การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2561
ข้อสอบกระบวนวิชา MCS 1350 (MCS 1300) หลักการพูดเบื้องต้น
ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว
ข้อ 1. – 10. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) สุนทรพจน์
(2) ปฏิสันถาร
(3) คํานํา
(4) เนื้อหา
(5) สรุป

1. ข้อใดต่างจากข้ออื่นทั้งหมด
ตอบ 1 หน้า 34 โครงสร้างของการพูด หรือลําดับของการพูดก่อน – หลัง ในการพูดตามปกตินั้นประกอบด้วย 1. คําปฏิสันถาร
2. คํานํา
3. เนื้อหา
4. สรุป
5. คําลงท้าย
(ส่วนของสรุปและคําลงท้ายอาจสลับที่กันได้ ซึ่งใช้ในกรณีที่ผู้พูดมีความเชี่ยวชาญพอสมควร)

Advertisement

2.เป็นผลรวมของข้ออื่น
ตอบ 5 หน้า 38, (คําบรรยาย) สรุปหรือส่วนจบเรื่อง หมายถึง ความคิดรวบยอดของเรื่อง ซึ่งเป็น ผลรวมของโครงสร้างการพูดทั้งหมด โดยการสรุปหรือการจบเรื่องที่ดีจะต้องเป็นส่วนที่สร้าง ความประทับใจ และมีการขมวดประเด็นหรือแสดงผลสําเร็จของการพูด

3. เป็นสิ่งที่พัฒนาขึ้นมาจากข้อมูลดิบ
ตอบ 4 หน้า 36, (คําบรรยาย) เนื้อหา หมายถึง เนื้อเรื่องที่เป็นสาระในการสื่อสาร ข้อมูลหลักของ การนําเสนอ หรือกลวิธีการนําเสนอที่เน้นโครงสร้างและลําดับขั้นตอนในการถ่ายทอดข่าวสาร ดังนั้นเนื้อหาจึงมีปริมาณชุดข้อความมากที่สุด และเป็นสิ่งที่พัฒนาขึ้นมาจากข้อมูลดิบ

4 สร้างความคุ้นเคยโดยเริ่มต้นการมีปฏิสัมพันธ์
ตอบ 2 หน้า 34, (คําบรรยาย) คําปฏิสันถาร หมายถึง คําทักทายผู้ฟัง เพื่อที่จะสร้างความคุ้นเคย โดยเริ่มต้นการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ฟังก่อนเป็นลําดับแรก ซึ่งมีแนวทางปฏิบัติที่นิยมกัน ดังนี้
1. การทักทายในการเริ่มพูดโดยปกติแล้ว ควรกล่าวไม่เกิน 3 กลุ่มผู้ฟัง
2. คําปฏิสันถารมีทั้งแบบเป็นพิธีการ ไม่เป็นพิธีการ และกึ่งพิธีการ
3. ควรเริ่มต้นจากการทักประธานในพิธี หรือผู้ที่มีศักดิ์และตําแหน่งสูงสุดในการรับฟังก่อน แล้วจึงทักผู้ที่มีตําแหน่งรองลงไปจากใหญ่ไปเล็ก แต่ถ้ามีพระภิกษุ นักบวช และผู้ทรงศีล
ต้องทักก่อนเป็นลําดับแรก
4. เวลาทักใครแล้วต้องหันหน้าไปหาด้วย ฯลฯ

5. อารัมภบทอยู่ในกลุ่มนี้
ตอบ 3 หน้า 35, (คําบรรยาย) คํานํา หมายถึง การเริ่มเข้าเรื่อง เป็นการเกริ่น อารัมภบท หรือเป็น บทนําเข้าสู่เนื้อหา ซึ่งลักษณะการกล่าวคํานําที่ดี ได้แก่
1. เป็นการเกริ่นด้วยเนื้อหาที่เร้าใจ
2. เป็นคํานําที่ชี้ให้เห็นประเด็นสําคัญ หรือเสนอแนวคิดรวบยอดของเรื่อง (แต่ไม่ใช่การสรุป สิ่งที่พูดเอาไว้ทั้งหมด)
3. เป็นบทนําที่ปูพื้นเหตุการณ์เอาไว้ก่อน หรือโยงเข้าสู่ข่าวสําคัญ
4. เป็นส่วนที่ดึงดูดจิตใจ และสร้างความสนใจให้ติดตามเนื้อหา โดยอาศัยข้อมูลที่กระตุ้น ความรู้สึกหรือสร้างอารมณ์ร่วมในประเด็นหรือชุดข้อความที่น่าสนใจ ฯลฯ

6 เป็นการสื่อสารกระบวนการที่เน้นโครงสร้างและลําดับขั้นตอนในการถ่ายทอดข่าวสาร
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 3. ประกอบ

7. สื่อสารโดยอาศัยข้อมูลที่เป็นความรู้สึกร่วมในประเด็นหรือชุดข้อความที่น่าสนใจ
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 5. ประกอบ

8. มีปริมาณชุดข้อความมากที่สุด
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 3. ประกอบ

9.ไม่จําเป็นต้องมาวิพากษ์ตนเองอีกต่อไปแล้ว
ตอบ 5 หน้า 40, (คําบรรยาย) ข้อบกพร่องของการสรุป คือ หลีกเลี่ยงการจบแบบยุติเอาดื้อ ๆ อย่าจบเพราะหมดเวลา อย่าขอโทษ ขออภัยที่ต้องจบหรือหาที่ลงไม่ได้ นอกจากนี้ผู้พูด ไม่ควรวิพากษ์ตนเองหรือถ่อมตัวว่า ตนไม่มีความรู้ในเรื่องที่พูด มาพูดเพราะเหตุจําเป็น เพราะเป็นการไม่ให้เกียรติผู้ฟัง และยังแสดงถึงความไม่มั่นใจในตัวผู้พูดอีกด้วย

10. สร้างความประทับใจในตัวผู้ส่งสาร
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 2. ประกอบ

11. การถ่ายทอดข่าวสารของผู้พูดจะอาศัย “ระหว่างบุคคล” และ “สื่อมวลชน”
(1) เสียง
(2) สําเนียง
(3) ท่าทาง
(4) ช่องทาง
(5) ระยะห่าง
ตอบ 4 (คําบรรยาย) การถ่ายทอดสาระเนื้อหาของผู้พูด โดยปกติจะอาศัยช่องทาง “ระหว่างบุคคล” ซึ่งก็คือ ใช้บทบาทของความเป็นตัวตนระหว่างบุคคลในการแลกเปลี่ยนความรู้ข่าวสารต่าง ๆ และ “สื่อมวลชน” ซึ่งก็คือ วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ฯลฯ

12. ในกระบวนการรับรู้ข่าวสารด้วยการพูดจะเกิดขึ้นเป็นลําดับแรกของการพบปะ
(1) ตัวตน
(2) เสียง
(3) อารมณ์
(4) ท่าที
(5) การประสานสายตา
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ในกระบวนการรับรู้ข่าวสารด้วยการพูด สิ่งที่จะเกิดขึ้นเป็นลําดับแรกของ การพบเห็นเป็นส่วนใหญ่ คือ ตัวตนของผู้พูด ซึ่งได้แก่ บุคลิกภาพทั้งหมดที่ปรากฏออกมา

13 การออกแบบสาระข่าวสาร หมายถึง
(1) สร้างประโยค
(2) ประมวลเรื่องราว
(3) เลือกคําพูด
(4) ติดตามข่าวสาร
(5) ตีความข้อมูล
ตอบ 2 หน้า 11, (คําบรรยาย) การพูดที่ดี มีประสิทธิภาพ และหวังประสิทธิผลนั้น มีองค์ประกอบ ที่สําคัญอยู่ทั้งหมด 3 สิ่ง ดังนี้
1. การปรับปรุงและพัฒนาบุคลิกภาพตัวผู้พูดในการนําเสนอ
2. การวิเคราะห์ผู้ฟังกลุ่มเป้าหมายและสถานการณ์การพูด (กาลเทศะ)
3. การเลือกเรื่องพูด และประมวลเนื้อหาเรื่องราวเพื่อออกแบบสาระข่าวสาร/เนื้อหาในการพูด

14. พิจารณาจากวิธีการนําเสนอ ความชัดเจน และการถ่ายทอดอารมณ์
(1) ช่องทาง
(2) เสียง
(3) นิสัย
(4) อุปกรณ์
(5) ภูมิหลัง
ตอบ 2 หน้า 13 – 14, (คําบรรยาย) เสียง คือ การเปล่งวาจาออกมา ซึ่งการที่จะใช้เสียงพูดให้ มีประสิทธิภาพจะต้องพิจารณาจากวิธีการนําเสนอ ความชัดเจน และการถ่ายทอดอารมณ์ (สําเนียง)

15. ข้อใดไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่า การสื่อสารที่ไม่ใช้ถ้อยคํา
(1) การเลือกเวลา
(2) รูปแบบโต๊ะประชุม
(3) สีของแผ่นพับ
(4) ตัวอย่างเนื้อหาที่ได้จากข่าวหนังสือพิมพ์
(5) อักษร RU ที่ปกเสื้อวิทยากร
ตอบ 4 (คําบรรยาย) ภาษาในเชิงวาทวิทยานั้น ประกอบด้วย 2 ส่วนสําคัญ คือ
1. วัจนภาษา (ภาษาที่ใช้ถ้อยคํา) ได้แก่ ภาษาพูด และภาษาเขียน
2. อวัจนภาษา (ภาษาที่ไม่ใช้ถ้อยคํา) ได้แก่ น้ําเสียง สําเนียง กิริยาท่าทาง สีหน้า การแต่งกาย เวลา กลิ่น ภาพ สี ลักษณะตัวอักษร และวัสดุภาษาอื่น ๆ ที่สามารถสื่อความเข้าใจกันได้

16. พิจารณาจากความน่าเชื่อถือและเป็นอวัจนภาษาที่สอดคล้องกับสาระการนําเสนอ
(1) สติ
(2) เสียง
(3) ปฏิสัมพันธ์
(4) ความรู้
(5) ท่าทาง
ตอบ 5 หน้า 18, (คําบรรยาย) หลักการแสดงกิริยาท่าทางในการพูด ได้แก่
1. เป็นการเรียกความสนใจจากผู้ฟัง สร้างประสิทธิภาพการสื่อสาร
2. จําไว้ว่าคนเราสนใจภาพเคลื่อนไหวมากกว่าภาพนิ่ง
3. แสดงท่าทางประกอบเมื่อต้องการอธิบาย เน้นข้อความ หรือให้ความสําคัญกับสิ่งที่พูด เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ ซึ่งหากเป็นเรื่องสําคัญที่ต้องเน้นเป็นพิเศษควรใช้หลักการ ตอกย้ำแต่ไม่ซ้ำซาก
4. กิริยาท่าทางต้องสอดคล้องกับความรู้สึกนึกคิดและสาระการนําเสนอ
5. สุภาพเรียบร้อย เหมาะกับโอกาส เนื้อหาที่เตรียมมา และรูปแบบกิจกรรม
6. การแสดงท่าทางประกอบต้องมีชีวิตจิตใจ ไม่ซ้ำซากจําเจ และอย่าทําเป็นระบบจนผู้ฟัง คุ้นเคยหรือเดาทางออก โดยควรทําให้เห็นเด่นชัด และมีความหลากหลาย

