การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2556
ข้อสอบกระบวนวิชา HIS 1002 อารยธรรมตะวันออก
คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 120 ข้อ)
1. ในวิชาอารยธรรมตะวันออก “ดินแดนตะวันออกกลาง” มีความสำคัญอย่างไร
(1) เป็นแหล่งกำเนิดศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลาม
(2) เป็นที่ตั้งของพีระมิดและสวนลอยบาบิโลน
(3) เป็นแหล่งความเจริญเริ่มแรกของโลก
(4) เป็นแหล่งเชื่อมทวีปทั้ง 3 คือ เอเชีย ยุโรป และแอฟริกา
ตอบ 3 หน้า 7 ดินแดนตะวันออกกลางหรือตะวันออกใกล้ (The Middle East หรือ Near East) คือ ดินแดนเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่าง 3 ทวีป ได้แก่ ทวีปเอเชีย แอฟริกา และยุโรป โดยเป็นดินแดนที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ในแง่ของการเป็นแหล่งกำเนิด อารยธรรมและความเจริญเริ่มแรกของโลก คือ อารยธรรมเมโสโปเตเมียและอารยธรรม อียิปต์โบราณ รวมทั้งเป็นแหล่งกำเนิดของ 3 ศาสนาหลักของโลก คือ ศาสนายูดาห์ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม
2. “ดินแดนตะวันออกกลาง” คือดินแดนส่วนใด
(1) เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
(2) ยุโรปตะวันออกเฉียงใต้
(3) เอเชียตะวันตกเฉียงใต้
(4) ยุโรปตะวันตกเฉียงใต้
ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 1. ประกอบ
3. มนุษย์สมัยโบราณรู้จักการทำเกษตรกรรมในช่วงเวลาใด
(1) ยุคหินเก่า
(2) ยุคหินใหม่
(3) ยุคทองแดง
(4) ยุคสำริด
ตอบ 2 หน้า 6, (คำบรรยาย) ยุคหินใหม่ เป็นยุคที่มนุษย์เริ่มรู้จักการทำเกษตรกรรมคือ เพาะปลูก และเลี้ยงสัตว์ แทนการเร่ร่อนและล่าสัตว์เพื่อนำมาเป็นอาหาร อีกทั้งเริ่มมีที่อยู่อาศัยเป็น หลักแหล่ง โดยมีการเคลื่อนย้ายที่อยู่อาศัยจากดินแดนตอนในเข้ามาตั้งมั่นใกล้ลุ่มแม่นํ้าใหญ่ เพื่อมุ่งที่จะใข้น้ำในการทำเกษตรกรรมและดำรงชีวิตเป็นสำคัญ ซึ่งจากจุดนี้เองที่ทำให้ อารยธรรมโลกโบราณค่อย ๆ ถือกำเนิดขึ้นอย่างจริงจัง
4. มนุษย์สมัยโบราณกลุ่มใดทิ้งร่องรอยความเจริญที่เป็นรูปธรรมมากที่สุด
(1) สุเมเรียน
(2) อียิปต์โบราณ
(3) เปอร์เซียโบราณ
(4) ฮิบรู
ตอบ 2 หน้า 11, 18-20 อารยธรรมอียิปต์โบราณมีแหล่งกำเนิดอยู่บริเวณดินแดนลุ่มแม่นํ้าไนล์ โดยชาวอียิปต์ได้รับการยกย่องว่า “เป็นผู้สร้างถาวรวัตถุที่ยิ่งใหญ่ของโลกโบราณ” เนื่องจาก เป็นชนชาติที่มีความรอบรู้และแม่นยำทางด้านคณิตศาสตร์และเรขาคณิต มีทักษะและ ความขำนาญในการก่อสร้าง และกษัตริย์เก่งในการรบและการปกครอง ทำให้ชาวอียิปต์ ได้ทิ้งร่องรอยความเจริญที่เป็นรูปธรรมไว้ให้แก่โลกมากที่สุด เช่น มหาพีระมิดที่เมืองกีซา วิหารเทพเจ้าอะมอนที่คาร์นัค เป็นต้น
