การสอบไล่ภาคฤดูร้อน  ปีการศึกษา  2553

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW2003 

Advertisement

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยละเมิด จัดการงานนอกสั่ง ลาภมิควรได้

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  4  ข้อ  (คะแนนเต็มข้อละ  25  คะแนน)

ข้อ  1  แดงเป็นเจ้าของสุนัขดุและเป็นบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของเด็กชายดำ  วันเกิดเหตุ  แดงสั่งให้เด็กชายดำอยู่บ้านและดูแลสุนัข จากนั้นได้เดินไปซื้อผักที่ตลาด  ระหว่างนั้น  เด็กชายดำขว้างลูกบอลเล่นอยู่ในบ้านกับสุนัข  และลูกบอลกระเด็นเข้าไปในบ้านของเขียว  ถูกกระถางต้นไม้แตกเสียหาย  เด็กชายดำและสุนัขจึงโดดข้ามรั้วบ้านเพื่อไปเก็บลูกบอลกลับมา  เขียวจึงจับสุนัขและเด็กไว้เป็นประกันค่าเสียหาย

ดังนี้  ให้ท่านวินิจฉัยว่า  เขียวและแดงต่างฝ่ายจะเรียกร้องให้อีกฝ่ายรับผิดในเหตุละเมิดได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  420  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ  ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี  แก่ร่างกายก็ดี  เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี  ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น

มาตรา  430  ครูบาอาจารย์  นายจ้าง  หรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถอยู่เป็นนิตย์ก็ดี  ชั่วครั้งชั่วคราวก็ดี  จำต้องรับผิดร่วมกับผู้ไร้ความสามารถในการละเมิด  ซึ่งเขาได้กระทำลงในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของตน  ถ้าหากพิสูจน์ได้ว่าบุคคลนั้นๆ  มิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร

มาตรา  433  ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสัตว์  ท่านว่าเจ้าของสัตว์หรือบุคคลผู้รับเลี้ยงรับรักษาไว้แทนเจ้าของจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ฝ่ายที่ต้องเสียหายเพื่อความเสียหายอย่างใดๆ  อันเกิดแต่สัตว์นั้น  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรแก่การเลี้ยงการรักษาตามชนิดและวิสัยของสัตว์หรือตามพฤติการณ์อย่างอื่นหรือพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นย่อมจะต้องเกิดมีขึ้นทั้งที่ได้ใช้ความระมัดระวังถึงเพียงนั้น

มาตรา  452  วรรคแรก  ผู้ครองอสังหาริมทรัพย์ชอบที่จะจับสัตว์ของผู้อื่นอันเข้ามาทำความเสียหายในอสังหาริมทรัพย์นั้น  และยึดไว้เป็นประกันค่าสินไหมทดแทน  อันจะพึงต้องใช้แก่ตนได้  และถ้าจำเป็นโดยพฤติการณ์  แม้จะฆ่าสัตว์นั้นเสียก็ชอบที่จะทำได้

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  วินิจฉัยได้ดังนี้

ประเด็นแรก  การที่เด็กชายดำ  ขว้างลูกบอลเล่นอยู่กับสุนัข  และลูกบอลกระเด็นเข้าไปถูกกระถางต้นไม้ในบ้านของเขียวแตกเสียหายนั้น  การกระทำดังกล่าวถือเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อต่อผู้อื่น  โดยผิดกฎหมายทำให้เขาเสียหายแก่ทรัพย์สิน  และผลที่เกิดขึ้นสัมพันธ์กับการกระทำของเด็กชายดำ  จึงถือว่าเด็กชายดำกระทำละเมิดต่อเขียวตามมาตรา  420  จึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เขียว

