การสอบไล่ภาค  1  ปีการศึกษา  2549

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW2002 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยหนี้

Advertisement

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  4  ข้อ  ข้อละ  25  คะแนน

ข้อ  1  นริศให้นรินทร์กู้เงินหนึ่งล้านบาท  มีกำหนดเวลาชำระคืนภายในสามปี  โดยมีนเรศเป็นผู้ค้ำประกันหลังจากกู้ไปได้หนึ่งปี  นรินทร์กลายเป็นผู้ไม่อยู่  นริศจึงเรียกและบังคับให้นเรศชำระหนี้  นเรศต่อสู้ว่าหนี้ยังไม่ถึงกำหนดชำระ  นริศจะเรียกบังคับชำระหนี้ไม่ได้  ข้อต่อสู้ของนเรศฟังขึ้นหรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  203  วรรคสอง  ถ้าได้กำหนดเวลาไว้  แต่หากกรณีเป็นที่สงสัย  ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเจ้าหนี้จะเรียกให้ชำระหนี้ก่อนถึงเวลานั้นหาได้ไม่  แต่ฝ่ายลูกหนี้จะชำระหนี้ก่อนกำหนดนั้นก็ได้

วินิจฉัย

ตามสัญญากู้เป็นหนี้มีกำหนดเวลาชำระ  เมื่อลูกหนี้ไปเสียจากภูมิลำเนา  ไม่มีใครรู้ว่าอยู่หรือตายแล้ว  ข้อสันนิษฐานตามมาตรา  203 วรรคสอง  จึงเป็นอันตกไป  เจ้าหนี้ฟ้องผู้ค้ำประกันได้

สรุป  ข้อต่อสู้ของนเรศฟังไม่ขึ้น

 

 

ข้อ  2  ดำมีหน้าที่ขับรถส่งของให้แดงนายจ้าง  ขณะที่ส่งของ  ดำขับรถชนรถของขาวโดยประมาท  ดำเกรงว่าแดงนายจ้างจะทราบ  จึงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับขาวว่า  จะชำระค่าซ่อมรถให้ขาวทั้งหมดหนึ่งหมื่นห้าพันบาท  แต่ดำผิดสัญญา  บริษัทตาปีประกันภัยซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยรถของขาว  นำรถของขาวเข้าซ่อมเสร็จแล้ว  แต่ยังไม่ได้ชำระค่าซ่อมให้อู่ซ่อม  ขาวจะเรียกบังคับให้ดำชำระหนี้หนึ่งหมื่นห้าพันบาทตามสัญญาได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  227  เมื่อเจ้าหนี้ได้รับค่าสินไหมทดแทนความเสียหายเต็มตามราคาทรัพย์หรือสิทธิซึ่งเป็นวัตถุแห่งหนี้นั้นแล้ว  ท่านว่าลูกหนี้ย่อมเข้าสู่ฐานะเป็นผู้รับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้  อันเกี่ยวกับทรัพย์หรือสิทธินั้นๆด้วยอำนาจกฎหมาย

วินิจฉัย

บริษัทผู้รับประกันภัยได้ซ่อมรถให้ขาวตามสัญญาประกันภัยแล้ว  บริษัทฯย่อมรับช่วงสิทธิของขาวที่จะเรียกเอาจากดำไปแล้ว  ตามมาตรา 227

ดังนั้น  ขาวจึงสิ้นสิทธิที่จะเรียกเอาจากดำ

 

 

ข้อ  3  หนึ่งเป็นเจ้าหนี้  และสองเป็นลูกหนี้ในหนี้เงิน  200,000  บาท  โดยมีสามและสี่เป็นผู้ค้ำประกันในหนี้รายดังกล่าวนี้  ปรากฏว่าสามเพียงผู้เดียวในฐานะผู้ค้ำประกันได้ชำระหนี้ทั้งหมดแทนสองลูกหนี้ไป  ดังนี้ให้ท่านวินิจฉัยว่าสามจะมีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากสี่ได้หรือไม่  เพียงใด  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  229  การรับช่วงสิทธิย่อมมีขึ้นด้วยอำนาจกฎหมาย  และย่อมสำเร็จเป็นประโยชน์แก่บุคคลดังจะกล่าวต่อไปนี้คือ

