การสอบไล่ภาค  1  ปีการศึกษา  2549

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW2006 กฎหมายอาญา 1

Advertisement

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  4  ข้อ

ข้อ  1  ขณะที่เครื่องบินของบริษัท  การบินไทย  จำกัด  (มหาชน)  กำลังลดระดับลงจอดที่สนามบินกรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น  สุขสมคนไทยได้ลอบใส่ยานอนหลับลงในแก้วของโทนี่ชาวอังกฤษที่ลุกไปเข้าห้องน้ำ  เมื่อโทนี่กลับมานั่งที่เดิมได้ยกแก้วน้ำซึ่งมียานอนหลับผสมอยู่ขึ้นดื่ม  หลังจากนั้นรู้สึกง่วงนอนและหลับไปโดยไม่รู้สึกตัว  เมื่อเครื่องบินลงจอดและเปิดประตูให้ผู้โดยสารลงโทนี่ไม่รู้สึกตัว

สุขสมจึงประคองโทนี่เดินลงจากเครื่องบินพาไปนั่งที่พักผู้โดยสาร  สุขสมได้ถอดแหวนและนาฬิกาของโทนี่แล้วหลบหนีไป  ต่อมาโทนี่และสุขสมกลับมาประเทศไทย  โทนี่ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับสุขสม  ดังนี้  ศาลไทยมีอำนาจลงโทษสุขสมหรือไม่ เพราะเหตุใด

(ประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา  339  บัญญัติว่า  ผู้ใดลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย  หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย  เพื่อ(1)  ให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือพาทรัพย์นั้นไป  ผู้นั้นกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์)

ธงคำตอบ

มาตรา  4  วรรคสอง  การกระทำความผิดในเรือไทยหรืออากาศยานไทย  ไม่ว่าจะอยู่  ณ  ที่ใด  ให้ถือว่ากระทำความผิดในราชอาณาจักร

มาตรา  8  ผู้ใดกระทำความผิดนอกราชอาณาจักร  และ

(ก)  ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนไทย  และรัฐบาลแห่งประเทศที่ความผิดได้เกิดขึ้น  หรือผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษหรือ

ถ้าความผิดนั้นเป็นความผิดดังระบุไว้ต่อไปนี้  จะต้องรับโทษภายในราชอาณาจักร  คือ

(9) ความผิดฐานกรรโชก  รีดเอาทรัพย์  และปล้นทรัพย์  ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา  337  ถึงมาตรา  340

วินิจฉัย

สุขสมคนไทยลอบนำยานอนหลับใส่ในแก้วน้ำของโทนี่คนอังกฤษต้องการให้โทนี่หลับเพื่อให้ความสะดวกแก่สุขสมที่จะเอาทรัพย์ของโทนี่ไป  การกระทำของสุขสมเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์  ตามมาตรา  339  ที่บัญญัติว่า  ผู้ใดลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย  หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย  เพื่อ  (1)  ให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือพอทรัพย์นั้นไป  ผู้นั้นกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ 

ตามปัญหา  สุขสมลอบนำยานอนหลับใส่ลงในแก้วน้ำของโทนี่  เมื่อโทนี่ดื่มน้ำแล้วเป็นเหตุให้โทนี่อยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้  การกระทำของสุขสมเป็นการใช้กำลังประทุษร้าย  และสุขสมได้เอาทรัพย์สินของโทนี่  การกระทำของสุขสมเป็นการลักทรัพย์  เมื่อประกอบกันจึงเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์  ความผิดฐานชิงทรัพย์ประกอบด้วยกรรมหลายกรรม  คือ 

(1) ลักทรัพย์

(2) การใช้กำลังประทุษร้ายหรือข่มขู่ว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย

การกระทำกรรมใดกรรมหนึ่งลงไปก็ถือได้ว่าลงมือกระทำความผิดแล้ว  เช่น  ใช้กำลังประทุษร้ายแล้วแม้จะไม่ทันได้ลักทรัพย์ก็ถือว่าลงมือกระทำความผิดแล้ว  กรณีการกระทำความผิดในเรือหรืออากาศยานไทยไม่ว่าจะอยู่  ณ  ที่ใด  ให้ถือว่ากระทำความผิดในราชอาณาจักร  ตามมาตรา  4  วรรคสอง  ดังนั้น  ถึงแม้ว่าการกระทำส่วนใดส่วนหนึ่งของความผิดเกิดขึ้นในอากาศยานไทยก็เป็นการกระทำความผิดในราชอาณาจักรแล้ว  ตามปัญหา  การใช้กำลังประทุษร้ายของสุขสมเกิดขึ้นในเครื่องของบริษัท  การบินไทย  จึงถือว่าสุขสมกระทำความผิดในราชอาณาจักร  ศาลไทยมีอำนาจลงโทษผู้กระทำความผิดได้  หลังจากโทนี่หลับโดยไม่รู้สึกตัวสุขสมได้ประคองโทนี่ลงจากเครื่องบินรู้สึกตัวสุขสมได้ประคองโทนี่ลงจากเครื่องบินพาไปนั่งที่พักคนโดยสารแล้วสุขสมได้ลักทรัพย์ของโทนี่  ซึ่งเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร  สุขสมคนไทยเป็นผู้กระทำความผิดและความผิดดังกล่าวบัญญัติไว้ในมาตรา  8(9)  เมื่อโทนี่ร้องขอศาลไทยมีอำนาจลงโทษได้

สรุป  ศาลไทยมีอำนาจลงโทษได้  เพราะความผิดเกิดขึ้นในอากาศยานไทยจึงถือว่ากระทำความผิดในราชอาณาจักรตามมาตรา  4  วรรคสอง  หรือถ้าโทนี่ร้องขอศาลไทยมีอำนาจลงโทษได้ตามมาตรา  8(9)

 

ข้อ  2  นักรบไม่พอใจเก่งกาจจึงเดินเข้าไปหาเก่งกาจแล้วพูดจาด่าว่าด้วยถ้อยคำหยาบคายต่างๆนาๆ  เป็นเวลานานจนเก่งกาจโกรธ  นักรบเห็นเก่งกาจโกรธและเดินเข้ามาหานักรบ  นักรบจึงวิ่งหนี  เก่งกาจวิ่งไล่ตามเพื่อทำร้ายนักรบ  เก่งกาจวิ่งไล่ตามไปได้ประมาณ  300  เมตรจึงทันนักรบ  เก่งกาจใช้มีดพับยาว  3  นิ้วแทงไปที่นักรบ  ก่อนมีดถูกนักรบ  นักรบต่อยสวนถูกปากเก่งกาจฟันหักสองซี่

ดังนี้  เก่งกาจและนักรบต้องรับผิดทางอาญาอย่างไรหรือไม่

ธงคำตอบ

มาตรา  59  วรรคหนึ่ง  บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา  เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาทในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท  หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิด  แม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา

มาตรา  59  วรรคสอง  กระทำโดยเจตนา  ได้แก่  กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำ  และในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น

มาตรา  68  ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตน หรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย  และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง  ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุการกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย  ผู้นั้นไม่มีความผิด

มาตรา  72  ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม  จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น  ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้

วินิจฉัย

เก่งกาจถูกนักรบพูดจาด่าว่าด้วยถ้อยคำหยาบคายต่างๆนาๆ  จนเก่งกาจโกรธ  นักรบเห็นเก่งกาจโกรธและเดินเข้ามาหานักรบ  นักรบจึงวิ่งหนี  เก่งกาจวิ่งไล่ตามเมื่อทันนักรบ  เก่งกาจใช้มีดพับยาว  3  นิ้วแทงนักรบ  เก่งกาจลงมือกระทำต่อนักรบและได้กระทำโดยเจตนา  ตามมาตรา  59  วรรคสอง  และเก่งกาจต้องรับผิดทางอาญา  เพราะได้กระทำโดยเจตนาตามมาตรา  59  วรรคหนึ่ง  แต่เก่งกาจถูกนักรบพูดจาด้วยถ้อยคำหยาบคายต่างๆนาๆ  เป็นเวลานานจึงเป็นการข่มเหงเก่งกาจอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจนเก่งกาจโกรธได้วิ่งไล่ตามไปทันกันระยะ  300  เมตร  ซึ่งเก่งกาจยังโกรธอยู่  เก่งกาจใช้มีดพับยาว  3  นิ้ว  แทงนักรบ  เป็นการกระทำผิดต่อผู้มาข่มเหงไปในขณะนั้น  เก่งกาจได้กระทำต่อนักรบขณะบันดาลโทสะเก่งกาจมีความรับผิดแต่รับโทษน้อยลงตามมาตรา  72 

