POL2200 ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเบื้องต้น 1/2566

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2566
ข้อสอบกระบวนวิชา POL 2200 ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเบื้องต้น
คําสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคําตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคําตอบเดียว

1. ข้อใดต่อไปนี้กล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับขอบข่ายของการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
(1) เป็นเรื่องของการเมืองระหว่างประเทศเท่านั้น
(2) เศรษฐกิจระหว่างประเทศถือเป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
(3) ปัจเจกบุคคลไม่ถือเป็นขอบข่ายของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
(4) ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นเรื่องของสงครามมากกว่าสันติภาพ
(5) สังคมระหว่างประเทศไม่อยู่ในขอบข่ายเพราะเป็นเรื่องสมมติมากกว่าเรื่องจริง
ตอบ 2 หน้า 13 – 15, (คําบรรยาย) ขอบข่ายของการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
1. การเมืองระหว่างประเทศ
2. เศรษฐกิจระหว่างประเทศ
3. สังคมระหว่างประเทศ
4. กฎหมายระหว่างประเทศ
5. วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

2.คําว่า “อนาธิปไตย” สอดคล้องกับตัวเลือกในข้อใดต่อไปนี้มากที่สุด
(1) สภาวะความวุ่นวายและไร้ระเบียบตลอดเวลา
(2) สภาวะของการปราศจากการใช้กฎหมาย
(3) สภาวะของการไร้ซึ่งความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
(4) สภาวะของการพัฒนาทางอารยธรรม
(5) สภาวะของการปราศจากซึ่งอํานาจสูงสุด
ตอบ 5 หน้า 196 – 197, (คําบรรยาย) อนาธิปไตย (Anarchy) คือ สภาวะที่สังคมระหว่างประเทศ ปราศจากซึ่งอํานาจปกครองสูงสุด (An Absent of Supreme Power) ไม่มีศูนย์กลางทางอํานาจ หรือไม่มีรัฐบาลกลางหรือองค์กรกลางที่จะรักษากฎหมายและความเป็นระเบียบเรียบร้อย รวมทั้ง ดูแลปกป้องรัฐหรือตัวแสดงต่าง ๆ ในสังคมระหว่างประเทศ จึงทําให้รัฐหรือตัวแสดงต่าง ๆ ในสังคมระหว่างประเทศจะต้องดูแลปกป้องตนเอง (Self-Help) เมื่อเกิดความขัดแย้ง

3.คําว่า “Anarchy” เป็นคําที่ตรงข้ามกับคําใดต่อไปนี้มากที่สุด
(1) Anarchism
(2) Hierarchy
(3) Supreme Power
(4) Superpower
(5) Unipolarity
ตอบ 3 (คําบรรยาย) คําว่า “Anarchy” หรือ “อนาธิปไตย” คือ การปราศจากอํานาจสูงสุด เป็นคํา ที่ตรงข้ามกับคําว่า “Supreme Power” หรือ “การมีอํานาจสูงสุด”

4.สภาวะของความเป็น “รัฐชาติสมัยใหม่” (Modern Nation-State) ในการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง ประเทศถูกอนุมานว่าเริ่มต้นขึ้นในช่วงใดมากที่สุด
(1) ยุคกรีก-โรมันโบราณ
(2) ยุคอาณาจักรไบแซนไทน์
(3) ยุคหลังสงครามสามสิบปี
(4) ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
(5) ยุคสงครามเย็น
ตอบ 3 หน้า 79, (คําบรรยาย) รัฐชาติสมัยใหม่ (Modern Nation-State) ถูกอนุมานว่าเริ่มต้นขึ้น ในยุคหลังสงครามสามสิบปี โดยเริ่มต้นขึ้นภายหลังจากการทําสนธิสัญญาเวสต์ฟาเลีย (Treaty of Westphalia) ในปี ค.ศ. 1648 ซึ่งสนธิสัญญาดังกล่าวทําให้สงครามศาสนา 30 ปีสิ้นสุดลง และก่อให้เกิดรัฐชาติสมัยใหม่ซึ่งมีองค์ประกอบสําคัญ 4 ประการ ได้แก่ ประชากร (Population), ดินแดนหรืออาณาเขต (Territory), รัฐบาล (Government) และอํานาจอธิปไตย (Sovereignty)

5. สนธิสัญญาในข้อใดที่เป็นจุดเริ่มต้นของความเป็น “รัฐชาติสมัยใหม่”
(1) Treaty of Perpetual Peace
(2) Treaty of Westminster
(3) Treaty of Versailles
(4) Treaty of Westphalia
(5) Treaty of Windsor :
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 4. ประกอบ

6. ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่คุณลักษณะที่สําคัญของ “รัฐชาติสมัยใหม่”
(1) สันปันน้ำ
(2) ร่องน้ำลึก
(3) ดินแดนร่วมกัน
(4) การปักปันเขตแดน
(5) ทุกข้อเป็นคุณลักษณะสําคัญของรัฐชาติสมัยใหม่
ตอบ 3 (คําบรรยาย) คุณลักษณะสําคัญของ “รัฐชาติสมัยใหม่” คือ มีการแบ่งเขตแดนหรือ ปักปันเขตแดนระหว่างรัฐที่ชัดเจนโดยใช้สันปันน้ำ ร่องน้ำลึก หรือสภาพธรรมชาติอื่น ๆ เป็นแนวเส้นเขตแดน ทําให้แต่ละรัฐมีดินแดนที่แน่นอน ซึ่งแตกต่างจาก “รัฐโบราณ” ที่มีดินแดนร่วมกัน (Common Land) หรือพื้นที่ที่ใช้ร่วมกันระหว่างรัฐ ทําให้แต่ละรัฐ ไม่มีดินแดนที่แน่นอน

7.“ฮ่องกง” ถือเป็นรัฐชาติสมัยใหม่หรือไม่ เพราะเหตุใด
(1) เป็น เพราะฮ่องกงมีดินแดนและประชากรเชิงประจักษ์
(2) เป็น เพราะฮ่องกงมีการเลือกตั้งผู้นําประเทศ
(3) ไม่เป็น เพราะฮ่องกงไม่มีรัฐบาลเป็นของตนเอง
(4) ไม่เป็น เพราะฮ่องกงไม่มีอํานาจอธิปไตยเป็นของตนเอง
(5) ไม่มีข้อใดให้เหตุผลถูกต้อง
ตอบ 4 หน้า 20 – 21 (คําบรรยาย) รัฐชาติสมัยใหม่ หมายถึง ชุมชนทางการเมืองที่จัดตั้งขึ้นอย่างถาวร ซึ่งประกอบด้วยพลเมืองที่อาศัยในดินแดนที่แน่นอน มีอํานาจอธิปไตยในการจัดการปกครอง เป็นอิสระและปราศจากการควบคุมของรัฐอื่น ทั้งนี้การที่จะเรียกว่าเป็นรัฐโดยสมบูรณ์ได้นั้น จะต้องมีองค์ประกอบครบทั้ง 4 ประการ ได้แก่ ประชากร (Population), ดินแดน (Territory), รัฐบาล (Government) และอํานาจอธิปไตย (Sovereignty) ดังนั้น “ฮ่องกง” ไม่ถือว่าเป็น รัฐชาติสมัยใหม่ เพราะฮ่องกงเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีน ไม่มีอํานาจอธิปไตย เป็นของตนเอง

8. ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่ตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐ (Non-State Actors)
(1) Vatican
(2) WIPO
(3) United Nations
(4) International Monetary Fund
(5) League of Nations
ตอบ 1 หน้า 19 – 22, (คําบรรยาย) ผู้แสดง (ตัวแสดง) บทบาทในเวทีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1. ผู้แสดงบทบาทที่เป็นรัฐ (State Actors) นับเป็นตัวแสดงที่สําคัญที่สุด ได้แก่ รัฐต่าง ๆ เช่น นครรัฐวาติกัน (Vatican City) สวิตเซอร์แลนด์ อิรัก อิหร่าน ยูเครน ยูกันดา มาดากัสการ์ ฟิจิ มัลดีฟส์ และผู้ทําหน้าที่เป็นตัวแทนของรัฐหรือในนามของรัฐ เช่น ผู้นํารัฐบาล รัฐมนตรี ต่างประเทศ ทูต เอกอัครราชทูต ผู้ช่วยทูต และเจ้าหน้าที่ทูต) กงสุล (กงสุลใหญ่ รองกงสุล เจ้าหน้าที่กงสุล และกงสุลกิตติมศักดิ์) เป็นต้น

2. ผู้แสดงบทบาทที่ไม่ใช่รัฐ (Non-State Actors) ได้แก่ องค์การระหว่างประเทศทั้งในระดับโลก และระดับภูมิภาค เช่น สันนิบาตชาติ (League of Nations : LN) สหประชาชาติ (United Nations : UN) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) กองทุนสงเคราะห์เด็กแห่งสหประชาชาติ (UN Children’s Fund : UNICEF) องค์การ ทรัพย์สินทางปัญญาโลก (World Intellectual Property Organization : WIPO) อาเซียน (ASEAN), องค์การพัฒนาเอกชน (NGOs) เช่น กลุ่มกรีนพีซ (Greenpeace) องค์การออกแฟม (Oxfam), บรรษัทข้ามชาติ (MNCs) เช่น บริษัท Unilever บริษัท Pepsi บริษัท Google บริษัท Toyota, ขบวนการก่อการร้ายระหว่างประเทศ เช่น กลุ่ม IS หรือ ISIS กลุ่ม Al Qaeda กลุ่ม Jihad กลุ่ม PLC, ปัจเจกบุคคล เช่น นางอองซาน ซูจี เป็นต้น

9.ข้อใดต่อไปนี้จัดเป็นตัวแสดงประเภท Multi-National Corporation
(1) Oxfam
(2) Jihad
(3) PLO
(4) Testa
(5) UNICEF
ตอบ 4 หน้า 22 (คําบรรยาย) บรรษัทข้ามชาติ (Multi-National Corporation : MNCs) เป็นองค์การธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีการลงทุนในต่างประเทศ หรือให้บริการในประเทศต่าง ๆ เช่น Microsoft, Google, Esso, Royal Dutch Shell, Chevron, Starbucks, Toyota, Testa, Tata, Samsung, Alibaba, McDonald, Nestle, Red Bulls, Coca Cola, Pepsi, Unilever เป็นต้น (ดูคําอธิบายข้อ 8. ประกอบ)

10. นักวิชาการในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศคนใดที่เสนอว่า “เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์เป็นโจทย์ ที่สําคัญที่สุดในการแข่งขันระหว่างประเทศมหาอํานาจ”
(1) Hans Morgenthau
(2) E. H. Carr
(3) Karl Polanyi
(4) Karl Popper
(5) Robert Gilpin
ตอบ 5 (คําบรรยาย) โรเบิร์ต ศิลปิน (Robert Gilpin) นักวิชาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ชาวอเมริกัน เสนอว่า “เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์เป็นโจทย์ที่สําคัญที่สุดในการแข่งขันระหว่างประเทศมหาอํานาจ

11. ข้อใดต่อไปนี้กล่าวถึง “ปัจจัยพื้นฐาน” ที่นําไปสู่ความแตกต่างระหว่างการเมืองภายในประเทศและ การเมืองระหว่างประเทศได้อย่างถูกต้องมากที่สุด
(1) การเมืองภายในประเทศเป็นสภาวะที่ปราศจากอํานาจสูงสุด
(2) การเมืองภายในประเทศเป็นสภาวะอนาธิปไตย
(3) ตัวแสดงในการเมืองระหว่างประเทศไม่จําเป็นต้องดูแลปกป้องตนเอง
(4) การเมืองระหว่างประเทศเป็นสภาวะที่ปราศจากกลไกอํานาจกลาง
(5) ไม่มีเกณฑ์ที่ชัดเจนเพราะการเมืองทั้งสองระดับเป็นเรื่องเดียวกัน
ตอบ 4 (คําบรรยาย) การเมืองระหว่างประเทศ (International Politics) เป็นสภาวะอนาธิปไตย (Anarchy) คือ สภาวะที่ปราศจากกลไกอํานาจกลางหรือปราศจากอํานาจสูงสุด ทําให้รัฐ หรือตัวแสดงต่าง ๆ จําเป็นต้องดูแลปกป้องตนเอง ซึ่งแตกต่างจากการเมืองภายในประเทศ (Domestic Politics) ที่มีกลไกอํานาจกลางและอํานาจสูงสุดในการดูแลปกป้องประชาชน

12. ข้อใดต่อไปนี้เป็น “เงื่อนไข” ที่ก่อให้เกิดสภาวะ “การแข่งขันที่ไม่สิ้นสุด” ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
(1) Supreme Power
(2) Endless Competition
(3) Anarchy
(4) Domestic Politics
(5) Problems in IR
ตอบ 3 (คําบรรยาย) สภาวะอนาธิปไตย (Anarchy) ถือเป็น “เงื่อนไข” ที่ก่อให้เกิดสภาวะ “การแข่งขัน ที่ไม่สิ้นสุด” (Endless Competition) ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

13. ตัวเลือกในข้อใดต่อไปนี้ที่มีความสําคัญที่สุดสําหรับ “การดูแลปกป้องตนเอง” ในความสัมพันธ์ระหว่าง
ประเทศ
(1) Natural Resources
(2) Power
(3) Wealth
(4) International Trade
(5) Competition
ตอบ 2 (คําบรรยาย) ภายใต้สภาวะอนาธิปไตย (Anarchy) รัฐต่าง ๆ จะต้องดูแลปกป้องตนเอง (Self-Help) เพราะในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไม่มีองค์รัฏฐาธิปัตย์หรือผู้มีอํานาจสูงสุด มาทําหน้าที่ดูแลคุ้มครอง โดยสิ่งที่รัฐต่าง ๆ ใช้ในการดูแลปกป้องตนเองนั้นมี 2 ประการ คือ ความมั่นคง (Power) และความมั่งคั่ง (Wealth) โดยความมั่นคง (Power) ถือว่ามีความสําคัญ ที่สุด เพราะเป็นสิ่งประกันความอยู่รอดปลอดภัยของรัฐ

14. สภาวะที่การสร้างความมั่นคงของประเทศหนึ่งได้ส่งผลให้อีกประเทศหนึ่งเกิดความไม่มั่นคงเป็นสภาวะ
ที่มีชื่อเรียกว่าอะไร
(1) Self-Help
(2) Security Dilemma
(3) Interdependence
(4) Spiral Effect
(5) Wealth
ตอบ 2
(คําบรรยาย) ความลักลั่นทางความมั่นคง (Security Dilemma) คือ สภาวะที่การสร้าง ความมั่นคงของประเทศหนึ่งได้ส่งผลให้อีกประเทศหนึ่งเกิดความไม่มั่นคง เช่น การที่ประเทศ A ได้สร้างความมั่นคงให้กับตนเองโดยการซื้อเครื่องบินรบได้ส่งผลให้ประเทศ B ซึ่งไม่มีเครื่องบินรบ
เกิดความไม่มั่นคง เป็นต้น

15. “การที่ประเทศไทยซื้อเรือดําน้ําอันเนื่องมาจากว่าประเทศอื่นในอาเซียนมีเรือดําน้ำส่งผลให้กองทัพไทย เกิดความไม่มั่นคง” สภาวะดังกล่าวนี้สอดคล้องกับตัวเลือกในข้อใดมากที่สุด
(1) Self-Help
(2) Security Dilemma
(3) Interdependence
(4) Spiral Effect
(5) Power
ตอบ 3(คําบรรยาย) สภาวะลูกโซ่ทางความมั่นคง (Interdependence) คือ สภาวะที่การสร้างความ มั่นคงของประเทศหนึ่งได้ส่งผลให้อีกประเทศหนึ่งเกิดความไม่มั่นคง และเมื่ออีกประเทศหนึ่ง ได้สร้างความมั่นคงให้กับประเทศตนเองแล้วกลับส่งผลให้ประเทศที่เหลืออื่น ๆ เกิดความรู้สึก ไม่มั่นคง ประเทศเหล่านั้นจึงจําเป็นต้องสร้างความมั่นคงให้กับตนเอง ซึ่งสภาวะลูกโซ่ทางความ มั่นคงนี้เป็นการสร้างความมั่นคงให้แก่ตนเองเป็นทอด ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ เช่น การที่ประเทศไทย ซื้อเรือดําน้ำอันเนื่องมาจากว่าประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนมีเรือดําน้ําส่งผลให้กองทัพไทยเกิดความ ไม่มั่นคง เป็นต้น

ตั้งแต่ข้อ 16. – 21. ให้นักศึกษาใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) Liberalism
(2) Realism
(3) Neo-Realism
(4) Neoliberal Institutionalism
(5) English School

16. นักวิชาการที่ชื่อว่า Robert Kechane สอดคล้องกับตัวเลือกในข้อใดมากที่สุด
ตอบ 4 (คําบรรยาย) Robert Keohane ผู้สร้างทฤษฎีเสรีนิยมใหม่เชิงสถาบัน (Neoliberal Institutionalism) เห็นว่า รัฐต่าง ๆ ควรสร้างสถาบันกลางหรือองค์การระหว่างประเทศขึ้น โดยองค์การระหว่างประเทศนี้จะทําหน้าที่ในฐานะศูนย์รวมของหลักการ กฎระเบียบ ข้อห้าม และกระบวนการตัดสินใจที่เอื้อให้รัฐต่าง ๆ เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจกันและมีผลลัพธ์ของ ปฏิสัมพันธ์ออกมาลงตัวสําหรับทุกฝ่ายมากที่สุด หรือที่เรียกว่า Optimal Choice

17. “แนวคิดในเรื่อง Lust for Power” สอดคล้องกับตัวเลือกในข้อใดมากที่สุด (คําบรรยาย) ทฤษฎีสัจนิยม (Realism) มีแนวคิดดังนี้
ตอบ 2
1. เชื่อว่า มนุษย์เป็นตัวแสดงที่ชั่วร้ายและกระหายสงครามตลอดเวลา
2. ปฏิเสธหลักการประสานประโยชน์ที่ลงตัว (Harmony of Interest) ดังนั้นเมื่อมีความขัดแย้ง ความขัดแย้งจะนําไปสู่สงครามเสมอ ดังนั้นทุกประเทศต้องแสวงหาอํานาจให้มากที่สุด (Lust for Power) ฯลฯ

18. “แนวคิดดุลยภาพแห่งอํานาจ (Balance of Power)” สอดคล้องกับตัวเลือกในข้อใดมากที่สุด
ตอบ 3 (คําบรรยาย) Kenneth Waltz ผู้สร้างทฤษฎีสัจนิยมใหม่ (Neo-Realism) เห็นว่า โครงสร้าง และระบบระหว่างประเทศได้ก่อให้เกิด “ประเทศมหาอํานาจ VS ประเทศเล็ก” ซึ่งเป็นผลพวง ที่เกิดขึ้นจากการกระจายขีดความสามารถที่ต่างกัน (Distribution of Capabilities) ดังนั้นประเทศเล็กจึงจําเป็นต้องหาทางคานอํานาจกับประเทศมหาอํานาจโดยการรวมกลุ่มกัน เพื่อถ่วงดุลและสร้างดุลยภาพแห่งอํานาจ (Balance of Power) ให้เกิดขึ้น

19. นักปรัชญาที่ชื่อว่า Immanuel Kant สอดคล้องกับตัวเลือกในข้อใดมากที่สุด
ตอบ 1 (คําบรรยาย) Immanuel Kant นักปรัชญาสํานักเสรีนิยม (Liberalism) ได้เสนอแนวคิด “สันติภาพที่ถาวร” (Perpetual Peace) ซึ่งแนวคิดของ Kant นั้นมีอิทธิพลอย่างมากต่อ แนวความคิดของ Woodrow Wilson ในการจัดตั้งองค์การสันนิบาตชาติ (League of Nations) ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1

20.จากวลีที่ว่า “สันติภาพที่ถาวร” เป็นสภาวะที่สอดคล้องกับตัวเลือกในข้อใดมากที่สุด
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 19. ประกอบ

21. ข้อเสนอที่ว่า “มนุษย์เป็นตัวแสดงที่ชั่วร้ายและกระหายสงครามตลอดเวลา” สอดคล้องกับตัวเลือก ในข้อใดมากที่สุด
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 17. ประกอบ

22.“The strong do what they can, the weak suffer what they must” สอดคล้องกับสงคราม ในข้อใดต่อไปนี้มากที่สุด
(1) Cyberwarfare
(2) Vietnam War
(3) Peloponnesian War
(4) The Cold War
(5) The Great War
ตอบ 3 (คําบรรยาย) “The Strong do what they can, the weak suffer what they must หรือแปลเป็นภาษาไทยว่า “ผู้ที่แข็งแรงย่อมทําอะไรก็ได้ตามอํานาจที่เขามี ส่วนผู้ที่อ่อนแอ ก็ต้องยอมรับตามที่เขาจําต้องยอมรับ” เป็นวลีของธูซิดิดิส (Thucydides) ซึ่งใช้อธิบาย สงครามเพโลพอนนี้เซียน (Peloponnesian War)

23. ตามข้อเสนอของนักคิดในตระกูลเสรีนิยมใหม่เชิงสถาบัน ข้อใดต่อไปนี้คือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการดํารงอยู่ขององค์การระหว่างประเทศ
(1) Balance of Power
(2) Optimal Choice
(3) Perpetual Peace
(4) Mutual Understanding
(5) War
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 16. ประกอบ

24. สําหรับ Kenneth Waltz โครงสร้างและระบบระหว่างประเทศที่ก่อให้เกิด “ประเทศมหาอํานาจ VS ประเทศเล็ก” นั้น เป็นผลพวงที่เกิดขึ้นจากปัจจัยในข้อใดต่อไปนี้มากที่สุด
(1) การกระจายขีดความสามารถที่ต่างกัน
(2) ความล้มเหลวของกลไกป้องกันสงคราม
(3) การเกิดขึ้นของตุลยภาพแห่งอํานาจ
(4) ความล้มเหลวของกติกากลาง
(5) สภาวะที่ตายตัวของสงครามและสันติภาพ
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 18. ประกอบ

25. คําว่า “National Self-Determination” สอดคล้องกับตัวเลือกในข้อใดต่อไปนี้มากที่สุด
(1) กองทัพอิสราเอลยิงจรวดขีปนาวุธข้ามฝั่งไปยังดินแดนปาเลสไตน์
(2) สงครามตัวแทนในยุคสงครามเย็น
(3) ชาวคาตาลันทําประชามติเชิงสัญลักษณ์เพื่อแยกตัวออกจากสเปน
(4) การลงคะแนนเสียงของประเทศสมาชิกในสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ
(5) กองทัพรัสเซียเคลื่อนกําลังข้ามฝั่งไปยังดินแดนของยูเครน
ตอบ 3 (คําบรรยาย) หลักการกําหนดใจตนเองแห่งชาติ (National Self-Determination) คือ หลักการที่เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถตัดสินใจทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมได้ด้วยตนเอง ตัวอย่างที่สอดคล้องกับหลักการนี้ เช่น ชาวคาตาลันทําประชามติเชิงสัญลักษณ์เพื่อแยกตัวออกจากสเปน เป็นต้น

26. สงครามเพโลพอนนี้เซียน (Peloponnesian) เป็นผลงานของใคร
(1) Plato
(2) Thucydides
(3) Aristotle
(4) Socrates
(5) Hobbes
ตอบ 2 หน้า 76 – 77 ซูซิดิดิส (Thucydides) ได้อธิบายถึงสงครามเพโลพอนนี้เซียน (Peloponnesian) ซึ่งเกิดขึ้นในยุคกรีกโบราณระหว่างปี 431 – 404 ก่อนคริสตกาล เป็นสงครามระหว่างนครรัฐกรีก ด้วยกัน คือ เอเธนส์ซึ่งมีอิทธิพลทางทะเล และสปาร์ตาซึ่งมีอิทธิพลทางบก โดยสาเหตุของ สงครามเกิดจากความไม่สมดุลของอํานาจระหว่างเอเธนส์และสปาร์ตา ซึ่งสปาร์ตาหวาดระแวงว่า
ในระยะยาวเอเธนส์จะมีอํานาจเหนือกว่าตน และมีความเข้มแข็งมากพอที่จะโจมตีและทําให้ สปาร์ตาพ่ายแพ้ ดังนั้นสปาร์ตาจะต้องหลีกเลี่ยงสิ่งที่เกิดขึ้น สปาร์ตาจึงต้องโจมตีเอเธนส์ก่อน การอธิบายนี้ได้สร้างทฤษฎีการเมืองระหว่างประเทศที่มีผลถึงทุกวันนี้

27. การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรกเกิดขึ้นที่ประเทศใดและเริ่มต้นจากสิ่งประดิษฐ์ประเภทใด
(1) อังกฤษ – รถจักรไอน้ำ
(2) อังกฤษ – เครื่องปั่นด้าย
(3) ฝรั่งเศส – เข็มหมุด
(4) ฝรั่งเศส – รถจักรไอน้ำ
(5) สหรัฐอเมริกา – รถจักรไอน้ำ

ตอบ 2 หน้า 79 การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรกเกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษในช่วงศตวรรษที่ 18 โดยเริ่มต้นจากเครื่องปั่นด้ายที่ชื่อว่า Spinning Jenny ของเจมส์ ฮาร์กรีฟส์ (James Hargreaves)

28.“หลัก 14 ประการ” ที่ถูกนํามาใช้เป็นแนวทางในการสร้างสันติภาพและจัดระเบียบโลกในช่วง หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 สัมพันธ์กับผู้นําคนใดต่อไปนี้
(1) George Washington
(2) Abraham Lincoln
(3) Woodrow Wilson
(4) Harry Truman
(5) Franklin D. Roosevelt
ตอบ 3 หน้า 84 ประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน (Woodrow Wilson) แห่งสหรัฐอเมริกาได้ประกาศ “หลัก 14 ประการ” เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างสันติภาพและจัดระเบียบโลก ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งมีสาระสําคัญ เช่น หลักการที่ 1 การเจรจาทางการทูต ต้องเปิดเผยให้สาธารณชนทราบ หลักการที่ 3 ยกเลิกกําแพงภาษีเพื่อสร้างความเท่าเทียม ให้แก่การค้าระหว่างประเทศ หลักการที่ 14 ให้มีการจัดตั้งสมาคมร่วมกันของรัฐต่าง ๆ เพื่อประกันอิสรภาพทางการเมืองและบูรณภาพแห่งดินแดน เป็นต้น

29. ภายหลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศเยอรมนีในฐานะผู้แพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ถูกแบ่ง ออกเป็น 4 ส่วนให้แก่ประเทศต่าง ๆ ครอบครอง อย่างไรก็ดี ประเทศใดต่อไปนี้ไม่ได้รับส่วนแบ่ง ในการแบ่งแยกดินแดนครั้งนี้
(1) อังกฤษ
(2) ฝรั่งเศส
(3) สหรัฐอเมริกา
(4) อิตาลี
(5) สหภาพโซเวียต
ตอบ 4 หน้า 87 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ประเทศเยอรมนีในฐานะผู้แพ้สงคราม ได้ถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วนและถูกครอบครองโดยมหาอํานาจที่ร่วมสงคราม 4 ประเทศ คือ อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา และสหภาพโซเวียต

30. ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “การทูตปิงปอง” (Ping Pong Diplomacy) ตรงกับประธานาธิบดีสหรัฐคนใด
(1) Richard Nixon
(2) Dwight Eisenhower
(3) Lyndon B. Johnson
(4) Jimmy Carter
(5) John F. Kennedy
ตอบ 1 หน้า 89, (คําบรรยาย) การทูตปิงปอง (Ping Pong Diplomacy) เกิดขึ้นในช่วง 1970s เป็นการปรับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกากับจีนโดยใช้กีฬาปิงปองหรือเทเบิลเทนนิส เป็นเครื่องมือ ซึ่งในขณะนั้นตรงกับสมัยริชาร์ด นิกสัน (Richard Nixon) เป็นประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา และโจวเอินไหลเป็นนายกรัฐมนตรีของจีน โดยจีนตระหนักว่าสหภาพโซเวียต เป็นภัยคุกคามที่น่ากลัวกว่าสหรัฐอเมริกา จึงพยายามหาทางคานอํานาจกับสหภาพโซเวียตโดยการเชิญสหรัฐอเมริกามาร่วมแข่งขันปิงปองซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกที่กรุงปักกิ่ง

31. รัฐใดต่อไปนี้ไม่ได้เกิดจากการแตกตัวออกมาจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต
(1) Armenia
(2) Azerbaijan.
(3) Uzbekistan
(4) Latvia
(5) Yugoslavia
ตอบ 5 หน้า 90 รัฐที่เกิดจากการแตกตัวออกมาจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี ค.ศ. 1991 มี 15 รัฐ ได้แก่ อาร์เมเนีย (Armenia), อาเซอร์ไบจาน (Azerbaijan), เบลารุส (Belarus), เอสโตเนีย (Estonia), จอร์เจีย (Georgia), คาซัคสถาน (Kazakhstan), คีร์กีซสถาน (Kyrgyzstan), ลัตเวีย (Latvia), ลิทัวเนีย (Lithuania), มอลโดวา (Moldova), รัสเซีย (Russia), ทาจิกิสถาน (Tajikistan), เติร์กเมนิสถาน (Turkmenistan), ยูเครน (Ukraine) และอุซเบกิสถาน (Uzbekistan)

ตั้งแต่ข้อ 32 – 50. ให้นักศึกษาเลือกตัวเลือกที่ผิดหรือไม่สัมพันธ์กับคําหรือวลีในแต่ละข้อ

32.สงคราม Peloponnesian
(1) สงครามระหว่างนครรัฐกรีกกับดินแดนป่าเถื่อน
(2) สงครามระหว่างนครรัฐกรีกด้วยกัน
(3) สงครามระหว่างสองกลุ่มพันธมิตร
(4) เอเธนส์มีอิทธิพลทางทะเล
(5) สปาร์ตามีอิทธิพลทางบก
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 26. ประกอบ

33. ยุคมืดหรือยุคกลาง
(1) ศาสนาคริสต์มีอิทธิพล
(2). ศูนย์กลางศาสนาอยู่ที่กรุงโรม
(3) พระสันตะปาปาเป็นประมุขศาสนา
(4) พระราชาได้อํานาจจากการเลือกของขุนนาง
(5) ขุนนางเป็นเจ้าของที่ดินและมีบริวาร
ตอบ 4 หน้า 78, (คําบรรยาย) ยุคมืดหรือยุคกลาง (Middle Age) เป็นยุคที่ศาสนาคริสต์มีอํานาจ และอิทธิพลเหนือสถาบันทางการเมือง โดยมีศูนย์กลางศาสนาอยู่ที่กรุงโรม และพระสันตะปาปา เป็นประมุขศาสนา ในยุคนี้มีความเชื่อว่าพระสันตะปาปาแห่งกรุงโรมเป็นผู้แทนบนโลกของ พระผู้เป็นเจ้า พระราชาได้รับอํานาจจากพระผู้เป็นเจ้าผ่านพระสันตะปาปา นอกจากนี้ยุโรป ยังตกอยู่ภายในระบบศักดินานิยมที่อํานาจทางการเมืองอยู่ในมือของขุนนางเจ้านาย (Lord) ผู้เป็นเจ้าของที่ดินและมีบริวารในสังกัด

34. สงครามครูเสด (Crusade)
(1) ปกป้องดินแดนเยรูซาเล็ม
(2) ต่อสู้กับชาวมุสลิม
(3) ยุโรปชนะและยึดคืนดินแดนศักดิ์สิทธิ์
(4) ชาวยุโรปเริ่มรู้จักเครื่องเทศ
(5) เกิดขึ้นใน ค.ศ. 1096 – 1270
ตอบ 3 หน้า 78 สงครามครูเสด (Crusade) เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1096 – 1270 เป็นการทําสงคราม ระหว่างพวกเติร์กที่นับถือศาสนาอิสลามและพวกยุโรปตะวันตกที่นับถือศาสนาคริสต์ โดยสาเหตุเกิดจากพวกเติร์กต้องการแย่งชิงเยรูซาเล็มซึ่งเป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์จากพวกยุโรป ตะวันตก ทําให้พวกยุโรปตะวันตกต้องต่อสู้เพื่อปกป้องดินแดนเยรูซาเล็ม ผลคือพวกเติร์กชนะและยึดครองเยรูซาเล็มได้สําเร็จ ส่วนพวกยุโรปตะวันตกต้องยกทัพกลับไปเพราะพ่ายแพ้ผลจากสงครามในครั้งนี้ทําให้ชาวยุโรปรู้จักการใช้เครื่องเทศในการถนอมและปรุงรสอาหารรวมทั้งได้เรียนรู้วัฒนธรรมตะวันออกที่แตกต่างจากตน

35. การปฏิรูปทางศาสนา (Reformation)
(1) ความขัดแย้งศาสนาคริสต์กับศาสนาอิสลาม
(2) อํานาจของพระสันตะปาปาเสื่อมลง
(3) กลายเป็นสงครามศาสนา
(4) ต้นเหตุสงคราม 30 ปี
(5) เกิดเป็น 2 นิกายหลัก
ตอบ 1 หน้า 79, (คําบรรยาย) การปฏิรูปทางศาสนา (Reformation) เกิดขึ้นจากอํานาจของพระสันตะปาปาเสื่อมลงและเกิดความขัดแย้งในคริสตจักรคาทอลิก ซึ่งผลจากการปฏิรูป ทําให้เกิดเป็น 2 นิกายหลัก คือ นิกายคาทอลิกและนิกายโปรเตสแตนต์ และนําไปสู่สงคราม ศาสนาที่ยืดเยื้อในยุโรปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1618 – 1648 หรือที่เรียกว่า สงคราม 30 ปี

36. การประชุมที่เวียนนา (Congress of Vienna)
(1) ประชุมเมื่อ ค.ศ. 1815
(2) เพื่อต่อต้านการแผ่ขยายอํานาจของฝรั่งเศส
(3) ผู้นําฝรั่งเศสขณะนั้นคือบิสมาร์ก
(4) ประชุมเพื่อสันติภาพ
(5) ผนึกกําลัง 5 รัฐยุโรป
ตอบ 3 หน้า 82 หลังการปฏิวัติฝรั่งเศสจักรพรรดินโปเลียนซึ่งเป็นผู้นําฝรั่งเศสในขณะนั้นได้ทําสงคราม
ขยายดินแดนไปทั่วยุโรป รัฐในยุโรปจึงร่วมมือกันปราบปรามนโปเลียนได้สําเร็จในปี ค.ศ. 1815

และจัดระเบียบรักษาสันติภาพในยุโรปด้วยการประชุมที่เวียนนา (Congress of Vienna) ในปี เดียวกัน นําไปสู่การผนึกกําลังระหว่างรัฐมหาอํานาจ 5 รัฐในยุโรป คือ ออสเตรีย อังกฤษ ปรัสเซีย ฝรั่งเศส และรัสเซีย ซึ่งรวมเรียกว่า “วงอํานาจแห่งยุโรป” (Concert of Europe)

37. สงครามโลกครั้งที่ 1
(1) ออสเตรียประกาศสงครามต่อเซอร์เบีย
(2) รัสเซียประกาศสงครามต่อฝรั่งเศส
(3) รัสเซียระดมพลช่วยเหลือเซอร์เบีย
(4) อังกฤษประกาศสงครามต่อเยอรมนี
(5) เยอรมนีประกาศสงครามกับรัสเซีย
ตอบ 2 หน้า 82 – 83, (คําบรรยาย) สงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1914 – ค.ศ. 1918 โดยเริ่มต้นจากออสเตรียประกาศสงครามต่อเซอร์เบียร์ในวันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1914 และตามมาด้วยการประกาศสงครามของประเทศพันธมิตรต่าง ๆ อันได้แก่ เยอรมนี ๆ ประกาศสงครามกับรัสเซียและฝรั่งเศส และอังกฤษประกาศสงครามกับเยอรมนี

38. จุดเริ่มต้นสงครามโลกครั้งที่ 2
(1) ฮิตเลอร์ก้าวขึ้นเป็นผู้นําเยอรมนี
(2) เยอรมนีเข้ายึดครองโปแลนด์
(3) มุโสลินีก้าวขึ้นเป็นผู้นําฝรั่งเศส
(4) อังกฤษยอมให้เยอรมนียึดครองแคว้นสุเดเตน
(5) เยอรมนีเข้ายึดครองแคว้นสุเอเตน
ตอบ 3 หน้า 85 จุดเริ่มต้นสงครามโลกครั้งที่ 2
1. ฮิตเลอร์ก้าวขึ้นเป็นผู้นําเยอรมนี ส่วนมุโสลินีก้าวขึ้นเป็นผู้นําอิตาลี
2. ฮิตเลอร์ผนวกออสเตรียเข้ากับเยอรมนีและส่งทหารเข้ายึดครองแคว้นสุเดเป็นของ เชโกสโลวาเกีย อังกฤษเจรจากับเยอรมนีโดยยอมให้เยอรมนียึดครองแคว้นสุเอเตน ถ้าเยอรมนีรับรองว่าจะไม่เรียกร้องดินแดนอะไรจากเชโกสโลวาเกียอีก
3. เยอรมนีส่งทหารเข้ายึดครองโปแลนด์ อังกฤษกับฝรั่งเศสตอบโต้โดยยื่นคําขาดให้เยอรมนี ถอนทหารจากโปแลนด์แต่เยอรมนีไม่ปฏิบัติตาม อังกฤษและฝรั่งเศสจึงประกาศสงคราม ต่อเยอรมนีในวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 1939 สงครามโลกครั้งที่ 2 จึงเริ่มขึ้น

39. ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2
(1) เริ่ม ค.ศ. 1939
(2) สิ้นสุด ค.ศ. 1945
(3) คู่ต่อสู้แบ่งเป็น 2 ฝ่าย
(4) อังกฤษประกาศสงครามกับเยอรมนี
(5) อิตาลีประกาศสงครามต่อเยอรมนี
ตอบ 5 หน้า 85, (ดูคําอธิบายข้อ 38. ประกอบ) สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1939 และ สิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1945 โดยคู่ต่อสู้แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ
1. ฝ่ายสัมพันธมิตร (Allied Powers) ประกอบด้วย 5 ประเทศหลัก ได้แก่ สหภาพโซเวียต อังกฤษ (สหราชอาณาจักร) ฝรั่งเศส จีน และสหรัฐอเมริกา
2. ฝ่ายอักษะ (Axis Powers) ประกอบด้วย 3 ประเทศหลัก ได้แก่ เยอรมนี อิตาลี และญี่ปุ่น

40. ฝ่ายสัมพันธมิตร (Allied)
(1) อิตาลี
(2) สหภาพโซเวียต
(3) จีน
(4) ฝรั่งเศส
(5) สหราชอาณาจักร
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 39. ประกอบ

41. การสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
(1) กองกําลังสหรัฐและอังกฤษขึ้นบกที่หาดนอร์มังดี
(2) เยอรมนีประกาศยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข
(3) สหรัฐอเมริกาทิ้งปรมาณูที่เมืองฮิโรชิมาในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1945
(4) สหรัฐอเมริกาทิ้งปรมาณูที่เมืองนางาซากิในเดือนกันยายน ค.ศ. 1945
(5) ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงคราม
ตอบ 4 หน้า 86 การสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2

1. สหรัฐอเมริกาและอังกฤษได้ยกพลขึ้นบกที่หาดนอร์มังดีในฝรั่งเศสนําไปสู่ชัยชนะในยุโรป โดยเยอรมนียอมแพ้โดยปราศจากเงื่อนไขในวันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ. 1945 และฮิตเลอร์ยิงตัวตาย

2. สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรชิมาในวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 และทิ้งระเบิด ปรมาณูที่เมืองนางาซากิในวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1945 ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงคราม และลงนามในสนธิสัญญาสงบศึกในวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1945 สงครามโลกครั้งที่ 2 จึงยุติ

42. หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
(1) จัดตั้งองค์การสันนิบาตชาติ
(2) เยอรมนีถูกแบ่งเป็น 4 ส่วน
(3) ผู้ครอบครองเยอรมนีคือผู้ชนะสงคราม
(4) มีการลงโทษอาชญากรสงคราม
(5) มีการเรียกร้องเอกราชจากจักรวรรดิยุโรป
ตอบ 1 หน้า 86 – 87 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
1. มีการจัดตั้งองค์การสหประชาชาติ (UN) เพื่อเป็นกลไกสําคัญสําหรับการเจรจาโดยสันติวิธี เพื่อแก้ไขความขัดแย้งระหว่างประเทศ
2. เยอรมนีถูกแบ่งเป็น 4 ส่วนและถูกครอบครองโดยประเทศผู้ชนะสงคราม 4 ประเทศ คือ อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา และสหภาพโซเวียต
3. มีการลงโทษอาชญากรสงคราม นาซีเยอรมันและญี่ปุ่นหลายคนถูกตัดสินประหารชีวิต
4. มีการเรียกร้องเอกราชจากจักรวรรดิยุโรป ทําให้มีประเทศใหม่ ๆ เกิดขึ้นเป็นจํานวนมาก เช่น อินเดีย ปากีสถาน พม่า อินโดนีเซีย เป็นต้น

43. สาเหตุของสงครามเย็น
(1) ความแตกต่างทางอุดมการณ์การเมือง
(2) สหภาพโซเวียตนําฝ่ายคอมมิวนิสต์
(3) ความแตกต่างทางอุดมการณ์เศรษฐกิจ
(4) ทั้งสองฝ่ายทําการสู้รบทางทหารโดยตรง
(5) สหรัฐอเมริกานําฝ่ายเสรีประชาธิปไตย
ตอบ 4 หน้า 87, (คําบรรยาย) สงครามเย็น (Cold War) เกิดขึ้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่างปี ค.ศ. 1947 – ค.ศ. 1991 เป็นสงครามที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างฝ่ายเสรี ประชาธิปไตยนําโดยสหรัฐอเมริกา และฝ่ายคอมมิวนิสต์นําโดยสหภาพโซเวียต โดยมีสาเหตุ มาจากความแตกต่างทางอุดมการณ์ทางการเมืองและระบบเศรษฐกิจ โดยลักษณะสงครามไม่ได้มีการใช้กองกําลังทหารเข้าสู้รบกันโดยตรง แต่เป็นการสู้กันโดยการแข่งขันทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม การส่งความช่วยเหลือไปยังประเทศที่ 3 และการทําสงครามตัวแทน

44.แผนการมาร์แชล (Marshall Plan)
(1) แผนการของสหรัฐอเมริกา
(2) ช่วยเหลือเอเชียโดยเฉพาะ
(3) เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ
(4) เสนอแนะโดยรัฐมนตรีต่างประเทศจอร์จ ซี. มาร์แซล
(5) เพื่อขัดขวางการขยายอิทธิพลคอมมิวนิสต์
ตอบ 2 หน้า 88 แผนการมาร์แชล (Marshall Plan) เสนอแนะโดยรัฐมนตรีต่างประเทศจอร์จ ซี. มาร์แซล (George C. Marshall) เป็นแผนการของสหรัฐอเมริกาในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟูเศรษฐกิจแก่ประเทศยุโรป สร้างเสถียรภาพทางการเมืองและขัดขวางการขยายอิทธิพลของคอมมิวนิสต์

45. พันธมิตรทางทหารของสหรัฐอเมริกาในยุโรปและเอเชีย
(1) NATO
(2) CENTO
(3) SEATO
(4) Warsaw Pact
(5) ข้อ 1, 2 และ 3
ตอบ 4 หน้า 88 พันธมิตรทางทหารของสหรัฐอเมริกาในยุโรปและเอเชีย มีดังนี้
1. NATO (The North Atlantic Treaty Organization) ในยุโรป
2. CENTO (The Central Treaty Organization) ในเอเชียตะวันตก
3. SEATO (Southeast Asia Treaty Organization) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

46. วิกฤติการณ์คิวบา (Cuban Missile Crisis)
(1) เกิดจากสหภาพโซเวียตวางแผนส่งขีปนาวุธติดตั้งในคิวบา
(2) สหรัฐอเมริกาตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธไปยังเรือรบของสหภาพโซเวียต
(3) เหตุการณ์เกิดขึ้นใน ค.ศ. 1962
(4)สหรัฐอเมริกาดําเนินมาตรการปิดล้อมทางทะเลต่อคิวบา
(5) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะนั้นคือ ประธานาธิบดีเคนเนดี้ (John F. Kennedy)
ตอบ 2 หน้า 26, 89, (คําบรรยาย) วิกฤติการณ์คิวบา (Cuban Missile Crisis) เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1962 เป็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับสหภาพโซเวียต เนื่องจากสหภาพโซเวียตวางแผนส่งขีปนาวุธไปติดตั้งในคิวบา ทําให้สหรัฐอเมริกาเกิดความหวาดกลัวว่าการติดตั้งขีปนาวุธจะมี ผลกระทบต่อความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีเคนเนดี้ (John F. Kennedy) ของ สหรัฐอเมริกาจึงได้ดําเนินมาตรการปิดล้อมทางทะเลต่อคิวบาและยื่นคําขาดให้สหภาพโซเวียต ถอนขีปนาวุธออกจากคิวบามิฉะนั้นจะบุกคิวบาและทําลายขีปนาวุธเสียเอง วิกฤติการณ์ครั้งนี้ สิ้นสุดลงโดยการเจรจาขององค์การสหประชาชาติ ทําให้สหภาพโซเวียตยอมถอนขีปนาวุธออกจากคิวบาโดยสันติ

47. การทูตปิงปอง (Ping Pong Diplomacy)
(1) การปรับความสัมพันธ์สหภาพโซเวียตกับจีน
(2) การปรับความสัมพันธ์สหรัฐอเมริกากับจีน
(3) การแข่งขันครั้งแรกจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง
(4) เกิดขึ้นในช่วง 1970s
(5) ใช้กีฬาเทเบิลเทนนิสเป็นเครื่องมือในการกระชับความสัมพันธ์
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 30. ประกอบ

48. นโยบายอยู่ร่วมโดยสันติ (Peaceful Coexistence)
(1) ท่าทีประนีประนอมของจีนต่อสหรัฐอเมริกา
(2) ประธานาธิบดีนิกสัน (Richard M. Nixon) แห่งสหรัฐฯ ตอบรับ
(3) ตัวแทนสหรัฐฯ ผู้เดินทางไปเจรจากับจีนคือ เฮนรี่ คิสซิงเจอร์ (Henry Kissinger)
(4) ประธานาธิบดีนิกสันเดินทางเยือนต่อจากคิสซิงเจอร์
(5) มีการลงนาม “แถลงการณ์ร่วมปักกิ่ง” (Beijing Communique)
ตอบ 5 หน้า 89 ในช่วง 1970s จีนได้แสดงท่าทีประนีประนอมกับสหรัฐอเมริกาด้วยการเสนอ นโยบายอยู่ร่วมโดยสันติ (Peaceful Coexistence) โดยจีนได้เสนอให้สหรัฐอเมริกาส่งผู้แทน ที่มีอํานาจมาเจรจาเกี่ยวกับการปรับความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาให้เป็นปกติ ซึ่งสหรัฐอเมริกาได้สูงที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคง ดร.เฮนรี่ คิสซิงเจอร์ (Henry Kissinger) ไปเจรจากับจีนอย่างลับ ๆ ในปี ค.ศ. 1971 ต่อมาจีนได้เชิญประธานาธิบดีนิกสัน (Richard ๆ M. Nixon) ไปเยือนในปี ค.ศ. 1972 และนําไปสู่การลงนามใน “แถลงการณ์ร่วมเซี่ยงไฮ้”
(Shanghai Communique) ซึ่งการปรับความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกานั้นถือเป็น จุดเปลี่ยนที่สําคัญในการเมืองโลกในยุคสงครามเย็น

49. การเปลี่ยนแปลงของสหภาพโซเวียตก่อนสิ้นสุดสงครามเย็น
(1) นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ขึ้นดํารงตําแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์
(2) ใช้นโยบายเปิดกว้าง (Glasnost)
(3) ใช้นโยบายปรับเปลี่ยนโครงสร้าง (Perestroika)
(4) นโยบายของกอร์บาชอฟทําให้อํานาจของพรรคคอมมิวนิสต์เบ็ดเสร็จมากขึ้น
(5) การเปลี่ยนแปลงมีผลต่อการล่มสลายของสหภาพโซเวียต
ตอบ 4 หน้า 90 การเปลี่ยนแปลงของสหภาพโซเวียตก่อนสิ้นสุดสงครามเย็นที่สําคัญก็คือ การที่ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ (Mikhail Gorbachev) ขึ้นดํารงตําแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ โดยกอร์บาชอฟตัดสินใจปฏิรูปเศรษฐกิจและการเมืองของสหภาพโซเวียตด้วยนโยบายเปิดกว้าง (Glasnost) คือ เปิดประเทศให้กว้างขึ้น ให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น โดยให้ประชาชนมีอิสระ ในการแสดงความคิดเห็นของตน และนโยบายปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ (Perestroika) คือ การปรับสภาพเศรษฐกิจและสังคมของสหภาพโซเวียตให้คลายจากความชะงักงัน เพื่อยกระดับ มาตรฐานการครองชีพของประชาชนชาวโซเวียตให้ดีขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้อํานาจของพรรค คอมมิวนิสต์ที่เคยควบคุมเบ็ดเสร็จลดลง รัฐต่าง ๆ ซึ่งรวมกันเป็นสหภาพโซเวียตได้ตัดสินใจ แยกตัวเป็นอิสระ นําไปสู่การล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี ค.ศ. 1991

50. รัฐที่แยกออกมาจากสหภาพโซเวียต
(1) Moldova
(2) Russia
(3) Ukraine
(4) Yugoslavia
(5) Latvia
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 31. ประกอบ

51. ข้อใดไม่ใช่เครื่องมือทางการเมือง
(1) การทูต
(2) องค์การระหว่างประเทศ
(3) กฎหมายระหว่างประเทศ
(4) พันธมิตร
(5) โฆษณาชวนเชื่อ
ตอบ 5 (คําบรรยาย) เครื่องมือทางการเมือง แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ 1. การทูต 2. องค์การระหว่างประเทศ 3. กฎหมายระหว่างประเทศ 4. พันธมิตร

52.กระแส K-Waveของเกาหลีใต้แสดงให้เห็นถึงความสําเร็จในการใช้เครื่องมือประเภทใดมากที่สุด
(1) การเมือง
(2) เศรษฐกิจ
(3) ข้อมูลข่าวสาร
(4) ทหาร
(5) การเจรจา
ตอบ 3 (คําบรรยาย) การทูตสาธารณะ ถือเป็นเครื่องมือด้านข้อมูลข่าวสารประเภทหนึ่ง โดยการทูตสาธารณะเป็นการสื่อสารโดยรัฐที่มุ่งเป้าหมายหลักไปที่ปัจเจกบุคคลและเอกชน เพื่อสร้าง ภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศของตน โดยสามารถทําได้ผ่านวิธีการที่หลากหลาย ตั้งแต่การ ให้ข้อมูล การเผยแพร่วัฒนธรรม และการศึกษา ตัวอย่างของการทูตสาธารณะ เช่น กระแส K-Wave ของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมร่วมสมัยของเกาหลีใต้ออกไปทั่วโลก โดยผ่านสื่อบันเทิง เช่น เพลง ภาพยนตร์ เป็นต้น

53. “รัฐ A ส่งออกสินค้าของตนไปยังรัฐ B โดยที่ราคาส่งออกนั้นต่ำกว่ามูลค่าปกติของสินค้าชนิดเดียวกัน ที่จําหน่ายเพื่อการบริโภคภายในรัฐ A” รัฐ A ดําเนินมาตรการทางเศรษฐกิจแบบใด
(1) Tariff
(2) Subsidy
(3) Quota
(4) Dumping
(5) Boycott
ตอบ 4 หน้า 55, (คําบรรยาย) การทุ่มสินค้า/การทุ่มตลาด (Dumping) คือ การส่งสินค้าออกไปขายต่างประเทศในราคาที่ต่ํากว่าขายภายในประเทศ หรือขายในราคาต่ํากว่าต้นทุนการผลิต เช่น รัฐ A
ส่งออกสินค้าของตนไปยังรัฐ B โดยที่ราคาส่งออกนั้นต่ํากว่ามูลค่าปกติของสินค้าชนิดเดียวกัน ที่จําหน่ายเพื่อการบริโภคภายในรัฐ A เป็นต้น ทั้งนี้การทุ่มตลาดมีเป้าหมายหลายประการ เช่น ทําให้สินค้าที่ตกค้างอยู่สามารถขายยังต่างประเทศได้ สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศตนเอง แนะนํา สินค้าใหม่ให้เป็นที่รู้จัก ทําให้คู่แข่งขันอ่อนแอลงจนต้องถอนตัวออกไปจากตลาด เป็นต้น

54. ข้อใดกล่าวถึงการให้สิทธิพิเศษทางศุลกากร (GSP) ได้ถูกต้อง
(1) เป็นการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรของประเทศกําลังพัฒนา
(2) เป็นสิทธิพิเศษทางศุลกากรแบบต่างตอบแทน
(3) สิทธิ GSP เป็นการให้แบบมีเงื่อนไข
(4) เป็นการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรของสมาชิก WTO
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 3 (คําบรรยาย) GSP (Generalized System of Preference) เป็นการให้สิทธิพิเศษทางภาษี ศุลกากรของประเทศพัฒนาแล้วแก่ประเทศกําลังพัฒนาและด้อยพัฒนา โดยเป็นการลดภาษีสินค้านําเข้าให้ ทั้งนี้ก็เพื่อให้สินค้าจากประเทศกําลังพัฒนาและด้อยพัฒนาสามารถแข่งขันกับ สินค้าจากประเทศพัฒนาแล้วได้ โดยสิทธิ GSP นี้ถือเป็นการให้ฝ่ายเดียว (Unilateral) กล่าวคือ ประเทศที่ให้สิทธิ GSP นั้นไม่ได้เรียกร้องผลประโยชน์ใด ๆ ตอบแทนจากประเทศผู้รับ แต่การ ให้สิทธิ GSP นี้ก็เป็นการให้แบบมีเงื่อนไข กล่าวคือประเทศผู้รับจะต้องมีคุณสมบัติเข้าเงื่อนไข ต่าง ๆ ตามที่ประเทศผู้ให้สิทธิกําหนด

55. ข้อใดไม่ใช่เครื่องมือทางการทหารในยามสันติ
(1) การดําเนินยุทธวิธี
(2) การซ้อมรบร่วม
(3) การเดินสวนสนาม
(4) การทูตทหาร
(5) การบรรเทาภัยพิบัติ
ตอบ 1(คําบรรยาย) เครื่องมือทางการทหารในยามสันติ ได้แก่
1. การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ได้แก่ การแทรกแซงด้านมนุษยธรรม การบรรเทา ภัยพิบัติ การสร้างสันติภาพ และการรักษาสันติภาพ
2. การประจําการและการรับประกันความมั่นคงปลอดภัย เช่น การลาดตระเวน การเดิน สวนสนาม การซ้อมรบภายใน เป็นต้น
3. การทูตทหาร ได้แก่ การให้รับการฝึกซ้อม การซ้อมรบร่วม และการซื้อขายอาวุธ
4. การสนับสนุนเครื่องมือของรัฐอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เครื่องมือทางการทหาร เช่น การใช้เครื่องมือ ด้านการทหารเพื่อข่มขู่หรือสร้างความตกใจให้แก่เป้าหมาย เป็นต้น

56. “การส่งกองกําลังสหประชาชาติเข้าไปดูแลเฝ้าระวังและ/หรือป้องกันสถานการณ์ไม่ให้ลุกลามบานปลาย
เป็นการใช้เครื่องมือทางการทหารในการช่วยเหลือเรื่องใด
(1) Disaster Relief
(2) Peacemaking
(3) Peacekeeping
(4) Peacebuilding
(5) Peace Enforcement
ตอบ 3 (คําบรรยาย) การรักษาสันติภาพ (Peacekeeping) เป็นการส่งกองกําลังสหประชาชาติ เข้าไปดูแลเฝ้าระวังและ/หรือป้องกันสถานการณ์ไม่ให้ลุกลามบานปลาย

