หน้าแรก บล็อก

POL2303 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในภาครัฐ s/2566

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2566

ข้อสอบกระบวนวิชา POL 2303 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในภาครัฐ

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว

1. ข้อความนี้สอดคล้องกับหลักการใด “งานที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบเหมือนกันควรได้ค่าตอบแทนเท่ากัน”

(1) หลักความซื่อตรง

(2) หลักความเป็นกลางทางการเมือง

(3) หลักความเสมอภาค

(4) หลักความสามารถ

(5) หลักการแบ่งงานกันทำตามความถนัด

ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 3), (คำบรรยาย) หลักความเสมอภาค (Equality) หมายถึง การเปิดโอกาสให้ผู้มีคุณสมบัติและมีพื้นฐานความรู้ตามที่กำหนดไว้มีสิทธิที่จะสมัครเข้าสอบแข่งขันเพื่อบรรจุเข้ารับราชการได้ทุกคน โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างในเรื่องชาติตระกูล ศาสนา เป็นการให้โอกาสแก่ผู้มีสิทธิอย่างเท่าเทียมกัน และในการกำหนดเงินเดือนหรือค่าตอบแทน ของข้าราชการก็ควรยึดหลักความเสมอภาคเช่นกัน กล่าวคือ คนที่มีความรู้ความสามารถเท่ากัน หรืองานที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบเหมือนกันหรือระดับเดียวกันควรได้รับเงินเดือนหรือค่าตอบแทนเท่ากัน

2. ข้อใดเป็นการบริหารทรัพยากรมนุษย์ภายใต้ระบบคุณธรรม

(1) ยึดความรู้ความสามารถ

(2) หลักความเป็นกลางทางการเมือง

(3) ยึดเครือข่าย

(4) คัดเลือกคนโดยพิจารณาที่จริยธรรม

(5) ข้อ 1 และ 2 ถูก

ตอบ 5 หน้า 14 – 15 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ภายใต้ระบบคุณธรรม (Merit System) ยึดหลักการสำคัญ 4 ประการ ได้แก่

1. หลักความเสมอภาค (Equality)

2. หลักความรู้ความสามารถ (Competence)

3. หลักความมั่นคง (Security)

4. หลักความเป็นกลางทางการเมือง (Political Neutrality)

3. คำกล่าวใดต่อไปนี้ที่กล่าวถึงการบริหารทรัพยากรมนุษย์ได้ไม่ถูกต้อง

(1) ทำให้องค์การได้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาปฏิบัติงาน

(2) คือการบริหารทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับองค์การ

(3) ช่วยลดต้นทุนขององค์การ

(4) ช่วยให้บุคลากรมีขวัญและกำลังใจ

(5) ทำให้องค์การใช้ทรัพยากรที่มิได้อย่างคุ้มค่า

ตอบ 3 หน้า 4 – 5 (คำบรรยาย) การบริหารทรัพยากรมนุษย์ มีลักษณะดังนี้

1. เป็นการบริหารทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับองค์การ หรือทำให้องค์การ ใช้ทรัพยากร (คน) ที่มีได้อย่างคุ้มค่า

2. เป็นกระบวนการที่ทำให้องค์การได้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาปฏิบัติงาน

3. ช่วยทำให้บุคลากรในหน่วยงานมีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน ฯลฯ

4. การบริหารทรัพยากรมนุษย์แบบใดที่ไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้กับข้าราชการพลเรือน

(1) หลักเลือกที่รักมักที่ชัง

(2) ระบบอุปถัมภ์

(3) ระบบเครือญาติ

(4) ระบบเส้นสาย

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 หน้า 12 – 13, (คำบรรยาย) การบริหารทรัพยากรมนุษย์ภายใต้ระบบอุปถัมภ์ (Patronage System) หรือเรียกว่าระบบเล่นพรรคเล่นพวก ระบบเครือญาติ ระบบเส้นสาย ระบบเลือกที่รัก มักที่ชัง เป็นการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ทำให้การบริหารราชการไม่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เพราะการคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการคำนึงถึงความเป็นพรรคพวกเป็นสำคัญ ไม่ได้คำนึงถึงความสามารถของบุคคลอย่างแท้จริง จึงส่งผลให้ส่วนราชการเต็มไปด้วยข้าราชการที่ไม่มีความรู้ ความสามารถ ดังนั้น การบริหารราชการภายใต้ระบบอุปถัมภ์จึงไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้กับข้าราชการพลเรือน

5. Affirmative Action หมายถึงข้อใด

(1) ระบบอุปถัมภ์

(2) ระบบคุณธรรม

(3) ระบบปฏิบัติการทางคอมพิวเตอร์

(4) ระบบที่เน้นกระจายอำนาจ

(5) การไม่เลือกปฏิบัติ

ตอบ 5 (คำบรรยาย) ระบบการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่เน้นโอกาส (Affirmative Action) เป็นระบบที่ให้ความสำคัญกับความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ โดยระบบนี้จะเน้น การให้โอกาสแก่ผู้ที่ด้อยโอกาส เช่น ผู้พิการ ผู้สูงอายุในการเข้ามาทำงานในองค์การ

6. ข้อใดไม่ใช่ภารกิจด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์

(1) การค้นหาทรัพยากรมนุษย์

(2) ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรมนุษย์

(3) งานรักษาทรัพยากรมนุษย์

(4) ลดต้นทุนจากทรัพยากรมนุษย์

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 7 ภารกิจด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ คือ
1 งานหาทรัพยากรมนุษย์
2 งานใช้ทรัพยากรมนุษย์
3 งานดูแลรักษาทรัพยากรมนุษย์

7 การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อการบริหารทรัพยากรมนุษย์ขององค์การ

(1) กระแสโลกาภิวัตน์

(2) ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี

(3) ความท้าทายด้านจริยธรรม

(4) ความคาดหวังของผู้รับบริการ

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 หน้า 24 – 26, (คำบรรยาย) การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ขององค์การ ได้แก่ กระแสโลกาภิวัตน์ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี นวัตกรรมการจัดการ ความท้าทายด้านคุณภาพและจริยธรรม โครงสร้างประชากรและกำลังแรงงาน สภาวะทางเศรษฐกิจและการแข่งขัน ความคาดหวังของผู้รับบริการ เป็นต้น

8. ข้อใดสอดคล้องกับแนวคิดวิทยาศาสตร์การจัดการ (Scientific Management) ของ Frederick W. Taylor

(1) ทฤษฎี X และทฤษฎี Y

(2) ปัจจัยจูงใจและปัจจัยสุขภาวะ

(3) การศึกษาเวลากับการเคลื่อนไหว (Time and Motion Study)

(4) ความต้องการตามลำดับขั้น

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 41 Frank and Lilian Gilbreth ได้ขยายแนวคิดเพิ่มเติมซึ่งมีส่วนช่วยสนับสนุนแนวคิดวิทยาศาสตร์การจัดการ (Scientific Management) ของ Frederick W. Taylor โดย Gilbreth ได้ทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกซึ่งต่อมาได้พิมพ์เป็นหนังสือชื่อ The Psychology of Management ได้วิเคราะห์การเคลื่อนไหวด้านร่างกายของคนงาน โดยศึกษาการเคลื่อนไหวที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งวิธีการนี้เรียกว่า “Time and Motion Study” หรือการศึกษาเวลากับการเคลื่อนไหวในการปฏิบัติงาน

9 การปฏิวัติอุตสาหกรรมเกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศใด

(1) ประเทศจีน

(2) ประเทศอิสราเอล

(3) ประเทศอังกฤษ

(4) ประเทศสหภาพโซเวียต

(5) ประเทศสหรัฐอเมริกา

ตอบ 3 หน้า 34 – 35 การปฏิวัติอุตสาหกรรม เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศอังกฤษในช่วงศตวรรษ ที่ 18 โดยการปฏิวัติอุตสาหกรรม หมายถึง กระบวนการเปลี่ยนแปลงวิธีการและระบบ การผลิตจากเดิมที่ใช้แรงงานคน แรงงานสัตว์ รวมทั้งพลังงานจากธรรมชาติ เครื่องมือ แบบง่าย ๆ มาเป็นการใช้เครื่องจักรกลแทน

ตั้งแต่ข้อ 10. – 18. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้เพื่ออธิบายถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่สอดคล้องกับ หลักคิดในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551

(1) หลักการเสริมประสิทธิภาพ

(2) หลักพิทักษ์คุณธรรม

(3) หลักระบบค่าตอบแทน

(4) หลักจริยธรรมและวินัย

(5) การกระจายอํานาจ

10. นโยบายการประเมินขั้นเงินเดือนข้าราชการปีละ 2 ครั้ง สะท้อนหลักการในข้อใด

ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 207), (คําบรรยาย) หลักระบบค่าตอบแทนตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีดังนี้
1 การจําแนกกลุ่มข้าราชการเป็น 4 กลุ่มใหญ่ (Cluster) และกําหนดบัญชีเงินเดือน เป็น 4 บัญชี ซึ่งแต่ละบัญชีใช้เฉพาะสําหรับตําแหน่งแต่ละประเภท
2 กําหนดให้มีเงินเพิ่มใหม่อีก 2 ประเภท คือ ตามพื้นที่และตามสายงาน
3 กําหนดให้เพิ่มค่าตอบแทนบุคคลที่มีใบรับรองการมีวุฒิการศึกษาเพิ่มที่ตรงตามหน้าที่
4 กําหนดให้ข้าราชการทุกระดับต้องถูกประเมินผลการปฏิบัติราชการแบบ 360 องศา เพื่อนํามาใช้ประกอบการพิจารณาเลื่อนเงินเดือน
5 การเบิกค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการมีการกําหนดให้ต้องเบิกยานอกบัญชีหลัก
6 มีการประเมินขั้นเงินเดือนข้าราชการปีละ 2 ครั้ง
7 มีการขึ้นเงินเดือนข้าราชการให้เหมาะสมกับค่าครองชีพ ฯลฯ

11. คํากล่าวที่ว่า “โตไปไม่โกง” สะท้อนถึงหลักการในข้อใด

ตอบ 4 (คําบรรยาย) คํากล่าวที่ว่า “โตไปไม่โกง” สะท้อนถึงหลักการด้านจริยธรรมและวินัย ซึ่งถูกนํามาใช้เพื่อแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันที่ทําลายสังคมอย่างรุนแรงและฝังรากลึก โดยคนในสังคมนั้นจะต้องมีค่านิยมในการรักความดีและไม่ยอมรับพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชัน และการโกงทุกรูปแบบโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งการสร้างค่านิยมที่ถูกต้องนี้ จะเป็นรากฐานสําคัญที่ทําให้เด็กเติบโตขึ้นเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ และเป็นการป้องกัน และแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันที่ได้ผลที่สุด

12 หลักการในข้อใดที่คํานึงถึงผลลัพธ์ของการดําเนินการควบคู่กับการใช้ทรัพยากรที่คุ้มค่า

ตอบ 1 (คําบรรยาย) หลักการเสริมประสิทธิภาพ เป็นหลักการที่คํานึงถึงผลลัพธ์ของการดําเนินการ ควบคู่กับการใช้ทรัพยากรที่คุ้มค่า

13 การเปิดโอกาสให้องค์กรอิสระสามารถวางระบบการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของตนเองได้

ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 207), (คําบรรยาย) หลักการกระจายอํานาจตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีดังนี้

1. กําหนดให้หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง ระดับกรม หรือระดับจังหวัด เป็นผู้มีอํานาจ สั่งบรรจุแต่งตั้งข้าราชการ เช่น อธิบดีมีอํานาจสั่งบรรจุแต่งตั้งผู้ชํานาญการ ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอํานาจแต่งตั้งที่ปรึกษาหรือปราชญ์ชาวบ้าน หรือ ผู้ช่วยงานในท้องถิ่น เป็นต้น

2. กําหนดให้หน่วยงานระดับกระทรวง ระดับกรม หรือระดับจังหวัด ดําเนินการจัดสอบแข่งขัน เพื่อเลือกสรรบุคคลบรรจุเข้ารับราชการได้เอง

3. การให้อํานาจในการแต่งตั้งหรือโอนย้ายบุคลากรทั้งจากภายในและภายนอกกระทรวงได้ เช่น การแต่งตั้งโฆษก คสช. ไปดํารงตําแหน่งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เป็นต้น

4. การเปิดโอกาสให้องค์กรอิสระสามารถวางระบบการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของตนเองได้ ฯลฯ

14 กําหนดให้หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมบรรจุแต่งตั้งข้าราชการได้สอดคล้องกับหลักการใด

ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 13. ประกอบ

15 การกําหนดให้หน่วยงานของรัฐถูกตรวจสอบจากองค์กรภายนอก เช่น สตง. ป.ป.ช. สอดคล้องกับหลักการใด

ตอบ 1 (คําบรรยาย) หลักการเสริมประสิทธิภาพตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีดังนี้

1. กําหนดให้ข้าราชการไปศึกษาเพิ่มเติม ฝึกอบรม ดูงาน หรือปฏิบัติการวิจัยในประเทศ หรือต่างประเทศ

2. กําหนดให้มีแบบฟอร์มการทํารายงานหลัง/กลับจากการฝึกอบรมของหน่วยงานรัฐ

3. กําหนดให้มีการตรวจสอบจากองค์กรภายนอกหลายองค์กร เช่น สตง., ป.ป.ช., กกต., จังหวัด และองค์กรวิชาชีพ ฯลฯ

16 ให้ข้าราชการต้องไปเพิ่มพูนความรู้ เข้าฝึกอบรมเป็นประจําตลอดช่วงระยะเวลาที่รับราชการเป็นไปตาม หลักการใด

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 15. ประกอบ

17 มีการขึ้นเงินเดือนข้าราชการให้เหมาะสมกับค่าครองชีพสอดคล้องกับหลักการใด

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 10. ประกอบ

18 การเปิดโอกาสให้ข้าราชการสามารถร้องทุกข์ในกรณีที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม

ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 207), (คําบรรยาย) หลักพิทักษ์คุณธรรมตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีดังนี้

1. เป็นหลักการที่เปิดโอกาสให้ข้าราชการสามารถอุทธรณ์และร้องทุกข์ได้ในกรณีที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม

2. การกำหนดให้มีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ซึ่งเป็นองค์กรกึ่งตุลาการและเป็นอิสระจากฝ่ายบริหาร ทำหน้าที่พิจารณาเรื่องการอุทธรณ์และการร้องทุกข์ของข้าราชการเพื่อป้องกันการกลั่นแกล้ง เช่น ในกรณีที่ข้าราชการถูกสั่งลงโทษทางวินัย หรือได้รับการปฏิบัติจากผู้บังคับบัญชา (เช่น การแต่งตั้งโยกย้าย) อย่างไม่เป็นธรรม

3. การจัดให้มีศาลปกครองรับเรื่องด้านการบริหารงานบุคคล

4. การให้พนักงาน/ข้าราชการที่ถูกกล่าวหาต้องยุติหน้าที่หรือย้ายไปประจำส่วนราชการเป็นการชั่วคราว ฯลฯ

19. ข้อใดเป็นผลจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นกับทรัพยากรมนุษย์ในองค์การ

(1) การขาดความตระหนักถึงสวัสดิการของคนงาน

(2) การลดต้นทุนการผลิต

(3) การพัฒนาคุณภาพของสินค้า

(4) การเข้ามาแทรกแซงจากรัฐบาล

(5) การเปลี่ยนจากสังคมเกษตรไปเป็นสังคมอุตสาหกรรม

ตอบ 1 (คำบรรยาย) ผลจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นกับทรัพยากรมนุษย์ในองค์การก็คือนายจ้างขาดความเอาใจใส่ดูแลคนงาน ไม่ได้ตระหนักถึงสวัสดิการของคนงาน คนงานต้องทนทำงานโดยไม่ได้รับความสนใจต่อปัญหาทางด้านมาตรฐานสวัสดิการอาชีวอนามัย ความปลอดภัย รวมทั้งสภาพแวดล้อมในการทำงานก็มีความสกปรกเกินกว่าที่สภาพร่างกายของมนุษย์จะทนได้

20. “สามารถทำงานได้ภายใต้สภาวะที่กดดัน…” ข้อความดังกล่าวพบได้จากที่ใด

(1) การวิเคราะห์งาน

(2) คำบรรยายลักษณะงาน

(3) คุณสมบัติผู้ปฏิบัติงาน

(4) การประเมินค่างาน

(5) การกำหนดค่าตอบแทน

ตอบ 3 หน้า 37, 90, (คำบรรยาย) การกำหนดคุณสมบัติเฉพาะของผู้ปฏิบัติงาน (Job Specification) เป็นการกำหนดรายละเอียดของคุณสมบัติเฉพาะของพนักงานซึ่งใช้ในการทำงานเฉพาะอย่าง เพื่อให้งานประสบความสำเร็จ เช่น วุฒิการศึกษา ประสบการณ์ ความชำนาญ เพศ อายุ ส่วนสูง น้ำหนัก ความพร้อมทางจิตใจ เป็นต้น ซึ่งข้อมูลที่นำมาใช้ในการกำหนดคุณสมบัติเฉพาะของผู้ปฏิบัติงานนี้จะพิจารณาจากความรู้ (Knowledge) ทักษะ (Skill) และความสามารถ (Abilities)

21. ข้อใดคือวิธีการในการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับงาน

(1) การสังเกต

(2) การสัมภาษณ์

(3) การใช้แบบสอบถาม

(4) การสอบถามผ่าน Google Form

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 หน้า 101 – 107, (คำบรรยาย) วิธีการในการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับงาน มีดังนี้
1 การสังเกต
2 การใช้แบบสอบถาม เช่น การสอบถามผ่าน Google Form
3 การสัมภาษณ์
4. การประชุม
5. การบันทึกงาน
6. การทดลองปฏิบัติงาน

22. ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับแบบสอบถามแบบมีโครงสร้าง (Structured Questionnaire)

(1) จำกัดอิสระในการตอบ

(2) มีตัวเลือกให้ตอบ

(3) ใช้คอมพิวเตอร์คำนวณได้

(4) ถูกทุกข้อ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 105 แบบสอบถามแบบมีโครงสร้าง (Structured Questionnaire) เป็นแบบสอบถามที่จำกัดอิสระในการตอบแบบสอบถามของผู้ตอบ เพราะมีการกำหนดคำตอบให้ผู้ตอบเลือก โดยแบบสอบถามแบบมีโครงสร้างนี้จะช่วยให้นักวิเคราะห์สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลและทำการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็วตรงตามที่ต้องการโดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีชุดคำสั่งทางสถิติสำหรับคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยในการคำนวณหรือประมวลผลข้อมูล

23. ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับการบันทึกงาน (Diary Method) เช่น การลงบันทึก Logbook

(1) การจดบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างปฏิบัติงาน

(2) การบันทึกประวัติของพนักงาน

(3) การจัดทําแฟ้มข้อมูลการประพฤติผิดวินัย

(4) การเปรียบเทียบค่าตอบแทนของบุคลากร

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 1 หน้า 107 การบันทึกงาน (Diary Method) เป็นวิธีการที่ใช้เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับงาน เพื่อนําไปใช้เป็นข้อมูลประกอบในการวิเคราะห์งาน โดยนักวิเคราะห์งานจะให้ผู้ปฏิบัติงาน จดบันทึกเหตุการณ์และรายละเอียดของกิจกรรมต่าง ๆ ที่ตนกระทําในช่วงเวลาปฏิบัติงาน ในแต่ละวัน เช่น นักบินจะต้องบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ระหว่างทําการบิน เป็นต้น ซึ่งวิธีการนี้จะเป็นประโยชน์มากถ้าผู้ปฏิบัติงานให้ความร่วมมือและจดบันทึกการทํางานตามความเป็นจริง อย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยภาษาที่อ่านเข้าใจง่าย

24. ข้อใดคือความหมายของการสรรหา

(1) กระบวนการพิจารณาเลือกเฟ้นบุคลากรไปดํารงตําแหน่งที่สูงขึ้น

(2) กระบวนการค้นหาบุคคลที่มีความเหมาะสมกับตําแหน่ง

(3) กระบวนการดึงดูดบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ

(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก

(5) ข้อ 2 และ 3 ถูก

ตอบ 5 หน้า 114 – 115: การสรรหา (Recruitment) หมายถึง กระบวนการในการค้นหา จูงใจหรือดึงดูดบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับตําแหน่งงานให้สนใจยื่นใบสมัครงานกับองค์การให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งการสรรหานี้เป็นวิธีการที่ทําให้องค์การสามารถมีตัวเลือกสําหรับการพิจารณาเพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกต่อไป แหล่งที่ใช้ในการสรรหาบุคคลมี 2 แหล่ง คือ 1. การสรรหาบุคคลจากภายในองค์การ 2. การสรรหาบุคคลจากภายนอกองค์การ

25. ข้อใดถูกต้อง

(1) กระบวนการสรรหามีส่วนต่อการรักษาวัฒนธรรมองค์การ

(2) กระบวนการสรรหาคนเข้าทํางานเป็นต้นทุนขององค์การ

(3) การสรรหาคือการจูงใจให้มีผู้สนใจมาสมัครมากที่สุด

(4) การสรรหามีทั้งจากแหล่งภายในและภายนอกองค์การ

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 คำบรรยายจากเอกสาร หน้า 115 – 120: การสรรหา (Recruitment) มีลักษณะดังนี้
1 เป็นกระบวนการจูงใจให้มีผู้สนใจที่จะทํางานกับองค์การมาสมัครงานมากที่สุด
2 การสรรหาบุคคลนั้นมีทั้งการสรรหาจากแหล่งภายในและภายนอกองค์การ
3 กระบวนการสรรหาคนเข้าทํางานถือเป็นต้นทุนขององค์การ เพราะมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการดําเนินการสรรหาไม่ว่าจะเป็นการประชาสัมพันธ์ การรับสมัคร การคัดเลือก เป็นต้น
4 กระบวนการสรรหามีส่วนต่อการรักษาวัฒนธรรมองค์การ (ดูคําอธิบายข้อ 24. ประกอบ)

26. ข้อดีของการสรรหาบุคคลภายใน คือ

(1) ประหยัดค่าใช้จ่าย

(2) สร้างขวัญและกําลังใจ

(3) เปิดมุมมองใหม่

(4) ข้อ 2 และ 3 ถูก

(5) ข้อ 1 และ 2 ถูก

ตอบ 5 คำบรรยายจากเอกสาร หน้า 116 – 117 ข้อดีของการสรรหาบุคคลจากภายในองค์การ มีดังนี้
1 ประหยัดค่าใช้จ่าย
2 สร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานให้แก่บุคลากร
3 สามารถสรรหาบุคลากรได้อย่างเหมาะสม เนื่องจากองค์การมีข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับทักษะ ความสามารถของผู้สมัครภายในดีกว่าผู้สมัครภายนอก
4 เป็นการให้หลักประกันในการทำงานโดยให้โอกาสความก้าวหน้าในการทำงานแก่บุคลากร ที่มีความตั้งใจทำงาน ผลงานอยู่ในระดับดีได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง ฯลฯ

27. วิธีการใดที่ทำให้องค์การอาจเสียโอกาสจะได้คนที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์มาพัฒนาองค์การ
(1) การประกาศรับสมัคร
(2) การคัดเลือก
(3) การสรรหาจากภายใน
(4) การสรรหาจากภายนอก
(5) การบรรจุแต่งตั้ง
ตอบ 3 หน้า 116 – 117, (เอกสารประกอบการสอน หน้า 57 – 58) ข้อเสียของการสรรหาบุคคลจากภายในองค์การ มีดังนี้

1. ทำให้องค์การอาจเสียโอกาสได้คนที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ใหม่ ๆ มาพัฒนาองค์การ

2. ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนความคิดสร้างสรรค์ในการประเมินโอกาส การแก้ปัญหา และการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ทางธุรกิจ

3. หากองค์การไม่มีการกำหนดกฎเกณฑ์การคัดเลือกบุคลากรภายในองค์การที่ชัดเจน อาจทำให้การสรรหาบุคลากรภายในองค์การเป็นระบบอุปถัมภ์มากกว่าระบบคุณธรรม

4. ก่อให้เกิดปัญหาการขาดแคลนบุคลากรขึ้นภายในองค์การ เมื่อองค์การมีความต้องการในการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ฯลฯ

28. วิธีการสรรหาแบบใดที่เน้นความประหยัด
(1) การเลิกจ้าง
(2) การหยุดบรรจุพนักงานใหม่
(3) การสรรหาจากภายใน
(4) การสรรหาจากภายนอก
ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 26. ประกอบ (หมายเหตุ: ข้อมูลอ้างอิงถึงข้อ 26. แต่ในเอกสารที่ให้มาไม่มีข้อ 26. จึงไม่สามารถอธิบายได้เพิ่มเติม)

29. ข้อใดเป็นข้อเสียของการสรรหาจากภายนอก
(1) การเลิกจ้าง
(2) มีต้นทุนค่าใช้จ่ายสูง
(3) อาจทำให้บุคลากรเสียขวัญกำลังใจ
(4) ได้คนที่ไม่สอดคล้องกับวัฒนธรรมองค์การ
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 หน้า 119, (คำบรรยาย) ข้อเสียของการสรรหาบุคคลจากภายนอกองค์การ มีดังนี้

1. อาจทำให้บุคลากรเสียขวัญกำลังใจ

2. อาจใช้ระยะเวลานาน

3. เป็นการปิดกั้นโอกาสความเจริญก้าวหน้าในสายงานอาชีพของบุคลากรภายในองค์การ

4. มีต้นทุนค่าใช้จ่ายสูงและสิ้นเปลืองเวลา

5. ได้คนที่ไม่สอดคล้องกับวัฒนธรรมองค์การ หรืออาจเกิดปัญหาการปรับตัวและการขัดกันของวัฒนธรรมในองค์การ ฯลฯ

30. “ให้ไปรายงานตัวกับหัวหน้างาน” เป็นขั้นตอนในข้อใด
(1) การสรรหา
(2) การคัดเลือก
(3) การสรรหาจากภายใน
(4) การสรรหาจากภายนอก
(5) การบรรจุ
ตอบ 5 หน้า 131 การบรรจุ (Placement) เป็นการให้ผู้สมัครที่ได้รับการคัดเลือกแล้วไปทำงานในแผนกที่ต้องการบุคลากร ในขั้นตอนนี้จะมีการส่งมอบผู้สมัครที่ได้รับการคัดเลือกให้ไปรายงานตัวกับหัวหน้างานในแผนกที่รับคน ซึ่งจะมีวิธีการให้รายงานอย่างถูกต้อง และมีการส่งรายละเอียด ประวัติ ข้อมูล ตลอดจนผลการคัดเลือกตามวิธีการต่าง ๆ เพื่อช่วยให้การสอนงานในระยะเริ่มแรก โดยหัวหน้างานสามารถกระทำได้สะดวกและง่ายขึ้น

31 ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการทดลองงาน

(1) เพื่อสร้างความมั่นใจว่าคนที่ได้รับคัดเลือกมีคุณสมบัติเหมาะสม

(2) เพื่อให้พนักงานใหม่ได้ใช้เวลาเรียนรู้กฎระเบียบและวัฒนธรรมองค์การ

(3) สอดคล้องกับการจ้างงานระยะยาว

(4) คนที่ไม่ผ่านการทดลองงานราชการถือว่ายังไม่เคยได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการ

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 การทดลองงาน (Probation) คือ การให้คนที่ได้รับคัดเลือกทำงานชั่วระยะเวลาหนึ่งเพื่อให้มั่นใจว่าคนที่ได้รับคัดเลือกนั้นมีคุณสมบัติเหมาะสมกับงานที่จะทำ รวมทั้งเพื่อให้พนักงานใหม่ได้ใช้เวลาเรียนรู้กฎระเบียบและวัฒนธรรมองค์การด้วย ในกรณีที่ผ่านการทดลองงานก็จะได้บรรจุเป็นพนักงานประจำขององค์การต่อไปหรือจ้างงานเป็นพนักงานขององค์การในระยะยาว แต่หากไม่ผ่านการทดลองงานก็จะไม่ได้รับการบรรจุเป็นพนักงาน ทั้งนี้ในส่วนราชการถือว่าคนที่ไม่ผ่านการทดลองงานราชการนั้นยังไม่เคยได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการมาก่อน

32 ข้อใดไม่ใช่เหตุผลของการรักษากำลังคน

(1) ลดความสิ้นเปลืองในการสรรหา

(2) คงความต่อเนื่องในการทำงาน

(3) รักษาวัฒนธรรมองค์การ

(4) รักษาภาพลักษณ์องค์การ

(5) สร้างความจงรักภักดี

ตอบ 3 การรักษาคนไว้ในองค์การ (Retain) คือ การสร้างแรงจูงใจให้คนทำงานอยู่กับองค์การยาวนานหรือพยายามลดอัตราการลาออกของคนให้น้อยลง ทั้งนี้เพื่อ
1 คงความต่อเนื่องในการทำงาน
2 รักษาประสิทธิผลขององค์การ
3 ลดความสิ้นเปลืองในการสรรหาคัดเลือกและฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงาน
4 รักษาภาพลักษณ์ขององค์การ
5 สร้างความจงรักภักดี

33 ทำไมต้องรักษากำลังคนไว้กับองค์การ

(1) ลดความสิ้นเปลืองในการสรรหา

(2) คงความต่อเนื่องในการทำงาน

(3) เพื่อเตรียมพร้อมขยายงาน

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 32. ประกอบ

34 ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับสาเหตุที่คนเลือกอยู่กับองค์การ

(1) ชื่อเสียงขององค์การ

(2) ค่าตอบแทน

(3) วัฒนธรรมองค์การ

(4) ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน

(5) เป็นไปได้ทุกข้อ

ตอบ 5 ค่าตอบแทนเป็นเพียงปัจจัยพื้นฐานที่สามารถจูงใจและรักษาคนให้อยู่กับองค์การ ดังนั้นการที่คนจะอยู่กับองค์การยาวนาน ไม่ลาออกไปหางานใหม่ทำจึงไม่ใช่เพราะเรื่องค่าตอบแทนเพียงอย่างเดียว แต่มีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่น ๆ ด้วย เช่น ความมั่นคงของงาน โอกาสและความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน สวัสดิการและประโยชน์เกื้อกูล ชื่อเสียงขององค์การ วัฒนธรรมองค์การ ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน เป็นต้น

35 Elton Mayo และคณะ ค้นพบอะไรจากการศึกษา Hawthorn Study ที่โรงงาน Western Electric

(1) แสงสว่างมีผลต่อการทำงาน

(2) ปฏิสัมพันธ์ของคนงานส่งผลต่อขวัญกำลังใจ

(3) มนุษย์ในองค์การเป็นไปตามทฤษฎี X และทฤษฎี Y

(4) สภาพแวดล้อมทางกายภาพมีผลต่อการทำงาน

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 43 – 44 Elton Mayo และคณะได้ทําการศึกษาพฤติกรรมการทํางานของคนงาน ในโรงงาน Western Electric Hawthorne ซึ่งต่อมาเรียกว่า กรณีศึกษาฮอว์ธอร์น (Hawthorn Study) โดยพบว่า การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนงานส่งผลต่อขวัญกําลังใจและแรงจูงใจในการ ปฏิบัติงาน ขณะเดียวกันก็ส่งผลต่อผลผลิตของการปฏิบัติงานด้วย ผลผลิตส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับ ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีม และความร่วมมือร่วมใจของคนงาน ซึ่งมีส่วนสัมพันธ์กับ ความเอาใจใส่ของหัวหน้าที่มีผลกระทบต่อคนงาน

36. คํากล่าวใดไม่เป็นไปตามหลักความเป็นกลางทางการเมืองของข้าราชการ

(1) ข้าราชการไม่สามารถเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง

(2) ข้าราชการประจําต่างจากข้าราชการการเมือง

(3) ข้าราชการต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลไม่ว่าตนจะนิยมพรรคการเมืองใดก็ตาม

(4) ข้าราชการที่เป็นกลางไม่ควรลงคะแนนเลือกตั้ง

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 15, (เอกสารประกอบการสอน หน้า 4 – 5), (คําบรรยาย) หลักความเป็นกลาง ทางการเมือง (Political Neutrality) หมายถึง
1 ข้าราชการประจําต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลไม่ว่าตนจะนิยมพรรคการเมืองใดก็ตาม
2 ข้าราชการต้องไม่อยู่ใต้อาณัติหรืออิทธิพลของนักการเมืองหรือพรรคการเมืองใด ๆ
3 ข้าราชการจะต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมือง เช่น สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร หรือดํารงตําแหน่งในพรรคการเมือง เช่น หัวหน้าพรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรคการเมือง เลขาธิการพรรคการเมือง ฯลฯ ในขณะเป็นข้าราชการ
4 ข้าราชการสามารถลงคะแนนเลือกตั้งได้ตามการปกครองระบอบประชาธิปไตย ฯลฯ

37. ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับคําบรรยายลักษณะงาน (Job Description)

(1) การจัดวางโครงสร้างองค์การ

(2) แนวปฏิบัติเพื่อการธํารงวินัย

(3) คือคุณสมบัติของผู้ปฏิบัติงาน

(4) คือการจัดสรรอัตรากําลัง

(5) ข้อมูลเกี่ยวกับอํานาจหน้าที่ ความรับผิดชอบ และขอบเขตของงานที่ต้องปฏิบัติ

ตอบ 5 หน้า 89 คําบรรยายลักษณะงาน (Job Description) เป็นข้อมูลเกี่ยวกับอํานาจหน้าที่ ความรับผิดชอบ ขอบเขตของงาน ความสัมพันธ์ในสายงานและกระบวนการปฏิบัติงาน โดยทั่วไปจะประกอบด้วยข้อความสําคัญ ได้แก่ ตําแหน่งงาน หน้าที่ ความรับผิดชอบ คุณลักษณะของงาน และเงื่อนไขสภาวะแวดล้อม

ตั้งแต่ข้อ 38. – 41. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม

(1) หลักความเสมอภาค

(2) หลักความมั่นคง

(3) หลักความสามารถ

(4) หลักความเป็นกลางทางการเมือง

(5) หลักการประหยัด

38. “put the right man on the right job” สะท้อนถึงหลักการในข้อใด

ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 4) หลักความสามารถ (Competence) หมายถึง การบรรจุ บุคคลเข้ารับราชการ หรือการแต่งตั้งบุคคลเข้าดํารงตําแหน่งใด ๆ จะต้องยึดหลักความรู้ ความสามารถของบุคคลเป็นสําคัญ โดยต้องพยายามหาทางคัดเลือกเพื่อให้ได้ผู้ที่มีความรู้ ความสามารถเหมาะสมกับตําแหน่ง (put the right man on the right job)
Gemi

39 คนที่มีความรู้ความสามารถเท่ากันควรได้รับค่าตอบแทนเท่ากันสอดคล้องกับหลักการใด

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ

40 หลักประกันแก่ผู้จะมาทํางานราชการสามารถยึดเป็นอาชีพได้สะท้อนถึงหลักการในข้อใด

ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 4) หลักความมั่นคง (Security) หมายถึง การให้หลักประกันแก่ ผู้ที่จะมาทํางานราชการว่าจะมีความมั่นคงในชีวิต สามารถยึดราชการเป็นอาชีพได้ตราบเท่าที่ ยังมีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติราชการ มีความประพฤติดี มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อหน้าที่ ราชการ โดยให้มีเงินเดือนเพียงพอกับการครองชีพ และให้สวัสดิการและประโยชน์เกื้อกูลต่าง ๆ นอกจากนี้ยังเป็นการประกันมิให้ข้าราชการถูกกลั่นแกล้งหรือถูกออกจากราชการโดยไม่มีความผิด ทั้งนี้เพื่อให้ข้าราชการได้มีกําลังใจที่จะปฏิบัติราชการให้บังเกิดผลดีที่สุด ไม่ต้องกังวลในการ หาเลี้ยงชีพหรือถูกกลั่นแกล้งในทางที่ไม่เป็นธรรม

41 ข้าราชการต้องไม่อยู่ใต้อาณัติของนักการเมืองเป็นไปตามหลักการใด

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 36. ประกอบ

42 ข้อใดไม่ใช่วิธีการสรรหาภายนอก
(1) Walk-in
(2) การส่งจดหมายสมัครงาน
(3) การรับพนักงานใหม่จากสถานศึกษา
(4) ตลาดนัดแรงงาน
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 5 หน้า 120 – 122 วิธีการสรรหาบุคคลจากภายนอกองค์การ มีดังนี้
1. ผู้สมัครเดินเข้ามาสมัครเอง (Walk-in)
2. การส่งจดหมายสมัครงาน (Write-in)
3. การโฆษณารับสมัคร (Advertising)
4. การรับพนักงานใหม่จากสถานศึกษา (Education Institutions)
5. การติดต่อกับสํานักงานจัดหางาน (Employment Agencies)
6. การจัดตลาดนัดแรงงาน (Job Fairs) ฯลฯ

