การสอบไล่ภาคฤดูร้อน  ปีการศึกษา  2549

 ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2008 
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยเช่าทรัพย์ เช่าซื้อ จ้างแรงงาน จ้างทำของ รับขน

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  3  ข้อ 

Advertisement

ข้อ  1  แดงทำสัญญาเช่าเป็นหนังสือให้ขาวเช่าตึกแถวหลังหนึ่งเพื่อทำเป็นสำนักงานกฎหมายมีกำหนดเวลา  3  ปี  ตกลงชำระค่าเช่าเดือนละ  50,000  บาท ทุกๆวันสิ้นเดือน  สัญญาเช่าข้อที่  10  มีข้อตกลงว่า  ขาวผู้เช่าเป็นผู้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศในตึกแถวหลังนี้  โดยขาวเป็นผู้ออกเงินค่าใช้จ่ายทั้งหมด  ซึ่งเป็นเงิน  500,000  บาท  

และเมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดลงแล้วผู้ให้เช่ายินยอมรับซื้อเครื่องปรับอากาศที่ติดตั้งอยู่ในตึกแถวหลังนี้ในราคา  300,000  บาท  ขาวเช่าตึกแถวนี้ได้เพียง  2  ปี  แดงได้ยกตึกแถวให้กับมืดโดยการยกให้ได้ทำถูกต้องตามกฎหมาย  ขาวอยู่ในตึกแถวต่อมาโดยมิได้ทำสัญญาเช่าใหม่กับมืด  ครั้นสัญญาเช่าสิ้นสุดลงเมื่อขาวอยู่ในตึกแถวจนครบ  3  ปีแล้ว  ขาวจึงเรียกให้มืดปฏิบัติตามสัญญาเช่าข้อที่  10  มืดปฏิเสธไม่ยอมจ่ายเงิน  300,000  บาทให้กับขาว  ท่านเห็นว่าการปฏิเสธของมืดชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เพียงใด

ธงคำตอบ

มาตรา  538  เช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น  ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ  ท่านว่า  จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่  ถ้าเช่ามีกำหนดกว่าสามปีขึ้นไป  หรือกำหนดตลอดอายุของผู้เช่าหรือผู้ให้เช่าไซร้  หากมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่  ท่านว่าการเช่นนั้นจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้แต่เพียงสามปี

มาตรา  569  อันสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นย่อมไม่ระงับไป  เพราะเหตุโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินซึ่งให้เช่า

ผู้รับโอนย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนซึ่งมีต่อผู้เช่านั้นด้วย

วินิจฉัย

สัญญาเช่าตึกแถวเป็นการเช่าอสังหาริมทรัพย์ซึ่งได้ทำเป็นหนังสือ  ตามมาตรา  538  สามารถบังคับกันได้  แดงผู้ให้เช่ายกตึกแถวให้มืดเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ให้เช่า  ไม่ทำให้สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ระงับไป  ตามมาตรา  569  วรรคแรก  มืดจึงต้องให้ขาวเช่าจนครบ  3  ปี  เพราะมืดเป็นผู้รับโอนยอมรับมาซึ่งสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่า  ตามมาตรา  569  วรรคสอง  แต่ข้อตกลงข้อที่  10  มืดไม่ต้องรับเอาข้อตกลงนี้มาด้วย  เพราะข้อตกลงดังกล่าวมิใช่ข้อตกลงตามสัญญาเช่า  (แต่เป็นข้อตกลงเรื่องอื่นนอกเหนือจากเรื่องเช่า)  คำปฏิเสธของมืดจึงชอบด้วยกฎหมาย

สรุป  คำปฏิเสธของมืดชอบด้วยกฎหมาย

 

