การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2558

ข้อสอบกระบวนวิชา POL 3328 การวางแผนทรัพยากรมนุษย์ในภาครัฐ

Advertisement

คําแนะนํา ข้อสอบเป็นอัตนัยจํานวน 2 ข้อ ให้นักศึกษาทําทุกข้อ

ข้อ 1 ข้อสอบข้อที่ 1. นี้ เป็นของ รศ.ชลิดา ศรมณี

ให้นักศึกษาอธิบายเรื่อง “การวางแผนพัฒนามนุษย์ในชาติ” ว่าจะต้องพัฒนามนุษย์ทางด้านใดบ้าง ทั้งนี้เพื่อจะส่งผลถึงการพัฒนาชาติและส่งผลให้มนุษย์อยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันในชาติ

แนวคําตอบ (เอกสารหมายเลข 1-3328-2 หน้า 5 – 10, 45 – 46), (คําบรรยาย)

การวางแผนพัฒนามนุษย์ในชาติ

การพัฒนาที่เน้นคนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา ซึ่งมองว่าเมื่อมีการพัฒนาที่ตัวคนแล้วก็จะ ทําให้เกิดการพัฒนาในด้านอื่น ๆ ตามมาด้วย ทั้งนี้จะดูแลและพัฒนาคนในทุกเรื่องไปพร้อม ๆ กัน ทั้งการศึกษาและ สุขภาพอนามัย การพัฒนาประเทศชาติให้เจริญได้นั้นต้องเน้นคนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา เพราะจะให้คนที่ มีความรู้ความสามารถก่อนแล้วถึงจะไปพัฒนาด้านอื่น ๆ ได้ ฉะนั้นเวลาเราจะพัฒนาคนก็จะต้องพัฒนาทุกด้าน ของคนทั้งกาย สติปัญญา สังคม อารมณ์ จริยธรรมและศาสนาก่อน คนที่ได้รับการพัฒนาหมดทุกด้านดังกล่าวแล้ว ก็สามารถนําเอาความรู้ความสามารถมาพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ดูแลครอบครัว ชุมชน สังคม การเมืองทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และพอทุกอย่างเจริญก้าวหน้าแล้วก็จะส่งผลกลับมาที่คน ทําให้คนในประเทศมีคุณภาพชีวิตที่ดี และอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน

การพัฒนาที่ยั่งยืนจะต้องเริ่มจากการพัฒนาคนก่อน ซึ่งมีความสําคัญที่จะต้องพัฒนาคนเป็น 2 ด้าน คือ

1 พัฒนาคนให้มีคุณสมบัติที่จะเป็นแกนนําในการพัฒนาและบูรณาการให้เกิดความสมดุล อย่างถูกทาง และเป็นการอํานวยประโยชน์แก่สังคมได้ เช่น พัฒนาคนให้มีสุขภาพดีมีความรับผิดชอบ มีความรู้ ความสามารถ ขยันขันแข็ง มีระเบียบวินัย เป็นต้น

2 พัฒนาคนเพื่อประโยชน์สุขแก่ตัวมนุษย์เองทุกคน เช่น พัฒนาคนในเรื่องของคุณค่า ความเป็นคน พัฒนาคนให้มีความสุข มีพัฒนาการด้านจิตใจและสติปัญญา มีชีวิตที่ดีงามสมบูรณ์ เป็นต้น

การพัฒนาที่เน้นคนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา เพื่อให้เกิดความสมดุลของระบบและนําไปสู่ การพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป อย่างในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 ได้เน้นที่การพัฒนาคน เพื่อก้าวไปสู่วิสัยทัศน์การพัฒนาที่พึงประสงค์ในระยะยาว ซึ่งวัตถุประสงค์ของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8 จะเน้น การพัฒนาที่ตัวคนทั้งสิ้น ดังนี้

