LAW 2009 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม S/2550

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน  ปีการศึกษา  2550

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2009 

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม ฝากทรัพย์ เก็บของในคลังสินค้า ประนีประนอมยอมความการพนันขันต่อ

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  3  ข้อ

ข้อ  1  บุญมายืมรถจักรยานยนต์ของเดชาเพื่อนบ้านเพื่อใช้ขับขี่ไปทำงานมีกำหนดหกเดือน  เมื่อบุญมารับรถจักรยานยนต์แล้ว  ก็นำไปใช้งานตามปกติและในตอนเย็นนำไปรับคนโดยสารหารายได้พิเศษ  เย็นวันหนึ่งถูกรถยนต์ของอับโชคชนท้าย  ทำให้รถจักรยานยนต์ที่ยืมมาเสียหายโยมิใช่ความผิดของบุญมาแต่อย่างใด  ดังนี้ถ้าเดชามีความจำเป็นต้องใช้รถจักรยานยนต์  เดชาจะเรียกให้บุญมาคืนรถจักรยานยนต์ก่อนครบกำหนดหกเดือนได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  640  อันว่ายืมใช้คงรูปนั้น  คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ยืม  ให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ยืม  ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่าและผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว

มาตรา  643  ทรัพย์สินที่ยืมนั้น  ถ้าผู้ยืมเอาไปใช้การอย่างอื่นนอกจากการอันเป็นปกติแก่ทรัพย์สินนั้น  หรือนอกดจากการอันปรากฏในสัญญาก็ดี  เอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอยก็ดี  เอาไปไว้นายกว่าที่ควรจะเอาไว้ก็ดี  ท่านว่าผู้ยืมจะต้องรับผิดในเหตุทรัพย์สินนั้นสูญหาย  หรือบุบสลายไปอย่างใดอย่างหนึ่ง  แม้ถึงจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรๆ  ทรัพย์สินนั้นก็คงจะต้องสูญหาย  หรือบุบสลายอยู่นั่นเอง

มาตรา  645  ในกรณีทั้งหลายดังกล่าวไว้ในมาตรา  643  นั้นก็ดี  หรือถ้าผู้ยืมประพฤติฝ่าฝืนต่อความในมาตรา  644  ก็ดี  ผู้ให้ยืมจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้

วินิจฉัย

สัญญายืมระหว่างบุญมาและเดชาเป็นสัญญายืมใช้คงรูปตามมาตรา  640  บุญมาผู้ยืมมีสิทธิครอบครองและใช้สอยรถจักรยานยนต์ตามที่ตกลงกับเดชาไว้  กล่าวคือ  เพื่อใช้ขับขี่ไปทำงานมีกำหนด  6  เดือน  เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าในตอนเย็นบุญมาผู้ยืมนำรถจักรยานยนต์ที่ยืมนั้นไปใช้รับคนโดยสารหารายได้พิเศษ  ซึ่งมิได้มีการตกลงกับเดชาผู้ให้ยืมแต่อย่างใด  จึงเป็นการนำทรัพย์สินที่ยืมไปใช้สอยนอกจากการอันปรากฏในสัญญา  และเมื่อเกิดความเสียหายขึ้น  ผู้ยืมจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย  แม้ความเสียหายดังกล่าวจะมิได้เกิดขึ้นเพราะความผิดของผู้ยืมก็ตาม  ทั้งนี้เพราะมาตรา  643  กำหนดให้ผู้ยืมต้องรับผิดในกรณีใดๆ  รวมทั้งเหตุสุดวิสัยหากได้ประพฤติผิดหน้าที่ของผู้ยืม

นอกจากนี้  ในกรณีที่ผู้ยืมประพฤติผิดหน้าที่ของตนตามมาตรา  643  กฎหมายให้สิทธิผู้ให้ยืมบอกเลิกสัญญา  และเรียกให้ผู้ยืมคืนทรัพย์สินที่ยืมก่อนครบกำหนดได้ตามมาตรา  645  ดังนั้นเดชาสามารถเรียกให้บุญมาคืนรถจักรยานยนต์ก่อนครบกำหนด  6  เดือนได้

สรุป  เดชาผู้ให้ยืมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกรถจักรยานยนต์คืนก่อนครบกำหนด  6  เดือนได้

 

ข้อ  2  นายเอกเขียนจดหมายไปหานายโทซึ่งเป็นเพื่อนกันมีใจความว่า  จะขอยืมเงินนายโทจำนวนสักสามหมื่นบาทไปทำทุน  ถ้าได้กำไร  มีเงินเหลือพอแล้วจะใช้คืนให้ในปีหน้า  ลงชื่อนายเอก  นายโทจึงฝากเงินจำนวนสามหมื่นบาทกับนายตรีเพื่อส่งมอบให้กับนายเอก  ผ่านไป  1  ปี  นายโทเห็นนายเอกเงียบเฉยไม่พูดถึงการชำระหนี้เงินที่ยืมไป  จึงเกิดความร้อนใจและขอให้ผู้ใหญ่บ้านไปทวงหนี้ให้  นายเอกจึงเขียนจดหมายฝากผู้ใหญ่บ้านมาถึงนายโทใจความในจดหมายมีดังนี้  เรียนนายโทผมไม่เคยยืมเงินคุณมาทำทุนเลย  จะชดใช้คืนให้ได้อย่างไร  ลงชื่อ  เอก

ดังนี้ให้ท่านวินิจฉัยว่า  จดหมายดังกล่าวและตัวนายตรีนั้นนายโทจะใช้เป็นพยานหลักฐานประกอบการฟ้องคดีกู้ยืมเงินตามมาตรา  653 วรรคแรกหรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  650  อันว่ายืมใช้สิ้นเปลืองนั้น  คือสัญญาซึ่งผู้ให้ยืมโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินชนิดใช้ไปสิ้นไปนั้น  เป็นปริมาณมีกำหนดให้ไปแก่ผู้ยืม  และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินเป็นประเภท  ชนิด  และปริมาณเช่นเดียวกันให้แทนทรัพย์สินซึ่งให้ยืมนั้น

สัญญานี้ย่อมบริบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ยืม

มาตรา  653  วรรคแรก  การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น  ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม  เป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ  จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่

วินิจฉัย

การกู้ยืมเงิน  เป็นสัญญายืมใช้สิ้นเปลือง  ตามมาตรา  650

มาตรา  653  วรรคแรก  บังคับว่าในกรณีที่จะฟ้องร้องบังคับคดีในเรื่องเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินจะต้องมีพยานหลักฐานประกอบการฟ้องคดี  คือ

1       หลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง  และ

2       ลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ

สำหรับหลักฐานการกู้ยืมเงินนี้  ต้องมีสาระสำคัญให้เห็นว่ามีการกู้ยืมเงินกัน  ซึ่งข้อความอันแสดงถึงการกู้ยืมไม่จำเป็นว่าจะต้องปรากฏในเอกสารฉบับเดียวกัน  อาจจะปรากฏอยู่ในเอกสารหลายๆฉบับก็ได้  เมื่อนำเอาเอกสารเหล่านั้นมาอ่านประกอบเข้าด้วยกัน  หากได้ความว่า เป็นการกู้ยืมเงินกันแล้ว  ถือว่าเอกสารเหล่านั้นเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมได้

กรณีตามอุทาหรณ์  ข้อเท็จจริงปรากฏคือ  จดหมายฉบับแรกอ่านแล้วได้ความว่านายเอกจะขอยืมเงินนายโทจำนวนสักสามหมื่น  ส่วนนายโทจะส่งมอบเงินจำนวนนั้นให้กับนายเอกหรือไม่  ไม่มีข้อความกล่าวถึง  จึงถือว่าการกู้เงินดังกล่าวไม่ได้ทำหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้กู้  และนายตรีนั้นก็เป็นพยานบุคคลไม่สามารถนำสืบว่ามีการส่งมอบเงินแล้วได้  ส่วนจดหมายฉบับที่สองนายเอกก็ไม่ได้ยอมรับว่าเป็นหนี้เงินนายโทแต่อย่างใด  ดังนั้นนายโทจะใช้จดหมายทั้งสองฉบับดังกล่าวและตัวนายตรีซึ่งเป็นพยานบุคคลเป็นพยานหลักฐานประกอบการฟ้องคดีกู้ยืมเงินตามมาตรา  653  วรรคแรกไม่ได้

สรุป  นายโทจะใช้จดหมายทั้งสองฉบับและนายตรีมาเป็นพยานหลักฐานประกอบการฟ้องคดีกู้ยืมเงินไม่ได้

 

ข้อ  3  นายแดงรับฝากรถยนต์ของนายดำไว้  โดยตกลงจะให้บำเหน็จค่าฝากกัน  เมื่อนายดำมารับรถยนต์คืน  ปรากฏว่าเบาะรถมีกลิ่นเหม็นชื้น  พรมขึ้นรา  ทั้งนี้เนื่องจากนายแดงปล่อยทิ้งให้รถตากฝน  ไม่คอยดูแลปิดกระจกรถ  ฝนสาดเข้ามาให้พรมรถชื้น  ขึ้นรา  ต้องไปให้อู่ซ่อมรถซักพรมเสียค่าใช้จ่ายไป  5,000  บาท  นายดำจึงฟ้องเรียกค่าเสียหาย  แต่นายแดงต่อสู้ว่าแม้รถของนายแดงเองก็ปล่อยทิ้งตากฝนเช่นกัน 

ดังนี้ ข้อต่อสู้ของนายแดงรับฟังได้หรือไม่  นายแดงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย  5,000  บาทต่อนายดำหรือไม่  จงอธิบาย

ธงคำตอบ

มาตรา  659  ถ้าการรับฝากทรัพย์เป็นการทำให้เปล่าไม่มีบำเหน็จไซร้  ท่านว่าผู้รับฝากจำต้องใช้ความระมัดระวังสงวนทรัพย์สินซึ่งฝากนั้นเหมือนเช่นเคยประพฤติในกิจการของตนเอง

ถ้าการรับฝากทรัพย์นั้นมีบำเหน็จค่าฝาก  ท่านว่าผู้รับฝากจำต้องใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเพื่อสงวนทรัพย์สินนั้นเหมือนเช่นวิญญูชนจะพึงประพฤติโดยพฤติการณ์ดังนั้น  ทั้งนี้ย่อมรวมทั้งการใช้ฝีมืออันพิเศษเฉพาะการในที่จะพึงใช้ฝีมือเช่นนั้นด้วย

ถ้าและผู้รับฝากเป็นผู้วิชาชีพเฉพาะกิจการค้าหรืออาชีวะอย่างหนึ่งอย่างใดก็จำต้องใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเท่าที่เป็นธรรมดาจะต้องใช้และสมควรจะต้องใช้ในกิจการค้าขายหรืออาชีวะอย่างนั้น

วินิจฉัย

ตามอุทาหรณ์  เป็นเรื่องการฝากทรัพย์ที่มีบำเหน็จค่าฝากซึ่งมาตรา  659  วรรคสองกำหนดให้ผู้รับฝากมีหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังดูแลทรัพย์สินที่รับฝากไว้เหมือนเช่นวิญญูชนพึงประพฤติปฏิบัติแต่จากข้อเท็จจริงการที่นายแดงละเลยไม่ดูแลทรัพย์กลับปล่อยรถยนต์ที่รับฝากตากฝนจนเบาะรถมีกลิ่นเหม็นชื้น  พรมในรถชื้นขึ้นรา  โดยอ้างการปฏิบัติที่เคยทำต่อรถยนต์ของตนเองเป็นข้อต่อสู้  จึงผิดหน้าที่ของผู้รับฝากทรัพย์ที่มีบำเหน็จ  ข้อต่อสู้ของนายแดงจึงฟังไม่ขึ้น  เพราะเรื่องนี้มิใช่การฝากทรัพย์ที่ไม่มีบำเหน็จ  หากจะใช้เกณฑ์ของตนเองในการปฏิบัติต่อทรัพย์ที่รับฝากนั่นย่อมหมายถึงการฝากทรัพย์ที่ไม่มีบำเหน็จตามมาตรา  659  วรรคแรก

สรุป  ข้อต่อสู้ของนายแดงฟังไม่ขึ้น  นายแดงต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่นายดำ  5,000  บาท

LAW 2009 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม 1/2551

การสอบไล่ภาค  1  ปีการศึกษา  2551

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2009 

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม ฝากทรัพย์ เก็บของในคลังสินค้า ประนีประนอมยอมความการพนันขันต่อ

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  3  ข้อ

ข้อ  1  บุญมาตั้งใจจะยืมรถยนต์ปิคอัพของบุญมีเพื่อไปใช้รับคนโดยสาร แต่ไม่ได้แจ้งให้บุญมีทราบว่าจะเอาไปใช้อย่างไร บุญมีเห็นว่าเป็นคนใกล้ชิดสนิทสนมกันก็ให้มาโดยไม่ได้ถามว่าจะเอาไปใช้อย่างไรและนานเท่าใด บุญมานำรถยนต์ที่ยืมมาไปต่อเติมหลังคากับที่นั่งสองแถวแล้วให้ชะเมาเช่ารับคนโดยสาร วันหนึ่งขณะที่ชะเมาขับหาผู้โดยสารนั้น ชมวงขี่มอเตอร์ไซค์มาชนท้ายทำให้เสียหาย      ถ้าจะซ่อมแซมให้กลับคืนสภาพเดิมจะต้องใช้เงินห้าพันบาท ดังนี้บุญมาจะต้องรับผิดต่อบุญมีชดใช้     ค่าทดแทนความเสียหายที่เกิดกับรถยนต์ที่ยืมหรือไม่ อย่างไร

ธงคำตอบ

มาตรา  640  อันว่ายืมใช้คงรูปนั้น  คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ยืม  ให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ยืม  ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่าและผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว

มาตรา  643  ทรัพย์สินที่ยืมนั้น  ถ้าผู้ยืมเอาไปใช้การอย่างอื่นนอกจากการอันเป็นปกติแก่ทรัพย์สินนั้น  หรือนอกดจากการอันปรากฏในสัญญาก็ดี  เอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอยก็ดี  เอาไปไว้นายกว่าที่ควรจะเอาไว้ก็ดี  ท่านว่าผู้ยืมจะต้องรับผิดในเหตุทรัพย์สินนั้นสูญหาย  หรือบุบสลายไปอย่างใดอย่างหนึ่ง  แม้ถึงจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรๆ  ทรัพย์สินนั้นก็คงจะต้องสูญหาย  หรือบุบสลายอยู่นั่นเอง

มาตรา  646  วรรคสอง  ถ้าเวลามิได้กำหนดกันไว้  ทั้งในสัญญาก็ไม่ปรากฏว่ายืมไปใช้เพื่อการใดไซร้  ท่านว่า  ผู้ให้ยืมจะเรียกของคืนเมื่อไรก็ได้

วินิจฉัย

สัญญาระหว่างบุญมากับบุญมีเป็นสัญญายืมใช้คงรูป  ตามมาตรา  640  ซึ่งเป็นสัญญาที่ไม่มีการกำหนดเวลาคืนรถยนต์ปิคอัพทรัพย์สินที่ยืม ทั้งในสัญญาก็ไม่ปรากฏว่ายืมไปใช้เพื่อการใด  ผลทางกฎหมายตามมาตรา  646  วรรคสอง  คือ  บุญมีผู้ให้ยืมย่อมมีสิทธิเรียกให้บุญมาคืนรถยนต์ปิคอัพดังกล่าวเมื่อใดก็ได้