57. รัฐต้องคํานึงถึงสิ่งใดบ้างในการเลือกใช้เครื่องมือแต่ละประเภท
(1) ต้นทุน
(2) ความเสี่ยง
(3) ประสิทธิผล
(4) จังหวะเวลา
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 (คําบรรยาย) สิ่งที่รัฐต้องคํานึงถึงในการเลือกใช้เครื่องมือแต่ละประเภทในการดําเนิน ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ได้แก่
1. ต้นทุน (Cost)
2. ความเสี่ยง (Risk)
3. ประสิทธิผล (Effectiveness)
4. ลําดับในการเลือกใช้เครื่องมือ (Sequence)
5. จังหวะเวลาในการใช้เครื่องมือ (Timing)

58. ข้อใดคือสถานะของประเทศสมาชิก WTO ที่ได้รับอัตราภาษีนําเข้าที่ดีที่สุดจากประเทศสมาชิกต่าง ๆ
(1) MSN
(2) GSP
(3) MFN
(4) PCT
(5) MMS
ตอบ 3 (คําบรรยาย) การให้สถานะประเทศที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่ง (Most Favoured Nation : MFN) เป็นการให้สถานะแก่ประเทศสมาชิก WTO ในการได้รับอัตราภาษีนําเข้าที่ดีที่สุดจาก ประเทศสมาชิกต่าง ๆ ของ WTO

59. ข้อใดถือได้ว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างประเทศที่มีปัจจัยมาจากประเด็นทางสังคมและวัฒนธรรม
(1) การลดค่าเงินเยนของญี่ปุ่นในช่วงทศวรรษที่ 1980
(2) ความขัดแย้งระหว่างอังกฤษกับเนเธอร์แลนด์ในช่วง 1652 – 1654
(3) สงครามระหว่างอิรัก-อิหร่านในช่วงทศวรรษที่ 1980
(4) ข้อพิพาทเขาพระวิหารระหว่างไทย-กัมพูชา
(5) การรุกรานของเยอรมนีในช่วงทศวรรษที่ 1930
ตอบ 3 (คําบรรยาย) ความขัดแย้งระหว่างประเทศที่มีปัจจัยมาจากประเด็นทางสังคมและวัฒนธรรม
เป็นความขัดแย้งที่เกิดจากประเด็นดังต่อไปนี้
1. ความแตกต่างทางชาติพันธุ์ เช่น ความขัดแย้งระหว่างเผ่า Tutsi กับ Hutu ในรวันดา ระหว่างปี ค.ศ. 1994 – 1997 เป็นต้น
2. ความแตกต่างทางด้านศาสนาและความเชื่อ เช่น สงครามระหว่างอิรัก-อิหร่านในช่วง ทศวรรษที่ 1980 อันเนื่องมาจากการนับถือศาสนาอิสลามต่างนิกาย เป็นต้น
3. ความแตกต่างทางด้านขนบธรรมเนียมประเพณี เช่น สหราชอาณาจักรงดการนําเข้ามะพร้าว จากไทยเพื่อตอบโต้การที่ไทยใช้แรงงานสัตว์ (ลิง) ในการเก็บมะพร้าว เป็นต้น

60. ข้อใดเรียงลําดับพัฒนาการของความสัมพันธ์จากปกติไปสู่สงครามได้ถูกต้อง
(1) ความสัมพันธ์แบบปกติ-ความขัดแย้ง ความตึงเครียด-วิกฤติการณ์สงคราม
(2) ความสัมพันธ์แบบปกติ ความตึงเครียด-ความขัดแย้ง-วิกฤติการณ์สงคราม
(3) ความสัมพันธ์แบบปกติ ความตึงเครียด-วิกฤติการณ์ความขัดแย้ง-สงคราม
(4) ความสัมพันธ์แบบปกติ-วิกฤติการณ์ ความตึงเครียด-ความขัดแย้ง-สงคราม
(5) ความสัมพันธ์แบบปกติ-ความขัดแย้ง-วิกฤติการณ์-ความตึงเครียด-สงคราม
ตอบ 1 (คําบรรยาย) พัฒนาการของความสัมพันธ์ของรัฐจากปกติไปสู่สงคราม สามารถเรียงลําดับ ได้ดังนี้ 1. ความสัมพันธ์แบบปกติ 2. ความขัดแย้ง 3. ความตึงเครียด 4. วิกฤติการณ์ 5. สงคราม

61. สงครามครั้งใดเป็นสงครามแบบเบ็ดเสร็จ
(1) สงครามเวียดนาม
(2) สงครามโลกครั้งที่ 1, 2
(3) สงครามเกาหลี
(4) สงครามอิรัก-อิหร่าน
(5) สงครามเย็น
ตอบ 2 หน้า 49 สงครามแบบเบ็ดเสร็จ (Total War) เป็นสงครามที่มีการต่อสู้ในอาณาเขตที่กว้างขวาง ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของโลก โดยไม่มีการจํากัดจุดประสงค์ในการต่อสู้ ไม่มีการจํากัดจํานวนทหาร และชนิดหรือจํานวนของอาวุธที่นํามาใช้ในการต่อสู้ รัฐต่าง ๆ ทั่วโลกอาจจะเข้าร่วมใน สงครามชนิดนี้ ยกเว้นรัฐที่เป็นกลางตามกฎหมาย เช่น สวิตเซอร์แลนด์ ตัวอย่างของสงคราม ชนิดนี้ ได้แก่ สงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามโลกครั้งที่ 2

62. ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับการทําสงครามข้อมูลข่าวสาร
(1) การติดแฮชแท็ก #GodSaveTheQueen และ #Thanks Friends
(2) การรายงานจํานวนผู้เสียชีวิตในสงครามน้อยกว่าตัวเลขจริง
(3) การเผยแพร่ภาพอาวุธของฝ่ายตรงข้ามที่ถูกทําลาย
(4) การนํารายชื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรงข้ามขึ้นบัญชีดํา
(5) การส่งไวรัสคอมพิวเตอร์เข้าไปทําลายข้อมูลของฝ่ายตรงข้าม
ตอบ 1 (คําบรรยาย) การทําสงครามข้อมูลข่าวสาร (Information Warfare) คือ การใช้เทคโนโลยี ข้อมูลข่าวสารมาใช้ในการควบคุม บ่อนทําลาย การเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร โดยวิธีการล้วงข้อมูล บิดเบือนข้อมูล หรือทําลายข้อมูลของฝ่ายตรงข้าม เช่น การรายงานจํานวนผู้เสียชีวิตในสงคราม น้อยกว่าตัวเลขจริง การเผยแพร่ภาพอาวุธของฝ่ายตรงข้ามที่ถูกทําลาย การนํารายชื่อเจ้าหน้าที่ ฝ่ายตรงข้ามขึ้นบัญชีดํา การส่งไวรัสคอมพิวเตอร์เข้าไปทําลายข้อมูลของฝ่ายตรงข้าม เป็นต้น

63. การก่อเหตุวินาศกรรมบนสะพานเวสต์มินสเตอร์กลางกรุงลอนดอนในปี 2017 เป็นการก่อการร้ายประเภทใด
(1) Lone Terrorism
(2) Insurrectionary Terrorism
(3) Nationalist Terrorism
(4) Global Terrorism
(5) Cyber Terrorism
ตอบ 1(คําบรรยาย) การก่อการร้ายเดี่ยว (Lone Terrorism) เป็นการก่อการร้ายที่มีผู้ก่อการเพียงคนเดียว ซึ่งเป้าหมายของการก่อการร้ายอาจจะเป็นการต่อต้านประเด็นใดประเด็นหนึ่ง ทางการเมืองก็ได้ เช่น เหตุการณ์โจมตีอาคารสหพันธ์อัลเฟรด เมอร์ ในเมืองโอกลาโฮมา สหรัฐอเมริกาในปี 1995 การก่อเหตุวินาศกรรมบนสะพานเวสต์มินสเตอร์กลางกรุงลอนดอน ในปี 2017 เป็นต้น

64. ข้อใดคือ “สํานักข่าวกรองแห่งชาติ” ของไทยที่ทําหน้าที่กําหนดมาตรการต่อต้านการก่อการร้าย
(1) CIA
(2) FBI
(3) SIS
(4) DSI
(5) NIA
ตอบ 5 (คําบรรยาย) หน่วยข่าวกรอง ซึ่งทําหน้าที่กําหนดมาตรการต่อต้านการก่อการร้ายของประเทศ ต่าง ๆ มีดังนี้ 1. สํานักงานข่าวกรองกลาง (Central Intelligence Agency : CIA) ของ สหรัฐอเมริกา 2. หน่วยข่าวกรองลับ (Secret Intelligence Service : SIS) ของอังกฤษ 3. สํานักข่าวกรองแห่งชาติ (National Intelligence Agency : NIA) ของไทย ฯลฯ

65. การเสนอตัวของประเทศที่สามในการทําหน้าที่อํานวยความสะดวกเพื่อให้ประเทศคู่ขัดแย้งได้เจรจากันและประเทศที่สามเข้าร่วมในการเจรจาด้วย เป็นลักษณะของวิธีการแก้ไขความขัดแย้งโดยสันติวิธีแบบใด
(1) Third Party
(2) Mediation
(3) Arbitration
(4) Adjudication
(5) UNSC
ตอบ 2 (คําบรรยาย) การไกล่เกลี่ย (Mediation) คือ การเสนอตัวของประเทศที่สามในการทําหน้าที่ อํานวยความสะดวกเพื่อให้ประเทศคู่ขัดแย้งได้เจรจากันและประเทศที่สามเข้าร่วมในการเจรจาด้วย

66. ขบวนการไรซ์สบัวร์เกอร์ (Reichsbuerger) ในเยอรมนีถือว่าเป็นการก่อการร้ายประเภทใด
(1) Lone Terrorism
(2) Insurrectionary Terrorism
(3) Nationalist Terrorism
(4) Global Terrorism
(5) Cyber Terrorism
ตอบ 2 (คําบรรยาย) การก่อการร้ายเพื่อล้มอํานาจ (Insurrectionary Terrorism) เป็นการก่อการร้าย ของฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาลเพื่อโค่นล้มหรือแย่งชิงอํานาจรัฐบาล เช่น ขบวนการไรซ์สบัวร์เกอร์(Reichsbuerger) ในเยอรมนี เป็นต้น

67. “เอกสิทธิ์ทางการทูต” เป็นความร่วมมือระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นจากแหล่งกําเนิดใด
(1) Self-Generating Cooperation
(2) Institutions
(3) Hegemonic Power
(4) Interdependence
(5) Integration
ตอบ 1 (คําบรรยาย) Self-Generating Cooperation เป็นความร่วมมือระหว่างประเทศที่เกิดจาก ความยินยอมพร้อมใจ เกิดจากการที่ตัวแสดงเห็นว่าหากมาร่วมมือกันจะนํามาซึ่งผลประโยชน์ ร่วมกัน ความร่วมมือในลักษณะนี้อยู่ภายใต้หลักการต่างตอบแทน เช่น การให้เอกสิทธิ์ ทางการทูต เป็นต้น

68. ข้อใดไม่ใช่ระบอบระหว่างประเทศ
(1) ระบอบการไม่แพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์
(2) ระบอบปิตาธิปไตย
(3) ระบอบการอนุรักษ์ระหว่างประเทศ
(4) ระบอบอนุรักษ์แอนตาร์กติก
(5) ระบอบอนุรักษ์แม่น้ําไรน์
ตอบ 2 หน้า 122, (คําบรรยาย) ตัวอย่างของระบอบระหว่างประเทศ ได้แก่
1. ระบอบด้านการค้าระหว่างประเทศ
2. ระบอบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ
3. ระบอบการไม่แพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์
4. ระบอบการอนุรักษ์ระหว่างประเทศ
5. ระบอบอนุรักษ์แม่น้ําไรน์
6. ระบอบอนุรักษ์แอนตาร์กติก

69. “การรวมตัวทางการเมืองตั้งแต่ 2 รัฐขึ้นไปเป็นสหพันธรัฐโดยสนับสนุนการบูรณาการที่มีสถาบันเหนือรัฐ หรือรัฐยอมมอบอํานาจอธิปไตยบางส่วนให้รัฐบาลกลาง” เป็นข้อเสนอของแนวคิดใด
(1) Federalism
(2) Functionalism
(3) Neo-Functionalism
(4) Transnationalism
(5) Regionalism
ตอบ 1 (คําบรรยาย) แนวคิดสหพันธรัฐนิยม (Federalism) คือ การรวมตัวทางการเมืองตั้งแต่ 2 รัฐขึ้นไปเป็นสหพันธรัฐ โดยสนับสนุนการบูรณาการที่มีสถาบันเหนือรัฐ หรือรัฐยอมมอบ อํานาจอธิปไตยบางส่วนให้รัฐบาลกลาง ซึ่งแนวคิดนี้เคยถูกเสนอโดยอัลติเอโร สปีเนลลี (Altiero Spinelli) ในการรวมกลุ่มแบบก้าวกระโดดเพื่อจัดตั้งสหพันธรัฐแห่งยุโรปในช่วงแรก แต่แนวคิดดังกล่าวไม่เป็นที่นิยม

70. ข้อใดเรียงลําดับการบูรณาการเศรษฐกิจ 5 ขั้นได้ถูกต้อง
(1) เขตการค้าเสรี-ตลาดร่วม-สหภาพศุลกากร-สหภาพทางเศรษฐกิจ-สหภาพเหนือรัฐ
(2) สหภาพศุลกากร เขตการค้าเสรี-ตลาดร่วม-สหภาพทางเศรษฐกิจ-สหภาพเหนือรัฐ
(3) สหภาพเหนือรัฐ-สหภาพทางเศรษฐกิจ-ตลาดร่วม-สหภาพศุลกากร เขตการค้าเสรี
(4) เขตการค้าเสรี-สหภาพศุลกากร-ตลาดร่วม-สหภาพทางเศรษฐกิจ-สหภาพเหนือรัฐ
(5) ตลาดร่วม-เขตการค้าเสรี-สหภาพศุลกากร-สหภาพทางเศรษฐกิจ-สหภาพเหนือรัฐ
ตอบ 4 (คําบรรยาย) การบูรณาการทางเศรษฐกิจ แบ่งออกเป็น 5 ขั้นตอน ดังนี้ (Customs Union)
1. เขตการค้าเสรี (Free Trade Area)
2. สหภาพศุลกากร
3. ตลาดร่วม (Common/Single Market)
4. สหภาพทางเศรษฐกิจ (Economic Union)
5. สหภาพเหนือรัฐ (Supranational Union)

71. “เน้นความร่วมมือระหว่างรัฐในภารกิจหรือประเด็นที่มีผลประโยชน์ร่วมกันโดยให้มีการจัดตั้งองค์กรกลาง เพื่อให้ความร่วมมือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ” เป็นข้อเสนอของแนวคิดใด
(1) Federalism
(2) Functionalism
(3) Neo-Functionalism
(4) Transnationalism
(5) Regionalism
ตอบ 3 (คําบรรยาย) แนวคิดภารกิจนิยมใหม่ (Neo-Functionalism) เป็นแนวคิดที่ปรับปรุงมาจาก แนวคิดภารกิจนิยม (Functionalism) โดยเน้นความร่วมมือระหว่างรัฐในภารกิจหรือประเด็นที่มีผลประโยชน์ร่วมกันโดยให้มีการจัดตั้งองค์กรกลางเพื่อให้ความร่วมมือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

72. องค์กรใดในสหภาพยุโรปที่ทําหน้าที่เป็นฝ่ายบริหาร
(1) คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป
(2) สภายุโรป
(3) ศาลยุติธรรมยุโรป
(4) ธนาคารกลางยุโรป
(5) คณะกรรมาธิการยุโรป
ตอบ 5 (คําบรรยาย) คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) เป็นองค์กรที่ทําหน้าที่ เป็นฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรป โดยรับผิดชอบการออกกฎระเบียบและข้อบังคับต่าง ๆ ของสหภาพยุโรป รวมไปถึงดําเนินกิจการต่าง ๆ ของสหภาพยุโรปให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย

73. วัตถุประสงค์อันเป็นหลักการในการก่อตั้งองค์กรสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) คืออะไร
(1) Collective Defense
(2) Collective Action
(3) Complex Interdependence
(4) Collective Security
(5) Security Dilemma
ตอบ 1 หน้า 222, (คําบรรยาย) องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1949 เพื่อสร้างความร่วมมือทางทหารของประเทศสองฝั่งแอตแลนติก มีวัตถุประสงค์ เพื่อการป้องกันร่วม (Collective Defense) และถ่วงดุลอํานาจกับประเทศคอมมิวนิสต์ โดยมีสํานักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม

74. อาเซียนใช้ระบบใดในการลงมติ
(1) ระบบเสียงข้างมาก
(2) ระบบเสียง 2 ใน 3
(3) ระบบเสียง 3 ใน 4
(4) ระบบฉันทามติ
(5) ขึ้นอยู่กับรัฐสมาชิกตกลงกันในแต่ละครั้ง
ตอบ 4 (คําบรรยาย) อาเซียน (ASEAN) ใช้ระบบฉันทามติ (Consensus) ในการลงมติหรือตัดสินใจ ในญัตติต่าง ๆ ของอาเซียน โดยอาศัยความเห็นชอบของผู้แทนรัฐสมาชิกทั้งหมดเป็นฉันทานุมัติ

75. ประเทศใดไม่ใช่ประเทศผู้ก่อตั้งสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
(1) มาเลเซีย
(2) เวียดนาม
(3) สิงคโปร์
(4) อินโดนีเซีย
(5) ฟิลิปปินส์
ตอบ 2 หน้า 180 – 181, (ค่าบรรยาย) สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน (ASEAN) ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1967 โดยการลงนามในปฏิญญากรุงเทพ (Bangkok Declaration) ของประเทศสมาชิกผู้ก่อตั้ง 5 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย ปัจจุบัน (ค.ศ. 2024) อาเซียนมีสมาชิกทั้งหมด 10 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย บรูไน เวียดนาม ลาว เมียนมา (พม่า) และกัมพูชา

76. ข้อใดต่อไปนี้เป็นองค์กรระหว่างประเทศทั้งหมด
(1) UNSC, CSCAP, ISEAS, CSIS
(2) Greenpeace, Human Rights Watch, FIFA, WaterAid
(3) WEF, Amnesty International, Oxfam, UNESCO
(4) YMCA, WTO, Mercy Corps, RAND Corporation
(5) IISS, CSCAP, LMC, Humanists International
ตอบ 2 (คําบรรยาย) องค์กรระหว่างประเทศ หมายถึง องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศที่มีการ จัดตั้งขึ้นมาโดยสมาชิกไม่ใช่รัฐ แต่สมาชิกอาจเป็นบุคคล เอกชน บริษัท หรือภาคประชาสังคม Greenpeace, Human Rights Watch, World Economic Forum (WEF), Amnesty International, Oxam, IISS, FIFA, WaterAid เป็นต้น

77. องค์การระหว่างประเทศองค์การแรกของโลกที่จัดตั้งขึ้นมาในปี ค.ศ. 1815 คือ
(1) Congress of Vienna
(2) League of Nations
(3) Schmalkaldic League
(4) Hague Convention
(5) Central Commission for the Navigation of the Rhine
ตอบ 5 (คําบรรยาย) คณะกรรมการกลางว่าด้วยการเดินเรือในแม่น้ําไรน์ (Central Commission for the Navigation of the Rhine : CCNR) เป็นองค์การระหว่างประเทศองค์การแรก ของโลก ซึ่งจัดตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1815 ประกอบด้วยสมาชิก 5 ประเทศ ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และเบลเยียม

78. ข้อใดต่อไปนี้เป็น Functionalis: International Organizations ทั้งหมด
(1) GMS, ACMECS, IMT-GT, ACD
(2) ICJ, ICC, PCA, ICTY
(3) ARF, EU, AU, ECOWAS
(4) ICAO, WHO, UPU, WMO
(5) ECSC, EEC, EURATOM, ECJ
ตอบ 4 (คําบรรยาย) องค์การระหว่างประเทศเฉพาะหน้าที่ (Functionalist International Organizations) คือ องค์การระหว่างประเทศที่ทําหน้าที่เฉพาะด้าน เช่น องค์การการบิน พลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO), องค์การอนามัยโลก (WHO), สหภาพไปรษณีย์สากล (UPU), องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO), องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO), คณะกรรมการกลางว่าด้วยการเดินเรือในแม่น้ำไรน์ (CCNR) เป็นต้น
ทั้งหมด

79. ข้อใดต่อไปนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นแกนกลางของอาเซียน (ASEAN Centrality) ทั้งหมด
(1) Dialogue Partner System, ASEAN + 3, East Asia Summit, ASEAN Outlook on Indo-Pacific
(2) ASEAN Defense Ministerial Meeting Plus, ASEAN Regional Forum, ASEAN Ministerial Meeting, ASEAN + 6
(3) Regional Comprehensive Economic Partnership, Trans-Pacific Partnership, Greater Mekong Subregion, ASEAN Summit
(4) ASEAN + 1, ASEAN + 8, ASEAN Minus, Asia-Europe Meeting
(5) ASEAN Charter, Treaty cf Amity and Cooperation, ASEAN Troika, Zone of Peace, Freedom and Neutrality
ตอบ 1 (คําบรรยาย) สิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นแกนกลางของอาเซียน (ASEAN Centrality) มีดังนี้
1. ระบบคู่เจรจา (Dialogue Partner System)
2. การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ASEAN Regional Forum : ARF)
3. การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asia Summit : EAS)
4. ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP)
5. มุมมองอาเซียนต่ออินโด-แปซิฟิก (ASEAN Outlook on Indo-Pacific : AOIP) 6. อาเซียน + 3 (ASEAN + 3) ฯลฯ

80. ข้อใดต่อไปนี้ไม่ได้เป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในปัจจุบัน
(1) สหรัฐอเมริกา
(2) สาธารณรัฐฝรั่งเศส
(3) สหราชอาณาจักร
(4) สาธารณรัฐจีน
(5) สหพันธรัฐรัสเซีย
ตอบ 4 หน้า 146, 166 – 167, (คําบรรยาย) คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ประกอบด้วย สมาชิกทั้งหมด 15 ประเทศ โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1. สมาชิกถาวร (Permanent Members) ประกอบด้วยประเทศผู้ชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2 5 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ (สหราชอาณาจักร) ฝรั่งเศส รัสเซีย และสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งสมาชิกประเภทนี้จะมีสิทธิพิเศษในการยับยั้งหรือวีโต้ (Veto) มติใด ๆ ก็ได้ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

2. สมาชิกหมุนเวียนหรือสมาชิกไม่ถาวร (Non-Permanent Members) มี 10 ประเทศ ซึ่งมาจากการเลือกตั้งของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ และอยู่ในตําแหน่งคราวละ 2 ปี

81. หน่วยงานใดของสหประชาชาติที่ไม่มีการดําเนินการแล้วในปัจจุบัน
(1) United Nations General Assembly
(2) Secretariat
(3) International Court of Justice
(4) Economic and Social Council
(5) Trusteeship Council
ตอบ 5 หน้า 166 – 167, (คําบรรยาย) คณะมนตรีภาวะทรัสตี (Trusteeship Council) แห่ง สหประชาชาติ เป็นหน่วยงานที่ทําหน้าที่ดูแลดินแดนที่ยังไม่ได้รับเอกราชภายใต้ระบบของ สหประชาชาติ แต่ปัจจุบันได้ยุติการดําเนินการลงแล้ว โดยหยุดการดําเนินการอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1994 และจะประชุมเฉพาะเรื่องพิเศษในคราวจําเป็นเท่านั้น

82. ข้อใดต่อไปนี้ไม่จัดเป็น Atrocity Crimes
(1) Genocide
(2) Ethnic Cleansing
(3) War Crimes
(4) Crimes against Humanity
(5) Crimes of Aggression
ตอบ 5(คําบรรยาย) อาชญากรรมที่ร้ายแรงต่อมวลมนุษยชาติ (Atrocity Crimes) มี 4 ประเภท คือ
1. การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Genocide)
2. การชําระล้างชาติพันธุ์ (Ethnic Cleansing)
3. อาชญากรรมสงคราม (War Crimes)
4. อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ (Crimes against Humanity)

83. ข้อใดต่อไปนี้จับคู่หลักการกับกลไกระหว่างประเทศในการจัดการสันติภาพผิด
(1) Cuius Regio, Elus Religic ของ Peace of Westphalia
(2) Balance of Terror ของ Congress of Vienna
(3) Collective Security ของ League of Nations
(4) Collective Responsibility ของ United Nations
(5) ไม่มีข้อใดผิด
ตอบ 2 (คําบรรยาย) หลักการหรือกลไกระหว่างประเทศในการจัดการสันติภาพ มีดังนี้
1. หลักการ Cuius Regio, Elus Religio ของ Peace of Westphalia
2. หลักการถ่วงดุลอํานาจ (Balance of Power) ของ Congress of Vienna
3. หลักความมั่นคงร่วมกัน (Collective Security) ของ League of Nations
4. หลักความรับผิดชอบร่วมกัน (Collective Responsibility) ของ United Nations

84.SAARC คือสมาคมความร่วมมือส่วนภูมิภาคใด
(1) แอฟริกา
(2) เอเชีย
(3) เอเชียเหนือ
(4) เอเชียใต้
(5) แอฟริกาตะวันออก
ตอบ 4(คําบรรยาย) สมาคมความร่วมมือส่วนภูมิภาคเอเชียใต้ (South Asian Association for Regional Cooperation : SAARC) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1985 เป็นองค์กรความร่วมมือองค์กรแรก ในภูมิภาคเอเชียใต้ ปัจจุบัน (ค.ศ. 2024) ประกอบด้วยสมาชิก 8 ประเทศ ได้แก่ อัฟกานิสถาน บังกลาเทศ ภูฏาน อินเดีย มัลดีฟส์ เนปาล ปากีสถาน และศรีลังกา โดยมีสํานักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ กรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล

85.BIMSTEC เป็นกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจอนุทวีป มีสมาชิก……ประเทศ
(1) 5
(2) 8
(3) 4
(4) 6
(5) 7
ตอบ 5 หน้า 223 ความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสําหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการ และเศรษฐกิจ (BIMSTEC) เป็นกลุ่มความร่วมมือทางวิชาการและเศรษฐกิจในอ่าวเบงกอล ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 7 ประเทศ ได้แก่ บังกลาเทศ ภูฏาน อินเดีย เมียนมา เนปาล ศรีลังกา และไทย

86. ในปัจจุบันองค์การระหว่างประเทศส่วนภูมิภาคใดบ้างมีศาลยุติธรรมเป็นของตนเอง
(1) EU และ ASEAN
(2) ASEAN และ SAARC
(3) SAARC และ MERCOSUR
(4) MERCOSUR และ AU
(5) AU และ EU
ตอบ 5 หน้า 178 – 179, (คําบรรยาย) ในปัจจุบันองค์การระหว่างประเทศส่วนภูมิภาคที่มีศาลยุติธรรม เป็นของตนเอง ได้แก่ สหภาพยุโรป (European Union : EU) และสหภาพแอฟริกา (African
Union : AU)

87. ประเทศใดต่อไปนี้เข้าเป็นสมาชิกอาเซียนในช่วงสงครามเย็นทั้งหมด
(1) ไทย, ลาว, ฟิลิปปินส์
(2) ไทย, กัมพูชา, มาเลเซีย
(3) อินโดนีเซีย, สิงคโปร์, บรูไนดารุสซาลาม
(4) สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, เมียนมา
(5) มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม
ตอบ 3 หน้า 181, (คําบรรยาย) การเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนของประเทศต่าง ๆ แบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ
1. ในช่วงสงครามเย็น (ค.ศ. 1947 – ค.ศ. 1991) ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์
สิงคโปร์ ไทย และบรูไนดารุสซาลาม
2. ในช่วงหลังสงครามเย็น (หลัง ค.ศ. 1991) ได้แก่ เวียดนาม ลาว เมียนมา และกัมพูชา

88. ต้นธารความคิดของการจัดตั้งกรอบความร่วมมือ ASEAN + 3 คือ
(1) SWAP Arrangement
(2) East Asia Economic Group
(3) Asian Monetary Fund
(4) Preferential Trading Arrangement
(5) Free Trade Area
ตอบ 2 (คําบรรยาย) การจัดตั้งกรอบความร่วมมือ ASEAN + 3 เกิดจากแนวคิด East Asia Economic Group ในปี ค.ศ. 1991 ของมหาธีร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดย ASEAN + 3 เป็นกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ และประเทศจากเอเชีย ตะวันออกอีก 3 ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น

89. ข้อใดคือเป้าหมาย 3 ขั้นของ ASEAN Regional Forum
(1) ประชาคมการเมืองและความมั่นคง, ประชาคมเศรษฐกิจ, ประชาคมสังคมและวัฒนธรรม
(2) มาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ, การทูตเชิงป้องกัน, กลไกในการจัดการความขัดแย้ง
(3) ส่งเสริมประชาธิปไตย, ปกป้องสิทธิมนุษยชน, ต่อต้านการคอร์รัปชั่น
(4) สร้างตลาดเดียว, สร้างความสามารถทางการแข่งขัน, เป็นภูมิภาคที่มีพลวัต
(5) ไม่แทรกแซงกิจการภายใน, ฉันทามติ, แก้ไขความขัดแย้งด้วยสันติวิธี
ตอบ 2 (คําบรรยาย) การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาค เอเชีย-แปซิฟิก (ASEAN Regional Forum : ARF) เป็นการประชุมเพื่อหารือระหว่างประเทศ สมาชิกในประเด็นทางการเมืองและความมั่นคงที่มีความสนใจและความกังวลร่วมกันเพื่อ เสริมสร้างสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค โดยการประชุม ARF นี้มีเป้าหมาย 3 ขั้น คือ
1. มาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ (Confidence Building Measure)
2. การทูตเชิงป้องกัน (Preventive Diplomacy)
3. กลไกในการจัดการความขัดแย้ง (Conflict Resolution Mechanism)

90. ข้อใดไม่ใช่หลักการของลัทธิเสรีนิยมใหม่ (Neoliberalism) ตามฉันทามติวอชิงตัน (Washington Consensus) ค.ศ. 1989
(1) Liberalization
(2) Privatization
(3) Democratization
(4) Deregulation
(5) Stabilization
ตอบ 3 (คําบรรยาย) หลักการของลัทธิเสรีนิยมใหม่ (Neoliberalism) ตามฉันทามติวอชิงตัน (Washington Consensus) ค.ศ. 1989 มี 4 ประการ คือ
1. Liberalization
2. Deregulation
3. Privatization
4. Stabilization

91. สงครามประเภทใดใช้อาวุธที่มีการทําลายล้างสูง (Weapon of Mass Destruction)
(1) สงครามเคมี
(2) สงครามเย็น
(3) สงครามตัวแทน
(4) สงครามโจมตีก่อน
(5) สงครามป้องกันตัวเอง
ตอบ 1(คําบรรยาย) อาวุธที่มีการทําลายล้างสูง (Weapon of Mass Destruction) คือ อาวุธที่สามารถ สังหารมนุษย์ สัตว์หรือพืชในจํานวนมาก และอาจทําลายสภาพแวดล้อมของโลกอย่างมหาศาล โดยสงครามที่ใช้อาวุธประเภทนี้ ได้แก่ สงครามนิวเคลียร์ สงครามเคมี และสงครามชีวภาพ

92. ข้อใดต่อไปนี้ไม่เกี่ยวกับการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์
(1) Non-Proliferation Treaty
(2) Nuclear Security Summits
(3) Convention on Nuclear Safety
(4) Strategic Arms Reduction Talk
(5) Strategic Arms Limitation Talk

ตอบ 3 (คําบรรยาย) กลไกที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ มีดังนี้
1. Nuclear Non-Proliferation Treaty
2. Nuclear Security Summits
3. Intermediate-Range Nuclear Force Treaty
4. Strategic Arms Limitation Talk
5. Comprehensive Nuclear-Test-Ban Treaty
6. Anti-Ballistic Missile Treaty
7. Strategic Arms Reduction Talk ฯลฯ

93. ข้อใดเป็นผลของเศรษฐกิจแบบลัทธิเสรีนิยมคลาสสิก
(1) การพัฒนาประชาธิปไตย
(2) การส่งเสริมสิทธิมนุษยชน
(3) การปลดแอกจากเจ้าอาณานิคม
(4) ลัทธิชาตินิยม
(5) การล่าอาณานิคม
ตอบ 5(คําบรรยาย) ลัทธิเสรีนิยมคลาสสิก (Classical Liberalism) เป็นแนวคิดทางเศรษฐกิจของ อดัม สมิธ (Adam Smith) ซึ่งเสนอให้ใช้กลไกตลาดเป็นตัวนําในการพัฒนาโดยรัฐเข้าแทรกแซง เศรษฐกิจให้น้อยที่สุด ซึ่งผลของเศรษฐกิจแบบลัทธิเสรีนิยมคลาสสิกนี้จะทําให้เกิดระบอบ ระหว่างประเทศทางด้านเศรษฐกิจ นั่นคือ “ระบอบอาณานิคม” ขึ้นมา

94. ข้อใดต่อไปนี้ไม่เกี่ยวกับเสรีนิยมฝังราก (Embedded Liberalism)
(1) การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ
(2) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(3) มาตรฐานทองคํา
(4) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ
(5) แนวทางเศรษฐกิจแบบเคนส์เซียน (Keynesian Economy)
ตอบ 1 (คําบรรยาย) เสรีนิยมฝังราก (Embedded Liberalism) คือ แนวทางเศรษฐกิจแบบ เคนส์เซียน (Keynesian Economy) ตามแนวคิดของจอห์น เมย์นาร์ด เคนส์ (John Maynard Keynes) ซึ่งผลของเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมฝังรากทําให้เกิด
1. ระบบ Bretton Woods
2. มาตรฐานทองคํา
3. ธนาคารเพื่อการบูรณะและพัฒนาระหว่างประเทศ (IBRD)
4. กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
5. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฯลฯ

95. กรอบความร่วมมือใดไม่มีจีนเป็นประเทศสมาชิก
(1) RCEP
(2) CPTPP
(3) EAS
(4) SCO
(5) BRICS
ตอบ 2 (คําบรรยาย) ความตกลงแบบครอบคลุมและก้าวหน้าสําหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้น
แปซิฟิก (Comprehensive and Progressive Agreement for Trans-Pacific Partnership : CPTPP) เป็นความตกลงการค้าเสรีที่ครอบคลุมในเรื่องการค้า การบริการ และการลงทุน เพื่อสร้างมาตรฐานและกฎระเบียบร่วมกันระหว่างสมาชิก ทั้งในประเด็นคุ้มครองทรัพย์สิน ทางปัญญา มาตรฐานแรงงาน กฎหมายสิ่งแวดล้อม และกลไกแก้ไขข้อพิพาทระหว่างรัฐบาล และนักลงทุนต่างชาติ โดยมีประเทศสมาชิก 11 ประเทศ ประกอบด้วย ออสเตรเลีย บรูไน แคนาดา ชิลี ญี่ปุ่น มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ เปรู สิงคโปร์ และเวียดนาม

96. จากข้อมูลของ Federation of American Scientists (FAS) หัวข้อ “Estimated Global Nuclear Warhead Inventories” ในปี ค.ศ. 2023 ประเทศใดมีขีดความสามารถทางด้านอาวุธนิวเคลียร์มากที่สุด
(1) สหพันธรัฐรัสเซีย
(2) สหรัฐอเมริกา
(3) สหราชอาณาจักร
(4) สาธารณรัฐฝรั่งเศส
(5) ไม่สามารถระบุได้
ตอบ 1 (คําบรรยาย) จากข้อมูลของ Federation of American Scientists (FAS) หัวข้อ “Estimated Global Nuclear Warhead Inventories” ในปี ค.ศ. 2023 ประเทศที่มีขีดความสามารถ ทางด้านอาวุธนิวเคลียร์มากที่สุด คือ สหพันธรัฐรัสเซีย รองลงมาตามลําดับ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร

97. ประเทศใดเป็นเจ้าภาพในการประชุม COP28 ในปี ค.ศ. 2023
(1) สหราชอาณาจักร
(2) สาธารณรัฐเกาหลี
(3) สหรัฐอเมริกา
(4) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
(5) สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
ตอบ 4(คําบรรยาย) การประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศครั้งที่ 28 (COP28) ในปี ค.ศ. 2023 จัดขึ้นที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ โดยการประชุมครั้งนี้มุ่งประเด็นไปที่การหารือเกี่ยวกับมาตรการเพื่อรักษาไม่ให้อุณหภูมิ พื้นผิวโลกเพิ่มเกิน 1.5°C พร้อมเรียกร้องข้อตกลงให้ทุกประเทศลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลซึ่งเป็นต้นตอสําคัญที่สร้างผลกระทบในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อน

98. ประเทศใดไม่ได้อยู่ในกลุ่มบริคส์ (BRICS)
(1) อินเดีย
(2) รัสเซีย
(3) จีน
(4) บราซิล
(5) สิงคโปร์
ตอบ 5 (คําบรรยาย) BRICS เป็นคําศัพท์ที่บัญญัติขึ้นโดยนายจิม โอนีลล์ (Jim O’Neil) หัวหน้าทีมวิจัย เศรษฐกิจโลกจากโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) เพื่อใช้เรียกกลุ่มประเทศกําลังพัฒนา ที่มีเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ซึ่งมีการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและมีศักยภาพ เป็นศูนย์อํานาจใหม่แทนกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วอย่าง G-7 โดยประเทศในกลุ่ม BRICS นั้น ประกอบด้วย บราซิล (Brazil), รัสเซีย (Russia), อินเดีย (India), จีน (China) และแอฟริกาใต้ (South Africa)

99. ในปี ค.ศ. 2025 ราชอาณาจักรไทยจะเป็นตัวแทนของอาเซียนในการเจรจากับประเทศคู่เจรจาใด
(1) สาธารณรัฐเกาหลี
(2) ประเทศญี่ปุ่น
(3) สหรัฐอเมริกา
(4) ราชอาณาจักรนิวซีแลนด์
(5) สหราชอาณาจักร
ตอบ 1 (คําบรรยาย) ในปี ค.ศ. 2025 ราชอาณาจักรไทยจะเป็นตัวแทนของอาเซียนในการเจรจากับ
สาธารณรัฐเกาหลี

100. ข้อใดต่อไปนี้เป็นงานที่จัดขึ้นโดย International Institute for Strategic Studies (IISS)
(1) World Economic Forum
(2) Pacific Forum
(3) Shangri-La Dialogue
(4) Conference of the Parties
(5) East Asia Forum
ตอบ 3(คําบรรยาย) Shangri-La Dialogue จัดขึ้นโดย International Institute for Strategic Studies (IISS) เป็นการประชุมที่รวมรัฐมนตรีกลาโหมและรัฐมนตรีต่างประเทศมาจากทั่วโลก เพื่อหารือกันถึงความมั่นคงและสันติภาพในเอเชีย โดยการประชุมนี้จัดขึ้นที่สิงคโปร์เป็นประจําตั้งแต่ปี ค.ศ. 2002

POL2102 หลักรัฐธรรมนูญและสถาบันการเมือง 1/2566

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2566
ข้อสอบกระบวนวิชา POL 2102 หลักรัฐธรรมนูญและสถาบันการเมือง
คําสั่ง ข้อสอบมีทั้งหมด 3 ข้อ ให้นักศึกษาเลือกทํา 2 ข้อเท่านั้น

ข้อ 1. ให้นักศึกษาอธิบายศัพท์เทคนิคทางรัฐศาสตร์ดังต่อไปนี้ พร้อมยกตัวอย่างประกอบคําอธิบาย
1.1 Authority

แนวคําตอบ

Authority (อํานาจหน้าที่) เป็นหนึ่งในสามของอํานาจอธิปไตย เป็นอํานาจที่ใช้โดยฝ่ายตุลาการ (Judicial) การที่อํานาจของฝ่ายตุลาการเป็นอํานาจหน้าที่นั้นก็เพราะว่าผู้พิพากษาจะตัดสินคดีต่าง ๆ ไปตามตัวบท กฎหมายที่บัญญัติไว้แล้วนั่นเอง ซึ่ง Authority นี้จะแตกต่างจาก Power ซึ่งเป็นการใช้อํานาจโดยฝ่ายนิติบัญญัติ (Legislative) และฝ่ายบริหาร (Executive) โดย Power เป็นอํานาจริเริ่มและตัดสินใจสุดท้าย ซึ่งจะใช้ความคิด ของตนเองในการใช้อํานาจ

1.2 Uprising

แนวคําตอบ

Uprising (การจลาจลทางการเมือง) หมายถึง การที่ประชาชนกลุ่มหนึ่งลุกฮือขึ้นมาเพื่อต่อต้าน (Standing up against) ผู้ปกครอง/ผู้ใช้อํานาจรัฐ หรือรัฐธรรมนูญในเวลานั้น โดยไม่มีเรื่องผลประโยชน์เข้ามา เกี่ยวข้อง แต่เป็นเรื่องของอุดมการณ์เท่านั้น ซึ่งจะนําโดยกลุ่มปัญญาชน นิสิต นักศึกษา และนักวิชาการ จากนั้น ประชาชนบางกลุ่มก็จะเข้ามาร่วมสนับสนุนในอุดมการณ์นั้น และเมื่อรัฐบาลยอมทําตามอุดมการณ์ที่กลุ่มต้องการแล้วก็จะยุติการจลาจลลง

ตัวอย่างเหตุการณ์การจลาจลทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทยมี 2 ครั้ง คือ

– เหตุการณ์วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ในสมัยจอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเรียกว่า “วันมหาวิปโยค”
– เหตุการณ์วันที่ 17 – 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 ในสมัยพลเอกสุจินดา คราประยูร เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเรียกว่า “พฤษภาทมิฬ”

1.3 Jury

แนวคำตอบ

Jury (คณะลูกขุน) หมายถึง ประชาชนทั่วไป บุคคลธรรมดา หรือชาวบ้านธรรมดาที่ไม่จําเป็นต้องมีความรู้ทางด้านกฎหมาย แต่เป็นวิญญูชนที่มีความคิดเป็นปกติแบบคนทั่วไป ซึ่งได้รับคัดเลือกเพื่อเข้ามาเป็น คณะลูกขุนพิจารณาคดีความ โดยใช้สามัญสํานึกหรือความรู้สึกในการพิจารณา ดังนั้นคณะลูกขุนจึงอาจเป็นวิศวกร กรรมกร นักศึกษา หรือใครก็ได้ การตัดสินคดีความโดยใช้คณะลูกขุนนี้เป็นวิธีการทางศาลของกรีกโบราณที่ใช้ใน นครรัฐเอเธนส์ ซึ่งในปัจจุบันมีประเทศที่ใช้คณะลูกขุนตัดสินคดี เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา สกอตแลนด์ เป็นต้น

กรณีสหรัฐอเมริกา จะมีการใช้คณะลูกขุนตัดสินคดีความทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา โดยจะมี การจัดทําบัญชีรายชื่อคณะลูกขุนจากผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เมื่อมีคดีขึ้นสู่ศาลก็จะมีการคัดเลือกคณะลูกขุนจาก
บัญชีรายชื่อที่จัดทําไว้ ซึ่งจํานวนของคณะลูกขุนจะถูกกําหนดตามกฎหมายของแต่ละมลรัฐ โดยส่วนใหญ่จะมีจํานวน 12 คน และเมื่อคัดเลือกคณะลูกขุนได้แล้ว คณะลูกขุนทั้งหมดก็จะถูกเก็บตัวทันที ห้ามติดต่อกับโลกภายนอกโดยรัฐบาลจะจัดสถานที่พักให้จนกว่าจะพิจารณาคดีเสร็จสิ้นหรือจนกว่าคดีจะสิ้นสุด

เมื่อได้คณะลูกขุนครบถ้วนแล้วจะมีการพิจารณาคดีสืบพยานทันที หลังจากสืบพยานทั้ง 2 ฝ่าย
เรียบร้อยแล้ว คณะลูกขุนจะมีการประชุมลับเพื่อลงมติตัดสินว่าผิดหรือไม่ผิดโดยไม่มีการให้เหตุผลใด ๆ ซึ่งจะใช้ เสียงข้างมากเป็นเอกฉันท์ การตัดสินของคณะลูกขุนถือว่าเป็นกฎหมาย เว้นแต่เป็นกรณีที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย อย่างชัดเจน อาจมีการกลับคําตัดสินชี้ขาดได้โดยการร้องขออุทธรณ์

1.4 Kingcom

แนวคําตอบ

Kingdom (ราชอาณาจักร) หมายถึง ประเทศที่มีประมุขของรัฐเป็นพระมหากษัตริย์ เป็น พระราชินี หรือเป็นพระจักรพรรดิ เช่น ไทย อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม สวีเดน เป็นต้น ซึ่งในอดีตการเกิด เป็นประเทศที่เรียกว่า ราชอาณาจักร เกิดจากแม่ทัพในขณะนั้นปราบดาภิเษกตนเองขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ คือ แม่ทัพไปรบกับรัฐอื่น ๆ จนได้รับชัยชนะแล้วสถาปนาตนเองขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ การสถาปนาตนเองขึ้นเป็น พระมหากษัตริย์นั้นเรียกว่า ปราบดาภิเษก ต่อมาเมื่อกษัตริย์พระองค์นั้นสิ้นพระชนม์ พระโอรสก็จะต้องขึ้น ครองราชย์แทน การที่พระโอรสขึ้นมาเป็นพระมหากษัตริย์แทนพระบิดาที่สิ้นพระชนม์ เรียกว่า ราชาภิเษก

1.5 Coup d’e’tat

แนวค่าตอบ

Coup d’e’tat (การรัฐประหาร) หมายถึง การยึดอํานาจรัฐได้สําเร็จ โดยบุคคลกลุ่มหนึ่ง ซึ่งปราศจากการมีส่วนร่วมจากประชาชน เป็นการเปลี่ยนมือผู้ใช้อํานาจรัฐหรือผู้ใช้อํานาจปกครองหรือเปลี่ยน ตัวบุคคลเท่านั้น แต่ระบบเศรษฐกิจ สังคม โครงสร้างทางการเมือง และอุดมการณ์ทางการเมืองยังคงเหมือนเดิม ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง จึงถือว่าขาดหลักความชอบธรรม (Legitimacy)

จะเห็นได้ว่าประเทศกําลังพัฒนารวมถึงประเทศไทยและประเทศด้อยพัฒนา ผู้นําของประเทศ นิยมแย่งชิงอํานาจกันเองด้วยวิธีการทํารัฐประหาร โดยที่ประชาชนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลย ผู้ยึดอํานาจ มักเป็นทหาร และภายหลังยึดอํานาจเสร็จแล้ว ระบบเศรษฐกิจ โครงสร้างทางสังคม ตลอดจนอุดมการณ์ทาง การเมืองก็ยังคงเหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนตัวผู้ใช้อํานาจรัฐเท่านั้น

กรณีประเทศไทย นับตั้งแต่หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา จะเห็นได้ว่า มีการยึดอํานาจรัฐด้วยกําลังบ่อยครั้ง ซึ่งมีทั้งกระทําสําเร็จและไม่สําเร็จ การยึดอํานาจรัฐได้สําเร็จของไทยเกือบ ทุกครั้งเรียกว่า “รัฐประหาร” เพราะเป็นการแย่งชิงอํานาจกันเองในหมู่ผู้ปกครอง แต่ผู้ยึดอํานาจจะเรียกตัวเองว่า “คณะปฏิวัติ”

อนึ่ง ประเทศไทยมีการทํารัฐประหารมาแล้วทั้งสิ้น 13 ครั้ง โดยการทํารัฐประหารครั้งล่าสุดเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ภายใต้การนําของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้ยึดอํานาจรัฐบาลรักษาการของนายนิวัฒน์ธํารง บุญทรงไพศาล และประกาศ ยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2550

 

ข้อ 2. ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 3 บัญญัติว่า “อํานาจอธิปไตย เป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อํานาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ” นั้น นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ “อํานาจ อธิปไตย” Sovereignty) อย่างไร ให้อธิบายพร้อมยกตัวอย่าง

แนวคําตอบ

อํานาจอธิปไตย (Sovereignty) หมายถึง อํานาจสูงสุดในการปกครองรัฐ ดังนั้นสิ่งอื่นใด จะมีอํานาจยิ่งกว่าหรือจะมาขัดต่ออํานาจอธิปไตยไม่ได้

อํานาจอธิปไตยถือเป็นองค์ประกอบที่สําคัญองค์ประกอบหนึ่งของรัฐ เพราะการจะเป็นรัฐได้นั้น นอกจากต้องประกอบด้วย ประชากร ดินแดน และรัฐบาลแล้ว ย่อมต้องมีอํานาจอธิปไตยด้วย กล่าวคือ รัฐนั้น ต้องเป็นรัฐที่สามารถมีอํานาจสูงสุด (อํานาจอธิปไตย) ในการปกครองตนเอง จึงจะสามารถเรียกว่า “รัฐ” ได้

อํานาจอธิปไตยจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละระบอบการปกครอง เช่น ถ้าเป็นการปกครอง ระบอบประชาธิปไตย อํานาจอธิปไตยจะเป็นของประชาชน กล่าวคือ ประชาชนคือผู้มีอํานาจสูงสุดในการปกครอง ประเทศ โดยผ่านตัวแทน คือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่ถ้าเป็นการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ อํานาจอธิปไตยจะเป็นของพระมหากษัตริย์ กล่าวคือ กษัตริย์เป็นผู้มีอํานาจสูงสุดในการปกครองประเทศ และ เป็นผู้เดียวที่ใช้อํานาจดังกล่าว

ลักษณะสําคัญของอํานาจอธิปไตย มี 4 ประการ คือ

1. มีลักษณะเป็นการทั่วไป (Universality) หมายถึง มีอํานาจครอบคลุมทั่วทั้งรัฐ และ อยู่เหนือทุก ๆ อํานาจ

2. มีความสมบูรณ์ (Absoluteness) หมายถึง อํานาจอธิปไตยเป็นอํานาจสูงสุดภายในรัฐ จะไม่มีอํานาจอื่นใดภายในรัฐที่อยู่เหนือกว่าอํานาจอธิปไตย

3. มีความถาวร (Permanence) หมายถึง อํานาจอธิปไตยจะยังคงอยู่ตราบเท่าที่รัฐยังคงอยู่

4. แบ่งแยกไม่ได้ (Indivisibility) หมายถึง ในรัฐหนึ่ง ๆ จะต้องมีอํานาจอธิปไตยเพียงหนึ่งเดียว จะมีการแบ่งแยกอํานาจอธิปไตยไปให้ส่วนต่าง ๆ ภายในรัฐมิได้

อํานาจอธิปไตย แบ่งออกเป็น 3 ฝ่าย คือ

1. ฝ่ายนิติบัญญัติ คือ รัฐสภา ทําหน้าที่ในการตรากฎหมายขึ้นมาใช้ภายในประเทศ

2. ฝ่ายบริหาร คือ รัฐบาล ทําหน้าที่ในการบริหารประเทศให้เป็นไปตามกฎหมาย

3. ฝ่ายตุลาการ คือ ศาล ทําหน้าที่ในการตัดสินคดีความต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความยุติธรรม ในสังคม เพื่อรักษาสิทธิและเสรีภาพของทุก ๆ คนภายในรัฐ รวมทั้งทําหน้าที่ในการ ควบคุมทุก ๆ อํานาจให้อยู่ภายใต้กฎหมาย

กรณีประเทศไทย รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 3 บัญญัติว่า “อํานาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อํานาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ” จากบทบัญญัตินี้หมายความว่า อํานาจอธิปไตยเป็นของประชาชน และพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นประมุขของรัฐทรงใช้อํานาจอธิปไตยทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล กล่าวคือ

1. ทรงใช้อํานาจนิติบัญญัติทางรัฐสภา หมายความว่า พระมหากษัตริย์ทรงใช้อํานาจ ในการออกกฎหมายตามคําแนะนําและยินยอมของรัฐสภา เมื่อรัฐสภาร่างกฎหมายขึ้นแล้วจะทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้เป็นกฎหมายตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญ

2. ทรงใช้อํานาจบริหารทางคณะรัฐมนตรี หมายความว่า การบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งนายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีดําเนินการไปนั้นถือว่ากระทําไปในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ เพราะบรรดาพระราชบัญญัติ พระราชกําหนด พระราชกฤษฎีกา พระราชหัตถเลขา และพระบรมราชโองการ อันเกี่ยวกับราชการแผ่นดิน คณะรัฐมนตรีเป็นผู้ปฏิบัติและรับผิดชอบทั้งสิ้น โดยนายกรัฐมนตรีจะต้องกราบบังคมทูล
และลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ พระราชอํานาจทางด้านบริหารของพระมหากษัตริย์ดังกล่าว ได้แก่ การตราพระราชกฤษฎีกาไม่ขัดต่อกฎหมาย การประกาศใช้และเลิกใช้กฎอัยการศึก การประกาศสงครามเมื่อได้รับ ความเห็นชอบของรัฐสภา การทําสนธิสัญญาสันติภาพ สัญญาสงบศึก หรือสนธิสัญญาอื่นกับนานาประเทศหรือ กับองค์การระหว่างประเทศ และการพระราชทานอภัยโทษ

3. ทรงใช้อํานาจตุลาการทางศาล หมายถึง ศาลเป็นผู้พิพากษาอรรถคดีต่าง ๆ ให้เป็นไปตาม รัฐธรรมนูญและตามกฎหมายในพระปรมาภิไธยพระมาหากษัตริย์ พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอํานาจ ในการแต่งตั้งและการพ้นจากตําแหน่งของผู้พิพากษาและตุลาการก่อนเข้ารับหน้าที่ ผู้พิพากษาและตุลาการจะต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์

 

ข้อ 3. จงอธิบายว่าหลักการในการปกครองระบบรัฐสภาและประธานาธิบดีมีลักษณะแตกต่างกันอย่างไร จากนั้นอธิบายเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติของระบบรัฐสภาและประธานาธิบดี โดยยกตัวอย่างประกอบให้ชัดเจน

แนวคําตอบ

การปกครองระบบรัฐสภา (Parliamentary System)

ระบบรัฐสภาเป็นรูปแบบของการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่อังกฤษเป็นแม่แบบที่เรียกว่า “ระบบรัฐสภาคลาสสิก” ซึ่งในการปกครองระบบนี้จะถือว่ารัฐสภาเป็นองค์กรการเมืองที่มีความสําคัญกว่า องค์กรอื่น ๆ ในแง่ที่ว่าเป็นองค์กรที่แสดงถึงเจตนารมณ์ของประชาชน ฉะนั้นโดยหลักการแล้วรัฐบาลที่ปกครอง และบริหารประเทศจะต้องเป็นรัฐบาลที่ได้รับความไว้วางใจจากรัฐสภา หรือเป็นรัฐบาลที่บริหารงานด้วยความ รับผิดชอบต่อรัฐสภา ซึ่งเป็นองค์กรผู้แทนจากประชาชนนั่นเอง

หลักการสําคัญของการปกครองระบบรัฐสภา มีดังนี้

1. อํานาจอธิปไตยแยกตามหน้าที่ กล่าวคือ อํานาจรัฐไม่ได้รวมไว้ในองค์กรเดียว แต่มี การแยกให้แต่ละองค์กรเป็นผู้ใช้อํานาจ ได้แก่ อํานาจบริหารใช้โดยรัฐบาลหรือคณะรัฐมนตรี อํานาจนิติบัญญัติ ใช้โดยฝ่ายนิติบัญญัติหรือรัฐสภา และอํานาจตุลาการใช้โดยผู้พิพากษาในศาล

2. การแยกอํานาจไม่แยกโดยเด็ดขาด กล่าวคือ อํานาจหน้าที่ต่าง ๆ ของรัฐจะถูกแจกจ่าย ให้องค์กรต่าง ๆ กัน โดยองค์กรเหล่านี้ไม่แยกกันโดยเด็ดขาด

