต้นจำนวน 400,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะใช้เงินทั้งหมดแก่โจทก์

3.         ให้จำเลยซดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์

 

ข้อ 2. โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นจากจำเลยซึ่งเป็นหุ้นส่วนในบริษัทจำกัดแห่งหนึ่ง เป็นเงินจำนวน 30 ล้านบาท จำเลยได้รับหมายเรียกของศาลและสำเนาคำฟ้องของโจทก์เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2552 และครบกำหนดที่จำเลยจะต้องยื่นคำให้การต่อศาลในวันที่ 25 กันยายน 2552 แต่จำเลยเพิ่งมาติดต่อให้นายสมบูรณ์เป็นทนายแก้ต่างให้เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2552 นายสมบูรณ์ ทนายความมีเวลาที่จะเตรียมเอกสารต่าง ๆ ตลอดจนร่างคำให้การต่อสู้คดีเพื่อยื่นต่อศาลเพียงวันเดียว เนื่องจากคดีนี้มีทุนทรัพย์จำนวนสูงอีกทั้งยังมีข้อเท็จจริงที่ยุ่งยากซึ่งนายสมบูรณ์จะต้อง สอบหาข้อเท็จจริงจากบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย อีกทั้งต้องค้นคว้าเอกสารที่เกี่ยวข้องอีกหลายฉบับ จึงจะร่างคำให้การได้ นายสมบูรณ์ทนายความจึงไม่สามารถที่จะยื่นคำให้การต่อสู้คดีได้ทันภายใน กำหนดระยะเวลาดังกล่าว

ดังนั้น จึงให้ท่านซึ่งเป็นนายสมบูรณ์ ทนายจำเลยในคดีนี้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การ ต่อศาลในวันที่ 25 กันยายน 2552 ออกไปอีก 15 วัน นับแต่วันครบกำหนดเดิม (ให้ร่างแต่ใจความ ในคำร้องเท่านั้น โดยไม่ต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์ศาล)

งคำตอบ

คำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การ

ข้อ 1. คดีนี้ จำเลยได้รับหมายเรียกของศาลและสำเนาคำฟ้องของโจทก์เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2552 และครบกำหนดที่จำเลยจะต้องยื่นคำให้การต่อศาลในวันนี้ ดังรายละเอียดปรากฏในสำนวนแล้ว

ข้อ 2. เนื่องจากจำเลยเพิ่งมาติดต่อให้ทนายจำเลยแก้ต่างให้เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2552 ทนายจำเลยจึงมีเวลาที่จะสอบข้อเท็จจริงเพื่อยื่นคำให้การต่อศาลเพียงวันเดียว เนื่องจากคดีมีทุนทรัพย์จำนวนสูง มีข้อเท็จจริงที่ยุ่งยากซึ่งทนายจำเลยจะต้องสอบหาข้อเท็จจริงจากบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย อีกทั้งยังต้องค้นคว้า เอกสารที่เกี่ยวข้องอีกหลายฉบับ ทนายจำเลยจึงไม่สามารถที่จะยื่นคำให้การต่อสู้คดีได้ทันภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ดังนั้น เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จำเลยจึงขอความกรุณาศาลได้โปรดมีคำสั่งขยาย ระยะเวลายื่นคำให้การของจำเลยออกไปอีก 15 วัน นับจากวันครบกำหนดเดิม ขอศาลได้โปรดอนุญาต

ควรมีควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ……(ลายมือชื่อนายสมบูรณ์)…..ทนายจำเลย

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (นายสมบูรณ์) ทนายจำเลยเป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ…….(ลายมือชื่อนายสมบูรณ์)…….ผู้เรียงและพิมพ์

ข้อ 3. ข้อเท็จจริงตามสำนวนการสอบสวนได้ความว่า เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2552 เวลาประมาณ 20.00 น.นายณรงค์ ฉายา ภาพ มือปืนร้อยศพ” ผู้ต้องหาที่ 1 ได้ใช้อาวุธปืนลูกซองยิง นายจู๊ด อายุ 45 ปี จำนวน 3 นัด กระสุนถูกบริเวณหน้าอกเสียชีวิตคาที่หน้าบ้าน ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ครั้นต่อมาเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2552 เวลาประมาณ 08.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายณรงค์ ได้นำส่งพนักงานสอบสวนทำการสอบสวน ชั้นสอบสวนนายณรงค์ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนฆ่า นายจู๊ดผู้ตายจริง โดยมีนางอัมพรเมียชองนายจู๊ดผู้ตายเป็นผู้จ้างฆ่าในราคา 1 แสนบาท ดังนั้น ในเวลาประมาณ 12.00 น. เจ้าพนักงานตำรวจจึงได้นำหมายจับของศาลจังหวัดพัทยาเข้าจับกุม นางอัมพร ผู้ต้องหาที่ 2 นำส่งพนักงานสอบสวนทำการสอบสวน ชั้นสอบสวนนางอัมพรให้การ รับสารภาพว่าเป็นผู้จ้างฆ่าจริง พนักงานสอบสวนจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปฝากขัง ศาลจังหวัดพัทยา ตามคดีหมายเลขดำที่ ฝ. 456 ต่อมาเมื่อพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเสร็จ จึงสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการจังหวัดพัทยามีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 1 ในข้อหาฆ่าผู้อื่น โดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อนและเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 2 ในข้อหาจ้างวานให้ฆ่าผู้อื่น โดยไตร่ตรองไว้ก่อน พนักงานอัยการจังหวัดพัทยาพิจารณาแล้วเห็นด้วยกับความเห็นของ พนักงานสอบสวน จึงมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองตามข้อกล่าวหา

สมมติว่านักศึกษาเป็นพนักงานอัยการจังหวัดพัทยา ให้นักศึกษาเรียงคำฟ้องคดีนี้เฉพาะเนื้อหาคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 เท่านั้น

มาตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปี ถึงยี่สิบปี

มาตรา 289 ผู้ใด

(1) …

(4) ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ต้องระวางโทษประหารชีวิต

ธงคำตอบ

คำฟ้องอาญา

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2552 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยที่ 1 โดยการจ้างวานใช้ ของจำเลยที่ 2 ได้บังอาจใช้อาวุธปืนลูกซองยิง นายจู๊ด ผู้ตาย จำนวน 3 นัด กระสุนถูกบริเวณหน้าอก เป็นเหตุให้ ผู้ตายถึงแกความตายสมดังเจตนาของจำเลยทั้งสอง รายละเอียดบาดแผลปรากฏตามรายงานการชันสูตรพลิกศพ ของแพทย์ท้ายฟ้อง

เหตุเกิดที่ ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

ข้อ 2. ต่อมาเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2552 เวลากลางวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมจำเลยทั้งสอง ได้ นำส่งพนักงานสอบสวน ทำการสอบสวนแล้ว ชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ

ระหว่างสอบสวนจำเลยทั้งสองถูกควบคุมตัวตลอดมา ขณะนี้ต้องขังอยูตามหมายขังศาลในคดีนี้ หมายเลขดำที่ ฝ. 456

 

ข้อ 4. นายชื่นทนายความรับเป็นทนายความในการเขียนอุทธรณ์และฎีกาให้แก่บุตรชายทั้งสองของนายชอบ ในคดีอาญา ค่าทนายความเป็นเงินจำนวน 50,000 บาท และนายชื่นยังรับวิ่งเต้นคดีให้บุตรชาย ทั้งสองของนายชอบด้วย โดยนายชื่นได้ติดต่อให้นายชุ่มทนายความอีกคนหนึ่งดำเนินการวิ่งเต้นคดี นายชุ่มรู้จักกับผู้พิพากษาให้ช่วยเหลือคดีได้ขอค่าใช้จ่ายในการวิ่งเต้นคดี นายชอบได้จ่ายเงินค่า วิ่งเต้นคดีให้แก่นายชื่น จำนวน 200,000 บาท นายชื่นตกลงว่า หากไม่สามารถช่วยทางคดีให้ชนะได้ ก็จะนำเงินจำนวน 200,000 บาท คืนให้แกนายชอบปรากฏว่า ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษา จำคุกบุตรชายทั้งสองของนายชอบตลอดชีวิต

ให้วินิจฉัยว่า การกระทำของนายชื่นและนายชุ่มทนายความ มีความผิดตามข้อบังคับสภาทนายความ ว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 หรือไม่ อย่างไร ให้อธิบาย

ธงคำตอบ

ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529

ข้อ 6 ไมเคารพยำเกรงอำนาจศาล หรือกระทำการใดอันเป็นการดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษา ในศาลหรือนอกศาล อันเป็นการทำให้เสื่อมเสียอำนาจศาลหรือผู้พิพากษา

ข้อ 10 ใช้อุบายอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวต่อไปนี้ เพื่อจูงใจให้ผู้ใดมอบคดีให้ว่าต่างหรือแก้ต่าง

(3) อวดอ้างว่าเกี่ยวเป็นสมัครพรรคพวกรู้จักคุ้นเคยกับผู้ใดอันกระทำให้เขาหลงว่าตนสามารถ จะทำให้เขาได้รับผลเป็นพิเศษ นอกจากทางว่าความหรือหลอกลวงว่าจะชักนำจูงใจให้ผู้นั้นช่วยเหลือคดีในทางใด ๆ ได้ หรือแอบอ้างขู่ว่าถ้าไม่ให้ตนว่าคดีนั้นแล้วจะหาทางให้ผู้นั้นกระทำให้คดีของเขาแพ้

ข้อ 18 ประกอบอาชีพ ดำเนินธุรกิจ หรือประพฤติตนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดี หรือเป็นการเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายชื่นและนายชุ่มทนายความตกลงรับวิ่งเต้นคดี ถือว่าเป็นการหมิ่น ศาลอันเป็นการทำให้เสื่อมเสียอำนาจศาลหรือผู้พิพากษา จึงมีความผิดตามข้อบังคับสภาทนายความฯ ข้อ 6

สำหรับการที่นายชื่นและนายชุ่มซึ่งเป็นทนายความไปวิ่งเต้นคดี โดยอ้างกับนายชอบว่า นายชุ่ม รู้จักกับผู้พิพกษา ถือว่าเป็นการหลอกลวงว่าจะไปจูงใจผู้พิพากษาให้ช่วยเหลือให้คดีชนะ จึงมีความผิดตาม ข้อบังคับสภาทนายความฯ ข้อ 10(3)

ผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ นอกจากจะมีหน้าที่ต่อลูกความแล้ว ยังต้องมีความรับผิดชอบ ต่อสังคม ต่อกระบวนการยุติธรรมในฐานะผู้รู้และใช้กฎหมาย ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง ความชอบธรรม ให้เป็นไปตามกฎหมาย และต้องไมประพฤติตนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดี หรือเป็นการเสื่อมเสียต่อ ศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ การที่นายชื่นและนายชุ่มทนายความ กลับส่งเสริมหรือสนับสนุนให้มีการ วิ่งเต้นคดี จึงมีความผิดตามข้อบังคับสภาทนายความฯ ข้อ 18 อีกด้วย

ดังนั้น การกระทำของนายชื่นและนายชุ่มทนายความจึงมีความผิดตามข้อบังคับสภาทนายความฯ ข้อ 6 ข้อ 10(3) และข้อ 18 (เทียบคำสั่งสภานายกพิเศษฯ ที่ 1/2547)

สรุป  การกระทำของนายชื่นและนายชุ่มทนายความมีความผิดตามข้อบังคับสภาทนายความฯ ข้อ 6 ข้อ 10(3) และข้อ 18

LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2552

การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2552

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW4002  การว่าความ

คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. นาย ก. มีบุตรชายสองคนคือ นาย ข. และนาย ค. ต่อมา นาย ก. ได้ถึงแก่กรรมลงโดยมิได้ทำ พินัยกรรมไว้ และไม่ได้กำหนดให้ผู้ใดเป็นผู้จัดการมรดก นาย ค. บุตรต่างมารดาของนาย ก. ได้ ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งขอเป็นผู้จัดการมรดกของนาย ก. เจ้ามรดก นาย ข. ทราบเรื่องจึงมีความประสงค์ที่จะคัดค้านความไมเหมาะสมของการร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนาย ค. โดยมีเหตุผล ดังนี้

1.         นาย ค. เป็นบุคคลที่ชอบเล่นการพนันและเมาสุราเป็นอาจิณ เป็นเหตุที่แสดงให้เห็นถึงความไม่สามารถของผู้ร้องที่จะจัดการมรดกให้เป็นไปโดยสุจริต

2.         นาย ค. เป็นบุคคลที่ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1718(3) เป็นการแสดงให้เห็นความขาดคุณสมบัติของผู้ร้องตามกฎหมาย

ดังนั้น ให้ท่านในฐานะทนายความของนาย ข. ยื่นคำร้องคัดค้านการขอเป็นผู้จัดการมรดกของ

นาย ค. ตามความประสงค์ของตัวความ

(ให้ร่างแต่ใจความในคำร้องโดยไม่ต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์ศาล)

ธงคำตอบ

ข้อ 1. คดีนี้ ผู้ร้องได้ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนาย ก. ผู้ตาย โดยนาย ก. ผู้ตายไม่ได้ ทำพินัยกรรมไว้ และไม่ได้ตั้งผู้ใดเป็นผู้จัดการมรดก ดังความแจ้งแล้วนั้น

ข้อ 2. ผู้ร้องคัดค้านเป็นบุตรของผู้ตายและเป็นทายาทโดยชอบด้วยกฎหมาย ขอร้องคัดค้าน ความไม่เหมาะสมของการร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ร้อง ทั้งนี้ผู้ร้องคัดค้านมีเหตุผลดังต่อไปนี้

2.1       ผู้ร้องเป็นบุคคลที่ชอบเล่นการพนันและเมาสุราเป็นอาจิณ เป็นเหตุที่แสดงให้เห็น ถึงความไม่สามารถของผู้ร้องที่จะจัดการมรดกให้เป็นไปโดยสุจริตและยุติธรรม

2.2       ผู้ร้องเป็นบุคคลที่ถูกศาลสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลายตามประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์มาตรา 1718(3) เป็นการแสดงให้เห็นความขาดคุณสมบัติของผู้ร้องตามกฎหมาย

ด้วยเหตุผลดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ผู้ร้องคัดค้านจึงขอคัดค้านการขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ร้อง โดยขอศาลได้โปรดยกคำร้องของผู้ร้องเสีย

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ……(ลายมือชื่อนาย ข.)……ผู้ร้องคัดค้าน

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายผู้ร้องคัดค้านเป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ…….(ลายมือชื่อนักศึกษา)…….ผู้เรียงและพิมพ์

ข้อ 2. ในคดีฟ้องล้มละลายระหว่างธนาคาร ก. โจทก์กับนาย ข. จำเลย ในชั้นดำเนินกระบวนพิจารณา ธนาคาร ก. ได้อ้างเอกสารเป็นพยานหลักฐานจำนวนไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันฉบับ ทำให้การคัดสำเนา เอกสารเพื่อส่งให้กับจำเลยเป็นไปด้วยความลำบากเพราะต้องใช้เวลามาก ซึ่งจะทำให้กระบวน พิจารณาคดีของศาลล่าช้า ธนาคาร ก. จึงมีความประสงค์จะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขออนุญาตไมส่ง สำเนาพยานเอกสารให้กับนาย ข. โดยขอส่งต้นฉบับทั้งหมดต่อศาลและให้นาย ข. มาตรวจพยาน เอกสารที่ศาลเอง ดังนั่น ให้ท่านในฐานะทนายความของธนาคาร ก. ร่างคำร้องยื่นต่อศาลตาม ความประสงค์ของตัวความ (ให้ร่างแต่ใจความในคำร้องเท่านั้นโดยไม่ต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์ศาล)

