LAW 2009 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2552

การสอบไล่ภาค  1  ปีการศึกษา  2552

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2009

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม ฝากทรัพย์ เก็บของในคลังสินค้า ประนีประนอมยอมความการพนันขันต่อ

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  3  ข้อ

ข้อ  1  ปาดังยืมรถยนต์ปิคอัพของปาเดเพื่อเอาไปใช้งานโดยแจ้งให้ปาเดทราบแล้วว่าจะนำไปดัดแปลงเป็นรถโดยสารรับจ้าง  ปาเดเห็นว่าเป็นคนใกล้ชิดสนิทสนมกันก็ไม่ได้ถามว่าจะเอาไปใช้นานเท่าใด  ปาดังนำรถยนต์ที่ยืมมาไปต่อเติมหลังคากับที่นั่งสองแถวเพื่อนำไปใช้รับคนโดยสาร  หลังจากนั้นวันหนึ่งมีสาเกเพื่อนของปาดังมาหาบอกว่าตกงานไม่มีรายได้อะไร  ปาดังสงสารจึงอนุญาตให้สาเกเอารถคันดังกล่าวไปขับรับคนโดยสารหารายได้  โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายและถ้าได้งานใหม่เมื่อใดก็ให้นำรถมาคืน  ดังนี้  สัญญาระหว่างปาดังกับสาเกเป็นสัญญายืมใช้คงรูปหรือสัญญายืมใช้สิ้นเปลือง

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  640  อันว่ายืมใช้คงรูปนั้น  คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ยืม  ให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ยืม  ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่าและผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว

มาตรา  650  อันว่ายืมใช้สิ้นเปลืองนั้น  คือสัญญาซึ่งผู้ให้ยืมโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินชนิดใช้ไปสิ้นไปนั้น  เป็นปริมาณมีกำหนดให้ไปแก่ผู้ยืม  และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินเป็นประเภท  ชนิด  และปริมาณเช่นเดียวกันให้แทนทรัพย์สินซึ่งให้ยืมนั้น

วินิจฉัย

จากบทบัญญัติมาตรา  640  สามารถแยกองค์ประกอบของสัญญายืมใช้คงรูปได้ดังนี้

1       เป็นสัญญาซึ่งประกอบด้วยคู่กรณี  2  ฝ่าย  ฝ่ายหนึ่งเรียกว่า  ผู้ให้ยืม  อีกฝ่ายหนึ่งเรียกว่า  ผู้ยืม  โดยแต่ละฝ่ายไม่จำเป็นต้องมีฝ่ายละคนเสมอไป  อาจจะมากกว่าหนึ่งคนก็ได้  และจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้

2       เป็นสัญญาที่ตกลงให้ผู้ยืมใช้สอยทรัพย์สินได้เปล่า  ไม่มีค่าตอบแทน  ถ้าเป็นการใช้สอยทรัพย์สินแล้วต้องเสียค่าตอบแทน  สัญญานั้นก็จะเป็นเช่าทรัพย์ไป  มิใช่สัญญายืมใช้คงรูป

3       เป็นสัญญาที่ตกลงให้ผู้ยืมต้องส่งคืนทรัพย์สินนั้นให้กับผู้ให้ยืมเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว  กล่าวคือ  ไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ให้ยืม  เมื่อใช้สอยทรัพย์สินเสร็จแล้ว  ผู้ยืมจะต้องส่งคืนทรัพย์สินนั้นแก่ผู้ให้ยืม  จะส่งคืนทรัพย์สินอื่นแม้เป็นประเภท  ชนิด  และปริมาณเช่นเดียวกันกับทรัพย์สินที่ยืมไม่ได้

ส่วนสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองตามมาตรา  650  นั้น  สามารถแยกลักษณะเฉพาะได้ดังนี้  คือ

1       เป็นสัญญาที่มีค่าตอบแทนหรือไม่มีค่าตอบแทนก็ได้  มีผลทำให้สัญญายืมใช้สิ้นเปลืองแตกต่างกับยืมใช้คงรูป  และทำให้ยืมใช้สิ้นเปลืองมีลักษณะใกล้เคียงกับสัญญาเช่าทรัพย์  ที่ผู้ยืม (ผู้เช่า)  ต้องเสียค่าตอบแทน  และต้องคืนทรัพย์สินที่ยืม  เพียงแต่ยืมใช้สิ้นเปลืองต้องคืนแต่ทรัพย์ที่เป็นประเภท  ชนิดและปริมาณเดียวกัน  แต่เช่าทรัพย์  ผู้เช่าต้องคืนทรัพย์สินอันเดียวกันกับที่ผู้ให้เช่าส่งมอบให้ 

2       เป็นสัญญาโอนกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินที่ยืม

3       วัตถุแห่งสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองคือทรัพย์สินที่ใช้ไปสิ้นไป  กล่าวคือ  เมื่อมีการใช้สอยตามสัญญา  ทรัพย์สินนั้นจะเปลี่ยนแปลงภาวะความเป็นอยู่เสื่อมสลายหรือหมดเปลืองไป  ไม่คงรูปอยู่ในสภาพเดิม

กรณีตามอุทาหรณ์  ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยมีว่า  สัญญาระหว่างปาดังกับสาเกเป็นสัญญายืมใช้คงรูปหรือสัญญายืมใช้สิ้นเปลือง  เห็นว่า  การที่ปาดังอนุญาตให้สาเกเอารถคันที่ปาดังยืมจากปาเดไปขับรับคนโดยสารหารายได้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย  และถ้าได้งานใหม่เมื่อใดก็ให้นำรถมาคืน  แสดงให้เห็นว่าสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญายืมใช้คงรูปตามมาตรา  640  เนื่องจากเป็นสัญญาซึ่งประกอบด้วยคู่สัญญา  2  ฝ่าย  และเป็นสัญญาที่ตกลงให้ผู้ยืมใช้สอยทรัพย์สินได้เปล่า  ไม่มีค่าตอบแทน  และประการที่สำคัญคือ  ตกลงให้ผู้ยืมต้องส่งคืนทรัพย์สินที่ยืมนั้นให้กับผู้ให้ยืมเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว  ไม่ได้ตกลงให้นำรถยนต์คันอื่นซึ่งเป็นประเภท  ชนิด  และปริมาณเช่นเดียวกันกับรถยนต์ที่ยืมมาคืน จึงไม่อาจเป็นสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองตามมาตรา  650  ได้

สรุป  สัญญาระหว่างปาดังกับสาเกเป็นสัญญายืมใช้คงรูปตามมาตรา  640

 

ข้อ  2  นาย  ก  กู้ยืมเงินนาย  ข  100,000  บาท  สัญญายืมเงินกำหนดให้ลูกหนี้จ่ายดอกเบี้ยขั้นสูงสุดตามกฎหมายกำหนด  ดังนี้  ลูกหนี้จะต้องจ่ายดอกเบี้ยเป็นจำนวนเงินเท่าใด

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  7  ถ้าจะต้องเสียดอกเบี้ยแก่กันและมิได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้โดยนิติกรรมหรือโดยบทบัญญัติกฎหมายอันชัดแจ้ง  ให้ใช้อัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี

มาตรา  653  วรรคแรก  การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น  ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม  เป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ  จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่

มาตรา  654  ท่านห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยเกินร้อยละสิบห้าต่อปี  ถ้าในสัญญากำหนดดอกเบี้ยเกินกว่านั้น  ก็ให้ลดลงมาเป็นร้อยละสิบห้าต่อปี

วินิจฉัย

โดยหลักแล้ว  การกู้ยืมเงินกันกว่า  2,000  บาท  ถ้าไม่ได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืม  ผู้ให้ยืมจะนำไปฟ้องร้องบังคับให้ผู้ยืมชำระหนี้ไม่ได้ตามมาตรา  653  วรรคแรก

ส่วนดอกเบี้ยตามสัญญากู้ยืมนั้น  คู่สัญญาจะตกลงให้ผู้ยืมเสียดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่กู้ยืมหรือไม่ก็ได้

1       ถ้าไม่มีข้อตกลงให้คิดดอกเบี้ย  ผู้ให้กู้ยืมเรียกดอกเบี้ยจากจำนวนเงินที่กู้ยืมไม่ได้จนกว่าผู้กู้ยืมจะผิดนัดตามมาตรา  224

2       ถ้าตกลงคิดดอกเบี้ยแก่กัน  จะต้องกำหนดอัตราไว้ไม่เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด  คือ  ไม่เกินร้อยละ  15  ต่อปีตามมาตรา  654  ถ้าตกลงคิดดอกเบี้ยเกินอัตราดังกล่าวถือว่าเป็นการตกลงที่ขัดต่อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน  มีผลทำให้ความตกลงในเรื่องดอกเบี้ยเป็นโมฆะใช้บังคับไม่ได้ตามมาตรา  150  คงเรียกได้แต่เฉพาะต้นเงินเท่านั้น  อนึ่งถ้าคู่สัญญามีข้อตกลงให้คิดดอกเบี้ยแก่กันแต่ไม่ได้ระบุอัตราดอกเบี้ยไว้โดยนิติกรรมหรือโดยบทกฎหมายอันชัดแจ้ง  บทบัญญัติมาตรา  7  ให้ถือว่าคู่สัญญาตกลงกันให้คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ  7.5  ต่อปี

กรณีตามอุทาหรณ์  สัญญายืมเงินระหว่างนาย  ก  และนาย  ข  กำหนดให้นาย  ก  ลูกหนี้จ่ายดอกเบี้ยขั้นสูงสุดตามกฎหมายกำหนด  กรณีเช่นนี้ถือว่าเป็นข้อตกลงที่ไม่ชัดเจนเพราะไม่ได้ระบุอัตราดอกเบี้ยไว้โดยชัดแจ้งว่าจะให้ใช้ในอัตราเท่าใด  จึงต้องตีความไปในทางที่เป็นคุณแก่ฝ่ายลูกหนี้  ดังนั้นจึงต้องบังคับตามมาตรา  7  คือ  ให้ถือว่านาย  ก  และนาย  ข  คู่สัญญาตกลงกันให้เสียดอกเบี้ยในเงินกู้ยืมในอัตราร้อยละ  7.5  ต่อปี  นับตั้งแต่วันทำสัญญากู้ยืมไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น  (ฎ.3708/2528)

สรุป  ลูกหนี้ต้องจ่ายดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ  7.5  ต่อปีเท่านั้น

 

ข้อ  3  หนึ่งเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านถนนรามคำแหง  โดยพักร่วมกับสองเพื่อนร่วมงานที่มาทำงานด้วยกัน  หนึ่งนำประเป๋าสตางค์ที่มีเงินสดหนึ่งหมื่นบาท  สายสร้อยทองคำแขวนพระหลวงพ่อคูณเลี่ยมทอง  1  องค์  (รวมมูลค่าสายสร้อยและพระประมาณสามหมื่นบาท)  แหวนทับทิมล้อมเพชร  1  วง  (มูลค่าประมาณสองหมื่นบาท)  วางไว้ที่โต๊ะหัวเตียงในระหว่างนอนหลับ  เมื่อตื่นมาตอนเช้าพบว่ากระเป๋าเดินทางถูกรื้อค้นกระจุยกระจาย  เพดานห้องมีร่องรอยการปีนขึ้นลงจากฝ้าเพดาน  และแหวนทับทิมล้อมเพชรของหนึ่งถูกขโมยไป  หนึ่งได้รีบแจ้งให้นายสมเกียรติผู้เป็นเจ้าสำนักโรงแรมทราบทันทีที่พบว่าของหายไป  โดยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วคนขโมยแหวนคือสองเพื่อนร่วมงานที่พักในห้องเดียวกันนั่นเอง

ดังนี้  ให้ท่านวินิจฉัยว่า  ตามหลักของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  หนึ่งจะเรียกร้องให้โรงแรมรับผิดต่อตนได้หรือไม่  ในจำนวนเงินเท่าใด  จงอธิบาย

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  675  เจ้าสำนักต้องรับผิดในการที่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างใดๆ  แม้ถึงว่าความสูญหาย  หรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะผู้คนไปมาเข้าออก  ณ  โรงแรม  โฮเต็ล  หรือสถานที่เช่นนั้นก็คงต้องรับผิด

ความรับผิดนี้  ถ้าเกี่ยวด้วยเงินทองตรา  ธนบัตร  ตั๋วเงิน  พันธบัตร  ใบหุ้น  ใบหุ้นกู้  ประทวนสินค้า  อัญมณี  หรือของมีค่าอื่นๆไซร้  ท่านจำกัดไว้เพียงห้าพันบาท  เว้นแต่จะได้ฝากของมีค่าเช่นนี้ไว้แก่เจ้าสำนักและได้บอกราคาแห่งของนั้นชัดแจ้ง

แต่เจ้าสำนักไม่ต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอันเกิดแต่เหตุสุดวิสัย  หรือแต่สภาพแห่งทรัพย์สินนั้น  หรือแต่ความผิดของคนเดินทางหรือแขกอาศัยผู้นั้นเอง  หรือบริวารของเขา  หรือบุคคลซึ่งเขาได้ต้อนรับ

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยมีว่า  หนึ่งจะเรียกร้องให้โรงแรมรับผิดต่อตนได้หรือไม่  ในจำนวนเงินเท่าใด  เห็นว่า  ตามมาตรา  675  วรรคแรก  ได้กำหนดให้เจ้าสำนักโรงแรมต้องรับผิดในการที่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างใดๆ  แม้ความเสียหายจะเกิดจากผู้คนไปมาเข้าออกยังโรงแรมก็ตาม  แต่ทั้งนี้ก็มีข้อยกเว้นไว้ใน  3  กรณี  คือ

1       ความสูญหายหรือบุบสลายนั้นเกิดจากเหตุสุดวิสัย

2       ความสูญหายหรือบุบสลายนั้นเกิดแต่สภาพแห่งทรัพย์สินนั้นเอง

3       ความสูญหายหรือบุบสลายนั้นเกิดขึ้นเพราะความผิดของคนเดินทางหรือแขกอาศัยผู้นั้นเอง  หรือบริวารของเขา  หรือบุคคลซึ่งเขาได้ต้อนรับ

กรณีนี้แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่า  ทรัพย์สินที่สูญหายคือ  แหวนทับทิมล้อมเพชรอันถือว่าเป็นอัญมณีหรือของมีค่าตามมาตรา  675  วรรคสอง  ซึ่งโดยหลักแล้ว  เจ้าสำนักโรงแรมจะต้องรับผิดในการที่ทรัพย์สินนั้นสูญหายโดยจำกัดความรับผิดชอบไว้เพียง  5,000  บาท  เพราะหนึ่งมิได้ฝากของมีค่าเช่นนั้นไว้แก่เจ้าสำนักและได้บอกราคาแห่งของนั้นชัดแจ้งก็ตาม  แต่เมื่อการสูญหายนั้นเกิดจากการถูกขโมยไปโดยเพื่อนร่วมห้อง  (สอง)  ที่พักแรมด้วยกัน  จึงเข้าข้อยกเว้นที่ทางโรงแรมจะไม่ต้องรับผิดตามมาตรา  675  วรรคสาม  เพราะถือว่าความเสียหายครั้งนี้เกิดจากบริวารของคนเดินทางหรือบุคคลที่คนเดินทางเข้าพักแรมด้วยกันนั่นเอง  ดังนั้น  หนึ่งจึงไม่สามารถเรียกร้องให้โรงแรมรับผิดในทรัพย์สินที่หายได้

สรุป  หนึ่งไม่สามารถเรียกร้องให้โรงแรมรับผิดในทรัพย์สินที่หายได้

LAW 2009 การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2552

การสอบไล่ภาค  2  ปีการศึกษา  2552
ข้อสอบกระบวนวิชา  
LAW 2009 

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม ฝากทรัพย์ เก็บของในคลังสินค้า ประนีประนอมยอมความการพนันขันต่อ

