การสอบไล่ภาค  1  ปีการศึกษา  2548

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 3001 กฎหมายอาญา 3

Advertisement

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  4  ข้อ

ข้อ  1  บู๊มีเรื่องโกรธเคืองบอยจึงมาดักรอบทำร้าย  บู๊เห็นบอยเดินผ่านมาพอได้ระยะบู๊ใช้ท่อนไม้ฟาดไปที่ขาของบอยอย่างแรง  แต่ปรากฏว่าขาข้างที่ถูกฟาดเป็นขาเทียม  ทำให้ขาเทียมหักไม่สามารถเดินได้ตามปกติ  ต้องรอใส่ขาเทียมอันใหม่นานกว่า  1  เดือน  ดังนี้  บู๊จะมีความผิดต่อร่างกายฐานใด

ธงคำตอบ

มาตรา  80  ผู้ใดลงมือกระทำความผิดแต่กระทำไปไม่ตลอด  หรือกระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล  ผู้นั้นพยายามกระทำความผิด

ผู้ใดพยายามกระทำความผิด  ผู้นั้นต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น

มาตรา  295  ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย  หรือจิตใจของผู้นั้น  ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย  ต้องระวางโทษ

มาตรา  297  ผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายอันตรายสาหัส  ต้องระวางโทษ

อันตรายสาหัสนั้น  คือ

(3) เสียแขน  ขา  มือ  เท้า  นิ้ว  หรืออวัยวะอื่นใด

(8)  ทุพพลภาพ  หรือเจ็บป่วยด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวัน  หรือจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน

วินิจฉัย

องค์ประกอบความผิดฐานทำร้ายร่างกาย  ตามมาตรา  295  ประกอบด้วย

1       ทำร้าย

2       ผู้อื่น

3       จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่น

4       โดยเจตนา

บู๊ใช้ท่อนไม้ฟาดไปที่ขาของบอยอย่างแรง  แต่ขาข้างที่ถูกฟาดเป็นขาเทียม  บู๊จึงมีความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายตามมาตรา  295 ประกอบมาตรา  80  เพราะเป็นการทำร้ายไม่สำเร็จการกระทำของบู๊ไม่บรรลุผล  ไม่เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของบอย  และขาเทียมก็ไม่ใช่อวัยวะที่เป็นร่างกายแม้จะทำให้ไม่สามารถเดินได้ตามปกตินานเกินกว่า  1  เดือน  ก็ไม่ใช่อันตรายสาหัส  ตามมาตรา  297 (3)  หรือ  (8)  เพราะไม่ถือเป็นอันตรายแก่ร่างกายของบอยตั้งแต่ต้นแล้ว

สรุป  บู๊มีความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกายตามมาตรา  295  ประกอบมาตรา  80

 

ข้อ  2  นายเสรีมีเจตนาจะเอาตัว  ด.ช.เอ  บุตรของนางเดือนไปเพื่อเรียกค่าไถ่  เพราะรู้ว่านางเดือนเป็นผู้มีฐานะดี  นายเสรีได้สอบถามแม่ค้าคนหนึ่งซึ่งขายขนมข้างสนามเด็กเล่นของหมู่บ้านว่าเด็กคนใดเป็น  ด.ช.เอ  แม่ค้าชี้ไปที่  ด.ช.บี  นายเสรีจึงเข้าไปหลอก  ด.ช.บี  พาขึ้นรถไปด้วยกันแล้วนำตัวไปกักขังไว้ที่บ้านร้างแห่งหนึ่งแถวชานเมือง  ต่อมาประมาณ  2  ชั่วโมง  พอนายเสรีรู้ว่าเด็กที่เอาตัวไปไม่ใช่บุตรของนางเดือนจึงนำตัว  ด.ช.บี  กลับไปส่งที่สนามเด็กเล่นตามเดิม  โดยไม่ได้เรียกค่าไถ่แต่อย่างใด  ให้วินิจฉัยว่าการกระทำของนายเสรีเป็นความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพในฐานเอาเด็กไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  61  ผู้ใดเจตนาจะกระทำต่อบุคคลหนึ่ง  แต่ได้กระทำต่ออีกบุคคลหนึ่งโดยสำคัญผิด  ผู้นั้นจะยกเอาความสำคัญผิดเป็นข้อแก้ตัวว่ามิได้กระทำโดยเจตนาหาได้ไม่

มาตรา  313  ผู้ใดเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่

(1) เอาตัวเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไป

(2) เอาตัวบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีไปโดยใช้อุบายหลอกลวง  ขู่เข็ญ  ใช้กำลังประทุษร้าย  ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม  หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด  หรือ

