การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2550
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW2003
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยละเมิด จัดการงานนอกสั่ง ลาภมิควรได้
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี 4 ข้อ
ข้อ 1 สมัครว่าจ้างให้ชูวิทย์ตอกเสาเข็มปลูกสร้างอาคารโรงแรม 16 ชั้น ทำให้บรรหารซึ่งอยู่บ้านบนที่ดินติดต่อกับอาคารดังกล่าวได้รับความเดือดร้อน เพราะมีฝุ่นละอองจากการก่อสร้างทำให้บ้านเรือนสกปรก มีเสียงดังจากเครื่องจักร บ้านสั่นสะเทือนจากการตอกเสาเข็ม
มีหินและไม้ตกลงบนหลังคาบ้านของบรรหารทำให้ต้องหวาดระแวงว่าอาจจะเกิดอันตรายแก่บรรหารและคนในครอบครัวได้ บรรหารจึงได้ยื่นฟ้องสมัครและชูวิทย์ฐานละเมิด ทำให้ตนและครอบครัวต้องทนทุกขเวทนาแสนสาหัสนอนไม่หลับ และหวาดระแวงเป็นเวลานานติดต่อกันถึงสองเดือน
และเรียกค่าสินไหมทดแทนเป็นค่าเสียหายแก่อนามัยและสิทธิส่วนตัวที่จะมีความเป็นอยู่อย่างสงบสุขทั้งร่างกายและจิตใจ จากการสืบพยานหลักฐานไม่ปรากฏว่าความทนทุกข์ทรมานดังกล่าวเป็นอันตรายและจิตใจของบรรหาร
ดังนี้ให้ท่านเป็นศาล ท่านจะวินิจฉัยคดีนี้อย่างไร เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 428 ผู้ว่าจ้างทำของไม่ต้องรับผิดเพื่อความเสียหายอันผู้รับจ้างได้ก่อให้เกิดขึ้นแก่บุคคลภายนอกในระหว่างทำการงานที่ว่าจ้างเว้นแต่ผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ หรือในคำสั่งที่ตนให้ไว้หรือในการเลือกหาผู้รับจ้าง
มาตรา 438 ค่าสินไหมทดแทนจะพึงใช้โดยสถานใดเพียงใดนั้น ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
อนึ่ง ค่าสินไหมทดแทนนั้นได้แก่ การคืนทรัพย์สินอันผู้เสียหายต้องเสียไปเพราะละเมิด หรือใช้ราคาทรัพย์สินนั้น รวมทั้งค่าเสียหายอันจะพึงบังคับให้ใช้เพื่อความเสียหายอย่างใดๆอันได้ก่อขึ้นนั้นด้วย
มาตรา 446 วรรคแรก ในกรณีทำให้เขาเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยก็ดี ในกรณีทำให้เขาเสียเสรีภาพก็ดี ผู้ต้องเสียหายจะเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความที่เสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงินด้วยอีกก็ได้ สิทธิเรียกร้องอันนี้ไม่โอนกันได้ และไม่ตกสืบไปถึงทายาท เว้นแต่สิทธินั้นจะได้รับสภาพกันไว้โดยสัญญาหรือได้เริ่มฟ้องคดีตามสิทธินั้นแล้ว
วินิจฉัย
หลักเกณฑ์ของการกระทำอันเป็นการละเมิดตามมาตรา 420 ประกอบด้วย
1 เป็นบุคคลที่มี “การกระทำ” โดยรู้สำนึก และได้กระทำโดยการเคลื่อนไหวร่างกายหรือโดยการงดเว้นก็ได้ ซึ่งได้กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
2 ทำต่อผู้อื่นโดยผิดกฎหมาย
3 มีความเสียหาย
4 ผลที่เกิดขึ้นสัมพันธ์กับการกระทำ
กรณีตามอุทาหรณ์ ชูวิทย์ตอกเสาเข็มปลูกสร้างอาคารโรงแรม 16 ชั้น ทำให้บรรหารทนทุกขเวทนาแสนสาหัสนอนไม่หลับเพราะหนวกหู ฝุ่นละอองจากการก่อสร้างทำให้บ้านเรือนสกปรก บ้านสั่นสะเทือนหินและไม้ตกลงบนหลังคาบ้านของบรรหารอันอาจจะเกิดอันตรายต่อบรรหารและครอบครัวได้ แม้การสืบพยานหลักฐานจะไม่ปรากฏว่าความทุกข์ทรมานสาหัสดังกล่าวเป็นอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจของบรรหาร แต่ก็เป็นเรื่องเสียหายต่ออนามัยและสิทธิจะอยู่อย่างสงบไม่ถูกรบกวน ถือได้ว่าการกระทำของชูวิทย์เป็นการกระทำละเมิดต่ออนามัย รวมทั้งต่อสิทธิส่วนตัวของบรรหารที่จะมีความเป็นอยู่อย่างสงบสุขทั้งร่างกายและจิตใจตามมาตรา 420
บรรหารผู้ถูกกระทำละเมิดมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายในส่วนที่เป็นอันตรายแก่อนามัย รวมทั้งสิทธิส่วนตัวที่จะมีความเป็นอยู่อย่างสงบสุขทั้งร่างกายและจิตใจได้ ตามมาตรา 420 ประกอบมาตรา 438 และมาตรา 446 วรรคแรก (ฎ. 3407/2535)
ชูวิทย์เป็นผู้รับจ้างทำของ (ก่อสร้างอาคารโรงแรม) โดยหลักแล้วตามมาตรา 428 ผู้ว่าจ้างไม่ต้องรับผิดร่วมกับผู้รับจ้างในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่บุคคลภายนอก เว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นต่างๆตามกฎหมาย เมื่อปรากฏว่าสมัครผู้ว่าจ้างเป็นผู้ผิดในส่วนของการงานที่สั่งให้ทำ สมัครจึงต้องร่วมรับผิดกับชูวิทย์ด้วยตามมาตรา 428 (ฎ. 984/2531)
สรุป ถ้าข้าพเจ้าเป็นศาลจะวินิจฉัยให้ทั้งชูวิทย์และสมัครรับผิดต่อบรรหารตามฟ้อง