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  3  ข้อ

ข้อ  1  สามย่านยืมมอเตอร์ไซค์ของแกลง  โดยบอกว่าจะเอาใช้ขับขี่ไปทำงาน  แกลงได้ส่งมอบมอเตอร์ไซค์ให้สามย่านไปใช้งานโดยไม่คิดค่าตอบแทน  และไม่ได้กำหนดเวลาคืนไว้แต่สามย่านกลับนำไปดัดแปลงโดยมีการตัดต่อเป็นรถสามล้อ  ต่อเติมหลังคากับที่นั่งสองแถวเพื่อรับขนคนโดยสาร  วันหนึ่งขณะที่สามย่านขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ดัดแปลงแล้วหาผู้โดยสารนั้น  ชะมวงขับรถยนต์มาชนท้ายทำให้รถมอเตอร์ไซค์ที่สามย่านยืมมาเสียหาย  ถ้าจะซ่อมแซมให้กลับคืนสภาพเดิมจะต้องใช้เงิน  5  พันบาท  ดังนี้  แกลงจะเรียกให้ชะมวงรับผิดชดใช้ค่าทดแทนที่เกิดกับมอเตอร์ไซค์ที่ยืมหรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  640  อันว่ายืมใช้คงรูปนั้น  คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ยืม  ให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ยืม  ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่าและผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว

มาตรา  641  การให้ยืมใช้คงรูปนั้น  ท่านว่าย่อมบริบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินซึ่งให้ยืม

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่สามย่านยืมมอเตอร์ไซค์ของแกลงโดยบอกว่าจะเอาไปใช้ขับขี่ไปทำงาน  แกลงได้ส่งมอบมอเตอร์ไซค์ให้สามย่านไปใช้งานโดยไม่คิดค่าตอบแทนและไม่ได้กำหนดเวลาคืนไว้  กรณีถือว่าเป็นสัญญายืมใช้คงรูปที่มิได้กำหนดเวลาสิ้นสุดของสัญญาตามมาตรา  640  ประกอบมาตรา  641  ดังนั้น  กรรมสิทธิ์ในมอเตอร์ไซค์ที่สามย่านยืมมานั้นยังเป็นของแกลง

เมื่อได้ความว่า  ชะมวงขับรถยนต์มาชนท้ายทำให้รถมอเตอร์ไซค์ที่สามย่านยืมมาเสียหาย  ถ้าจะซ่อมแซมให้กลับคืนสภาพเดิมจะต้องใช้เงิน  5  พันบาท  กรณีเช่นนี้  แกลงในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ย่อมมีสิทธิเรียกให้ชะมวงรับผิดชดใช้ค่าทดแทนความเสียหายที่เกิดกับมอเตอร์ไซค์ที่ยืมได้

สรุป  แกลงเรียกให้ชะมวงรับผิดชดใช้ค่าทดแทนความเสียหายที่เกิดกับมอเตอร์ไซค์ที่ยืมได้

 

ข้อ  2  นาย  ก  ยืมเงินนาย  ข  เป็นจำนวนเงิน  20,000  บาทถ้วน  ในการนี้  นาย  ก  ได้รับมอบเงินยืมเป็นเงินสดจากนาย  ข  แล้ว  นาย  ข  ได้ขอให้นาย  ก  ออกเช็คจำนวน  20,000  บาท  ให้ตนยึดถือไว้เป็นประกันการชำระหนี้  ซึ่งนาย  ก  ก็ได้ออกเช็คตามที่นาย  ข ร้องขอ  ต่อมานาย  ก  ผิดนัดชำระหนี้  นาย  ข  จึงบอกให้นาย  ก  ชำระหนี้มิฉะนั้นจะฟ้องนาย  ก  เรื่องกู้ยืม  นาย  ก  บอกว่าฟ้องไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ  ดังนี้  นาย  ข  ฟ้องนาย  ก  ได้หรือไม่

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  650  อันว่ายืมใช้สิ้นเปลืองนั้น  คือสัญญาซึ่งผู้ให้ยืมโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินชนิดใช้ไปสิ้นไปนั้น  เป็นปริมาณมีกำหนดให้ไปแก่ผู้ยืม  และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินเป็นประเภท  ชนิด  และปริมาณเช่นเดียวกันให้แทนทรัพย์สินซึ่งให้ยืมนั้น

มาตรา  653  วรรคแรก  การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น  ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม  เป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ  จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่

วินิจฉัย

การกู้ยืมเงิน  เป็นสัญญายืมใช้สิ้นเปลือง  ตามมาตรา  650

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์  ตามมาตรา  653  วรรคแรก  บังคับว่าในกรณีที่จะฟ้องร้องบังคับคดีในเรื่องเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินจะต้องมีพยานหลักฐานประกอบการฟ้องคดี  คือ

1       หลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง  และ

2       ลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ

สำหรับหลักฐานการกู้ยืมเงินนี้  ต้องมีสาระสำคัญให้เห็นว่ามีการกู้ยืมเงินกัน  ซึ่งข้อความอันแสดงถึงการกู้ยืมไม่จำเป็นว่าจะต้องปรากฏในเอกสารฉบับเดียวกัน  อาจจะปรากฏอยู่ในเอกสารหลายๆฉบับก็ได้  เมื่อนำเอาเอกสารเหล่านั้นมาอ่านประกอบเข้าด้วยกัน  หากได้ความว่าเป็นการกู้ยืมเงินกันแล้ว  ถือว่าเอกสารเหล่านั้นเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมได้

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่นาย  ก  ออกเช็คจำนวน  20,000  บาท  ให้นาย  ข  ยึดถือไว้เป็นประกันการชำระหนี้นั้น  ถือว่าเช็คดังกล่าวไม่ใช่หลักฐานการยืมเงินใช้ฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้  ทั้งนี้เพราะไม่มีข้อความที่ชัดว่าเป็นการยืมเงินกันจริงๆ  ดังนั้นนาย  ข  จึงฟ้องนาย  ก  ไม่ได้

สรุป  นาย  ข  ฟ้องนาย  ก  ไม่ได้

 

ข้อ  3  นายหนึ่งเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯมหานคร  โดยมีนายโทเป็นเจ้าสำนักโรงแรม  โดยจอดรถไว้ที่ลานจอดรถหน้าโรงแรมในตอนกลางคืน  ขณะที่นายหนึ่งนอนพักอยู่ในโรงแรมนายโทและเพื่อนมาเที่ยวฟังเพลงที่โรงแรมนี้แล้วได้ถอยรถชนรถของนายหนึ่งตัวถังรถบุบบริเวณข้างประตูด้านคนขับ  แล้วรีบขับหนีไป  ต่อมาตอนเช้านายหนึ่งลงมาหยิบของที่รถพบว่ารถถูกชนบุบแต่ด้วยความรีบร้อนจะไปทำธุระที่นายหนึ่งนัดหมายไว้  จึงยังไม่ได้แจ้งต่อนายโทผู้เป็นเจ้าสำนักให้ทราบถึงความเสียหาย  ในตอนเย็นเมื่อนายหนึ่งกลับจากทำธุระและเข้ามาพักที่โรงแรม  จึงแจ้งให้นายโทชดใช้ความเสียหายที่รถของนายหนึ่งถูกชน  โดยเรียกช่างซ่อมรถมาประเมินค่าเสียหายคิดเป็นจำนวน  8,000  บาท 

ดังนี้  ให้ท่านวินิจฉัยความรับผิดของนายโทเจ้าสำนักโรงแรมที่มีต่อนายหนึ่งแขกที่มาพักแรม

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  675  วรรคแรก  เจ้าสำนักต้องรับผิดในการที่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างใดๆ  แม้ถึงว่าความสูญหาย  หรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะผู้คนไปมาเข้าออก  ณ  โรงแรม  โฮเต็ล  หรือสถานที่เช่นนั้นก็คงต้องรับผิด

มาตรา  676  ทรัพย์สินซึ่งมิได้นำฝากบอกราคาชัดแจ้งนั้น  เมื่อพบเห็นว่าสูญหายหรือบุบสลายขึ้น  คนเดินทางหรือแขกอาศัยต้องแจ้งความนั้นต่อเจ้าสำนักโรงแรม  โฮเต็ล  หรือสถานที่เช่นนั้นทันที  มิฉะนั้นท่านว่าเจ้าสำนักย่อมพ้นจากความรับผิดดังบัญญัติไว้ในมาตรา  674  และ  675

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  นายโทมีหน้าที่ต้องรับผิดต่อทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยที่สูญหายหรือเสียหายขณะเข้าพักในโรงแรมไม่ว่าความเสียหายจะเกิดขึ้นจากผู้คนไปมาเข้าออกยังโรงแรม  โรงแรมก็ต้องรับผิด  รถยนต์เป็นทรัพย์สินทั่วๆไปตามมาตรา  675  วรรคแรก  ดังนั้น  เมื่อรถของนายหนึ่งผู้พักแรมได้รับความเสียหาย  เจ้าสำนักจึงต้องชดใช้ต่อนายหนึ่งตามราคาความเสียหายที่เกิดขึ้น

แต่เมื่อได้ความว่า  นายหนึ่งทราบว่ารถถูกชนในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น  แทนที่จะแจ้งให้โรงแรมทราบทันที  แต่กลับออกจากโรงแรมเพื่อไปทำธุระอย่างอื่นและกลับมาแจ้งต่อโรงแรมในตอนเย็น  จึงทำให้โรงแรมพ้นความรับผิดตามมาตรา  676  ซึ่งกำหนดให้ผู้พักแรมต้องแจ้งให้ทางโรงแรมทราบทันทีที่พบความสูญหายหรือเสียหายมิฉะนั้นทางโรมแรมพ้นผิด  ดังนั้น  ในกรณีนี้โรงแรมจึงไม่ต้องรับผิดต่อนายหนึ่งโดยยกมาตรา  676  ขึ้นต่อสู้ได้ว่า  พฤติการณ์ของนายหนึ่งเท่ากับมิได้แจ้งให้โรงแรมทราบ

สรุป  นายโทเจ้าสำนักโรงแรมไม่ต้องรับผิดต่อนายหนึ่ง

LAW 2009 การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2552

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน  ปีการศึกษา  2552

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2009 

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม ฝากทรัพย์ เก็บของในคลังสินค้า ประนีประนอมยอมความการพนันขันต่อ

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  3  ข้อ

ข้อ  1  บ้านไร่ยืมรถตู้ของทัพทันโดยได้บอกทัพทันว่าจะเอาไปทำรถรับจ้างรับคนโดยสาร  มีกำหนดหกเดือน  ทัพทันเห็นว่าเป็นเพื่อนกันจึงมอบรถตู้คันดังกล่าวให้บ้านไร่เอาไปใช้งานได้โดยไม่คิดค่าตอบแทน  ขณะที่บ้านไร่ขับรถรับคนโดยสารอยู่นั้น  มีดวงดีขี่มอเตอร์ไซค์มาชนทำให้ไฟท้ายของรถตู้แตกเสียหายแล้วหลบหนีไป  ดังนี้  ทัพทันจะเรียกให้บ้านไร่ชดใช้ราคาไฟท้ายของรถตู้ที่แตกเสียหายได้หรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  640  อันว่ายืมใช้คงรูปนั้น  คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ยืม  ให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ยืม  ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่าและผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว

มาตรา  643  ทรัพย์สินที่ยืมนั้น  ถ้าผู้ยืมเอาไปใช้การอย่างอื่นนอกจากการอันเป็นปกติแก่ทรัพย์สินนั้น  หรือนอกดจากการอันปรากฏในสัญญาก็ดี  เอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอยก็ดี  เอาไปไว้นายกว่าที่ควรจะเอาไว้ก็ดี  ท่านว่าผู้ยืมจะต้องรับผิดในเหตุทรัพย์สินนั้นสูญหาย  หรือบุบสลายไปอย่างใดอย่างหนึ่ง  แม้ถึงจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรๆ  ทรัพย์สินนั้นก็คงจะต้องสูญหาย  หรือบุบสลายอยู่นั่นเอง

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  สัญญายืมระหว่างบ้านไร่กับทัพทันเป็นสัญญายืมใช้คงรูปตามมาตรา  640  และบ้านไร่ผู้ยืมมีสิทธิครอบครองและใช้สอยรถตู้ตามที่ตกลงกันไว้กับทัพทัน  คือ  เอาไปทำรถรับจ้างรับคนโดยสาร

และตามมาตรา  643  กฎหมายได้กำหนดให้ผู้ยืมต้องรับผิดในกรณีที่ทรัพย์สินนั้นสูญหายหรือบุบสลายไป  ถ้าผู้ยืมเอาทรัพย์ซึ่งยืมนั้นไปใช้การอย่างอื่นนอกจากการอันเป็นปกติแก่ทรัพย์สินนั้น  หรือนอกจากการอันปรากฏในสัญญา  หรือเอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอย  เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า  ขณะที่บ้านไร่ขับรถรับคนโดยสารอยู่นั้น  ดวงดีได้ขี่มอเตอร์ไซค์มาชนทำให้ไฟท้ายของรถตู้แตกเสียหาย  ดังนี้  เมื่อบ้านไร่ผู้ยืมใช้สอยทรัพย์สินที่ยืมถูกต้องตามหน้าที่ของผู้ยืมโดยไม่ได้กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา  643  ดังนั้นแม้จะเกิดความเสียหาย  (โดยบุคคลภายนอก)  กับทรัพย์สินที่ยืม  บ้านไร่ก็ไม่ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น  ดังนั้นทัพทันจะเรียกให้บ้านไร่ชดใช้ราคาไฟท้ายของรถตู้ที่แตกเสียหายไม่ได้

สรุป  ทัพทันจะเรียกให้บ้านไร่ชดใช้ราคาไฟท้ายของรถตู้ที่แตกเสียหายไม่ได้

 

ข้อ  2  ทัพมาขอกู้ยืมเงินจากสามย่านหนึ่งแสนบาท  กำหนดใช้คืนภายใน  6  เดือน  สามย่านกลัวทัพมาไม่ชำระหนี้เงินที่ยืม  จึงให้ทัพมาเขียนหนังสือขึ้นมีข้อความว่า  วันที่  10  เมษายน  2552  เงินที่ยืมมาจากสามย่านนั้นทัพมาจะชำระคืนให้เมื่อครบหกเดือนนับแต่วันที่ยืม  ลงชื่อ  ทัพมา  หกเดือนผ่านพ้นไป  ทัพมาไม่นำเงินมาชำระหนี้  สามย่านต้องการฟ้องบังคับคดีต่อศาลโดยใช้หนังสือดังกล่าวเป็นหลักฐานในการฟ้องเพื่อขอให้ศาลบังคับทัพมาใช้เงินที่กู้ยืมไปได้หรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  653  วรรคแรก  การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น  ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม  เป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ  จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่

วินิจฉัย

ตามมาตรา  653  วรรคแรก  ในกรณีที่จะฟ้องร้องบังคับคดีในเรื่องเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินกันเกินกว่า  2,000  บาทขึ้นไปนั้น  จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งและลงลายมือชื่อผู้ยืม  ซึ่งหลักฐานการกู้ยืมเงินนี้จะต้องมีสาระสำคัญแสดงให้เห็นว่ามีการกู้ยืมเงินกัน  เช่น มีการระบุจำนวนเงินที่กู้ยืม  มีข้อความว่าได้รับเงินไปตามจำนวนที่ระบุไว้  เป็นต้น

กรณีตามอุทาหรณ์  ทัพมาขอกู้ยืมเงินจากสามย่านหนึ่งแสนบาท  โดยสามย่านได้ให้ทัพมาเขียนหนังสือขึ้นเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องคดีและให้ลงชื่อทัพมาไว้  แต่เมื่อตามข้อเท็จจริงปรากฏว่า  หนังสือที่ทัพมาเขียนขึ้นนั้น  ไม่ได้ระบุจำนวนเงินที่กู้กัน  ดังนั้น  หนังสือฉบับดังกล่าวจึงใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องเพื่อบังคับคดีไม่ได้ตามมาตรา  653  วรรคแรก

สรุป  สามย่านจะใช้หนังสือฉบับดังกล่าวเป็นหลักฐานในการฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้

 