17. ข้อใดสนับสนุนแนวคิดที่ว่าการพูดสร้างบุคคลเป็นผู้มีวิจารณญาณที่ดี
(1) การรู้จักใช้เหตุผลในการนําเสนอ
(2) สาระที่พูดต้องพิสูจน์ความจริงได้
(3) ต้องคิดให้รอบคอบก่อนพูด
(4) ผู้พูดต้องปรับตัวตามสถานการณ์
(5) การพูดต้องอาศัยความมีสติปัญญา ฉลาด และรอบรู้
ตอบ 1 หน้า 5, (คําบรรยาย) จุดมุ่งหมายของวิชาการพูดประการหนึ่ง คือ เพื่อฝึกให้ผู้เรียนเป็น ผู้มีวิจารณญาณที่ดี รู้จักใช้เหตุผลในการนําเสนอ รู้จักคิดรู้จักโต้แย้ง และรู้จักใช้ข้ออ้างอิงที่มีหลักฐานในการพูด

18. เสียงในเชิงวาทวิทยาใช้สื่อสารถึง…….โดยตรง
(1) เนื้อหา
(2) อารมณ์
(3) บริบท
(4) สภาวะ
(5) ความคิด
ตอบ 1 (คําบรรยาย) การพูดในเชิงวาทวิทยา หมายถึง เครื่องมือทางการสื่อสารที่ใช้เสียงและ สําเนียงโต้ตอบประกอบกันเสมอ โดยเสียงจะเป็นเพียงการเปล่งวาจาหรือเนื้อหาออกมา ส่วนสําเนียงจะบอกถึงอากัปกิริยาหรืออารมณ์ที่สื่อออกไป ดังนั้นเสียงจะไม่สามารถสื่อสารถึงอารมณ์ความรู้สึกได้โดยตรง หากไม่มีสําเนียงมาช่วย

19. ภาษาในเชิงวาทวิทยานั้น ประกอบด้วย
(1) ภาษาที่ใช้ถ้อยคํา – ภาษาที่ไม่ใช้ถ้อยคํา
(2) ภาษาที่ใช้ถ้อยคํา – ภาษาท่าทาง
(3) ภาษาทางการ – ภาษาพิธีการ
(4) ภาษาหนังสือ – ภาษาท่าทาง(5) ภาษาพูด – ภาษาท่าทาง
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 15. ประกอบ

20 ข้อใดไม่ได้หมายถึงการใช้ภาษาท่าทางเพื่อการสื่อสารร่วมกับวัจนภาษา
(1) นางสาวลีลาวดีชักสีหน้างอนแฟนหนุ่ม เพราะผิดนัดเป็นประจํา
(2) คุณตาปลื้มขยิบตาให้หลานชายเป็นนัยว่า เพื่อนหญิงของเขานิสัยดีเป็นที่ถูกใจ
(3) บ่ายนี้ร้อนจัดจนลูกจ้างในร้านพากันปาดเหงื่อ แต่ก็ขยันทํางานต่อจนหมดกะ
(4) หลานสาวชวนคุณปู่ไปทําบุญตักบาตรครบรอบวันเกิดเป็นที่น่าชื่นใจ
(5) สาวน้อยตัวอิจฉาหว่านเสน่ห์ให้พระเอกโดยหวังรวบรัดครอบครองมรดก
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 15. และ 16. ประกอบ
(ข้อความในตัวเลือกข้อ 4 ใช้แต่ภาษาพูด ซึ่งเป็นวัจนภาษาเพียงอย่างเดียว)

21. การพูดที่ดูมีกาลเทศะตามเนื้อหา เกิดจาก
(1) สภาพแวดล้อม
(2) การเลี้ยงดูทีดี
(3) การวิเคราะห์ผู้รับสาร
(4) พื้นฐานความรู้
(5) ความเข้าอกเข้าใจกันและกัน
ตอบ 1 (คําบรรยาย) การพูดที่ดูมีกาลเทศะตามเนื้อหา เกิดจากการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมหรือ สถานการณ์ที่จะไปพูด ได้แก่ เวลา สถานที่ โอกาส และเจ้าภาพหรือธรรมชาติของหน่วยงาน ที่เชิญไปพูด เพราะสภาพแวดล้อมหรือสถานการณ์การพูดจะบ่งบอกว่าเนื้อหาที่จะนําไปพูด เหมาะสมหรือไม่ หากไม่เหมาะสมก็จะต้องปรับเปลี่ยนเนื้อหาบางส่วน ส่วนใหญ่ หรือทั้งหมด

22. ข้อใดเป็นสิ่งที่สําคัญที่สุดในการพูดถึงเรื่องราวที่มีความสําคัญ
(1) ละเอียด
(2) ตรงประเด็น
(3) เป็นทางการ
(4) ไพเราะ
(5) เป็นกันเอง
ตอบ 2 (คําบรรยาย) สิ่งสําคัญที่สุดในการพูดถึงเรื่องราวที่มีความสําคัญ คือ การพูดให้ตรงประเด็น ไม่อ้อมค้อมหรือเยิ่นเย้อ เพื่อเน้นจุดสําคัญที่ต้องการจะให้คนฟังได้รับทราบ

23. ข้อใดคือสิ่งที่ต้องทําเป็นอันดับแรกในการพูดที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางสังคมทุกอย่าง
(1) หาแหล่งอ้างอิง
(2) ประสานงานกับเจ้าภาพ
(3) ค้นคว้าข้อมูลทันที
(4) ร่างเนื้อหา
(5) วิเคราะห์ปัจจัยการสื่อสาร
ตอบ 2(คําบรรยาย) ในการเตรียมเนื้อเรื่องที่จะพูดนั้น ผู้พูดจะต้องประสานงานกับเจ้าภาพก่อน เป็นลําดับแรก เพราะเจ้าภาพเป็นตัวแปรหรือปัจจัยสําคัญในการจัดทิศทางหรือแนวความคิด ของเนื้อเรื่องที่จะพูด โดยผู้พูดต้องเลือกประเด็นหรือเนื้อหาที่สอดคล้องกับความต้องการหรือ ความสนใจของเจ้าภาพ ก่อนที่จะวางเค้าโครงเรื่องเพื่อการนําเสนอ

24. กระบวนการพูดที่มีประสิทธิผลนั้น ประกอบด้วย
(1) วิเคราะห์ผู้รับสาร – ปรับปรุงตน – พัฒนาบุคลิกภาพ
(2) วิเคราะห์ผู้ฟัง – นําเสนอแนวคิด – ออกแบบการพูด
(3) วิเคราะห์ผู้รับสาร – ปรับปรุงบุคลิกภาพ – ประมวลเนื้อหา
(4) วิเคราะห์ตนเอง – สร้างสรรค์เนื้อหา – นําเสนอบนเวที
(5) วิเคราะห์เนื้อหา – สรุปประเด็น – นําเสนอบนเวที
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 13. ประกอบ

25. หากเพื่อนของนักศึกษาจะไปพูดกับประชาชนในฐานะนักสื่อสารองค์กรของหน่วยงานที่ไม่แสวงหากําไร ตัวนักศึกษาจะแนะนําวิธีเลือกเรื่องที่จะพูดอย่างไร
(1) ผู้พูดสนใจ – ผู้ฟังสนใจด้วย
(2) ผู้พูดมีความรู้ – ผู้ฟังสนใจ
(3) เรื่องที่ทันสมัย – ผู้ฟังน่าจะชอบ
(4) เรื่องดีมีสาระ – ผู้พูดอยากนําเสนอ
(5) ดูท้าทายความสามารถ – ผู้ฟังยังไม่คุ้น
ตอบ 1 หน้า 23 (คําบรรยาย) ในการเลือกเรื่องไปพูดนั้น ผู้พูดต้องพยายามเลือกเรื่องที่ทั้งผู้พูดและ ผู้ฟังสนใจเป็นอันดับแรก ถ้าเป็นเรื่องที่ผู้พูดถนัด มีความรู้ และสามารถหาข้อมูลมานําเสนอได้ ก็จะทําให้พูดได้ดี และถ้าเรื่องนั้นผู้ฟังสนใจด้วยก็ดูเหมือนว่าผู้พูดได้ประสบความสําเร็จขั้นต้น ในการเรียกความสนใจจากผู้ฟัง แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ผู้ฟังไม่สนใจ การพูดนั้นก็จะล้มเหลว

26. โครงร่าง (Outline) มีประโยชน์ต่อการเตรียมเรื่องพูดอย่างไร
(1) ทําให้มีรสนิยม
(2) ทําให้มีเอกลักษณ์
(3) ทําให้น่าติดตาม
(4) ทําให้น่าเชื่อถือ
(5) ทําให้มีเอกภาพ
ตอบ 5หน้า 31 – 32, (คําบรรยาย) ในการเตรียมเรื่องพูดนั้น ผู้พูดจําเป็นที่จะต้องเขียนโครงร่าง หรือโครงเรื่อง (Outline) ขึ้นมาก่อน ซึ่งมีประโยชน์ดังนี้
1. ช่วยวางแนวทางว่าเรื่องที่จะพูดนั้นมีหัวข้ออะไรบ้าง
2. ช่วยเป็นแนวทางการเรียงลําดับ (Order) เรื่องที่จะพูด
3. ช่วยทําให้เนื้อหามีเอกภาพเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่หลุดกรอบแนวคิดหลักของเรื่อง
4. ช่วยให้การดําเนินเรื่องไม่สับสน และง่ายแก่การจดจําไปพูด

27. ก่อนจะวางเค้าโครงเรื่องเพื่อการนําเสนอ อะไรคือสิ่งที่ต้องทําทุกครั้ง
(1) ประมวลข้อมูล
(2) ตรวจสอบอุปกรณ์
(3) หาทีมงาน
(4) ติดต่อเจ้าภาพ
(5) สํารวจงบประมาณ
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 23. ประกอบ

28. ไม่ว่าจะขึ้นคํานําด้วยประโยคใด ๆ ก็ตาม สิ่งที่ผู้พูดไม่สามารถละเลยได้ก็คือ
(1) ปฏิสันถารกับผู้ฟังก่อน
(2) สร้างความตื่นเต้นเร้าใจผู้ฟัง
(3) กล่าวอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ
(4) สรุปเนื้อเรื่อง
(5) กล่าวสวัสดี
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ

29. ตามหลักการพูดแล้ว การขยายความเนื้อเรื่องจะเริ่มจาก
(1) การเปรียบเทียบ
(2) เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
(3) ความเห็น
(4) การนิยามหรือให้คําจํากัดความเสมอ
(5) ประเด็นคําถามสําคัญ
ตอบ 4 หน้า 37, (คําบรรยาย) ตามหลักการพูดแล้ว การขยายความเนื้อเรื่องจะเริ่มจากการนิยาม หรือให้คําจํากัดความก่อนเสมอ ซึ่งหมายถึง การอธิบายความหมายของศัพท์และประเด็นหลัก ด้วยการสร้างประโยคใหม่ แต่ความหมายเหมือนเดิม

