การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2552
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2010
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ำประกัน จำนอง จำนำ
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ
ข้อ 1 ก กู้เงิน ข 500,000 บาท โดยมี ค เป็นผู้ค้ำ การกู้เงินทำกันถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงการค้ำประกันด้วย หลังจากนั้น 2 เดือน มี ง เป็นผู้ค้ำในหนี้รายนี้เพิ่มอีกคนหนึ่ง ต่อมา ก ผิดนัดชำระหนี้ ข จึงฟ้อง ค ให้รับผิด ค อ้างว่า เมื่อมี ง เป็นผู้ค้ำรายใหม่แล้ว ค ผู้ค้ำคนแรกควรจะพ้นความรับผิด ให้ท่านวินิจฉัยว่า ข้ออ้างของ ค ฟังขึ้นหรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 291 ถ้าบุคคลหลายคนจะต้องทำการชำระหนี้โดยทำนองซึ่งแต่ละคนจำต้องชำระหนี้สิ้นเชิงไซร้ แม้ถึงว่าเจ้าหนี้ชอบที่จะได้รับชำระหนี้สิ้นเชิงได้แต่เพียงครั้งเดียว (กล่าวคือลูกหนี้ร่วมกัน) ก็ดี เจ้าหนี้จะเรียกชำระหนี้จากลูกหนี้แต่คนใดคนหนึ่งสิ้นเชิง หรือแต่โดยส่วนก็ได้ตามแต่จะเลือก แต่ลูกหนี้ทั้งปวงก็ยังคงต้องผูกพันอยู่ทั่วทุกคนจนกว่าหนี้นั้นจะได้ชำระเสร็จสิ้นเชิง
มาตรา 682 วรรคสอง ถ้าบุคคลหลายคนยอมตนเข้าเป็นผู้ค้ำประกันในหนี้รายเดียวกันไซร้ ท่านว่าผู้ค้ำประกันเหล่านั้นมีความรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมกัน แม้ถึงว่าจะมิได้เข้ารับค้ำประกันร่วมกัน
วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ การค้ำประกันนั้น ถ้ามีผู้ค้ำประกันหลายคนในหนี้รายเดียวกัน แม้จะไม่ได้ค้ำประกันร่วมกัน ก็ต้องรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม ซึ่งเจ้าหนี้จะฟ้องผู้ค้ำคนใดคนหนึ่งหรือจะฟ้องทั้งหมดก็ได้ (มาตรา 291 ประกอบมาตรา 682 วรรคสอง)
ตามข้อเท็จจริงดังกล่าว เมื่อ ค และ ง ยอมตนเข้าเป็นผู้ค้ำประกันในหนี้รายเดียวกัน จึงต้องมีความรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม ทั้งนี้แม้ ค และ ง จะมิได้เข้ารับค้ำประกันร่วมกันก็ตาม และถึงแม้จะมีการเพิ่ม ง ผู้ค้ำประกันมาภายหลังก็หาทำให้ ค ผู้ค้ำประกันรายแรกพ้นความรับผิดแต่อย่างใด ดังนั้น เมื่อ ก ผิดนัดชำระหนี้ ข จึงฟ้อง ค ให้รับผิด ซึ่งเป็นกรณีที่เจ้าหนี้จะเรียกชำระหนี้จากลูกหนี้แต่คนใดคนหนึ่งโดยสิ้นเชิงย่อมสามารถทำได้ เพราะเป็นสิทธิของเจ้าหนี้ ข้ออ้างของ ค จึงฟังไม่ขึ้น (ฎ. 500/2507)
สรุป ข้ออ้างของ ค ฟังไม่ขึ้น