ธงคำตอบ

คำร้องขอให้คู่ความตรวจเอกสารเพราะเหตุสำเนาให้ไม่ทัน

ข้อ 1. คดีนี้ โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้เป็นบุคคลล้มละลาย คดีอยู่ระหว่างการนัดสืบพยาน แต่เนื่องจากพยานเอกสารที่โจทก์ยื่นต่อศาลนั้นมีไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันฉบับ การคัดสำเนาเอกสารเพื่อส่งให้กับจำเลย เป็นไปด้วยความลำบากเพราะต้องใช้เวลามากอาจทำให้กระบวนพิจารณาของศาลล่าช้า โจทก์จึงขอส่งต้นฉบับ เอกสารทั้งหมดต่อศาล และขอให้จำเลยมาตรวจเอกสารที่ศาลเอง ทั้งนี้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ขอศาล ได้โปรดอนุญาต

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อธนาคาร ก.)……ผู้ร้อง

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ……(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ผู้เรียงและพิมพ์

ข้อ3. ข้อเท็จจริงตามสำนวนการสอบสวนได้ความว่า เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2553 เวลาประมาณ 03.00 น.ขณะที่นายชัยเดินผ่านร้านสะดวกเอแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนสุขุมวิท ตำบลบางปลาสร้อย อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ได้พบเห็นนางสาวน้อยสวมสร้อยคอทองคำหนักหนึ่งบาท ราคา 17,000 บาท นายชัย จึงเดินเข้าไปทางด้านหลังของนางสาวน้อย แล้วเอื้อมมือไปกระชากสร้อยคอทองคำของนางสาวน้อย แต่นางสาวน้อยไหวตัวทันจึงคว้ามือนายชัยไว้มิให้นายชัยกระชากสร้อยคอไปพร้อมร้องตะโกนให้ คนช่วย นายชัยตกใจจึงปล่อยมือออกจากสร้อยคอแล้ววิ่งหนีไป ระหว่างนั้นเองมีตำรวจสายตรวจ สองนายขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมา จึงไล่ติดตามและจับนายชัยมาได้นำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี ชั้นสอบสวนนายชัยให้การรับสารภาพ ระหว่างพนักงานสอบสวนได้ นำตัวนายชัยไปฝากขังที่ศาลจังหวัดชลบุรี ตามคดีหมายเลขดำที่ ฝ. 125/2553

สมมุติว่านักศึกษาเป็นพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี   ผู้รับผิดชอบสำนวนคดีนี้ได้มีคำสั่งฟ้อง

นายชัยในข้อหาพยายามวิ่งราวทรัพย์ ให้นักศึกษาเรียงคำฟ้องคดีดังกล่าวเฉพาะเนื้อคำฟ้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158

ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 336 ผู้ใดลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ผู้นั้นกระทำความผิด ฐานวิงราวทรัพย์…

มาตรา 80 ผู้ใดลงมือกระทำความผิดไปไม่ตลอด หรือกระทำไปตลอดแล้วแต่การนั้นไม่บรรลุผล ผู้นั้นพยายามกระทำความผิด

ธงคำตอบ

ถ้าข้าพเจ้าเป็นพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี ผู้รับผิดชอบของสำนวนคดีนี้ ข้าพเจ้าจะเรียงคำ ฟ้องคดีนายชัยในข้อหาพยายามวิ่งราวทรัพย์ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2553 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยได้กระทำผิดต่อ กฎหมายกล่าวคือ จำเลยได้บังอาจลักเอาสร้อยคอทองคำหนักหนึ่งบาท ราคา 17,000 บาท ของนางสาวน้อย ผู้เสียหายไปโดยทุจริต โดยในการลักทรัพย์ดังกล่าวจำเลยได้ฉกฉวยเอาซึ่งหน้า จำเลยได้ลงมือกระทำความผิด ไปตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล เพราะผู้เสียหายไหวตัวทันแล้วขัดขวางมิให้จำเลยเอาสร้อยคอทองคำ ของผู้เสียหายไป จำเลยจึงไม่ได้ไปซึ่งสร้อยคอทองคำของผู้เสียหายสมดังเจตนาของจำเลย

เหตุเกิดที่ตำบลบางปลาสร้อย อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี

ข้อ 2. ตามวันเวลาดังกล่าวในฟ้องข้อ 1. ภายหลังจากที่จำเลยกระทำความผิดดังกล่าวในฟ้อง ข้อ 1. แล้ว เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้ และได้นำส่งพนักงานสอบสวน

ชั้นสอบสวน จำเลยให้การรับสารภาพ

ระหว่างสอบสวน จำเลยถูกควบคุมตัวตลอดมา ขณะนี้ต้องขังอยู่ตามหมายขังของศาลนี้ในคดี หมายเลขดำที่ ฝ. 125/2553 ขอให้ศาลเบิกตัวจำเลยมาเพื่อพิจารณาลงโทษต่อไป

 

ข้อ 4. นายสมชาย ได้เป็นโจทก์ฟ้องนายเก่งและนายอ้วนเป็นจำเลยในคดีแพ่ง ต่อมาโจทก์และจำเลยทั้งสอง ได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความ และศาลพิพากษาตามยอม จำเลยทั้งสองผิดนัดชำระหนี้ ศาลออกหมายบังคับคดี นายชัยรัตน์ ทนายความได้รับการแต่งตั้งจากโจทก์ ให้มีหน้าที่ดูแลและบังคับคดีแทนโจทก์ โจทก์ได้โอนเงินเข้าบัญชี เงินฝากของนายชัยรัตน์ เป็นเงินจำนวน 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาท) เพื่อให้ไปดำเนินการประมูลทรัพย์สินในคดีที่ถูกนำออกขายทอดตลาด เจ้าพนักงาน บังคับคดี ได้ขายทอดตลาดที่ดินในคดีนี้ไปโดยที่นายชัยรัตน์ไม่ได้ไปติดตามดูแลการขายทอดตลาด แต่อย่างใด หลังจากนั้น โจทก์จึงได้ทวงถามเงินจำนวน 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาท) จาก นายชัยรัตน์คืน แต่นายชัยรัตน์ไม่ยอมคืนเงินที่ได้มาให้แกโจทก์แต่อย่างใด

ให้วินิจฉัยว่า นายชัยรัตน์ ทนายความ มีความผิดตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมารยาททนายความ พ.ศ. 2529 หรือไม่ อย่างไร ให้อธิบาย

ธงคำตอบ

ตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 หมวด 3 เรื่องมรรยาท

ต่อตัวความ

ข้อ 12. การกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวต่อไปนี้ อันอาจทำให้เสื่อมเสียประโยชน์

ของลูกความ

(1)       จงใจขาดนัด หรือทอดทิ้งคดี

(2)       จงใจละเว้นหน้าที่ ที่ควรกระทำอันเกี่ยวแก่การดำเนินคดีแห่งลูกความของตน หรือปิดบังข้อความที่ควรแจ้งให้ลูกความทราบ

 ข้อ 15. กระทำการอันใดอันเป็นการฉ้อโกง ยักยอก หรือตระบัดสินลูกความ หรือครอบครอง หรือหน่วงเหนี่ยวเงินหรือทรัพย์สินของลูกความที่ตนได้รับมาโดยหน้าที่อันเกี่ยวข้องไว้นานเกินกว่าเหตุ โดยมิได้รับ ความยินยอมจากลูกความ เว้นแต่จะมีเหตุอันสมควร

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายชัยรัตน์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทนายโจทก์ และได้รับเงินจาก โจทก์จำนวน 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาท) เพื่อไปดำเนินการประมูลทรัพย์สินในคดีที่ถูกนำออกขายทอดตลาด แต่นายชัยรัตน์ไม่ได้ไปติดตามดูแลการขายทอดตลาด จนทำให้เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดที่ดินไป การกระทำของนายชัยรัตน์ดังกล่าว ถือว่าเป็นการจงใจละเว้นหน้าที่ที่ควรกระทำอันเกี่ยวแก่การดำเนินคดีของ ลูกความ เป็นการประพฤติผิดมรรยาททนายความตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 ข้อ 12.

และนอกจากนั้น เมื่อโจทก์ขอให้นายชัยรัตน์คืนเงินจำนวน 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาท) แต่นายชัยรัตน์ไม่ยอมคืนเงินที่ได้มาให้แกโจทก์ถือได้ว่า เป็นการยักยอกเงิน หรือตระบัดสินลูกความ อันเป็น การประพฤติผิดมรรยาททนายความ ตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 ข้อ 15. อีกข้อหนึ่งด้วย (เทียบได้ตามคำสั่งสภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความที่ 9/2547)

สรุป    นายชัยรัตน์ ทนายความ มีความผิดตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 ข้อ 12. และข้อ 15.

LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2552

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2552

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW4002  การว่าความ

คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ1. (ก) ความเป็นทนายจะสิ้นสุดลงได้ในกรณีใดบ้าง จงนอกเป็นข้อ ๆ

(ข) นายเอกได้รับหมายศาลขอแรงให้เป็นทนายแก้ต่างจำเลยในคดีอาญาเรื่องหนึ่ง นายเอกไม่ได้ ไปทำหน้าที่เพราะใบอนุญาตเป็นทนายความขาดต่ออายุ แต่นายเอกก็มิได้แจ้งเหตุขัดข้องให้ ศาลทราบ ดังนี้ จะถือว่านายเอกประพฤติผิด พ.ร.บ. ทนายความ พ.ศ. 2528 ว่าด้วย มรรยาททนายความหรือไม เพราะเหตุใด

งคำตอบ

(ก) ตาม พ.ร.บ. ทนายความ พ.ศ. 2528 มาตรา 44 ได้บัญญัติไว้ว่า ทนายความขาดจากการเป็น ทนายความ เมื่อ

1.         ตาย

2.         บอกเลิกจากการเป็นทนายความ

3.         ขาดการต่อใบอนุญาตตามมาตรา 39 วรรคสอง

4.         ถูกจำหน่ายชื่อลอกจากทะเบียนทนายความตามมาตรา 43 หรือ

5.         ถูกลบชื่อออกจากทะเบียนทนายความตามมาตรา 66 มาตรา 67 มาตรา 68 หรือมาตรา 69

(ข) ตาม พ.ร.บ. ทนายความ พ.ศ. 2528 และข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ

พ.ศ. 2529

ข้อ 4 “ทนายความผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับข้อใดข้อหนึ่ง ดังจะกล่าวต่อไปนี้ ให้ถือว่าทนายความผู้นั้นประพฤติผิดมรรยาททนายความ

ข้อ 5 “ไม่รับหน้าที่เมื่อผู้พิพากษาได้ขอแรงให้เป็นทนายความแก้ต่างคดีอาญา เว้นแต่จะมี ข้อแก้ตัวโดยสมควร

วินัจนัย

โดยหลักแล้วทนายความผู้ใด เมื่อผู้พิพากษาได้ขอแรงให้เป็นทนายแก้ต่างให้จำเลยในคดีอาญา ทนายความผู้นั้นจะต้องรับหน้าที่ดังกล่าวนั้น ถ้าทนายความไม่รับหน้าที่ในการนั้นโดยไม่มีเหตุสมควร ถือว่าเป็น การผิดมรรยาททนายความ และถ้ามีเหตุขัดข้องอย่างใดที่ทำให้ไม่อาจรับหน้าที่ได้ ต้องแจ้งเหตุขัดข้องดังกล่าว ให้ศาลทราบ เพื่อศาลจะได้ขอแรงทนายความคนอื่นต่อไป

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายเอกได้รับหมายศาลขอแรงให้เป็นทนายแก้ต่างให้จำเลยในคดีอาญาเรื่องหนึ่ง แต่นายเอกไม่ได้ไปทำหน้าที่นั้น     และแม้ว่านายเอกจะมีเหตุขัดข้องคือใบอนุญาตเป็นทนายความขาดต่ออายุ แต่นายเอกก็มิได้แจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ ดังนี้ถือว่าการกระทำของนายเอก เป็นการประพฤติผิด พ.ร.บ. ทนายความ พ.ศ. 2528 ว่าด้วยมรรยาททนายความ ข้อ 5. ดังกล่าวข้างต้น

สรุป กรณีดังกล่าว ถือว่านายเอกประพฤติผิด พ.ร.บ. ทนายความ พ.ศ. 2528 วาด้วยมรรยาททนายความ (ตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความฯ ข้อ 5.)

 

ข้อ 2. สมมุติข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2553 เวลาประมาณ 10 นาฬิกาเศษ นายอิ่ม เอมทรัพย์ ขับรถจักรยานยนต์ไปส่งภริยาจ่ายกับข้าวที่ตลาดสด แขวง และเขตสะพานสูง กรุงเทพฯ ระหว่าง รอรับภริยา นายอิ่มได้เดินไปซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ขณะถือกระเป๋าใส่สตางค์เพื่อจะหยิบเงิน จ่ายค่าสลากกินแบ่งให้ผู้ขาย ได้ถูกคนร้ายกระชากกระเป๋าสตางค์ ราคา 300 บาท ในกระเป๋า มีธนบัตรชนิดต่าง ๆ รวม 6.000 บาท บัตรเครดิตธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 1 ใบ ใบอนุญาตขับขี่รถจักรฆานยนต์ 1 ใบ คนร้ายวิ่งหนีไป นายอิ่มได้ตะโกนให้คนช่วยจับ บรรดา คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างบริเวณนั้นได้ช่วยกันจับคนร้ายได้ ทราบชื่อว่านายจน ขัดสนทรัพย์ นายอิ่มโทรศัพท์แจ้งตำรวจท้องที่รับตัวนายจนไปทำการสอบสวน ให้การรับสารภาพว่าติดยาบ้า ต้องการเงินไปซื้อยาบ้าเพื่อเสพย์ระหว่างสอบสวนผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวมาโดยตลอด ส่วนของกลาง ตำรวจคืนให้ผู้เสียหายรับไปแล้วสมมุติท่านในฐานะพนักงานอัยการที่รับผิดชอบคดีนี้ จงเรียบเรียง คำฟ้องอาญาฐานวิ่งราวทรัพย์ตาม บ่.อาญามาตรา 336 ซึ่งบัญญัติว่า ผู้ใดลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอา ซึ่งหน้า ผู้นั้นกระทำความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ ต้องระวางโทษ… ฯลฯ” (เรียบเรียงเฉพาะเนื้อหา คำฟ้องตาม ป.วิ.อาญามาตรา 158(5))