30. การเริ่มพูดที่ดีควรจะ
(1) พูดดัง ๆ เปิดประเด็น
(2) พูดเร็วกว่าปกติในช่วงแรก
(3) พูดเบา ๆ ก่อน
(4) ทักทายผู้ที่คุ้นเคยก่อน
(5) พูดชัด ๆ และช้ากว่าปกติเล็กน้อย
ตอบ 5 (คําบรรยาย) เมื่อถึงเวลาที่ต้องพูดหลังจากมีการแนะนําตัวเสร็จแล้ว ผู้พูดควรพยายามรักษา บุคลิกภาพให้ดีและสง่างามที่สุดก่อนที่จะกล่าวคําอะไรออกไป โดยควรคํานึงถึงสิ่งต่าง ๆ ดังนี้

1. ในนาทีแรกที่เริ่มต้นพูดนั้นควรพูดชัด ๆ และช้ากว่าปกติเล็กน้อย ไม่ต้องรีบกล่าว
2. พยายามพูดให้ได้ตามที่เตรียมมาด้วยความมั่นใจ
3. เริ่มต้นด้วยการทักทาย กล่าวนํา และเปิดประเด็นด้วยน้ําเสียงที่ชัดเจน

31. สิ่งใดควรกระทําเมื่อขึ้นเวทีพูดเป็นอันดับแรก
(1) ทดสอบไมโครโฟน
(2) ตรวจสอบอุปกรณ์ช่วยนําเสนอ
(3) ยิ้มกับผู้ฟัง
(4) พูดขออภัยในความผิดพลาดของตัวเอง
(5) กล่าวขอบคุณเจ้าภาพ
ตอบ 3หน้า 52 – 53, (คําบรรยาย) ข้อแนะนําเกี่ยวกับการขึ้นเวทีพูด มีดังนี้
1. พิธีกรกล่าวแนะนําและเชิญผู้พูดขึ้นพูด
2. ผู้พูดเดินไปทําความเคารพพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และทําความเคารพ ผู้ที่เป็นประธานในงาน จากนั้นจึงเดินเข้าที่ ณ ที่พูด
3. การเข้าไปยังที่นั่งของผู้พูดหลังจากพิธีกรเชิญผู้พูดขึ้นพูดแล้ว ผู้พูดไม่ต้องทําความเคารพ
หรือทักทายใครอีกแล้ว
4. เข้าที่พูดในลักษณะที่สง่างาม และผู้พูดควรยิ้มแย้มด้วยใบหน้าแจ่มใสเป็นอันดับแรก เพราะกฎเกณฑ์ง่าย ๆ ของการพูด คือ ยิ้มแย้มดีกว่าทิ้งตึง
5. หลีกเลี่ยงการกระแอมกระไอก่อนพูด ไม่ควรทดสอบเสียงโดยใช้มือเคาะไมโครโฟน หรือพูดว่า “ฮัลโหล 6. ในขณะที่พูด เมื่อผู้ฟังแสดงความพอใจด้วยการปรบมือ หรือแสดงความไม่พอใจด้วยการ โห่ร้องขึ้นมา ผู้พูดควรหยุดพูดก่อนชั่วคราว จนเมื่อเสียงของผู้ฟังซาลงจึงเริ่มพูดต่อไป ฯลฯ

32 เมื่อผู้ฟังแสดงความพอใจอย่างมาก ผู้พูดควรปฏิบัติอย่างไร
(1) หยุดพูดสักครู่
(2) ทักทายอีกครั้ง
(3) พูดเร้าอารมณ์เพิ่มมากขึ้น
(4) กล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ
(5) ทําความเคารพ
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 31. ประกอบ

33. อะไรคือ “ความเป็นทางการ” ในการพูด
(1) การรู้จักกาลเทศะ
(2) เข้ากับงานสังคมได้
(3) มีเจ้าภาพที่แน่นอน
(4) การพูดตามกําหนดการในพิธี
(5) การปฏิบัติตามแบบแผนที่กําหนดไว้
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ความเป็นทางการในการพูด คือ การรู้จักกาลเทศะ (เวลาและสถานที่) ทั้งนี้ เพราะการพูดที่ดี หมายถึง การใช้ถ้อยคํา น้ําเสียง รวมทั้งอากัปกิริยาอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสมตามกาลเทศะ สอดคล้องกับจรรยามารยาท แบบธรรมเนียมนิยมของแต่ละสังคม

34. ข้อใดที่ทําให้ความตื่นเต้นและประหม่าเวทีลดน้อยลงได้ตามธรรมชาติของมนุษย์
(1) ออกซิเจน
(2) อาหารและเครื่องดื่ม
(3) อุณหภูมิห้องที่เหมาะสม
(4) การต้อนรับของเจ้าภาพ
(5) เครื่องมือที่ทันสมัย
ตอบ 1 หน้า 54 – 55, (คําบรรยาย) วิธีแก้ความตื่นเวที ซึ่งสามารถทําให้อาการตื่นเต้นประหม่า
บรรเทาลงไปได้ มีดังนี้
1. หายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วผ่อนลมหายใจช้า ๆ 4 – 5 ครั้ง เพราะออกซิเจนจะช่วยให้หัวใจเต้นช้าลง ทําให้ลดความตื่นเต้นลงไปได้
2. เมื่อเริ่มพูดอย่าพูดเร็ว ให้พูดช้า ๆ ยิ้มแย้ม และประสานสายตากับผู้ฟัง
3. พยายามคิดว่าไม่มีอะไรน่ากลัว และผู้ฟังก็อยากฟังเราพูด

4. หลีกเลี่ยงการแต่งกายที่ตึง รัด และเป็นอุปสรรคต่อการพูด
5. ทําตัวตามสบาย อ่านหนังสือพิมพ์ หรือฟังเพลงที่ชอบก่อนขึ้นพูด ฯลฯ

35. ผู้พูดไม่สามารถสร้างความเป็นมิตรและความเป็นกันเองกับผู้ฟังได้ด้วย
(1) การสร้างมาตรฐานจริยธรรม
(2) การระวังตัวและรักษามารยาทอย่างดี
(3) การสํารวมอากัปกิริยาตามสถานะ
(4) การใช้ถ้อยคําและท่าทางที่เหมาะสม
(5) แสดงความเกรงใจและกล่าวขออภัยกรณีที่กระทําการผิดพลาด
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ผู้พูดต้องแสดงบุคลิกภาพที่สร้างความเป็นมิตรและความเป็นกันเองกับผู้ฟัง ดังนี้
1. การมีบุคลิกลักษณะท่าทางและรสนิยมที่ดี สุภาพ มีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส
2. การรักษามารยาทตามธรรมเนียม
3. การสํารวมอากัปกิริยาตามสถานะ
4. การใช้ถ้อยคําและแสดงท่าทางที่เหมาะสม
5. การแสดงความเกรงใจและกล่าวขออภัยกรณีที่กระทําการผิดพลาด ฯลฯ

36. ข้อใดมีความสัมพันธ์กับการฟังเพื่อวิเคราะห์
(1) แยกแยะประเด็นและสาระ
(2) มีจรรยาบรรณ
(3) มีความสํารวมขณะฟัง
(4) จดจําเนื้อหาสําคัญให้ได้
(5) มีเหตุผลพร้อมที่จะโต้แย้งได้
ตอบ 1(คําบรรยาย) วัตถุประสงค์ในการฟัง มีดังนี้
1. ฟังเพื่อรับรู้เนื้อหาสาระและข้อมูล
2. ฟังเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ
3. ฟังเพื่อเข้าถึงทัศนคติ ความคิดเห็น
4. ฟังเพื่อความบันเทิง ความเพลิดเพลิน
5. ฟังเพื่อวิเคราะห์ (แยกแยะประเด็นและสาระสําคัญ) ประเมินผล และวิจารณ์

37. เมื่อจัดทําต้นฉบับเสร็จเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่จะต้องดําเนินการต่อไป คือ
(1) เก็บไว้ในที่มิดชิด
(2) จัดวางไว้ที่ผู้พูดจะต้องขึ้นพูด
(3) ส่งต่อไปให้พิธีกร
(4) เข้าเล่มให้เรียบร้อย
(5) ทําสําเนา
ตอบ 5หน้า 40, (คําบรรยาย) สิ่งที่ผู้พูดต้องดําเนินการเมื่อจัดทําต้นฉบับเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีดังนี้
1. ตรวจทานและแก้ไขอย่างรอบคอบ
2. ซ้อมก่อนพูดหรือก่อนนําต้นฉบับไปใช้เสมอ
3. กําจัดสิ่งที่ไม่เหมาะสมออกไป
4. ทําสําเนาเก็บไว้อย่างน้อย 1 ชุด เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องประสานงานเก็บสํารองไว้ และป้องกันความผิดพลาด ฯลฯ

38. หากต้องพูดให้ความรู้หัวเรื่อง “ภัยพิบัติเกิดขึ้นได้ทุกนาที : ทุกชีวีอย่าประมาท” นักศึกษาจะใช้แนวคิดใดในการดําเนินเรื่อง
(1) การระลึกถึงคุณงามความดี
(2) ความเมตตากรุณา
(3) ท้าทายสังคม
(4) โอนอ่อนผ่อนตาม
(5) การป้องกันความเสี่ยง
ตอบ 5 (คําบรรยาย) แนวคิดในการดําเนินเรื่องมีอยู่หลายวิธี ซึ่งนักพูดจะต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม
กับหัวเรื่องที่จะพูด ได้แก่
1. การสร้างคุณงามความดีในวิชาชีพของตน
2. การพัฒนาตนเองเพื่อสังคม
3. การท้าทายให้ปรับเปลี่ยน
4. การป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ฯลฯ

39. ข้อใดไม่ส่งผลกับการเลือกหัวข้อที่จะพูดโดยตรง
(1) กระแสสาธารณมติ
(2) แผนงานที่ต้องดําเนินการ
(3) แผนหน่วยงาน
(4) ความต้องการของเจ้าภาพ
(5) สุขภาพของตัวผู้พูดเอง

ตอบ 5 (คําบรรยาย) ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเลือกหัวข้อที่จะพูดโดยตรง ได้แก่
1. ความต้องการของเจ้าภาพ
2. กระแสสาธารณมติ
3. นโยบาย/แผนของหน่วยงานที่ไปพูด
4. แผนงานที่ต้องดําเนินการ
5. ความเหมาะสมกับกลุ่มผู้ฟัง