3. อํานาจที่แบ่งแยกนี้จะมีการถ่วงดุลซึ่งกันและกัน กล่าวคือ องค์กรที่ใช้อํานาจรัฐเหล่านี้ มีลักษณะควบคุมตรวจสอบและถ่วงดุลซึ่งกันและกัน เช่น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สามารถเปิดอภิปราย ไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะได้ หรือนายกรัฐมนตรีสามารถยุบสภาผู้แทนราษฎรได้ เป็นต้น

วิธีการของการปกครองระบบรัฐสภา มีดังนี้

1. ประมุขของรัฐ (Head of State) และประมุขฝ่ายบริหารหรือประมุขรัฐบาล (Head of Government) จะแยกกัน เช่น ประมุขของรัฐเรียกว่าพระมหากษัตริย์ อย่างเช่น อังกฤษ ไทย หรือเรียกว่า พระจักรพรรดิ อย่างเช่น ญี่ปุ่น หรือเรียกว่าประธานาธิบดี อย่างเช่น อินเดีย สิงคโปร์ เยอรมนี ส่วนตําแหน่ง ประมุขฝ่ายบริหารหรือประมุขรัฐบาลจะเรียกว่านายกรัฐมนตรี เป็นต้น

2. ประมุขของรัฐมีสถานะเป็นกลางทางการเมือง หรือไม่ต้องรับผิดชอบทางการเมือง (The King can do no wrong) ซึ่งแสดงออกโดยการที่ประมุขของรัฐไม่อาจถูกถอดถอนออกจากตําแหน่ง จากการที่ไม่ต้องรับผิดชอบทางการเมืองนี้เองที่ทําให้กิจกรรมใด ๆ ของประมุขของรัฐต้องมีการลงนามกํากับหรือ ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการของทุกกิจกรรมเสมอ เพื่อให้ผู้ลงนามรับรองเป็นผู้รับผิดชอบในกิจกรรมนั้น ๆ
ต่อสภาผู้แทนราษฎร

3. ฝ่ายบริหารหรือรัฐบาลก่อนจะเข้าบริหารงานปกครองประเทศนั้น จะต้องเสนอนโยบายเพื่อขอความไว้วางใจหรือขอความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อน จึงจะบริหารงานได้

4. ฝ่ายนิติบัญญัติหรือรัฐสภาทําหน้าที่ตรวจสอบ ควบคุมการทํางานของฝ่ายบริหารโดย
1) การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ
2) การตั้งกระทู้ถาม
3) การอนุมัติงบประมาณประจําปี 4) การตั้งคณะกรรมาธิการ

5. ฝ่ายบริหารมีอํานาจยุบสภาผู้แทนราษฎรได้

6. ฝ่ายบริหารมีสิทธิเสนอกฎหมายเช่นเดียวกับฝ่ายนิติบัญญัติ

7. ฝ่ายบริหารมีสิทธิเข้าร่วมประชุมกับฝ่ายนิติบัญญัติ

8. ฝ่ายตุลาการ (ศาล) และผู้พิพากษามีอิสระในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดี

การปกครองระบบประธานาธิบดี (Presidential System)

ระบบประธานาธิบดีเป็นรูปแบบของการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่สหรัฐอเมริกาเป็นแม่แบบที่เรียกว่า “ระบบประธานาธิบดีคลาสสิก” ซึ่งเกิดมาจากความคิดของผู้เริ่มก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกาที่ต้องการจะกําหนดรูปแบบการปกครองของประเทศให้เหมาะสมกับประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญในสมัยแรกเริ่มก่อตั้งประเทศ

หลักการสําคัญของการปกครองระบบประธานาธิบดี มีดังนี้

1. อํานาจอธิปไตยหรืออํานาจหน้าที่ต่าง ๆ ของรัฐถูกมอบหมายให้แต่ละองค์กรนําไปปฏิบัติ โดยไม่รวมอยู่กับองค์กรใดองค์กรหนึ่งเพียงองค์กรเดียว กล่าวคือ อํานาจบริหารจะใช้โดยฝ่ายบริหารที่เรียกว่าประธานาธิบดีหรือคณะรัฐบาล อํานาจนิติบัญญัติจะใช้โดยฝ่ายรัฐสภา และอํานาจตุลาการจะใช้โดยฝ่ายศาล

2. การแยกอํานาจแยกโดยเด็ดขาด กล่าวคือ องค์กรต่าง ๆ ที่ได้รับมอบหมายอํานาจหน้าที่ ของรัฐไปปฏิบัติจะเป็นอิสระต่อกันโดยเด็ดขาด แต่ละองค์กรจะทําหน้าที่ของแต่ละฝ่ายโดยไม่ก้าวก่ายตรวจสอบ หรือควบคุมซึ่งกันและกัน

3. ฝ่ายต่าง ๆ ที่ปฏิบัติหน้าที่จะอยู่ในตําแหน่งจนครบวาระ เช่น ประธานาธิบดีมีวาระ 4 ปี ก็จะอยู่จนครบ 4 ปี หรือฝ่ายสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีวาระ 2 ปี ก็จะอยู่จนครบ 2 ปี เป็นต้น

วิธีการของการปกครองระบบประธานาธิบดี มีดังนี้

1. ประมุขของรัฐ (Head of State) และประมุขฝ่ายบริหารหรือประมุขรัฐบาล (Head of Government) จะเป็นบุคคลเดียวกัน และมาจากการเลือกตั้งของประชาชน โดยตําแหน่งดังกล่าวนี้เรียกว่าประธานาธิบดี

2. ประธานาธิบดีตั้งรัฐมนตรีได้โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร

3. สภาผู้แทนราษฎรจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจประธานาธิบดีไม่ได้

4. ฝ่ายนิติบัญญัติไม่มีอํานาจติเตียนฝ่ายบริหารหรือตั้งกระทู้ถามฝ่ายบริหาร

5. ฝ่ายบริหารไม่มีอํานาจเริ่มเสนอกฎหมาย การเสนอกฎหมายเป็นอํานาจหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ

6. ฝ่ายบริหารหรือประธานาธิบดีไม่มีอํานาจยุบสภา

7. ฝ่ายบริหารไม่มีอํานาจเรียกประชุมรัฐสภา

8. ฝ่ายตุลาการมีหลักประกันความเป็นอิสระของผู้พิพากษา

9. ทุกฝ่ายจะอยู่ในตําแหน่งจนครบวาระที่กําหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ เช่น ประธานาธิบดีมีวาระ 4 ปี ก็อยู่จนครบ 4 ปี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีวาระ 2 ปี ก็อยู่จนครบ 2 ปี เป็นต้น

การปกครองระบบรัฐสภาและประธานาธิบดีมีลักษณะแตกต่างกัน ดังนี้

ระบบรัฐสภา
-การแยกอํานาจไม่แยกโดยเด็ดขาด
– ประมุขของรัฐและประมุขของฝ่ายบริหารแยกจากกัน
– ฝ่ายนิติบัญญัติมีอํานาจในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ
– ฝ่ายนิติบัญญัติมีสิทธิตั้งกระทู้ถาม
– ฝ่ายบริหารมีอํานาจยุบสภา
– ฝ่ายบริหารมีสิทธิเสนอกฎหมายได้
-ไม่มีหลักประกันการปฏิบัติหน้าที่จนครบวาระ

ระบบประธานาธิบดี
-การแยกอํานาจแยกโดยเด็ดขาด
– ประมุขของรัฐและประมุขของฝ่ายบริหารเป็นบุคคลเดียวกัน
– ฝ่ายนิติบัญญัติไม่มีอํานาจในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ
– ฝ่ายนิติบัญญัติไม่มีสิทธิตั้งกระทู้ถาม
– ฝ่ายบริหารไม่มีอํานาจยุบสภา
– ฝ่ายบริหารไม่มีสิทธิเสนอกฎหมาย
– ทุกฝ่ายอยู่ในตําแหน่งจนครบวาระ

ความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติของระบบรัฐสภาและประธานาธิบดี

ระบบรัฐสภา ฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติมีการแยกอํานาจกันแบบไม่เด็ดขาด โดยการใช้ อํานาจของฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติมีความสัมพันธ์กันอยู่ในลักษณะที่เรียกว่า “การเชื่อมโยงอํานาจ” (Fusion of Power) เนื่องจากฝ่ายรัฐบาลมีที่มาจากฝ่ายรัฐสภา การทํางานจึงต้องรับผิดชอบต่อรัฐสภา ในเบื้องต้นหลังจาก เข้ารับตําแหน่งจะต้องมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อทํางานไปแล้วฝ่ายนิติบัญญัติก็สามารถตรวจสอบถ่วงดุลโดยการตั้งกระทู้ถามหรือยืนอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลหรือยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเป็นรายคนได้ ในขณะที่ฝ่ายรัฐบาลก็มีอํานาจในการยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้หากมีเหตุผลอันควรโดยเฉพาะเกิดความ ขัดแย้งขึ้นในฝ่ายรัฐบาลด้วยกันเองหรือเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายรัฐสภาจนไม่สามารถปฏิบัติงานต่อไปได้ ซึ่งการยุบสภาก็จะส่งผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมดสิ้นสุดลงไปด้วย

ระบบประธานาธิบดี ฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติมีการแยกอํานาจกันเด็ดขาดบนหลักการ แบ่งแยกอํานาจ (Separation of Power) โดยฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติต่างก็มาจากการเลือกตั้งโดยตรง ของประชาชน ดังนั้นการทํางานของฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติจึงแยกอิสระจากกัน แต่ละฝ่ายไม่ก้าวก่าย ตรวจสอบหรือควบคุมซึ่งกันและกัน เช่น ฝ่ายบริหารไม่มีอํานาจในการยุบสภา ขณะเดียวกันฝ่ายนิติบัญญัติ ก็ไม่มีอํานาจในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจฝ่ายบริหาร เป็นต้น

ในระบบประธานาธิบดี แม้ในหลักการจะไม่ก้าวก่ายและตรวจสอบควบคุมซึ่งกันและกัน แต่ในทางปฏิบัติก็อาจมีการผ่อนคลายบ้างในกรณีเกิดปัญหาวิกฤติในการเมืองการปกครอง เช่น การให้ประธานาธิบดี มีอํานาจยับยั้งกฎหมาย (Veto) ที่ออกมาจากฝ่ายรัฐสภา หรือการให้อํานาจฝ่ายนิติบัญญัติทําหน้าที่กล่าวหาประธานาธิบดีในกรณีที่มีการกระทําที่ไม่เหมาะสมที่จะนําไปสู่ความเสื่อมเสียแก่เกียรติภูมิของประเทศหรือเสื่อมเสียกับตําแหน่งประธานาธิบดีที่เรียกว่า Impeachment

LAW4108 (LAW4008) กฎหมายที่ดิน 1/2566

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2566
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW4108 (LAW4008) กฎหมายที่ดิน
คําแนะนํา ข้อสอบกระบวนวิชานี้เป็นข้อสอบอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ

ข้อ 1. นายอาทิตย์ได้รับอนุญาตให้จับจองที่ดิน ทางราชการออกใบจองให้ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561 ในระหว่างที่ครอบครองและทําประโยชน์ในที่ดิน นายอาทิตย์ได้อยู่กินกับนางสาวทับทิมโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ต่อมา พ.ศ. 2564 นายอาทิตย์ถึงแก่ความตาย นางสาวทับทิมได้ครอบครอง และทําประโยชน์ในที่ดินต่อเนื่องมา ในพ.ศ. 2565 นางสาวทับทิมได้รับโฉนดที่ดินจากทางราชการ ขณะที่นางสาวทับทิมต้องการจะขายที่ดินนั้นให้แก่นายศุกร์

ดังนี้ อยากทราบว่านางสาวทับทิมจะจดทะเบียนขายที่ดินดังกล่าวได้หรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายที่ดิน

มาตรา 58 ทวิ วรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคห้า “เมื่อได้สํารวจรังวัดทําแผนที่ หรือพิสูจน์ สอบสวนการทําประโยชน์ในที่ดินตามมาตรา 58 แล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรอง การทําประโยชน์ แล้วแต่กรณี ให้แก่บุคคลตามที่ระบุไว้ในวรรคสอง เมื่อปรากฏว่าที่ดินที่บุคคลนั้นครอบครอง เป็นที่ดินที่อาจออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน์ได้ตามประมวลกฎหมายนี้

บุคคลซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่อาจออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน์ตามวรรคหนึ่งให้ได้ คือ

(3) ผู้ซึ่งครอบครองที่ดินและทําประโยชน์ในที่ดิน ภายหลังวันที่ประมวลกฎหมายนี้ใช้บังคับ และไม่มีใบจอง ใบเหยียบย่ำ หรือไม่มีหลักฐานว่าเป็นผู้มีสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ

ภายในสิบปีนับแต่วันที่ได้รับโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน์ตามวรรคหนึ่ง ห้ามมิให้ บุคคลตามวรรคสอง (3) ผู้ได้มาซึ่งสิทธิในที่ดินดังกล่าวโอนที่ดินนั้นให้แก่ผู้อื่น เว้นแต่เป็นการตกทอดทางมรดก หรือโอนให้แก่ทบวงการเมือง องค์การของรัฐบาลตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ ที่จัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติ หรือโอนให้แก่สหกรณ์เพื่อชําระหนี้โดยได้รับอนุมัติจากนายทะเบียนสหกรณ์”

พ.ร.บ. ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 8 วรรคสอง “ที่ดินที่ได้รับอนุญาตให้จับจอง แต่ยัง ไม่ได้รับคํารับรองจากนายอําเภอว่าได้ทําประโยชน์แล้ว ผู้ได้รับอนุญาตจะโอนไปไม่ได้เว้นแต่จะตกทอดโดยทาง
มรดก”

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายอาทิตย์ได้รับอนุญาตให้จับจองที่ดิน โดยทางราชการออกใบจองให้ ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งที่ดินที่มีใบจองนี้เป็นที่ดินที่ยังไม่ได้คํารับรองจากนายอําเภอว่าได้ทําประโยชน์แล้ว นายอาทิตย์ผู้ครอบครองจึงโอนให้แก่บุคคลใดไม่ได้ เว้นแต่จะเป็นการตกทอดทางมรดกตาม พ.ร.บ. ให้ใช้ ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 8 วรรคสอง
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในระหว่างที่นายอาทิตย์ครอบครองและทําประโยชน์ในที่ดิน นายอาทิตย์ ได้อยู่กินกับนางสาวทับทิมโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน และต่อมา พ.ศ. 2564 นายอาทิตย์ได้ถึงแก่ความตาย นางสาวทับทิมได้ครอบครองและทําประโยชน์ในที่ดินต่อเนื่องมานั้น ไม่ถือว่าเป็นการตกทอดโดยทางมรดก
เพราะนางสาวทับทิมมิใช่ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของนายอาทิตย์ ดังนั้น แม้ทางนางสาวทับทิมจะได้ครอบครอง และทําประโยชน์ต่อเนื่องมาจากนายอาทิตย์ ก็ไม่ทําให้นางสาวทับทิมเป็นผู้มีสิทธิครอบครองตามประมวล กฎหมายที่ดินแต่อย่างใด แต่ให้ถือว่านางสาวทับทิมได้ครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าวโดยพลการ ภายหลัง วันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ ภายหลังวันที่ 1 ธันวาคม 2497)

ในปี พ.ศ. 2565 การที่นางสาวทับทิมได้รับโฉนดที่ดินจากทางราชการนั้น ย่อมถือว่าเป็นกรณี ที่นางสาวทับทิมเป็นผู้ได้รับโฉนดที่ดินเนื่องจากเป็นผู้ครอบครองที่ดินและทําประโยชน์ในที่ดินภายหลังวันที่ ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับโดยไม่มีใบจอง ใบเหยียบย่ํา หรือไม่มีหลักฐานว่าเป็นผู้มีสิทธิตามกฎหมายว่าด้วย การจัดที่ดินเพื่อการครอบครองชีพตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 58 ทวิ วรรคสอง (3) นางสางทับทิมจึงอยู่ ในบังคับห้ามโอนที่ดินแปลงดังกล่าวภายใน 10 ปีนับแต่วันที่ได้รับโฉนดที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 58 ทวิ วรรคห้า

ดังนั้น ขณะที่นางสาวทับทิมต้องการจะขายที่ดินนั้นให้แก่นายศุกร์ นางสาวทับทิมจึงไม่สามารถ จดทะเบียนขายที่ดินดังกล่าวให้แก่นายศุกร์ได้เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 58 ทวิ วรรคห้า เนื่องจากเป็นการโอนภายในกําหนดเวลา 10 ปีนับแต่วันที่ได้รับโฉนดที่ดิน อีกทั้งเป็นกรณีที่ไม่เข้าข้อยกเว้นของ กฎหมายตามมาตรา 58 ทวิ วรรคห้าตอนท้ายแต่อย่างใด

สรุป นางสาวทับทิมจะจดทะเบียนขายที่ดินดังกล่าวให้แก่นายศุกร์ไม่ได้

 

ข้อ 2. นายเพชรขายที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทําประโยชน์ให้แก่นายทอง โดยทําหนังสือสัญญาซื้อขาย กันเองและส่งมอบที่ดินให้นายทองครอบครองตั้งแต่ พ.ศ. 2550 ขณะนี้ได้มีประกาศของทางราชการ เพื่อเดินสํารวจออกโฉนดที่ดิน นายทองต้องการจะออกโฉนดที่ดินจึงไปปรึกษานายเงินซึ่งเป็น ผู้ใหญ่บ้าน นายเงินแนะนําว่าที่ดินมีหนังสือรับรองการทําประโยชน์มีเพียงสิทธิครอบครอง การโอนให้แก่กันโดยส่งมอบที่ดินก็สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้ว นายทองผู้รับฝากจึงมีสิทธิครอบครองที่ดินนั้น
ดังนี้ อยากทราบว่า นายทองจะนําที่ดินมาขอออกโฉนดที่ดินได้หรือไม่ อย่างไร

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายที่ดิน

มาตรา 4 ทวิ “นับตั้งแต่วันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ใช้บังคับการโอนกรรมสิทธิ์หรือ สิทธิครอบครองในที่ดินซึ่งมีโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน์ ต้องทําเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่”

มาตรา 58 วรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสาม “เมื่อรัฐมนตรีเห็นสมควรจะให้มีการออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทําประโยชน์ในจังหวัดใดในปีใด ให้รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา กําหนดจังหวัด ที่จะทําการสํารวจรังวัดทําแผนที่หรือพิสูจน์สอบสวนการทําประโยชน์สําหรับปีนั้น เขตจังหวัดที่รัฐมนตรีประกาศ กําหนดไม่รวมท้องที่ที่ทางราชการได้จําแนกให้เป็นเขตป่าไม้ถาวร

เมื่อได้มีประกาศของรัฐมนตรีตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกําหนดท้องที่และวันเริ่มต้น ของการเดินสํารวจรังวัดในท้องที่นั้น โดยปิดประกาศไว้ ณ สํานักงานที่ดิน ที่ว่าการอําเภอ ที่ว่าการกิ่งอําเภอ ที่ทําการกํานัน และที่ทําการผู้ใหญ่บ้านแห่งท้องที่ก่อนวันเริ่มต้นสํารวจไม่น้อยกว่าสามสิบวัน

เมื่อได้มีประกาศของผู้ว่าราชการจังหวัดตามวรรคสอง ให้บุคคลตามมาตรา 58 ทวิ วรรคสอง หรือตัวแทนของบุคคลดังกล่าว นําพนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่มอบหมาย เพื่อทําการสํารวจรังวัด ทําแผนที่หรือพิสูจน์สอบสวนการทําประโยชน์ในที่ดินของตนตามวันและเวลาที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้นัดหมาย”

มาตรา 58 ทวิ วรรคหนึ่ง และวรรคสอง “เมื่อได้สํารวจรังวัดทําแผนที่ หรือพิสูจน์สอบสวนการ ทําประโยชน์ในที่ดินตามมาตรา 58 แล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน์ แล้วแต่กรณี ให้แก่บุคคลตามที่ระบุไว้ในวรรคสอง เมื่อปรากฏว่าที่ดินที่บุคคลนั้นครอบครองเป็นที่ดินที่อาจออก โฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน์ได้ตามประมวลกฎหมายนี้

บุคคลซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่อาจออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน์ตามวรรคหนึ่งให้ได้ คือ

(3) ผู้ซึ่งครอบครองที่ดินและทําประโยชน์ในที่ดิน ภายหลังวันที่ประมวลกฎหมายนี้ใช้บังคับ และไม่มีใบจอง ใบเหยียบย่ำ หรือไม่มีหลักฐานว่าเป็นผู้มีสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ”

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายเพชรซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทําประโยชน์ได้ขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้แก่นายทองโดยทําหนังสือสัญญาซื้อขายกันเองและส่งมอบที่ดินให้นายทองครอบครองโดย
มิได้ทําเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ถือเป็นการโอนที่ไม่ทําตามประมวลกฎหมายที่ดิน
มาตรา 4 ทวิ ที่กําหนดว่า “การโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินซึ่งมีโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน์ต้องทําเป็นหนังสือและต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่” การขายที่ดินให้นายทองดังกล่าวจึงมีผลเป็นโมฆะ ส่งผลให้นายทองเป็นเพียงผู้ครอบครองโดยพลการภายหลังวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้ บังคับ (โดยไม่มีหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน) และโดยไม่มีสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดิน และถ้าหากมี ประกาศของทางราชการเพื่อเดินสํารวจออกโฉนดที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 58 นายทองซึ่งเป็น บุคคลตามมาตรา 58 ทวิ วรรคสอง (3) ย่อมสามารถนําที่ดินแปลงดังกล่าวไปขอออกโฉนดที่ดินได้

และเมื่อได้ความว่า ในขณะนี้ได้มีประกาศของทางราชการเพื่อเดินสํารวจออกโฉนดที่ดิน อันถือว่า เป็นการออกโฉนดแบบทั้งตําบลตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 58 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ดังนั้น นายทอง จึงสามารถนําที่ดินแปลงนั้นมาขอออกโฉนดที่ดินได้ โดยมานําพนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่
มอบหมายเพื่อทําการสํารวจรังวัดทําแผนที่หรือพิสูจน์สอบสวนการทําประโยชน์ในที่ดินของตนตามวันและเวลา ที่พนักงานเจ้าหน้าที่นัดหมายตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 58 วรรคสาม และนายทองจะได้รับโฉนดที่ดิน ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 58 ทวิ วรรคสอง (3)

สรุป นายทองจะนําที่ดินแปลงนี้มาขอออกโฉนดที่ดินได้

 

ข้อ 3. นายเอกมีโฉนดที่ดินอยู่จังหวัดขอนแก่น ต่อมานายเอกถึงแก่ความตาย นายโทซึ่งเป็นบุตรชอบ ด้วยกฎหมายของนายเอกซึ่งมีภูมิลําเนาและมาทํางานอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ นายโทจึงไปยื่น คําขอให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนรับมรดกที่ดิน ณ สํานักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ แต่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานที่ดินสมุทรปราการปฏิเสธไม่ยอมรับจดทะเบียนรับมรดกที่ดินแก่นายโท

ดังนี้ อยากทราบว่า เพราะเหตุใด และการปฏิเสธของเจ้าพนักงานที่ดินชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายที่ดิน

มาตรา 72 “ผู้ใดประสงค์จะจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ให้คู่กรณีนําหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินมาขอจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 71

การขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามวรรคหนึ่ง สําหรับที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน ใบไต่สวน หรือ หนังสือรับรองการทําประโยชน์ คู่กรณีอาจยื่นคําขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ กรมที่ดิน หรือสํานักงานที่ดิน แห่งใดแห่งหนึ่งเพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 71 ดําเนินการจดทะเบียนให้ เว้นแต่การจดทะเบียนที่ต้อง
มีการประกาศหรือต้องมีการรังวัด”

มาตรา 81 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง “การขอจดทะเบียนสิทธิเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ซึ่งได้มาโดยทางมรดก ให้ผู้ได้รับมรดกนําหลักฐานสําหรับที่ดินหรือหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินพร้อมด้วยหลักฐานใน การได้รับมรดกมายื่นคําขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 71 ถ้าหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินอยู่กับบุคคลอื่น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจเรียกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินดังกล่าวนั้นได้

เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่สอบสวนพยานหลักฐาน และเชื่อได้ว่าผู้ขอเป็นทายาทแล้ว ให้ประกาศโดย ทําเป็นหนังสือปิดไว้ในที่เปิดเผยมีกําหนดสามสิบวัน ณ สํานักงานที่ดิน เขตหรือที่ว่าการอําเภอ หรือกิ่งอําเภอ สํานักงานเทศบาล ที่ทําการองค์การบริหารส่วนตําบล ที่ทําการแขวงหรือที่ทําการกํานันท้องที่ ซึ่งที่ดินตั้งอยู่ และ บริเวณที่ดินนั้นแห่งละหนึ่งฉบับ และให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีหนังสือส่งประกาศดังกล่าวให้บุคคลที่ผู้ขอแจ้งว่าเป็น ทายาททุกคนทราบเท่าที่สามารถจะทําได้ หากไม่มีทายาทซึ่งมีสิทธิได้รับมรดกโต้แย้งภายในกําหนดเวลาที่ประกาศ และมีหลักฐานเป็นที่เชื่อได้ว่าผู้ขอมีสิทธิได้รับมรดกแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดําเนินการจดทะเบียนให้ตามที่ ผู้ขอแสดงหลักฐานการมีสิทธิตามกฎหมาย ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดในกฎกระทรวง”

วินิจฉัย

ผู้ที่ประสงค์จะขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ นอกจากจะมายื่นคําขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 71 แล้ว บทบัญญัติมาตรา 72 วรรคสอง ยังให้สิทธิคู่กรณีอาจจะมายื่นคําขอจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ กรมที่ดินหรือสํานักงานที่ดินแห่งใดแห่งหนึ่ง ก็ได้ แต่ทั้งนี้จะต้องประกอบด้วยหลักเกณฑ์ทั้ง 3 ประการดังต่อไปนี้ คือ

1. ที่ดินที่จะต้องจดทะเบียนนั้นจะต้องเป็นที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน ใบไต่สวน หรือหนังสือรับรอง การทําประโยชน์ กล่าวคือ ถ้ามีเอกสารอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาจะยื่นคําขอไม่ได้

2. การจดทะเบียนนั้นจะต้องไม่มีการประกาศก่อน กล่าวคือ กรณีใดที่พนักงานเจ้าหน้าที่ จะต้องทําเรื่องประกาศก่อนที่จะมีการจดทะเบียนจะมาใช้มาตรา 72 วรรคสองไม่ได้

3. การจดทะเบียนนั้นจะต้องไม่มีการรังวัดก่อน

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายเอกมีโฉนดที่ดินอยู่จังหวัดขอนแก่น ต่อมานายเอกถึงแก่ความตาย นายโทซึ่งเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนายเอกซึ่งมีภูมิลําเนาและมาทํางานอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการนั้น หาก
นายโทมีความประสงค์จะจดทะเบียนรับมรดกในที่ดินแปลงดังกล่าว นายโทจะต้องนําหลักฐานสําหรับที่ดินหรือหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินพร้อมด้วยหลักฐานในการรับมรดกมายื่นคําขอเพื่อขอจดทะเบียนรับมรดกในที่ดินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 71 กล่าวคือ ต้องยื่นคําขอจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ณ สํานักงานที่ดิน จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นสํานักงานที่ดินซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู่ จะไปยื่นคําขอให้เจ้าพนักงานที่ดิน ณ สํานักงานที่ดิน จังหวัดสมุทรปราการจดทะเบียนให้ไม่ได้ (ตามมาตรา 81 วรรคหนึ่ง)

และกรณีดังกล่าว นายโทจะยื่นคําขอต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ณ สํานักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อให้รับเรื่องและส่งเรื่องไปที่สํานักงานที่ดินจังหวัดขอนแก่น เพื่อให้สํานักงานที่ดินจังหวัดขอนแก่นดําเนินการ จดทะเบียนให้ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 72 วรรคสองก็ไม่ได้ เพราะกรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ตาม ประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 72 วรรคสอง เนื่องจากการจดทะเบียนสิทธิเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ซึ่งได้มาโดยทางมรดกนั้น จะต้องมีการประกาศเป็นหนังสือก่อนมีกําหนด 30 วัน ดังนั้น การที่นายโทได้ไปยื่นคําขอให้เจ้าพนักงานที่ดิน จดทะเบียนรับมรดกที่ดิน ณ สํานักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ แต่เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการไม่ยอมรับ จดทะเบียนรับมรดกที่ดินให้แก่นายโท การปฏิเสธของเจ้าพนักงานที่ดินจึงชอบด้วยกฎหมาย

สรุป การปฏิเสธของเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการที่ไม่ยอมรับจดทะเบียนรับมรดกที่ดิน ให้แก่นายโทชอบด้วยกฎหมาย

 

LAW3111 (LAW3011) กฎหมายลักษณะพยาน 1/2566

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2566
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 3111 (LAW 3011) กฎหมายลักษณะพยาน
ข้อแนะนํา ข้อสอบนี้เป็นข้อสอบอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ

ข้อ 1. นายธนดลต้องการซื้อห้องชุดไว้เป็นที่พักอาศัยและออกกําลังกายมูลค่า 3,000,000 บาท นายธนดล จึงได้ไปติดต่อนางสาวแพรวาพนักงานขายเพื่อทําสัญญาซื้อขาย โดยนางสาวแพรวาได้มอบแผ่นพับ โฆษณาห้องชุดซึ่งระบุว่า มีสวนน้ำลอยฟ้าและมีลู่วิ่งไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด 20 ลู่วิ่ง สร้างเสร็จแล้ว พร้อมส่งมอบ นายธนดลสนใจอย่างมากจึงได้ไปกู้ยืมเงินจากนายสุข นายสุขเห็นว่านายธนดล สะสมพระเครื่องจึงขอให้นายธนดลเอาพระเครื่องหลวงปู่โต๊ะทองคํามูลค่า 3,000,000 บาท มาจํานําเป็นประกันหนี้กู้ยืม นายธนดลตกลง และส่งมอบพระเครื่องหลวงปู่โต๊ะทองคําเรียบร้อย ต่อหน้านางสาวแพรวา นายสุขจึงได้โอนเงิน 3,000,000 บาท ชําระค่าห้องชุดแทนนายธนดล

จงวินิจฉัย

(ก) นายสุขเห็นว่านายธนดลไม่เคยผ่อนใช้เงินกู้ยืมคืนเลย จึงฟ้องคดีต่อศาลขอให้บังคับชําระเงิน กู้ยืมคืน 3,000,000 บาท นายธนดลให้การรับว่ากู้จริงแต่ได้นําพระเครื่องที่ใช้หนี้ไปแล้วนั้น ฝ่ายใดมีภาระการพิสูจน์

(ข) หากข้อเท็จจริงเปลี่ยนเป็นว่า นายธนดลชําระเงินกู้ยืมครบถ้วนแล้ว นายธนดลฟ้องนายสุข ขอให้ส่งมอบพระเครื่องหลวงปู่โต๊ะทองคําที่จํานําไว้คืน โดยอ้างว่านางสาวแพรวาเป็นพยานรู้เห็นขณะส่งมอบพระเครื่อง นายสุขให้การต่อสู้ว่านายธนดลฟ้องคดีโดยไม่มีเอกสารสัญญา จํานํามาแสดง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่สามารถอ้างนางสาวแพรวาเป็นพยานแทนพยาน เอกสารได้ ข้อต่อสู้ของนายสุขฟังขึ้นหรือไม่

(ค) ภายหลังจากที่นายธนดลเข้าพักที่ห้องชุดแล้วปรากฏว่า อาคารห้องชุดดังกล่าวไม่มีสวนน้ํา ลอยฟ้า และไม่มีลู่วิ่งไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด 20 ลู่วิ่ง ตามที่โฆษณา คงมีเพียงบ่อปลาบนดาดฟ้า และลู่วิ่งไฟฟ้ารุ่นเก่าเพียง 4 คู่เท่านั้น นายธนดลสอบถามไปหลายครั้งก็ได้คําตอบเพียงว่า ไม่มีงบ รอดําเนินการอยู่ นายธนดลจึงฟ้องนิติบุคคลอาคารชุดดังกล่าวว่าผิดสัญญาซื้อขาย ไม่สร้างสิ่งอํานวยความสะดวกตามที่โฆษณา โดยอ้างสัญญาซื้อขาย ซึ่งนิติบุคคลอาคารชุด ต่อสู้ว่าในสัญญาไม่มีข้อความใดระบุเรื่องสิ่งอํานวยความสะดวก นายธนดลอ้างแผ่นพับโฆษณาห้องชุดเป็นพยานต่อศาลได้หรือไม่ และนายธนดลจะอ้างนางสาวแพรวาพนักงานขาย เป็นพยานเพื่อพิสูจน์ว่านิติบุคคลอาคารชุดเป็นเจ้าของแผ่นพับโฆษณา ได้หรือไม่

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

มาตรา 84 “การวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงในคดีใดจะต้องกระทําโดยอาศัยพยานหลักฐานใน สํานวนคดีนั้น เว้นแต่
(3) ข้อเท็จจริงที่คู่ความรับหรือถือว่ารับกันแล้วในศาล”

มาตรา 84/1 “คู่ความฝ่ายใดกล่าวอ้างข้อเท็จจริงเพื่อสนับสนุนคําคู่ความของตนให้คู่ความฝ่ายนั้น มีภาระการพิสูจน์ข้อเท็จจริงนั้น แต่ถ้ามีข้อสันนิษฐานไว้ในกฎหมายหรือมีข้อสันนิษฐานที่ควรจะเป็นซึ่งปรากฏ
จากสภาพปกติธรรมดาของเหตุการณ์เป็นคุณแก่คู่ความฝ่ายใด คู่ความฝ่ายนั้นต้องพิสูจน์เพียงว่าตนได้ปฏิบัติ ตามเงื่อนไขแห่งการที่ตนจะได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานนั้นครบถ้วนแล้ว”

มาตรา 85 “คู่ความฝ่ายที่มีหน้าที่ต้องนําสืบข้อเท็จจริง ย่อมมีสิทธิที่จะนําพยานหลักฐานใด ๆ มาสืบได้ภายใต้บังคับแห่งประมวลกฎหมายนี้ หรือกฎหมายอื่นอันว่าด้วยการรับฟังพยานหลักฐานและการยื่นพยานหลักฐาน”

มาตรา 94 “เมื่อใดมีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง ห้ามมิให้ศาลยอมรับฟัง พยานบุคคลในกรณีอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ แม้ถึงว่าคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งจะได้ยินยอมก็ดี
(ก) ขอสืบพยานบุคคลแทนพยานเอกสาร เมื่อไม่สามารถนําเอกสารมาแสดง
(ข) ขอสืบพยานบุคคลประกอบข้ออ้างอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อได้นําเอกสารมาแสดงแล้วว่า ยังมี ข้อความเพิ่มเติม ตัดทอน หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารนั้นอยู่อีก

แต่ว่าบทบัญญัติแห่งมาตรานี้ มิให้ใช้บังคับในกรณีที่บัญญัติไว้ในอนุมาตรา (2) แห่งมาตรา 93 และ มิให้ถือว่าเป็นการตัดสิทธิคู่ความในอันที่จะกล่าวอ้างและนําพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างว่าพยานเอกสารที่ แสดงนั้นเป็นเอกสารปลอมหรือไม่ถูกต้องทั้งหมด หรือแต่บางส่วน หรือสัญญาหรือหนี้อย่างอื่นที่ระบุไว้ในเอกสารนั้น ไม่สมบูรณ์ หรือคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตีความหมายผิด”

มาตรา 177 วรรคสอง “ให้จําเลยแสดงโดยชัดแจ้งในคําให้การว่า จําเลยยอมรับหรือปฏิเสธ ข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น”

มาตรา 183 วรรคหนึ่ง “ในวันชี้สองสถาน ให้คู่ความมาศาล และให้ศาลตรวจคําคู่ความและ คําแถลงของคู่ความ แล้วนําข้ออ้าง ข้อเถียง ที่ปรากฏในคําคู่ความและคําแถลงของคู่ความเทียบกันดู และสอบถาม คู่ความทุกฝ่ายถึงข้ออ้าง ข้อเถียง และพยานหลักฐานที่จะยื่นต่อศาลว่าฝ่ายใดยอมรับหรือโต้แย้งข้ออ้าง ข้อเถียงนั้น อย่างไร ข้อเท็จจริงใดที่คู่ความยอมรับกันก็เป็นอันยุติไปตามนั้น ส่วนข้อกฎหมายหรือข้อเท็จจริงที่คู่ความฝ่ายหนึ่งยกขึ้นอ้างแต่คําคู่ความฝ่ายอื่นไม่รับและเกี่ยวเนื่องโดยตรงกับประเด็นข้อพิพาทตามคําคู่ความให้ศาลกําหนดไว้ เป็นประเด็นข้อพิพาท และกําหนดให้คู่ความฝ่ายใดนําพยานหลักฐานมาสืบในประเด็นข้อใดก่อนหรือหลังก็ได้”

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ แยกวินิจฉัยได้ดังนี้

(ก) คําว่า “ประเด็นข้อพิพาท” หมายถึง ข้ออ้างข้อเถียงในปัญหาข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมาย ที่ฝ่ายหนึ่งยกขึ้นอ้างในคําคู่ความ และคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งไม่รับ ดังนั้นปัญหาข้อใดที่ฝ่ายหนึ่งยกขึ้นอ้างและ คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งรับแล้ว ย่อมไม่เกิดเป็นประเด็นข้อพิพาท (ป.วิ.แพ่ง มาตรา 84 (3), มาตรา 177 วรรคสอง และมาตรา 183 วรรคหนึ่ง)

สําหรับภาระการพิสูจน์หรือหน้าที่นําสืบนั้น ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 84/1 ได้กําหนดหลักเกณฑ์ ไว้ว่า ผู้ใดกล่าวอ้างข้อเท็จจริงใด ผู้นั้นมีหน้าที่นําสืบ (มีภาระการพิสูจน์)

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายสุขเป็นโจทก์ฟ้องนายธนดลเป็นจําเลย โดยอ้างว่านายธนดล กู้เงินจากนายสุขไปเป็นจํานวนเงิน 3,000,000 บาท แต่ไม่เคยใช้เงินกู้ยืมคืนเลย ขอให้ศาลบังคับให้นายธนดล ชําระเงินกู้ยืมคืน 3,000,000 บาท นายธนดลให้การว่าได้กู้ยืมเงินจริงแต่ได้นําพระเครื่องที่ใช้หนี้ไปแล้วนั้น ข้อเท็จจริงที่ว่านายธนดลกู้เงินจากนายสุขจริงหรือไม่ ย่อมเป็นอันยุติตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 84 (3) เนื่องจากเป็น ข้อเท็จจริงที่คู่ความรับ จึงไม่ต้องมีการสืบพยานเพราะมิใช่เป็นประเด็นข้อพิพาทในคดี แต่การที่นายธนดลให้การว่า ได้ชําระหนี้ให้นายสุขแล้วโดยการนําพระเครื่องที่ใช้หนี้ไปแล้วนั้น ถือเป็นข้อเท็จจริงที่นายธนดลกล่าวอ้างขึ้นใหม่

และเป็นข้อเท็จจริงที่นายสุขไม่รับ กรณีเช่นนี้จึงเกิดประเด็นข้อพิพาทว่านายธนดลได้ชําระหนี้ให้แก่นายสุขโดย การนําทรัพย์สินอื่นที่ใช้หนี้แล้วจริงหรือไม่ เมื่อนายธนดลเป็นฝ่ายกล่าวอ้าง ดังนั้น ภาระการพิสูจน์หรือหน้าที่ นําสืบจึงตกอยู่กับนายธนดล ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 84/1

(ข) หากข้อเท็จจริงเปลี่ยนเป็นว่า นายธนดลได้ชําระหนี้กู้ยืมครบถ้วนแล้ว นายธนดลจึงฟ้องคดี ต่อศาลเพื่อบังคับให้นายสุขส่งมอบพระเครื่องหลวงปู่โต๊ะทองคําที่จํานําไว้คืน โดยอ้างนางสาวแพรวาเป็นพยาน เพราะนางสาวแพรวารู้เห็นขณะที่มีการส่งมอบพระเครื่องนั้น นายธนดลย่อมสามารถอ้างนางสาวแพรวาเป็น พยานได้ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 85 เนื่องจากไม่ใช่เป็นการนําพยานบุคคลมาสืบแทนพยานเอกสารอันเป็นการ ต้องห้ามตามนัยของ ป.วิ.แพ่ง มาตรา 54 (ก) ที่กําหนดว่า เมื่อใดมีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง ห้ามมิให้ศาลยอมรับฟังพยานบุคคลในกรณีที่เป็นการขอสืบพยานบุคคลแทนพยานเอกสาร เมื่อไม่สามารถนําพยานเอกสารมาแสดงแต่อย่างใด เพราะการฟ้องร้องคดีเกี่ยวกับสัญญาจํานํานั้นมิใช่เป็นกรณีที่กฎหมาย บังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง ดังนั้น การที่นายสุขให้การต่อสู้ว่านายธนดลฟ้องคดีโดยไม่มีเอกสาร สัญญาจํานํามาแสดงนั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่สามารถอ้างนางสาวแพรวาเป็นพยานแทนพยานเอกสารได้ ข้อต่อสู้ของนายสุขจึงฟังไม่ขึ้น

(ค) การที่นายธนดลได้ฟ้องนิติบุคคลอาคารชุดดังกล่าวว่าผิดสัญญาซื้อขาย ไม่สร้างสิ่งอํานวย ความสะดวกตามที่โฆษณา โดยอ้างสัญญาซื้อขาย แต่นิติบุคคลอาคารชุดต่อสู้ว่าในสัญญาไม่มีข้อความใดระบุเรื่อง สิ่งอํานวยความสะดวก นายธนดลจึงอ้างแผ่นพับโฆษณาห้องชุดเป็นพยานต่อศาลนั้น กรณีดังกล่าวถือว่าเป็นกรณี ที่คู่ความขอสืบพยานเอกสาร (แผ่นพับโฆษณาห้องชุด) ประกอบข้ออ้างเมื่อได้นําเอกสาร (สัญญาซื้อขาย) มาแสดงเพื่อแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในพยานเอกสาร (สัญญาซื้อขาย) ซึ่งนายธนดลย่อมสามารถอ้างแผ่นพับ โฆษณาห้องชุดเป็นพยานต่อศาลได้ ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 94 (ข) ทั้งนี้เพราะตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 94 (ข) ห้ามมิให้ศาลยอมรับฟังเฉพาะพยานบุคคลเท่านั้น ไม่รวมถึงการรับฟังพยานเอกสารและพยานวัตถุคู่ความจึงมีสิทธิขอสืบพยานเอกสารหรือพยานวัตถุเพื่อแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในพยานเอกสารได้ (เทียบเคียงคําพาพากษาฎีกาที่ 7055/2537)

อีกทั้งการที่นานธนดลจะอ้างนางสาวแพรวาพนักงานขายเป็นพยานเพื่อพิสูจน์ว่านิติบุคคล อาคารชุดเป็นเจ้าของแผ่นพับโฆษณานั้น ก็ย่อมสามารถกระทําได้เช่นกัน เพราะเป็นการนําสืบพยานบุคคล ประกอบพยานเอกสาร (แผ่นพับโฆษณา) ซึ่งเป็นการนําสืบเพื่อเพิ่มน้ําหนักในการอ้างอิงถึงแหล่งที่มา และเพิ่ม ความน่าเชื่อถือของพยานเอกสาร (แผ่นพับโฆษณา) ซึ่งเป็นพยานเอกสารประกอบพยานเอกสาร (สัญญาซื้อขาย) เท่านั้น มิใช่เป็นการนําพยานบุคคลมาสืบเพื่อแก้ไขเปลี่ยนแปลงพยานเอกสาร (สัญญาซื้อขาย) ที่นํามาแสดง ตามนัยของ ป.วิ.แพ่ง มาตรา 94 (ข) แต่อย่างใด

สรุป
(ก) ประเด็นข้อพิพาทว่านายธนดลได้ชําระหนี้ให้แก่นายสุข โดยการนําทรัพย์สินอื่นที่ใช้หนี้ แล้วจริงหรือไม่ ฝ่ายจําเลยคือนายธนดลมีภาระการพิสูจน์
(ข) ข้อต่อสู้ของนายสุขดังกล่าวฟังไม่ขึ้น
(ค) นายธนดลสามารถอ้างแผ่นพับโฆษณาห้องชุดเป็นพยานต่อศาลได้ และสามารถอ้างนางสาวแพรวาเป็นพยานเพื่อพิสูจน์ว่านิติบุคคลอาคารชุดเป็นเจ้าของแผ่นพับโฆษณาได้

ข้อ 2. พยานบุคคลที่ศาลรับฟังมีคุณสมบัติอย่างไร และศาลต้องเชื่อคําเบิกความเสมอไปหรือไม่ อย่างไร

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

มาตรา 95 “ห้ามมิให้ยอมรับฟังพยานบุคคลใดเว้นแต่บุคคลนั้น
(1) สามารถเข้าใจและตอบคําถามได้ และ
(2) เป็นผู้ที่ได้เห็น ได้ยิน หรือทราบข้อความเกี่ยวในเรื่องที่จะให้การเป็นพยานนั้นมาด้วยตัวเองโดยตรง……”

มาตรา 104 วรรคหนึ่ง “ให้ศาลมีอํานาจเต็มที่ในอันที่จะวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานที่คู่ความ นํามาสืบนั้นจะเกี่ยวกับประเด็นและเป็นอันเพียงพอ ให้เชื่อฟังเป็นยุติได้หรือไม่ แล้วพิพากษาคดีไปตามนั้น”

และตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

มาตรา 15 “วิธีพิจารณาข้อใดซึ่งประมวลกฎหมายนี้มิได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะ ให้นําบทบัญญัติ
แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับเท่าที่พอจะใช้บังคับได้”

มาตรา 226 “พยานวัตถุ พยานเอกสาร หรือพยานบุคคลซึ่งน่าจะพิสูจน์ได้ว่าจําเลยมีผิดหรือบริสุทธิ์ ให้อ้างเป็นพยานหลักฐานได้ แต่ต้องเป็นพยานชนิดที่มิได้เกิดขึ้นจากการจูงใจ มีคํามั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวงหรือโดยมิชอบประการอื่น และให้สืบตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่นอันว่าด้วยการสืบพยาน”

มาตรา 227 วรรคหนึ่ง “ให้ศาลใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ําหนักพยานหลักฐานทั้งปวง อย่าพิพากษา ลงโทษจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทําผิดจริงและจําเลยเป็นผู้กระทําความผิดนั้น”

อธิบาย

1. คุณสมบัติของพยานบุคคลที่ศาลรับฟัง

เมื่อพิจารณาตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 95 วรรคหนึ่งแล้วจะเห็นได้ว่า พยานบุคคลที่ศาลจะรับฟังนั้น จะต้องมีคุณสมบัติดังนี้คือ

(1) จะต้องเป็นบุคลที่สามารถเข้าใจและตอบคําถามได้ หมายถึง จะต้องเข้าใจในสิ่งที่ถามและตอบคําถามได้ และ

(2) จะต้องเป็นผู้ที่ได้เห็น ได้ยิน หรือทราบข้อความเกี่ยวในเรื่องที่จะให้การเป็น พยานนั้นมาด้วยตนเองโดยตรง กล่าวคือ แม้บุคคลนั้นจะสามารถเข้าใจและตอบคําถามได้ ก็ไม่ได้หมายความว่า จะเป็นพยานได้ทุกคน แต่บุคคลนั้นจะต้องเป็นผู้ที่ได้เห็น ได้ยิน หรือทราบข้อความเกี่ยวในเรื่องที่จะให้การเป็น พยานนั้นมาด้วยตนเองโดยตรงด้วย โดยอาจเห็นเพียงอย่างเดียว หรืออาจได้ยินเพียงอย่างเดียวก็ได้ หรือถึงแม้ ไม่ได้เห็นและไม่ได้ยิน เช่นพยานเป็นคนตาบอดและหูหนวก แต่พยานทราบข้อความเกี่ยวในเรื่องที่จะให้การเป็น
พยานนั้นด้วยการใช้ประสาทสัมผัสก็เป็นพยานได้

สําหรับคดีอาญานั้น พยานบุคคลที่ศาลจะรับฟังก็จะต้องมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับคดีแพ่ง กล่าวคือ จะต้องเป็นบุคคลที่สามารถเข้าใจและตอบคําถามได้ และจะต้องเป็นผู้ที่ได้เห็น ได้ยิน หรือทราบข้อความ

เกี่ยวในเรื่องที่จะให้การเป็นพยานนั้นมาด้วยตนเองโดยตรงด้วย (ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 95 วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.วิ.อาญา มาตรา 15) เพียงแต่ในคดีอาญานั้น ได้เพิ่มคุณสมบัติอีกประการหนึ่งไว้ด้วยว่า พยานบุคคลที่ศาลจะ รับฟังนั้นจะต้องเป็นพยานซึ่งน่าจะพิสูจน์ได้ว่าจําเลยมีความผิดหรือบริสุทธิ์ด้วยตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.อาญามาตรา 226

2. ศาลจะต้องเชื่อคําเบิกความของพยานบุคคลเสมอไปหรือไม่

ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 104 วรรคหนึ่ง ซึ่งบัญญัติว่าให้ศาลมีอํานาจเต็มที่ในอันที่จะวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานที่คู่ความนํามาสืบนั้นจะเกี่ยวกับประเด็นและเป็นอันเพียงพอให้เชื่อฟังเป็นยุติหรือไม่ แล้วพิพากษา ไปตามนั้น ย่อมแสดงให้เห็นว่าคําเบิกความของพยานบุคคลนั้นศาลไม่จําเป็นต้องเชื่อเสมอไป ศาลจะเชื่อหรือไม่ ให้เป็นดุลพินิจของศาล เช่นเดียวกับคดีอาญาซึ่งได้บัญญัติไว้ใน ป.วิ.อาญา มาตรา 227 วรรคหนึ่งว่า ให้ศาล ใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ําหนักพยานหลักฐานทั้งปวง อย่าพิพากษาลงโทษจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทําผิดจริง และจําเลยเป็นผู้กระทําความผิดนั้น

คําพิพากษาศาลฎีกาที่ 6836/2541 คําเบิกความพยานในชั้นศาลนั้น ไม่ใช่ว่าพยานเบิกความอย่างไรแล้ว ศาลจะต้องฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นไปตามคําเบิกความของพยานเสมอไป จะฟังได้หรือไม่ เพียงใดสุดแล้วแต่เหตุผลเป็นเรื่อง ๆ ไป

ซึ่งคําเบิกความของพยานบุคคลตอนวินิจฉัยคดีนั้น ศาลจะเชื่อหรือไม่ โดยหลักแล้ว ศาลจะต้องพิจารณาถึงเรื่องต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ประกอบด้วย

(1) ตัวพยานเอง ในเรื่องอายุ ความบกพร่องของร่างกายและจิตใจ การศึกษาอบรม อุปนิสัยใจคอ ความสนใจในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ประสบการณ์ และมีความลําเอียงหรือไม่

(2) ฐานะและประวัติของพยาน ในเรื่องมีชื่อเสียงดีไม่ด่างพร้อย มีความซื่อสัตย์สุจริต มีใจเป็นธรรม และวางตัวเป็นกลางหรือไม่

(3) เหตุแวดล้อมอื่น ๆ ในเรื่องของปัจจัยในการรับรู้ข้อเท็จจริงในการที่มาเบิกความ ปัจจัยแห่งการจดจําในการที่มาเบิกความ ปัจจัยที่เกี่ยวกับมูลเหตุจูงใจในการที่มาเบิกความ และปัจจัยที่เกี่ยวกับ ความสามารถในการถ่ายทอดสิ่งที่ได้พบเห็นมา

(4) ลักษณะของคําเบิกความ ในเรื่องการตอบคําถามตรงไปตรงมาด้วยความมั่นใจ ยืนยันในข้อเท็จจริงหนักแน่นหรือไม่ เบิกความเป็นกลางมีเหตุผลกลมกลืนกับเหตุการณ์แวดล้อม ขัดแย้งกันเอง ในสาระสําคัญหรือไม่ ตลอดจนเบิกความสั้น ๆ โดยไม่มีรายละเอียดหรือไม่

(5) ลักษณะท่าทางของพยาน เพราะสีหน้าท่าทางของพยานในขณะเบิกความนั้นจะ แสดงให้เห็นได้ว่าพยานเบิกความตามความเป็นจริงหรือไม่

ข้อ 3. หากต้นฉบับเอกสารชิ้นหนึ่งที่โจทก์ต้องการอ้างในชั้นศาลอยู่กับบุคคลภายนอก การส่งสําเนาเอกสาร ให้กับศาลหรือคู่ความฝ่ายอื่นยังคงต้องหาอยู่หรือไม่ อย่างไร หรือมีวิธีการใดจึงจะสามารถอ้างเอกสารชิ้นดังกล่าวได้ จงอธิบาย

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

มาตรา 88 “เมื่อคู่ความฝ่ายใดมีความจํานงที่จะอ้างอิงเอกสารฉบับใด… เพื่อเป็นพยานหลักฐาน
สนับสนุนข้ออ้างหรือข้อเถียงของตนให้คู่ความฝ่ายนั้นยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน………”

มาตรา 90 วรรคหนึ่ง วรรคสาม และวรรคท้าย “ให้คู่ความฝ่ายที่อ้างอิงเอกสารเป็นพยาน หลักฐานเพื่อสนับสนุนข้ออ้างหรือข้อเถียงของตนตามมาตรา 88 วรรคหนึ่ง ยื่นต่อศาลและส่งให้คู่ความฝ่ายอื่น ซึ่งสําเนาเอกสารนั้นก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน

คู่ความฝ่ายที่อ้างอิงพยานหลักฐานไม่ต้องยื่นสําเนาเอกสารต่อศาล และไม่ต้องส่งสําเนาเอกสาร
ให้คู่ความฝ่ายอื่นในกรณีดังต่อไปนี้

(2) เมื่อคู่ความฝ่ายใดอ้างอิงเอกสารฉบับเดียวหรือหลายฉบับที่อยู่ในความครอบครองของ คู่ความฝ่ายอื่นหรือของบุคคลภายนอก

กรณีตาม (2) ให้คู่ความฝ่ายที่อ้างอิงเอกสารขอให้ศาลมีคําสั่งเรียกเอกสารนั้นมาจากผู้ครอบครอง ตามมาตรา 123 โดยต้องยื่นคําร้องต่อศาลภายในกําหนดเวลาตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง แล้วแต่กรณี และให้
คู่ความฝ่ายนั้นมีหน้าที่ติดตามเพื่อให้ได้เอกสารดังกล่าวมาภายในเวลาที่ศาลกําหนด”

มาตรา 93 “การอ้างเอกสารเป็นพยานหลักฐานให้ยอมรับฟังได้เฉพาะต้นฉบับเอกสารเท่านั้นเว้นแต่

(2) ถ้าต้นฉบับเอกสารนํามาไม่ได้ เพราะถูกทําลายโดยเหตุสุดวิสัย หรือสูญหาย หรือไม่สามารถ นํามาได้โดยประการอื่น อันมิใช่เกิดจากพฤติการณ์ที่ผู้อ้างต้องรับผิดชอบ หรือเมื่อศาลเห็นว่าเป็นกรณีจําเป็น และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมที่จะต้องสืบสําเนาเอกสารหรือพยานบุคคลแทนต้นฉบับเอกสารที่นํามา
ไม่ได้นั้น ศาลจะอนุญาตให้นําสําเนาหรือพยานบุคคลมาสืบก็ได้

มาตรา 123 “ถ้าต้นฉบับเอกสารซึ่งคู่ความฝ่ายหนึ่งอ้างอิงเป็นพยานหลักฐานนั้นอยู่ในความ ครอบครองของคู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง คู่ความฝ่ายที่อ้างจะยื่นคําขอโดยทําเป็นคําร้องต่อศาลขอให้สั่งคู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง
ส่งต้นฉบับเอกสารแทนการที่ตนจะต้องส่งสําเนาเอกสารนั้นก็ได้ ถ้าศาลเห็นว่าเอกสารนั้นเป็นพยานหลักฐานสําคัญและคําร้องนั้นฟังได้ ให้ศาลมีคําสั่งให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งยืนต้นฉบับเอกสารต่อศาลภายในเวลาอันสมควรแล้วแต่ศาลจะกําหนด…….