ธงคำตอบ

คำฟ้องอาญา

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2553 เวลากลางวัน จำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมาย กล่าวคือ จำเลยได้บังอาจลักเอากระเป๋าสตางค์ราคา 300 บาท ในกระเป๋ามีธนบัตรชนิดต่าง ๆ รวม 6,000 บาท บัตรเครดิตธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 1 ใบ ใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ 1 ใบ ของนายอิ่ม เอมทรัพย์ ผู้เสียหายโดยจำเลยใช้กริยาฉกฉวยกระชากเอากระเป๋าสตางค์พร้อมทรัพย์สินดังกล่าวของผู้เสียหายหนีไปซึ่งหน้า เหตุเกิดที่แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร

ข้อ 2. ในวันเวลาดังกล่าวในฟ้องข้อ 1. เวลากลางวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจับจำเลยได้ทำการ สอบสวนแล้ว จำเลยให้การรับสารภาพ ทรัพย์ของกลางผู้เสียหายได้รับคืนไปแล้ว

ระหว่างสอบสวนจำเลยได้ถูกควบคุมตัวมาโดยตลอด ได้ส่งตัวจำเลยมาพร้อมคำฟ้องนี้แล้ว

 

ข้อ 3. ในคดีแพ่งเรื่องหนึ่ง พนักงานส่งหมายรายงานศาลว่าส่งหมายเรียกและสำเนฟ้องให้จำเลยไม่ได้ เนื่องจากไมพบตัวจำเลย ทั้งประตูรั้วบ้านจำเลยใส่กุญแจไว้ ให้ท่านในฐานะทนายโจทก์เรียบเรียง คำแถลงขอศาลสั่งให้ส่งหมายฯ ให้จำเลยอีกครั้งหนึ่ง หากไม่พบจำเลยหรือไม่มีผู้ใดรับหมายฯ แทน ให้ขอศาลสั่งปิดหมายฯ ด้วย (เรียบเรียงเฉพาะเนื้อหา โดยไม่ต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์ศาล แต่ให้ ท่านลงชื่อให้บริบูรณ์ด้วย)

ธงคำตอบ

คำแถลงขอส่งหมาย

ข้อ 1. คดีนี้ ตามรายงานเจ้าหน้าที่ส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้จำเลยไมได้ รายละเอีย ดังปรากฏตามรายงานเจ้าหน้าที่แล้วนั้น โจทก์ขอยืนยันว่าจำเลยมีหลักฐานที่อยู่ดังปรากฏตามฟ้องแน่นอน ทั้งทราบล่วงหน้าด้วยว่าจะถูกโจทก์ฟ้อง จึงพยายามหลบหลีกการรับหมายเป็นการประวิงคดีให้ล่าช้า โจทก์จึงกราบเรียนมา ขอศาลได้โปรดมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานส่งหมายแก่จำเลยอีกครั้งหนึ่ง หากไมพบตัวจำเลยและไม่มีผู้ใดรับหมาย ขอศาลปิดหมายไว้ ณ บ้านเรือนจำเลยต่อไปด้วย ขอได้โปรดกรุณาอนุญาต

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ผู้แถลง

คำแถลงฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ผู้เรียงและพิมพ์

ข้อ 4 โจทก์ฟ้องขอหย่าและแบ่งสินสมรสจากจำเลย 200 ล้านบาท จำเลยให้การต่อสู้คดีตามกฎหมายแล้ว ต่อมาญาติผู้ใหญ่ที่ทั้งสองฝ่ายให้ความนับถือไกล่เกลี่ย โจทก์จำเลยตกลงกันได้ โจทก์ต้องการ ถอนฟ้องคดีนี้ ให้ท่านในฐานะทนายโจทก์เรียบเรียงคำร้องขอถอนฟ้อง (เฉพาะส่วนเนื้อหาโดย ไม่ต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์ศาล แต่ให้ท่านลงชื่อให้บริบูรณ์ด้วย)

ธงคำตอบ

ข้อ 1. คดีนี้ โจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยและจำเลยได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีตามกฎหมายแล้ว แต่ โจทก์และจำเลยตกลงกันได้ โจทก์ไม่ติดใจที่จะดำเนินคดีกับจำเลยอีกต่อไป จึงขอถอนฟ้องคดีนี้ ขอศาลได้โปรดกรุณาอนุญาต

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อโจทก์)….โจทก์

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์           

ลงชื่อ……(ลายมือชื่อนักศึกษา)…….ผู้เรียงและพิมพ์

LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2553

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2553

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW4002 การว่าความ

คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. ในคดีมรดกที่โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์มรดกในฐานะทายาทโดยธรรมของนาย ก. เจ้ามรดก จากจำเลย ในฐานะผู้จัดการมรดก คดีอยู่ระหว่างสืบพยานโจทก์นัดที่สอง ซึ่งโจทก์และจำเลยต่างใช้สิทธิระบุ พยานครั้งแรก และระบุพยานเพิ่มเติมเสร็จสิ้นแล้ว บังเอิญโจทก์ทราบภายหลังว่านาย ก. เจ้ามรดก มีเอกสารเก็บอยู่ในตู้นิรภัยที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขารามคำแหง ในวันที่ 8 กันยายน 2553 โจทก์ในฐานะทายาทของนาย ก. เจ้ามรดกได้นำกุญแจไปขอเปิดตู้นิรภัยที่ธนาคารดังกล่าว ปรากฏว่า ได้พบพินัยกรรมฉบับของนาย ก. เจ้ามรดกแบบเขียนเองทั้งฉบับลงวันที่ 1 มกราคม 2553 ยก ทรัพย์มรดกทั้งปวงให้กับโจทก์แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งทำให้จำเลยและทายาทอื่นหมดสิทธิที่จะรับ ทรัพย์มรดกตามพินัยกรรม

โจทก์มีความประสงค์ที่จะขอยื่นระบุพยานอ้างพินัยกรรมฉบับดังกล่าวต่อศาล โดยอ้างเหตุว่า โจทก์ไม่สามารถทราบได้ว่ามีเอกสารนี้มาก่อน จึงจำเป็นต้องยื่นเอกสารดังกล่าวนี้ต่อศาลในขณะนี้

ดังนั้น ให้ท่านในฐานะทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอระบุพยานเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 วรรคสาม (ให้ร่างแต่ใจความในคำร้องเท่านั้น)

ธงคำตอบ

คำร้องขอระบุพยานเพิ่มเติม (ในกรณีพิเศษ)

ข้อ 1. คดีนี้อยู่ระหว่างการสืบพยานโจทก์ โจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานครั้งแรกและได้ยื่น บัญชีระบุพยานเพิ่มเติม ดังความแจ้งแล้วนั้น

ข้อ 2. โจทก์ขอประทานเกราบเรียนต่อศาลว่า โจทก์เพิ่งทราบว่าเจ้ามรดกมีเอกสารเก็บอยู่ที่ ตู้นิรภัยที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขารามคำแหง เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2553 โจทก์ในฐานะทายาทของเจ้ามรดกได้นำ กุญแจไปเปิดตู้นิรภัยดังกล่าว และได้พบพินัยกรรมแบบเขียนเองทั้งฉบับของเจ้ามรดก ฉบับลงวันที่ 1 มกราคม 2553 ยกทรัพย์มรดกทั้งปวงให้กับโจทก์แต่เพียงผู้เดียว โจทก์ประสงค์ที่จะอ้างพินัยกรรมฉบับดังกล่าวเป็นพยานเอกสาร ของโจทก์ เนื่องจากระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดให้ยื่นบัญชีระบุพยานได้ล่วงเลยมาแล้ว แต่โจทก์เพิ่งทราบว่า มีพยานเอกสารนี้อยู่ในภายหลัง โจทก์จึงขอประทานอนุญาตศาลขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมที่ได้แนบมาพร้อม คำร้องนี้เป็นกรณีพิเศษ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ขอศาลได้โปรดอนุญาต

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อผู้ร้องหรือทนายโจทก์)…..ผู้ร้อง

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายผู้ร้องเป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ผู้เรียงและพิมพ์

หมายเหตุ

(1) การยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมในกรณีปกติให้ยื่นเป็น คำแถลง” ขอระบุพยานเพิ่มเติม ต่อศาล (ป.วิ.แพ่ง มาตรา 88 วรรคสอง)

(2) การยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมในกรณีพิเศษ ให้ยื่นเป็น คำร้อง” ขออนุญาตระบุพยาน เพิ่มเติมต่อศาล (ป.วิ.แพ่ง มาตรา 88 วรรคสาม)

 

ข้อ 2. ในคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาละเมิดเรียกค่าเสียหายจำนวน 1 ล้านบาท โจทก์ได้ส่งหมายเรียก และสำเนาคำฟ้องให้จำเลยแล้ว ครบกำหนดยื่นคำให้การในวันที่ 15 ตุลาคม 2553 และจำเลยยัง มิได้ยื่นคำให้การ ต่อมาในวันที่ 5 ตุลาคม 2553 โจทก์และจำเลยสามารถตกลงเรื่องค่าเสียหายได้ โดยจำเลยยอมชำระค่าเสียหายตามที่โจทก์เรียกร้อง โจทก์จึงไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดีกับจำเลย อีกต่อไป และมีความประสงค์ที่จะถอนฟ้องคดีนี้เสีย

ดังนั้น ให้ท่านในฐานะทนายความของโจทก์ร่างคำบอกกล่าวขอถอนฟ้องคดีให้แกโจทก์ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 (ให้ร่างแต่ใจความในคำบอกกล่าวเท่านั้น)

ธงคำตอบ

คำบอกกล่าวขอถอนฟ้อง

ข้อ 1. คดีนี้โจทก์ได้ส่งหมายเรียกสำเนาฟ้องให้จำเลยแล้ว ครบกำหนดยื่นคำให้การในวันที่ 15 ตุลาคม 2553 และจำเลยยังมิได้ยื่นคำให้การ รายละเอียดปรากฏในสำนวนแล้วนั้น

ข้อ 2. บัดนี้โจทก์และจำเลยสามารถตกลงกันได้โดยจำเลยยินยอมชดใช้ค่าเสียหายแกโจทก์ ตามที่โจทก์เรียกร้อง โจทก์จึงขอถอนฟ้องจำเลยเสีย ขอศาลได้โปรดอนุญาต และขอความกรุณาศาลได้โปรดสั่งคืน ค่าธรรมเนียมให้แก่โจทก์ด้วย

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ……..(ลายมือชื่อโจทก์หรือนักศึกษา)……..ผู้บอกกล่าว (หรือโจทก์)

คำบอกกล่าวฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์ เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ……..(ลายมือชื่อนักศึกษา)……ผู้เรียงและพิมพ์

 หมายเหตุ

(1)       การขอถอนฟ้องก่อนจำเลยยื่นคำให้การต้องทำเป็น คำบอกกล่าว” เป็นหนังสือยื่น

ต่อศาล ซึ่งเมื่อศาลได้รับคำบอกกล่าวขอถอนฟ้อง กรณีนี้ศาลย่อมมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนไปได้เลยโดย ไม่จำเป็นต้องสอบถามจำเลย เนื่องจากในชั้นนี้จำเลยยังไม่ได้ยื่นคำให้การ จำเลยยังไม่ได้เข้ามาในคดี

(2)       การขอถอนฟ้องภายหลังจากจำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีแล้ว ต้องทำเป็น คำร้อง” ยื่นต่อศาล ซึ่งเมื่อศาลได้รับคำร้องแล้ว ศาลจะอนุญาตให้ถอนหรือไม่อนุญาตก็ได้ ในกรณีที่ศาลเห็นสมควร อนุญาตให้ถอนฟ้องได้นั้น ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่ง ศาลต้องฟังคำชี้แจงของจำเลย หรือผู้ร้องสอด (ถ้ามี) เสียก่อน

ดังนั้น การขอถอนฟ้องในกรณีหลังนี้ เพื่อความรวดเร็วไม่ต้องรอให้ศาลสอบถามจำเลยว่าจะ คัดค้านการถอนฟ้องหรือไม่ จำเลยอาจบันทึกคำยินยอมให้โจทก์ถอนฟ้องต่อท้ายคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์ก็ได้

 

ข้อ 3. คดีอาญาเรื่องหนึ่งได้ความว่า เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2553 เวลาประมาณ 20 นาฬิกาเศษ นายแดง กับนายดำ ได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนขนาด .38 ยิงนายขาว ในขณะที่นายขาวนั่งรับประทานอาหารอยูที่ ร้านอาหารข้างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร จำนวน 3 นัด กระสุนถูกบริเวณลำตัวทะลุออกด้านหลังทั้งสามนัด แล้วทั้งนายแดงและนายดำพากัน หลบหนีไป ส่วนนายขาวนั้นมีพลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา นายขาวจึงไม่ถึงแก่ความตาย เพียงแต่ได้รับอันตรายสาหัส เมื่อพนักงานสอบสวนมาตรวจสถานที่เกิดเหตุ พบหัวกระสุนปืน จำนวน 3 หัว ตกอยู่ที่พื้น จึงยึดเป็นของกลาง ต่อมาวันที่ 1 กันยายน 2553 เวลา 07.00 นาฬิกา นายแดงถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับได้นำส่งพนักงานสอบสวน ชั้นสอบสวนนายแดงให้การรับสารภาพ พนักงานสอบสวนจึงนำตัวนายแดงไปฝากขังที่ศาลอาญาตามหมายขังที่ ฝ. 424/2553 และต่อมา พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนการสอบสวนส่งพนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญา และ พนักงานอัยการได้มีคำสั่งพ้องนายแดงในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

หากนักศึกษาเป็นพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบ นักศึกษาจะเรียงคำพ้องคดีนี้อย่างไร ให้เรียงเฉพาะ เนื้อหาคำพ้องตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 158(5) เท่านั้น โดยไม่ต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์คำฟ้อง

ป. อาญา มาตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา…

ป. อาญา มาตรา 80 ผู้ใดลงมือกระทำความผิดแต่กระทำไปไม่ตลอด หริอกระทำไปตลอดแล้วแต่ การกระทำนั้นไม่บรรลุผล ผู้นั้นพยายามกระทำความผิด

งคำตอบ

ถ้าข้าพเจ้าเป็นพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบคดีนี้ ข้าพเจ้าจะเรียงคำพ้องคดีนี้ ดังต่อไปนี้

คำฟ้องอาญา

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2553 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยนี้กับพวกที่ยังไมได้ตัว มาฟ้องได้บังอาจร่วมกันใช้อาวุธปีนขนาด .38 ยิงนายขาวผู้เสียหาย โดยเจตนาฆ่าจำนวน 3 นัด กระสุนถูกบริเวณ ลำตัวผู้เสียหาย จำเลยกับพวกได้ลงมือกระทำไปตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผลเพราะผู้เสียหายได้รับ การรักษาพยาบาลอย่างทันทวงที ผู้เสียหายจึงไม่ถึงแกความตายสมดังเจตนาของจำเลยกับพวก เพียงแต่ได้รับ อันตรายสาหัส รายละเอียดบาดแผลปรากฏตามรายงานการชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้อง

เหตุเกิดที่ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

ข้อ 2. ตามวันเวลาดังกล่าวในฟ้องข้อ 1. พนักงานสอบสวนยึดหัวกระสุนปืนจำนวน 3 หัว ตกอยูที่พื้นเป็นของกลาง และต่อมาวันที่ 1 กันยายน 2553 เวลากลางวัน เจ้าพนักงานจับจำเลยนี้ได้ และได้นำส่ง พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนแล้ว

ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ ของกลาง เจ้าพนักงานเก็บรักษาไว้

ระหว่างสอบสวน จำเลยถูกควบคุมตัวตลอดมา ขณะนี้ต้องขังอยู่ตามหมายขังที่ ฝ. 424/2523 ของศาลนี้ จึงขอศาลเบิกตัวจำเลยมาพิจารณาพิพากษาลงโทษตามกฎหมายต่อไป

 

ข้อ 4. นายสมชาย ทนายความตกลงรับจ้างว่าความให้แก่นายเอกจำเลยในคดีอาญาข้อหาลักทรัพย์ ซึ่งคดี ดังกล่าว ศาลนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 1 กันยายน 2553 เมื่อถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ นายสมชาย ทนายความไม่ไปศาล และไม่มีทนายความอื่นมาศาล ทำให้ศาลไมสามารถสืบพยานโจทก์ได้ โดย นายสมชายทนายความอ้างว่า นายเอกจำเลยแจ้งว่าได้ดำเนินการว่าจ้างทนายความคนใหม่แล้ว

ให้วินิจฉัย ข้ออ้างของนายสมชายทนายความ รับฟังไต้หรือไม่ และการที่นายสมชายทนายความ ไม่ไปศาล มีความผิดตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 หรือไม่ อย่างไร

ธงคำตอบ

ตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 หมวด 3 เรื่องมรรยาท

ต่อตัวความ

ข้อ 12. การกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวต่อไปนี้ อันอาจทำให้เสื่อมเสียประโยชน์

ของลูกความ

(1)       จงใจขาดนัด หรือทอดทิ้งคดี

(2)       ……………………….

