การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2554
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2010)
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ำประกัน จำนอง จำนำ
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ
ข้อ 1 แดงเป็นหนี้ดำ 1 ล้านบาท แดงนำที่ดินของตน 1 แปลงจำนองเป็นประกัน หลังจากนั้นแสบได้ค้ำประกันหนี้รายนี้และเขียวได้นำที่ดินของตน 1 แปลงจำนองเป็นประกันด้วย ก่อนหนี้ถึงกำหนดชำระไม่กี่วัน ดำปลดจำนองให้แดงและแดงได้จดทะเบียนการปลดจำนองแล้ว เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระ ดำเรียกให้แสบชำระหนี้ (ในขณะนั้นที่ดินทั้ง 2 แปลงราคาแปลงละ 5 แสนบาท) แสบต่อสู้ว่า ตนไม่ต้องชำระหนี้ เพราะ
(1) ตนต้องเสียหายจากการปลดจำนอง
(2) ตนสามารถให้ดำบังคับจำนองจากที่ดินของเขียวก่อน
ให้ท่านวินิจฉัยว่า ข้อต่อสู้ทั้ง 2 ประการ ฟังขึ้นหรือไม่ เพราะเหตุใด และผลจะเป็นอย่างไร
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 690 ถ้าเจ้าหนี้มีทรัพย์ของลูกหนี้ยึดไว้เป็นประกันไซร้ เมื่อผู้ค้ำประกันร้องขอ ท่านว่าเจ้าหนี้จะต้องให้ชำระหนี้เอาจากทรัพย์ซึ่งเป็นประกันนั้นก่อน
มาตรา 693 ผู้ค้ำประกันซึ่งได้ชำระหนี้แล้ว ย่อมมีสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาจากลูกหนี้ เพื่อต้นเงินกับดอกเบี้ยและเพื่อการที่ต้องสูญหายหรือเสียหายไปอย่างใดๆ เพราะการค้ำประกันนั้น
อนึ่ง ผู้ค้ำประกันย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้บรรดามีเหนือลูกหนี้ด้วย
มาตรา 697 ถ้าเพราะการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งของเจ้าหนี้เองเป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกันไม่อาจเข้ารับช่วงได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนในสิทธิก็ดี จำนองก็ดี จำนำก็ดี และบุริมสิทธิอันได้ให้ไว้แก่เจ้าหนี้แต่ก่อนหรือในขณะทำสัญญาค้ำประกันเพื่อชำระหนี้นั้น ท่านว่าผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดเพียงเท่าที่ตนต้องเสียหายเพราะการนั้น
วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ แยกวินิจฉัยได้ดังนี้ คือ
(1) ข้อต่อสู้ของแสบที่ว่าตนต้องเสียหายจากการปลดจำนองฟังขึ้นหรือไม่ เห็นว่า ตามกฎหมายนั้นเมื่อผู้ค้ำประกันได้ชำระหนี้แล้วย่อมสามารถเข้ารับช่วงสิทธิที่เจ้าหนี้มีเหนือลูกหนี้ได้ (มาตรา 693 วรรคสอง) และถ้าเจ้าหนี้กระทำอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกันไม่อาจเข้ารับช่วงสิทธินั้นได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดเพียงเท่าที่ตนต้องเสียหายเพราะการนั้น (มาตรา 697)
ตามข้อเท็จจริง การที่ดำปลดจำนองที่ดินให้แดงลูกหนี้และแดงได้จดทะเบียนการปลดจำนองแล้วนั่นย่อมทำให้แสบผู้ค้ำประกันไม่อาจเข้ารับช่วงสิทธิในจำนองที่ดำมีต่อแดงได้ทั้งหมด ดังนั้น แสบจึงเสียหายจากการปลดจำนองดังกล่าว และแสบย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดในการชำระหนี้เป็นจำนวน 5 แสนบาท ตามราคาที่ดินที่แดงนำมาจำนองตามมาตรา 693 วรรคสองและมาตรา 697 ข้อต่อสู้ของแสบจึงฟังขึ้น
(2) ข้อต่อสู้ของแสบที่ว่าตนสามารถให้ดำบังคับจำนองจากที่ดินของเขียวก่อนฟังขึ้นหรือไม่ เห็นว่า ตามบทบัญญัติมาตรา 690 นั้น กำหนดไว้ว่า ถ้าเจ้าหนี้มีทรัพย์ของลูกหนี้ยึดไว้เป็นประกัน และผู้ค้ำประกันร้องขอ เจ้าหนี้จะต้องให้ชำระหนี้เอาจากทรัพย์ซึ่งเป็นประกันนั้นก่อน
เมื่อตามข้อเท็จจริงปรากฏว่า เขียวมิใช่ลูกหนี้ของดำ เพียงแต่นำที่ดินของตนมาจำนองเป็นประกันการชำระหนี้เท่านั้น ดังนั้น แสบจึงไม่สามารถให้ดำบังคับจำนองจากที่ดินของเขียวก่อนได้ ข้อต่อสู้ของแสบจึงฟังไม่ขึ้น
ดังนั้น เมื่อดำเรียกให้แสบชำระหนี้ แสบจึงต้องชำระหนี้ในบานะผู้ค้ำประกันจำนวน 5 แสนบาท
สรุป ข้อต่อสู้ของแสบที่ว่าตนต้องเสียหายจากการปลดหนี้นั้นฟังขึ้น ส่วนข้อต่อสู้ที่ว่าตนสามารถให้ดำบังคับจำนองจากที่ดินของเขียวก่อนนั้นฟังไม่ขึ้น และแสบจะต้องชำระหนี้ในบานะผู้ค้ำประกันเป็นจำนวน 5 แสนบาท