ถ้าต้นฉบับเอกสารอยู่ในความครอบครองของบุคคลภายนอก หรือในครอบครองของทางราชการ หรือของเจ้าหน้าที่ซึ่งคู่ความที่อ้างไม่อาจร้องขอโดยตรงให้ส่งเอกสารนั้นมาได้ ให้นําบทบัญญัติในวรรคก่อน ว่าด้วยการที่คู่ความฝ่ายที่อ้างเอกสารยื่นคําขอ และการที่ศาลมีคําสั่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม แต่ทั้งนี้ฝ่ายที่อ้าง ต้องส่งคําสั่งศาลแก่ผู้ครอบครองเอกสารนั้นล่วงหน้าอย่างน้อยเจ็ดวัน ถ้าไม่ได้เอกสารนั้นมาสืบตามกําหนด เมื่อศาลเห็นสมควรก็ให้ศาลสืบพยานต่อไปตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 93 (2)”

อธิบาย

โดยหลักแล้ว คู่ความฝ่ายใดมีความจํานงที่จะอ้างอิงเอกสารฉบับใดเพื่อเป็นพยานหลักฐานในการ สนับสนุนข้ออ้างหรือข้อเถียงของตน ให้คู่ความฝ่ายนั้นยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 7 วัน (ป.วิ.แพ่ง มาตรา 88) และให้ยื่นต่อศาลและส่งให้คู่ความฝ่ายอื่นซึ่งสําเนาเอกสารนั้นก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 7 วัน (ป.วิ.แพ่ง มาตรา 90 วรรคหนึ่ง)

แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากต้นฉบับเอกสารที่โจทก์ต้องการอ้างในชั้นศาลนั้นอยู่กับบุคคลภายนอก (ซึ่งมิใช่คู่ความ) โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายอ้างอิงพยานหลักฐาน (ต้นฉบับเอกสาร) ก็ไม่ต้องยื่นสําเนาเอกสารต่อศาล และ ไม่ต้องส่งสําเนาเอกสารให้คู่ความฝ่ายอื่น (ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 90 วรรคสาม (2)) และถ้าโจทก์ฝ่ายที่อ้างอิง พยานหลักกฐานนั้นประสงค์จะอ้างเอกสารดังกล่าว โจทก์ก็สามารถทําได้โดยการปฏิบัติตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.แพ่ง มาตรา 90 วรรคท้าย ประกอบมาตรา 123 กล่าวคือ โจทก์จะต้องยื่นคําขอโดยทําเป็นคําร้องต่อศาล ขอให้ศาลสั่งให้บุคคลภายนอกผู้ครอบครองเอกสารส่งต้นฉบับเอกสารดังกล่าวแทนการที่โจทก์จะต้องส่งสําเนา เอกสารนั้น และถ้าศาลเห็นว่าเอกสารนั้นเป็นพยานหลักฐานสําคัญและคําร้องของโจทก์นั้นฟังได้ ให้ศาลมีคําสั่ง ให้บุคคลภายนอกนั้นยื่นต้นฉบับเอกสารต่อศาลภายในเวลาอันสมควรแล้วแต่ศาลจะกําหนด แต่โจทก์จะต้องส่ง คําสั่งศาลให้แก่บุคคลภายนอกผู้ครอบครองเอกสารนั้นล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน

ถ้าโจทก์ทําตามวิธีการดังกล่าวแล้ว แต่บุคคลภายนอกปฏิเสธในการส่งเอกสารมายังศาล ย่อมถือว่า เป็นกรณีที่นําต้นฉบับเอกสารมาไม่ได้ เพราะสูญหายหรือไม่สามารถนํามาได้โดยประการอื่น อันมิใช่เกิดจาก พฤติการณ์ที่โจทก์ผู้อ้างอิงเอกสารต้องรับผิดชอบตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 93 (2) และเมื่อไม่ได้เอกสารนั้นมาสืบ ตามกําหนด เมื่อศาลเห็นสมควรก็ให้ศาลสืบพยานต่อไปตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 93 (2) (ป.วิ.แพ่ง มาตรา 123 วรรคสอง) กล่าวคือ ศาลจะสืบพยานต่อไปโดยอนุญาตให้นําสําเนาหรือพยานบุคคลมาสืบก็ได้

LAW3110 กฎหมายล้มละลาย 1/2566

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2566
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 3110 (LAW 3010) กฎหมายล้มละลายและฟื้นฟูกิจการ
คําแนะนํา ข้อสอบกระบวนวิชานี้เป็นข้อสอบอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ

ข้อ 1. นายเมฆทําสัญญากู้ยืมเงินจากนายหมอกจํานวน 5,000,000 บาท หนี้เงินกู้ถึงกําหนดชําระ นายเมฆไม่ชําระหนี้ นายหมอกจึงฟ้องนายเมฆเป็นคดีแพ่งให้ชําระหนี้เงินกู้ 5,000,000 บาทนั้น ต่อมาศาลแพ่งมีคําพิพากษาให้นายเมฆชําระหนี้ตามฟ้อง นายเมฆไม่พอใจคําพิพากษาของศาลแพ่ง จึงยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ยังไม่มีคําพิพากษา แต่นายหมอกนําหนี้ตามคําพิพากษา ของศาลแพ่งมาฟ้องนายเมฆให้ล้มละลาย ศาลล้มละลายกลางตรวจคําฟ้องของนายหมอกและมีคําสั่งรับฟ้อง นายเมฆยื่นคําให้การต่อสู้คดีว่า หนี้ที่นายหมอกนํามาฟ้องยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดี ของศาลอุทธรณ์ คําพิพากษายังไม่ถึงที่สุด อีกทั้งศาลอุทธรณ์อาจจะมีคําพิพากษาเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือกลับคําพิพากษาหรือคําสั่งของศาลชั้นต้น หนี้นั้นจึงยังไม่เป็นหนี้ที่สามารถกําหนด จํานวนได้โดยแน่นอน คําสั่งรับฟ้องของศาลล้มละลายกลางจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้ ข้อต่อสู้ของนายเมฆชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483

มาตรา 9 “เจ้าหนี้จะฟ้องลูกหนี้ให้ล้มละลายได้ก็ต่อเมื่อ
(1) ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว
(2) ลูกหนี้ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาเป็นหนี้เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์คนเดียวหรือหลายคนเป็นจํานวน ไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านบาท…… และ

(3) หนี้นั้นอาจกําหนดจํานวนได้โดยแน่นอนไม่ว่าหนี้นั้นจะถึงกําหนดชําระโดยพลันหรือในอนาคตก็ตาม”

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายหมอกได้ฟ้องนายเมฆเป็นคดีแพ่งให้ชําระหนี้เงินกู้ตามสัญญากู้ยืมเงิน จํานวน 5,000,000 บาท และต่อมาศาลแพ่งมีคําพิพากษาให้นายเมฆชําระหนี้ตามฟ้อง นายเมฆไม่พอใจคําพิพากษา ของศาลแพ่ง จึงยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์นั้น แม้ศาลอุทธรณ์ยังไม่มีคําพิพากษา แต่หนี้ตามคําพิพากษาของศาลชั้นต้นดังกล่าวถือเป็นหนี้ที่อาจกําหนดจํานวนได้โดยแน่นอนแล้ว เพราะคําพิพากษาของศาลชั้นต้นย่อมมีผล ผูกพันคู่ความจนกว่าศาลอุทธรณ์จะมีคําพิพากษาเป็นอย่างอื่น เมื่อศาลอุทธรณ์ยังไม่มีคําพิพากษา คู่ความจึงต้องผูกพันตามคําพิพากษาของศาลชั้นต้น นายหมอกจึงสามารถนําหนี้ตามคําพิพากษาของศาลแพ่งมาฟ้องนายเมฆ ให้ล้มละลายได้ตามมาตรา 9 และการที่ศาลล้มละลายกลางตรวจคําฟ้องของนายหมอกและมีคําสั่งรับฟ้องจึงชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น การที่นายเมฆยื่นคําให้การต่อสู้คดีว่า หนี้ที่นายหมอกนํามาฟ้องยังอยู่ในระหว่างการ พิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์ คําพิพากษายังไม่ถึงที่สุด อีกทั้งศาลอุทธรณ์อาจมีคําพิพากษาเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือกลับคําพิพากษาหรือคําสั่งของศาลชั้นต้น หนี้นั้นจึงยังไม่เป็นหนี้ที่สามารถกําหนดจํานวนได้โดยแน่นอน คําสั่งรับฟ้องของศาลล้มละลายกลางจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น ข้อต่อสู้ของนายเมฆจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

สรุป ข้อต่อสู้ของนายเมฆไม่ชอบด้วยกฎหมาย

 

ข้อ 2. นายโอบอ้อม กรรมการบริษัท อบอุ่น จํากัด ได้ทําสัญญาให้บริษัทฯ ยืมรถกระบะส่วนตัว 1 คัน เพื่อนําไปใช้ในการขนส่งสินค้าผ้าห่มของบริษัทฯ ต่อมาบริษัทประสบภาวะขาดทุนและมีหนี้สิน ล้นพ้นตัว จึงถูกนายรวยเจ้าหนี้รายหนึ่งฟ้องล้มละลาย ศาลล้มละลายกลางมีคําสั่งพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราว เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2566 บริษัทฯ ไม่สามารถจะเข้าไปจัดการทรัพย์สินใด ๆ ของตนเองได้ เพราะเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ายึดทรัพย์สินหมดแล้ว นายโอบอ้อมต้องการจะพยุงฐานะของ บริษัทฯ ในวันที่ 14 มีนาคม 2566 นายโอบอ้อมจึงได้ทําสัญญาให้บริษัทฯ กู้เงินส่วนตัวจํานวน 500,000 บาทโดยสุจริต เพื่อนําไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดําเนินกิจการและชําระค่าจ้างพนักงาน ต่อมาในวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 ศาลล้มละลายกลางมีคําสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าพนักงาน พิทักษ์ทรัพย์ได้ดําเนินการโฆษณาคําสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตามกฎหมายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 และประกาศให้เจ้าหนี้ทั้งหลายมายื่นขอรับชําระหนี้ในคดีล้มละลาย

ดังนี้ ให้วินิจฉัยว่า นายโอบอ้อมจะมีสิทธิเรียกรถกระบะและหนี้เงินกู้คืนจากบริษัท อบอุ่น จํากัด ได้หรือไม่ ด้วยวิธีการใด จงอธิบายพร้อมยกหลักกฎหมายประกอบ

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483

มาตรา 6 “ในพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่ข้อความจะแสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่น
“พิทักษ์ทรัพย์” หมายความว่า พิทักษ์ทรัพย์สินไม่ว่าเด็ดขาดหรือชั่วคราว”

มาตรา 22 “เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้แล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอํานาจดังต่อไปนี้

(1) จัดการและจําหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ หรือกระทําการที่จําเป็นเพื่อให้กิจการของลูกหนี้ ที่ค้างอยู่เสร็จสิ้นไป”

มาตรา 24 “เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้แล้ว ห้ามมิให้ลูกหนี้กระทําการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือกิจการของตน เว้นแต่จะได้กระทําตามคําสั่งหรือความเห็นชอบของศาล เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผู้จัดการทรัพย์ หรือที่ประชุมเจ้าหนี้ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้”

มาตรา 94 “เจ้าหนี้ไม่มีประกันอาจขอรับชําระหนี้ได้ ถ้ามูลแห่งหนี้ได้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคําสั่งพิทักษ์ทรัพย์ แม้ว่าหนี้นั้นยังไม่ถึงกําหนดชําระหรือมีเงื่อนไขก็ตาม เว้นแต่

(1) หนี้ที่เกิดขึ้นโดยฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมายหรือศีลธรรมอันดี หรือหนี้ที่จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้

(2) หนี้ที่เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทําขึ้นเมื่อเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว แต่ไม่รวมถึงหนี้ที่เจ้าหนี้ยอมให้กระทําขึ้นเพื่อให้กิจการของลูกหนี้ดําเนินต่อไปได้”

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์ นายโอบอ้อมจะมีสิทธิเรียกรถกระบะและหนี้เงินกู้คืนจากบริษัท อบอุ่น จํากัด
ได้หรือไม่ ด้วยวิธีการใด แยกวินิจฉัยได้ดังนี้

1. การเรียกระกระบะคืน
ตามบทบัญญัติมาตรา 22 และมาตรา 24 แห่ง พ.ร.บ.ล้มละลายฯ ได้กําหนดไว้โดยแจ้งชัดว่า เมื่อลูกหนี้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ลูกหนี้ย่อมไม่มีอํานาจต่อสู้คดีใด ๆ หรือประทําการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สิน ของตน เพราะกฎหมายบัญญัติให้เป็นอํานาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียว จําเลย (ลูกหนี้) จึงไม่มีอํานาจ
ดําเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับทรัพย์สินของตนได้

ตามอุทาหรณ์ การที่นายโอบอ้อม กรรมการบริษัท อบอุ่น จํากัด ได้ทําสัญญาให้บริษัทฯ ยืมรถกระบะส่วนตัว 1 คัน เพื่อนําไปใช้ในการขนส่งสินค้าผ้าห่มของบริษัทฯ และต่อมาบริษัทฯ ถูกศาล ล้มละลายกลางมีคําสั่งพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราวเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2566 ทําให้บริษัทฯ ไม่สามารถจะเข้าไป จัดการทรัพย์สินใด ๆ ของตนเองได้ เพราะเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ายึดทรัพย์สินหมดแล้ว ดังนั้น นายโอบอ้อม โดยวิธีการแจ้งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ปฏิบัติตามสัญญาโดยคืนรถกระบะย่อมมีสิทธิเรียกรถกระบะคืนได้ ให้ตนได้ตามมาตรา 22 (1)

2. การเรียกหนี้เงินกู้คืน

การที่นายโอบอ้อมได้ทําสัญญาให้บริษัทฯ กู้เงินส่วนตัวจํานวน 500,000 บาท ในวันที่ 14 มีนาคม 2566 นั้น เมื่อเป็นหนี้ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังจากที่ศาลได้มีคําสั่งพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราวแล้ว ซึ่งตามมาตรา 24 ได้บัญญัติห้ามมิให้ลูกหนี้กระทําการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือกิจการของตน ดังนั้น การที่นายโอบอ้อมได้ทํา นิติกรรมโดยให้บริษัทฯ กู้เงินส่วนตัวดังกล่าว แม้จะได้กระทําโดยสุจริตเพื่อนําไปเป็นค่าใช้จ่ายในการดําเนินกิจการ และชําระค่าจ้างพนักงานก็ตาม นิติกรรมการให้กู้ยืมเงินก็มีผลเป็นโมฆะ อีกทั้งมูลหนี้ดังกล่าวก็มิได้เกิดขึ้นก่อน วันที่ศาลมีคําสั่งพิทักษ์ทรัพย์ จึงไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 94 (2) ประกอบมาตรา 6 ดังนั้น นายโอบอ้อมจึงไม่มีสิทธินําหนี้เงินกู้มาขอรับชําระหนี้ในคดีล้มละลาย

สรุป นายโอบอ้อมมีสิทธิเรียกรถกระบะคืนจากบริษัท อบอุ่น จํากัด ได้โดยวิธีการแจ้งให้เจ้าพนักงาน พิทักษ์ทรัพย์ปฏิบัติตามสัญญาคืนรถกระบะให้แก่ตน แต่ไม่มีสิทธินําหนี้เงินกู้มาขอรับชําระหนี้ในคดีล้มละลาย

 

ข้อ 3. บริษัท สยาม จํากัด ลูกหนี้ได้ยื่นคําร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลและศาลได้มีคําสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ ต่อมาที่ประชุมเจ้าหนี้ได้มีมติยอมรับแผนและศาลได้มีคําสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการแล้วโดยแต่งตั้งให้ บริษัท เชี่ยวชาญ จํากัด เป็นผู้บริหารแผน ในระหว่างการบริหารแผน บริษัท เชี่ยวชาญ จํากัด ผู้บริหารแผนได้ตรวจบัญชีทรัพย์สินของบริษัท สยาม จํากัด พบว่า บริษัท สยาม จํากัด มีโกดังเก่า 1 หลัง ที่ไม่ได้ใช้และรอรื้อถอนขายอยู่ จึงมิได้ลงรายการไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการว่าจะจัดการอย่างไร

ผู้บริหารแผนเห็นว่าหากจะนําไปจําหน่ายขายน่าจะเป็นประโยชน์ต่อลูกหนี้ จึงได้ทําสัญญาขาย โกดังเก่าดังกล่าวให้กับนาย ก. ไป เพื่อจะได้มีเงินเข้ามาเสริมสภาพคล่องให้กับลูกหนี้ ลูกหนี้ ทราบเรื่องจึงยื่นคําร้องต่อศาลว่า ผู้บริหารแผนไม่มีอํานาจขายโกดังเก่าดังกล่าวเพราะไม่ใช่การดําเนินการที่จําเป็นเพื่อให้การค้าของลูกหนี้ดําเนินต่อไปได้ตามปกติ สัญญาซื้อขายไม่ชอบเป็นโมฆะ

ผู้บริหารแผนยื่นคําคัดค้านว่า ผู้บริหารแผนมีอํานาจในการจัดการทรัพย์สินและกิจการของลูกหนี้ ในการฟื้นฟูกิจการตามกฎหมาย ส่วนลูกหนี้ไม่มีสิทธิในการจัดการทรัพย์สินและกิจการแล้ว จึงไม่ต้อง ขอความเห็นชอบจากลูกหนี้ เช่นนี้ สัญญาซื้อขายโกดังเก่าที่ผู้บริหารแผนทํากับนาย ก. ชอบด้วย กฎหมายหรือไม่เพียงใด และคําร้องของลูกหนี้และคําค้านของผู้บริหารแผนรับฟังได้เพียงใด เพราะเหตุใด

ธงคําตอบ

หลักกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483

มาตรา 90/12 วรรคหนึ่งและวรรคสี่ “ภายใต้บังคับของมาตรา 90/13 และมาตรา 90/14 นับแต่ วันที่ศาลมีคําสั่งรับคําร้องขอไว้เพื่อพิจารณาจนถึงวันครบกําหนดระยะเวลาดําเนินการตามแผน หรือวันที่ดําเนินการ

เป็นผลสําเร็จตามแผนหรือวันที่ศาลมีคําสั่งยกคําร้องขอ หรือจําหน่ายคดีหรือยกเลิกคําสั่งให้ฟื้นฟูกิจการหรือ ยกเลิกการฟื้นฟูกิจการหรือพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดตามความในหมวดนี้

(9) ห้ามมิให้ลูกหนี้จําหน่าย จ่าย โอน ให้เช่า ชําระหนี้ ก่อหนี้ หรือกระทําการใด ๆ ที่ก่อให้เกิด ภาระในทรัพย์สิน นอกจากเป็นการกระทําที่จําเป็นเพื่อให้การดําเนินการค้าตามปกติของลูกหนี้สามารถดําเนิน ต่อไปได้ เว้นแต่ศาลที่รับคําร้องขอจะมีคําสั่งเป็นอย่างอื่น”

การออกคําสั่งของนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท นายทะเบียนนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง หรือผู้มี อํานาจหน้าที่เกี่ยวกับนิติบุคคลซึ่งเป็นลูกหนี้ การทํานิติกรรมหรือการชําระหนี้ใด ๆ ที่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติ ในอนุมาตราหนึ่งอนุมาตราใดของวรรคหนึ่ง การนั้นเป็นโมฆะ”

มาตรา 90/25 “ภายใต้บังคับมาตรา 90/42 และมาตรา 90/64 เมื่อศาลมีคําสั่งตั้งผู้ทําแผนแล้ว ให้อํานาจหน้าที่ในการจัดการกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ และบรรดาสิทธิตามกฎหมายของผู้ถือหุ้นของลูกหนี้ ยกเว้นสิทธิที่จะได้รับเงินปันผลตกแก่ผู้ทําแผน และให้นําบทบัญญัติมาตรา 90/12 (9) มาใช้บังคับแก่ผู้ทําแผนโดยอนุโลม”

วินิจฉัย

ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/12 วรรคหนึ่ง (9) ได้กําหนดข้อจํากัดในการ ดําเนินกิจการของลูกหนี้เพื่อประโยชน์ในการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ โดยการห้ามลูกหนี้จําหน่าย จ่าย โอน ให้เช่า ชําระหนี้ ก่อหนี้ หรือกระทําการใด ๆ ที่ก่อให้เกิดภาระในทรัพย์สิน นอกจากเป็นการกระทําที่จําเป็นเพื่อให้การ ดําเนินการค้าตามปกติของลูกหนี้สามารถดําเนินต่อไปได้ เว้นแต่ศาลที่รับคําร้องขอจะมีคําสั่งเป็นอย่างอื่น และ การทํานิติกรรมใด ๆ ที่ขัดต่อบทบัญญัตินี้ การนั้นเป็นโมฆะตามมาตรา 90/12 วรรคสี่ ซึ่งข้อจํากัดดังกล่าวย่อม ใช้บังคับกับผู้ทําแผนโดยอนุโลมตามมาตรา 90/25

เนื่องจากในการปฏิบัติหน้าที่ผู้บริหารแผนของลูกหนี้นั้น ผู้บริหารแผนต้องดําเนินการให้เป็นไป ตามแผน ในกรณีที่ไม่ได้กําหนดไว้ในแผน ผู้บริหารแผนย่อมถูกจํากัด เมื่อปรากฏว่าบริษัท สยาม จํากัด มีสิ่ง ปลูกสร้างคือโกดังเก่า 1 หลัง ที่ไม่ได้ใช้และรอรื้อถอนขายอยู่นั้น เป็นทรัพย์ที่มีความจําเป็นที่ลูกหนี้จะนํามาพัฒนาและทํากําไรในการฟื้นฟูกิจการ และในแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ไม่ได้กําหนดให้ผู้บริหารแผนสามารถ ขายทรัพย์สินดังกล่าวให้แก่บุคคลภายนอกได้ ดังนั้น การที่ผู้บริหารแผนได้นําสิ่งปลูกสร้างคือโกดังเก่าของลูกหนี้ ไปขายต่อให้กับนาย ก. บุคคลภายนอก จึงมิใช่การกระทําที่จําเป็นเพื่อให้การดําเนินการค้าตามปกติของลูกหนี้ สามารถดําเนินต่อไปได้ตามแผน นิติกรรมคือสัญญาซื้อขายโกดังเก่าที่ผู้บริหารแผนทํากับนาย ก. จึงไม่ชอบด้วย กฎหมายตกเป็นโมฆะตามมาตรา 90/25 ประกอบมาตรา 90/12 วรรคหนึ่ง (9) และวรรคสี่ และคําร้องของลูกหนี้ที่ว่าผู้บริหารแผนไม่มีอํานาจขายโกดังดังกล่าวเพราะไม่ใช่การดําเนินการที่จําเป็นเพื่อให้การค้าของลูกหนี้ ดําเนินต่อไปได้ตามปกติ สัญญาซื้อขายไม่ชอบเป็นโมฆะนั้นจึงรับฟังได้ ส่วนการที่ผู้บริหารแผนยื่นคําคัดค้านว่า ผู้บริหารแผนมีอํานาจในการจัดการทรัพย์สินและกิจการของลูกหนี้ในการฟื้นฟูกิจการตามกฎหมาย ส่วนลูกหนี้ ไม่มีสิทธิในการจัดการทรัพย์สินและกิจการแล้ว จึงไม่ต้องขอความเห็นชอบจากลูกหนี้นั้น จึงรับฟังไม่ได้ (เทียบเคียงคําพิพากษาฎีกาที่ 19798/2558)

สรุป สัญญาซื้อขายโกดังเก่าที่ผู้บริหารแผนทํากับนาย ก. ไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นโมฆะ และ คําร้องของลูกหนี้รับฟังได้ ส่วนคําคัดค้านของผู้บริหารแผนรับฟังไม่ได้

 

ENG1002 ประโยคและศัพท์ทั่วไป 1/2566

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2566
ข้อสอบกระบวนวิชา ENG 1002 ประโยคและศัพท์ทั่วไป
Part I: Structure (ภาคโครงสร้าง)
Choose the correct answer.

1.We____television when the phone rang.
1. are watching
2. have watched
3. were watching
4. will watch
ตอบ 3 หน้า 53 ใช้ Past Continuous Tense คู่กับ Past Simple Tense เพื่อแสดงความสัมพันธ์ ของ 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต โดยเหตุการณ์หนึ่งกําลังดําเนินอยู่ (Past Continuous Tense) และอีก เหตุการณ์หนึ่งเกิดซ้อนขึ้นมา (Past Simple Tense) แบบนี้ให้ตอบทุกเทอม ดูสูตร

1. S + V2 + when + S + V2
2. S + was/were + Ving + when + S + V2
3. S + had V3 + when + S + V2

ตรงแบบที่ 2 ตอบ were watching ranged

2.We____in that shop before we came home.
1. had been shopping
2. have shopped
3. shop
4. are shopping
ตอบ 1 เป็น 2 เหตุการณ์ ใช้ 2 Tense เชื่อมด้วย before วางไว้ต้นประโยค

1.S+ had V3 before S + V2
2.S+ had V3 when S + V2
3.S + V2 after S + had V3
4.Before + S +V2 S + had V3
5.After + S +had V3, S + V2
6.When + S + V2 , S + had V3

ข้อนี้ตรงกับสูตรที่ 1 before ตอบ had V3 (Past Perfect Tense) ไม่มีในตัวเลือกก็ให้ใช้ had been Ving (Past Perfect Continuous Tense) แทนก็ได้นั่นคือตอบ had been shopping คู่กับส่วนหลังให้ มาแล้ว V2 = came เราเห็น came เป็นอดีต อีกช่องข้างหน้าเราก็ต้องตอบเป็นอดีตด้วย ก็ดูตัวเลือกข้อ 1 had been shopping ตัวเลือกเดียวที่อยู่ในอดีต ก็ตอบได้เลย

3.If I____my work early, I will go to the movies.
1. finishes
2. finished
3. had finished
4. finish
ตอบ 4 หน้า 124- 130 ดูสูตรการใช้ If ขึ้นต้นประโยค มี 4 แบบ

1. If S + V1 , S + V1
2. If S + V1 , S + will V1
3. If S + V2 4 If , S + would/could + V1
4. S+ had V3 , S + would have V3

การเชื่อม if ตรงกลางก็สลับท่อนหน้าไปหลัง หลังไปหน้าเท่านั้น

1. S + V1 if/unless S + V1
2. S + will/can V1 if/unless S+ V1
3. S + would V1 if/unless S+ V2
4. S + would have V3 if/unless S + had V3

ตรงกับสูตร 2. โดยวาง If ขึ้นต้นประโยค ให้มาส่วนหลังคือ will go ทําให้เรารู้ว่าตรงกับสูตร 2 ตอบส่วนหน้าเป็นกริยาช่องที่ 1 (V1) ก็คือ finish ประธานเป็น 1 ตอบกริยา finish

4.My mother____when I came back from school.
1. slept
2. would sleep
3. was sleeping
4. is sleeping
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ เชื่อมด้วย when

S + was/were + Ving + when + S + V2

ตอบ was sleeping ให้มา came

5.The house____by a professional crew.
1. is being painted
2. painted
3. had painted
4. painting
ตอบ 1 เป็นเรื่องการใช้ Passive Construction รูปประธานถูกกระทํา โดยที่เรารู้ได้อย่างไรว่าเป็นเรื่องนี้ สามารถดูได้จาก by (หมายถึง โดย) และประธานเป็นสิ่งของ ไม่มีชีวิต อย่างเช่นข้อนี้ The house (บ้าน เป็น สิ่งของ) ก็จะต้องถูกทาสี ในรูปถูกกระทํา จดจําไว้ต้องลงท้ายเป็นกริยาช่องที่ 3 เสมอ เช่น was/were + V3 หรือ is being +V3 = is being painted ในรูป Passive ของ Present Continuous ส่วน painted เรียกว่าเป็น V2 และ had V3 เป็น Past Perfect ไม่ใช่รูปถูกกระทํา ถ้าถูกกระทําของ Perfect ต้องเป็น had been V3 ฉะนั้นจากตัวเลือกมีรูปถูกกระทําตัวเลือกเดียวคือข้อ 1

6.We should leave now,____?
1. should we
2. are we
3. shouldn’t we
4. aren’t we
ตอบ 3 หน้า 174 175 เป็นเรื่อง question-tags ที่ให้ตอบส่วนหาง โดยกําหนดว่าถ้าข้างหน้า
เป็นประโยคบอกเล่าข้างหลังจะต้องเป็นรูปปฏิเสธรูปย่อ มี 2 ส่วนที่ต้องดูนั่นคือ เรื่องกริยากับ เรื่องคําสรรพนาม สําหรับกริยาเช่นให้ are ก็ตอบเป็น aren’t, will ก็ตอบ won’t ถ้าเป็นกริยา แท้แสดงอาการกระทํา ให้ใช้ verb to do มาช่วย
-Jane will be here soon, won’t she?
-There was a lot of rain, wasn’t there?
-Maggi won’t be late, will she?
ยกเว้น ถ้าขึ้นต้นประโยคมี 2 กรณี ให้ตอบส่วนหลังคงที่ เช่น
Let’s go home, shall we? ขึ้นต้นด้วย Let’s ให้ตอบ shall we
Clean the table, will you? ขึ้นต้นด้วย กริยาช่องที่ 1 ให้ตอบ will you สําหรับข้อนี้ We should บอกเล่าทําเป็นปฏิเสธรูปย่อคือ shouldn’t we

7.Pat____when she broke her leg.
1. was skiing
2. has skied
3. were skiing
4. will ski

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ เชื่อมด้วย when มีดังนี้

S + was/were + Ving + when + S + V2

ตอบ was skiing ให้มา broke (มาจาก break broke broken)

8.They___here for years.
1. live
2. lives
3. have lived
4. will live
ตอบ 3 หน้า 68-69 หรือ 72 ใช้ Present Perfect (S + has/have + V3) หรือจะตอบ Present Perfect Continuous Tense S + has/have been + Ving) แสดงเหตุการณ์ที่เกิด ติดต่อกันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและจะดําเนินต่อไปในอนาคต จําคําบอกเวลาไว้ เช่น for (เป็นเวลา), since (ตั้งแต่), just (เพิ่งจะ), recently (เร็ว ๆนี้), lately, yet, already, ever, never, how long, all day (ตลอดวัน), all evening (ตลอดเย็น) สําหรับข้อนี้ มีคําบอกเวลาคือ for years จึงตอบ have lived

9.I___here since June.
1. work
2. have worked
3. will work
4. would work
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 8 ประกอบ เมื่อเราเห็นคําบอกเวลา since…. ก็ตอบ Present Perfect Tense (has/have + V3) = have worked ได้เลย

10. Nick ___will for two days.
1. do
2. is
3. has been
4. will be
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 8 ประกอบ เมื่อเราเห็นคําบอกเวลา for two days ก็ตอบ Present Perfect Tense (has/have + V3) = has been ได้เลย

11. He___in Hawaii in 1976.
1. lives
2. has lived
3. has been living
4. lived
ตอบ 4 หน้า 24 – 25 ใช้ Past Simple Tense S + V2) แสดงถึงเหตุการณ์ที่สิ้นสุดลงไปแล้วในอดีต หรือเป็นการเล่าเรื่องราวในอดีต มักจะมีคําบอกเวลา เช่น yesterday, ago, in + ปีอดีต, in the past, last + เวลา เช่น last year, last night, last summer, last Sunday เป็นต้น จากโจทย์มีคําบอก เวลาคือ in + ปีอดีต 1976 จึงตอบกริยาช่องที่ 2 คือ lived

12. The bus___a few minutes ago.
1. will stop
2. stopped
3. stops
4. has stopped
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 11. ประกอบ มีคําบอกเวลา ago (ที่ผ่านมา) เป็นอดีต จึงตอบ V2 = stopped

13. If I___you, I would not do that.
1. am
2. was
3. were
4. be
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 3. ประกอบ เป็นเรื่อง f สูตร 3

3. If S + V2 , S + would/could + V1

ตอบ were ให้มา would not do

หมายเหตุ ในเรื่องการสมมุติ เช่นเรื่อง If, as if/as though, wish สําหรับกริยา was กับ were ต้องตอบ were เสมอ ถึงแม้ประธานจะเป็น I, he, she ก็ตามหมายถึงใช้ were, she were

14. The course___ next Sunday.
1. start
2. starts
3. has started
4. had started
ตอบ 2 หน้า 104 ใช้ Future Simple Tense S + will/shall + V1) แสดงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นใน อนาคต มักมีคําบอกเวลา เช่น tomorrow, soon, next + ช่วงเวลา เช่น next year, next month, tonight, in a few minutes, in half an hour เป็นต้น นั่นคือตอบ will start

15. They____English in USA.
1. speak
2. will speak
3. would speak
4. spoken
ตอบ 1 หน้า 6 ใช้ Present Simple Tense S + V1) แสดงเหตุการณ์หรือการกระทําที่เกิดขึ้นเป็นประจํา เป็นนิสัย สม่ำเสมอ ทําทุกวัน ประโยคที่เป็นความจริงเสมอ จริงตามธรรมชาติจริงในปัจจุบัน สํานวน สุภาษิต หรือเกิดขึ้นในปัจจุบันมีคําบอกเวลาเช่น always, usually, often, sometimes, normally, frequently, nowadays, every + ช่วงเวลา เช่น every day (ทุกวัน) every week, every month, every year (ทุก ปี) at present (ในปัจจุบัน) เป็นต้น และโจทย์ที่เป็นจริงเสมอจะไม่มีคําบอกเวลา แต่ออกสอบทุกเทอมต้อง คอยสังเกตว่าเป็นโจทย์แบบไหน ตัวอย่างเช่น
-The sun rises in the east and sets in the west.
-They speak English in USA. (พวกเขาพูดภาษาอังกฤษในสหรัฐฯ) แสดงทําเป็นประจํา

16. Emma always____her purse.
1. forget
2. will forget
3. is forgetting
4. forgets
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 15. ประกอบ มีคําบอกเวลา always

17. If you call me, I____you with your homework.
1. help
2. would help
3. will help
4. helped
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 3. ประกอบ

2. If S + V1 , S+ will V1

ให้มา call ตอบ will help

18. If she____ her car, she will arrive here on time.
1. drive
2. drives
3. will drive
4. drove
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 3 หรือข้อ 17. ประกอบ

2. If S + V1 , S + will V1

ตอบ drives ให้มา will arrive

19. Liz____to the supermarket yesterday.
1. will go
2. went
3. goes
4. go
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 11. ประกอบ มีคําบอกเวลา yesterday (เมื่อวานนี้) เป็นอดีต ตอบกริยาช่องที่ 2 คือ went

20. George and Nick___ the bus every morning.
1. catches
2. had caught
3. are catching
4. catch
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 15. ประกอบ มีคําบอกเวลา every moming (ทุกเช้า) ตอบกริยาช่องที่ 1 และ ประธาน George and Nick สองคนเป็นพหูพจน์ ตอบกริยาพหูพจน์ คือ catch

21. My parents___ to Monaco every summer.
1. going
2. go
3. goes
4. had gone
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 15. ประกอบ มีคําบอกเวลา every summer ตอบ V1 = go

22. I____just____my breakfast when Tom knocked on the door.
1. have; finished
2. had; finished
3. -; finished
4. – : finish
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 2. ประกอบ เมื่อเราเห็นคําบอกเวลา just (เพิ่งจะ) เราใช้ Present Perfect Tense (has/have +V3) ซึ่งใช้กับประโยคเดียว แต่ถ้าเรามองดูข้อนี้จะเห็นว่ามีสองตอนและเราเห็นกริยาช่องที่ 2 ใน knocked เป็นรูปอดีต (V2) ฉะนั้นส่วนหน้าที่ให้เติมก็ต้องเป็นอดีตคล้อยตามไปด้วยตามหลักของสอง เหตุการณ์ที่อดีตคู่กับอดีต ฉะนั้นจะต้องเปลี่ยนจากการเป็น Present Perfect (have + V3) มาเป็นอดีตคือ
Past Perfect (had +V3) had just finished

23. His mother____German.
1. is
2. were
3. has been
4. had been
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 3. ประกอบ ใช้ Present Simple Tense S + V1) กับประโยคที่แสดงความ เป็นจริง อย่างข้อนี้กล่าว “แม่ของเขาเป็นชาวเยอรมัน” แสดงความจริง จึงตอบ V1 = is

24. It’s a long way to the airport,___?
1. is it
2. isn’t it
3. does it
4. doesn’t it
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 6. ประกอบ ส่วนหาง จากประโยคข้างหน้าเป็นบอกเล่า It’s มาจาก It is ทําเป็น ปฏิเสธรูปย่อ เป็น isn’t it

25. George____back last Thursday.
1. come
2. came
3. comes
4. coming
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 11. ประกอบ มีคําบอกเวลา last Thursday เป็นอดีต ตอบ Past Simple (S +V2)
คือ came

26. While you____,I was making dinner.
1. slept
2. will sleep
3. would sleep
4. were sleeping
ตอบ 4 หน้า 38 หรือ 53 เห็น as หรือ while เป็น 2 เหตุการณ์ ให้เดาปัจจุบันคู่กับปัจจุบัน และอดีตคู่ กับอดีต ในการเชื่อม while หรือ as มีทั้งปัจจุบันและอดีต

1. S + V2 while S + was/were Ving
as
2.S + was/were Ving while S + was/were Ving
as
3.S+ is/am/are +Ving while S + is/am/are Ving

4. While S + was/were Ving ,S + was/were Ving

ข้อนี้ตรงกับสูตร 4. were sleeping ให้มา was making เกิดพร้อมกัน

27. They____for the bus when the accident happened.
1. will wait
2. were waiting
3. wait
4. have waited
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ เชื่อมด้วย when มีดังนี้

S + was/were + Ving + when + S + V2

ตอบ were waiting ให้มา happened

28. God___with you.
1. be
2. is
3. was
4. will be
ตอบ 1 ขึ้นต้นด้วย God หรือ Long ตอบกริยาช่องที่ 1 ไม่ผันเสมอ ถ้าเป็น verb to be กริยาไม่ผัน
คือ be ถ้าเป็นกริยาทั่วไป ก็คือ ไม่เติม s หรือ ed หรือใด ๆ เลย เช่น
-Long live the king and the queen.
-God be with us.

29.It’s essential that you___the law.
1. does not violate
2. not violate
3. have not violate
4. violate not
ตอบ 2 หน้า 149 เป็นเรื่องกลุ่มคําที่ยกเว้น ให้ตอบส่วนหลังเป็นกริยาช่องที่ 1 ไม่ผัน (ไม่เติม s, es, ed, ing) ถ้าเป็น verb to be ให้ตอบ be มักออก 1 ข้อ ได้แก่

S + is/was important that S + V1
essential
necessary
imperative
urgent

It is essential that ตอบ violate (V1 ไม่ผัน)
ใส่ not ไว้ข้างหน้า เป็น not + V1 = not violate

30. In the past, I ____in many mistakes.
1. make
2. will make
3. made
4. have made
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 11. ประกอบ มีคําบอกเวลา in the past (ในอดีต) ตอบกริยาช่องที่ 2 ก็คือ made

31. I____French when I was a child.
1. studied
2. am studying
3. have studied
4. study
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 11. ประกอบ มีคําบอกเวลาในอดีต คือ When I was = สมัยเมื่อฉันเป็นเด็ก แสดงถึงเหตุการณ์ในอดีต ตอบกริยาช่องที่ 2 ก็คือ studied

32. This kitchen___every day.
1. cleans
2. be cleaned
3. had cleaned
4. is not cleaned
ตอบ 4 ประธาน kitchen (ห้องครัว) เป็นสิ่งของตามด้วยกริยารูปถูกกระทําคือ ถูกทําความสะอาด หรือไม่ได้ถูกทําความสะอาด ลงท้ายด้วย V3 นั่นคือ โครงสร้าง verb to be + V3 = is cleaned เป็น ปฏิเสธ is not cleaned มีตัวเลือกเดียวที่เป็นรูปถูกกระทํา

33.Paula had her iPhone ____.
1. steal
2. stole
3. stolen
4. stealing
ตอบ 3 หน้า 163 เป็นโครงสร้างในเรื่อง Passive Voice โดยใช้ในรูปของ Verb to have หรือ Verb to get ให้จํา จะออกข้อสอบประมาณ 1-2 ข้อ ก็คือ เมื่อเห็น have/has/ had หรือ get/got ให้ + V3 ดูสูตร

S + has/have/had + สิ่งของ + V3

หรือ S + get/got + สิ่งของ + V3 ได้เลย
ข้อนี้มี had + iPhone (สิ่งของ) + ตอบกริยาช่องที่ 3 ก็คือ stolen (มาจาก steal)

34.I___for you in front of the department store now.
1. waited
2. had waited
3. am waiting
4. would wait
ตอบ 3หน้า 38 ใช้ Present Continuous Tense S + is/am/are Ving) กับเหตุการณ์ หรือการกระทําที่กําลังเกิดขึ้นในขณะที่พูด เรามักคําบอกเวลา เช่น now, right now, at the this moment, at present นั่นคือที่โจทย์มีคําบอกเวลาคือ now เราจึงตอบ am waiting

35. If she knew Spanish, she ___to Spain mor often.
1. would travel
2. travels
3. had traveled
4. traveled
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 3. ประกอบเป็นเรื่อง If สูตร 3

3. If S + V2, S + would/could + V1

ให้มา knew ตอบ would travel

36.If they had had money, they___a beach house.
1. would buy
2. will buy
3. would have bought
4. bought

ตอบ 3 การใช้ if ตรงกับสูตรที่ 4

4 If S + had V3, S + would have V3

ให้มา had had ตอบ would have bought

37. My mom___at the moment.
1. cooked
2. is cooking
3. cook
4. had cooked
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 34. ประกอบ มีคําบอกเวลา at the moment ใช้ Present Continuous Tense =
is cooking

38. As Sue____her homework, Mike arrives.
1. is doing
2. did
3. will do
4. done
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 26. ประกอบ เชื่อมด้วย As (ในขณะที่) ตามหลังจะใช้รูป ing เสมอ

3. S V1 + while S + is/am/are Ving

4. While S + is/am/are+ Ving, S+ V1

ข้อนี้ตรงกับสูตร 4. ให้ตอบ is doing ให้มา arrives

39.The final football match____yesterday.
1. cancelled
2. was cancelled
3. had cancelled
4. is being cancelled
ตอบ 2 ประธาน football match (การแข่งขันฟุตบอล) ถูกยกเลิก ใช้รูปถูกกระทําและท้ายโจทย์มีคําบอก เวลาในอดีต yesterday ใช้รูป was/were + V3 = was cancelled ไม่ใช่ is เพราะโจทย์เป็นอดีต

40. I had my hair____at Jim’s salon a week ago.
1. did
2. doing
3. does
4. done
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 33. ประกอบ had + สิ่งของ + V2 จึงตอบ done (มาจาก do did done)

41. That brand new car____to Pat.
1. belong
2. belongs
3. is belonging
4. was belonging
ตอบ 2 กริยาบางตัวไม่ใช้รูป Ving เวลาตอบให้ตอบกริยารูปธรรมดาคือ V1 และกริยาผันตามประธานด้วย
เช่น 1. กริยาแสดงความรู้สึก เช่น like, love, hate, feel, know
2. กริยาแสดงเจ้าของ เช่น belong to, own, owe (เป็นหนี้)
3. กริยารูปอื่น ๆ เช่น concern, taste, smell เป็นต้น ดูตัวอย่าง
-This book belongs to you. (หนังสือเล่มนี้เป็นของคุณ)

42.What____you___at 10 o’clock last night?
1. are; doing
2. have; done
3. had; done
4. were; doing
ตอบ 4 หน้า 53 ใช้ Past Continuous Tense S + was/were +Ving) แสดงเหตุการณ์ ที่กําลังดําเนินอยู่ ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งในอดีต ซึ่งมักจะมีคําบอกเวลาในอดีตด้วย เช่น (at) this time last year, at 9 p.m. last night ออกทุกเทอม อย่างข้อนี้มีคําบอกเวลา at 10 o’clock last night จึงตอบ were; doing

43.If they____enough money, they will buy a new car.
1. saved
2. had saved
3.saves
4. save
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 3 หรือข้อ 17. ประกอบ

2. If S + V1 , S + will V1

ตอบ save ให้มา will buy

44. We____already____lunch.
1. have; had
2. have; have
3. -; had
4. have;
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 8. ประกอบ มีคําบอกเวลา already ใช้ Present Perfect Tense (has/have + V3) จึงตอบ have ; had ส่วนหลังเป็น had คือเป็นกริยาช่องที่ 1 มาจาก has/have had had

45. Last year, I____to France.
1. travel
2. have travelled
3. travelled
4. travelling
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 11. ประกอบ มีคําบอกเวลา last year เป็นอดีต ตอบกริยาช่องที่ 2 = travelled

46. If he___more free time, he would visit me.
1. will have
2. had
3. has
4. had had
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 3. ประกอบเป็นเรื่อง If สูตร 3

3. If S + 2 , S+ would/could + V1

ตอบ had ให้มา would visit

47. He wishes he____a professional tennis player.
1. is
2. was
3. were
4. be
ตอบ 3 หน้า 147 เป็นการใช้ wish
1. S+ wish/wishes S + V2 หรือ were
2. S+ wished S+ had V3
3. S+ wish/wishes S+ would/could V1
4. S+ wished S+ would/could have V3

ให้มา wishes เป็นกริยาช่องที่ 1 ตรงสูตร 1 ตอบหลังกริยาช่องที่ 2 คือ were

48. I____football for an hour.
1. play
2. plays
3. was playing
4. have been playing
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 8. ประกอบ มีคําบอกเวลา for (เป็นเวลา) เมื่อเห็นตอบ Present Perfect Tense (has/have + V3) ถ้าไม่มีในตัวเลือกให้ตอบ Present Perfect Continuous Tense (has/have + been + Ving) = have been playing

49. He___around the world for a month.
1. travel
2. has been travelling
3. traveling’
4. travels
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 8. หรือข้อ 48. ประกอบ มีคําบอกเวลา for ตอบ has been travelling

50. Jane told me that George___her this morning.
1. had visited
2. visit
3. visiting
4. is visiting
ตอบ 1 เราเห็นกริยา told เป็นกริยาช่องที่ 2 อดีต แสดงว่าส่วนหลังก็ต้องตอบรูปอดีต ตามด้วย ดูในตัวเลือกมีรูปอดีตตัวเลือกเดียวคือข้อ 1 had visited เป็น Past Perfect Tense

51. The train____just____when I arrived at the station.
1. has; left
2. have; left
3. had; left
4. was; left
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 22. ประกอบ ใช้หลักเดียวกันคือเห็นอดีต arrived ส่วนหน้าก็ใช้รูปอดีตตามด้วย นั่นคือ had left ในรูป Past Perfect Tense

52.I___with my sister until I find an apartment.
1. lived
2. would live
3. had been living
4. am living
ตอบ 4 ข้อนี้เดาได้โดยดูจากส่วนหลังให้กริยา find เป็นกริยาช่องที่ 1 รูปปัจจุบัน แสดงว่าส่วนหน้าที่ ตอบเป็นรูปปัจจุบันด้วย ดูตัวเลือกแล้วมีปัจจุบันตัวเลือกเดียวคือข้อ 4 am living นอกนั้นเป็นอดีต

53.I___dinner right now.
1. ate
2. am eating
3. eat
4. have eaten
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 34. ประกอบ มีคําบอกเวลา right now

54. They____football before it started to rain.
1. play
2. had been playing
3. was playing
4. have played
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 2. ประกอบ เชื่อมด้วย before

1. S + had V3 before S + V2

ตอบ hadV3 ไม่มีก็ตอบ had been Ving แทนได้ตรงกับ had been playing ส่วนหลังให้ V2 =started

55.___does the store close?
1. How far
2. What time
3. Where
4. Who
ตอบ 2 เป็นรูปประโยคคําถาม ในประโยคต้องการถามเป็นเวลาว่า ร้านปิดกี่โมง ใช้ When หรือ
What time

56. The cake___by my grandmother.
1. baked
2. was baked
3. are baked
4. baking
ตอบ 2 เดาได้เห็น by หรือประธานเป็นสิ่งของ ก็ตอบรูป passive ถูกกระทํา และเป็นเหตุการณ์ที่ กระทําผ่านไปแล้ว ประธาน The cake เป็นเอกพจน์ใช้ was เป็น was baked = was + V3

57.____they enjoy the concert?
1. Does
2. Do
3. Are
4. Have
ตอบ 2 เป็นประโยคคําถาม เราเห็นกริยาหลักช่องที่ 1 คือ enjoy แล้ว ต้องหากริยาช่วยที่ตามด้วยกริยา ช่องที่ 1 ได้นั่นคือ verb to do ประธานเป็น they พหูพจน์ จึงใช้ Do ส่วน Are และ Have จะไม่ตามด้วย

58. Bob said, “You should work hard.”
Bob said that I____work hard.
1. might
2. should
3. used to
4. must

ตอบ 2 เป็นเรื่อง indirect speech เอาคําพูดมาเล่าให้คนอื่นฟังอีกที จะมีการเปลี่ยนคําสรรพนามหรือ Tense (กริยา) ไปด้วย จากประโยค direct speech แรก ใช้กริยาช่วย should ทําเป็น indirect ก็ใช้ should ตัวเดิม

59. We____any mail since we were retired.
1. receive
2. haven’t received
3. received
4. will receive
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 8. ประกอบ มีคําบอกเวลา since + ช่วงเวลา ให้ตอบ Present Perfect (has/have + V3) ถ้าไม่มีให้ตอบ Present Perfect Continuous Tense (has/have + been + Ving) แทนกันได้ จึงตอบ haven’t received

60. She said, “I have never been to Paris.”
She said that she___to Paris.
1. had never been
2. has never been
3. having been
4. will be
ตอบ 1 เมื่อทําเป็น indirect speech มาเล่าให้ฟังใหม่อีกที การใช้ Tense จะเปลี่ยนจากรูปปัจจุบันไป เป็นอดีต อย่างข้อนี้ให้กริยา have never been เปลี่ยนเป็นอดีต คือ had never been ตรงกับตัวเลือกข้อ 1 ที่เป็นอดีต

61. The report___by the end of next week.
1. will be submitted
2. will submit
3. are submitted
4. submitted
ตอบ 1 ประธาน The report (รายงาน) ถูกส่ง ใช้รูป passive ถูกกระทํา และส่วนท้ายมีคําบอกเวลา by the end of next week เป็นรูปอนาคตใช้โครงสร้าง will + V1 ทําเป็น passive จะเป็นโครงสร้าง will
be + V3 = will be submitted

62. I got___because I forgot my homework.
1. punish
2. had punished
3. punished
4. punishing
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 33. ประกอบ กริยา got (มาจาก get) + V3 จึงตอบ punished (จําได้เลย กับข้อ 33. รูปแบบเดียวกันคือ ตอบกริยาช่องที่ 3)

63.___he in town last weekend?
1. Does
2. Did
3. Is
4. Was
ตอบ 4 เป็นประโยคคําถาม และเราเห็นคําบอกเวลา last weekend เป็นอดีต แสดงว่ากริยานั้นต้องเป็นอดีต ไปด้วยนั่นคือในตัวเลือกมี Did กับ Was แล้วดูโจทย์จะเห็นว่าหลังประธาน he ไม่มีกริยาหลักใด ๆ อยู่ตาม ด้วย in town ซึ่งเป็นบุพบทวลีเท่านั้น แสดงว่าต้องตอบกริยาหลัก นั่นคือ verb to be ที่ถูกต้องคือ was (ใน ความหมาย เป็น อยู่ คือ) (เขาอยู่ในเมืองเมื่อสัปดาห์ที่แล้วใช่มั้ย?) ถ้าทําเป็นบอกเล่า ก็จะเป็นว่า Yes, he was in town last weekend, ส่วน verb to do (do, does, did) ถ้าเอามาช่วยในประโยคคําถาม จะต้อง
– Did in stay in town last weekend? นั่นคือ ถ้าใช้ verb to do มาช่วยในประโยคคําถามต้องมี กริยาหลักช่องที่ 1 หลังประธานด้วยตามตัวอย่าง

64. He said, “She can speak Spanish.”
He said that she___Spanish.
1. spoke
2. speaks
3. is speaking
4. could speak
ตอบ 4 ทําเป็น indirect speech กริยาจะเปลี่ยนจากรูปปัจจุบันเป็นรูปอดีต ฉะนั้นกริยาเดิม can speak ทํา เป็น indirect speech จะเป็น could speak ตรงกับตัวเลือกข้อ 4

65.____is coming to the party tonight?
1. When
2. Who
3. What
4. Where
ตอบ 2 หน้า 166 เป็นประโยคคําถาม Wh-questions แบบนี้ออกสอบทุกเทอม 2 – 3 ข้อ
1. Who/What Which + (คํานาม) + กริยา เช่น
-Who saw him?
-Which bus goes to town?
-What happened to you last night?

2. Whom/What Which ใช้เป็นกรรมของประโยค + (คํานาม) + กริยาช่วย + ประธาน + กริยา
-What did he buy yesterday?
-Which job have you applied for?

3. Whose + คํานาม เสมอ ส่วน When, Why, Where ใช้ตามแบบที่ 2
-Whose book are you reading?
-Why did he go home?
-When will you do?
– Where do you come from?
-How + adj. ใช้ถามเกี่ยวกับระดับต่าง ๆ เช่น
-How old is she?
จากโจทย์ มีกริยา is มาให้ ใส่ Who + กริยา เช่น
-Who is the prime minister of Thailand now?