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายสมชาย ทนายความ รับเป็นทนายความให้แกนายเอกแล้ว แต่ ไม่ได้ไปศาลในวันนัดสืบยานโจทก์ โดยอ้างว่า นายเอกจำเลยแจ้งว่าได้ดำเนินการว่าจ้างทนายความคนใหม่แล้วนั้น ข้อข้างชองนายสมชายทนายความรับฟังไม่ได้ ทั้งนี้เพราะแม้นายเอกจำเลยจะได้ดำเนินการว่าจ้างทนายความ คนใหม่แล้วก็ตาม แต่นายสมชายทนายความก็ยังมีหน้าที่ต้องไปศาล เพื่อทำหน้าที่ทนายความให้แกนายเอกจำเลย จนกว่าศาลจะมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนตัวจากการเป็นทนายความ จึงจะถือว่าหมดหน้าที่ของทนายความ

และการที่นายสมชายทนายความไม่ไปศาลตามกำหนดนัด ย่อมเล็งเห็นได้ว่าอาจทำให้เสื่อมเสีย ประโยชน์ของนายเอกลูกความและต่อกระบวนการพิจารณาซองศาล จึงถือว่าเป็นการทอดทิ้งคดี ดังนั้นการกระทำ ของนายสมชายดังกล่าว จึงเป็นการประพฤติผิดมรรยาททนายความ ตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาท ทนายความฯ ข้อ 12.(1)… (เทียบได้ตามคำสั่งสภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความที่ 9/2548)

สรุป ข้ออ้างของนายสมชายทนายความรับฟังไม่ได้ และการกระทำของนายสมชายทนายความ ที่ไม่ไปศาลนั้น ถือว่าเป็นการทอดทิ้งคดี มีความผิดตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความฯ ข้อ 12.(1)

LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2553

การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2553

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW4002  การว่าความ

คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. นางสาววรรณา โจทก์ยื่นฟ้องนางสาววรรณี จำเลยในความผิดฐานละเมิดเรียกค่าเสียหายเป็นทุนทรัพย์ ในการฟ้องคดีจำนวน ห้าแสนบาทถ้วน โดยนางสาววรรณาซึ่งเป็นโจทก์ระบุในคำฟ้องว่า ตนเองอายุ 21 ปี ศาลได้นัดสืบพยานโจทก์ในวันนี้ แต่นางสาววรรณี จำเลยได้ไปขอคัดทะเบียนบ้าน เลขที่ 100/100 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปี กรุงเทพมหานคร จากนายทะเบียน เขตบางกะปิแล้ว ปรากฏว่า นางสาววรรณามีอายุเพียง 19 ปี ซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ นางสาววรรณี จำเลยจึงมีความประสงค์ที่จะขอให้ศาลทำการสอบสวนในเรื่องความสามารถของนางสาววรรณา โจทก์เสียก่อนที่จะเริ่มดำเนินการสืบพยาน

ดังนั้น ให้ท่านในฐานะทนายความของนางสาววรรณี จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลตามความประสงค์ ของตัวความ (ให้ร่างแต่ใจความในคำร้องเท่านั้น โดยไมต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์ของศาล)

ธงคำตอบ

คำร้อง

ข้อ 1. คดีนี้ ศาลนัดสืบพยานโจทก์ในวันนี้ ดังความแจ้งแล้วนั้น

ข้อ 2. จำเลยขอกราบเรียนต่อศาลว่า โจทก์ระบุในคำฟ้องว่า อายุ 21 ปีนั้นไม่เป็นความจริง โดยจำเลยได้ไปขอคัดทะเบียนบ้านเลขที่ 100/100 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นบ้านที่อยู่ของโจทก์จากนายทะเบียนเขตบางกะปิแล้ว ปรากฏว่าโจทก์มีอายุเพียง 19 ปี ยังไม่บรรลุนิติภาวะ รายละเอียดปรากฏตามภาพถ่ายสำเนาทะเบียนบ้าน เอกสารท้ายคำร้อง จึงเห็นได้ชัดเจนว่า โจทก์ได้ยื่นฟ้องคดีนี้โดยเป็นผู้บกพร่องทางความสามารถ ฉะนั้นเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ขอศาลได้โปรด ทำการไต่สวนและมีค่าสั่งต่อไป ขอศาลได้โปรดอนุญาต

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

.           ลงชื่อ….(ลายมือชื่อนักศึกษาหรือจำเลย)…..ทนายจำเลย (ผู้ร้อง)

ค่าร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษทนายจำเลยเป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ……(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ผู้เรียงและพิมพ์

 

 

ข้อ 2. โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ชำระหนี้ตามสัญญากู้ เจ้าพนักงานเดินหมายของศาลได้นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งให้กับจำเลยเป็นครั้งแรก แต่ไม่สามารถส่งได้ เพราะไม่พบจำเลยและไม่มีผู้ใด ยอมรับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้แทน

ดังนั้น จึงให้ท่านในฐานะทนายโจทก์ยื่นคำแถลงต่อศาล ขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานเดินหมาย ของศาลนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งให้กับจำเลยอีกครั้งหนึ่ง หากไม่พบจำเลยหรือไม่มีผู้ใด ยอมรับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้แทนก็ไห้ปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้ ณ ภูมิลำเนา ของจำเลยตามความประสงค์ของโจทก์ (ให้ร่างแต่ใจความในคำแถลงเท่านั้น โดยไม่ต้องคำนึงถึง แบบพิมพ์ของศาล)

ธงคำตอบ

คำแถลง

ข้อ 1. คดีนี้ เจ้าพนักงานเดินหมายของศาลได้นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งให้กับ จำเลยครั้งแรกแต่ไม่พบจำเลย และไมมีผู้ใดยอมรับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้แทน โจทก์จึงขอให้ศาลได้โปรด มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานเดินหมายนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งให้กับจำเลยอีกครั้งหนึ่ง หากไมพบจำเลย หรือไม่มีผู้ใดยอมรับไว้แทนโดยชอบแล้ว ขอศาลได้โปรดมีคำสั่งให้ปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้ ณ ภูมิสำเนา ของจำเลยด้วย ขอศาลได้โปรดอนุญาต

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ….(ลายมือชื่อนักศึกษา)….ทนายโจทก์

คำแถลงฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ผู้เรียงและพิมพ์

ข้อ 3. นายล็ก ว่าจ้างให้นายใหญ่ เป็นทนายความ ฟ้องคดีอาญานายน้อย ในข้อหาความผิดอันเกิดจาก การใช้เช็คเป็นเงินตามเช็คจำนวน 200,000 บาท นายใหญ่ทนายความ ได้ยื่นฟ้องนายน้อยตอศาล หลังจากยื่นฟ้องแล้ว นายน้อยได้ชำระเงินตามเช็คจำนวน 200,000 บาท ให้แก่นายใหญ่ นายใหญ่ จึงได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง หลังจากที่นายใหญ่ได้รับเงินจำนวน 200,000 บาท จากนายน้อย แล้วก็ไม่ได้ส่งมอบเงินจำนวนดังกล่าวให้แกนายเล็กแต่อย่างใด

ให้วินิจฉัยว่า การที่นายใหญ่ไม่ส่งมอบเงินจำนวน 200,000 บาท ให้แก่นายเล็ก เป็นการประพฤติผิด มรรยาททนายความตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 หรือไม่ อย่างไร ให้อธิบาย

ธงคำตอบ

ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529

ข้อ 15 กระทำการใดอันเป็นการฉ้อโกง ยักยอก หรือตระบัดสินลูกความ หรือครอบครองหรือ หน่วงเหนี่ยวเงินหรือทรัพย์สินของลูกความที่ตนได้รับมาโดยหน้าที่อันเกี่ยวข้องไว้นานเกินกว่าเหตุ โดยมิได้รับความยินยอมจากลูกความ เว้นแต่จะมีเหตุอันสมควร

ข้อ 18 ประกอบอาชีพ ดำเนินธุรกิจ หรือประพฤติตนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดี หรือเป็นการเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายใหญ่ทนายความได้รับเงินจำนวน 200,000 บาท จากนายน้อยนั้น ถือว่าเป็นการรับแทนนายเล็กซึ่งเป็นลูกความ นายใหญ่ย่อมมีหน้าที่ต้องนำเงินจำนวนดังกล่าวมอบให้แก่นายเล็ก ที่เป็นตัวการ

เมื่อนายใหญ่ไม่มอบเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่นายเล็ก จึงเป็นการฉ้อโกงหรือยักยอกเงิน หรือทรัพย์สินของลูกความ ซึ่งนำมาซึ่งความเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ เป็นการ ประพฤติผิดมรรยาททนายความตามข้อบังคับสภทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 ข้อ 15 และข้อ 18 (เทียบได้ตามคำสั่งสภาทนายความพิเศษแห่งสภาทนายความที่ 6/2545)

สรุป การกระทำของนายใหญ่ดังกล่าว เป็นการประพฤติผิดมรรยาททนายความตามข้อบังคับ สภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 ข้อ 15 และข้อ 18

 

ข้อ 4. ในสำนวนการสอบสวนคดีอาญาเรื่องหนึ่งได้ความว่า เมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554 เวลา ประมาณ 20.30 นาฬิกา ขณะที่นายชอบ ชื่นชม เดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ที่ แขวงบางกะปิ เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร อยู่นั้น ได้มีนายเด่น และนายดวง นักเรียนต่างสถาบัน ซึ่งเคยมีเรื่องกันมาก่อนวิ่งตามเข้าไป แล้วนายเด่นได้ใช้มีดดาบปลายแหลมยาว 12 นิ้ว ฟันด้านหลัง และแทงบริเวณชายโครง นายดวงใช้อาวุธปีนลูกซองยิงบริเวณหน้าอกของนายชอบหนึ่งนัด เป็นเหตุให้นายชอบถึงแกความตาย ต่อมาวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2554 เวลาประมาณ 16.00 นาฬิกา เจ้าพนักงานจับนายเด่นได้พร้อมกับยึดมีดดาบที่ใช้ไนการกระทำความผิดดังกล่าวเป็นของกลางนำส่ง พนักงานสอบสวนทำการสอบสวน ชั้นสอบสวนนายเด่นให้การปฏิเสธ พนักงานสอบสวนได้นำตัว นายเด่นไปฝากขังไว้ที่ศาลอาญา ตามคดีหมายเลขดำที่ ฝ. 30/2554 ส่วนนายดวงนั้นพนักงานสอบสวน ได้ขอให้ศาลอาญาออกหมายจับไว้ แต่ยังจับตัวไม่ได้ และได้สรุปสำนวนการสอบสวนส่งพนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญา สำนักงานอัยการสูงสุด

สมมุติว่า นักศึกษาเป็นพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญาผู้รบผิดชอบคดีนี้ ให้นักศึกษาเรียง คำฟ้องคดีนี้ โดยเรียงเฉพาะเนื้อหาคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) เท่านั้น

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ผู้นั้นต้อง…

ธงคำตอบ

ถ้าข้าพเจ้าเป็นพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา ผู้รับผิดชอบคดีนี้ ข้าพเจ้าจะเรียงคำฟ้อง คดีนี้ เฉพาะเนื้อหาคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ดังต่อไปนี้

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยนี้กับพวกอีกหนึ่งคน ที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้บังอาจร่วมกันใช้อาวุธมีดดาบปลายแหลมยาว 12 นิ้ว และอาวุธปีนลูกซอง พันด้านหลัง แทงบริเวณชายโครง และยิงนายชอบ ชื่นชม ผู้ตาย บริเวณหน้าอกหนึ่งนัด เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลยกับพวก รายละเอียดบาตแผลปรากฏตามรายงานการชันสูตรพลิกศพของแพทย์ท้ายฟ้อง

เหตุเกิดที่ แขวงบางกะปิ เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

ข้อ 2. ต่อมาวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 เวลากลางวัน เจ้าพนักงานจับจำเลยนี้ได้พร้อมกับ ยึดมีดดาบที่ใช้ในการกระทำความผิดดังกล่าวในฟ้องข้อ 1. เป็นของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนทำการสอบสวน

ชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ ของกลางเจ้าพนักงานเก็บรักษาไว้

ระหว่างสอบสวน จำเลยถูกควบคุมตัวตลอดมา ขณะนี้ต้องขังอยู่ตามหมายขังของศาลนี้ในคดี หมายเลขดำที่ ฝ. 30/2554 ขอศาลได้โปรดเบิกตัวจำเลยมาพิจารณาและพิพากษาลงโทษตามกฎหมายต่อไป

LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2553

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2553

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW4002 การว่าความ

คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. คำคูความคดีอาญา (คำฟ้อง)

ข้อเท็จจริง จากการเตรียมคดีในสำนวนการสอบสวนได้ความว่า เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2554 เวลาประมาณ 20.00 นาที[กา ขณะที่นายทองแดงเดินอยู่หน้าโรงเรียนวัดสนามไชย ตำบลสนามชัย อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มีนายทองดำเดินเข้ามาประกบด้านข้างแล้วใช้มีด ปลายแหลมยาว 5 นิ้ว จี้ที่เอวแล้วบอกให้นายทองแดงส่งโทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง ราคา 10,000 บาท ของนายทองแดงให้แก่ตน ถ้าไมส่งมาให้ก็จะแทงทำร้ายให้ถึงแก่ความตาย นายทองแดง เกิดความกลัวจึงส่งโทรศัพท์มือถือให้ไป จากนั้นนายทองดำก็วิ่งหลบหนีไป ต่อมาวันที่ 2 พฤษภาคม 2554 สิบตำรวจโทสมชายจับนายทองดำได้ที่บ้านพักพร้อมกับยึดโทรศัพท์มือถือที่ชิงไปจาก นายทองแดงเป็นของกลางนำส่งร้อยตำรวจตรีนาวี พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรบางไทร ทำการสอบสวน ชั้นสอบสวนนายทองดำให้การรับสารภาพ เมื่อครบกำหนดควบคุมตัวจึงได้นำไป ฝากขังที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต่อมาเมื่อสอบสวนเสร็จพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวน การสอบสวนส่งพนักงานอัยการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ข้อกฎหมาย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 ผู้ใดลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือ ขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ

(1)       ให้ความสะดวกแกการลักทรัพย์หรือการพาทรัพย์นั้นไป

(2)       ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น

(3)       ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้

(4)       ปกปิดการกระทำความผิดนั้น หรือ

(5)       ให้พ้นจากการจับกุม

ผู้นั้นกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุก…

สมมุติว่า นักศึกษาเป็นพนักงานอัยการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาผู้รับผิดชอบดำเนินคดีนี้ ให้ นักศึกษาเรียงคำฟ้องในข้อหาชิงทรัพย์ (เฉพาะเนื้อหาคำฟ้องโดยไม่ต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์คำฟ้อง)

ธงคำตอบ

ถ้าข้าพเจ้าเป็นพนักงานอัยการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้รับผิดชอบดำเนินคดีนี้ ข้าพเจ้าจะเรียงคำฟ้องคดีนี้ ดังต่อไปนี้

คำฟ้องอาญา

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2554 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยซึ่งมีมีดปลายแหลมยาว 5 นิ้วเป็นอาวุธติดตัว ได้บังอาจลักเอาโทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่องราคา 10,000 บาท ของนายทองแดงผู้เสียหาย ไปโดยทุจริต ในการลักทรัพย์ดังกล่าวจำเลยได้ใช้มีดจี้ขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะแทงประทุษร้ายผู้เสียหายให้ถึงแกความตาย เพื่อให้ผู้เสียหายให้ความสะดวกแกการลักทรัพย์ ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น หรือยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้

เหตุเกิดที่ตำบลสนามชัย อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ข้อ 2. ต่อมาวันที่ 2 พฤษภาคม 2554 เจ้าหน้าที่ตำรวจจับจำเลยได้พร้อมโทรศัพท์มือถือ ของกลางที่จำเลยเอาไปจากผู้เสียหายนำส่งพนักงานสอบสวนทำการสอนสวน

ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ ของกลางเจ้าพนักงานเก็บรักษาไว้

ระหว่างสอบสวน จำเลยถูกควบคุมตัวตลอดมา ขณะนี้ต้องขังอยู่ที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงขอให้ศาลเบิกตัวจำเลยมาพิจารณาพิพากษาลงโทษตามกฎหมายต่อไป

 

ข้อ 2. คำคู่ความคดีแพ่ง (คำฟ้อง)

ข้อเท็จจริง เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2552 นายสมศักดิ์ได้กู้เงินไปจากนายสมัคร เป็นจำนวนเงิน 200,000 บาท โดยนายสมศักดิ์ยอมจ่ายดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี มีกำหนดเวลาใช้คืนภายใน วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2554 นายสมศักดิ์ได้รับเงินจำนวนที่กู้ไปครบถ้วนแล้วและได้ทำสัญญากู้ไว้เป็น หลักฐานในวันดังกล่าว ต่อมาเมื่อครบกำหนดระยะเวลาการชำระหนี้ตามสัญญาแล้ว นายสมศักดิ์ ไม่ได้ชำระหนี้เงินกู้จำนวนดังกล่าวพร้อมชำระดอกเบี้ยคืนตามสัญญา นายสมัครจึงประสงค์จะฟ้อง เรียกเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยที่ค้างชำระทั้งหมดจากนายสมศักดิ์

ฉะนั้นสมมุติว่า นักศึกษาเป็นทนายความของนายสมัคร ให้นักศึกษาเรียงคำฟ้องเรียกเงินต้น พร้อมดอกเบี้ยที่ค้างชำระทั้งหมดจากนายสมศักดิ์

ธงคำตอบ

คำฟ้องแพ่ง

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2552 จำเลยได้กู้ยืมเงินจากโจทก์ไปเป็นจำนวน 200,000 บาท (สองแสนบาทถ้วน) โดยจำเลยยอมจ่ายดอกเบี้ยในอัตราร้อยสะ 15 ต่อปี มีกำหนดเวลาใช้คืนภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2554 ซึ่งจำเลยได้รับเงินจำนวนที่กู้ปครบถ้วนแล้ว และได้ทำสัญญากู้ไว้เป็นหลักฐานในวันดังกล่าว รายละเอียด ปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายหนังสือสัญญากู้ยืมเงินฉบับลงวันที่ 1 สิงหาคม 2552 เอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 1

ข้อ 2. เมื่อครบกำหนดระยะเวลาการชำระหนี้ตามสัญญากู้ จำเลยไม่ยอมชำระหนี้เงินกู้ จำนวน 200.000 บท (สองแสนบาทถ้วน) ดังกล่าว ทั้งไม่เคยชำระดอกเบี้ยให้แกโจทก์ตามสัญญาเลย โจทก์ได้ ทวงถามแล้วแต่จำเลยกลับเพิกเฉย การกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นการผิดสัญญากู้ยืมเงิน ทำให้โจทก์ได้รับ ความเสียหาย

จำเลยต้องรันผิดชำระต้นเงินคืนให้แก่โจทก์จำนวน 200,000 บาท (สองแสนบาทถ้วน) และ ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากเงินต้นดังกล่าวเป็นจำนวนเงิน 45,000 บาท (สี่หมื่นห้าพันบาทถ้วน) รวม เป็นเงินที่จำเลยจะต้องชำระคืนให้แกโจทก์ 245,000 บาท (สองแสนสี่หมื่นห้าพันบาทถ้วน)

โจทก์ไม่มีทางอื่นใดที่จะบังคับจำเลยได้ จึงต้องมาฟ้องเป็นคดีนี้ เพื่อขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง เพื่อบังคับจำเลยต่อไป

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ทนายโจทก์

คำฟ้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ระบุชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ……(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ผู้เรียงและพิมพ์

 คำขอท้ายฟ้อง

ข้อ 1. ขอให้จำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยที่ค้างชำระรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 245,000 บาท (สองแสนสี่หมื่นห้าพันบาทถ้วน)

ข้อ 2. ขอให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงิน 200,000 บาท (สองแสนบาทถ้วน) นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จสิ้น

ข้อ 3. ขอให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์

ข้อ 3. การจัดทำเอกสารทางกฎหมาย (สัญญา/หนังสือทวงถาม)

ข้อเท็จจริง 

 

ข้อ 3. นางสดศรี สายสมร ได้มาพบนักศึกษาพร้อมกับแจ้งว่า เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2553 ตนเองได้ให้นายยอดชาย คล้ายคลึง เช่าบ้านเลขที่ 212 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร เพื่อการอยู่อาศัยเป็นเวลา 2 ปีนับแต่วันทำสัญญาเช่า ในอัตราค่าเช่าเดือนละ 3,500 บาท โดยต้องชำระค่าเช่าทุกวันสิ้นเดือน แต่ต่อมาเมื่อสิ้นเดือนธันวาคม 2553 นายยอดชาย มิได้ชำระค่าเช่าของเดือนธันวาคม 2553 และไม่ยอมชำระค่าเช่าเดือนต่อมาจนถึงปัจจุบัน นางสดศรี จึงมอบหมายให้นักศึกษาเป็นผู้รับอำนาจทวงถามค่าเช่าที่ค้างชำระและขับไล่นายยอดชายแทนตน ในเบื้องต้น จึงให้นักศึกษาทำหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่า ทวงถามค่าเช่าที่ค้างชำระและแจ้งให้ นายยอดชายพร้อมบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากบ้านเช่าดังกล่าวต่อไป

ธงคำตอบ

หนังสือบอกเลิกสัญญาเช่า

                           วันที่…………..เดือน………….พ.ศ……………

เรื่อง บอกเลิกสัญญาเช่า เรียน คุณยอดชาย คล้ายคลึง

ตามที่ท่านได้ทำสัญญาเช่าบ้านเลขที่ 212 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร กับนางสดศรี สายสมร ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านและเป็นผู้ให้เช่า เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2553 เพื่อการอยู่อาศัยเป็นเวลา 2 ปีนับแต่วันทำสัญญาเช่า ในอัตราค่าเช่าเดือนละ 3,500 บาท (สามพันห้าร้อยบาทถ้วน) โดยตกลงชำระค่าเช่าทุกวันสิ้นเดือนนั้น

บัดนี้ ปรากฏว่าท่านไค้ผิดสัญญาเช่า กล่าวดือท่านไม่ได้ชำระค่าเช่าของเดือนธันวาคม 2553 และ ไม่ยอมชำระค่าเช่าเดือนต่อมาจนถึงปัจจุบัน และนางสดศรี สายสมร ผู้ให้เช่าไมประสงค์ที่จะให้ทานเช่าบ้านเลขที่ ดังกล่าวต่อไป จึงได้มอบหมายเรื่องนี้ให้ข้าพเจ้าดำเนินการ

ฉะนั้น โดยหนังสือฉบับนี้ ข้าพเจ้าในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากนางสดศรี สายสมร จึงขอบอกเลิกสัญญาเช่าบ้านเลขที่ดังกล่าวข้างต้นตามที่ท่านได้ทำความตกลงไว้กับนางสดศรี สายสมร เสีย และขอให้ท่าน ได้โปรดทำการขนย้ายทรัพย์สิน และบริวารออกไปจากบ้านเลขที่ดังกล่าว และส่งมอบบ้านพร้อมทั้งขอให้ท่าน ชำระค่าเช่าที่ท่านค้างชำระทั้งหมดนับแต่ที่ท่านได้ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าตั้งแต่เดือนธันวาคม 2552 เป็นต้นมา ให้แก่ นางสดศรี สายสมร ภายในกำหนดเวลา 15 วันนับแต่วันที่ท่านได้รับหนังสือฉบับนี้

หากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว ท่านยังไม่จัดการประการใด ข้าพเจ้ามีความจำเป็น ที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายกับท่านตามความประสงค์ของนางสดศรี สายสมร ต่อไป

อนึ่ง หากท่านมีความประสงค์ที่จะตกลงในเรื่องนี้ด้วยดีประการใดขอท่านได้โปรดติดต่อกับ

ข้าพเจ้า ณ…………โทร………….ภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าวด้วย จักได้รับ

ความขอบคุณยิ่ง

ขอแสดงความนับถือ

ลงชื่อ…………….(ลายมือชื่อนักศึกษา)………………..

(………………………………………………………………..)

ผู้รับมอบอำนาจ

ข้อ 4. พระราชบัญญัติทนายความ

คำถาม นักศึกษามีความเข้าไจในมรรยาททนายความที่มีต่อตัวความว่าอย่างไร และเหตุใดจึงต้อง กำหนดมรรยาทในเรื่องนี้ ให้นักศึกษาอธิบายพร้อมยกตัวอย่างประกอบโดยย่อ

ธงคำตอบ

มรรยาททนายความ หมายถึง จรรยาบรรณที่กำหนดเป็นข้อปฏิบัติแสะข้อห้ามปฏิบัติในการ ประกอบวิชาชีพทนายความ (Professional Ethics) มรรยาททนายความจึงเป็นข้อบังคับที่เป็นแนวทางในการ ประกอบวิชาชีพทนายความ ซึ่งทนายความทุกคนต้องเคร่งครัดถือปฏิบัติตามเพื่อให้วิชาชีพทนายความเป็นวิชาชีพ ที่ผดุงความยุติธรรมได้อย่างแท้จริง

ตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 เรื่องมรรยาทายความ ที่มีต่อตัวความนั้นมีบัญญัติไว้ในข้อ 9 ถึงข้อ 15 มีดังต่อไปนี้

ข้อ 9 กระทำการใดอันเป็นการยุยงส่งเสริมให้มีการฟ้องร้องคดีกัน ในกรณีอันหามูลมิได้

ข้อ 10 ใช้อุบายอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวต่อไปนี้ เพื่อจูงใจให้ผู้ใดมอบคดีให้ว่าต่างหรือแก้ต่าง

(1)       หลอกลวงให้เขาหลงว่าคดีนั้นจะชนะ เมื่อตนรู้สึกแกใจว่าจะแพ้

(2)       อวดอ้างว่าตนมีความรู้ยิ่งกว่าทนายความอื่น

(3)       อวดอ้างว่าเกี่ยวเป็นสมัครพรรคพวกรู้จักคุ้นเคยกับผู้ใด อันกระทำให้เขาหลงว่า ตนสามารถจะกระทำให้เขาได้รับผลเป็นพิเศษ นอกจากทางว่าความ หรือหลอกลวงว่าจะชักนำจูงใจให้ผู้นั้นช่วยเหลือ คดีในทางใด ๆ ได้ หรือแอบอ้างขู่ว่าถ้าไม่ให้ตนว่าคดีนั้น แล้วจะหาหนทางให้ผู้นั้นกระทำให้คดีของเขาแพ้

ข้อ 11 เปิดเผยความลับของลูกความที่ได้รู้ในหน้าที่ของทนายความ เว้นแตจะได้รับอนุญาต จากลูกความนั้นแล้ว หรือโดยอำนาจศาล

ข้อ 12 กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวต่อ ไปนี้ อันอาจทำให้เสื่อมเสียประโยชน์ของลูกความ

(1)       จงใจขาดนัด หรือทอดทิ้งคดี

(2)       จงใจละเว้นหน้าที่ ที่ควรกระทำอันเกี่ยวแก่การดำเนินคดีแหงลูกความของตน หรือปิดบังข้อความที่ควรแจ้งให้ลูกความทราบ

ข้อ 13 ได้รับปรึกษาหารือ หรือได้รู้เรื่องกรณีแห่งคดีใดโดยหน้าที่อันเกี่ยวข้องกับคูความ ฝ่ายหนึ่ง แล้วภายหลังไปรับเป็นทนายความหรือใช้ความรู้ที่ได้มานั้นช่วยเหลือคูความอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งเป็นปรปักษ์ อยู่ในกรณีเดียวกัน

ข้อ 14 ได้รับเป็นทนายความแล้ว ภายหลังใช้อุบายด้วยประการใด ๆ โดยปราศจากเหตุผล อันสมควรเพื่อจะให้ตนได้รับประโยชน์นอกเหนือจากที่ลูกความได้ตกลงสัญญาให้

ข้อ 15 กระทำการใดอันเป็นการฉ้อโกง ยักยอก หรือตระบัดสินลูกความ หรือครอบครอง หรือหน่วงเหนี่ยวเงินหรือทรัพย์สินของลูกความที่ตนได้รับมาโดยหน้าที่อันเกี่ยวข้องไว้นานเกินกว่าเหตุ โดยมิได้รับความยินยอมจากลูกความ เว้นแต่จะมีเหตุอันสมควร