43 ข้อใดไม่ใช่วิธีทดแทนการสรรหา
(1) การจัดให้ทํางานล่วงเวลา
(2) การจ้างงานชั่วคราว
(3) การรับเหมาช่วง
(4) การสรรหาจากภายใน
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 4 หน้า 123 – 125 วิธีการที่ใช้ทดแทนการสรรหา มีดังนี้
1. การทํางานล่วงเวลา (Overtime)
2. การจ้างงานชั่วคราว (Temporary Employment)
3. การขอเช่าพนักงาน (Employee Leasing)
4. การใช้ผู้รับเหมาช่วง (Subcontracting)
5. การใช้ผู้รับเหมาอิสระ (Independent Contractors)

44 ข้อใดต่อไปนี้ไม่ได้ถูกนํามาใช้ในการวิเคราะห์งาน
(1) พฤติกรรมบุคคล
(2) มาตรฐานการปฏิบัติงาน
(3) อายุและเพศสภาพ
(4) เนื้อหาของงาน
(5) สภาพแวดล้อมในการทํางาน
ตอบ 3 หน้า 88 ข้อมูลที่ถูกนํามาใช้ในการวิเคราะห์งาน (Job Analysis) มีดังนี้
1. กิจกรรมของงาน
2. พฤติกรรมของบุคคล
3. เครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์ เทคโนโลยี และเครื่องช่วยสนับสนุนการทํางาน
4. มาตรฐานการปฏิบัติงาน
5. เนื้อหาของงาน
6. ความต้องการบุคลากร
7. สภาพแวดล้อมในการทํางาน

45 ข้อใดคือเหตุผลความจำเป็นของการวางแผนทรัพยากรมนุษย์

(1) เพื่อกำหนดเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ

(2) เพื่อลดต้นทุนการสรรหาบุคลากร

(3) เพื่อตอบสนองความต้องการทางสังคมให้กับบุคลากร

(4) เพื่อการจัดสวัสดิการให้กับบุคลากร

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 1 หน้า 63 – 64 เหตุผลความจำเป็นของการวางแผนทรัพยากรมนุษย์ มีดังนี้

1. ช่วยให้การดำเนินกิจกรรมแต่ละหน่วยงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มความสามารถในการใช้กำลังคนในการทำงาน

2. ช่วยในการกำหนดเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพให้กับบุคคลในองค์การ

3. ช่วยลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานกับองค์การ

4. ช่วยสร้างความพร้อมในการดำเนินงานของหน่วยงานทรัพยากรมนุษย์

5. ช่วยให้เกิดการรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม

6. ทำใหOrganizationได้รับชื่อเสียงและการยอมรับ

46 ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม

(1) การเปลี่ยนแปลงระบบจ่ายค่าจ้างแรงงาน

(2) การเปลี่ยนจากเศรษฐกิจทุนนิยมเข้าสู่สังคมนิยม

(3) การเปลี่ยนแปลงวิธีการและระบบการผลิต

(4) การควบคุมเศรษฐกิจโดยใช้อำนาจของกองทัพ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 9. ประกอบ

47 “วิเคราะห์และจัดทำแผนของหน่วยงาน…” ข้อความดังกล่าวพบได้จากที่ใด

(1) การวิเคราะห์งาน

(2) คำบรรยายลักษณะงาน

(3) คุณสมบัติผู้ปฏิบัติงาน

(4) การประเมินค่างาน

(5) การกำหนดค่าตอบแทน

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 37. ประกอบ

48 กระบวนการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับธรรมชาติและลักษณะของงานคือข้อใด

(1) การวิเคราะห์งาน

(2) คำบรรยายลักษณะงาน

(3) คุณสมบัติผู้ปฏิบัติงาน

(4) การประเมินค่างาน

(5) การกำหนดค่าตอบแทน

ตอบ 1 หน้า 86 การวิเคราะห์งาน (Job Analysis) หมายถึง กระบวนการศึกษาและรวบรวม ข้อมูลเกี่ยวกับธรรมชาติและลักษณะของงานอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นการศึกษาหน้าที่ในงาน ความรับผิดชอบ สภาพการทำงาน รวมทั้งคุณลักษณะประจำของบุคคลที่เหมาะสมกับงานนั้น เพื่อให้การปฏิบัติงานนั้น ๆ สำเร็จลงได้ และเพื่อให้ได้สารสนเทศของงานนั้นเพียงพอต่อ การนำไปใช้ประโยชน์ในการทำกิจกรรมอื่นในอนาคต

49 การคัดเลือกในข้อใดเน้นการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นเพื่อดูความเหมาะสม

(1) การสัมภาษณ์เบื้องต้น

(2) การให้กรอกใบสมัคร

(3) การทดสอบ

(4) การตรวจร่างกาย

(5) การตรวจสอบคุณสมบัติพื้นฐาน

ตอบ 1 หน้า 128 – 129, (คำบรรยาย) การสัมภาษณ์เบื้องต้น (Preliminary Interview) ถือเป็น จุดเริ่มต้นของกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคลากร การสัมภาษณ์เบื้องต้นนี้เป็นการรวบรวม ข้อมูลเบื้องต้นเพื่อดูความเหมาะสมของผู้สมัครงาน ซึ่งเป็นวิธีการที่นิยมมากที่สุดในการคัดเลือก บุคคลเข้าทำงาน โดยวิธีการนี้จะช่วยให้เห็นว่าบุคคลนั้นมีคุณสมบัติตรงตามความต้องการของ องค์การหรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้ไม่เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการที่จะรับคนที่ขาดคุณสมบัติหรือ มีคุณสมบัติไม่เหมาะสมเข้ามาตั้งแต่ต้น ทั้งนี้การสัมภาษณ์จะกระทำสำเร็จได้ต้องใช้ความเป็นศิลปะมากกว่าความเป็นศาสตร์

50 ข้อใดเป็นขั้นตอนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อพิจารณาว่าบุคคลนั้นสามารถปฏิบัติงานได้จริง

(1) การสัมภาษณ์เบื้องต้น

(2) การให้กรอกใบสมัคร

(3) การทดสอบ

(4) การตรวจร่างกาย

(5) การตรวจสอบคุณสมบัติพื้นฐาน

ตอบ 3 หน้า 128 – 130, (คำบรรยาย) การทดสอบ (Employment Test) เป็นเครื่องมือในการ ประเมินเพื่อตรวจสอบความรู้ความสามารถและพฤติกรรมของผู้สมัครหรือพนักงานว่าตรงกับ ลักษณะงานหรือไม่ หรือพิจารณาว่าบุคคลนั้นสามารถปฏิบัติงานได้จริง เช่น การทดสอบ ความถนัด ทักษะ สติปัญญา (I.Q.) การปรับตัวเข้ากับผู้อื่น (E.Q.) เป็นต้น

51 ข้อใดเป็นการประเมินเบื้องต้นจากข้อมูลที่พนักงานให้

(1) การสัมภาษณ์เบื้องต้น

(2) การให้กรอกใบสมัคร

(3) การทดสอบ

(4) การตรวจสอบคุณสมบัติพื้นฐาน

(5) การตรวจร่างกาย

ตอบ 4 หน้า 128 – 129, (คำบรรยาย) การตรวจสอบคุณสมบัติพื้นฐาน (Background Investigation) เป็นขั้นตอนตรวจสอบประวัติของผู้สมัครที่กรอกไว้ในใบสมัคร หรือประเมินเบื้องต้นจากข้อมูล ที่ผู้สมัครให้ ซึ่งจะช่วยให้ทราบว่าการทำงานต่าง ๆ ที่แล้วมา หรือข้อมูลต่าง ๆ ของผู้สมัคร ที่ได้กรอกไว้ในใบสมัคร ตลอดจนสิ่งที่ได้รับฟังจากการสัมภาษณ์ถูกต้องหรือไม่

52 ความยุติธรรมภายนอก (External Equity) คือ

(1) การกำหนดเงินเดือนหรือค่าจ้างเพื่อป้องกันปัญหาความไม่เข้าใจกันในหน่วยงาน

(2) การกำหนดค่าจ้างที่สอดคล้องกับการจ้างงานในตลาดแรงงาน

(3) การกำหนดค่าจ้างโดยพิจารณาจากความรู้และประสบการณ์

(4) การกำหนดค่าจ้างให้เหมาะสมกับรายได้ขององค์การ

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 142, (คำบรรยาย) ความยุติธรรมภายนอก (External Equity) ของการบริหารเงินเดือน และค่าจ้าง หมายถึง การกำหนดเงินเดือนและค่าจ้างจะต้องสอดคล้องกับการจ้างงานใน ตลาดแรงงาน ซึ่งพิจารณาจากค่าแรงขั้นต่ำ ค่าครองชีพ อัตราเงินเฟ้อ การสำรวจเงินเดือน ค่าจ้างในตลาดแรงงาน เป็นต้น

53 ข้อใดจัดเป็นปัจจัยสุขภาวะ (Hygiene Factors)

(1) ค่าคอมมิชชั่น

(2) โบนัส

(3) สวัสดิการหลังเกษียณ

(4) รางวัลพนักงานยอดเยี่ยม

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 156), (คำบรรยาย) ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับแรงจูงใจ ในการทำงานตามทฤษฎีของ Frederick Herzberg ประกอบด้วย
1 ปัจจัยคำจุนหรือปัจจัยสุขภาวะ (Hygiene Factors) เป็นปัจจัยที่ลดความไม่พึงพอใจ ของพนักงานในการทำงาน เช่น เงินเดือน/ค่าจ้าง ค่าคอมมิชชั่น เงื่อนไขการทำงาน สภาพการทำงาน (เช่น แสงไฟ โต๊ะทำงาน คอมพิวเตอร์ เครื่องปรับอากาศ) นโยบาย และการบริหารงาน การควบคุมบังคับบัญชา เป็นต้น
2. ปัจจัยกระตุ้น (Motivation Factors) เป็นปัจจัยเพิ่มแรงจูงใจแก่พนักงานในการทำงาน เช่น การยอมรับนับถือ ความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน การให้รางวัล สวัสดิการหรือ ประโยชน์เกื้อกูลต่าง ๆ (เช่น สวัสดิการหลังเกษียณ โบนัส ประกันชีวิต ค่ารักษาพยาบาล บ้านพักสวัสดิการ รถประจำตำแหน่ง ห้องทำงานส่วนตัว คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คส่วนตัว) เป็นต้น

54. ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยสุขภาวะ (Hygiene Factors)

(1) รถประจำตำแหน่ง

(2) ห้องทำงานส่วนตัว

(3) บ้านพักสวัสดิการ

(4) คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค

(5) ราคาน้ำมันในตลาดโลก

ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 53. ประกอบ

55. ปัจจัยใดที่ไม่ได้มีผลกระทบโดยตรงต่อค่าจ้าง

(1) ต้นทุนค่าครองชีพ

(2) อัตราเงินเฟ้อ

(3) อัตราค่าจ้างทั่วไป

(4) ค่าแรงขั้นต่ำ

(5) ราคาน้ำมันในตลาดโลก

ตอบ 5 หน้า 143 – 147, (คำบรรยาย) ปัจจัยที่มีผลกระทบโดยตรงต่อค่าจ้างเงินเดือน ได้แก่ สภาพตลาดแรงงาน อัตราค่าจ้างทั่วไป ค่าแรงขั้นต่ำ ต้นทุนค่าครองชีพ อัตราเงินเฟ้อ ความสามารถของการจ่าย อำนาจการต่อรอง และค่าของงานเปรียบเทียบ

56. ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับค่าตอบแทน

(1) สิ่งที่ได้จากการทำงาน

(2) สิ่งที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้าง

(3) ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร

(4) ถูกทุกข้อ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 135 – 136 ค่าตอบแทน หมายถึง

1 สิ่งที่ได้จากการทำงาน

2 สิ่งที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้าง

3 ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร รวมถึงค่าจ้าง เงินเดือน และรางวัลตอบแทนอื่น ๆ นอกเหนือจากค่าจ้างเงินเดือน

57. ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยที่ใช้ในการประเมินเพื่อเลื่อนระดับ

(1) ผลงานในช่วงเวลาที่ผ่านมา

(2) ความสามารถรับผิดชอบตำแหน่งที่สูงขึ้น

(3) ความมีวุฒิภาวะ

(4) ระดับการศึกษา

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 5 หน้า 157, (คำบรรยาย) ปัจจัยที่ใช้ในการประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อเลื่อนระดับตำแหน่ง มีดังนี้
1. ระดับการศึกษา
2. ผลงานในช่วงเวลาที่ผ่านมา
3. ศักยภาพหรือความสามารถ ที่จะรับผิดชอบงานในตำแหน่งที่สูงขึ้น
4. ความมีวุฒิภาวะ ฯลฯ

58. ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าครองชีพซึ่งต้องนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจในการกำหนดเงินเดือน

(1) ราคาเชื้อเพลิง

(2) ราคาสินค้า

(3) อัตราดอกเบี้ย

(4) อัตราแลกเปลี่ยน

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คำบรรยาย) ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าครองชีพซึ่งต้องนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจในการกำหนดค่าจ้างเงินเดือน ได้แก่ ราคาสินค้า ราคาเชื้อเพลิง อัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ เป็นต้น

59. ข้อใดไม่ใช่จุดมุ่งหมายของการศึกษาการบริหารค่าจ้างเงินเดือน

(1) ศึกษาหลักการและวิธีการประเมินค่าจ้างเพื่อความเป็นธรรม

(2) โครงสร้างเงินเดือนสามารถจูงใจให้บุคลากรปฏิบัติงานเต็มความสามารถ

(3) เพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น

(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก

(5) ข้อ 1 และ 3 ถูก

ตอบ 3 หน้า 141 จุดมุ่งหมายของการศึกษาการบริหารค่าจ้างเงินเดือน มีดังนี้
1 ศึกษาหลักการและวิธีการประเมินค่าจ้างเพื่อความเป็นธรรมในการจ่ายค่าตอบแทน
2 หลักการออกแบบโครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในองค์การได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3 โครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนสามารถจูงใจให้บุคลากรปฏิบัติงานเต็มความสามารถ

60. ข้อใดต่อไปนี้ที่เป็นปัจจัยจูงใจ (Motivation Factors)

(1) ค่าเดินทาง

(2) เงื่อนไขการทํางาน

(3) สวัสดิการค่ารักษาพยาบาล

(4) ค่าตอบแทนพิเศษตามผลงาน

(5) ค่าอุปกรณ์ที่ใช้ในการทํางานจากที่บ้าน (Work from Home)

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 53. ประกอบ

61. ข้อใดหมายถึงการกําหนดเงินเดือนตามหลักความพอเพียง

(1) ลูกจ้างสามารถเปรียบเทียบค่าจ้างตนเองกับพนักงานขององค์การอื่นที่ปฏิบัติงานในลักษณะเดียวกันได้

(2) ลูกจ้างสามารถใช้ชีวิตได้อย่างที่ต้องการ

(3) ค่าตอบแทนที่ได้ควรจ่ายทุก 15 วัน

(4) ค่าตอบแทนควรสะท้อนสภาวะเศรษฐกิจ

(5) ค่าตอบแทนควรเป็นอัตราตายตัว

ตอบ 4 หน้า 141, (คําบรรยาย) การกําหนดเงินเดือนตามหลักความพอเพียง (Adequacy) หมายถึง เงินเดือนหรือค่าตอบแทนที่ลูกจ้างจะได้รับควรจะเพียงพอแก่การดํารงชีวิตอย่างเหมาะสมหรือ สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ตามสมควร ซึ่งการกําหนดอัตราเงินเดือนหรือค่าตอบแทนที่เหมาะสม ควรจะสอดคล้องกับอัตราค่าจ้างขั้นต่ํา ค่าครองชีพ และสะท้อนสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน

62. ข้อใดคือกระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์

(1) Recruit, Reused, Return

(2) Recruit, Reused, Recycle

(3) Recruit, Retain, Return

(4) Recall, Retain, Retire

(5) Recruit, Retain, Retire

ตอบ 5 (คําบรรยาย) ขอบเขต/กระบวนการของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ประกอบด้วย 3 R คือ
1 Recruit คือ การสรรหาคัดเลือกบุคคล
2 Retain คือ การรักษาคนไว้ในองค์การ
3 Retire คือ การเลิกจ้าง

63. หน่วยงานใดเป็นหน่วยงานกลางในการสรรหาและคัดเลือกข้าราชการพลเรือนของไทย

(1) สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ

(2) สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน

(3) สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร

(4) สํานักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน

(5) สํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

ตอบ 2 หน้า 16 สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เป็นหน่วยงานกลางที่ทําหน้าที่ ดูแลให้การดําเนินการด้านการบริหารงานบุคคลของข้าราชการพลเรือนในกระทรวง กรมต่าง ๆ เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน นับตั้งแต่การกําหนดตําแหน่งและอัตรา เงินเดือน การสรรหาและคัดเลือก การแต่งตั้งโยกย้าย การเลื่อนตําแหน่งและอัตราเงินเดือน ไปจนถึงการดําเนินการทางวินัย การออกจากราชการ และเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

64. การประเมินค่างานต้องใช้ข้อมูลจากแหล่งใด

(1) คุณสมบัติตําแหน่ง (Job Specification)

(2) ใบพรรณนาหน้าที่งาน (Job Description)

(3) การวิเคราะห์งาน (Job Analysis)

(4) ถูกเฉพาะข้อ 2 และ 3

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 75), (คําบรรยาย) การประเมินค่างาน หมายถึง กระบวนการ วิเคราะห์เพื่อตีค่าความยากง่ายของงาน หรือเป็นกระบวนการวิเคราะห์ ตีค่างาน ประเมินหรือ เปรียบเทียบคุณค่าของงานต่าง ๆ ในองค์การ เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างงานหรือประสิทธิภาพ ในงานกับค่าตอบแทนที่ควรจะจ่าย หรือเป็นการประเมินคุณค่าว่างานใดควรได้ค่าตอบแทนเท่าใด
ซึ่งแหล่งข้อมูลที่ใช้ในการประเมินค่างาน ได้แก่ การวิเคราะห์งาน (Job Analysis) ใบพรรณนา หน้าที่งาน (Job Description) คุณสมบัติตําแหน่ง (Job Specification) และประเภทของตําแหน่งต่าง ๆ ในองค์การ

65. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับการประเมินค่างาน

(1) การตีค่างาน ประสิทธิภาพในงาน กับค่าตอบแทนที่ควรจะจ่าย

(2) การประเมินคุณค่าของงานเทียบกับค่าตอบแทนที่ควรจะจ่าย

(3) การประเมินคุณค่าว่างานใดควรได้ค่าตอบแทนเท่าใด

(4) ถูกเฉพาะข้อ 2 และ 3

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 64. ประกอบ

66. ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยในการประเมินค่างานในแต่ละระดับงาน

(1) ความรู้ความสามารถ

(2) ทักษะ

(3) รูปร่างหน้าตา

(4) สภาพการทำงาน

(5) ความรับผิดชอบ

ตอบ 3 หน้า 187 ปัจจัยในการประเมินค่างานในแต่ละระดับงาน ได้แก่ ความรู้ความสามารถ ทักษะ ความรับผิดชอบ ความสามารถในการแก้ปัญหา สภาพการทำงาน ความสมบูรณ์ของร่างกาย เป็นต้น

67. พนักงานลูกค้าสัมพันธ์กับพนักงานต้อนรับรายได้ต่างกันเพราะ

(1) การตีค่างานขึ้นอยู่กับรายได้หรือผลกำไรของหน่วยงาน

(2) การตีค่างานขึ้นอยู่กับชื่อเสียงของหน่วยงาน

(3) การตีค่างานขึ้นอยู่กับความสำคัญของตำแหน่งงานนั้นในองค์การ

(4) การตีค่างานขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ปฏิบัติงาน

(5) การตีค่างานขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของนายจ้าง

ตอบ 3 (คำบรรยาย) สาเหตุที่ตำแหน่งพนักงานลูกค้าสัมพันธ์กับพนักงานต้อนรับมีรายได้หรือเงินเดือนที่แตกต่างกันเป็นเพราะการตีค่างานขึ้นอยู่กับความสำคัญของตำแหน่งงานนั้นในองค์การ

68. อะไรไม่ใช่ปัจจัยผลักดันให้พนักงานออกจากงาน

(1) ระบบการบริหารแบบครอบครัว

(2) ระบบสวัสดิการ

(3) ค่าตอบแทนที่ต่ำกว่าตลาด

(4) การเติบโตของเศรษฐกิจ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 176 สาเหตุที่อัตราเข้าออกจากงานของพนักงานสูง มี 2 ประการ คือ
1 ปัจจัยดึงดูด ได้แก่ การเติบโตของเศรษฐกิจ
2 ปัจจัยผลักดัน ได้แก่ ระบบการบริหารแบบครอบครัว การเล่นพรรคเล่นพวก ค่าตอบแทนที่ต่ำกว่าตลาด ระบบสวัสดิการที่ไม่ดี การไม่เปิดโอกาสให้พนักงานได้แสดงความคิดเห็นสร้างสรรค์ เป็นต้น

69. ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับโครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนแบบ Broadbanding

(1) ได้รับอิทธิพลจากแนวคิดของ Adam Smith

(2) เน้นความชำนาญตามตำแหน่งหน้าที่

(3) เป็นการยุบรวมตำแหน่งที่ลักษณะงานใกล้เคียงกันไว้กลุ่มเดียวกัน

(4) ไม่มีข้อใดถูก

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 หน้า 213, 215 โครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนแบบ Broadbanding เป็นการจัดทําโครงสร้าง ค่าจ้างเงินเดือนที่ได้รับอิทธิพลมาจากแนวคิดการแบ่งงานกันทําตามแนวคิดของ Adam Smith และการเน้นความชํานาญตามตําแหน่งหน้าที่ตามแนวคิดของ Frederick W. Taylor นอกจากนี้ยังเป็นการพัฒนาต่อจากฐานความคิดและหลักการจัดทําโครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนแบบเดิม กล่าวคือ การยุบรวมระดับตําแหน่งที่ลักษณะงานใกล้เคียงกันเป็นกลุ่มเดียวกัน

70 ข้อใดเป็นข้อเสียของโครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนแบบ Broadbanding

(1) สนับสนุนการหมุนเวียนเปลี่ยนงาน (Job Rotation)

(2) ยืดหยุ่นสูง

(3) ไม่เหมาะสมกับองค์การที่มีลักษณะงานแตกต่างกันมาก

(4) ส่งเสริมการทํางานเป็นกลุ่ม

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 227 – 228 ข้อเสียของโครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนแบบ Broadbanding มีดังนี้
1 ใช้งบประมาณมากในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนจากแบบเดิมมาเป็นแบบ Broadbanding
2 ไม่เหมาะสมกับองค์การที่มีลักษณะงานที่แตกต่างกันจํานวนมาก
3 ยากต่อการเปรียบเทียบค่าจ้างเงินเดือนในตลาด
4 ไม่เหมาะสมกับสังคมการทํางานที่พนักงานมีความสามารถแตกต่างกันมาก
5 ไม่เหมาะสมกับองค์การที่ไม่ชอบการเรียนรู้พัฒนาด้วยตนเอง ฯลฯ

71 ข้อใดไม่ใช่วัตถุประสงค์ของการประเมินผลการปฏิบัติงาน

(1) เพื่อแต่งตั้งบุคคลเข้าปฏิบัติงาน

(2) เพื่อพิจารณาความดีความชอบ

(3) เพื่อจัดสวัสดิการที่เหมาะสม

(4) เพื่อวางแผนเลิกจ้างพนักงาน

(5) เพื่อการเลื่อนตําแหน่ง

ตอบ 4 หน้า 239 – 240, 247 – 248, (คําบรรยาย) การประเมินผลการปฏิบัติงานมีเหตุผลหรือวัตถุประสงค์ดังนี้
1 เพื่อเป็นเครื่องมือประกอบในการพิจารณาเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลในด้านต่าง เช่น การแต่งตั้งบุคคลเข้าปฏิบัติงาน การเลื่อนตําแหน่ง การพิจารณาความดีความชอบ การจัดสวัสดิการที่เหมาะสม เป็นต้น
2 เพื่อเป็นการจัดสรรทรัพยากรขององค์การให้พนักงานอย่างเป็นธรรม
3 เพื่อการสร้างแรงจูงใจและให้รางวัลแก่พนักงาน
4 เพื่อรักษาความเป็นธรรมภายใน
5 เพื่อให้การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในองค์การเป็นไปตามหลักคุณธรรม
6 เพื่อเป็นเครื่องมือบังคับทางอ้อมให้พนักงานรักษาวินัย ระเบียบขององค์การ
7 เพื่อให้พนักงานได้ทราบถึงความรู้ความสามารถของตนเองในสายตาของผู้บังคับบัญชา
8 เพื่อเป็นการทดสอบความยุติธรรมของผู้บังคับบัญชา ฯลฯ

72 ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับผู้ประเมินผลการปฏิบัติงาน

(1) เป็นผู้บังคับบัญชาใกล้ชิด

(2) ได้รับการอบรมก่อนประเมิน

(3) ทราบวัตถุประสงค์การประเมิน

(4) ไม่มีข้อใดถูก

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 หน้า 242 ผู้ประเมินผลการปฏิบัติงาน โดยปกติจะได้แก่ผู้บังคับบัญชาที่ใกล้ชิดของผู้ที่จะถูก ประเมิน โดยผู้บังคับบัญชาที่จะทําการประเมินต้องมีความรู้ความเข้าใจหรือได้รับการอบรม หรือชี้แจงก่อนประเมิน เพื่อให้ทราบถึงนโยบาย วัตถุประสงค์ หลักการ และเทคนิคในการ ประเมินตามแบฟอร์มและลักษณะงานที่กําหนดเป็นมาตรฐานไว้

73 กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์เริ่มต้นที่เรื่องใด
(1) Retain
(2) Recruit
(3) Reused
(4) Retire
(5) Return
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 62. ประกอบ

74 “อัตราการลาออกลดลง” เป็นเป้าหมายของเรื่องใด

(1) การจูงใจ

(2) การประเมินค่างาน

(3) การรักษาคนไว้ในองค์การ

(4) การสรรหา

(5) การเลื่อนตําแหน่ง

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 32. ประกอบ

75 ข้อใดไม่ใช่วัตถุประสงค์ของการประเมินผลการปฏิบัติงาน

(1) ตอบสนองความต้องการของพนักงาน

(2) ให้พนักงานรู้ถึงความรู้ความสามารถของตนเอง

(3) ทดสอบความยุติธรรมของผู้บังคับบัญชา

(4) รักษาความเป็นธรรมภายนอก

(5) เป็นเครื่องมือให้พนักงานรักษาวินัย ระเบียบขององค์การ

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 71. ประกอบ

76 ตัวเลือกข้อใดใช้การกําหนดค่าจ้างเงินเดือนสอดคล้องกับงานวิชาชีพ

(1) ข้าราชการพลเรือน

(2) ข้าราชการกลาโหม

(3) ข้าราชการฝ่ายตุลาการ

(4) พนักงานองค์กรอิสระ

(5) พนักงานองค์การมหาชน

ตอบ 3 หน้า 229 – 231 ข้าราชการฝ่ายตุลาการจะใช้โครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนแบบค่าเดียว ซึ่งเป็นโครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนที่สอดคล้องกับงานวิชาชีพ

77 ข้อใดกล่าวได้ถูกต้อง

(1) ผู้ที่เพิ่งสําเร็จการศึกษาจะยังไม่ได้รับค่าจ้างจนกว่าจะมีประสบการณ์

(2) ผู้ที่เพิ่งสําเร็จการศึกษาจะจ้างตามวุฒิการศึกษา

(3) ผู้ที่ทํางานมานานจะไม่ได้รับการปรับเพิ่มค่าจ้าง

(4) ผู้ที่มีประสบการณ์ตรงจะได้รับค่าจ้างในอัตราต่ำสุด

(5) ค่าจ้างควรกําหนดเป็น Flat Rate

ตอบ 2 หน้า 234 เกณฑ์การพิจารณากําหนดค่าจ้างเงินเดือนของผู้สมัคร มีดังนี้
1. ผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ในการทํางานหรือเพิ่งจบการศึกษาใหม่จ้างตามวุฒิการศึกษา
2. ผู้ที่มีประสบการณ์ตรงอาจปรับให้เพิ่มจากอัตราค่าจ้างขั้นต่ําสุดของระดับงานที่จะบรรจุ ร้อยละ 5 ต่อปี
3. ผู้มีประสบการณ์ตรงบ้างไม่ตรงบ้างอาจปรับให้เพิ่มจากอัตราค่าจ้างต่ําสุดของระดับงาน ที่จะบรรจุร้อยละ 3 ต่อปี
4. ผู้ที่ไม่มีประสบการณ์เลยให้ว่าจ้างตามค่าจ้างขั้นต่ําสุดของระดับงานนั้น ฯลฯ

78 ข้อใดไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นในการประเมินผลการปฏิบัติงาน

(1) ผู้บังคับบัญชาแต่ละคนอาจมีมาตรฐานต่างกัน

(2) อคติของผู้บังคับบัญชา

(3) ผู้ประเมินขาดความเข้าใจระบบประเมินผลการปฏิบัติงาน

(4) การให้เพื่อนร่วมงานและลูกค้ามีส่วนร่วมประเมิน

(5) ผู้บังคับบัญชาใช้การประเมินเพื่อกลั่นแกล้ง

ตอบ 4 หน้า 262 – 263 ปัญหาที่เกิดขึ้นในการประเมินผลการปฏิบัติงาน มีดังนี้
1 ความลําเอียงหรืออคติของผู้บังคับบัญชาหรือผู้ประเมิน
2 ผู้บังคับบัญชาหรือผู้ประเมินแต่ละคนอาจมีมาตรฐานต่างกัน
3 ผู้ประเมินขาดความเข้าใจระบบประเมินผลการปฏิบัติงาน
4 ผู้บังคับบัญชาใช้การประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อกลั่นแกล้งผู้ใต้บังคับบัญชา
5. ผู้ประเมินมีบทสรุปของการประเมินผลการปฏิบัติงานไว้ล่วงหน้า ฯลฯ

79. ข้อใดไม่ใช่เหตุผลของการเลื่อนระดับ

(1) สอดคล้องกับเงื่อนไขการจ้าง

(2) เป็นไปตามเงื่อนไขการรับทุน

(3) เพื่อวางแผนพัฒนาเส้นทางอาชีพ

(4) เพื่อผลสัมฤทธิ์ขององค์การ

(5) เพื่อให้หน่วยงานได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่ม

ตอบ 5 หน้า 265 – 266, (คําบรรยาย) เหตุผลของการเลื่อนระดับตําแหน่ง มีดังนี้
1 สอดคล้องกับเงื่อนไขการจ้าง
2 เป็นไปตามเงื่อนไขการรับทุนการศึกษา
3 เพื่อวางแผนพัฒนาเส้นทางอาชีพ
4 เพื่อผลสัมฤทธิ์ขององค์การ
5 มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ฯลฯ

80. ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับระบบไตรภาคี

(1) นายจ้าง

(2) ลูกจ้าง

(3) รัฐบาล

(4) NGO

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 279 ระบบไตรภาคี ประกอบด้วยตัวแทน 3 ฝ่าย คือ รัฐบาล นายจ้าง และลูกจ้าง โดยระบบไตรภาคีจะเป็นกลไกให้ตัวแทนสามฝ่ายในการพิจารณาเกี่ยวกับผลประโยชน์ร่วมกัน ทําให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันและกันในด้านต่าง ๆ เช่น การปรึกษาหารือ การเจรจาต่อรอง การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การตัดสินใจต่าง ๆ ร่วมกัน

ตั้งแต่ข้อ 81 – 85. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม

(1) หลักการจ่ายค่าตอบแทนตามปริมาณงาน

(2) หลักการจ้างงานตลอดชีพ

(3) หลักการตอบสนองความต้องการ 5 ขั้น

(4) หลักมนุษยสัมพันธ์

(5) หลักการบริหารของผู้บริหาร 14 ประการ

81. ข้อใดจัดเป็นการบริหารงานบุคคลที่สอดคล้องกับหลักการของ Frederick W. Taylor

ตอบ 1 หน้า 39 – 40 Frederick W. Taylor ได้เสนอหลักการจ่ายค่าตอบแทนตามปริมาณงาน หรือแบบรายชิ้น เพราะเชื่อว่าเป็นวิธีจูงใจคนทํางานได้ดีที่สุด เพราะคนงานชอบเงินที่มากขึ้น ขณะเดียวกันนายจ้างก็ได้ผลผลิตมากขึ้นไปด้วย

82. ข้อใดจัดเป็นการบริหารงานบุคคลที่สอดคล้องกับหลักการของ Max Weber

ตอบ 2 (คําบรรยาย) Max Weber ได้เสนอทฤษฎีระบบราชการ (Bureaucracy) ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1 การมีแบบฟอร์มที่เป็นระเบียบเดียวกัน
2 การมีเครื่องหมาย เครื่องแบบ หรือสีสัญลักษณ์ขององค์การ
3 การจําแนกตําแหน่งตามชั้นยศทางวิชาการ
4 การยึดกฎหมาย กฎระเบียบ วินัย และข้อบังคับในการปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด
5. การมีลําดับชั้นการบังคับบัญชา ลําดับชั้นยศ และลําดับความรับผิดชอบ
6 การยึดหลักการจ้างงานตลอดชีพ โดยให้การรับราชการเป็นอาชีพที่มั่นคง มีผลตอบแทน ด้านการเงินแน่นอน เมื่อปลดเกษียณแล้วก็จะได้รับบําเหน็จหรือบํานาญ ฯลฯ

83 ข้อใดจัดเป็นการบริหารงานบุคคลที่สอดคล้องกับหลักการของ Henri Fayol
ตอบ 5 (คำบรรยาย) Henri Fayol เสนอหลักการบริหารของผู้บริหาร 14 ประการ ประกอบด้วย
1 การแบ่งงานกันทำ
2 อำนาจและความรับผิดชอบ
3 ความมีวินัย
4 เอกภาพของการบังคับบัญชา
5 เอกภาพของการอำนวยการ
6 การให้รางวัลตอบแทนแก่บุคลากร
7 ความมั่นคงของคนทำงาน
8 ความรัก/ความสามัคคีของหมู่คณะ ฯลฯ

84 ข้อใดจัดเป็นการบริหารงานบุคคลที่สอดคล้องกับหลักการของ Elton Mayo
ตอบ 4 (คำบรรยาย) George Elton Mayo เป็นบิดาของการบริหารงานแบบมนุษยสัมพันธ์ ได้เสนอ หลักการบริหารภายใต้ปทัสถานกลุ่ม โดยเห็นว่ากลุ่มนั้นเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการกำหนด ปริมาณผลผลิตของคนงานในองค์การ ไม่ใช่ปัจจัยด้านกายภาพและพฤติกรรมของคนงาน

85 ข้อใดจัดเป็นการบริหารงานบุคคลที่สอดคล้องกับหลักการของ Abraham H. Maslow
ตอบ 3 หน้า 46 – 47, (คำบรรยาย) Abraham H. Maslow ได้เสนอหลักการตอบสนองความ ต้องการ 5 ขั้น โดยเห็นว่า ความต้องการของบุคคลจะเรียงเป็นลำดับขั้นตอนตามความสำคัญ เมื่อความต้องการระดับต่ำได้รับการตอบสนองแล้ว บุคคลจะให้ความสนใจกับความต้องการ ระดับสูงต่อไป ซึ่งความต้องการของบุคคลมี 5 ขั้น ดังนี้
1 ความต้องการทางกายภาพ
2 ความต้องการความมั่นคงปลอดภัย
3 ความต้องการความรักหรือทางสังคม
4 ความต้องการยกย่องหรือยอมรับ
5 ความต้องการความสำเร็จด้วยตนเอง

ตั้งแต่ข้อ 86. – 90. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) ความต้องการทางกายภาพ (Basic Physiological Needs)

(2) ความต้องการความมั่นคงปลอดภัย (Security Needs)

(3) ความต้องการทางสังคม (Social Needs)

(4) ความต้องการการยอมรับ (Esteem Needs)

(5) ความต้องการประจักษ์ตน (Self-Actualization Needs)

86 ข้าราชการได้รับรางวัลครุฑทองคำ
ตอบ 4 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 150), (คำบรรยาย) ความต้องการการยกย่องหรือยอมรับ (Esteem Needs) เป็นความต้องการให้คนอื่นยกย่อง ให้เกียรติ และเห็นความสำคัญ เช่น การได้รับการสนับสนุนให้เป็นหัวหน้าห้องจากเพื่อน ๆ การได้รับรางวัลครุฑทองคำ เป็นต้น