40. ในการพูดชักจูงใจ สิ่งสําคัญที่ทําให้ผู้ฟังเชื่อถือในตัวผู้พูดในเบื้องต้นคืออะไร
(1) มาตรฐานสังคมและทักษะการนําเสนอ
(2) ถ้อยคําที่มีน้ำหนัก มีการอ้างอิง
(3) ความมีชีวิตชีวาและท่าทางของผู้พูด
(5) พยาน หลักฐาน และข้อมูล
(4) น้ำเสียง ท่าทาง และคําพูด
ตอบ 5 (คําบรรยาย) ในการพูดแบบชักจูงใจ สิ่งสําคัญที่ทําให้ผู้ฟังเกิดการตัดสินใจ คือ ผู้พูดจะต้อง ยกตัวอย่าง ยกเหตุผลข้อเท็จจริง พยาน หลักฐาน ข้อมูล และข้อโต้แย้งต่าง ๆ ขึ้นมาอ้างอิง เพื่อให้ผู้ฟังเชื่อถือในตัวผู้พูด และเห็นด้วยจนเกิดการตัดสินใจในที่สุด

41. ข้อใดไม่เป็นองค์ประกอบหลักของการพูดเพื่อชักจูงใจ
(1) ผลตอบแทนที่ได้
(2) แรงจูงใจเพื่อใช้กระตุ้นการกระทํา
(3) ความต้องการหรือความปรารถนาที่มีอยู่เดิม
(4) จุดอ่อนที่ผู้ฟังแสดงออกมา
(5) แนวทางตัดสินใจในการเลือกแนวทางการกระทํา
ตอบ 4 (คําบรรยาย) องค์ประกอบหลักของการพูดเพื่อชักจูงใจ มีดังนี้
1. ผลตอบแทนที่ได้
2. แรงจูงใจเพื่อใช้กระตุ้นการกระทํา
3. ความต้องการหรือความปรารถนาที่มีอยู่เดิม
4. อิทธิพลทางใจหรือแนวทางตัดสินใจในการเลือกแนวทางการกระทํา

42. ช่องทางการสร้างความรู้ความเข้าใจในทางวาทวิทยา คือ
(1) โสตประสาท
(2) เครื่องมือ
(3) ภาวะจิตใจ
(4) สื่อ
(5) การกระทํา
ตอบ 2 หน้า 7 (คําบรรยาย) เครื่องมือสื่อความหมาย (Channel) หมายถึง ช่องทางหรืออะไรก็ตาม
ที่ผู้พูดนํามาใช้เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการนําเสนอ อันจะส่งผลต่อการสร้างความรู้ความเข้าใจ เข้าถึงอารมณ์ความรู้สึก เข้าแทรกแซงกระบวนการคิดและความเชื่อ แบ่งออกเป็น
1. อวัจนภาษา
2. โสตทัศนูปกรณ์
3. บุคคลและวัตถุพยาน

43.“ภาพพจน์” ในการสื่อสารแบบวาทวิทยา คือ

(1) เห็นชอบ
(2) เห็นตาม
(3) เห็นดี
(4) เห็นได้
(5) เห็นถูก
ตอบ 2 หน้า 12, (คําบรรยาย) การวิเคราะห์ตน (การวิเคราะห์ตัวผู้พูดเอง) ในการสื่อสารแบบ วาทวิทยาจะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่สําคัญ 2 อย่าง ได้แก่
1 ภาพลักษณ์ คือ สิ่งที่ผู้ฟังรู้สึกกับตัวตนของผู้พูดจากประสบการณ์ จากสิ่งที่ได้รับรู้ หรือจากสิ่งที่เห็น จนสามารถประเมินค่าและเชื่อถือว่าผู้พูดเป็นเช่นนั้น
2. ภาพพจน์ คือ การเห็นภาพตามคําพูด หรือมีอารมณ์ร่วมในเรื่องที่พูด ซึ่งผู้พูดที่เก่ง จะต้องสามารถพูด แล้วทําให้ผู้ฟังเห็นภาพตามได้

44. คําว่า “บรรยากาศที่ดีในการพูด” เป็นผลมาจาก
(1) ความเป็นจริงและมีความเหมาะสม
(2) มีความเหมาะสมและเป็นเหตุเป็นผล
(3) การสร้างความรู้สึกร่วมและเข้ากันได้
(4) มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ
(5) ยอมรับในบทบาทหน้าที่และขอบเขตของกันและกัน

ตอบ 3 (คําบรรยาย) บรรยากาศที่ดีในการพูด เป็นผลมาจากการสร้างความรู้สึกร่วมและเข้ากันได้
ของคู่สื่อสารเพราะอารมณ์และความรู้สึกร่วมระหว่างผู้พูดกับผู้ฟังจะเป็นปัจจัยสําคัญที่สุด
ในการเชื่อมต่อสถานการณ์การพูดให้ราบรื่นและดําเนินไปได้ตลอดรอดฝั่ง

45. ข้อใดเป็นข้อมูลข่าวสารระดับปฐมภูมิที่ผู้พูดสามารถใช้ประโยชน์ได้
(1) ประสบการณ์ของผู้รอดตาย
(2) บทความของ บก. คนดัง
(3) ต้นฉบับนักเขียน
(4) บทประพันธ์สมัย ร.1
(5) คําบอกเล่าของเหล่าไทยมุง
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ข้อมูลข่าวสารระดับปฐมภูมิที่ผู้พูดสามารถนํามาใช้ประโยชน์ได้เป็นอย่างดี คือ ประสบการณ์ของผู้รอดตาย ซึ่งเป็นผู้ที่ประสบเหตุการณ์โดยตรง จึงทําให้การพูดนั้นน่าเชื่อถือ และมีคุณค่าแก่การนําเสนอ

46. การสื่อสารระหว่างกันและกันผ่านกระบวนการพูดนั้น สิ่งใดเป็นปัจจัยที่สําคัญที่สุดหากจะดําเนินการ
ให้ตลอดรอดฝั่ง
(1) ตัวตนที่ชัดเจน
(2) การรักษาบรรยากาศการสื่อสาร
(3) ความรู้ที่ได้
(4) เนื้อหาที่ตรงไปตรงมา
(5) บอกถึงผลกระทบที่ชัดเจน
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 44. ประกอบ

47. ข้อใดต่อไปนี้เป็นหัวใจของการพูดเพื่อวิพากษ์วิจารณ์
(1) ใช้วาทศิลป์ชั้นสูง
(2) มีสมดุล ติเพื่อก่อ
(3) ให้ข้อมูลที่เป็นจริง
(4) มองรายละเอียดที่คาดไม่ถึง
(5) พิจารณาผลกระทบตามลําดับ
ตอบ 2 หน้า 169 – 171, (คําบรรยาย) หัวใจของการพูดเพื่อวิพากษ์วิจารณ์ คือ มีความสมดุลในการ วิจารณ์ ซึ่งจะต้องพูดทั้งติและชมอย่างมีเหตุผล หากเป็นการติก็ต้องติเพื่อก่อ โดยเสนอแนะว่า ควรจะแก้ไขข้อบกพร่องทางด้านใดบ้าง

48. การพูดเป็นการสื่อสาร
(1) ด้วยบุคคล
(2) ภายในบุคคล
(3) ระหว่างบุคคล
(4) ระหว่างมวลชน
(5) โดยใช้ประชาชน
ตอบ 3 (คําบรรยาย) บทบาทของการพูด มีดังนี้
1. เป็นการสื่อสารสองทางในการสื่อสารระหว่างบุคคล ทําให้สามารถเข้าถึงปฏิกิริยาตอบกลับ ได้ทันที ซึ่งทําให้การพูดแตกต่างจากการสื่อสารอื่น ๆ
2. เป็นเครื่องมือเข้าสมาคม เชื่อมต่อสมาชิกสังคมทุกระดับ
3. เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ความเชื่อ ทัศนคติ
4. เป็นกระบวนการสร้างและสลายอารมณ์ความรู้สึกของบุคคล ซึ่งเกิดจากการเข้าถึงอารมณ์
ของผู้ฟังได้โดยตรง
5. ทําให้เกิดการถ่ายทอดแบบแผนวัฒนธรรม ประเพณี กฎระเบียบ และข้อปฏิบัติทางสังคม ไปยังคนรุ่นต่อไป เพื่อการคงอยู่ของประเพณีและวัฒนธรรม ฯลฯ

49 บทบาทของการพูดที่สามารถสร้างและสลายความรู้สึกของบุคคล เกิดขึ้นจาก
(1) การรับรู้ข้อมูล
(2) การสื่อสารโดยตรง
(3) การสร้างสมาธิและปัญญา
(4) การเข้าถึงอารมณ์
(5) การเร่งเร้าปฏิกิริยา
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 48. ประกอบ

50. การคงอยู่ของประเพณีและวัฒนธรรม อาศัยกลไกใดในเชิงวาทวิทยา
(1) สั่งสอนเรียนรู้
(2) ถ่ายทอดแบบแผน
(3) สร้างมาตรฐานใหม่
(4) เลียนแบบพฤติกรรมกันเอง
(5) จดจําสิ่งที่เห็นเป็นประสบการณ์
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 48. ประกอบ

51. ความเป็น “ศาสตร์” และ “ศิลป์” พิจารณาจาก
(1) หลักการ – วิธีการ
(2) ความรู้ – ความสามารถ
(3) ทักษะ – การเรียนรู้
(4) ผลงาน – ความเข้าใจ
(5) ทฤษฎี – ประสบการณ์
ตอบ 1 หน้า 3, (คําบรรยาย) การพูดเป็นทั้งวิทยาศาสตร์และศิลปะ คือ วิชาการพูดมีลักษณะของ ความเป็น “ศาสตร์” (Science) เพราะเป็นวิชาที่มีหลักการ แนวคิด และทฤษฎีรองรับ และ มีลักษณะเป็น “ศิลป์” (Art) เพราะเป็นวิชาที่ต้องใช้ศิลปะในการพูด หรือสร้างสุนทรียะใน วิธีการนําเสนอ

52. การกล่าวอุปมาอุปไมยและเปรียบเทียบ มักใช้กับการพูดชนิดใด
(1) รายงาน
(2) วิจารณ์
(3) เล่าเรื่อง
(4) อภิปราย
(5) เสวนา
ตอบ 3 หน้า 217 การเล่าเรื่องเป็นการสอน ถ่ายทอดความรู้ หรือนําเสนอข้อมูลในเชิงอุปมาอุปไมย และเปรียบเทียบ รวมทั้งยังเป็นการสอนในแง่ความคิดต่าง ๆ ในด้านปรัชญาและคติธรรม

53. การพูดในระดับ “ระหว่างบุคคล” มีลักษณะการสื่อสารแบบ
(1) น่าสนใจ
(2) ไต่ถามทุกข์ – สุข
(3) เป็นไปตามอัธยาศัย
(4) จากใจถึงใจ
(5) ให้แง่คิดดี ๆ
ตอบ 3 (คําบรรยาย) การพูดระหว่างบุคคล เป็นการพูดขั้นพื้นฐานที่สุดของสังคมมนุษย์ เริ่มตั้งแต่ การทักทาย ไต่ถาม บอกความ ถกเถียง เชื้อเชิญ และปรึกษาหารือ ซึ่งจะเน้นความรู้สึกร่วม และมีลักษณะของการสื่อสารตามอัธยาศัย โดยไม่จํากัดประเด็น เนื้อหา หรือเวลา ขึ้นอยู่กับ สภาวะปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลของกันและกัน

54. ข้อควรระวังที่สุดสําหรับการนําเสนอเรื่องราวที่มีประเด็นขัดแย้งทางสังคม ได้แก่
(1) ข้อมูลจากแหล่งอ้างอิงที่หลากหลาย
(2) ความสมดุลด้านข้อมูลของคู่กรณี
(3) หลักฐานที่ชัดเจนพอ
(4) หลักการที่ควรปฏิบัติ
(5) กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ตอบ 2 (คําบรรยาย) ข้อควรระวังที่สุดสําหรับการเล่าเรื่องราวที่มีประเด็นขัดแย้งทางสังคม ได้แก่ ความสมดุลด้านข้อมูลของคู่กรณี ดังนั้นจึงควรเปิดโอกาสให้คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายพูดและแสดง ความคิดเห็นได้อย่างเท่าเทียมกัน ไม่ควรผูกขาดการพูดไว้ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะจะทําให้ เกิดความไม่สมดุลในโครงสร้างของการสื่อสาร

55. หลักการพูดเพื่อประกาศผลรางวัลหรือการตัดสินความสามารถในปัจจุบันเป็นอย่างไร
(1) เชิดชูคนเก่ง
(2) ทุกคนมีแต่ได้
(3) สัมพันธ์แนบแน่น
(4) ละลายพฤติกรรม
(5) หนทางสู่ชัยชนะ
ตอบ 1หน้า 448, (คําบรรยาย) หลักการพูดเพื่อประกาศผลรางวัลหรือการตัดสินความสามารถในปัจจุบันนั้น ผู้พูดควรพูดให้สั้นที่สุด (ไม่ควรพูดเกิน 15 นาที) โดยควรกล่าวยกย่องเชิดชูคนเก่ง ที่ได้รับรางวัลแต่พอสมควร และควรจดจําข้อเท็จจริงต่าง ๆ เช่น ชื่อ – นามสกุล และผลงาน ของผู้ได้รับรางวัลให้แม่นยํา

56. ข้อใดเป็นการดําเนินงานลําดับแรก เมื่อนักศึกษารับปากที่จะพูดตามหัวข้อที่รับเชิญ
(1) กําหนดแนวคิดในการนําเสนอ
(2) จองที่พักและยานพาหนะล่วงหน้า
(3) หาข้อมูลที่เกี่ยวข้องทันที
(4) เตรียมหาผู้ร่วมงานหรือผู้ช่วย
(5) ซ้อมบทพูดที่เกี่ยวข้องล่วงหน้า
ตอบ 3(คําบรรยาย) ขั้นตอนการรวบรวมข้อมูล เมื่อนักพูดรับปากที่จะพูดตามหัวข้อที่รับเชิญ มีดังนี้
1. หาข้อมูลที่เกี่ยวข้องทันทีเมื่อรู้ว่าจะต้องพูด
2. เริ่มหาข้อมูลจากความทรงจําที่มีอยู่
3. ดูจากข้อมูลที่มีอยู่
4. หาเพิ่มเติมในสิ่งที่ขาดหายไปหรือที่ต้องการใช้
5. พิจารณาเป้าหมาย และวัตถุประสงค์การพูดด้วย

57. การสรุปเรื่องราวทําหน้าที่ในเชิงการสื่อสารอย่างไร
(1) ให้รู้ซึ้งถึงข้อมูลเชิงลึก
(2) รวมความเนื้อหา
(3) เปิดเผยความเป็นจริง
(4) ทําให้มีการจัดระเบียบข่าวสาร
(5) สร้างกระบวนการแลกเปลี่ยนข่าวสาร
ตอบ 2 หน้า 38 – 40, (คําบรรยาย) เทคนิคการสรุปการพูดหรือจบการนําเสนอ มีดังนี้
1. การรวมความเนื้อหา หรือทวนแนวคิดสําคัญ (การสรุปไม่ใช่การย่อความ)
2.การทิ้งประเด็น หรือนําเสนอกรอบความคิดใหม่ให้พิจารณา
3. การตั้งคําถามกับผู้ฟัง (ทิ้งคําถาม)
4. การให้การบ้าน หรือฝากหลักการกลับไปคิดต่อ
5. การกล่าวคําคม สุภาษิต หรือคําพังเพย ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับสิ่งที่กล่าวมา
6. การชักชวน
7. การเรียกร้อง
8. การเฉลยปมปัญหา
9. การยกอุทาหรณ์
10. การยอมรับ/ปฏิเสธสมมุติฐาน

58. ข้อใดไม่ใช่การสรุปที่ควรจะเป็น
(1) เฉลยปัญหาคาใจ
(2) ให้หลักการไปคิดต่อ
(3) ยอมรับ/ปฏิเสธสมมุติฐาน
(4) ยกอุทาหรณ์เตือนใจ
(5) ไม่มีอะไรจะพูดซ้ำเพราะหมดเวลาแล้ว
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 57. ประกอบ

59. การยกสุภาษิตหรือคําพังเพยในการจบการนําเสนอ มีข้อพึงระวังที่สําคัญ คือ
(1) ถูกแบบแผนฉันทลักษณ์
(2) สอดคล้องกับสิ่งที่กล่าวมา
(3) ความทันสมัยทันเหตุการณ์
(4) มีหลักฐานอ้างอิง
(5) สื่อมวลชนนําเสนอเป็นข่าวดังอยู่ประจํา
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 57. ประกอบ

60. เนื้อหาการนําเสนอที่ผู้ฟังให้ความสนใจในเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายโดยตรง มักมาจาก
(1) การตอบสนองต่อปัญหาและความคาดหวัง
(2) มีพลังและแรงผลักดันทางสังคม
(3) มีรสนิยมตามระดับชนชั้น
(4) เป็นนวัตกรรมที่แปลกใหม่
(5) มีเหตุผลกินใจไร้ที่ติ
ตอบ 1(คําบรรยาย) เนื้อหาการนําเสนอที่ผู้ฟังให้ความสนใจ คือ เรื่องราวที่ตอบสนองต่อปัญหาและ ความคาดหวังของกลุ่มเป้าหมายโดยตรง ดังนั้นการวิเคราะห์ผู้ฟังหรือผู้ชมในการพูดแต่ละครั้ง จึงเป็นสิ่งที่นักพูดถือว่าเป็นเรื่องจําเป็นและขาดไม่ได้ เพราะการพูดจะไม่ประสบความสําเร็จหากไม่รู้จักผู้ฟังดีพอ

61. ในการปฏิบัติงานสื่อสารมวลชน บุคคลใดสมควรเป็นผู้ให้ข้อมูลสําคัญในลําดับแรก
(1) ผู้นําองค์กร
(2) ผู้มีอํานาจตัดสินใจ
(3) ผู้ที่สังคมให้ความสนใจ
(4) ผู้เกี่ยวข้องและมีความรู้ในเรื่องนั้น
(5) ผู้ทําหน้าที่สื่อสารมวลชน
ตอบ 4 หน้า 257 – 258, (คําบรรยาย) คุณสมบัติของผู้ให้สัมภาษณ์ (ผู้ถูกสัมภาษณ์) เรียงตามลําดับ
ความสําคัญของบุคคลได้ ดังนี้ หรืออยู่ในเหตุการณ์
1. เป็นผู้รู้ (สําคัญที่สุด)
2. เป็นผู้เกี่ยวข้อง รู้เห็น
3. เป็นผู้นํา ผู้บริหาร หรือผู้ที่มีความสําคัญ
4. เป็นผู้มีประสบการณ์
5. เป็นผู้ได้รับความสนใจ
6. เป็นผู้ที่มีตัวตนอยู่จริง

62. นักประพันธ์บทภาพยนตร์ซึ่งเพิ่งรับรางวัลระดับโลก ได้เดินทางกลับมาประเทศไทย หลังจากที่ประกาศ
ผลการตัดสินมาแล้ว และเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์ นักศึกษารู้หรือไม่ว่าเป็นการสัมภาษณ์แบบใด
(1) One By One Interview
(2) Press Conference
(3) Press Interview
(4) Sport Conference
(5) Interview Meeting
ตอบ 2 หน้า 257 การเปิดให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์รวม (Press Conference) คือ การที่บุคคลสําคัญ เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวของสื่อมวลชนต่าง ๆ ทําการสัมภาษณ์รวม เพื่อซักถามข้อข้องใจอย่างเป็นพิธีการ

63. ในการบรรยายพิเศษ ทําไมจึงต้องมีการแนะนําผู้บรรยาย
(1) เพื่อให้ผู้ฟังรู้จักผู้พูด
(2) เพื่อให้เกียรติแก่ผู้ฟัง
(3) เพื่อฆ่าเวลา
(4) เพื่อยกย่องในเกียรติประวัติที่ทํามา
(5) เพื่อสร้างความสนใจจากผู้ฟัง
ตอบ 1 หน้า 310, 444 จุดมุ่งหมายในการแนะนําองค์ปาฐก ผู้บรรยาย ผู้ดําเนินการอภิปราย มีดังนี้
1. เพื่อให้ผู้ฟังรู้จักผู้พูดว่าเป็นใคร ทําอะไร และมีความสําคัญอย่างไร
2. เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ผู้พูด
3. เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ฟังกับผู้พูด ฯลฯ

64. ถ้าท่านได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แนะนําวิทยากรที่จะมาแสดงปาฐกถา ท่านจะถามหาข้อมูลเกี่ยวกับ
วิทยากรจากใครที่จะได้ตรงเป้าหมายที่สุด
(1) ประธาน
(2) สื่อมวลชน
(3) ผู้เชิญ
(4) เจ้าภาพ
(5) วิทยากร
ตอบ 5 หน้า 311, (คําบรรยาย) ถ้าผู้แนะนําไม่รู้จักหรือไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับวิทยากร (องค์ปาฐก) ที่จะมาแสดงปาฐกถา ก็ควรติดต่อวิทยากรหรือถามจากเลขานุการในทีมงานวิทยากรว่า จะให้ตนแนะนําอย่างไร โดยต้องติดต่อกันก่อนวันแนะนําจริง

65. ข้อใดคือต้นฉบับที่พึงประสงค์
(1) สวยงามมีคุณค่า
(2) โดดเด่นดูเตะตา
(3) ไม่มีร่องรอยแก้ไข
(4) ได้รับการรับรองแล้ว
(5) มีเนื้อหาเหมาะสมกับเวลาที่มี
ตอบ 5 หน้า 40, (คําบรรยาย) ลักษณะของต้นฉบับที่พึงประสงค์ มีดังนี้
1. ใช้ภาษาที่สุภาพ
2. มีเนื้อหาตามวัตถุประสงค์ และเป็นไปตามโครงสร้างของการพูดแบบสากล
3. ลําดับความคิดน่าติดตาม (ฟังแล้วไม่สับสน)
4. มีเนื้อหาเหมาะสมสอดคล้องหรือพอดีกับเวลาที่มี
5. อ่านง่ายทั้งแบบอักษรและขนาดตัวพิมพ์ ฯลฯ

