การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2553
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2010
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ำประกัน จำนอง จำนำ
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ
ข้อ 1 แดงเป็นหนี้เขียวมีหลักฐานถูกต้องตามกฎหมาย แดงได้นำที่ดินจดจำนองเป็นประกันกับเขียว พร้อมกับมีม่วงเป็นผู้ค้ำประกัน แต่สัญญาค้ำประกันนั้นเป็นการกระทำระหว่างนายเขียวกับม่วง โดยแดงไม่รู้เห็นด้วย และมีการลงลายมือชื่อเพียงนายม่วงคนเดียว เมื่อหนี้ถึงกำหนด แดงชำระหนี้ไม่ได้ เขียวจึงฟ้องขอให้ม่วงชำระ ม่วงบ่ายเบี่ยงว่าแดงไม่ได้รู้เห็นในการทำสัญญาและมีการลงลายมือชื่อตนเพียงคนเดียว ตนจึงไม่ต้องรับผิด และขณะเดียวกันเขียวมีที่ดินเป็นหลักประกันอยู่แล้ว ตนจึงไม่ต้องรับผิดแต่อย่างใด อยากทราบว่าข้ออ้างของม่วงทั้งหมดรับฟังได้หรือไม่ เพราะเหตุใด จงยกหลักกฎหมายประกอบให้ชัดเจน
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 680 อันว่าค้ำประกันนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลภายนอกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้ค้ำประกัน ผูกพันตนต่อเจ้าหนี้คนหนึ่งเพื่อชำระหนี้ในเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้นั้น
อนึ่งสัญญาค้ำประกันนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกันเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องบังคับคดีหาได้ไม่
มาตรา 686 ลูกหนี้ผิดนัดลงเมื่อใด ท่านว่าเจ้าหนี้ชอบที่จะเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ได้แต่นั้น
มาตรา 690 ถ้าเจ้าหนี้มีทรัพย์ของลูกหนี้ยึดไว้เป็นประกันไซร้ เมื่อผู้ค้ำประกันร้องขอ ท่านว่าเจ้าหนี้จะต้องให้ชำระหนี้เอาจากทรัพย์ซึ่งเป็นประกันนั้นก่อน
มาตรา 702 อันว่าจำนองนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า ผู้จำนองเอาทรัพย์สินตราไว้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับจำนอง เป็นประกันการชำระหนี้ โดยไม่ส่งมอบทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้รับจำนอง
มาตรา 714 อันสัญญาจำนองนั้น ท่านว่าต้องเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ การที่ม่วงทำสัญญาค้ำประกันการชำระหนี้ของแดงกับเขียว โดยที่แดงไม่รู้เห็นด้วย และมีการลงลายมือชื่อเพียงนายม่วงคนเดียวนั้น สัญญาค้ำประกันย่อมมีผลสมบูรณ์ใช้บังคับคดีกันได้ตามมาตรา 680 วรรคสอง เพราะสัญญาค้ำประกันเป็นสัญญาระหว่างผู้ค้ำประกันกับเจ้าหนี้ไม่จำเป็นต้องให้ลูกหนี้รู้เห็นหรือลงลายมือชื่อด้วยแต่อย่างใด ดังนั้น เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระและปรากฏว่าแดงชำระหนี้ไม่ได้ เขียวย่อมฟ้องเรียกให้ม่วงผู้ค้ำประกันชำระหนี้แทนแดงได้ตามมาตรา 686 ดังนั้น ข้ออ้างของม่วงที่ว่าแดงไม่ได้รู้เห็นในการทำสัญญา และมีการลงลายมือชื่อตนเพียงคนเดียว และขณะเดียวกันเขียวมีที่ดินเป็นหลักประกันอยู่แล้ว ตนจึงไม่ต้องรับผิดนั้นจึงรับฟังไม่ได้
แต่เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า แดงได้นำที่ดินไปจดจำนองเป็นประกันกับเขียว ซึ่งถือเป็นการจำนองที่ถูกต้องตามกฎหมายตามมาตรา 702 และมาตรา 714 จึงถือเป็นกรณีที่เขียวเจ้าหนี้มีทรัพย์ของแดงลูกหนี้ยึดถือไว้เป็นประกัน ดังนั้น ม่วงผู้ค้ำประกันจึงสามารถบ่ายเบี่ยงให้เขียวชำระหนี้เอาจากที่ดินซึ่งแดงนำมาจำนองไว้เป็นประกันได้ตามมาตรา 690
สรุป ข้ออ้างของม่วงที่ว่าแดงไม่ได้รู้เห็นในการทำสัญญา และมีการลงลายมือชื่อตนเพียงคนเดียว และขณะเดียวกันเขียวมีที่ดินเป็นหลักประกันอยู่แล้ว ตนจึงไม่ต้องรับผิดนั้นรับฟังไม่ได้ แต่ม่วงสามารถบ่ายเบี่ยงให้เขียวชำระหนี้เอาจากที่ดินซึ่งนำมาจำนองไว้เป็นประกันได้