87 หลังจากที่นายเศรษฐีประสบความสำเร็จในทางธุรกิจแล้วก็เสนอตัวเข้ารับการเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 150), (คำบรรยาย) ความต้องการความสำเร็จด้วยตนเองหรือ ความต้องการประจักษ์ตน (Self-Actualization Needs) เป็นความต้องการทำในสิ่งที่ตนสามารถ จะทำได้ เป็นการสนองต่อความพอใจของตนเอง ความต้องการนี้เพื่อกระทำในสิ่งที่เหมาะสม กับตนเองของมนุษย์แต่ละคนและเป็นความต้องการเพื่อการบรรลุสมความปรารถนาของตนเอง ให้ตนเองได้กระทำในสิ่งที่ตนเองมีศักยภาพพอที่จะทำได้ เช่น หลังจากที่นายเศรษฐีประสบ ความสำเร็จในทางธุรกิจแล้วก็เสนอตัวเข้ารับการเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ฯลฯ

88 มหาวิทยาลัยรามคําแหงมีการจ่ายเงินค่าล่วงเวลาให้กับบุคลากร

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 150), (คําบรรยาย) ความต้องการทางกายภาพ (Basic Physiological Needs) เป็นความต้องการขั้นพื้นฐานเพื่อความมีชีวิตอยู่รอด เช่น ความต้องการ อาหาร น้ำ อากาศ อุณหภูมิที่เหมาะสม การพักผ่อน ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค เงิน เป็นต้น

89 บุคลากรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จัดตั้งชมรมราศีสิงห์เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคลากร ที่เกิดในราศีเดียวกัน

ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 150), (คําบรรยาย) ความต้องการความรักหรือความต้องการ ทางสังคม (Love Needs หรือ Social Needs) เป็นความต้องการได้รับความรักและมีส่วนร่วม ในการเข้าหมู่เข้าพวก เช่น บุคลากรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จัดตั้งชมรมราศีสิงห์เพื่อ สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคลากรที่เกิดในราศีเดียวกัน เป็นต้น

90 พนักงานบริษัทส่งอาหารทุกคนจะได้รับกรมธรรม์ประกันชีวิต

ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 150), (คําบรรยาย) ความต้องการความมั่นคงปลอดภัย (Security Needs) เป็นความต้องการความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และมีความมั่นคง ในการดํารงอยู่ เช่น การไม่ถูกไล่ออกจากงาน การได้รับกรมธรรม์ประกันชีวิต เป็นต้น

91 การฝึกอบรม หมายถึงข้อใด

(1) วิธีในการเพิ่มสมรรถภาพในการทํางาน

(2) วิธีสร้างแรงจูงใจในการทํางาน

(3) วิธีการลดขั้นตอนการทํางาน

(4) วิธีการรักษาบุคลากร

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 120) การฝึกอบรม คือ กรรมวิธีในการเพิ่มสมรรถภาพ ในการทํางานทั้งในด้านความคิด การกระทํา ความสามารถ ความรู้ ความชํานาญ และ การแสดงออก

92 ข้อใดไม่ใช่วัตถุประสงค์ของแรงงานสัมพันธ์

(1) ส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง

(2) ระงับข้อพิพาท

(3) ป้องกันไม่ให้เกิดการกระทําที่ไม่เป็นธรรม

(4) เพื่อสร้างความได้เปรียบแก่ลูกจ้าง

(5) เพื่อรักษาความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจและสังคม

ตอบ 4 หน้า 283 – 284 วัตถุประสงค์ของแรงงานสัมพันธ์ มีดังนี้
1 การระงับข้อพิพาท
2 การรักษาความเป็นธรรมในด้านสังคมและเศรษฐกิจ
3 การส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง
4 การให้ความคุ้มครองแก่นายจ้างและลูกจ้าง และป้องกันไม่ให้เกิดการกระทําที่ไม่เป็นธรรม

93 ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับองค์การที่ไม่มีสหภาพแรงงาน

(1) พนักงานจะถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้าง

(2) มีกลไกการเจรจาต่อรองระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง

(3) ใช้การสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน

(4) จะไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 284, 290, (คําบรรยาย) ในองค์การที่ไม่มีสหภาพแรงงานและลูกจ้างทั่วไปก็ไม่ได้สนใจ กลไกการเจรจาต่อรองตามกฎหมายแรงงานสัมพันธ์ และนายจ้างก็ไม่ได้พึงปรารถนาให้ลูกจ้าง จัดตั้งสหภาพแรงงาน กระบวนการสร้างความสัมพันธ์ ความร่วมมือระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างนั้น
จะใช้การสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน

94. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับแรงงานสัมพันธ์แบบทวิภาคี

(1) เป็นความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงานด้วยกันเอง

(2) เป็นความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างด้วยกันเอง

(3) เป็นความสัมพันธ์ระหว่างลูกจ้างกับที่ปรึกษากฎหมาย

(4) เป็นความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับรัฐ

(5) เป็นความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง

ตอบ 5 หน้า 286, (คำบรรยาย) แรงงานสัมพันธ์แบบทวิภาคี เป็นความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง โดยไม่มีคนกลางเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งแตกต่างต่างจากแรงงานสัมพันธ์แบบไตรภาคี ซึ่งจะมีคนกลางหรือรัฐบาลเข้ามามีบทบาทในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง

95. ข้อใดเป็นกรณีที่สามารถเกิดขึ้นได้หากเกิดข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้

(1) ลูกจ้างนัดหยุดงาน

(2) นายจ้างปิดงาน

(3) ลูกจ้างถูกให้ออก

(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก

(5) ข้อ 2 และ 3 ถูก

ตอบ 4 หน้า 299 หากเกิดข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้ นายจ้างและลูกจ้างอาจดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด ดังนี้ 1. ตกลงกันทั้งผู้ชี้ขาดข้อพิพาทแรงงานโดยสมัครใจ 2. นายจ้าง ปิดงาน 3. ลูกจ้างนัดหยุดงาน ทั้งนี้นายจ้างจะปิดงานหรือลูกจ้างจะนัดหยุดงานได้ก็ต่อเมื่อ ต้องมีหนังสือแจ้งเจ้าหน้าที่และอีกฝ่ายหนึ่งทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง

96. ข้อใดต่อไปนี้กล่าวได้ถูกต้อง

(1) หากนายจ้างจะปิดงานจะต้องทำหนังสือแจ้งให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง

(2) หากลูกจ้างจะนัดหยุดงานต้องมีหนังสือแจ้งให้นายจ้างทราบอย่างน้อย 48 ชั่วโมง

(3) การปิดงานจะต้องทำหนังสือแจ้งให้กระทรวงแรงงานทราบไม่น้อยกว่า 3 วัน

(4) ถูกทุกข้อ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 95. ประกอบ

97. กิจการใดต่อไปนี้ห้ามไม่ให้นายจ้างปิดงาน และห้ามลูกจ้างนัดหยุดงาน

(1) การรถไฟ

(2) งานประกันชีวิต

(3) สถาบันการศึกษา

(4) ร้านอาหาร

(5) ห้างสรรพสินค้า

ตอบ 1 หน้า 299, (คำบรรยาย) กิจการที่ห้ามไม่ให้นายจ้างปิดงาน และห้ามลูกจ้างนัดหยุดงาน ได้แก่ การรถไฟ ท่าเรือ ไฟฟ้า ประปา โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล การกลั่นหรือจำหน่ายน้ำมันหรือไฟฟ้า เป็นต้น

98. ข้อใดจัดเป็นสหภาพแรงงานอุตสาหกรรม

(1) สหภาพแรงงานบริษัทเทสล่า

(2) สหภาพแรงงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิต

(3) สหภาพแรงงานการบินไทย

(4) สหภาพแรงงานข้าราชการกระทรวงอุตสาหกรรม

(5) สหภาพแรงงานอุตสาหกรรมรถยนต์แห่งประเทศไทย

ตอบ 5 หน้า 294 – 295, (คำบรรยาย) สหภาพแรงงานอุตสาหกรรม (Industrial Union) คือ สหภาพที่ลูกจ้างซึ่งทำงานในอุตสาหกรรมเดียวกันไม่ว่าจะทำงานประเภทใด หรือเป็นลูกจ้าง ฯ ของบริษัทใด ๆ ร่วมกันจัดตั้งขึ้น เช่น สหภาพแรงงานอุตสาหกรรมกระดาษ สหภาพแรงงานอุตสาหกรรมรถยนต์แห่งประเทศไทย เป็นต้น

99 ข้อใดคือความหมายของ “ระบบทรราชในโรงงาน” (Factory Despotism)

(1) ลูกจ้างลุกขึ้นจับอาวุธสู้กับนายจ้างที่เอารัดเอาเปรียบ

(2) ระบบที่นายจ้างมีอำนาจสูงสุด และลูกจ้างไม่มีทางเลือกใด ๆ ต้องจำยอมถูกกดขี่

(3) นายจ้างประกาศเลิกจ้างพนักงานที่เข้าเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน

(4) ระบบการจ่ายค่าตอบแทนที่ไม่เป็นไปตามประกาศค่าแรงขั้นต่ำ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 2 หน้า 276, (คำบรรยาย) ระบบทรราชในโรงงาน (Factory Despotism) คือ ระบบที่นายจ้างมีอำนาจสูงสุด และลูกจ้างไม่มีทางเลือกใด ๆ ต้องจำยอมถูกกดขี่ ดังที่ Friedrich Engles ได้กล่าวว่า “ระบบทรราชในโรงงาน คือ ระบบที่ชีวิตของคนงาน ลูกจ้างต้องรับต่อนกหวีดหรือสัญญาณเริ่มทำงานของนายจ้างตลอดเวลา…. ในโรงงานแต่ละแห่งเจ้าของโรงงานมีสถานะเป็นผู้บัญญัติกฎหมายที่มีอำนาจสูงสุดโดยเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียว เขาสามารถออกกฎเกณฑ์ต่าง ๆ มาบังคับลูกจ้างได้ตามอำเภอใจของเขา… แม้ว่านายจ้างจะออกกฎเกณฑ์ในการทำงานที่แสนจะพิลึกที่สุด ศาลก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากจะบอกแก่ลูกจ้างว่าในเมื่อลูกจ้างได้ตกลงทำสัญญายอมเป็นลูกจ้างด้วยความสมัครใจของลูกจ้างเองแล้ว ลูกจ้างก็มีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตามสัญญา ลูกจ้างเหล่านี้จึงมีสภาพไม่ต่างไปจากการถูกพิพากษาลงโทษตลอดชีวิตแล้วถูกนายจ้างทำโทษจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตลูกจ้าง”

100 ผู้ใดมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้เกิดการคุ้มครองแรงงานในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม

(1) Robert Owen

(2) Frederick W. Taylor

(3) Gordon Brown

(4) Max Weber

(5) John Wick
ตอบ 1 หน้า 277, (คำบรรยาย) โรเบิร์ต โอเวน (Robert Owen) เป็นนายจ้างคนแรกที่ให้ความสำคัญต่อผู้ใช้แรงงานโดยการเสนอแนวคิดว่า ในขณะที่นายจ้างใช้เงินทุนเป็นจำนวนมากเพื่อซื้อ รักษาเครื่องจักรและโรงงาน ก็ควรจะให้ความสนใจต่อการพัฒนาปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงานของผู้ใช้แรงงานให้เหมาะสม หรือให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพของผู้ใช้แรงงาน ซึ่งแนวคิดนี้ได้มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้มีการออกกฎหมายมาคุ้มครองผู้ใช้แรงงานในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม

POL2303 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในภาครัฐ s/2565

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2565

ข้อสอบกระบวนวิชา POL 2303 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในภาครัฐ

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว

ตั้งแต่ข้อ 1. – 9. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) การสัมภาษณ์เบื้องต้น

(2) การให้กรอกใบสมัคร

(3) การทดสอบ

(4) การตรวจสอบคุณสมบัติพื้นฐาน

(5) การตรวจร่างกาย

1 จุดเริ่มต้นของกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคลากรคือข้อใด
ตอบ 1 หน้า 128 – 129, (คำบรรยาย) การสัมภาษณ์เบื้องต้น (Preliminary Interview) ถือเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคลากร การสัมภาษณ์เบื้องต้นนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นเพื่อดูความเหมาะสมของผู้สมัครงาน ซึ่งเป็นวิธีการที่นิยมมากที่สุดในการคัดเลือกบุคคลเข้าทำงาน โดยวิธีการนี้จะช่วยให้เห็นว่าบุคคลนั้นมีคุณสมบัติตรงตามความต้องการขององค์การหรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้ไม่เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการที่จะรับคนที่ขาดคุณสมบัติหรือมีคุณสมบัติไม่เหมาะสมเข้ามาตั้งแต่ต้น ทั้งนี้การสัมภาษณ์จะกระทำสำเร็จได้ต้องใช้ความเป็นศิลปะมากกว่าความเป็นศาสตร์

2 ขั้นตอนใดเป็นการทดสอบ I.Q. ของผู้สมัคร
ตอบ 3 หน้า 128 – 130, (คำบรรยาย) การทดสอบ (Employment Test) เป็นเครื่องมือในการประเมินเพื่อตรวจสอบความรู้ความสามารถและพฤติกรรมของผู้สมัครหรือพนักงานว่าตรงกับลักษณะงานหรือไม่ เช่น การทดสอบความถนัด ทักษะ สติปัญญา (I.Q.) การปรับตัวเข้ากับผู้อื่น (E.C.) เป็นต้น

3 การคัดเลือกในข้อใดเป็นวิธีการที่เป็นที่นิยมมากที่สุด
ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 1. ประกอบ

4 ข้อใดจัดเป็นขั้นตอนสุดท้ายในกระบวนการคัดเลือก
ตอบ 5 หน้า 128, 131, (คำบรรยาย) การตรวจร่างกาย (Physical Check/Examination) เป็นขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการคัดเลือกและสมควรทำเมื่อทราบชัดเจนว่าจะมีการจ้างอย่างแน่นอน ทั้งนี้ก็เพื่อปฏิเสธบุคคลที่มีร่างกายไม่เหมาะสมกับงาน และเพื่อป้องกันการรับบุคคลที่มีโรคติดต่อต้องห้ามเข้ามาทำงานด้วย

5 ข้อใดเป็นขั้นตอนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อปฏิเสธบุคคลที่มีร่างกายไม่เหมาะสมกับงาน
ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 4. ประกอบ

6 ข้อใดเป็นขั้นตอนที่ตรวจสอบประวัติของผู้สมัครที่กรอกไว้ในใบสมัคร
ตอบ 4 หน้า 128 – 129 การตรวจสอบคุณสมบัติพื้นฐาน (Background Investigation) เป็นขั้นตอนตรวจสอบประวัติของผู้สมัครที่กรอกไว้ในใบสมัคร ซึ่งจะช่วยให้ทราบว่าการทำงานต่างๆ ที่แล้วมา หรือข้อมูลต่างๆ ของผู้สมัครที่ได้กรอกไว้ในใบสมัคร ตลอดจนสิ่งที่ได้รับฟังจากการสัมภาษณ์ถูกต้องหรือไม่

7. ข้อใดเป็นการประเมินเพื่อตรวจสอบความสามารถของพนักงานว่าตรงกับลักษณะงานหรือไม่

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 2. ประกอบ

8 Employment Test หมายถึงข้อใด

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 2. ประกอบ

9 การคัดเลือกในขั้นตอนใดจะกระทำสำเร็จต้องใช้ความเป็นศิลปะมากกว่าศาสตร์

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 1. ประกอบ

ตั้งแต่ข้อ 10. – 13. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม
(1) หลักการจ่ายค่าตอบแทนแบบรายชิ้น
(2) หลักการจ้างงานตลอดชีพ
(3) หลักการตอบสนองความต้องการ 5 ขั้น
(4) หลักการบริหารภายใต้ปทัสถานกลุ่ม
(5) หลักการบริหารของผู้บริหาร 14 ประการ

10 ข้อใดจัดเป็นข้อเสนอในการบริหารงานบุคคลของ Henri Fayol

ตอบ 5 (คำบรรยาย) Henri Fayol เสนอหลักการบริหารของผู้บริหาร 14 ประการ ประกอบด้วย 1. การแบ่งงานกันทำ 2. อำนาจและความรับผิดชอบ 3. ความมีวินัย 4. เอกภาพของการบังคับบัญชา 5. เอกภาพของการอำนวยการ 6. การให้รางวัลตอบแทนแก่บุคลากร 7. ความมั่นคงของคนทำงาน 8. ความรัก/ความสามัคคีของหมู่คณะ ฯลฯ

11. ข้อใดจัดเป็นข้อเสนอในการบริหารงานบุคคลของ George Elton Mayo

ตอบ 4 (คำบรรยาย) George Elton Mayo ได้เสนอหลักการบริหารภายใต้ปทัสถานกลุ่ม โดยเห็นว่า กลุ่มนั้นเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการกำหนดปริมาณผลผลิตของคนงานในองค์การ ไม่ใช่ปัจจัยด้านกายภาพและพฤติกรรมของคนงาน

12. ข้อใดจัดเป็นข้อเสนอในการบริหารงานบุคคลของ A.H. Maslow

ตอบ 3 หน้า 46 – 47, (คำบรรยาย) A.H. Maslow ได้เสนอหลักการตอบสนองความต้องการ 5 ขั้น โดยเห็นว่า ความต้องการของบุคคลจะเรียงเป็นลำดับขั้นตอนตามความสำคัญ เมื่อความต้องการระดับต่ำได้รับการตอบสนองแล้ว บุคคลจะให้ความสนใจกับความต้องการระดับสูงต่อไป ซึ่งความต้องการของบุคคลมี 5 ขั้น ดังนี้ 1. ความต้องการทางกายภาพ 2. ความต้องการความมั่นคงปลอดภัย 3. ความต้องการความรัก 4. ความต้องการยกย่อง 5. ความต้องการความสำเร็จด้วยตนเอง

13. ข้อใดคือหลักการในการจูงใจคนงานของ Frederick Winslow Taylor

ตอบ 1 หน้า 39 – 40 Frederick Winslow Taylor ได้เสนอหลักการจ่ายค่าตอบแทนแบบรายชิ้น เพราะเชื่อว่าเป็นวิธีจูงใจคนทำงานได้ดีที่สุด เพราะคนงานชอบเงินที่มากขึ้น ขณะเดียวกัน นายจ้างก็ได้ผลผลิตมากขึ้นไปด้วย

ตั้งแต่ข้อ 14. – 17. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม
(1) ความต้องการทางกายภาพ
(2) ความต้องการความรัก
(3) ความต้องการความมั่นคงปลอดภัย
(4) ความต้องการยกย่อง
(5) ความต้องการความสำเร็จด้วยตนเอง

14 การที่แดงขยันมาทํางานเช้าทุกวัน ส่งผลให้แดงได้รับการขึ้นเงินเดือน

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 150) ความต้องการทางกายภาพ เป็นความต้องการขั้นพื้นฐาน เพื่อความมีชีวิตอยู่รอด เช่น ความต้องการอาหาร น้ํา อากาศ อุณหภูมิที่เหมาะสม การพักผ่อน ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค เงิน เป็นต้น

15 ดําได้รับการสนับสนุนให้เป็นหัวหน้าห้องจากเพื่อน

ตอบ 4 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 150) ความต้องการยกย่อง เป็นความต้องการให้คนอื่น ยกย่อง ให้เกียรติ และเห็นความสําคัญ เช่น ดําได้รับการสนับสนุนให้เป็นหัวหน้าห้อง จากเพื่อน ๆ เป็นต้น

16 แม้จะไม่ได้รับโบนัสในปีนี้แต่พนักงานทุกคนก็ดีใจที่ไม่มีการปลดใครออก

ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 150), (คําบรรยาย) ความต้องการความมั่นคงปลอดภัย เป็นความต้องการความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และมีความมั่นคงในการดํารงอยู่ เช่น การไม่ถูกไล่ออกจากงาน เป็นต้น

17 รุ่งรู้สึกดีใจที่ความพยายามตั้งใจเรียนส่งผลให้สําเร็จการศึกษาตามที่วางไว้

ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 150), (คําบรรยาย) ความต้องการความสําเร็จด้วยตนเอง เป็นความต้องการทําในสิ่งที่ตนสามารถจะทําได้ เป็นการสนองต่อความพอใจของตนเอง ความต้องการนี้เพื่อกระทําในสิ่งที่เหมาะสมกับตนเองของมนุษย์แต่ละคนและเป็นความต้องการ เพื่อการบรรลุสมความปรารถนาของตนเอง ให้ตนเองได้กระทําในสิ่งที่ตนเองมีศักยภาพพอที่จะทําได้ เช่น รุ่งรู้สึกดีใจที่ความพยายามตั้งใจเรียนส่งผลให้สําเร็จการศึกษาตามที่วางไว้ เป็นต้น

18 การฝึกอบรม หมายถึงข้อใด

(1) กรรมวิธีในการเพิ่มสมรรถภาพในการทํางาน

(2) กรรมวิธีในการส่งเสริมและสร้างแรงจูงใจในการทํางาน

(3) กรรมวิธีการลดขั้นตอนการทํางาน

(4) กรรมวิธีการรักษา บุคลากร

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 120) การฝึกอบรม คือ กรรมวิธีในการเพิ่มสมรรถภาพ ในการทํางานทั้งในด้านความคิด การกระทํา ความสามารถ ความรู้ ความชํานาญ และ การแสดงออก

ตั้งแต่ข้อ 19 – 27. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม

(1) การฝึกอบรมแบบฝึกปฏิบัติงานจริง

(2) การฝึกอบรมแบบปฐมนิเทศ

(3) การฝึกอบรมแบบช่างฝึกหัด

(4) การฝึกอบรมแบบจําลอง

(5) การฝึกอบรมแบบกรณีศึกษา

19 “On-the-Job Training” หมายถึงข้อใด

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 126 – 127), (คําบรรยาย) การฝึกอบรมแบบฝึกปฏิบัติงานจริง (On-the-Job Training) เป็นการฝึกอบรมที่ให้พนักงานได้สัมผัสกับสิ่งที่ใช้ในการทํางานจริง ซึ่ง เป็นวิธีที่นิยมใช้แพร่หลายในทุกวงการธุรกิจอุตสาหกรรม เป็นวิธีการฝึกอบรมที่ก่อให้เกิดความ คุ้นเคยกับอุปกรณ์เครื่องมือ สถานที่ บรรยากาศ รวมทั้งสภาพสิ่งแวดล้อมในการประกอบอาชีพ โดยตรง ซึ่งโดยทั่วไปมักใช้สําหรับดําเนินการให้ลูกจ้างใหม่มีประสบการณ์การทํางานเหมือนกับ ลูกจ้างเก่า หรือฝึกอบรมซูเปอร์ไวเซอร์ให้มีประสบการณ์ไปทําหน้าที่นิเทศพนักงานได้เป็นอย่างดี

20. “Apprenticeship Training” หมายถึงข้อใด

ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 139 – 140), (คำบรรยาย) การฝึกอบรมแบบช่างฝึกหัด (Apprenticeship Training) เป็นวิธีการที่มุ่งให้ผู้เข้าฝึกอบรมได้รับความรู้และทักษะทางด้านช่างฝีมือในสาขาวิชาชีพต่าง ๆ จนกระทั่งมีฝีมือสามารถออกไปประกอบอาชีพได้อย่างแท้จริง ซึ่งมีอยู่ 2 วิธี คือ 1. สมัครเป็นลูกมือช่างที่ตนสนใจ 2. สมัครเป็นช่างฝึกหัดโครงการช่างฝึกหัดทวิภาคีระหว่างสถาบันการศึกษากับสถานประกอบการ

21. “Orientation Training” หมายถึงข้อใด

ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 127 – 128) การฝึกอบรมแบบปฐมนิเทศ (Orientation Training) เป็นวิธีการที่มีความเหมาะสมและนิยมใช้กับพนักงานที่เข้าทำงานใหม่ โดยเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อแนะนำให้พนักงานใหม่ได้รับความรู้ ข้อมูลและสารสนเทศต่าง ๆ เกี่ยวกับองค์การ หรือสถานที่ทำงาน เช่น ประวัติขององค์การ ผู้บริหารและระบบการบริหารงาน ความก้าวหน้าในงาน เงื่อนไขการจ้างงาน ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อเป็นการขจัดข้อสงสัยและความกังวลใจของพนักงานใหม่ให้หมดไป ตลอดจนช่วยให้พนักงานใหม่สามารถปรับตัวเข้ากับองค์การได้ง่ายและเร็วขึ้น

22. “Case Study Training” หมายถึงข้อใด

ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 142) การฝึกอบรมแบบกรณีศึกษา (Case Study Training) เป็นวิธีการที่มีการกำหนดรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในองค์การ และให้ผู้เข้าฝึกอบรมทำการศึกษารายละเอียดของข้อมูลที่เกิดขึ้นทั้งหมดในกรณีศึกษา พร้อมกับกำหนดปัญหาและนำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา ถือเป็นวิธีการที่มุ่งเน้นให้เกิดการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งเหมาะสำหรับการฝึกอบรมผู้บริหาร

23. การฝึกอบรมในข้อใดเน้นการฝึกอบรมความรู้ ทักษะในด้านฝีมือ

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 20. ประกอบ

24. การฝึกอบรมในข้อใดใช้กับพนักงานที่เข้าทำงานใหม่

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 21. ประกอบ

25. การฝึกอบรมในข้อใดเป็นที่นิยมแพร่หลายมากที่สุด

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 19. ประกอบ

26. การฝึกอบรมในข้อใดให้พนักงานได้สัมผัสกับสิ่งที่ใช้ในการทำงานจริง

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 19. ประกอบ

27. การฝึกอบรมในข้อใดมุ่งเน้นให้เกิดการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้

ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 22. ประกอบ

ตั้งแต่ข้อ 28 – 37. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) คำบรรยายลักษณะงาน (Job Description)

(2) การออกแบบงาน (Job Design)

(3) การประเมินค่างาน (Job Evaluation)

(4) การกำหนดคุณสมบัติเฉพาะของผู้ปฏิบัติงาน (Job Specification)

(5) การวิเคราะห์งาน (Job Analysis)

28 จ่ายเท่ากันสําหรับงานที่เท่ากัน (Equal Work for Equal Pay)

ตอบ 3 หน้า 96, 142, (คําบรรยาย) การประเมินค่างาน (Job Evaluation) คือ กระบวนการที่ทําขึ้น เพื่อเปรียบเทียบค่าของงานต่าง ๆ ในองค์การ เพื่อนํามาใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการกําหนด เงินเดือนหรือค่าตอบแทนที่ยุติธรรมกับงานตามหลักการที่ว่า “จ่ายเท่ากันสําหรับงานที่เท่ากัน” (Equal Work for Equal Pay) ซึ่งวิธีนี้จะทําให้เกิดความยุติธรรมภายใน (Internal Equity) ในการกําหนดเงินเดือนหรือค่าตอบแทนให้แก่บุคลากรทุกคนที่อยู่ภายในองค์การเดียวกัน

29 สามารถลดความเมื่อยล้า และลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุในการทํางาน

ตอบ 2 หน้า 96 การออกแบบงาน (Job Design) ที่ดีนั้น จะทําให้บุคคลทํางานได้อย่างเต็มความสามารถ รวมทั้งสามารถลดความเมื่อยล้า และลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุในการทํางานให้น้อยลงได้อีกด้วย

30 เอาไปใช้ออกแบบงาน (Job Design)

ตอบ 5 หน้า 95 – 97 ข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์งาน (Job Analysis) สามารถนําไปใช้ประโยชน์ ในด้านต่าง ๆ ได้หลายลักษณะ เช่น การวางแผนทรัพยากรมนุษย์ การสรรหาและคัดเลือกบุคคล การฝึกอบรมและพัฒนาบุคคล การประเมินผลการทํางาน การประเมินค่างาน การกําหนด ค่าตอบแทน การส่งเสริมความปลอดภัยในการทํางาน การออกแบบงาน (Job Design) เป็นต้น

31 ข้อมูลที่ต้องใช้ทําคือ กิจกรรมของงาน พฤติกรรมของบุคคล เครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์ มาตรฐาน การปฏิบัติงาน และเนื้อหาของงาน

ตอบ 5 หน้า 88 ข้อมูลที่ต้องใช้ในการวิเคราะห์งาน (Job Analysis) มีดังนี้
1 กิจกรรมของงาน
2 พฤติกรรมของบุคคล
3 เครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์ เทคโนโลยี และเครื่องช่วยสนับสนุนการทํางาน
4 มาตรฐานการปฏิบัติงาน
5 เนื้อหาของงาน
6 ความต้องการบุคลากร
7 สภาพแวดล้อม

32 ความยุติธรรมภายใน (Internal Equity) เกิดจาก

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 28. ประกอบ

33 ได้ข้อมูลมาจากความรู้ ทักษะ และความสามารถ

ตอบ 4 หน้า 87, 90, (คําบรรยาย) การกําหนดคุณสมบัติเฉพาะของผู้ปฏิบัติงาน (Job Specification) เป็นการกําหนดรายละเอียดของคุณสมบัติเฉพาะของพนักงานซึ่งใช้ในการทํางานเฉพาะอย่าง เพื่อให้งานประสบความสําเร็จ เช่น วุฒิการศึกษา ประสบการณ์ ความชํานาญ เพศ อายุ ส่วนสูง น้ําหนัก เป็นต้น ซึ่งข้อมูลที่นํามาใช้ในการกําหนดคุณสมบัติเฉพาะของผู้ปฏิบัติงานนี้จะพิจารณา จากความรู้ (Knowledge) ทักษะ (Skill) และความสามารถ (Abilities)

34 การอธิบายรายละเอียดของงานว่ามีหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างไรบ้าง หน้าที่งานหลัก หน้าที่งานรอง

ตอบ 1 หน้า 87, เอกสารประกอบการสอน หน้า 12 – 13) คําบรรยายลักษณะงาน (Job Description) เป็นการอธิบายรายละเอียดของงานว่ามีหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างไรบ้าง โดยระบุชื่อตําแหน่งงาน คําสรุปเกี่ยวกับงาน หน้าที่งานหลัก หน้าที่งานรอง และความสัมพันธ์กับงานอื่น ๆ ซึ่งข้อมูล ในคําบรรยายลักษณะงานนี้จะพิจารณาจากงาน (Task) ความรับผิดชอบ (Responsibilities) และหน้าที่ Duties

35 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลในข้อใดที่ใช้ในการกําหนดฐานเงินเดือน

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 28. ประกอบ

36 การระบุในส่วนของอายุ ส่วนสูง และน้ำหนัก แสดงถึงข้อใด
ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 33. ประกอบ

37 การระบุถึงรายละเอียดของเนื้องาน และภารกิจที่ต้องรับผิดชอบ แสดงถึงคุณสมบัติใด
ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 34. ประกอบ

ตั้งแต่ข้อ 38 – 47. เป็นปรากฏการณ์ที่อธิบายถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามหลักคิดเรื่องใด

ในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551

(1) หลักการเสริมประสิทธิภาพ

(2) หลักพิทักษ์คุณธรรม

(3) หลักระบบค่าตอบแทน

(4) หลักจริยธรรมและวินัย

(5) การกระจายอำนาจ

38 กองทัพบกมีนโยบายตรวจสอบโครงการบ้านสวัสดิการของทหาร
ตอบ 3 (คำบรรยาย) ค่าตอบแทน คือ สิ่งที่ภาครัฐจ่ายตอบแทนให้แก่บุคลากรเพื่อเป็นการตอบแทน การปฏิบัติงานตามภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งโดยทั่วไปมักจะหมายถึงเงินเดือนหรือ ค่าจ้าง รวมถึงสวัสดิการและประโยชน์เกื้อกูลต่าง ๆ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าเล่าเรียนบุตร บ้านพักสวัสดิการ รถประจำตำแหน่ง บำเหน็จบำนาญ เป็นต้น

39 การประชุมพิจารณา พ.ร.บ. งบประมาณของรัฐสภาเพื่อเป็นไปตามหลักการใด
ตอบ 5 (คำบรรยาย) กรณีดังกล่าวเป็นการกระจายอำนาจให้รัฐสภามีอำนาจในการพิจารณา อนุมัติงบประมาณซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนการงบประมาณในระบอบประชาธิปไตย ที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าฝ่ายบริหารหรือรัฐบาลไม่มีอำนาจในการนำเงินสาธารณะไปใช้จ่าย หากไม่ได้รับความยินยอมเห็นชอบจากฝ่ายนิติบัญญัติหรือรัฐสภาในฐานะผู้แทนของประชาชน ซึ่งเป็นเจ้าของเงินที่แท้จริง

40 การตรวจสอบพฤติกรรมของ ส.ส. ที่มีการเสียบบัตรแทนกันสะท้อนปัญหาใด
ตอบ 4 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 207), (คำบรรยาย)
หลักจริยธรรมและวินัยตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีดังนี้
1 กำหนดสิ่งที่ข้าราชการต้องปฏิบัติและข้อห้ามการปฏิบัติออกจากกันเป็นคนละส่วนอย่างชัดเจน
2 กำหนดให้ส่วนราชการแต่ละแห่งเป็นผู้กำหนดข้อบังคับว่าด้วยจรรยาข้าราชการเพื่อใช้บังคับ เฉพาะข้าราชการในสังกัดส่วนราชการนั้นเท่านั้น
3 กำหนดให้ข้าราชการบางตำแหน่งต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินก่อนและหลังดำรงตำแหน่ง ฯลฯ

41 การโยกย้ายนายทหารในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาเพื่อตรวจสอบปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนใน หน่วยงานราชการเป็นไปตามหลักการใด
ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 207), (คำบรรยาย)
หลักพิทักษ์คุณธรรม ตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีดังนี้
1 กำหนดให้มีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ซึ่งเป็นองค์กรกึ่งตุลาการ และเป็นอิสระจากฝ่ายบริหาร ทำหน้าที่พิจารณาเรื่องการอุทธรณ์และการร้องทุกข์ของ ข้าราชการเพื่อป้องกันการกลั่นแกล้ง เช่น ในกรณีที่ข้าราชการถูกสั่งลงโทษทางวินัยหรือ ได้รับการปฏิบัติจากผู้บังคับบัญชา (เช่น การแต่งตั้งโยกย้าย) อย่างไม่เป็นธรรม
2 การจัดให้มีศาลปกครองรับเรื่องด้านการบริหารงานบุคคล
3 การให้พนักงาน/ข้าราชการที่ถูกกล่าวหาต้องยุติหน้าที่หรือย้ายไปประจำส่วนราชการเป็นการ ชั่วคราว ฯลฯ

42. มีนโยบายให้นักการเมืองทุกคนต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินทั้งก่อนและหลังดํารงตําแหน่ง

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 40. ประกอบ

43. กําหนดให้หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมบรรจุแต่งตั้งข้าราชการได้

ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 207), (คําบรรยาย) หลักการกระจายอํานาจตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีดังนี้
1 กําหนดให้หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง ระดับกรม หรือระดับจังหวัด เป็นผู้มีอํานาจ สั่งบรรจุแต่งตั้งข้าราชการ เช่น อธิบดีมีอํานาจสั่งบรรจุแต่งตั้งผู้ชํานาญการ ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอํานาจแต่งตั้งที่ปรึกษาหรือปราชญ์ชาวบ้าน หรือ ผู้ช่วยงานในท้องถิ่น เป็นต้น
2 กําหนดให้หน่วยงานระดับกระทรวง ระดับกรม หรือระดับจังหวัด ดําเนินการจัดสอบแข่งขัน เพื่อเลือกสรรบุคคลบรรจุเข้ารับราชการได้เอง
3 การให้อํานาจในการแต่งตั้งหรือโอนย้ายบุคลากรทั้งจากภายในและภายนอกกระทรวงได้ เช่น การแต่งตั้งโฆษก คสช. ไปดํารงตําแหน่งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เป็นต้น

44. การกําหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถูกตรวจสอบจากองค์กรภายนอก เช่น สตง., ป.ป.ช.

