การสอบไล่ภาค  2  ปีการศึกษา  2549

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2008 

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยเช่าทรัพย์ เช่าซื้อ จ้างแรงงาน จ้างทำของ รับขน
 คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  3  ข้อ

ข้อ  1  แดงและขาวทำสัญญาเช่าบ้านเป็นหนังสือ  โดยแดงผู้ให้เช่าตกลงให้ขาวผู้เช่าบ้านมีบริเวณและโรงรถด้วยมีกำหนดเวลา  3  ปี ตกลงชำระค่าเช่าทุกๆสิ้นเดือน  เดือนละ  10,000  บาท  สัญญาเช่าข้อ  5  ระบุไว้ว่า  เมื่อสัญญาเช่าครบกำหนด  3  ปี  ผู้เช่าตกลงจะรื้อโรงรถเดิมที่ทำด้วยไม้และผู้เช่าจะต้องสร้างโรงรถใหม่ที่ทำด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กให้กับผู้ให้เช่า  ดยผู้เช่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการทำโรงรถใหม่นี้ด้วย  ขาวเช่าบ้านนี้ได้เพียง  1  ปี  แดงได้ขายบ้านหลังนี้ให้กับมืดโดยชอบด้วยกฎหมาย  ปรากฏว่าขาวเช่าบ้านมาจนครบ  3  ปีพอดี  ซึ่งตรงกับสิ้นปี  2549  ขาวยังคงอยู่ในบ้านหลังนี้ต่อมาจนถึงปัจจุบัน  และนำค่าเช่าไปชำระให้กับมืดทุกเดือนโดยมืดมิได้ทักท้วงแต่ประการใด  ปรากฏว่า  วันที่  19  มีนาคม  2550  มืดได้แจ้งให้ขาวปฏิบัติตามข้อตกลงตามสัญญาเช่าข้อที่  5  แต่ขาวไม่ยอมปฏิบัติตาม  ดังนี้ท่านเห็นว่าขาวจะต้องปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวหรือไม่  เพราะเหตุใดธงคำตอบ

Advertisement

มาตรา  538  เช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น  ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ  ท่านว่า  จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่  ถ้าเช่ามีกำหนดกว่าสามปีขึ้นไป  หรือกำหนดตลอดอายุของผู้เช่าหรือผู้ให้เช่าไซร้  หากมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่  ท่านว่าการเช่นนั้นจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้แต่เพียงสามปี

มาตรา  569  อันสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นย่อมไม่ระงับไป  เพราะเหตุโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินซึ่งให้เช่า

ผู้รับโอนย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนซึ่งมีต่อผู้เช่านั้นด้วย

มาตรา  570  ในเมื่อสิ้นกำหนดเวลาเช่าซึ่งได้ตกลงกันไว้นั้น  ถ้าผู้เช่ายังคงครองทรัพย์สินอยู่และผู้ให้เช่ารู้ความนั้นแล้วไม่ทักท้วงไซร้ ท่านให้ถือว่าคู่สัญญาเป็นอันได้ทำสัญญาใหม่ต่อไปไม่มีกำหนดเวลา

วินิจฉัย

การเช่าระหว่างขาวและแดงเป็นการเช่าอสังหาริมทรัพย์มีกำหนดไม่เกิน  3  ปี  เมื่อมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้เช่าจึงชอบด้วยกฎหมาย  สามารถฟ้องร้องบังคับคดีได้ตามมาตรา  538  เมื่อขาวเช่าบ้านมาเพียง  1  ปี  แดงขายบ้านให้มืด  สัญญาเช่าระหว่างแดงและขาวไม่ระงับตามมาตรา  569  วรรคแรก  มืดต้องให้ขาวเช่าจนครบ  3  ปี  แต่ข้อตกลงในสัญญาข้อ  5  มืดไม่ต้องรับมา  มืดจะรับมาเฉพาะสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่าตามมาตรา  569  วรรคสองเท่านั้น  แต่สัญญาข้อ  5  เป็นสิทธิของมืดตามสัญญาอื่น  (ข้อตกลงอย่างอื่นไม่ใช่ข้อตกลงเรื่องการเช่า)  มืดจึงไม่มีสิทธิบังคับให้ขาวปฏิบัติตาม  และสัญญาเช่าตั้งแต่เดือน  มกราคม  2550  ถึงปัจจุบันเป็นสัญญาเช่าไม่มีกำหนดเวลาตามมาตรา  570  ซึ่งจะต้องเอาหลักเกณฑ์ตามสัญญาเดิม  ซึ่งเป็นสัญญาเช่ามาผูกพันผู้รับโอนได้เท่านั้น