กรณีตามอุทาหรณ์  มีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยคือ  บุญมาจะต้องรับผิดต่อบุญมีในการชดใช้ค่าทดแทนความเสียหายที่เกิดกับรถยนต์ที่ยืมหรือไม่  เห็นว่า  การที่บุญมาผู้ยืมนำรถยนต์ปิคอัพไปใช้ผิดสภาพอันปกติกับทรัพย์สินที่ยืม  กล่าวคือ  ต่อเติมหลังคากับที่นั่งสองแถวและเอาไปให้ชะเมาเช่ารับคนโดยสาร  ถือได้ว่า  มีการเอาทรัพย์สินที่ยืมไปให้บุคคลภายนอกใช้สอย  เป็นการประพฤติผิดหน้าที่ของผู้ยืม  ผู้ยืมจึงต้องรับผิดในความสุญหายหรือบุบสลายอย่างใดๆ  อันเกิดกับทรัพย์สินที่ยืม  เพราะเหตุที่ตนประพฤติผิดหน้าที่  ตามที่กำหนดไว้ตามมาตรา  643  แม้จะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัยก็ยังคงต้องรับผิด  ดังนั้นเมื่อบุญมาผู้ยืมเอาทรัพย์สินที่ยืมไปให้บุคคลภายนอกใช้สอยแล้วเกิดความเสียหายกับทรัพย์สินนั้น  แม้ความเสียหายนั้นจะเกิดจากบุคคลภายนอก  บุญมาผู้ยืมก็ต้องรับผิดชดใช้ค่าทดแทนความเสียหายที่เกิดกับรถยนต์ที่ยืม  ตามมาตรา  643

สรุป  บุญมาจะต้องรับผิดชดใช้ค่าทดแทนความเสียหายแก่บุญมี

 

 ข้อ  2  พระภิกษุจำลองให้เงินนายพิภพยืมไปกินเหล้าและเที่ยวเตร่กับเพื่อนเป็นเงิน 2,100 บาท โดยทำหลักฐานเป็นหนังสือตามกฎหมาย  ต่อมาหลักฐานการกู้ยืมเงินนั้นหายไป  ดังนี้ พระภิกษุจำลองจะฟ้องนายพิภพเพื่อเรียกเงินคืนนั้นได้หรือไม่

ธงคำตอบ

มาตรา  150  การใดมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย  เป็นการพ้นวิสัยหรือเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน  การนั้นเป็นโมฆะ

มาตรา  653  วรรคแรก  การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น  ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม  เป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ  จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่

วินิจฉัย

ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยประการแรกมีว่า  พระภิกษุจำลองสามารถให้กู้ยืมเงินได้ตามกฎหมายหรือไม่  เห็นว่า  พระภิกษุเป็นบุคคลธรรมดาตามกฎหมาย  จึงมีสิทธิหน้าที่ตามกฎหมายเท่าเทียมกันกับบุคคลธรรมดาทั่วไป  ทั้งไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดห้ามพระภิกษุนำเงินส่วนตัวของตนออกให้บุคคลอื่นกู้ยืมโดยคิดดอกเบี้ย  ดังนั้นพระภิกษุจำลองสามารถให้นายพิภพกู้ยืมเงินได้โดยไม่ผิดกฎหมายใดๆ  (ฎ. 3773/2538)

ส่วนประเด็นที่ให้ยืมเงินไปดื่มเหล้าและเที่ยวเตร่ถือเป็นโมฆะ  ตามมาตรา  150  หรือไม่  เห็นว่า  โดยหลักนิติกรรมแล้วการใดๆ  ที่เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย  ผิดศีลธรรมอันดีหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน  จะตกเป็นโมฆะ  แต่กรณีการให้ยืมเงินไปกินเหล้าและเที่ยวเตร่  ยังไม่ถือว่าเป็นการยืมที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย  ทั้งยังไม่พอจะถือว่าเป็นเรื่องผิดศีลธรรมอันดีของประชาชน  การยืมเงินจึงมีผลสมบูรณ์และถูกต้องตามกฎหมาย  ไม่ตกเป็นโมฆะตามมาตรา  150

เมื่อเป็นการกู้ยืมเงินกว่า  2,000  บาทขึ้นไป   ตามมาตรา  653  วรรคแรกนั้นบังคับว่าถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือตามกฎหมาย  จะฟ้องร้องบังคับคดีหาได้ไม่  แต่กรณีนี้ได้มีการทำหลักฐานเป็นหนังสือตามกฎหมายแล้ว  จึงสามารถฟ้องร้องบังคับคดีได้ตามมาตรา  653  วรรคแรก

ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยประการต่อมามีว่า  การที่หลักฐานการกู้ยืมเงินนั้นหายไป  พระภิกษุจำลองจะฟ้องนายพิภพเพื่อเรียกเงินคืนได้หรือไม่  เห็นว่า  เมื่อได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือตามกฎหมายแล้ว  ก็ถือได้ว่า  การกู้ยืมเงินมีหลักฐานเป็นหนังสือ  ตามนัยมาตรา  653  วรรคแรกแล้ว  แม้จะทำสัญญากู้ยืมเงินหายไป  ก็สามารถนำพยานบุคคลมานำสืบว่าเคยมีหลักฐานอยู่จริงได้  (ฎ.  34/2476)

สรุป  พระภิกษุจำลองสามารถฟ้องนายพิภพเรียกเงินคืนได้

 

ข้อ  3  นายอาทิตย์ได้ติดต่อโรงแรมแห่งหนึ่งย่านถนนรัชดาภิเษกเพื่อขอใช้ห้องจัดเลี้ยงสัมมนา 1 วัน  ตั้งแต่เวลา 08.00 นาฬิกาถึง 17.00 นาฬิกา  โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนา 100 คน  ทางโรงแรมได้คิดค่าใช้จ่ายการใช้ห้องจัดเลี้ยงรวมค่าอาหารกลางวันและอาหารว่างในราคา 500 บาท  ต่อผู้เข้าร่วมสัมมนา 1 คน  ในวันจัดเลี้ยง  ขณะที่นายหนึ่งผู้เข้าร่วมสัมมนาจอดรถไว้ยังที่จอดรถของโรงแรมและเข้าไปร่วมสัมมนา  นายสองได้เข้ามารับประทานอาหารที่ห้องอาหารจีนของโรงแรมและขับรถเฉี่ยวชนรถของนายหนึ่งไฟท้ายรถของนายหนึ่งแตก  ท้ายรถบุบ คิดเป็นค่าเสียหาย 4,000 บาท  เมื่อนายหนึ่งรู้ได้รีบแจ้งนายอาทิตย์ผู้จัดสัมมนาและนายจันทร์ผู้จัดการโรงแรมทราบทันที  และขอให้โรงแรมรับชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 4,000 บาทแก่ตน  ดังนี้ ให้ท่านวินิจฉัยว่าโรงแรมต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายต่อนายหนึ่งหรือไม่  โดยใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เรื่องเจ้าสำนักโรงแรม

ธงคำตอบ

มาตรา  674  เจ้าสำนักโรงแรมหรือโฮเต็ล  หรือสถานที่อื่นทำนองเช่นว่านั้น  จะต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใดๆ  อันเกิดแก่ทรัพย์สินซึ่งคนเดินทางหรือแขกอาศัย  หากได้พามา

วินิจฉัย

ตามมาตรา  674  นี้ได้กำหนดวางหลักทั่วไปว่าหากไม่มีผู้รับผิดโดยชัดแจ้งแล้ว  ให้เจ้าสำนักรับผิดในความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใดๆ  ที่เกิดกับทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยที่เข้ามาพักในโรงแรม

สำหรับ  คนเดินทางหรือแขกอาศัย  หมายความถึง  ผู้ที่มาพักอาศัยในโรงแรมหรือสถานที่เช่นเดียวกัน  โดยประสงค์จะหาที่อยู่หรือที่พักเป็นการชั่วคราว  โดยเสียค่าพักอาศัย  ไม่หมายรวมถึงผู้เข้าพักโดยมิได้เสียค่าเช่าที่พัก  เช่น  ผู้จัดการโรงแรม  คนงาน  หรือบุคคลอื่นที่คนเดินทางหรือแขกอาศัยมาพักอยู่ด้วย

กรณีตามอุทาหรณ์  นายหนึ่งเป็นผู้เข้าร่วมสัมมนาในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรม  ไม่ใช่ผู้เข้ามาพักแรมหรือพักอาศัยในโรงแรม  โรงแรมจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดแก่ทรัพย์สินของนายหนึ่ง  ทั้งนี้  เพราะนายหนึ่งไม่ใช่บุคคลที่อยู่ในความหมายของคำว่า  คนเดินทาง  หรือ  แขกอาศัย  ในมาตรา  674  ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ดังกล่าวนั่นเอง

สรุป  โรงแรมไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายต่อนายหนึ่ง

LAW 2009 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2551

การสอบไล่ภาค  2  ปีการศึกษา  2551
ข้อสอบกระบวนวิชา  
LAW 2009 

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม ฝากทรัพย์ เก็บของในคลังสินค้า ประนีประนอมยอมความการพนันขันต่อคำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  3  ข้อ

ข้อ  1  บุญมายืมรถจักรยานยนต์ของบุญมีเพื่อนบ้านเพื่อใช้ขับขี่ไปทำงานมีกำหนดหนึ่งปี  เมื่อบุญมารับรถจักรยานยนต์แล้วก็นำไปใช้งานปกติ  แต่ตอนเย็นบุญมานำรถจักรยานยนต์ที่ยืมมาไปรับคนโดยสารหารายได้พิเศษ  ขณะที่รับผู้โดยสารอยู่นั้นถูกรถยนต์ที่โชคดีขับมาชน ทำให้รถจักรยานยนต์ที่ยืมมาเสียหายโดยมิใช่ความผิดของบุญมาแต่อย่างใด  ดังนี้ถ้าบุญมามีความจำเป็นต้องใช้รถจักรยานยนต์  บุญมีจะเรียกให้บุญมาคืนรถจักรยานยนต์ก่อนครบกำหนดหนึ่งปีได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  640  อันว่ายืมใช้คงรูปนั้น  คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ยืม  ให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ยืม  ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่าและผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว

มาตรา  643  ทรัพย์สินที่ยืมนั้น  ถ้าผู้ยืมเอาไปใช้การอย่างอื่นนอกจากการอันเป็นปกติแก่ทรัพย์สินนั้น  หรือนอกดจากการอันปรากฏในสัญญาก็ดี  เอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอยก็ดี  เอาไปไว้นายกว่าที่ควรจะเอาไว้ก็ดี  ท่านว่าผู้ยืมจะต้องรับผิดในเหตุทรัพย์สินนั้นสูญหาย  หรือบุบสลายไปอย่างใดอย่างหนึ่ง  แม้ถึงจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรๆ  ทรัพย์สินนั้นก็คงจะต้องสูญหาย  หรือบุบสลายอยู่นั่นเอง

มาตรา  645  ในกรณีทั้งหลายดังกล่าวไว้ในมาตรา  643  นั้นก็ดี  หรือถ้าผู้ยืมประพฤติฝ่าฝืนต่อความในมาตรา  644  ก็ดี  ผู้ให้ยืมจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  สัญญายืมระหว่างบุญมาและบุญมีเป็นสัญญายืมใช้คงรูป  ตามมาตรา  640  บุญมาผู้ยืมมีสิทธิครอบครองและใช้สอยรถจักรยานยนต์ตามที่ตกลงกับบุญมีไว้  กล่าวคือ  เพื่อใช้ขับขี่ไปทำงานมีกำหนด  1  ปี  เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าในตอนเย็นบุญมาผู้ยืมนำรถจักรยานยนต์ที่ยืมนั้นไปใช้รับคนโดยสารหารายได้พิเศษ  ซึ่งมิได้มีการตกลงกับบุญมีผู้ให้ยืมแต่อย่างใด  จึงเป็นการนำทรัพย์สินที่ยืมไปใช้สอยนอกจากการอันปรากฏในสัญญา  และเมื่อเกิดความเสียหายขึ้น  ผู้ยืมจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย  แม้ความเสียหายดังกล่าวจะมิได้เกิดขึ้นเพราะความผิดของผู้ยืมก็ตาม  ทั้งนี้เพราะมาตรา  643  กำหนดให้ผู้ยืมต้องรับผิดในกรณีใดๆรวมเหตุสุดวิสัยหากได้ประพฤติผิดหน้าที่ของผู้ยืม

นอกจากนี้ในกรณีที่ผู้ยืมประพฤติผิดหน้าที่ของตน  ตามมาตรา  643  กฎหมายให้สิทธิผู้ให้ยืมบอกเลิกสัญญา  และเรียกให้ผู้ยืมคืนทรัพย์สินที่ยืมก่อนครบกำหนดได้  ตามมาตรา  645  ดังนั้นบุญมีสามารถเรียกให้บุญมาคืนรถจักรยานยนต์ก่อนครบกำหนด  1  ปีได้

สรุป  บุญมีผู้ให้ยืมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกรถจักรยานยนต์คืนก่อนครบกำหนด  1  ปีได้

 

ข้อ  2  นายอ่ำขอยืมเงินของนางอินเป็นเงิน  10,000  บาท  โดยทำหลักฐานเป็นหนังสือ  เพื่อนำไปจ่ายค่าเหล้า  ต่อมานายอ่ำได้ขอนางอินชำระหนี้เป็นทองคำมูลค่า  5,000  บาท  และเงินสด  5,000  บาท  ดังนี้หากนายอ่ำได้ชำระหนี้ดังกล่าวโดยไม่มีหลักฐานการคืนเงินใดๆ  นายอ่ำต้องชำระหนี้ใหม่หรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  650  อันว่ายืมใช้สิ้นเปลืองนั้น  คือสัญญาซึ่งผู้ให้ยืมโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินชนิดใช้ไปสิ้นไปนั้น  เป็นปริมาณมีกำหนดให้ไปแก่ผู้ยืม  และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินเป็นประเภท  ชนิด  และปริมาณเช่นเดียวกันให้แทนทรัพย์สินซึ่งให้ยืมนั้น

สัญญานี้ย่อมบริบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ยืม

มาตรา  653  วรรคแรก  การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น  ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม  เป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ  จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่

ในการกู้ยืมเงินมีหลักฐานเป็นหนังสือนั้น  ท่านว่าจะนำสืบการใช้เงินได้ก็ต่อเมื่อมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง  ลงลายมือชื่อให้ผู้ยืมมาแสดง  หรือเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมนั้นได้เวนคืนแล้วหรือได้แทงเพิกถอนลงในเอกสารนั้นแล้ว

มาตรา  656  วรรคสอง  ถ้าทำสัญญากู้ยืมเงินกันและผู้ให้กู้ยืมยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นเป็นการชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืมไซร้  หนี้อันระงับไปเพราะการชำระเช่นนั้น  ท่านให้คิดเป็นจำนวนเท่ากับราคาท้องตลาดแห่งสิ่งของหรือทรัพย์สินนั้นในเวลาและ ณ  สถานที่ส่งมอบ

วินิจฉัย

การกู้ยืมเงินเป็นสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองประเภทหนึ่ง  ตามมาตรา  650

การกู้ยืมเงินรายนี้มีจำนวน  10,000  บาท  เมื่อมีหลักฐานเป็นหนังสือ  ย่อมเป็นการกู้ยืมเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย  หลักฐานเป็นหนังสือนั้นใช้ฟ้องร้องบังคับคดีได้  ตามมาตรา  653  วรรคแรก

การกู้ยืมเงินแล้วนำไปจ่ายค่าเหล้าไม่ถือว่ามีวัตถุประสงค์ของสัญญากู้ยืมเงินเป็นการขัดความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน  ตามมาตรา  150  เพราะเป็นการก่อหนี้เพื่อชำระหนี้ที่มีผลบังคับตามกฎหมายได้

สำหรับการใช้เงินหรือการชำระหนี้  ตามนัยมาตรา  653  วรรคสอง  การใช้เงินต้นเท่านั้น  ไม่รวมถึงดอกเบี้ย  กล่าวคือ  เป็นการนำเงินสดที่สามารถชำระหนี้ตามกฎหมายมาชำระหนี้เงินต้นเท่านั้น  หากจะนำสืบการใช้เงินดังกล่าว  กฎหมายกำหนดว่าจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง  ลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดง  หรือเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมนั้นได้เวนคืนแล้ว  หรือได้แทงเพิกถอนลงในเอกสารนั้นแล้ว