ตอบ 1 (คําบรรยาย) หลักการเสริมประสิทธิภาพตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
มีดังนี้
1. กําหนดให้ข้าราชการไปศึกษาเพิ่มเติม ฝึกอบรม ดูงาน หรือปฏิบัติการวิจัย ในประเทศหรือต่างประเทศ
2. กําหนดให้มีแบบฟอร์มการทํารายงานหลัง/กลับจาก การฝึกอบรมของหน่วยงานรัฐ
3. กําหนดให้มีการตรวจสอบจากองค์กรภายนอก หลายองค์กร เช่น สตง., ป.ป.ช., กกต., จังหวัด และองค์กรวิชาชีพ ฯลฯ

45. ให้ข้าราชการต้องไปเพิ่มพูนความรู้ เข้าฝึกอบรมเป็นประจําตลอดช่วงระยะเวลาที่รับราชการ

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 44. ประกอบ

46. มีการขึ้นเงินเดือนข้าราชการให้เหมาะสมกับค่าครองชีพ

ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 207), (คําบรรยาย) หลักระบบค่าตอบแทนตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีดังนี้
1. การจําแนกกลุ่มข้าราชการเป็น 4 กลุ่มใหญ่ (Cluster) และกําหนดบัญชีเงินเดือน เป็น 4 บัญชี ซึ่งแต่ละบัญชีใช้เฉพาะสําหรับตําแหน่งแต่ละประเภท
2. กําหนดให้มีเงินเพิ่มใหม่อีก 2 ประเภท คือ ตามพื้นที่และตามสายงาน
3. กําหนดให้เพิ่มค่าตอบแทนบุคคลที่มีใบรับรองการมีวุฒิการศึกษาเพิ่มที่ตรงตามหน้าที่
4. กําหนดให้ข้าราชการทุกระดับต้องถูกประเมินผลการปฏิบัติราชการแบบ 360 องศา เพื่อนํามาใช้ประกอบการพิจารณาเลื่อนเงินเดือน
5. การเบิกค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการมีการกําหนดให้ต้องเบิกยานอกบัญชีหลัก
6. มีการประเมินขั้นเงินเดือนข้าราชการปีละ 2 ครั้ง
7. มีการขึ้นเงินเดือนข้าราชการให้เหมาะสมกับค่าครองชีพ ฯลฯ

47. การจําแนกกลุ่มข้าราชการเป็น 4 กลุ่ม (Cluster)

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 46. ประกอบ

คำถามข้อ 48-52 ปรากฏการณ์ที่อธิบายถึงแนวคิดทฤษฎีประชาธิปไตยประเด็นใดซึ่งมีผลต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

ตัวเลือก

(1) Liberty (เสรีภาพ)

(2) Majority Rule (การปกครองโดยเสียงข้างมาก)

(3) Transparency (ความโปร่งใส)

(4) Participation (การมีส่วนร่วม)

(5) Accountability (ความรับผิดชอบต่อสังคม)

48 รัฐบาลขอความร่วมมือจากประชาชนในการเป็นหูเป็นตาการทุจริตระบบราชการ

ตอบ 4 (การมีส่วนร่วม (Participation)) เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนจากทุกกลุ่มอาชีพ และทุกภาคส่วนในสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนของกระบวนการนโยบายและการบริหาร เพื่อที่จะร่วมกันกําหนดทิศทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหาของชุมชนหรือของประเทศ ตลอดจน มีส่วนร่วมทางการเมืองการปกครองในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การเลือกตั้งผู้แทนราษฎร การทํา ประชาพิจารณ์ การทําประชามติ การถอดถอนผู้ใช้อํานาจรัฐ การเสนอร่างกฎหมาย หรืออื่น ตัวอย่างปรากฏการณ์ที่อธิบายถึงแนวคิดทฤษฎีประชาธิปไตยในประเด็นนี้ เช่น รัฐบาล ขอความร่วมมือจากประชาชนในการเป็นหูเป็นตาการทุจริตระบบราชการ ชาวบ้านคัดค้าน การสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินทําให้ภาครัฐต้องชะลอโครงการไว้ก่อน เป็นต้น

49 การมาใช้สิทธิเลือกตั้งของประชาชน การเลือกตั้ง ส.ส. เดือนพฤษภาคม

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 48. ประกอบ

50 ในการดําเนินการนโยบายใด ๆ ต้องมีหน่วยงานผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน

ตอบ 5 (ความรับผิดชอบต่อสังคม (Accountability)) คือ ในการดําเนินการใด ๆ บุคคล หน่วยงาน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องรับผิดชอบต่อภาระหน้าที่และผลการกระทํา ของตนเองที่มีต่อสาธารณชน รวมทั้งมีการกําหนดผู้รับผิดชอบอย่างชัดเจน

51 ศาลมีคําสั่งให้ลงโทษข้าราชการที่เรียกรับสินบนจากนักท่องเที่ยว

ตอบ 2 (การปกครองโดยเสียงข้างมาก (Majority Rule)) คือ การปกครองโดยใช้จํานวน เป็นเกณฑ์ตัดสินการออกกฎหมาย การวินิจฉัยปัญหา หรือการตัดสินใจในนโยบายต่าง ๆ ซึ่งต้อง เป็นไปตามความเห็นชอบของเสียงข้างมาก ตัวอย่างปรากฏการณ์ที่อธิบายถึงแนวคิดทฤษฎี ประชาธิปไตยในประเด็นนี้ เช่น ศาลมีคําสั่งให้ลงโทษข้าราชการที่เรียกรับสินบนจากนักท่องเที่ยว เป็นต้น

52 โครงการสร้างเขื่อนต้องจัดทํารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)

ตอบ 1 (เสรีภาพ (Liberty)) คือ ความมีอิสระในการกระทําการใด ๆ สามารถดําเนินชีวิตได้ ตามความปรารถนา แต่มีขอบเขตจํากัดว่าการกระทํานั้น ๆ จะต้องไม่ละเมิดกฎหมายหรือ ไม่ละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น ตัวอย่างปรากฏการณ์ที่อธิบายถึงแนวคิดประชาธิปไตยในประเด็นนี้ เช่น โครงการสร้างเขื่อนต้องจัดทํารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เป็นต้น

53 ข้อใดคือขอบเขตของการบริหารทรัพยากรมนุษย์

(1) 4P

(2) 3P

(3) 3R

(4) 4M

(5) BSC

ตอบ 3 (ขอบเขต/กระบวนการของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ประกอบด้วย 3 R คือ
1. Recruit คือ การสรรหาคัดเลือกบุคคล
2. Retain คือ การรักษาคนไว้ในองค์การ
3. Retire คือ การเลิกจ้าง)

54 กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์สิ้นสุดที่เรื่องใด

(1) Reject

(2) Recruit

(3) Reused

(4) Retire

(5) Return

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 53. ประกอบ

55 กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์เริ่มต้นที่เรื่องใด

(1) Retain

(2) Recruit

(3) Reused

(4) Retire

(5) Return

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 53. ประกอบ

ตั้งแต่ข้อ 56. – 60. อธิบายถึงปัจจัยสิ่งแวดล้อมในเรื่องใดที่มีผลต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

(1) ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์

(2) โครงสร้างประชากร

(3) ปัจจัยระหว่างประเทศ

(4) ทรัพยากรธรรมชาติ

(5) นวัตกรรมเทคโนโลยี

56 ประเทศไทยถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีการค้ามนุษย์ในระดับ Tier 2

ตอบ 3 (คำบรรยาย) ปัจจัยระหว่างประเทศ เป็นปัจจัยภายนอกประเทศที่มีผลกระทบต่อการกำหนด นโยบายต่างประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ภาพลักษณ์ของประเทศ รวมถึงนโยบาย ภายในประเทศ ตัวอย่างที่อธิบายถึงปัจจัยสิ่งแวดล้อมในเรื่องนี้ เช่น ประเทศไทยถูกจัดอันดับ ให้เป็นประเทศที่มีการค้ามนุษย์ในระดับ Tier 2 จากการจัดอันดับขององค์การแรงงานระหว่าง ประเทศ (ILO) นโยบายการท่องเที่ยวในยุค New Normal เป็นต้น

57 ในอนาคตต้องมีการเตรียมพร้อมรองรับการดูแลผู้สูงอายุ

ตอบ 2 (คำบรรยาย) โครงสร้างประชากร เป็นปัจจัยที่เกี่ยวกับข้อมูลทางด้านจำนวนประชากร โครงสร้างทางอายุ (เช่น วัยเด็ก วัยรุ่น วัยกำลังศึกษา วัยทำงาน วัยเกษียณอายุ วัยชรา) นอกจากนี้ยังรวมไปถึงสัดส่วนของเพศ (ชาย : หญิง) สัดส่วนของอายุ (เด็ก : วัยทำงาน : คนโสด : ผู้สูงอายุ) จำนวนผู้อยู่ในวัยแรงงาน อัตราการเจริญพันธุ์ การเกิด การตาย การอพยพย้ายถิ่น ตลอดจนจำนวนบุคคลในครอบครัวหนึ่ง ๆ ตัวอย่างที่อธิบายถึงปัจจัย สิ่งแวดล้อมในเรื่องนี้ เช่น ในอนาคตต้องมีการเตรียมพร้อมรองรับการดูแลผู้สูงอายุ ประเทศไทยเตรียมพร้อมระบบสาธารณูปโภคสำหรับการลงทุน เป็นต้น

58 การออกกฎหมายในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องคำนึงถึงความเป็นอยู่ของชาวมุสลิม

ตอบ 1 (คำบรรยาย) ภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ เป็นปัจจัยที่เกี่ยวกับภูมิประเทศ (ได้แก่ สถานที่ตั้ง ขนาดพื้นที่ อาณาเขตติดต่อ ที่ราบลุ่มแม่น้ำ ฯลฯ) ภูมิอากาศ และองค์ประกอบ เชิงธรณีวิทยา รวมถึงภูมิหลังความเป็นมา หรือพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ ความเชื่อ ความศรัทธา การยอมรับนับถือ ความสัมพันธ์ ความร่วมมือ ความขัดแย้ง หรือทักษะความชำนาญของแต่ละกลุ่มบุคคล เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ หรือแต่ละประเทศ สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ตัวอย่างที่อธิบายถึงปัจจัยสิ่งแวดล้อมในเรื่องนี้ เช่น การออกกฎหมาย ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องคำนึงถึงความเป็นอยู่ของชาวมุสลิม ประเทศไทยเหมาะแก่การเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของภูมิภาคเอเชีย เป็นต้น

59 แนวโน้มจะใช้บัตรประชาชนสมาร์ทการ์ดแทนเงินสด

ตอบ 5 (คำบรรยาย) นวัตกรรมและเทคโนโลยี เป็นการนำเอาความรู้ เครื่องมือ ความคิด หลักการ เทคนิค ระเบียบวิธี กระบวนการ ตลอดจนผลงานทางวิทยาศาสตร์ทั้งสิ่งประดิษฐ์ และวิธีการมาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ เพื่อช่วยให้เกิด
การเปลี่ยนแปลงในการทํางานให้ดียิ่งขึ้น และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงาน รวมทั้งเพื่ออํานวยความสะดวกหรือตอบสนองต่อความต้องการของมนุษย์ ตัวอย่างที่อธิบาย ถึงปัจจัยสิ่งแวดล้อมในเรื่องนี้ เช่น การที่หน่วยราชการใช้ระบบการจัดการข้อมูลที่สแกนผ่าน คอมพิวเตอร์แทนการใช้กระดาษ การใช้บัตรประชาชนสมาร์ทการ์ดแทนเงินสด เป็นต้น

60. นโยบายการท่องเที่ยวในยุค New Normal เป็นไปตามเหตุผลในข้อใด

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 56. ประกอบ

61 “อัตราการลาออกลดลง” เป็นเป้าหมายของเรื่องใด

(1) การจูงใจ

(2) การประเมินค่างาน

(3) การรักษาคนไว้ในองค์การ

(4) การสรรหา

(5) การเลื่อนตําแหน่ง

ตอบ 3 (คําบรรยาย) การรักษาคนไว้ในองค์การ (Retain) คือ การสร้างแรงจูงใจให้คนทํางาน อยู่กับองค์การยาวนานหรือพยายามลดอัตราการลาออกของคนให้น้อยลง ทั้งนี้เพื่อ
1 คงความต่อเนื่องในการทํางาน
2 รักษาประสิทธิผลขององค์การ
3 ลดความสิ้นเปลืองในการสรรหาคัดเลือกและฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงาน
4 รักษาภาพลักษณ์ขององค์การ
5 สร้างความจงรักภักดี ฯลฯ

62. “พอเริ่มจะรู้งานก็ไปเสียแล้ว” ข้อความดังกล่าวสะท้อนเรื่องใด

(1) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

(2) การฝึกอบรม

(3) การจูงใจ

(4) การรักษาคนไว้ในองค์การ

(5) การวางแผนทรัพยากรมนุษย์

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 61. ประกอบ

63. ข้อใดไม่ใช่เหตุผลของการรักษากําลังคน

(1) ลดความสิ้นเปลืองในการสรรหา

(2) คงความต่อเนื่องในการทํางาน

(3) รักษาชื่อเสียงองค์การ

(4) รักษาภาพลักษณ์องค์การ

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 61. ประกอบ

64. ทําไมต้องรักษากําลังคนไว้กับองค์การ

(1) ลดความสิ้นเปลืองในการสรรหา

(2) คงความต่อเนื่องในการทํางาน

(3) ลดความสิ้นเปลืองในการฝึกอบรม

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 61. ประกอบ

65. การรักษากําลังคนไว้กับองค์การมีความสําคัญเพราะเหตุใด

(1) รักษาความต่อเนื่องในการทํางาน

(2) รักษาประสิทธิผลขององค์การ

(3) ความสะดวกในการประเมินผลการทํางาน

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 61. ประกอบ

66. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับสาเหตุที่คนเลือกอยู่กับองค์การ

(1) ชื่อเสียงขององค์การ

(2) ค่าตอบแทน

(3) วัฒนธรรมองค์การ

(4) ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน

(5) เป็นไปได้ทุกข้อ

ตอบ 5 (คำบรรยาย) ค่าตอบแทนเป็นเพียงปัจจัยพื้นฐานที่สามารถจูงใจและรักษาคนให้อยู่กับองค์การ ดังนั้นการที่คนจะอยู่กับองค์การยาวนาน ไม่ลาออกไปหางานใหม่ทำจึงไม่ใช่เพราะเรื่องค่าตอบแทนเพียงอย่างเดียว แต่มีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่น ๆ ด้วย เช่น ความมั่นคงของงาน โอกาสและความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน สวัสดิการและประโยชน์เกื้อกูล ชื่อเสียงขององค์การ วัฒนธรรมองค์การ ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน เป็นต้น

67 ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการรักษาคนไว้กับองค์การ

(1) ค่าตอบแทนเป็นเพียงปัจจัยพื้นฐาน

(2) ค่าตอบแทนที่สูงสามารถจูงใจและรักษาคน

(3) คนอยู่กับองค์การไม่ใช่เฉพาะเรื่องค่าตอบแทน

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 3

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 66 ประกอบ

68 ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับการประเมินค่างาน

(1) การตีค่างาน ประสิทธิภาพในงาน กับค่าตอบแทนที่ควรจะจ่าย

(2) การประเมินคุณค่าของงานเทียบกับค่าตอบแทนที่ควรจะจ่าย

(3) การประเมินคุณค่าว่างานใดควรได้ค่าตอบแทนเท่าใด

(4) ถูกเฉพาะข้อ 2 และ 3

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 (คำบรรยาย) การประเมินค่างาน หมายถึง กระบวนการวิเคราะห์เพื่อตีค่าความยากง่ายของงาน หรือเป็นกระบวนการวิเคราะห์ ตีค่างาน ประเมินหรือเปรียบเทียบคุณค่าของงานต่าง ๆ ในองค์การ เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างงานหรือประสิทธิภาพในงานกับค่าตอบแทนที่ควรจะจ่าย หรือเป็นการประเมินคุณค่าว่างานใดควรได้ค่าตอบแทนเท่าใด ซึ่งแหล่งข้อมูลที่ใช้ในการประเมินค่างาน ได้แก่ การวิเคราะห์งาน (Job Analysis) ใบพรรณนาหน้าที่งาน (Job Description) คุณสมบัติตำแหน่ง (Job Specification) และประเภทของตำแหน่งต่าง ๆ ในองค์การ

69 ข้อใดคือลักษณะของการประเมินค่างาน

(1) งานแบบเดียวกันมีค่าเท่ากันในทุก ๆ องค์การ

(2) ปัจจัยในการทำงานแบบเดียวกันมีค่าเท่ากันในทุก ๆ องค์การ

(3) การตีค่างานขึ้นอยู่กับความยากง่ายของงานในแต่ละองค์การ

(4) ความรับผิดชอบแบบเดียวกัน การตีค่างานเหมือนกันในทุกองค์การ

(5) ผิดทุกข้อ

ตอบ 3 (คำบรรยาย) การตีค่างานนั้นขึ้นอยู่กับความยากง่ายของงานในแต่ละองค์การ ดังนั้นในองค์การต่าง ๆ ที่มีงานแบบเดียวกัน หรือมีปัจจัยในการทำงาน เช่น ทักษะ ความชำนาญ ความพยายาม ความรับผิดชอบ หรือสภาพการทำงานแบบเดียวกัน การตีค่างานอาจไม่เหมือนกันก็ได้

70 ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการประเมินค่างาน

(1) งานแบบเดียวกันมีค่าเท่ากันทุก ๆ องค์การ

(2) ปัจจัยในการทำงานแบบเดียวกันมีค่าเท่ากัน

(3) การตีค่างานขึ้นอยู่กับความยากง่ายของงานในแต่ละองค์การ

(4) ความรับผิดชอบแบบเดียวกัน การตีค่างานเหมือนกัน

(5) ทักษะแบบเดียวกัน มีค่าเท่ากัน

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 69. ประกอบ

71. ในการประเมินค่างานต้องใช้ข้อมูลจากที่ใด
(1) การวิเคราะห์งาน (Job Analysis)
(2) ใบพรรณนาหน้าที่งาน (Job Description)
(3) คุณสมบัติตำแหน่ง (Job Specification)
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 68. ประกอบ

72. ข้อใดคือลักษณะข้อมูลที่ใช้ในการประเมินค่างาน
(1) ใบพรรณนาหน้าที่งาน (Job Description)
(2) คุณสมบัติตำแหน่ง (Job Specification)
(3) ประเภทของตำแหน่งต่าง ๆ ในองค์การ
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 68. ประกอบ

ตั้งแต่ข้อ 73 – 82. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม
(1) Job Analysis
(2) Job Ranking
(3) Job Classification
(4) Point Rating
(5) Factor Comparison

73. เป็นวิธีการประเมินค่างานโดยจัดลำดับความสำคัญหรืองานยากง่าย
ตอบ 2 หน้า 169 – 170 การเรียงลำดับ (Job Ranking) เป็นวิธีดั้งเดิมหรือเก่าแก่ที่สุด ซึ่งไม่เหมาะกับองค์การขนาดใหญ่ที่มีตำแหน่งงานมากหรือองค์การที่มีโครงสร้างซับซ้อน สาระสำคัญของวิธีนี้คือ การนำเอางานที่มีอยู่ทั้งหมดมาจัดลำดับตามลำดับความสำคัญจากที่สำคัญที่สุดไปจนถึงที่สำคัญน้อย โดยใช้การเปรียบเทียบเป็นคู่ ๆ (Paired-Comparison) แล้วตัดสินใจว่างานใดสำคัญหรือง่ายกว่ากัน วิธีนี้จึงมีข้อเสียในเรื่องมาตรฐานที่ใช้ตัดสินความสำคัญของงาน

74. เป็นวิธีการประเมินค่างานโดยจัดกลุ่มตามลักษณะ/ปัจจัยของงาน
ตอบ 3 หน้า 170 การจัดระดับงาน (Job Classification or Grading Method) เป็นวิธีการประเมินค่างานโดยจัดกลุ่มตามลักษณะ/ปัจจัยของงาน กล่าวคือ งานที่มีลักษณะของความยากง่ายเหมือนกันจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งปัจจัยที่กำหนดความยากง่ายของงาน ได้แก่ ความรู้ ความสามารถ ความชำนาญ ความรับผิดชอบ และสภาพการทำงาน

75. เป็นวิธีการประเมินค่างานโดยกำหนดคะแนนแนะแนวและปัจจัยที่ใช้เปรียบเทียบแต่ละงาน
ตอบ 4 หน้า 171 (คำบรรยาย) การให้คะแนน (Point Rating) เป็นวิธีการประเมินค่างาน โดยกำหนดเป็นคะแนนแนะแนวและปัจจัยที่ใช้เปรียบเทียบแต่ละงาน เช่น งานธุรการ ให้คะแนนการศึกษาร้อยละ 20 ประสบการณ์ร้อยละ 25 ความยากง่ายในการปฏิบัติร้อยละ 35 ความรับผิดชอบร้อยละ 15 และสภาพการทำงานร้อยละ 5 เป็นต้น ซึ่งเป็นวิธีที่พัฒนาระบบอันดับคะแนนแนะแนวและค่าคะแนนมา สำนักงาาน ก.พ. นำไปใช้ในการประเมินค่างานของข้าราชการพลเรือนในปัจจุบัน

76. เป็นวิธีการประเมินค่างานโดยใช้ระดับเงินเดือนเทียบปัจจัยในงาน
ตอบ 5 หน้า 172 – 173 การเปรียบเทียบปัจจัย (Factor Comparison) เป็นวิธีการประเมินค่างานโดยใช้วิธีเปรียบเทียบปัจจัยในงาน ซึ่งเป็นวิธีที่ซับซ้อน ต้นทุนสูง แต่มีความเชื่อถือว่า วิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งที่ดี คือ เหมาะสำหรับการกำหนดมาตรฐานแผนงานของแต่ละองค์กร และสามารถเปรียบเทียบค่าค่างานของแต่ละงานได้แน่นอน

77. เป็นวิธีที่ใช้ในการประเมินค่างานของข้าราชการพลเรือนในปัจจุบัน
ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 75. ประกอบ

78 ใช้เป็นข้อมูลประกอบในการประเมินค่างาน

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 68. ประกอบ

79 เป็นวิธีการประเมินค่างานที่ไม่เหมาะกับองค์การขนาดใหญ่ที่มีงานจํานวนมาก

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 73. ประกอบ

80 เป็นวิธีการประเมินค่างานที่ซับซ้อน ต้นทุนสูง แต่มีความน่าเชื่อถือและมีความแน่นอนในการเปรียบเทียบ

ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 76. ประกอบ

81 เป็นวิธีการประเมินค่างานดั้งเดิม ที่ง่าย แต่มีข้อโต้แย้งเรื่องมาตรฐาน

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 73. ประกอบ

82 สํานักพัฒนาระบบจําแนกตําแหน่งและค่าตอบแทน สํานักงาน ก.พ. นําไปใช้

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 75, ประกอบ

83 ข้อใดไม่ใช่ประเภทของสิ่งจูงใจในองค์การ

(1) Intrinsic Rewards

(2) Extrinsic Rewards

(3) Non-Financial Rewards

(4) Official Rewards

(5) Accomplishment

ตอบ 4 (คําบรรยาย) ประเภทของสิ่งจูงใจในองค์การ มีดังนี้
1 รางวัลที่เป็นตัวเงิน (Financial Rewards) หรือรางวัลภายนอก (Extrinsic Rewards) เช่น เงินเดือน/ค่าจ้าง ค่าคอมมิชชั่น โบนัส หุ้นปันผล เป็นต้น
2 รางวัลที่ไม่เป็นตัวเงิน (Non-Financial Rewards) หรือรางวัลภายใน (Intrinsic Rewards) เช่น ประกันชีวิต สิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาล วันหยุดพักผ่อนประจําปี ความก้าวหน้า ในหน้าที่การงาน ความสําเร็จในงาน (Accomplishment) เป็นต้น

84 ข้อใดไม่ใช่ Financial Rewards

(1) เงินเดือน

(2) ค่าคอมมิชชั่น

(3) สิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาล

(4) โบนัส

(5) หุ้นปันผล

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 83. ประกอบ

85 ข้อใดคือความยุติธรรมภายนอกของการบริหารเงินเดือนและค่าจ้าง

(1) การปรับตามค่าแรงขั้นต่ํา

(2) การปรับตามค่าครองชีพ

(3) การปรับตามอัตราเงินเฟ้อ

(4) การสํารวจเงินเดือน/ค่าจ้าง

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 หน้า 142, (คําบรรยาย) ความยุติธรรมภายนอก (External Equity) ของการบริหารเงินเดือน และค่าจ้าง หมายถึง การกําหนดเงินเดือนและค่าจ้างจะต้องสอดคล้องกับการจ้างงานใน ตลาดแรงงาน ซึ่งพิจารณาจากค่าแรงขั้นต่ํา ค่าครองชีพ อัตราเงินเฟ้อ การสํารวจเงินเดือน/ ค่าจ้างในตลาดแรงงาน เป็นต้น

86 ข้อใดคือปัจจัยที่ลดความไม่พึงพอใจของพนักงาน (Hygiene Factors)

(1) เงินเดือน/ค่าจ้าง

(2) โบนัส

(3) ประกันชีวิต

(4) รถประจําตําแหน่ง

(5) ห้องทํางานส่วนตัว

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 156), (คําบรรยาย) ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับแรงจูงใจ ในการทํางานตามทฤษฎีของ Frederick Herzberg ประกอบด้วย
1 ปัจจัยค้ำจุนหรือปัจจัยสุขภาวะ (Hygiene Factors): เป็นปัจจัยที่ลดความไม่พึงพอใจของพนักงานในการทำงาน เช่น เงินเดือน/ค่าจ้าง เงื่อนไขการทำงาน สภาพการทำงาน (เช่น แสงไฟ โต๊ะทำงาน คอมพิวเตอร์ เครื่องปรับอากาศ) นโยบายและการบริหารงาน การควบคุมบังคับบัญชา เป็นต้น
2 ปัจจัยกระตุ้น (Motivation Factors): เป็นปัจจัยเพิ่มแรงจูงใจแก่พนักงานในการทำงาน เช่น การยอมรับนับถือ ความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน สวัสดิการหรือประโยชน์เกื้อกูลต่างๆ (เช่น โบนัส ประกันชีวิต ค่ารักษาพยาบาล รถประจำตำแหน่ง ห้องทำงานส่วนตัว) เป็นต้น

87 ข้อใดคือปัจจัยเพิ่มแรงจูงใจแก่พนักงาน (Motivation Factors)

(1) โต๊ะทำงาน

(2) ห้องทำงานส่วนตัว

(3) เครื่องปรับอากาศ

(4) คอมพิวเตอร์

(5) เงินเดือน/ค่าจ้าง

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 86. ประกอบ

88 ข้อใดต่อไปนี้คือความหมายของการบริหารทรัพยากรมนุษย์

(1) การบริหารและการจัดการที่เกี่ยวข้องกับบุคคลในองค์การ

(2) การสรรหาคัดเลือกบุคคล

(3) การบริหารและการบรรจุแต่งตั้งบุคคลในองค์การ

(4) การพัฒนาและการประเมินผลการปฏิบัติงาน

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 1) การบริหารทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Management) หมายถึง การบริหารและการจัดการที่เกี่ยวข้องกับบุคคลในองค์การ นับตั้งแต่การสรรหาคัดเลือกบุคคลมาปฏิบัติงาน การบรรจุแต่งตั้ง การให้ค่าตอบแทน การพัฒนา การประเมินผลการปฏิบัติงาน ตลอดถึงการให้พ้นจากงาน

ตั้งแต่ข้อ 89-95 จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) หลักความเสมอภาค

(2) หลักความสามารถ

(3) หลักความมั่นคง

(4) หลักความเป็นกลางทางการเมือง

(5) หลักการกระจายอำนาจ

89 การเปิดโอกาสให้มีการสอบแข่งขันเพื่อเข้ารับราชการสะท้อนถึงหลักการใด

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 3) หลักความเสมอภาค (Equality) หมายถึง การเปิดโอกาสให้ผู้มีคุณสมบัติและมีพื้นฐานความรู้ตามที่กำหนดไว้มีสิทธิที่จะสมัครเข้าสอบแข่งขันเพื่อบรรจุเข้ารับราชการได้ทุกคน โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างในเรื่องชาติตระกูล ศาสนา เป็นการให้โอกาสแก่ผู้มีสิทธิอย่างเท่าเทียมกัน และในการกำหนดเงินเดือนหรือค่าตอบแทนของข้าราชการก็ควรยึดหลักความเสมอภาคเช่นกัน กล่าวคือ งานที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบเหมือนกันหรือระดับเดียวกันควรได้รับเงินเดือนหรือค่าตอบแทนเท่ากัน

90 งานที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบเหมือนกันควรได้รับค่าตอบแทนเท่ากันสอดคล้องกับหลักการในข้อใด

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 89. ประกอบ

91. การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการควรยึดหลักการในข้อใด
(1) ความมั่นคง (Security)
(2) ความสามารถ (Competence)
(3) ความเป็นกลางทางการเมือง (Political Neutrality)
(4) ความเท่าเทียม (Equity)
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 4) หลักความสามารถ (Competence) หมายถึง การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ หรือการแต่งตั้งบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งใด ๆ จะต้องยึดหลักความรู้ ความสามารถของบุคคลเป็นสำคัญ โดยต้องพยายามหาทางคัดเลือกเพื่อให้ได้ผู้มีความรู้ ความสามารถเหมาะสมกับตำแหน่ง (put the right man on the right job)

92. “put the right man on the right job” สะท้อนให้เห็นถึงหลักการในข้อใด
(1) ความมั่นคง (Security)
(2) ความสามารถ (Competence)
(3) ความเสมอภาค (Equity)
(4) ความเป็นธรรม (Fairness)
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 91. ประกอบ

93. หลักประกันแก่ผู้จะมาทำงานราชการสามารถยึดเป็นอาชีพได้สะท้อนถึงหลักการในข้อใด
(1) ความเท่าเทียม (Equity)
(2) ความสามารถ (Competence)
(3) ความมั่นคง (Security)
(4) ความเป็นกลางทางการเมือง (Political Neutrality)
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 4) หลักความมั่นคง (Security) หมายถึง การให้หลักประกันแก่ผู้ที่จะมาทำงานราชการว่าความมั่นคงในชีวิต สามารถยึดอาชีพการเป็นข้าราชการได้ตราบเท่าที่ยังมีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติราชการ มีความประพฤติดี มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อหน้าที่ราชการ โดยให้มีเงินเดือนเพียงพอกับการครองชีพ และให้สวัสดิการและประโยชน์เกื้อกูลต่าง ๆ

94. การให้สวัสดิการและประโยชน์เกื้อกูลแก่ราชการสะท้อนให้เห็นถึงหลักการในข้อใด
(1) ความสามารถ
(2) ความมั่นคง
(3) ความเป็นกลางทางการเมือง
(4) ความเสมอภาค
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 93. ประกอบ

95. ข้าราชการต้องปฏิบัติงานไม่ขัดนโยบายของรัฐบาลไม่ว่าจะชอบหรือไม่ สะท้อนถึงหลักการข้อใด
(1) ความเท่าเทียม (Equity)
(2) ความสามารถ (Competence)
(3) ความมั่นคง (Security)
(4) ความเป็นกลางทางการเมือง (Political Neutrality)
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 4 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 4 – 5) หลักความเป็นกลางทางการเมือง (Political Neutrality) หมายถึง ข้าราชการประจำต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม ทั้งนี้เพราะตามหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้นถือว่า นโยบายของรัฐบาลเป็นการแสดงออกโดยปริยายถึงความต้องการหรือเจตนารมณ์ของประชาชน

96. การพัฒนาการของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในสมัยเริ่มต้นมาจากเรื่องราวในข้อใด
(1) การจัดการแก้ไขปัญหาของมนุษย์ในการงาน
(2) ความต้องการแก้ไขปัญหาการใช้ทรัพยากรมนุษย์จากองค์การ
(3) ความต้องการแก้ไขปัญหาของมนุษย์ยุคอารยธรรมตะวันตก
(4) ถูกทุกข้อ
(5) ผิดทุกข้อ
ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 5 – 6) การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในสมัยเริ่มต้นเกิดจากการสะสม (Access) พบปัญหาการใช้ทรัพยากรมนุษย์ และได้ดำเนินการในการแก้ไขปัญหาการใช้ทรัพยากรมนุษย์จากโครงสร้าง (Set) ซึ่งเป็นพื้นฐาน ดังนั้น ต้องอาศัยการบริหารด้วยกระบวนการและปฏิบัติตามกฎหมายข้อบังคับอย่างเคร่งครัด ซึ่งจะต้องคัดสรรให้มีบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ เดินไปข้างหน้าได้

97 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในสมัยปฏิวัติอุตสาหกรรมมีวัตถุประสงค์ตามข้อใด

(1) เพื่อการบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจ

(2) เพื่อการบรรลุเป้าหมายทางสังคม

(3) เพื่อการบรรลุเป้าหมายทางการเมือง

(4) เพื่อการบรรลุเป้าหมายทางการลงทุน

(5) เพื่อการบรรลุเป้าหมายในการส่งเสริมทรัพยากรมนุษย์

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 6 – 7) การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในสมัยปฏิวัติอุตสาหกรรมมีวัตถุประสงค์เพื่อการบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจ โดยในสมัยนี้ได้มีการรวบรวมคนจำนวนมาก มาทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อลดต้นทุนการผลิต แต่เนื่องจากการขาดการเอาใจใส่ดูแล จากนายจ้างทำให้คนงานไม่พอใจในสภาพการทำงานที่เป็นอยู่

98 ข้อใดคือความหมายของการสรรหา

(1) กระบวนการในการพิจารณาเลื่อนระดับ

(2) กระบวนการในการค้นหาบุคคลที่มีความเหมาะสมกับตำแหน่ง

(3) กระบวนการในการดึงดูดบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ

(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก

(5) ข้อ 2 และ 3 ถูก

ตอบ 5 หน้า 114 – 115, (คำบรรยาย) การสรรหา (Recruitment) หมายถึง กระบวนการในการค้นหา จูงใจหรือดึงดูดบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับตำแหน่งงานให้สนใจยื่นใบสมัครงานกับองค์การให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งการสรรหานี้เป็นวิธีการที่ทำให้องค์การสามารถมี ตัวเลือกสำหรับการพิจารณาเพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกต่อไป แหล่งที่ใช้ในการสรรหาบุคคลมี 2 แหล่ง คือ 1. การสรรหาบุคคลจากภายในองค์การ 2. การสรรหาบุคคลจากภายนอกองค์การ

99 แหล่งที่ใช้ในการสรรหาประกอบไปด้วยแหล่ง

(1) 1

(2) 2

(3) 3

(4) 4

(5) 5

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 98. ประกอบ

100 ข้อเสียของการสรรหาบุคคลภายในคือข้อใด
(1) ประหยัดค่าใช้จ่าย
(2) ลดขวัญและกำลังใจ
(3) ขาดแคลนความคิดสร้างสรรค์
(4) ถูกทุกข้อ
(5) ผิดทุกข้อ
ตอบ 3 หน้า 116 – 117, (เอกสารประกอบการสอน หน้า 57 – 58) ข้อเสียของการสรรหาบุคคลจากภายในองค์การ มีดังนี้
1. ทำให้องค์การอาจเสียโอกาสได้คนที่มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ
2. ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนความคิดสร้างสรรค์ในการประเมินโอกาส การแก้ปัญหา และการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ทางธุรกิจ
3. หากองค์การไม่มีการกำหนดกฎเกณฑ์การคัดเลือกบุคลากรภายในองค์การที่ชัดเจน อาจทำให้การสรรหาบุคลากรภายในองค์การเป็นระบบอุปถัมภ์มากกว่าระบบคุณธรรม
4. ก่อให้เกิดปัญหาการขาดแคลนบุคลากรขึ้นภายในองค์การ เมื่อองค์การมีความต้องการในการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ฯลฯ

 

 

POL2303 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในภาครัฐ 1/2565

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2565

ข้อสอบกระบวนวิชา POL 2303 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในภาครัฐ

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว

ตั้งแต่ข้อ 1. – 9. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) การสัมภาษณ์เบื้องต้น

(2) การให้กรอกใบสมัคร

(3) การทดสอบ

(4) การตรวจสอบคุณสมบัติพื้นฐาน

(5) การตรวจร่างกาย

1 การคัดเลือกในข้อใดเน้นการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นเพื่อดูความเหมาะสม

ตอบ 1 หน้า 128 – 129, (คำบรรยาย) การสัมภาษณ์เบื้องต้น (Preliminary Interview) เป็นการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นเพื่อดูความเหมาะสมของผู้สมัครงาน ซึ่งเป็นวิธีการที่นิยม มากที่สุดในการคัดเลือกบุคคลเข้าทำงาน โดยวิธีการนี้จะช่วยให้เห็นว่าบุคคลนั้นมีคุณสมบัติ ตรงตามความต้องการขององค์การหรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้ไม่เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการที่จะรับ คนที่ขาดคุณสมบัติหรือมีคุณสมบัติไม่เหมาะสมเข้ามาตั้งแต่ต้น ทั้งนี้การสัมภาษณ์จะกระทำ สำเร็จได้ต้องใช้ความเป็นศิลปะมากกว่าความเป็นศาสตร์

2 Application Blank หมายถึงข้อใด

ตอบ 2 หน้า 128 – 129 การให้กรอกใบสมัคร (Application Blank) เป็นการให้ผู้สมัครงาน กรอกข้อมูลส่วนตัวลงในแบบฟอร์มใบสมัคร เช่น ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน เป็นต้น

3 การคัดเลือกในข้อใดเป็นวิธีการที่เป็นที่นิยมมากที่สุด

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 1. ประกอบ

4 ข้อใดจัดเป็นขั้นตอนสุดท้ายในกระบวนการคัดเลือก

ตอบ 5 หน้า 128, 131, (คำบรรยาย) การตรวจร่างกาย (Physical Check/Examination) เป็นขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการคัดเลือกและสมควรทำเมื่อทราบชัดเจนว่าจะมีการจ้าง อย่างแน่นอน ทั้งนี้ก็เพื่อปฏิเสธบุคคลที่มีร่างกายไม่เหมาะสมกับงาน และเพื่อป้องกันการรับ บุคคลที่มีโรคติดต่อต้องห้ามเข้ามาทำงานด้วย