และเมื่อการทำละเมิดของเด็กชายดำซึ่งเป็นผู้ไร้ความสามารถ (ผู้เยาว์)  ต่อเขียวนั้น  ได้กระทำลงในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของแดง  แดงซึ่งเป็นผู้รับดูแลจึงต้องรับผิดร่วมกับเด็กชายดำ  ในผลแห่งละเมิด  คือ  ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์ของเขียวด้วย  ตามมาตรา 430  ดังนั้น  เขียวจึงมีสิทธิเรียกร้องให้แดงและเด็กชายดำร่วมกันรับผิดต่อตนได้

ประเด็นที่  2  แดงต้องรับผิดต่อเขียวในความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะสุนัขของตนด้วย  ในฐานะที่เป็นเจ้าของและผู้รับเลี้ยงสัตว์ในเวลาที่เกิดเหตุตามมาตรา  433  วรรคแรก  และไม่อาจแก้ตัวให้พ้นผิดได้  เพราะแดงไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตามชนิด  วิสัย  และพฤติการณ์ของสัตว์คือสุนัขดังกล่าว

ประเด็นที่  3  การที่เขียวจับสุนัขของแดงไว้เพื่อเป็นประกันค่าเสียหายนั้น  เขียวอ้างเหตุนิรโทษกรรมเพื่อไม่ต้องรับผิดต่อแดงได้  เพราะเขียวผู้ครองอสังหาริมทรัพย์ชอบที่จะจับสัตว์ของผู้อื่น  อันเข้ามาทำความเสียหายในอสังหาริมทรัพย์ของตน  และยึดไว้เป็นประกันค่าสินไหมทดแทนได้ตามมาตรา  452  วรรคแรก

แต่กรณีที่เขียวจับเด็กชายดำไว้นั้น  ถือเป็นการกระทำโดยจงใจต่อเด็กชายดำโดยผิดกฎหมาย  ทำให้เด็กชายดำเสียหายแก่เสรีภาพ  และผลที่เกิดขึ้นสัมพันธ์กับการกระทำของเขียวดังกล่าว  จึงถือว่าเขียวได้กระทำละเมิดต่อเด็กชายดำตามมาตรา  420  เขียวจึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เด็กชายดำ  และเขียวไม่สามารถอ้างเหตุนิรโทษกรรมตามมาตรา  452  วรรคแรกได้  เพราะกรณีตามมาตราดังกล่าวจะต้องเป็นการจับหรือยึดสัตว์ไว้เท่านั้น

สรุป  เขียวและแดงต่างฝ่ายสามารถเรียกร้องให้อีกฝ่ายรับผิดในเหตุละเมิดได้  ดังที่ได้อธิบายไว้ดังกล่าวข้างต้น

 

 

ข้อ  2  นายเก่งขับรถยนต์ของตนสวนทางกับนายก้อง  ได้ตะโกนท้าทายให้มาแข่งรถกัน  แต่นายก้องไม่สนใจ  นายเก่งจึงใช้ก้อนหินขว้างใส่รถยนต์ของนายก้อง  ทำให้นายก้องสลบไป  และรถของนายก้องวิ่งไถลต่อไปจนชนกำแพงบ้านของนายกล้า  ทำให้รถยนต์ที่จอดอยู่ในรั้วบ้านนั้นพังเสียหายไปด้วย  ดังนี้  ให้ท่านวินิจฉัยว่า

(ก)  นายเก่งต้องรับผิดต่อนายกล้าหรือไม่  เพราะเหตุใด

(ข)  นายก้องต้องรับผิดต่อนายกล้าหรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  420  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ  ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี  แก่ร่างกายก็ดี  เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี  ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น

มาตรา  437  บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแลยานพาหนะ  อย่างใดๆอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกลบุคคลนั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง

วินิจฉัย

หลักเกณฑ์ของการกระทำอันเป็นการละเมิดตามมาตรา  420  ประกอบด้วย

1       เป็นบุคคลที่มี  การกระทำ  โดยรู้สำนึก  และได้กระทำโดยการเคลื่อนไหวร่างกายหรือโดยการงดเว้นก็ได้  ซึ่งได้กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ

2       ทำต่อผู้อื่นโดยผิดกฎหมาย

3       มีความเสียหายต่อชีวิต  ร่างกาย  อนามัย  เสรีภาพ  ทรัพย์สิน  หรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใด

4       ผลที่เกิดขึ้นสัมพันธ์กับการกระทำ

กรณีตามอุทาหรณ์  วินิจฉัยได้ดังนี้

(ก)  นายเก่งต้องรับผิดต่อนายกล้าหรือไม่นั้น  เห็นว่า  การที่นายเก่งใช้ก้อนหินขว้างใส่รถยนต์ของนายก้อง  จนทำให้รถของนายก้องวิ่งไถลไปชนกำแพงบ้านของนายกล้า  และทำให้รถยนต์ของนายกล้าที่จอดอยู่ในรั้วบ้านพังเสียหายนั้น  การกระทำดังกล่าวถือเป็นการกระทำโดยรู้สำนึกในการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ    ทำต่อผู้อื่นโดยผิดกฎหมาย  ทำให้เขาเสียหายแก่ทรัพย์สิน  และความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ทรัพย์สินของนายกล้านั้นสัมพันธ์กับการกระทำของนายเก่ง  กล่าวคือ  หากนายเก่งไม่ขว้างก้อนหินใส่รถยนต์ของนายก้อง  รถยนต์ของนายกล้าที่จอดอยู่ในรั้วบ้านก็คงไม่เสียหาย  ดังนั้น  จึงถือว่านายเก่งกระทำละเมิดต่อนายกล้าตามมาตรา  420  จึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นายกล้า

(ข)  นายก้องต้องรับผิดต่อนายกล้าหรือไม่นั้น  เห็นว่า  โดยหลักในเรื่องละเมิดนายก้องไม่ต้องรับผิดต่อนายกล้าตามมาตรา  420 เพราะขณะเกิดเหตุนายก้องสลบอยู่ไม่รู้สำนึกในการกระทำ  จึงถือว่านายก้องมิได้มีการกระทำอันจะเข้าหลักเกณฑ์ในเรื่องละเมิด

แต่อย่างไรก็ดี  กรณีนี้ถือเป็นความเสียหายที่เกิดจากยานพาหนะ  อันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกล  ซึ่งตามมาตรา  437  วรรคแรก  กำหนดให้ผู้ครอบครองหรือควบคุมยานพาหนะนั้นต้องรับผิด  ดังนั้นนายก้องซึ่งเป็นผู้ครอบครองและควบคุมรถยนต์จึงต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดจากรถยนต์ของตนด้วย  แต่เนื่องจากเหตุที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ของนายกล้าเป็นเหตุสุดวิสัยที่นายก้องไม่อาจป้องกันได้  นายก้องจึงสามารถอ้างข้อยกเว้นดังกล่าวเพื่อแก้ตัวให้พ้นผิดได้ 

สรุป

(ก)  นายเก่งต้องรับผิดต่อนายกล้า

(ข)  นายก้องไม่ต้องรับผิดต่อนายกล้า

 

 

ข้อ  3  นายโชคร้ายดูแลเด็กชายวัชระหลานชายด้วยการหุงหาอาหารและทำงานบ้านให้ทุกวัน  ต่อมานายสมหมายทำร้ายร่างกายของนายโชคร้ายจนถึงพิการ  ดังนี้  ให้ท่านวินิจฉัยว่า

(ก)  เด็กชายวัชระจะเรียกร้องให้นายสมหมายชดใช้ค่าขาดแรงงานในครัวเรือน  เนื่องจากนายโชคร้ายไม่สามารถทำการงานได้  ต้องจ้างคนใช้มาดูแลบ้านแทนได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

(ข)  นายโชคร้ายจะเรียกร้องให้นายสมหมายรับผิดชดใช้ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้จากการร้องเพลงคืนละ  5,000  บาท  พร้อมกับเรียกร้องค่าที่ตนเองต้องกลายเป็นคนพิการได้หรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