ดังนั้นการที่นายอ่ำชำระหนี้เป็นทองคำมูลค่า  5,000  บาท  ซึ่งเป็นราคาในเวลาและ  ณ  สถานที่ส่งมอง  และผู้ให้กู้ยืมยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอื่นเป็นการชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืม  หนี้ย่อมเป็นอันระงับไปตามมาตรา  656  วรรคสอง  แม้การชำระหนี้ด้วยทองคำจะไม่มีหลักฐานใดๆ  นายอ่ำก็ไม่ต้องชำระหนี้ในส่วนนี้ใหม่แต่อย่างใด  สามารถนำพยานบุคคลมาสืบถึงการใช้เงินได้  กรณีไม่ต้องตามบทบัญญัติมาตรา  653  วรรคสอง

ส่วนการชำระหนี้ด้วยเงินสด  5,000  บาท  เมื่อไม่มีหลักฐานการคืนเงินใดๆ  ตามมาตรา  653  วรรคสอง  นายอ่ำจึงต้องชำระหนี้ในส่วนนี้ใหม่อีกครั้งเป็นเงิน  5,000  บาท

สรุป  นายอ่ำจะต้องชำระหนี้ใหม่เป็นเงิน  5,000  บาท

 

ข้อ  3  ผู้รับฝากทรัพย์มีอำนาจนำทรัพย์ที่รับฝากออกใช้สอยได้หรือไม่  จงอธิบาย  พร้อมยกตัวอย่างและหลักกฎหมายประกอบคำอธิบายตามลำดับดังนี้

ก.      ถ้าทรัพย์ที่ฝากเป็นทรัพย์ทั่วๆไป  เช่น  รถยนต์  1  คัน

ข.      ถ้าทรัพย์ที่ฝากเป็นเงิน  เช่น  เงินจำนวน  10,000  บาท 

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  660  ถ้าผู้ฝากมิได้อนุญาต  และผู้รับฝากเอาทรัพย์สินซึ่งฝากนั้นออกมาใช้สอยเองหรือเอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอยหรือให้บุคคลภายนอกเก็บรักษาไซร้  ท่านว่าผู้รับฝากจะต้องรับผิดเมื่อทรัพย์สินซึ่งฝากนั้นสูญหายหรือบุบสลายอย่างหนึ่งอย่างใด  แม้ถึงจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรๆ  ทรัพย์สินนั้นก็คงจะต้องสูญหายหรือบุบสลายอยู่นั่นเอง

มาตรา  672  ถ้าฝากเงิน  ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า  ผู้รับฝากไม่พึงต้องส่งคืนเป็นเงินทองตราอันเดียวกันกับที่ฝาก  แต่จะต้องคืนเงินให้ครบจำนวน

อนึ่ง  ผู้รับฝากจะเอาเงินซึ่งฝากนั้นออกใช้ก็ได้  แต่หากจำต้องคืนเงินให้ครบจำนวนเท่านั้น  แม้ว่าเงินซึ่งฝากนั้นจะได้สูญหายไปด้วยเหตุสุดวิสัยก็ตาม  ผู้รับฝากก็จำต้องคืนเงินเป็นจำนวนดังว่านั้น

อธิบาย

กรณีตามข้อ  ก.  ถ้าทรัพย์ที่ฝากเป็นทรัพย์ทั่วๆไป  เช่น  รถยนต์  1  คัน  ตามมาตรา  660  วางหลักเกณฑ์ของการใช้สอยทรัพย์ที่รับฝากว่า  ถ้าผู้ฝากมิได้อนุญาต  ห้ามมิให้ผู้รับฝากนำทรัพย์ออกใช้สอย  ดังนั้นผู้รับฝากจะไม่มีสิทธินำรถยนต์ที่ฝากมาใช้สอย  เว้นแต่จะได้รับอนุญาต

กรณีตามข้อ  ข.  ถ้าทรัพย์ที่ฝากเป็นเงิน  เช่น  เงินจำนวน  10,000  บาท  ตามมาตรา  672  กำหนดหลักเกณฑ์ของการฝากเงินว่า  ผู้รับฝากนำเงินที่รับฝากออกใช้สอยได้  แต่ต้องคืนให้ครอบจำนวน  ดังนั้นการรับฝากเงิน  ผู้รับฝากจึงมีสิทธินำเงินไปใช้สอยได้โดยไม่ต้องได้รับอนุญาต

LAW 2009 การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2551

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน  ปีการศึกษา  2551

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2009

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม ฝากทรัพย์ เก็บของในคลังสินค้า ประนีประนอมยอมความการพนันขันต่อ

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  3  ข้อ

ข้อ  1  นายองอาจยืมรถยนต์ที่นายดำรงเพิ่งซื้อมาได้เพียง  1  เดือน  โดยไม่ได้บอกกับนายดำรงว่าจะเอาไปใช้อย่างไรและจะเอามาคืนเมื่อใด  แต่นายองอาจเอารถยนต์ไปให้สดศรีแฟนสาวใช้ขับไปทำงานเป็นประจำ  นายดำรงมาพบเข้าจึงบอกเลิกสัญญาและเรียกให้นายองอาจนำรถมาคืน  แต่นายองอาจไม่ได้นำรถไปคืน  หลังจากนั้นอีก  7  วันต่อมาเกิดน้ำท่วมใหญ่  ทำให้หมู่บ้านที่นายองอาจและนายดำรงอาศัยอยู่ต้องรับผลจากอุทกภัยครั้งนี้อย่างหนักคือน้ำท่วมระดับสูง  2  เมตร  เป็นเวลากว่า  10  วัน  รถที่นายองอาจยืมมาถูกน้ำท่วมและแช่น้ำอยู่ตลอด  ถ้าจะบำรุงรักษาให้กลับคืนสภาพเดิมต้องใช้เงินถึง  1  แสนบาท

ดังนี้  นายองอาจจะต้องรับผิดต่อนายดำรงชดใช้ค่าทดแทนความเสียหายที่เกิดกับรถยนต์คันที่ยืมไปหรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  8  เหตุใดๆ  อันจะเกิดขึ้นก็ดี  จะให้ผลพิบัติก็ดี  เป็นเหตุที่ไม่อาจป้องกันได้  แม้ทั้งบุคคลผู้ต้องประสบหรือใกล้จะต้องประสบเหตุนั้นได้จัดการระมัดระวังตามสมควร  อันพึงคาดหมายได้จากบุคคลนั้นในฐานะและภาวะเช่นนั้น

มาตรา  640  อันว่ายืมใช้คงรูปนั้น  คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ยืม  ให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ยืม  ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่าและผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว

มาตรา  643  ทรัพย์สินที่ยืมนั้น  ถ้าผู้ยืมเอาไปใช้การอย่างอื่นนอกจากการอันเป็นปกติแก่ทรัพย์สินนั้น  หรือนอกดจากการอันปรากฏในสัญญาก็ดี  เอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอยก็ดี  เอาไปไว้นายกว่าที่ควรจะเอาไว้ก็ดี  ท่านว่าผู้ยืมจะต้องรับผิดในเหตุทรัพย์สินนั้นสูญหาย  หรือบุบสลายไปอย่างใดอย่างหนึ่ง  แม้ถึงจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรๆ  ทรัพย์สินนั้นก็คงจะต้องสูญหาย  หรือบุบสลายอยู่นั่นเอง

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  สัญญายืมระหว่างนายองอาจและนายดำรงเป็นสัญญายืมใช้คงรูป  ตามมาตรา  640  นายองอาจผู้ยืมมีสิทธิครอบครองและใช้สอยรถยนต์ตามสิทธิของผู้ยืมตามกฎหมาย  กล่าวคือ  ต้องใช้สอยทรัพย์สินที่ยืมตามภาวะของวิญญูชนที่จะพึงใช้ทรัพย์สินชนิดนั้น  สงวนรักษาทรัพย์สินที่ยืม  รวมทั้งไม่ประพฤติผิดหน้าที่ของผู้ยืมด้วย  เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า  นายองอาจเอารถยนต์ไปให้สดศรีแฟนสาวใช้ขับไปทำงานเป็นประจำ  ซึ่งมิได้รับความยินยอมจากนายดำรงผู้ให้ยืมแต่อย่างใด  จึงเป็นการนำทรัพย์สินที่ยืมไปให้บุคคลภายนอกใช้สอย  ถือว่านายองอาจประพฤติผิดหน้าที่ผู้ยืม  ตามมาตรา  643  ผลทางกฎหมายคือ  นายดำรงผู้ให้ยืมมีสิทธิบอกเลิกสัญญายืมได้  ตามมาตรา  645

นอกจากนี้การที่นายองอาจไม่ได้นำรถไปคืน  หลังจากนั้นอีก  7  วันต่อมาก็เกิดน้ำท่วมใหญ่  ทำให้รถยนต์ที่ยืมได้รับความเสียหายซึ่งถ้าจะบำรุงรักษาให้กลับคืนสภาพเดิมต้องใช้เงินถึง  1  แสนบาท  แม้เหตุน้ำท่วมใหญ่จะเป็นเหตุสุดวิสัยตามมาตรา  8  คือ  เป็นเหตุที่ไม่อาจป้องกันได้  ทั้งบุคคลผู้ต้องประสบหรือใกล้จะต้องประสบเหตุนั้น  จะได้จัดการระมัดระวังตามสมควรอันพึงคาดหมายได้จากบุคคลในฐานะและภาวะเช่นนั้นก็ตาม  นายองอาจผู้ยืมก็ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าว  ทั้งนี้สืบจากบทบัญญัติมาตรา  643  กำหนดให้ผู้ยืมยังคงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในกรณีใดๆ  ที่เกิดกับทรัพย์สินที่ยืม  หากได้ประพฤติผิดหน้าที่ของผู้ยืม  แม้ความเสียหายดังกล่าวจะมิได้เกิดขึ้นเพราะความผิดของผู้ยืมหรือความเสียหายนั้นเกิดขึ้นเพราะเหตุสุดวิสัย

แต่อย่างไรก็ตามบทบัญญัติมาตรา  643  ตอนท้ายได้กำหนดข้อยกเว้นไว้ให้ผู้ยืมหลุดพ้นจากความรับผิดได้  หากผู้ยืมพิสูจน์ได้ว่า  ถึงอย่างไร  ทรัพย์สินนั้นก็คงจะต้องสูญหายหรือบุบสลายอยู่นั่นเอง  ดังนั้นในกรณีนี้หากนายองอาจพิสูจน์ได้  เช่น  แม้ต้นจะนำรถยนต์ไปคืนตามที่นายดำรงเรียกคืน  นายดำรงก็คงเก็บรักษารถยนต์ไว้ที่บ้าน  และต้องได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเสียหายอยู่ดี  เช่นนี้  นายองอาจอาจหลุดพ้นจากความรับผิดได้

สรุป  นายองอาจต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย  ตามมาตรา  643  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไร  ทรัพย์สินนั้นก็คงจะต้องเสียหายอยู่นั่นเอง

 

ข้อ  2  ยอดทองยืมเงินยอดธงไป  60,000  บาท  ยอดทองเขียนเอกสารมีข้อความว่า  วันที่  11  กันยายน  2551  ยอดทอง  สุขสำราญ ยืมเงินพี่ธงไป  60,000  บาท  จะใช้คืนในวันที่  12  มีนาคม  2552  ดังนี้  ถ้ายอดทองไม่ใช้เงินคืน  ยอดธงจะใช้เอกสารดังกล่าวเป็นหลักฐานฟ้องร้องบังคับคดีได้หรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  650  อันว่ายืมใช้สิ้นเปลืองนั้น  คือสัญญาซึ่งผู้ให้ยืมโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินชนิดใช้ไปสิ้นไปนั้น  เป็นปริมาณมีกำหนดให้ไปแก่ผู้ยืม  และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินเป็นประเภท  ชนิด  และปริมาณเช่นเดียวกันให้แทนทรัพย์สินซึ่งให้ยืมนั้น

สัญญานี้ย่อมบริบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ยืม

มาตรา  653  วรรคแรก  การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น  ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม  เป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ  จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่

วินิจฉัย

การกู้ยืมเงิน  เป็นสัญญายืมใช้สิ้นเปลือง  ตามมาตรา  650

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์  ตามมาตรา  653  วรรคแรก  บังคับว่าในกรณีที่จะฟ้องร้องบังคับคดีในเรื่องเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินกันเกินกว่า  2,000  บาทขึ้นไปจะต้องมีพยานหลักฐานประกอบการฟ้องคดี  คือ

1       หลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง  และ

2       ลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ

สำหรับการลงลายมือชื่อในหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินนั้น  กฎหมายบังคับว่าต้องมีลายมือชื่อของผู้ยืมเท่านั้น  ส่วนผู้ให้ยืมจะลงลายมือชื่อในหลักฐานนั้นหรือไม่  ก็ไม่ใช่สาระสำคัญ  ไม่ทำให้หลักฐานแห่งการฟ้องคดีนั้นเสียไป  และการลงลายมือชื่อนั้น  ผู้ยืมอาจเขียนเป็นชื่อตัวเอง  หรือลายเซ็นก็ได้  และอาจจะเป็นชื่อจริงหรือชื่อเล่น  จะเป็นภาษาไทยหรือภาษาต่างประเทศก็ได้  แต่ถ้ามิได้ลงลายมือชื่อเลย  แม้ผู้ยืมจะเป็นผู้ทำหลักฐานเป็นหนังสือนั้นเอง  หลักฐานนั้นก็ใช้ฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้  ตามมาตรา  653  วรรคแรก

กรณีตามอุทาหรณ์  ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยมีว่า  ยอดธงจะใช้เอกสารที่ยอดทองเขียนไว้เป็นหลักฐานฟ้องร้องบังคับคดีได้หรือไม่  เห็นว่า แม้ยอดทองจะเขียนเอกสารมีข้อความว่า  วันที่  11  กันยายน  2551  ยอดทอง  สุขสำราญยืมเงินพี่ธงไป  60,000  บาท  จะใช้คืนในวันที่  12  มีนาคม  2552  ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการกู้ยืมเงินกันจริงก็ตาม  แต่ในเอกสารดังกล่าวไม่มีลายมือชื่อยอดทองลงไว้เป็นผู้ยืม  ทั้งจะถือเอาการที่ยอดทองเขียนเอกสารดังกล่าวด้วยลายมือตนเองเป็นการลงลายมือชื่อของยอดทองหาได้ไม่  เมื่อเอกสารดังกล่าวไม่มีลายมือชื่อยอดทองลงไว้ในฐานะเป็นผู้ยืมก็ถือไม่ได้ว่าเป็นหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืมตามความมุ่งหมายของมาตรา  653  วรรคแรก  แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  ยอดธงจึงจะใช้เอกสารดังกล่าวฟ้องร้องให้บังคับคดีแก่ยอดทองหาได้ไม่  (ฎ.1989/2538)

สรุป  ยอดธงจะใช้เอกสารดังกล่าวเป็นหลักฐานฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้

 

ข้อ  3  นายเอกและภรรยาได้เข้าพักแรมที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง  โดยจอดรถยนต์ของตนไว้ที่ลานจอดรถของโรงแรม  และเข้าพักแรมโดยใช้ชื่อนายเอกลงทะเบียนเป็นแขกพักแรม  ในตอนค่ำได้ออกไปรับประทานอาหารข้างนอกโรงแรมโดยภรรยานายเอกได้ถอดสร้อยเพชรมูลค่า  50,000 บาท  ไว้บนโต๊ะข้างเตียง  เมื่อกลับมาปรากฏว่าสร้อยเพชรหายไปและมีรอยงัดแงะของคนร้ายที่หน้าต่างห้องพัก  ในขณะเดียวกันพนักงานคนหนึ่งก็ได้ขึ้นมาแจ้งว่ารถที่นำเข้าจอดไว้ในลานจอดรถถูกรถของแขกอีกคนหนึ่งชนไฟท้ายแตก  เมื่อชนแล้วก็รีบขับหนีไป  สำหรับไฟท้ายที่แตกคิดราคาประมาณ  2,000  บาท  นายเอกจึงรีบแจ้งให้ทางโรงแรมทราบทันที  ทางโรงแรมปฏิเสธไม่ยอมรับผิดต่อสู้ว่าโรงแรมมีหน้าที่รับผิดชอบเฉพาะทรัพย์ของนายเอกเท่านั้น  จึงไม่ขอรับผิดในทรัพย์ของภรรยานายเอกที่ถูกขโมยไป ส่วนรถยนต์ที่ถูกชนก็เป็นบุคคลภายนอกที่ไม่ทราบว่าเป็นใคร  ชนแล้วหนีไป  ทางโรงแรมไม่มีหน้าที่ต้องรับผิด  ดังนี้  ข้ออ้างของโรงแรมรับฟังได้หรือไม่  จงอธิบาย