5 ข้อใดเป็นขั้นตอนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อปฏิเสธบุคคลที่มีร่างกายไม่เหมาะสมกับงาน

ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 4. ประกอบ

6 ข้อใดเป็นขั้นตอนที่ตรวจสอบประวัติของผู้สมัครที่กรอกไว้ในใบสมัคร

ตอบ 4 หน้า 128 – 129 การตรวจสอบคุณสมบัติพื้นฐาน (Background Investigation) เป็น ขั้นตอนตรวจสอบประวัติของผู้สมัครที่กรอกไว้ในใบสมัคร ซึ่งจะช่วยให้ทราบว่าการทำงาน ต่าง ๆ ที่แล้วมา หรือข้อมูลต่าง ๆ ของผู้สมัครที่ได้กรอกไว้ในใบสมัคร ตลอดจนสิ่งที่ได้รับฟัง จากการสัมภาษณ์ถูกต้องหรือไม่

7 ข้อใดเป็นการประเมินเพื่อตรวจสอบความสามารถของพนักงานว่าตรงกับลักษะงานหรือไม่
ตอบ 3 หน้า 128 – 130, (คำบรรยาย) การทดสอบ (Employment Test) เป็นเครื่องมือในการประเมินเพื่อตรวจสอบความรู้ความสามารถและพฤติกรรมของพนักงานว่าตรงกับลักษณะงานหรือไม่ โดยทั่วไปรูปแบบของการทดสอบอาจจำแนกได้ดังนี้
1 การทดสอบความสามารถ
2 การทดสอบบุคลิกภาพและความสนใจ
3 การทดสอบความสำเร็จ

8 Employment Test หมายถึงข้อใด
ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 7. ประกอบ

9 การคัดเลือกในขั้นตอนใดจะกระทำสำเร็จต้องใช้ความเป็นศิลปะมากกว่าศาสตร์
ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 1. ประกอบ

ตั้งแต่ข้อ 10. – 13. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) หลักการจ่ายค่าตอบแทนแบบรายชิ้น

(2) หลักการจ้างงานตลอดชีพ

(3) หลักการตอบสนองความต้องการ 5 ขั้น

(4) หลักการบริหารภายใต้ปทัสถานกลุ่ม

(5) หลักการบริหารของผู้บริหาร 14 ประการ

10 ข้อใดจัดเป็นข้อเสนอในการบริหารงานบุคคลของ Henri Fayol
ตอบ 5 (คำบรรยาย) Henri Fayol เสนอหลักการบริหารของผู้บริหาร 14 ประการ ประกอบด้วย
1 การแบ่งงานกันทำ
2 อำนาจและความรับผิดชอบ
3 ความมีวินัย
4 เอกภาพของการบังคับบัญชา
5 เอกภาพของการอำนวยการ
6 การให้รางวัลตอบแทนแก่บุคลากร
7 ความมั่นคงของคนทำงาน
8 ความรัก/ความสามัคคีของหมู่คณะ ฯลฯ

11 ข้อใดจัดเป็นข้อเสนอในการบริหารงานบุคคลของ George Elton Mayo
ตอบ 4 (คำบรรยาย) George Elton Mayo ได้เสนอหลักการบริหารภายใต้ปทัสถานกลุ่ม โดยเห็นว่า กลุ่มนั้นเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการกำหนดปริมาณผลผลิตของคนงานในองค์การ ไม่ใช่ปัจจัยด้านกายภาพและพฤติกรรมของคนงาน

12 ข้อใดจัดเป็นข้อเสนอในการบริหารงานบุคคลของ A.H. Maslow
ตอบ 3 หน้า 46 – 47 (คำบรรยาย) A.H. Maslow ได้เสนอหลักการตอบสนองความต้องการ 5 ขั้น โดยเห็นว่า ความต้องการของบุคคลจะเรียงเป็นลำดับขั้นตอนตามความสำคัญ เมื่อความต้องการระดับต่ำได้รับการตอบสนองแล้ว บุคคลจะให้ความสนใจกับความต้องการระดับสูงต่อไป ซึ่งความต้องการของบุคคลมี 5 ขั้น ดังนี้
1 ความต้องการทางกายภาพ
2 ความต้องการความมั่นคงปลอดภัย
3 ความต้องการความรัก
4 ความต้องการยกย่อง
5 ความต้องการความสำเร็จด้วยตนเอง

13 ข้อใดคือหลักการในการจูงใจคนงานของ Frederick Winslow Taylor
ตอบ 1 หน้า 39 – 40 Frederick Winslow Taylor ได้เสนอหลักการจ่ายค่าตอบแทนแบบรายชิ้น เพราะเชื่อว่าเป็นวิธีจูงใจคนทำงานได้ดีที่สุด เพราะคนงานชอบเงินที่มากขึ้น ขณะเดียวกัน นายจ้างก็ได้ผลผลิตมากขึ้นไปด้วย

ตั้งแต่ข้อ 14. – 17. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม

(1) ความต้องการทางกายภาพ

(2) ความต้องการความรัก

(3) ความต้องการความมั่นคงปลอดภัย

(4) ความต้องการยกย่อง

(5) ความต้องการความสําเร็จด้วยตนเอง

14 การที่แดงขยันมาทํางานเช้าทุกวัน ส่งผลให้แดงได้รับการขึ้นเงินเดือน
ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 150) ความต้องการทางกายภาพ เป็นความต้องการขั้นพื้นฐาน เพื่อความมีชีวิตอยู่รอด เช่น ความต้องการอาหาร น้ํา อากาศ อุณหภูมิที่เหมาะสม การพักผ่อน ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค เงิน เป็นต้น

15 ดําได้รับการสนับสนุนให้เป็นหัวหน้าห้องจากเพื่อน ๆ
ตอบ 4 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 150) ความต้องการยกย่อง เป็นความต้องการให้คนอื่น ยกย่อง ให้เกียรติ และเห็นความสําคัญ เช่น ได้รับการสนับสนุนให้เป็นหัวหน้าห้อง จากเพื่อน ๆ เป็นต้น

16 แม้จะไม่ได้รับโบนัสในปีนี้แต่พนักงานทุกคนก็ดีใจที่ไม่มีการปลดใครออก
ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 150), (คําบรรยาย) ความต้องการความมั่นคงปลอดภัย เป็นความต้องการความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และมีความมั่นคงในการดํารงอยู่ เช่น การไม่ถูกไล่ออกจากงาน เป็นต้น

17 รุ่งรู้สึกดีใจที่ความพยายามตั้งใจเรียนส่งผลให้สําเร็จการศึกษาตามที่วางไว้
ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 150), (คําบรรยาย) ความต้องการความสําเร็จด้วยตนเอง เป็นความต้องการทําในสิ่งที่ตนสามารถจะทําได้ เป็นการสนองต่อความพอใจของตนเอง ความต้องการนี้เพื่อกระทําในสิ่งที่เหมาะสมกับตนเองของมนุษย์แต่ละคนและเป็นความต้องการ เพื่อการบรรลุสมความปรารถนาของตนเอง ให้ตนเองได้กระทําในสิ่งที่ตนเองมีศักยภาพพอที่จะทําได้ เช่น รุ่งรู้สึกดีใจที่ความพยายามตั้งใจเรียนส่งผลให้สําเร็จการศึกษาตามที่วางไว้ เป็นต้น

18 การฝึกอบรม หมายถึงข้อใด
(1) กรรมวิธีในการเพิ่มสมรรถภาพในการทํางาน

(2) กรรมวิธีการลดขั้นตอนการทํางาน

(3) กรรมวิธีในการส่งเสริมและสร้างแรงจูงใจในการทํางาน

(4) กรรมวิธีการรักษาบุคลากร

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 120) การฝึกอบรม คือ กรรมวิธีในการเพิ่มสมรรถภาพ ในการทํางานทั้งในด้านความคิด การกระทํา ความสามารถ ความรู้ ความชํานาญ และ การแสดงออก

ตั้งแต่ข้อ 19 – 27. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม

(1) การฝึกอบรมแบบฝึกปฏิบัติงานจริง

(2) การฝึกอบรมแบบปฐมนิเทศ

(3) การฝึกอบรมแบบช่างฝึกหัด

(4) การฝึกอบรมแบบจําลอง

(5) การฝึกอบรมแบบกรณีศึกษา

19 “On-the-Job Training” หมายถึงข้อใด
ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 126 – 127), (คําบรรยาย) การฝึกอบรมแบบฝึกปฏิบัติงานจริง (On-the-Job Training) เป็นการฝึกอบรมที่ให้พนักงานได้สัมผัสกับสิ่งที่ใช้ในการทํางานจริง ซึ่ง
เป็นวิธีที่นิยมใช้แพร่หลายในทุกวงการธุรกิจอุตสาหกรรม เป็นวิธีการฝึกอบรมที่ก่อให้เกิดความ คุ้นเคยกับอุปกรณ์เครื่องมือ สถานที่ บรรยากาศ รวมทั้งสภาพสิ่งแวดล้อมในการประกอบอาชีพ โดยตรง ซึ่งโดยทั่วไปมักใช้สําหรับดําเนินการให้ลูกจ้างใหม่มีประสบการณ์การทํางานเหมือนกับ ลูกจ้างเก่า หรือฝึกอบรมซูเปอร์ไวเซอร์ให้มีประสบการณ์ไปทําหน้าที่นิเทศพนักงานได้เป็นอย่างดี

20 “Apprenticeship Training” หมายถึงข้อใด

ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 139 – 140), (คําบรรยาย) การฝึกอบรมแบบช่างฝึกหัด (Apprenticeship Training) เป็นวิธีการที่มุ่งให้ผู้เข้าฝึกอบรมได้รับความรู้และทักษะทางด้าน ช่างฝีมือในสาขาวิชาชีพต่าง ๆ จนกระทั่งมีฝีมือสามารถออกไปประกอบอาชีพได้อย่างแท้จริง ซึ่งมีอยู่ 2 วิธี คือ
1 สมัครเป็นลูกมือช่างที่ตนสนใจ
2 สมัครเป็นช่างฝึกหัดโครงการช่างฝึกหัดทวิภาคีระหว่างสถาบันการศึกษากับสถานประกอบการ

21 “Orientation Training” หมายถึงข้อใด

ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 127 – 128) การฝึกอบรมแบบปฐมนิเทศ (Orientation Training) เป็นวิธีการที่มีความเหมาะสมและนิยมใช้กับพนักงานที่เข้าทํางานใหม่ โดยเป็นกิจกรรม ที่จัดขึ้นเพื่อแนะนําให้พนักงานใหม่ได้รับความรู้ ข้อมูลและสารสนเทศต่าง ๆ เกี่ยวกับองค์การ หรือสถานที่ทํางาน เช่น ประวัติขององค์การ ผู้บริหารและระบบการบริหารงาน ความก้าวหน้า ในงาน เงื่อนไขการจ้างงาน ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อเป็นการขจัดข้อสงสัยและความกังวลใจของพนักงานใหม่ ให้หมดไป ตลอดจนช่วยให้พนักงานใหม่สามารถปรับตัวเข้ากับองค์การได้ง่ายและเร็วขึ้น

22 “Case Study Training” หมายถึงข้อใด

ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 142) การฝึกอบรมแบบกรณีศึกษา (Case Study Training) เป็นวิธีการที่มีการกําหนดรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในองค์การ และให้ผู้เข้าฝึกอบรม ทําการศึกษารายละเอียดของข้อมูลที่เกิดขึ้นทั้งหมดในกรณีศึกษา พร้อมกับกําหนดปัญหาและ นําเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา ถือเป็นวิธีการที่มุ่งเน้นให้เกิดการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งเหมาะ สําหรับการฝึกอบรมผู้บริหาร

23 การฝึกอบรมในข้อใดเน้นการฝึกอบรมความรู้ ทักษะในด้านฝีมือ

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 20. ประกอบ

24 การฝึกอบรมในข้อใดใช้กับพนักงานที่เข้าทํางานใหม่

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 21. ประกอบ

25 การฝึกอบรมในข้อใดเป็นที่นิยมแพร่หลายมากที่สุด

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 19. ประกอบ

26 การฝึกอบรมในข้อใดให้พนักงานได้สัมผัสกับสิ่งที่ใช้ในการทํางานจริง

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 19. ประกอบ

27 การฝึกอบรมในข้อใดมุ่งเน้นให้เกิดการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้

ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 22. ประกอบ

ตั้งแต่ข้อ 28 – 37. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม

(1) คําบรรยายลักษณะงาน (Job Description)

(2) การออกแบบงาน (Job Design)

(3) การประเมินค่างาน (Job Evaluation)

(4) การกําหนดคุณสมบัติเฉพาะของผู้ปฏิบัติงาน (Job Specification)

(5) การวิเคราะห์งาน (Job Analysis)

28. จ่ายเท่ากันสําหรับงานที่เท่ากัน (Equal Work for Equal Pay)

ตอบ 3 หน้า 96, 142, (คําบรรยาย) การประเมินค่างาน (Job Evaluation) คือ กระบวนการที่ทําขึ้น เพื่อเปรียบเทียบค่าของงานต่าง ๆ ในองค์การ เพื่อนํามาใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการกําหนด เงินเดือนหรือค่าตอบแทนที่ยุติธรรมกับงานตามหลักการที่ว่า “จ่ายเท่ากันสําหรับงานที่เท่ากัน” (Equal Work for Equal Pay) ซึ่งวิธีนี้จะทําให้เกิดความยุติธรรมภายใน (Internal Equity) ในการกําหนดเงินเดือนหรือค่าตอบแทนให้แก่บุคลากรทุกคนที่อยู่ภายในองค์การเดียวกัน

29. สามารถลดความเมื่อยล้า และลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุในการทํางาน

ตอบ 2 หน้า 96 การออกแบบงาน (Job Design) ที่ดีนั้น จะทําให้บุคคลทํางานได้อย่างเต็มความสามารถ รวมทั้งสามารถลดความเมื่อยล้า และลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุในการทํางานให้น้อยลงได้อีกด้วย

30. เอาไปใช้ออกแบบงาน (Job Design)

ตอบ 5 หน้า 95 – 97 ข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์งาน (Job Analysis) สามารถนําไปใช้ประโยชน์ ในด้านต่าง ๆ ได้หลายลักษณะ เช่น การวางแผนทรัพยากรมนุษย์ การสรรหาและคัดเลือกบุคคล การฝึกอบรมและพัฒนาบุคคล การประเมินผลการทํางาน การประเมินค่างาน การกําหนด ค่าตอบแทน การส่งเสริมความปลอดภัยในการทํางาน การออกแบบงาน (Job Design) เป็นต้น

31. ข้อมูลที่ต้องใช้ทําคือ กิจกรรมของงาน พฤติกรรมของบุคคล เครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์ มาตรฐาน การปฏิบัติงาน และเนื้อหาของงาน

ตอบ 5 หน้า 88 ข้อมูลที่ต้องใช้ในการวิเคราะห์งาน (Job Analysis) มีดังนี้
1 กิจกรรมของงาน
2 พฤติกรรมของบุคคล
3 เครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์ เทคโนโลยี และเครื่องช่วยสนับสนุนการทํางาน
4 มาตรฐานการปฏิบัติงาน
5 เนื้อหาของงาน
6 ความต้องการบุคลากร
7 สภาพแวดล้อม

32. ความยุติธรรมภายใน (Internal Equity) เกิดจาก

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 28. ประกอบ

33. ได้ข้อมูลมาจากความรู้ ทักษะ และความสามารถ

ตอบ 4 หน้า 87, 90, (คําบรรยาย) การกําหนดคุณสมบัติเฉพาะของผู้ปฏิบัติงาน (Job Specification) เป็นการกําหนดรายละเอียดของคุณสมบัติเฉพาะของพนักงานซึ่งใช้ในการทํางานเฉพาะอย่าง เพื่อให้งานประสบความสําเร็จ เช่น วุฒิการศึกษา ประสบการณ์ ความชํานาญ เพศ อายุ ส่วนสูง น้ําหนัก เป็นต้น ซึ่งข้อมูลที่นํามาใช้ในการกําหนดคุณสมบัติเฉพาะของผู้ปฏิบัติงานนี้จะพิจารณา จากความรู้ (Knowledge) ทักษะ (Skill) และความสามารถ (Abilities)

34. การอธิบายรายละเอียดของงานว่ามีหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างไรบ้าง หน้าที่งานหลัก หน้าที่งานรอง

ตอบ 1 หน้า 87, (เอกสารประกอบการสอน หน้า 12 – 13) คำบรรยายลักษณะงาน (Job Description) เป็นการอธิบายรายละเอียดของงานว่ามีหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างไรบ้าง โดยระบุชื่อตำแหน่งงาน คำสรุปเกี่ยวกับงาน หน้าที่งานหลัก หน้าที่งานรอง และความสัมพันธ์กับงานอื่น ๆ ซึ่งข้อมูล ในคำบรรยายลักษณะงานนี้จะพิจารณาจากงาน (Task) ความรับผิดชอบ (Responsibilities) และหน้าที่ (Duties)

35. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลในข้อใดที่ใช้ในการกำหนดฐานเงินเดือน

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 28. ประกอบ

36. การระบุในส่วนของอายุ ส่วนสูง และน้ำหนัก แสดงถึงข้อใด

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 33. ประกอบ

37. การระบุถึงรายละเอียดของเนื้องาน และภารกิจที่ต้องรับผิดชอบ แสดงถึงคุณสมบัติใด

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 34. ประกอบ

ตั้งแต่ข้อ 38. – 47. เป็นปรากฏการณ์ที่อธิบายถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามหลักคิดเรื่องใด

ในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551

(1) หลักการเสริมประสิทธิภาพ

(2) หลักพิทักษ์คุณธรรม

(3) หลักระบบค่าตอบแทน

(4) หลักจริยธรรมและวินัย

(5) การกระจายอำนาจ

38. กองทัพบกมีนโยบายตรวจสอบโครงการบ้านสวัสดิการของทหาร

ตอบ 3 (คำบรรยาย) ค่าตอบแทน คือ สิ่งที่ภาครัฐจ่ายตอบแทนให้แก่บุคลากรเพื่อเป็นการตอบแทน การปฏิบัติงานตามภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งโดยทั่วไปมักจะหมายถึงเงินเดือนหรือ ค่าจ้าง รวมถึงสวัสดิการและประโยชน์เกื้อกูลต่าง ๆ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าเล่าเรียนบุตร บ้านพักสวัสดิการ รถประจำตำแหน่ง บำเหน็จบำนาญ เป็นต้น

39. การประชุมพิจารณา พ.ร.บ. งบประมาณของรัฐสภาเพื่อเป็นไปตามหลักการใด

ตอบ 5 (คำบรรยาย) กรณีดังกล่าวเป็นการกระจายอำนาจให้รัฐสภามีอำนาจในการพิจารณา อนุมัติงบประมาณซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนการงบประมาณในระบอบประชาธิปไตย ที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าฝ่ายบริหารหรือรัฐบาลไม่มีอำนาจในการนำเงินสาธารณะไปใช้จ่าย หากไม่ได้รับความยินยอมเห็นชอบจากฝ่ายนิติบัญญัติหรือรัฐสภาในฐานะผู้แทนของประชาชน ซึ่งเป็นเจ้าของเงินที่แท้จริง

40. การตรวจสอบพฤติกรรมของ ส.ส. ที่มีการเสียบบัตรแทนกันสะท้อนปัญหาใด

ตอบ 4 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 207), (คำบรรยาย) หลักจริยธรรมและวินัยตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีดังนี้

1. กำหนดสิ่งที่ข้าราชการต้องปฏิบัติและข้อห้ามการปฏิบัติออกจากกันเป็นคนละส่วนอย่างชัดเจน

2. กำหนดให้ส่วนราชการแต่ละแห่งเป็นผู้กำหนดข้อบังคับว่าด้วยจรรยาข้าราชการเพื่อใช้บังคับเฉพาะข้าราชการในสังกัดส่วนราชการนั้นเท่านั้น

3. กำหนดให้ข้าราชการบางตำแหน่งต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินก่อนและหลังดำรงตำแหน่ง ฯลฯ

41. การโยกย้ายนายทหารในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาเพื่อตรวจสอบปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนในหน่วยงานราชการเป็นไปตามหลักการใด

ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 207), (คำบรรยาย) หลักพิทักษ์คุณธรรมตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีดังนี้ 1. กำหนดให้มีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ซึ่งเป็นองค์กรกึ่งตุลาการ และเป็นอิสระจากฝ่ายบริหาร ทำหน้าที่พิจารณาเรื่องการอุทธรณ์และการร้องทุกข์ของข้าราชการเพื่อป้องกันการกลั่นแกล้ง เช่น ในกรณีที่ข้าราชการถูกสั่งลงโทษทางวินัยหรือได้รับการปฏิบัติจากผู้บังคับบัญชา (เช่น การแต่งตั้งโยกย้าย) อย่างไม่เป็นธรรม 2. การจัดให้มีศาลปกครองรับเรื่องด้านการบริหารงานบุคคล 3. การให้พนักงาน/ข้าราชการที่ถูกกล่าวหาต้องยุติหน้าที่หรือย้ายไปประจำส่วนราชการเป็นการชั่วคราว ฯลฯ

42. มีนโยบายให้นักการเมืองทุกคนต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินทั้งก่อนและหลังดำรงตำแหน่ง

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 40. ประกอบ

43. กำหนดให้หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมบรรจุแต่งตั้งข้าราชการได้
ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 207), (คำบรรยาย) หลักการกระจายอำนาจตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีดังนี้
1. กำหนดให้หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง ระดับกรม หรือระดับจังหวัด เป็นผู้มีอำนาจสั่งบรรจุแต่งตั้งข้าราชการ เช่น อธิบดีมีอำนาจสั่งบรรจุแต่งตั้งผู้ชำนาญการ ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจแต่งตั้งที่ปรึกษาหรือปราชญ์ชาวบ้าน หรือผู้ช่วยงานในท้องถิ่น เป็นต้น
2. กำหนดให้หน่วยงานระดับกระทรวง ระดับกรม หรือระดับจังหวัด ดำเนินการจัดสอบแข่งขันเพื่อเลือกสรรบุคคลบรรจุเข้ารับราชการได้เอง
3. การให้อำนาจในการแต่งตั้งหรือโอนย้ายบุคลากรทั้งจากภายในและภายนอกกระทรวงได้ เช่น การแต่งตั้งโฆษก คสช. ไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เป็นต้น

44. การกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถูกตรวจสอบจากองค์กรภายนอก เช่น สตง. ป.ป.ช.
ตอบ 1 (คำบรรยาย) หลักการเสริมประสิทธิภาพตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีดังนี้ 1. กำหนดให้ข้าราชการไปศึกษาเพิ่มเติม ฝึกอบรม ดูงาน หรือปฏิบัติการวิจัย ในประเทศหรือต่างประเทศ 2. กำหนดให้มีแบบฟอร์มการทำรายงานหลังกลับจากการฝึกอบรมของหน่วยงานรัฐ 3. กำหนดให้มีการตรวจสอบจากองค์กรภายนอกหลายองค์กร เช่น สตง., ป.ป.ช., กกต., จังหวัด และองค์กรวิชาชีพ ฯลฯ

45. ให้ข้าราชการต้องไปเพิ่มพูนความรู้ เข้าฝึกอบรมเป็นประจำตลอดช่วงระยะเวลาที่รับราชการ
ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 44. ประกอบ

46. มีการขึ้นเงินเดือนข้าราชการให้เหมาะสมกับค่าครองชีพ
ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 207), (คำบรรยาย) หลักระบบค่าตอบแทนตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีดังนี้
1 การจำแนกกลุ่มข้าราชการเป็น 4 กลุ่มใหญ่ (Cluster) และกำหนดบัญชีเงินเดือนเป็น 4 บัญชี ซึ่งแต่ละบัญชีใช้เฉพาะสำหรับตำแหน่งแต่ละประเภท
2 กำหนดให้มีเงินเพิ่มใหม่อีก 2 ประเภท คือ ตามพื้นที่และตามสายงาน
3 กำหนดให้เพิ่มค่าตอบแทนบุคคลที่มีใบรับรองการมีวุฒิการศึกษาเพิ่มที่ตรงตามหน้าที่
4 กำหนดให้ข้าราชการทุกระดับต้องถูกประเมินผลการปฏิบัติราชการแบบ 360 องศา เพื่อนำมาใช้ประกอบการพิจารณาเลื่อนเงินเดือน
5 การเบิกค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการมีการกำหนดให้ต้องเบิกยานอกบัญชีหลัก
6 มีการประเมินขั้นเงินเดือนข้าราชการปีละ 2 ครั้ง
7 มีการขึ้นเงินเดือนข้าราชการให้เหมาะสมกับค่าครองชีพ ฯลฯ

47 การจำแนกกลุ่มข้าราชการเป็น 4 กลุ่ม (Cluster)

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 46. ประกอบ

ตั้งแต่ข้อ 48. – 52. เป็นปรากฏการณ์ที่อธิบายถึงแนวคิดทฤษฎีประชาธิปไตยประเด็นใดซึ่งมีผลต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

(1) Liberty

(2) Majority Rule

(3) Transparency

(4) Participation

(5) Accountability

48 รัฐบาลขอความร่วมมือจากประชาชนในการเป็นหูเป็นตากรณีเหตุระเบิดป่วนกรุง

ตอบ 4 (คำบรรยาย) การมีส่วนร่วม (Participation) เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนจากทุกกลุ่มอาชีพ และทุกภาคส่วนในสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนของกระบวนการนโยบายและการบริหาร เพื่อที่จะร่วมกันกำหนดทิศทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหาของชุมชนหรือของประเทศ ตลอดจนมีส่วนร่วมทางการเมืองการปกครองในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การเลือกตั้งผู้แทนราษฎร การทำประชาพิจารณ์ การทำประชามติ การถอดถอนผู้ใช้อำนาจรัฐ การเสนอร่างกฎหมาย หรืออื่น ตัวอย่างปรากฏการณ์ที่อธิบายถึงแนวคิดทฤษฎีประชาธิปไตยในประเด็นนี้ เช่น รัฐบาลขอความร่วมมือจากประชาชนในการเป็นหูเป็นตากรณีเหตุระเบิดป่วนกรุง ชาวบ้านคัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินทำให้ภาครัฐต้องชะลอโครงการไว้ก่อน เป็นต้น

49 ชาวบ้านคัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ทำให้ภาครัฐต้องชะลอโครงการไว้ก่อน

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 48. ประกอบ

50 ในการดำเนินการนโยบายใด ๆ ต้องมีหน่วยงานผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน

ตอบ 5 (คำบรรยาย) ความรับผิดชอบต่อสังคม (Accountability) คือ ในการดำเนินการใด ๆ บุคคล หน่วยงาน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องรับผิดชอบต่อภาระหน้าที่และผลการกระทำของตนเองที่มีต่อสาธารณชน รวมทั้งมีการกำหนดผู้รับผิดชอบอย่างชัดเจน

51 ศาลมีคำสั่งให้ลงโทษข้าราชการที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับนโยบายรับจำนำข้าว

ตอบ 2 (คำบรรยาย) การปกครองโดยเสียงข้างมาก (Majority Rule) คือ การปกครองโดยใช้จำนวนเป็นเกณฑ์ตัดสินการออกกฎหมาย การวินิจฉัยปัญหา หรือการตัดสินใจในนโยบายต่าง ๆ ซึ่งต้องเป็นไปตามความเห็นชอบของเสียงข้างมาก ตัวอย่างปรากฏการณ์ที่อธิบายถึงแนวคิดทฤษฎีประชาธิปไตยในประเด็นนี้ เช่น ศาลมีคำสั่งให้ลงโทษข้าราชการที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับนโยบายรับจำนำข้าว เป็นต้น

52 โครงการสร้างเขื่อนต้องจัดทํารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)

ตอบ 1 (คำบรรยาย) เสรีภาพ (Liberty) คือ ความมีอิสระในการกระทําการใด ๆ สามารถดําเนินชีวิต ได้ตามความปรารถนา แต่มีขอบเขตจํากัดว่าการกระทํานั้น ๆ จะต้องไม่ละเมิดกฎหมายหรือ ไม่ละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น
ตัวอย่างปรากฏการณ์ที่อธิบายถึงแนวคิดประชาธิปไตยในประเด็นนี้ เช่น โครงการสร้างเขื่อนต้องทํารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เป็นต้น

ตั้งแต่ข้อ 53 – 57. อธิบายถึงปัจจัยสิ่งแวดล้อมในเรื่องใดที่มีผลต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

(1) ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์

(2) โครงสร้างประชากร

(3) ปัจจัยระหว่างประเทศ

(4) ทรัพยากรธรรมชาติ

(5) นวัตกรรมเทคโนโลยี

53 ประเทศไทยถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีการค้ามนุษย์ในระดับ Tier 2
ตอบ 3 (คำบรรยาย) ปัจจัยระหว่างประเทศ เป็นปัจจัยภายนอกประเทศที่มีผลกระทบต่อการกําหนด นโยบายต่างประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ภาพลักษณ์ของประเทศ รวมถึงนโยบายภายในประเทศ ตัวอย่างที่อธิบายถึงปัจจัยสิ่งแวดล้อมในเรื่องนี้ เช่น ประเทศไทยถูกจัดอันดับ ให้เป็นประเทศที่มีการค้ามนุษย์ในระดับ Tier 2 จากการจัดอันดับขององค์การแรงงานระหว่าง ประเทศ (ILO) นโยบายการท่องเที่ยวในยุค New Normal เป็นต้น

54 ในอนาคตต้องมีการเตรียมพร้อมรองรับการดูแลผู้สูงอายุ
ตอบ 2 (คำบรรยาย) โครงสร้างประชากร เป็นปัจจัยที่เกี่ยวกับข้อมูลทางด้านจํานวนประชากร โครงสร้างทางอายุ (เช่น วัยเด็ก วัยรุ่น วัยกําลังศึกษา วัยทํางาน วัยเกษียณอายุ วัยชรา) นอกจากนี้ยังรวมไปถึงสัดส่วนของเพศ (ชาย : หญิง) สัดส่วนของอายุ (เด็ก : วัยทํางาน : คนโสด : ผู้สูงอายุ) จํานวนผู้อยู่ในวัยแรงงาน อัตราการเจริญพันธุ์ การเกิด การตาย การอพยพย้ายถิ่น ตลอดจนจํานวนบุคคลในครอบครัวหนึ่ง ๆ ตัวอย่างที่อธิบายถึงปัจจัย สิ่งแวดล้อมในเรื่องนี้ เช่น ในอนาคตต้องมีการเตรียมพร้อมรองรับการดูแลผู้สูงอายุ ประเทศไทยเตรียมพร้อมระบบสาธารณูปโภคสําหรับการลงทุน เป็นต้น

55 การออกกฎหมายในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องคํานึงถึงความเป็นอยู่ของชาวมุสลิม
ตอบ 1 (คำบรรยาย) ภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ เป็นปัจจัยที่เกี่ยวกับภูมิประเทศ (ได้แก่ สถานที่ตั้ง ขนาดพื้นที่ อาณาเขตติดต่อ ที่ราบลุ่มแม่น้ํา ฯลฯ) ภูมิอากาศ และองค์ประกอบเชิงธรณีวิทยา รวมถึงภูมิหลังความเป็นมา หรือพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ความเชื่อ ความศรัทธา การยอมรับนับถือ ความสัมพันธ์ ความร่วมมือ ความขัดแย้ง หรือทักษะความชํานาญของแต่ละกลุ่มบุคคล เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ หรือแต่ละประเทศสืบเนื่องมา จนถึงปัจจุบัน ตัวอย่างที่อธิบายถึงปัจจัยสิ่งแวดล้อมในเรื่องนี้ เช่น การออกกฎหมายในพื้นที่ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องคํานึงถึงความเป็นอยู่ของชาวมุสลิม ประเทศไทยเหมาะแก่การ เป็นศูนย์กลางการคมนาคมของภูมิภาคเอเชีย เป็นต้น

56 แนวโน้มจะใช้บัตรประชาชนสมาร์ทการ์ดแทนเงินสด
ตอบ 5 (คำบรรยาย) นวัตกรรมและเทคโนโลยี เป็นการนําเอาความรู้ เครื่องมือ ความคิด หลักการ เทคนิค ระเบียบวิธี กระบวนการ ตลอดจนผลงานทางวิทยาศาสตร์ทั้งสิ่งประดิษฐ์และวิธีการ มาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการดํารงชีวิตของมนุษย์ เพื่อช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงาน รวมทั้งเพื่ออำนวยความสะดวกหรือตอบสนองต่อความต้องการของมนุษย์ ตัวอย่างที่อธิบายถึงปัจจัยสิ่งแวดล้อมในเรื่องนี้ เช่น การที่หน่วยราชการใช้ระบบการจัดการข้อมูลที่สแกนผ่านคอมพิวเตอร์แทนการใช้กระดาษ การใช้บัตรประชาชนสมาร์ทการ์ดแทนเงินสด เป็นต้น

57 นโยบายการท่องเที่ยวในยุค New Normal เป็นไปตามเหตุผลในข้อใด

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 53. ประกอบ

58 ข้อใดคือขอบเขตของการบริหารทรัพยากรมนุษย์

(1) 4P

(2) 3P

(3) 3R

(4) 4M

(5) BSC

ตอบ 3 (คำบรรยาย) ขอบเขต/กระบวนการของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ประกอบด้วย 3 R คือ
1. Recruit คือ การสรรหาคัดเลือกบุคคล
2. Retain คือ การรักษาคนไว้ในองค์การ
3. Retire คือ การเลิกจ้าง

59 กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์สิ้นสุดที่เรื่องใด

(1) Reject

(2) Recruit

(3) Reused

(4) Retire

(5) Return

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 58. ประกอบ

60 กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์เริ่มต้นที่เรื่องใด

(1) Retain

(2) Recruit

(3) Reused

(4) Retire

(5) Return

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 58. ประกอบ

61 “อัตราการลาออกลดลง” เป็นเป้าหมายของเรื่องใด

(1) การจูงใจ

(2) การประเมินค่างาน

(3) การรักษาคนไว้ในองค์การ

(4) การสรรหา

(5) การเลื่อนตำแหน่ง

ตอบ 3 (คำบรรยาย) การรักษาคนไว้ในองค์การ (Retain) คือ การสร้างแรงจูงใจให้คนทำงาน อยู่กับองค์การยาวนานหรือพยายามลดอัตราการลาออกของคนให้น้อยลง ทั้งนี้เพื่อ 1. คงความต่อเนื่องในการทำงาน 2. รักษาประสิทธิผลขององค์การ 3. ลดความสิ้นเปลืองในการสรรหาคัดเลือกและฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงาน 4. รักษาภาพลักษณ์ขององค์การ 5. สร้างความจงรักภักดี ฯลฯ

62 “พอเริ่มจะรู้งานก็ไปเสียแล้ว” ข้อความดังกล่าวสะท้อนเรื่องใด

(1) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

(2) การฝึกอบรม

(3) การจูงใจ

(4) การรักษาคนไว้ในองค์การ

(5) การวางแผนทรัพยากรมนุษย์

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 61. ประกอบ

63 ข้อใดไม่ใช่เหตุผลของการรักษากำลังคน

(1) ลดความสิ้นเปลืองในการสรรหา

(2) คงความต่อเนื่องในการทำงาน

(3) รักษาชื่อเสียงองค์การ

(4) รักษาภาพลักษณ์องค์การ

(5) สร้างความจงรักภักดี

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 61. ประกอบ

64 ทำไมต้องรักษากำลังคนไว้กับองค์การ

(1) ลดความสิ้นเปลืองในการสรรหา

(2) คงความต่อเนื่องในการทำงาน

(3) ลดความสิ้นเปลืองในการฝึกอบรม

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 61 ประกอบ

65. การรักษากำลังคนไว้กับองค์การมีความสำคัญเพราะเหตุใด

(1) รักษาความต่อเนื่องในการทำงาน

(2) รักษาประสิทธิผลขององค์การ

(3) ความสะดวกในการประเมินผลการทำงาน

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 61 ประกอบ

66 ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับสาเหตุที่คนเลือกอยู่กับองค์การ

(1) ชื่อเสียงขององค์การ

(2) ค่าตอบแทน

(3) วัฒนธรรมองค์การ

(4) ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน

(5) เป็นไปได้ทุกข้อ

ตอบ 5 (คำบรรยาย) ค่าตอบแทนเป็นเพียงปัจจัยพื้นฐานที่สามารถจูงใจและรักษาคนให้อยู่กับองค์การ ดังนั้นการที่คนจะอยู่กับองค์การยาวนาน ไม่ลาออกไปหางานใหม่ทำจึงไม่ใช่เพราะเรื่องค่าตอบแทนเพียงอย่างเดียว แต่มีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่น ๆ ด้วย เช่น ความมั่นคงของงาน โอกาสและความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน สวัสดิการและประโยชน์เกื้อกูล ชื่อเสียงขององค์การ วัฒนธรรมองค์การ ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน เป็นต้น