1 เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของคนทั้งในด้านร่างกาย จิตใจ และสติปัญญาให้มีสุขภาพอนามัย แข็งแรง มีความรู้ความสามารถและทักษะในการประกอบอาชีพ และสามารถปรับตัวให้ทันต่อกระแสการเปลี่ยนแปลง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการปกครอง

2 เพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อมของสังคมให้มีความมั่นคง และเสริมสร้างความเข้มแข็งของ ครอบครัวและชุมชน ให้สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพและคุณภาพชีวิตของคน รวมทั้งให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการ พัฒนาประเทศมากยิ่งขึ้น

3 เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้เจริญเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ มั่นคง และสมดุล เสริมสร้างโอกาสการพัฒนาศักยภาพของคนในการมีส่วนร่วมในกระบวนการการพัฒนาและได้รับผลจากการพัฒนาที่ เป็นธรรม

4 เพื่อให้มีการใช้ประโยชน์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้มีความ สมบูรณ์ สามารถจะสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตได้อย่างยั่งยืน

5 เพื่อปรับระบบบริหารจัดการ เปิดโอกาสให้องค์กรพัฒนาเอกชน ภาคเอกชน ชุมชน และประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาประเทศมากขึ้น

ดังนั้น การวางแผนพัฒนาประเทศซึ่งมีความสําคัญต่อคนและประเทศควรยึดหลักการปฏิบัติตาม ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และขับเคลื่อนให้บังเกิดผลในทางปฏิบัติที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในทุกภาคส่วนทุกระดับ ยึดแนวคิดการพัฒนาแบบบูรณาการเป็นองค์รวมที่มีคนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา มีการเชื่อมโยงทุกมิติของ การพัฒนาอย่างบูรณาการทั้งมิติตัวคน สังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และการเมือง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้พร้อม เผชิญการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั้งในระดับปัจเจก ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ ขณะเดียวกันก็ให้ ความสําคัญกับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคมในกระบวนการพัฒนาประเทศ เพื่อนําไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน และความอยู่ดีมีสุขของคนไทย

 

ข้อ 2 ข้อสอบข้อที่ 2 นี้ เป็นของ ผศ.ดร.ปรัชญา ชุ่มนาเสียว

คําแนะนํา ทําให้ครบทุกข้อ

2.1 อธิบายคําว่า “Knowledge Worker” ว่าคืออะไร และยกตัวอย่างประกอบ

แนวคําตอบ (คําบรรยาย)

Knowledge Worker คือ แรงงานที่มีความรู้ ทักษะ ความสามารถ และเป็นแรงงานที่อยู่ภายใต้ กระแสโลกาภิวัตน์ได้ ซึ่งเป็นแรงงานที่หน่วยงานมีความต้องการมากที่สุด โดยคุณสมบัติของ Knowledge Worker ประกอบด้วย เก่งคิด (Thinking), ขยันเขียน (Writing), ขยันอ่าน (Reading), ขยันพูด (Speaking), ขยันฟัง (Listening) และขยันปฏิบัติ (Doing) ตัวอย่างเช่น แรงงานที่นอกจากจะจบการศึกษาระดับปริญญาตรีแล้วยังต้องมีความรู้ ความสามารถที่เก่งภาษาอังกฤษอีกด้วย เป็นต้น

2.2 อธิบายคําว่า “อุปสงค์และอุปทานแรงงาน” ว่าคืออะไร และยกตัวอย่างประกอบ

แนวคําตอบ (เอกสารหมายเลข n-3328-2 หน้า 4 – 5)

อุปสงค์และอุปทานแรงงาน

อุปสงค์แรงงาน คือ ความต้องการด้านแรงงาน ส่วนอุปทาน คือ การตอบสนองต่อความต้องการ ด้านแรงงาน ซึ่งถ้าอุปสงค์มีมากกว่าอุปทานก็แสดงว่ามีการขาดแคลนเกิดขึ้น แต่ถ้าหากอุปทานมีมากกว่าอุปสงค์ ก็แสดงว่ามีการเกินความต้องการเกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น