สรุป  ขาวไม่จำต้องปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว

 

ข้อ  2  ก.  เมื่อวันที่  1  มกราคม  2550  ม่วงได้ทำสัญญาเป็นหนังสือให้เหลืองเช่ารถยนต์มีกำหนดเวลา  2  ปี  ตกลงชำระค่าเช่าทุกๆวันสิ้นเดือนในวันที่  31  มกราคม  2550  เหลืองไม่ชำระค่าเช่าเพราะเหลืองเห็นว่าเหลืองได้ชำระค่าเช่าให้กับม่วงล่วงหน้าแล้ว  2  เดือน  ในวันที่  1  กุมภาพันธ์  2550  ม่วงจึงแจ้งให้เหลืองนำค่าเช่าซึ่งจะต้องชำระให้เหลืองเดือนละ  20,000  บาท  มาชำระโดยจะต้องนำมาชำระให้เสร็จสิ้นภายในวันที่  18  กุมภาพันธ์  2550  แต่เหลืองก็ยังนิ่งเฉยเสีย  ม่วงจึงบอกเลิกสัญญาทันที  ในวันที่  19  กุมภาพันธ์  2550 ดังนี้  การบอกเลิกสัญญาของม่วงชอบด้วยกฎหมายหรือไม่  เพราะเหตุใด 

ข.       ถ้าข้อเท็จจริงตามข้อ  ก. เป็นสัญญาเช่าซื้อและมีข้อเท็จจริงปรากฏว่าในวันที่  5  กุมภาพันธ์  2550  เหลืองนำรถยนต์ไปจำนำไว้กับดำโดยไม่คิดจะไถ่คืน  ม่วงจะบอกเลิกสัญญาทันทีในวันที่  6  กุมภาพันธ์  2550  ซึ่งม่วงได้ทราบเหตุการณ์ดังกล่าวหรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  560  ถ้าผู้เช่าไม่ชำระค่าเช่า  ผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้

แต่ถ้าค่าเช่านั้นจะพึงส่งเป็นรายเดือน  หรือส่งเป็นระยะเวลายาวกว่ารายเดือนขึ้นไป  ผู้ให้เช่าต้องบอกกล่าวแก่ผู้เช่าก่อนว่าให้ชำระค่าเช่าภายในเวลาใด  ซึ่งพึงกำหนดอย่าให้น้อยกว่าสิบห้าวัน

วินิจฉัย

ม่วงทำสัญญาเช่ารถยนต์กับเหลืองมีกำหนด  2  ปี  ตกลงชำระค่าเช่าทุกๆ  สิ้นเดือนต่อมาในวันที่  31  มกราคม  2550  เหลืองไม่ชำระค่าเช่าเพราะเห็นว่าเหลืองได้ชำระค่าเช่าล่วงหน้าไปแล้ว  2  เดือน  ดังนี้แม้ในวันที่  1  กุมภาพันธ์  2550  ม่วงจะแจ้งให้เหลืองนำค่าเช่ามาชำระให้เสร็จสิ้นภายในวันที่  18  กุมภาพันธ์  2550  และเหลืองก็นิ่งเฉยไม่ชำระก็ตาม  ม่วงก็จะบอกเลิกสัญญาเช่าไม่ได้เพราะแม้ม่วงจะนำหลักเกณฑ์ตามมาตรา  560  มาใช้โดยถูกต้องก็ตาม  แต่เหลืองได้ชำระค่าเช่าไว้ล่วงหน้าถึง  2  เดือน  ดังนั้นเหลืองจึงนำค่าเช่าที่ให้ไว้ล่วงหน้ามาหักกลบลบกับค่าเช่าที่ยังไม่ชำระเพียงเดือนเดียวได้

มาตรา  574  วรรคแรก  ในกรณีผิดนัดไม่ใช้เงินสองคราวติดๆกัน  หรือกระทำผิดสัญญาในข้อที่เป็นส่วนสำคัญ  เจ้าของทรัพย์สินจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้  ถ้าเช่นนั้นบรรดาเงินที่ได้ใช้มาแล้วแต่ก่อน  ให้ริบเป็นเจ้าของทรัพย์สินและเจ้าของทรัพย์สินชอบที่จะกลับเข้าครองทรัพย์สินนั้นได้ด้วย