67 ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการรักษาคนไว้กับองค์การ

(1) ค่าตอบแทนเป็นเพียงปัจจัยพื้นฐาน

(2) ค่าตอบแทนที่สูงสามารถจูงใจและรักษาคน

(3) คนอยู่กับองค์การไม่ใช่เฉพาะเรื่องค่าตอบแทน

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 3

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 66 ประกอบ

68 ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับการประเมินค่างาน

(1) การตีค่างาน ประสิทธิภาพในงาน กับค่าตอบแทนที่ควรจะจ่าย

(2) การประเมินคุณค่าของงานเทียบกับค่าตอบแทนที่ควรจะจ่าย

(3) การประเมินคุณค่าว่างานใดควรได้ค่าตอบแทนเท่าใด

(4) ถูกเฉพาะข้อ 2 และ 3

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 75), (คำบรรยาย) การประเมินค่างาน หมายถึง กระบวนการวิเคราะห์เพื่อตีค่าความยากง่ายของงาน หรือเป็นกระบวนการวิเคราะห์ ตีค่างาน ประเมินหรือเปรียบเทียบคุณค่าของงานต่าง ๆ ในองค์การ เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างงานหรือประสิทธิภาพในงานกับค่าตอบแทนที่ควรจะจ่าย หรือเป็นการประเมินคุณค่าว่างานใดควรได้ค่าตอบแทนเท่าใด ซึ่งแหล่งข้อมูลที่ใช้ในการประเมินค่างาน ได้แก่ การวิเคราะห์งาน (Job Analysis) ใบพรรณนาหน้าที่งาน (Job Description) คุณสมบัติตำแหน่ง (Job Specification) และประเภทของตำแหน่งต่าง ๆ ในองค์การ

69. ข้อใดคือลักษณะของการประเมินค่างาน
(1) งานแบบเดียวกันมีค่าเท่ากันในทุก ๆ องค์การ
(2) ปัจจัยในการทํางานแบบเดียวกันมีค่าเท่ากันในทุก ๆ องค์การ
(3) การตีค่างานขึ้นอยู่กับความยากง่ายของงานในแต่ละองค์การ
(4) ความรับผิดชอบแบบเดียวกัน การตีค่างานเหมือนกันในทุกองค์การ
(5) ผิดทุกข้อ
ตอบ 3 (คำบรรยาย) การตีค่างานนั้นขึ้นอยู่กับความยากง่ายของงานในแต่ละองค์การ ดังนั้นในองค์การ ต่าง ๆ ที่มีงานแบบเดียวกัน หรือมีปัจจัยในการทํางาน เช่น ทักษะ ความชํานาญ ความพยายาม ความรับผิดชอบ หรือสภาพการทํางานแบบเดียวกัน การตีค่างานอาจไม่เหมือนกันก็ได้

70. ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการประเมินค่างาน
(1) งานแบบเดียวกันมีค่าเท่ากันทุก ๆ องค์การ
(2) ปัจจัยในการทํางานแบบเดียวกันมีค่าเท่ากัน
(3) ทักษะแบบเดียวกัน มีค่าเท่ากัน
(4) การตีค่างานขึ้นอยู่กับความยากง่ายของงานในแต่ละองค์การ
(5) ความรับผิดชอบแบบเดียวกัน การตีค่างานเหมือนกัน
ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 69. ประกอบ

71. ในการประเมินค่างานต้องใช้ข้อมูลจากที่ใด
(1) ใบพรรณนาหน้าที่งาน (Job Description)
(2) คุณสมบัติตําแหน่ง (Job Specification)
(3) ประเภทของตําแหน่งต่าง ๆ ในองค์การ ๆ
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 68. ประกอบ

72. ข้อใดคือแหล่งข้อมูลที่ใช้ในการประเมินค่างาน
(1) ใบพรรณนาหน้าที่งาน (Job Description)
(2) คุณสมบัติตําแหน่ง (Job Specification)
(3) คุณสมบัติตําแหน่ง (Job Specification)
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 68. ประกอบ

ตั้งแต่ข้อ 73 – 82. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) Job Analysis (การวิเคราะห์งาน)
(2) Job Ranking
(3) Job Classification
(4) Point Rating
(5) Factor Comparison

73. เป็นวิธีการประเมินค่างานโดยจัดลําดับความสําคัญหรือความยากง่าย

ตอบ 2 หน้า 169 – 170 การเรียงลําดับ (Job Ranking) เป็นวิธีดั้งเดิมหรือเก่าแก่ที่สุด ซึ่งไม่เหมาะกับ องค์การขนาดใหญ่ที่มีงานจํานวนมากหรือองค์การที่มีโครงสร้างซับซ้อน สาระสําคัญของวิธีนี้ คือ การน่าเอางานที่มีอยู่ทั้งหมดมาจัดลําดับความสําคัญจากงานที่ง่ายที่สุดไปยังงานที่ยากที่สุด โดยใช้การเปรียบเทียบเป็นคู่ ๆ (Paired-Comparison) แล้วตัดสินใจว่างานใดสําคัญหรือ ยากกว่า จึงเป็นวิธีที่มีข้อโต้แย้งในเรื่องมาตรฐานที่ใช้ตัดสินความสําคัญของงาน

74. เป็นวิธีการประเมินค่างานโดยจัดกลุ่มตามลักษณะ/ปัจจัยของงาน

ตอบ 3 หน้า 170 การจัดระดับงาน (Job Classification or Grading Method) เป็นวิธีการประเมิน ค่างานโดยจัดกลุ่มตามลักษณะ/ปัจจัยของงาน กล่าวคือ งานที่มีลักษณะของความยากง่าย เหมือนกันจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งปัจจัยที่กําหนดความยากง่ายของงาน ได้แก่ ความรู้ ความสามารถ ความชํานาญ ความรับผิดชอบ และสภาพการทํางาน

75 เป็นวิธีการประเมินค่างานโดยตีค่าเป็นคะแนนตามแต่ละปัจจัยที่ใช้ในแต่ละงาน
ตอบ 4 หน้า 171, (คำบรรยาย) การให้คะแนน (Point Rating) เป็นวิธีการประเมินค่างาน โดยตีค่าเป็นคะแนนตามแต่ละปัจจัยที่ใช้ในแต่ละงาน เช่น งานธุรการ ให้คะแนนการศึกษา ร้อยละ 20 ประสบการณ์ร้อยละ 25 ความยุ่งยากในงานร้อยละ 35 ความรับผิดชอบร้อยละ 15 และสภาพการทำงานร้อยละ 5 เป็นต้น ซึ่งเป็นวิธีที่สำนักพัฒนาระบบจำแนกตำแหน่งและ ค่าตอบแทน สำนักงาน ก.พ. นำไปใช้ในการประเมินค่างานของข้าราชการพลเรือนในปัจจุบัน

76 เป็นวิธีการประเมินค่างานโดยใช้วิธีเชิงปริมาณเทียบปัจจัยในงาน
ตอบ 5 หน้า 172 – 173 การเปรียบเทียบปัจจัย (Factor Comparison) เป็นวิธีการประเมินค่างาน โดยใช้วิธีเชิงปริมาณเทียบปัจจัยในงาน ซึ่งเป็นวิธีที่ซับซ้อน ต้นทุนสูง แต่มีความน่าเชื่อถือกว่า วิธีการอื่น ๆ ข้อดีของวิธีนี้ คือ เหมาะสำหรับ การกำหนดมาตรฐานเฉพาะงานของแต่ละองค์การ และสามารถเปรียบเทียบค่างานของแต่ละงานได้แน่นอน

77 เป็นวิธีที่ใช้ในการประเมินค่างานของข้าราชการพลเรือนในปัจจุบัน
ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 75. ประกอบ

78 ใช้เป็นข้อมูลประกอบในการประเมินค่างาน
ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 68. ประกอบ

79 เป็นวิธีการประเมินค่างานที่ไม่เหมาะกับองค์การขนาดใหญ่ที่มีงานจำนวนมาก
ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 73. ประกอบ

80 เป็นวิธีการประเมินค่างานที่ซับซ้อน ต้นทุนสูง แต่มีความน่าเชื่อถือและมีความแน่นอนในการเปรียบเทียบ
ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 76. ประกอบ

81 เป็นวิธีการประเมินค่างานดั้งเดิม ที่ง่าย แต่มีข้อโต้แย้งเรื่องมาตรฐาน
ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 73. ประกอบ

82 สำนักพัฒนาระบบจำแนกตำแหน่งและค่าตอบแทน สำนักงาน ก.พ. นำไปใช้
ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 75. ประกอบ

83 ข้อใดไม่ใช่ประเภทของสิ่งจูงใจในองค์การ
(1) Intrinsic Rewards

(2) Extrinsic Rewards

(3) Non-Financial Rewards

(4) Official Rewards

(5) Accomplishment

ตอบ 4 (คำบรรยาย) ประเภทของสิ่งจูงใจในองค์การ มีดังนี้
1 รางวัลที่เป็นตัวเงิน (Financial Rewards) หรือรางวัลภายนอก (Extrinsic Rewards) เช่น เงินเดือน/ค่าจ้าง ค่าคอมมิชชั่น โบนัส หุ้นปันผล เป็นต้น
2 รางวัลที่ไม่เป็นตัวเงิน (Non-Financial Rewards) หรือรางวัลภายใน (Intrinsic Rewards) เช่น ประกันชีวิต สิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาล วันหยุดพักผ่อนประจำปี ความก้าวหน้า ในหน้าที่การงาน ความสำเร็จในงาน (Accomplishment) เป็นต้น

84 ข้อใดไม่ใช่ Financial Rewards

(1) เงินเดือน

(2) ค่าคอมมิชชั่น

(3) โบนัส

(4) หุ้นปันผล

(5) สิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาล

ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 83. ประกอบ

85 ข้อใดคือความยุติธรรมภายนอกของการบริหารเงินเดือนและค่าจ้าง

(1) การปรับตามค่าแรงขั้นต่ํา

(2) การปรับตามค่าครองชีพ

(3) การปรับตามอัตราเงินเฟ้อ

(4) การสํารวจเงินเดือน/ค่าจ้าง

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 หน้า 142, (คําบรรยาย) ความยุติธรรมภายนอก (External Equity) ของการบริหารเงินเดือน และค่าจ้าง หมายถึง การกําหนดเงินเดือนและค่าจ้างจะต้องสอดคล้องกับการจ้างงานใน ตลาดแรงงาน ซึ่งพิจารณาจากค่าแรงขั้นต่ํา ค่าครองชีพ อัตราเงินเฟ้อ การสํารวจเงินเดือน/ ค่าจ้างในตลาดแรงงาน เป็นต้น

86 ข้อใดคือปัจจัยที่ลดความไม่พึงพอใจของพนักงาน (Hygiene Factors)

(1) เงินเดือน/ค่าจ้าง

(2) โบนัส

(3) ประกันชีวิต

(4) รถประจําตําแหน่ง

(5) ห้องทํางานส่วนตัว

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 156), (คําบรรยาย) ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับแรงจูงใจ ในการทํางานตามทฤษฎีของ Frederick Herzberg ประกอบด้วย
1 ปัจจัยค้ำจุนหรือปัจจัยสุขภาวะ (Hygiene Factors) เป็นปัจจัยที่ลดความไม่พึงพอใจ ของพนักงานในการทํางาน เช่น เงินเดือน/ค่าจ้าง เงื่อนไขการทํางาน สภาพการทํางาน (เช่น แสงไฟ โต๊ะทํางาน คอมพิวเตอร์ เครื่องปรับอากาศ) นโยบายและการบริหารงาน การควบคุมบังคับบัญชา เป็นต้น
2 ปัจจัยกระตุ้น (Motivation Factors) เป็นปัจจัยเพิ่มแรงจูงใจแก่พนักงานในการทํางาน เช่น การยอมรับนับถือ ความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน สวัสดิการหรือประโยชน์ เกื้อกูลต่าง ๆ (เช่น โบนัส ประกันชีวิต ค่ารักษาพยาบาล รถประจําตําแหน่ง ห้องทํางาน ส่วนตัว) เป็นต้น

87 ข้อใดคือปัจจัยเพิ่มแรงจูงใจแก่พนักงาน (Motivation Factors)

(1) โต๊ะทํางาน

(2) ห้องทํางานส่วนตัว

(3) เครื่องปรับอากาศ

(4) คอมพิวเตอร์

(5) เงินเดือน/ค่าจ้าง

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 86. ประกอบ

88 ข้อใดต่อไปนี้คือความหมายของการบริหารทรัพยากรมนุษย์

(1) การบริหารและการจัดการที่เกี่ยวข้องกับบุคคลในองค์การ

(2) การสรรหาคัดเลือกบุคคล

(3) การบริหารและการบรรจุแต่งตั้งบุคคลในองค์การ

(4) การพัฒนาและการประเมินผลการปฏิบัติงาน

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 1) การบริหารทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Management) หมายถึง การบริหารและการจัดการที่เกี่ยวข้องกับบุคคลในองค์การ นับตั้งแต่การสรรหาคัดเลือกบุคคลมาปฏิบัติงาน การบรรจุแต่งตั้ง การให้ค่าตอบแทน การพัฒนา การประเมินผลการปฏิบัติงาน ตลอดถึงการให้พ้นจากงาน

ตั้งแต่ข้อ 89 – 95. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม

(1) หลักความเสมอภาค

(2) หลักความสามารถ

(3) หลักความมั่นคง

(4) หลักความเป็นกลางทางการเมือง

(5) หลักการกระจายอํานาจ

89 การเปิดโอกาสให้มีการสอบแข่งขันเพื่อเข้ารับราชการสะท้อนถึงหลักการใด
ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 3) หลักความเสมอภาค (Equality) หมายถึง การเปิดโอกาส ให้ผู้มีคุณสมบัติและมีพื้นฐานความรู้ตามที่กําหนดไว้มีสิทธิที่จะสมัครเข้าสอบแข่งขันเพื่อบรรจุ เข้ารับราชการได้ทุกคน โดยไม่คํานึงถึงความแตกต่างในเรื่องชาติตระกูล ศาสนา เป็นการให้โอกาส แก่ผู้มีสิทธิอย่างเท่าเทียมกัน และในการกําหนดเงินเดือนหรือค่าตอบแทนของข้าราชการก็ควร ยึดหลักความเสมอภาคเช่นกัน กล่าวคือ งานที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบเหมือนกันหรือ ระดับเดียวกันควรได้รับเงินเดือนหรือค่าตอบแทนเท่ากัน

90 งานที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบเหมือนกันควรได้รับค่าตอบแทนเท่ากันสอดคล้องกับหลักการในข้อใด
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 89. ประกอบ

91 การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการควรยึดหลักการในข้อใด
ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 4) หลักความสามารถ (Competence) หมายถึง การบรรจุ บุคคลเข้ารับราชการ หรือการแต่งตั้งบุคคลเข้าดํารงตําแหน่งใด ๆ จะต้องยึดหลักความรู้ ความสามารถของบุคคลเป็นสําคัญ โดยต้องพยายามหาทางคัดเลือกเพื่อให้ได้ผู้ที่มีความรู้ ความสามารถเหมาะสมกับตําแหน่ง (put the right man on the right job)

92 “put the right man on the right job” สะท้อนให้เห็นถึงหลักการในข้อใด
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 91. ประกอบ

93 หลักประกันแก่ผู้จะมาทํางานราชการสามารถยึดเป็นอาชีพได้สะท้อนถึงหลักการในข้อใด
ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 4) หลักความมั่นคง (Security) หมายถึง การให้หลักประกันแก่ ผู้ที่จะมาทํางานราชการว่าจะมีความมั่นคงในชีวิต สามารถยึดราชการเป็นอาชีพได้ตราบเท่าที่ ยังมีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติราชการ มีความประพฤติดี มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อหน้าที่ ราชการ โดยให้มีเงินเดือนเพียงพอกับการครองชีพ และให้สวัสดิการและประโยชน์เกื้อกูลต่าง ๆ นอกจากนี้ยังเป็นการประกันมิให้ข้าราชการถูกกลั่นแกล้งหรือถูกออกจากราชการโดยไม่มีความผิด ทั้งนี้เพื่อให้ข้าราชการได้มีกําลังใจที่จะปฏิบัติราชการให้บังเกิดผลดีที่สุด ไม่ต้องกังวลในการ หาเลี้ยงชีพหรือถูกกลั่นแกล้งในทางที่ไม่เป็นธรรม

94 การให้สวัสดิการและประโยชน์เกื้อกูลส่งเสริมให้เกิดหลักการในข้อใด
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 93. ประกอบ

95. ข้าราชการต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลไม่ว่าตนจะชอบหรือไม่ก็ตามสะท้อนถึงหลักการข้อใด

ตอบ 4 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 4 – 5) หลักความเป็นกลางทางการเมือง (Political Neutrality) หมายถึง ข้าราชการประจำต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลไม่ว่าตนจะชอบหรือไม่ก็ตาม ทั้งนี้ก็เพราะว่าตามหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้นถือว่านโยบายของรัฐบาลเป็นการแสดงออกโดยปริยายถึงความต้องการหรือเจตนารมณ์ของประชาชน
ดังนั้นไม่ว่ารัฐบาลชุดใดเข้ามาบริหารประเทศ ข้าราชการประจำต้องปฏิบัติตามนโยบายนั้น ๆ อย่างเต็มความสามารถ จะละเลยเพิกเฉยมิได้

96. การพัฒนาการของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในสมัยเริ่มต้นมาจากเรื่องราวในช่วงใด

(1) การต้องการแก้ไขปัญหาของมนุษย์โบราณ

(2) ความต้องการแก้ไขปัญหาการใช้ทรัพยากรมนุษย์จากเจโทร

(3) ความต้องการแก้ไขปัญหาของมนุษย์ยุคอารยธรรมตะวันตก

(4) ถูกทุกข้อ

(5) ผิดทุกข้อ

ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 5 – 6) การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในสมัยเริ่มต้นเกิดจาก โมเสส (Mosses) พบปัญหาการใช้ทรัพยากรมนุษย์ และได้รับคำแนะนำการแก้ไขปัญหาการใช้ทรัพยากรมนุษย์จากเจโทร (Jetro) ซึ่งเป็นพ่อตา ดังนี้ “ต้องสอนให้คนงานรู้จักเชื่อฟังคำสั่ง เคารพและปฏิบัติตามกฎและข้อบังคับอย่างเคร่งครัด จะต้องสาธิตให้ดูว่าเส้นทางที่จะต้องเดินไปจะไปทางไหน และภารกิจของงานที่จะต้องปฏิบัติมีอะไรบ้าง นอกเหนือจากนั้นจะต้อง คัดเลือกเอาแต่บุคคลที่มีความเก่งทุกคน ตลอดจนนักปกครองที่เก่งด้วย”

97. การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในสมัยปฏิวัติอุตสาหกรรมมีวัตถุประสงค์ตามข้อใด

(1) เพื่อการบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจ

(2) เพื่อการบรรลุเป้าหมายทางสังคม

(3) เพื่อการบรรลุเป้าหมายทางการเมือง

(4) เพื่อการบรรลุเป้าหมายทางการลงทุน

(5) เพื่อการบรรลุเป้าหมายในการส่งเสริมทรัพยากรมนุษย์

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 6 – 7) การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในสมัยปฏิวัติอุตสาหกรรม มีวัตถุประสงค์เพื่อการบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจ โดยในสมัยนี้ได้มีการรวบรวมคนจำนวนมาก มาทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อลดต้นทุนการผลิต แต่เนื่องจากการขาดการเอาใจใส่ดูแล จากนายจ้างทำให้คนงานไม่พอใจในสภาพการทำงานที่เป็นอยู่

98. ข้อใดคือความหมายของการสรรหา

(1) กระบวนการในการพิจารณาเลื่อนระดับ

(2) กระบวนการในการค้นหาบุคคลที่มีความเหมาะสมกับตำแหน่ง

(3) กระบวนการในการดึงดูดบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ

(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก

(5) ข้อ 2 และ 3 ถูก

ตอบ 5 หน้า 114 – 115, (คำบรรยาย) การสรรหา (Recruitment) หมายถึง กระบวนการในการค้นหา จูงใจหรือดึงดูดบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับตำแหน่งงานให้สนใจยื่นใบสมัครงาน กับองค์การให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งการสรรหานี้เป็นวิธีการที่ทำให้องค์การสามารถ มีตัวเลือกสำหรับการพิจารณาเพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกต่อไป
โดยแหล่งที่ใช้ในการสรรหาบุคคลมี 2 แหล่ง คือ
1 การสรรหาบุคคลจากภายในองค์การ
2 การสรรหาบุคคลจากภายนอกองค์การ

99 แหล่งที่ใช้ในการสรรหาประกอบไปด้วยแหล่ง
(1) 1
(2) 2
(3) 3
(4) 4
(5) 5
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 98. ประกอบ

100 ข้อเสียของการสรรหาบุคคลภายในคือข้อใด
(1) ประหยัดค่าใช้จ่าย
(2) ลดขวัญและกําลังใจ
(3) ขาดแคลนความคิดสร้างสรรค์
(4) ถูกทุกข้อ
(5) ผิดทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 116 – 117, (เอกสารประกอบการสอน หน้า 57 – 58) ข้อเสียของการสรรหาบุคคลจากภายในองค์การ มีดังนี้
1. ทําให้องค์การอาจเสียโอกาสได้คนที่มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ
2. ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนความคิดสร้างสรรค์ในการประเมินโอกาส การแก้ปัญหา และการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ทางธุรกิจ
3. หากองค์การไม่มีการกําหนดกฎเกณฑ์การคัดเลือกบุคลากรภายในองค์การที่ชัดเจน อาจทําให้การสรรหาบุคลากรภายในองค์การเป็นระบบอุปถัมภ์มากกว่าระบบคุณธรรม
4. ก่อให้เกิดปัญหาการขาดแคลนบุคลากรขึ้นภายในองค์การ เมื่อองค์การมีความต้องการ ในการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ฯลฯ

 

POL2303 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในภาครัฐ s/2564

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2564

ข้อสอบกระบวนวิชา POL2303 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในภาครัฐ

“คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว”

1 ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับ Robert Owen

(1) การพัฒนาเครื่องจักรให้ทันสมัย

(2) การนําเข้าแรงงานต่างด้าว

(3) ส่งเสริมการใช้เครื่องจักรแทนคน

(4) ให้ความสําคัญกับสวัสดิภาพของแรงงาน

(5) การเปลี่ยนแปลงระบบการจ่ายค่าแรงมาเป็นระบบการจ่ายค่าแรงตามจํานวนชิ้นงาน (Piece-Rate Pay System)

ตอบ 4 หน้า 277, (คําบรรยาย) โรเบิร์ต โอเวน (Robert Oven) เป็นนายจ้างคนแรกที่ให้ความสําคัญ ต่อผู้ใช้แรงงานโดยการเสนอแนวคิดว่า ในขณะที่นายจ้างใช้เงินทุนเป็นจํานวนมากเพื่อซื้อ รักษาเครื่องจักรและโรงงาน ก็ควรจะให้ความสนใจต่อการพัฒนาปรับปรุงสภาพแวดล้อม ในการทํางานของผู้ใช้แรงงานให้เหมาะสม หรือให้ความสําคัญกับสวัสดิภาพของผู้ใช้แรงงาน ซึ่งแนวคิดนี้ได้นําไปสู่การผลักดันให้มีการออกกฎหมายมาคุ้มครองผู้ใช้แรงงาน

2 ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยที่ใช้ประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานระดับบริหาร

(1) ปริมาณงาน

(2) ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์

(3) ความยุติธรรม

(4) วุฒิภาวะ

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 259 – 260 ปัจจัยที่ใช้ประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานระดับบริหาร มีดังนี้
1 ความมีเหตุผล
2 ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
3 การจูงใจ
4 ความยุติธรรม
5 ภาวะผู้นํา
6 ความสามารถในการจัดการ
7. มนุษยสัมพันธ์
8 วุฒิภาวะ
9 ความเพียรพยายาม
10. ความเอาใจใส่ในงาน
11. การมอบหมายงาน ฯลฯ

3 ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับแบบสอบถามแบบมีโครงสร้าง (Structured Questionnaire)

(1) จํากัดอิสระในการตอบ

(2) มีตัวเลือกให้ตอบ

(3) สามารถประมวลผลโดยใช้คอมพิวเตอร์

(4) ถูกทุกข้อ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 105 แบบสอบถามแบบมีโครงสร้าง (Structured Questionnaire) เป็นแบบสอบถาม ที่จํากัดอิสระในการตอบแบบสอบถามของผู้ตอบ เพราะมีการกําหนดคําตอบให้ผู้ตอบเลือก โดยแบบสอบถามแบบมีโครงสร้างนี้จะช่วยให้นักวิเคราะห์สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลและ ทําการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็วตรงตามที่ต้องการโดยเฉพาะในปัจจุบัน ที่มีชุดคําสั่งทางสถิติสําหรับคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยในการประมวลผลข้อมูล

4 นโยบายการประเมินขั้นเงินเดือนข้าราชการปีละ 2 ครั้ง สะท้อนหลักการในข้อใด

(1) หลักพิทักษ์คุณธรรม

(2) หลักประสิทธิภาพ

(3) หลักระบบค่าตอบแทน

(4) หลักการกระจายอํานาจ

(5) หลักจริยธรรมและวินัย

ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 207), (คำบรรยาย) หลักระบบค่าตอบแทนตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีดังนี้
1 การจำแนกกลุ่มข้าราชการเป็น 4 กลุ่มใหญ่ (Cluster) และกำหนดบัญชีเงินเดือน เป็น 4 บัญชี ซึ่งแต่ละบัญชีใช้เฉพาะสำหรับตำแหน่งแต่ละประเภท
2 กำหนดให้มีเงินเพิ่มใหม่อีก 2 ประเภท คือ ตามพื้นที่และตามสายงาน
3 กำหนดให้เพิ่มค่าตอบแทนบุคคลที่มีใบรับรองการมีวุฒิการศึกษาเพิ่มที่ตรงตามหน้าที่
4 กำหนดให้ข้าราชการทุกระดับต้องถูกประเมินผลการปฏิบัติราชการแบบ 360 องศา เพื่อนำมาใช้ประกอบการพิจารณาเลื่อนเงินเดือน
5 การเบิกค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการมีการกำหนดให้ต้องเบิกยานอกบัญชีหลัก
6 มีการประเมินขั้นเงินเดือนข้าราชการปีละ 2 ครั้ง
7 มีการขึ้นเงินเดือนข้าราชการให้เหมาะสมกับค่าครองชีพ ฯลฯ

5 ข้อดีของการสรรหาบุคคลจากภายใน คือ

(1) ประหยัดค่าใช้จ่าย

(2) สร้างขวัญและกำลังใจ

(3) เปิดมุมมองใหม่ ๆ

(4) ข้อ 2 และ 3 ถูก

(5) ข้อ 1 และ 2 ถูก

ตอบ 5 หน้า 116 – 117 ข้อดีของการสรรหาบุคคลจากภายในองค์การ มีดังนี้:
1 ประหยัดค่าใช้จ่าย
2 สร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานให้แก่บุคลากร
3 สามารถสรรหาบุคลากรได้อย่างเหมาะสม เนื่องจากองค์การมีข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับทักษะ ความสามารถของผู้สมัครภายในดีกว่าผู้สมัครภายนอก
4 เป็นการให้หลักประกันในการทำงานโดยให้โอกาสความก้าวหน้าในการทำงานแก่บุคลากร ที่มีความตั้งใจทำงาน ผลงานอยู่ในระดับดีได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง ฯลฯ

6. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการบริหารแรงงานที่สอดคล้องกับทฤษฎี X ของ McGregor:

(1) การเน้นการควบคุม

(2) การสั่งการตามสายการบังคับบัญชา

(3) การเน้นการปฏิบัติตามกฎระเบียบ

(4) การกระจายอำนาจการตัดสินใจ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 287 แนวคิดแรงงานสัมพันธ์แบบตั้งรับ (Reactive Labor Relations) เป็นแนวคิด การบริหารจัดการแรงงานที่สอดคล้องกับทฤษฎี X ของ McGregor ซึ่งเป็นแนวคิดที่เน้นการควบคุมองค์การ การปฏิบัติตามกฎระเบียบ การสั่งงานตามสายการบังคับบัญชา การออกนโยบาย หรือการสั่งงาน การบริหารแบบนี้บุคลากรระดับล่างจะไม่มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น หรือมีช่องทางน้อยมากที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายหรือวิธีการบริหารจัดการขององค์การ

7. ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยในการประเมินผลการปฏิบัติงาน:

(1) ปริมาณงาน

(2) จำนวนบุคลากร

(3) ความรู้ในงาน

(4) ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์

(5) ประสบการณ์ในงาน

ตอบ 2 หน้า 254 – 255 ปัจจัยที่ใช้ในการประเมินผลการปฏิบัติงาน มีดังนี้:
1 ปริมาณงาน
2 คุณภาพงาน
3 ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
4 ความรู้ในงาน
5 การให้ความร่วมมือ
6 ประสบการณ์ในงาน
7 การทำนิติกรรมสัญญากับผู้อื่น
8 การตัดสินใจอย่างสมเหตุสมผล
9 ความมีอิสระในการทำงาน
10 ทัศนคติ ฯลฯ

8 การวิเคราะห์เพื่อตีค่าความยากง่ายของงานคือข้อใด

(1) การวิเคราะห์งาน

(2) ใบพรรณนาหน้าที่งาน

(3) คุณสมบัติผู้ปฏิบัติงาน

(4) การประเมินค่างาน

(5) การกําหนดค่าตอบแทน

ตอบ 4 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 75), (คําบรรยาย) การประเมินค่างาน หมายถึง กระบวนการ วิเคราะห์เพื่อตีค่าความยากง่ายของงาน หรือเป็นกระบวนการวิเคราะห์ ตีค่างาน ประเมินหรือ เปรียบเทียบคุณค่าของงานต่าง ๆ ในองค์การ เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างงานหรือประสิทธิภาพ ในงานกับค่าตอบแทนที่ควรจะจ่าย หรือเป็นการประเมินคุณค่าว่างานใดควรได้ค่าตอบแทนเท่าใด ซึ่งแหล่งข้อมูลที่ใช้ในการประเมินค่างาน ได้แก่ การวิเคราะห์งาน (Job Analysis) ใบพรรณนา หน้าที่งาน (Job Description) คุณสมบัติตําแหน่ง (Job Specification) และประเภทของ ตําแหน่งต่าง ๆ ในองค์การ

9 สิ่งใดต่อไปนี้ที่สามารถใช้เพื่อแก้ปัญหาอัตราเข้าออกงาน (Turnover Rate)

(1) ปัจจัยจูงใจ

(2) ปัจจัยสุขภาวะ

(3) ทั้งปัจจัยจูงใจและปัจจัยสุขภาวะ

(4) การเพิ่มอัตรากําลัง

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 (คําบรรยาย) การแก้ไขปัญหาอัตราเข้าออกงาน (Turnover Rate) ของพนักงานสูงนั้น จะต้องใช้ทั้งปัจจัยจูงใจและปัจจัยสุขภาวะเพื่อจูงใจและรักษาคนดีมีความสามารถให้ทํางาน อยู่กับองค์การต่อไป เช่น เงินเดือน สวัสดิการ ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน สภาพการทํางาน ที่เหมาะสม เป็นต้น

10 การรักษากําลังคนไว้กับองค์การมีความสําคัญเพราะเหตุใด

(1) รักษาความต่อเนื่องในการทํางาน

(2) รักษาประสิทธิผลขององค์การ

(3) ความสะดวกในการประเมินผลการทํางาน

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คําบรรยาย) การรักษาคนไว้ในองค์การ (Retain) คือ การสร้างแรงจูงใจให้คนทํางาน อยู่กับองค์การยาวนานหรือพยายามลดอัตราการลาออกของคนให้น้อยลง ทั้งนี้เพื่อ
1 คงความต่อเนื่องในการทํางาน
2 รักษาประสิทธิผลขององค์การ
3 ลดความสิ้นเปลืองในการสรรหาคัดเลือกและฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงาน
4 รักษาภาพลักษณ์ขององค์การ
5 สร้างความจงรักภักดี ฯลฯ

11 การกําหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถูกตรวจสอบจากภายนอก เช่น สตง. ป.ป.ช. สอดคล้องกับหลักการใด

(1) หลักการเสริมประสิทธิภาพ

(2) หลักพิทักษ์คุณธรรม

(3) หลักระบบค่าตอบแทน

(4) หลักจริยธรรมและวินัย

(5) การกระจายอํานาจ

ตอบ 1 (คําบรรยาย) หลักการเสริมประสิทธิภาพตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีดังนี้
1 กําหนดให้ข้าราชการไปศึกษาเพิ่มเติม ฝึกอบรม ดูงาน หรือปฏิบัติการวิจัยในประเทศ หรือต่างประเทศ
2 กําหนดให้มีแบบฟอร์มการทํารายงานหลังกลับจากการฝึกอบรมของหน่วยงานรัฐ
3 กําหนดให้มีการตรวจสอบจากองค์กรภายนอกหลายองค์กร เช่น สตง., ป.ป.ช., กกต., จังหวัด และองค์กรวิชาชีพ ฯลฯ

12. การตัดสินใจโดยพิจารณาความสอดคล้องระหว่างเกณฑ์ขององค์การและคุณสมบัติของคนคือข้อใด

(1) การสรรหา

(2) การคัดเลือก

(3) การสรรหาจากภายใน

(4) การสรรหาจากภายนอก

(5) การบรรจุ

ตอบ 2 หน้า 126, (คำบรรยาย) การคัดเลือก (Selection) เป็นกระบวนการคัดเลือกผู้สมัครงาน เพื่อให้ได้บุคลากรที่ดีที่สุด มีคุณสมบัติเหมาะสม ถูกต้องตรงกับคุณลักษณะเฉพาะของพนักงาน ที่กำหนดไว้ตามเกณฑ์ขององค์การ ดังนั้นการคัดเลือกจึงเป็นการตัดสินใจโดยพิจารณาความสอดคล้องระหว่างเกณฑ์ขององค์การและคุณสมบัติของคน

13. ข้อใดคือความสำคัญของการวางแผนทรัพยากรมนุษย์

(1) เป็นกระบวนการกำหนดตำแหน่งที่กิจการมีความต้องการ

(2) คาดการณ์ความต้องการด้านทรัพยากรมนุษย์

(3) กำหนดแผนปฏิบัติได้อย่างเหมาะสม

(4) เพื่อความมั่นใจว่าองค์การจะมีบุคลากรที่มีทักษะและความรู้ความสามารถเพียงพอ

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 หน้า 60, 72 การวางแผนทรัพยากรมนุษย์ เป็นกระบวนการกำหนดตำแหน่งที่กิจการ มีความต้องการและมีวิธีการค้นหาบุคคลเพื่อบรรจุในตำแหน่งดังกล่าว หรือเป็นกระบวนการ คาดการณ์ความต้องการด้านทรัพยากรมนุษย์ขององค์การอันจะส่งผลถึงการกำหนดวิธีการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรและการตอบสนองต่อปัจจัยแวดล้อม ตั้งแต่ก่อนบุคคลเข้าร่วมงานกับ องค์การ ขณะปฏิบัติงานอยู่ในองค์การ จนกระทั่งพ้นออกจากองค์การ เพื่อให้องค์การใช้เป็น แนวทางปฏิบัติและเป็นหลักประกันว่าองค์การจะมีบุคลากรที่มีทักษะและความรู้ความสามารถ เพียงพออยู่เสมอ ตลอดจนเพื่อให้บุคลากรมีคุณภาพชีวิตการทำงานที่เหมาะสม สามารถปฏิบัติงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ขององค์การ

14. ข้อใดสอดคล้องกับแนวคิดการจัดการเชิงวิทยาศาสตร์ (Scientific Management) ของ Frederick W. Taylor

(1) การศึกษาเวลากับการเคลื่อนไหว (Time and Motion Study)

(2) วิธีการทำงานที่ดีที่สุด (One Best Way)

(3) ทฤษฎี X และทฤษฎี Y

(4) มีคำตอบที่ถูกมากกว่า 1 ข้อ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 2 หน้า 38 – 40 Frederick W. Taylor ได้เสนอแนวคิดการจัดการเชิงวิทยาศาสตร์ (Scientific Management) โดยเน้นการนำหลักการ/วิธีการทางวิทยาศาสตร์มาใช้ในกระบวนการทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพขององค์การ เช่น การพัฒนาวิธีการทำงานที่ดีที่สุด (One Best Way) การคัดเลือกและฝึกอบรมคนงานเพื่อให้ได้คนที่มีความเหมาะสมกับงาน เป็นต้น

15. ข้อใดเป็นขั้นตอนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อปฏิเสธบุคคลที่มีร่างกายไม่เหมาะสมกับงาน