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  675  เจ้าสำนักต้องรับผิดในการที่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างใดๆ  แม้ถึงว่าความสูญหาย  หรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะผู้คนไปมาเข้าออก  ณ  โรงแรม  โฮเต็ล  หรือสถานที่เช่นนั้นก็คงต้องรับผิด

ความรับผิดนี้  ถ้าเกี่ยวด้วยเงินทองตรา  ธนบัตร  ตั๋วเงิน  พันธบัตร  ใบหุ้น  ใบหุ้นกู้  ประทวนสินค้า  อัญมณี  หรือของมีค่าอื่นๆไซร้  ท่านจำกัดไว้เพียงห้าพันบาท  เว้นแต่จะได้ฝากของมีค่าเช่นนี้ไว้แก่เจ้าสำนักและได้บอกราคาแห่งของนั้นชัดแจ้ง

แต่เจ้าสำนักไม่ต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอันเกิดแต่เหตุสุดวิสัย  หรือแต่สภาพแห่งทรัพย์สินนั้น  หรือแต่ความผิดของคนเดินทางหรือแขกอาศัยผู้นั้นเอง  หรือบริวารของเขา  หรือบุคคลซึ่งเขาได้ต้อนรับ

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  แยกพิจารณาได้เป็น  2  กรณี  คือ

1       กรณีที่สร้อยเพชรราคา  50,000  บาท  ของภรรยานายเอกที่หายไป  เจ้าสำนักโรงแรมจะต้องรับผิดหรือไม่  เห็นว่า  เจ้าสำนักโรงแรมมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบในความสูญหายหรือเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัย  ซึ่งหมายความรวมถึงบุคคลที่เข้าพักอาศัยร่วมกับผู้เดินทางด้วย  ความรับผิดของเจ้าสำนักโรงแรมหาได้จำกัดเฉพาะทรัพย์สินของผู้ลงทะเบียนเข้าพักแรมเท่านั้นไม่  กรณีนี้เจ้าสำนักโรงแรมต้องรับผิดในการที่สร้อยเพชรของภรรยานายเอกหายไป

ส่วนเจ้าสำนักโรงแรมจะต้องรับผิดเพียงใดนั้น  เห็นว่า  ทรัพย์สินที่หายคือ  สร้อยเพชรราคา  50,000  บาท  ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวเกี่ยวด้วยอัญมณีและของมีค่าอื่นๆ  บทบัญญัติมาตรา  675  วรรคสอง  ให้จำกัดความรับผิดไว้เพียง  5,000  บาท  เว้นแต่จะได้ฝากของมีค่าเช่นนี้ไว้แก่เจ้าสำนักและได้บอกราคาแห่งของนั้นชัดแจ้ง  ภรรยาของนายเอกเป็นบุคคลผู้เข้าพักร่วมกับผู้เดินทาง  เมื่อไม่ฝากของมีค่าไว้  เจ้าสำนักจึงรับผิดเพียง  5,000  บาท  ไม่ว่าของมีค่านั้นภรรยาของนายเอกจะสวมใส่มาโดยเปิดเผยหรือไม่ก็ตามและหาใช่ว่าต้องฝากทรัพย์สินเฉพาะผู้ลงทะเบียนเข้าพักในโรงแรมไม่  (ฎ.9284/2544)

2       กรณีที่รถยนต์ของนายเอกถูกชน  เสียหายเป็นจำนวน  2,000  บาท  เจ้าสำนักโรงแรมจะต้องรับผิดหรือไม่  เห็นว่า  ตามมาตรา  675  วรรคแรก  ได้กำหนดให้เจ้าสำนักโรงแรมต้องรับผิดในการที่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างใดๆ  แม้ความเสียหายจะเกิดจากผู้คนไปมาเข้าออกยังโรงแรม  ดังนั้น  แม้บุคคลภายนอกจะเป็นผู้ขับรถมาชนรถของนายเอก  โรงแรมก็ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นจำนวน  2,000  บาท  กรณีไม่เข้าข้อยกเว้นความรับผิดตามมาตรา 675  วรรคสามแต่อย่างใด  ข้อต่อสู้ของโรงแรมที่ว่า  รถยนต์เป็นของบุคคลภายนอกไม่ทราบว่าเป็นของใคร  ชนแล้วหนีไป  ทางโรงแรมไม่มีหน้าที่ต้องรับผิดจึงฟังไม่ขึ้น  (ฎ.1370/2526,  ฎ. 2196/2523)

สรุป  ข้อต่อสู้ของโรงแรมรับฟังไม่ได้ทั้งสองประการ  ทางโรงแรมต้องรับผิดเป็นเงินรวมทั้งสิ้น  7,000  บาท 

LAW 2009 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2552

การสอบไล่ภาค  1  ปีการศึกษา  2552

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2009

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม ฝากทรัพย์ เก็บของในคลังสินค้า ประนีประนอมยอมความการพนันขันต่อ

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  3  ข้อ

ข้อ  1  ปาดังยืมรถยนต์ปิคอัพของปาเดเพื่อเอาไปใช้งานโดยแจ้งให้ปาเดทราบแล้วว่าจะนำไปดัดแปลงเป็นรถโดยสารรับจ้าง  ปาเดเห็นว่าเป็นคนใกล้ชิดสนิทสนมกันก็ไม่ได้ถามว่าจะเอาไปใช้นานเท่าใด  ปาดังนำรถยนต์ที่ยืมมาไปต่อเติมหลังคากับที่นั่งสองแถวเพื่อนำไปใช้รับคนโดยสาร  หลังจากนั้นวันหนึ่งมีสาเกเพื่อนของปาดังมาหาบอกว่าตกงานไม่มีรายได้อะไร  ปาดังสงสารจึงอนุญาตให้สาเกเอารถคันดังกล่าวไปขับรับคนโดยสารหารายได้  โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายและถ้าได้งานใหม่เมื่อใดก็ให้นำรถมาคืน  ดังนี้  สัญญาระหว่างปาดังกับสาเกเป็นสัญญายืมใช้คงรูปหรือสัญญายืมใช้สิ้นเปลือง

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  640  อันว่ายืมใช้คงรูปนั้น  คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ยืม  ให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ยืม  ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่าและผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว

มาตรา  650  อันว่ายืมใช้สิ้นเปลืองนั้น  คือสัญญาซึ่งผู้ให้ยืมโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินชนิดใช้ไปสิ้นไปนั้น  เป็นปริมาณมีกำหนดให้ไปแก่ผู้ยืม  และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินเป็นประเภท  ชนิด  และปริมาณเช่นเดียวกันให้แทนทรัพย์สินซึ่งให้ยืมนั้น

วินิจฉัย

จากบทบัญญัติมาตรา  640  สามารถแยกองค์ประกอบของสัญญายืมใช้คงรูปได้ดังนี้

1       เป็นสัญญาซึ่งประกอบด้วยคู่กรณี  2  ฝ่าย  ฝ่ายหนึ่งเรียกว่า  ผู้ให้ยืม  อีกฝ่ายหนึ่งเรียกว่า  ผู้ยืม  โดยแต่ละฝ่ายไม่จำเป็นต้องมีฝ่ายละคนเสมอไป  อาจจะมากกว่าหนึ่งคนก็ได้  และจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้

2       เป็นสัญญาที่ตกลงให้ผู้ยืมใช้สอยทรัพย์สินได้เปล่า  ไม่มีค่าตอบแทน  ถ้าเป็นการใช้สอยทรัพย์สินแล้วต้องเสียค่าตอบแทน  สัญญานั้นก็จะเป็นเช่าทรัพย์ไป  มิใช่สัญญายืมใช้คงรูป

3       เป็นสัญญาที่ตกลงให้ผู้ยืมต้องส่งคืนทรัพย์สินนั้นให้กับผู้ให้ยืมเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว  กล่าวคือ  ไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ให้ยืม  เมื่อใช้สอยทรัพย์สินเสร็จแล้ว  ผู้ยืมจะต้องส่งคืนทรัพย์สินนั้นแก่ผู้ให้ยืม  จะส่งคืนทรัพย์สินอื่นแม้เป็นประเภท  ชนิด  และปริมาณเช่นเดียวกันกับทรัพย์สินที่ยืมไม่ได้

ส่วนสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองตามมาตรา  650  นั้น  สามารถแยกลักษณะเฉพาะได้ดังนี้  คือ

1       เป็นสัญญาที่มีค่าตอบแทนหรือไม่มีค่าตอบแทนก็ได้  มีผลทำให้สัญญายืมใช้สิ้นเปลืองแตกต่างกับยืมใช้คงรูป  และทำให้ยืมใช้สิ้นเปลืองมีลักษณะใกล้เคียงกับสัญญาเช่าทรัพย์  ที่ผู้ยืม (ผู้เช่า)  ต้องเสียค่าตอบแทน  และต้องคืนทรัพย์สินที่ยืม  เพียงแต่ยืมใช้สิ้นเปลืองต้องคืนแต่ทรัพย์ที่เป็นประเภท  ชนิดและปริมาณเดียวกัน  แต่เช่าทรัพย์  ผู้เช่าต้องคืนทรัพย์สินอันเดียวกันกับที่ผู้ให้เช่าส่งมอบให้ 

2       เป็นสัญญาโอนกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินที่ยืม

3       วัตถุแห่งสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองคือทรัพย์สินที่ใช้ไปสิ้นไป  กล่าวคือ  เมื่อมีการใช้สอยตามสัญญา  ทรัพย์สินนั้นจะเปลี่ยนแปลงภาวะความเป็นอยู่เสื่อมสลายหรือหมดเปลืองไป  ไม่คงรูปอยู่ในสภาพเดิม

กรณีตามอุทาหรณ์  ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยมีว่า  สัญญาระหว่างปาดังกับสาเกเป็นสัญญายืมใช้คงรูปหรือสัญญายืมใช้สิ้นเปลือง  เห็นว่า  การที่ปาดังอนุญาตให้สาเกเอารถคันที่ปาดังยืมจากปาเดไปขับรับคนโดยสารหารายได้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย  และถ้าได้งานใหม่เมื่อใดก็ให้นำรถมาคืน  แสดงให้เห็นว่าสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญายืมใช้คงรูปตามมาตรา  640  เนื่องจากเป็นสัญญาซึ่งประกอบด้วยคู่สัญญา  2  ฝ่าย  และเป็นสัญญาที่ตกลงให้ผู้ยืมใช้สอยทรัพย์สินได้เปล่า  ไม่มีค่าตอบแทน  และประการที่สำคัญคือ  ตกลงให้ผู้ยืมต้องส่งคืนทรัพย์สินที่ยืมนั้นให้กับผู้ให้ยืมเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว  ไม่ได้ตกลงให้นำรถยนต์คันอื่นซึ่งเป็นประเภท  ชนิด  และปริมาณเช่นเดียวกันกับรถยนต์ที่ยืมมาคืน จึงไม่อาจเป็นสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองตามมาตรา  650  ได้

สรุป  สัญญาระหว่างปาดังกับสาเกเป็นสัญญายืมใช้คงรูปตามมาตรา  640

 

ข้อ  2  นาย  ก  กู้ยืมเงินนาย  ข  100,000  บาท  สัญญายืมเงินกำหนดให้ลูกหนี้จ่ายดอกเบี้ยขั้นสูงสุดตามกฎหมายกำหนด  ดังนี้  ลูกหนี้จะต้องจ่ายดอกเบี้ยเป็นจำนวนเงินเท่าใด

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  7  ถ้าจะต้องเสียดอกเบี้ยแก่กันและมิได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้โดยนิติกรรมหรือโดยบทบัญญัติกฎหมายอันชัดแจ้ง  ให้ใช้อัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี

มาตรา  653  วรรคแรก  การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น  ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม  เป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ  จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่

มาตรา  654  ท่านห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยเกินร้อยละสิบห้าต่อปี  ถ้าในสัญญากำหนดดอกเบี้ยเกินกว่านั้น  ก็ให้ลดลงมาเป็นร้อยละสิบห้าต่อปี

วินิจฉัย

โดยหลักแล้ว  การกู้ยืมเงินกันกว่า  2,000  บาท  ถ้าไม่ได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืม  ผู้ให้ยืมจะนำไปฟ้องร้องบังคับให้ผู้ยืมชำระหนี้ไม่ได้ตามมาตรา  653  วรรคแรก

ส่วนดอกเบี้ยตามสัญญากู้ยืมนั้น  คู่สัญญาจะตกลงให้ผู้ยืมเสียดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่กู้ยืมหรือไม่ก็ได้

1       ถ้าไม่มีข้อตกลงให้คิดดอกเบี้ย  ผู้ให้กู้ยืมเรียกดอกเบี้ยจากจำนวนเงินที่กู้ยืมไม่ได้จนกว่าผู้กู้ยืมจะผิดนัดตามมาตรา  224

2       ถ้าตกลงคิดดอกเบี้ยแก่กัน  จะต้องกำหนดอัตราไว้ไม่เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด  คือ  ไม่เกินร้อยละ  15  ต่อปีตามมาตรา  654  ถ้าตกลงคิดดอกเบี้ยเกินอัตราดังกล่าวถือว่าเป็นการตกลงที่ขัดต่อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน  มีผลทำให้ความตกลงในเรื่องดอกเบี้ยเป็นโมฆะใช้บังคับไม่ได้ตามมาตรา  150  คงเรียกได้แต่เฉพาะต้นเงินเท่านั้น  อนึ่งถ้าคู่สัญญามีข้อตกลงให้คิดดอกเบี้ยแก่กันแต่ไม่ได้ระบุอัตราดอกเบี้ยไว้โดยนิติกรรมหรือโดยบทกฎหมายอันชัดแจ้ง  บทบัญญัติมาตรา  7  ให้ถือว่าคู่สัญญาตกลงกันให้คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ  7.5  ต่อปี

กรณีตามอุทาหรณ์  สัญญายืมเงินระหว่างนาย  ก  และนาย  ข  กำหนดให้นาย  ก  ลูกหนี้จ่ายดอกเบี้ยขั้นสูงสุดตามกฎหมายกำหนด  กรณีเช่นนี้ถือว่าเป็นข้อตกลงที่ไม่ชัดเจนเพราะไม่ได้ระบุอัตราดอกเบี้ยไว้โดยชัดแจ้งว่าจะให้ใช้ในอัตราเท่าใด  จึงต้องตีความไปในทางที่เป็นคุณแก่ฝ่ายลูกหนี้  ดังนั้นจึงต้องบังคับตามมาตรา  7  คือ  ให้ถือว่านาย  ก  และนาย  ข  คู่สัญญาตกลงกันให้เสียดอกเบี้ยในเงินกู้ยืมในอัตราร้อยละ  7.5  ต่อปี  นับตั้งแต่วันทำสัญญากู้ยืมไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น  (ฎ.3708/2528)

สรุป  ลูกหนี้ต้องจ่ายดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ  7.5  ต่อปีเท่านั้น

 

