การสอบไล่ภาค  2  ปีการศึกษา  2546

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2010 

Advertisement

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ำประกัน จำนอง จำนำ

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  3  ข้อ

ข้อ  1  นายเอกทำสัญญากู้เงินจำนวน  80,000  บาท  จากนายโท  โดยมีนายตรีเข้าทำสัญญาค้ำประกัน  เมื่อสัญญากู้ถึงกำหนดชำระ  นายโทไม่ได้เรียกร้องให้นายเอกชำระหนี้  เพราะเห็นว่ากิจการฟาร์มเลี้ยงไก่ของนายเอกกำลังประสบภาวะขาดทุน  อีก  9  ปีต่อมา  นายโทได้เรียกร้องให้นายเอกรับผิดชำระหนี้ตามสัญญากู้  นายเอกได้ทำการชำระหนี้ให้นายโทโดยการออกเช็คสั่งจ่ายเนื่องจากไม่มีเงินในบัญชี นายโทจึงนำเช็คไปคืนให้นายเอกและเรียกร้องให้ชำระหนี้  

มิฉะนั้นจะนำคดีมาฟ้อง  นายเอกจึงอ้างว่าตนนำเงินไปเข้าบัญชีไม่ทันและออกเช็คฉบับใหม่ให้นายโทไป  ซึ่งเช็คฉบับใหม่นี้ก็ถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินอีก  นายโทจึงฟ้องนายเอกและนายตรีให้รับผิดตามสัญญากู้และสัญญาค้ำประกัน  นายตรีต่อสู้คดีว่า  นายโทยอมผ่อนเวลาในการชำระหนี้ให้แก่นายเอก  ตนจึงหลุดพ้นจากความรับผิด  ข้ออ้างของนายตรีรับฟังได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  686  ลูกหนี้ผิดนัดลงเมื่อใด  ท่านว่าเจ้าหนี้ชอบที่จะเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ได้แต่นั้น

มาตรา  700  ถ้าค้ำประกันหนี้อันจะต้องชำระ  ณ  เวลามีกำหนดแน่นอน  และเจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้ไซร้  ท่านว่าผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิด

แต่ถ้าผู้ค้ำประกันได้ตกลงด้วยในการผ่อนเวลา  ท่านว่าผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดไม่

วินิจฉัย

การที่ผู้ค้ำประกันจะหลุดพ้นจากความรับผิดเพราะเหตุที่เจ้าหนี้ผ่อนเวลาชำระหนี้ให้ลูกหนี้ต้องเป็นกรณีที่หนี้ประธานมีกำหนดเวลาชำระหนี้แน่นอน  และเจ้าหนี้ตกลงกับลูกหนี้ว่าภายในกำหนดเวลาที่ผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้นั้น  เจ้าหนี้จะไม่ฟ้องหรือเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ประธานนั้น  ตามมาตรา  700

ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยประการแรกมีว่า  การที่สัญญากู้ถึงกำหนดเวลาชำระหนี้  แต่เจ้าหนี้ไม่เรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้  ถือว่าเป็นการผ่อนเวลาชำระหนี้หรือไม่  เห็นว่า  กรณีดังกล่าวการที่นายโทไม่เรียกร้องให้นายเอกรับผิดชำระหนี้ในทันทีที่หนี้ถึงกำหนดเวลาชำระโดยไม่มีการตกลงกับนายเอกว่าจะผ่อนเวลาชำระหนี้ให้นายเอก  จึงถือไม่ได้ว่านายโทผ่อนเวลาชำระหนี้ให้นายเอก  อันจะทำให้นายตรีหลุดพ้นจากความรับผิดตามมาตรา  700

ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยประการที่สองมีว่า  การที่นายเอกออกเช็คชำระหนี้ให้นายโท  2  ครั้ง  เมื่อนายโทเรียกร้องให้นายเอกชำระหนี้  ถือว่าเป็นการผ่อนเวลาชำระหนี้หรือไม่  เห็นว่ากรณีนี้ก็หาถือได้ว่านายโทตกลงผ่อนเวลาชำระหนี้ให้แก่นายเอก  อันจะทำให้นายตรีผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดไม่  ดังนั้นนายตรีจึงยังไม่หลุดพ้นจากความรับผิดตามมาตรา  700

สรุป  ข้ออ้างของนายตรีผู้ค้ำประกันรับฟังไม่ได้  นายตรียังคงต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันตามมาตรา  686  ประกอบมาตรา  700

 

ข้อ  2  นางบุญล้นยืมเงินนายฉอ้อนเป็นเงิน  100,000  บาท  การยืมเงินครั้งนี้มีนายบุญมากเป็นคนนำที่ดินของตนจำนองประกันหนี้รายนี้ ซึ่งที่ดินของนายบุญมากนี้เป็นที่ดินซึ่งมีการจดทะเบียนภารจำยอมอยู่ก่อนแล้ว  หลังจากจดทะเบียนจำนองได้  10  วัน  นายบุญมากนำที่ดินแปลงเดิมไปจำนองค้ำประกันกู้เงินของตนกับแบงก์รัตนสิน  โดยนายฉอ้อนเจ้าหนี้ไม่ยินยอม  ดังนี้  อยากทราบว่านายฉอ้อนจะเพิกถอนนิติกรรมต่างๆ  ที่ติดอยู่กับที่ดินดังกล่าวได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  709  บุคคลคนหนึ่งจะจำนองทรัพย์สินของตนไว้เพื่อประกันหนี้อันบุคคลอื่นจะต้องชำระ  ก็ให้ทำได้