ข้อ  2  ก.  เขียวทำสัญญาเช่าเป็นหนังสือให้ม่วงเช่าบ้านหลังหนึ่งมีกำหนดเวลา  5  ปี  ตกลงชำระค่าเช่าเดือนละ  20,000  บาท ทุกๆวันสิ้นเดือน  ม่วงเช่าบ้านมาเพียง  1  ปีเท่านั้น  ปรากฏเหตุการณ์ขึ้นกับบ้านเช่าหลังนี้คือกระเบื้องหลังคาแตกไปประมาณ  20  เซนติเมตร ทำให้น้ำฝนไหลเข้ามาในบ้านหลังนี้  เขียวทราบเหตุการณ์ดังกล่าวจากม่วงแต่เขียวไม่ยอมซ่อมแซมให้เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย  เขียวกลับบอกให้ม่วงทำการซ่อมแซมให้เสร็จภายใน  15  วันแต่ม่วงกินิ่งเฉยเสียจนล่วงเลยเวลามาถึง  20  วัน  ดังนี้เขียวจึงบอกเลิกสัญญาเช่าบ้านกับม่วงทันที  ท่านเห็นว่าการกระทำของเขียวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่  เพราะเหตุใด

ข.      ถ้าข้อเท็จจริงตามข้อ  ก.  เป็นสัญญาเช่าซื้อ  คำตอบของท่านจะแตกต่างไปหรือไม่  เพียงใด

ธงคำตอบ

มาตรา  538  เช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น  ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ  ท่านว่า  จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่  ถ้าเช่ามีกำหนดกว่าสามปีขึ้นไป  หรือกำหนดตลอดอายุของผู้เช่าหรือผู้ให้เช่าไซร้  หากมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่  ท่านว่าการเช่นนั้นจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้แต่เพียงสามปี

มาตรา  553  ผู้เช่าจำต้องสงวนทรัพย์สินที่เช่านั้นเสมอกับที่วิญญูชนจะพึงสงวนทรัพย์สินของตนเอง  และต้องบำรุงรักษาทั้งทำการซ่อมแซมเล็กน้อยด้วย

มาตรา  554  ถ้าผู้เช่ากระทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติในมาตรา  552  มาตรา  553  หรือฝ่าฝืนข้อสัญญา  ผู้ให้เช่าจะ

บอกกล่าวให้ผู้เช่าปฏิบัติให้ถูกต้องตามบทกฎหมายหรือข้อสัญญานั้นๆก็ได้  ถ้าและผู้เช่าละเลยเสียไม่ปฏิบัติตามท่านว่า  ผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้

วินิจฉัย

กระเบื้องหลังคาแตกไปประมาณ  20  เซนติเมตร  ถือว่าเป็นการซ่อมแซมเล็กน้อย  ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้เช่าตามมาตรา  553  และเมื่อผู้ให้เช่าบอกกล่าวให้ซ่อมแซมคือบอกให้ทำให้ถูกต้องตามมาตรา  554  ผู้เช่าไม่ซ่อมแซม  จึงทำให้ผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาได้  เขียวจึงบอกให้ม่วงซ่อมแซมได้เพราะเป็นหน้าที่ของม่วง

สรุป  การที่เขียวบอกเลิกสัญญาเช่าบ้านนั้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว

มาตรา  572  อันว่าเช่าซื้อนั้น  คือสัญญาซึ่งเจ้าของเอาทรัพย์สินออกให้เช่า  และให้คำมั่นว่าจะขายทรัพย์สินนั้น  หรือว่าจะให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นสิทธิแก่ผู้เช่า  โดยเงื่อนไขที่ผู้เช่าได้ใช้เงินเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้คราว

สัญญาเช่าซื้อนั้นถ้าไม่ทำเป็นหนังสือ  ท่านว่าเป็นโมฆะ

มาตรา  574  ในกรณีผิดนัดไม่ใช้เงินสองคราวติดๆกัน  หรือกระทำผิดสัญญาในข้อที่เป็นส่วนสำคัญ  เจ้าของทรัพย์สินจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้  ถ้าเช่นนั้นบรรดาเงินที่ได้ใช้มาแล้วแต่ก่อน  ให้ริบเป็นเจ้าของทรัพย์สินและเจ้าของทรัพย์สินชอบที่จะกลับเข้าครองทรัพย์สินนั้นได้ด้วย