มาตรา  420  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ  ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี  แก่ร่างกายก็ดี  เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี  ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น

มาตรา  444  วรรคแรก  ในกรณีทำให้เสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยนั้น  ผู้เสียหายชอบที่จะได้ชดใช้ค่าใช้จ่ายอันตนต้องเสียไป  และค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบการงานสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วน  ทั้งในเวลาปัจจุบันนั้นและในเวลาอนาคตด้วย

มาตรา  445  ในกรณีทำให้เขาถึงตาย  หรือให้เสียหายแก่ร่างกาย  หรืออนามัยก็ดี  ในกรณีทำให้เขาเสียเสรีภาพก็ดี  ถ้าผู้ต้องเสียหายมีความผูกพันตามกฎหมายจะต้องทำการงานให้เป็นคุณแก่บุคคลภายนอกในครัวเรือนหรืออุตสาหกรรมของบุคคลภายนอกนั้นไซร้  ท่านว่าบุคคลผู้จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้นจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อที่เขาต้องขาดแรงงานอันนั้นไปด้วย

มาตรา  446  วรรคแรก  ในกรณีทำให้เขาเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยก็ดี  ในกรณีทำให้เขาเสียเสรีภาพก็ดี  ผู้ต้องเสียหายจะเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความที่เสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงินด้วยอีกก็ได้  สิทธิเรียกร้องอันนี้ไม่โอนกันได้  และไม่ตกสืบไปถึงทายาท เว้นแต่สิทธินั้นจะได้รับสภาพกันไว้โดยสัญญาหรือได้เริ่มฟ้องคดีตามสิทธินั้นแล้ว

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  วินิจฉัยได้ดังนี้  คือ

(ก)  การที่นายสมหมายทำร้ายร่างกายนายโชคร้ายจนถึงพิการนั้น  การกระทำดังกล่าวถือเป็นการกระทำโดยจงใจต่อนายโชคร้ายโดยผิดกฎหมาย  ทำให้นายโชคร้ายเสียหายแก่ร่างกาย  และผลที่เกิดขึ้นสัมพันธ์กับการกระทำของนายสมหมาย  จึงถือว่านายสมหมายกระทำละเมิดต่อนายโชคร้ายตามมาตรา  420  จึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นายโชคร้าย

และตามมาตรา  445  ได้บัญญัติว่า  หากการกระทำละเมิดทำให้เขาเสียหายแก่ร่างกายและผู้ต้องเสียหายมีความผูกพันตามกฎหมายจะต้องทำการงานให้เป็นคุณแก่บุคคลภายนอกในครัวเรือนของบุคคลภายนอกนั้น  ผู้กระทำละเมิดจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อที่เขาต้องขาดแรงงานอันนั้นไปด้วย  ซึ่งตามข้อเท็จจริงปรากฏว่า  เด็กชายวัชระเป็นเพียงหลานชายของนายโชคร้าย  นายโชคร้ายผู้เสียหายจึงไม่มีความผูกพันตามกฎหมายที่จะต้องทำการงานให้เป็นคุณแก่เด็กชายวัชระในครัวเรือนแต่อย่างใด  ดังนั้นเมื่อเด็กชายวัชระไม่ใช่ผู้เสียหายจากการขาดแรงงาน  จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้นายสมหมายชดใช้ค่าขาดแรงงานในครัวเรือนตามมาตรา  445

(ข)  เมื่อนายสมหมายกระทำละเมิดต่อนายโชคร้ายจนทำให้นายโชคร้ายเสียหายแก่ร่างกาย  ดังนั้น  นายโชคร้ายจึงมีสิทธิเรียกร้องให้นายสมหมายรับผิดชดใช้ค่ารักษาพยาบาล  (ค่าใช้จ่ายอันต้องเสียไป)  และค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้จากการร้องเพลงคืนละ  5,000  บาท  (ค่าเสียความสามารถประกอบการงานแต่บางส่วน)  ได้ตามมาตรา  444  วรรคแรก