66. เมื่อกล่าวขอบคุณผู้บรรยายพิเศษเสร็จสิ้น ควรทําอะไรต่อไป
(1) เชิญชวนให้มาพูดอีก
(2) เชิญชวนผู้ฟังปรบมือให้ผู้บรรยาย
(3) สรุปเนื้อหาสาระอีกรอบ
(4) สรุปเนื้อหาและวิจารณ์วิทยากรทันที
(5) เชิญชวนถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึก
ตอบ 2 หน้า 312 หลังจากที่องค์ปาฐก ผู้บรรยาย ผู้ดําเนินการอภิปราย ฯลฯ ได้จบการพูดลงแล้ว พิธีกรจะต้องลุกขึ้นไปกล่าวขอบคุณเป็นข้อความสั้น ๆ หรือบางครั้งก็อาจจะกล่าวขอบคุณ และเชิญชวนผู้ฟังปรบมือให้องค์ปาฐก ผู้บรรยาย ผู้ดําเนินการอภิปราย ฯลฯ ด้วยก็ได้

67. ในการบรรยายพิเศษที่มีระยะเวลายาวนานพอสมควรนั้น ผู้พูดควรพูดอย่างไรเพื่อให้เรื่องที่พูดนั้น
เป็นเรื่องที่น่าสนใจ
(1) แทรกบทตลกตลอดเวลา
(2) พูดเรื่องที่ผู้ฟังไม่เคยรู้มาก่อน
(3) พาดพิงถึงบุคคลอื่นอย่างสนุกสนาน
(4) ระบายความน้อยเนื้อต่ำใจของตนเอง
(5) เล่าประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นของตนเอง
ตอบ 2 หน้า 308 – 309, (คําบรรยาย) ในการแสดงปาฐกถาหรือบรรยายพิเศษนั้น ผู้พูดควรพูด เรื่องที่น่าสนใจสําหรับผู้ฟัง หรือเรื่องที่ให้ความรู้ และควรจะเป็นเรื่องที่ผู้ฟังไม่เคยรู้มาก่อน ยกเว้นเรื่องที่เป็นความลับหรือเรื่องส่วนตัวของตนเองและผู้อื่น นอกจากนี้ผู้พูดอาจแทรก บทตลกได้เท่าที่จําเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ฟังเกิดความเบื่อหน่ายและไม่สนใจ จากนั้น จึงดึงประเด็นเข้าสู่สาระหลักที่จะพูดต่อไป

68. ข้อใดหมายถึง การพัฒนาตนในบริบทของการนําเสนอเนื้อหาเชิงวาทวิทยา
(1) การสร้างอัตลักษณ์ของตนเอง
(2) การแสวงหาความรู้ให้มากพอ
(3) การริเริ่มแนวคิดเพื่อการนําเสนอ
(4) การปรับปรุงบุคลิกภาพ
(5) รู้จักการขยายเครือข่ายความสัมพันธ์กับองค์กรต่าง ๆ
ตอบ 4 หน้า 11, (คําบรรยาย) การพัฒนาตนในบริบทของการนําเสนอเนื้อหาเชิงวาทวิทยา หมายถึง การปรับปรุงบุคลิกภาพให้เหมาะสมกับการนําเสนอ โดยบุคลิกภาพจะรวมไปถึงการใช้สายตา การใช้ภาษา น้ําเสียง การยืน การแต่งกาย กิริยาท่าทาง ฯลฯ ซึ่งเป็นเสมือนกับเครื่องมือที่ใช้ สื่อความหมายไปสู่ผู้ฟัง ดังนั้นผู้พูดจึงต้องรู้จักปรับปรุงตนเองเพื่อให้ใช้เครื่องมือสื่อความหมาย เหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

69. การเข้าไปยังที่นั่งของผู้พูด สิ่งที่ไม่ควรกระทํา คือ
(1) เดินตัวตรง ยิ้มให้กับผู้ชม ผู้ฟังตามสมควร
(2) เดินอกผายไหล่ผึ้ง ทําความเคารพประธาน ทักทายคนรู้จัก
(3) เดินตรงไปยังที่นั่งของตน สํารวจว่าตรงกับชื่อตัวเองหรือไม่ แล้วรีบนั่งลงไป
(4) เดินไปตามลําดับที่พิธีกรประกาศชื่อ ไม่ทักทายประธานในพิธี
(5) อยู่ ณ ที่พักของตนเอง และรอจนกว่าพิธีกรประกาศจึงเข้าประจําตําแหน่ง
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 31. ประกอบ

70 ในการประชุมร่วมกันนั้น หากมีผู้ที่ต้องการพูดเพิ่มเติม ซึ่งเป็นประเด็นที่มีความสําคัญมาก แต่ลําดับ
การพูดของตนผ่านไปแล้ว เขาควรทําอย่างไร
(1) พูดแทรกเมื่อมีจังหวะแล้วจึงขออภัย
(2) ให้ทุกคนพูดจบแล้วจึงพูดเพิ่มเติม
(3) ขออนุญาตจากประธานก่อนแล้วจึงพูด
(4) ให้ผู้ดําเนินการสรุปจบก่อนแล้วจึงพูด
(5) ขออภัยและขออนุญาตสมาชิกในที่ประชุมจากนั้นจึงกล่าวถึงประเด็นของตน

ตอบ 3 หน้า 206 มารยาทของผู้เข้าร่วมประชุมประการหนึ่ง คือ เมื่อต้องการแสดงความคิดเห็น ในเรื่องที่สําคัญ หรือต้องการพูดคัดค้าน ควรให้สัญญาณหรือขออนุญาตจากประธานก่อน แสดงความคิดเห็น เช่น ยกมือขึ้นเพื่อเป็นการขออนุญาต เมื่อประธานอนุญาตจึงเริ่มพูดได้

71. ประโยชน์ของการพูดในแง่มุมของการส่งเสริมแนวคิดประชาธิปไตย คือข้อใด
(1) เพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้า
(2) เพื่อเผยแพร่นโยบาย
(3) เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกับผู้อื่น
(4) เพื่อปรับปรุงกฎระเบียบ
(5) เพื่อเป็นเวทีในการประกาศเจตนารมณ์ของตนเอง
ตอบ 3 (คําบรรยาย) การพูดที่ส่งเสริมแนวคิดประชาธิปไตยจะพิจารณาจากความสมดุลในการ สื่อสาร โดยประโยชน์ของการพูดในแง่มุมนี้ คือ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกับผู้อื่น เพราะสังคมประชาธิปไตยนั้นต้องการความคิดเห็นของสมาชิกเป็นสําคัญ

72. ข้อใดไม่ใช่หน้าที่ของนักพูด
(1) กระตุ้นเตือนสังคม
(2) บอกวิธีรักษาโรคภัยให้ผู้ป่วย
(3) สร้างสรรค์สุนทรียะทางภาษา
(4) จูงใจให้เกิดการซื้อขาย
(5) ให้ความรู้ด้วยสาระความบันเทิง
ตอบ 3 (คําบรรยาย) หน้าที่ของนักพูด มีดังนี้
1. บอกกล่าวเรื่องราว
2. ให้ความรู้
3. สอดส่องดูแลและเตือนภัยสังคม
4. สร้างความจรรโลงใจ
5. โน้มน้าวใจให้เกิดการกระทํา

73. ความประหม่าของผู้พูด เป็นปัญหาการพูดในกลุ่มใด
(1) ภาษา
(2) แนวคิด
(3) สาระ
(4) การพัฒนาตน
(5) การปรับตัว
ตอบ 5(คําบรรยาย) ปัญหาที่เกิดกับการพูดด้านบุคลิกและการปรับตัวทั่วไป ได้แก่
1. แต่งกายไม่เหมาะสมกับผู้ฟังหรือสถานที่
2. การเดินไม่เป็นไปตามธรรมชาติ
3. ความประหม่าของผู้พูดที่จะต้องปรากฏกาย
4. เกรงว่าจะควบคุมกิริยาท่าทาง มารยาท การวางตัวไม่ได้ ฯลฯ

74. ข้อใดเป็นวินัยที่ควรปฏิบัติของนักพูดที่มีความรับผิดชอบ
(1) มาตรงเวลาทุกครั้ง
(2) ทําการซ้อมอย่างเปิดเผยต่อหน้าผู้ชม
(3) ทําทุกอย่างเองเพื่อความสมบูรณ์แบบ
(4) ทําตัวให้โดดเด่นน่าภูมิใจ
(5) มาก่อนเวลาเพื่อสํารวจจุดบกพร่อง
ตอบ 5 (คําบรรยาย) วินัยที่ควรปฏิบัติของนักพูดที่มีความรับผิดชอบ คือ ต้องไปถึงสถานที่ที่จะพูด ก่อนเวลา หรือเผื่อเวลาไว้นานพอสมควรสําหรับการไปถึง เพื่อสํารวจจุดบกพร่องไม่ว่าจะเป็น เวที สถานที่ และอุปกรณ์ด้วยตนเอง

75 การพูดแบบใดที่ส่งเสริมให้รู้จักพูดชักจูงใจให้คนฟังคล้อยตามความคิดเห็นของตน
(1) รายงาน
(2) อภิปราย
(3) โต้วาที
(4) วิจารณ์
(5) เสวนา
ตอบ 3 หน้า 403 การโต้วาที คือ การโต้แย้งด้วยการใช้คําพูดที่ประกอบด้วยเหตุผลและใช้วาทศิลป์ หักล้างเหตุผลของอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อมุ่งให้ได้รับชัยชนะ ซึ่งการโต้วาทีถือเป็นการพูดแบบชักจูงใจ ให้คนฟังคล้อยตามความคิดเห็นของตน และเป็นการอภิปรายที่ต้องมีการโต้แย้งกันด้วยเหตุผล เพื่อตัดสินว่าจะรับหลักการหรือนโยบายนั้นหรือไม่

76. การวิเคราะห์ผู้ฟังด้านความเชื่อ ความคิดเห็น และทัศนคติ มีผลอย่างไรต่อการเตรียมข้อมูล ในการพูดแต่ละครั้ง
(1) เพื่อสร้างศัพท์และระดับความซับซ้อนของข้อมูลที่นําเสนอ
(2) เพื่อเปิดประเด็นและหัวข้อที่จะพูดให้เหมาะสม
(3) เพื่อต้องการทราบแนวโน้มการตัดสินใจในเรื่องที่จะเป็นส่วนได้ – เสีย ของผู้ฟัง
(4) เพื่อกําหนดวาระรับรู้และกระบวนการออกแบบเนื้อหา
(5) เพื่อสร้างความรู้สึกและความพึงพอใจให้กับกลุ่มเป้าหมาย
ตอบ 3 (คําบรรยาย) การวิเคราะห์ผู้ฟัง ผู้ชม เพื่อตรวจสอบความเชื่อ ความคิดเห็น และทัศนคติ จะทําให้ผู้พูดทราบถึงแนวโน้มการตัดสินใจในเรื่องที่จะเป็นส่วนได้ – เสีย ของผู้ฟัง เพื่อให้ ผู้พูดสามารถเตรียมข้อมูลในการพูดแต่ละครั้งได้สอดคล้องกับสิ่งที่ผู้ฟังเชื่อและยึดถือ ไม่ไป ขัดแย้งหรือดูถูกความเชื่อ ความคิดเห็น และทัศนคติที่ผู้ฟังมีอยู่แต่เดิม

