การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2550
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW3010 กฎหมายล้มละลาย
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน จำนวน 3 ข้อ
ข้อ 1 ในคดีล้มละลายเรื่องหนึ่ง ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ประกาศให้เจ้านี้ทั้งหลายที่มีหนี้ที่อาจขอรับชำระได้ ให้มาขอรับชำระหนี้ในวันเวลาและสถานที่ตามที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ สำหรับเจ้าหนี้ที่จะมาขอรับชำระหนี้ในระยะเวลาธรรมดา ในคดีล้มละลายนี้ลูกหนี้ได้ขอประนอมหนี้ไว้ 60% โดยผ่านการประชุมเจ้าหนี้ยอมรับและศาลได้เห็นชอบแล้ว โดยมีเจ้าหนี้ดังนี้คือ
1 นาย ก มาขอรับชำระหนี้ และการกู้เงินรายนี้มี จ เป็นผู้ค้ำประกัน
2 นาย ข ไม่มาขอรับชำระหนี้ แต่มีนาย ส เป็นผู้ค้ำประกัน
3 นาย ค ไม่มาขอรับชำระหนี้ และการกู้เงินไม่มีผู้ค้ำประกัน
4 นาย ง ไม่ทันได้ฟ้องคดี เพราะศาลได้สั่งพิทักษ์ทรัพย์ คดีล้มละลายที่เจ้าหนี้คนอื่นฟ้องไว้เสียก่อนจึงฟ้องไม่ทัน แต่ก็ได้มาขอรับชำระหนี้ และในการกู้เงินครั้งนี้ อ เป็นผู้ค้ำประกัน
ดังนี้ให้ท่านวินิจฉัยว่า เจ้าหนี้ทั้ง 4 ท่านนี้ จะได้รับหรือไม่ได้รับชำระหนี้อย่างไร และผู้ค้ำประกันจะต้องผิดด้วยหรือไม่ อย่างไร (ให้ท่านตอบพร้อมหลักกฎหมายประกอบให้ครบถ้วนด้วย)
ธงคำตอบ
มาตรา 56 การประนอมหนี้ซึ่งที่ประชุมเจ้าหนี้ได้ยอมรับและศาลเห็นชอบด้วยแล้วผูกมัดเจ้าหนี้ทั้งหมดในเรื่องหนี้ซึ่งอาจขอรับชำระหนี้ได้ แต่ไม่ผูกมัดเจ้าหนี้คนหนึ่งคนใดในเรื่องหนี้ซึ่งตามพระราชบัญญัตินี้ ลูกหนี้ไม่อาจหลุดพ้นโดยคำสั่งปลดจากล้มละลายได้ เว้นแต่เจ้าหนี้คนนั้นได้ยินยอมด้วยในการประนอมหนี้
มาตรา 59 การประนอมหนี้ไม่ทำให้บุคคลซึ่งเป็นหุ้นส่วนกับลูกหนี้หรือรับผิดร่วมกับลูกหนี้หรือค้ำประกัน หรืออยู่ในลักษณะอย่างผู้ค้ำประกันลูกหนี้ หลุดพ้นจากความรับผิดไปด้วย
มาตรา 91 วรรคแรก เจ้าหนี้ซึ่งจะขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายจะเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์หรือไม่ก็ตาม ต้องยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลาสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด แต่ถ้าเจ้าหนี้อยู่นอกราชอาณาจักร เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะขยายกำหนดเวลาให้อีกได้ไม่เกินสองเดือน
มาตรา 94 เจ้าหนี้ไม่มีประกันอาจขอรับชำระหนี้ได้ ถ้ามูลแห่งหนี้ได้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ แม้ว่าหนี้นั้นยังไม่ถึงกำหนดชำระหรือมีเงื่อนไขก็ตาม เว้นแต่
(1) หนี้ที่เกิดขึ้นโดยฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมาย หรือศีลธรรมอันดีหรือหนี้ที่จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้
(2) หนี้ที่เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว แต่ไม่รวมถึงหนี้ที่เจ้าหนี้ยอมให้กระทำขึ้นเพื่อให้กิจการของลูกหนี้ดำเนินต่อไปได้
วินิจฉัย
เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาด ตามมาตรา 14 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องประกาศให้เจ้าหนี้ทั้งหลายที่มีหนี้อันอาจขอรับชำระได้ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์หรือไม่ก็ตาม และหนี้นั้นเกิดขึ้นก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ แม้หนี้จะยังไม่ถึงกำหนดชำระหรือมีเงื่อนไขก็ตาม ตามมาตรา 94 มายื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลา 2 เดือน สำหรับเจ้าหนี้ผู้อยู่ในราชอาณาจักรหรือภายใน 4 เดือน สำหรับเจ้าหนี้ผู้อยู่นอกราชอาณาจักรนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ตามมาตรา 91 วรรคแรก และเมื่อลูกหนี้ขอประนอมหนี้ไว้เพียงใด ถ้าที่ประชุมเจ้าหนี้โดยมติพิเศษยอมรับและศาลเห็นชอบด้วยแล้ว การประนอมหนี้ย่อมผูกมัดเจ้าหนี้ทั้งหมดในเรื่องหนี้ซึ่งอาจขอรับชำระหนี้ได้ ตามมาตรา 56 เว้นแต่เป็นเจ้าหนี้ตามมาตรา 77
เมื่อข้อเท็จจริงในกรณีนี้ปรากกว่า ลูกหนี้ได้ขอประนอมหนี้ไว้ 60% โดยมติพิเศษของที่ประชุมเจ้าหนี้ยอมรับและศาลได้เห็นชอบแล้ว ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยจึงมีว่าเจ้าหนี้ทั้ง 4 ราย จะได้รับชำระหนี้หรือไม่ และผู้ค้ำประกันจะต้องรับผิดหรือไม่อย่างไร กรณีจึงแยกพิจารณาได้ดังนี้
1 กรณีของนาย ก เจ้าหนี้ เมื่อมาขอรับชำระหนี้ตามมาตรา 91 วรรคแรกประกอบมาตรา 94 ย่อมต้องผูกมัดด้วยกับการประนอมหนี้ตามมาตรา 56 กล่าวคือ นาย ก มีสิทธิได้รับชำระหนี้ร้อยละ 60 ของจำนวนหนี้ทั้งหมด ส่วนหนี้ที่เหลืออีกร้อยละ 40 นาย ก สามารถเรียกให้นาย จ ผู้ค้ำประกันชำระได้ เพราะการประนอมหนี้ไม่ทำให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิด ตามมาตรา 59
2 กรณีของนาย ข เจ้าหนี้ เมื่อไม่ได้มาขอรับชำระหนี้ย่อมเป็นอันหมดสิทธิได้รับชำระหนี้ร้อยละ 60 จากการประนอมหนี้ และการประนอมหนี้ก็ยังผูกมัดนาย ข ตามมาตรา 56 คือจะมาฟ้องให้ลูกหนี้รับผิดอีกไม่ได้ (ฎ. 1243/2519) อย่างไรก็ตามการประนอมหนี้ไม่ใช่การปลดหนี้และมีผลผูกพันเฉพาะเจ้าหนี้และลูกหนี้ในคดีล้มละลายเท่านั้น ดังนั้นนาย ส ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันยังคงต้องรับผิดต่อนาย ข ในหนี้ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 40 ตามมาตรา 59 (ฎ. 1808/2512)
3 กรณีของนาย ค เจ้าหนี้ เมื่อไม่มาขอรับชำระหนี้ก็ไม่ได้รับชำระหนี้และต้องผูกมัดด้วยการประนอมหนี้ ตามมาตรา 56 อีกทั้งหนี้รายนี้ไม่มีผู้ค้ำประกัน นาย ค จึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้เลย
4 กรณีของนาย ง เจ้าหนี้ เมื่อมาขอรับชำระหนี้ ย่อมต้องผูกมัดด้วยกับการประนอมหนี้ตามมาตรา 56 กล่าวคือ นาย ง มีสิทธิได้รับชำระหนี้ร้อยละ 60 ของจำนวนหนี้ทั้งหมด แม้จะมิได้ฟ้องคดีก็ตาม ส่วนหนี้ที่เหลืออีกร้อยละ 40 นาย ง สามารถเรียกให้นาย อ ผู้ค้ำประกันชำระได้ เพราะการประนอมหนี้ไม่ทำให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิด ตามมาตรา 59
สรุป
1 นาย ก ได้รับชำระหนี้ร้อยละ 60 และเรียกจากนาย จ ได้อีกร้อยละ 40
2 นาย ข ไม่ได้รับชำระหนี้ร้อยละ 60 แต่เรียกจากนาย ส ได้ร้อยละ 40
3 นาย ค ไม่ได้รับชำระหนี้เลย
4 นาย ง ได้รับชำระหนี้ร้อยละ 60 และเรียกจากนาย อ ได้อีกร้อยละ 40