และนอกจากนี้  เมื่อนายโชคร้ายได้รับความเสียหายแก่ร่างกายจนถึงขั้นพิการ  ย่อมมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายที่ตนต้องกลายเป็นคนพิการ  (ความเสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงิน)  อีกได้ตามมาตรา  446  วรรคแรก  ซึ่งไม่ถือว่าเป็นการเรียกร้องซ้ำซ้อนกันแต่อย่างใด

สรุป

(ก)  เด็กชายวัชระจะเรียกร้องให้นายสมหมายชดใช้ค่าขาดแรงงานในครัวเรือน  เนื่องจากนายโชคร้ายไม่สามารถทำการงานได้  ต้องจ้างคนใช้มาดูแลบ้านแทนไม่ได้

(ข)  นายโชคร้ายมีสิทธิเรียกร้องให้นายสมหมายรับผิดชดใช้ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้จากการร้องเพลงคืนละ  5,000  บาท พร้อมกับเรียกร้องค่าเสียหายที่ตนต้องกลายเป็นคนพิการได้

 

 

ข้อ  4  คุณสินเป็นสามีของคุณเด่น  วันเกิดเหตุ  ขณะที่คุณสินกำลังฝึกซ้อมกอล์ฟอยู่ที่สนามหน้าบ้าน  ได้ยินคุณเรญากำลังตะโกนด่าคุณดี๋ว่า  นังคนกระจอก  นังเพชรปลอม  นังหน้าจืด  คุณสินจึงเข้าร่วมผสมโรงด้วย  โดยยุยงให้คุณเรญาด่าให้หนักกว่านี้  พร้อมกับยกเท้าขึ้นสูงชี้หน้าคุณดี๋  ในขณะนั้นคุณเด่นอยู่ในเหตุการณ์แต่กลับนิ่งเฉยเสียมิได้เข้าช่วยเหลือแต่อย่างใด  เพราะเกรงกลัวสามี  ดังนี้  ให้ท่านวินิจฉัยว่า  คุณดี๋จะเรียกร้องให้คุณเรญา  คุณสิน  และคุณเด่นร่วมกันรับผิดฐานละเมิด  โดยการหมิ่นประมาทต่อตนได้หรือไม่  เพราะเหตุใด  ให้วินิจฉัยพร้อมยกหลักกฎหมายประกอบเหตุผล

ธงคำตอบ

มาตรา  423  ผู้ใดกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง  เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของบุคคลอื่นก็ดี หรือเป็นที่เสียหายแก่ทางทำมาหาได้หรือทางเจริญของเขาโดยประการอื่นก็ดี  ท่านว่าผู้นั้นจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เขาเพื่อความเสียหายอย่างใดๆ  อันเกิดแต่การนั้น  แม้ทั้งเมื่อตนมิได้รู้ว่าข้อความนั้นไม่จริง  แต่หากควรจะรู้ได้

มาตรา  432  ถ้าบุคคลหลายคนก่อให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นโดยร่วมกันทำละเมิด  ท่านว่าบุคคลเหล่านั้นจะต้องร่วมกันรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้น  ความข้อนี้ท่านให้ใช้ตลอดถึงกรณีที่ไม่สามารถสืบรู้ตัวได้แน่ว่าในจำพวกที่ทำละเมิดร่วมกันนั้น  คนไหนเป็นผู้ก่อให้เกิดเสียหายนั้นด้วย

อนึ่ง  บุคคลผู้ยุยงส่งเสริมหรือช่วยเหลือในการทำละเมิด  ท่านก็ให้ถือว่าเป็นผู้กระทำละเมิดร่วมกันด้วย

ในระหว่างบุคคลทั้งหลายซึ่งต้องรับผิดร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น  ท่านว่าต่างต้องรับผิดเป็นส่วนเท่าๆกัน  เว้นแต่โดยพฤติการณ์  ศาลจะวินิจฉัยเป็นประการอื่น