ข้อ  3  หนึ่งเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านถนนรามคำแหง  โดยพักร่วมกับสองเพื่อนร่วมงานที่มาทำงานด้วยกัน  หนึ่งนำประเป๋าสตางค์ที่มีเงินสดหนึ่งหมื่นบาท  สายสร้อยทองคำแขวนพระหลวงพ่อคูณเลี่ยมทอง  1  องค์  (รวมมูลค่าสายสร้อยและพระประมาณสามหมื่นบาท)  แหวนทับทิมล้อมเพชร  1  วง  (มูลค่าประมาณสองหมื่นบาท)  วางไว้ที่โต๊ะหัวเตียงในระหว่างนอนหลับ  เมื่อตื่นมาตอนเช้าพบว่ากระเป๋าเดินทางถูกรื้อค้นกระจุยกระจาย  เพดานห้องมีร่องรอยการปีนขึ้นลงจากฝ้าเพดาน  และแหวนทับทิมล้อมเพชรของหนึ่งถูกขโมยไป  หนึ่งได้รีบแจ้งให้นายสมเกียรติผู้เป็นเจ้าสำนักโรงแรมทราบทันทีที่พบว่าของหายไป  โดยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วคนขโมยแหวนคือสองเพื่อนร่วมงานที่พักในห้องเดียวกันนั่นเอง

ดังนี้  ให้ท่านวินิจฉัยว่า  ตามหลักของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  หนึ่งจะเรียกร้องให้โรงแรมรับผิดต่อตนได้หรือไม่  ในจำนวนเงินเท่าใด  จงอธิบาย

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  675  เจ้าสำนักต้องรับผิดในการที่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างใดๆ  แม้ถึงว่าความสูญหาย  หรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะผู้คนไปมาเข้าออก  ณ  โรงแรม  โฮเต็ล  หรือสถานที่เช่นนั้นก็คงต้องรับผิด

ความรับผิดนี้  ถ้าเกี่ยวด้วยเงินทองตรา  ธนบัตร  ตั๋วเงิน  พันธบัตร  ใบหุ้น  ใบหุ้นกู้  ประทวนสินค้า  อัญมณี  หรือของมีค่าอื่นๆไซร้  ท่านจำกัดไว้เพียงห้าพันบาท  เว้นแต่จะได้ฝากของมีค่าเช่นนี้ไว้แก่เจ้าสำนักและได้บอกราคาแห่งของนั้นชัดแจ้ง

แต่เจ้าสำนักไม่ต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอันเกิดแต่เหตุสุดวิสัย  หรือแต่สภาพแห่งทรัพย์สินนั้น  หรือแต่ความผิดของคนเดินทางหรือแขกอาศัยผู้นั้นเอง  หรือบริวารของเขา  หรือบุคคลซึ่งเขาได้ต้อนรับ

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยมีว่า  หนึ่งจะเรียกร้องให้โรงแรมรับผิดต่อตนได้หรือไม่  ในจำนวนเงินเท่าใด  เห็นว่า  ตามมาตรา  675  วรรคแรก  ได้กำหนดให้เจ้าสำนักโรงแรมต้องรับผิดในการที่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างใดๆ  แม้ความเสียหายจะเกิดจากผู้คนไปมาเข้าออกยังโรงแรมก็ตาม  แต่ทั้งนี้ก็มีข้อยกเว้นไว้ใน  3  กรณี  คือ

1       ความสูญหายหรือบุบสลายนั้นเกิดจากเหตุสุดวิสัย

2       ความสูญหายหรือบุบสลายนั้นเกิดแต่สภาพแห่งทรัพย์สินนั้นเอง

3       ความสูญหายหรือบุบสลายนั้นเกิดขึ้นเพราะความผิดของคนเดินทางหรือแขกอาศัยผู้นั้นเอง  หรือบริวารของเขา  หรือบุคคลซึ่งเขาได้ต้อนรับ

กรณีนี้แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่า  ทรัพย์สินที่สูญหายคือ  แหวนทับทิมล้อมเพชรอันถือว่าเป็นอัญมณีหรือของมีค่าตามมาตรา  675  วรรคสอง  ซึ่งโดยหลักแล้ว  เจ้าสำนักโรงแรมจะต้องรับผิดในการที่ทรัพย์สินนั้นสูญหายโดยจำกัดความรับผิดชอบไว้เพียง  5,000  บาท  เพราะหนึ่งมิได้ฝากของมีค่าเช่นนั้นไว้แก่เจ้าสำนักและได้บอกราคาแห่งของนั้นชัดแจ้งก็ตาม  แต่เมื่อการสูญหายนั้นเกิดจากการถูกขโมยไปโดยเพื่อนร่วมห้อง  (สอง)  ที่พักแรมด้วยกัน  จึงเข้าข้อยกเว้นที่ทางโรงแรมจะไม่ต้องรับผิดตามมาตรา  675  วรรคสาม  เพราะถือว่าความเสียหายครั้งนี้เกิดจากบริวารของคนเดินทางหรือบุคคลที่คนเดินทางเข้าพักแรมด้วยกันนั่นเอง  ดังนั้น  หนึ่งจึงไม่สามารถเรียกร้องให้โรงแรมรับผิดในทรัพย์สินที่หายได้

สรุป  หนึ่งไม่สามารถเรียกร้องให้โรงแรมรับผิดในทรัพย์สินที่หายได้

LAW 2009 การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2552

การสอบไล่ภาค  2  ปีการศึกษา  2552
ข้อสอบกระบวนวิชา  
LAW 2009 

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม ฝากทรัพย์ เก็บของในคลังสินค้า ประนีประนอมยอมความการพนันขันต่อ

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  3  ข้อ

ข้อ  1  สามย่านยืมมอเตอร์ไซค์ของแกลง  โดยบอกว่าจะเอาใช้ขับขี่ไปทำงาน  แกลงได้ส่งมอบมอเตอร์ไซค์ให้สามย่านไปใช้งานโดยไม่คิดค่าตอบแทน  และไม่ได้กำหนดเวลาคืนไว้แต่สามย่านกลับนำไปดัดแปลงโดยมีการตัดต่อเป็นรถสามล้อ  ต่อเติมหลังคากับที่นั่งสองแถวเพื่อรับขนคนโดยสาร  วันหนึ่งขณะที่สามย่านขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ดัดแปลงแล้วหาผู้โดยสารนั้น  ชะมวงขับรถยนต์มาชนท้ายทำให้รถมอเตอร์ไซค์ที่สามย่านยืมมาเสียหาย  ถ้าจะซ่อมแซมให้กลับคืนสภาพเดิมจะต้องใช้เงิน  5  พันบาท  ดังนี้  แกลงจะเรียกให้ชะมวงรับผิดชดใช้ค่าทดแทนที่เกิดกับมอเตอร์ไซค์ที่ยืมหรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  640  อันว่ายืมใช้คงรูปนั้น  คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ยืม  ให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ยืม  ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่าและผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว

มาตรา  641  การให้ยืมใช้คงรูปนั้น  ท่านว่าย่อมบริบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินซึ่งให้ยืม

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่สามย่านยืมมอเตอร์ไซค์ของแกลงโดยบอกว่าจะเอาไปใช้ขับขี่ไปทำงาน  แกลงได้ส่งมอบมอเตอร์ไซค์ให้สามย่านไปใช้งานโดยไม่คิดค่าตอบแทนและไม่ได้กำหนดเวลาคืนไว้  กรณีถือว่าเป็นสัญญายืมใช้คงรูปที่มิได้กำหนดเวลาสิ้นสุดของสัญญาตามมาตรา  640  ประกอบมาตรา  641  ดังนั้น  กรรมสิทธิ์ในมอเตอร์ไซค์ที่สามย่านยืมมานั้นยังเป็นของแกลง

เมื่อได้ความว่า  ชะมวงขับรถยนต์มาชนท้ายทำให้รถมอเตอร์ไซค์ที่สามย่านยืมมาเสียหาย  ถ้าจะซ่อมแซมให้กลับคืนสภาพเดิมจะต้องใช้เงิน  5  พันบาท  กรณีเช่นนี้  แกลงในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ย่อมมีสิทธิเรียกให้ชะมวงรับผิดชดใช้ค่าทดแทนความเสียหายที่เกิดกับมอเตอร์ไซค์ที่ยืมได้

สรุป  แกลงเรียกให้ชะมวงรับผิดชดใช้ค่าทดแทนความเสียหายที่เกิดกับมอเตอร์ไซค์ที่ยืมได้

 

ข้อ  2  นาย  ก  ยืมเงินนาย  ข  เป็นจำนวนเงิน  20,000  บาทถ้วน  ในการนี้  นาย  ก  ได้รับมอบเงินยืมเป็นเงินสดจากนาย  ข  แล้ว  นาย  ข  ได้ขอให้นาย  ก  ออกเช็คจำนวน  20,000  บาท  ให้ตนยึดถือไว้เป็นประกันการชำระหนี้  ซึ่งนาย  ก  ก็ได้ออกเช็คตามที่นาย  ข ร้องขอ  ต่อมานาย  ก  ผิดนัดชำระหนี้  นาย  ข  จึงบอกให้นาย  ก  ชำระหนี้มิฉะนั้นจะฟ้องนาย  ก  เรื่องกู้ยืม  นาย  ก  บอกว่าฟ้องไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ  ดังนี้  นาย  ข  ฟ้องนาย  ก  ได้หรือไม่

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  650  อันว่ายืมใช้สิ้นเปลืองนั้น  คือสัญญาซึ่งผู้ให้ยืมโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินชนิดใช้ไปสิ้นไปนั้น  เป็นปริมาณมีกำหนดให้ไปแก่ผู้ยืม  และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินเป็นประเภท  ชนิด  และปริมาณเช่นเดียวกันให้แทนทรัพย์สินซึ่งให้ยืมนั้น

มาตรา  653  วรรคแรก  การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น  ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม  เป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ  จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่

วินิจฉัย

การกู้ยืมเงิน  เป็นสัญญายืมใช้สิ้นเปลือง  ตามมาตรา  650

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์  ตามมาตรา  653  วรรคแรก  บังคับว่าในกรณีที่จะฟ้องร้องบังคับคดีในเรื่องเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินจะต้องมีพยานหลักฐานประกอบการฟ้องคดี  คือ

1       หลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง  และ

2       ลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ

สำหรับหลักฐานการกู้ยืมเงินนี้  ต้องมีสาระสำคัญให้เห็นว่ามีการกู้ยืมเงินกัน  ซึ่งข้อความอันแสดงถึงการกู้ยืมไม่จำเป็นว่าจะต้องปรากฏในเอกสารฉบับเดียวกัน  อาจจะปรากฏอยู่ในเอกสารหลายๆฉบับก็ได้  เมื่อนำเอาเอกสารเหล่านั้นมาอ่านประกอบเข้าด้วยกัน  หากได้ความว่าเป็นการกู้ยืมเงินกันแล้ว  ถือว่าเอกสารเหล่านั้นเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมได้

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่นาย  ก  ออกเช็คจำนวน  20,000  บาท  ให้นาย  ข  ยึดถือไว้เป็นประกันการชำระหนี้นั้น  ถือว่าเช็คดังกล่าวไม่ใช่หลักฐานการยืมเงินใช้ฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้  ทั้งนี้เพราะไม่มีข้อความที่ชัดว่าเป็นการยืมเงินกันจริงๆ  ดังนั้นนาย  ข  จึงฟ้องนาย  ก  ไม่ได้

สรุป  นาย  ข  ฟ้องนาย  ก  ไม่ได้

 

ข้อ  3  นายหนึ่งเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯมหานคร  โดยมีนายโทเป็นเจ้าสำนักโรงแรม  โดยจอดรถไว้ที่ลานจอดรถหน้าโรงแรมในตอนกลางคืน  ขณะที่นายหนึ่งนอนพักอยู่ในโรงแรมนายโทและเพื่อนมาเที่ยวฟังเพลงที่โรงแรมนี้แล้วได้ถอยรถชนรถของนายหนึ่งตัวถังรถบุบบริเวณข้างประตูด้านคนขับ  แล้วรีบขับหนีไป  ต่อมาตอนเช้านายหนึ่งลงมาหยิบของที่รถพบว่ารถถูกชนบุบแต่ด้วยความรีบร้อนจะไปทำธุระที่นายหนึ่งนัดหมายไว้  จึงยังไม่ได้แจ้งต่อนายโทผู้เป็นเจ้าสำนักให้ทราบถึงความเสียหาย  ในตอนเย็นเมื่อนายหนึ่งกลับจากทำธุระและเข้ามาพักที่โรงแรม  จึงแจ้งให้นายโทชดใช้ความเสียหายที่รถของนายหนึ่งถูกชน  โดยเรียกช่างซ่อมรถมาประเมินค่าเสียหายคิดเป็นจำนวน  8,000  บาท 

ดังนี้  ให้ท่านวินิจฉัยความรับผิดของนายโทเจ้าสำนักโรงแรมที่มีต่อนายหนึ่งแขกที่มาพักแรม

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  675  วรรคแรก  เจ้าสำนักต้องรับผิดในการที่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างใดๆ  แม้ถึงว่าความสูญหาย  หรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะผู้คนไปมาเข้าออก  ณ  โรงแรม  โฮเต็ล  หรือสถานที่เช่นนั้นก็คงต้องรับผิด

มาตรา  676  ทรัพย์สินซึ่งมิได้นำฝากบอกราคาชัดแจ้งนั้น  เมื่อพบเห็นว่าสูญหายหรือบุบสลายขึ้น  คนเดินทางหรือแขกอาศัยต้องแจ้งความนั้นต่อเจ้าสำนักโรงแรม  โฮเต็ล  หรือสถานที่เช่นนั้นทันที  มิฉะนั้นท่านว่าเจ้าสำนักย่อมพ้นจากความรับผิดดังบัญญัติไว้ในมาตรา  674  และ  675

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  นายโทมีหน้าที่ต้องรับผิดต่อทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยที่สูญหายหรือเสียหายขณะเข้าพักในโรงแรมไม่ว่าความเสียหายจะเกิดขึ้นจากผู้คนไปมาเข้าออกยังโรงแรม  โรงแรมก็ต้องรับผิด  รถยนต์เป็นทรัพย์สินทั่วๆไปตามมาตรา  675  วรรคแรก  ดังนั้น  เมื่อรถของนายหนึ่งผู้พักแรมได้รับความเสียหาย  เจ้าสำนักจึงต้องชดใช้ต่อนายหนึ่งตามราคาความเสียหายที่เกิดขึ้น

แต่เมื่อได้ความว่า  นายหนึ่งทราบว่ารถถูกชนในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น  แทนที่จะแจ้งให้โรงแรมทราบทันที  แต่กลับออกจากโรงแรมเพื่อไปทำธุระอย่างอื่นและกลับมาแจ้งต่อโรงแรมในตอนเย็น  จึงทำให้โรงแรมพ้นความรับผิดตามมาตรา  676  ซึ่งกำหนดให้ผู้พักแรมต้องแจ้งให้ทางโรงแรมทราบทันทีที่พบความสูญหายหรือเสียหายมิฉะนั้นทางโรมแรมพ้นผิด  ดังนั้น  ในกรณีนี้โรงแรมจึงไม่ต้องรับผิดต่อนายหนึ่งโดยยกมาตรา  676  ขึ้นต่อสู้ได้ว่า  พฤติการณ์ของนายหนึ่งเท่ากับมิได้แจ้งให้โรงแรมทราบ

สรุป  นายโทเจ้าสำนักโรงแรมไม่ต้องรับผิดต่อนายหนึ่ง

LAW 2009 การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2552

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน  ปีการศึกษา  2552

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2009 

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม ฝากทรัพย์ เก็บของในคลังสินค้า ประนีประนอมยอมความการพนันขันต่อ

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  3  ข้อ

ข้อ  1  บ้านไร่ยืมรถตู้ของทัพทันโดยได้บอกทัพทันว่าจะเอาไปทำรถรับจ้างรับคนโดยสาร  มีกำหนดหกเดือน  ทัพทันเห็นว่าเป็นเพื่อนกันจึงมอบรถตู้คันดังกล่าวให้บ้านไร่เอาไปใช้งานได้โดยไม่คิดค่าตอบแทน  ขณะที่บ้านไร่ขับรถรับคนโดยสารอยู่นั้น  มีดวงดีขี่มอเตอร์ไซค์มาชนทำให้ไฟท้ายของรถตู้แตกเสียหายแล้วหลบหนีไป  ดังนี้  ทัพทันจะเรียกให้บ้านไร่ชดใช้ราคาไฟท้ายของรถตู้ที่แตกเสียหายได้หรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  640  อันว่ายืมใช้คงรูปนั้น  คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ยืม  ให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ยืม  ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่าและผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว

มาตรา  643  ทรัพย์สินที่ยืมนั้น  ถ้าผู้ยืมเอาไปใช้การอย่างอื่นนอกจากการอันเป็นปกติแก่ทรัพย์สินนั้น  หรือนอกดจากการอันปรากฏในสัญญาก็ดี  เอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอยก็ดี  เอาไปไว้นายกว่าที่ควรจะเอาไว้ก็ดี  ท่านว่าผู้ยืมจะต้องรับผิดในเหตุทรัพย์สินนั้นสูญหาย  หรือบุบสลายไปอย่างใดอย่างหนึ่ง  แม้ถึงจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรๆ  ทรัพย์สินนั้นก็คงจะต้องสูญหาย  หรือบุบสลายอยู่นั่นเอง

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  สัญญายืมระหว่างบ้านไร่กับทัพทันเป็นสัญญายืมใช้คงรูปตามมาตรา  640  และบ้านไร่ผู้ยืมมีสิทธิครอบครองและใช้สอยรถตู้ตามที่ตกลงกันไว้กับทัพทัน  คือ  เอาไปทำรถรับจ้างรับคนโดยสาร

และตามมาตรา  643  กฎหมายได้กำหนดให้ผู้ยืมต้องรับผิดในกรณีที่ทรัพย์สินนั้นสูญหายหรือบุบสลายไป  ถ้าผู้ยืมเอาทรัพย์ซึ่งยืมนั้นไปใช้การอย่างอื่นนอกจากการอันเป็นปกติแก่ทรัพย์สินนั้น  หรือนอกจากการอันปรากฏในสัญญา  หรือเอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอย  เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า  ขณะที่บ้านไร่ขับรถรับคนโดยสารอยู่นั้น  ดวงดีได้ขี่มอเตอร์ไซค์มาชนทำให้ไฟท้ายของรถตู้แตกเสียหาย  ดังนี้  เมื่อบ้านไร่ผู้ยืมใช้สอยทรัพย์สินที่ยืมถูกต้องตามหน้าที่ของผู้ยืมโดยไม่ได้กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา  643  ดังนั้นแม้จะเกิดความเสียหาย  (โดยบุคคลภายนอก)  กับทรัพย์สินที่ยืม  บ้านไร่ก็ไม่ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น  ดังนั้นทัพทันจะเรียกให้บ้านไร่ชดใช้ราคาไฟท้ายของรถตู้ที่แตกเสียหายไม่ได้

สรุป  ทัพทันจะเรียกให้บ้านไร่ชดใช้ราคาไฟท้ายของรถตู้ที่แตกเสียหายไม่ได้

 

ข้อ  2  ทัพมาขอกู้ยืมเงินจากสามย่านหนึ่งแสนบาท  กำหนดใช้คืนภายใน  6  เดือน  สามย่านกลัวทัพมาไม่ชำระหนี้เงินที่ยืม  จึงให้ทัพมาเขียนหนังสือขึ้นมีข้อความว่า  วันที่  10  เมษายน  2552  เงินที่ยืมมาจากสามย่านนั้นทัพมาจะชำระคืนให้เมื่อครบหกเดือนนับแต่วันที่ยืม  ลงชื่อ  ทัพมา  หกเดือนผ่านพ้นไป  ทัพมาไม่นำเงินมาชำระหนี้  สามย่านต้องการฟ้องบังคับคดีต่อศาลโดยใช้หนังสือดังกล่าวเป็นหลักฐานในการฟ้องเพื่อขอให้ศาลบังคับทัพมาใช้เงินที่กู้ยืมไปได้หรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  653  วรรคแรก  การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น  ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม  เป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ  จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่

วินิจฉัย

ตามมาตรา  653  วรรคแรก  ในกรณีที่จะฟ้องร้องบังคับคดีในเรื่องเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินกันเกินกว่า  2,000  บาทขึ้นไปนั้น  จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งและลงลายมือชื่อผู้ยืม  ซึ่งหลักฐานการกู้ยืมเงินนี้จะต้องมีสาระสำคัญแสดงให้เห็นว่ามีการกู้ยืมเงินกัน  เช่น มีการระบุจำนวนเงินที่กู้ยืม  มีข้อความว่าได้รับเงินไปตามจำนวนที่ระบุไว้  เป็นต้น

กรณีตามอุทาหรณ์  ทัพมาขอกู้ยืมเงินจากสามย่านหนึ่งแสนบาท  โดยสามย่านได้ให้ทัพมาเขียนหนังสือขึ้นเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องคดีและให้ลงชื่อทัพมาไว้  แต่เมื่อตามข้อเท็จจริงปรากฏว่า  หนังสือที่ทัพมาเขียนขึ้นนั้น  ไม่ได้ระบุจำนวนเงินที่กู้กัน  ดังนั้น  หนังสือฉบับดังกล่าวจึงใช้เป็นหลักฐานในการฟ้องเพื่อบังคับคดีไม่ได้ตามมาตรา  653  วรรคแรก

สรุป  สามย่านจะใช้หนังสือฉบับดังกล่าวเป็นหลักฐานในการฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้

 

ข้อ  3  นายเอก  เดินทางไปทำธุระที่จังหวัดนครศรีธรรมราช  พักที่สำนักสงฆ์ห้วยน้ำแห้ง  ที่มีพระมหาบุญถึงเป็นเจ้าสำนักและพระสงฆ์อีกห้ารูปพักอาศัยศึกษาธรรม  นายเอกเอาเงินสี่หมื่นบาทที่ติดตัวไปด้วยซุกซ่อนไว้ในห้องพักอย่างมิดชิด  เมื่อเสร็จงานกลับมาพบว่าห้องพักถูกงัด  เงินที่ซุกซ่อนไว้หายไป  จึงแจ้งให้พระมหาบุญถึงทราบทันที  และหน้าห้องพักมีป้ายประกาศติดไว้มีใจความว่า  ผู้พักทุกท่านขอเชิญบริจาคเงินเพื่อเป็นการช่วยวัดจ่ายค่าน้ำค่าไฟ  จะเป็นมหากุศลอย่างยิ่ง  ดังนี้  นายเอกจึงเรียกร้องให้พระมหาบุญถึงชดใช้เงินที่หายไป  โดยอ้างว่าพระมหาบุญถึงเปิดบริการห้องพัก  จึงต้องรับผิดในฐานะเจ้าสำนักโรงแรม  ให้ท่านวินิจฉัยว่าพระมหาบุญถึงจะต้องรับผิดชดใช้เงินสี่หมื่นบาทของนายเอกที่หายไปหรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  674  เจ้าสำนักโรงแรมหรือโฮเต็ล  หรือสถานที่อื่นทำนองเช่นว่านั้น  จะต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใดๆ  อันเกิดแก่ทรัพย์สินซึ่งคนเดินทางหรือแขกอาศัย  หากได้พามา

มาตรา  675  เจ้าสำนักต้องรับผิดในการที่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างใดๆ  แม้ถึงว่าความสูญหาย  หรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะผู้คนไปมาเข้าออก  ณ  โรงแรม  โฮเต็ล  หรือสถานที่เช่นนั้นก็คงต้องรับผิด

ความรับผิดนี้  ถ้าเกี่ยวด้วยเงินทองตรา  ธนบัตร  ตั๋วเงิน  พันธบัตร  ใบหุ้น  ใบหุ้นกู้  ประทวนสินค้า  อัญมณี  หรือของมีค่าอื่นๆไซร้  ท่านจำกัดไว้เพียงห้าพันบาท  เว้นแต่จะได้ฝากของมีค่าเช่นนี้ไว้แก่เจ้าสำนักและได้บอกราคาแห่งของนั้นชัดแจ้ง

แต่เจ้าสำนักไม่ต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอันเกิดแต่เหตุสุดวิสัย  หรือแต่สภาพแห่งทรัพย์สินนั้น  หรือแต่ความผิดของคนเดินทางหรือแขกอาศัยผู้นั้นเอง  หรือบริวารของเขา  หรือบุคคลซึ่งเขาได้ต้อนรับ

วินิจฉัย

โดยหลัก  เจ้าสำนักโรงแรมหรือสถานที่อื่นเช่นว่านั้น  ต้องรับผิดในความสูญหายหรือบุบสลายที่เกิดแก่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยซึ่งได้นำมาด้วย  แม้ความเสียหายหรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะคนที่ไปมาเข้าออก  ณ  โรงแรมหรือสถานที่เช่นนั้นตามมาตรา 674  ประกอบมาตรา  675  วรรคแรก

กรณีตามอุทาหรณ์  สำนักสงฆ์ห้วยน้ำแห้งมิใช่โรงแรมหรือสถานที่อื่นทำนองเช่นนั้น  ดังนั้นพระมหาบุญถึงจึงมิใช่เจ้าสำนักโรงแรมหรือสถานที่อื่นเช่นว่านั้นด้วย  จึงไม่ต้องรับผิดกรณีเงินสี่หมื่นบาทของนายเอกที่หายไป

สรุป  พระมหาบุญถึงไม่ต้องรับผิดชดใช้เงินสี่หมื่นบาทของนายเอกที่หายไปตามเหตุผลและหลักกฎหมายดังกล่าวข้างต้น    

LAW 2009 การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2553

การสอบไล่ภาค  1  ปีการศึกษา  2553

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2009 

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม ฝากทรัพย์ เก็บของในคลังสินค้า ประนีประนอมยอมความการพนันขันต่อ

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  3  ข้อ

ข้อ  1  ปลาม้ายืมรถตู้ของประหลาดาวเพื่อนำไปทำรถรับขนคนโดยสาร  แต่ไม่ได้แจ้งให้ประหลาดาวทราบว่าจะเอาไปใช้อย่างไร  ปลาดาวก็ไม่ได้ถามว่าจะเอาไปนานเท่าใด  ปลาม้านำรถยนต์ที่ยืมมาให้ชะเมาเช่าขับรับคนโดยสาร  ระหว่างที่ชะเมาใช้รถอยู่นั้นประหลาดาวทราบว่ารถที่ให้ปลาม้ายืมไปนั้นปลาม้าเอาไปให้ชะเมาเช่า  ดังนี้  ปลาดาวจะเรียกให้ชะเมาคืนรถยนต์คันดังกล่าวได้หรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  640  อันว่ายืมใช้คงรูปนั้น  คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ยืม  ให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ยืม  ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่าและผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว

มาตรา  643  ทรัพย์สินที่ยืมนั้น  ถ้าผู้ยืมเอาไปใช้การอย่างอื่นนอกจากการอันเป็นปกติแก่ทรัพย์สินนั้น  หรือนอกดจากการอันปรากฏในสัญญาก็ดี  เอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอยก็ดี  เอาไปไว้นายกว่าที่ควรจะเอาไว้ก็ดี  ท่านว่าผู้ยืมจะต้องรับผิดในเหตุทรัพย์สินนั้นสูญหาย  หรือบุบสลายไปอย่างใดอย่างหนึ่ง  แม้ถึงจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรๆ  ทรัพย์สินนั้นก็คงจะต้องสูญหาย  หรือบุบสลายอยู่นั่นเอง

มาตรา  645  ในกรณีทั้งหลายดังกล่าวไว้ในมาตรา  643  นั้นก็ดี  หรือถ้าผู้ยืมประพฤติฝ่าฝืนต่อความในมาตรา  644  ก็ดี  ผู้ให้ยืมจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  สัญญายืมรถยนต์ระหว่างปลาม้าและประหลาดาวเป็นสัญญายืมใช้คงรูปตามมาตรา  640  และเมื่อในสัญญาไม่ปรากฏว่ายืมไปเพื่อการใด  อีกทั้งไม่ได้ตกลงกันว่าจะคืนเมื่อใด  ปลาดาวผู้ให้ยืมย่อมมีสิทธิเรียกคืนเมื่อใดก็ได้

และตามมาตรา  645  กฎหมายได้บัญญัติให้ผู้ให้ยืมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกให้ผู้ยืมคืนทรัพย์ที่ยืมได้  ถ้าผู้ยืมประพฤติผิดหน้าที่ของผู้ยืมตามมาตรา  643  เช่น  การที่ผู้ยืมเอาทรัพย์สินซึ่งยืมนั้นไปใช้เพื่อการอื่นนอกจากการอันปรากฏในสัญญา  หรือเอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอย  เป็นต้น

เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า  ปลาม้าได้เอารถยนต์ที่ประหลาดาวให้ยืมนั้นไปให้ชะเมาเช่ารับรถคนโดยสารกรณีนี้ถือว่า  ปลาม้าผู้ยืมได้ประพฤติผิดหน้าที่ของผู้ยืมตามมาตรา  643  คือ  เป็นการนำทรัพย์สินที่ยืมไปให้บุคคลภายนอกใช้สอยแล้ว  ดังนั้นปลาดาวผู้ให้ยืมย่อมมีสิทธิตามมาตรา  645  คือ  บอกเลิกสัญญาและเรียกให้ปลาม้าคืนรถยนต์คันดังกล่าวได้

และเมื่อปลาดาวผู้ให้ยืมมีสิทธิบอกเลิกสัญญายืมและเรียกให้ปลาม้าคืนรถยนต์คันดังกล่าวได้แล้ว  แม้ว่ารถยนต์คันดังกล่าวจะอยู่ในความครอบครองของชะเมา  ปลาดาวในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันนั้น  ก็ย่อมมีสิทธิเรียกให้ชะเมาคืนรถยนต์คันดังกล่าวแก่ตนได้

สรุป  ปลาดาวเรียกให้ชะเมาคืนรถยนต์คันดังกล่าวได้

 

ข้อ  2  นายกิ่งยืมเงินนางขิงเป็นเงิน  50.25  บาท  โดยในหนังสือยืมเงินมีเด็กชายจิมอายุ  15  ปี  เป็นพยาน  และนางป้าแก่อายุ  90  ปี เป็นพยานให้กับการกู้ยืมครั้งนี้  ต่อมานางขิงเจ้าหนี้ได้แก้หนังสือยืมเงินโดยใส่เลข  25  ลงข้างหน้าจำนวนเงินเป็นจำนวน  2,550.25  บาท  ดังนี้  นายกิ่งจะต้องจ่ายเงินคืนเป็นจำนวนเงินเท่าไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  653  วรรคแรก  การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น  ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม  เป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ  จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่

วินิจฉัย

ตามมาตรา  653  วรรคแรก  กฎหมายได้กำหนดบังคับเฉพาะการกู้ยืมเงินเกินกว่า  2,000  บาท  ขึ้นไปเท่านั้น  ถ้าจะฟ้องร้องบังคับคดีกันจะต้องมีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ  แต่ถ้าเป็นการกู้ยืมเงินไม่เกิน  2,000  บาท  ไม่ว่าจะได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมดังกล่าวหรือไม่  ก็ย่อมสามารถใช้ฟ้องร้องบังคับคดีกันได้

และการทำหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือนั้นก็ไม่เกี่ยวข้องกับความสมบูรณ์แห่งสัญญากู้ยืมแต่อย่างใด  แม้การกู้ยืมเงินนั้นจะมีจำนวนเท่าใด  ถ้าผู้ให้กู้ยืมได้ส่งมอบเงินที่กู้ให้แก่ผู้ยืมแล้ว  สัญญากู้ยืมเงินก็มีผลสมบูรณืตามกฎหมาย

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่นายกิ่งยืมเงินนางขิงเป็นเงิน  50.25  บาท  โดยสัญญากู้ยืมได้ทำเป็นหนังสือและมีเด็กชายจิมอายุ  15  ปีเป็นพยาน  และนางป้าแก่อายุ  90  ปี  เป็นพยานนั้น  สัญญากู้ยืมเงินระหว่างนายกิ่งและนางขิงย่อมมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย  ทั้งนี้เพราะตามกฎหมายแล้วในกรณีการกู้ยืมเงินที่ได้มีการทำเป็นหนังสือ  และได้มีพยานลงลายมือชื่อรับรองนั้น  พยานที่ลงลายมือชื่อรับรองไม่จำเป็นต้องบรรลุนิติภาวะ  (ฎ. 1154/2511)  และเมื่อสัญญากู้ยืมเงินมีผลสมบูรณ์  นายกิ่งจึงมีหน้าที่ที่จะต้องชำระเงินคืนแก่นางขิง

