การสอบไล่ภาค  2  ปีการศึกษา  2552

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW2003 

Advertisement

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยละเมิด จัดการงานนอกสั่ง ลาภมิควรได้

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  4  ข้อ  (คะแนนเต็มข้อละ  25  คะแนน)

ข้อ  1  นางอุ่นเรือนร้องขอให้นายวันชัยช่วยขับรถยนต์ของตนเพื่อพาเพื่อนต่างชาติโดยสารนั่งเที่ยวชมเมือง  ระหว่างรอผู้โดยสารเที่ยวชมโบราณสถานอยู่นั้น  นายวันชัยจอดรถติดเครื่องทิ้งไว้ริมถนนแล้ว  เดินไปดูของที่ระลึกที่ตั้งร้านอยู่ใกล้ๆบริเวณนั้น  แต่เนื่องจากบริเวณนั้นเป็นที่ลาด  ทำให้รถเคลื่อนที่ออกไปตามถนน  ร้อยตำรวจตรีสุรศักดิ์ซึ่งเป็นตำรวจอยู่บนสถานีตำรวจเห็นเหตุการณ์  และเห็นว่ารถนั้นกำลังจะชนหญิงคนหนึ่ง  จึงเข้าไปช่วยดึงรถให้หยุดจึงถูกรถลากไปได้รับบาดเจ็บ

ให้ท่านวินิจฉัยว่าใครจะต้องรับผิดในการที่ร้อยตำรวจตรีสุรศักดิ์ได้รับบาดเจ็บ  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  420  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ  ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี  แก่ร่างกายก็ดี  เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี  ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น

มาตรา  427  บทบัญญัติในมาตราทั้งสองก่อนนั้น  ท่านให้ใช้บังคับแก่ตัวการและตัวแทนด้วยโดยอนุโลม

มาตรา  437  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแลยานพาหนะ  อย่างใดๆอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลบุคคลนั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่ร้อยตำรวจตรีสุรศักดิ์ซึ่งเป็นตำรวจเห็นว่ารถยนต์ของนางอุ่นเรือนกำลังจะชนหญิงคนหนึ่ง  จึงเข้าไปช่วยดึงรถและได้ถูกรถลากไปจนได้รับบาดเจ็บนั้น  กรณีถือว่าเป็นการกระทำตามหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในการที่จะช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนทั่วไป  เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นแก่ร้อยตำรวจตรีสุรศักดิ์  ก็ถือได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความเสียหายจากยานพาหนะอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกล  ทั้งนี้เพราะขณะเกิดเหตุรถยนต์กำลังเดินเครื่องอยู่  นายวันชัยซึ่งเป็นผู้ควบคุมรถยนต์นั้น  จึงต้องรับผิดต่อร้อยตำรวจตรีสุรศักดิ์ตามมาตรา  437  ส่วนนางอุ่นเรือนซึ่งเป็นเจ้าของรถแต่ไม่ได้อยู่ในรถจึงไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้ครอบครองยานพาหนะอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลตามมาตรา  437  จึงไม่ต้องรับผิดตามมาตรานี้แต่อย่างใด

แต่อย่างไรก็ดี  เมื่อนางอุ่นเรือนเป็นผู้วานให้นายวันชัยเป็นผู้ขับรถแทน  กรณีจึงถือว่านางอุ่นเรือนเป็นตัวการ  และนายวันชัยเป็นตัวแทน  ซึ่งมาตรา  427  กำหนดให้ตัวการต้องร่วมรับผิดกับตัวแทนในผลแห่งละเมิดที่ตัวแทนได้ทำไปในขอบอำนาจแห่งตัวแทน  ดังนั้น  นางอุ่นเรือนจึงต้องร่วมรับผิดกับนายวันชัยต่อร้อยตำรวจตรีสุรศักดิ์

สรุป  นางอุ่นเรือนต้องร่วมรับผิดกับนายวันชัยต่อร้อยตำรวจตรีสุรศักดิ์  

 

 