ข้อ  3  นายเอก  เดินทางไปทำธุระที่จังหวัดนครศรีธรรมราช  พักที่สำนักสงฆ์ห้วยน้ำแห้ง  ที่มีพระมหาบุญถึงเป็นเจ้าสำนักและพระสงฆ์อีกห้ารูปพักอาศัยศึกษาธรรม  นายเอกเอาเงินสี่หมื่นบาทที่ติดตัวไปด้วยซุกซ่อนไว้ในห้องพักอย่างมิดชิด  เมื่อเสร็จงานกลับมาพบว่าห้องพักถูกงัด  เงินที่ซุกซ่อนไว้หายไป  จึงแจ้งให้พระมหาบุญถึงทราบทันที  และหน้าห้องพักมีป้ายประกาศติดไว้มีใจความว่า  ผู้พักทุกท่านขอเชิญบริจาคเงินเพื่อเป็นการช่วยวัดจ่ายค่าน้ำค่าไฟ  จะเป็นมหากุศลอย่างยิ่ง  ดังนี้  นายเอกจึงเรียกร้องให้พระมหาบุญถึงชดใช้เงินที่หายไป  โดยอ้างว่าพระมหาบุญถึงเปิดบริการห้องพัก  จึงต้องรับผิดในฐานะเจ้าสำนักโรงแรม  ให้ท่านวินิจฉัยว่าพระมหาบุญถึงจะต้องรับผิดชดใช้เงินสี่หมื่นบาทของนายเอกที่หายไปหรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  674  เจ้าสำนักโรงแรมหรือโฮเต็ล  หรือสถานที่อื่นทำนองเช่นว่านั้น  จะต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใดๆ  อันเกิดแก่ทรัพย์สินซึ่งคนเดินทางหรือแขกอาศัย  หากได้พามา

มาตรา  675  เจ้าสำนักต้องรับผิดในการที่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างใดๆ  แม้ถึงว่าความสูญหาย  หรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะผู้คนไปมาเข้าออก  ณ  โรงแรม  โฮเต็ล  หรือสถานที่เช่นนั้นก็คงต้องรับผิด

ความรับผิดนี้  ถ้าเกี่ยวด้วยเงินทองตรา  ธนบัตร  ตั๋วเงิน  พันธบัตร  ใบหุ้น  ใบหุ้นกู้  ประทวนสินค้า  อัญมณี  หรือของมีค่าอื่นๆไซร้  ท่านจำกัดไว้เพียงห้าพันบาท  เว้นแต่จะได้ฝากของมีค่าเช่นนี้ไว้แก่เจ้าสำนักและได้บอกราคาแห่งของนั้นชัดแจ้ง

แต่เจ้าสำนักไม่ต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอันเกิดแต่เหตุสุดวิสัย  หรือแต่สภาพแห่งทรัพย์สินนั้น  หรือแต่ความผิดของคนเดินทางหรือแขกอาศัยผู้นั้นเอง  หรือบริวารของเขา  หรือบุคคลซึ่งเขาได้ต้อนรับ

วินิจฉัย

โดยหลัก  เจ้าสำนักโรงแรมหรือสถานที่อื่นเช่นว่านั้น  ต้องรับผิดในความสูญหายหรือบุบสลายที่เกิดแก่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยซึ่งได้นำมาด้วย  แม้ความเสียหายหรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะคนที่ไปมาเข้าออก  ณ  โรงแรมหรือสถานที่เช่นนั้นตามมาตรา 674  ประกอบมาตรา  675  วรรคแรก

กรณีตามอุทาหรณ์  สำนักสงฆ์ห้วยน้ำแห้งมิใช่โรงแรมหรือสถานที่อื่นทำนองเช่นนั้น  ดังนั้นพระมหาบุญถึงจึงมิใช่เจ้าสำนักโรงแรมหรือสถานที่อื่นเช่นว่านั้นด้วย  จึงไม่ต้องรับผิดกรณีเงินสี่หมื่นบาทของนายเอกที่หายไป

สรุป  พระมหาบุญถึงไม่ต้องรับผิดชดใช้เงินสี่หมื่นบาทของนายเอกที่หายไปตามเหตุผลและหลักกฎหมายดังกล่าวข้างต้น    

LAW 2009 การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2553

การสอบไล่ภาค  1  ปีการศึกษา  2553

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2009 

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม ฝากทรัพย์ เก็บของในคลังสินค้า ประนีประนอมยอมความการพนันขันต่อ

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  3  ข้อ

ข้อ  1  ปลาม้ายืมรถตู้ของประหลาดาวเพื่อนำไปทำรถรับขนคนโดยสาร  แต่ไม่ได้แจ้งให้ประหลาดาวทราบว่าจะเอาไปใช้อย่างไร  ปลาดาวก็ไม่ได้ถามว่าจะเอาไปนานเท่าใด  ปลาม้านำรถยนต์ที่ยืมมาให้ชะเมาเช่าขับรับคนโดยสาร  ระหว่างที่ชะเมาใช้รถอยู่นั้นประหลาดาวทราบว่ารถที่ให้ปลาม้ายืมไปนั้นปลาม้าเอาไปให้ชะเมาเช่า  ดังนี้  ปลาดาวจะเรียกให้ชะเมาคืนรถยนต์คันดังกล่าวได้หรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  640  อันว่ายืมใช้คงรูปนั้น  คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ยืม  ให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ยืม  ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่าและผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว

มาตรา  643  ทรัพย์สินที่ยืมนั้น  ถ้าผู้ยืมเอาไปใช้การอย่างอื่นนอกจากการอันเป็นปกติแก่ทรัพย์สินนั้น  หรือนอกดจากการอันปรากฏในสัญญาก็ดี  เอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอยก็ดี  เอาไปไว้นายกว่าที่ควรจะเอาไว้ก็ดี  ท่านว่าผู้ยืมจะต้องรับผิดในเหตุทรัพย์สินนั้นสูญหาย  หรือบุบสลายไปอย่างใดอย่างหนึ่ง  แม้ถึงจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรๆ  ทรัพย์สินนั้นก็คงจะต้องสูญหาย  หรือบุบสลายอยู่นั่นเอง

มาตรา  645  ในกรณีทั้งหลายดังกล่าวไว้ในมาตรา  643  นั้นก็ดี  หรือถ้าผู้ยืมประพฤติฝ่าฝืนต่อความในมาตรา  644  ก็ดี  ผู้ให้ยืมจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  สัญญายืมรถยนต์ระหว่างปลาม้าและประหลาดาวเป็นสัญญายืมใช้คงรูปตามมาตรา  640  และเมื่อในสัญญาไม่ปรากฏว่ายืมไปเพื่อการใด  อีกทั้งไม่ได้ตกลงกันว่าจะคืนเมื่อใด  ปลาดาวผู้ให้ยืมย่อมมีสิทธิเรียกคืนเมื่อใดก็ได้

และตามมาตรา  645  กฎหมายได้บัญญัติให้ผู้ให้ยืมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกให้ผู้ยืมคืนทรัพย์ที่ยืมได้  ถ้าผู้ยืมประพฤติผิดหน้าที่ของผู้ยืมตามมาตรา  643  เช่น  การที่ผู้ยืมเอาทรัพย์สินซึ่งยืมนั้นไปใช้เพื่อการอื่นนอกจากการอันปรากฏในสัญญา  หรือเอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอย  เป็นต้น

เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า  ปลาม้าได้เอารถยนต์ที่ประหลาดาวให้ยืมนั้นไปให้ชะเมาเช่ารับรถคนโดยสารกรณีนี้ถือว่า  ปลาม้าผู้ยืมได้ประพฤติผิดหน้าที่ของผู้ยืมตามมาตรา  643  คือ  เป็นการนำทรัพย์สินที่ยืมไปให้บุคคลภายนอกใช้สอยแล้ว  ดังนั้นปลาดาวผู้ให้ยืมย่อมมีสิทธิตามมาตรา  645  คือ  บอกเลิกสัญญาและเรียกให้ปลาม้าคืนรถยนต์คันดังกล่าวได้

และเมื่อปลาดาวผู้ให้ยืมมีสิทธิบอกเลิกสัญญายืมและเรียกให้ปลาม้าคืนรถยนต์คันดังกล่าวได้แล้ว  แม้ว่ารถยนต์คันดังกล่าวจะอยู่ในความครอบครองของชะเมา  ปลาดาวในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันนั้น  ก็ย่อมมีสิทธิเรียกให้ชะเมาคืนรถยนต์คันดังกล่าวแก่ตนได้

สรุป  ปลาดาวเรียกให้ชะเมาคืนรถยนต์คันดังกล่าวได้

 

ข้อ  2  นายกิ่งยืมเงินนางขิงเป็นเงิน  50.25  บาท  โดยในหนังสือยืมเงินมีเด็กชายจิมอายุ  15  ปี  เป็นพยาน  และนางป้าแก่อายุ  90  ปี เป็นพยานให้กับการกู้ยืมครั้งนี้  ต่อมานางขิงเจ้าหนี้ได้แก้หนังสือยืมเงินโดยใส่เลข  25  ลงข้างหน้าจำนวนเงินเป็นจำนวน  2,550.25  บาท  ดังนี้  นายกิ่งจะต้องจ่ายเงินคืนเป็นจำนวนเงินเท่าไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  653  วรรคแรก  การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น  ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม  เป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ  จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่

วินิจฉัย

ตามมาตรา  653  วรรคแรก  กฎหมายได้กำหนดบังคับเฉพาะการกู้ยืมเงินเกินกว่า  2,000  บาท  ขึ้นไปเท่านั้น  ถ้าจะฟ้องร้องบังคับคดีกันจะต้องมีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ  แต่ถ้าเป็นการกู้ยืมเงินไม่เกิน  2,000  บาท  ไม่ว่าจะได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมดังกล่าวหรือไม่  ก็ย่อมสามารถใช้ฟ้องร้องบังคับคดีกันได้

และการทำหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือนั้นก็ไม่เกี่ยวข้องกับความสมบูรณ์แห่งสัญญากู้ยืมแต่อย่างใด  แม้การกู้ยืมเงินนั้นจะมีจำนวนเท่าใด  ถ้าผู้ให้กู้ยืมได้ส่งมอบเงินที่กู้ให้แก่ผู้ยืมแล้ว  สัญญากู้ยืมเงินก็มีผลสมบูรณืตามกฎหมาย

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่นายกิ่งยืมเงินนางขิงเป็นเงิน  50.25  บาท  โดยสัญญากู้ยืมได้ทำเป็นหนังสือและมีเด็กชายจิมอายุ  15  ปีเป็นพยาน  และนางป้าแก่อายุ  90  ปี  เป็นพยานนั้น  สัญญากู้ยืมเงินระหว่างนายกิ่งและนางขิงย่อมมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย  ทั้งนี้เพราะตามกฎหมายแล้วในกรณีการกู้ยืมเงินที่ได้มีการทำเป็นหนังสือ  และได้มีพยานลงลายมือชื่อรับรองนั้น  พยานที่ลงลายมือชื่อรับรองไม่จำเป็นต้องบรรลุนิติภาวะ  (ฎ. 1154/2511)  และเมื่อสัญญากู้ยืมเงินมีผลสมบูรณ์  นายกิ่งจึงมีหน้าที่ที่จะต้องชำระเงินคืนแก่นางขิง

ส่วนในกรณีที่นางขิงเจ้าหนี้ได้แก้หนังสือยืมเงินโดยใส่เลข  25  ลงข้างหน้าจำนวนเงินเป็นจำนวน  2,550.25  บาท  โดยนายกิ่งมิได้รู้เห็นนั้น  กรณีนี้ให้ถือว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม  ซึ่งนายกิ่งไม่ต้องรับผิดตามหลักฐานแห่งสัญญากู้ปลอมแต่อย่างใด  แต่นายกิ่งผู้กู้ยังคงต้องรับผิดตามสัญญากู้ยืมเงินเดิมคือ  50.25  บาท  เพราะการกู้ยืมเงินตามสัญญากู้เดิมยังคงมีผลสมบูรณ์  (ฎ. 761/2509)

สรุป  นายกิ่งจะต้องจ่ายเงินคืนตามสัญญากู้ยืมเดิมเป็นจำนวนเงิน  50.25  บาท

 

ข้อ  3  นายอาทิตย์เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร  โดยจอดรถไว้ที่ลานจอดรถของโรงแรม  และเข้าพักโดยมีกระเป๋าเดินทางและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก  1  เครื่อง  นำเข้าไปในห้องพักด้วย  เมื่อเข้าไปในห้องพักพบว่ามีข้อความประกาศมีใจความว่า  ขอให้แขกทุกท่านระมัดระวังความปลอดภัยในทรัพย์สินด้วยตนเอง  หากมีความสูญหายหรือเสียหายใดๆเกิดขึ้น  ทางโรงแรมไม่สามารถรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น  ต่อมาเมื่อนายอาทิตย์ออกไปรับประทานอาหารเย็นข้างนอกโรงแรมแล้ว  กลับเข้ามาจึงพบว่าข้าวของในห้องพักถูกรื้อค้น  และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กราคา  15,000  บาท  ถูกขโมยไป  นายอาทิตย์แจ้งนายจันทร์เจ้าสำนักโรงแรมทราบทันที  แต่นายจันทร์ปฏิเสธไม่รับผิดโดยอ้างข้อความที่ประกาศในห้องพักว่าโรงแรมได้ปิดประกาศให้แขกรับทราบถึงข้อยกเว้นความรับผิดของโรงแรมแล้ว  ดังนี้  ให้ท่านวินิจฉัยความรับผิดของโรงแรมที่มีต่อทรัพย์สินของนายอาทิตย์

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  674  เจ้าสำนักโรงแรมหรือโฮเต็ล  หรือสถานที่อื่นทำนองเช่นว่านั้น  จะต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใดๆ  อันเกิดแก่ทรัพย์สินซึ่งคนเดินทางหรือแขกอาศัย  หากได้พามา

มาตรา  675  เจ้าสำนักต้องรับผิดในการที่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างใดๆ  แม้ถึงว่าความสูญหาย  หรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะผู้คนไปมาเข้าออก  ณ  โรงแรม  โฮเต็ล  หรือสถานที่เช่นนั้นก็คงต้องรับผิด

ความรับผิดนี้  ถ้าเกี่ยวด้วยเงินทองตรา  ธนบัตร  ตั๋วเงิน  พันธบัตร  ใบหุ้น  ใบหุ้นกู้  ประทวนสินค้า  อัญมณี  หรือของมีค่าอื่นๆไซร้  ท่านจำกัดไว้เพียงห้าพันบาท  เว้นแต่จะได้ฝากของมีค่าเช่นนี้ไว้แก่เจ้าสำนักและได้บอกราคาแห่งของนั้นชัดแจ้ง

แต่เจ้าสำนักไม่ต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอันเกิดแต่เหตุสุดวิสัย  หรือแต่สภาพแห่งทรัพย์สินนั้น  หรือแต่ความผิดของคนเดินทางหรือแขกอาศัยผู้นั้นเอง  หรือบริวารของเขา  หรือบุคคลซึ่งเขาได้ต้อนรับ

มาตรา  677  ถ้ามีคำแจ้งความปิดไว้ในโรงแรม  โฮเต็ล  หรือสถานที่อื่นทำนองเช่นว่านี้  เป็นข้อความยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของเจ้าสำนักไซร้ท่านว่าความนั้นเป็นโมฆะ  เว้นแต่คนเดินทางหรือแขกอาศัยจะได้ตกลงด้วยชัดแจ้งในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดดังว่านั้น

วินิจฉัย

โดยหลัก  เจ้าสำนักโรงแรมหรือสถานที่อื่นเช่นว่านั้นต้องรับผิดในความสูญหายหรือบุบสลายที่เกิดแก่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยซึ่งได้นำมาด้วย  แม้ความเสียหายหรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะคนที่ไปมาเข้าออก  ณ  โรงแรมหรือสถานที่เช่นนั้นตามมาตรา 674  ประกอบมาตรา   675  วรรคแรก  ดังนั้น 

กรณีตามอุทาหรณ์  เมื่อคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กราคา  15,000  บาท  ของนายอาทิตย์ซึ่งได้เข้าพักที่โรงแรมนั้นได้สูญหายเพราะถูกขโมย และนายอาทิตย์ก็ได้แจ้งให้นายจันทร์เจ้าสำนักโรงแรมทราบทันที  ดังนี้นายจันทร์เจ้าสำนักโรงแรมจึงต้องรับผิดต่อนายอาทิตย์ในความสูญหายของทรัพย์สินดังกล่าว

ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยต่อมาคือ  ความรับผิดของโรงแรมที่มีต่อทรัพย์สินของนายอาทิตย์นั้น  ทางโรงแรมจะต้องรับผิดตามราคาทรัพย์สิน  คือ  15,000  บาท  หรือจะต้องรับผิดจำกัดเพียง  5,000  บาท  ตามมาตรา  675  วรรคสอง  กรณีนี้เห็นว่าเมื่อทรัพย์สินที่สูญหายไปเพราะถูกขโมยคือคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กนั้น  ไม่ใช่ทรัพย์สินตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา  675  วรรคสอง  ดังนั้น  ทางโรงแรมจึงต้องรับผิดตามราคาทรัพย์สินที่สูญหายไปนั้น  คือ  15,000  บาท

ส่วนกรณีที่นายจันทร์เจ้าสำนักโรงแรมปฏิเสธไม่รับผิดโดยอ้างข้อความที่ประกาศในห้องพักว่าโรงแรมได้ปิดประกาศให้แขกรับทราบถึงข้อยกเว้นความรับผิดของโรงแรมแล้วนั้น  ข้ออ้างของนายจันทร์ฟังไม่ขึ้น  ทั้งนี้เพราะตามมาตรา  677  ได้บัญญัติไว้ว่าในกรณีที่โรงแรมได้มีข้อความปิดประกาศไว้ในทำนองเป็นข้อยกเว้นความรับผิดของโรงแรมนั้น  ข้อความดังกล่าวเป็นโมฆะ  และกรณีตามอุทาหรณ์  ก็ไม่ปรากฏว่านายอาทิตย์ได้ตกลงด้วยกับข้อยกเว้นความรับผิดนั้นแต่อย่างใด

สรุป  ทางโรงแรมต้องรับผิดต่อทรัพย์สินของนายอาทิตย์ที่สูญหายไปเพราะถูกขโมยตามราคาทรัพย์สินนั้น  คือ  15,000  บาท

LAW 2009 การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2553

การสอบไล่ภาค  2  ปีการศึกษา  2553

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2009 

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม ฝากทรัพย์ เก็บของในคลังสินค้า ประนีประนอมยอมความการพนันขันต่อ

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  3  ข้อ

ข้อ  1  ปลาม้ายืมรถตู้ของปลาดาวเพื่อนำไปทำรถรับขนคนโดยสาร  แต่มิได้ตกลงกันว่าจะเอาไปใช้นานเท่าใด  ปลาม้านำรถยนต์ที่ยืมมาให้ชะเมาเอารถไปขับรับคนโดยสารมีกำหนดหนึ่งปีโดยไม่คิดค่าตอบแทน  วันหนึ่งมีชะมวงมาขอเอารถคันดังกล่าวจากชะเมาไปใช้งาน  ระหว่างที่ชะมวงใช้รถอยู่นั้น  ปลาม้าจะเรียกให้ชะเมานำรถมาคืนให้กับตนได้หรือไม่  อย่างไร

 ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

 มาตรา  640  อันว่ายืมใช้คงรูปนั้น  คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ยืม  ให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ยืม  ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่าและผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว

มาตรา  643  ทรัพย์สินที่ยืมนั้น  ถ้าผู้ยืมเอาไปใช้การอย่างอื่นนอกจากการอันเป็นปกติแก่ทรัพย์สินนั้น  หรือนอกดจากการอันปรากฏในสัญญาก็ดี  เอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอยก็ดี  เอาไปไว้นายกว่าที่ควรจะเอาไว้ก็ดี  ท่านว่าผู้ยืมจะต้องรับผิดในเหตุทรัพย์สินนั้นสูญหาย  หรือบุบสลายไปอย่างใดอย่างหนึ่ง  แม้ถึงจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรๆ  ทรัพย์สินนั้นก็คงจะต้องสูญหาย  หรือบุบสลายอยู่นั่นเอง

มาตรา  645  ในกรณีทั้งหลายดังกล่าวไว้ในมาตรา  643  นั้นก็ดี  หรือถ้าผู้ยืมประพฤติฝ่าฝืนต่อความในมาตรา  644  ก็ดี  ผู้ให้ยืมจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่ปลาม้ายืมรถตู้ของปลาดาวเพื่อนำไปทำรถรับขนคนโดยสาร  ถือเป็นสัญญายืมใช้คงรูปตามมาตรา  640  ซึ่งมีผลทำให้ปลาม้ามีสิทธิครอบครองรถตู้คันดังกล่าว  จึงสามารถนำรถตู้ไปให้ชะเมายืมได้  และถือเป็นสัญญายืมใช้คงรูปตามมาตรา  640  เช่นกัน

และตามมาตรา  645  กฎหมายได้บัญญัติให้ผู้ให้ยืมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกให้ผู้ยืมคืนทรัพย์สินที่ยืมได้  ถ้าผู้ยืมประพฤติผิดหน้าที่ของผู้ยืมตามมาตรา  643  เช่น  การที่ผู้ยืมเอาทรัพย์สินซึ่งยืมนั้นไปใช้เพื่อการอื่นนอกจากการอันปรากฏในสัญญา  หรือเอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอย  เป็นต้น

เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า  ชะเมาได้เอารถตู้ที่ปลาม้าให้ยืมนั้นไปให้ชะมวงใช้งาน  กรณีนี้จึงถือว่าชะเมาผู้ยืมได้ประพฤติผิดหน้าที่ของผู้ยืมตามมาตรา  643  แล้ว  คือ  เป็นการนำทรัพย์สินที่ยืมไปให้บุคคลภายนอกใช้สอย  ดังนั้น  ปลาม้าผู้ให้ยืมย่อมมีสิทธิตามมาตรา  645  คือ บอกเลิกสัญญาและเรียกให้ชะเมานำรถมาคืนให้กับตนได้

สรุป  ปลาม้าเรียกให้ชะเมานำรถมาคืนให้กับตนได้

 

ข้อ  2  นางนกเอี้ยงขอยืมเงินนายนกฮูกเป็นเงิน  100,000  บาท  โดยทำเป็นหนังสือ  ความว่า  ข้าพเจ้านายนกฮูกได้ให้นางนกเอี้ยงยืมเงินเป็นจำนวน  100,000  บาท  โดยที่เงินจำนวนนี้นางนกเอี้ยงจะต้องนำไปใช้ดำเนินการในธุรกิจขายตรงให้ข้าพเจ้า  50,000  บาท  ส่วนที่เหลือ  50,000  บาท  เป็นเงินที่นางนกเอี้ยงยืมไปใช้เพื่อจ่ายค่าเทอมให้ลูก  ทั้งนี้  นางนกเอี้ยงได้รับเงินไปทั้งหมดเป็นจำนวนหนึ่งแสนบาทพร้อมลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นหลักฐานไว้เรียบร้อยแล้ว

ลงชื่อ  นางนกเอี้ยง  เลี้ยงชายเท่า

ดังนี้  นางนกเอี้ยงจะต้องรับผิดต่อนายนกฮูกหรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  650  อันว่ายืมใช้สิ้นเปลืองนั้น  คือสัญญาซึ่งผู้ให้ยืมโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินชนิดใช้ไปสิ้นไปนั้น  เป็นปริมาณมีกำหนดให้ไปแก่ผู้ยืม  และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินเป็นประเภท  ชนิด  และปริมาณเช่นเดียวกันให้แทนทรัพย์สินซึ่งให้ยืมนั้น

มาตรา  653  วรรคแรก  การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น  ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม  เป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ  จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่

วินิจฉัย

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์  ตามมาตรา  653  วรรคแรก  บังคับว่าในกรณีที่จะฟ้องร้องบังคับคดีในเรื่องเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินกันเกินกว่า  2,000  บาทขึ้นไป  จะต้องมีพยานหลักฐานประกอบการฟ้องคดี  คือ

1       หลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง  และ

2       ลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่นางนกเอี้ยงได้ยืมเงินนายนกฮูกเป็นเงิน  100,000  บาท  โดยทำเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อนางนกเอี้ยงผู้ยืมนั้น  ถือได้ว่ามีหลักฐานเป็นหนังสือที่จะใช้ฟ้องร้องบังคับคดีกันได้แล้ว  ตามมาตรา  653  วรรคแรก

แต่อย่างไรก็ตาม  โดยหลักของการยืมเงินที่ถูกต้องนั้น  ผู้ยืมจะต้องยืมไปใช้เพื่อกิจการของตนเอง  ไม่ใช่กิจการของผู้ให้ยืม  เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า  เงินจำนวนดังกล่าว  นางนกเอี้ยงจะต้องนำไปใช้ดำเนินการในธุรกิจของนายนกฮูกผู้ให้ยืมเป็นจำนวน  500,000  บาท  ดังนั้น  การยืมของนางนกเอี้ยงจึงมีผลเพียง  50,000  บาท  เท่านั้น  ซึ่งหากนายนกฮูกจะฟ้องขอคืนเงินก็สามารถขอคืนได้เพียง  50,000 บาทเท่านั้น

สรุป  นางนกเอี้ยงจะต้องรับผิดต่อนายนกฮูกในเงินที่กู้ยืมเป็นจำนวน  50,000  บาท

 

ข้อ  3  นายโรเบิร์ตเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว  พร้อมกับนางซูซานภริยา  หลังจากนายโรเบิร์ตลงชื่อเข้าพักในนามของตนเอง  และนำของเข้าเก็บในที่พักแล้ว  ได้ออกไปรับประทานอาหารและเดินซื้อของในศูนย์การค้าที่ตั้งอยู่ในโรงแรมประมาณ  2  ชั่วโมงเศษ  เมื่อกลับมาที่ห้องพักอีกครั้งหนึ่งจึงพบว่าพระเครื่องหลวงปู่ปวด  วัดช้างไห้  ที่นางซูซานเช่าบูชามาองค์ละ  8,000  บาท  และกระเป๋าสตางค์ทำจากหนังปลากระเบนที่ซื้อมาใหม่ราคา  3,500  บาท  ถูกลักขโมยไป  ทั้งสองจึงรีบไปแจ้งต่อนายทรงเดช  ผู้จัดการโรงแรมขอให้ทางโรงแรมชดใช้ค่าเสียหายแก่ตน  รวม  11,500  บาท  นายทรงเดชได้นำหลักฐานการลงทะเบียนเข้าพักแรมมาตรวจสอบพบว่านายโรเบิร์ตเป็นผู้ลงชื่อเข้าพัก  นายทรงเดชเห็นว่าของทั้งสองอย่างที่สูญหายไม่ใช่ของนายโรเบิร์ต  จึงตอบแขกทั้งสองรายว่าโรงแรมจะรับผิดชอบเฉพาะทรัพย์สินของผู้ที่ลงทะเบียนเท่านั้น  ดังนี้  ให้ท่านวินิจฉัยว่า  ข้อต่อสู้ของโรงแรมฟังขึ้นหรือไม่  โรงแรมจะต้องรับผิดชอบต่อนายโรเบิร์ตและนางซูซานอย่างไร  หรือไม่  เพียงใด  จงอธิบาย

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  674  เจ้าสำนักโรงแรมหรือโฮเต็ล  หรือสถานที่อื่นทำนองเช่นว่านั้น  จะต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใดๆ  อันเกิดแก่ทรัพย์สินซึ่งคนเดินทางหรือแขกอาศัย  หากได้พามา

มาตรา  675  เจ้าสำนักต้องรับผิดในการที่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างใดๆ  แม้ถึงว่าความสูญหาย  หรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะผู้คนไปมาเข้าออก  ณ  โรงแรม  โฮเต็ล  หรือสถานที่เช่นนั้นก็คงต้องรับผิด

ความรับผิดนี้  ถ้าเกี่ยวด้วยเงินทองตรา  ธนบัตร  ตั๋วเงิน  พันธบัตร  ใบหุ้น  ใบหุ้นกู้  ประทวนสินค้า  อัญมณี  หรือของมีค่าอื่นๆไซร้  ท่านจำกัดไว้เพียงห้าพันบาท  เว้นแต่จะได้ฝากของมีค่าเช่นนี้ไว้แก่เจ้าสำนักและได้บอกราคาแห่งของนั้นชัดแจ้ง

แต่เจ้าสำนักไม่ต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอันเกิดแต่เหตุสุดวิสัย  หรือแต่สภาพแห่งทรัพย์สินนั้น  หรือแต่ความผิดของคนเดินทางหรือแขกอาศัยผู้นั้นเอง  หรือบริวารของเขา  หรือบุคคลซึ่งเขาได้ต้อนรับ

วินิจฉัย

โดยหลัก  เจ้าสำนักโรงแรมหรือสถานที่อื่นเช่นว่านั้นต้องรับผิดในความสูญหายหรือบุบสลายที่เกิดแก่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยซึ่งได้นำมาด้วย  แม้ความเสียหายหรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะคนที่ไปมาเข้าออก  ณ  โรงแรมหรือสถานที่เช่นนั้นตามมาตรา 674  ประกอบมาตรา   675  วรรคแรก

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่พระเครื่องหลวงปู่ทวด  และกระเป๋าสตางค์ของนางซูซาน  ซึ่งถือเป็นแขกอาศัยได้ถูกลักขโมยไปนั้น  แม้นางซูซานจะไม่ได้ลงทะเบียนเข้าพักแรม  ทางโรงแรมก็ต้องรับผิดในความสูญหายที่เกิดแก่ทรัพย์สินดังกล่าวตามมาตรา  674  ประกอบมาตรา  675  ดังนั้น  ข้อต่อสู้ของโรงแรมที่ต่อสู้ว่าจะรับผิดชอบเฉพาะกับทรัพย์ของแขกที่ลงทะเบียนเท่านั้นจึงฟังไม่ขึ้น  (ฎ. 9284 / 2544)

ซึ่งในกรณีของกระเป๋าสตางค์นั้น  ถือเป็นทรัพย์ทั่วๆไปตามมาตรา  675  วรรคแรก  ทางโรงแรมต้องรับผิดเต็มราคาคือ  3,500  บาท  ส่วนกรณีพระเครื่องหลวงปู่ทวดราคา  8,000  บาทนั้น  ถือเป็น  ของมีค่า  ตามมาตรา  675  วรรคสอง  เมื่อมิได้มีการนำฝากและบอกราคาแห่งของนั้น  โรงแรมจึงรับผิดเพียง  5,000  บาท  ดังนั้น  โรงแรมต้องรับผิดชดใช้แก่นายโรเบิร์ตและนางซูซานเป็นจำนวนเงิน  8,500 บาท  บาท

สรุป  ข้อต่อสู้ของโรงแรมฟังไม่ขึ้น  โรงแรมต้องรับผิดชดใช้แก่นายโรเบิร์ตและนางซูซานเป็นจำนวนเงิน  8,500  บาท

LAW 2009 การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2553

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน  ปีการศึกษา  2553

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2009 

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม ฝากทรัพย์ เก็บของในคลังสินค้า ประนีประนอมยอมความการพนันขันต่อ

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  3  ข้อ

ข้อ  1  ปลาม้าขอยืมรถตู้ของปลาดาวโดยบอกกล่าวให้ทราบว่าจะนำไปทำรถรับขนคนโดยสาร  มีกำหนดเวลาหนึ่งปี  แต่ปลาม้านำรถตู้ไปให้ชะเมาเช่าขับรับคนโดยสาร  มีกำหนดสามเดือน  ดังนี้ระหว่างที่ชะเมาใช้รถอยู่นั้น  ปลาดาวจะเรียกให้ปลาม้าคืนรถตู้ก่อนถึงกำหนดส่งคืนได้หรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  640  อันว่ายืมใช้คงรูปนั้น  คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ยืม  ให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ยืม  ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่าและผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว

มาตรา  643  ทรัพย์สินที่ยืมนั้น  ถ้าผู้ยืมเอาไปใช้การอย่างอื่นนอกจากการอันเป็นปกติแก่ทรัพย์สินนั้น  หรือนอกดจากการอันปรากฏในสัญญาก็ดี  เอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอยก็ดี  เอาไปไว้นายกว่าที่ควรจะเอาไว้ก็ดี  ท่านว่าผู้ยืมจะต้องรับผิดในเหตุทรัพย์สินนั้นสูญหาย  หรือบุบสลายไปอย่างใดอย่างหนึ่ง  แม้ถึงจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรๆ  ทรัพย์สินนั้นก็คงจะต้องสูญหาย  หรือบุบสลายอยู่นั่นเอง