(3) หน่วงเหนี่ยว  หรือกักขังบุคคลใด

ต้องระวางโทษ…

วินิจฉัย

องค์ประกอบความผิดฐานเอาตัวเด็กอายุยังไม่เกิน  15  ปีไปเรียกค่าไถ่  ตามมาตรา  313  วรรคแรก (1)  ประกอบด้วย

1       เอาตัวเด็กอายุไม่เกิน  15  ปีไป

2       โดยเจตนา

3       เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่

นายเสรีมีเจตนาจะเอาตัว  ด.ช.เอ  บุตรของนางเดือนไปเพื่อเรียกค่าไถ่  แต่สำคัญผิดหลอกเอาตัว  ด.ช.บี  ขึ้นรถไปด้วยกันแล้วนำตัวไปกักขังไว้ที่บ้านร้างแห่งหนึ่งแถวชานเมือง  ดังนี้นายเสรีจะยกเอาความสำคัญผิดมาเป็นข้อแก้ตัวว่าไม่มีเจตนาจะลักพาตัว  ด.ช.บี  ไปเรียกค่าไถ่มิได้  ตามมาตรา  61

เมื่อนายเสรีได้ลงมือเอาเด็กอายุไม่เกิน  15  ปี  ไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่  ก็เป็นความผิดสำเร็จตามมาตรา  313  วรรคแรก (1)  แล้ว  และแม้นายเสรีจะนำตัว  ด.ช.บี  กลับไปส่งที่สนามเด็กเล่นตามเดิม  และแม้จะยังไม่ได้เรียกค่าไถ่ก็ตาม  ทั้งนี้เพราะมาตรา  313  บัญญัติไว้แต่เพียงว่า  เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่  หาจำต้องได้ค่าไถ่มาแล้วจึงจะมีความผิด  ดังนี้การจับคนไปเพื่อเรียกค่าไถ่เป็นความผิดสำเร็จ  เมื่อนำตัวคนไปโดยเจตนาพิเศษเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่แม้ยังไม่ได้ติดต่อเรียกค่าไถ่ก็ตาม

สรุป  การกระทำของนายเสรีเป็นความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพในฐานเอาตัวเด็กไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ตามมาตรา  313  วรรคแรก(1)

 

ข้อ  3  ป่านกับฝ้ายเป็นเพื่อนสนิทกัน  ป่านมีนิสัยชอบเล่นการพนัน  วันหนึ่งป่านขอยืมเงินฝ้าย  แต่ฝ้ายไม่ยอมให้เพราะรู้ว่าป่านจะต้องนำเงินไปเล่นการพนัน  ทั้งสองจึงทะเลาะกัน  พอตกดึกป่านไปแอบอยู่ท้ายซอยซึ่งไม่มีดวงไฟส่องทาง  และไม่สามารถทราบได้เลยว่าใครเป็นใคร  โดยป่านตั้งใจว่าจะไปลักทรัพย์คนที่เดินผ่านมา  พอดีฝ้ายออกมาตามหาป่านเพื่อขอคืนดีด้วย  ฝ้ายได้เดินมาถึงท้ายซอยป่านจึงเข้าไปใช้มือซ้ายกระชากคอเสื้อ  แล้วใช้มือขวากระตุกสร้อยคอที่ฝ้ายสวมอยู่ขาดออกแล้วเอาสร้อยไป  แรงกระชากคอเสื้อ  ทำให้คอของฝ้ายเป็นรอยบวมแดง  ไม่ถึงกับเป็นบาดแผลมีเลือดออกปรากฏว่าฝ้ายได้ร้องตะโกนให้คนช่วยเหลือ  ป่านซึ่งจำเสียงของฝ้ายได้จึงบอกว่าไม่ต้องตะโกนแล้วโยนสร้อยไปทางฝ้ายและวิ่งหลบหนีไป  ดังนี้  ป่านกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ฐานใดหรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  336  ผู้ใดลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า  ผู้นั้นกระทำความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์  ต้องระวางโทษ…

วินิจฉัย

องค์ประกอบความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์  ตามมาตรา  336  ประกอบด้วย

1       ลักทรัพย์

2       โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า

3       โดยเจตนา

ป่านมีเจตนาลักทรัพย์โดยทุจริต  โดยใช้มือซ้ายกระชากคอเสื้อ  แล้ใช้มือขวากระตุกสายสร้อยคอที่ฝ้ายสวมอยู่ขาดออกจากกัน  เป็นการกระทำต่อเนื่องกันในทันที  เพื่อประสงค์เอาสร้อยคอของฝ้ายเป็นสำคัญ  และเป็นเพียงวิธีเอาทรัพย์ของฝ้ายเท่านั้น  แม้ว่าการกระชากคอเสื้อจะทำให้คอของฝ้ายเป็นรอยบวมแดงก็ตาม  ก็เจตนาเพื่อประสงค์ต่อทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า  มิใช่มีเจตนาใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อเอาทรัพย์อันจะเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ได้  การกระทำของป่านเป็นความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์สำเร็จ  แม้ว่าจะเปลี่ยนใจคืนทรัพย์ให้กับฝ้ายก็ตาม  ก็ไม่ทำให้กลับกลายเป็นพยายามวิ่งราวทรัพย์หรือวิ่งราวทรัพย์ไม่สำเร็จ