66.____did you go on vacation last year?
1. Who
2. What
3. Where
4. How old
ตอบ 3 ตอบ Where (ที่ไหน) เพราะถามว่า ปีที่แล้วคุณไปเที่ยวที่ไหน? โดย Where + กริยาช่วย +
ประธาน + กริยาหลัก + ส่วนขยาย

67. How___the problem?
1. did you solve
2. solve you did
3. you did solve
4. did solve you
ตอบ 1 ดูคําอธิบาย 63. ประกอบ เมื่อทําเป็นประโยคคําถาม เราต้องใช้ verb to do (ก็คือ did) ไว้หน้า ประธาน you และตามด้วยกริยาหลัก solve ก็จะเป็น did you solve หรือเทียบกับตัวอย่างอื่น
– Did you come home last night? (คุณกลับบ้านไหมเมื่อวาน?)
ในประโยคคําถามยก Did ไว้หน้า you และหลัง you ตามด้วยกริยาหลักคือ come

68.____at the party tonight?
1. Won’t she be
2. Won’t she is
3. Won’t is she
4. Will she be not
ตอบ 1 เป็นประโยคคําถามเช่นกัน เราต้องยกกริยาช่วยไว้หน้าประธานก็คือ Won’t ซึ่งย่อมาจาก Will not ตามด้วยกริยาหลักช่องที่ 1 ไว้หลังประธานเหมือนข้อ 67 เทียบตัวอย่าง
-Will she not be at the party tonight? ถ้ารูปเต็มต้องยก not ไว้หลัง she
-Won’t she be at the party tonight? ถ้าเป็นรูปย่อไว้หน้าประธาน she แล้วตามด้วย V1

69.I suggest she____the meeting.
1. attends
2. attended
3. attending
4. attend
ตอบ 4 เป็นกลุ่มกริยายกเว้น ให้ตอบหลังประธานเป็นกริยาช่องที่ 1 ไม่ผันก็คือ ไม่เติมท้ายอะไรเลย

S + suggest, insist, demand, desire,
require, request, recommend, prefer + that S + V1 ไม่ผัน

suggest that ตอบ attend (V1 ไม่ผัน)

70.I demand that you____.
1. will leave
2. leave
3. left
4. leaving
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 69. ประกอบ กริยายกเว้น demand that ตอบหลังกริยาช่องที่ 1 คือ leave

71. He said, “I will call you later.”
He said that he____.
1. calls you later
2. will call you later
3. calls me later
4. would call me later
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 64. ประกอบ การทําเป็น indirect speech เปลี่ยนกริยาให้เป็นรูปอดีต ให้มา will ก็เปลี่ยนเป็น would ก็ตอบตัวเลือกข้อ 4 ได้เลย เพราะมีตัวเลือก would ข้อเดียว ส่วนสรรพนาม you ก็
เปลี่ยนเป็น me

72. The students said that____were studying for the test.
1. we
2. you
3. they
4. he
ตอบ 3 เป็นเรื่อง indirect speech ที่มาเล่าให้ฟังอีกที จะเป็นประธานคือ The students (นักเรียน นักศึกษาเป็นพหูพจน์) สรรพนามที่ใช้แทนได้คือ they (พวกเขา)

73. I’d rather you____to Susan.
1. apologize
2. be apologized
3. had apologized
4. apologized
ตอบ 4 หน้า 148 ข้อนี้เป็นเรื่องกลุ่มสมมติที่ขึ้นประโยคด้วยคําต่อไปนี้ให้ตอบกริยาช่องที่ 2

If only
It’s time
It’s about time          S + V2 ก็คือ apologized
It’s high time that
He’d rather
I think it would be a good idea if

74. We should laugh as if we____happy.
1. is
2. was
3. were
4. be
ตอบ 3 หน้า 138 – 139 เป็นเรื่อง as if as though

1. S + V1 as if/as though S + V2
2. S + V2 as if/as though S + hadV3

ตรงสูตร 1 laugh ตอบ were

75. When we arrived, he____a bath.
1. is having
2. having
3. was having
4. has
ตอบ 3 เราเห็นกริยาช่องที่ 2 คือ arrived เป็นอดีต แสดงว่า กริยาที่จะเติมอีกช่องก็ต้องเป็นอดีตตามไปด้วย ดูตัวเลือกแล้วจะมีรูปอดีตข้อ 3 คือ was having จึงตอบได้เลย

Part II: Vocabulary (คําศัพท์)
Directions: Choose the best answer.

76. There is no____between them.
1. reconciliation
2. reflection
3. foundation
4. connection
ถาม ไม่มีการปรองดองระหว่างพวกเขา
ตอบ 1 1. การปรองดอง 2. การสะท้อน 3. การก่อตัว 4. ความเกี่ยวข้อง
บทที่ 9 ถ้าหากจะเดาก็เดาได้โดยดูจากตัวเลือกว่าเรามีเรียนภาคคําศัพท์ในวิชา ENG 1002 ตัวไหนเราก็จะเห็น ศัพท์ที่เราเรียนมาตัวเดียวคือ reconciliation = การปรองดอง สมานฉันท์ มักตามด้วย between (ระหว่าง) ส่วน connection เป็นเพียงศัพท์เหมือนของ relationship

77. Murder is the most____crime.
1. abominable
2. limited
3. general
4. convinced
ถาม การฆาตกรรมเป็นอาชญากรรมที่น่ารังเกียจมากที่สุด
ตอบ 1 1. น่ารังเกียจ 2. จํากัด 3. ทั่วไป 4. ทําให้เชื่อ
บทที่ 5 มีเรียนคําศัพท์ในวิชานี้ในตัวเลือกข้อ 1 และ 4 คําที่เข้ากับประโยคได้คือ abominable =
น่ารังเกียจ น่าชัง ในเชิงลบ

78. I’ve got a job____tomorrow.
1. bystander
2. company
3. figure
4. interview
ถาม พรุ่งนี้ฉันมีสัมภาษณ์งาน
ตอบ 4 1. คนเดินสัญจรไปมา 2. บริษัท 3. บุคคลสําคัญ 4. สัมภาษณ์
บทที่ 6 ถ้าเห็นคําว่า job (งาน) ก็คาดเดา เกี่ยวกับคําศัพท์ interview = สัมภาษณ์

79. Can you____a torch so I can see?
1. level
2. raise
3. lower
4. return
ถาม คุณช่วยยกคบไฟให้ฉันดูได้ไหม?
ตอบ 2 1. ระดับ 2. ยกให้สูงขึ้น 3. ลดต่ำลง 4. กลับคืน
บทที่ 1 คํากริยา raise = ยกขึ้น เป็นกริยามีกรรมมารับ

80. Should promotion be based on merit or___?
1. figure
2. honor
3. center
4. seniority
ถาม การเลื่อนตําแหน่งควรขึ้นอยู่กับคุณวุฒิหรือความอาวุโส?
ตอบ 4 1. บุคคลสําคัญ 2. ให้เกียรติ 3. ศูนย์กลาง 4. ความเป็นอาวุโส
บทที่ 1 คําศัพท์ seniority = ระบบอาวุโส

81. In law, beer is ___as a food product.
1. identified
2. arranged
3. classified
4. maintained
ถาม ตามกฎหมาย เบียร์จัดเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร
ตอบ 3 1. ชี้ ระบุ 2. จัดเตรียม 3. จัดหมวดหมู่ 4. คงไว้รักษาไว้
บทที่ 11 classify = จัด แบ่งประเภท มักใช้กับการจัดกลุ่ม จัดหมวดหมู่

82. He didn’t____home until 5 p.m.
1. claim
2. capture
3. appear
4. return
ถาม เขาไม่กลับบ้านจนถึง 5 โมงเย็น
ตอบ 4 1. กล่าวอ้าง 2. จับ จับกุม 3. ปรากฏให้เห็น 4. กลับ กลับคืน
บทที่ 1 คํา return = กลับคืน ส่งคืน มักใช้คืนหนังสือ (books) หรือ return home =กลับบ้าน

83. George was a highly____salesman.
1. plentiful
2. successful
3. enlarged
4. continued
ถาม จอร์จเป็นพนักงานขายที่ประสบความสําเร็จอย่างสูง
ตอบ 2 1. มากมาย อุดมสมบูรณ์ 2. ประสบความสําเร็จ 3. ทําให้ใหญ่ขึ้น 4. ดําเนินต่อไป
บทที่ 2 คํา successful = ประสบความสําเร็จ มักใช้ในเชิงบวก นําหน้าคํานาม

84. The___operation began on Friday afternoon.
1. garnish
2. trigger
3. rescue
4. control
ถาม ปฏิบัติการช่วยเหลือเริ่มขึ้นเมื่อบ่ายวันศุกร์
ตอบ 3 1. ตกแต่ง ประดับ 2. ก่อให้เกิด 3. ช่วยเหลือ 4. ควบคุม
บทที่ 2 rescue = ช่วยเหลือจากอันตราย มักวางไว้หน้าคํานาม เช่น rescue team = ทีมกู้ภัย

85. He___out the window at the snow.
1. gazed
2. interviewed
3. fetched
4. improved
ถาม เขาจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นหิมะ
ตอบ 1 1. จ้องเพ่งมอง 2. สัมภาษณ์ 3. ไปเอามา 4. ปรับปรุงให้ดีขึ้น
บทที่ 8 gazed = จ้อง เพ่งมอง

86. Is reservation____at that restaurant?
1. necessary
2. delicious
3. healthy
4. active
ถาม จําเป็นต้องจองที่ร้านอาหารนั้นหรือไม่?
ตอบ 1 1. จําเป็น 2. อร่อย 3. แข็งแรง 4. กระฉับกระเฉง
บทที่ 11 necessary = essential = จําเป็น

87. We suddenly saw her in the_____.
1. power
2. ancestor
3. distance
4. offspring
ถาม ทันใดนั้นเราก็เห็นเธออยู่ไกลๆ
ตอบ 3 บทที่ 8 1. พลังอํานาจ 2. บรรพบุรุษ 3. ระยะทาง ระยะห่าง 4. ทายาท ลูกหลาน

88. The fact that she was an old friend was such an amazing____.
1. gift
2. evidence
3. direction
4. coincidence
ถาม การที่เธอเป็นเพื่อนเก่าถือเป็นเรื่องบังเอิญที่น่าทึ่งมาก
ตอบ 4 1. พรสวรรค์ 2. หลักฐาน 3. ทิศทาง 4. เหตุบังเอิญ
บทที่ 8 coincidence = เหตุบังเอิญ

89. Peter has____ to motivate people.
1. facility
2. behavior
3. collection
4. ability
ถาม ปีเตอร์มีความสามารถในการจูงใจผู้คน
ตอบ 4 1. สิ่งอํานวยความสะดวก 2. พฤติกรรม 3. สิ่งสะสม 4. ความสามารถ
บทที่ 10 ability = ความสามารถ

90. He____the rest of his life to scientific investigation.
1. devoted
2. sent
3. refused
4. healed
ถาม เขาอุทิศชีวิตที่เหลือให้กับการสืบสวนทางวิทยาศาสตร์
ตอบ 1 1. อุทิศตน 2. ส่ง 3. ปฏิเสธ 4. รักษา
บทที่ 9 devoted = อุทิศตน

91. If you went to the art____you would study the school of art.
1. system
2. fragment
3. academy
4. teaching
ถาม ถ้าคุณไปสถาบันศิลปะ คุณจะเรียนโรงเรียนศิลปะ
ตอบ 3 1. ระบบ 2. ส่วน ชิ้น 3. สถาบัน 4. การสอน
บทที่ 9 academy = สถาบัน (ที่ให้ความรู้เฉพาะทาง)

92. What is the official____for this position?
1. story
2. title
3. tag
4. foundation
ถาม ชื่อทางการสําหรับตําแหน่งนี้คืออะไร
ตอบ 2 1. เรื่องราว 2. ชื่อ ตําแหน่ง 3. ติดป้าย 4.การก่อตั้ง
บทที่ 9 title = ชื่อเรื่อง ชื่อ ตําแหน่ง

93. Each poster is signed by the____.
1. ancestor
2. artist
3. crowd
4. bystander
ถาม โปสเตอร์แต่ละใบมีลายเซ็นต์ของศิลปิน

ตอบ 3 บทที่ 2 1. บรรพบุรุษ 2. ศิลปิน 3. ฝูงชน 4. คนสัญจรไปมา
บทที่ 2 artist = ศิลปิน, จิตรกร

94. Do not___fresh water supplies.
1. pollinate
2. relate
3. pollute
4. control
ถาม อย่าสร้างมลพิษให้กับแหล่งน้ำจืด
ตอบ 3 1. ผสมเกสรดอกไม้ 2. เกี่ยวข้องกัน 3. ทําให้เกิดมลพิษ 4. ควบคุม
บทที่ 3 pollute = ทําให้เกิดมลพิษ ทําให้สกปรก

95. They____a refund on unsatisfactory goods.
1. demand
2. result
3. experiment
4. connection
ถาม พวกเขาต้องการเงินคืนสําหรับสินค้าที่ไม่น่าพอใจ
ตอบ 1 1. เรียกร้อง ต้องการ 2. ผลลัพธ์ 3. การทดลอง 4 ความเกี่ยวข้อง
บทที่ 3 demand = ask, request = เรียกร้อง ต้องการ

96. I must____ for a new secretary.
1. refine
2. advertise
3. relate
4. connect
ถาม ฉันต้องโฆษณาหาเลขาคนใหม่
ตอบ 2 1. ทําให้สละสลวย 2. โฆษณา 3. เกี่ยวข้อง 4. เชื่อมโยง
บทที่ 3 advertise = โฆษณา ประกาศ

97. The museum is open to the____.
1. activity
2. company
3. public
4. behavior
ถาม พิพิธภัณฑ์เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมได้
ตอบ 3 1. กิจกรรม 2. บริษัท 3. สาธารณะ ทั่วไป 4. พฤติกรรม
บทที่ 3 public = สาธารณะ ทั่วไป ทําเป็นคํานาม the public = ประชาชนทั่วไป, บุคคลทั่วไป

98. The knife cut the____of his arm.
1. trait
2. factor
3. complex
4. flesh.
ถาม มีดเฉือนเนื้อแขนของเขา
ตอบ 4 1. ลักษณะ 2. ปัจจัย 3. ซับซ้อน 4. เนื้อ (คน หรือสัตว์)
บทที่ 4 flesh = เนื้อ (ของคนหรือสัตว์)

99.Is there any charge for____?
1. intimacy
2. conclusion
3. admission
4. relationship
ถาม มีค่าธรรมเนียมในการเข้าศึกษาหรือไม่?
ตอบ 3 1. ความใกล้ชิด 2. การสรุป 3. การอนุญาตให้เข้า 4. ความสัมพันธ์
คําศัพท์ charge คู่กับ admission = คิดการเข้า…..

100. I can’t____on 40 Baht a week.
1. endure
2. escape
3. attend
4. survive
ถาม เงิน 40 บาทต่อสัปดาห์ฉันอยู่ไม่ได้
ตอบ 4 1. ทนทาน 2. หลบหนี 3. เข้า 4. อยู่รอด
บทที่ 11 survive = รอดชีวิต อยู่ได้

101. I found the____of his book very interesting.
1. intention
2. intimacy
3. conclusion
4. relationship
ถาม ฉันพบว่าบทสรุปของหนังสือของเขาน่าสนใจมาก
ตอบ 3 1. ความตั้งใจ 2. ความใกล้ชิด 3. บทสรุป 4. ความสัมพันธ์
บทที่ 11 conclusion = บทสรุป

102. Nutritionists said that only 33% of our____intake should be from fat.
1. calorie
2. balance
3. existence
4. complexity
ถาม นักโภชนาการกล่าวว่าเพียง 33% ของแคลอรี่ที่เราได้รับควรมาจากไขมัน
ตอบ 1 1. หน่วยที่ใช้คํานวณพลังงาน 2. ความสมดุล 3. การมีชีวิต 4. ความซับซ้อน
บทที่ 11 calorie = หน่วยที่ใช้คํานวณพลังงานจากอาหาร

103. The city has developed into a____ of industry.
1. level
2. center
3. record
4. return
ถาม เมืองได้พัฒนาเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม
ตอบ 2 1. ระดับ 2. ศูนย์กลาง 3. บันทึก 4. กลับคืน
บทที่ 12 center = ศูนย์กลาง

104. Judy donated money to____a hospital.
1. inter
2. establish
3. display
4. make
ถาม จูดี้บริจาคเงินเพื่อสร้างโรงพยาบาล
ตอบ 2 1. สรุป 2.ก่อตั้ง เริ่ม 3. แสดงให้เห็น 4. ทํา
บทที่ 10 establish = ก่อตั้ง ตั้งเริ่ม

105. Language games are usually intended to encourage student____.
1.assumption
2. interaction
3. collection
4. expansion
ถาม เกมภาษามักจะมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ของนักเรียน
ตอบ 2 1. สมมติฐาน 2. ปฏิสัมพันธ์ 3. สิ่งสะสม 4. การขยาย
บทที่ 10 interaction = ปฏิสัมพันธ์

106. The____is designed to test the new drug.
1. existence
2. exhibition
3. excellence
4. experiment
ถาม การทดลองนี้ออกแบบมาเพื่อทดสอบยาตัวใหม่
ตอบ 4 1. การมีชีวิตอยู่ 2. การแสดงนิทรรศการ 3. ความยอดเยี่ยม 4. การทดลอง
บทที่ 4 experiment = การทดลอง

107. The good___makes work go smoothly.
1. system
2. way
3. part
4. rank
ถาม ระบบที่ดีทําให้การทํางานเป็นไปอย่างราบรื่น
ตอบ 1 1. ระบบ 2. วิธี ทาง 3. ส่วน 4. ตําแหน่ง
บทที่ 9 system = ระบบ

108. He laughed to____his nervousness.
1. return
2. raise
3. fetch
4. cover
ถาม เขาหัวเราะเพื่อปกปิดความกังวลใจของเขา
ตอบ 4 1. กลับคืน 2. ยกขึ้น 3. ไปรับมา 4. ปกปิด ปกคลุม
บทที่ 5 cover = ปกปิด ปกคลุม

109. They are still in fear of___.
1. analysis
2. reconciliation
3. academy
4. retribution
ถาม พวกเขายังคงกลัวการลงโทษ
ตอบ 4 1. การวิเคราะห์ 2. การปรองดอง 3. สถาบัน 4. การลงโทษ การเอาคืน
บทที่ 9 retribution = punishment = การลงโทษ การเอาคืน

110. The information led to the___of the murderer.
1. convention
2. capture
3. return
4. distance

ถาม ข้อมูลนําไปสู่การจับกุมฆาตกร
ตอบ 2 1. ธรรมเนียม 2. การจับกุม 3. การกลับคืน 4. ระยะทาง
บทที่ 5 capture = การจับ การจับกุม

111. The crash_____is now on a life support machine.
1. title
2. center
3. flesh
4. victim
ถาม ขณะนี้ผู้ประสบอุบัติเหตุอยู่บนเครื่องช่วยชีวิตแล้ว
ตอบ 4 1.ชื่อ ตําแหน่ง 2. ศูนย์กลาง 3. เนื้อ 4. ผู้เคราะห์ร้าย
บทที่ 6 victim = sufferer = เหยื่อผู้เคราะห์ร้าย

112. Can you show me any___for your statement?
1. vehicle
2. fragment
3. evidence
4. legend
ถาม คุณช่วยแสดงหลักฐานคําแถลงของคุณให้ฉันดูได้ไหม?
ตอบ 3 1. ยานพาหนะ 2. ชิ้นส่วน 3. หลักฐาน 4. ตํานาน
บทที่ 5 evidence = หลักฐาน

113. He speaks English, but his native tongue is German.
1. indigenous
2. effective
3. power
4. equal
ถาม เขาพูดภาษาอังกฤษ แต่ภาษาแม่ของเขาคือภาษาเยอรมัน
ตอบ 1 1. เกี่ยวกับพื้นเมือง 2. ประสิทธิภาพ 3. พลัง อํานาจ 4. เท่ากัน
บทที่ 5 native = indigenous เกี่ยวกับพื้นเมือง บ้านเกิด ใช้กับ native tongue = ภาษาแม่

114. These problems are closely related.
1. associated
2. controlled
3. improved
4. overlooked
ถาม ปัญหาเหล่านี้มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด
ตอบ 1 1. สัมพันธ์ เกี่ยวข้อง 2. ควบคุม 3. ปรับปรุงให้ดีขึ้น 4. มองข้าม
บทที่ 6 related = associated = ซึ่งเกี่ยวข้อง

115. The girl who won the scholarship was quite outstanding.
1. shakable
2. pleased
3. nodding
4. remarkable
ถาม หญิงสาวที่ได้รับทุนค่อนข้างโดดเด่น
ตอบ 4 1. สามารถสั่น 2. ยินดี พอใจ 3. พยักหน้า 4. ดี เยี่ยม
บทที่ 12 outstanding = great, notable, remarkable = เด่น สําคัญ

116. Arrogance is a very unattractive personality trait.
1. function
2. belief
3. characteristic
4. intention
ถาม ความเย่อหยิ่งเป็นลักษณะบุคลิกภาพที่ไม่น่าดึงดูดใจ
ตอบ 3
1. หน้าที่ 2. ความเชื่อ 3. ลักษณะเฉพาะ 4. ความตั้งใจ
บทที่ 10 trait = particularity, characteristic = ลักษณะเฉพาะ คุณสมบัติเฉพาะ

117. The crowds cheered as the parade went by.
1. helped
2. honored
3. applauded
4. placed

ถาม ฝูงชนโห่ร้องขณะที่ขบวนพาเหรดผ่านไป
ตอบ 3 1. ช่วยเหลือ 2. ให้เกียรติ 3. โห่ร้อง 4. วาง
บทที่ 12 cheered = applaud = โห่ร้อง ส่งเสียงไชโย

118. We cannot say for sure what will happen.
1. refine
2. occur
3. greet
4. return
ถาม เราไม่สามารถพูดได้อย่างแน่นอนว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ตอบ 2 1. ทําให้สละสลวย 2. เกิดขึ้น 2. ทักทาย 4. คืน กลับคืน

119. I think I’m a reasonably quick learner.
1. severed
2. fast
3. various
4. clever
ถาม ฉันคิดว่าฉันเป็นคนเรียนรู้เร็วพอสมควร
ตอบ 2 1. รุนแรง 2. เร็ว 3. หลากหลาย 4. เฉลียวฉลาด
quick = fast = รวดเร็ว

120. Temperature can be measured precisely?
1. necessarily
2. exactly
3. automatically
4. relatively
ถาม อุณหภูมิสามารถวัดได้อย่างแม่นยํา?
ตอบ 2 บทที่ 1 precisely = accurately, exactly = อย่างถูกต้อง แม่นยํา พอดี

 

ENG1002 ประโยคและศัพท์ทั่วไป s/2565

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2565
ข้อสอบกระบวนวิชา ENG 1002 ประโยคและศัพท์ทั่วไป
Part I: Structure (ภาคโครงสร้าง)
Choose the correct answer.

1. I____sure what I wanted to study at first.
1wasn’t
2. won’t
3. hadn’t
4. couldn’t
ตอบ 1 เป็นเรื่องคํากริยาที่สามารถตามด้วย Sure ได้ ซึ่งเป็นคําคุณศัพท์ (adj.) นั่นคือ verb to be (is, am, are, was, were) จึงตอบ was เป็นปฏิเสธรูปย่อคือ wasn’t = was not ตามด้วย adj. ได้ ส่วน will not = won’t ตามด้วยกริยาช่องที่ 1 และ hadn’t ตามด้วยกริยาช่องที่ 3 หรือ คํานาม ส่วน couldn’t ตามด้วยกริยาช่องที่ 1

2.Last night the moon____brightly.
1. shining
2. shown
3. shines
4. shone
ตอบ 4 หน้า 24 – 25 ใช้ Past Simple Tense S + V2) แสดงถึงเหตุการณ์ที่สิ้นสุดลงไปแล้วใน อดีตหรือเป็นการเล่าเรื่องราวในอดีต มักจะมีคําบอกเวลา เช่น yesterday, ago, in + ป๊อดีต, in the past, last + last year, last night, last summer, last Sunday ต้น ซึ่งข้อนี้มี last night จึงตอบ V2 = shown (มาจาก shine shone shone) ส่องแสง

3.Before the movie started, we___at the cinema.
1. arrive
2. had arrived
3. are arriving
4. arrived
ตอบ 2 เป็น 2 เหตุการณ์ ใช้ 2 Tense เชื่อมด้วย before วางไว้ต้นประโยค

1.S + had V3 before S + V2
2.S + had V3 when S + V2
3.S + V2 after S + had V3
4.Before + S +V2, After + S +had V3
5.after + S + had V3, S + V2
6. When + S + V2, S + had V3

ข้อนี้ตรงกับสูตรที่ 4 started ให้มา ตอบ had arrived

4.At the moment, Sean____for a bus to Loei.
1. will look
2. is looking
3. have looked
4. were looking
ตอบ 2 หน้า 33 ใช้ Present Continuous Tense S + is/am/are Ving) กับเหตุการณ์ หรือการกระทําที่กําลังเกิดขึ้นในขณะที่พูด เรามักคําบอกเวลาจํานะออกทุกเทอมเช่น now, right now, at the/this moment, at present นั่นคือที่โจทย์มีคําบอกเวลาคือ at the moment เราจึงตอบ is looking

5.The sun___It is getting dark now.
1. is setting
2. had set
3. sets
4. will set
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 4 ประกอบ มีคําบอกเวลาคือ now จึงตอบ is setting

6.We____an ENG 1002 exam at the moment.
1. had sat
2. have been sitting
3. are sitting
4. were sitting
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 4 ประกอบ มีคําบอกเวลาคือ at the moment จึงตอบ are sitting

7.This year, the team____a new way to improve our work system.
1. have created
2. creates
3. had created
4. is creating
ตอบ 4 ดูคําอธิบายในข้อ 4 ประกอบ คําว่า This year (ปีนี้) แสดงว่ายังไม่สิ้นสุด ได้กําลังกระทําหรือ ดําเนินอยู่ในปีนี้ จึงตอบ Present Continuous Tense = is creating

8.The government____a new campaign next month.
1. has launched
2. is launching
3. was launching
4. have been launching
ตอบ 2 หน้า 38 ใช้ Present Continuous Tense แสดงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้และ ค่อนข้างแน่นอน คือ แทนอนาคตได้ เราเห็นคําบอกเวลา next month เป็นอนาคต ปกติเราตอบ will launch แต่ตัวเลือกไม่มี เราก็ใช้ปัจจุบันแทนอนาคตได้คือ Present Simple Tense กับ Present Continuous Tense ได้เท่านั้นจึงตอบ is launching ส่วนอดีต (was lauchin) หรือ Perfect Tense (has, have been launching)ใช้แทนไม่ได้

9.Bangkok’s weather___ still terrible this year.
1. is
2. was
3. had
4. will
ตอบ 1 หน้า 6 ใช้ Present Simple Tense S + V1) แสดงเหตุการณ์หรือการกระทําที่ เกิดขึ้นเป็นประจํา เป็นนิสัย สม่ำเสมอ ทําทุกวัน ประโยคที่เป็นความจริงเสมอ จริงตามธรรมชาติ จริงในปัจจุบัน สํานวน สุภาษิต หรือเกิดขึ้น ในปัจจุบันมีคําบอกเวลาเช่น always,usually, often, sometimes, normally, frequently, nowadays, every + ช่วงเวลา เช่น every day (ทุกวัน) every week, every month, every year (ทุกปี) at present (ในปัจจุบัน) เป็นต้น สําหรับข้อนี้มีคําว่า this year (ปีนี้) แสดงว่าตอนพูดยังไม่สิ้นสุด กําลัง อยู่ในเวลาปีนี้ เราใช้รูปปัจจุบันมีตัวเลือกเดียวคือ V1 = is ส่วน was, had เป็นอดีตจึงผิด และ Will ต้องตามด้วยกริยาช่องที่ 1 เท่านั้น แต่หลังโจทย์นี้มี คุณศัพท์ terrible ใช้ verb to be ได้

10.The guests____at 3 o’clock last night.
1. are still dancing
2. still danced
3. had still danced
4. were still dancing
ตอบ 4 หน้า 53 ใช้ Past Continuous Tense S + was/were +Ving) แสดงเหตุการณ์ ที่กําลังดําเนินอยู่ ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งในอดีต ซึ่งมักจะมีคําบอกเวลาในอดีตด้วย เช่น (at) this time last year, at 9. p.m. last night ออกทุกเทอม 1- 2 ข้อ อย่างข้อนี้มี คําบอกเวลา at 3o’clock last night จึงตอบ were still dancing

11.While Mary____,her sister____.
1. ironed; cooks
2. was ironing; was cooking
3. irons; cooked
4. ironed; had cooked
ตอบ 2 หน้า 38 เห็น as หรือ while เป็น 2 เหตุการณ์ ให้เคาปัจจุบันคู่กับปัจจุบัน และอดีตคู่กับอดีต ออกทุกเทอมในการเชื่อม while หรือ as มีทั้งปัจจุบันและอดีต

1. S + V2 while S + was/were Ving
as
2. S + was/were Ving while S + was/were Ving
as
3.S + is/am/are +Ving while S + is/am/are Ving

4.While S + was/were Ving,S + was/were Ving

ตรงสูตร 4 was getting was cooking

จําหลัง while/as (ในขณะที่) เป็นรูป Continuous (Ving) เสมอ และคู่กับปัจจุบันด้วยกัน การใช้ Continuous สองข้างแสดงการกระทําที่เกิดพร้อมกัน

12.While my boss___ready to speak, the phone___.
1. have got; ring
2. is getting; ring
3. was getting; was ringing
4. was getting; rang
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 11 ประกอบ เป็นการเชื่อมด้วย While ติดหลังต้องเป็น continuous tense ก่อนนั่นคือ was getting แน่ ๆ เหลือช้อย 3 และ 4 แล้วมาพิจารณาว่าเกิดพร้อมกันไหม โจทย์นี้ไม่ได้เกิดพร้อมกัน แต่เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดตามหลังมาอีกที “ขณะที่เจ้านายของ ฉันกําลังพร้อมที่จะพูด โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา” นั่นคือ โทรศัพท์ดังขึ้นเกิดทีหลังจึงตอบ rang (มาจาก ring) เราไม่ตอบ was ringing (กําลังดัง)

13.Whenever I visited my mother, she____.
1. slept
2. had slept
3. was sleeping
4. has slept
ตอบ 1 เราเห็น whenever (เมื่อไรก็ตาม) แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจําแต่เป็นอดีตเพราะเราเห็นกริยาช่องที่ 2 คือ visited อีกประโยคก็ตอบเป็น V2 คือ slept แสดงสองเหตุการณ์ใน อดีตที่ทําประจํา

14.At this time last week, my friend____the piano at a concert.
1. had played
2. play
3. was going to play
4. was playing
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 10 ประกอบมีคําบอกเวลา at this time last week เป็นอดีตที่เจาะจงเวลาที่
แน่นอน ใช้ Past Continuous Tense = was playing

15.This time last year, I____in Japan.
1. lived
2. had lived
3. was living
4. had been living
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 10 ประกอบเช่นกัน มีคําบอกเวลา This time last year

16.The orchestra____when the lights went off.
1. playing
2. would play
3. was playing,
4. being played
ตอบ 3 หน้า 90 ดูสูตรการเชื่อมด้วย when

1. S + V2 + when + S + V2
2. S + was/were + Ving + when + S + V2
3. S + had V3 + when + S + V2

ตรงแบบ 2 ตอบ was playing , went

17.I____you for ages. Where have you been?
1. don’t see
2. haven’t seen
3. won’t see
4. am not see
ตอบ 2 หน้า 68-69 หรือ 72 ใช้ Present Perfect (S + has/have + V3) หรือจะตอบ Present Perfect Continuous Tense S + has/have been + Ving) แสดง เหตุการณ์ที่เกิดติดต่อกันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและจะดําเนินต่อไปในอนาคต จําคําบอกเวลาไว้ เช่น for (เป็นเวลา), since (ตั้งแต่), just (เพิ่งจะ), recently (เร็วๆนี้), lately, yet, already, ever, never, how long, all day (ตลอดวัน), all evening (ตลอดเย็น) ข้อนี้มีคําบอกเวลาคือ for ages (เป็นเวลาหลายปี) จึงตอบ haven’t seen

18.____you ever___to England?
1. Are;been
2. Have; been
3. Are; gone
4. Were; going
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 17 ประกอบ มีคําบอกเวลา ever (เคย) ตอบ Have ; been

19.My husband____ on.his report all evening.
1. has been working
2. is working
3. works
4. will be worked
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 17 ประกอบ มีคําบอกเวลา all evening แสดงเหตุการณ์ที่ทําต่อเนื่อง ตอบ
Present Perfect Tense = has been working

20.My father____outside for a long time.
1. hadn’t been
2. couldn’t be
3. wouldn’t be
4. hasn’t been
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 17 ประกอบ มีคําบอกเวลาคือ for a long time

21.I____in Bangkok since I was born.
1. have lived
2. live
3. lived
4. was living
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 17 ประกอบ มีคําบอกเวลาคือ since + ช่วงเวลา จึงตอบ have lived

22.Tony___that novel for three hours, and he still wants to continuing reading it.
1. has read
2. has been reading
3. will read
4. reads
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 17 ประกอบ มีคําบอกเวลาคือ for three hours และยังคงต้องการทําต่อไป ก็คือมีประโยคตามหลังมาว่า เขายังคงต้องการดําเนินการต่อไป ในอนาคต จึงตอบ Present Perfect Continuous Tense = has been reading

23. May___Korean for 2 years.
1. has studied
2. studied
3. studies
4. is studying
ตอบ 1 ดูคําอธิบายในข้อ 17 ประกอบ มีคําบอกเวลา for 2 years ตอบ has studied

24.She__her assignment before she went home.
1. finishing
2. has finished
3. finishes
4. had finished
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 3 ประกอบ เชื่อมด้วย before

S + had V3 + before + S + V2

ตอบ had finished went

25.Jane felt sick; she____ in the rain too long.
1. walk
2. had been walking
3. would walk
4. was walked
ตอบ 2 หน้า 86 -90 ใช้ 2 เหตุการณ์ โดยมักจะเห็นกริยาช่องที่ 2 (felt มาจาก feel felt felt) หนึ่ง ประโยคก่อน แล้วอีกประโยคมักควบคู่กับ Past Perfect (S + had V3) หรือ Past Perfect Continuous Tense S + had been Ving) ในกรณีหลังใช้เพื่อแสดงถึงเหตุการณ์หรือการ กระทําที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันโดยไม่ขาดตอน ณ ช่วงเวลาหนึ่งในอดีต มักใช้กับกริยาเช่น walk (เดิน แสดงเดินต่อเนื่อง) rain (ฝนตก) wait (รอคอย) Swim (ว่ายน้ํา) เป็นต้น จึงตอบรูปการทํา ต่อเนื่องได้ใช้รูป continuous = had been walking

26.We went to the show late, so it____.
1. began
2. had been beginning
3. had already begun
4. would began
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 25 ประกอบ เราเห็นกริยช่องที่ 2 คือ went และอีกประโยคสามารถตอบ Past Perfect (S+ had V3) เพราะกริยา begin แสดงถึงการเริ่มต้นไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่เริ่มต้น ต่อเนื่องเหมือนโจทย์ข้อ 25 สําหรับข้อ 26 นี้เราใช้ had already begun (had V3) เพราะ เริ่มต้นไปแล้ว

27.There was a big flood in Chiangmai; it____heavily for many days.
1. rains
2. is raining
3. would rain
4. had been raining
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 25 ประกอบ เช่นกันว่ามีกริยาช่องที่ 2 = was และตอบ had been raining
แสดงถึงฝนตกที่ดําเนินต่อเนื่องได้

28.Jack sold his pick-up; he____it for 10 years.
1. had owned
2. had been owning
3. was owning
4. may own
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 25 ประกอบ มีกริยาช่องที่ 2 คือ sold และส่วนหลังมี for 10 years แสดงการใช้ Perfect Tense แต่อยู่ในรูปอดีตสําหรับข้อนี้ใช้ had owned เพราะกริยา owned เป็น เจ้าของไม่นิยมใช้รูป ing จึงไม่ตอบช้อย 2 แต่ตอบช้อย 1

29.He___hard all night, and he felt really sleepy.
1. was working
2. works
3. has worked
4. had been working
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 25 ประกอบ มีคําว่า all night ตลอดคืน แสดงการทํางานต่อเนื่อง ใช้ had been
working

30.Jennie’s birthday is at the end of next month. She____15.
1. will turn
2. tums
3. tumed
4. will have turned
ตอบ 1 หน้า 104 ใช้ Future Simple Tense S + will/shall + V1) แสดงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มักมีคําบอกเวลา เช่น tomorrow, soon, next + ช่วงเวลา เช่น next year, next month, tonight, in a few minutes, in half an hour เป็นต้น สําหรับ ข้อนี้มีคําบอกเวลา at the end of next month (เดือนหน้า) ตอบ Future Tense = will turn

31.You can call me at six. I____ my work by then.
1. will be finishing
2. finish
3. will have finished
4. am finishing
ตอบ 3 หน้า 112 Future Perfect Tense (S + will/shall + have V3) Future Perfect Continuous Tense (S+ will/shall + have been Ving) กับคำบอกเวลาขึ้นต้นด้วยคําว่า “by” (ประมาณ ราว ๆ ) เช่น by next year, by the end of this year, by tomorrow, by that time, by the end of this month, by noon จึงตอบ will have finished

32.Your action____my feeling. I will always love you.
1. will affect not
2. not affect
3. will not affect
4. does not affect
ตอบ 4 ถ้าเราสังเกตว่าประโยคหลังมี will love แสดงอนาคตแล้ว ประโยคแรกก็ไม่น่าจะใช้ will มาอีก เพราะประโยคแรกต้องการแสดงปัจจุบัน ประธานเอกพจน์ และเป็นรูปปฏิเสธ ใช้ does not V1 = does not affect

33.By the end of June, this teacher___ here for a year.
1. will be teaching
2. will teach
3. will been teaching
4. will have been teaching
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 31 ประกอบ มีคําว่า By ตอบ Future Perfect Tense S + will have V3) หรือ Future Perfect Continuous Tense (will have been + Ving) มีถูกช้อยเดียวคือ will have been teaching

34.Pat___us at the train station if she___to the concert.
1. will meet; wants go
2. can meet; wants to go
3. will meet; will want to go
4. can meet; will want to go
ตอบ 2 หน้า 124- 130 เป็นการตัด if ออกไป การใช้ If มี 4 แบบ จําให้ได้ออกสอบทุกเทอม

1. If S + V1 S+ V1, S + V1
2. If S + V1 , S+ will V1
3. If S + V2 , S+ would/could + V1
4 If S+ had V3 , S+ would have V3

การเชื่อม if ตรงกลางข้อนี้ตรงกับสูตรที่ 3

1. S + V1 if/unless S + V1
2. S + will/cab V1 if/unless S + V1
3. S + would V1 if/unless S + V2
4. S + would have V3 if/unless S + had V3

สูตรที่ 2 can meet ตอบ wants to go
กริยา want กับ go เอามาติดกันต้องมี to คั่น ต้องเป็น want to go

35.The teacher____her pass if she___lazy all semester.
1. might let; had not been
2. might have let; were not
3. might let; had not being
4. might have let; had not been
ตอบ 4 ดูคําอธิบาย 34 ประกอบในสูตร 4 เราใช้ would ไม่มีก็เป็น might ได้ ก็ตามสูตร 4 might have let คู่กับขวาคือ had V3 = had not been

36.Unless I___late, I will join you for lunch tomorrow.
1. wake up
2. do not wake up
3. were to wake up
4. had woken up
ตอบ 1 การเชื่อมด้วย Unless มีความหมายว่า If I do not wake up late ( ถ้าฉันไม่ตื่นสาย) ฉันจะเข้าร่วมทานอาหารกลางวันกับคุณพรุ่งนี้) unless = if ….. not แต่หลัง unless จะไม่มี not อีกแล้ว นั่นคือเท่ากับ Unless I wake up late = If I do not walk up late

37.If Ted understands this, he___it correctly.
1. would have done
2. will do
3. would do
4. will be done
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 34 ประกอบ

2. If S+ V1 , S+ will V1

understands ตอบ will do

38.Anna____ to the wrong place if she had not used Google Map.
1. would go
2. will go
3. goes
4. would have gone
ตอบ 4

4. S + would have V3 if/unless S + had V3

ตอบ would have gone had not used

39.Jane would have passed the test last month if she____ harder.
1. would have passed
2. studies
3. had studied
4. would pass
ตอบ 3
4. S + would have V3 if/unless S + had V3

would have passed ตอบ had studied

40.If I___you, I___nicer to people.
1. was; would have been
2. were; would be
3. am; would have been
4. had been; would be
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 34 ประกอบ

ดูคําอธิบายข้อ 34 ประกอบ

3. If S + V2 , S + would/could + V1

were would be

41.If I were the writer, the new book.____Live Forever.
1. will be titled
2. would be titled
3. would have been titled
4. would be titling

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 40 ประกอบลักษณะเดียวกัน were คู่กับ would V1 ในที่นี้ตอบ would be V3 = would be titled เป็นรูป passive construction คือถูกกระทําเพราะประธานเป็น สิ่งของ (the new book)

42:It is as though she___something.
1. overlooked
2. overlooks
3. will overlook
4. is overlooking
ตอบ 1 หน้า 138 – 139 เป็นเรื่อง as if/ as though

1. S + V1 as if/as though S + V2
2. S + V2 as if/as though S+ hadV3

ตรงสูตร 1 is ตอบ overlooked

43.It is time you ____your job seriously.
1. takes
2. take
3. will take
4. took
ตอบ 4 ดูหน้า 148 ข้อนี้เป็นเรื่องกลุ่มสมมติที่ขึ้นประโยคด้วยคําต่อไปนี้ให้ตอบกริยาช่องที่ 2

If only
It’s time เป็นคําถาม Isn’t it time
It’s about time                         S + V2 ก็คือ took
It’s high time that
He’d rather
I think it would be a good idea if

44.It is important that she____here on time.
1. comes
2. came
3. will come
4. come
ตอบ 4 หน้า 149 เป็นเรื่องกลุ่มคําที่ยกเว้น ให้ตอบส่วนหลังเป็นกริยาช่องที่ 1 ไม่ผัน (ไม่เติม s, es, ed, ing) ถ้าเป็น verb to be ให้ตอบ be มักออก 1 ข้อ ได้แก่

S + is/was important that S + V1
essential
necessary
imperative
urgent
It is important that ตอบ come (V1)

45.We requested that nobody____our secret.
1. be told
2. was told
3. were told
4. would do
ตอบ 1 หน้า 148 149 เป็นคํากริยายกเว้นที่มี 5 ตัวเห็นแล้วตอบข้างหลังเป็นกริยาช่องที่ 1 ไม่ ผัน คือกริยาไม่เติม sled เลย เช่น ask, want ถ้าเป็น Verb to be ต้องเป็น be

S + suggest, insist, demand, desire,
require, request, recommend, prefer + that S + V1 ไม่ผัน

requested that ตอบ be เป็นกริยาไม่ผัน

ใช้ be + V3 – be told (ถูกบอก) รูปถูกกระทํา แต่ตัวแรกตอบ be คือกริยาไม่ผันก่อน

46.It is necessary that Jane____this task by herself.
1. do
2. does
3. will do
4. would do
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 44 ประกอบ ขึ้นต้นด้วย It is necessary that ตอบกริยาไม่มันก็คือ verb to do ก็คือ do เป็นกริยาเดิมไม่ผัน จึงตอบ do ถึงแม้ประธานจะเป็นเอกพจน์ซึ่งปกติใช้ does ก็ ตาม

47.James wishes he____a bigger house.
1. own
2. owned
3. owns
4. will own
ตอบ 2 หน้า 147 เป็นการใช้ wish
1. S + wish/wishes S + V2 หรือ were
2. S + wished S + had V3
3. S + wish/wishes S+ would/could V1
4. S + wished S + would/could have V3

ให้มา wishes เป็นกริยาช่องที่ 1 ตรงสูตร 1 ตอบหลังกริยาช่องที่ 2 คือ owned

48.Close the door,____ ?
1. do you 2. will you
3. are you
4. aren’t you
ตอบ 2
หน้า 174 175 เป็นเรื่อง question-tags ที่ให้ตอบส่วนหาง โดยกําหนดว่าถ้าข้างหน้า เป็นประโยคบอกเล่าข้างหลังจะต้องเป็นรูปปฏิเสธรูปย่อ มี 2 ส่วนที่ต้องดูนั่นคือ เรื่องกริยากับ เรื่องคําสรรพนาม เราเห็นประโยคให้มีกริยาช่วย will ตอบ tag เป็น won’t รูปย่อ และคํานาม Dan ชื่อเพศชายตอบ tag เป็น he รวมกัน won’t he ตัวอย่างอื่นเช่น
-Jane will be here soon, won’t she?
-There was a lot of rain, wasn’t there?
-Maggi won’t be late, will she?
ยกเว้น ถ้าขึ้นต้นประโยคมี 2 กรณี ให้ตอบส่วนหลังคงที่ เช่น
-Let’s go home, shall we? ขึ้นต้นด้วย Let’s ให้ตอบ shall we
-Clean the table, will you? ขึ้นต้นด้วยกริยาช่องที่ 1 ให้ตอบ will you

49.Let’s have a drink,____ ?
1. did we
2. could we
3. are we
4. shall we
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 48 ประกอบ เป็นกรณียกเว้น ขึ้นต้นด้วย Let’s ตอบ shall we

50.These games are fun,____?
1. aren’t they
2. didn’t they
3. weren’t they
4. won’t they
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 48 ประกอบ มีกริยา are ตอบส่วนหลังเป็น aren’t และประธานเป็นพหูพจน์ จึงตอบ they

51.____sold this house?
1. Where
2. Which
3. Who
4. What
ตอบ 3 เป็นประโยคคําถาม เราเห็นกริยา sold(sell) สามารถตอบคําที่อยู่ข้างหน้าในรูปของประธาน ได้คือ Who + verb = Who sold (ใครขาย…….)

52.____picture is it?
1. Whose
2. Who
3. How
4. When
ตอบ 1 เป็นประโยคคําถาม มีคํานาม picture สามารถใช้ Whose + นาม หลัง whose ต้องมีคํานาม ตามหลังเสมอ ได้ Whose picture = รูปภาพของใคร ถ้า When ถามถึงเวลา How + adj.

53.____each other before?
1. Haven’t we met
2. Haven’t we meet
3. Have we not meet
4. Have not we met me
ตอบ 1 หน้า 168 คําถามปฏิเสธ ลักษณะการตั้งคําถามคือ ย้ายรูปย่อของกริยาช่วยปฏิเสธไปไว้ข้างหน้า
ประธาน เช่น
-Didn’t you hear the bell? I rang it three times.
-Don’t you want to go to the party?
-Haven’t we met each other before?

54.____is your birthday?
1. When
2. Where
3. Whom
4. Whose
ตอบ 1หน้า 167 ถาม When ถามถึงเวลา
-When is your birthday? (วันเกิดของคุณเมื่อไร)
-When will you do? (คุณจะทําเมื่อไร)
-When did the rain stop? (ฝนหยุดตกเมื่อไร)

55.Jessica is not a doctor,____?
1. isn’t she
2. is she
3. wasn’t she
4. was she
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 48 ประกอบ กริยา is not ทําส่วนหลังเป็นบอกเล่าคือ is และ Jessica เป็น คํานามเพศหญิง ใช้สรรพนาม she แทน

56.She had her bag____.
1. stolen
2. steal
3. stealing
4. to steal
ตอบ 1 หน้า 163 เป็นโครงสร้างในเรื่อง Passive Voice โดยใช้ในรูปของ Verb to have หรือ Verb to get ให้จํา จะออกข้อสอบประมาณ 1-2 ข้อ ก็คือ เมื่อเห็น have/has/ had หรือ get/got ให้ + V3 ดูสูตร

S + has/have/had + สิ่งของ + V3

หรือ S + getgot + สิ่งของ + V3 ได้เลย
ข้อนี้มี had + her bag (สิ่งของ) + ตอบกริยาช่องที่ 3 ก็คือ stolen (มาจาก steal)

57.Can you get this report____by Monday?
1. do
2. done
3. to do
4. doing
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 56 ประกอบ กริยา get + สิ่งของ + V3 จึงตอบ done

58.It is____that a respiratory virus has spread from China.
1. report
2. reports
3. reported
4. reporting
ตอบ 3 หน้า 156 เป็นรูป passive reparing verbs ในรูปแบบของกริยาในประโยคดังนี้

ประธาน be said
known to    +V1
reported

It is reported that ten people were killed. (มีรายงานว่าคน 10 คนถูกฆ่าตาย)

59.The Aurora Gold and Jewelry shop____yesterday.
1. is robbed
2. was robbed
3. had been robbed
4. had robbed
ตอบ 2 หน้า 158 เป็นเรื่อง passive construction ในรูปของประธานถูกกระทํา โดยใช้โครงสร้าง verb to be + V3 อาจะสังเกตจากประธานเป็นสิ่งของ หรือส่วนหลังประโยคมีคําว่า by (โดย) สําหรับข้อนี้ประธานคือ shop ร้านถูกปล้น จึงใช้ was robbed ตัวแรกเป็น was เพราะท้าย โจทย์มี yesterday แสดงอดีต ใช้ V2 มาจาก robbed มาเป็น was robbed

60.Jack had his car____.
1. repair
2. repaired
3. repairing
4. repair
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 56 ประกอบ had + สิ่งของ (car) + v3 = + v3 = repaired

61.Kimberly got her laptop____.
1. fix
2. fixed
3. fixing
4. to fix
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 56 ประกอบ get/got + สิ่งของ + V3 = fixed

62.Bill’s car needs____.
1. fix
2. fixed
3. fixing
4. to fix
ตอบ 3 กริยา needs ผันตามประธานแสดงถึงเป็นกริยาแท้ ตามด้วย Ving จึงตอบ fixing

63.Jane said to me, “Do you like cats?”
Jane____me if I liked cats.
1. say
2. says
3. ask
4. asked
ตอบ 4 หน้า 197 การทํา Direct Question ให้เป็น Indirect Question เรารู้จากการถาม Do you like….. กริยาหลักต้องเป็นเปลี่ยนเป็นดังนี้

ฉะนั้นจาก said to me เปลี่ยนเป็น asked me

64.Mark said to his girlfriend, “What will you do?”
Mark asked his girlfriend what she____do.
1. will
2. would
3. shall
4. should
ตอบ 2หน้า 191 ประโยคคําถาม said เปลี่ยนเป็น asked และกริยาที่อยู่ในอนุประโยคด้านขวา จาก Present Simple Tense (will) จะต้องเปลี่ยนเป็น Past Simple Tense คือ would

65.Yaya said to me, “When is your birthday?”
Yaya asked me when____birthday was.
1. our
2. ours
3. my
4. mine
ตอบ 3 หน้า 197 เรารู้ว่าจากประโยคแรกว่าคําถาม your birthday ก็คือถาม me ฉะนั้นเมื่อเป็น indirect เราจะเปลี่ยนคําสรรพนามจาก your มาเป็น my เพราะหมายถึงถามฉัน (me)

66.Soundin____ mechanical waves.
1. are traveling
2. traveled
3. travel
4. travels
ตอบ 4 หน้า 6 ใช้ Present Simple Tense S + V1) แสดงข้อความที่เป็นจริงโดยธรรมชาติหรือ โดยทั่ว ๆ ไปรวมทั้งสุภาษิตและคําพังเพย แสดงความเป็นจริงในปัจจุบันรวมทั้งสิ่งที่เป็นขนบธรรมเนียมประเพณีเช่น
-The sun rises in the east, and sets in the west.
(พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก)
-Sound travels in mechanical waves. (เสียงเดินเป็นคลื่นกล)

67.A male mosquito____on blood.
1. not fed
2. doesn’t feed
3. hasn’t fed
4. won’t feed
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 66 ประกอบ เป็นจริงใช้ V1 ถ้าบอกเล่า feeds ปฏิเสธเป็น = doesn’t feed เป็นความจริงว่า “ยุงตัวผู้ไม่กินเลือด”

68.Our family____our bank account every month.
1. updates
2. updated
3. are updating
4. had updated
ตอบ 1 หน้า 6 ใช้ Present Simple Tense S + V1) แสดงเหตุการณ์หรือการกระทําที่ เกิดขึ้นเป็นประจํา เป็นนิสัย สม่ําเสมอ ทําทุกวัน ประโยคที่เป็นความจริงเสมอ จริงตามธรรมชาติ จริงในปัจจุบัน สํานวน สุภาษิต หรือเกิดขึ้น ในปัจจุบันมีคําบอกเวลาเช่น always,usually, often, sometimes, normally, frequently, nowadays, every + ช่วงเวลา เช่น every day (ทุกวัน) every week, every month, every year (ทุกปี) at present (ในปัจจุบัน) เป็นต้น ฉะนั้นมี every month จึงตอบ V1 = updates

69.This area____draughts from March to May.
1. got
2. has got
3. gets
4. would getting
ตอบ 1 หน้า 24 ใช้ Past Simple Tense S + V2) ใช้เพื่อบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบสิ้นไป แล้วในอดีต อย่างข้อนี้ เป็นการเล่าว่า “พื้นที่นี้แห้งแล้งจากเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม” สามารถ ระบุเวลาได้แสดงถึงเหตุการณ์ได้เกิดผ่านไปแล้ว แล้วเอามาพูดตอบ V2 = got

70.The pen____erasable.
1. does not
2. is not
3. will not
4. has not
ตอบ 2 หน้า 167 การทําเป็นรูปปฏิเสธ เราเห็น erasable เป็นคําคุณศัพท์ (adj.) กริยาที่วางหน้า
คุณศัพท์ได้จะเป็น verb to be จึงตอบ is not + adj. ได้ ส่วน ถ้าเป็น does not, will not จะ ตามด้วยกริยาช่องที่ 1 และ has not + กริยาช่องที่ 3

71.Time____ when you’re having fun.
1. flies
2. fly
3. flew
4. flown
ตอบ 1 ประธาน Time เอกพจน์ ถ้าใช้กริยาช่องที่ 1 เอกพจน์ต้องเป็น flies ถูกต้องเพราะเป็นการพูด ความจริงว่า “เวลาผ่านไปเร็วเมื่อคุณสนุก”

72.The crowd____to the main stadium last evening.
1. parades
2. parading
3. paraded
4. parade
ตอบ 3 เราเห็นคําบอกเวลา last evening (เมื่อเย็นที่ผ่านมา) เป็นอดีตใช้ V2 = paraded

73.This bread____ bad, so I threw it away.
1. went
2. gone
3. going
4. go
ตอบ 1 เราเห็น threw เป็นกริยาช่องที่ 2 มาจาก throw threw thrown ฉะนั้นอีกส่วนข้างหน้าก็ต้องเป็นอดีตไปด้วยจึงตอบกริยาช่องที่ 2 คือ went ขนานอดีตทั้งคู่เป็นการเล่าเหตุการณ์

74.James____the phone ring, and he left it at our house.
1. haven’t hear
2. hasn’t heard
3. didn’t heard
4. didn’t hear
ตอบ 4 เราเห็น left เป็นกริยาช่องที่ 2 เป็นอดีต เราก็ตอบข้างหน้าเป็นอดีตไปด้วยคือ V2 = didn’t hear ถ้าใช้ did not มาช่วยแล้วตามด้วยกริยาช่องที่ 1 เสมอ ตอบอดีตทั้งหน้าและหลัง

75.This bridge____the place where I met the President.
1. was
2. were
3. is
4. am
ตอบ 1 เช่นเดียวกัน เราเห็น met เป็น V2 เล่าเหตุการณ์ในอดีต เราก็ตอบส่วนหน้าเป็นอดีตไป
ด้วยคือ was

Part II: Vocabulary (คําศัพท์)

76.He will____his family fortune.
1. lower
2. continue
3. cheer
4. inherit
ถาม เขาจะ___ทรัพย์มรดกตระกูลของเขา
ตอบ 4 หน้า 29 1. ลดต่ำลง 2. ดําเนินต่อไป 3. รื่นเริง 4. ได้รับมรดก สืบทอด

77.My son is one of the greatest___of his generation.
1. artists
2. fragments
3. directions
4. reconciliation
ถาม ลูกชายของฉันเป็นหนึ่งใน____ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรุ่นของเขา
ตอบ 1 หน้า 30 1. จิตรกร 2. ชิ้นส่วน 3. ทิศทาง 4. การไกล่เกลี่ย

78.Water from factories____this area’s rivers and canals.
1. affects
2. pollutes
3. convinces
4. gazes
ถาม น้ำที่ไหลจากโรงงานทําให้แม่น้ำและคลองในพื้นที่นี้____.
ตอบ 2 หน้า 45 1. มีผลต่อ 2. ทําให้เกิดมลพิษ 3. ทําให้เชื่อ 4. จ้องมอง

79. Put yourself in a good_____.
1. evidence
2. gift
3. essential
4. environment
ถาม ทําให้ตัวเองอยู่ใน____ที่ดี
ตอบ 4 หน้า 46 1. หลักฐาน 2. ของขวัญ 3. สิ่งจําเป็น 4. สิ่งแวดล้อม สภาวะแวดล้อม

80.The most___ study confirms that this illness is curable.
1. recent
2. abominable
3. complex
4. quick
ถาม จากการศึกษา____ที่สุดยืนยันว่าโรคเจ็บป่วยนี้สามารถรักษาได้
ตอบ 1 หน้า 46 1. เร็ว ๆ นี้ ไม่นานมานี้ 2. น่ารังเกียจ 3. สลับซับซ้อน 4. รวดเร็ว