– ถ้าอุปสงค์แรงงานในสาขาการแพทย์ คือ 6,500 คน และอุปทานคือ 6,000 คน แสดงว่าขาดแพทย์ที่ต้องการอีก 500 คน

– ถ้าอุปสงค์แรงงานในด้านครู คือ 40,000 คน และอุปทาน คือ 90,000 คน แสดงว่ามีครูเกินความต้องการอยู่ 50,000 คน

 

2.3 การลงทุนด้านการศึกษา และการลงทุนด้านสุขภาพอนามัย มีความสัมพันธ์กันอย่างไรบ้าง และจะส่งผลต่อการวางแผนทรัพยากรมนุษย์ในองค์การได้อย่างไร พร้อมยกตัวอย่างประกอบ มาให้เข้าใจ

แนวคําตอบ (เอกสารหมายเลข 7-3328-1 หน้า 3, 17 – 20, 24), (คําบรรยาย)

สภาพปัญหาของทรัพยากรมนุษย์

การพัฒนาประเทศตลอดระยะเวลา 30 กว่าปีที่ผ่านมานั้น ได้ถูกครอบงําด้วยกระแสหลักของ กระบวนการพัฒนาตามประเทศทุนนิยมตะวันตกที่มุ่งเน้นความสําคัญของภาคเศรษฐกิจเป็นหลัก และให้ความสําคัญของมนุษย์เป็นเพียงแค่เครื่องมือหรือเน้นคนเป็นเพียงปัจจัยการผลิตเท่านั้น จึงทําให้เกิดปัญหามากมายที่มาพร้อมกับ กระบวนการพัฒนาที่ขาดสมดุลระหว่างระบบต่าง ๆ ในสังคมไม่ว่าจะเป็นปัญหากระจายรายได้ ปัญหาความยากจน ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสียหาย ปัญหาความไม่เป็นธรรมในสังคม ปัญหาความล่มสลายของ ชุมชนชนบท ปัญหาความอ่อนล้าของคุณธรรมจริยธรรมและวัฒนธรรม ปัญหาความไม่มั่นใจในระบบการเมือง การปกครอง การบริหารที่เป็นอยู่ ฯลฯ ดังคํากล่าวที่ว่า เศรษฐกิจดี สังคมมีปัญหา การพัฒนาไม่ยั่งยืน

เมื่อผลของการพัฒนาเป็นเช่นนี้ก็ได้มีการทบทวนกระบวนการพัฒนาจากเดิมที่เน้นภาคเศรษฐกิจ เป็นศูนย์กลางของการพัฒนา มาเป็นการพัฒนาที่เน้นคนเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้เกิดความสมดุลของระบบ และนําไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป

การลงทุนด้านการศึกษา

การศึกษาในฐานะกลไกพื้นฐานของการพัฒนาคนจึงเป็นสิ่งที่สังคมหวังพึ่งพาให้เป็นเครื่องมือ เตรียมคนและสังคมให้พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ผลของการศึกษา ที่ผ่านมาของประเทศไทยมักจะถูกผลักให้มองคนเป็นเพียงทรัพยากรมนุษย์มากกว่าที่จะมองคนเป็นคนที่มีเกียรติ ศักดิ์ศรี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของตนเอง การศึกษาจึงเอนเอียงไปในการทําคนให้เป็นเพียงปัจจัยการผลิตที่มี คุณค่ามากกว่าจะเคารพในคุณค่าของความเป็นคน การศึกษาที่ผ่านมาจึงมิได้ส่งเสริมให้คนรอบรู้และเข้าใจชีวิตและ เป็นคนที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง หรืออาจกล่าวได้ว่า การศึกษาที่ผ่านมาให้ความสําคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resources Development) มากกว่าการพัฒนามนุษย์ (Human Development)