มาตรา  645  ในกรณีทั้งหลายดังกล่าวไว้ในมาตรา  643  นั้นก็ดี  หรือถ้าผู้ยืมประพฤติฝ่าฝืนต่อความในมาตรา  644  ก็ดี  ผู้ให้ยืมจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่ปลาม้ายืมรถตู้ของปลาดาวเพื่อนำไปทำรถขับรับขนคนโดยสาร  มีกำหนดเวลาหนึ่งปีเป็นสัญญายืมใช้คงรูปตามมาตรา  640  ปลาม้าผู้ยืมจึงมีสิทธิครอบครองและใช้สอยรถตู้ตามที่ตกลงไว้กับปลาดาว  คือ  เอาไปทำรถรับขนคนโดยสาร

และตามมาตรา  645  กฎหมายได้กำหนดให้ผู้ให้ยืมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกให้ผู้ยืมคืนทรัพย์สินที่ยืมได้  ถ้าผู้ยืมประพฤติผิดหน้าที่ของผู้ยืมตามมาตรา  643  เช่น  การที่ผู้ยืมเอาทรัพย์สินซึ่งยืมนั้นไปใช้เพื่อการอื่นนอกจากการอันปรากฏในสัญญา  หรือเอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอย  เป็นต้น

เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า  ปลาม้าได้นำรถตู้ไปให้ชะเมาขับรับคนโดยสาร  กรณีนี้จึงถือว่าปลาม้าได้ประพฤติผิดหน้าที่ของผู้ยืมตามมาตรา  643  แล้ว  คือ  เป็นการนำทรัพย์สินที่ยืมไปให้บุคคลภายนอกใช้สอย  ดังนั้น  ปลาดาวผู้ให้ยืมย่อมมีสิทธิตามมาตรา  645  คือ  บอกเลิกสัญญาและเรียกให้ปลาม้านำรถตู้มาคืนก่อนถึงกำหนดส่งคืนได้

สรุป  ปลาดาวเรียกให้ปลาม้าคืนรถตู้ก่อนถึงกำหนดส่งคืนได้

ข้อ  2  ทัพมาโทรศัพท์ไปขอกู้เงินจากสามย่านหนึ่งแสนบาท  โดยให้สามย่านโอนเงินมาเข้าบัญชีของทัพมาที่ธนาคารแห่งหนึ่ง  เมื่อทัพมาได้รับเงินแล้วจึงเขียนจดหมายไปขอบคุณสามย่าน  มีใจความว่า  เงินหนึ่งแสนบาทที่โอนให้มานั้นได้รับไว้เรียบร้อยแล้ว  ขอบคุณมากๆจะได้เอาเงินไปลงทุนค้าขายต่อไป  ลงชื่อทัพมา  ถ้าทัพมาไม่นำเงินมาชำระหนี้คืนให้กับสามย่าน  สามย่านจะใช้จดหมายดังกล่าวเป็นหลักฐานในการฟ้องเพื่อขอให้ศาลบังคับทัพมาใช้เงินที่กู้ยืมไปได้หรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  653  วรรคแรก  การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น  ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม  เป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ  จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่

วินิจฉัย

ตามมาตรา  653  วรรคแรก  ในกรณีที่จะฟ้องร้องบังคับคดีในเรื่องเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินกันเกินกว่า  2,000  บาทขึ้นไปนั้น  จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งและลงลายมือชื่อผู้ยืม  ซึ่งหลักฐานการกู้ยืมเงินนี้จะต้องมีสาระสำคัญแสดงให้เห็นว่ามีการกู้ยืมเงินกัน  เช่น มีการระบุจำนวนเงินที่กู้ยืม  มีข้อความว่าได้รับเงินไปตามจำนวนที่ระบุไว้  และมีข้อความกล่าวถึงการกู้ยืมเงินกัน  เป็นต้น

กรณีตามอุทาหรณ์  จดหมายที่ทัพมาเยนไปขอบคุณสามย่านซึ่งมีใจความว่า  ว่า  เงินหนึ่งแสนบาทที่โอนให้มานั้นได้รับไว้เรียบร้อยแล้ว  ขอบคุณมากๆจะได้เอาเงินไปลงทุนค้าขายต่อไป  ลงชื่อทัพมานั้นไม่มีข้อความที่กล่าวถึงการที่ทัพมาจะนำเงินหนึ่งแสนบาทที่รับมาไปคืนให้กับสามย่าน  อันเป็นข้อความที่กล่าวถึงการยืมเงินของทัพมาจากสามย่าน  ซึ่งถือเป็นสาระสำคัญแสดงให้เห็นว่ามีการกู้ยืมเงินกันแต่อย่างใด  ดังนั้นถ้าทัพมาไม่นำเงินมาชำระหนี้คืนให้กับสามย่าน  สามย่านจะใช้จดหมายดังกล่าวเป็นหลักฐานในการฟ้องเพื่อขอให้ศาลบังคับทัพมาใช้เงินที่กู้ยืมไปไม่ได้ตามมาตรา  653  วรรคแรก

สรุป  สามย่านจะใช้จดหมายดังกล่าวเป็นหลักฐานในการฟ้องเพื่อขอให้ศาลบังคับทัพมาใช้เงินที่กู้ยืมไปไม่ได้

ข้อ  3  นายระเริงรักเดินทางไปเที่ยวที่จังหวัดอำนาจเจริญ  พักที่บ้านฟ้าสวยซึ่งเป็นตึกแถวที่นายอับโชคเจ้าของตกแต่งเป็นห้องพักรองรับนักท่องเที่ยวเข้าพัก  คิดค่าห้องเป็นรายวัน วันละห้าร้อยบาท  นายระเริงรักเอารถยนต์ที่ขับมานั้นจอดที่ถนนหน้าตึกที่พัก  โดยบอกกับนายอับโชคช่วยดูแลด้วย  ตอนเช้าจะขับไปเที่ยว  กับเอาเงินสี่หมื่นบาทที่ติดตัวไปด้วยซุกซ่อนไว้ในห้องพักอย่างมิดชิด  ตอนเช้าพบว่าห้องพักถูกงัดแงะ  เงินที่ซุกซ่อนไว้ในห้องพักกับรถยนต์หายไป  จึงแจ้งให้นายอับโชคทราบทันที  ดังนี้  นายระเริงรักจะเรียกร้องให้นายอับโชคใช้เงินสี่หมื่นบาทกับราคารถยนต์ที่สูญหายไปได้หรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  674  เจ้าสำนักโรงแรมหรือโฮเต็ล  หรือสถานที่อื่นทำนองเช่นว่านั้น  จะต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใดๆ  อันเกิดแก่ทรัพย์สินซึ่งคนเดินทางหรือแขกอาศัย  หากได้พามา

มาตรา  675  เจ้าสำนักต้องรับผิดในการที่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างใดๆ  แม้ถึงว่าความสูญหาย  หรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะผู้คนไปมาเข้าออก  ณ  โรงแรม  โฮเต็ล  หรือสถานที่เช่นนั้นก็คงต้องรับผิด

ความรับผิดนี้  ถ้าเกี่ยวด้วยเงินทองตรา  ธนบัตร  ตั๋วเงิน  พันธบัตร  ใบหุ้น  ใบหุ้นกู้  ประทวนสินค้า  อัญมณี  หรือของมีค่าอื่นๆไซร้  ท่านจำกัดไว้เพียงห้าพันบาท  เว้นแต่จะได้ฝากของมีค่าเช่นนี้ไว้แก่เจ้าสำนักและได้บอกราคาแห่งของนั้นชัดแจ้ง

แต่เจ้าสำนักไม่ต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอันเกิดแต่เหตุสุดวิสัย  หรือแต่สภาพแห่งทรัพย์สินนั้น  หรือแต่ความผิดของคนเดินทางหรือแขกอาศัยผู้นั้นเอง  หรือบริวารของเขา  หรือบุคคลซึ่งเขาได้ต้อนรับ

วินิจฉัย

โดยหลัก  เจ้าสำนักโรงแรมหรือสถานที่อื่นเช่นว่านั้นต้องรับผิดในความสูญหายหรือบุบสลายที่เกิดแก่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยซึ่งได้นำมาด้วย  แม้ความเสียหายหรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะคนที่ไปมาเข้าออก  ณ  โรงแรมหรือสถานที่เช่นนั้นตามมาตรา  674  ประกอบมาตรา   675 

กรณีตามอุทาหรณ์  บ้านฟ้าสวยซึ่งเป็นตึกแถวที่นายอับโชคเจ้าของตกแต่งเป็นห้องพักรองรับนักท่องเที่ยวเข้าพักโดยคิดค่าห้องเป็นรายวันนั้น  ถือได้ว่าเป็นสถานที่อื่นทำนองเดียวกับโรงแรมหรือโฮเต็ล  ดังนั้นเมื่อรถยนต์ของนายระเริงรักคนเดินทางที่เข้าพักขับมานั้นหายไป และนายระเริงรักได้แจ้งให้นายอับโชคทราบทันที  นายอับโชคจึงต้องชดใช้ราคารถยนต์ที่สูญหายไปนั้นให้แก่นายระเริงรักตามมาตรา  674  ประกอบมาตรา  675  วรรคแรก

ส่วนเงิน  4  หมื่นบาท  ที่หายไปนั้นถือเป็น  ของมีค่า  เมื่อนายระเริงรักมิได้นำฝากและแจ้งจำนวนเงินให้นายอับโชคทราบเมื่อตอนเข้าพัก  นายอับโชคจึงรับผิดพียง  5  พันบาทเท่านั้นตามมาตรา  675  วรรคสอง

สรุป  นายระเริงรักเรียกร้องให้นายอับโชคชดใช้ราคารถยนต์ที่สูญหายไปได้  ส่วนเงิน  4  หมื่นบาทที่หายไปนั้น  นายระเริงรักสามารถเรียกร้องได้เพียง  5  พันบาทเท่านั้น

LAW 2009 การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2554

การสอบไล่ภาค  1  ปีการศึกษา  2554

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2009 

 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม ฝากทรัพย์ เก็บของในคลังสินค้า ประนีประนอมยอมความการพนันขันต่อ

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  3  ข้อ

ข้อ  1 เอกยืมรถของโทมาใช้งานตามปกติ  ขณะจอดอยู่ริมถนนถูกรถอื่นชนไฟท้ายแตก  ค่าเสียหายประมาณห้าพันบาท  แต่คนที่ขับรถชนนั้นหลบหนีไม่อาจติดตามมารับผิดได้  ดังนี้  โทเจ้าของรถจะเรียกร้องค่าเสียหายดังกล่าวจากเอกผู้ยืมได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  640  อันว่ายืมใช้คงรูปนั้น  คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ยืม  ให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ยืม  ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่าและผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว

มาตรา  643  ทรัพย์สินที่ยืมนั้น  ถ้าผู้ยืมเอาไปใช้การอย่างอื่นนอกจากการอันเป็นปกติแก่ทรัพย์สินนั้น  หรือนอกดจากการอันปรากฏในสัญญาก็ดี  เอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอยก็ดี  เอาไปไว้นายกว่าที่ควรจะเอาไว้ก็ดี  ท่านว่าผู้ยืมจะต้องรับผิดในเหตุทรัพย์สินนั้นสูญหาย  หรือบุบสลายไปอย่างใดอย่างหนึ่ง  แม้ถึงจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรๆ  ทรัพย์สินนั้นก็คงจะต้องสูญหาย  หรือบุบสลายอยู่นั่นเอง

มาตรา  644  ผู้ยืมจำต้องสงวนทรัพย์สินซึ่งยืมไปเหมือนเช่นวิญญูชนจะพึงสงวนทรัพย์สินของตนเอง

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่เอกยืมรถของโทมาใช้งานตามปกตินั้น  สัญญายืมระหว่างเอกและโทเป็นสัญญายืมใช้คงรูปตามมาตรา  640  ดังนั้นเอกผู้ยืมจึงมีหน้าที่ตามมาตรา  643  และมาตรา  644  กล่าวคือ  เอกผู้ยืมจะต้องไม่นำทรัพย์สินนั้นไปใช้เพื่อการอย่างอื่นนอกจากการอันเป็นปกติแก่ทรัพย์สินนั้น  หรือนอกจากการอันปรากฏในสัญญา  ไม่เอาทรัพย์สินนั้นไปให้บุคคลภายนอกใช้สอยหรือเอาทรัพย์สินนั้นไว้นานกว่าที่ควรจะเอาไว้  รวมทั้งจะต้องสงวนทรัพย์สินซึ่งยืมไปนั้นเหมือนเช่นวิญญูชนจะพึงสงวนทรัพย์สินของตนเอง  ซึ่งถ้าหากเอกผู้ยืมไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ของผู้ยืมตามที่กฎหมายกำหนดไว้ดังกล่าว  โทผู้ให้ยืมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกร้องให้อกผู้ยืมรับผิดในเหตุที่ทรัพย์สินสูญหาย  หรือบุบสลายไปอย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้  แม้ถึงจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัยก็ตาม

แต่จากข้อเท็จจริงตามอุทาหรณ์  เมื่อเอกได้ยืมรถของโทมาใช้นั้น  เอกได้ใช้งานตามปกติมิได้กระทำการใดๆ  อันเป็นการฝ่าฝืนหน้าที่ของผู้ยืมตามที่กฎหมายกำหนดไว้ดังกล่าวข้างต้นเลย  ดังนั้นเมื่อขณะที่เอกได้จอดรถอยู่ริมถนนและถูกรถอื่นชนไฟท้ายแตก  ค่าเสียหายประมาณห้าพันบาทนั้น  โทเจ้าของรถจึงมิอาจใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายดังกล่าวจากเอกผู้ยืมได้  ทั้งนี้เพราะเอกผู้ยืมมิได้กระทำผิดหน้าที่ของผู้ยืมตามที่กำหนดไว้ในมาตรา  643  และมาตรา  644  แต่อย่างใด

สรุป  โทเจ้าของรถจะเรียกร้องค่าเสียหายดังกล่าวจากเอกผู้ยืมไม่ได้

 

ข้อ  2  เนื่องจากเกิดน้ำท่วมใหญ่ในประเทศไทย  นายอินเสียหายอย่างหนักจึงได้ยืมเงินนายอ้นเป็นจำนวนเงิน  5,000  บาท  โดยทำเป็นหนังสือ  ในหนังสือระบุว่านายอินต้องจ่ายดอกเบี้ยเป็นจำนวนร้อยละ  20  บาทต่อปี  เมื่อครบกำหนดชำระเงิน  1  ปีแล้ว  นายอินไม่มีเงินสดมาจ่าย  จึงนำรถจักรยานยนต์ของตนตามราคาท้องตลาดมีมูลค่า  6,000  บาท  มาคืนแทนเงิน  ดังนี้  การคืนรถจักรยานยนต์แทนเงินสดมีผลหรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  650  อันว่ายืมใช้สิ้นเปลืองนั้น  คือสัญญาซึ่งผู้ให้ยืมโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินชนิดใช้ไปสิ้นไปนั้น  เป็นปริมาณมีกำหนดให้ไปแก่ผู้ยืม  และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินเป็นประเภท  ชนิด  และปริมาณเช่นเดียวกันให้แทนทรัพย์สินซึ่งให้ยืมนั้น

สัญญานี้ย่อมบริบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ยืม

มาตรา  653  วรรคแรก  การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น  ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม  เป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ  จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่

มาตรา  654  ท่านห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยเกินร้อยละสิบห้าต่อปี  ถ้าในสัญญากำหนดดอกเบี้ยเกินกว่านั้น  ก็ให้ลดลงมาเป็นร้อยละสิบห้าต่อปี

มาตรา  656  วรรคสอง  ถ้าทำสัญญากู้ยืมเงินกันและผู้ให้กู้ยืมยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นเป็นการชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืมไซร้  หนี้อันระงับไปเพราะการชำระเช่นนั้น  ท่านให้คิดเป็นจำนวนเท่ากับราคาท้องตลาดแห่งสิ่งของหรือทรัพย์สินนั้นในเวลาและ ณ  สถานที่ส่งมอบ