สรุป  ป่านกระทำความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์  ตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา  336

 

ข้อ  4  ในวันที่  1  กันยายน  2548  แดงได้ทำเช็คปลอมขึ้นฉบับหนึ่ง  และแดงได้เข้าไปซื้อรถยนต์คันหนึ่งจากเต็นท์ขายรถยนต์ของขาว  ขาวได้ทำสัญญาซื้อขายรถยนต์ให้แดงในราคา  400,000  บาท  โดยแดงได้ตกลงตามสัญญาซื้อขายกับขาวว่า  ขาวจะนำรถยนต์ไปจดทะเบียนให้เสร็จสิ้นใน  7  วันนับแต่วันทำสัญญาซื้อขาย  โดยแดงตกลงชำระเงินด้วยเช็คของธนาคารแห่งหนึ่ง  ซึ่งจะรับเงินตามเช็คฉบับนี้ในวันที่  1  กันยายน  2548  ส่วนขาวจะมอบรถยนต์ให้แดงเมื่อจดทะเบียนรถยนต์เรียบร้อยแล้ว  เมื่อแดงได้มอบเช็คฉบับที่แดงปลอมขึ้นเองให้ขาวไปแล้ว  แดงพูดกับขาวว่าแดงขอทดลองขับรถดูว่ามีสภาพดีหรือไม่  ขาวจึงมอบรถยนต์ให้แดงลองไปขับดู  เมื่อแดงได้รับมอบรถยนต์จากขาวแล้ว  แดงจึงรีบขับรถยนต์คันนี้ไปขายให้เหลืองทันทีในราคา  100,000  บาท  ตามที่ได้วางแผนกันไว้  ขณะเดียวกันนี้เองขาวได้โทรไปถามธนาคารตามเช็คที่แดงมอบให้  ขาวจึงทราบว่าเป็นเช็คปลอม  ให้ท่านวินิจฉัยว่าแดงมีความผิดอาญาเกี่ยวกับทรัพย์ฐานใดหรือไม่  เพราะเหตุใด 

ธงคำตอบ

มาตรา  341  ผู้ใดโดยทุจริต  หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ  หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง  และโดยการหลอกลวงนั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามหรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทำ  ถอน  หรือทำลาย  เอกสารสิทธิ  ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง  ต้องระวางโทษ…

วินิจฉัย

องค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา  341  ประกอบด้วย

1       หลอกลวงผู้อื่นด้วยการ

(ก)  แสดงข้อความเป็นเท็จ  หรือ

(ข)  ปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง

2       โดยการหลอกลวงนั้น

(ก)  ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม

(ข)  ทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม  ถอน  หรือทำลายเอกสารสิทธิ

3       โดยเจตนา

4       โดยทุจริต

การที่แดงทำเช็คปลอมขึ้นเพื่อไปทำสัญญาซื้อขายรถยนต์จากขาว  จนได้รับมอบรถยนต์จากขาวไป  ถือได้ว่าเป็นพฤติการณ์การหลอกลวงโดยมีการวางแผนเป็นขั้นๆ  เพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อแล้วส่งมอบทรัพย์ให้  แสดงให้เห็นว่าแดงมีเจตนาที่จะไม่ปฏิบัติตามสัญญาตั้งแต่ต้นแล้ว  เป็นการหลอกลวงขาวตั้งแต่ทำสัญญาอันเป็นการแสดงข้อความอันเป็นเท็จในปัจจุบัน  แม้ขาวจะตกลงทำสัญญาซื้อขายรถให้แดงนั้นกรรมสิทธ์ในรถยนต์จะตกเป็นของแดงตั้งแต่ทำสัญญาซื้อขายกันก็ตาม

เมื่อแดงได้รับมอบรถยนต์จากขาวแล้ว  แม้จะอ้างว่าเอารถไปลองขับดูก็ตาม  ก็เป็นการได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากขาว  เมื่อเจตนาพิเศษของแดงเป็นการกระทำโดยทุจริต  เพราะต้องการเอารถไปขายให้เหลือง  ดังนั้นแดงจึงมีความผิดฐานฉ้อโกง  ตามมาตรา  341

สรุป  แดงมีความผิดฐานฉ้อโกง  ตามมาตรา  341

Advertisement