สำหรับเหตุผลที่ต้องมีการกำหนดมรรยาทในเรื่องนี้ก็เพราะว่า อาชีพทนายความเป็นอาชีพอิสระ และต้องสัมผัสใกล้ชิดลูกความของตน เพราะฉะนั้นทนายความจึงต้องซื่อสัตย์ ดำรงตนอย่างมีศักดิ์ศรี สร้างความเชื่อถือแก่บุคคลทั่วไป ทั้งต้องประพฤติตนสะสมความดีงามมิให้มีมลทินด่างพร้อยในวิชาชีพ เนื่องจาก ทนายความก็คือปุถุชนธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ย่อมมีกิเลสประพฤติดีประพฤติชั่วได้ ยิ่งประกอบอาชีพเป็นอิสระด้วยแล้ว ถ้าหากไมมีกรอบหรือวินัยคอยควบคุมแล้ว ลูกความหรือบุคคลอื่น ๆ อาจได้รับความเสียหายได้โดยง่าย

และมาตรา 51 แห่ง พ.ร.บ. ทนายความ พ.ค. 2528 ยังได้บัญญัติไว้อีกว่า ทนายความต้อง ประพฤติตนตามข้อบังคับว่าด้วยมรรยาททนายความ…

ทนายความผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับที่สภาทนายความตราขึ้นตามวรรคหนึ่ง ให้ ถือว่าทนายความผู้นั้นประพฤติผิดมรรยาททนายความ

คัวอย่างเช่น นาย ก. เป็นทนายความ ได้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ยุยงส่งเสริมให้มี การฟ้องร้องคดีกันทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่ไม่มีมูล หรือได้เปิดเผยความลับของลูกความตามที่ตนได้รู้มาในหน้าที่ของทนายความ หรือไม่เอาใจใส่ทอดทิ้งคดีของลูกความซึ่งอาจเป็นเหตุให้ลูกความแพ้คดี การกระทำดังกล่าวของ นาย ก. ทนายความ ถือว่าเป็นการกระทำผิดมรรยาททนายความตาม พ.ร.บ. ทนายความ พ.ศ. 2528 มาตรา 51

LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2554

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2554

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW4002 การว่าความ

คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ

ข้อ 1. ในคดีอาญา พนักงานอัยการโจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยในข้อหาลักทรัพย์ ศาลอาญาได้พิพากษาให้จำคุก จำเลยเป็นเวลา 2 ปี เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2554 ครบกำหนดที่คู่ความจะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษา ชองศาลอาญาได้ภายในวันที่ 14 ตุลาคม 2554 จำเลยมีความประสงค์ที่จะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษา ของศาลอาญาดังกล่าวต่อศาลอุทธรณ์ แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของศาลอาญาคัดคำพิพากษาให้จำเลย ไมทันภายในระยะเวลาของการยื่นอุทธรณ์ จำเลยมีความประสงค์ที่จะยื่นคำร้องเพื่อขอขยาย ระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไปอีก 30 วัน นับแต่วันครบกำหนดการยื่นอุทธรณ์

ให้ท่านในฐานะทนายความของจำเลยร่างคำร้องเพี่อขอขยายระยะเวลาการยื่นอุทธรณ์ ตามความ ประสงค์ของจำเลย (ให้ร่างแต่ใจความในคำร้องเท่านั้น โดยไมต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์ของศาล)

ธงคำตอบ

คำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์

ข้อ 1. คดีนี้ ครบกำหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์ในวันที่ 14 ตุลาคม 2554 แต่เนื่องจาก เจ้าหน้าที่ของศาลคัดคำพิพากษาให้จำเลยไมทันภายในระยะเวลาของการยื่นอุทธรณ์ ทำให้จำเลยไม่สามารถ เรียงอุทธรณ์ได้ทันตามกำหนดได้ จึงมีความประสงค์ที่จะขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไปสัก 30 วัน นับแต่ วันครบกำหนดการยื่นอุทธรณ์ ขอศาลได้โปรดอนุญาต

ควรมีควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ……(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ทนายจำเลย

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายจำเลยเป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ผู้เรียงและพิมพ์

ข้อ 2. วันนี้เป็นวันที่ศาลนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกในคดีฟ้องเพิกถอนผู้จัดการมรดก นายธีรพงษ์ซึ่งเป็นโจทก์และต้องการเบิกความเป็นพยานปากแรกและเป็นพยานสำคัญในคดีนี้เกิดป่วยด้วยโรคท้องร่วงอย่างรุนแรง แพทย์ให้พัก 3 วัน ตามใบรับรองแพทย์ที่นำมาแสดง ทำให้ไม่สามารถมาเบิกความ ต่อศาลในวันนี้ได้ โจทก์มีความประสงค์ที่จะเลื่อนการสืบพยานโจทก์ออกไปนัดหนึ่ง ดังนั้น ให้ท่าน ในฐานะทนายความของโจทก์ร่างคำร้องเพี่อยื่นต่อศาลตามความประสงค์ของตัวความ (ให้ร่างแต่ ใจความในคำร้องเท่านั้น ไม่ต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์ของศาล)

ธงคำตอบ

คำร้องขอเลื่อนคดี

ข้อ 1. คดีนี้ศาลนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกในวันนี้ แต่เนื่องจากโจทก์ซึ่งเป็นพยานสำคัญที่ จะต้องเบิกความเป็นพยานคนแรกในวันนี้ เกิดป่วยด้วยโรคท้องร่วงอย่างรุนแรง แพทย์ให้พัก 3 วัน ทำให้ไม่สามารถ มาเบิกความต่อศาลในวันนี้ได้ รายละเอียดปรากฏตามใบรับรองแพทย์ที่ได้แนบมาพร้อมคำร้องฉบับนี้

ด้วยเหตุดังได้ประทานกราบเรียนมาแล้วข้างต้น โจทก์จึงขอเลื่อนการสืบพยานในวันนี้ออกไป สักนัดหนึ่ง เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ขอศาลได้โปรดอนุญาต

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ……(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ทนายโจทก์

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ผู้เรียงและพิมพ์

ข้อ 3. ข้อเท็จจริง จากการเตรียมคดีในสำนวนการสอบสวนคดีเรื่องหนึ่งได้ความว่าเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลาประมาณ 20.30 นาฬิกา นายจอมกับนายจอบได้เข้าไปใช้คีมตัดเหล็กดัดกุญแจและ โซ่ที่คล้องรถจักรยานยนต์ราคา 45,000 บาท ของนายทะนงผู้เป็นเกษตรกรทำนา โดยรถจักรยานยนต์ คันดังกล่าวจอดอยู่บนเนินดินข้างบ้านเพราะบริเวณบ้านถูกน้ำท่วมจากอุทกภัยในพื้นที่ตำบลบางปลาม้า อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี แล้วลักเอารถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไป ต่อมาวันที่ 10 กันยายน 2554 เวลาประมาณ 16.00 นาฬิกา เจ้าพนักงานจับนายจอมได้พร้อมกับยึดรถจักรยานยนต์ ที่นายจอมกับนายจอบร่วมกันลักเอาไปดังกล่าวเป็นของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนทำการสอบสวน ชั้นสอบสวนนายจอมให้การรับสารภาพ พนักงานสอบสวนได้นำตัวนายจอมไปฝากขังไว้ที่ศาล จังหวัดสุพรรณบุรี ตามคดีหมายเลขตำที่ ฝ.339/2554 เสร็จแล้วสรุปสำนวนการสอบสวนส่ง พนักงานอัยการจังหวัดสุพรรณบุรี ส่วนนายจอบยังจับตัวไมได้

ข้อกฎหมาย ประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 334 ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐาน…

มาตรา 335 ผู้ใดลักทรัพย์

(1)       ในเวลากลางคืน

(2)       ในที่หรือบริเวณที่มีเหตุเพลิงไหม้ การระเบิด อุทกภัย หรือในที่ หรือบริเวณที่…

(3)       โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์…

(7) โดย…หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป (12) ที่เป็นของผู้มีอาชีพกสิกรรม…

ต้องระวางโทษ…

สมมุติว่านักศึกษาเป็นพนักงานอัยการสำนักงานอัยการจังหวัดสุพรรณบุรีผู้รับผิดชอบดำเนินคดีนี้ และมีคำสั่งฟ้องนายจอมในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ ให้นักศึกษาเรียงคำฟ้องคดีนี้เฉพาะเนื้อหาคำฟ้อง ในภาคการกระทำความผิดและการได้ตัวนายจอมมาดำเนินคดีเท่านั้น ทั้งนี้ไม่ต้องคำนึงถึง แบบพิมพ์คำฟ้องแต่ประการใด

 ธงคำตอบ

ถ้าข้าพเจ้าเป็นพนักงานอัยการสำนักงานอัยการจังหวัดสุพรรณบุรีผู้รับผิดชอบดำเนินคดีนี้ และมีคำสั่งฟ้องนายจอมในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ ข้าพเจ้าจะเรียงคำฟ้องคดีนี้ ดังต่อไปนี้

คำฟ้องอาญา

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2554 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยนี้กับพวกที่ยังไมได้ตัว มาฟ้องอีกหนึ่งคน ได้กระทำการอันเป็นความผิดต่อกฎหมาย กล่าวคือ ได้บังอาจลักเอารถจักรยานยนต์จำนวน 1 คัน ราคา 45,000 บาท (สี่หมื่นห้าพันบาท) ของนายทะนงผู้เสียหายซึ่งมีอาชีพกสิกรรมไปโดยทุจริต โดยในการลักทรัพย์ดังกล่าว จำเลยและพวกได้ใช้คีมตัดเหล็กตัดกุญแจและโซ่ที่คล้องรถจักรยานยนต์อันเป็นการ ทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์นั้น ซึ่งจอดในที่หรือบริเวณที่มีเหตุอุทกภัย

เหตุเกิดที่ตำบลบางปลาม้า อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี

ข้อ 2. ต่อมาวันที่ 10 กันยายน 2554 เวลากลางวัน เจ้าพนักงานจับจำเลยนี้มาได้พร้อมกับ ยึดรถจักรยานยนต์ที่จำเลยกับพวกร่วมกันลักเอาไปเป็นของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนทำการสอบสวน

ชันสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ

ของกลางพนักงานสอบสวนเก็บรักษาไว้

ระหว่างสอบสวน จำเลยถูกควบคุมตัวมาตลอด ตามหมายขังของศาลนี้ในคดีหมายเลขดำที่ ฝ.339/2554 ขอศาลเบิกตัวจำเลยมาเพื่อพิจารณาพิพากษาลงโทษตามกฎหมายต่อไป

LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2554

การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2554

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW4002  การว่าความ

คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. นายเฉลิมได้ว่าจ้างให้นายฉลาด ทนายความยื่นฟ้องและดำเนินคดีกับนายแจ่มต่อศาลแพ่งในข้อหา ผิดสัญญาซื้อขาย ซึ่งต่อมาศาลแพ่งได้มีคำพิพากษาให้ยกฟ้องคดีดังกล่าว นายฉลาดทนายความ จึงได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาซองศาลแพ่ง แต่ปรากฏว่าหลังจากนายฉลาดทนายความได้ ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาแล้ว นายฉลาดทนายความไม่ได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ไห้แก่นายแจ่ม จำเลยภายในเวลาที่ศาลกำหนดไว้ เป็นเหตุให้ศาลมีคำสั่งให้จำหน่ายคดี

ให้วินิจฉัยว่า การกระทำของนายฉลาดทนายความในกรณีดังกล่าว มีความผิดตามข้อบังคับ สภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 หรือไม่ อย่างไร

ธงคำตอบ

ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529

ข้อ 12. กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวต่อไปนี้ อันอาจทำให้เสื่อมเสียประโยชน์ของ

ลูกความ

(2)       จงใจละเว้นหน้าที่ ที่ควรกระทำอันเกี่ยวแก่การดำเนินคดีแห่งลูกความของตนหรือปิดบัง ข้อความที่ควรแจ้งให้ลูกความทราบ

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายฉลาดทนายความของนายเฉลิมได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษา ของศาลแพ่งที่ได้มีคำพิพากษาให้ยกฟ้องคดีดังกล่าว แต่หลังจากได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษานั้นแล้ว นายฉลาดทนายความไม่ได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่นายแจ่มจำเลยภายในเวลาที่ศาลกำหนดไว้ เป็นเหตุให้ศาล มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีนั้น ถือว่าเป็นการกระทำที่ทำให้เสื่อมเสียประโยชน์ของลูกความโดยการจงใจละเว้นหน้าที่ ที่ควรกระทำอันเกี่ยวแกการดำเนินคดีแห่งลูกความของตน จึงเป็นการประพฤติผิดมรรยาททนายความ ตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 ข้อ 12. (2) (คำสั่งสภานายกพิเศษฯ ที่ 4/2540)

สรุป การกระทำของนายฉลาดทนายความในกรณีดังกล่าว มีความผิดตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 ข้อ 12. (2)

 

ข้อ 2. นายสมหมายมีบุตรชายสองคนคือ นายสมชาย และนายสมศักดิ์ ต่อมานายสมหมายถึงแก่กรรมลง โดยมิได้ทำพินัยกรรมไว้ และไม่ได้กำหนดให้ผู้ใดเป็นผู้จัดการมรดก นายสมศักดิ์บุตรต่างมารดา ของนายสมหมายได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งขอเป็นผู้จัดการมรดกของนายสมหมายเจ้ามรดก นายสมชายทราบเรื่องจึงมีความประสงค์ที่จะคัดค้านความไมเหมาะสมของการร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของ นายสมศักดิ์ โดยมีเหตุผลดังนี้

1)         นายสมศักดิ์ เป็นบุคคลที่ชอบเล่นการพนันและเมาสุราเป็นอาจิณ เป็นเหตุที่แสดงให้เห็นถึง ความไม่สามารถของผู้ร้องที่จะจัดการมรดกให้เป็นไปโดยสุจริต

2)         นายสมศักดิ์ เป็นบุคคลที่ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายตามประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ มาตรา 1718(3) เป็นการแสดงให้เห็นความขาดคุณสมบัติของผู้ร้องตามกฎหมาย

ดังนั้น ให้ท่านในฐานะทนายความของนายสมชาย ยื่นคำร้องคัดค้านการขอเป็นผู้จัดการมรดกของ นายสมศักดิ์ ตามความประสงค์ของตัวความ (ให้ร่างใจความในคำร้องเทานั้น โดยไม่ต้องคำนึงถึง แบบพิมพ์ศาล)

ธงคำตอบ

คำร้องคัดค้านการขอเป็นผู้จัดการมรดก

ข้อ 1. คดีนี้ ผู้ร้องได้ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนายสมหมายผู้ตาย โดยนายสมหมายผู้ตาย ไมได้ทำพินัยกรรมไว้ และไม่ได้ตั้งผู้ใดเป็นผู้จัดการมรดก ดังความแจ้งแล้วนั้น

ข้อ 2. ผู้ร้องคัดค้านเป็นบุตรของผู้ตายและเป็นทายาทโดยชอบด้วยกฎหมาย ขอร้องคัดค้าน ความไมเหมาะสมของการร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ร้อง ทั้งนี้ผู้ร้องคัดค้านมีเหตุผลดังต่อไปนี้

2.1       ผู้ร้องเป็นบุคคลที่ชอบเล่นการพนันและเมาสุราเป็นอาจิณ เป็นเหตุที่แสดงให้เห็นถึง ความไม่สามารถของผู้ร้องที่จะจัดการมรดกให้เป็นไปโดยสุจริตและยุติธรรม