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  สัญญากู้ยืมเงินระหว่างนายอินและนายอ้น  เป็นสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองประเภทหนึ่งตามมาตรา  650  และเมื่อสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวมีจำนวนเงินเกินกว่า  2,000  บาท  และได้ทำกันเป็นหนังสือ  จึงเป็นสัญญากู้ยืมเงินที่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ  ตามนัยของมาตรา  653  วรรคแรก  จึงสามารถใช้ฟ้องร้องบังคับคดีกันได้

แต่อย่างไรก็ตาม  การที่นายอินได้กู้ยืมเงินนายอ้นนั้นเป็นจำนวนเงินเพียง  5,000  บาท  และแม้ในหนังสือกู้ยืมเงินจะระบุว่านายอินจะต้องจ่ายดอกเบี้ยเป็นจำนวนร้อยละ  20  บาท  ต่อปีก็ตาม  ในส่วนของดอกเบี้ยซึ่งเกินอัตราร้อยละ  15  ต่อปีนั้น  ถือว่าเป็นการเรียกอัตราเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด  จึงตกเป็นโมฆะทั้งหมด  นายอ้นจะเรียกเอาส่วนที่เป็นดอกเบี้ยไม่ได้  ทั้งนี้เพราะแม้มาตรา  644  จะได้กำหนดว่าถ้าในสัญญากำหนดดอกเบี้ยเกินกว่าร้อยละ  15  ต่อปี  ให้ลดลงมาเป็นร้อยละ  15  ต่อปีก็ตาม  แต่เมื่อมีพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราใช้บังคับ  ทำให้การเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราร้อยละ  15  ต่อปีมีผลทำให้ดอกเบี้ยทั้งหมดเป็นโมฆะ  จะนำมาตรา  644  มาใช้บังคับไม่ได้  ดังนั้นนายอินจึงต้องคืนเฉพาะเงินต้น  5,000  บาท  ให้แก่นายอ้น

เมื่อหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวครบกำหนด  และนายอินไม่มีเงินสดมาจ่ายจึงได้นำรถจักรยานยนต์ของตนตามราคาท้องตลาดซึ่งมีมูลค่า  6,000  บาท  มาชำระหนี้แทนเงินและนายอ้นตกลงรับไว้นั้น  สามารถที่จะกระทำได้ตามมาตรา  656  วรรคสอง  ซึ่งจะมีผลทำให้หนี้ระหว่างนายอินและนายอ้นเป็นอันระงับไป  แต่นายอ้นจะต้องทอนเงินคืนให้แก่นายอินเป็นเงิน  1,000  บาทด้วย

สรุป  การคืนรถจักรยานยนต์แทนเงินสดมีผลทำให้หนี้ระหว่างนายอินและนายอ้นเป็นอันระงับไป  แต่นายอ้นต้องทอนเงินคืนให้แก่นายอิน  1,000  บาท

 

ข้อ  3  นายแดงฝากเงินไว้กับธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง  จำนวน  10,000  บาท  ต่อมาเกิดการจลาจลขึ้นในบริเวณใกล้ธนาคาร  และมีการวางเพลิงเผาทรัพย์ทำให้ธนาคารดังกล่าวถูกไฟไหม้ทรัพย์สินและเงินสดเสียหาย  ต่อมานายแดงไปขอถอนเงินจากธนาคาร  ดังนี้  ธนาคารจะปฏิเสธไม่รับผิด  โดยต่อสู้ว่าเป็นความเสียหายที่เกิดจากเหตุสุดวิสัย  และธนาคารในฐานะผู้รับฝากได้ใช้ความระมัดระวังในการสงวนรักษาทรัพย์ตามหน้าที่ของตนแล้ว  ข้อต่อสู้ของธนาคารฟังขึ้นหรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  672  ถ้าฝากเงิน  ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า  ผู้รับฝากไม่พึงต้องส่งคืนเป็นเงินทองตราอันเดียวกันกับที่ฝาก  แต่จะต้องคืนเงินให้ครบจำนวน

อนึ่ง  ผู้รับฝากจะเอาเงินซึ่งฝากนั้นออกใช้ก็ได้  แต่หากจำต้องคืนเงินให้ครบจำนวนเท่านั้น  แม้ว่าเงินซึ่งฝากนั้นจะได้สูญหายไปด้วยเหตุสุดวิสัยก็ตาม  ผู้รับฝากก็จำต้องคืนเงินเป็นจำนวนดังว่านั้น

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่นายแดงฝากเงินไว้กับธนาคาร  ซึ่งธนาคารผู้รับฝากย่อมมีสิทธิจะเอาเงินนั้นออกใช้ก็ได้ตามมาตรา  672  แต่จะต้องคืนเงินให้แก่นายแดงครบจำนวน  แม้ว่าเงินซึ่งฝากนั้นจะได้สูญหายไปด้วยเหตุสุดวิสัยก็ตาม

และเมื่อข้อเท็จจริงตามอุทาหรณ์ปรากฏว่า  เมื่อนายแดงได้ฝากเงินไว้กับธนาคารแล้ว  ต่อมาได้เกิดการจลาจลขึ้นในบริเวณใกล้ธนาคาร และมีการวางเพลิงเผาทรัพย์ทำให้ธนาคารดังกล่าวถูกไฟไหม้ทรัพย์สินและเงินสดเสียหาย  ซึ่งถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัย  ดังนี้เมื่อนายแดงไปขอถอนเงินจากธนาคาร  ธนาคารก็จะต้องยอมให้นายแดงถอนเงินคือต้องคืนเงินให้แก่นายแดง  ธนาคารจะปฏิเสธไม่รับผิดชอบ  โดยต่อสู้ว่าเป็นความเสียหายที่เกิดจากเหตุสุดวิสัยและธนาคารในฐานะผู้รับฝากได้ใช้ความระมัดระวังในการสงวนรักษาทรัพย์ตามหน้าที่ของตนแล้วไม่ได้

สรุป  ข้อต่อสู้ของธนาคารดังกล่าวฟังไม่ขึ้น  ธนาคารจะต้องรับผิดชดใช้เงินคืนให้แก่นายแดง

LAW 2009 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม 2/2554

การสอบไล่ภาค  2  ปีการศึกษา  2554

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2009 

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม ฝากทรัพย์ เก็บของในคลังสินค้า ประนีประนอมยอมความการพนันขันต่อ

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  3  ข้อ

ข้อ  1  สามชุกยืมรถยนต์ของกระเสียวไปใช้มีกำหนดหนึ่งปี  ขณะที่สามชุกใช้สอยอยู่นั้นมีกระเจียวขอเอารถคันดังกล่าวไปใช้  แต่กระเจียวเอารถยนต์ไปใช้ได้ไม่นาน  สามชุกกลัวว่ากระเสียวรู้แล้วจะเลิกสัญญาเอารถยนต์คืน  สามชุกจึงให้กระเจียวนำรถยนต์มาคืนให้กับตนก่อนที่กระเสียวจะรู้ถึงการที่กระเจียวเอารถไปใช้สอย  ดังนี้ถ้ากระเสียวทราบถึงเหตุดังกล่าว  จะเลิกสัญญาให้สามชุกเอารถมาคืนก่อนที่จะครบหนึ่งปีได้หรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  640  อันว่ายืมใช้คงรูปนั้น  คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ยืม  ให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ยืม  ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่าและผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว

มาตรา  643  ทรัพย์สินซึ่งยืมนั้น  ถ้าผู้ยืมเอาไปใช้การอย่างอื่นนอกจากการอันเป็นปกติแก่ทรัพย์สินนั้น  หรือนอกจากการอันปรากฏในสัญญาก็ดี  เอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอยก็ดี  เอาไปไว้นานกว่าที่ควรจะเอาไว้ก็ดี  ท่านว่าผู้ยืมจะต้องรับผิดในเหตุทรัพย์สินนั้นสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างหนึ่งอย่างใด  แม้ถึงจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรๆ  ทรัพย์สินนั้นก็คงจะต้องสูญหายหรือบุบสลายอยู่นั่นเอง

มาตรา  645  ในกรณีทั้งหลายดังกล่าวไว้ในมาตรา  643  นั้นก็ดี  หรือถ้าผู้ยืมประพฤติฝ่าฝืนต่อความในมาตรา  644  ก็ดี  ผู้ให้ยืมจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่สามชุกยืมรถยนต์ของกระเสียวไปใช้มีกำหนดหนึ่งปีนั้น  เป็นสัญญายืมใช้คงรูปตามมาตรา  640  สามชุกผู้ยืมจึงมีสิทธิครอบครองและใช้สอยรถยนต์ภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าว

แต่อย่างไรก็ตาม  มาตรา  645  ได้กำหนดให้ผู้ให้ยืมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกให้ผู้ยืมคืนทรัพย์สินที่ยืมได้  ถ้าผู้ยืมประพฤติผิดหน้าที่ของผู้ยืมตามมาตรา  645  เช่น  การที่ผู้ยืมเอาทรัพย์สินซึ่งยืมนั้นไปใช้เพื่อการอื่นนอกจากการอันปรากฏในสัญญา  หรือเอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอย  เป็นต้น

เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า  สามชุกได้นำรถยนต์คันดังกล่าวไปให้กระเจียวใช้งาน  กรณีนี้จึงถือว่าสามชุกได้ประพฤติผิดหน้าที่ของผู้ยืมตามมาตรา  643  แล้ว  คือ  เป็นการนำทรัพย์สินที่ยืมไปให้บุคคลภายนอกใช้สอย  แม้ว่าสามชุกจะให้กระเจียวนำรถมาคืนให้กับตนก่อนที่กระเสียวจะรู้ถึงการที่กระเจียวเอารถไปใช้สอยก็ตาม  ดังนั้นเมื่อกระเสียวผู้ให้ยืมได้ทราบถึงเหตุดังกล่าว  ย่อมมีสิทธิตามมาตรา  645  คือ  บอกเลิกสัญญาและเรียกให้สามชุกเอารถยนต์มาคืนก่อนที่จะครบหนึ่งปีได้

สรุป  กระเสียวสามารถบอกเลิกสัญญา  และเรียกให้สามชุกเอารถมาคืนก่อนที่จะครบกำหนดหนึ่งปีได้

 

ข้อ  2  นายเล็กเดียวดาย  นะยุดยา  ได้ขอยืมเงินจากนางเกดเป็นเงิน  50,000  บาท  โดยปากเปล่า  และนางเกดได้ตีเช็คให้ยืมไป  ต่อมานายเล็กเดียวดาย  ได้มีจดหมายมาหานางเกดความว่าเงินที่ได้รับมา  50,000  นี้ขอบคุณมาก  ถือเป็นหนี้ล้นพ้นประมาณ  จะนำมาชำระให้ในภายหลังโดยเร็ว  และจะให้ดอกเบี้ยตอบแทนอย่างสูงร้อยละ  16  ท้ายของหนังสือได้ลงลายมือชื่อเล่นของตนที่พ่อแม่เรียกว่าชายเล็ก  พร้อมทั้งให้เด็กฝาแฝดอายุ  7  ขวบ  ลงลายมือชื่อเป็นพยาน  ทั้งๆที่เด็กทั้งสองอ่านหนังสือไม่ออก  และไม่รู้ว่าการยืมเงินคืออะไร  แต่เขียนชื่อของตนได้เท่านั้น  ดังนี้หลักฐานดังกล่าวจะใช้ได้หรือไม่  เพียงใด  และหากต่อมานางเกดเจ้าหนี้ได้เติมตัวเลข  1  หน้าจำนวนตัวเลข  50,000  เพื่อให้เป็นจำนวน  150,000  บาท  ดังนี้จำเป็นหรือไม่ที่ลูกหนี้จะต้องชำระเงินคืน  และหากลูกหนี้ต้องการชำระหนี้ด้วยเงินสดคืนให้จะต้องชำระเท่าไร  อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  653  วรรคแรก  การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น  ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม  เป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ  จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่

มาตรา  654  ท่านห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยเกินร้อยละสิบห้าต่อปี  ถ้าในสัญญากำหนดดอกเบี้ยเกินกว่านั้น  ก็ให้ลดลงมาเป็นร้อยละสิบห้าต่อปี

วินิจฉัย

ตามมาตรา  653  วรรคแรก  ในกรณีที่จะฟ้องร้องบังคับคดีในเรื่องเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินกันเกินกว่า  2,000  บาทขึ้นไปนั้น  จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งและลงลายมือชื่อผู้ยืม  ซึ่งลายมือชื่อผู้ยืมนี้จะเป็นชื่อตัว  ชื่อสกุล  หรือชื่อเล่นก็ได้  และหลักฐานการกู้ยืมเงินนี้จะอยู่ในรูปแบบใดก็ได้  แต่จะต้องมีสาระสำคัญแสดงให้เห็นว่ามีการกู้ยืมเงินกัน  เช่น  มีการระบุจำนวนเงินที่กู้ยืม  มีข้อความว่าได้รับเงินไปตามจำนวนที่ระบุไว้  เป็นต้น

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่นายเล็กเดียวดาย  นะยุดยา  ได้ขอยืมเงินจากนางเกดเป็นเงิน  50,000  บาท  และต่อมาได้มีจดหมายมาหานางเกดความว่าเงินที่ได้รับมา  50,000  นี้ขอบคุณมาก  ถือเป็นหนี้ล้นพ้นประมาณ  จะนำมาชำระให้ในภายหลังนั้น  ดังนี้  จดหมายฉบับดังกล่าวถือเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินแล้ว  เพราะมีสาระสำคัญแสดงให้เห็นว่ามีการกู้ยืมเงินกัน  และเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าตอนท้ายของหนังสือได้ลงลายมือชื่อเล่นของนายเล็กเดียวดาย  ย่อมถือว่าการกู้ยืมเงินกันระหว่างนายเล็กเดียวดายและนางเกด  มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืมแล้ว  จึงสามารถใช้ฟ้องร้องบังคับคดีกันได้  ตามมาตรา  653  วรรคแรก  แม้ว่าการลงลายมือชื่อของพยานทั้งสองคนจะไม่ถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม  เพราะกฎหมายบังคับเพียงแต่ให้มีลายมือชื่อผู้ยืมเท่านั้น

ส่วนกรณีดอกเบี้ยนั้น  การที่นายเล็กเดียวดายตกลงจะให้ดอกเบี้ยตอบแทนอย่างสูงร้อยละ  16  ต่อปี  ย่อมถือเป็นการขัดต่อกฎหมายมาตรา  654  ที่กำหนดให้เรียกดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ  15  ต่อปี  และยังขัดต่อ  พ.ร.บ.  ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา  ดอกเบี้ยดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะทั้งหมด

และกรณีที่นางเกดเจ้าหนี้ได้เติมตัวเลข  1  หน้าจำนวนตัวเลข  50,000  เพื่อให้เป็นจำนวน  150,000  บาทนั้น  การเติมตัวเลขดังกล่าวถือเป็นการปลอมเอกสาร  ข้อความที่ปลอมขึ้นจึงใช้ไม่ได้  แต่ก็ไม่ทำให้ข้อความเดิมก่อนที่จะมีการปลอมเสียไปแต่อย่างใด

ดังนั้น  นางเกดจึงสามารถฟ้องร้องให้นายเล็กเดียวดาย  นะยุดยา  ลูกหนี้ชำระหนี้เงินกู้ยืมดังกล่าวได้โดยสามารถฟ้องเอาได้เฉพาะเงินต้นจำนวน  50,000  บาทเท่านั้น  จึงจำเป็นที่ลูกหนี้จะต้องชำระเงินคืน  และหากลูกหนี้ต้องการชำระหนี้ด้วยเงินสดคืนจะต้องชำระเป็นจำนวน  50,000  บาท

สรุป  หลักฐานดังกล่าวใช้เป็นหลักฐานการกู้ยืมเงินได้  และลูกหนี้จำเป็นจะต้องชำระเงินคืน  และหากลูกหนี้ต้องการชำระหนี้ด้วยเงินสดคืนจะต้องชำระเป็นจำนวน  50,000  บาท

 