77. ผู้ดําเนินรายการที่ดี ไม่ควรมีบุคลิกแบบใด
(1) หลีกเลี่ยงการพูดถ้อยคําที่ซ้ำซาก
(2) แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี
(3) เลือกใส่เสื้อผ้าที่ดูสง่างามมีราศี
(4) พูดได้ทุกประเด็นเท่าที่ต้องการพูด
(5) ทําตัวให้กลมกลืนและเป็นธรรมชาติกับงานได้ในทุกกาลเทศะ
ตอบ 4 (คําบรรยาย) สิ่งที่ผู้ดําเนินรายการที่ดีไม่ควรกระทํา คือ พูดได้ทุกประเด็นเท่าที่ต้องการพูด เพราะทําให้การพูดครั้งนั้นออกนอกเรื่องหรือนอกประเด็นสําคัญที่ต้องการจะพูด และทําให้เนื้อหาการพูดยาวเกินเวลาที่กําหนดอีกด้วย

78. การกล่าวต้อนรับอย่างเป็นพิธีการจะต้องเริ่มด้วย
(1) การแนะนําเจ้าภาพ
(2) คําปฏิสันถาร
(3) บทประทับใจ
(4) การกล่าวขอบคุณแขกผู้มีเกียรติ
(5) คําชื่นชมในโอกาสนั้น ๆ
ตอบ 2 หน้า 445 การกล่าวต้อนรับ เป็นการแสดงออกถึงการให้เกียรติแก่ผู้ที่มาเยี่ยม เป็นการ แนะนําผู้มาเยี่ยม หรือผู้มาใหม่ให้รู้จักสถานที่นั้น ๆ ดีขึ้น โดยการกล่าวต้อนรับอย่างเป็น พิธีการจะต้องเริ่มต้นด้วยการกล่าวคําปฏิสันถารก่อนเสมอ

79. การซ้อมการพูดโดยบุคคลสําคัญกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขา เป็นการระวังด้านใด
(1) อารมณ์
(2) ท่าทาง
(3) สื่อมวลชน
(4) องค์กร
(5) เนื้อหา
ตอบ 5 (คําบรรยาย) การซ้อมการพูดโดยบุคคลสําคัญที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในวิทยาการเฉพาะ สาขา เป็นการระวังป้องกันข้อผิดพลาดในด้านเนื้อหาที่อาจจะมีศัพท์เฉพาะสาขาวิชานั้น ๆ ซึ่งคนนอกวงการอาจไม่รู้ความหมาย หรือทําให้เข้าใจง่ายขึ้น

80. น้ำเสียงที่เป็นระดับเดียวกันโดยตลอดสร้างปัญหาให้แก่ผู้ฟังด้านใดมากที่สุด
(1) ไม่เข้าใจเนื้อหาที่ผู้พูดถ่ายทอด
(2) ทําให้เรื่องง่ายกลายเป็นเรื่องยาก
(3) หมดศรัทธา ไม่น่าเชื่อถือในตัวผู้พูด
(4) สร้างความสงสัยในเนื้อหา
(5) เบื่อหน่าย ละเลยการติดตามประเด็น
ตอบ 5หน้า 14, (คําบรรยาย) หลักการใช้เสียงพูดที่ดีข้อหนึ่ง คือ ผู้พูดควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำเสียง เนื่อย ๆ หรือน้ำเสียงที่เป็นระดับเดียวกัน (ไม่มีเสียงสูง – ต่ำ) โดยตลอด เพราะจะทําให้ผู้พูด พูดโดยขาดความมีชีวิตชีวา และผู้ฟังก็จะรู้สึกเบื่อหน่าย รําคาญ จนอาจไม่สนใจหรือละเลย การติดตามประเด็น

81. ปัญหาความเครียดและวิตกกังวลของผู้พูดเกิดจาก ……. มากที่สุด
(1) เครื่องแต่งกายที่ไม่เหมาะสม
(2) ความตั้งใจที่มีมากจนเกินไป
(3) การเตรียมตัวไม่ดีหรือไม่พร้อม
(4) อุปกรณ์บกพร่องไม่สามารถใช้งานได้
(5) การประสานงานจากฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่น่าประทับใจ
ตอบ 3 หน้า 54 – 55, (คําบรรยาย) สาเหตุหลักของการขาดความเชื่อมั่นในตนเอง จนก่อให้เกิด ความประหม่าตื่นเต้นบนเวที มีอยู่ 3 ประการ ดังนี้
1. การไม่เตรียมตัวมาอย่างดีพอ ซึ่งปัญหาความเครียดและวิตกกังวลของผู้พูดส่วนใหญ่เกิดจากการเตรียมตัวไม่ดีหรือไม่พร้อม
2. การไม่ซักซ้อมอย่างเพียงพอ
3. การไม่ใส่ใจต่อบุคลิกภาพของตนเองเมื่อต้องปรากฏตัว ให้เหมาะสมกับลักษณะพิธีการ สถานที่ และเจ้าภาพ เช่น การแต่งกายไม่ถูกกาลเทศะ ฯลฯ

82. เมื่อเข้า ณ ที่พูดแล้ว ผู้พูดไม่ควรทําอะไรต่อหน้าผู้ฟัง
(1) ยิ้ม
(2) ดื่มน้ำ
(3) ดูบันทึกย่อ
(4) ทดสอบเสียง
(5) นั่งเฉย ๆ
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 31. ประกอบ

83. โดยปกติแล้วกระดาษบันทึกบทพูดมีขนาดเท่าไร
(1) ขนาด 20 คูณ 29.3 เซนติเมตร
(2) ขนาด 21 คูณ 29.7 เซนติเมตร
(3) ขนาด 21 คูณ 30 เซนติเมตร
(4) ขนาด 21 คูณ 30.9 เซนติเมตร
(5) ขนาด 21 คูณ 31.79 เซนติเมตร
ตอบ 2 (คําบรรยาย) โดยปกติแล้วกระดาษบันทึกบทพูดที่ใช้กันอยู่ทั่วไปจะมีขนาดมาตรฐาน A4 คือ
ขนาด 21 x 29.7 เซนติเมตร หรือ 210 x 297 มิลลิเมตร

84. การนําเสนอเนื้อหาสาระการพูดด้วยวิธีการต่าง ๆ มีข้อควรระวังที่เหมือนกัน คือ
(1) จัดทําเนื้อหาให้เป็นไปตามความต้องการของเจ้าภาพ
(2) กล่าวสรรเสริญและขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกครั้งที่มีโอกาส
(3) สร้างความประทับใจที่มีต่อคณะกรรมการจัดงานหรือผู้เกี่ยวข้อง
(4) พูดอย่างเป็นธรรมชาติให้เหมือนการสนทนาตามปกติ
(5) กล่าวขอบคุณผู้ที่มีส่วนช่วยให้ตนเองประสบความสําเร็จครั้งนี้
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 23. ประกอบ

85. การกําหนดวัตถุประสงค์ของการพูดพิจารณาจาก
(1) ผลการวิเคราะห์ปัจจัยการสื่อสาร
(2) ความยาว – สั้น ในการนําเสนอ
(3) การแบ่งหัวข้อเป็นประเด็นต่าง ๆ
(4) ประเด็นหลักและข้อมูลสนับสนุน
(5) เวลาที่เจ้าภาพให้กับการพูดครั้งนั้น
ตอบ 1 หน้า 24, (คําบรรยาย) การกําหนดวัตถุประสงค์ของการพูดพิจารณาจากผลการวิเคราะห์
ปัจจัยการสื่อสาร ได้แก่ การวิเคราะห์ผู้ฟังหรือผู้ชม โดยพิจารณาจากสภาพสังคมประชากร ประสบการณ์ กรอบอ้างอิง ทัศนคติ ระบบสังคมและวัฒนธรรมของผู้ฟัง

86. ข้อใดไม่ใช่ข้อพิจารณาหลักในการกําหนดประเด็นการพูด
(1) เวลาที่ผู้ร่วมอภิปรายให้กับการพูดครั้งนั้น
(2) ความน่าสนใจของข้อมูลประกอบกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
(3) พิจารณาตามเหตุผลและข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ซึ่งมีผลกระทบในระดับที่ต่างกัน
(4) แนวคิดในการดําเนินเรื่องตามความถนัดของคนพูด
(5) ข่าวสารที่แพร่กระจายใน Social Media

ตอบ 5 (คําบรรยาย) ข้อพิจารณาหลักในการกําหนดประเด็นการพูด มีดังนี้
1. เวลาที่ผู้ร่วมอภิปรายให้กับการพูดครั้งนั้น
2. ความน่าสนใจของข้อมูลประกอบกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
3. พิจารณาตามเหตุผลและข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ซึ่งมีผลกระทบ ในระดับที่ต่างกัน
4. แนวคิดในการดําเนินเรื่องตามความถนัดของผู้พูด

87. ข้อใดไม่ควรกระทํา หากผู้พูดต้องการให้ผู้ฟังมีส่วนร่วมแสดงความเห็น
(1) เลือกชื่อคนที่คุ้นเคยก่อน
(2) ยืนขึ้นแล้วชี้ลงไป
(3) เลือกคนที่ยกมือก่อน
(4) ใช้ปากกาชี้ระบุคน
(5) ให้ประธานช่วยเลือก
ตอบ 2 (คําบรรยาย) สิ่งที่ผู้พูดไม่ควรกระทําหากต้องการให้ผู้ฟังมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น คือ ยืนขึ้นแล้วชี้ลงไป เพราะการเอามือออกไปด้านหน้าตัวเอง หรือใช้มือชี้หน้าผู้ฟัง เป็นการ แสดงถึงความมีอํานาจเหนือผู้ฟัง

88. เรื่องสําคัญที่ต้องเน้นเป็นพิเศษ อาศัยหลักการใดในการพูด
(1) ตอกย้ำแต่ไม่ซ้ำซาก
(2) ย้ำคิดย้ำทํา
(3) สั่งสอนให้รู้สํานึก
(4) บอกใบ้ให้ทายใจ
(5) ต่อเติมส่วนที่ขาดหาย
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 16. ประกอบ

89. ข้อใดเป็นข้อปฏิบัติสําคัญของผู้มีความสง่างามในการนําเสนอเรื่องราวบนเวที
(1) ทําตามที่ตกลงไว้กับเจ้าภาพ
(2) มาก่อนเวลาเพื่อทดสอบคิว
(3) รู้จักกาลเทศะและสถานะการแสดงออก
(4) เอาใจใส่ผู้ชม – ผู้ฟัง
(5) ทําอย่างไรก็ได้ตามที่คุ้นเคย
ตอบ 3 (คําบรรยาย) ข้อปฏิบัติสําคัญของผู้มีความสง่างามในการนําเสนอเรื่องราวบนเวที คือ รู้จัก กาลเทศะและสถานะการแสดงออกที่เหมาะสมกับเวลา สถานที่ วาระโอกาส เจ้าภาพ และแบบธรรมเนียมของแต่ละสังคม

