การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2551
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2006 กฎหมายอาญา 1
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)
ข้อ 1 นายโก๋ออกไปล่าสัตว์ในป่ากับนายเก๋า หลังจากแยกย้ายกันไปล่าสัตว์ได้พักใหญ่ นายโก๋มานั่งพักอยู่ที่จุดนัดพบคอยนายเก๋า ระหว่างนั้นนายโก๋ได้ยินเสียงพุ่มไม้ไหว นายโก๋คิดว่าเป็นหมูป่าโดยไม่คิดว่าเป็นนายเก๋า ทั้งๆที่ปกตินายเก๋ามักจะชอบล้อเล่นแบบนี้อยู่เสมอ ด้วยความรีบร้อนไม่ดูให้ดี นายโก๋ตัดสินใจใช้ปืนยิงไปหลังพุ่มไม้นั้น ปรากฏว่าหลังพุ่มไม้เป็นนายเก๋า นายเก๋าถูกกระสุนปืนของนายโก๋ถึงแก่ความตาย จงวินิจฉัยความรับผิดทางอาญาของนายโก๋
ธงคำตอบ
มาตรา 59 วรรคแรก วรรคสอง วรรคสามและวรรคสี่ บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาทในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิด แม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา
กระทำโดยเจตนา ได้แก่ กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำ และในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น
ถ้าผู้กระทำมิได้รู้ข้อเท็จจริง อันเป็นองค์ประกอบของความผิด จะถือว่าผู้กระทำประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นมิได้
กระทำโดยประมาท ได้แก่ กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่
มาตรา 62 วรรคสอง ถ้าความไม่รู้ข้อเท็จจริงตามความในวรรคสามแห่งมาตรา 59 หรือความสำคัญผิดว่ามีอยู่จริงตามความในวรรคแรก ได้เกิดขึ้นด้วยความประมาทของผู้กระทำความผิด ให้ผู้กระทำรับผิดฐานกระทำโดยประมาท ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะว่า การกระทำนั้นผู้กระทำจะต้องรับโทษแม้กระทำโดยประมาท
วินิจฉัย
บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้มีการกระทำโดยเจตนา ยกเว้นการกระทำบางอย่างแม้ไม่มีเจตนาก็เป็นความผิดได้ ถ้ามีกฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิด เช่น การกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย หรือประมาทเป็นเหตุให้เพลิงไหม้ ตามมาตรา 291 หรือมาตรา 225 นอกจากนั้น มาตรา 59 ยังบัญญัติว่าการกระทำบางอย่างแม้ไม่มีเจตนา ไม่ประมาท แต่ถ้ามีกฎหมายบัญญัติไว้ชัดแจ้งให้ตองรับผิดก็มีความผิดทางอาญาได้ เช่น ความผิดลหุโทษบางมาตรา
กรณีตามอุทาหรณ์ การที่นายโก๋ใช้ปืนยิงไปหลังพุ่มไม้นั้นถือเป็นการเคลื่อนไหวร่างกายโดยรู้สำนึกแล้ว ถือว่านายโก๋มีการกระทำทางอาญา แต่การที่นายโก๋ยิงไปหลังพุ่มไม้นั้นโดยเข้าใจว่าเป็นหมูป่า จึงเป็นกรณีที่นายโก๋ไม่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด (ความผิดฐานฆ่าคนตายมีองค์ประกอบของความผิดคือ 1 ฆ่า 2 ผู้อื่น (ต้องมีบุคคลมารองรับการกระทำ) ซึ่งนายโก๋มิได้ประสงค์ต่อผล คือ ให้นายเก๋าถึงแก่ความตาย และก็ไม่ได้เล็งเห็นผลว่าจะเกิดผลเช่นว่านั้นกับนายเก๋า เช่นนี้ จึงถือว่านายโก๋ไม่มีเจตนากระทำต่อนายเก๋า ตามมาตรา 59 วรรคสองและวรรคสาม นายโก๋จึงไม่ต้องรับผิดทางอาญา ตามมาตรา 59 วรรคแรก
อย่างไรก็ตาม หากความไม่รู้ข้อเท็จจริงดังกล่าว เกิดขึ้นเพราะความประมาทของผู้กระทำ ตามมาตรา 62 วรรคสอง บัญญัติให้ผู้กระทำต้องรับผิดในฐานประมาท ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิด แม้จะได้กระทำโดยประมาท ซึ่งตามข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายโก๋ยิงไปด้วยความรีบร้อนไม่ดูให้ดี หากเดินเข้าไปใกล้ๆหรือหากดูให้ดีก็จะรู้ว่าสิ่งที่อยู่หลังพุ่มไม้เป็นเก๋า มิใช่หมูป่า จึงเป็นกรณีที่ความไม่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดของนายโก๋ได้เกิดขึ้นด้วยความประมาท ปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ แต่นายโก๋อาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้แต่หาใช้ให้เพียงพอไม่ ตามมาตรา 59 วรรคสี่ นายโก๋จึงต้องรับผิดฐานกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ตามมาตรา 59 วรรคแรก เพราะการกระทำนั้นมีกฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดแม้จะได้กระทำโดยประมาท ตามมาตรา 62 วรรคสอง
สรุป นายโก๋ไม่มีเจตนากระทำต่อนายเก๋า จึงไม่ต้องรับผิดฐานกระทำโดยเจตนา แต่ต้องรับผิดฐานกระทำโดยประมาท ตามมาตรา 59 วรรคแรกและวรรคสี่ประกอบมาตรา 62 วรรคสอง