นักรบต่อยเก่งกาจขณะเก่งกาจแทงมาที่ตน  นักรบลงมือกระทำต่อเก่งกาจและได้กระทำโดยเจตนาตามมาตรา  59  วรรคสองและต้องรับผิดทางอาญาตามมาตรา  59  วรรคหนึ่ง  แม้ว่าการกระทำของเก่งกาจจะเป็นภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายอันใกล้จะถึง  นักรบกระทำไปพอสมควรแก่เหตุก็ตาม  แต่นักรบอ้างกระทำการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา  68  ไม่ได้  เพราะนักรบมีส่วนร่วมกระทำความผิดในการก่อให้เกิดภยันตรายด้วย

สรุป  เก่งกาจเจตนากระทำต่อนักรบต้องรับผิดทางอาญา  แต่รับโทษน้อยลงเพราะกระทำขณะบันดาลโทสะ  ส่วนนักรบต้องรับผิดทางอาญาเพราะได้กระทำต่อเก่งกาจโดนเจตนาและอ้างว่ากระทำการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายไม่ได้

 

ข้อ  3  ยอดยิ่งถือกระป๋องของเหลวไวไฟขึ้นไปหาส่องแสงบนบ้านของส่องแสง  แล้วเทของเหลวไวไฟราดส่องแสงตั้งแต่ศีรษะลงมาถึงพื้นห้องที่ส่องแสงนั่งอยู่  และของเหลวไวไฟยังกระเด็นไปถูกเฉิดโฉมซึ่งอยู่บริเวณนั้นด้วย  ยอดยิ่งใช้ไฟแช็คจุดไฟที่ต้นคอของส่องแสงเกิดไฟลุกไหม้ตามตัวส่องแสงและลุกไหม้กระดาน  เฉิดโฉมเข้าไปห้ามยอดยิ่งถูกไฟไหม้ได้รับบาดเจ็บ

ดังนี้  ยอดยิ่งต้องรับผิดทางอาญาอย่างไรหรือไม่

ธงคำตอบ

มาตรา  59  วรรคหนึ่ง  บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา  เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาทในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท  หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิด  แม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา

มาตรา  59  วรรคสอง  กระทำโดยเจตนา  ได้แก่  กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำ  และในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น

มาตรา  60  ผู้ใดเจตนาที่จะกระทำต่อบุคคลหนึ่ง  แต่ผลของการกระทำเกิดแก่อีกบุคคลหนึ่งโดยพลาดไป  ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำโดยเจตนาแก่บุคคลซึ่งได้รับผลร้ายจากการกระทำนั้น

มาตรา  80  ผู้ใดลงมือกระทำความผิดแต่กระทำไปไม่ตลอด  หรือกระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล  ผู้นั้นพยายามกระทำความผิด

ผู้ใดพยายามกระทำความผิด  ผู้นั้นต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น