ส่วนในกรณีที่นางขิงเจ้าหนี้ได้แก้หนังสือยืมเงินโดยใส่เลข  25  ลงข้างหน้าจำนวนเงินเป็นจำนวน  2,550.25  บาท  โดยนายกิ่งมิได้รู้เห็นนั้น  กรณีนี้ให้ถือว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม  ซึ่งนายกิ่งไม่ต้องรับผิดตามหลักฐานแห่งสัญญากู้ปลอมแต่อย่างใด  แต่นายกิ่งผู้กู้ยังคงต้องรับผิดตามสัญญากู้ยืมเงินเดิมคือ  50.25  บาท  เพราะการกู้ยืมเงินตามสัญญากู้เดิมยังคงมีผลสมบูรณ์  (ฎ. 761/2509)

สรุป  นายกิ่งจะต้องจ่ายเงินคืนตามสัญญากู้ยืมเดิมเป็นจำนวนเงิน  50.25  บาท

 

ข้อ  3  นายอาทิตย์เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร  โดยจอดรถไว้ที่ลานจอดรถของโรงแรม  และเข้าพักโดยมีกระเป๋าเดินทางและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก  1  เครื่อง  นำเข้าไปในห้องพักด้วย  เมื่อเข้าไปในห้องพักพบว่ามีข้อความประกาศมีใจความว่า  ขอให้แขกทุกท่านระมัดระวังความปลอดภัยในทรัพย์สินด้วยตนเอง  หากมีความสูญหายหรือเสียหายใดๆเกิดขึ้น  ทางโรงแรมไม่สามารถรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น  ต่อมาเมื่อนายอาทิตย์ออกไปรับประทานอาหารเย็นข้างนอกโรงแรมแล้ว  กลับเข้ามาจึงพบว่าข้าวของในห้องพักถูกรื้อค้น  และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กราคา  15,000  บาท  ถูกขโมยไป  นายอาทิตย์แจ้งนายจันทร์เจ้าสำนักโรงแรมทราบทันที  แต่นายจันทร์ปฏิเสธไม่รับผิดโดยอ้างข้อความที่ประกาศในห้องพักว่าโรงแรมได้ปิดประกาศให้แขกรับทราบถึงข้อยกเว้นความรับผิดของโรงแรมแล้ว  ดังนี้  ให้ท่านวินิจฉัยความรับผิดของโรงแรมที่มีต่อทรัพย์สินของนายอาทิตย์

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  674  เจ้าสำนักโรงแรมหรือโฮเต็ล  หรือสถานที่อื่นทำนองเช่นว่านั้น  จะต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใดๆ  อันเกิดแก่ทรัพย์สินซึ่งคนเดินทางหรือแขกอาศัย  หากได้พามา

มาตรา  675  เจ้าสำนักต้องรับผิดในการที่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างใดๆ  แม้ถึงว่าความสูญหาย  หรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะผู้คนไปมาเข้าออก  ณ  โรงแรม  โฮเต็ล  หรือสถานที่เช่นนั้นก็คงต้องรับผิด

ความรับผิดนี้  ถ้าเกี่ยวด้วยเงินทองตรา  ธนบัตร  ตั๋วเงิน  พันธบัตร  ใบหุ้น  ใบหุ้นกู้  ประทวนสินค้า  อัญมณี  หรือของมีค่าอื่นๆไซร้  ท่านจำกัดไว้เพียงห้าพันบาท  เว้นแต่จะได้ฝากของมีค่าเช่นนี้ไว้แก่เจ้าสำนักและได้บอกราคาแห่งของนั้นชัดแจ้ง

แต่เจ้าสำนักไม่ต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอันเกิดแต่เหตุสุดวิสัย  หรือแต่สภาพแห่งทรัพย์สินนั้น  หรือแต่ความผิดของคนเดินทางหรือแขกอาศัยผู้นั้นเอง  หรือบริวารของเขา  หรือบุคคลซึ่งเขาได้ต้อนรับ

มาตรา  677  ถ้ามีคำแจ้งความปิดไว้ในโรงแรม  โฮเต็ล  หรือสถานที่อื่นทำนองเช่นว่านี้  เป็นข้อความยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของเจ้าสำนักไซร้ท่านว่าความนั้นเป็นโมฆะ  เว้นแต่คนเดินทางหรือแขกอาศัยจะได้ตกลงด้วยชัดแจ้งในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดดังว่านั้น

วินิจฉัย

โดยหลัก  เจ้าสำนักโรงแรมหรือสถานที่อื่นเช่นว่านั้นต้องรับผิดในความสูญหายหรือบุบสลายที่เกิดแก่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยซึ่งได้นำมาด้วย  แม้ความเสียหายหรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะคนที่ไปมาเข้าออก  ณ  โรงแรมหรือสถานที่เช่นนั้นตามมาตรา 674  ประกอบมาตรา   675  วรรคแรก  ดังนั้น 

กรณีตามอุทาหรณ์  เมื่อคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กราคา  15,000  บาท  ของนายอาทิตย์ซึ่งได้เข้าพักที่โรงแรมนั้นได้สูญหายเพราะถูกขโมย และนายอาทิตย์ก็ได้แจ้งให้นายจันทร์เจ้าสำนักโรงแรมทราบทันที  ดังนี้นายจันทร์เจ้าสำนักโรงแรมจึงต้องรับผิดต่อนายอาทิตย์ในความสูญหายของทรัพย์สินดังกล่าว

ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยต่อมาคือ  ความรับผิดของโรงแรมที่มีต่อทรัพย์สินของนายอาทิตย์นั้น  ทางโรงแรมจะต้องรับผิดตามราคาทรัพย์สิน  คือ  15,000  บาท  หรือจะต้องรับผิดจำกัดเพียง  5,000  บาท  ตามมาตรา  675  วรรคสอง  กรณีนี้เห็นว่าเมื่อทรัพย์สินที่สูญหายไปเพราะถูกขโมยคือคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กนั้น  ไม่ใช่ทรัพย์สินตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา  675  วรรคสอง  ดังนั้น  ทางโรงแรมจึงต้องรับผิดตามราคาทรัพย์สินที่สูญหายไปนั้น  คือ  15,000  บาท

ส่วนกรณีที่นายจันทร์เจ้าสำนักโรงแรมปฏิเสธไม่รับผิดโดยอ้างข้อความที่ประกาศในห้องพักว่าโรงแรมได้ปิดประกาศให้แขกรับทราบถึงข้อยกเว้นความรับผิดของโรงแรมแล้วนั้น  ข้ออ้างของนายจันทร์ฟังไม่ขึ้น  ทั้งนี้เพราะตามมาตรา  677  ได้บัญญัติไว้ว่าในกรณีที่โรงแรมได้มีข้อความปิดประกาศไว้ในทำนองเป็นข้อยกเว้นความรับผิดของโรงแรมนั้น  ข้อความดังกล่าวเป็นโมฆะ  และกรณีตามอุทาหรณ์  ก็ไม่ปรากฏว่านายอาทิตย์ได้ตกลงด้วยกับข้อยกเว้นความรับผิดนั้นแต่อย่างใด

สรุป  ทางโรงแรมต้องรับผิดต่อทรัพย์สินของนายอาทิตย์ที่สูญหายไปเพราะถูกขโมยตามราคาทรัพย์สินนั้น  คือ  15,000  บาท

LAW 2009 การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2553

การสอบไล่ภาค  2  ปีการศึกษา  2553

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2009 

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม ฝากทรัพย์ เก็บของในคลังสินค้า ประนีประนอมยอมความการพนันขันต่อ

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  3  ข้อ

ข้อ  1  ปลาม้ายืมรถตู้ของปลาดาวเพื่อนำไปทำรถรับขนคนโดยสาร  แต่มิได้ตกลงกันว่าจะเอาไปใช้นานเท่าใด  ปลาม้านำรถยนต์ที่ยืมมาให้ชะเมาเอารถไปขับรับคนโดยสารมีกำหนดหนึ่งปีโดยไม่คิดค่าตอบแทน  วันหนึ่งมีชะมวงมาขอเอารถคันดังกล่าวจากชะเมาไปใช้งาน  ระหว่างที่ชะมวงใช้รถอยู่นั้น  ปลาม้าจะเรียกให้ชะเมานำรถมาคืนให้กับตนได้หรือไม่  อย่างไร

 ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

 มาตรา  640  อันว่ายืมใช้คงรูปนั้น  คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ยืม  ให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ยืม  ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่าและผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว

มาตรา  643  ทรัพย์สินที่ยืมนั้น  ถ้าผู้ยืมเอาไปใช้การอย่างอื่นนอกจากการอันเป็นปกติแก่ทรัพย์สินนั้น  หรือนอกดจากการอันปรากฏในสัญญาก็ดี  เอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอยก็ดี  เอาไปไว้นายกว่าที่ควรจะเอาไว้ก็ดี  ท่านว่าผู้ยืมจะต้องรับผิดในเหตุทรัพย์สินนั้นสูญหาย  หรือบุบสลายไปอย่างใดอย่างหนึ่ง  แม้ถึงจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรๆ  ทรัพย์สินนั้นก็คงจะต้องสูญหาย  หรือบุบสลายอยู่นั่นเอง

มาตรา  645  ในกรณีทั้งหลายดังกล่าวไว้ในมาตรา  643  นั้นก็ดี  หรือถ้าผู้ยืมประพฤติฝ่าฝืนต่อความในมาตรา  644  ก็ดี  ผู้ให้ยืมจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่ปลาม้ายืมรถตู้ของปลาดาวเพื่อนำไปทำรถรับขนคนโดยสาร  ถือเป็นสัญญายืมใช้คงรูปตามมาตรา  640  ซึ่งมีผลทำให้ปลาม้ามีสิทธิครอบครองรถตู้คันดังกล่าว  จึงสามารถนำรถตู้ไปให้ชะเมายืมได้  และถือเป็นสัญญายืมใช้คงรูปตามมาตรา  640  เช่นกัน

และตามมาตรา  645  กฎหมายได้บัญญัติให้ผู้ให้ยืมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกให้ผู้ยืมคืนทรัพย์สินที่ยืมได้  ถ้าผู้ยืมประพฤติผิดหน้าที่ของผู้ยืมตามมาตรา  643  เช่น  การที่ผู้ยืมเอาทรัพย์สินซึ่งยืมนั้นไปใช้เพื่อการอื่นนอกจากการอันปรากฏในสัญญา  หรือเอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอย  เป็นต้น

เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า  ชะเมาได้เอารถตู้ที่ปลาม้าให้ยืมนั้นไปให้ชะมวงใช้งาน  กรณีนี้จึงถือว่าชะเมาผู้ยืมได้ประพฤติผิดหน้าที่ของผู้ยืมตามมาตรา  643  แล้ว  คือ  เป็นการนำทรัพย์สินที่ยืมไปให้บุคคลภายนอกใช้สอย  ดังนั้น  ปลาม้าผู้ให้ยืมย่อมมีสิทธิตามมาตรา  645  คือ บอกเลิกสัญญาและเรียกให้ชะเมานำรถมาคืนให้กับตนได้

สรุป  ปลาม้าเรียกให้ชะเมานำรถมาคืนให้กับตนได้

 

ข้อ  2  นางนกเอี้ยงขอยืมเงินนายนกฮูกเป็นเงิน  100,000  บาท  โดยทำเป็นหนังสือ  ความว่า  ข้าพเจ้านายนกฮูกได้ให้นางนกเอี้ยงยืมเงินเป็นจำนวน  100,000  บาท  โดยที่เงินจำนวนนี้นางนกเอี้ยงจะต้องนำไปใช้ดำเนินการในธุรกิจขายตรงให้ข้าพเจ้า  50,000  บาท  ส่วนที่เหลือ  50,000  บาท  เป็นเงินที่นางนกเอี้ยงยืมไปใช้เพื่อจ่ายค่าเทอมให้ลูก  ทั้งนี้  นางนกเอี้ยงได้รับเงินไปทั้งหมดเป็นจำนวนหนึ่งแสนบาทพร้อมลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นหลักฐานไว้เรียบร้อยแล้ว

ลงชื่อ  นางนกเอี้ยง  เลี้ยงชายเท่า

ดังนี้  นางนกเอี้ยงจะต้องรับผิดต่อนายนกฮูกหรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  650  อันว่ายืมใช้สิ้นเปลืองนั้น  คือสัญญาซึ่งผู้ให้ยืมโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินชนิดใช้ไปสิ้นไปนั้น  เป็นปริมาณมีกำหนดให้ไปแก่ผู้ยืม  และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินเป็นประเภท  ชนิด  และปริมาณเช่นเดียวกันให้แทนทรัพย์สินซึ่งให้ยืมนั้น

มาตรา  653  วรรคแรก  การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น  ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม  เป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ  จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่

วินิจฉัย

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์  ตามมาตรา  653  วรรคแรก  บังคับว่าในกรณีที่จะฟ้องร้องบังคับคดีในเรื่องเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินกันเกินกว่า  2,000  บาทขึ้นไป  จะต้องมีพยานหลักฐานประกอบการฟ้องคดี  คือ

1       หลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง  และ

2       ลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่นางนกเอี้ยงได้ยืมเงินนายนกฮูกเป็นเงิน  100,000  บาท  โดยทำเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อนางนกเอี้ยงผู้ยืมนั้น  ถือได้ว่ามีหลักฐานเป็นหนังสือที่จะใช้ฟ้องร้องบังคับคดีกันได้แล้ว  ตามมาตรา  653  วรรคแรก

แต่อย่างไรก็ตาม  โดยหลักของการยืมเงินที่ถูกต้องนั้น  ผู้ยืมจะต้องยืมไปใช้เพื่อกิจการของตนเอง  ไม่ใช่กิจการของผู้ให้ยืม  เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า  เงินจำนวนดังกล่าว  นางนกเอี้ยงจะต้องนำไปใช้ดำเนินการในธุรกิจของนายนกฮูกผู้ให้ยืมเป็นจำนวน  500,000  บาท  ดังนั้น  การยืมของนางนกเอี้ยงจึงมีผลเพียง  50,000  บาท  เท่านั้น  ซึ่งหากนายนกฮูกจะฟ้องขอคืนเงินก็สามารถขอคืนได้เพียง  50,000 บาทเท่านั้น

สรุป  นางนกเอี้ยงจะต้องรับผิดต่อนายนกฮูกในเงินที่กู้ยืมเป็นจำนวน  50,000  บาท

 

ข้อ  3  นายโรเบิร์ตเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว  พร้อมกับนางซูซานภริยา  หลังจากนายโรเบิร์ตลงชื่อเข้าพักในนามของตนเอง  และนำของเข้าเก็บในที่พักแล้ว  ได้ออกไปรับประทานอาหารและเดินซื้อของในศูนย์การค้าที่ตั้งอยู่ในโรงแรมประมาณ  2  ชั่วโมงเศษ  เมื่อกลับมาที่ห้องพักอีกครั้งหนึ่งจึงพบว่าพระเครื่องหลวงปู่ปวด  วัดช้างไห้  ที่นางซูซานเช่าบูชามาองค์ละ  8,000  บาท  และกระเป๋าสตางค์ทำจากหนังปลากระเบนที่ซื้อมาใหม่ราคา  3,500  บาท  ถูกลักขโมยไป  ทั้งสองจึงรีบไปแจ้งต่อนายทรงเดช  ผู้จัดการโรงแรมขอให้ทางโรงแรมชดใช้ค่าเสียหายแก่ตน  รวม  11,500  บาท  นายทรงเดชได้นำหลักฐานการลงทะเบียนเข้าพักแรมมาตรวจสอบพบว่านายโรเบิร์ตเป็นผู้ลงชื่อเข้าพัก  นายทรงเดชเห็นว่าของทั้งสองอย่างที่สูญหายไม่ใช่ของนายโรเบิร์ต  จึงตอบแขกทั้งสองรายว่าโรงแรมจะรับผิดชอบเฉพาะทรัพย์สินของผู้ที่ลงทะเบียนเท่านั้น  ดังนี้  ให้ท่านวินิจฉัยว่า  ข้อต่อสู้ของโรงแรมฟังขึ้นหรือไม่  โรงแรมจะต้องรับผิดชอบต่อนายโรเบิร์ตและนางซูซานอย่างไร  หรือไม่  เพียงใด  จงอธิบาย