(1) การสัมภาษณ์เบื้องต้น

(2) การให้กรอกใบสมัคร

(3) การทดสอบ

(4) การตรวจสอบคุณสมบัติพื้นฐาน

(5) การตรวจร่างกาย

ตอบ 5 หน้า 128, 131, (คำบรรยาย) การตรวจร่างกาย (Physical Check/Examination) เป็นขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการคัดเลือกและสมควรทำเมื่อทราบชัดเจนว่าจะมีการจ้าง อย่างแน่นอน ทั้งนี้ก็เพื่อปฏิเสธบุคคลที่มีร่างกายไม่เหมาะสมกับงาน และเพื่อป้องกันการรับ บุคคลที่มีโรคติดต่อต้องห้ามเข้ามาทำงานด้วย

16. ข้อใดเป็นองค์ประกอบของการประเมินผลการปฏิบัติงานสมัยใหม่

(1) เน้นการมีส่วนร่วม

(2) ยึดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของงาน

(3) เน้นผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน

(4) ถูกทุกข้อ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 248 – 249 องค์ประกอบของการประเมินผลการปฏิบัติงานตามแนวคิดสมัยใหม่ มี 3 ประการ คือ
1 เน้นผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน
2 ยึดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของงานและองค์การ
3 เน้นการมีส่วนร่วมกับผู้บังคับบัญชาในการกําหนดเป้าหมายงาน

17. ข้อความนี้สอดคล้องกับหลักการใด

“งานที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบเหมือนกันควรได้ค่าตอบแทนเท่ากัน”

(1) หลักความเสมอภาค

(2) หลักความเป็นกลางทางการเมือง

(3) หลักความมั่นคง

(4) หลักความสามารถ

(5) หลักการแบ่งงานกันทําตามความถนัด

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 3) หลักความเสมอภาค (Equality) หมายถึง การเปิดโอกาส ให้ผู้มีคุณสมบัติและมีพื้นฐานความรู้ตามที่กําหนดไว้มีสิทธิที่จะสมัครเข้าสอบแข่งขันเพื่อบรรจุ เข้ารับราชการได้ทุกคน โดยไม่คํานึงถึงความแตกต่างในเรื่องชาติตระกูล ศาสนา เป็นการให้โอกาส แก่ผู้มีสิทธิอย่างเท่าเทียมกัน และในการกําหนดเงินเดือนหรือค่าตอบแทนของข้าราชการก็ควร ยึดหลักความเสมอภาคเช่นกัน กล่าวคือ งานที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบเหมือนกันหรือ ระดับเดียวกันควรได้รับเงินเดือนหรือค่าตอบแทนเท่ากัน

18. ข้อใดไม่ใช่วิธีการประเมินผลการปฏิบัติงานที่เหมาะสมสําหรับผู้บริหาร

(1) การสัมภาษณ์

(2) การทดสอบความรู้เฉพาะตําแหน่ง

(3) การทดสอบความสามารถทางกาย

(4) การจําลองสถานการณ์

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 268, (คําบรรยาย) วิธีการประเมินผลการปฏิบัติงานที่เหมาะสมสําหรับผู้บริหาร มีดังนี้

1. การให้ผู้บังคับบัญชาประเมินความเหมาะสมตามแบบประเมินความเหมาะสมเพื่อระดับ ตำแหน่งพนักงานระดับบริหาร

2. การทดสอบ เช่น การทดสอบทางวิชาการ การทดสอบความรู้ความสามารถเฉพาะตําแหน่ง หรือความสามารถทางการบริหาร การทดสอบความสามารถทางภาษา เป็นต้น

3. การสัมภาษณ์

4. การจําลองสถานการณ์

19. วิธีการที่ทําให้องค์การสามารถมีตัวเลือกสําหรับการพิจารณาเพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกต่อไป

(1) การสรรหา

(2) การคัดเลือก

(3) การสรรหาจากภายใน

(4) การสรรหาจากภายนอก

(5) การบรรจุ

ตอบ 1 หน้า 114 – 115, (คําบรรยาย) การสรรหา (Recruitment) หมายถึง กระบวนการในการค้นหา จูงใจหรือดึงดูดบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับตําแหน่งงานให้สนใจยื่นใบสมัครงาน กับองค์การให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งการสรรหานี้เป็นวิธีการที่ทําให้องค์การสามารถ มีตัวเลือกสําหรับการพิจารณาเพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกต่อไป แหล่งที่ใช้ในการสรรหา บุคคลมี 2 แหล่ง คือ 1. การสรรหาบุคคลจากภายในองค์การ 2. การสรรหาบุคคลจาก ภายนอกองค์การ

20. ข้อใดมิใช่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแรงงานสัมพันธ์

(1) ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

(2) ประกาศค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ

(3) พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน

(4) พระราชบัญญัติประกันสังคม

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 5 หน้า 293 (คำบรรยาย) กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแรงงานสัมพันธ์ มีดังนี้
1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 ลักษณะ 6 ว่าด้วยสัญญาจ้างแรงงาน
2 พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
3 พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518
4 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522
5 พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533
6 พระราชบัญญัติกองทุนเงินทดแทน พ.ศ. 2537
7 พระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543
8 ประกาศค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ

21. ข้อใดมิใช่องค์ประกอบของ “ระบบไตรภาคี”

(1) นายจ้าง

(2) ภาคประชาสังคม

(3) ลูกจ้าง

(4) รัฐบาล

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 2 หน้า 279 ระบบไตรภาคี ประกอบด้วยตัวแทน 3 ฝ่าย คือ รัฐบาล นายจ้าง และลูกจ้าง โดยระบบไตรภาคีจะเป็นกลไกให้ตัวแทนสามฝ่ายในการพิจารณาเกี่ยวกับผลประโยชน์ร่วมกัน ทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันและกันในด้านต่างๆ เช่น การปรึกษาหารือ การเจรจาต่อรอง การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การตัดสินใจต่างๆ ร่วมกัน

22. ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับค่าตอบแทน

(1) สิ่งที่ได้จากการทำงาน

(2) สิ่งที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้าง

(3) ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร

(4) ถูกทุกข้อ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 135 – 136 ค่าตอบแทน หมายถึง
1 สิ่งที่ได้จากการทำงาน
2 สิ่งที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้าง
3 ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร รวมถึงค่าจ้าง เงินเดือน และรางวัลตอบแทนอื่น ๆ นอกเหนือจากค่าจ้างเงินเดือน

23. ให้ข้าราชการต้องไปเพิ่มพูนความรู้ เข้าฝึกอบรมเป็นประจำตลอดช่วงระยะเวลาที่รับราชการ เป็นไปตามหลักการในข้อใด

(1) หลักการเสริมประสิทธิภาพ

(2) หลักพิทักษ์คุณธรรม

(3) หลักระบบค่าตอบแทน

(4) หลักจริยธรรมและวินัย

(5) การกระจายอำนาจ

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 11. ประกอบ

24. ข้อใดเป็นขั้นตอนที่ตรวจสอบประวัติของผู้สมัครที่กรอกไว้ในใบสมัคร

(1) การสัมภาษณ์เบื้องต้น

(2) การให้กรอกใบสมัคร

(3) การทดสอบ

(4) การตรวจสอบคุณสมบัติพื้นฐาน

(5) การตรวจร่างกาย

ตอบ 4 หน้า 128 – 129 การตรวจสอบคุณสมบัติพื้นฐาน (Background Investigation) เป็นขั้นตอนตรวจสอบประวัติของผู้สมัครที่กรอกไว้ในใบสมัคร ซึ่งจะช่วยให้ทราบว่าการทำงานต่างๆ ที่แล้วมา หรือข้อมูลต่างๆ ของผู้สมัครที่ได้กรอกไว้ในใบสมัคร ตลอดจนสิ่งที่ได้รับฟังจากการสัมภาษณ์ถูกต้องหรือไม่

25. ข้อใดต่อไปนี้จัดเป็นขั้นตอนที่เกิดขึ้นทีหลังสุด

(1) การสรรหา

(2) การคัดเลือก

(3) การสรรหาจากภายใน

(4) การสรรหาจากภายนอก

(5) การบรรจุ

ตอบ 5 หน้า 131 การบรรจุ (Placement) เป็นขั้นตอนที่เกิดขึ้นหลังการสรรหาและคัดเลือก เป็นการให้ผู้สมัครที่ได้รับการคัดเลือกแล้วไปทํางานในแผนกที่ต้องการบุคลากร ในขั้นตอนนี้ จะมีการส่งมอบผู้สมัครที่ได้รับการคัดเลือกให้ไปรายงานตัวกับหัวหน้างานในแผนกที่รับคน ซึ่งจะมีวิธีการให้รายงานอย่างถูกต้อง และมีการส่งรายละเอียดประวัติ ข้อมูล ตลอดจน ผลการคัดเลือกตามวิธีการต่าง ๆ เพื่อช่วยให้การสอนงานในระยะเริ่มแรกโดยหัวหน้างาน สามารถกระทําได้สะดวกและง่ายขึ้น

26. ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับ “การบริหารแบบมุ่งเน้นผลลัพธ์”

(1) เป็นการบริหารงานที่เน้นคุณลักษณะของบุคคล

(2) เป็นการประเมินผลการปฏิบัติงานแบบเดิมที่ให้ความสําคัญกับพฤติกรรม

(3) สามารถเป็นส่วนหนึ่งที่จะนําไปสู่การเสริมสร้างระบบคุณธรรมในการบริหารทรัพยากรมนุษย์

(4) เป็นการบริหารงานทรัพยากรมนุษย์ที่ล้าสมัย

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 249, (คําบรรยาย) การบริหารแบบมุ่งเน้นผลลัพธ์ (Result Based Management) เป็นการบริหารที่มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานเป็นหลัก โดยมีการวัดผลการปฏิบัติงาน ที่ชัดเจนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ซึ่งถือเป็นการบริหารแนวใหม่และถือเป็นส่วนหนึ่ง ที่จะนําไปสู่การเสริมสร้างระบบคุณธรรมในการบริหารทรัพยากรมนุษย์

27. เป็นวิธีการประเมินค่างานที่ซับซ้อน ต้นทุนสูง แต่มีความน่าเชื่อถือและมีความแน่นอนในการเปรียบเทียบ

(1) Job Analysis

(2) Job Ranking

(3) Job Classification

(4) Point Rating

(5) Factor Comparison

ตอบ 5 หน้า 172 – 173 การเปรียบเทียบปัจจัย (Factor Comparison) เป็นวิธีการประเมินค่างาน โดยใช้วิธีเชิงปริมาณเทียบปัจจัยในงาน ซึ่งเป็นวิธีที่ซับซ้อน ต้นทุนสูง แต่มีความน่าเชื่อถือกว่า วิธีการอื่น ๆ ข้อดีของวิธีนี้ คือ เหมาะสําหรับการกําหนดมาตรฐานเฉพาะงานของแต่ละองค์การ และสามารถเปรียบเทียบค่างานของแต่ละงานได้แน่นอน

28. ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับการบันทึกงาน (Diary Method)

(1) การจดบันทึกรายละเอียดของกิจกรรมต่าง ๆ ที่กระทําในแต่ละวัน

(2) การบันทึกข้อมูลที่นักบินจะต้องบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ระหว่างทําการบิน

(3) ใช้เพื่อการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับงาน

(4) ถูกทุกข้อ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 107 การบันทึกงาน (Diary Method) เป็นวิธีการที่ใช้เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับงาน เพื่อนําไปใช้เป็นข้อมูลประกอบในการวิเคราะห์งาน โดยนักวิเคราะห์งานจะให้ผู้ปฏิบัติงาน จดบันทึกรายละเอียดของกิจกรรมต่าง ๆ ที่ตนกระทําในช่วงเวลาปฏิบัติงานในแต่ละวัน เช่น นักบินจะต้องบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ระหว่างทําการบิน เป็นต้น ซึ่งวิธีการนี้จะเป็นประโยชน์มาก ถ้าผู้ปฏิบัติงานให้ความร่วมมือและจดบันทึกการทํางานตามความเป็นจริงอย่างละเอียดถี่ถ้วน ด้วยภาษาที่อ่านเข้าใจง่าย

29. สิ่งใดเป็นปัจจัยจูงใจ (Motivation Factors)

(1) ค่าเดินทาง

(2) เงื่อนไขการทำงาน

(3) สวัสดิการค่ารักษาพยาบาล

(4) ค่าตอบแทนพิเศษตามผลงาน

(5) ค่าอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงานจากที่บ้าน (Work from Home)

ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 156), (คำบรรยาย) ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับแรงจูงใจ ในการทำงานตามทฤษฎีของ Frederick Herzberg ประกอบด้วย
1 ปัจจัยค้ำจุนหรือปัจจัยสุขภาวะ (Hygiene Factors) เป็นปัจจัยที่ลดความไม่พึงพอใจ ของพนักงานในการทำงาน เช่น เงินเดือน/ค่าจ้าง เงื่อนไขการทำงาน สภาพการทำงาน (เช่น แสงไฟ โต๊ะทำงาน คอมพิวเตอร์ เครื่องปรับอากาศ) นโยบายและการบริหารงาน การควบคุมบังคับบัญชา เป็นต้น
2 ปัจจัยกระตุ้น (Motivation Factors) เป็นปัจจัยเพิ่มแรงจูงใจแก่พนักงานในการทำงาน เช่น การยอมรับนับถือ ความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน สวัสดิการหรือประโยชน์ เกื้อกูลต่าง ๆ (เช่น โบนัส ประกันชีวิต ค่ารักษาพยาบาล รถประจำตำแหน่ง ห้องทำงานส่วนตัว) เป็นต้น

30. เหตุผลของการจัดตั้งสหภาพแรงงาน คือ

(1) เพื่อคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของลูกจ้าง

(2) เพื่อคุ้มครองประโยชน์ขององค์การ

(3) เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของประชาชนผู้รับบริการ

(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก

(5) ข้อ 1 และ 3 ถูก

ตอบ 1 หน้า 294 สหภาพแรงงาน เป็นองค์การระดับล่างสุดขององค์การลูกจ้าง ซึ่งการจัดตั้ง สหภาพแรงงานนั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของลูกจ้าง เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตการทำงานที่เหมาะสม

31. คำกล่าวที่ว่า “โตไปไม่โกง” สะท้อนถึงหลักการในข้อใด

(1) หลักการเสริมประสิทธิภาพ

(2) หลักพิทักษ์คุณธรรม

(3) หลักระบบค่าตอบแทน

(4) หลักจริยธรรมและวินัย

(5) การกระจายอำนาจ

ตอบ 4 (คำบรรยาย) คำกล่าวที่ว่า “โตไปไม่โกง” สะท้อนถึงหลักการด้านจริยธรรมและวินัย ซึ่งถูกนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันที่ทำลายสังคมอย่างรุนแรงและฝังรากลึก โดยคนในสังคมนั้นจะต้องมีค่านิยมในการรักความดีและไม่ยอมรับพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชัน และการโกงทุกรูปแบบโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งการสร้างค่านิยมที่ถูกต้องนี้ จะเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้เด็กเติบโตขึ้นเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ และเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันที่ได้ผลที่สุด

32. ข้อใดไม่ใช่ภารกิจด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์

(1) งานหาทรัพยากรมนุษย์

(2) งานใช้ทรัพยากรมนุษย์

(3) งานดูแลรักษาทรัพยากรมนุษย์

(4) งานแลกเปลี่ยนทรัพยากรมนุษย์

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 7 ภารกิจด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ คือ
1 งานหาทรัพยากรมนุษย์
2 งานใช้ทรัพยากรมนุษย์
3 งานดูแลรักษาทรัพยากรมนุษย์

33 หลักการในข้อใดที่คํานึงถึงผลลัพธ์ของการดําเนินการควบคู่กับการใช้ทรัพยากรที่คุ้มค่า

(1) หลักการเสริมประสิทธิภาพ

(2) หลักพิทักษ์คุณธรรม

(3) หลักระบบค่าตอบแทน

(4) หลักจริยธรรมและวินัย

(5) การกระจายอํานาจ

ตอบ 1 (คําบรรยาย) หลักการเสริมประสิทธิภาพ เป็นหลักการที่คํานึงถึงผลลัพธ์ของการดําเนินการควบคู่กับการใช้ทรัพยากรที่คุ้มค่า

34 เป็นวิธีการประเมินค่างานที่มักใช้การเปรียบเทียบเป็นคู่ ๆ (Paired-Comparison)

(1) Job Analysis

(2) Job Ranking

(3) Job Classification

(4) Point Rating

(5) Factor Comparison

ตอบ 2 หน้า 169 – 170 การเรียงลําดับ (Job Ranking) เป็นวิธีดั้งเดิมหรือเก่าแก่ที่สุด ซึ่งไม่เหมาะกับ องค์การขนาดใหญ่ที่มีงานจํานวนมากหรือองค์การที่มีโครงสร้างซับซ้อน สาระสําคัญของวิธีนี้คือ การนําเอางานที่มีอยู่ทั้งหมดมาจัดลําดับความสําคัญจากงานที่ง่ายที่สุดไปยังงานที่ยากที่สุด โดยใช้การเปรียบเทียบเป็นคู่ ๆ (Paired-Comparison) แล้วตัดสินใจว่างานใดสําคัญหรือ ยากกว่า จึงเป็นวิธีที่มีข้อโต้แย้งในเรื่องมาตรฐานที่ใช้ตัดสินความสําคัญของงาน

35 กระบวนการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับธรรมชาติและลักษณะของงานคือข้อใด

(1) การวิเคราะห์งาน

(2) คําบรรยายลักษณะงาน (Job Description)

(3) คุณสมบัติผู้ปฏิบัติงาน

(4) การประเมินค่างาน

(5) การกําหนดค่าตอบแทน

ตอบ 1 หน้า 86 การวิเคราะห์งาน (Job Analysis) หมายถึง กระบวนการศึกษาและรวบรวม ข้อมูลเกี่ยวกับธรรมชาติและลักษณะของงานอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นการศึกษาหน้าที่ในงาน ความรับผิดชอบ สภาพการทํางาน รวมทั้งคุณลักษณะประจําของบุคคลที่เหมาะสมกับงานนั้น เพื่อให้การปฏิบัติงานนั้น ๆ สําเร็จลงได้ และเพื่อให้ได้สารสนเทศของงานนั้นเพียงพอต่อ การนําไปใช้ประโยชน์ในการทํากิจกรรมอื่นในอนาคต

36 เพราะเหตุใดจึงต้องมีการประเมินผลการปฏิบัติงาน

(1) เพื่อประโยชน์ในการจัดสรรทรัพยากรขององค์การ

(2) เพื่อการสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน

(3) เพื่อให้การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในองค์การเป็นไปตามหลักคุณธรรม

(4) เพื่อให้บุคลากรทุกคนอยู่ในระเบียบ กติกา เดียวกัน

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 หน้า 247 – 248, (คําบรรยาย) เหตุผลที่ต้องมีการประเมินผลการปฏิบัติงาน มีดังนี้
1. เพื่อเป็นการจัดสรรทรัพยากรขององค์การให้พนักงานอย่างเป็นธรรม
2. เพื่อการสร้างแรงจูงใจและให้รางวัลแก่พนักงาน
3. เพื่อให้การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในองค์การเป็นไปตามหลักคุณธรรม
4. เพื่อใช้เป็นเครื่องมือผลักดันหรือจูงใจให้มีการสอนเพื่อพัฒนาพนักงาน
5. เพื่อเป็นเครื่องมือบังคับทางอ้อมให้พนักงานทุกคนอยู่ในระเบียบ กติกา ข้อบังคับเดียวกัน
6. เพื่อให้พนักงานได้ทราบถึงความรู้ความสามารถของตนเองในสายตาของผู้บังคับบัญชา
7. เพื่อเป็นการทดสอบความยุติธรรมของผู้บังคับบัญชา

37. คำกล่าวใดต่อไปนี้ที่กล่าวถึงการบริหารทรัพยากรมนุษย์ได้ไม่ถูกต้อง

(1) เป็นกระบวนการที่ทำให้องค์การได้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาปฏิบัติงาน

(2) คือการบริหารทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับองค์การ

(3) ช่วยให้บุคลากรในหน่วยงานมีขวัญและกำลังใจ

(4) ทำให้องค์การใช้ทรัพยากรที่มีได้อย่างคุ้มค่า

(5) ช่วยให้การทำงานมีความคล่องตัว

ตอบ 5 หน้า 4 – 5 (คำบรรยาย) การบริหารทรัพยากรมนุษย์ มีลักษณะดังนี้
1 เป็นการบริหารทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับองค์การ หรือทำให้องค์การ ใช้ทรัพยากร (คน) ที่มีได้อย่างคุ้มค่า
2 เป็นกระบวนการที่ทำให้องค์การได้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาปฏิบัติงาน
3 ช่วยทำให้บุคลากรในหน่วยงานมีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน ฯลฯ

38. ข้อใดคือวิธีการที่ใช้ทดแทนการสรรหา

(1) การทำงานล่วงเวลา

(2) การจ้างงานชั่วคราว

(3) การขอเช่าพนักงาน

(4) การใช้ผู้รับเหมาช่วง

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 หน้า 123 – 125 วิธีการที่ใช้ทดแทนการสรรหา มีดังนี้
1 การทำงานล่วงเวลา (Overtime)
2 การจ้างงานชั่วคราว (Temporary Employment)
3 การขอเช่าพนักงาน (Employee Leasing)
4 การใช้ผู้รับเหมาช่วง (Subcontracting)
5 การใช้ผู้รับเหมาอิสระ (Independent Contractors)

39. ข้อใดคือความหมายของการสรรหา

(1) กระบวนการในการพิจารณาเลื่อนระดับ

(2) กระบวนการในการค้นหาบุคคลที่มีความเหมาะสมกับตำแหน่ง

(3) กระบวนการในการดึงดูดบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ

(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก

(5) ข้อ 2 และ 3 ถูก

ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 19. ประกอบ

40. คำกล่าวใดเป็นไปตามหลักความเป็นกลางทางการเมือง

(1) ข้าราชการต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลไม่ว่าตนเองจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม

(2) ข้าราชการไม่มีสิทธิเป็นสมาชิกของพรรคการเมือง

(3) ข้าราชการต้องไม่เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองใด ๆ

(4) ข้าราชการไม่ควรลงสมัครรับเลือกตั้ง

(5) ข้าราชการต้องให้การสนับสนุนกับพรรคการเมืองทุกพรรคในการหาเสียงเลือกตั้ง

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 4 – 5) หลักความเป็นกลางทางการเมือง (Political Neutrality) หมายถึง ข้าราชการประจำต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลไม่ว่าตนเอง จะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม ทั้งนี้ก็เพราะว่าตามหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้น ถือว่านโยบายของรัฐบาลเป็นการแสดงออกโดยปริยายถึงความต้องการหรือเจตนารมณ์ ของประชาชน ดังนั้นไม่ว่ารัฐบาลชุดใดเข้ามาบริหารประเทศ ข้าราชการประจำต้องปฏิบัติ ตามนโยบายนั้น ๆ อย่างเต็มความสามารถ จะละเลยเพิกเฉยมิได้

41. สิ่งใดเป็นผลจากการศึกษา Hawthorn Study ของ Elton Mayo และคณะที่โรงงาน Western Electric

(1) ปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนงานส่งผลต่อขวัญกําลังใจในการปฏิบัติงาน

(2) แสงสว่างมีผลต่อการทํางาน

(3) ค่าตอบแทนที่ไม่เหมาะสมมีผลต่อการขาดงาน

(4) ความต้องการของมนุษย์มี 5 ขั้น

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 43 – 44 Elton Mayo และคณะได้ทําการศึกษาพฤติกรรมการทํางานของคนงาน ในโรงงาน Western Electric Hawthorne ซึ่งต่อมาเรียกว่า กรณีศึกษาฮอว์ธอร์น (Hawthorn Study) โดยพบว่า การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนงานส่งผลต่อขวัญกําลังใจและแรงจูงใจในการ ปฏิบัติงาน ขณะเดียวกันก็ส่งผลต่อผลผลิตของการปฏิบัติงานด้วย ผลผลิตส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับ ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีม และความร่วมมือร่วมใจของคนงาน ซึ่งมีส่วนสัมพันธ์กับ ความเอาใจใส่ของหัวหน้าที่มีผลกระทบต่อคนงาน

42. Employment Test หมายถึงข้อใด

(1) การสัมภาษณ์เบื้องต้น

(2) การให้กรอกใบสมัคร

(3) การทดสอบเพื่อให้บุคคลแสดงความสามารถและพฤติกรรม

(4) การตรวจสอบคุณสมบัติพื้นฐาน

(5) การตรวจร่างกาย

ตอบ 3 (คําบรรยาย) การทดสอบ (Employment Test) เป็นเครื่องมือ ในการประเมินเพื่อตรวจสอบความรู้ความสามารถและพฤติกรรมของพนักงานว่าตรงกับ ลักษณะงานหรือไม่ โดยทั่วไปรูปแบบของการทดสอบอาจจําแนกได้ดังนี้
1 การทดสอบความสามารถ
2 การทดสอบบุคลิกภาพและความสนใจ
3 การทดสอบความสําเร็จ

43. ความยุติธรรมภายนอก (External Equity) คือ

(1) การกําหนดเงินเดือนหรือค่าจ้างเพื่อป้องกันปัญหาความไม่เข้าใจกันในหน่วยงาน

(2) การกําหนดค่าจ้างที่สอดคล้องกับการจ้างงานในตลาดแรงงาน

(3) การกําหนดค่าจ้างโดยพิจารณาจากความรู้และประสบการณ์

(4) การกําหนดค่าจ้างให้เหมาะสมกับรายได้ขององค์การ

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 (คําบรรยาย) ความยุติธรรมภายนอก (External Equity) ของการบริหารเงินเดือน และค่าจ้าง หมายถึง การกําหนดเงินเดือนและค่าจ้างจะต้องสอดคล้องกับการจ้างงานใน ตลาดแรงงาน ซึ่งพิจารณาจากค่าแรงขั้นต่ํา ค่าครองชีพ อัตราเงินเฟ้อ การสํารวจเงินเดือน/ ค่าจ้างในตลาดแรงงาน เป็นต้น

44. การรักษากําลังคนไว้กับองค์การมีความสําคัญเพราะเหตุใด

(1) รักษาค่านิยมร่วมขององค์การ

(2) รักษาประสิทธิผลขององค์การ

(3) สร้างขวัญกําลังใจให้กับบุคลากร

(4) ถูกทุกข้อ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 10 ประกอบ

45. ข้อใดเป็นการประเมินเพื่อตรวจสอบความสามารถของพนักงานว่าตรงกับลักษณะงานหรือไม่

(1) การสัมภาษณ์เบื้องต้น

(2) การให้กรอกใบสมัคร

(3) การทดสอบเพื่อให้บุคคลแสดงความสามารถและพฤติกรรม

(4) การตรวจสอบคุณสมบัติพื้นฐาน

(5) การตรวจร่างกาย

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 42 ประกอบ

46. ข้อใดเป็นวิธีการประเมินค่างานโดยใช้วิธีเชิงปริมาณเทียบปัจจัยในงาน

(1) Job Analysis

(2) Job Ranking

(3) Job Classification

(4) Point Rating

(5) Factor Comparison

ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 27. ประกอบ

47. การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในสมัยปฏิวัติอุตสาหกรรมมีวัตถุประสงค์ตามข้อใด

(1) เพื่อการบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจ

(2) เพื่อการบรรลุเป้าหมายทางสังคม

(3) เพื่อการบรรลุเป้าหมายทางการเมือง

(4) เพื่อการบรรลุเป้าหมายทางการลงทุน

(5) เพื่อการบรรลุเป้าหมายในการส่งเสริมทรัพยากรมนุษย์

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 6 – 7) การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในสมัยปฏิวัติอุตสาหกรรม มีวัตถุประสงค์เพื่อการบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจ โดยในสมัยนี้ได้มีการรวบรวมคนจำนวนมาก มาทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อลดต้นทุนการผลิต แต่เนื่องจากการขาดการเอาใจใส่ดูแล จากนายจ้างทำให้คนงานไม่พอใจในสภาพการทำงานที่เป็นอยู่

48. สิ่งใดที่ไม่จำเป็นต้องมีในการประเมินผลการปฏิบัติงาน

(1) ข้อมูลที่ครบถ้วน ถูกต้อง

(2) การแจ้งข้อมูลกลับไปยังผู้ถูกประเมิน

(3) การประเมินโดยอดีตผู้บังคับบัญชา

(4) การเปิดเผยผลการประเมินให้ทุกคนร่วมรับทราบ

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3, 4 หน้า 242, 264, (คำบรรยาย) การประเมินผลการปฏิบัติงานโดยปกติแล้วจะเป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาปัจจุบันซึ่งมีความใกล้ชิดกับผู้ใต้บังคับบัญชาหรือผู้ที่จะถูกประเมิน เพราะเป็นผู้รับผิดชอบต่องานที่สั่งให้ผู้ถูกประเมินปฏิบัติ ส่วนผลการประเมินการปฏิบัติงานนั้นไม่ควรเปิดเผยให้ผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องรับทราบ ผู้ประเมินควรแจ้งผลการประเมินให้เฉพาะผู้ถูกประเมินรับทราบเท่านั้น เพราะการประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นเรื่องผลงานเฉพาะตัวของพนักงาน ผู้ถูกประเมิน

49. ข้อใดเป็นปัจจัยเพิ่มแรงจูงใจแก่พนักงาน (Motivation Factors)

(1) การเพิ่มแสงไฟในที่ทำงาน

(2) การจัดห้องทำงานในลักษณะ Co-Working Space

(3) รถประจำตำแหน่ง

(4) เงินรางวัลพิเศษ

(5) คอมพิวเตอร์

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 29. ประกอบ

50. เป็นวิธีการประเมินค่างานที่ไม่เหมาะกับองค์การขนาดใหญ่ที่มีงานจำนวนมาก

(1) Job Analysis

(2) Job Ranking

(3) Job Classification

(4) Point Rating

(5) Factor Comparison

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 34. ประกอบ

51. “วิเคราะห์และจัดทำแผนของหน่วยงาน…” ข้อความดังกล่าวพบได้จากที่ใด

(1) การวิเคราะห์งาน

(2) คำบรรยายลักษณะงาน

(3) คุณสมบัติผู้ปฏิบัติงาน

(4) การประเมินค่างาน

(5) การกำหนดค่าตอบแทน

ตอบ 2 หน้า 89 คำบรรยายลักษณะงาน (Job Description) เป็นข้อมูลเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ ความรับผิดชอบ ขอบเขตของงาน ความสัมพันธ์ในสายงานและกระบวนการปฏิบัติงาน โดยทั่วไปจะประกอบด้วยข้อความสำคัญ ได้แก่ ตำแหน่งงาน หน้าที่ ความรับผิดชอบ คุณลักษณะของงาน และเงื่อนไขสภาวะแวดล้อม

52 ข้อใดไม่อยู่ในกระบวนการคัดเลือก

(1) การรับสมัคร

(2) การทดสอบ

(3) การตรวจร่างกาย

(4) การปฐมนิเทศ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 128 กระบวนการของการคัดเลือก ประกอบด้วย 9 ขั้นตอน ดังนี้
1 การรับสมัคร
2 การสัมภาษณ์เบื้องต้น
3 การให้กรอกใบสมัคร
4 การตรวจคุณสมบัติพื้นฐาน
5 การทดสอบ
6 การสัมภาษณ์
7 การคัดเลือกเพื่อบรรจุโดยฝ่ายทรัพยากรมนุษย์
8 การตัดสินใจโดยเจ้าหน้าที่ของสายงานที่จะรับพนักงาน
9 การตรวจร่างกาย

53 ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับเทคนิคเดลฟาย (Delphi)

(1) เป็นการพยากรณ์ความต้องการ

(2) เป็นการรวบรวมความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ

(3) คือการสร้างแบบจำลอง

(4) คือการสำรวจข้อมูลเชิงสถิติ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 2 หน้า 77 – 78 เทคนิคเดลฟาย (Delphi) เป็นเทคนิคในการรวบรวมความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่งด้วยการตอบแบบสอบถาม ลักษณะสำคัญของเทคนิคนี้ก็คือ ผู้เชี่ยวชาญจะไม่มีโอกาสมาพบกันเพื่อพูดคุยในเรื่องที่ต้องแสดงความคิดเห็น และแต่ละคนอาจไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทำให้ผู้เชี่ยวชาญแต่ละคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ

54 ข้อใดคือความยุติธรรมภายนอกของการบริหารเงินเดือนและค่าจ้าง

(1) การปรับตามค่าแรงขั้นต่ำ

(2) การปรับตามค่าครองชีพ

(3) การปรับตามอัตราเงินเฟ้อ

(4) การสำรวจเงินเดือน/ค่าจ้าง

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 43. ประกอบ

55 ข้อใดไม่ใช่สภาพแวดล้อมภายในองค์การ

(1) โครงสร้างองค์การ

(2) ค่านิยมร่วม

(3) ทักษะของบุคลากร

(4) กลยุทธ์ของหน่วยงาน

(5) สภาวะทางเศรษฐกิจ

ตอบ 5 หน้า 24 – 28, 65 – 67 ปัจจัยสภาพแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อองค์การ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1 ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอกองค์การ ได้แก่ กระแสโลกาภิวัตน์ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี นวัตกรรมการจัดการ สิ่งท้าทายด้านคุณภาพ โครงสร้างประชากรและกำลังแรงงาน สภาวะทางเศรษฐกิจและการแข่งขัน ความคาดหวังของผู้รับบริการ เป็นต้น
2 ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายในองค์การ ได้แก่ โครงสร้างองค์การ วัฒนธรรมองค์การ กลยุทธ์ขององค์การ ค่านิยมร่วมในการปฏิบัติงาน บุคลากรในองค์การ ความสามารถหรือทักษะของบุคลากร เป็นต้น

56 สิ่งใดคือข้อจำกัดที่ทำให้เกิดปัญหาในการประเมินผลการปฏิบัติงาน

(1) ความลำเอียง

(2) มาตรฐานของผู้บังคับบัญชา (ผู้ประเมิน) ที่แตกต่างกัน

(3) การเมืองภายในองค์การ

(4) ความซับซ้อนของระบบการประเมินผลการปฏิบัติงาน

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 หน้า 262 – 263 ข้อจำกัดที่ทำให้เกิดปัญหาในการประเมินผลการปฏิบัติงาน มีดังนี้:
1 ความลำเอียงหรืออคติของผู้บังคับบัญชาหรือผู้ประเมิน
2 มาตรฐานของผู้บังคับบัญชาหรือผู้ประเมินที่แตกต่างกัน
3 ความซับซ้อนของระบบการประเมินผลการปฏิบัติงาน
4 การใช้ระบบการประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อกลั่นแกล้ง กีดกัน หรือเกมการเมืองภายในองค์การ
5 การที่ผู้ประเมินมีบทสรุปของการประเมินผลการปฏิบัติงานไว้ล่วงหน้า ฯลฯ

57 ข้อใดไม่ใช่เหตุผลของการรักษากำลังคน

(1) ลดความสิ้นเปลืองในการสรรหา

(2) คงความต่อเนื่องในการทำงาน

(3) เพื่อส่งเสริมความหลากหลาย

(4) รักษาภาพลักษณ์องค์การ

(5) สร้างความจงรักภักดี

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 10. ประกอบ

58 ข้อใดเป็นการบริหารทรัพยากรมนุษย์ภายใต้ระบบอุปถัมภ์

(1) หลักความสามารถ

(2) หลักความมั่นคง

(3) หลักความเสมอภาค

(4) การไม่ยึดถือหลักเกณฑ์

(5) หลักความเป็นกลางทางการเมือง

ตอบ 4 หน้า 12 – 13 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ภายใต้ระบบอุปถัมภ์ (Patronage System) เป็นการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ถือเอาความใกล้ชิดหรือความเป็นพรรคพวกเป็นสำคัญ ไม่มีหลักเกณฑ์ที่แน่นอน ซึ่งก่อให้เกิดผลดังนี้
1 การพิจารณาบรรจุแต่งตั้ง เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง เป็นไปตามความพอใจส่วนบุคคลของหัวหน้าเป็นหลัก ไม่ได้คำนึงถึงความรู้ความสามารถของบุคคลเป็นเกณฑ์ จึงส่งผลให้บุคคลไม่เน้นการพัฒนาตนเองให้มีความรู้ความสามารถ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาสมรรถนะในการปฏิบัติงานของบุคคล
2 ผู้ปฏิบัติงานมุ่งทำงานเพื่อเอาใจผู้ครองอำนาจมากกว่าจะปฏิบัติงานตามหน้าที่
3 ผู้ปฏิบัติงานไม่มีความมั่นคงในหน้าที่ที่กำลังทำอยู่ เพราะอาจถูกปลดได้ถ้าผู้มีอำนาจไม่พอใจ ฯลฯ