ข้อ  2  นายมนูญอายุ  19  ปี  ทำงานเป็นคนงานก่อสร้างอยู่ที่กรุงเทพฯ  ได้คิดสั้นฆ่าตัวตาย.  จึงวิ่งตัดหน้ารถของนายมารวยซึ่งขับมาด้วยความเร็วปกติ  ทำให้รถของนายมารวยชนร่างนายมนูญได้รับบาดเจ็บสาหัส  และเนื่องจากนายมารวยต้องเบรกรถอย่างกะทันหัน  ทำให้นายมนัสซึ่งนั่งอยู่ในรถคันนั้นได้ตกไปจากที่นั่งอย่างแรงได้รับบาดเจ็บ  ดังนี้ให้ท่านวินิจฉัยว่า

(ก)  นายมนัสจะเรียกร้องให้นายมารวยรับผิดในเหตุละเมิดได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

(ข)  นายมนัสจะเรียกร้องต่อนายมานพซึ่งเป็นนายจ้างของนายมนูญ  ให้รับผิดในคดีละเมิดได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  420  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ  ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี  แก่ร่างกายก็ดี  เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี  ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น

มาตรา  425  นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด  ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น

มาตรา  437  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแลยานพาหนะ  อย่างใดๆอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลบุคคลนั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง

วินิจฉัย

(ก)  กรณีตามอุทาหรณ์ 

นายมนัสได้รับความเสียหายอันเกิดจากยานพาหนะอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกล  คือ  รถยนต์ของมารวย  นายมนัสจึงมีสิทธิเรียกร้องให้นายมารวยในฐานะเป็นผู้ครอบครองยานพาหนะอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลนั้น  ให้รับผิดตามมาตรา  437  ทั้งนี้  แม้ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจะไม่ได้เกิดจากความประมาทของนายมารวยก็ตาม  ในกรณีเช่นนี้  นายมารวยก็มีสิทธิแก้ตัวเพื่อไม่ต้องรับผิดได้โดยการอ้างเหตุสุดวิสัย  ซึ่งตามมาตรา  437  กำหนดให้เป็นข้อยกเว้นความรับผิดได้  เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะมีคนกระโดดมาตัดหน้ารถกะทันหัน

อย่างไรก็ดี  นายมนัสมีสิทธิเรียกร้องต่อนายมนูญในฐานะที่กระทำละเมิด  โดยเป็นเหตุให้รถยนต์นายมารวยต้องเบรกกะทันหัน  และเป็นเหตุให้นายมนัสได้รับบาดเจ็บ  อันถือได้ว่าผลที่เกิดขึ้นสัมพันธ์กับการกระทำแล้ว  นายมนูญจึงมีความรับผิดตามมาตรา  420  ต่อนายมนัส

(ข)  กรณีตามอุทาหรณ์

ตามหลักกฎหมายมาตรา  425  เมื่อลูกจ้างกระทำละเมิด  นายจ้างต้องร่วมรับผิดกับลูกจ้างด้วย  ดังนั้น  นายจ้างของนายมนูญจึงควรต้องรับผิดกับนายมนูญต่อนายมนัสด้วย  แต่อย่างไรก็ดี  เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า  นายมนูญไม่ได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้าง  นายมานพซึ่งเป็นนายจ้างของนายมนูญจึงไม่ต้องรับผิดด้วย

สรุป

(ก)  นายมนัสมีสิทธิเรียกร้องให้นายมารวยรับผิดในเหตุละเมิดได้  แต่นายมารวยก็มีสิทธิอ้างเหตุสุดวิสัยเพื่อไม่ต้องรับผิดได้

(ข)  นายมนัสจะเรียกร้องต่อนายมานพซึ่งเป็นนายจ้างของนายมนูญไม่ได้

 

 