90 การพากย์กีฬาแข่งขันฟุตบอลซึ่งเป็นการถ่ายทอดสด เป็นการพูดลักษณะใด
(1) ท่องจํา
(2) อ่านจากต้นฉบับ
(3) พูดปากเปล่าโดยไม่มีการเตรียม
(4) พูดปากเปล่าโดยมีการฝึกซ้อม
(5) พูดโดยกําหนดวัตถุประสงค์ไว้ล่วงหน้า
ตอบ 3 หน้า 89, (คําบรรยาย) การพูดปากเปล่าโดยไม่มีการเตรียมล่วงหน้า (การพูดโดยกะทันหัน) เช่น การพากย์กีฬามวย ฟุตบอล หรือเรือยาว, การกล่าวทักทายเมื่อเผอิญได้พบกัน, การตอบ ปัญหาบางประการ ฯลฯ มีข้อควรปฏิบัติ ดังนี้
1. พยายามควบคุมสติไว้ให้ได้ ไม่ต้องรีบตอบ และประสานสายตากับผู้ฟังเสมอ
2. ใช้ปัญญาวิเคราะห์ หรือใช้ปฏิภาณไหวพริบให้มากที่สุด
3. พยายามนึกถึงโครงสร้างของการพูด
4. ฝึกซ้อมตอบคําถามในใจในเรื่องที่เตรียมได้
5. พูดหรือตอบคําถามให้สั้น กระชับ มีประเด็น มีความหมายชัดเจน หากไม่แน่ใจในประเด็น คําถามก็อาจขอให้ผู้ถามทวนคําถามเพื่อความแน่นอน หรือนัดหมายให้กลับมาถามใหม่อีกครั้งหากไม่สามารถตอบคําถามนั้นได้

91 ข่าวหลังละครช่วงดึก เป็นการพูดชนิดใด
(1) การพูดโดยการท่องจํา
(2) การพูดโดยอ่านจากต้นฉบับ
(3) การพูดปากเปล่าโดยไม่มีการเตรียม
(4) การพูดปากเปล่าโดยมีการฝึกซ้อม
(5) การพูดแบบมีบทโดยไม่เตรียมตัว

ตอบ 2 หน้า 90 การพูดโดยการอ่านจากต้นฉบับ เป็นการพูดที่อ่านจากโน้ตที่ได้เตรียมไว้โดยไม่ได้ มีการเปลี่ยนแปลงข้อความเลย จึงเป็นการอ่านมากกว่าการพูด มักใช้ในการพูดที่เป็นพิธีการ เช่น การอ่านข่าว การอ่านบทความ การอ่านรายงาน เปิดกิจการ สุนทรพจน์ของบุคคลสําคัญ การกล่าวคําปราศรัยเนื่องในโอกาสต่าง ๆ คําแถลงการณ์ของรัฐบาล/คณะปฏิวัติ ฯลฯ

92. นอกจากการเตรียมตัวไม่พร้อมแล้ว ความตื่นเต้นในเวทีมักจะเกิดจาก
(1) ขนาดห้องประชุม
(2) ขาดการประสานงาน
(3) แต่งกายผิดกาลเทศะ
(4) ค่าตอบแทนการพูดที่มากเกินจริง
(5) อุปกรณ์ไม่พร้อมหรืออยู่ในสภาพชํารุด
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 81. ประกอบ

93. ข้อใดแสดงออกถึงความสมดุลในกระบวนการพูด
(1) พูดเสนอความสามารถของตนเองหลังจากที่คนอื่นอภิปรายเสร็จสิ้นไปแล้ว
(2) เปิดช่องทางให้แสดงความเห็น มีการสนทนาโต้ตอบตรงไปตรงมา
(3) กล่าวตามยถากรรมปล่อยวางทุกสิ่ง เพื่อแสดงออกถึงความเป็นกลางทางความคิด
(4) ใช้วาจาอ่อนหวานโน้มน้าวใจ โดยไม่เร่งเร้าหรือแสดงอาการกดดัน
(5) นําเสนอข้อเท็จจริงพร้อมไปกับข่าวลือด้วยตนเอง
ตอบ 2 (คําบรรยาย), (ดูคําอธิบายข้อ 71. ประกอบ) ความสมดุลในกระบวนการพูด หมายถึง การเปิดช่องทางให้คู่สื่อสารร่วมแสดงความคิดเห็นหรือเปิดเผยข้อมูลระหว่างกันและกันโดยมีการสนทนาโต้ตอบอย่างตรงไปตรงมา จนเกิดบรรยากาศที่ดีในการสื่อสาร

94. ข้อใดแตกต่างจากการพูดในข้ออื่นหากพิจารณาจากสาระตามวัตถุประสงค์
(1) การรายงานข่าวของผู้สื่อข่าวภาคสนาม
(2) รณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง
(3) เชิญชวนนําหมา – แมว มาฉีดวัคซีน
(4) ขอความร่วมมือร่วมบริจาคโลหิต
(5) แนะนําชาวบ้านให้หันมาปลูกพืชไร่นาแบบผสมผสาน
ตอบ 1 หน้า 94 – 96, (คําบรรยาย) การพูดเพื่อชักจูงใจ เป็นการนําเสนอข้อมูลข่าวสารเพื่อให้เกิด การเปลี่ยนพฤติกรรม การกระทํา ความเชื่อ หรือทัศนคติ โดยต้องอาศัยหลักการที่สําคัญ คือ การสร้างเกณฑ์ทางใจหรืออิทธิพลเหนือจิตใจด้วยข้อมูลและการแสดงออกซึ่งตัวอย่างของการ พูดเพื่อชักจูงใจ เช่น การโฆษณาขายสินค้า, การรณรงค์ การเชิญชวน หรือการขอความร่วมมือ ในเรื่องต่าง ๆ, การพูดแนะนําให้เปลี่ยนพฤติกรรม ฯลฯ

95. หากพิจารณาจากสาระตามวัตถุประสงค์ ข้อใดไม่เข้าพวก
(1) อภิปรายปัญหาสังคมโดยผู้เชี่ยวชาญจากด้านพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
(2) เสวนาทางวิชาการโดยนักวิชาการอิสระ
(3) ตั้งวงสนทนาระหว่างผู้มีส่วนได้ – เสีย ในกิจการท่องเที่ยว
(4) การแสดงปาฐกถาโดยเมธีวิจัยอาวุโส ซึ่งเป็นศาสตราจารย์เกียรติคุณ
(5) ประชุมโต๊ะกลมโดยเชิญเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้างานมาให้ความคิดเห็น
ตอบ 4 (คําบรรยาย) การพูดที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ความรู้ และปรึกษาหารือ ระหว่างกัน เช่น การอภิปราย การเสวนา การสัมมนา การสนทนา การประชุมโต๊ะกลม ฯลฯ

96. การพูดเป็นการสื่อสารที่เน้นการแสดงออกอย่างน้อย 2 ด้าน คือ
(1) บุคคล – ตัวตน
(2) ตัวตน – วาจา
(3) วาจา – ภาษา
(4) ภาษา – ทักษะ
(5) ทักษะ – แนวคิด

ตอบ 2 (คําบรรยาย) การพูดเป็นการแสดงออกใน 2 ส่วน คือ การแสดงตัวตน + วาจา ซึ่งการแสดง ตัวตนในการพูด หมายถึง การแสดงบุคลิกภาพและอัตลักษณ์ ลีลา หรืออากัปกิริยาท่าทางใน ระหว่างพูด ส่วนการแสดงวาจา หมายถึง การแสดงเนื้อหาสาระที่จะพูด น้ําเสียงและสําเนียง ดังนั้นผู้พูดจึงต้องเตรียมความพร้อมทั้งในเรื่องเนื้อหาและบุคลิกภาพไปพร้อม ๆ กัน

97. ในกรณีที่ถูกซักถามด้วยคําตอบที่ไม่ได้มีการเตรียมมา และไม่สามารถตอบคําถามนั้นได้อย่างแน่นอน
วิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด คือ
(1) นัดกลับมาถามใหม่
(2) ขอโทษที่ทําให้ผิดหวัง
(3) แก้ตัวว่าไม่พร้อม
(4) ย้อนถามว่ารู้มาจากไหน
(5) อยู่เฉย ๆ แล้วชวนสนทนาเรื่องอื่นไปก่อน
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 90. ประกอบ

98. แนวทางของการพูดในกิจกรรมขององค์กรสื่อมวลชนขึ้นอยู่กับ
(1) ลักษณะความสัมพันธ์ส่วนตัวของหน่วยปฏิบัติการ
(2) ทําตามกําหนดการที่มีอยู่
(3) มีการกําหนดหน้าที่ผู้พูดหรือมีการเลือกผู้พูดอย่างชัดเจน
(4) ลักษณะผู้นํา – ผู้ตาม ในหน่วยงานของสื่อ
(5) ผลกระทบตามกระแสสังคม
ตอบ 3 (คําบรรยาย) แนวทางการพูดในกิจกรรมขององค์กรสื่อมวลชน มักจะขึ้นอยู่กับการเลือกผู้พูด อย่างชัดเจน หรือการกําหนดให้ผู้พูดเป็นบุคคลที่ทําหน้าที่โดยตรง เช่น ผู้ประกาศข่าว พิธีกร ผู้ดําเนินรายการ สื่อมวลชน หรือเป็นผู้รับเชิญให้พูดเป็นกรณี ๆ ไป

99. ข้อใดผิด
(1) นมัสการพระคุณเจ้า ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการทุกท่าน
(2) ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการที่เคารพ บุคลากรทั้งหลาย
(3) ท่านอธิการบดี ลูกศิษย์คณะต่าง ๆ ที่มารวมกัน ณ ที่นี้ และคณาจารย์ทุกท่าน
(4) สัมมนาสมาชิกผู้ร่วมอุดมการณ์ทุกท่านในห้องประชุมแห่งนี้
(5) ผู้มีเกียรติทุกท่าน รวมทั้งน้อง ๆ ที่น่ารัก ซึ่งมาร่วมงานกับพวกเราในวันนี้
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 4. ประกอบ

100. คําว่า “สติ” ในกิจกรรมทางวาทวิทยา หมายถึง
(1) การเข้าถึงปฏิกิริยาตอบกลับได้ทันทีด้วยความเป็นมืออาชีพ
(2) มีการใช้ทักษะของบุคคลเพื่อตอบโต้หรือแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ลุล่วง
(3) การใช้สื่อและช่องทางการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อประสิทธิผล
(4) สามารถดําเนินการได้เพียงลําพังด้วยความรู้ที่มีอยู่ไม่ต้องพึ่งพาใคร
(5) การคิดด้วยการวิเคราะห์ผลกระทบและสังเคราะห์บทโต้ตอบที่เหมาะสม
ตอบ 2 (คําบรรยาย) คําว่า “สติ” ในกิจกรรมทางวาทวิทยา หมายถึง การใช้ทักษะของบุคคลหรือ ใช้ปฏิภาณไหวพริบให้มากที่สุด เพื่อตอบโต้หรือแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี

Advertisement