81.It’s a sensitive issue, so please don’t____it.
1. report
2. interview
3. emphasize
4. improve
ถาม มันเป็นประเด็นที่อ่อนไหว กรุณาอย่า___มัน
ตอบ 3 หน้า 46 1. รายงาน 2. สัมภาษณ์ 3. เน้นย้ำ 4. ปรับปรุงให้ดีขึ้น

82.The___of bacteria makes them difficult to classify.
1. variation
2. consumption
3. mutation
4. generation
ถาม _____ของแบคทีเรียทําให้ยากที่จะจัดหมวดหมู่พวกมัน
ตอบ 3 1. ความหลากหลาย 2. การบริโภค 3. การกลายพันธุ์ 4. รุ่น

83.There are many fruit____in Chantaburi.
1. yards
2. grounds
3. orchards
4. lands
ถาม มี____ผลไม้จํานวนมากมายในจังหวัดจันทบุรี
ตอบ 3 1. สนามหญ้า 2. พื้นดิน 3. สวนผลไม้ 4. ที่ดิน

84.A good____will make the weak get stronger.
1. health
2. diet
3. tablet
4. drug
ถาม____ที่ดีจะทําให้คนที่อ่อนแอแข็งแรงขึ้น
ตอบ 2
1. สุขภาพ 2. อาหาร 3. ยาเม็ด 4. ยา
ถ้าดูจากตัวเลือกในภาคคําศัพท์ที่เราเรียนใน ENG 1002 มีคําเดียวคือ diet = food = อาหาร

85.The____on her dessert makes it look lovely.
1. design
2. style
3. pattern
4. gamish
ถาม____บนของหวานของเธอทําให้ดูแล้วสวยงาม
ตอบ 4 1. การออกแบบ 2. รูปแบบ 3. รูปแบบ 4.สิ่งที่ใช้ตกแต่งอาหาร
ถ้าดูจากตัวเลือกในภาคคําศัพท์ที่เราเรียนใน ENG 1002 มีคําเดียวคือ gamish

86.The news____ that there was a forest fire in Australia.
1. spoke
2. extended
3. reported
4. believed
ถาม ข่าว____มีไฟไหม้ป่าในประเทศออสเตรเลีย
ตอบ 3 1. พูด 2. ขยายออกไป 3. รายงาน 4. เชื่อ
ก็มีเรียนคําเดียวคือ reported เดาได้เลย

87.The accused had no____to prove that he was innocent.
1. evidence
2. method
3. clip
4. record
ถาม ผู้กล่าวหาไม่มี_____ที่จะพิสูจน์ว่าเขาบริสุทธิ์
ตอบ 1 1. หลักฐาน 2. วิธี 3. คลิปหนีบ 4. บันทึก

88.English is not my___language.
1. level
2. native
3. exhibition
4. enlarged

ถาม ภาษาอังกฤษไม่ใช่เป็นภาษา___ของฉัน
ตอบ 2 1. ระดับ 2. พื้นเมือง 3. การแสดงนิทรรศการ 4. ทําให้ใหญ่ขึ้น

89.He devoted himself to volunteer____.
1. occasions
2. processes
3. relations
4. activities
ถาม เขาอุทิศตัวเองให้กับ____อาสาสมัคร
ตอบ 4 1. โอกาส 2. กระบวนการ 3. ความสัมพันธ์ 4. กิจกรรม

90.They worked hard to aid the____of the flood.
1. capture
2. murder
3. victims
4. passengers
ถาม พวกเขาทํางานหนักเพื่อช่วยเหลือ____ที่โดนน้ำท่วม
ตอบ 3 1. จับกุม 2. การฆาตกรรม 3. ผู้เคราะห์ร้าย เหยื่อ 4. ผู้โดยสาร

91.I could not find the restaurant because she pointed me in the wrong_____.
1. foundation
2. devotion
3. direction
4. fragmentation
ถาม ฉันหาร้านอาหาร ไม่เจอเพราะเธอบอก___ฉันไม่ถูก
ตอบ 3 1. มูลนิธิ 2. การอุทิศตน 3. ทิศทาง 4. การแบ่งออกเป็นชิ้นเล็ก

92.The villagers are seeking____against the military attack.
1. retribution
2. reflection
3. retributive
4. reflective
ถาม คนในหมู่บ้านกําลังมองหา____ต่อต้านการโจมตีทางทหาร
ตอบ 1 1. การตอบสนอง 2. การสะท้อนตัวเอง 3. ค่าตอบแทน 4. อย่างไตร่ตรอง
มีเรียนตัวเดียวคือ retribution = การตอบแทน การลงโทษกรรมสนอง

93.If you do not move for a while, the light will be turned off_____.
1. scarcely
2. automatically
3. plentifully
4. uselessly
ถาม ถ้าคุณไม่ขยับตัวสักครู่ ไฟก็จะปิด____.
ตอบ 2 1. อย่างหายาก 2. โดยอัตโนมัติ 3. อย่างอุดมสมบูรณ์ 4. อย่างไร้ประโยชน์
คําที่เรียนลงท้ายด้วย -ly มีตัวเดียวคือ automatically

94.Jane has to drive a very long____to work.
1. reflection
2. distance
3. system
4. analysis
ถาม แจนต้องขับรถไปทํางานเป็น____ไกลมาก
ตอบ 2 1. การสะท้อน 2. ระยะทาง 3. ระบบ 4. การวิเคราะห์

95.The company should____a new policy to control the situation.
1. admire
2. happen
3. forgive
4. develop
ถาม บริษัทควรจะ____นโยบายใหม่เพื่อควบคุมสถานการณ์
ตอบ 4 1. ชนชม 2. เกิดขึ้น 3. ยกโทษ ให้อภัย 4. พัฒนา

96.The manager_____to be drunk in the meeting.
1. healed
2. fragment
3. appeared
4. overcome

ถาม ผู้จัดการ____เมาในที่ประชุม
ตอบ 3 1. รักษา 2. ส่วน ชิ้น 3. ปรากฏตัว โผล่ออกมา 4. เอาชนะ

97.He is very_____ He can solve the problem quickly.
1. clever
2. cleverly
3. devote
4. devotedly
ถาม เขาเป็นคน____มาก เขาสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
ตอบ 1 1. เฉลียวฉลาด 2. อย่างเฉลียวฉลาด 3. อุทิศตน 4. อย่างอุทิศตน
คําที่ให้เติม เป็นคํา adj. เพราะตามหลัง verb to be (is) ต้องเป็น adj. ก่อนนั่นคือ clever
ส่วน devote เป็นคํากริยา

98.We need to run a complete system____on our computers.
1. foundation
2. analysis
3. fragment
4. legend
ถาม พวกเราต้องคําเนิน____ระบบในคอมพิวเตอร์ของเราให้สมบูรณ์
ตอบ 2 1. มูลนิธิ 2. การวิเคราะห์ 3. ชิน ส่วน 4. ตํานาน

99.Lisa____her time to help sick animals.
1. devotes
2. understands
3. fetches
4. gazes
ถาม ลิซา____เวลาของเธอช่วยเหลือสัตว์ที่ป่วย
ตอบ 1. 1. อุทิศ 2. เข้าใจ 3. ไปเอามา 4. จ้องมอง

100. You cannot use your car here. You need to park your____outside.
1. legendary
2. system
3. institute
4. vehicle
ถาม คุณจอดรถตรงนี้ไม่ได้ค่ะ คุณต้องไปจอด____ของคุณข้างนอกนะคะ
ตอบ 4 1. ตํานาน 2. ระบบ 3. สถาบัน 4. พาหนะ

101. This color can____light very well.
1. systemize
2. reflect
3. track
4. reconcile
ถาม สีนี้สามารถ____แสงได้ดีมาก
ตอบ 2 1. ระบบ 2. สะท้อนให้เห็น 3. ติดตาม 4.ไกล่เกลี่ย

102. The government has the____to control the price.
1. seriousness
2. power
3. analysis
4. academy
ถาม รัฐบาลมี____ที่จะควบคุมราคา
ตอบ 2 1. ความจริงจัง 2. พลัง อํานาจ 3. การวิเคราะห์ 4. สถานศึกษา

103. I carefully____the folder back in my desk drawer after using it.
1. placed
2. tipped off
3. continued
4. captured
ถาม ฉัน____แฟ้มอย่างระมัดระวังกลับเข้าไปในลิ้นชักโต๊ะหลังจากใช้เสร็จ
ตอบ 1 1. วาง ใส่ 2. บอกให้ทราบ 3. ดําเนินต่อไป 4. จับกุม

104. We studied the map and planned our_____.
1. center
2. disease
3. route
4. treatment
ถาม พวกเราศึกษาแผนที่และวางแผน____ของพวกเรา
ตอบ 3 1. ศูนย์กลาง 2. โรค เชื้อโรค 3. เส้นทาง 4. การรักษา

105.Please____the weather forecast before starting your trip.
1. claim
2. experiment
3. check
4. propagate
ถาม กรุณา____การพยากรณ์อากาศก่อนที่จะเริ่มออกเดินทางของคุณ
ตอบ 3 1. กล่าวอ้าง 2. ทําการทดลอง 3. ตรวจสอบ 4. ขยายพันธุ์

106. Mega Bangna is a huge shopping___ on Bangna Trad Road.
1. intimacy
2. existence
3. conclusion
4. center
ถาม เมกะ บางนาเป็น____ช้อปปิ้งที่ใหญ่โตบนถนนบางนาตราด
ตอบ 4 1. ความใกล้ชิดสนิทสนม 2. การมีชีวิตอยู่ 3. การสรุป 4. ศูนย์กลาง

107.At the end of the show, the whole audience stood up, clapping and____.
1. cheering
2. nodding
3. maintaining
4. surviving
ถาม ในตอนท้ายของการแสดง ผู้ชมทั้งหมดลุกขึ้น ปรบมือและ____.
ตอบ 1 1. โห่ร้อง 2. พยักหน้า 3. รักษาไว้ 4. รอดชีวิต

108. Whales are____as mammals.
1. pollinated
2. classified
3. inherited
4. continued
ถาม ปลาวาฬถูก____เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม
ตอบ 2 1. ทําให้เกิดมลพิษ 2. จัดหมวดหมู่ 3. ได้รับมรดก 4. ดําเนินไป

109.He lost his____and fell off the ladder.
1. vehicle
2. disease
3. expedition
4. balance
ถาม เขาสูญเสีย____ของเขาและตกลงกระได
ตอบ 4 1. ยานพาหนะ 2. โรคเชื้อโรค 3. การเดินทาง 4. ความสมดุล

110. Spaghetti carbonara has about 630_____.
1. victims
2. activities
3. calories
4. companies
ถาม ปาเก็ตตี้คาโบนาร่ามีประมาณ 630_____.
ตอบ 3 1. เหยื่อ ผู้เคราะห์ร้าย 2. กิจกรรม 3. แคลลอรี่ (หน่วยที่ใช้คํานวณพลังงานจากอาหาร)
4. บริษัท

111. Psychology is the scientific study of____ and mental processes.
1. behavior
2. beast
3. expedition
4. ancestor
ถาม จิตวิทยาเป็นการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับกระบวนการทางจิตใจและ____.
ตอบ 1 1. พฤติกรรม 2. สัตว์โลก 3. การเดินทาง 4. บรรพบุรุษ

112. Thailand is becoming an elderly society.
1. genetic
2. aged
3. necessary
4. active
ถาม ประเทศไทยกําลังจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ
ตอบ 2 หน้า 14 1. เกี่ยวกับพันธุกรรม 2. มีอายุ 3. จําเป็น 4. กระตือรือร้น
elderly = aged, old = มีอายุ อายุมากขึ้น

113.Human beings hate snakes or reptiles for various reasons.
1. native
2. impossible
3. renowned
4. several

ถาม มนุษย์เกลียดงูหรือสัตว์เลื้อยคลายด้วยเหตุผลต่าง ๆ นา ๆ
ตอบ 4 หน้า 13 1. เกี่ยวกับพื้นเมือง 2. เป็นไปไม่ได้ 3. มีชื่อเสียง 4. มากมาย
various = diverse, many, several, manifold = ต่าง ๆ หลายชนิด มากมาย

114. To be successful in education, one should work hard.
1. accomplished
2. clever
3. limited
4. awesome
ถาม จะประสบผลสําเร็จในการศึกษา เราควรขยันเรียนให้มาก
ตอบ 1 หน้า 29. 1. ประสบผลสําเร็จ 2. เฉลียวฉลาด 3. จํากัด 4. มหัศจรรย์
successful = accomplished = ประสบผลสําเร็จ

115. His forebears came from China.
1. relatives
2. ancestors
3. successors
4. comrades
ถาม บรรพบุรุษของเขามาจากประเทศจีน
ตอบ 2 หน้า 78 1. ญาติ 2. บรรพบุรุษ 3. ผู้สืบทอด 4. สหาย
forebears = ancestors – บรรพบุรุษ

116. The arrested soldier has denied any link to the bomb at the riot.
1. decision
2. intention
3. connection
4. attention
ถาม ทหารที่ถูกจับกุมได้ปฏิเสธความเกี่ยวข้องใด ๆ กับการระเบิดในจลาจล
ตอบ 3 หน้า 93 1. การตัดสินใจ 2. ความตั้งใจ 3. ความเกี่ยวข้อง 4. ความสนใจ
connection = link = ความเกี่ยวข้อง

117. Many business firms cannot raise their wages.
1. shops
2. companies
3. institutions
4. organizations
ถาม บริษัทที่ทําธุรกิจจํานวนมากไม่สามารถขึ้นค่าแรงของพวกเขา
ตอบ 2 หน้า 92 1. ร้านค้า 2. บริษัท 3. สถาบัน 4. องค์กร
company = business fimm = บริษัท

118. It is necessary to have an operation.
1. genetic
2. essential
3. edible
4. famous
ถาม เป็นสิ่งจําเป็นที่จะต้องการมีการดําเนินการ
ตอบ 2 1. เกี่ยวกับพันธุกรรม 2. จําเป็น 3. สามารถรับประทานได้ 4. มีชื่อเสียง
necessary = essential = จําเป็น สําคัญ

119. My grandfather is still very active at eighty-five.
1. famous
2. bereaved
3. energetic
4. popular
ถาม ปู่ของฉันยังคงเป็นคงกระฉับกระเฉงถึงแม้จะอายุ 85
ตอบ 3 หน้า 1. มีชื่อเสียง 2. ที่สูญเสียไป 3. กระฉับกระเฉง 4 เป็นที่แพร่หลาย
active = energetic, lively = แคล่วคล่อง ว่องไว กระตือรือร้น

120. All the exam results will be displayed on the noticeboard.
1. showed
2. interviewed
3. convinced
4. rescued
ถาม ผลการสอบทั้งหมดจะโชว์บนกระดานป้ายติดประกาศ
ตอบ 1 1. แสดงให้เห็น โชว์ 2. สัมภาษณ์ 3. ทําให้เชื่อ 4. ช่วยเหลือจากอันตราย
displayed = showed = แสดง โชว์

ENG1002 ประโยคและศัพท์ทั่วไป 1/2565

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2565
ข้อสอบกระบวนวิชา ENG 1002 ประโยคและศัพท์ทั่วไป
Part I: Structure (ภาคโครงสร้าง)
Choose the best answer.

1.Clean the room,____?
1. do you
2. will you
3. are you
4. aren’t you
ตอบ 2 หน้า 174 175 เป็นเรื่อง question-tags ที่ให้ตอบส่วนหาง โดยกําหนดว่าถ้าข้างหน้า
เป็นประโยคบอกเล่าข้างหลังจะต้องเป็นรูปปฏิเสธรูปย่อ มี 2 ส่วนที่ต้องดูนั่นคือ เรื่องกริยากับ เรื่องคําสรรพนาม สําหรับกริยาเช่นให้ are ก็ตอบเป็น aren’t, will ก็ตอบ won’t ถ้าเป็นกริยา แท้แสดงอาการกระทํา ให้ใช้ verb to do มาช่วย
– Jane will be here soon, won’t she?
– There was a lot of rain, wasn’t there?
-Maggi won’t be late, will she?

ยกเว้น ถ้าขึ้นต้นประโยคมี 2 กรณี ให้ตอบส่วนหลังคงที่ เช่น
-Let’s go home, shall we? ขึ้นต้นด้วย Let’s ให้ตอบ shall we
-Clean the table, will you? ขึ้นต้นด้วย กริยาช่องที่ 1 ให้ตอบ will you

2.Let’s watch a movie,____?
1. did we
2. could we
3. are we
4. shall we
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ ขึ้นต้นด้วย Let’s ตอบส่วนหลังว่า shall we

3.These books are not interesting,____?
1. are they
2. did they
3. were they
4. will they
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ เห็นคํากริยา are not เป็นปฏิเสธ ก็ตอบเป็นบอกเล่าคือ are และประธาน These books ตอบเป็นสรรพนามพหูพจน์คือ they

4.____told you that?
1. Where
2. Which
3. Who
4. What
ตอบ 3 หน้า 166 เป็นประโยคคําถาม Wh-questions แบบนี้ออกสอบทุกเทอม 2 – 3 ข้อ
1. Who What Which + (คํานาม) + กริยา เช่น
– Who saw him?
– Which bus goes to town?
– What happened to you last night?
2. Whom/What /Which ใช้เป็นกรรมของประโยค + (คํานาม) + กริยาช่วย + ประธาน + กริยา
-What did he buy yesterday?
-Which job have you applied for?
3. Whose + คํานาม เสมอ ส่วน When, Why, Where ใช้ตามแบบที่ 2
-Whose book are you reading?
-Why did he go home?
-How + adj. ใช้ถามเกี่ยวกับ ระดับต่าง ๆ เช่น
-When will you do?
-Where do you come from?
-How old is she?
จากโจทย์นี้จะเห็นว่าต่อจากคําที่ให้เติมเป็นกริยา told (มาจาก tell) ซึ่งต้องใช้ Who + กริยาหลัก
เสมอ ถามถึงใคร ทําหน้าที่เป็นประธาน

5.____keys are these?
1. Whose
2. Who
3. How
4. When
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 4. ประกอบ keys เป็นคํานาม ใช้ Whose + คํานามแสดงความเป็นเจ้าของว่า ของใคร (กุญแจนี้เป็นของใคร?)

6.____any volunteer work before?
1. Haven’t you done
2. Haven’t you do
3. Have you not do
4. Have you not been done
ตอบ 1 ในรูปประโยคคําถาม ถ้าเราใช้ Have ขึ้นหน้า you (ประธาน) กริยา have จะตามด้วยกริยาช่อง ที่ 3 ก่อนนั่นคือ have done และเป็นทําเป็นประโยคคําถามถ้าใช้รูปย่อ ก็เป็น Haven’t + ประธาน + V3 ตรงกับตัวเลือกข้อ 1 ถูกต้อง ถ้าเราใช้คําถามปฏิเสธแบบรูปเต็มก็จะเป็น Have + ประธาน + not + V3 แต่ตัวเลือกที่ 3 เป็น do (V1) จึงผิดและตัวเลือกข้อ 2 ก็ผิดลักษณะเดียวกัน และตัวเลือกที่ 4 ใช้ have been V3 ไม่ถูกต้องเพราะประธาน you แสดงกระทําเอง ไม่ใช่ถูกกระทํา

7.____is the last day to file taxes?
1. When
2. Where
3. Whom
4. Whose
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 4. ประกอบ ถามถึงเวลาว่าเมื่อไร จึงตอบ When

8.Jessica will go to the party,____?
1. will she
2. won’t she
3. was she
4. wasn’t she
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 1 ประกอบ ส่วนหลัง มีกริยาบอกเล่า will ทําเป็นปฏิเสธรูปย่อคือ won’t และ Jessica เป็นเพศหญิง ใช้สรรพนาม she แทน

9.She got____by sharks.
1. attacked
2. attack
3. attacking
4. to attack
ตอบ 1 หน้า 163 เป็นโครงสร้างในเรื่อง Passive Voice โดยใช้ในรูปของ Verb to have หรือ Verb to get ให้จํา จะออกข้อสอบประมาณ 2-3 ข้อ ก็คือ เมื่อเห็น have/has/ had หรือ getgot ให้ + V3 ดูสูตร

S + has/have/had + สิ่งของ + V3
หรือ S + getgot + สิ่งของ + V3 ได้เลย
จากโจทย์มีกริยา got + V3 นั่นคือ attacked

10. Can you get this homework____by Friday?
1. do
2. done
3. to do
4. doing
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 9. ประกอบ กริยา get (got) + สิ่งของ + V3 จึงตอบ done

11. It is___ that this is a haunted house.
1. say
2. says
3. said
4. saying

ตอบ 3 หน้า 156 เป็นรูป passive reporting verbs ในรูปแบบของกริยารายงานข่าวในประโยคดังนี้

ยังมีกริยาตัวอื่นอีกเช่น suppose, assume, consider, claim, think, believe, report, know, expect, allege, understand เป็นต้น ดูตัวอย่าง
– It is reported that ten people were killed. (มีรายงานว่าคน 10 คนถูกฆ่าตาย)
– It is believed that the thieves got in through the kitchen window.
– It is said that she works 16 hours a day. (กล่าวกันว่าเธอทํางานวันละ 16 ชั่วโมง)

12. Jessica’s house____ last night.
1. is robbed
2. was robbed
3. had been robbed
4. had robbed
ตอบ 2 เป็นเรื่อง Passive Construction การทําให้เป็นรูปถูกกระทํา โดยสังเกตจากประธานมักเป็นสิ่งของ สิ่งไม่มีชีวิต บางประโยคส่วนหลังอาจมีคําบอกใบ้เช่น by (โดย) ด้วย อย่างโจทย์ข้อนี้ประธานเป็นสิ่งของคือ house (บ้าน) ของเจสสิก้า ถูกปล้นเมื่อคืน เราใช้รูปถูกกระทําจะลงท้ายด้วยกริยาช่องที่ 3 เสมอ นั่น verb to be + V3 และข้อนี้มีคําบอกเวลา last night แสดงรูปของ Past Tense (V2) ถูกกระทํา
เป็น was +V3 = was robbed

13. Jack had his car____.
1. wash
2. washed
3. washing
4. to wash
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 9. ประกอบ มี have (had) + สิ่งของ + V3 จึงตอบ washed

14. Kimberly had her phone____.
1. fix
2. fixed
3. fixing
4. to fix
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 9. ประกอบ เหมือนกันคือ had + สิ่งของ + V3 จึงตอบ fixed

15. The company____in 1998.
1. builds
2. was built
3. is building
4. had built
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 12. ประกอบ ประธานเป็นสิ่งของ The company (บริษัท) ถูกก่อสร้าง ในปี 1998 เป็นอดีต จึงใช้ was + V3 = was built

16. Mary____thirty next week.
1. was
2. will be
3. has been
4. is
ตอบ 2 หน้า 104 ใช้ Future Simple Tense S + will/shall + V1) แสดงเหตุการณ์ที่จะ =เกิดขึ้นในอนาคต มักมีคําบอกเวลา เช่น tomorrow, soon, next + ช่วงเวลา เช่น next year, next month, tonight, in a few minutes, in half an hour เป็นต้น ข้อนี้มีคําบอกเวลา next week จึงตอบ will be

17. I____a computer next month.
1. buy
2. have bought
3. will buy
4. bought

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 16. มีคําบอกเวลาคือ next month (เดือนหน้า) เป็นอนาคตใช้ will + V1 จึงตอบ will buy

18. I____an appointment at noon tomorrow.
1. have had
2. had had
3. had
4. will be having
ตอบ 4 หน้า 107 ใช้ Future Continuous Tense (S+ will/shall + be +Ving) แสดงเหตุการณ์ที่
จะเกิดขึ้นในอนาคตที่มีช่วงเวลาระบุไว้อย่างแน่ชัด เช่น at this time tomorrow, tomorrow evening, at 10 o’clock tomorrow ฉะนั้นจากข้อนี้มีคําบอกเวลาที่ระบุเวลาว่า at noon tomorrow จึงตอบ will
be + Ving = will be having

19. Daniel, my friend,____his assignment by tomorrow.
1. is completing
2. completed
3. will have completed
4. will complete
ตอบ 3 หน้า 112 ใช้ Future Perfect Tense (S+ will/shall + have V3) หรือ Future Perfect Continuous Tense (S+ will/shall + have been Ving) กับคำบอกเวลาที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า “by” (ประมาณ ราวๆ ) เช่น by next year, by the end of this year, by tomorrow, by that time, by the end of this month, by noon เป็นต้น ฉะนั้นข้อนี้มีคําบอกเวลา by tomorrow จึงตอบ will have V3 = will have completed

20. By the end of this week, Ida____here for six years.
1. has studied
2. will study
3. studies
4. will have been studying
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 19. ประกอบ มีคําบอกเวลา by the end …. ก็ตอบ will have V3 ถ้าไม่มีก็ต้อง will have been Ving แทนได้เลย จึงตอบ will have been studying

21. We____reading this novel by next month.
1. will finish
2. finish
3. will have finished
4. finished
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 19. ประกอบ มีคําบอกเวลา by next month จึงตอบ will have V3

22. If my boss_____early, we will go to have breakfast together.
1. arrives
2. arrived
3. will arrive
4. have arrived

ตอบ 1 หน้า 124- 130 เป็นการตัด if ออกไป การใช้ If มี 4 แบบ

 

ข้อนี้ตรงกับสูตรที่ 2 ส่วนหลังให้มา will go = will V1 ฉะนั้นข้างหน้าตอบ V1 ก็คือ arrives

23. If Barbara____the beauty contest, she would have bought a new house.
1. is.winning
2. wins
3. won
4. had won
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 22. ประกอบ ตรงกับ If สูตรที่ 4 เพราะให้มาข้างหลัง would have bought = would have V3 ฉะนั้นส่วนหน้าจึงตอบ had V3 = had won

24. If I go to Japan, I ____anything I want.
1. would eat
2. ate
3. will eat
4. would have eaten
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 22. ประกอบ ตรงกับ if สูตรที่ 2 ให้มาข้างหน้าคือ go = V1 ตอบส่วนหลัง เป็น
will V1 = will eat

25. If you heat water to 100 degrees, it____.
1. would boil
2. boils
3. boiled
4. would have boiled
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 22. ตรงกับ if สูตรที่ 1 เพราะประโยคเป็นข้อเท็จจริง ให้มาส่วนหน้าคือกริยาช่อง ที่ 1 (heat) แสดงว่าส่วนหลังก็จะสามารถตอบ V1 หรือไม่ก็ will V1 ดูตัวเลือกมีแค่ V1 จึงตอบ boils

26. Mark would do laundry if he____up early.
1. get
2. got
3. had gotten
4. are getting
ตอบ : ดูคําอธิบายข้อ 22. ตรงกับ if วางกลางประโยคเรากับใส่กริยาเหมือนเดิมเพียงแต่สลับข้างเท่านั้น ให้มาแล้ว would do = would V1 แสดงว่าอีกส่วนต้องตอบ V2 = got (มาจาก get got got/gotten)

27. If Jackson____me, I would have helped you.
1. is telling
2. tells
3. told
4. had told
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 22. ตรงกับ if สูตรที่ 4 เราเห็นส่วนหลังให้มา would have helped = would have V3 แสดงว่าส่วนหน้าตอบ had V3 จึงตอบ had told

28. I wish I____ a professional car racer.
1. am
2. were
3. have been
4. am being
ตอบ 2 หน้า 147 เป็นการใช้ wish

1. S + wish/wishes S + V2 หรือ were
2. S + wished S + had V3

ให้กริยา wish เป็นกริยาช่องที่ 1 ตอบหลังเป็นกริยาช่องที่ 2 ก็คือ were ประธานจะเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ ในกลุ่มการสมมติก็คือเรื่อง as if, wish, if สําหรับ verb to be ช่องที่ คือเรื่อง as if, wish, if สําหรับ verb to be ช่องที่ 2 ต้องเป็น were เท่านั้น ไม่ใช้ was

29. God____with us.
1. is
2. be
3. would be
4. will be
ตอบ 2 ขึ้นต้นด้วย God หรือ Long ตอบกริยาช่องที่ 1 ไม่ผันเสมอ ถ้าเป็น verb to be กริยาไม่ผัน ก็
คือ be ถ้าเป็นกริยาทั่วไป ก็คือ ไม่เติม s หรือ ed หรือใด ๆ เลย เช่น
– Long live the king and the queen
– God be with us.

30. I recommend that you____ more to get an A.
1. study
2. studies
3. studied
4. have studied
ตอบ 1 เป็นกลุ่มกริยายกเว้น ให้ตอบหลังประธานเป็นกริยาช่องที่ 1 ไม่ฝันก็คือไม่เติมท้ายอะไรเลย

S + suggest, insist, demand, desire,
require, request, recommend, prefer + that S + V1 ไม่ผัน

recommend that ตอบ study (V1 ไม่ผัน)

31. It’s necessary that you___here in the conference.
1. be
2. are
3. were
4. have been
ตอบ 1 หน้า 149 เป็นเรื่องกลุ่มคําที่ยกเว้น ให้ตอบส่วนหลังเป็นกริยาช่องที่ 1 ไม่ผัน (ไม่เดิม s, es, ed, ing) ถ้าเป็น verb to be ให้ตอบ be มักออก 1 ข้อ ได้แก่

S+ is/was important that S + V1
essential
necessary
imperative
urgent

It is necessary that ตอบ be (V1 ไม่ผัน)

32. I think it would be a good idea if we____a pilot study before a research.
1. do
2. did
3. can do
4. are doing
ตอบ 2 หน้า 148 ข้อนี้เป็นเรื่องกลุ่มสมมติที่ขึ้นประโยคด้วยคําต่อไปนี้ให้ตอบกริยาช่องที่ 2 ออก
ทุกเทอม 1- 2 ข้อ

If only It’s time
It’s about time
It’s high time that S + V2 ก็คือ sent
He’d rather
I think it would be a good idea if

ตรงกับ I think it would be a good idea if + ประธาน + ตอบกริยาช่องที่ 2 คือ did มาจาก do/does did done

33. Jannie said to me,“Do you like papaya salads?”
Jannie____me if I liked papaya salads.
1. say
2. says
3. ask
4. asked
ตอบ 4 เป็นเรื่อง Indirect Speech ก็คือการเอาคําพูดมาเล่าให้ฟังเครื่องหมายคําพูดจะหมายไป เราจะเห็น ประโยคแรกมีเครื่องหมายคําพูดเป็น Direct Speech คําพูดโดยตรงและเป็นประโยคคําถาม เมื่อเราทําเป็น indirect speech เราจะเปลี่ยนกริยาหลักตรง said to ให้เป็น asked (ถาม) เพราะมาจากประโยคคําถามเป็น กริยาช่องที่ 2 อดีต คือ asked

34. Mark said to his mother, “When will you arrive?”
Mark asked his mother when she____arrive.
1. will
2. would
3. shall
4. should
ตอบ 2 เราจะเห็นลักษณะเดียวกับข้อ 33 คือเป็นประโยคคําถามทําเป็น indirect speech กริยาหลักจะเป็น asked แต่ข้อนี้ถามส่วนหลังก็คือจากกริยาทางตรงคือ will จะต้องเปลี่ยนให้เป็น past tense คือ กริยา ช่องที่ 2 นั่นคือตอบ would

35. Marie said to me, “Where is your car?”
Marie asked me where____car was.
1. our
2. ours
3. my
4. mine
ตอบ 3 เป็น indirect speech ที่ถามสรรพนาม ดูจากตัวเลือกก็รู้ เมื่อเราประโยคคําพูด ๆ ว่า มารีพูดกับฉัน ว่า “รถเธออยู่ไหน” นั่นคือ มารีถามฉันว่ารถของฉันอยู่ไหน คําว่า your car ก็คือถาม me ก็คือ my car ใน ประโยคคําพูดที่มาเล่าอีกที จึงตอบ my

36. Jane said “I am playing badminton.”
Jane said that she____playing badminton.
1. is
2. was
3. are
4. were
ตอบ 2 จากประโยคคําพูดทางตรงใช้ am playing เราต้องเปลี่ยนเป็นอดีตคือ Past Continuous
Tense นั่นคือ was playing

37. He said “I can speak Japanese.”
He said that he____speak Japanese.
1. can
2. might
3. could
4. may
ตอบ 3 ลักษณะเดียวกับข้อ 36. นั่นคือ กริยา Can เป็น V1 เราต้องเปลี่ยนเป็น V2 จึงตอบ could

38. Pauline said “I went to Chiang Mai last week.”
Pauline said that she had gone to Chiang Mai_____.
1. the previous week
2. the day before
3. that day
4. the following day
ตอบ 1 หน้า 185-186 เป็น indirect question มีตัวเชื่อม what และกริยา would ให้แล้ว ต่อไป ก็เปลี่ยนคําที่แสดงความใกล้เป็นคําที่แสดงความไกล ดังนี้

คําว่า last week เมื่อเอามาพูดต่อก็เป็นสัปดาห์ก่อนหรือสัปดาห์ก่อนหน้านั้น สามารถตอบ the week before หรือ the previous week ก็ได้ จึงตอบตัวเลือกที่ 1

39. My mother always ____television.
1. watch
2. watches
3. is watching
4. has watched
ตอบ 2 หน้า 6 ใช้ Present Simple Tense S + V1) แสดงเหตุการณ์หรือการกระทําที่ เกิดขึ้นเป็นประจํา เป็นนิสัย สม่ำเสมอ ทําทุกวัน ประโยคที่เป็นความจริงเสมอ จริงตามธรรมชาติ จริงในปัจจุบัน สํานวน สุภาษิต หรือเกิดขึ้นในปัจจุบันมีคําบอกเวลาเช่น always, usually, often, sometimes, normally, frequently, nowadays, every + ช่วงเวลา

เช่น every day (ทุกวัน) every week, every month, every year (ทุกปี) at present (ในปัจจุบัน) เป็นต้น และโจทย์ที่เป็นจริงเสมอจะไม่มีคําบอกเวลา แต่ออกสอบทุกเทอมต้อง คอยสังเกตว่าเป็นโจทย์แบบไหน ตัวอย่างเช่น

The sun rises in the east and sets in the west.
(พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก)
Most plants need water to survive. (พืชส่วนใหญ่ต้องการน้ำเพื่ออยู่รอด) เป็นจริง สําหรับข้อนี้มีคําบอกเวลาคือ always จึงตอบ V1 เอกพจน์คือ watches

40. Water____at zero degrees.
1. freeze
2. is freezing
3. had frozen
4. freezes
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 39 ประกอบ ประโยคเป็นจริงเสมอ “น้ําแข็งที่ 100 องศาเซลเซียส) จึงตอบ กริยาช่องที่ 1 = freezes

41. . His father____tomorrow morning.
1. arrives
2. arrived
3. was arriving
4. has arrived
ตอบ 1 มักใช้ Present Simple กับการเดินทาง เช่นกริยามาถึง (arrive) ออก (leaves) เป็นต้น หรือดูคําบอกเวลา tomorrow morning ปกติต้องตอบเป็น Future Simple Tense S + will V1) = will arrive แต่ไม่มีในตัวเลือก ฉะนั้นสามารถใช้ Present Simple แทนได้นั่นคือ V1 = arrives เพราะถือว่าเป็นอนาคตอันใกล้

42. Tom___to football practice every Friday.
1. go
2. goes
3. will go
4. has gone
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 39. ประกอบ มีคําบอกเวลา every Friday ทําทุกวัน จึงตอบ Present Simple Tense = V1 ก็คือ goes

43. They____their kids to school every day.
1. drove
2. were driving
3. drive
4. would drive
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 39. ประกอบ เห็นคําบอกเวลา every day จึงตอบ V1 = drive

44. Here____the bride!
1. come
2. comes
3. coming
4. came
ตอบ 2 หน้า 7 ใช้ Present Simple Tense S + V1) ในประโยคอุทานที่ขึ้นต้นด้วย เช่น
ดูโครงสร้าง

Here
There            + V1
How + adj.
What + นาม

เช่น – What a beautiful girl she is!
-How beautiful you are!
-Here comes the bus!
-There goes the bus

ข้อนี้เหมือนกันขึ้นต้นด้วย Here ตรงสูตรนี้ ตอบกริยาช่องที่เอกพจน์คือ comes ผันตามคํานาม
the bride

45. The train____a few minutes ago.
1. stops
2. has stopped
3. will stop
4. stopped
ตอบ 4 หน้า 24 – 25 ใช้ Past Simple Tense S + V2) แสดงถึงเหตุการณ์ที่สิ้นสุดลงไปแล้วใน อดีตหรือเป็นการเล่าเรื่องราวในอดีต มักจะมีคําบอกเวลา เช่น yesterday, ago, in + ปีอดีต, in the past, last + เวลา เช่น last year, last night, last summer, last Sunday เป็นต้น จากโจทย์มีคําบอกเวลา a few minutes ago (เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา) จึงตอบ V2 = stopped

46. My parents____a new house last month.
1. will buy
2. would buy
3. bought
4. buy
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 45. ประกอบ มีคําบอกเวลา last month (เดือนที่แล้ว) เป็นอดีตจึงตอบ V2
bought (2n buy bought bought)

47. I ___French when I was a child.
1. study
2. would study
3. will study
4. studied
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 45. ประกอบ มีคําบอกเวลา when I was a child (สมันฉันยังเป็นเด็ก) เป็นการเล่า เรื่องในอดีต จึงตอบ V2 = studied

48. People____much more to make cell phone calls in the past.
1. pay
2. paid
3. would pay
4. have paid
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 45. ประกอบ มีคําบอกเวลา in the past (ในอดีต/สมัยก่อน) จึงตอบ V2
= paid (non pay paid paid)

49. Last night I___my guitar loudly and the neighbors complained.
1. play
2. played
3. would play
4. will pay
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 45. ประกอบ เห็นคําบอกเวลา last night ตอบ V2 = played

50. John____his History professor at the supermarket two days ago.
1. sees
2. would see
3. has seen
4. saw
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 45. ประกอบ มีคําบอกเวลา two days ago จึงตอบ V2 = saw

51. Suda____on the phone at the moment.
1. talk
2. is talking
3. was talking
4. talked

ตอบ 2 หน้า 38 ใช้ Present Continuous Tense S + is/am/are Ving) กับเหตุการณ์ หรือการกระทําที่กําลังเกิดขึ้นในขณะที่พูด เรามักคําบอกเวลาจํานะออกทุกเทอมเช่น now, right now, at the/this moment, at present จากโจทย์มีคําบอกเวลา at the moment จึงตอบ is talking

52. Claire____at the conference this evening.
1. speaks
2. would speak
3. is speaking
4. had spoken
ตอบ 3 มีคําบอกเวลา this evening (เย็นนี้) แสดงว่าเหตุการณ์เป็นอนาคต เราสามารถใช้ will speak แต่ ไม่มีในตัวเลือก เราก็สามารถเอาปัจจุบันมาเทนอนาคตได้ แต่อดีตไม่ได้แน่ฉะนั้นข้อ 2 และ 4 จึงผิด ถ้าดูในข้อ 41 เราใช้ Present Simple แทนอนาคตเพราะมักใช้กับการเดินทาง แต่ถ้าทั่วไปแล้วใช้แทนอนาคตได้ดีกว่า คือ Present Continuous Tense S + is, am, are + Ving) จึงตอบ is speaking ถือว่าใกล้เคียง
อนาคต

53. Something smells good. What____you____?
1. were, doing
2. had, done
3. are, be done
4. are, cooking
ตอบ 4 Present Continuous Tense S + is, am, are + Ving) ยังใช้กับประโยคที่พูดในขณะนั้น ก็คือ กําลังพูด กําลังกระทําในเวลาใดเวลาหนึ่ง อย่างข้อนี้ มีเกริ่นก่อนว่า “มีกลิ่นหอม เธอกําลังทําอาหารอะไร อยู่” แสดงขณะที่พูดจึงใช้ Present Continuous = are cooking

54. Sorry, she can’t come to the phone. She____dinner.
1. had
2. is having
3. was having
4. would have
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 53. ประกอบ ลักษณะเดียวกันคือเป็นการพูดต่อเนื่องว่าเธอมารับโทรศัพท์ไม่ได้ เพราะเธอกําลังทานอาหารอยู่ จึงตอบ is having

55. They____in a few minutes.
1. are leaving
2. have left
3. was leaving
4. had left
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 52. ประกอบ มีคําบอกเวลา in a few minutes (ในสองสามนาที) เป็นอนาคต ต้องตอบ will leave ไม่มีในตัวเลือกให้ตอบ Present Continuous Tense แทนได้จึงตอบ are leaving

56. Call me later. I____right now.
1. study
2. am studying
3. will study
4. have studied
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 51. ประกอบ คําบอกเวลา right now ตอบ am studying

57. Mary____when I telephoned her.
1. cooked
2. is cooking
3. will cook
4. was cooking
ตอบ 4 หน้า 53 ใช้ Past Continuous Tense คู่กับ Past Simple Tense เพื่อแสดงความสัมพันธ์ ของ 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต โดยเหตุการณ์หนึ่งกําลังดําเนินอยู่ (Past Continuous Tense) และอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดซ้อนขึ้นมา (Past Simple Tense) แบบนี้ให้ตอบทุกเทอม ดูสูตร การเชื่อมด้วย when

1. S + V2 + when + S + V2
2. S + was/were + Ving + when + S + V2
3. S + had V3 + when + S + V2

ตรงแบบที่ 2 ตอบ was cooking telephoned

58. We___ dinner when it started to rain.
1. had
2. has had
3. were having
4. are having
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 57. ประกอบ ให้มาแล้ว V2 = started จึงตอบ were having แสดงอาการกําลัง ทําในขณะนั้น (กําลังทานอาหาร) were having แล้วฝนเริ่มตก

59. What___ you___at 8 p.m. last night?
1. were, doing
2. are, doing
3. have, done
4. would, do
ตอบ 1 หน้า 53 ใช้ Past Continuous Tense S + was/were +Ving) แสดงเหตุการณ์ ที่กําลังดําเนินอยู่ ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งในอดีต ซึ่งมักจะมีคําบอกเวลาในอดีตด้วย เช่น (at) this time last year, at 9 p.m. last night สําหรับข้อนี้มีคําบอกเวลา at 8 p.m. last night ระบุเวลาในอดีต จึงตอบ were, doing

60. While you____,I was making dinner.
1. slept
2. will sleep
3. would sleep
4. were sleeping
ตอบ 4 หน้า 38 หรือ 53 เห็น as หรือ while เป็น 2 เหตุการณ์ ให้เคาปัจจุบันคู่กับปัจจุบัน และอดีตคู่ กับอดีต ดูสูตร การเชื่อม while หรือ as มีทั้งปัจจุบันและอดีต

1.S + V2 while S + was/were Ving
as
2.S + was/were Ving While S + was/were Ving
as
3.S + is/am/are +Ving while S + is/am/are Ving
4.while S + was/were Ving S + was/were Ving

ข้อนี้ตรงกับสูตร 4. were sleeping ให้มา was making เกิดพร้อมกัน

61. I___the room, and suddenly a bird came into my room.
1. am cleaning
2. was cleaning
3. will clean
4. have cleaned
ตอบ 2 ข้อนี้ เราเห็นกริยาช่องที่ 2 คือ came แสดงเหตุการณ์อดีต แสดงว่าข้างหน้า ก็ต้องตอบเป็นอดีตไปด้วย ดูจากตัวเลือกแล้วมีอดีตกาลตัวเลือกที่ 2 อันเดียวจึงตอบ was cleaning (Past Continuous Tense) ส่วนตัวเลือกที่ 1 เป็น ปัจจุบัน ตัวเลือกที่ 3 เป็นอนาคต ตัวเลือกที่ 4 เป็นปัจจุบัน

62. My mother____when I came back from school.
1. slept
2. would sleep
3. was sleeping
4. is sleeping

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 57. ประกอบ สูตรการเชื่อมด้วย when

2. S + was/were + Ving + when + S + V2
ตอบ was sleeping ให้มา came

63. My father ____ in Australia for a long time.
1. worked
2. has worked
3. is working
4. had worked
ตอบ 2 หน้า 68-69 หรือ 72 ใช้ Present Perfect (S + has/have + V3) หรือจะตอบ Present Perfect Continuous Tense (S + has/have been + Ving) แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นติดต่อกันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและจะดําเนินต่อไปในอนาคต จําคําบอกเวลาไว้ เช่น for (เป็นเวลา), since (ตั้งแต่), just (เพิ่งจะ), recently (เร็วๆนี้), lately, yet, already, ever, never, how long, all day (ตลอดวัน), all evening (ตลอดเย็น) สําหรับข้อนี้ มีคําบอกเวลาคือ for a long time nou has worked

64. They___many cars since I can remember.
1. have
2. had
3. have had
4. will have
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 63. ประกอบ มีคําบอกเวลา since + ช่วงเวลา จึงตอบ Present Perfect = have
+ V3 = have had

65. They____married for 25 years.
1. marry
2. have been
3. were marring
4. married
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 63. ประกอบ มีคําบอกเวลา for จึงตอบ have been

66. I____here since I graduated school.
1. work
2. worked
3. have worked
4. will work
ตอบ 4 คําอธิบายข้อ 63. ประกอบ มีคําบอกเวลา since … จึงตอบ have worked

67. I____to learn the English language for ten years.
1. try
2. will try
3. am trying
4. have been trying
ตอบ 4 ดูคําอธิบาย 63. ประกอบ มีคําบอกเวลา for … ตอบ have V3 แต่ไม่มีก็ตอบ have been +
Ving แทนได้ = have been trying

68. Kim___money for all of his life.
1. saves
2. has been saving
3. is saving
4. was saving
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 63. ประกอบ

69. I came here after you____.
1. left
2. leave
3. had left
4. would leave
ตอบ 3 เป็น 2 เหตุการณ์ ใช้ 2 Tense เชื่อมด้วย when วางไว้ต้นประโยค

1. S + had V3 before S + V2
2. S + had V3 when S + V2
3. S + V2 after S+ had V3
4. Before + S +V2 S+ had V3
5. After + S +had V3, S + V2
6. When + S + V2, S + had V3

ข้อนี้ตรงกับสูตรที่ 3 ให้มา came ตอบ had left

70. I helped him to do the task after I___my work.
1. finished
2. would finish
3. have finished
4. had finished
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 69. ประกอบ

3 S + V2 after S+ had V3

ให้มา helped ตอบ had finished

71. I____the songs before the program started.
1. had practiced
2. practiced
3. would practice
4. has practiced
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 69. ประกอบ ตรงกับสูตรที่ 1 before อยู่กลางประโยค

1.S + had V3 before S + V2

ตอบ had practiced ให้มา started

72. He____around the world before he came to Thailand.
1. travels
2. had traveled
3. traveled
4. is traveling
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 69. ประกอบ ตรงกับสูตรที่ 1 before อยู่กลางประโยค

1.S + had V3 before S + V2

ตอบ had traveled ให้มา came

73. Mary___at the company for five years before she got the promotion.
1. worked
2. was working
3. will be working
4. had been working
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 69. ประกอบ

1. S + had V3 before S + V2

ตอบ had worked ไม่มีก็ตอบ had been working ก็ได้ ให้มา got

74. George____in the library before he came to the class.
1. had been studying
2. will study
3. studies
4. studied
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 73. ประกอบ

75. We___in the supermarket before we came home.
1. has shopped
2. will have shopped
3. shopped
4. had been shopping
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 73. ประกอบ

Part II: Vocabulary (คําศัพท์)
Directions : Choose the best answer.

76. Please____the folder back after using it.
1. place
2. tip off
3. continue
4. capture
ถาม กรุณาวางแฟ้มเอกสารกลับที่เดิมหลังใช้งาน
ตอบ 2 1. ใส่, วาง 2. บอกให้ทราบ 3. ดําเนินต่อไป 4. จับ, จับกุม
place (v) เมื่อเป็นคํากริยา หมายถึง ใส่ วาง = put

77. We looked at the map and planned our____.
1. center
2. disease
3. route
4. treatment
ถาม เราดูแผนที่และวางแผนเส้นทางของเรา
ตอบ 3 1. ศูนย์กลาง 2. โรค, เชื้อโรค 3. เส้นทาง 4. การรักษา
เดาจากโจทย์มีคําว่า map แผนที่ก็ต้องใช้ศัพท์เกี่ยวกับการเดินทาง เส้นทาง ก็คือ route

78. Don’t forget to____the weather forecast before your trip.
1. claim
2. experiment
3. check
4. propagate
ถาม อย่าลืมตรวจดูพยากรณ์อากาศก่อนออกเดินทางของคุณ
ตอบ 3 1. กล่าวอ้าง 2. ทําการทดลอง 3. ตรวจสอบ 4. ขยายพันธุ์
check (V) หมายถึง ตรวจสอบ เช็ค เช่น เช็คร่างกาย เป็นกริยามีกรรมมารับ

79. Paradise Park is my favorite shopping___on Srinagarind Road.
1. intimacy
2. existence
3. conclusion
4. center
ถาม พาราไดซ์ พาร์ค เป็นศูนย์การค้าที่ฉันชอบที่สุดบนถนนศรีนครินทร์
ตอบ 4 1. ความใกล้ชิด 2. การมีอยู่ 3. การสรุป 4. ศูนย์กลาง

80. At the end of the show, the whole audience stood up clapping and____.
1. cheering
2. nodding
3. maintaining
4. surviving
ถาม เมื่อจบการแสดง ผู้ชมทั้งหมดยืนปรบมือและส่งเสียงโห่ร้อง
ตอบ 1 บทที่ 12 1. โห่ร้อง 2. พยักหน้า 3. คงไว้รักษาไว้ 4. รอดชีวิต

81. Snakes are____as reptiles.
1. pollinated
2. classified
3. inherited
4. continued
ถาม งูถูกจัดเป็นสัตว์เลื้อยคลาน
ตอบ 2 1. ผสมเกสร 2. จัดหมวดหมู่ 3. ได้รับมรดก 4. ดําเนินต่อไป
classified (v) จัดประเภท จัดเป็นหมวดหมู่ เช่น จัดหนังสือ (books) ในห้องสมุด ก็ได้

82. Emma lost her____and fell down on the floor.
1. vehicle
2. disease
3. expedition
4. balance
ถาม เอ็มมาเสียการทรงตัวและล้มลงกับพื้น
ตอบ 4 1. ยานพาหนะ 2. โรค 3. การเดินทาง 4. ความสมดุล

83. A slice of pepperoni pizza has about 450____.
1. victims
2. activities
3. calories
4. companies
ถาม พิซซ่าเปปเปอโรนีชิ้นหนึ่งมีประมาณ 450 แคลอรี่
ตอบ 3 1. เหยื่อ ผู้เคราะห์ร้าย 2. กิจกรรม 3. แคลอรี่ 4. บริษัท

84. Psychology is the scientific study of ____and mental processes.
1. behavior
2. beast
3. expedition
4. ancestor
ถาม จิตวิทยาคือการศึกษาทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับพฤติกรรมและกระบวนการทางจิต
ตอบ 1 1. พฤติกรรม 2. สัตว์โลก 3. การเดินทาง 4. บรรพบุรุษ

85. The college was___in 1981.
1. gazed
2. understood
3. established
4. captured
ถาม วิทยาลัยก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1981
ตอบ 3 1. จ้องมอง 2. เข้าใจ 3. ก่อตั้ง เริ่ม 4. จับ
established (v) = ก่อตั้ง เริ่ม = set up

86. Chemotherapy is often used in the____of cancer.
1. reconciliation
2. academy
3. fragment
4. treatment
ถาม เคมีบําบัดมักใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง
ตอบ 4 1. การปรองดอง คืนดีกัน 2. สถาบันการศึกษา 3. ชิ้นส่วน 4. การรักษา

87. If you can’t___your temper, you don’t belong in this line of work.
1. convince
2. control
3. report
4. propagate
ถาม ถ้าคุณควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ คุณไม่ได้อยู่ในสายงานนี้
ตอบ 2 1. ทําให้เชื่อ 2. ควบคุม 3. รายงาน 4. ขยายพันธุ์

88. A few years ago, she developed a serious lung____.
1. disease
2. intimacy
3. route
4. relationship
ถาม เมื่อไม่กี่ปีมานี้ เธอเป็นโรคปอดขั้นรุนแรง
ตอบ 1 1. โรค, เชื้อโรค 2. ความใกล้ชิดสนิทสนม 3. เส้นทาง 4. ความสัมพันธ์

89. Lisa has a____for rapping and dancing.
1. conclusion
2. seniority
3. gift
4. convention
ถาม ลิซามีพรสวรรค์ในการเต้นรําและการเต้นแร็ป
ตอบ 3 1. การสรุป2. ความเป็นอาวุโส 3. พรสวรรค์ 4. ธรรมเนียมประเพณี

90.Can you give me___to your house?
1. attitude
2. direction
3. container
4. environment
ถาม คุณช่วยบอกทางไปบ้านคุณได้ไหม?
ตอบ 2 1. ทัศนคติ 2. ทาง ทิศทาง 3. สิ่งที่ใช้บรรจุของ 4. สิ่งแวดล้อม

91. Is there anyone here who____Japanese?
1. recycles
2. pollutes
3. pollinates
4. understands

ถาม ในที่นี้มีใครเข้าใจภาษาญี่ปุ่นบ้างไหม?
ตอบ 4 1. ผ่านขบวนการแล้วนํามาใช้ใหม่ได้อีก 2. ทําให้เกิดมลพิษ 3. ผสมเกสร 4. เข้าใจ

92. It took four months for my arm to___properly.
1. heal
2. originate
3. greet
4. inherit
ถาม แขนของฉันใช้เวลาสี่เดือนในการรักษาอย่างถูกต้อง
ตอบ 1 1. รักษา 2. ต้นกําเนิด ริเริ่ม 3. ทักทาย 4. ได้รับมรดก

93. Daniel___his brother for breaking the window.
1. advertised
2. forgave
3. manufactured
4. experimented
ถาม ดาเนียลให้อภัยพี่ชายของเขาที่ทําหน้าต่างแตก
ตอบ 2 1. โฆษณา 2. ยกโทษ ให้อภัย 3. ผลิต 4. ทําการทดลอง
forgive (forgave) = pardon = ยกโทษ ให้อภัย

94. The clerk must have___ your name, because he said you weren’t here.
1. survived
2. overlooked
3. honored
4. developed
ถาม เสมียนคงมองข้ามชื่อคุณไป เพราะเขาบอกว่าคุณไม่อยู่ที่นี่
ตอบ 2 1. รอดชีวิต 2. มองข้าม มองไม่เห็น 3. ให้เกียรติ 4. พัฒนา

95. A limited number of tickets will be on sale from tomorrow.
1. fixed
2. outstanding
3. genetic
4. surprised
ถาม เริ่มจําหน่ายบัตรในจํานวนจํากัดตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป
ตอบ 1 1. จํากัด คงที่ 2. โดดเด่น 3. เกี่ยวกับพันธุกรรม 4. ประหลาดใจ
limited = fixed = จํากัด

96. It is necessary to brush your teeth before going to bed.
1. genetic
2. essential
3. edible
4. famous
ถาม เป็นสิ่งจําเป็นที่จะต้องแปรงฟันก่อนเข้านอน
ตอบ 2 1. เกี่ยวกับพันธุกรรม 2. จําเป็น 3. สามารถทานได้ 4. มีชื่อเสียง
necessary = essential = สําคัญ จําเป็น

97. The results of the final examination will be shown on the noticeboard.
1. displayed
2. interviewed
3. convinced
4. rescued
ถาม ผลการสอบปลายภาคจะแสดงบนกระดานประกาศ
ตอบ 1 1. แสดงให้เห็น 2. สัมภาษณ์ 3. ทําให้เชื่อ 4. ช่วยเหลือจากอันตราย
show = display = แสดงให้เห็น, สาธิต

98. My grandmother is still very active at seventy.
1. famous
2. bereaved
3. energetic
4. popular
ถาม คุณยายของฉันยังกระฉับกระเฉงมากตอนอายุ 70
ตอบ 3 1. มีชื่อเสียง 2. สูญเสียไป 3. กระฉับกระเฉง 4. แพร่หลาย
active = energetic = กระฉับกระเฉง มีชีวิตชีวา

99. Gradually____your body into an upright position.
1. level
2. raise
3. lower
4. return
ถาม ค่อย ๆ ยกตัวขึ้นในท่าตั้งตรง
ตอบ 2 1. ระดับ 2. ยกให้สูงขึ้น 3. ลดต่ำลง 4. กลับคืน, ส่งคืน

100. Should promotion be based on merit or____?
1. figure
2. honor
3. center
4. seniority
ถาม การเลื่อนตําแหน่งควรอยู่บนเกณฑ์ของระบบคุณธรรมหรือความเป็นอาวุโส?
ตอบ 4 1. บุคคลสําคัญ 2. ให้เกียรติ 3. ศูนย์กลาง 4. ความเป็นอาวุโส

101. The meeting starts at 2 o’clock precisely.
1. necessarily
2. exactly
3. automatically
4. relatively
ถาม การประชุมเริ่ม 2 โมงตรง
ตอบ 2 1. อย่างจําเป็น 2. อย่างเที่ยงตรง 3. โดยอัตโนมัติ 4. อย่างสัมพันธ์
precisely = exactly, accurately = อย่างเที่ยงตรง พอดี

102. When did she____home from her trip?
1. claim
2. capture
3. appear
4. return
ถาม เธอจะกลับบ้านของเธอจากการเดินทางเมื่อไร
ตอบ 4 1. กล่าวอ้าง 2. จับ 3. ปรากฏให้เห็น 4. กลับคืน

103. He was____in everything he did.
1. plentiful
2. successful
3. enlarged
4. continued
ถาม เขาประสบผลสําเร็จทุกอย่างที่เขาทํา
ตอบ 2 1. มากมาย อุดมสมบูรณ์ 2. ประสบผลสําเร็จ 3. ทําให้ใหญ่ขึ้น 4. ดําเนินไป

104. A lifeboat came to___the people on the sinking boat.
1. garnish
2. trigger
3. rescue
4. control
ถาม เรือชูชีพมาช่วยผู้คนบนเรือที่กําลังจม
ตอบ 3 1. สิ่งที่ใช้ตกแต่ง 2. ก่อให้เกิด 3. ช่วยเหลือจากอันตราย 4. ควบคุม

105. She wanted a famous____to paint her picture.
1. ancestor
2. artist
3. reporter
4. bystander
ถาม เธอต้องการให้ศิลปินที่มีชื่อเสียงวาดภาพของเธอ
ตอบ 2 1. บรรพบุรุษ 2. ศิลปิน จิตรกร 3. ผู้สื่อข่าว 4. คนสัญจรไปมา

106. Bicycling doesn’t____the air.
1. pollinate
2. relate
3. pollute
4. control
ถาม ปั่นจักรยานไม่ทําให้อากาศเป็นพิษ
ตอบ 3 1. ผสมเกสร 2. เกี่ยวข้อง 3. ทําให้เกิดมลพิษ 4. ควบคุม

107. Cold drinks are in____during the summer.
1. demand
2. result
3. experiment
4. connection

ถาม เครื่องดื่มเย็นเป็นที่ต้องการในฤดูร้อน
ตอบ 1 1. ต้องการ เรียกร้อง 2. เป็นผล 3. ทําการทดลอง 4. ความเกี่ยวพัน

108. The government will allow them to____on radio and television.
1. refine
2. advertise
3. relate
4. connect
ถาม รัฐบาลจะอนุญาตให้โฆษณาทางวิทยุและโทรทัศน์
ตอบ 2 1. ทําให้สละสลวย 2. โฆษณา 3. เกี่ยวข้อง 4. เกี่ยวข้อง

109.____opinion can force the government into action.
1. Activity
2. Company
3. Public
4. Behavior
ถาม ความคิดเห็นของประชาชน (การประชาพิจารณ์) สามารถบังคับให้รัฐบาลดําเนินการได้
ตอบ 3 1. กิจกรรม 2. บริษัท 3. ส่วนรวม 4. พฤติกรรม
public แปลว่า ส่วนรวม ทั่วไป เมื่อมารวมกับคําว่า opinion คําว่า public opinion ก็คือ การประชาพิจารณ์ ความคิดเห็นของประชาชนหรือส่วนรวม

110. A fat man has much more____than a thin man.
1. trait
2. factor
3. complex
4. flesh
ถาม คนอ้วนมีเนื้อมากกว่าคนผอม
ตอบ 4 1. ลักษณะนิสัย 2. ปัจจัย 3. ซับซ้อน 4. เนื้อ

111. He gained____into the association.
1. intimacy
2. conclusion
3. admission
4. relationship
ถาม เขาได้รับการเข้าสู่สมาคม
ตอบ 3 1. ความใกล้ชิด 2. การสรุป 3. การอนุญาตให้เข้า 4. ความสัมพันธ์
admission การอนุญาตให้เข้า, การยอมรับ

112. The result of the____was satisfactory.
1. existence
2. exhibition
3. excellence
4. experiment
ถาม ผลของการทดลองเป็นที่น่าพึงพอใจ
ตอบ 4 1. การมีชีวิตอยู่ 2. การแสดงนิทรรศการ 3. ความยอดเยี่ยม 4. การทดลอง

113. The prices for food are subject to____.
1. generation
2. connection
3. variation
4. limitation
ถาม ราคาอาหารอาจมีการเปลี่ยนแปลง
ตอบ 3 1. รุ่น 2. ความเกี่ยวข้อง 3. ความผันแปร ไม่แน่นอน 4. ขีดจํากัด

114.___the pot and bake for an hour.
1. Display
2. Construe
3. Fetch
4. Cover
ถาม ปิดหม้อและอบเป็นเวลา 1 ชั่วโมง
ตอบ 4 1. แสดงให้เห็น 2. ตีความ 3. ไปเอามา 4. ปกปิด ปกคลุม

115. He speaks English, but his native tongue is German.
1. indigenous
2. effective
3. power
4. equal

ถาม เขาพูดภาษาอังกฤษ แต่ภาษาแม่ของเขาคือภาษาเยอรมัน
ตอบ 1 1. เกี่ยวกับพื้นเมือง 2. ประสิทธิภาพ 3. พลัง อํานาจ 4. เท่ากัน
native = เกี่ยวกับพื้นเมือง นํามารวมกับคําว่า tongue เป็น native tongue คือ ภาษาแม่

116. This information let to the____of the murderer.
1. convention
2. capture
3. return
4. distance
ถาม ข้อมูลนี้ช่วยให้จับฆาตกรได้
ตอบ 2 1. ธรรมเนียมประเพณี 2. จับ จับกุม 3. คืน ส่งคืน 4. ระยะทาง

117. The___was knifed in the chests.
1. title
2. center
3. flesh
4. victim
ถาม เหยื่อถูกมีดปาดที่อก
ตอบ 4 1. ยศ ตําแหน่ง 2. ศูนย์กลาง 3. เนื้อ 4. เหยื่อ ผู้เคราะห์ร้าย

118. The new___has confirmed the first witness’s story.
1. vehicle
2. fragment
3. evidence
4. legend
ถาม หลักฐานใหม่ยืนยันเรื่องราวของพยานคนแรก
ตอบ 3 1. ยานพาหนะ 2. เศษชิ้นส่วน 3. หลักฐาน 4. ตํานาน

119. A man has been arrested in____with the robbery.
1. reconciliation
2. reflection
3. foundation
4. connection
ถาม ผู้ชายคนนี้ถูกจับกุมในความเกี่ยวพันกับการปล้นชิงทรัพย์
ตอบ 4 1. การปรองดอง 2. การสะท้อนให้เห็น 3. มูลนิธิ 4. ความเกี่ยวพัน

120. These problems are closely related.
1. associated
2. controlled
3. improved
4. overlooked
ถาม ปัญหาเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกันอย่างมาก
ตอบ 1 1. เกี่ยวข้อง 2. ควบคุม 3. ปรับปรุง 4. มองข้าม
related = associated = เกี่ยวข้องเกี่ยวพัน สัมพันธ์กัน

ENG1002 ประโยคและศัพท์ทั่วไป s/2564

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2564
ข้อสอบกระบวนวิชา ENG 1002 ประโยคและศัพท์ทั่วไป

Part I: Structure (ภาคโครงสร้าง)
Choose the correct answer.