วินิจฉัย

หากข้อเท็จจริงตามข้อ  ก  เป็นสัญญาเช่าซื้อ  และเหลืองนำรถยนต์ไปจำนำโดยไม่คิดจะไถ่คืน  ถือว่าเหลืองผิดสัญญาในข้อที่เป็นส่วนสำคัญ  เพราะเหลืองไม่เคารพในกรรมสิทธิ์ของผู้ให้เช่าซื้อม่วงจึงบอกเลิกสัญญาได้ทันทีในวันที่  6  กุมภาพันธ์  2550

สรุป  ก  การบอกเลิกสัญญาไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ข  ม่วงบอกเลิกสัญญาได้ทันที

 

ข้อ  3  ก.  นายรุจิได้ไปเที่ยว  จ. เชียงใหม่  และรู้จัก  น.ส. พรตา  ซึ่งทำอาหารเก่ง  นายรุจิได้ทำสัญญาจ้าง  น.ส.  พรตา  ให้มาเป็นแม่ครัวที่กรุงเทพฯ  เป็นเวลา  2  ปี  ตกลงจ่ายค่าจ้างให้เดือนละ  8,000  บาท  ทุกๆวันสิ้นเดือน  โดยให้ค่ารถเดินทางจาก  จ.  เชียงใหม่  มากรุงเทพฯด้วย  สัญญาจ้างมีกำหนดตั้งแต่เดือนมีนาคม  2548  ถึงเดือนกุมภาพันธ์  2550  น.ส.  พรตา  ทำงานเรื่อยมาจนถึงวันที่  28  กุภาพันธ์  2550  นายรุจิต้องการเปลี่ยนแม่ครัวคนใหม่จึงบอก  น.ส.พรตาว่าไม่ต้องมาทำงานอีกแล้วในเดือนมีนาคม   น.ส. พรตาเห็นว่านายรุจิจะต้องบอกกล่าวให้ตนทราบก่อนหรือจ่ายให้เป็นเงินเดือนแทนหนึ่งเดือน  อีกทั้ง  น.ส.  พรตาต้องการกลับบ้านที่  จ.เชียงใหม่  แต่ไม่มีเงินจึงขอให้นายรุจิจ่ายค่ารถเดินทางกลับบ้านให้ด้วย  เช่นนี้ท่านเห็นว่าถูกต้องหรือไม่  เพราะเหตุใดจงอธิบาย

ข.      นายวิกรมทำสัญญาจ้างนายกนกให้ก่อสร้างบ้าน  1  หลัง  ตกลงจ่ายสินจ้าง  3  ล้านบาทโดยแบ่งจ่ายเป็นงวดๆ  ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาได้ตกลงว่าจะก่อสร้างบ้านแล้วเสร็จในวันที่  31  มกราคม  ถ้าหากว่านายกนกมาสามารถส่งมอบบ้านได้ทันในวันที่  31  มกราคม  แต่ได้ส่งมอบบ้านให้นายวิกรมในวันที่  30  มีนาคม    เช่นนี้ตามกฎหมายนายวิกรมจะมีสิทธิดำเนินการกับนายกนกได้อย่างไรบ้าง  เพราะเหตุใด  และมีข้อยกเว้นตามกฎหมายอย่างไรหรือไม่ที่นายกนกจะไม่ต้องรับผิดชอบในกรณีที่มีการส่งมอบงานล่าช้า  กฎหมายกำหนดว่าอย่างไร  จงอธิบาย

ธงคำตอบ

มาตรา  586  ถ้าลูกจ้างเป็นผู้ซึ่งนายจ้างได้จ้างเอามาแต่ต่างถิ่นโดยนายจ้างออกเงินค่าเดินทางให้ไซร้  เมื่อการจ้างแรงงานสิ้นสุดลง  และถ้ามิได้กำหนดกันไว้เป็นอย่างอื่นในสัญญาแล้ว  ท่านว่านายจ้างจำต้องใช้เงินค่าเดินทางขากลับให้  แต่จะต้องเป็นดังต่อไปนี้คือ

1       สัญญามิได้เลิกหรือระงับเพราะการกระทำหรือความผิดของลูกจ้าง  และ

2       ลูกจ้างกลับไปยังถิ่นที่ได้จ้างเอามาภายในเวลาอันสมควร

วินิจฉัย

นายรุจิได้ทำสัญญาจ้าง  น.ส.พรตา  เป็นแม่ครัวมีกำหนด  2  ปี  ตกลงจ่ายค่าจ้างเดือนละ  8,000  บาท  ทุกวัยสิ้นเดือน  โดยสัญญาจ้างดังกล่าวมีกำหนดตั้งแต่เดือนมีนาคม  2548  ถึงเดือนกุมภาพันธ์  2550  สัญญาจ้างระหว่างนายรุจิกับ  น.ส.พรตา  จึงเป็นสัญญาจ้างแรงงานมีกำหนดเวลา  2  ปี  เมื่อครบกำหนดเวลา  2  ปี  ตามสัญญา  นายรุจิมีสิทธิบอกเลิกสัญญาโดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเนื่องจากไม่ใช่สัญญาจ้างที่ไม่มีกำหนดเวลา