การศึกษาจะมีบทบาทสําคัญยิ่งต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะสังคมไทยในช่วงที่ ผ่านมาดูเหมือนว่ามีคนเก่งมากมายที่ช่วยกันทําให้เกิดความเจริญทุกด้าน แต่คนในสังคมมีความบกพร่องทางศีลธรรม

เพิ่มมากขึ้นทั้งคนเก่งและคนไม่เก่ง จึงก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาอย่างมากมายในทุกองค์กร ดังนั้นการศึกษาจึงไม่ควรทุ่มเทด้านความเก่ง (Manpower) เพียงเพื่อจะเพิ่มมูลค่าภายนอกของมนุษย์ (Economic Value Added)เท่านั้น แต่ต้องให้ความสนใจต่อความเป็นคนดี (Manhood) และการเพิ่มมูลค่าภายในของมนุษย์ (Social Value Added) ด้วย ถ้าการศึกษาได้สร้างทรัพยากรมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งสองด้านย่อมจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาการขาดดุล ทางปัญญาและดุลทางเศรษฐกิจ และจะได้มีเวลามาพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมต่อไป ดังนั้นการศึกษาที่ควรจะ เป็นคือ การศึกษาที่เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง (People Oriented)

จะเห็นได้ว่าการศึกษามีบทบาทสําคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศในระยะยาวที่จะช่วยสร้าง และพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยกับนานาชาติได้ โดยสิ่งที่สําคัญที่สุดที่จะต้องเร่งดําเนินการ ก็คือ การสะสมทุนมนุษย์ เพื่อนําไปสู่การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้วยการลงทุนทางด้านการศึกษาภายในประเทศให้มากขึ้น เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป

การลงทุนด้านสุขภาพอนามัย

สุขภาพอนามัยมีความสําคัญเป็นอย่างยิ่ง ดังคํากล่าวที่ว่า จิตใจที่มั่นคงจะอยู่ในร่างกายที่แข็งแรง (A sound mind is in a sound body) หรือคํากล่าวในพุทธสุภาษิตที่ว่า อโรคยา ปรมาลาภา ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ กล่าวคือ ใครก็ตามที่เป็นผู้ที่มีสุขภาพอนามัยที่ดี ร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคภัย ก็จะสามารถ ทํากิจกรรมใด ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น จะศึกษาเล่าเรียนก็จะศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะทํางานก็ทําได้ดี ซึ่งผู้ที่มีการศึกษาดีกว่ามักจะมีแนวโน้มที่จะสนใจรักษาสุขภาพอนามัยมากกว่าผู้ที่มีการศึกษาด้อยกว่า

ดังนั้นจึงมักจะถือว่าการลงทุนด้านการศึกษาและการลงทุนด้านสุขภาพอนามัยเป็นการลงทุนร่วม (Joint Investment) คือจะเป็นการลงทุนที่สามารถเอื้อประโยชน์เกื้อกูลซึ่งกันและกันได้

ประชาคมอาเซียนกับทรัพยากรมนุษย์

การก้าวหน้าไปสู่ประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็งได้นั้นปัจจัยสําคัญที่สุดก็คือ ทรัพยากรมนุษย์ซึ่งควรที่จะมีความรู้และศักยภาพเท่าเทียมกันมากขึ้น และเกื้อหนุนซึ่งกันและกันในภูมิภาค ประโยชน์ของการเป็นประชาคมอาเซียนก็คือ การได้แรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านมาทดแทนศักยภาพแรงงาน และจัดระบบการรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงานระหว่างประเทศ

ประเทศไทยจําเป็นต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วนในการก่อให้เกิดความร่วมมือแบบหุ้นส่วนผลิตภาพ (Productivity) ของกําลังแรงงานทั้งในระดับแรงงานฝีมือ

การไหลเวียนของกําลังแรงงานข้ามพรมแดนระหว่างกันและกันในภูมิภาค ยึดหลัก “คนเป็นศูนย์กลางในการพัฒนา” ส่งเสริมให้มีงานทํา มีศักยภาพสนับสนุนขีดความสามารถในการแข่งขัน มีความมั่นคง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

