การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2549
ข้อสอบกระบวนวิชา LW 203 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยนิติกรรมและสัญญา
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี 4 ข้อ
ข้อ 1 นางมะโรงซึ่งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ได้ตกลงให้นางมะเส็งเช่าบ้านของตนที่ซื้อทิ้งไว้ที่จังหวัดเชียงใหม่โดยไม่ได้กำหนดเวลาการเช่ากันไว้ ต่อมาอีกสองปีนางมะโรงต้องการไปใช้ชีวิตอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ นางมะโรงจึงต้องการบอกเลิกสัญญาเช่าดังกล่าว นางมะโรงจึงได้ส่งหนังสือบอกเลิกการเช่าถึงนางมะเส็งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ โดยจ่าหน้าซองถึงนางมะเส็งตามที่อยู่บ้านที่เช่า
เมื่อเจ้าพนักงานไปรษณีย์นำหนังสือบอกเลิกการเช่าไปส่งให้นางมะเส็งถึงสามครั้ง แต่ไม่มีผู้รับเนื่องจากนางมะเส็งปิดประตูหน้าต่างแอบเงียบอยู่ในบ้าน สุดท้ายเจ้าพนักงานไปรษณีย์จำต้องส่งหนังสือ ฉบับดังกล่าวกลับคืนมายังบ้านของนางมะโรงที่กรุงเทพมหานคร โดยทำหมายเหตุลงไว้ด้วยว่า
“ส่งแล้วแต่ผู้รับไม่ยอมรับ” หลังจากที่นางมะโรงได้รับคืนหนังสือดังกล่าว นางมะโรงมีความรู้สึกโกรธนางมะเส็งเป็นอันมาก จึงโทรศัพท์ไปหานางมะเส็งแต่นางมะเส็งไม่รับโทรศัพท์ ด้วยความโกรธจัดนางมะโรงจึงตัดสินใจเดินทางไปบอกเลิกสัญญาเช่ากับนางมะเส็งที่จังหวัดเชียงใหม่ด้วยตนเอง
ขณะที่นางมะโรงอยู่ที่ท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ นางมะโรงได้พบนางมะเส็งโดยบังเอิญ นางมะโรงจึงพูดบอกเลิกสัญญาเช่ากับนางมะเส็งในขณะนั้นทันที แต่นางมะเส็งได้เอามืออุดหูไว้ ไม่ยอมให้ตนได้ยิน ดังนี้ ให้ท่านวินิจฉัยว่า การแสดงเจตนาบอกเลิกการเช่าของนางมะโรงในพฤติการณ์ต่างๆ ข้างต้นถือได้ว่ามีผลเป็นการบอกเลิกสัญญาเช่าบ้านหลังดังกล่าวแล้วหรือไม่ อย่างไร จงอธิบาย
ธงคำตอบ
มาตรา 168 การแสดงเจตนาที่กระทำต่อบุคคลซึ่งอยู่เฉพาะหน้าให้ถือว่ามีผลนับแต่ผู้รับการแสดงเจตนาได้ทราบการแสดงเจตนานั้น ความข้อนี้ให้ใช้ตลอดถึงการที่บุคคลหนึ่งแสดงเจตนาไปยังบุคคลอีกคนหนึ่งโดยทางโทรศัพท์
มาตรา 169 การแสดงเจตนาที่กระทำต่อบุคคลซึ่งมิได้อยู่เฉพาะหน้าให้ถือว่ามีผลนับแต่เวลาที่การแสดงเจตนานั้นไปถึงผู้รับการแสดงเจตนา
วินิจฉัย
นาง มะโรงซึ่งอยู่ที่กรุงเทพมหานครต้องการบอกเลิกสัญญาเช่าโดยได้ส่งหนังสือบอก เลิกการเช่าถึงนางมะเส็งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการที่นางมะโรงได้แสดงเจตนาบอกเลิกการเช่าต่อนางมะเส็งซึ่งเป็นบุคคลผู้มิได้อยู่เฉพาะหน้า เพราะทั้งสองไม่สามารถที่จะติดต่อทำความเข้าใจกันได้ในทันทีทันใด ดังนี้ การบอกเลิกสัญญาเช่าจะมีผลก็ต่อเมื่อการแสดงเจตนานั้นไปถึงผู้รับการแสดงเจตนา ตามมาตรา 169
การที่นางมะโรงได้ส่งหนังสือบอกเลิกการเช่าถึงนางมะเส็งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ โดยเจ้าพนักงานไปรษณีย์นำหนังสือบอกเลิกการเช่าไปส่งให้นางมะเส็ง แต่นางมะเส็งพยายามหลีกเลี่ยงไม่ยอมรับการแสดงเจตนาทั้งที่ตนรู้อยู่ว่าเป็นหนังสือบอกเลิกการเช่าแต่ก็ยังไม่ยอมรับไว้ ดังนี้ถือว่าการบอกเลิกการเช่า มีผลนับแต่เวลาที่เจ้าพนักงานไปรษณีย์นำจดหมายไปส่งยังบ้านที่เช่าแล้ว เนื่องจากการแสดงเจตนานั้นไปถึง ผู้รับการแสดงเจตนาแล้ว ตามมาตรา 169 ส่วนพฤติการณ์ของนางมะโรงต่อๆมา
ไม่ว่าจะเป็นการที่โทรศัพท์ไปหานางมะเส็งแต่นางมะเส็งไม่รับโทรศัพท์ หรือที่นางมะโรงได้พูดบอกเลิกสัญญาเช่ากับนางมะเส็งในขณะที่พบนางมะเส็งที่สนามบินแต่นางมะเส็งได้เอามืออุดหูไว้ไม่ยอมให้ตนได้ยิน หาจำเป็นต้องพิจารณาไม่ เนื่องจากว่าการแสดงเจตนาได้มีผลนับแต่เวลาที่เจ้าพนักงานไปรษณีย์นำจดหมายไปส่งยังบ้านเช่าแล้ว จึงไม่ต้องพิจารณามาตรา 168 อีก
สรุป การแสดงเจตนาบอกเลิกการเช่าของนางมะโรงถือว่ามีผลเป็นการบอกเลิกสัญญาเช่าบ้านหลังดังกล่าวแล้ว นับแต่เวลาที่เจ้าพนักงานไปรษณีย์นำจดหมายไปส่งยังบ้านที่เช่าแล้ว ตามมาตรา 169