2.2       ผู้ร้องเป็นบุคคลที่ถูกศาลสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลายตามประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ มาตรา 1718(3) เป็นการแสดงให้เห็นความขาดคุณสมบัติของผู้ร้องตามกฎหมาย

ด้วยเหตุผลดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ผู้ร้องคัดค้านจึงขอคัดค้านการขอเป็นผู้จัดการมรดก ของผู้ร้อง โดยขอศาลได้โปรดยกคำร้องของผู้ร้องเสีย

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ….(ลายมือชื่อนายสมชาย)….ผู้ร้องคัดค้าน

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายผู้ร้องคัดค้านเป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)….ผู้เรียงและพิมพ์

 

 

ข้อ 3. คดีแพ่งเรื่องหนึ่งจำเลยได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีไว้แล้ว แต่ต่อมาโจทก์จำเลยตกลงชำระหนี้กันได้ ตามที่โจทก์ต้องการเหลือดอกเบี้ยคงค้างกันเพียงเล็กน้อย โจทก์ไม่ติดใจส่วนที่เหลือจึงประสงค์ จะถอนฟ้องจำเลย ในฐานะที่ท่านเป็นทนายโจทก์ ให้เรียบเรียงคำร้องขอถอนฟ้องให้กับโจทก์ (เรียบเรียงเฉพาะส่วนเนื้อหาคำร้อง โดยให้ลงชื่อเป็นผู้ร้องและเขียนคำร้องด้วย)

ธงคำตอบ

คำร้องขอถอนฟ้อง

ข้อ 1. คดีนี้ โจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยและจำเลยได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีตามกฎหมายแล้ว แต่โจทก์และจำเลยตกลงกันได้ โดยจำเลยขอประนีประนอมยอมความและได้ชำระหนี้ให้โจทก์เป็นส่วนใหญ่ คงค้างบางส่วนเล็กน้อย โจทก์ไม่ติดใจเรียกร้องส่วนที่เหลืออีกต่อไป จึงข้อถอนฟ้องคดีนี้เสีย ขอศาลได้โปรดกรุณาอนุญาตด้วย

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ……(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ทนายโจทก์

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)….ผู้เรียงและพิมพ์

ข้อ 4. จากการเตรียมคดีในสำนวนการสอบสวนได้ความว่า เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2555 เวลาประมาณ 20.00 นาฬิกา นายน้อยกับนายนิดได้ใช้ไขควงยาว 7 นิ้ว งัดหน้าต่างบ้านพักของนายมั่งมีซึ่งเป็น นายจ้างของตนที่แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร แล้วเข้าไปทางหน้าต่างและลักเอา โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ราคา 16,000 บาท ของนายมั่งมี ทรัพย์สมบูรณ์ ซึ่งเก็บไว้ในบ้านพัก ดังกล่าวแล้วพากันหลบหนีไป ต่อมาวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา 12.00 นาฬิกา เจ้าพนักงานจับนายน้อยกับนายนิดได้ที่บ้านพัก พร้อมกับยึดโทรศัพท์มือถือที่ลักมาจากบ้านของนายมั่งมี เป็นของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครหัวหมากทำการสอบสวน ชั้นสอบสวนนายน้อย และนายนิดให้การรับสารภาพ โทรศัพท์มือถือของกลางพนักงานสอบสวนคืนแก่นายมั่งมี ครั้นเมื่อ ครบกำหนดควบคุมตัว พนักงานสอบสวนจึงได้นำไปฝากขังที่ศาลอาญา ตามคดีหมายเลขดำที่ ฝ.443/2555 ต่อมาเมื่อสอบสวนเสร็จ พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนการสอบสวนส่งพนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญา

ข้อกฎหมาย ประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 334 ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้น กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวางโทษ…

มาตรา 335 ผู้ใดลักทรัพย์

(1) ในเวลากลางคืน

(3) โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้น เข้าไปด้วยประการใด ๆ

 

(3)       โดยเข้าทางช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไมได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า หรือ…

(7)       โดย… โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป

(8)       ในเคหสถาน

สมมุติว่า นักศึกษาเป็นพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา ผู้รับผิดชอบดำเนินคดีนี้ ให้นักศึกษา เรียงคำฟ้องเพื่อฟ้องนายน้อยกับนายนิดในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์เพื่อยื่นห้องต่อศาลอาญา โดยเรียงคำฟ้องเฉพาะภาคความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) และภาคการได้ตัวจำเลยมาดำเนินคดีเท่านั้น โดยไม่ต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์คำฟ้องแต่อย่างใด

ธงคำตอบ

ถ้าข้าพเจ้าเป็นพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญาผู้รับผิดชอบดำเนินคดีนี้ ข้าพเจ้าจะเรียง คำฟ้องเพื่อฟ้องนายน้อยและนายนิดในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์เพื่อยื่นฟ้องต่อคาสอาญา ดังต่อไปนี้

คำฟ้องอาญา

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2555 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันกระทำการ อันเป็นความผิดต่อกฎหมาย กล่าวคือ ได้บังอาจร่วมกันเอาโทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง ราคา 16,000 บาท (หนึ่งหมื่นหกพันบาท) ของนายมั่งมี ทรัพย์สมบูรณ์ ผู้เสียหายซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยทั้งสองไปโดยทุจริต โดยในการลักทรัพย์ดังกล่าว จำเลยทั้งสองได้ใช้ไขควงยาว 7 นิ้ว งัดหน้าต่างบ้านพักอันเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัย ของผู้เสียหายอันเป็นการทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ และเข้าไปทางหน้าต่างบ้านดังกล่าว ซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า

เหตุเกิดที่แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

ข้อ 2. ต่อมาวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2555 เวลากลางวัน เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสองได้พร้อมกับ ยึดโทรศัพท์มือถือที่จำเลยทั้งสองลักเอาไปดังกล่าวในฟ้องข้อ 1. เป็นของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนทำการ สอบสวน

ชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ

โทรศัพท์มือถือของกลางพนักงานสอบสวนคืนแกผู้เสียหายไปแล้ว

ระหว่างสอบสวน จำเลยทั้งสองถูกควบคุมตัวตลอดมา ขณะนี้ต้องขังอยู่ตามหมายขังของศาลนี้ ตามคดีหมายเลขดำที่ ฝ.443/2555 ขอศาลเบิกตัวจำเลยทั้งสองมาพิจารณาพิพากษาลงโทษตามกฎหมายต่อไป

LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2554

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2554

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 4002 การว่าความ

คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ

ข้อ 1. คดีแพ่งเรื่องหนึ่งศาลนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 โจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยาน เอาไว้แล้ว แต่เนื่องจากมีพยานเอกสารตามบัญชีระบุพยานอันดับที่ 3 ได้อยู่ในครอบครองของนายดำรง ไทยธรรมน้องชายจำเลยในคดีนี้ โจทก์ไม่สามารถนำมาศาลได้ โจทก์ต้องการนำเอา เอกสารดังกล่าวมาอ้างเป็นพยานในคดีตนในวันนัดพิจารณา ให้ท่านในฐานะทนายความโจทก์ ร่างคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกพยานเอกสารจากผู้ครอบครองนำส่งศาลก่อนวันนัดพิจารณา โดยให้ทนายลงลายมือชื่อผู้ขอ ผู้เรียงและผู้พิมพ์ด้วย

ธงคำตอบ

คำร้องขอศาลมีคำสั่งเรียกพยานเอกสาร

ข้อ 1. คดีนี้ศาลนัดสืบพยานโจทก์ ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2555 โจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยาน เอาไว้แล้ว แต่เนื่องจากพยานเอกสารตามบัญชีระบุพยานอันดับ 3 โจทก์ไม่สามารถนำมาศาลได้ จึงขอความกรุณา ศาลได้โปรดมีคำสั่งเรียกเอกสารดังกล่าวจากนายดำรง ไทยธรรมผู้ครอบครองนำส่งศาลก่อนวันนัดพิจารณาด้วย ขอศาลได้โปรดอนุญาต

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ……(ลายมือชื่อโจทก์)……ผู้ร้อง

คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ…….(ลายมือชื่อนักศึกษา)……ผู้เรียงและพิมพ์

ข้อ 2. โดยนางน้อยได้ร่วมลงทุนทำธุรกิจทำบ่อปลาและออกเงินเป็นจำนวนห้าแสนบาท ซึ่งเป็นการจ่าย ค่าเช่าบ่อปลาสามปีจำนวนหนึ่งแสนบาท และค่าซื้อพันธุปลาและค่าอาหารในการเลี้ยงและดูแล บ่อปลาอีกสี่แสนบาท ส่วนนายแดงลงแรงด้วยการดูแลบ่อปลา เลี้ยงปลา และขายปลา ทุกปีนางน้อย ทวงถามถึงผลกำไรที่จะแบ่งกันตามส่วนจากนายแดงแต่นายแดงปฏิเสธทุกปี จนเข้าสู่ปีที่สามนางน้อย ทวงถามอีกครั้งแต่นายแดงก็ปฏิเสธตลอดมา นางน้อยจึงเป็นโจทก์ฟ้องนายแดงเป็นจำเลยในคดีแพ่ง ขอเลิกสัญญาหุ้นส่วนและทวงผลกำไรที่ติดค้างกันอยู่คืนจากนายแดงพร้อมดอกเบี้ยย้อนหลัง นายแดง จึงมาขอให้ท่านในฐานะทนายความร่างคำให้การโดยมีข้อต่อสู้ดังนี้

1.         นายแดงขอปฏิเสธว่าตนไม่ได้ร่วมลงทุนกับนางน้อยแต่เป็นกรณีที่นายแดงยืมเงินนางน้อยมาทำ ธุรกิจของตนเองจำนวนห้าแสนบาท โดยกำหนดชำระคืนเมือครบกำหนดสามปี

2.         นายแดงยอมรับว่าได้รับเงินจากนางน้อยจริง แต่การที่นางน้อยมาฟ้องเป็นคดีโดยเอาหลักฐาน การโอนเงินเข้าบัญชีมายืนยันเป็นการโอนเงินที่ตนยืมผ่านทางบัญชีธนาคารไม่ใช่การโอนเงิน มาร่วมลงทุน

3.         นายแดงขอต่อสู้ว่า มีการจ่ายเงินต้นคืนบางส่วนจำนวนห้าหมื่นบาทให้กับนางน้อยมาแล้ว หนึ่งครั้ง จึงเหลือเงินต้นเพียงสี่แสนห้าหมื่นบาท

ให้ท่านในฐานะทนายความของนายแดง ร่างคำให้การตามความประสงค์ของนายแดง (ร่างเฉพาะ คำให้การนายแดง โดยไม่คำนึงถึงแบบฟอร์มของศาล)

ธงคำตอบ

คำให้การ

ข้อ 1. จำเลยขอปฏิเสธว่า จำเลยไม่ได้ร่วมลงทุนกับโจทก์แต่เป็นกรณีที่จำเลยได้ยืมเงินโจทก์ มาทำธุรกิจของจำเลยเองจำนวน 500,000 บาท (ห้าแสนบาทถ้วน) โดยกำหนดชำระคืนเมื่อครบกำหนด 3 ปี

ข้อ 2. จำเลยยอมรับว่าได้รับเงินจากโจทก์จริง แต่การที่โจทก์มาฟ้องเป็นคดีโดยเอาหลักฐาน การโอนเงินเข้าบัญชีมายืนยัน เป็นการโอนเงินที่จำเลยยืมผ่านทางบัญชีธนาคาร ไม่ใช่การโอนเงินมารวมลงทุน

ข้อ 3. จำเลยขอต่อสู้ว่า มีการจ่ายเงินต้นคืนบางส่วนจำนวน 50,000 บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน) ให้กับโจทก์มาแล้วหนึ่งครั้ง จึงเหลือเงินต้นเพียง 450,000 บาท (สี่แสนห้าหมื่นบาทถ้วน)

อาศัยเหตุผลดังกล่าวขอศาลได้โปรดพิพากษายกฟ้องของโจทก์โดยให้โจทก์เสียค่าฤชาธรรมเนียม และค่าทนายความแทนจำเลยด้วย

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ทนายจำเลย

คำให้การฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ชื่อนักศึกษา) ทนายจำเลยเป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ…..(ลายมือชื่อนักศึกษา)…..ผู้เรียงและพิมพ์

ข้อ 3. สมมุติข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 เวลาประมาณเที่ยงวัน นางสมนึกได้กลับไปยัง บ้านเช่าของตน เลขที่ 11 หมู่บ้านเสรี แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร โดยขณะที่ นางสมนึกอยู่ในครัวเพื่อเตรียมอาหารกลางวัน นายโกงได้ย่องเข้ามาในบ้านพร้อมกับหยิบ คอมพิวเตอร์โน้ตบุกยี่ห้อเอเซอร์ มูลค่า 20,000 บาท ที่วางอยู่ห้องรับแขกของนางสมนึกไป เมื่อนางสมนึกเดินมายังห้องรับแขกเห็นประตูบ้านเปิดอยู่ และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กหายไปจึงร้องตะโกน ให้คนช่วย และขณะเดียวกับตำรวจสายตรวจขับรถมอเตอร์ไซค์ผ่านมา นางสมนึกจึงแจ้งตำรวจ ขับตามหานายโกง พบนายโกงและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของกลางอยู่อีกซอยหนึ่งถัดจากหมู่บ้านเสรี จึงได้นำนายโกงและของกลางส่งพนักงานสอบสวนทำการสอบสวน นายโกงให้การรับสารภาพ ระหว่างการสอบสวนนายโกงถูกควบคุมตัวมาโดยตลอด ส่วนคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของกลาง พนักงานสอบสวนคืนให้บางสมนึกรับไปแล้ว

ให้ท่านในฐานะพนักงานอัยการ จงเรียบเรียงคำฟ้องอาญาฐานลักทรัพย์ตาม ป.อาญา มาตรา 334 “ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น…ไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์…ฯลฯ มาตรา 335 ผู้ใด ลักทรัพย์ (8) ในเคหสถาน… (เรียบเรียงเฉพาะเนื้อหาตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 158(5))

 ธงคำตอบ

ถ้าข้าพเจ้าเป็นพนักงานอัยการ ข้าพเจ้าจะเรียงคำฟ้องเพื่อฟ้องนายโกงในข้อหาลักทรัพย์ดังนี้คือ

คำฟ้องอาญา

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 เวลากลางวัน จำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมาย กล่าวคือ จำเลยได้บังอาจลักเอาคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กยีห้อเอเซอร์ 1 เครื่อง ราคา 20,000 บาท (สองหมื่นบาท) ของนางสมนัก ผู้เสียหายไปโดยทุจริต โดยจำเลยได้เข้าไปในบ้านพักอันเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยของผู้เสียหายและได้เอาทรัพย์ ดังกล่าวของผู้เสียหายที่วางอยู่ในห้องรับแขกไป

เหตุเกิดที่แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

ข้อ 2. ในวันเวลาดังกล่าวในฟ้องข้อ 1. เวลากลางวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจับจำเลยได้พร้อมกับ ยึดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่จำเลยลักเอาไปเป็นของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนทำการสอบสวน