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  674  เจ้าสำนักโรงแรมหรือโฮเต็ล  หรือสถานที่อื่นทำนองเช่นว่านั้น  จะต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใดๆ  อันเกิดแก่ทรัพย์สินซึ่งคนเดินทางหรือแขกอาศัย  หากได้พามา

มาตรา  675  เจ้าสำนักต้องรับผิดในการที่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างใดๆ  แม้ถึงว่าความสูญหาย  หรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะผู้คนไปมาเข้าออก  ณ  โรงแรม  โฮเต็ล  หรือสถานที่เช่นนั้นก็คงต้องรับผิด

ความรับผิดนี้  ถ้าเกี่ยวด้วยเงินทองตรา  ธนบัตร  ตั๋วเงิน  พันธบัตร  ใบหุ้น  ใบหุ้นกู้  ประทวนสินค้า  อัญมณี  หรือของมีค่าอื่นๆไซร้  ท่านจำกัดไว้เพียงห้าพันบาท  เว้นแต่จะได้ฝากของมีค่าเช่นนี้ไว้แก่เจ้าสำนักและได้บอกราคาแห่งของนั้นชัดแจ้ง

แต่เจ้าสำนักไม่ต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอันเกิดแต่เหตุสุดวิสัย  หรือแต่สภาพแห่งทรัพย์สินนั้น  หรือแต่ความผิดของคนเดินทางหรือแขกอาศัยผู้นั้นเอง  หรือบริวารของเขา  หรือบุคคลซึ่งเขาได้ต้อนรับ

วินิจฉัย

โดยหลัก  เจ้าสำนักโรงแรมหรือสถานที่อื่นเช่นว่านั้นต้องรับผิดในความสูญหายหรือบุบสลายที่เกิดแก่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยซึ่งได้นำมาด้วย  แม้ความเสียหายหรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะคนที่ไปมาเข้าออก  ณ  โรงแรมหรือสถานที่เช่นนั้นตามมาตรา 674  ประกอบมาตรา   675  วรรคแรก

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่พระเครื่องหลวงปู่ทวด  และกระเป๋าสตางค์ของนางซูซาน  ซึ่งถือเป็นแขกอาศัยได้ถูกลักขโมยไปนั้น  แม้นางซูซานจะไม่ได้ลงทะเบียนเข้าพักแรม  ทางโรงแรมก็ต้องรับผิดในความสูญหายที่เกิดแก่ทรัพย์สินดังกล่าวตามมาตรา  674  ประกอบมาตรา  675  ดังนั้น  ข้อต่อสู้ของโรงแรมที่ต่อสู้ว่าจะรับผิดชอบเฉพาะกับทรัพย์ของแขกที่ลงทะเบียนเท่านั้นจึงฟังไม่ขึ้น  (ฎ. 9284 / 2544)

ซึ่งในกรณีของกระเป๋าสตางค์นั้น  ถือเป็นทรัพย์ทั่วๆไปตามมาตรา  675  วรรคแรก  ทางโรงแรมต้องรับผิดเต็มราคาคือ  3,500  บาท  ส่วนกรณีพระเครื่องหลวงปู่ทวดราคา  8,000  บาทนั้น  ถือเป็น  ของมีค่า  ตามมาตรา  675  วรรคสอง  เมื่อมิได้มีการนำฝากและบอกราคาแห่งของนั้น  โรงแรมจึงรับผิดเพียง  5,000  บาท  ดังนั้น  โรงแรมต้องรับผิดชดใช้แก่นายโรเบิร์ตและนางซูซานเป็นจำนวนเงิน  8,500 บาท  บาท

สรุป  ข้อต่อสู้ของโรงแรมฟังไม่ขึ้น  โรงแรมต้องรับผิดชดใช้แก่นายโรเบิร์ตและนางซูซานเป็นจำนวนเงิน  8,500  บาท

LAW 2009 การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2553

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน  ปีการศึกษา  2553

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2009 

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยยืม ฝากทรัพย์ เก็บของในคลังสินค้า ประนีประนอมยอมความการพนันขันต่อ

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  3  ข้อ

ข้อ  1  ปลาม้าขอยืมรถตู้ของปลาดาวโดยบอกกล่าวให้ทราบว่าจะนำไปทำรถรับขนคนโดยสาร  มีกำหนดเวลาหนึ่งปี  แต่ปลาม้านำรถตู้ไปให้ชะเมาเช่าขับรับคนโดยสาร  มีกำหนดสามเดือน  ดังนี้ระหว่างที่ชะเมาใช้รถอยู่นั้น  ปลาดาวจะเรียกให้ปลาม้าคืนรถตู้ก่อนถึงกำหนดส่งคืนได้หรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  640  อันว่ายืมใช้คงรูปนั้น  คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ยืม  ให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้ยืม  ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่าและผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว

มาตรา  643  ทรัพย์สินที่ยืมนั้น  ถ้าผู้ยืมเอาไปใช้การอย่างอื่นนอกจากการอันเป็นปกติแก่ทรัพย์สินนั้น  หรือนอกดจากการอันปรากฏในสัญญาก็ดี  เอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอยก็ดี  เอาไปไว้นายกว่าที่ควรจะเอาไว้ก็ดี  ท่านว่าผู้ยืมจะต้องรับผิดในเหตุทรัพย์สินนั้นสูญหาย  หรือบุบสลายไปอย่างใดอย่างหนึ่ง  แม้ถึงจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าถึงอย่างไรๆ  ทรัพย์สินนั้นก็คงจะต้องสูญหาย  หรือบุบสลายอยู่นั่นเอง

มาตรา  645  ในกรณีทั้งหลายดังกล่าวไว้ในมาตรา  643  นั้นก็ดี  หรือถ้าผู้ยืมประพฤติฝ่าฝืนต่อความในมาตรา  644  ก็ดี  ผู้ให้ยืมจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่ปลาม้ายืมรถตู้ของปลาดาวเพื่อนำไปทำรถขับรับขนคนโดยสาร  มีกำหนดเวลาหนึ่งปีเป็นสัญญายืมใช้คงรูปตามมาตรา  640  ปลาม้าผู้ยืมจึงมีสิทธิครอบครองและใช้สอยรถตู้ตามที่ตกลงไว้กับปลาดาว  คือ  เอาไปทำรถรับขนคนโดยสาร

และตามมาตรา  645  กฎหมายได้กำหนดให้ผู้ให้ยืมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกให้ผู้ยืมคืนทรัพย์สินที่ยืมได้  ถ้าผู้ยืมประพฤติผิดหน้าที่ของผู้ยืมตามมาตรา  643  เช่น  การที่ผู้ยืมเอาทรัพย์สินซึ่งยืมนั้นไปใช้เพื่อการอื่นนอกจากการอันปรากฏในสัญญา  หรือเอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอย  เป็นต้น

เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า  ปลาม้าได้นำรถตู้ไปให้ชะเมาขับรับคนโดยสาร  กรณีนี้จึงถือว่าปลาม้าได้ประพฤติผิดหน้าที่ของผู้ยืมตามมาตรา  643  แล้ว  คือ  เป็นการนำทรัพย์สินที่ยืมไปให้บุคคลภายนอกใช้สอย  ดังนั้น  ปลาดาวผู้ให้ยืมย่อมมีสิทธิตามมาตรา  645  คือ  บอกเลิกสัญญาและเรียกให้ปลาม้านำรถตู้มาคืนก่อนถึงกำหนดส่งคืนได้

สรุป  ปลาดาวเรียกให้ปลาม้าคืนรถตู้ก่อนถึงกำหนดส่งคืนได้

ข้อ  2  ทัพมาโทรศัพท์ไปขอกู้เงินจากสามย่านหนึ่งแสนบาท  โดยให้สามย่านโอนเงินมาเข้าบัญชีของทัพมาที่ธนาคารแห่งหนึ่ง  เมื่อทัพมาได้รับเงินแล้วจึงเขียนจดหมายไปขอบคุณสามย่าน  มีใจความว่า  เงินหนึ่งแสนบาทที่โอนให้มานั้นได้รับไว้เรียบร้อยแล้ว  ขอบคุณมากๆจะได้เอาเงินไปลงทุนค้าขายต่อไป  ลงชื่อทัพมา  ถ้าทัพมาไม่นำเงินมาชำระหนี้คืนให้กับสามย่าน  สามย่านจะใช้จดหมายดังกล่าวเป็นหลักฐานในการฟ้องเพื่อขอให้ศาลบังคับทัพมาใช้เงินที่กู้ยืมไปได้หรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  653  วรรคแรก  การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น  ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืม  เป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ  จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่

วินิจฉัย

ตามมาตรา  653  วรรคแรก  ในกรณีที่จะฟ้องร้องบังคับคดีในเรื่องเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินกันเกินกว่า  2,000  บาทขึ้นไปนั้น  จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งและลงลายมือชื่อผู้ยืม  ซึ่งหลักฐานการกู้ยืมเงินนี้จะต้องมีสาระสำคัญแสดงให้เห็นว่ามีการกู้ยืมเงินกัน  เช่น มีการระบุจำนวนเงินที่กู้ยืม  มีข้อความว่าได้รับเงินไปตามจำนวนที่ระบุไว้  และมีข้อความกล่าวถึงการกู้ยืมเงินกัน  เป็นต้น

กรณีตามอุทาหรณ์  จดหมายที่ทัพมาเยนไปขอบคุณสามย่านซึ่งมีใจความว่า  ว่า  เงินหนึ่งแสนบาทที่โอนให้มานั้นได้รับไว้เรียบร้อยแล้ว  ขอบคุณมากๆจะได้เอาเงินไปลงทุนค้าขายต่อไป  ลงชื่อทัพมานั้นไม่มีข้อความที่กล่าวถึงการที่ทัพมาจะนำเงินหนึ่งแสนบาทที่รับมาไปคืนให้กับสามย่าน  อันเป็นข้อความที่กล่าวถึงการยืมเงินของทัพมาจากสามย่าน  ซึ่งถือเป็นสาระสำคัญแสดงให้เห็นว่ามีการกู้ยืมเงินกันแต่อย่างใด  ดังนั้นถ้าทัพมาไม่นำเงินมาชำระหนี้คืนให้กับสามย่าน  สามย่านจะใช้จดหมายดังกล่าวเป็นหลักฐานในการฟ้องเพื่อขอให้ศาลบังคับทัพมาใช้เงินที่กู้ยืมไปไม่ได้ตามมาตรา  653  วรรคแรก

สรุป  สามย่านจะใช้จดหมายดังกล่าวเป็นหลักฐานในการฟ้องเพื่อขอให้ศาลบังคับทัพมาใช้เงินที่กู้ยืมไปไม่ได้

ข้อ  3  นายระเริงรักเดินทางไปเที่ยวที่จังหวัดอำนาจเจริญ  พักที่บ้านฟ้าสวยซึ่งเป็นตึกแถวที่นายอับโชคเจ้าของตกแต่งเป็นห้องพักรองรับนักท่องเที่ยวเข้าพัก  คิดค่าห้องเป็นรายวัน วันละห้าร้อยบาท  นายระเริงรักเอารถยนต์ที่ขับมานั้นจอดที่ถนนหน้าตึกที่พัก  โดยบอกกับนายอับโชคช่วยดูแลด้วย  ตอนเช้าจะขับไปเที่ยว  กับเอาเงินสี่หมื่นบาทที่ติดตัวไปด้วยซุกซ่อนไว้ในห้องพักอย่างมิดชิด  ตอนเช้าพบว่าห้องพักถูกงัดแงะ  เงินที่ซุกซ่อนไว้ในห้องพักกับรถยนต์หายไป  จึงแจ้งให้นายอับโชคทราบทันที  ดังนี้  นายระเริงรักจะเรียกร้องให้นายอับโชคใช้เงินสี่หมื่นบาทกับราคารถยนต์ที่สูญหายไปได้หรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  674  เจ้าสำนักโรงแรมหรือโฮเต็ล  หรือสถานที่อื่นทำนองเช่นว่านั้น  จะต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใดๆ  อันเกิดแก่ทรัพย์สินซึ่งคนเดินทางหรือแขกอาศัย  หากได้พามา

มาตรา  675  เจ้าสำนักต้องรับผิดในการที่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างใดๆ  แม้ถึงว่าความสูญหาย  หรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะผู้คนไปมาเข้าออก  ณ  โรงแรม  โฮเต็ล  หรือสถานที่เช่นนั้นก็คงต้องรับผิด

ความรับผิดนี้  ถ้าเกี่ยวด้วยเงินทองตรา  ธนบัตร  ตั๋วเงิน  พันธบัตร  ใบหุ้น  ใบหุ้นกู้  ประทวนสินค้า  อัญมณี  หรือของมีค่าอื่นๆไซร้  ท่านจำกัดไว้เพียงห้าพันบาท  เว้นแต่จะได้ฝากของมีค่าเช่นนี้ไว้แก่เจ้าสำนักและได้บอกราคาแห่งของนั้นชัดแจ้ง

แต่เจ้าสำนักไม่ต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอันเกิดแต่เหตุสุดวิสัย  หรือแต่สภาพแห่งทรัพย์สินนั้น  หรือแต่ความผิดของคนเดินทางหรือแขกอาศัยผู้นั้นเอง  หรือบริวารของเขา  หรือบุคคลซึ่งเขาได้ต้อนรับ

วินิจฉัย

โดยหลัก  เจ้าสำนักโรงแรมหรือสถานที่อื่นเช่นว่านั้นต้องรับผิดในความสูญหายหรือบุบสลายที่เกิดแก่ทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยซึ่งได้นำมาด้วย  แม้ความเสียหายหรือบุบสลายนั้นจะเกิดขึ้นเพราะคนที่ไปมาเข้าออก  ณ  โรงแรมหรือสถานที่เช่นนั้นตามมาตรา  674  ประกอบมาตรา   675 

กรณีตามอุทาหรณ์  บ้านฟ้าสวยซึ่งเป็นตึกแถวที่นายอับโชคเจ้าของตกแต่งเป็นห้องพักรองรับนักท่องเที่ยวเข้าพักโดยคิดค่าห้องเป็นรายวันนั้น  ถือได้ว่าเป็นสถานที่อื่นทำนองเดียวกับโรงแรมหรือโฮเต็ล  ดังนั้นเมื่อรถยนต์ของนายระเริงรักคนเดินทางที่เข้าพักขับมานั้นหายไป และนายระเริงรักได้แจ้งให้นายอับโชคทราบทันที  นายอับโชคจึงต้องชดใช้ราคารถยนต์ที่สูญหายไปนั้นให้แก่นายระเริงรักตามมาตรา  674  ประกอบมาตรา  675  วรรคแรก

ส่วนเงิน  4  หมื่นบาท  ที่หายไปนั้นถือเป็น  ของมีค่า  เมื่อนายระเริงรักมิได้นำฝากและแจ้งจำนวนเงินให้นายอับโชคทราบเมื่อตอนเข้าพัก  นายอับโชคจึงรับผิดพียง  5  พันบาทเท่านั้นตามมาตรา  675  วรรคสอง

สรุป  นายระเริงรักเรียกร้องให้นายอับโชคชดใช้ราคารถยนต์ที่สูญหายไปได้  ส่วนเงิน  4  หมื่นบาทที่หายไปนั้น  นายระเริงรักสามารถเรียกร้องได้เพียง  5  พันบาทเท่านั้น

WordPress Ads
error: Content is protected !!