ข้อ  3  นายแดงเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น  โดยมีนายเล้งเป็นเจ้าสำนักและผู้ประกอบกิจการโรงแรม  ก่อนเข้าพักนายแดงได้นำพระเครื่อง  1  องค์  มูลค่า  8,000  บาท  ไปขอฝากไว้ให้โรงแรมเก็บรักษา  เกรงว่าจะสูญหายระหว่างที่ตนเข้าพักอยู่ในโรงแรม  นายเล้งผู้เป็นเจ้าสำนักรับไปดูแล้วคืนพระเครื่องกลับไปให้นายแดง  โดยบอกว่า  “ขอให้นายแดงเป็นผู้เก็บพระเครื่องราคา  8,000  บาทไว้แทนโรงแรม  ทางโรงแรมเป็นผู้เก็บหรือนายแดงเก็บก็เหมือนคนคนเดียวกัน”  ต่อมาในตอนดึกมีคนร้ายเข้าไปขโมยของในห้องพักของโรงแรม  และได้ขโมยพระเครื่องไป  นายแดงรีบแจ้งให้นายเล้งทราบทันที  ดังนี้  ให้ท่านวินิจฉัยความรับผิดของโรงแรมที่มีต่อทรัพย์ของนายแดง

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  674  เจ้าสำนักโรงแรมหรือโฮเต็ล  หรือสถานที่อื่นทำนองเช่นว่านั้น  จะต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใดๆ  อันเกิดแก่ทรัพย์สินซึ่งคนเดินทางหรือแขกอาศัย  หากได้พามา

มาตรา  675  เจ้าสำนักต้องรับผิดในการที่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างใดๆ  แม้ถึงว่าความสูญหาย  หรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะผู้คนไปมาเข้าออก  ณ  โรงแรม  โฮเต็ล  หรือสถานที่เช่นนั้นก็คงต้องรับผิด

ความรับผิดนี้  ถ้าเกี่ยวด้วยเงินทองตรา  ธนบัตร  ตั๋วเงิน  พันธบัตร  ใบหุ้น  ใบหุ้นกู้  ประทวนสินค้า  อัญมณี  หรือของมีค่าอื่นๆไซร้  ท่านจำกัดไว้เพียงห้าพันบาท  เว้นแต่จะได้ฝากของมีค่าเช่นนี้ไว้แก่เจ้าสำนักและได้บอกราคาแห่งของนั้นชัดแจ้ง

แต่เจ้าสำนักไม่ต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอันเกิดแต่เหตุสุดวิสัย  หรือแต่สภาพแห่งทรัพย์สินนั้น  หรือแต่ความผิดของคนเดินทางหรือแขกอาศัยผู้นั้นเอง  หรือบริวารของเขา  หรือบุคคลซึ่งเขาได้ต้อนรับ

วินิจฉัย

โดยหลัก  เจ้าสำนักโรงแรมหรือสถานที่อื่นเช่นว่านั้น  ต้องรับผิดในความสูญหายหรือบุบสลายที่เกิดแก่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยซึ่งได้นำมาด้วย  แม้ความเสียหายหรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะคนที่ไปมาเข้าออก  ณ  โรงแรมหรือสถานที่เช่นนั้นตามมาตรา 674  ประกอบมาตรา  675  วรรคแรก

และในกรณีที่ทรัพย์สินที่สูญหายหรือบุบสลายนั้น  เป็นของมีค่า  เช่น  นาฬิกา  แหวนเพชร  หรือพระเครื่องฯ  กฎหมายกำหนดให้เจ้าสำนักรับผิดเพียงห้าพันบาท  เว้นแต่คนเดินทางหรือแขกอาศัยจะนำไปฝากไว้แก่เจ้าสำนักและบอกราคาแห่งของนั้นโดยชัดแจ้ง  ตามมาตรา 675  วรรคสอง

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่นายแดงเข้าพักในโรงแรมโดยนำพระเครื่องซึ่งถือเป็นของมีค่าติดตัวเข้ามาด้วยนั้น  เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า  นายแดงได้นำพระเครื่องไปขอฝากไว้ให้ทางโรงแรมเก็บรักษาและนายเล้งผู้เป็นเจ้าสำนักโรงแรมได้รับไปดูแล้วคืนพระเครื่องให้นายแดง  โดยบอกว่า  ให้นายแดงเป็นผู้เก็บรักษาพระเครื่องราคา  8,000  บาทไว้แทนโรงแรม  กรณีนี้ย่อมถือได้ว่า  นายแดงได้นำพระเครื่องไปฝากไว้แก่เจ้าสำนักโรงแรมและบอกราคาชัดแจ้งแล้ว  แม้ว่านายแดงจะเป็นผู้เก็บรักษาพระเครื่องไว้เองก็ตาม

ดังนั้น  เมื่อมีคนร้ายเข้าไปขโมยพระเครื่องของนายแดงไป  และนายแดงได้รีบแจ้งให้นายเล้งเจ้าสำนักโรงแรมทราบทันที

ทางโรงแรมจึงต้องรับผิดต่อทรัพย์ของนายแดงตามราคาพระเครื่องที่ถูกขโมยไปคือ  8,000  บาท  ตามมาตรา  674  มาตรา  675  วรรคแรกและวรรคสอง

สรุป  ทางโรงแรมต้องรับผิดต่อทรัพย์ของนายแดงตามราคาพระเครื่อง  คือ  8,000 บาท

LAW 2009 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม S/2554

 

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน  ปีการศึกษา  2554

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2009 

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม ฝากทรัพย์ เก็บของในคลังสินค้า ประนีประนอมยอมความการพนันขันต่อ

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  3  ข้อ

ข้อ  1  เอกพรยืมรถมอเตอร์ไซค์ของทองไทยมาใช้งานหนึ่งปี  โดยไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทน  ขณะที่ใช้งานตามปกตินั้นถูกบุญดีขับรถมาชนท้าย  ถ้าจะซ่อมต้องใช้เงินประมาณ  10,000  บาท  แต่บุญดีไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อม  ดังนี้  ทองไทยผู้ให้ยืมจะเรียกร้องค่าเสียหายดังกล่าวจากเอกพรผู้ยืมได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  640  อันว่ายืมใช้คงรูปนั้น  คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ยืม  ให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ยืม  ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่าและผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว

มาตรา  643  ทรัพย์สินซึ่งยืมนั้น  ถ้าผู้ยืมเอาไปใช้การอย่างอื่นนอกจากการอันเป็นปกติแก่ทรัพย์สินนั้น  หรือนอกจากการอันปรากฏในสัญญาก็ดี  เอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอยก็ดี  เอาไปไว้นานกว่าที่ควรจะเอาไว้ก็ดี  ท่านว่าผู้ยืมจะต้องรับผิดในเหตุทรัพย์สินนั้นสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างหนึ่งอย่างใด  แม้ถึงจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรๆ  ทรัพย์สินนั้นก็คงจะต้องสูญหายหรือบุบสลายอยู่นั่นเอง

มาตรา  644  ผู้ยืมจำต้องสงวนทรัพย์สินซึ่งยืมไปเหมือนเช่นวิญญูชนจะพึงสงวนทรัพย์สินของตนเอง

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่เอกพรยืมรถมอเตอร์ไซค์ของทองไทยมาใช้งาน  1  ปี  โดยไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนนั้น  สัญญายืมระหว่างเอกพรและทองไทยเป็นสัญญายืมใช้คงรูปตามมาตรา  640  ดังนั้น  เอกพรผู้ยืมจึงมีหน้าที่ตามมาตรา  643  และมาตรา  644  กล่าวคือ  เอกพรจะต้องไม่นำทรัพย์สินนั้นไปใช้เพื่อการอย่างอื่นนอกจากการอันเป็นปกติแก่ทรัพย์สินนั้น  หรือนอกจากการอันปรากฏในสัญญา  และไม่เอาทรัพย์สินนั้นไปให้บุคคลภายนอกใช้สอยหรือเอาทรัพย์สินนั้นไว้นานกว่าที่ควรจะเอาไว้  รวมทั้งจะต้องสงวนทรัพย์สินซึ่งยืมไปนั้นเหมือนเช่นวิญญูชนจะพึงสงวนทรัพย์สินของตนเองด้วย  ซึ่งหากเอกพรผู้ยืมไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ของผู้ยืมตามที่กฎหมายกำหนดไว้ดังกล่าว  ทองไทยผู้ให้ยืมมีสิทธิบอกเลิกสัญญา  และเรียกร้องให้เอกพรผู้ยืมรับผิดในเหตุที่ทรัพย์สินสูญหาย  หรือบุบสลายไปอย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้  แม้ถึงจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัยก็ตาม

แต่จากข้อเท็จจริงตามอุทาหรณ์  เมื่อเอกพรได้ยืมรถมอเตอร์ไซค์ของทองไทยมาใช้นั้น  เอกพรได้ใช้งานตามปกติมิได้กระทำการใดๆ  อันเป็นการฝ่าฝืนหน้าที่ของผู้ยืมตามที่กฎหมายกำหนดไว้ดังกล่าวข้างต้นเลย  ดังนั้น  เมื่อปรากฏว่าขณะที่เอกพรใช้งานรถมอเตอร์ไซค์ตามปกติได้ถูกบุญดีขับรถมาชนท้าย  ซึ่งถ้าจะซ่อมรถมอเตอร์ไซค์จะต้องใช้เงินประมาณ  10,000  บาท  และบุญดีไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อม  ทองไทยผู้ให้ยืมจึงมิอาจใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายดังกล่าวจากเอกพรผู้ยืมได้  ทั้งนี้  เพราะเอกพรผู้ยืมมิได้กระทำผิดหน้าที่ของผู้ยืมตามที่กำหนดไว้ในมาตรา  643  และมาตรา  644  แต่อย่างใด

สรุป  ทองไทยผู้ให้ยืมจะเรียกร้องค่าเสียหายดังกล่าวจากเอกพรผู้ยืมไม่ได้ 

 

ข้อ  2  นายเอกเขียนจดหมายไปหานายโทซึ่งเป็นเพื่อนกันมีใจความว่า  “ตอนนี้เดือดร้อนมากเลย  อยากจะขอยืมเงินสักสองหรือสามหมื่นบาท  ถ้ามีก็ขอให้ส่งเงินมาให้ด้วยขอบคุณมากๆ”  ลงชื่อนายเอก  นายโทจึงฝากเงินจำนวนสามหมื่นมากับนายตรีเพื่อส่งมอบให้กับนายเอก  ผ่านไป  1  ปี  นายโทเห็นนายเอกเงียบเฉยไม่ชำระหนี้เงินที่ยืมไป  จึงขอให้นายจัตวาไปทวงหนี้ให้  นายเอกจึงเขียนจดหมายฝากนายจัตวามาถึงนายโท  ดังนี้  “โทที่รักยิ่ง  เราไม่เคยยืมเงินนายเลยทำไมมาทวงกันอย่างนี้  เป็นการดูถูกกันอย่างร้ายแรงนายต้องรับผิดชอบด้วย”  ลงชื่อ  เอก  ดังนี้  ให้ท่านวินิจฉัยว่า  นายโทจะใช้จดหมายดังกล่าวและให้นายตรีและนายจัตวาเป็นพยานประกอบการฟ้องคดีขอให้ศาลบังคับให้นายเอกคืนเงินสามหมื่นที่ยืมไปได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  653  วรรคแรก  การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น  ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม  เป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ  จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่

วินิจฉัย

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ตามมาตรา  653  วรรคแรก  บังคับว่าในกรณีที่จะฟ้องร้องบังคับคดีในเรื่องเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินกันเกินกว่า  2,000  บาท  ขึ้นไป  จะต้องมีพยานหลักฐานประกอบการฟ้องคดี  คือ

1       หลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง  และ

2       ลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ

สำหรับหลักฐานการกู้ยืมเงินนี้  ต้องมีสาระสำคัญให้เห็นว่ามีการกู้ยืมเงินกัน  ซึ่งข้อความอันแสดงถึงการกู้ยืมไม่จำเป็นจะต้องปรากฏในเอกสารฉบับเดียวกัน  อาจจะปรากฏอยู่ในเอกสารหลายๆฉบับก็ได้  เมื่อนำเอาเอกสารเหล่านั้นมาอ่านประกอบเข้าด้วยกัน  หากได้ความว่าเป็นการกู้ยืมเงินกันแล้ว  ย่อมถือว่าเอกสารเหล่านั้นเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมได้

กรณีตามอุทาหรณ์  จดหมายฉบับแรกที่นายเอกเขียนถึงนายโทนั้น  มีข้อความเพียงว่า  นายเอกจะขอยืมเงินนายโทสักสองหรือสามหมื่นบาท  แต่นายโทจะส่งมอบเงินจำนวนนั้นให้กับนายเอกหรือไม่  ไม่มีข้อความกล่าวถึง  ส่วนจดหมายฉบับที่สอง  ก็ไม่มีข้อความใดที่แสดงว่านายเอกยอมรับว่าเป็นหนี้นายโท  ดังนั้น  จดหมายทั้งสองฉบับดังกล่าวจึงไม่มีข้อความใดที่แสดงให้เห็นว่ามีการกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปแต่อย่างใด  แม้จะมีลายมือชื่อนายเอกผู้กู้ยืมก็ตาม  นายโทจึงมิอาจใช้จดหมายทั้งสองฉบับดังกล่าวเป็นหลักฐานในการฟ้องคดีเพื่อขอให้ศาลบังคับนายเอกคืนเงินสามหมื่นที่ยืมไปได้ตามมาตรา  653  วรรคแรก

สำหรับกรณีนายตรีและนายจัตวานั้น  แม้จะรู้เห็นถึงการกู้ยืมเงินกันระหว่างนายเอกกับนายโท  แต่ก็ถือเป็นพยานบุคคล  ดังนั้นนายโทจึงไม่สามารถนำมาสืบว่ามีการส่งมอบเงินกันแล้วได้  เพราะกรณีการกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น  กฎหมายบังคับให้ต้องนำพยานเอกสารมาแสดงเท่านั้น

สรุป  นายโทจะใช้จดหมายทั้งสองฉบับ  และให้นายตรีและนายจัตวาเป็นพยานประกอบการฟ้องคดีขอให้ศาลบังคับให้นายเอกคืนเงินสามหมื่นที่ยืมไปไม่ได้

 

ข้อ  3  นายเอกไปเที่ยวที่จังหวัดเพชรบุรี  พักที่บ้านของฟ้าสวยที่ตกแต่งเป็นห้องพักรับนักท่องเที่ยวเข้าพัก  คิดค่าห้องเป็นรายวัน  วันละห้าร้อยบาท  ที่ประตูห้องด้านในของห้องพัก  มีป้ายติดประกาศไว้มีใจความว่า  “ผู้พักทุกท่านโปรดระมัดระวังทรัพย์สินของท่านด้วย  ผู้ให้บริการไม่รับผิดชอบในกรณีที่ทรัพย์สินของท่านเกิดเสียหายหรือสูญหายไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น”  ตอนค่ำนายเอกไปดื่มกาแฟที่โรงแรมเกษมสุขพบกับนางสาวสุดสวยคนคุ้นเคยกัน  นางสาวสุดสวยแอบล้วงกระเป๋าเอาเงินของนายเอกไปห้าหมื่นบาท  เมื่อนายเอกกลับมาที่บ้านของฟ้าสวยจึงรู้ว่าเงินสูญหายไปจึงแจ้งให้ฟ้าสวยทราบทันที  ดังนี้ให้ท่านวินิจฉัยว่า  ฟ้าสวยต้องรับผิดชดใช้ค่าทดแทนความเสียหายที่เกิดกับนายเอกหรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  674  เจ้าสำนักโรงแรมหรือโฮเต็ล  หรือสถานที่อื่นทำนองเช่นว่านั้น  จะต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใดๆ  อันเกิดแก่ทรัพย์สินซึ่งคนเดินทางหรือแขกอาศัย  หากได้พามา

มาตรา  675  เจ้าสำนักต้องรับผิดในการที่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างใดๆ  แม้ถึงว่าความสูญหาย  หรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะผู้คนไปมาเข้าออก  ณ  โรงแรม  โฮเต็ล  หรือสถานที่เช่นนั้นก็คงต้องรับผิด

ความรับผิดนี้  ถ้าเกี่ยวด้วยเงินทองตรา  ธนบัตร  ตั๋วเงิน  พันธบัตร  ใบหุ้น  ใบหุ้นกู้  ประทวนสินค้า  อัญมณี  หรือของมีค่าอื่นๆไซร้  ท่านจำกัดไว้เพียงห้าพันบาท  เว้นแต่จะได้ฝากของมีค่าเช่นนี้ไว้แก่เจ้าสำนักและได้บอกราคาแห่งของนั้นชัดแจ้ง