ชั้นสอบสวน จำเลยให้การรับสารภาพ

คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของกลางพนักงานสอบสวนคืนให้แก่ผู้เสียหายไปแล้ว ระหว่างสอบสวน จำเลยได้ถูกควบคุมตัวมาโดยตลอด ขอศาลเบิกตัวจำเลยมาเพื่อ พิจารณาพิพากษาลงโทษตามกฎหมายต่อไป

LAW4002 การว่าความและการจัดทำเอกสารทางกฎหมาย การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2555

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2555

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 4002 การว่าความ

คำแนะนำ ข้อสอบเป็บอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)

ข้อ 1. เมื่อท่านเป็นทนายฝึกหัดอยู่ในสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ได้รับมอบหมายจาก หัวหน้าสำนักงานให้สอบข้อเท็จจริงและทำความเห็นในกรณีที่มีผู้ประสงค์จะยื่นคำร้องขอเป็น ผู้จัดการมรดก ท่านมีแนวโน้มที่จะสอบข้อเท็จจริงในประเด็นใดบ้าง ให้ระบุหัวข้ออย่างน้อย 4 หัวข้อ และสรุปความเห็นเสนอต่อหัวหน้าสำนักงาน

ธงคำตอบ

เมื่อข้าพเจ้าเป็นทนายฝึกหัดอยู่ในสำนักงานกฎหมาย และได้รับมอบหมายจากหัวหน้าสำนักงาน ให้สอบข้อเท็จจริง และทำความเห็นในกรณีที่มีผู้ประสงค์จะยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกนั้น ข้าพเจ้ามีแนวโน้ม ที่จะสอบข้อเท็จจริง และสรุปความเห็นเสนอต่อหัวหน้าสำนักงานในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้

1.         การตายของเจ้ามรดกมีใบมรณบัตรหรือไม่ เพราะใบมรณบัตรถือว่าเป็นเอกสารที่สำคัญ ที่สุดใบการยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก กล่าวคือ เป็นเอกสารที่เป็นหลักฐานแสดงว่าเจ้ามรดกได้ตายแล้ว นั่นเอง

2.         ทะเบียนบ้านของผู้ตาย (เจ้ามรดก) ที่มีตัวหนังสิอประทับคำว่า ตาย” มีหรือไม่ เพราะ เอกสารดังกล่าวถือว่ามีความสำคัญเช่นเดียวกับใบมรณบัตร

3.         ใบขณะที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย เจ้ามรดกมีทายาทโดยธรรมที่มีสิทธิรับมรดกหรือไม่ ถ้ามี ก็ต้องระบุด้วยว่ามีใครบ้าง และเป็นทายาทโดยธรรมในฐานะใด

4.         ผู้ยื่นคำร้องขอมีความเกี่ยวข้องกับทรัพย์มรดกหรือไม่ เช่นเป็นผู้มีสิทธิที่จะได้รับทรัพย์ มรดกหรือไม่ ถ้ามีสิทธิได้รับทรัพย์มรดก จะมีสิทธิในฐานะใด เช่น เป็นผู้มีสิทธิในฐานะทายาทโดยธรรม หรือในฐานะผู้รับพินัยกรรม

5.         ทรัพย์มรดกของผู้ตายมีอะไรบ้าง และมีเอกสารเกี่ยวกับทรัพย์มรดกของผู้ตายหรือไม่

6.         เจ้ามรดกได้ทำพินัยกรรมไว้หรือไม่

7.         ผู้ยื่นคำร้องมีความจำเป็นที่จะต้องร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งให้ผู้ร้องขอเป็นผู้จัดการ มรดกเพราะเหตุใด หรือให้ศาลมีคำสั่งให้จัดการทรัพย์มรดกอย่างไร

8.         มีพินัยกรรมแต่งตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ หรือมีหนังสือให้ความยินยอม ของทายาทคนอื่น ๆ ให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่

 

ข้อ 2. เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2555 บริษัท เจเจคอมพิวเตอร์ จำกัด จดทะเบียน ณ สำนักงานทะเบียน หุ้นส่วนบริษัท กรุงเทพมหานคร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ มีวัตถุประสงค์ในการจำหน่ายคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สำนักงานทุกชนิด โดยมีนายดี สุขสันต์ และนายเด่น มีสุข เป็นกรรมการ ลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญแทนบริษัทได้ลงลายมือชื่อทำสัญญาขายเครื่อง คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะกับนายสมจิต เชิดชู จำนวน 10 เครื่อง มูลค่าทั้งสิ้นรวม 300,000 บาท โดย ในสัญญาได้ระบุให้นายสมจิต ชำระเงินในวันที่ 20 พฤษภาคม 2555 ซึ่งเป็นวันส่งมอบสินค้า ครั้นเมือถึงวันที่ 20 พฤษภาคม 2555 บริษัทฯ ได้ส่งมอบคอมพิวเตอร์ทั้ง 10 เครื่องให้กับนายสมจิต แต่นายสมจิต ได้แจ้งแก่บริษัทว่าขอโอนเงินเข้าไปชำระผ่านบัญชีธนาคารให้แก่บริษัทฯ เอง ในวันนี้ และขอเลขที่บัญชีเอาไว้ จวบจนล่วงเลยมาถึงวันที่ 30 พฤษภาคม 2555 นายสมจิตฯ ก็ยังไม่ชำระ บริษัทฯ ได้มืการติดตามทวงถามทางโทรคัพทํหลายครั้ง และส่งจดหมายลงทะเบียนไปรษณีย์เรียกให้ นายสมจิตฯ ชำระราคาส่วนที่เหลือ แต่นายสมจิตฯ เพิกเฉย บริษัทฯ จึงทำหนังสือมอบอำนาจแต่งตั้ง ให้นายใจดี ไม้งาม ผู้จัดการเป็นโจทก์ในการฟ้องคดีนี้โดยเรียกให้นายสมจิตฯ ชำระหนี้ทั้งหมด หากชำระไม่ได้ขอให้ส่งคืนคอมพิวเตอร์ทั้งหมดพร้อมค่าเสียหายจำนวน 50,000 บาท

ดังนี้ นายใจดี ไม้งาม ได้ติดต่อให้ท่านเป็นทนายความให้กับบริษัทฯ และในฐานะทนายความของ บริษัทฯ ให้ท่านยื่นคำฟ้องเรียกให้นายสมจิตฯ ชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายที่เหลือตามความประสงค์ ของตัวความ

ธงคำตอบ

คำฟ้อง

ข้อ 1. โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จดทะเบียน ณ สำนักงานพะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กรุงเทพมหานคร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ใช้ชื่อว่า บริษัท เจเจคอมพิวเตอร์ จำกัด มีวัตถุประสงค์ ในการจำหน่ายคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สำนักงานทุกชนิด โดยมีนายดี สุขสันต์ และนายเด่น มีสุข เป็นกรรมการ ลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญแทนบริษัท รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือรับรองเอกสารท้ายฟ้อง หมายเลข 1

ในการฟ้องคดีนี้ โจทก์ได้มอบอำนาจให้นายใจดี ไม้งาม กรรมการบริษัทโจทก์มีอำนาจ ฟ้องคดีแทน รายละเอียดปรากฏตามหนังสือมอบอำนาจท้ายคำฟ้องหมายเลข 2

ข้อ 2. เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2555 โจทก์ได้ทำสัญญาขายเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะกับ จำเลยจำนวน 10 เครื่อง มูลค่ารวม 300,000 บาท (สามแสนบาทถ้วน) โดยในสัญญาได้ระบุให้จำเลยชำระเงิน ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2555 ซึ่งเป็นวันส่งมอบสินค้า รายละเอียดปรากฏตามสัญญาซื้อขาย ฉบับลงวันที่ 10 พฤษภาคม 2555 เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3

ข้อ 3. ครั้นเมื่อถึงวันที่ 20 พฤษภาคม 2555 โจทก์ได้ส่งมอบคอมพิวเตอร์ทั้ง 10 เครื่อง ให้กับจำเลย แต่จำเลยได้แจ้งแก่โจทก์โดยขอชำระผ่านบัญชีธนาคารให้แก่โจทก์เองในวันดังกล่าว จวบจนล่วงเลย มาถึงวันที 30 พฤษภาคม 2555 จำเลยก็ยังไม่ชำระซึ่งถือเป็นการผิดนัดชำระหนี้

โจทก์ได้มีการติดตามทวงถามทางโทรศัพท์หลายครั้ง จนท้ายสุดโจทก์ได้ส่งหนังสือทวงถาม ลงทะเบียนไปรษณีย์เรียกให้จำเลยชำระราคา 300,000 บาท (สามแสนบาทถ้วน) หากชำระไมได้ให้ส่งมอบสินค้าคืน ทั้งหมดรวมทั้งค่าเสียหายให้กับโจทก์จำนวน 50,000 บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน) รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือทวงถามและไปรษณีย์ตอบรับเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 4 และ 5 จำเลยได้รับหนังสือทวงถามและ ไปรษณีย์ตอบรับแต่กลับเพิกเฉย

โจทก์ไม่มีทางใดจะเรียกร้องจากจำเลยได้ จึงขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ……..(ลายมือขอนักศึกษา)…………ทนายโจทก์

คำฟ้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า (ระบุชื่อนักศึกษา) ทนายโจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ……….(ลายมือชื่อนักศึกษา)………..ผู้เรียงและพิมพ์

คำขอท้ายฟ้อง

1.         ให้จำเลยชำระราคาคอมพิวเตอร์ทั้งหมดจำนวน 300,000 บาท (สามแสนบาทถ้วน) หากชำระไม่ได้ให้คืนคอมพิวเตอร์ทั้งหมดพร้อมค่าเสียหายจำนวน 50,000 บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน)

2.         ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของจำนวนเงินค่าคอมพิวเตอร์ทั้งหมดนับแต่ วันฟ้องจนกว่าจะชำระแก่โจทก์เสร็จสิ้น

3.         ให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์

 

ข้อ 3. ข้อเท็จจริงในสำนวนการสอบสวนได้ความว่า เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2555 เวลาประมาณ 14.00 นาฬิกา ขณะที่นายสมศักดิ์ คนขยัน กำลังนั่งอยู่ในร้านขายทองรูปพรรณของตนอยู่นั้น ซึ่งตั้งอยู่ที่ แขวงพระโขนง เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร ได้มีนายหอย นายแหบ และนายหด เข้ามาในร้าน แล้วนายหอยได้ชักอาวุธปืนออกมาจี้เล็งไปยังนายสมศักดิ์มิให้ต่อสู้ขัดขืนและสั่งให้หมอบลงกับพื้น มิฉะนั้นจะยิงให้ตาย นายสมศักดิ์จึงหมอบลงกับพื้น แล้วนายแหบก็ใช้ค้อนทุบกระจกตู้ทองและร่วมกับ นายหดกวาดเอาสร้อยคอทองคำลายต่าง ๆ ไป 150 เส้น น้ำหนัก 250 บาท ราคาทั้งสิ้น 5,500,000 บาท ใส่ถุงผ้าที่เตรียมมาแล้วพากันหลบหนีไป ต่อมาวันที่ 2 ตุลาคม 2555 เจ้าพนักงานตำรวจจับนายหอย กับนายแหบได้ที่บ้านพักพร้อมกับยึดสร้อยทองคำที่ปล้นไปจำนวน 100 เส้น น้ำหนัก 200 บาท ราคา 4,400,000 บาท ซึ่งเป็นทรัพย์ส่วนหนึ่งที่ปล้นมาเป็นของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวบสถานีตำรวจ นครบาลพระโขนงทำการสอบสวน ขั้นสอบสวนทั้งสองให้การรับสารภาพ เมื่อครบกำหนดควบคุมตัว พนักงาบสอบสวนจึงได้นำทั้งสองไปฝากขังที่ศาลจังหวัดพระโขนง ตามคดีหมายเลขดำที่ ฝ. 2130/2555 ต่อมาเมื่อสอบสวนเสร็จ พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนการสอบสวนส่งพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายอาญาใต้ (พระโขนง)

ข้อกฎหมาย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 ผู้ใดลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่า ในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ

(1)       ให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือการพาทรัพย์นั้นไป

(2)       ให้ยืนให้ซึ่งทรัพย์นั้น

(3)       ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้

(4)       ปกปิดการกระทำความผิดนั้น หรือ

(5)       ให้พ้นจากการจับกุม

ผู้นั้นกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุก…

มาตรา 340 ผู้ใดชิงทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป ผู้นั้นกระทำความผิด ฐานปล้นทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุก …

หากท่านเป็นพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบดำเนินคดีนี้ให้ท่านเรียงคำฟ้องในข้อหาปล้นทรัพย์ เฉพาะ เนื้อหาคำฟ้องภาคความผิดและการได้ตัวมาดำเนินคดีโดยไม่ต้องคำนึงถึงแบบพิมพ์คำฟ้อง

ธงคำตอบ

หากข้าพเจ้าเป็นพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบดำเนินคดีนี้ ข้าพเจ้าจะเรียงคำฟ้องในข้อหา ปล้นทรัพย์ ดังต่อไปนี้

คำฟ้องอาญา

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2555 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง อีกหนึ่งคบได้กระทำการอันเป็นความผิดต่อกฎหมาย กล่าวคือได้บังอาจร่วมลักเอาสร้อยคอทองคำลายต่าง ๆไป 150 เส้น น้ำหนัก 250 บาท ราคาทั้งสิ้น 5,500,000 บาท (ห้าล้านห้าแสนบาท) ซองนายลมศักดิ คนขยัน ผู้เสียหายไป โดยทุจริต โดยในการลักทรัพย์ดังกล่าว จำเลยทั้งสองกับพวกไต้ร่วมกันใช้อาวุธปืนจี้ขู่เข็ญผู้เสียหายมิให้ต่อสู้ขัดขืน มิฉะนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายยิงผู้เสียหายให้ถึงแก่ความตาย เพื่อให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือการพาทรัพย์ นั้นไป ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ ปกปิดการกระทำความผิดนั้น หรือให้พ้นจากการจับกุม

เหตุเกิดที่แขวงพระโขนง เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร

ข้อ 2. ต่อมาวันที่ 2 ตุลาคม 2555 เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยทั้งสองได้พร้อมกับยึดสร้อยทองคำ จำนวน 100 เส้น น้ำหนัก 200 บาท ราคา 4,400,000 บาท (สี่ล้านสี่แสนบาท) ซึ่งเป็นทรัพย์ส่วนหนึ่งที่จำเลยทั้งสอง กับพวกปล้นเอาไปดังกล่าวในฟ้องข้อ 1. เป็นของกลางนำส่งพนักงานสอบสวบทำการสอบสวน

ชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ

ของกลางพนักงานสอบสวนเก็บรักษาไว้

ระหว่างสอบสวนจำเลยทั้งสองถูกควบคุมตัวมาตลอด ขณะนี้ต้องขังอยู่ตามหมายของศาลนี้ ในคดีหมายเลขดำที่ ฝ. 2130/2555 ขอศาลเบิกตัวจำเลยทั้งสองมาพิจารณาพิพากษาลงโทษตามกฎหมายต่อไป

WordPress Ads
error: Content is protected !!