1.My friend’s uncle___yesterday.
1. die
2. dies
3. is dying
4. died
ตอบ 4 หน้า 24 – 25 ใช้ Past Simple Tense S + V2) แสดงถึงเหตุการณ์ที่สิ้นสุดลงไปแล้วใน อดีตหรือเป็นการเล่าเรื่องราวในอดีต มักจะมีคําบอกเวลา เช่น yesterday, ago, in + ปีอดีต, in the past, last + เวลา เช่น last year, last night, last summer, last Sunday เป็นต้น จากโจทย์มีคําบอกเวลา คือ yesterday (เมื่อวานนี้) เป็นอดีต จึงตอบ V2 = died

2.The phone rang while Ida___ a novel.
1. had read
2. would read
3. was reading
4. read
ตอบ 3 หน้า 38 หรือ 53 เห็น as หรือ while เป็น 2 เหตุการณ์ ให้เดาปัจจุบันคู่กับปัจจุบัน และอดีตคู่กับอดีต ในการเชื่อม while หรือ as มีทั้งปัจจุบันและอดีต

1. S + V2 while S+ was/were Ving
as
2. S + was/were Ving while S + was/were Ving
as
3. S + is/am/are +Ving while S + is/am/are Ving

4. While S + was/were Ving, S + was/were Ving

3.These apartments___to Thomas.
1. would belong
2. belongs
3. are belongings
4. belong
ตอบ 4 หน้า 39. กริยาต่อไปนี้ไม่นิยมใช้รูป Ving ถ้ามีให้ตอบกริยาช่องที่ 1 ได้แก่
1. กริยาที่แสดงการรับรู้ เช่น feel, hear, notice, recognize, see, smell, taste, observe และ กริยา like (ชอบ) dislike (ไม่ชอบ) love (รัก) hate (เกลียด) know (รู้) เป็นต้น
2. กริยาเกี่ยวกับจิตใจ เช่น agree, appreciate, assume, believe, expect, feel, forget perceive, realize, recall, recognize, see
3. กริยาที่แสดงความเป็นเจ้าของ เช่น belong to, owe (เป็นหนี้), own (เป็นเจ้าของ), possess ดูตัวอย่าง
-That brand new car belongs to John.
กริยา belong (เป็นของ) ไม่ใช้รูป -ing และประธาน apartments เป็นพหูพจน์จึงตอบกริยาพหูพจน์คือ
belong

4.Many plants___water to survive.
1. is needing
2. need
3. needs
4. needed
ตอบ 2 หน้า 6 ใช้ Present Simple Tense S + V1) แสดงเหตุการณ์หรือการกระทําที่ เกิดขึ้นเป็นประจํา เป็นนิสัย สม่ำเสมอ ทําทุกวัน ประโยคที่เป็นความจริงเสมอ จริงตามธรรมชาติ จริงในปัจจุบัน สํานวน สุภาษิต หรือเกิดขึ้นในปัจจุบันมีคําบอกเวลาเช่น always, usually, often, sometimes, normally, frequently, nowadays, every + ช่วงเวลา
เช่น every day (ทุกวัน) every week, every month, every year (ทุกปี) at present (ในปัจจุบัน) เป็นต้น และโจทย์ที่เป็นจริงเสมอจะไม่มีคําบอกเวลา แต่ออกสอบทุกเทอมต้อง คอยสังเกตว่าเป็นโจทย์แบบไหน ตัวอย่างเช่น
– The sun rises in the east and sets in the west.
(พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก)
– Most plants need water to survive. (พืชส่วนใหญ่ต้องการน้ําเพื่ออยู่รอด) เป็นจริง

5.I always___the dishes after meal.
1. washes
2. wash
3. am washing
4. have washed
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 4. ประกอบ มีคําบอกเวลา always ทําเป็นประจํา จึงใช้ Present Simple Tense (S+ V1) = wash

6.Alice and her mother____to Sweden next month.
1. are moving
2. have moved
3. move
4. moved
ตอบ 1. หน้า 38 Future Simple Tense S + will/shall + V1) แสดงอนาคตมีคําบอกเวลาเช่น tomorrow, next + ช่วงเวลา, soon (ในไม่ช้า), in + ช่วงเวลา เช่น in five minutes (ใน 5 นาที) in half an hour (ในครึ่งชั่วโมง) เป็นต้น จากโจทย์ข้อนี้มีคําว่า next month (เดือนหน้า) จึงตอบ will + V1 = will move ไม่มีในตัวเลือก ให้ใช้ Present Continuous Tense S + is, am, are Ving) แสดงอนาคตอันใกล้กับอนาคตมากที่สุด จึงตอบตัวเลือกข้อ 1 = are moving

7.Isaac Newton___the theory of color.
1. will develop
2. develops
3. is developing
4. developed
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ เป็นการเล่าเรื่องราวในอดีตที่ผ่านไปแล้ว จะเป็นบุคคลสําคัญในอดีต เป็นการเล่า จึงตอบ V2 = developed เช่น Columbus discovered America. (โคลัมบัส ค้นพบอเมริกา)

8.Emma___the dentist next week.
1. has seen
2. sees
3. is seeing
4. saw
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 6. ประกอบ เป็นคําบอกเวลาอนาคตคือ next week เราตอบ will see ไม่มีก็ตอบ รูป Present Continuous แทนได้คือ is seeing

9.William___at the moment.
1. studies
2. studied
3. is studying
4. has studied
ตอบ 3 หน้า 38 ใช้ Present Continuous Tense S + is/am/are Ving) กับเหตุการณ์ หรือการกระทําที่กําลังเกิดขึ้นในขณะที่พูด เช่น now, right now, at the this moment, at present จากโจทย์มีคําบอกเวลา

at the moment จึงตอบ is studying

10. The last bus____ at Pak Nam bus station at 10 o’clock.
1. terminates
2. is going to terminate
3. could terminate
4. terminate
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 4. เหตุการณ์ที่ทําเป็นประจําใช้ Present Simple Tense S + V1) มักใช้ เกี่ยวกับการเดินทาง เช่นอย่างโจทย์ข้อนี้ว่า “รถเที่ยวสุดท้ายสิ้นสุดที่สถานีขนส่งปากน้ำเวลา 10 นาฬิกา” แสดงว่าเป็นประจํา ตอบ terminates

11. Sophia and I often___our teeth.
1. have brushed
2. brush
3. will brush
4. are brushing
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 4. ประกอบ มีคําบอกเวลา often ใช้ Present Simple Tense S + V1) ก็คือ
brush

12. Mary and Linda___coffee when their friends showed up.
1. would drink
2. had drunk
3. drink
4. were drinking
ตอบ 4 หน้า 53 ใช้ Past Continuous Tense คู่กับ Past Simple Tense เพื่อแสดงความสัมพันธ์ ของ 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต โดยเหตุการณ์หนึ่งกําลังดําเนินอยู่ (Past Continuous Tense) และอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดซ้อนขึ้นมา (Past Simple Tense)

1. S + V2 + when + S + V2
2. S + was/were + Ving + when + S + V2
3. S + had V3 + when + S + V2

ตรงแบบที่ 2 ตอบ were drinking

13. James____his girlfriend tomorrow.
1. meets
2. has met
3. is meeting
4. met
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 6. ประกอบ มีคําบอกเวลา tomorrow (พรุ่งนี้) เป็น Future Simple Tense (S + willshall V1) = will meet แต่ตัวเลือกไม่มี สามารถใช้แทนอนาคตได้ คือ
1. Present Continuous Tense
2. Present Simple Tense
3. be going to + V1 เลือกหมายเลข 1 ก่อนคือ Present Continuous (S + is, am, are + Ving) นั่นคือ is meeting

14. Monkeypox____ a viral infection typically found in central and western Africa.
1. is
2. was
3. are
4. were
ตอบ : ดูคําอธิบายข้อ 4. ประกอบ โจทย์ที่เป็นจริงหรือปัจจุบันยังเป็นอยู่ใช้ Present Simple Tense (S + V1) ฝีดาษลิงเป็นโรคคิดเชื้อไวรัสที่มักพบในแอฟริกากลางและตะวันตก เป็นจริงใน ปัจจุบันจึงตอบ is

15. Justin___me a bouquet of flowers three days ago.
1. gives
2. has given
3. gave
4. will give
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ เห็นคําบอกเวลา three days ago (เมื่อสามวันก่อน) เป็นอดีต สิ้นสุดลงแล้วใช้ Past Simple Tense S +V2) จากกริยา give gave given จึงตอบ gave

16. While Jane was sleeping last night, Bob___her.
1. called
2. call
3. have called
4. are calling
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 2. ประกอบ การเชื่อมด้วย While ต้นประโยค

While S + was/were Ving, S+ V2

ให้มา was sleeping ตอบ called

17.Oliver____homework when Anna came home.
1. would do
2. does
3. was doing
4. had done
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 12. ประกอบ สูตรการเชื่อมด้วย when

2. S + was/were + Ving + when + S V2

ตอบ was doing ให้มา came

18.____you____the floor yesterday?
1. Do; clean
2. Did; clean
3. Have; cleaned
4. Are; cleaning
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ มีคําบอกเวลา yesterday (เมื่อวานนี้) เป็นอดีต ทําเป็นคําถามใช้ กริยา Verb to do รูปอดีตคือ did ไว้หน้าประธาน และตามด้วยกริยาช่องที่ 1 เพราะเราใช้ Did มาช่วยแล้ว จึง ตอบเป็น Did you clean….?

19. Jenny____to her friend right now.
1. had talked
2. is talking
3. talks
4. talked
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 9. ประกอบ มีคําบอกเวลา right now ตอบ Present Continuous Tense
(S+ is/am/are + Ving) จึงตอบ is talking

20. Jacob___me 5,000 baht.
1. owe
2. owes
3. was owed
4. is owed
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 3. ประกอบ กริยาที่ไม่ใช้รูป ing คือ owe (เป็นหนี้) และประธานเอกพจน์ ตอบ กริยาเอกพจน์ด้วยคือ owes

21. Bob____to the market twice a week.
1. is going
2. goes
3. went
4. go
ตอบ 2 มีคําบอกเวลาคือ twice a week (สัปดาห์ละ 2 ครั้ง) แสดงว่าทําเป็นประจํา ใช้ Present Simple Tense = goes กริยาเอกพจน์

22. Matthew___to Taiwan last year.
1. goes
2. is going
3. has gone
4. went
ตอบ 4 มีคําบอกเวลาอดีตคือ last year (ปีที่แล้ว) ตอบ Past Simple Tense = went

23. Logan and Oliver___Mexican food.
1. like
2. are liking
3. likes
4. have liked
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 3. ประกอบ กริยา like ไม่นิยมใช้รูป ing และประธานมีสองคนเป็นพหูพจน์ ตอบ กริยาพหูพจน์คือ like

24.Daniel____ a new car in 2019.
1. bought
2. buys
3. has bought
4. will buy
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ ในปี 2019 เป็นอดีตไปแล้ว ปัจจุบัน 2022 ฉะนั้นตอบเป็น Past
Simple Tense = V2 = bought

25. While Elizabeth____a picture, I arrived.
1. would draw
2. was drawing
3. had drawn
4. has drawn
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 2. ประกอบ การเชื่อมด้วย While ต้นประโยค

While S + was/were Ving, S+ V2

ตอบ was drawing ให้มา arrived

26. Jayden____a novel for three hours before he gave it to his friend.
1. would read
2. was reading
3. had been reading
4. read
ตอบ 3 เป็น 2 เหตุการณ์ ใช้ 2 Tense เชื่อมด้วย before วางไว้ต้นประโยค

1. S+ had V3 before S + V2
2. S+ had V3 when S + V2
3. S + V2 After + S +had V3
4. Before +S+V2 S+ had V3
5. After + S +had V3, S + V2
6. When +S+ V2 S + had V3

ข้อนี้ตรงกับสูตรที่ 1 ตอบ had been reading ให้มา gave

ปกติเราตอบ Past Perfect Tense = had read แต่ถ้าไม่มีก็ตอบ Past Perfect Continuous Tense แทนก็ได้ = had been reading

27. If Jackson____a job, his girlfriend will be happy.
1. gets
2. is getting
3. got
4. had got
ตอบ 1 หน้า 124- 130 เป็นการตัด if ออกไป ดูสูตรการใช้ 1 มี 4 แบบ

ตรงกับ If ขึ้นต้นประโยคสูตรที่ 2 โดยสังเกตจากให้มาส่วนหลังเป็น will be แสดงว่าส่วนหน้าตอบ
V1 ก็คือ gets

28. Ethan____ his homework before he played games.
1. did
2. had done
3. does
4. would do

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 30. ประกอบ ตรงกับสูตรที่ 1 before อยู่กลางประโยค

1. S + had V3 before S + V2

ตอบ had gone ให้มา played

30.Mark____golf for five hours when it started to rain.
1. is playing
2. would play
3. had been playing
4. plays
ตอบ 3 เป็น 2 เหตุการณ์ ใช้ 2 Tense เชื่อมด้วย when วางไว้ต้นประโยค

ข้อนี้ตรงกับสูตรที่ 2 ตอบ had been playing started

หรือดูได้อีกแบบหนึ่งว่าเราเห็นกริยาส่วนหนึ่งคือ started เป็น V2 อดีต แสดงว่าข้างหน้าก็ตอบ เป็นอดีต และเราเห็นคําบอกเวลา for five hours ถ้ามีแค่ท่อนเดียวคือประโยคหน้า เราตอบ Present Perfect Tense ทันทีแต่ข้อนี้มีสองตอนเชื่อมด้วย when และเป็นอดีต เราก็เปลี่ยนรูปให้เป็นอดีตไปด้วยนั่นคือตอบ Past Perfect Tense ถ้าไม่มีก็ตอบ Past Perfect Continuous Tense = had been playing แทนได้เลย

31. Emily and Ethan for three hours.
1. have been waiting
2. wait
3. waits
4. are waiting
ตอบ 1 หน้า 68-69 หรือ 72 ใช้ Present Perfect (S + has/have + V3) หรือจะตอบ Present Perfect Continuous Tense S + has/have been + Ving) แสดงเหตุการณ์ที่เกิด ติดต่อกันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและจะดําเนินต่อไปในอนาคต จําคําบอกเวลาไว้ เช่น for (เป็นเวลา), since (ตั้งแต่), just (เพิ่งจะ), recently (เร็วๆนี้), lately, yet, already, ever, never, how long. all day (ตลอดวัน), all evening (ตลอดเย็น) สําหรับข้อนี้ มีคําบอกเวลาคือ for three hours จึงตอบ have been waiting

32. John and I ___a meeting at nine o’clock tomorrow.
1. had
2. have had
3. will be having
4. have
ตอบ 3 หน้า 107 ใช้ Future Continuous Tense S + will/shall + be +Ving) แสดงเหตุการณ์ที่จะ เกิดขึ้นในอนาคตที่มีช่วงเวลาระบุไว้อย่างแน่ชัด เช่น at this time tomorrow, tomorrow evening, at 10 o’clock tomorrow ฉะนั้นมีคําบอกเวลาที่ระบุเวลา at nine o’clock tomorrow จึงตอบ will be having

33. Maria___her studies by next year.
1. will have completed
2. completed
3. is completing
4. will complete
ตอบ 1 หน้า 112 ใช้ Future Perfect Tense S + will/shall + have V3) หรือ Future Perfect Continuous Tense S + willshall + have been Ving) กับคําบอกเวลาที่ขึ้นต้นด้วยคําว่า “by (ประมาณ ราว ๆ ) เช่น by next year, by the end of this year, by tomorrow, by that time, by the end of this month, by noon เป็นต้น ฉะนั้นเราเห็น by next year จึงตอบ will have finished

34. I___in Phuket since I was born.
1. will live
2. have lived
3. live
4. am living
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 31. ประกอบ มีคําบอกเวลา since…ตอบข้างหน้าเป็น Present Perfect
Tense = have lived

35. If she____the lottery, she would have got a new sports car.
1. wins
2. won
3. had won
4. is winning
ตอบ 3 เป็นเรื่อง f สูตรที่ 4

4 If S + had V3, S+ would have V3

ตอบ had won ให้มา would have got

36.After I____a pizza, I went to bed.
1. had eaten
2. am eating
3. had been eating
4. eat
ตอบ 1. ดูสูตรในข้อ 30. ประกอบ การเชื่อมด้วย After ต้นประโยค

After + S +had V3, S + V2

ตอบ had eaten went

37.I____a new mobile phone next week.
1. buy
2. bought
3. will buy
4. have bought
ตอบ 3 หน้า 104 Future Simple Tense (S+ will/shall + V1) шanagısaíños เกิดขึ้นในอนาคต มักมีคําบอกเวลา เช่น tomorrow, soon, next + ช่วงเวลา เช่น next year, next month, tonight, in a few minutes, in half an hour เป็นต้น ข้อนี้มีคําบอกเวลา next week ตอบ will buy

38.I wish I____his telephone number.
1. have known
2. know
3. am knowing
4. knew
ตอบ 4 หน้า 147 เป็นการใช้ wish ดูสูตร

1. S + wish/wishes S + V2 หรือ were
2. S+ wished S + had V3

ให้กริยา wish เป็นกริยาช่องที่ 1 ตอบหลังเป็นกริยาช่องที่ 2 ก็คือ knew (มาจาก know knew known)

39. My mother____TV for three hours.
1. has watched
2. watch
3. will be watched
4. is watched
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 31. ประกอบ เห็นคําบอกเวลา for + ช่วงเวลาตอบ Present Perfect Tense
= has watched

40. Noah___the project by Friday.
1. will finish
2. finished
3. finishes
4. will have finished
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 33. ประกอบ เห็น by ตอบ Future Perfect Tense = will have finished

41. Evan____for four hours.
1. would be driven
2. is driving
3. drives
4. has been driving
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 31. ประกอบ เห็นคําบอกเวลา for + ช่วงเวลาตอบ Present Perfect Tense ถ้าไม่มี ในตัวเลือกให้ตอบ Present Perfect Continuous Tense = has been driving

42. My friend___ thirty tomorrow.
1. is
2. was
3. will be
4. has been
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 37. ประกอบ มีคําบอกเวลา tomorrow ตอบอนาคตคือ will be

43.___you ever___to Australia?
1. Did; been
2. Will; be
3. Do; be
4. Have; been
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 31. ประกอบ เห็นคําบอกเวลา ever (เคย) ตอบ Present Perfect Tense

44.If I____money, I would buy a new notebook.
1. am having
2. had had
3. have
4. had
ตอบ 4 เป็นเรื่อง If ต้นประโยค ตรงกับสูตรที่ 3

3. If S+ V2, S+ would/could + V1

ตอบ had ให้มา would buy

45. If you mix orange and green, you____brown.
1. would get
2. get
3. would have got
4. got
ตอบ 2 เป็นเรื่อง f ต้นประโยค ตรงกับสูตรที่ 1

1. If/Unless S + V1, S + V1

ให้มา mix ตอบ get

46.Emma____ the windows before she left.
1. cleans
2. had cleaned
3. is cleaning
4. has been cleaning
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 30. ประกอบ ตรงกับสูตรที่ 1 before อยู่กลางประโยค

1.S + had V3 before S + V2

ตอบ had cleaned ให้มา left

47. By the end of this month, my colleague___here for 5 years.
1. has worked
2. works
3. will have been working
4. will work
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 33. ประกอบ มีคําบอกเวลา by และลงท้าย for ด้วย ตอบ Future Perfect
Tense ไม่มีก็ตอบ Future Perfect Continuous Tense = will have been working

48. While my friends and I were playing football, it____to snow.
1. would start
2. starts
3. had started
4. started
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 2. ประกอบ การเชื่อมด้วย While ต้นประโยค

While S + was/were Ving, S+ V2
ให้มา were playing ตอบ started

49. Clara and I____each other since 1988.
1. know
2. are knowing
3. have known
4. knew
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 31. ประกอบ เห็นคําบอกเวลา since… ตอบข้างหน้า Present Perfect Tense

50.If it___we will stay home.
1. will rain
2. rains
3. rained
4. have rained
ตอบ 2 สูตรการใช้ 1 แบบที่ 2

3. If/Unless S + V1, S + will + V1

เราสังเกตว่าส่วนหลังให้มา will stay = will V1 ฉะนั้นส่วนหน้าตอบ V1 คือ rains

51.Jane would catch the first bus if she___up early.
1. get
2. are getting
3. got
4. had gotten
ตอบ 3 เรื่อง if วางไว้กลางประโยค ข้อนี้ตรงกับสูตรที่ 3

3. s + would V1 if/unless S + V2

ให้มา would catch ตอบ got (มาจาก get got got/ gotten)

52.____is coming to the party tonight?
1. When
2. Who
3. Where
4. Which
ตอบ 2 หน้า 166 เป็นประโยคคําถาม Wh-questions
1. Who What Which + (คํานาม) + กริยา เช่น
– Who saw him?
-What happened to you last night?
-Which bus goes to town?

2. Whom/What Which ใช้เป็นกรรมของประโยค + (คํานาม) + กริยาช่วย + ประธาน + กริยา
– What did he buy yesterday?
-Which job have you applied for?

3. Whose + คํานาม เสมอ ส่วน When, Why, Where ใช้ตามแบบที่ 2
– Whose book are you reading?
-Why did he go home?
-How + adj. ใช้ถามเกี่ยวกับระดับต่าง ๆ เช่น
-When will you do?
-Where do you come from?
-How old is she?

ข้อนี้จะเห็นว่าต่อจากคําที่ให้เติม มีกริยาตามคือ is นั่นแสดงเป็นการถาม Who เพราะ Who +
กริยา Who is coming (ใครจะมา……)

53.___did you sleep last night?
1. How
2. Where
3. When
4. All are correct
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 52. ประกอบ เป็นการถาม How (อย่างไร) Where (ที่ไหน) When (เมื่อไร) “เมื่อคืนคุณนอนหลับเป็นอย่างไรบ้าง? “เมื่อคืนคุณนอนที่ไหน?” “เมื่อคืนคุณนอนเมื่อไร?” ใช้ได้ทุกข้อ

54. My sunglasses____yesterday.
1. have stolen
2. had stolen
3. are stolen
4. were stolen
ตอบ 4 เป็นเรื่อง Passive Construction การทําให้เป็นรูปถูกกระทํา โดยสังเกตจากประธานมักเป็นสิ่งของ สิ่งไม่มีชีวิต บางประโยคส่วนหลังอาจมีคําบอกใบ้เช่น by (โดย) ด้วย อย่างโจทย์ข้อนี้ประธานเป็นสิ่งของ (Sunglasses แว่นตา) ถูกขโมย ใช้โครงสร้าง verb to be + V3 = were stolen เราใช้ were รูป อดีตด้วยเพราะท้ายโจทย์มี yesterday เป็นอดีต จึงต้องใช้ were ส่วน have stolen/had stolen เป็น โครงสร้าง Perfect Tense (S+ has/have/had + V3) ไม่ใช่รูปถูกกระทํา เป็น Tense

55. Jackson said, “I met John last night.”
Jackson said that he____John the night before.
1. had met
2. met
3. have met
4. have been meeting
ตอบ 1 หน้า 197 เป็นเรื่องการทํา Direct Speech (ประโยคคําพูด) ให้กลายเป็น Indirect Speech (ประโยครายงานหรือนํามาพูดเล่าอีกที) เราต้องดูว่าเดิมเป็นประโยคประเภทไหน จากประโยคที่มี เครื่องหมายคําพูด (ประโยคแรก) เป็นประโยคบอกเล่าจึงเชื่อมด้วย that ข้อนี้ให้ตอบกริยา เราจะเปลี่ยนกาล Tense ดังนี้ ถ้าให้ Present Simple ใน indirect เปลี่ยนเป็น Past Simple Tense แต่ถ้าให้ Past Simple Tense S + V2) อย่างโจทย์ข้อนี้ให้มา met (= V2) ทําเป็น indirect เปลี่ยนเป็น Past Perfect Tense = had met

56. Anthony said to me, “Where will you live?”
Anthony asked me where I____live.
1. will
2. should
3. shall
4. would
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 55. ประกอบ คําที่ให้เติมก็เป็นคํากริยาช่วย ถ้าให้ will (= V1) ทําเป็น indirect ต้องเปลี่ยนเป็น would (= V1) คือเป็นรูปอดีต ถ้าเป็นกริยาช่วยตัวอื่นเช่น can ก็เป็น could, shall ก็เป็น should, may ก็เป็น might เป็นต้น

57.Daniel insists that he____to the office.
1. goes
2. has gone
3. is going
4. go
ตอบ 4 เป็นกลุ่มกริยายกเว้น ให้ตอบหลังประธานเป็นกริยาช่องที่ 1 ไม่ผันก็คือไม่เติมท้ายอะไรเลย

S + suggest, insist, demand, desire,
require, request, recommend, prefer + that S + V1 ไม่ผัน

58. Jacob said to me, “I fancy you”. Jacob told me that he fancied
1. her
2. them
3. me
4. you
ตอบ 3 เป็นเรื่อง indirect speech ที่นําคําพูดมาเล่าอีกครั้ง ก็จะเรียงเป็นประโยคธรรมดา จากช่องว่างที่ ให้เติมคือคําสรรพนาม เราดูจากประโยคคําพูดว่า “I fancy you” ! ก็คือ Jacob เป็นเพศชาย ใช้ he (ดูจาก ประโยค indirect และ you ก็คือ me ฉะนั้นเมื่อเป็น indirect ก็ตอบ me

59. It is____that the boy is her son.
1. believing
2. to believe
3. believe
4. believed

ตอบ 4 หน้า 156 เป็นรูป passive reporting verbs ในรูปแบบของภริยารายงานข่าวในประโยคดังนี้

ยังมีกริยาตัวอื่นอีกเช่น suppose, assume, consider, claim, think, believe, report, know, expect, allege, understand เป็นต้น ดูตัวอย่าง
– It is reported that ten people were killed. (มีรายงานว่าคน 10 คนถูกฆ่าตาย)
-It is believed that the thieves got in through the kitchen window.
It is said that she works 16 hours a day. (กล่าวกันว่าเธอทํางานวันละ 16 ชั่วโมง)

60. Chloe said to me, “Do you like Indian food?”
Chloe____me if I liked Indian food.
1. ask
2. says
3. asked
4. say
ตอบ 3 คําที่ให้เติมคือกริยาที่เป็นอนุประโยคหลักข้างหน้า เรารู้ว่าจะประโยคคําพูดว่าเป็นคําถาม Do you like เราจะเปลี่ยนกริยา said to เป็น asked (ถาม)

61.___car was stolen last night?
1. Who
2. Whose
3. How
4. When
ตอบ 2 เป็นประโยคคําถาม ตอบ Whose เพราะ Whose + คํานามเสมอ (car) แสดงความเป็นเจ้าของ
ว่ารถของใคร

62. Lord____with us.
1. will be
2. would be
3. is
4. be
ตอบ 4 ขึ้นต้นด้วย God หรือ Long ตอบกริยาช่องที่ 1 ไม่ฝันเสมอ ถ้าเป็น verb to be กริยาไม่ผัน ก็ คือ be ถ้าเป็นกริยาทั่วไป ก็คือ ไม่เติม s หรือ ed หรือใด ๆ เลย เช่น
– Long live the king and the queen
-God be with us.

63. Laura had her hair____.
1. cut
2. cuts
3. to cut
4. cutting
ตอบ 1 หน้า 163 เป็นโครงสร้างในเรื่อง Passive Voice โดยใช้ในรูปของ Verb to have หรือ Verb to get ให้จํา จะออกข้อสอบประมาณ 2-3 ข้อ ก็คือ เมื่อเห็น have/has/ had หรือ getgot ให้ + V3 สูตร

S + has/have/had + สิ่งของ + V3

หรือ S + getgot + สิ่งของ + V3 ได้เลย

จากโจทย์มี had + สิ่งของคือ hair (ผม) จึงตอบตามด้วยกริยาช่องที่ 3 คือ cut สําหรับกริยาตัวนี้ กริยา 3 ช่อง cut cut cut รูปเดิมทั้งสามช่อง แต่ที่เราตอบนั้น เป็นกริยาช่องที่ 3 คือ cut

64. Jane will get her house____.
1. cleaning
2. cleaned
3. clean
4. to clean
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 63. ประกอบ กริยา get + สิ่งของ house (บ้าน) ตอบกริยาช่องที่ 3 คือ cleaned

65. I get my midterm paper____.
1. check
2. to check
3. checking
4. checked
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 63. ประกอบ get + สิ่งของ (paper) + กริยาช่องที่ 3 คือ checked

66. Those are your books,____?
1. weren’t they
2. didn’t they
3. won’t they
4. aren’t they
ตอบ 4 หน้า 174 175 เป็นเรื่อง question-tags ที่ให้ตอบส่วนหาง โดยกําหนดว่าถ้าข้างหน้าเป็นประโยคบอกเล่าข้างหลังจะต้องเป็นรูปปฏิเสธรูปย่อ มี 2 ส่วนที่ต้องดูนั่นคือ เรื่องกริยากับ เรื่องคําสรรพนาม เราเห็นประโยคให้มีกริยาช่วย will ตอบ tag เป็น won’t รูปย่อ และคํานาม Dan ชื่อเพศชายตอบ tag เป็น he รวมกัน won’t he ตัวอย่างอื่นเช่น
– Jane will be here soon, won’t she?
– There was a lot of rain, wasn’t there?
– Maggi won’t be late, will she?
ยกเว้น ถ้าขึ้นต้นประโยคมี 2 กรณี ให้ตอบส่วนหลังคงที่ เช่น
– Let’s go home, shall we? ขึ้นต้นด้วย Let’s ให้ตอบ shall we
– Clean the table, will you? ขึ้นต้นด้วย กริยาช่องที่ 1 ให้ตอบ will you
สําหรับข้อนี้มีกริยา are ทําส่วนหาง เป็นปฏิเสธรูปย่อคือ aren’t และคําว่า Those เปลี่ยนเป็น สรรพนามพหูพจน์ คือ they

67.____often do you have Japanese food?
1. How
2. Whose
3. Who
4. When
ตอบ 1 ดูคําอธิบาย 52 ประกอบ เป็นประโยคคําถาม มีคําว่า often อยู่ที่โจทย์ สามารถคู่กับ How often (บ่อยแค่ไหน) เป็นการถามความถี่ หรือ How + adj. เช่น How old (อายุเท่าไร) How large (ใหญ่แค่ไหน)

68. It is____that twenty people have been shot.
1. reported
2. report
3. reporting
4. to report
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 59. ประกอบ กริยาประเภทรายงาน ต้องใช้ตอบกริยาช่องที่ 3 คือ reported

69.Linda said to her boyfriend, “What is your favorite food?”
Linda asked her boyfriend what___favorite food was.
1. their
2. my
3. his
4. our
ตอบ 3 คําที่ให้เติมนั้นเป็นคําสรรพนาม จากประโยคคําพูดที่เป็นคําถามว่า What is your favorite food? เมื่อทําเป็น indirect ก็เรียงเป็นประโยคบอกเล่าคือ ประธาน + กริยา เราดูจากประโยคหลักว่า ลินดาพูดกับ เพื่อนชายว่า “อาหารโปรดของคุณคืออะไร?” คําว่า ของคุณ (your) ก็คือถาม boyfriend (เพื่อนชาย) ฉะนั้น เมื่อเป็น indirect ก็ต้องเปลี่ยนเป็นสรรพนามเพศชาย คือ his

70. Open the door,____?
1. are you
2. aren’t you
3. will you
4. do you
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 66. ประกอบ ขึ้นต้นประโยคด้วย Open เป็นกริยาช่องที่ 1 ซึ่งเป็นคําสั่ง ขอร้อง ก็ได้ ตอบส่วนหางคงที่คือ will you

71.Let’s go to the beach,____?
1. are we
2. did we
3. could we
4. shall we
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 66. ประกอบ ขึ้นต้นประโยคด้วย Let’s เป็นการชักชวน ตอบส่วนหางคงที่ว่า shall we แบบข้อ 70 และ 71 คําตอบ will you กับ shall we ในแบบยกเว้น

72.I think it would be a good idea if we____the documents via email.
1. are sending
2. sent
3. send
4. can send
ตอบ 2 หน้า 148 ข้อนี้เป็นเรื่องกลุ่มสมมติที่ขึ้นประโยคด้วยคําต่อไปนี้ให้ตอบกริยาช่องที่ 2 ออก
ทุกเทอม 1-2 ข้อ

If only
It’s time
It’s about timeS         + V2 ก็คือ sent
It’s high time that
He’d rather
I think it would be a good idea if

ตรงกับ I think it would be a good idea if + ประธาน + ตอบกริยาช่องที่ 2 คือ sent มาจาก
(send sent sent)

73. Mary had her car____.
1. wash
2. to wash
3. washed
4. washing
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 63. ประกอบ กริยา had + สิ่งของ (car) + กริยาช่องที่ 3 คือ washed

74. It’s important that you not___late.
1. are
2. have been
3. be
4. were
ตอบ 3 หน้า 149 เป็นเรื่องกลุ่มคําที่ยกเว้น ให้ตอบส่วนหลังเป็นกริยาช่องที่ 1 ไม่ผัน (ไม่เดิม s, es, ed, ing) ถ้าเป็น verb to be ให้ตอบ be มักออก 1 ข้อ ได้แก่

S + is/was important that S + V1
essential
necessary
imperative
urgent

It is necessary that ตอบ be (V1 ไม่ผัน)

75.He said, “I can drive.”
He said that he___drive.
1. might
2. could
3. should
4. may
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 56. ประกอบ กริยาช่วย can เปลี่ยนเป็น could

Part II: Vocabulary (คําศัพท์)
Directions: Choose the best answer.

76. The government insists that the dam will not harm the____.
1. calorie
2. route
3. environment
4. legend
ถาม รัฐบาลยืนยันว่าเขื่อนจะไม่ทําร้ายสิ่งแวดล้อม
ตอบ 3 1. แคลอรี่ 2. เส้นทาง 3. สิ่งแวดล้อม 4. ตํานาน

77. The United States’ first apple___ was planned in 1625 near Boston’s Beacon Hill.
1. neighbor
2. crime
3. expedition
4. orchard
ถาม สวนแอปเปิลแห่งแรกของสหรัฐที่วางแผนไว้ในปี 1625 อยู่ใกล้กับ Beacon Hill ของเมืองบอสตัน
ตอบ 4 1. เพื่อนบ้าน 2. อาชญากรรม 3. การเดินทาง 4. สวนผลไม้

78.She____to live in the same house after the death of her husband.
1. placed
2. continued
3. classified
4. interviewed
ถาม เธอยังคงอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดิมหลังจากที่สามีของเธอเสียชีวิต
ตอบ 2 1. ใส่ วาง 2. ยังคงดําเนินต่อไป 3. จัดหมวดหมู่ 4. สัมภาษณ์

79.These berries are edible, but those are poisonous.
1. elderly
2. recent
3. eatable
4. related
ถาม เบอรี่เหล่านี้กินได้ แต่ถ้ากองนั้นมีพิษ
ตอบ 3 1. สูงอายุ แก่ 2. เร็วๆ นี้ ไม่นานมานี้ 3. สามารถรับประทานได้ 4. เกี่ยวข้อง

80. The teacher____each student with a friendly “Hello!”
1. pollinated
2. propagated
3. greeted
4. experimented
ถาม ครูทักทายนักเรียนแต่ละคนด้วยความเป็นมิตร “สวัสดี”
ตอบ 3 1. ผสมเกสรดอกไม้ 2. ขยายพันธุ์ 3. ทักทาย 4. ทําการทดลอง

81.Evan accepted an award for outstanding achievement in baseball.
1. great
2. quick
3. abundant
4. elderly
ถาม อีวานคว้ารางวัลความสําเร็จที่โดดเด่นในวางการเบสบอล
ตอบ 1 1. โดดเด่น ยอดเยี่ยม 2. รวดเร็ว 3. มากมาย อุดมสมบูรณ์ 4. แก่สูงอายุ
outstanding = great = ยอดเยี่ยม โดดเด่น

82.Fuel prices have been___in recent weeks.
1. lowered

2. inherited
3. recycled
4. rescued
ถาม ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ตอบ 1 1. ลดต่ำลง 2. ได้รับมรดก 3. ผ่านกรรมวิธีแล้วกลับมาใช้ใหม่ได้ 4. ช่วยเหลือ

83.Barbara started as a news____on Channel 4.
1. balance
2. relationship
3. center
4. reporter
ถาม บาร์บาร่าเริ่มเป็นผู้สื่อข่าวของช่อง 4
ตอบ 4 1. ความสมดุล 2. ความสัมพันธ์ 3. ศูนย์กลาง 4. ผู้สื่อข่าว

84.The lifeboat rescued the sailors from the sinking boat.
1. refined
2. raised
3. inherited
4. saved
ถาม เรือชูชีพช่วยชีวิตลูกเรือจากเรือที่กําลังจม
ตอบ 4 1. ขัดเกลา 2. ยกขึ้น 3. ได้รับมรดก 4. ช่วยเหลือจากอันตราย
rescued = saved = ช่วยเหลือจากอันตราย

85.All the latest cars are on___at the Motor Show.
1. distance
2. offspring
3. coincidence
4. exhibition

ถาม รถยนต์ล่าสุดทั้งหมดจัดแสดงสินค้าที่งานมอเตอร์โชว์
ตอบ 4 1. ระยะห่าง 2. ทายาท 3. เหตุบังเอิญ 4. การแสดงนิทรรศการ

86. The potato is the most___ vegetable in Britain.
1. physical
2. mental
3. active
4. popular
ถาม มันฝรั่งเป็นผักที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสหราชอาณาจักร
ตอบ 4 1. เกี่ยวกับทางกาย 2. ทางจิตใจ 3. กระฉับกระเฉง 4. เป็นที่แพร่หลาย

87. Bob works for a company that___cars.
1. manufactures
2. reflects
3. heals
4. interviews
ถาม บ๊อบทํางานให้กับบริษัทที่ผลิตรถยนต์
ตอบ 1 1. ผลิต 2. สะท้อนให้เห็น 3. รักษา 4. สัมภาษณ์

88.Fiona is very clever at physics.
1. notorious
2. smart
3. popular
4. various
ถาม ฟีโอน่าเก่งฟิสิกส์มาก
ตอบ2 1. มีชื่อเสียงในด้านไม่ดี 2. เฉลียวฉลาด 3. เป็นที่แพร่หลาย 4. มากมาย หลากหลาย

89.Daniel inserted the CD and____the ‘play’ button.
1. polluted
2. demanded
3. pressed
4. emphasized
ถาม แดเนียล ใส่ซีดีแล้วกดปุ่ม “เล่น”
ตอบ 3 1. ทําให้เกิดมลพิษ 2. ต้องการเรียกร้อง 3. กด บีบ 4. เน้นย้ำ

90. People use drugs to speed up the healing____.
1. reconciliation
2. process
3. intimacy
4. existence
ถาม ผู้คนใช้ยาเพื่อเร่งกระบวนการบําบัด
ตอบ : 1. การไกล่เกลี่ย ปรองดอง 2. กระบวนการ 3. ความใกล้ชิด 4. การมีชีวิตอยู่

91. The house was badly___in the fire.
1. convinced
2. captured
3. reported
4. damaged
ถาม บ้านได้รับความเสียหายอย่างหนักจากไฟไหม้
ตอบ 4 1. ทําให้เชื่อ 2. จับ (ภาพ) 3. รายงาน 4. ทําให้เสียหาย

92. Thanksgiving is a really big____ in the States.
1. attitude
2. ancestor
3. treatment
4. occasion
ถาม วันขอบคุณพระเจ้าเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ในสหรัฐอเมริกา
ตอบ 4 1. ทัศนคติ 2. บรรพบุรุษ 3. การรักษา 4. โอกาส

93. Fresh fruit and vegetables are an essential component of a healthy____.
1. filesh
2. concern
3. container
4. diet
ถาม ผักและผลไม้สดเป็นส่วนประกอบสําคัญของอาหารเพื่อสุขภาพ
ตอบ 4 1. เนื้อ (สัตว์) 2. ความวิตกกังวล 3. สิ่งที่ใช้บรรจุของ 4. อาหาร

94. Peter applied for a visa three times and in the end he was____.
1. successful
2. native
3. limited
4. abominable
ถาม ปีเตอร์ยื่นวีซ่า 3 ครั้ง ในที่สุดก็สําเร็จ
ตอบ 1 1. ประสบผลสําเร็จ 2. เกี่ยวกับพื้นเมือง 3. จํากัด 4. น่ารังเกียจ

95. The orange or lemon peel is used as a___.
1. boon
2. beast
3. garnish
4. filesh
ถาม ใช้เปลือกส้มหรือมะนาวเป็นสิ่งตกแต่ง
ตอบ 3 1. ประโยชน์ ข้อดี 2. สัตว์โลก 3.สิ่งที่ใช้ตกแต่งอาหาร 4. เนื้อ (สัตว์)

96.Some universities____on television.
1. forgive
2. advertise
3. overlook
4. devote
ถาม มหาวิทยาลัยบางแห่งโฆษณาทางโทรทัศน์
ตอบ 2 1. ยกโทษ ให้อภัย 2. โฆษณา 3. มองข้าม มองไม่เห็น 4. อุทิศตน

97. We enjoy eating in____types of restaurants.
1. recent
2. various
3. public
4. genetic
ถาม เราเพลิดเพลินกับการทานอาหารในร้านอาหารหลากหลายประเภท
ตอบ 2 1. เร็วๆนี้ ไม่นานมานี้ 2. หลากหลาย 3. ส่วนรวม สาธารณะ 4. เกี่ยวกับพันธุกรรม

98. There is clear____that smoking causes heart disease.
1. evidence
2. beast
3. appliance
4. vehicle
ถาม มีหลักฐานชัดเจนว่าการสูบบุหรี่ทําให้เกิดโรคหัวใจ
ตอบ 1 1. หลักฐาน 2. สัตว์โลก 3. เครื่องใช้ไฟฟ้า 4. ยานพาหนะ

99. The concert was really awesome.
1. quick
2. native
3. scarce
4. amazing
ถาม คอนเสิร์ตสุดยอดมาก
ตอบ 4 1. รวดเร็ว 2. เกี่ยวกับพื้นเมือง 3. หายาก ขาดแคลน 4. ยอดเยี่ยม
awesome = amazing, astonishing, impressive = ดีเยี่ยม

100. Many dolphins are accidentally____in the nets of tuna fishermen.
1. nodded
2. inherited
3. recycled
4. captured
ถาม ปลาโลมาจํานวนมากถูกจับโดยบังเอิญในอวนของชาวประมงทูน่า
ตอบ 4 1. พยักหน้า 2. ได้รับมรดก 3. ผ่านขบวนการกลับมาใช้ใหม่ได้อีก 4. จับ

101. The___is concentrating on developing new products.
1. company
2. conclusion
3. bystander
4. existence
ถาม บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ
ตอบ 1 1. บริษัท 2. การสรุป 3. คนสัญจรไปมา 4. การดํารงอยู่

102. A heavy fall of snow had disrupted the city’s transport____.
1. artist
2. collection
3. seniority
4. system
ถาม หิมะตกหนักทําให้ระบบขนส่งของเมืองหยุดชะงัก
ตอบ 4 1. ศิลปิน 2. ของสะสม 3. ความเป็นอาวุโส 4. ระบบ

103. Is this medicine____for children?
1. clever
2. limited
3. abundant
4. safe
ถาม ยานี้ปลอดภัยสําหรับเด็กหรือไม่
ตอบ 4 1. เฉลียวฉลาด 2. จํากัด 3. มากมาย อุดมสมบูรณ์ 4. ปลอดภัย

104. Children are the innocent____of war.
1. reconciliations
2. fragments
3. victims
4. legends
ถาม เด็กคือเหยื่อผู้บริสุทธิ์ของสงคราม
ตอบ 3 1. การไกล่เกลี่ยคืนดีกัน 2. เศษชิ้นส่วน 3. เหยื่อ ผู้เคราะห์ร้าย 4. ตํานาน

105. Jessica___at Mark with admiration.
1. overlooked
2. happened
3. gazed
4. construed
ถาม เจสซิก้าจ้องมองมาร์คด้วยความชื่นชม
ตอบ 3 1. มองข้าม มองไม่เห็น 2. เกิดขึ้น 3. จ้อง เพ่ง 4. ตีความ

106. In Britain, half of all violent____is perpetrated by people who have been drinking
alcohol.
1. neighbor
2. crime
3. reporter
4. beast
ถาม ในสหราชอาณาจักร ครึ่งหนึ่งของอาชญากรรมรุนแรงทั้งหมดกระทําโดยผู้ที่ดื่มสุรา
ตอบ 2 1. เพื่อนบ้าน 2. อาชญากรรม 3. ผู้สื่อข่าว 4. สัตว์โลก

107. I cannot predict what will___next year.
1. honor
2. check
3. happen
4. overlook
ถาม ฉันไม่สามารถทํานายสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า
ตอบ 3 1. ให้เกียรติ 2. ตรวจสอบ 3. เกิดขึ้น 4. มองข้าม

108. My grandmother wouldn’t____another operation.
1. survive
2. enlarge
3. propagate
4. pollinate
ถาม ยายของฉันจะไม่รอดจากการผ่าตัดอีก
ตอบ 1 1. รอดชีวิต 2. ทําให้ใหญ่ขึ้น 3. ขยายพันธุ์ 4. ผสมเกสร

109. Try to keep a/an___between work and play.
1. gift
2. offspring
3. power
4. balance
ถาม พยายามรักษาความสมดุลระหว่างการทํางานและการเล่น
ตอบ 4 1. พรสวรรค์ 2. ทายาท 3. พลัง อํานาจ 4. ความสมดุล

110. Over half of the people in my____have parents who are divorced.
1. beast
2. distance
3. generation
4. evidence
ถาม คนรุ่นผมเกินครึ่งมีพ่อแม่ที่หย่าร้างกันแล้ว
ตอบ 3 1. สัตว์โลก 2. ระยะทาง 3. รุ่น 4. หลักฐาน

111. Customs stopped us and___ our bags for alcohol and cigarettes.
1. overlooked
2. checked
3. happened
4. reflected
ถาม ศุลกากรหยุดเราและตรวจสอบกระเป๋าของเราสําหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่
ตอบ 2 1. มองข้าม มองไม่เห็น 2. ตรวจสอบ 3. เกิดขึ้น 4. สะท้อน

112. Our____ to think and speak makes us different from other animals.
1. ability
2. garnish
3. flesh
4. mutation
ถาม ความสามารถในการคิดและพูดทําให้เราแตกต่างไปจากสัตว์อื่น ๆ
ตอบ 1 1. ความสามารถ 2. สิ่งที่ใช้ตกแต่งอาหาร 3. เนื้อ 4. การกลายพันธุ์

113. His grades have____greatly this semester.
1. survived
2. improved
3. honored
4. classified
ถาม คะแนนของเขาดีขึ้นมากในภาคเรียนนี้
ตอบ 2 1. รอดชีวิต 2. ปรับปรุง ทําให้ดีขึ้น 3. ให้เกียรติ 4. จัดเป็นระเบียบ

114. Meeting you here in New York is a remarkable____.
1. coincidence
2. vehicle
3. exhibition
4. convention
ถาม การพบคุณที่นี่ในนิวยอร์กเป็นเรื่องบังเอิญที่น่าทึ่ง
ตอบ 1 1. เหตุบังเอิญ 2. ยานพาหนะ 3. การแสดงนิทรรศการ 4. ธรรมเนียม

115. Oil spills pose a____threat to marine life.
1. genetic
2. edible
3. serious
4. floating
ถาม การรั่วไหลของน้ํามันเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล
ตอบ 3 1. เกี่ยวกับพันธุกรรม 2. สามารถรับประทานได้ 3. ร้ายแรง 4. ลอย

116. The river provides a____supply of clean water to nearby villages.
1. elderly
2. active
3. mental
4. plentiful
ถาม แม่น้ำเป็นแหล่งน้ำสะอาดที่อุดมสมบูรณ์ให้กับหมู่บ้านใกล้เคียง
ตอบ 4 1. สูงอายุ แก่ 2. กระฉับกระเฉง 3. เกี่ยวกับจิตใจ 4. อุดมสมบูรณ์ มากมาย

117. Jane explained it as simply as she could, but the class still didn’t____.
1. understand
2. press
3. return
4. result
ถาม เจนอธิบายง่าย ๆ เท่าที่จะทําได้ แต่ชั้นเรียนก็ยังไม่เข้าใจ
ตอบ 1 1. เข้าใจ 2. กด บีบ 3. กลับคืน 4. ผลลัพธ์

118. My grandfather____ the family business in 1988.
1. established
2. severed
3. rescued
4. greeted
ถาม ปู่ของฉันก่อตั้งธุรกิจครอบครัวในปี 2531
ตอบ 1 1. จัดตั้ง เริ่ม 2. รุนแรง 3. ช่วยเหลือจากอันตราย 4. ทักทาย

119. Food was getting____during the drought.
1. elderly
2. scarce
3. popular
4. various
ถาม อาหารจะขาดแคลนในช่วงภัยแล้ง
ตอบ 2 1. สูงอายุ แก่ 2. หายาก ขาดแคลน 3. เป็นที่แพร่หลาย 4. มากมาย

120. If____,we can always change the dates of our trip.
1. necessary
2. famous
3. popular
4. various
ถาม หากจําเป็น เราสามารถเปลี่ยนวันเดินทางได้เสมอ
ตอบ 1 1. สําคัญ จําเป็น 2, มีชื่อเสียง 3. เป็นที่แพร่หลาย 4. มากมาย

ENG1002 ประโยคและศัพท์ทั่วไป 2/2564

การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2564
ข้อสอบกระบวนวิชา ENG 1002 ประโยคและศัพท์ทั่วไป
Part: Structure (ภาคโครงสร้าง)
Choose the correct answer.