5. มนุษย์สมัยโบราณเคลื่อนย้ายที่อยู่อาศัยจากดินแดนตอนในเข้าตั้งมั่นใกล้แหล่งนํ้าเพื่อจุดประสงค์ใดเป็นสำคัญ
(1) การคมนาคม
(2) การปกครอง
(3) การเกษตรกรรม
(4) การค้า,ขาย
ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 3. ประกอบ
6. อารยธรรมของมนุษย์สมัยโบราณกลุ่มใดได้ทิ้งร่องรอยความเจริญไว้มากที่สุด
(1) สุเมเรียน
(2) อียิปต์โบราณ
(3) เปอร์เซียโบราณ
(4) ฮิบรู
ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 4. ประกอบ
7. อารยธรรมอียิปต์โบราณเกิดขึ้นที่บริเวณใด
(1) แม่น้ำไทกริส-ยูเฟรตีส
(2) แม่นํ้าไนล์
(3) เมืองอเล็กซานเดรีย
(4) แม่นํ้าสินธุ
ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 4. ประกอบ
8. ยุคทองของอารยธรรมอียิปต์โบราณอยู่ในช่วงเวลาใด
(1) สมัยก่อนราชวงศ์
(2) สมัยอาณาจักรเก่า
(3) สมัยอาณาจักรใหม่
(4) สมัยราชวงศ์
ตอบ 4 หน้า 9-10 อียิปต์โบราณสมัยราชวงศ์ (3100 – 940 B.C.) เป็นช่วงเวลาที่อียิปต์โบราณจัดตั้งชาติและรักษาความเป็นชาติได้ยาวนานถึง 2,160 ปี กษัตริย์ส่วนใหญ่ในสมัยนี้เป็นชาวอียิปต์โบราณ มีทิ้งหมด 21 ราชวงศ์ และถือว่าเป็น “ยุคทองของอารยธรรมอียิปต์โบราณ”ซึ่งสมัยราชวงศ์แบ่งออกเป็น 4 สมัยย่อย ได้แก่ สมัยต้นราชวงศ์ สมัยอาณาจักรเก่า สมัยอาณาจักรกลาง และสมัยอาณาจักรใหม่หรือสมัยจักรวรรดิ
9. อียิปต์โบราณเริ่มสร้างพีระมิดในสมัยใด
(1) สมัยราชวงศ์
(2) สมัยอาณาจักรเก่า
(3) สมัยอาณาจักรกลาง
(4) สมัยจักรวรรดิ
ตอบ 2 หน้า 9 – 10, 18 – 19, 68 – 69 (เล่มเก่า) ในช่วงราชวงศ์ที่ 3 – 6 (2665 – 2200 B.C.) ในสมัยอาณาจักรเก่าของอียิบต์โบราณ เป็นยุคที่มีความเจริญทางด้านสถาปัตยกรรมสูงมาก โดยมีการสร้างพีระมิดซึ่งเป็นสุสานหินยอดแหลมเพื่อเก็บพระศพและสมบัติของฟาโรห์ขึ้นเป็นครั้งแรก ทั้งนี้พบว่ามีการสร้างพีระมิดมากถึง 20 องค์ จบเป็นผลให้สมัยอาณาจักรเก่า ถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “สมัยพีระมิด” (The Pyramid Age)
10. ตัวอักษรภาพของอียิปต์โบราณมีชื่อเรียกว่าอะไร
(1) ไฮโรกลิฟิก
(2) เดโมติก
(3) ไฮราดิก
(4) เดโมติก
ตอบ 1 หน้า 17 – 18 ชาวอียิปต์โบราณได้เริ่มประดิษฐ์ “ตัวอักษรภาพไฮโรกลิฟิก” (Hieroglyphics) ขึ้นเมื่อประมาณ 3000 B.C. ซึ่งแต่เดิมนั้นตัวอักษรนี้มีประมาณ 700 ตัว ต่อมาพระและอาลักษณ์ได้ปรับปรุงตัวอักษรภาพไฮโรกลิฟิกเพื่อให้เขียนได้ง่ายขึ้น และให้มีจำนวนน้อยลง ด้วยการประดิษฐ์ตัวอักษรไฮราติก (Hieratic) ขึ้นในปี 1100 B.C. และพัฒนามาเป็นตัวอักษร เดโมติก (Demotic) ซึ่งมีจำนวนตัวอักษรเพียง 24 ตัว ในปี 700 B.C.