การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2552
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW2006 กฎหมายอาญา 1
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)
ข้อ 1 สมภพขับรถจักรยานยนต์ไปส่งของ สมเดชขับรถยนต์ตามมาเห็นสมภพขับช้า สมเดชขับรถยนต์แซงรถจักรยานยนต์ของสมภพ รถยนต์ของสมเดชชนถูกรถจักรยานยนต์ของสมภพล้มลง สมเดชไม่ได้หยุดรถ สมภพลุกขึ้นได้ใช้ปืนยิงไปที่ล้อรถยนต์ของสมเดชเพื่อให้หยุดรถ กระสุนปืนถูกล้อรถยนต์แล้วทะลุตัวถังไปถูกคนนั่งอยู่ในรถยนต์ของสมเดชตาย
ดังนี้ สมภพต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร หรือไม่
ธงคำตอบ
มาตรา 59 วรรคแรก วรรคสอง และวรรคสี่ บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาทในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิด แม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา
กระทำโดยเจตนา ได้แก่ กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำ และในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น
กระทำโดยประมาท ได้แก่ กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่
มาตรา 72 ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ การกระทำของสมภพจะต้องรับผิดทางอาญาหรือไม่ วินิจฉัยได้ดังนี้
การที่สมภพได้ใช้ปืนยิงไปที่ล้อรถยนต์ของสมเดชเพื่อให้รถหยุดนั้น เป็นการกระทำโดยรู้สำนึกในการกระทำ และในขณะเดียวกันสมภพได้ประสงค์ต่อผลของการกระทำนั้น จึงถือว่าการกระทำของสมภพที่ได้กระทำต่อทรัพย์ของสมเดชเป็นการกระทำโดยเจตนาตามมาตรา 59 วรรคสอง และต้องรับผิดทางอาญาเพราะได้กระทำโดยเจตนาตามมาตรา 59 วรรคแรก ในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อการกระทำของสมภพนั้นได้กระทำไปเพราะเหตุบันดาลโทสะ เนื่องจากการที่ถูกสมเดชแซงรถจักรยานยนต์ของสมภพ และชนถูกรถจักรยานยนต์ของสมภพล้มลงโดยสมเดชไม่ได้หยุดรถ ทำให้สมภพเกิดบันดาลโทสะ และได้ใช้ปืนยิงไปที่ล้อรถยนต์ของสมเดชในขณะนั้น ดังนั้นศาลจะลงโทษสมภพน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ ตามมาตรา 72
ส่วนกรณีที่กระสุนปืนที่สมภพยิง ได้ทะลุตัวถังไปถูกคนที่นั่งอยู่ในรถยนต์ของสมเดชตายนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นจากการกระทำโดยเจตนา เพราะสมภพไม่ได้ประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำว่าจะเกิดผลให้มีคนตาย แต่การกระทำของสมภพถือว่าเป็นการกระทำโดยประมาท คือ เป็นการกระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ ดังนั้นสมภพจึงต้องรับผิดทางอาญาฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามมาตรา 59 วรรคสี่
สรุป สมภพต้องรับผิดทางอาญา เพราะได้กระทำโดยเจตนาต่อทรัพย์ แต่จะได้รับโทษน้อยลงเพราะได้กระทำไปโดยบันดาลโทสะ และต้องรับผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้คนตาย