วินิจฉัย

หลักเกณฑ์ความรับผิดเพื่อละเมิดตามมาตรา  423  วรรคแรก  (หมิ่นประมาททางแพ่ง)  มีดังนี้

1       เป็นการกล่าวหรือไขข่าวข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง

2       ทำให้แพร่หลาย  กล่าวคือ  กระทำต่อบุคคลที่สามคนเดียวก็ถือว่าแพร่หลายแล้ว  โดยบุคคลที่สามต้องสามารถเข้าใจคำกล่าวหรือการไขข่าวนั้นได้

3       มีความเสียหายต่อชื่อเสียง  เกียรติคุณ  ทางทำมาหาได้  หรือทางเจริญของบุคคลอื่น

4       มีความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำและผล

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่คุณเรญาตะโกนด่าคุณดี๋ว่า  นังคนกระจอก  นังเพชรปลอม  นังหน้าจืด  นั้น  ถือเป็นลักษณะของการดูหมิ่นและแสดงกิริยาอาการเหยียดหยามเท่านั้น  ไม่ถือว่าเป็นการกล่าวข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริงที่จะทำให้คุณดี๋เสียชื่อเสียงแต่อย่างใด   เพราะมิใช่เป็นการกล่าวหรือไขข่าวข้อความในลักษณะยืนยันข้อเท็จจริง  จึงไม่เข้าองค์ประกอบความผิดฐานหมิ่นประมาทตามมาตรา  423 ซึ่งมีหลักสำคัญว่าผู้ที่จะกระทำละเมิดโดยการหมิ่นประมาทได้นั้น  ต้องมี  การกระทำที่เป็นการไขข้อเท็จจริง  และได้กระทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงของผู้ที่ถูกอ้างอิงถึง  คุณเรญาจึงไม่มีความผิดฐานละเมิดโดยการหมิ่นประมาทต่อคุณดี๋ตามมาตรา  423

ดังนั้น  เมื่อคุณสินเข้าร่วมผสมโรงด้วย  โดยยุยงให้คุณเรญาด่าคุณดี๋ให้หนักกว่าเดิม  พร้อมกับยกเท้าขึ้นสูงชี้หน้าคุณดี๋  จึงไม่ถือว่าเป็นการร่วมกันกระทำละเมิดตามมาตรา  432  และไม่มีความผิดฐานละเมิดโดยการหมิ่นประมาทต่อคุณดี๋ตามมาตรา  423  เช่นเดียวกัน

ส่วนคุณเด่นซึ่งอยู่ในเหตุการณ์  แต่กลับนิ่งเฉยเสียมิได้เข้าช่วยเหลือคุณดี๋แต่อย่างใด  เพราะเกรงกลัวสามีนั้น  เมื่อมิได้มีการกระทำอันเป็นการละเมิดโดยการหมิ่นประมาทต่อคุณดี๋  ก็ย่อมไม่มีความผิดตามมาตรา  423  และไม่ถือว่าเป็นการร่วมกันกระทำละเมิดตามมาตรา  432  ซึ่งกรณีนี้จะถือว่าเป็นการงดเว้นการกระทำมิได้  เพราะคุณเด่นไม่มีหน้าที่ต่อคุณดี๋ที่จะต้องกระทำเพื่อป้องกันมิให้เกิดผลเสียหายขึ้นแก่คุณดี๋  ดังนั้น  คุณดี๋จะเรียกร้องให้คุณเรญา  คุณสิน  และคุณเด่นร่วมกันรับผิดฐานละเมิดโดยการหมิ่นประมาทต่อตนไม่ได้

สรุป  คุณดี๋จะเรียกร้องให้คุณเรญา  คุณสิน  และคุณเด่นร่วมกันรับผิดฐานละเมิดโดยการหมิ่นประมาทต่อตนไม่ได้ตามหลักกฎหมายและเหตุผลดังกล่าวข้างต้น

Advertisement