(3) บุคคลผู้มีความผูกพันร่วมกับผู้อื่น  หรือเพื่อผู้อื่นในอันจะต้องใช้หนี้  มีส่วนได้เสียด้วยในการใช้หนี้นั้น  และเข้าใช้หนี้นั้น

มาตรา  296  ในระหว่างลูกหนี้ร่วมกันทั้งหลายนั้น  ท่านว่าต่างคนต่างต้องรับผิดเป็นส่วนท่าๆกัน  เว้นแต่จะได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น  ถ้าส่วนที่ลูกหนี้ร่วมกันคนใดคนหนึ่งจะพึงชำระนั้น  เป็นอันจะเรียกเอาจากคนนั้นไม่ได้ไซร้  ยังขาดจำนวนอยู่เท่าไร  ลูกหนี้คนอื่นๆ  ซึ่งจำต้องออกส่วนด้วยนั้นก็ต้องรับใช้  แต่ถ้าลูกหนี้ร่วมกันคนใด  เจ้าหนี้ได้ปลดให้หลุดพ้นจากหนี้อันร่วมกันนั้นแล้ว  ส่วนที่ลูกหนี้คนนั้นจะพึงต้องชำระหนี้ก็ตกเป็นพับแก่เจ้าหนี้ไป

มาตรา  682  วรรคสอง  ถ้าบุคคลหลายคนยอมตนเข้าเป็นผู้ค้ำประกันในหนี้รายเดียวกันไซร้  ท่านว่าผู้ค้ำประกันเหล่านั้นมีความรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมกัน  แม้ถึงว่าจะมิได้เข้ารับค้ำประกันรวมกัน

วินิจฉัย

สามและสี่เป็นผู้ค้ำประกันในหนี้รายเดียวกัน  จึงต้องรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมกัน  ตามมาตรา  682  วรรคสอง  เมื่อสามคนเดียวชำระหนี้ทั้งหมดให้เจ้าหนี้แทนสองลูกหนี้  สามจึงไล่เบี้ยเอาจากสี่ได้กึ่งหนึ่ง  คือ  100,000  บาท  ตามมาตรา  229(3)  และมาตรา  296 

 

 

ข้อ  4  จันทร์เป็นเจ้าหนี้อังคาร  100,000  บาท  ต่อมาจันทร์ได้ทำหนังสือโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้ดังกล่าวนี้ให้แก่พุธ  และพุธได้มีหนังสือบอกกล่าวการโอนให้อังคารทราบ  แต่ปรากฏว่าก่อนที่จะได้รับหนังสือบอกกล่าวการโอนนั้น  อังคารได้ชำระหนี้ทั้งหมดให้แก่จันทร์ไปแล้ว ดังนี้ให้วินิจฉัยว่าอังคารจะต้องชำระหนี้ให้พุธอีกหรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  306  วรรคสอง  ถ้าลูกหนี้ทำให้พอแก่ใจผู้โอนด้วยการใช้เงิน  หือด้วยประการอื่นเสียแต่ก่อนได้รับบอกกล่าว  หรือก่อนได้ตกลงให้โอนไซร้  ลูกหนี้นั้นก็เป็นอันหลุดพ้นจากหนี้

วินิจฉัย

เป็นเรื่องที่ลูกหนี้ทำให้พอใจแก่ผู้โอน  (เจ้าหนี้)  ด้วยการใช้เงินเสียแต่ก่อนได้รับคำบอกกล่าวการโอน  หนี้จึงเป็นอันระงับ  ลูกหนี้จึงเป็นอันหลุดพ้นจากหนี้  ดังนั้น  อังคารลูกหนี้จึงไม่ต้องชำระหนี้ให้พุธอีก  ตามมาตรา  306  วรรคสอง

Advertisement