แต่เจ้าสำนักไม่ต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอันเกิดแต่เหตุสุดวิสัย  หรือแต่สภาพแห่งทรัพย์สินนั้น  หรือแต่ความผิดของคนเดินทางหรือแขกอาศัยผู้นั้นเอง  หรือบริวารของเขา  หรือบุคคลซึ่งเขาได้ต้อนรับ

มาตรา  677  ถ้ามีคำแจ้งความปิดไว้ในโรงแรม  โฮเต็ล  หรือสถานที่อื่นทำนองเช่นว่านี้  เป็นข้อความยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของเจ้าสำนักไซร้ท่านว่าความนั้นเป็นโมฆะ  เว้นแต่คนเดินทางหรือแขกอาศัยจะได้ตกลงด้วยชัดแจ้งในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดดังว่านั้น

วินิจฉัย

ตามกฎหมาย  เจ้าสำนักโรงแรมหรือสถานที่อื่นทำนองเช่นว่านั้น  ต้องรับผิดในความสูญหายหรือบุบสลายที่เกิดแก่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยซึ่งได้นำมาด้วย  แม้ความสูญหายหรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะคนที่ไปมาเข้าออก  ณ  โรงแรมหรือสถานที่เช่นนั้นตามมาตรา  674  ประกอบมาตรา  675

และหากมีป้ายประกาศยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของเจ้าสำนักปิดไว้ในโรงแรมหรือสถานที่อื่นทำนองเช่นว่านั้น  ป้ายประกาศดังกล่าวจะตกเป็นโมฆะไม่มีผลบังคับ  ถ้าคนเดินทางหรือแขกอาศัยมิได้ตกลงด้วยอย่างชัดแจ้งตามมาตรา  677

กรณีตามอุทาหรณ์  บ้านของฟ้าสวยตกแต่งเป็นห้องพักรับนักท่องเที่ยวเข้าพัก  คิดค่าห้องเป็นรายวัน  วันละห้าร้อยบาท  จึงถือได้ว่าเป็นสถานที่อื่นทำนองเดียวกับโรงแรมหรือโฮเต็ล  ดังนั้น  การที่นายเอกเข้าพักที่บ้านของฟ้าสวย  ฟ้าสวยซึ่งเป็นเจ้าสำนักโรงแรมจะต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใดๆ  อันเกิดแก่ทรัพย์สินของนายเอกหากได้พามาไว้ในสถานที่นั้น  ตามมาตรา  674  ประกอบมาตรา  675  แม้ด้านในห้องพักของฟ้าสวยจะติดป้ายประกาศยกเว้นความรับผิดของตนไว้ก็ตาม  เพราะเมื่อไม่ปรากฏว่านายเอกได้ตกลงด้วยแต่อย่างใด  ป้ายประกาศดังกล่าวย่อมตกเป็นโมฆะตามมาตรา  677

แต่จากข้อเท็จจริงตามอุทาหรณ์  การที่นายเอกไปดื่มกาแฟที่โรงแรมเกษมสุขพบกับนางสาวสุดสวย  และนางสาวสุดสวยได้แอบล้วงกระเป๋าเอาเงินของนายเอกไปห้าหมื่นบาทนั้น  เหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นภายนอกบ้านของฟ้าสวย  ดังนั้น  ฟ้าสวยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าทดแทนความเสียหายที่เกิดขึ้นกับนายเอก

สรุป  ฟ้าสวยไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าทดแทนความเสียหายที่เกิดกับนายเอก

LAW 2009 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม 1/2555

การสอบไล่ภาค  1  ปีการศึกษา  2555

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2009 

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม ฝากทรัพย์ เก็บของในคลังสินค้า ประนีประนอมยอมความการพนันขันต่อ

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  3  ข้อ

ข้อ  1  ปลาม้ายืมบ้านของปลาดาวเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย  มีกำหนดสองปีแต่ปลาม้าแบ่งห้องๆหนึ่งให้ชะเมาเช่า  ระหว่างที่ชะเมาเช่าอยู่นั้น เกิดน้ำท่วมทั้งตำบลที่บ้านของปลาดาวตั้งอยู่เป็นเวลาสองเดือนทำให้บ้านเสียหาย  ดังนี้ปลาดาวจะบอกเลิกสัญญา  ให้ปลาม้าคืนบ้านก่อนกำหนดและเรียกเอาค่าทดแทนความเสียหายได้หรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  8  คำว่า  “เหตุสุดวิสัย”  หมายความว่า  เหตุใดๆ  อันจะเกิดขึ้นก็ดี  จะให้ผลพิบัติก็ดี  เป็นเหตุที่ไม่อาจป้องกันได้  แม้ทั้งบุคคลผู้ต้องประสบหรือใกล้จะต้องประสบเหตุนั้นได้จัดการระมัดระวังตามสมควร  อันพึงคาดหมายได้จากบุคคลนั้นในฐานะและภาวะเช่นนั้น

มาตรา  640  อันว่ายืมใช้คงรูปนั้น  คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ยืม  ให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ยืม  ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่าและผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว

มาตรา  643  ทรัพย์สินซึ่งยืมนั้น  ถ้าผู้ยืมเอาไปใช้การอย่างอื่นนอกจากการอันเป็นปกติแก่ทรัพย์สินนั้น  หรือนอกจากการอันปรากฏในสัญญาก็ดี  เอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอยก็ดี  เอาไปไว้นานกว่าที่ควรจะเอาไว้ก็ดี  ท่านว่าผู้ยืมจะต้องรับผิดในเหตุทรัพย์สินนั้นสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างหนึ่งอย่างใด  แม้ถึงจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรๆ  ทรัพย์สินนั้นก็คงจะต้องสูญหายหรือบุบสลายอยู่นั่นเอง

มาตรา  645  ในกรณีทั้งหลายดังกล่าวไว้ในมาตรา  643  นั้นก็ดี  หรือถ้าผู้ยืมประพฤติฝ่าฝืนต่อความในมาตรา  644  ก็ดี  ผู้ให้ยืมจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  สัญญายืมระหว่างปลาม้ากับปลาดาวเป็นสัญญายืมใช้คงรูปตามมาตรา  640  ปลาม้าผู้ยืมมีสิทธิครอบครองและใช้สอยบ้านเป็นที่อยู่อาศัยได้ตามสิทธิของผู้ยืมตามกฎหมาย  แต่จะต้องสงวนรักษาทรัพย์สินที่ยืมรวมทั้งไม่ประพฤติผิดหน้าที่ของผู้ยืมด้วย  เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าปลาม้าเอาบ้านที่ยืมมาแบ่งให้ชะเมาเช่า  ถือว่าเป็นกรณีที่ผู้ยืมเอาทรัพย์สินที่ยืมไปให้บุคคลภายนอกใช้สอย  ซึ่งเป็นการประพฤติผิดหน้าที่ของผู้ยืม  ตามมาตรา  643  ย่อมเป็นเหตุให้ปลาดาวผู้ให้ยืมมีสิทธิบอกเลิกสัญญายืมได้ตามมาตรา  645  และให้ปลาม้าคืนบ้านก่อนครบกำหนดได้

และในกรณีที่ผู้ยืมเอาบ้านที่ยืมไปให้บุคคลภายนอกใช้สอยแล้วถูกน้ำท่วมซึ่งเป็นเหตุสุดวิสัย  ตามมาตรา  8  นั้น  โดยหลักแล้วผู้ยืมจะต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น  แต่อย่างไรก็ตาม  กรณีดังกล่าวเป็นกรณีที่ปลาม้าผู้ยืมสามารถพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไร  ทรัพย์สินคือบ้านที่ให้ยืมนั้นก็คงจะต้องสูญหายหรือบุบสลายอยู่นั่นเอง  ดังนั้นปลาดาวจะเรียกเอาค่าทดแทนความเสียหายที่บ้านถูกน้ำท่วมไม่ได้  (มาตรา  643)

สรุป  ปลาดาวจะบอกเลิกสัญญาและให้ปลาม้าคืนบ้านก่อนกำหนดได้  แต่จะเรียกเอาค่าทดแทนความเสียหายไม่ได้ 

 

ข้อ  2  นายกังนัมสไตร์  น้องชายแท้ๆของนายชังนำหน้า  ได้ขอยืมเงินพี่ชายของตนเป็นจำนวน  2,000  บาท  โดยได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือเอาไว้  และได้มีข้อกำหนดในสัญญาว่านายกังนัมสไตร์จะผ่อนส่งหนี้ให้เดือนละ  200  บาท  เป็นจำนวน  10  ครั้ง  พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ  15.01  บาทต่อปี  ให้กับพี่ชายของตนซึ่งเป็นเจ้าหนี้  ต่อมานายชังนำหน้าพี่ชายแอบแปลงสัญญาเงินกู้โดยเติมตัวเลข  1 ใส่ข้างหน้าจำนวนเงินกู้เดิมจาก  2,000  บาท  เป็น  12,000 บาท  ดังนี้  นายกังนัมสไตร์ลูกหนี้  ต้องรับผิดตามสัญญาหรือไม่  อย่างใด

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  653  วรรคแรก  การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น  ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม  เป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ  จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่

ในการกู้ยืมเงินมีหลักฐานเป็นหนังสือนั้น  ท่านว่าจะนำสืบการใช้เงินได้ก็ต่อเมื่อมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง  ลงลายมือชื่อให้ผู้ยืมมาแสดง  หรือเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมนั้นได้เวนคืนแล้วหรือได้แทงเพิกถอนลงในเอกสารนั้นแล้ว

มาตรา  654  ท่านห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยเกินร้อยละสิบห้าต่อปี  ถ้าในสัญญากำหนดดอกเบี้ยเกินกว่านั้น  ก็ให้ลดลงมาเป็นร้อยละสิบห้าต่อปี

วินิจฉัย

โดยหลักแล้ว  ในการกู้ยืมเงินไม่เกิน  2,000  บาท  แม้จะมิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง  ลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ  การกู้ยืมเงินนั้นก็มีผลสมบูรณ์และสามารถฟ้องร้องบังคับกันได้  (มาตรา  653  วรรคแรก)  แต่อย่างไรก็ตาม  กรณีตามอุทาหรณ์  การที่นายกังนัมสไตร์ได้ยืมเงินนายชังนำหน้าซึ่งเป็นพี่ชายจำนวน  2,000  บาท  โดยได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือเอาไว้  ก็ถือว่าสัญญากู้ยืมเงินนั้นมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย  เพียงแต่ข้อกำหนดในสัญญาที่ตกลงดอกเบี้ยกันร้อยละ  15.01  บาทต่อปีนั้น  ถือว่าเป็นการผิดกฎหมาย  ดอกเบี้ยนั้นถือเป็นโมฆะทั้งหมด  มีเพียงเงินต้นเท่านั้นที่จะต้องส่งคืน

และตามอุทาหรณ์  การที่นายชังนำหน้าได้แอบแปลงสัญญาเงินกู้โดยเติมตัวเลข  1  ใส่ข้างหน้าจำนวนเงินกู้เดิมจาก  2,000  บาท  เป็น  12,000  บาทนั้น  ก็ถือว่าจำนวนเงินกู้ยืมเดิมนั้นเป็นจำนวนเงินกู้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย  ดังนั้นนายกังนัมสไตร์ยังคงต้องรับผิดชอบในจำนวนหนี้ดังกล่าว  คือ  2,000  บาท  และการใช้เงินนั้นก็จะต้องทำเป็นหนังสือด้วยตามมาตรา  653  วรรคสอง

สรุป  นายกังนัมสไตร์ลูกหนี้ต้องรับผิดตามสัญญาในจำนวนหนี้เดิม  คือ  2,000  บาท  แต่ไม่ต้องรับผิดในส่วนที่เป็นดอกเบี้ยเพราะในส่วนดอกเบี้ยถือเป็นโมฆะทั้งหมด

 

ข้อ  3  นายเอกเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี  มีนายโทเป็นเจ้าสำนักและผู้ควบคุมกิจการโรงแรม  นายเอกได้ถอดสร้อยคอทองคำหนัก  3  บาท  วางไว้ในห้องพัก  (คิดเป็นมูลค่าประมาณ  72,000  บาท)  ที่สร้อยคอแขวนพระสมเด็จ  1  องค์  (พระสมเด็จมีมูลค่า  10,000  บาท)  ต่อมานายเอกออกไปรับประทานอาหารเย็นนอกโรงแรมกลับมาตอนดึกพบว่าสายสร้อยทองคำและพระหายไป  จึงแจ้งนายโทผู้เป็นเจ้าสำนักให้ชดใช้ราคาของที่หายรวม  82,000  บาท  แก่ตนทันที  ดังนี้ให้ท่านวินิจฉัยว่า  โรงแรมจะต้องรับผิดต่อทรัพย์ที่หายไปนี้หรือไม่  เพียงไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  674  เจ้าสำนักโรงแรมหรือโฮเต็ล  หรือสถานที่อื่นทำนองเช่นว่านั้น  จะต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใดๆ  อันเกิดแก่ทรัพย์สินซึ่งคนเดินทางหรือแขกอาศัย  หากได้พามา

มาตรา  675  เจ้าสำนักต้องรับผิดในการที่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างใดๆ  แม้ถึงว่าความสูญหาย  หรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะผู้คนไปมาเข้าออก  ณ  โรงแรม  โฮเต็ล  หรือสถานที่เช่นนั้นก็คงต้องรับผิด

ความรับผิดนี้  ถ้าเกี่ยวด้วยเงินทองตรา  ธนบัตร  ตั๋วเงิน  พันธบัตร  ใบหุ้น  ใบหุ้นกู้  ประทวนสินค้า  อัญมณี  หรือของมีค่าอื่นๆไซร้  ท่านจำกัดไว้เพียงห้าพันบาท  เว้นแต่จะได้ฝากของมีค่าเช่นนี้ไว้แก่เจ้าสำนักและได้บอกราคาแห่งของนั้นชัดแจ้ง

แต่เจ้าสำนักไม่ต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอันเกิดแต่เหตุสุดวิสัย  หรือแต่สภาพแห่งทรัพย์สินนั้น  หรือแต่ความผิดของคนเดินทางหรือแขกอาศัยผู้นั้นเอง  หรือบริวารของเขา  หรือบุคคลซึ่งเขาได้ต้อนรับ

วินิจฉัย

ตามกฎหมาย  เจ้าสำนักโรงแรมหรือสถานที่อื่นทำนองเช่นว่านั้น  ต้องรับผิดในความสูญหายหรือบุบสลายที่เกิดแก่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยซึ่งได้นำมาด้วย  แม้ความสูญหายหรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะคนที่ไปมาเข้าออก  ณ  โรงแรมหรือสถานที่เช่นนั้นตามมาตรา  674  ประกอบมาตรา  675

ข้อเท็จจริงตามอุทาหรณ์  การที่นายเอกเข้าพักที่โรงแรมที่มีนายโทเป็นเจ้าสำนัก  เมื่อทรัพย์สินของนายเอกแขกอาศัยซึ่งนำมาด้วยนั้นสูญหายไป  นายโทเจ้าสำนักย่อมต้องรับผิดชอบต่อนายเอกตามมาตรา  674  และมาตรา  675  วรรคแรก  แต่อย่างไรก็ตามเมื่อทรัพย์สินของนายเอกที่สูญหายไปนั้น  คือสร้อยคอทองคำหนัก  3  บาท  (ราคาประมาณ  72,000  บาท)  และพระสมเด็จซึ่งแขวนอยู่ที่สร้อยราคา  10,000  บาท  ซึ่งทั้งสร้อยคอทองคำและพระสมเด็จนั้นอยู่ในความหมายของ  “ของมีค่า”  ตามมาตรา  675  วรรคสอง  ดังนั้นเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่านายเอกผู้เข้าพักในโรงแรมไม่ได้นำฝาก  และบอกราคาทรัพย์ให้ชัดแจ้ง  โรงแรมจึงต้องรับผิดต่อนายเอกเพียง  5,000  บาท

สรุป  โรงแรมจะต้องรับผิดต่อทรัพย์ของนายเอกที่หายไป  แต่จะรับผิดชอบเพียง  5,000  บาท

WordPress Ads
error: Content is protected !!