วินิจฉัย

ยอดยิ่งลงมือกระทำต่อส่องแสงโดยรู้สำนึกถึงในการที่กระทำคือ  ยอดยิ่งถือกระป๋องของเหลวไวไฟขึ้นไปหาส่องแสง  แล้วเทของเหลวไวไฟราดส่องแสงตั้งแต่ศีรษะลงมาถึงพื้นห้องที่ส่องแสงนั่งอยู่  จากนั้นก็ใช้ไฟแช็คจุดไฟที่ต้นคอของส่องแสงเกิดไฟลุกไหม้ตามตัวของส่องแสง  และขณะเดียวกันก็กระทำไปโดยประสงค์ต่อผล  คือ  ความตายของส่องแสง  ยอดยิ่งกระทำต่อส่องแสงโดยเจตนาตามมาตรา 59  วรรคสอง  ต้องรับผิดทางอาญาตามมาตรา  59  วรรคหนึ่ง  แต่การกระทำไม่บรรลุผล  ยอดยิ่งพยายามกระทำความผิดตามมาตรา  80 ส่วนผลของการกระทำไปเกิดกับเฉิดโฉมเป็นผลซึ่งเกิดจากการกระทำโดยพลาดไป  (เพราะยอดยิ่งเจตนากระทำต่อส่องแสงแต่ผลของการกระทำเกิดแก่เฉิดโฉมคือของเหลวไวไฟกระเด็นไปถูกเฉิดโฉมและเมื่อเฉิดโฉมเข้าไปห้ามยอดยิ่งจึงถูกไฟไหม้ได้รับบาดเจ็บ)  ให้ถือว่ายอดยิ่งเจตนากระทำต่อเฉิดโฉมตามมาตรา  60  ยอดยิ่งต้องรับผิดทางอาญาต่อเฉิดโฉม  ตามมาตรา  59  วรรคหนึ่ง  ส่วนกรณีไฟลุกไหม้ห้องด้วยนั้นเกิดจากการกระทำของยอดยิ่งโดยย่อมเล็งเห็นว่าผลจะเกิดขึ้นเช่นนั้นแน่นอน  ยอดยิ่งได้กระทำโดยเจตนาให้เกิดเพลิงไหม้ให้ทรัพย์เสียหาย  ยอดยิ่งต้องรับผิดทางอาญาตามมาตรา  59  วรรคหนึ่ง  วรรคสอง

สรุป  ยอดยิ่งต้องรับผิดเพราะ  ยอดยิ่งเจตนากระทำต่อส่องแสง  และเจตนากระทำต่อเฉิดโฉมโดยพลาดไป  และยอดยิ่งเจตนาให้เกิดเพลิงไหม้ด้วย

 

ข้อ  4  ชัดเจน  วันรวย  และแมน  เดินไปตามถนนที่มีน้ำฝนขัง  สมพลขับรถยนต์ผ่านมาล้อรถยนต์สมพลขับมาทับน้ำฝนกระเซ็นไปถูกชัดเจน  สมพลหยุดรถไขกระจกลงพร้อมกับกล่าวขอโทษชัดเจน  ชัดเจนด่าสมพลและร้องบอกวันรวยและแมนว่าเอามันให้ตาย  วันรวยใช้ไม้ตีสมพลและแมนใช้มีดแทงสมพล  สมพลถูกตีและถูกแทงถึงแก่ความตาย  โดยชัดเจนไม่ได้เข้าร่วมในการทำร้ายด้วย  ดังนี้  ชัดเจน  วันรวย  และแมนต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร  หรือไม่

ธงคำตอบ

มาตรา  83  ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป  ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ  ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น

มาตรา  84  ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ว่าด้วยการใช้  บังคับ  ขู่เข็ญ  จ้าง  วานหรือยุยงส่งเสริม  หรือด้วยวิธีอื่นใด  ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด

ถ้าผู้ถูกใช้ได้กระทำความผิดนั้น  ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ  ถ้าความผิดมิได้กระทำลงไม่ว่าจะเป็นเพราะผู้ถูกใช้ไม่ยอมกระทำ  ยังไม่ได้กระทำหรือเหตุอื่นใด  ผู้ใช้ต้องระวางโทษเพียงหนึ่งในสามของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น

วินิจฉัย

ชัดเจนร้องบอกวันรวยและแมนว่าเอามันให้ตาย  ชัดเจนได้ก่อให้วันรวยและแมนกระทำความผิด  วันรวยและแมนได้เข้าทำร้ายสมพล  ชัดเจนรับผิดฐานเป็นผู้ใช้และต้องรับโทษเสมือนตัวการ  ตามมาตรา  84  แม้ชัดเจนจะอยู่ในที่เกิดเหตุ  แต่ชัดเจนไม่ได้เข้าร่วมในการทำร้ายด้วยจึงไม่ถือว่าชัดเจนเป็นตัวการตามมาตรา  83 

วันรวยและแมนเป็นตัวการในการกระทำความผิดเพราะได้ร่วมกระทำส่วนใดส่วนหนึ่งของการกระทำทั้งหมดที่รวมกันเป็นความผิดขึ้น  วันรวยและแมนได้ร่วมกันกระทำความผิดต้องรับผิดฐานเป็นตัวการตามมาตรา  89

สรุป  วันรวยและแมน  รับผิดฐานตัวการ  ส่วนชัดเจนรับผิดฐานเป็นผู้ใช้และต้องรับโทษเสมือนตัวการ

Advertisement