ข้อ  3  จำเลยขับรถไปตามถนนด้วยความเร็วปกติธรรมดา  ขณะไปถึงสี่แยกไฟแดง  ปรากฏว่ามีสัญญาณไฟแดง  จำเลยจึงเหยียบเบรกแต่ไม่สามารถหยุดรถได้  เพราะเบรกเสียใช้การไม่ได้  รถจึงวิ่งชนนาย  ก  ถึงแก่ความตาย  ทายาทของนาย  ก  ฟ้องจำเลยให้รับผิดในทางละเมิด  จำเลยต่อสู้ว่าการที่จำเลยขับรถชนนาย ก  ตาย  เพราะเบรกเสียใช้การไม่ได้จึงเป็นเหตุสุดวิสัย  ข้อต่อสู้ของจำเลยฟังขึ้นหรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  437  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแลยานพาหนะ  อย่างใดๆอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลบุคคลนั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่รถจำเลยเบรกเสียใช้การไม่ได้ในขณะขับ  เป็นเหตุให้รถยนต์วิ่งชนนาย  ก  ถึงแก่ความตาย  ดังนี้  การที่รถเบรกเสียใช้การไม่ได้  ไม่ใช่เหตุสุดวิสัย  อันจะเป็นข้อยกเว้นของกฎหมาย  เพราะถือว่ายังอยู่ในวิสัยที่ผู้ขับขี่อาจป้องกันได้ถ้าหากใช้ความระมัดระวังตามสมควร  โดยตรวจดูสภาพของรถให้เรียบร้อยก่อนนำออกขับขี่  ดังนั้น  เมื่อรถของจำเลยชนนาย  ก  ถึงแก่ความตาย  จำเลยในฐานะผู้ควบคุมจึงต้องรับผิดตามมาตรา  437  วรรคแรก  เทียบฎีกาที่  174/2528

สรุป  จำเลยต้องรับผิดตามมาตรา  437

 

 

ข้อ  4  นายก้องตาบอดหนึ่งข้างแต่กำเนิด  อีกข้างที่เหลือใช้การได้ตามปกติ  โดยนายก้องมีบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายหนึ่งคนคือเด็กหญิงส้ม  ต่อมานายก้องทราบว่าตาข้างที่ใช้การได้ของตนเริ่มมองไม่ชัด  เนื่องจากเป็นโรคต้อ  นายก้องจึงได้ไปพบแพทย์เพื่อผ่าตัดรักษา  ข้อเท็จจริงปรากฏว่าหลังจากผ่าตัดหนึ่งวันดวงตาที่ผ่ามีอาการติดเชื้อรุนแรงซึ่งอาจลุกลามถึงสมองได้  สาเหตุเนื่องจากแพทย์ผู้ผ่าตัดทำการผ่าตัดโดยประมาทเลินเล่อไม่ได้ใช้ความระมัดระวังในการรักษาความสะอาดตามสมควร  เป็นเหตุให้นายก้องเสียค่าใช้จ่าย  200,000  บาท  ในการผ่าตัดควักลูกนัยน์ตาที่ติดเชื้อออก  เพื่อป้องกันการลุกลามของเชื้อไปที่สมอง  ทำให้ปัจจุบันนายก้องตาบอดสนิททั้งสองข้างไม่อาจทำงานได้ปกติดังเดิม  อีกทั้งนายก้องยังต้องทนทุกข์โศกเศร้าจากการสูญเสียการมองเห็นไป  ดังนี้ 

(ก)  นายก้องจะฟ้องเรียกค่าใช้จ่าย  200,000  บาท  และค่าเสียหายที่นายก้องต้องทนทุกข์โศกเศร้าจากการสูญเสียการมองเห็นจากแพทย์ผู้ผ่าตัดได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

(ข)  เด็กหญิงส้มจะฟ้องเรียกค่าขาดไร้อุปการะ  เนื่องจากปัจจุบันนายก้องตาบอดสนิททั้งสองข้าง  ไม่อาจทำงานหาเลี้ยงเด็กหญิงส้มได้ดังเดิม  จากแพทย์ผู้ผ่าตัดได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  443  ในกรณีทำให้เขาถึงตายนั้น  ค่าสินไหมทดแทนได้แก่  ค่าปลงศพ  รวมทั้งค่าใช้จ่ายอันจำเป็นอย่างอื่นๆอีกด้วย