นายรุจิได้ให้ค่ารถเดินทางจาก  จ.เชียงใหม่   มากรุงเทพฯ  จึงเป็นกรณีตามมาตรา  586  ที่นายจ้างได้จ้างลูกจ้างเอามาแต่ต่างถิ่นโยนายจ้างออกเงินค่าเดินทางให้  เมื่อการจ้างแรงงานสิ้นสุดลงนายจ้างจะต้องใช้เงินค่าเดินทางขากลับให้  นายรุจิจึงต้องจ่ายค่าเดินทางขากลับให้แก่  น.ส.พรตา

มาตรา  591  ถ้าความชำรุดบกพร่องหรือความชักช้าในการที่ทำนั้นเกิดขึ้นเพราะสภาพแห่งสัมภาระซึ่งผู้ว่าจ้างส่งให้ก็ดี  เพราะคำสั่งของผู้ว่าจ้างก็ดี  ท่านว่าผู้รับจ้างไม่ต้องรับผิดเว้นแต่จะได้รู้อยู่แล้วว่าสัมภาระนั้นไม่เหมาะหรือว่าคำสั่งนั้นไม่ถูกต้องและมิได้บอกกล่าวตักเตือน

มาตรา  596  ถ้าผู้รับจ้างส่งมอบการที่ทำไม่ทันเวลาที่ได้กำหนดไว้ในสัญญาก็ดีหรือถ้าไม่ได้กำหนดเวลาว้ในสัญญาเมื่อล่วงพ้นเวลาอันควรแก่เหตุก็ดี  ผู้ว่าจ้างชอบที่จะได้ลดสินจ้างลง  หรือถ้าสาระสำคัญแห่งสัญญาอยู่ที่เวลา  ก็ชอบที่จะเลิกสัญญาได้

มาตรา  597  ถ้าผู้ว่าจ้างยอมรับมอบการที่ทำนั้นแล้วโดยมิได้อิดเอื้อน  ผู้รับจ้างก็ไม่ต้องรับผิดเพื่อการที่ส่งมอบเนิ่นช้า

วินิจฉัย

นายวิกรมทำสัญญาจ้างนายกนกก่อสร้างบ้าน  1  หลัง  ตกลงจ่ายสินจ้าง  3  ล้านบาท  และตกลงว่าจะก่อสร้างบ้านให้แล้วเสร็จในวันที่  31  มกราคม  แต่นายกนกไม่สามารถส่งมอบบ้านได้ทันในวันที่  31  มกราคม  กลับส่งมอบบ้านให้นายวิกรมในวันที่  30  มีนาคม  ซึ่งล่าช้ากว่าที่กำหนดในสัญญา  ดังนี้ตามสัญญาจ้างทำของ  ถ้าผู้รับจ้างส่งมอบงานไม่ทันเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญา  ผู้ว่าจ้างชอบที่จะลดสินจ้างลงได้ตามมาตรา  596  เมื่อนายกนกส่งมอบบ้านล่าช้า  ในวันที่  30  มีนาคมเช่นนี้  นายวิกรมขอให้ลดสินจ้างลงบางส่วนได้

แต่นายกนกอาจจะไม่ต้องรับผิดชอบในการส่งมอบงานล่าช้า  ซึ่งอาจเกิดขึ้น  2  กรณีคือ  กรณีตามมาตรา  591  หากความล่าช้าเกิดขึ้นเพราะสัมภาระซึ่งผู้ว่าจ้างส่งให้  หริเพราะคำสั่งของผู้ว่าจ้างเอง  และมาตรา  597  หากผู้ว่าจ้างยอมรับมอบงานที่ทำโดยมิได้อิดเอื้อน

สรุป  ก  นายรุจิต้องจ่ายค่าเดินทางขอกลับให้แก่  น.ส.พรตา

ข  นายวิกรมขอให้ลดสินจ้างลงบางส่วนได้  และข้อยกเว้นตามกฎหมายที่นายกนกไม่ต้องรับผิดเป็นไปตามมาตรา  591  และ  597

Advertisement