วินิจฉัย

สัญญาเช่าซื้อบ้านทำเป็นหนังสือถูกต้องจึงบังคับระหว่างคู่สัญญาได้  5  ปี  แต่การกระทำของเขียวไม่ชอบด้วยกฎหมาย  เพราะไม่ถือว่าผู้เช่าซื้อผิดสัญญาในข้อที่เป็นส่วนสำคัญ  แม้ผู้เช่าซื้อมีหน้าที่ซ่อมแซมเล็กน้อย  ถ้าผู้เช่าซื้อไม่ซ่อมแซมจะถือว่าผิดสัญญาในข้อที่เป็นส่วนสำคัญไม่ได้  เป็นเพียงผิดสัญญาธรรมดา  จึงบอกเลิกสัญญาดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา  574  ไม่ได้

สรุป  เขียวบอกเลิกสัญญาไม่ได้

 

ข้อ  3  ก.  การคิดสินจ้างตามสัญญาจ้างแรงงานและสัญญาจ้างทำของแตกต่างกันอย่างไร  จงอธิบาย

ข.      น้ำเงินจ้างเหลืองมาเป็นลูกจ้างประจำร้านขายของโดยไม่มีกำหนดเวลา  ตกลงจ่ายค่าจ้างทุกๆวันศุกร์ของแต่ละสัปดาห์  เหลืองได้รับค่าจ้างสัปดาห์ละ  3,000  บาท  โดยปกตกลูกจ้างของน้ำเงินจะต้องเริ่มทำงานตั้งแต่เวลา  8.30  น.  แต่ปรากฏว่าเหลืองมาทำงาน  9.30  น.  ของวันจันทร์ในแต่ละสัปดาห์  เป็นประจำและหลายครั้ง  ครั้นในวันที่  28  พฤษภาคม  2550  เหลืองมาทำงานสายอีก  น้ำเงินจึงบอกเลิกไม่จ้างเหลือง  และให้เหลืองออกจากงานตั้งแต่วันที่  1  มิถุนายน  2550  ท่านเห็นว่าการบอกเลิกดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  575  อันว่าจ้างแรงงานนั้น  คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า  ลูกจ้าง  ตกลงจะทำงานให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า  นายจ้าง และนายจ้างตกลงจะให้สินจ้างตลอดเวลาที่ทำงานให้

มาตรา  587  อันว่าจ้างทำของนั้น  คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า  ผู้รับจ้าง  ตกลงรับจะทำการงานสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนสำเร็จให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า  ผู้ว่าจ้าง  และผู้ว่าจ้างตกลงจะให้สินจ้างเพื่อผลสำเร็จแห่งการที่ทำนั้น

–                    สัญญาจ้างแรงงาน  คิดสินจ้างให้ตลอดเวลา  ซึ่งอาจจะจ่ายสินจ้างเป็นรายวัน  รายเดือน  เป็นต้น

–                    สัญญาจ้างทำของ  คิดสินจ้างเมื่อทำงานเสร็จ

มาตรา  583  ถ้าลูกจ้างจงใจขัดคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายก็ดี  หรือละเลยไม่นำพาต่อคำสั่งเช่นว่านั้นเป็นอาจิณก็ดี  ละทิ้งการงานไปเสียก็ดี  กระทำความผิดอย่างร้ายแรงก็ดี  หรือทำประการอื่นอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตก็ดี  ท่านว่านายจ้างจะไล่ออกโดยมิพักต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือให้สินไหมทดแทนก็ได้

วินิจฉัย

ลูกจ้างมาทำงานสายเป็นประจำ  แม้จะมาสายอาทิตย์ละครั้ง  ก็ถือว่าเป็นการกระทำอันไม่เหมาสมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต  น้ำเงินจึงเลิกจ้างเหลืองได้เลย  เป็นการไล่ออกตามมาตรา  583  แม้เป็นสัญญาจ้างแรงงานโดยไม่มีกำหนดเวลาก็ไม่จำต้องบอกเลิกตามมาตรา  582

สรุป  การบอกเลิกจ้างดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายแล้ว

Advertisement