ถ้ามิได้ตายในทันที  ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ค่ารักษาพยาบาล  รวมทั้งค่าเสียหายที่ต้องขาดประโยชน์ทำมาหาได้เพราะไม่สามารถประกอบการงานนั้นด้วย

ถ้าว่าเหตุที่ตายลงนั้นทำให้บุคคลหนึ่งคนใดต้องขาดไร้อุปการะตามกฎหมายไปด้วยไซร้  ท่านว่า  บุคคลคนนั้นชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น

มาตรา  444  วรรคแรก  ในกรณีทำให้เสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยนั้น  ผู้เสียหายชอบที่จะได้ชดใช้ค่าใช้จ่ายอันตนต้องเสียไป  และค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบการงานสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วน  ทั้งในเวลาปัจจุบันนั้นและในเวลาอนาคตด้วย

มาตรา  446  วรรคแรก  ในกรณีทำให้เขาเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยก็ดี  ในกรณีทำให้เขาเสียเสรีภาพก็ดี  ผู้ต้องเสียหายจะเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความที่เสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงินด้วยอีกก็ได้  สิทธิเรียกร้องอันนี้ไม่โอนกันได้  และไม่ตกสืบไปถึงทายาท  เว้นแต่สิทธินั้นจะได้รับสภาพกันไว้โดยสัญญาหรือได้เริ่มฟ้องคดีตามสิทธินั้นแล้ว

อนึ่ง  หญิงที่ต้องเสียหายเพราะผู้ใดทำผิดอาญาเป็นทุรศีลธรรมแก่ตน  ก็ย่อมมีสิทธิเรียกร้องทำนองเดียวกันนี้

วินิจฉัย

(ก)  กรณีตามอุทาหรณ์

การที่แพทย์กระทำละเมิดทำการผ่าตัดโดยประมาทเลินเล่อ  เป็นเหตุให้นายก้องเสียค่าใช้จ่าย  200,000  บาท  ในการผ่าตัดควักลูกนัยน์ตาที่ติดเชื้อออกนั้น  นายก้องสามารถฟ้องเรียกค่าใช้จ่ายดังกล่าวจากแพทย์ผู้ผ่าตัดได้  โดยถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่ตนต้องเสียไปตามมาตรา  444  วรรคแรก

และกรณีที่แพทย์ผ่าตัดลูกนัยน์ตาออก  ทำให้ปัจจุบันนายก้องตาบอดสนิททั้งสองข้าง  อีกทั้งนายก้องยังต้องทนทุกข์ทรมานและซึมเศร้าจากการสูญเสียการมองเห็น  กรณีเช่นนี้  นายก้องก็สามารถฟ้องเรียกค่าเสียหายดังกล่าวได้  โดยถือว่าเป็นค่าเสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงินตามมาตรา  446

(ข)  กรณีตามอุทาหรณ์

เด็กหญิงส้มบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายก้องจะฟ้องเรียกค่าขาดไร้อุปการะไม่ได้  เพราะค่าขาดไร้อุปการะจะเรียกร้องได้เฉพาะกรณีการทำละเมิดเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายเท่านั้น  ซึ่งตามข้อเท็จจริงดังกล่าว  การกระทำละเมิดของแพทย์เป็นแต่เพียงทำให้นายก้องบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของเด็กหญิงส้มได้รับบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น  ไม่ปรากฏว่านายก้องถึงแก่ความตาย  กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา  443 

สรุป

(ก)  นายก้องฟ้องเรียกค่าใช้จ่าย  200,000  บาท  และค่าเสียหายที่นายก้องต้องทนทุกข์โศกเศร้าจากการสูญเสียการมองเห็นจากแพทย์ผู้ผ่าตัดได้

(ข)  เด็กหญิงส้มจะฟ้องเรียกค่าขาดไร้อุปการะไม่ได้

Advertisement