1.Sue____a cake when the storm started.
1. is baking
2. was being baked
3. was baking
4. has been baked
ตอบ 3 หน้า 53 ใช้ Past Continuous Tense คู่กับ Past Simple Tense เพื่อแสดงความสัมพันธ์ ของ 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต โดยเหตุการณ์หนึ่งกําลังดําเนินอยู่ (Past Continuous Tense) และอีก เหตุการณ์หนึ่งเกิดซ้อนขึ้นมา (Past Simple Tense)

1. S + V2 + when + S + V2
2. S + was/were + Ving + when + S + V2
3. S + had V3 + when + S + V2 ·

ตรงแบบที่ 2 ตอบ was baking

2.Nida____on the phone at the moment.
1. has talked
2. is talking
3. was talking
4. talked
ตอบ 2 หน้า 38 ใช้ Present Continuous Tense S + is/am/are Ving) กับเหตุการณ์ หรือการกระทําที่กําลังเกิดขึ้นในขณะที่พูด หรือมักคําบอกเวลาจํานะออกทุกเทอมเช่น now, right now, at the/this moment, at present ข้อนี้มีท้ายประโยคคําบอกเวลา at the moment จึงตอบ is talking

3.I was disappointed with the new Korean series; I ___it to be much better.
1. am expecting
2. expect
3. expected
4. would expect
ตอบ 3 เราจะเห็นประโยคแรกมีรูปอดีตคือ was ซึ่งเป็นกริยาช่องที่ 2 อดีต ฉะนั้นอีกประโยคก็จะต้อง รูปอดีตไปด้วยเพราะเป็นการเล่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาเราใช้ Past Simple Tense (S + V2) = expected

4.We usually____the news on TV at 7:00.
1. have watched
2. watch
3. watches
4. are watching
ตอบ 2 หน้า 6 ใช้ Present Simple Tense S + V1) แสดงเหตุการณ์หรือการกระทําที่ เกิดขึ้นเป็นประจํา เป็นนิสัย สม่ำเสมอ ทําทุกวัน ประโยคที่เป็นความจริงเสมอ จริงตามธรรมชาติ จริงในปัจจุบัน สํานวน สุภาษิต หรือเกิดขึ้นในปัจจุบันมีคําบอกเวลาเช่น always, usually, often, sometimes, normally, frequently, nowadays, every + ช่วงเวลา เช่น every day (ทุกวัน) every week, every month, every year (ทุกปี) at present (ในปัจจุบัน) เป็นต้น สําหรับข้อนี้มีคําบอกเวลาคือ usually ทําเป็นปกติ จึงตอบ V1 = watch กริยาพหูพจน์เพราะประธาน We พหูพจน์

5.He____pizza when his mother called.
1. is eating
2. was eating
3. was eaten
4. is eaten
ตอบ 2 ลักษณะเดียวกันกับข้อ 1 ดูคําอธิบายประกอบได้ เชื่อมด้วย when 2 เหตุการณ์

2. S + was/were + Ving when +  s +v2

6.Kate____to lose weight now.
1. has been trying
2. has tried
3. is trying
4. tried
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 2. ประกอบ เราเห็นคําบอกเวลา now จึงตอบ Present Continuous Tense
= is trying

7.Shopping online___is popularity nowadays.
1. was going
2. is growing
3. grew
4. had grown
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 4. ประกอบ มีคําบอกเวลา nowadays (ทุกวันนี้ ปัจจุบันนี้) ใช้ Present Simple Tense = V1 ถ้าไม่มีก็ตอบ Present Continuous Tense S + is/am/are + Ving) ขอให้เป็นรูป ปัจจุบัน เดาจากตัวเลือกมีอันเดียวคือตัวเลือกที่ 2 = is growing นอกนั้นเป็นรูปอดีต

8.He____tea when I asked him to stand up.
1. will have taken
2. taken
3. takes
4. was taking
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ เชื่อมด้วย when และเราสังเกตจากกริยา asked เป็นกริยาช่องที่ 2 รูป อดีต ฉะนั้นเราก็ตอบเป็นอดีต ที่มีรูปโครงสร้างถูก Tense ก็คือ was taking นอกนั้นตัวเลือก I will เป็น อนาคต ไม่ถูกต้อง ตัวเลือกที่ 2 taken เป็นกริยาช่องที่ 3 ไว้หลังประธานไม่ถูกต้อง และตัวเลือกที่ 3 takes เป็นกริยาช่องที่ 1 ไม่เข้ากับประโยค เราตอบอดีตคู่กับอดีต

9.Cats____water.
1. hates
2. hate
3. are hating
4. had hated
ตอบ 2 Present Simple Tense S + V1) ใช้กับเหตุการณ์ที่ทําทุกวัน เป็นประจํา แล้วยังใช้กับ ประโยคที่เป็นจริงตามธรรมชาติ จริงตามหลักวิทยาศาสตร์ จริงในปัจจุบัน สํานวน สุภาษิตด้วย โดยที่โจทย์ จะไม่มีคําบอกเวลาให้มา เราต้องสังเกตเอา ซึ่งมักจะเป็นโจทย์เช่น พระอาทิตย์ส่องแสงกลางวัน, เสือเป็น สัตว์สี่เท้า เป็นต้น
-Bangkok is the capital of Thailand. (กรุงเทพเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย)
-The sun rises in the east, and sets in the west.
(พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก) ใช้ V1
-Cats hate water. (แมวเป็นสัตว์ที่ไม่ชอบน้ํา) เป็นจริงจึงตอบ V1 กริยาพหูพจน์

10. From 1995 to 2000, Tom___for a large multinational company.
1. would be working
2. worked
3. would work
4. works
ตอบ 2 หน้า 24 – 25 ใช้ Past Simple Tense S + V2) แสดงถึงเหตุการณ์ที่สิ้นสุดลงไปแล้วในอดีตหรือเป็นการเล่าเรื่องราวในอดีต มักจะมีคําบอกเวลา เช่น yesterday, ago, in + ปีอดีต, in the past, last + เวลา เช่น last year, last night, last summer, last Sunday เป็นต้น จากโจทย์มีคําบอกเวลา จากปี 1995 ถึงปี 2000 เป็นอดีต เพราะปัจจุบันปี 2022 ฉะนั้นก็ตอบเป็นอดีตคือ V2 = worked

11. She___her finger and___to hospital.
1. cut; went
2. will cut; will go
3. cut; goes
4. cut; will go
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 10. ประกอบ ประโยคเป็นลักษณะของการเล่าเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาว่า เธอทํามีดบาดนิ้วของเธอและไปโรงพยาบาล เป็นเหตุการณ์อันหนึ่งในอดีต ตอบแบบ V2 คู่กับ V2 ก็คือกริยา
cut cut cut กริยา 3 ช่องรูปเดิม และ go went gone จึงตอบ cut, went

12. Please be quiet. The children____.
1. will be sleeping
2. were sleeping
3. are sleeping
4. have been slept
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 2. ประกอบ Present Continuous Tense S + is/am/are Ving) กับ เหตุการณ์หรือการกระทําที่กําลังเกิดขึ้นในขณะที่พูด โดยโจทย์ขึ้นต้นเป็นการขอร้องให้เงียบ ๆ เพราะเด็ก ๆ กําลังนอนหลับ เป็นเหตุการณ์เกิดขึ้น ณ ขณะที่พูดจึงตอบ are sleeping

13. I___dinner when she arrived.
1. have been eating
2. eat
3. will eat
4. was eating
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ เชื่อมด้วย when กริยาข้างหลังเป็น arrived คือ V2 รูปอดีต ฉะนั้น ข้างหน้าก็เป็นอดีตด้วย มีตัวเลือกเดียวที่เป็นอดีตคือ was eating

14. He___chips while watching television.
1. would eat
2. eat
3. ate
4. is eating
ตอบ 4 เมื่อเราเห็นคําว่า while (ในขณะที่) กําลังดูโทรทัศน์ แสดงว่าเกิดขึ้นในขณะที่พูด ก็ตอบ Present
Continuous Tense = is eating

15. What a nice man he___!
1. is
2. is being
3. has been eating
4. be
ตอบ 1 หน้า 7 ใช้ Present Simple Tense S + V1) ในประโยคอุทานที่ขึ้นต้นด้วย เช่น

Here
There
How + adj.         + V1
What + นาม

เช่น
·What a beautiful girl she is!
·How beautiful you are!
-Here comes the bus!
-There goes the bus
ฉะนั้นข้อนี้ ประธาน he ก็ตอบ V1 คือ is

16. It___a lot in winter in Russia.
1. snow
2. is snowing
3.snows
4. will be snowing
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 9. ประกอบ ประโยคเป็นจริง เช่น It is hot in summer. (ซัมเมอร์ร้อน เป็นจริง ประโยคนี้ก็เช่นกัน มีหิมะเยอะในหน้าหนาวของรัสเซีย ก็เป็นจริงตอบ V1 ก็คือ snows กริยาเอกพจน์

17. We___ married twenty years ago.
1. get
2. got
3. was getting
4. would be getting
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 10. ประกอบ เราเห็นคําบอกเวลา ago (ที่ผ่านมา) ให้ตอบ Past Simple Tense
(S+ V2) = got (get got gotten)

18. I wish I____ Tom’s telephone number.
1. know
2. would know
3. knew
4. have known
ตอบ 3 หน้า 147 เป็นการใช้ wish
1. S + wish/wishes S + V2 หรือ were
2. S + wished S+ had V3

ให้กริยา wish เป็นกริยาช่องที่ 1 ตอบหลังเป็นกริยาช่องที่ 2 หรือ were จากตัวเลือกตอบกริยา ช่องที่ 2 มาจากกริยา know knew known จึงตอบ knew (V2)

19. The course____ next Sunday.
1. had started
2. has started
3. starts
4. start
ตอบ 3 เมื่อเราเห็นคําบอกเวลาว่า next Sunday เป็นรูปอนาคตปกติเราตอบโครงสร้าง will + V1 = will start แต่ตัวเลือกไม่มี ให้นึกสิ่งที่สามารถตอบแทนอนาคตได้คือปัจจุบันก่อน เช่น
1. Present Simple (V+ V1)
2. Present Continuous Tense S + is/am/are + Ving) และ
3 be (is, am, are) going to + V1 แทนอนาคตได้ ดูจากตัวเลือกมี starts (V1) เอกพจน์ที่ถูกต้อง

20. I____Jim since high school.
1. was knowing
2. know
3. would know
4. have known
ตอบ 4 หน้า 68-69 หรือ 72 ใช้ Present Perfect (S + has/have + V3) หรือจะตอบ Present Perfect Continuous Tense S + has/have been + Ving) แสดงเหตุการณ์ที่เกิด ติดต่อกันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและจะดําเนินต่อไปในอนาคต ออกสอบทุก เทอม จําคําบอกเวลาไว้ เช่น for (เป็นเวลา), since (ตั้งแต่), just (เพิ่งจะ), recently (เร็ว ๆนี้), lately, yet, already, ever, never, how long, all day (ตลอดวัน), all evening (ตลอดเย็น) สําหรับข้อนี้ มีคําบอกเวลา since (ตั้งแต่) จึงตอบ have known

21. As she___the book, Daniel came.
1. will be reading
2. should read
3. was reading
4. had read
ตอบ 3 หน้า 38 หรือ 53 เห็น as หรือ while เป็น 2 เหตุการณ์ ให้เดาปัจจุบันคู่กับปัจจุบัน และอดีตคู่กับอดีต ในการเชื่อม while หรือ as มีทั้งปัจจุบันและอดีต

1.S + V2 while S + was/were Ving
as
2.S+ was/were Ving while S + was/were Ving
as
3. S + is/am/are +Ving while S + Is/am/are Ving
4.While/As S + was/were Ving, S+ was/were Ving
5.While/AS S + was/were Ving, S + V2

ข้อนี้ตรงกับแบบ 5. was reading

22. In the past, I___a lot of mistakes.
1. will make
2. am making
3. made
4. make
ตอบ 3 มีคําบอกเวลา in the past (ในสมัยก่อน อดีต) จึงตอบ Past Simple Tense = V2 ก็คือ
make made made จึงตอบ made

23. This time last year, I___ in Korea.
1. would have lived
2. have been lived
3. was living
4. will be living
ตอบ 3 หน้า 53 ใช้ Past Continuous Tense S + was/were +Ving) แสดงเหตุการณ์ ที่กําลังดําเนินอยู่ ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งในอดีต ซึ่งมักจะมีคําบอกเวลาในอดีตด้วย เช่น (at) this time last year, at 9 p.m. last night ออกทุกเทอม 1-2 ข้อ สําหรับข้อนี้มีคํา บอกเวลา This time last year จึงตอบ was living

24. I___a meeting right now.
1. have been attending
2. attended
3. am attending
4. have attended
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 2. ประกอบ มีคําบอกเวลา right now ใช้ Present Continuous Tense จึง
ตอบ am attending

25. lit___me fifteen minutes to get to the university.
1. take
2. taking
3. had taken
4. takes
ตอบ 4 ดูตัวเลือกที่ 1 ไม่ถูกเพราะประธานเอกพจน์ถ้าใช้กริยาเอกพจน์ต้องเป็น takes
ตัวเลือกที่ 2 ไม่ ถูกเพราะหลังประธาน ถ้าใช้ Ving = taking ต้องมี verb to be นําหน้าก่อน
ตัวเลือกที่ 3 had taken เป็น Past Perfect Tense จะนิยมใช้กับ 2 เหตุการณ์เท่านั้น
ตัวเลือกที่ 4 ถูกต้องตามรูปประธานเอกพจน์ กริยา takes เอกพจน์

26. If you___to the book store, please____me aw cartoon book.
1. went; buy
2. had gone; would buy
3. go; buy
4. had gone; bought
ตอบ 3 หน้า 124- 130 เป็นการตัด if ออกไป

ดูสูตรการใช้ If มี 4 แบบ
1. If S + V1 , S + V1
2. If S + V1 , S + will V1
3. If S + V2 , S + would/could + V1
4 If S+ had V3 + had V3 , S+ would have V3

การเชื่อม if ตรงกลางก็สลับท่อนหน้าไปหลัง หลังไปหน้าเท่านั้น
1. S + V1 if/unless S + V1.
2. S + will/can V1 if/unless S + V1
3. S + would V1 if/unless S + V2
4. S + would have V3 if/unless S + had V3

ในการจับคู่เรื่อง If ถ้า V1 คู่กับ V1 = go, buy และหลัง please + V1 เสมอ ตัวเลือกที่ 3 จึง ถูกต้อง ถ้าตัวเลือกที่ 1 went ต้องคู่กับ would buy ตัวเลือกที่ 2 และ 4 ถ้า had gone ต้องคู่ กับ would have bought

27. They____to open the door for five minutes when Sarah found her key.
1. are trying
2. would be trying
3. will be trying
4. had been trying
ตอบ 4 สามารถดูได้หลายจุด อันดับแรกแบบง่าย ๆ คือเราเห็นกริยา found (มาจาก find found found) เป็นรูปอดีต แสดงว่าข้างหน้าก็ต้องตอบอดีต และโดยปกติถ้าเราเห็นคําบอกเวลา for (เป็นเวลา) ถ้าเป็นประโยคเดียวเราตอบ Present Perfect Tense S + has/have + V3) แต่ เรามีส่วนหลังเป็นอดีต ข้างหน้าก็ตอบเป็นอดีต เราก็ปรับรูปปัจจุบันให้เป็นอดีต คือ เราตอบ Past Perfect Tense (S+ hadV3) หรือ Past Perfect Continuous Tense (S+ had been +Ving) คู่กับ V2 ข้างหลังได้เลย จึงตอบ had been trying

28. If you mix red and blue, you___purple.
1. get
2. had gotten
3. got
4. would have gotten
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 26 ประกอบ การเชื่อมด้วย If ให้กริยา mix เป็นกริยาช่องที่ 1 อีกท่อนก็ตอบกริยา ช่องที่ 1 ก็คือ get เราจะไปตอบคู่กับอดีตในตัวเลือก 2, 3 และ 4 ไม่ถูกต้อง

29. Jessica and I___our close friends at this time tomorrow.
1. have visited
2. visited
3. will be visiting
4. visit
ตอบ 3 หน้า 107 ใช้ Future Continuous Tense (S+ will/shall + be +Ving) แสดงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่มีช่วงเวลาระบุไว้อย่างแน่ชัด เช่น at this time tomorrow, tomorrow evening, at 10 o’clock tomorrow ฉะนั้นมีคําบอกเวลาที่ระบุเวลา at this time tomorrow จึงตอบ will be visiting

30. They began to run after they___the dog.
1. would see
2. had seen
3. are seeing
4. see
ตอบ 2 เป็น 2 เหตุการณ์ ใช้ 2 Tense เชื่อมด้วย before วางไว้ต้นประโยค

1.S + had V3 before S + V2
2.S+ had V3 when S + V2
3.S + V2 after S + had V3
4. Before + S +V2 ,S+ had V3
5. After + S +had V3, S + V2
6. When +S+ V2, S + had V3

ข้อนี้ตรงกับสูตรที่ 3

31. Mary _____three miles a day before she broke her leg.
1. had been walking
2. would walk
3. walks
4. is walking
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 30. ประกอบ ตรงกับสูตรที่ 1 before อยู่กลางประโยค
1. S+ had V3 before S + V2
ตอบ had been walking แทนได้ คู่กับ broke (break broke broken)

32. He___around the world for a month.
1. has been traveling
2. was traveled
3. is being traveled
4. would travel
ตอบ 1 เห็นคําบอกเวลา for a month ตอบ Present Perfect หรือ Present Perfect Continuous Tense (S+ has/have been + Ving) = has been traveling

33. They___with us until they find an apartment.
1. will being stayed
2. had stayed
3. are staying
4. would have stayed
ตอบ 3 หน้า 7 ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นโดยเป็นเงื่อนไขซึ่งกันและกัน ดูทีละตัวเลือก
ตัวเลือกที่ 1 will + V1 เช่น will be, will stay แต่ will being ตามด้วย Ving ไม่ถูกต้อง
ตัวเลือกที่ 1 และ 4 เป็นรูปอดีต เข้ากับโจทย์ไม่ได้ เพราะเราเห็นกริยา find เป็น V1 ปัจจุบัน ส่วนหน้าก็ต้อง ตอบเป็นปัจจุบันหรือไม่ก็อนาคตได้ ฉะนั้นตัวเลือกที่ 3 are staying เป็น Present Continuous Tense
จึงตอบแทนได้

34. Barbara___her report by noon.
1. will finish
2. will have finished
3. finishes
4. is going to be finish
ตอบ 2 หน้า 112 Future Perfect Tense (S+ will/shall + have V3) Future Perfect Continuous Tense (S+ will/shall + have been Ving) กับคำบอกเวลาที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า”by” (ประมาณราวๆ) เช่น by next year, by the end of this year, by tomorrow, by that time, by the end of this month, by noon เป็นต้น ฉะนั้นเราเห็น by noon จึงตอบ will have finished

35. They___here for years.
1. would live
2. have lived
3. have being lived
4. was lived
ตอบ 2 เราเห็นคำบอกเวลา for years ตอบ Present Perfect (S + has/have + V3) = have lived หรือไม่ก็ตอบ Present Perfect Continuous Tense = have been living แต่ตัวเลือกที่ 3 หลัง have
มี being เป็น Ving เลยไม่ถูกต้อง

36. You will be safe if you___carefully.
1. drive
2. will drive
3. would have driven
4. had driven
ตอบ 1 if อยู่กลางประโยค

2. S + will V1 if/unless S + V1

ให้มา will be ตอบ drive

37. He___a meal when she came to his house.
1. will have cooked
2. cooks
3. had been cooking
4. has cooked
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ เป็นการเชื่อมด้วย when 2 เหตุการณ์ ให้มาส่วนหลังกริยาช่องที่ 2 = came และเป็นอดีต ฉะนั้นเราเดาว่าส่วนหน้าก็ต้องตอบรูปอดีต จะเห็นตัวเลือกมีอดีตอันเดียวคือ had been cooking เป็น Past Continuous Tense

1.S + V2 + when + S + V2
2. S + was/were + Ving + when + S + V2
3. S + had V3 + when + S + V2

ตรงแบบที่ 3 ตอบ had been cooking

38. Something smells good. What___you___?
1. are; cooking
2. had; cooked
3. will; cook
4. were; cooking
ตอบ 1 ใช้ Present Continuous Tense S + is/am/are + Ving) กับประโยคที่เกิดขึ้นในขณะที่พูด โดยเราสังเกตว่ามีกริยาช่องที่ 1 คือ smells ที่โจทย์ ฉะนั้นส่วนหลังก็ต้องเป็นปัจจุบันไปด้วย ตัวเลือกที่ 1 เป็น ปัจจุบัน จึงถูกต้อง ตัวเลือกที่ 2 และ 4 เป็นอดีต ผิดไปตัวเลือกที่ 3 เป็นอนาคตก็ผิดไป

39. Paula___by 9 o’clock.
1. arrived
2. arrives
3. will have arrived
4. will arrive
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 34. ประกอบ เห็น by 9 o’clock ตอบ Future Perfect ทันที = will have
arrived

40. My mom___for three hours.
1. has been cooking
2. cooks
3. will be cooking
4. cooked
ตอบ 1 เห็นคําบอกเวลา for ….. ตอบ Present Perfect หรือ Present Perfect Continuous Tense (S+ has/have been + Ving) = has been cooking

41. Alice____a nurse soon.
1. will be
2. has been
3. is
4. was
ตอบ 1 ใช้ Future Simple Tense S + will/shall + V1) กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคต มักมีคําบอกเวลา เช่น next + เวลา เช่น next month, next Sunday, tomorrow (พรุ่งนี้), soon (ในไม่ช้า), in + ช่วงเวลา เช่น in five minutes (ใน 5 นาที) เป็นต้น ฉะนั้นข้อนี้มี Soon จึงตอบ will be

42. Unless it ____,we will have a picnic.
1. rained
2. had rained
3. will rain
4. rains
ตอบ 4 ข้อนี้ขึ้นต้นด้วย Unless การใช้กริยาเหมือนกับการใช้ If แต่ความหมายไม่เหมือน Unless มี
ความหมายเท่ากับ If ….. not ดูสูตร
1. If/Unless S + V1, S + V1
2. If/Unless S + V1, S+ will V1
3. If/Unless S+ V2, S + would/could + V1
4 If/Unless S+ had V3, S+ would have V3

ตรงกับสูตรที่ 2 ให้มาแล้วคือ will have ฉะนั้นข้างหน้าตอบกริยาช่องที่ 1 คือ rains

43. She____ in Bangkok since she left school.
1. was lived
2. had being lived
3. has been living
4. will be lived
ตอบ 3 มีคําบอกเวลาคือ since ….. หลัง since ใช้รูปอดีตเพราะมีความหมายว่าตั้งแต่….. ส่วนหน้า ยังคงตอบเหมือนกับ for จําให้ดี ๆ คําบอกเวลา for / since ออกทุกเทอม ข้างหน้าให้ตอบ Present Perfect Tense S + has/have +V3) หรือ Present Perfect Continuous Tense S + has/have been +Ving) ตัวเลือกที่ถูกโครงสร้างก็คือ has been living

44. By the end of this week, Bob ___in Bangkok for 10 years.
1. is living
2. will live
3. lives
4. will have been living
ตอบ 4 เห็นคําว่า by ….. เหมือนข้อ 34 หรือข้อ 39 ตอบ Future Perfect Tense S + will/shali have V3) ไม่มีให้ตอบ Future Perfect Continuous Tense S + will/shall have been Ving) ตรง กับตัวเลือกที่ 4 = will have been living

45. George isn’t at school. I think he___to the theater.
1. will go
2. went
3. has gone
4. will have gone
ตอบ 1 ประโยคส่วนหน้าให้มาเป็นปัจจุบันกริยาช่องที่ 1 คือ isn’t ส่วนหลังก็ต้องตอบเป็นปัจจุบันหรือไม่ก็ อนาคต เราเห็นคําว่า think (คิด) แสดงความตั้งใจว่า คิดว่าจะ… จึงตอบอนาคต will go ในตัวเลือกที่ 2 เป็น อดีต ผิดไปตัวเลือกที่ 3 เป็น Present Perfect มักใช้กับโจทย์ที่มี for, since เป็นต้น และตัวเลือกที่ 4 มัก ใช้กับโจทย์ที่มี by

47. My friend___next Friday.
1. retired
2. will retire
3. has retired
4. retires
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 41. ประกอบ มีคําบอกเวลา next Friday จึงตอบ Future Simple Tense
= will retire

48. Jane and I___at the library tomorrow afternoon.
1. have studied
2. will be studying
3. studied
4. study
ตอบ ดูคําอธิบายข้อ 29. ประกอบ มีคําบอกเวลา tomorrow afternoon จึงตอบ Future
Continuous Tense = will be studying

49. The policeman said he___through a red light.
1. had driven
2. drive
3. drives
4. would be driving
ตอบ 1 หน้า 86 ใช้ Past Perfect Tense ในประโยค Reported Speech ก็คือประโยคที่มีคําว่า said หรือ thought ก็ได้ เพื่อแสดงว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นก่อนเวลาที่พูดหรือรายงาน เทียบตัวอย่างนะ
-She said she had posted the letter on Monday.
(เธอพูดว่า เธอส่งจดหมายไปแล้วเมื่อวันจันทร์)
– I thought I had bought a new film, but I couldn’t find it.
(ฉันคิดว่าฉันซื้อหนังสือเรื่องใหม่มา แต่ฉันหาไม่พบ)
ข้อนี้เช่นกันคือมี said ตอบหลัง had V3 = had driven

50. If I___you, I would go to see a doctor.
1. was
2. will be
3. were
4. had been
ตอบ 3 สูตรการใช้ if แบบที่ 3
3. If/Unless S+ V2, S+ would/could + V1
นั่นคือ ส่วนหลังให้มาแล้วคือ would go ส่วนหน้าตอบกริยา V2 ในที่นี้ต้องเป็น were เพราะ If (ถ้าหากว่า) เป็นการสมมติ ไม่ใช้ was ต้องเป็น were ในกลุ่มสมมติเช่น if, as iftlas though และ wish ที่นิยมออก

51. My car___two weeks ago.
1. was painted
2. paints
3. had been painted
4. painted
ตอบ 4 เราเห็นคําบอกเวลาอดีต คําว่า two weeks ago (2 สัปดาห์ที่แล้ว) ใช้ Past Simple Tense (S+ V2) = painted

52. It is___that ten people were killed in the shooting at the bar.
1. reported
2. reporting
3. to report
4. reports
ตอบ 1 หน้า 156 เป็นรูป passive reporting verbs ในรูปแบบของกริยารายงานข่าวในประโยคดังนี้

ยังมีกริยาตัวอื่นอีกเช่น suppose, assume, consider, claim, think, believe, report, know, expect, allege, understand เป็นต้น ดูตัวอย่าง
– It is reported that ten people were killed. (มีรายงานว่าคน 10 คนถูกฆ่าตาย)
– It is believed that the thieves got in through the kitchen window.
– It is said that she works 16 hours a day. (กล่าวกันว่าเธอทำงานวันละ 16 ชั่วโมง)

53. It is necessary that you___ out this form before the interview.
1. is filling
2. fill
3. filled
4. had filled
ตอบ 2 หน้า 149 เป็นเรื่องกลุ่มคําที่ยกเว้น ให้ตอบส่วนหลังเป็นกริยาช่องที่ 1 ไม่ผัน (ไม่เติม s, es, ed, ing) ถ้าเป็น verb to be ให้ตอบ be

S + is/was important that S + V1
essential
necessary
imperative
urgent
It is necessary that ตอบ fill (V1)

54. When will Jack have this project____?
1. be completing
2. completed
3. to complete
4. completes

ตอบ 2 หน้า 163 เป็นโครงสร้างในเรื่อง Passive Voice โดยใช้ในรูปของ Verb to have หรือ Verb to get ให้จํา จะออกข้อสอบประมาณ 2-3 ข้อ ก็คือ เมื่อเห็น have/has/ had หรือ getgot ให้ + V3 ดูสูตร

S + has/have/had + สิ่งของ + V3
หรือ S + get/got + สิ่งของ + V3 ได้เลย

จากโจทย์ have + this project (โครงการ) เป็นสิ่งของ จึงตอบตามด้วยกริยาช่องที่ 3 =completed

55. Let’s dance,____?
1. are we
2. could we
3. shall we
4. did we
ตอบ 3 หน้า 174 175 เป็นเรื่อง question-tags ที่ให้ตอบส่วนหาง โดยกําหนดว่าถ้าข้างหน้า เป็นประโยคบอกเล่าข้างหลังจะต้องเป็นรูปปฏิเสธรูปย่อ มี 2 ส่วนที่ต้องดูนั่นคือ เรื่องกริยากับ เรื่องคําสรรพนาม เราเห็นประโยคให้มีกริยาช่วย will ตอบ tag เป็น won’t รูปย่อ และคํานาม Dan ชื่อเพศชายตอบ tag เป็น he รวมกัน won’t he ตัวอย่างอื่นเช่น
-Jane will be here soon, won’t she?
-There was a lot of rain, wasn’t there?
-Maggi won’t be late, will she?
ยกเว้น ถ้าขึ้นต้นประโยคมี 2 กรณี ให้ตอบส่วนหลังคงที่ เช่น
-Let’s go home, shall we? ขึ้นต้นด้วย Let’s ให้ตอบ shall we
-Clean the table, will you? ขึ้นต้นด้วย กริยาช่องที่ 1 ให้ตอบ will you
สําหรับข้อนี้ขึ้นต้นด้วย Let’s จึงตอบส่วนหางว่า shall we

56. Olive has had her bedroom____.
1. to decorate
2. decorate
3. be decorating
4. decorated
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 54. ประกอบ กริยา had + สิ่งของ (her bedroom) ตอบตามด้วยกริยาช่องที่ 3
นั่นคือ decorated

57. I suggest you____some alcohol gel with you.
1. are taking
2. will take
3. have taken
4. take
ตอบ 4 เป็นกลุ่มกริยายกเว้น ให้ตอบหลังประธานเป็นกริยาช่องที่ 1 ไม่ผันก็คือไม่เดิมท้ายอะไรเลย

S + suggest, insist, demand, desire,
require, request, recommend, prefer + that S + V1 ไม่ผัน

58. John said to me, “Are you busy?”
John asked me____.
1. why you were busy
2. that I was busy
3. if you were busy
4. if I was busy
ตอบ 4 หน้า 197 เป็นเรื่องการทํา Direct Speech (ประโยคคําพูด) ให้กลายเป็น Indirect Speech (ประโยครายงานหรือนํามาพูดเล่าอีกที) เราต้องดูว่าเดิมเป็นประโยคประเภทไหน จะเห็นว่าเดิมมาจาก ประโยคคําถาม เรามีหลักคือเปลี่ยนกริยา said ให้เป็น asked (ถาม) โจทย์ให้มาแล้ว และเชื่อมต่อโดยดูว่าเป็นประโยคคําถามประเภท Are you… เรียกว่า Yes/No Question จะต้องเปลี่ยนให้ใช้ if หรือ whether (หรือไม่) ฉะนั้น if ถูกต้องเหลือตัวเลือก 3 และ 4 ประโยคคําถามถาม You ก็คือ me เราก็เปลี่ยนเป็นรูปประธานคือ 1 และกริยาต้องเปลี่ยน Tense เป็นกริยาช่องที่ 2 เพราะผ่านไปแล้ว จึงตอบ I was

59. I recommend that she____to the mail on a weekday.
1. go
2. had gone
3. are going
4. have gone
ตอบ 1 ดูคําอธิบาข้อ 57. ประกอบ กริยายกเว้น recommend that ก็ตอบหลังเป็นกริยาช่องที่ 1 ไม่ผัน
นั่นคือ go

60. If Alex___time, he would hand out with friends.
1. has
2. had had
3. will have
4. had
ตอบ 4 สูตรการใช้ If แบบที่ 3

3. If S + V2, S + would/could + V1

61. Long___the King.
1. will live
2. lived
3. live
4. would live
ตอบ 3 ขึ้นต้นด้วย God หรือ Long ตอบกริยาช่องที่1 ไม่ผันก็คือ live

62.___are you late?
1. Whose
2. Who
3. Which
4. Why
ตอบ 4 หน้า 166 เป็นประโยคคําถาม Wh-questions แบบนี้ออกสอบทุกเทอม 2 – 3 ข้อ
1. Who/ What/ Which + (คํานาม) + กริยา เช่น
-Who saw him?
-Which bus goes to town?
-What happened to you last night?

2. Whom/What Which ใช้เป็นกรรมของประโยค + (คํานาม) + กริยาช่วย + ประธาน + กริยา
-What did he buy yesterday?
-Which job have you applied for?

3. Whose + คํานาม เสมอ ส่วน When, Why, Where ใช้ตามแบบที่ 2
-Whose book are you reading?
-Why did he go home?
-When will you do?
-Where do you come from?
How + adj. ใช้ถามเกี่ยวกับระดับต่าง ๆ เช่น -How old is she?
ข้อนี้ ใช้ Why are you late? (ทําไมมาสาย?)

63. Due to the storm the tennis matches___last night.
1. were canceled
2. canceled
3. had been canceled
4. will cancel
ตอบ 1 เป็นเรื่อง Passive Construction การทําให้เป็นรูปถูกกระทํา โดยสังเกตจากประธานมักเป็น สิ่งของ สิ่งไม่มีชีวิต บางประโยคส่วนหลังอาจมีคําบอกใบ้เช่น by (โดย) ด้วย อย่างข้อนี้ประธานคือ the tennis matches (การแข่งขันเทนนิส) ถูกยกเลิก และเห็น last night นั่นคือมาจาก V2 แต่ทําโครงสร้างเป็นถูกกระทําต้องใช้ verb to be + V3 นั่นคือ were canceled

64. I wish I____a professional football player.
1. have been
2. were
3. was
4. is
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 18. ประกอบ เรื่อง wish เป็นกริยาช่องที่ 1 ตอบหลังกริยาช่องที่ 2 และ wish (ปรารถนา) ที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงเป็นการสมมติเหมือนที่อธิบายข้อ 50. ต้องใช้ were (V2) เสมอ

65. Alice said to me, “Why do you say that?”
Alice asked me____.
1. why I said that
2. where I said that
3. if I said that
4. that I said that
ตอบ : ดูคําอธิบายข้อ 58. ประกอบ เป็นเรื่อง indirect speech เป็นประโยคคําถามประเภท Wh-question นั่นคือมี why ก็เอาคํานี้มาต่อเลย และกริยากับสรรพนามเปลี่ยนจาก you เป็น และกริยาช่องที่ 1 เปลี่ยนเป็นอดีตกริยาช่องที่ 2 คือ said

66. Evan’s car got____.
1. to have stolen
2. steal
3. stolen
4. be stolen
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 54. ประกอบ กริยา got/get + V3 ออกทุกเทอม จึงตอบ stolen (มาจาก
steal stole stolen)

67.____is your favorite cartoon book?
1. Who
2. When
3. What
4. Where
ตอบ 3 ดูคําอธิบาย 62. ประกอบ คําถามตอบ What ถามถึงสิ่งของว่าอะไร
– What is your favorite cartoon book? (หนังสือการ์ตูนที่โปรดคืออะไร?)

68. Bambam said, “I can stay here with you.”
Bambam said that he____stay there with me.
1. may
2. could
3. must
4. will
ตอบ 2 เป็นเรื่อง indirect speech ที่มาจากประโยคบอกเล่า เราเชื่อมด้วย that และสรรพนามเปลี่ยน มาเป็น he เพราะแทน Bambam เพศชาย ส่วนกริยาให้เราตอบ เราก็ดูว่าให้มาเป็น can เราตอบเป็นกริยา ช่องที่ 2 นั่นคือตอบ could

69. It is important that Jenny___the seminar.
1. attend
2. attends
3. will attend
4. attended
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 53. ประกอบ It is important that ตอบหลังกริยาช่องที่ 1 ไม่ผัน = attend

70. She smiles as if she___happy.
1. was being
2. were
3. is being
4. will be
ตอบ 2 หน้า 138 – 139 เป็นเรื่อง as if/ as though

1. S + V1 as if/as though S + V2
2. S + V2 as if/as though S + hadV3

71. Turn the light off, ___?
1. aren’t you
2. don’t you
3. are you
4. will you
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 55. ประกอบ เรื่องส่วนหาง (tag) ให้ขึ้นมาเป็นกริยาช่องที่ 1 (Turn off = ปิค) ตอบส่วนหางคงที่คือ will you

72. If Angela had saved enough money, she ____a new phone.
1. would have bought
2. will buy
3. buys
4. would buy
ตอบ 1 If อยู่ต้นประโยค ตรงกับสูตรที่ 4

4 If S+ had V3, S + would have V3

73. You are Emmie,____?
1. are you
2. aren’t you
3. are they
4. aren’t they
ตอบ 2 เรื่องส่วนหาง (tag) ให้มา You are ต้องทําเป็นปฏิเสธรูปย่อคือ aren’t และสรรพนามให้ You ตอบสรรพนาม you เดิม รวมกันตอบตัวเลือกที่ 2 aren’t you

74. Susan said, “I’m driving.”
Susan said that she____.
1. had been driving
2. had driven
3. drove
4. was driving
กอบ 4 เป็นเรื่อง indirect speech มาจากประโยคบอกเล่า เชื่อมด้วย that และ ก็คือ Susan เป็นคนพูดเป็นเพศหญิงจึงใช้ she ให้เราตอบกริยา am driving ก็เปลี่ยนมาเป็นช่องที่ 2 อดีตคือ was driving ไป

75. Daniel said to me, “What will you do next month?”
Daniel asked me what I would do____.
1. the following week
2. previously
3. the following month
4. the previous month
ตอบ 3 หน้า 185-186 เป็น indirect question มีตัวเชื่อม what และกริยา would ให้แล้ว ต่อไป ก็เปลี่ยนคําที่แสดงความใกล้เป็นคําที่แสดงความไกล ดังนี้

คําว่า next month (เดือนหน้า) เปลี่ยนเป็น the following month (เดือนต่อไป ถัดไป)

Part II: Vocabulary (คําศัพท์)
Directions : Choose the best answer.

76. I____my hand to ask a question.
1. originated
2. raised
3. lowered
4. respected
ถาม ฉันยกมือขึ้นเพื่อถามคําถาม
ตอบ 2 บทที่ 1 1. ก่อเกิด 2. ยกให้สูงขึ้น 3. ทําให้ต่ำ 4. เป็นที่เคารพนับถือ

77. Mary____him every morning as he enters the school building.
1. collects
2. concerns
3. greets
4. emphasizes
ถาม แมรี่ทักทายเขาทุกเช้าในขณะที่เขาเข้าไปในอาคารเรียน
ตอบ 3 บทที่ 1 1. เก็บสะสม 2. เกี่ยวข้อง 3. ทักทาย 4. เน้นย้ำ

78.____for imported cars is increasing because of lower prices.
1. Recycle
2. Provide
3. Propagate
4. Demand
ถาม ความต้องการรถนําเข้ากําลังเพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาถูกลง
ตอบ 4 บทที่ 3 1. ผ่านกรรมวิธีเพื่อกลับมาใช้ใหม่ 2. จัดหาให้ 3. ขยายพันธุ์ 4. ความต้องการ

79. French is her____language.
1. native
2. inherited
3. severed
4. damage
ถาม ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาพื้นเมืองของเธอ
ตอบ 1 บทที 5. 1. เกี่ยวกับพื้นเมือง 2. ได้รับมรดก 3. ขาดกระเด็น 4. ทําให้เสียหาย

80. He was arrested and charged with ____.
1. result
2. level
3. murder
4. press
ถาม เขาถูกจับและถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม
ตอบ 3 บทที่ 5 1. ผลที่ตามมา 2. ระดับ 3. การฆาตกรรม 4. กด บีบ

81. The flowers of some plants are edible.
1. traditional
2. bereaved
3. eatable
4. related
ถาม ดอกของพืชบางชนิดสามารถรับประทานได้
ตอบ 3 บทที่ 4
1. ธรรมเนียม ประเพณี 2. ทําให้สูญเสียไป 3. รับประทานได้ 4. เกี่ยวข้อง edible = eatable = รับประทานได้

82. Camels are very useful____for transporting goods across the desert.
1. process
2. attitude
3. filesh
4. beasts
ถาม อูฐเป็นสัตว์ที่มีประโยชน์มากในการขนส่งสินค้าข้ามทะเลทราย
ตอบ 4 บทที่ 5 1. ขบวนการ 2. ทัศนคติ 3. เนื้อ (สัตว์) 4. สัตว์โลก

83. Our school has a____library.
1. boon
2. variation
3. huge
4. genetic
ถาม โรงเรียนของเรามีห้องสมุดที่ใหญ่
ตอบ 3 บทที่ 5 1. ข้อดี 2. ความหลากหลาย 3. ใหญ่โต ขนาดใหญ่ 4. เกี่ยวกับพันธุกรรม

84. She feeds her dog a meat-free
1. claim
2. evidence
3. diet
4. capture
ถาม เธอให้อาหารสุนัขแบบไม่มีเนื้อสัตว์
ตอบ 3 บทที่ 4 1. กล่าวอ้าง 2. หลักฐาน 3. อาหาร 4. จับ

85. The company is notorious for paying its bills late.
1. impossible
2. public
3. serious
4. infamous
ถาม บริษัทมีชื่อเสียงในด้านไม่ดีกับการชําระค่าใช้จ่ายล่าช้า
ตอบ 4 บทที่ 2 1. เป็นไปไม่ได้ 2. สาธารณะ ส่วนรวม 3. ร้ายแรง 4. มีชื่อเสียงในด้านไม่ดี
notorious = infamous · = มีชื่อเสียงในด้านไม่ดี

86. There is an apple___behind the house.
1. orchard
2. ancestor
3. association
4. experiment
ถาม มีสวนผลไม้แอปเปิ้ลอยู่หลังบ้าน
ตอบ 1 บทที่ 4 1. สวนผลไม้ 2. บรรพบุรุษ 3. สมาคม 4. ทดลอง

87. New dresses were____in the store window.
1. gazed
2. displayed
3. enlarged
4. begun
ถาม ชุดใหม่ถูกแสดงโชว์ในตู้กระจกร้าน
ตอบ 2 บทที่ 10 1. จ้องมอง 2. แสดงให้เห็น โชว์ 3. ทําให้ใหญ่ขึ้น 4. เริ่ม

88.____your drink with a lemon or orange peel.
1. Continue
2. Tip off
3. Connect
4. Garnish
ถาม ตกแต่งเครื่องดื่มด้วยมะนาวหรือเปลือกส้ม
ตอบ 4. บทที่ 4 1. ดําเนินต่อไป 2. บอกให้ทราบ 3. เชื่อมต่อ
4. สิ่งที่ใช้ตกแต่งอาหาร

89. Are we doing enough to protect the____?
1. pollinating
2. environment
3. mutation
4. nutrition
ถาม เรากําลังทําเพียงพอที่ปกป้องสิ่งแวดล้อมกันแล้วหรือยัง
ตอบ 2 บทที่ 3 1. ผสมเกสรดอกไม้ 2. สิ่งแวดล้อม 3. การกลายพันธุ์ 4. สารอาหาร

90. He became one of the most___leaders in the world.
1. immediate
2. plentiful
3. popular
4. model
ถาม เขากลายเป็นหนึ่งในผู้นําที่โด่งดังมากที่สุดในโลก
ตอบ 3 บทที่ 2 1. ทันทีทันใด 2. มากมาย 3. แพร่หลาย 4. นายแบบ/นางแบบ

91. She has been a/an___on Entertainment Tonight.
1. exhibition
2. equal
3. figure
4. reporter
ถาม เขากลายมาเป็นบุคคลสําคัญคนหนึ่งในรายการ Entertainment Tonight.
ตอบ 3 บทที่ 2 1. การแสดงสินค้า 2. เท่ากัน 3. บุคคลสําคัญ 4. ผู้สื่อข่าว

92. People wear ____to prevent getting a disease.
1. masks
2. treatment
3. control
4. appliance

ถาม ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการได้รับเชื้อ
ตอบ 1 บทที่ 2 1. หน้ากาก 2. การรักษา 3. ควบคุม 4. เครื่องมือเครื่องใช้

93. In general, ___prefer quantity to quality.
1. ancestors
2. expeditions
3. consumers
4. vehicles
ถาม โดยทั่วไป ผู้บริโภคชอบปริมาณมากกว่าคุณภาพ
ตอบ 3 บทที่ 3 1. บรรพบุรุษ 2. การเดินทาง 3. ผู้บริโภค 4. ยานพาหนะ

94. You must___your manners.
1. press
2. touch
3. refine
4. return
ถาม คุณต้องขัดเกลากิริยามารยาทของคุณ
ตอบ 3 บทที 1 1. กด บีบ 2. แตะ 3. ทําให้สละสลวย ขัดเกลา 4. คืน กลับคืน

95. A black cloud seemed to___the earth.
1. advertise
2. cover
3. concern
4. recycle
ถาม เมฆดำดูเหมือนจะปกคลุมโลก
ตอบ 2 บทที่ 5 1. โฆษณา 2. ปกคลุม 3. เกี่ยวข้อง 4. ผ่านกรรมวิธีกลับมาใช้ใหม่ได้

96. One plus two____three.
1. contains
2. satisfies
3. specifies
4. equals
ถาม หนึ่งบวกสองเท่ากับสาม
ตอบ 4 บทที่ 1 1. ประกอบด้วย มี 2. ทําให้พอใจ 3. เจาะจง 4. เท่ากับ

97. This factory___automobile parts.
1. manufactures
2. appears
3. celebrates
4. donates
ถาม โรงงานนี้ผลิตอะไหล่เครื่องยนต์
ตอบ 1 บทที่ 3 1. ผลิต ทํา 2. ปรากฏออกมา 3. ฉลอง 4. อุทิศ

98. The child was rescued from a burning house.
1. saved
2. automatic
3. scarce
4. affected
ถาม เด็กได้รับการช่วยเหลือจากบ้านที่ไฟไหม้
ตอบ 1 บทที่ 2 1. ช่วยเหลือจากอันตราย 2. อัตโนมัติ 3. หายาก 4. มีผลต่อ
rescued = saved = ช่วยเหลือจากอันตราย

99. Tom had a job___this morning.
1. Convention
2. seniority
3. check
4. interview
ถาม ทอมมีสัมภาษณ์งานเช้านี้
ตอบ 4 บทที่ 9 1. ธรรมเนียม 2. ความเป็นอาวุโส 3. ตรวจสอบ 4. สัมภาษณ์

100. How long do scars take to____?
1. devoted
2. fetch
3. heal
4. enlarge
ถาม รอยแผลเป็นใช้เวลารักษานานแค่ไหน
ตอบ 3 บทที่ 9 1. อุทิศ 2. รับ ไปเอามา 3. รักษา เยียวยา 4. ทําให้ใหญ่ขึ้น

101. Stress can affect both your physical and___health.
1. edible
2. pleased
3. quick
4. mental
ถาม ความเครียดสามารถมีผลต่อทั้งสุขภาพทางกายและทางจิตใจ
ตอบ 4 บทที่ 11 1. สามารถรับประทานได้ 2. ทําให้พอใจ 3. รวดเร็ว 4. เกี่ยวกับจิตใจ

102. Many plants can___ in cold conditions.
1. forgive
2. survive
3. emphasize
4. check
ถาม พืชหลายชนิดสามารถอยู่รอดได้ในสภาพอากาศหนาวเย็น
ตอบ 2 บทที่ 11 1. ยกโทษ ให้อภัย 2. รอดชีวิต 3. เน้นย้ำ 4. ตรวจสอบ

103. The main symptom of the___is a high temperature.
1. gift
2. disease
3. container
4. collection
ถาม อาการหลักของโรคคืออุณหภูมิสูง
ตอบ 2 บทที่ 7 1. พรสวรรค์ 2. เชื้อ เชื้อโรค 3. สิ่งที่ใช้บรรจุของ 4. ของสะสม

104. Please___your belongings before leaving.
1. check
2. fetch
3. reflect
4. pollinates
ถาม กรุณาตรวจสอบสิ่งของ ๆ ท่านก่อนลุกจากที่นั่ง
ตอบ 1 บทที่ 12 1. ตรวจสอบ 2. รับ 3. สะท้อน 4. ผสมเกสรดอกไม้

105. Did you see which___they went?
1. Intimacy
2. treatment
3. fragment
4. direction
ถาม คุณเห็นไหมว่าพวกเขาไปทางไหน
ตอบ 4 บทที่ 8 1. ความใกล้ชิด 2. การรักษา 3. ชิ้นส่วน 4. ทิศทาง

106. My son was the school’s most___student in 2021.
1. plentiful
2. impossible
3. outstanding
4. genetic
ถาม ลูกชายของฉันเป็นนักเรียนที่โดดเด่นมากที่สุดของโรงเรียนในปี 2564
ตอบ 3 บทที่ 12 1. มากมาย อุดมสมบูรณ์ 2. เป็นไปไม่ได้ 3. เด่น สําคัญ 4. เกี่ยวกับพันธุกรรม

107. It’s a disease that___mainly young people.
1. affects
2. appears
3. advertises
4. uses
ถาม มันเป็นโรคที่มีผลต่อคนหนุ่มสาวเป็นส่วนใหญ่
ตอบ 1 บทที่ 7 7 1. มีผลต่อ 2. ปรากฏให้เห็น 3. โฆษณา 4. ใช้ประโยชน์

108. After the tornado, all of my friends were ___but some of them lost their house.
1. impossible
2. popular
3. successful
4. safe
ถาม หลังจากพายุทอร์นาโด เพื่อน ๆ ของฉันทุกคนปลอดภัย แต่บางคนก็สูญเสียบ้านไป
ตอบ 4 บทที่ 7 1. เป็นไปไม่ได้ 2. แพร่หลาย 3. ประสบความสําเร็จ 4. ปลอดภัย

109. Daniel____his energies to writing films.
1. devoted
2. construed
3. classified
4. polluted
ถาม แดเนียลทุ่มเทพลังให้กับการเขียนภาพยนตร์
ตอบ 1 บทที่ 9 1. อุทิศตน 2. อธิบาย ตีความ 3. จัดหมวดหมู่ 4. ทําให้เกิดมลพิษ

110. I’m really____ with your research this semester.
1. pleased
2. useful
3. clever
4. outstanding
ถาม ฉันรู้สึกพอใจกับงานวิจัยของคุณในภาคการศึกษานี้
ตอบ 1 บทที่ 12 1. รู้สึกพอใจ ถูกใจ 2. เป็นประโยชน์ 3. ฉลาด 4. เด่น สําคัญ

111. The film’s plot was so___ that I couldn’t follow it.
1. impossible
2. necessary
3. complex
4. various
ถาม การดําเนินเรื่องของภาพยนตร์นี้เป็นที่ซับซ้อนมากจนกระทั่งฉันตามไม่ทัน
ตอบ 3 บทที่ 11 1. เป็นไปไม่ได้ 2. จําเป็น 3. ซับซ้อน 4. หลากหลาย ต่าง ๆ นาๆ

112. It is difficult to predict what will___ next week.
1. shake
2. report
3. happen
4. classify
ถาม มันยากที่จะทํานายสิ่งที่จะเกิดขึ้นสัปดาห์หน้า
ตอบ 3 บทที่ 8 1. สั่น เขย่า 2. รายงาน 3. เกิดขึ้น 4. จัดหมวดหมู่

113. Suicides among young people continue to be a___problem.
1. excellent
2. serious
3. native
4. appropriate
ถาม การฆ่าตัวตายของคนหนุ่มสาวยังคงเป็นปัญหาร้ายแรง
ตอบ 2 บทที่ 9 1. ยอดเยี่ยม 2. จริงจัง ร้ายแรง 3. เกี่ยวกับพื้นเมือง 4. เหมาะสม

114. I have a very good____ with my friends.
1. ancestor
2. victim
3. relationship
4. interview
ถาม ฉันมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับเพื่อนของฉัน
ตอบ 3 บทที่ 11 1. บรรพบุรุษ 2. เหยื่อ ผู้เคราะห์ร้าย 3. ความสัมพันธ์ 4. สัมภาษณ์

115. This video clip demonstrates the software very____.
1. effectively
2. actually
3. nutritionally
4. automatically
ถาม คลิปวีดีโอสาธิตซอฟต์แวร์อย่างมีประสิทธิภาพมาก
ตอบ 1 บทที่ 3 1. อย่างมีประสิทธิภาพ 2. อย่างแท้จริง 3. อย่างถูกต้องตามหลักโภชนาการ 4. อย่างอัตโนมัติ

116. The weather could be a crucial___in tomorrow’s game.
1. factor
2. consumer
3. vehicle
4. artist
ถาม สภาพอากาศอาจเป็นปัจจัยสําคัญในเกมวันพรุ่งนี้
ตอบ 1 บทที่ 10 1. ปัจจัย 2. ผู้บริโภค 3. ยานพาหนะ 4. จิตรกร ศิลปิน

117. Face masks were___last year.
1. abominable
2. scarce
3. quick
4. native
ถาม หน้ากากอนามัยหายากเมื่อปีที่แล้ว
ตอบ 2 บทที่ 7 1. น่ารังเกียจ 2. หายาก ขาดแคลน 3. รวดเร็ว 4. เกี่ยวกับพื้นเมือง

118. The foundation was___in 1988.
1. gazed
2. pollinated
3. nodded
4. established

ถาม มูลนิธิก่อตั้งขึ้นในปี 1988
ตอบ 4 บทที่ 10 1. จ้องมอง 2. ผสมเกสรดอกไม้ 3. พยักหน้า 4. ก่อตั้ง เริ่ม

119. Do you know how to___ this mobile phone?
1. overlook
2. forgive
3. use
4. reflect
ถาม คุณรู้วิธีการใช้โทรศัพท์มือถือนี้หรือไม่
ตอบ 3 1. มองข้าม มองไม่เห็น 2. ยกโทษ ให้อภัย 3. ใช้ 4. สะท้อนให้เห็น

120. People want to pass on their money to the next___ when they die.
1. appliance
2. interview
3. generation
4. bystander
ถาม ผู้คนต้องการส่งต่อเงินของพวกเขาให้กับคนรุ่นต่อไปเมื่อพวกเขาตาย
ตอบ 3 บทที่ 10 1. เครื่องมือเครื่องใช้ 2. สัมภาษณ์ 3. รุ่น 4. คนเดินผ่านไปมา

WordPress Ads
error: Content is protected !!