มาตรา  712  แม้ถึงว่ามีข้อสัญญาเป็นอย่างอื่นก็ตาม  ทรัพย์สินซึ่งจำนองไว้แก่บุคคลคนหนึ่งนั้น  ท่านว่าจะเอาไปจำนองแก่บุคคลอีกคนหนึ่งในระหว่างเวลาที่สัญญาก่อนยังมีอายุอยู่ก็ได้

มาตรา  722  ถ้าทรัพย์สินได้จำนองแล้ว  และภายหลังที่จดทะเบียนจำนองมีจดทะเบียนภาระจำยอมหรือทรัพย์สิทธิอย่างอื่น  โดยผู้รับจำนองมิได้ยินยอมด้วยไซร้  ท่านว่าสิทธิจำนองย่อมเป็นใหญ่กว่าภาระจำยอม  หรือทรัพย์สิทธิอย่างอื่นนั้น  หากว่าเป็นที่เสื่อมเสียแก่สิทธิของผู้รับจำนองในเวลาบังคับจำนอง  ก็ให้ลบสิทธิที่กล่าวหลังนั้นเสียจากทะเบียน

วินิจฉัย

นายฉอ้อนเจ้าหนี้ของนางบุญล้นไม่มีสิทธิใดตามกฎหมายที่จะเพิกถอนนิติกรรมที่เกี่ยวกับที่ดินติดจำนองของนายบุญมากดังเหตุผลต่อไปนี้คือ

1       การที่นายบุญมากได้นำที่ดินที่มีภารจำยอมอยู่แล้วไปจำนองค้ำประกันหนี้ดังกล่าว  ภารจำยอมซึ่งมีอยู่ก่อนการจำนองไม่สามารถเพิกถอนภารจำยอมได้ตามมาตรา 722  ต้องถือว่าผู้รับจำนองยอมรับตามเงื่อนไขนั้นแล้ว

2       ส่วนที่นายบุญมากได้นำที่ดินแปลงดังกล่าวไปจดทะเบียนการเช่าเป็นเวลา  5  ปี  การเช่าถือได้ว่าเป็นบุคคลสิทธิ  ไม่ถือเป็นภาระจำยอมหรือทรัพย์สินอย่างอื่น   จึงไม่สามารถเพิกถอนนิติกรรมดังกล่าวได้ตามมาตรา  722

3       กรณีที่นายบุญมากนำที่ดินแปลงเดิมไปจำนองค้ำประกันเงินกู้ของตนกับแบงก์รัตนสินโดยนายฉอ้อนไม่ยินยอมด้วย  เป็นการจำนองตามมาตรา  712  ถือว่าเจ้าของคือนายบุญมากมีสิทธิที่จะทำได้  นายฉอ้อนจึงไม่สามารถที่จะเพิกถอนนิติกรรมดังกล่าวได้

 

ข้อ  3  นาย  ก  เป็นเจ้าของโชว์รูมขายรถยนต์  นาย  ก  ได้สั่งรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่นมาขายในประเทศไทยจำนวน  10  คัน  เมื่อรถยนต์ทั้ง  10  คันมาถึงประเทศไทยแล้วก็ได้ฝากรถยนต์ทั้ง  10  คันนั้นไว้ในคลังสินค้าที่ท่าเรือคลองเตย  นาย  ก  ต้องการใช้เงินด่วนจึงได้นำใบประทวนสินค้าเรียกว่า  สิทธิซึ่งมีตราสาร  ไปจำนำไว้กับนาย  ข  โดยได้ปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการจำนำตราสิทธิไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วทุกประการ  หลังจากนั้นห้าวัน  นาย  ก  ได้นำรถยนต์ออกจากคลังสินค้าจำนวน  6  คันเพื่อนำไปขาย

ให้ท่านวินิจฉัยว่า  นาย  ก  มีสิทธิที่จะนำรถยนต์ นั้นไปขายหรือไม่  และการกระทำของนาย  ก  เช่นว่านี้เป็นผลให้นาย  ข  ผู้รับจำนำได้รับความเสียหายหรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

มาตรา  750  ถ้าทรัพย์สินที่จำนำเป็นสิทธิซึ่งมีตราสาร  และมิได้ส่งมอบตราสารนั้นให้แก่ผู้รับจำนำ  ทั้งมิได้บอกกล่าวเป็นหนังสือแจ้งการจำนำแก่ลูกหนี้แห่งสิทธินั้นด้วยไซร้  ท่านว่าการจำนำย่อมเป็นโมฆะ

มาตรา  755  ถ้าจำนำสิทธิ  ท่านห้ามมิให้ทำสิทธินั้นให้สิ้นไป  หรือแก้ไขสิทธินั้นให้เสียหายแก่ผู้รับจำนำโดยผู้รับจำนำมิได้ยินยอมด้วย

วินิจฉัย

ตามปัญหา  นาย  ก  เจ้าของรถยนต์สามารถนำใบประทวนสินค้าซึ่งเป็นสิทธิซึ่งมีตราสารไปจำนำได้โดยมีสิทธิตามมาตรา  750  อีกทั้งได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การจำนำครบถ้วนตามระเบียบแล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม  มาตรา  755  มีหลักว่า  ห้ามมิให้ทำสิทธินั้นให้สิ้นไปหรือแก้ไขสิทธินั้นให้เสียหาย  โดยผู้รับจำนำมิได้ยินยอมด้วย  การกระทำของนาย  ก  เป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามมาตรา  755  โดยนำรถยนต์จำนวน  6  คันออกจากคลังสินค้าไปขาย  ซึ่งทำให้นาย  ข  ผู้รับจำนำใบตราสารนั้นต้องเสียหาย  นาย  ก  จึงต้องรับผิดในผลแห่งการเสียหายนั้นต่อนาย  ข  ผู้รับจำนำ 

Advertisement