ผลกระทบต่อประเทศไทยเมื่อเปิดแรงงานเสรีอาเซียน ปี 2558

– การไหลบ่าของแรงงานที่จะเข้ามาแข่งขัน

– แรงงานไทยจะขาดแคลนมากยิ่งขึ้น

– เกิดการสมองไหลไปทํางานในต่างประเทศ

– ลาว กัมพูชา พม่า จีน และอินเดียจะเข้ามาประเทศไทยมากยิ่งขึ้นนี้ คนไทยต้องเตรียมตัวให้พร้อม ดังนี้

– ใช้ภาษาอังกฤษให้คล่องในการสื่อสารได้

– ต้องเรียนรู้และสื่อสารภาษาประเทศเพื่อนบ้าน

– ต้องรู้จักอาเซียนมากกว่ารู้ว่าอาเซียนคืออะไร

– ต้องรู้จักวิธีการทํามาค้าขายกับประเทศในอาเซียน

– ต้องเรียนรู้ภาษา วัฒนธรรม ประเพณี ค่านิยม ทัศนคติประเทศในอาเซียนข้อตกลงการยอมรับร่วมกันในบุคลากรวิชาชีพ ซึ่งมี 7 อาชีพที่สามารถทํางานได้เสรีใน 10 ประเทศ อาเซียน ได้แก่ วิศวกร พยาบาล สถาปนิก การสํารวจ แพทย์ ทันตแพทย์ และบัญชี

 

แรงงานไทยต้องปรับตัว ดังนี้

– การยกระดับมาตรฐานการศึกษา

– พัฒนาแนวคิดและวัฒนธรรมทางการเรียนรู้

– เน้นการลงมือทําได้จริง

– พัฒนาระบบสาธารณสุขและคุณภาพชีวิต

– พัฒนาวิสัยทัศน์และแนวคิดมุมมองให้กว้างไกลทันโลก

– ติดตามความเปลี่ยนแปลงทุกด้านของประเทศเพื่อนบ้าน และกลุ่มประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

– พัฒนาทักษะด้านภาษาต่างประเทศเพื่อการสื่อสาร

– พัฒนาแนวทางคุ้มครองแรงงานให้เป็นมาตรฐานสากล

มิติที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดการทรัพยากรมนุษย์ ควรมีการเตรียมรับมือ ดังนี้

1 ปรับเกณฑ์และเงื่อนไขในการคัดเลือกสรรหาให้พร้อมต่อการรับมือกับการเกิดขึ้นของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เช่น ตั้งเกณฑ์การคัดเลือกพนักงานใหม่ให้มีคุณลักษณะ มีสมรรถนะ (Competency) ที่พร้อมจะทํางานในสภาพแวดล้อมที่เป็นสากลด้วย และมีการพัฒนาเงื่อนไขการจ้างงานที่เอื้อต่อการจ้างงานจากนอกประเทศเข้ามาในองค์กร

2 พัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมภาคบังคับที่จะเอื้อให้พนักงานเกิดความต้องการพัฒนาทักษะที่พร้อมทํางานข้ามประเทศ

3 เตรียมนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการส่งพนักงานไปประจําที่ต่างประเทศให้พร้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงื่อนไขเกี่ยวกับประโยชน์ตอบแทน

4 สร้างเงื่อนไขในการเลื่อนตําแหน่ง โดยมีการวางเกณฑ์ของการเคยไปประจําที่ต่างประเทศหรือรับผิดชอบงานต่างประเทศเป็นเงื่อนไขหนึ่งในการรับการพิจารณา

5 สร้างความสัมพันธ์กับสถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษา เพื่อให้ข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาหลักสูตรที่จะเตรียมแรงงานทักษะให้มีความพร้อมต่อการเกิดขึ้นของ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนตั้งแต่ยังอยู่ในสถาบันการศึกษา

 

Advertisement