59 ปัจจัยใดที่ไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อค่าจ้าง

(1) ต้นทุนค่าครองชีพ

(2) อัตราเงินเฟ้อ

(3) อัตราค่าจ้างทั่วไป

(4) เส้นความยากจน

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 143 – 147, (คำบรรยาย) ปัจจัยที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อค่าจ้างเงินเดือน ได้แก่ สภาพตลาดแรงงาน อัตราค่าจ้างทั่วไป ค่าแรงขั้นต่ำ ต้นทุนค่าครองชีพ อัตราเงินเฟ้อ ความสามารถของการจ่าย อำนาจการต่อรอง และค่าของงานเปรียบเทียบ

60 ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยที่ใช้ในการประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อเลื่อนระดับ

(1) ผลงานในช่วงเวลาที่ผ่านมา

(2) ศักยภาพที่จะรับผิดชอบในตำแหน่งที่สูงขึ้น

(3) ความมีวุฒิภาวะ

(4) วุฒิการศึกษา

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 5 หน้า 157, (คำบรรยาย) ปัจจัยที่ใช้ในการประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อเลื่อนระดับตำแหน่ง มีดังนี้:
1 วุฒิการศึกษา
2 ผลงานในช่วงเวลาที่ผ่านมา
3 ศักยภาพที่จะรับผิดชอบงานในตำแหน่งที่สูงขึ้น
4 ความมีวุฒิภาวะ ฯลฯ

61 องค์การอาจเกิดปัญหาการปรับตัวและการขัดกันของวัฒนธรรมได้จากข้อใด

(1) การสรรหา

(2) การคัดเลือก

(3) การสรรหาจากภายใน

(4) การสรรหาจากภายนอก

(5) การบรรจุ

ตอบ 4 หน้า 119 ข้อเสียของการสรรหาบุคคลจากภายนอกองค์การ มีดังนี้
1 มีผลกระทบต่อขวัญกําลังใจและความผูกพันในการทํางานของบุคลากรภายในองค์การ
2 เป็นการปิดกั้นโอกาสความเจริญก้าวหน้าในสายงานอาชีพของบุคลากรภายในองค์การ
3 สิ้นเปลืองเวลาและค่าใช้จ่าย
4 อาจเกิดปัญหาการปรับตัวและการขัดกันของวัฒนธรรมในองค์การ ฯลฯ

62 ข้อใดกล่าวได้ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับแรงงานสัมพันธ์

(1) ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง

(2) กระบวนการสร้างความร่วมมือและความเข้าใจระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง

(3) กระบวนการคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง

(4) รูปแบบของกิจกรรมที่จัดขึ้นร่วมกันระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 273 แรงงานสัมพันธ์ มีความหมายดังนี้
1 ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนายจ้าง ลูกจ้าง หัวหน้าผู้ควบคุมงานหรือระหว่างพนักงานด้วยกัน ซึ่งความสัมพันธ์ที่ดีนี้จะทําให้เกิดความร่วมมือ ความสามัคคี และการที่จะสร้างความสัมพันธ์ ที่ดีจะต้องมีกิจกรรมหรือการสื่อสารที่ดี มีกระบวนการหรือกลไกคลี่คลายปัญหาความขัดแย้ง หรือความต้องการที่ไม่ตรงกัน รับรู้ความต้องการและปัญหาของอีกฝ่ายโดยมีระบบการพูดคุย เจรจา และสร้างข้อตกลงร่วมกัน
2 กระบวนการเพื่อสร้างความร่วมมือความเข้าใจระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง โดยมีการ แสดงออกซึ่งการเรียกร้อง การเจรจา ทําความเข้าใจตกลงกันระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง เพื่อเป็นข้อตกลงสภาพการจ้าง

63 ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าครองชีพซึ่งต้องนํามาพิจารณาประกอบการตัดสินใจในการกําหนดเงินเดือน

(1) ราคาเชื้อเพลิง

(2) ราคาสินค้า

(3) อัตราดอกเบี้ย

(4) อัตราแลกเปลี่ยน

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คําบรรยาย) ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าครองชีพซึ่งต้องนํามาพิจารณาประกอบการตัดสินใจ ในการกําหนดค่าจ้างเงินเดือน ได้แก่ ราคาสินค้า ราคาเชื้อเพลิง อัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ เป็นต้น

64 สิ่งใดคือความต้องการขั้นแรกตามทฤษฎีความต้องการตามลําดับขั้นของ Abraham H. Maslow

(1) ความต้องการความมั่นคงปลอดภัย

(2) ความต้องการทางกายภาพ

(3) ความต้องการทางสังคม

(4) ความต้องการทางจิตใจ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 2 หน้า 46 – 47, (คําบรรยาย) Abraham H. Maslow ได้เสนอหลักการตอบสนอง ความต้องการ 5 ขั้น โดยเห็นว่า ความต้องการของบุคคลจะเรียงเป็นลําดับขั้นตอนตาม ความสําคัญ เมื่อความต้องการระดับต่ําได้รับการตอบสนองแล้ว บุคคลจะให้ความสนใจ กับความต้องการระดับสูงต่อไป ซึ่งความต้องการของบุคคลมี 5 ขั้น ดังนี้

1. ความต้องการทางกายภาพ
2. ความต้องการความมั่นคงปลอดภัย
3. ความต้องการความรัก
4. ความต้องการยกย่อง
5. ความต้องการความสำเร็จด้วยตนเอง

65. ข้อใดไม่ใช่วัตถุประสงค์ของแรงงานสัมพันธ์

(1) การระงับข้อพิพาท

(2) การรักษาความเป็นธรรมในด้านสังคมและเศรษฐกิจ

(3) การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต

(4) การให้ความคุ้มครองแก่นายจ้างและลูกจ้าง

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 283 – 284 วัตถุประสงค์ของแรงงานสัมพันธ์ มีดังนี้ 1. การระงับข้อพิพาท 2. การรักษาความเป็นธรรมในด้านสังคมและเศรษฐกิจ ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง 3. การส่งเสริมความสัมพันธ์ 4. การให้ความคุ้มครองแก่นายจ้างและลูกจ้าง

66. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการบริหารแรงงานที่สอดคล้องกับทฤษฎี Y ของ McGregor

(1) การสั่งการตามสายการบังคับบัญชา

(2) การเน้นการควบคุม

(3) การเน้นการปฏิบัติตามกฎระเบียบ

(4) การกระจายอำนาจการตัดสินใจ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 287 แนวคิดแรงงานสัมพันธ์เชิงรุก (Proactive Labor Relations) เป็นแนวคิดการบริหารจัดการแรงงานที่สอดคล้องกับทฤษฎี Y ของ McGregor ซึ่งเป็นแนวคิดที่เน้นการกระจายอำนาจ การบริหารและการตัดสินใจแก่บุคลากรระดับต่าง ๆ มีการกำหนดนโยบายหรือวิธีการบริหารจัดการโดยรับฟังความคิดเห็นของบุคลากร ให้ความสำคัญกับความรู้สึกนึกคิดและความต้องการ ของบุคลากร มีการสำรวจความคิดเห็นเพื่อกำหนดแนวทางการทำงาน รวมทั้งมีแนวคิดการให้สิทธิประโยชน์ในลักษณะเป็น “การให้ก่อนที่จะร้องขอ”

67. ข้อใดเป็นผลจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม

(1) การแบ่งงานกันทำตามความถนัด

(2) การเพิ่มค่าจ้างและสวัสดิการให้แก่แรงงาน

(3) การแปรรูปกิจการจากรัฐไปเป็นเอกชน

(4) การปรับขึ้นราคาสินค้าและบริการต่าง ๆ

(5) การย้ายฐานการผลิตจากเมืองไปยังชนบท

ตอบ 1 หน้า 34 – 37 การปฏิวัติอุตสาหกรรม เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศอังกฤษในช่วงศตวรรษที่ 18 ซึ่งผลจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิด 1. การนำเอาเครื่องจักรมาใช้ในการทำงาน 2. การผลิตในระบบโรงงาน 3. การใช้แรงงานในโรงงาน 4. การแบ่งงานกันทำตามความถนัด ฯลฯ

68. สิ่งใดต่อไปนี้ที่ไม่ได้สะท้อนถึงการตระหนักถึงการให้คุณค่ากับแรงงาน

(1) การพัฒนาทักษะแรงงาน

(2) การตรากฎหมายคุ้มครองแรงงาน

(3) การขอรับความช่วยเหลือจาก IMF

(4) การรับฟังความคิดเห็นของแรงงาน

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 (คำบรรยาย) สิ่งที่สะท้อนถึงการตระหนักถึงการให้คุณค่ากับแรงงานก็คือ การพัฒนาทักษะแรงงาน การรับฟังความคิดเห็นของแรงงาน และที่สำคัญคือ การตรากฎหมายคุ้มครองแรงงาน ซึ่งเป็นกฎหมายที่บัญญัติถึงสิทธิและหน้าที่ระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง โดยกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำในการใช้แรงงาน การจ่ายค่าตอบแทนการทำงาน การจัดสถานที่ เครื่องจักรและอุปกรณ์ในการทำงาน เพื่อให้ลูกจ้างทำงานด้วยความปลอดภัย มีสุขภาพอนามัยที่ดี ได้รับค่าตอบแทนและสวัสดิการที่เหมาะสม

69. วิธีการใดที่ทำให้องค์การอาจเสียโอกาสได้คนที่มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่

(1) การสรรหา

(2) การคัดเลือก

(3) การสรรหาจากภายใน

(4) การสรรหาจากภายนอก

(5) การบรรจุ

ตอบ 3 หน้า 116 – 117 ข้อเสียของการสรรหาบุคคลจากภายในองค์การ มีดังนี้:
1 ทำให้องค์การอาจเสียโอกาสได้คนที่มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ
2 หากองค์การไม่มีการกำหนดกฎเกณฑ์การคัดเลือกบุคลากรภายในองค์การที่ชัดเจน อาจทำให้การสรรหาบุคลากรภายในองค์การเป็นระบบอุปถัมภ์มากกว่าระบบคุณธรรม
3 ก่อให้เกิดปัญหาการขาดแคลนบุคลากรขึ้นภายในองค์การ เมื่อองค์การมีความต้องการในการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ฯลฯ

70. สิ่งใดไม่ได้เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อองค์การ

(1) กระแสโลกาภิวัตน์

(2) ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

(3) สิ่งท้าทายด้านคุณภาพ

(4) ความคาดหวังของผู้รับบริการ

(5) วัฒนธรรมองค์การ

ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 55. ประกอบ

71. การกำหนดให้มีคณะกรรมการเพื่อรับพิจารณาเรื่องอุทธรณ์ร้องทุกข์เพื่อป้องกันการกลั่นแกล้ง สอดคล้องกับหลักการในข้อใด

(1) หลักการเสริมประสิทธิภาพ

(2) หลักพิทักษ์คุณธรรม

(3) หลักระบบค่าตอบแทน

(4) หลักจริยธรรมและวินัย

(5) การกระจายอำนาจ

ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 207), (คำบรรยาย) หลักพิทักษ์คุณธรรมตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีดังนี้:
1 กำหนดให้มีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ซึ่งเป็นองค์กรกึ่งตุลาการ และเป็นอิสระจากฝ่ายบริหาร ทำหน้าที่พิจารณาเรื่องการอุทธรณ์และการร้องทุกข์ของข้าราชการเพื่อป้องกันการกลั่นแกล้ง เช่น ในกรณีที่ข้าราชการถูกสั่งลงโทษทางวินัยหรือได้รับการปฏิบัติจากผู้บังคับบัญชา (เช่น การแต่งตั้งโยกย้าย) อย่างไม่เป็นธรรม
2 การจัดให้มีศาลปกครองรับเรื่องด้านการบริหารงานบุคคล
3 การให้พนักงาน/ข้าราชการที่ถูกกล่าวหาต้องยุติหน้าที่หรือย้ายไปประจำส่วนราชการ เป็นการชั่วคราว ฯลฯ

72. การกำหนดโครงสร้างแบบ Broad banding พบได้ในข้อใด

(1) การวิเคราะห์งาน

(2) คำบรรยายลักษณะงาน

(3) คุณสมบัติผู้ปฏิบัติงาน

(4) การประเมินค่างาน

(5) การกำหนดค่าตอบแทน

ตอบ 5 หน้า 213 – 214 การกำหนดโครงสร้างแบบ Broad banding เป็นการกำหนดโครงสร้างของค่าตอบแทนหรือค่าจ้างเงินเดือน ซึ่งที่มาของการพัฒนาโครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนเป็นแบบ Broad banding มีดังนี้:
1 โครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนแบบเดิมขาดความยืดหยุ่น
2 โครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนแบบเดิมมีหลายระดับและมีความสัมพันธ์ของงานที่เหมือนกันในแต่ละระดับ จึงมีความจำเป็นต้องพิจารณางานที่มีความคล้ายคลึงกันเข้าด้วยกัน
3 ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี
4 แนวคิดการบริหารที่เน้นความคล่องตัวและให้อิสระกับผู้ปฏิบัติงานให้มีความรับผิดชอบมากขึ้น ฯลฯ

73. สภาองค์การนายจ้าง หมายถึง

(1) หน่วยงานหนึ่งในสังกัดของกระทรวงแรงงาน

(2) องค์การที่เกิดจากการรวมตัวระหว่างสมาคมนายจ้างที่มีกิจกรรมในลักษณะเดียวกันตั้งแต่ 2 สมาคมขึ้นไป

(3) องค์การที่เกิดจากการรวมตัวของสมาคมหรือสหพันธ์นายจ้างตั้งแต่ 5 แห่งขึ้นไป

(4) องค์การระดับแรกของนายจ้างที่มีกิจการในลักษณะเดียวกันรวมตัวกันจัดตั้งขึ้น

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 297 องค์การนายจ้าง แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ
1 สมาคมนายจ้าง คือ องค์การระดับแรกของนายจ้างที่มีกิจการในลักษณะเดียวกันรวมตัวกันจัดตั้งขึ้น
2 สหพันธ์นายจ้าง คือ องค์การที่เกิดจากการรวมตัวกันระหว่างสมาคมนายจ้างที่มีกิจการในลักษณะเดียวกันตั้งแต่ 2 สมาคมขึ้นไป
3 สภาองค์การนายจ้าง คือ องค์การที่เกิดจากการรวมตัวกันระหว่างสมาคมหรือสหพันธ์นายจ้างตั้งแต่ 5 แห่งขึ้นไป

74. ข้อใดกล่าวได้ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการประเมินผลการปฏิบัติงานแบบ 360 องศา

(1) เป็นการประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างรอบด้าน

(2) เพื่อนร่วมงานสามารถมีส่วนร่วมในการประเมิน

(3) ทำให้เกิดการสื่อสารที่ดีขึ้นในองค์การ

(4) ผู้ใต้บังคับบัญชาสามารถมีส่วนร่วมในการประเมิน

(5) เป็นวิธีที่ล้าสมัยและไม่มีการใช้ในปัจจุบัน

ตอบ 5 (คำบรรยาย) การประเมินผลการปฏิบัติงานแบบ 360 องศา เป็นการประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างรอบด้านโดยผู้ประเมินคือบุคคลรอบ ๆ ตัวเราทั้งหมด เช่น หัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน ผู้ใต้บังคับบัญชา ตัวเรา ลูกค้า เป็นต้น ซึ่งเป็นวิธีการประเมินที่ทันสมัยและนิยมใช้กันมากในปัจจุบัน โดยประโยชน์ของการประเมินผลการปฏิบัติงานแบบ 360 มีดังนี้
1 ทำให้ได้ทัศนะที่หลากหลายในการประเมินบุคคลมากยิ่งขึ้น
2 เป็นการสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างพนักงานที่ร่วมกิจกรรมในการประเมิน และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานกับผู้บังคับบัญชา ทำให้มีการสื่อสารที่ดี มีความเชื่อมั่นระหว่างกัน และเกิดความร่วมแรงร่วมใจกัน
3 สร้างจิตสำนึกในการมองประโยชน์ส่วนรวมร่วมกันมากขึ้น

75. ข้อใดเป็นวิธีการประเมินค่างานโดยตีค่าเป็นคะแนนตามแต่ละปัจจัยที่ใช้ในแต่ละงาน

(1) Job Analysis

(2) Job Ranking

(3) Job Classification

(4) Point Rating

(5) Factor Comparison

ตอบ 4 หน้า 171 (คำบรรยาย) การให้คะแนน (Point Rating) เป็นวิธีการประเมินค่างานโดยตีค่าเป็นคะแนนตามแต่ละปัจจัยที่ใช้ในแต่ละงาน เช่น งานธุรการ ให้คะแนนการศึกษา ร้อยละ 20 ประสบการณ์ร้อยละ 25 ความยุ่งยากในงานร้อยละ 35 ความรับผิดชอบร้อยละ 15 และสภาพการทำงานร้อยละ 5 เป็นต้น ซึ่งเป็นวิธีที่สำนักพัฒนาระบบจำแนกตำแหน่งและค่าตอบแทน สำนักงาน ก.พ. นำไปใช้ในการประเมินค่างานของข้าราชการพลเรือนในปัจจุบัน

76 สิ่งใดคือข้อเสียของระบบ Broad banding

(1) ไม่ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม

(2) ยากต่อการเปรียบเทียบค่าจ้างเงินเดือนในตลาด

(3) ขาดความยืดหยุ่น

(4) ไม่ให้ความสำคัญกับกระบวนการสรรหา คัดเลือก และบรรจุ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 2 หน้า 227 – 228 ข้อเสียของโครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนแบบ Broad banding มีดังนี้
1 ใช้งบประมาณมากในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนจากแบบเดิมมาเป็น แบบ Broad banding
2 ไม่เหมาะสมกับองค์การที่มีลักษณะงานที่แตกต่างกันจำนวนมาก
3 ยากต่อการเปรียบเทียบค่าจ้างเงินเดือนในตลาด
4 ไม่เหมาะสมกับสังคมการทำงานที่พนักงานมีความสามารถแตกต่างกันมาก
5 ไม่เหมาะสมกับองค์การที่ไม่ชอบการเรียนรู้พัฒนาด้วยตนเอง ฯลฯ

77 เป็นวิธีการประเมินค่างานโดยจัดลำดับความสำคัญหรือความยากง่าย
(1) Job Analysis

(2) Job Ranking

(3) Job Classification

(4) Point Rating

(5) Factor Comparison

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 34. ประกอบ

78 ข้อใดเป็นวิธีการประเมินค่างานโดยจัดกลุ่มตามลักษณะ/ปัจจัยของงาน

(1) Job Analysis

(2) Job Ranking

(3) Job Classification

(4) Point Rating

(5) Factor Comparison

ตอบ 3 หน้า 170 การจัดระดับงาน (Job Classification or Grading Method) เป็นวิธีการประเมิน ค่างานโดยจัดกลุ่มตามลักษณะ/ปัจจัยของงาน กล่าวคือ งานที่มีลักษณะของความยากง่าย เหมือนกันจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งปัจจัยที่กำหนดความยากง่ายของงาน ได้แก่ ความรู้ ความสามารถ ความชำนาญ ความรับผิดชอบ และสภาพการทำงาน

79 ข้อใดไม่จำเป็นสำหรับการประเมินผลการปฏิบัติงาน

(1) การทำความเข้าใจกับผู้ประเมินถึงนโยบายและวัตถุประสงค์ในการประเมิน

(2) ผู้รับการประเมินต้องร่วมออกแบบวิธีการประเมิน

(3) ต้องมีการแจ้งผลการประเมินให้ผู้รับการประเมินทราบ

(4) การประเมินจะต้องกระทำโดยทางลับ

(5) ผู้บังคับบัญชาควรมีส่วนร่วมในการประเมิน

ตอบ 2 หน้า 242, (คำบรรยาย) การออกแบบวิธีการประเมินเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งวิธีการประเมินผลการปฏิบัติงานนั้นมีหลายวิธีด้วยกัน ดังนั้นหน่วยงานจะต้องเลือกวิธี ให้เหมาะสมสอดคล้องกับลักษณะงานและความมุ่งหมายที่ตั้งไว้

80 ข้อใดคือผลเสียของการจัดทำโครงสร้างเงินเดือนที่ไม่เหมาะสม

(1) พนักงานลาออก

(2) พนักงานขาดขวัญกำลังใจ

(3) ไม่สามารถดึงดูดบุคคลให้เข้าสู่องค์การ

(4) ถูกทุกข้อ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 178, (คำบรรยาย) ผลเสียของการจัดทำโครงสร้างเงินเดือนที่ไม่เหมาะสม มีดังนี้
1 พนักงานขาดขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงาน
2 พนักงานอาจลาออก ไม่เอาใจใส่งาน ขาดงานหรือมาสายเป็นประจำ
3 ไม่สามารถดึงดูดบุคคลให้เข้าสู่องค์การได้ ฯลฯ

81 ข้อใดเป็นวิธีที่ใช้เป็นข้อมูลประกอบในการประเมินค่างาน

(1) Job Analysis

(2) Job Ranking

(3) Job Classification

(4) Point Rating

(5) Factor Comparison

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 8. ประกอบ

82 ข้อใดเป็นวิธีที่ใช้ในการประเมินค่างานของข้าราชการพลเรือนในปัจจุบัน

(1) Job Analysis

(2) Job Ranking

(3) Job Classification

(4) Point Rating

(5) Factor Comparison

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 75. ประกอบ

83 สิ่งใดที่เกิดขึ้นภายหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม

(1) การใช้แรงงานทาส

(2) ช่างฝีมือ

(3) การฝึกงานให้กับช่างฝึกหัด

(4) แรงงานในโรงงาน

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 67. ประกอบ

84 การให้นักการเมืองทุกคนแสดงบัญชีทรัพย์สินทั้งก่อนและหลังการดํารงตําแหน่ง สอดคล้องกับหลักการใด

(1) หลักการเสริมประสิทธิภาพ

(2) หลักพิทักษ์คุณธรรม

(3) หลักระบบค่าตอบแทน

(4) หลักจริยธรรมและวินัย

(5) การกระจายอํานาจ

ตอบ 4 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 207), (คําบรรยาย) หลักจริยธรรมและวินัยตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีดังนี้
1 กำหนดสิ่งที่ข้าราชการต้องปฏิบัติและข้อห้ามการปฏิบัติออกจากกันเป็นคนละส่วนอย่างชัดเจน
2 กำหนดให้ส่วนราชการแต่ละแห่งเป็นผู้กําหนดข้อบังคับว่าด้วยจรรยาข้าราชการเพื่อใช้บังคับเฉพาะข้าราชการในสังกัดส่วนราชการนั้นเท่านั้น
3 กำหนดให้ข้าราชการบางตําแหน่งต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินก่อนและหลังดํารงตําแหน่ง ฯลฯ

85 ข้อใดไม่ใช่ที่มาของการพัฒนาโครงสร้างเงินเดือนแบบ Broad banding

(1) ความจําเป็นในการพิจารณางานที่มีความคล้ายคลึงกันเข้าด้วยกัน

(2) ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี

(3) โครงสร้างเงินเดือนแบบเดิมขาดความยืดหยุ่น

(4) ถูกทุกข้อ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 72. ประกอบ

86 ข้อใดไม่ใช่จุดมุ่งหมายของการศึกษาการบริหารค่าจ้างเงินเดือน

(1) ศึกษาหลักการและวิธีการประเมินค่าจ้างเพื่อความเป็นธรรม

(2) โครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนสามารถจูงใจให้บุคลากรปฏิบัติงานเต็มความสามารถ

(3) เพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น

(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก

(5) ข้อ 1 และ 3 ถูก

ตอบ 3 หน้า 141 จุดมุ่งหมายของการศึกษาการบริหารค่าจ้างเงินเดือน มีดังนี้
1 ศึกษาหลักการและวิธีการประเมินค่าจ้างเพื่อความเป็นธรรมในการจ่ายค่าตอบแทน
2 หลักการออกแบบโครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนสามารถนําไปประยุกต์ใช้ในองค์การได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3 โครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนสามารถจูงใจให้บุคลากรปฏิบัติงานเต็มความสามารถ

87 ข้อใดต่อไปนี้ถือเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาสมรรถนะในการปฏิบัติงานของบุคลากรภาครัฐ

(1) หลักการเสริมประสิทธิภาพ

(2) หลักพิทักษ์คุณธรรม

(3) การพัฒนาแนวคิดด้านนวัตกรรม

(4) ระบบอุปถัมภ์

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 58. ประกอบ

88 มีการขึ้นเงินเดือนข้าราชการให้เหมาะสมกับค่าครองชีพ สอดคล้องกับหลักการใด

(1) หลักการเสริมประสิทธิภาพ

(2) หลักพิทักษ์คุณธรรม

(3) หลักระบบค่าตอบแทน

(4) หลักจริยธรรมและวินัย

(5) การกระจายอํานาจ

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 4. ประกอบ

89 การคัดเลือกในขั้นตอนใดจะกระทําสําเร็จได้จะต้องใช้ศิลป์มากกว่าศาสตร์

(1) การทดสอบ

(2) การสัมภาษณ์เบื้องต้น

(3) การให้กรอกใบสมัคร

(4) การตรวจร่างกาย

(5) การตรวจสอบคุณสมบัติพื้นฐาน

ตอบ 2 หน้า 128 – 129, (คําบรรยาย) การสัมภาษณ์เบื้องต้น (Preliminary Interview) เป็นการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นเพื่อดูความเหมาะสมของผู้สมัครงาน ซึ่งเป็นวิธีการที่นิยม มากที่สุดในการคัดเลือกบุคคลเข้าทํางาน โดยวิธีการนี้จะช่วยให้เห็นว่าบุคคลนั้นมีคุณสมบัติ ตรงตามความต้องการขององค์การหรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้ไม่เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการที่จะรับคนที่ขาดคุณสมบัติหรือมีคุณสมบัติไม่เหมาะสมเข้ามาตั้งแต่ต้น ทั้งนี้การสัมภาษณ์จะกระทําสําเร็จได้จะต้องใช้ศิลป์มากกว่าศาสตร์

90 ทําไมต้องรักษากําลังคนไว้กับองค์การ

(1) ลดความสิ้นเปลืองในการสรรหา

(2) คงความต่อเนื่องในการทํางาน

(3) ลดความสิ้นเปลืองในการฝึกอบรม

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 10. ประกอบ

91 ข้อใดเป็นวิธีการคาดการณ์ความต้องการด้านทรัพยากรมนุษย์

(1) การวิเคราะห์เปรียบเทียบต้นทุน-ผลตอบแทน (Cost-Benefit Analysis)

(2) การวิเคราะห์ SWOT

(3) การใช้เทคนิคเดลฟาย (Delphi)

(4) Balance Scorecard

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 77 – 81 เทคนิคหรือวิธีการคาดการณ์ความต้องการด้านทรัพยากรมนุษย์ มีดังนี้
1 เทคนิคเดลฟาย
2 เทคนิคนอมินอลกรุ๊ป
3 เทคนิคการพยากรณ์แนวโน้ม
4 เทคนิคเชิงปริมาณ
5 การใช้เครื่องมือเชิงคุณภาพ
6 เทคนิคการสร้างภาพจําลองกําลังแรงงาน
7 เทคนิคการคาดคะเนโดยการวิเคราะห์ปริมาณงาน 8. เทคนิคการสอบถามและตรวจสอบ

92 ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับคําบรรยายลักษณะงาน (Job Description)

(1) เป็นการจัดวางโครงสร้างองค์การ

(2) เป็นแนวปฏิบัติเพื่อการธํารงวินัย

(3) เป็นข้อมูลเกี่ยวกับอํานาจหน้าที่ ความรับผิดชอบ และขอบเขตของงานที่ต้องปฏิบัติ

(4) คือคุณสมบัติของผู้ปฏิบัติงาน

(5) คือการจัดสรรอัตรากําลังรองรับการบรรจุบุคลากรใหม่

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 51. ประกอบ

93. ข้อใดไม่ใช่วิธีการในการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับงาน
(1) การสังเกต
(2) การสัมภาษณ์
(3) การใช้แบบสอบถาม
(4) การสอบถามโดยใช้ Google Form
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 5 หน้า 101 – 107, (คำบรรยาย) วิธีการในการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับงาน มีดังนี้ 2. การใช้แบบสอบถาม เช่น การสอบถามโดยใช้ Google Form 1. การสังเกต ✓ 3. การสัมภาษณ์ 4. การประชุม 5. การบันทึกงาน 6. การทดลองปฏิบัติงาน

94. การทดสอบด้วยการให้ผู้สมัครทดสอบความสามารถด้วยการวิ่งระยะไกลจัดอยู่ในข้อใด
(1) การสัมภาษณ์เบื้องต้น
(2) การให้กรอกใบสมัคร
(3) การทดสอบสมรรถนะทางกาย
(4) การเขียนหนังสือแสดงเจตจำนง
(5) การตรวจสอบคุณสมบัติพื้นฐาน
ตอบ 3 (คำบรรยาย) การทดสอบสมรรถนะทางกาย คือ การทดสอบด้วยการให้ผู้สมัครทดสอบ ความสามารถด้วยการวิ่งระยะไกล ว่ายน้ำ ดันพื้น เป็นต้น

95. การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรกเกิดขึ้นที่ประเทศใด
(1) ประเทศจีน
(2) ประเทศญี่ปุ่น
(3) ประเทศอังกฤษ
(4) ประเทศสหภาพโซเวียต
(5) ประเทศสหรัฐอเมริกา
ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 67. ประกอบ

96. ข้อใดคือปรัชญาในการประเมินผลการปฏิบัติงานในปัจจุบัน
(1) เน้นการประเมินคุณลักษณะเฉพาะตัวของบุคคลซึ่งไม่มีความสัมพันธ์กับตัวงาน
(2) ให้ความสำคัญกับทักษะ ความรู้
(3) เน้นบุคลิกลักษณะภายนอกเป็นหลัก
(4) เน้นผลสำเร็จที่เกิดขึ้นจากการทำงาน
(5) ประเมินทัศนคติและความเชื่อ
ตอบ 4 หน้า 248 ปรัชญาในการประเมินผลการปฏิบัติงานในปัจจุบันนั้นจะเน้นผลการทำงาน ที่เกิดขึ้นจริงหรือผลสำเร็จที่เกิดขึ้นจากการทำงาน และยึดเป้าหมายของงานเป็นหลัก ซึ่งแตกต่างจากปรัชญาในการประเมินผลการปฏิบัติงานในอดีตที่เน้นการประเมินเฉพาะ ตัวพนักงาน คือจะประเมินผลในเรื่องคุณลักษณะ ความบกพร่อง และความสามารถเฉพาะตัว ของพนักงานซึ่งไม่มีความสัมพันธ์กับตัวงาน

97. การจำแนกกลุ่มข้าราชการเป็น 4 กลุ่ม (Cluster) เป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ใด
(1) เพื่อกระจายอำนาจให้ข้าราชการ
(2) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพและปรับปรุงระบบงาน
(3) เพื่อขยายขอบข่ายการควบคุม
(4) เพื่อจัดสวัสดิการให้เหมาะสม
(5) เพื่อเสริมสร้างประชาธิปไตย
ตอบ 2 (คำบรรยาย) การจำแนกกลุ่มข้าราชการเป็น 4 กลุ่ม (Cluster) นั้นเป็นไปเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และปรับปรุงระบบงาน รวมทั้งนำไปใช้ในการกำหนดอัตราเงินเดือนของข้าราชการให้เหมาะสม เป็นธรรม และสอดคล้องกับอัตราตลาด

98. “สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขารัฐศาสตร์…” ข้อความดังกล่าวพบได้จากที่ใด
(1) การวิเคราะห์งาน
(2) คำบรรยายลักษณะงาน
(3) คุณสมบัติผู้ปฏิบัติงาน (Job Specification)
(4) การประเมินค่างาน
(5) การกำหนดค่าตอบแทน
ตอบ 3 หน้า 87, 90, (คําบรรยาย) การกําหนดคุณสมบัติเฉพาะของผู้ปฏิบัติงาน (Job Specification) เป็นการกําหนดรายละเอียดของคุณสมบัติเฉพาะของพนักงานซึ่งใช้ในการทํางานเฉพาะอย่าง เพื่อให้งานประสบความสําเร็จ เช่น วุฒิการศึกษา ประสบการณ์ ความชํานาญ เพศ อายุ ส่วนสูง น้ําหนัก เป็นต้น ซึ่งข้อมูลที่นํามาใช้ในการกําหนดคุณสมบัติเฉพาะของผู้ปฏิบัติงานนี้จะพิจารณา จากความรู้ (Knowledge) ทักษะ (Skill) และความสามารถ (Abilities)

99 คํากล่าวใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการประเมินผลการปฏิบัติงาน

(1) เป็นการประเมินค่าของบุคคลผู้ปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ

(2) เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาบุคลากร

(3) มีเป้าหมายเพื่อใช้จัดโครงสร้างองค์การ

(4) ทําให้ทราบว่าผู้ปฏิบัติงานแต่ละคนมีความสามารถเพียงใด

(5) สามารถใช้เครื่องมือในการประเมินได้หลายแบบ

ตอบ 3 หน้า 239 240 การประเมินผลการปฏิบัติงาน เป็นการประเมินค่าของบุคคลผู้ปฏิบัติงาน อย่างเป็นระบบในแง่ของผลการปฏิบัติงาน ซึ่งจะทําให้ทราบว่าผู้ปฏิบัติงานแต่ละคนมีความ สามารถในการปฏิบัติงานเพียงใด โดยผลของการประเมินจะถูกนําไปใช้เป็นเครื่องมือประกอบ การพิจารณาแต่งตั้งบุคคลเข้าปฏิบัติงาน การเลื่อนตําแหน่ง การพัฒนาบุคคล การจัดสวัสดิการ การพิจารณาความดีความชอบประจําปี เป็นต้น

100 ข้อใดเอาไปใช้ออกแบบงาน (Job Design)

(1) คําบรรยายลักษณะงาน (Job Description)

(2) การออกแบบงาน (Job Design)

(3) การประเมินค่างาน (Job Evaluation)

(4) การวิเคราะห์งาน (Job Analysis)

(5) การกําหนดคุณสมบัติเฉพาะ (Job Specification)

ตอบ 4 หน้า 95 – 97 ข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์งาน (Job Analysis) สามารถนําไปใช้ประโยชน์ ในด้านต่าง ๆ ได้หลายลักษณะ เช่น การวางแผนทรัพยากรมนุษย์ การสรรหาและคัดเลือกบุคคล การฝึกอบรมและพัฒนาบุคคล การประเมินผลการทํางาน การประเมินค่างาน การกําหนด ค่าตอบแทน การส่งเสริมความปลอดภัยในการทํางาน การออกแบบงาน (Job Design) เป็นต้น

POL2303 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในภาครัฐ 1/2564

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2564

ข้อสอบกระบวนวิชา POL2303 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในภาครัฐ

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว

1. ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยในการประเมินผลการปฏิบัติงาน

(1) ปริมาณงาน

(2) จำนวนบุคลากร

(3) ความรู้ในงาน

(4) ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์

(5) ประสบการณ์ในงาน

ตอบ 2 หน้า 254 – 255 ปัจจัยที่ใช้ในการประเมินผลการปฏิบัติงาน มีดังนี้
1 ปริมาณงาน
2 คุณภาพงาน
3 ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
4 ความรู้ในงาน
5 การให้ความร่วมมือ
6 ประสบการณ์ในงาน
7 การทำนิติกรรมสัญญากับผู้อื่น
8 การตัดสินใจอย่างสมเหตุสมผล
9 ความมีอิสระในการทำงาน
10 ทัศนคติ ฯลฯ

2. ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าครองชีพซึ่งต้องนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจในการกำหนดเงินเดือน

(1) ราคาเชื้อเพลิง

(2) ราคาสินค้า

(3) อัตราดอกเบี้ย

(4) อัตราแลกเปลี่ยน

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คำบรรยาย) ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าครองชีพซึ่งต้องนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจในการกำหนดค่าจ้างเงินเดือน ได้แก่ ราคาสินค้า ราคาเชื้อเพลิง อัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ เป็นต้น

3. ข้อใดคือปัจจัยที่ลดความไม่พึงพอใจของพนักงาน (Hygiene Factors)

(1) การจ่ายค่าล่วงเวลา

(2) โบนัส

(3) คอมมิชชั่น

(4) เงื่อนไขในการทำงาน

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 156), (คำบรรยาย) ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับแรงจูงใจในการทำงานตามทฤษฎีของ Frederick Herzberg ประกอบด้วย
1 ปัจจัยค้ำจุนหรือปัจจัยสุขภาวะ (Hygiene Factors) เป็นปัจจัยที่ลดความไม่พึงพอใจของพนักงานในการทำงาน เช่น เงินเดือน/ค่าจ้าง เงื่อนไขการทำงาน สภาพการทำงาน (เช่น แสงไฟ โต๊ะทำงาน คอมพิวเตอร์ เครื่องปรับอากาศ) นโยบายและการบริหารงาน การควบคุมบังคับบัญชา เป็นต้น
2 ปัจจัยกระตุ้น (Motivation Factors) เป็นปัจจัยเพิ่มแรงจูงใจแก่พนักงานในการทำงาน เช่น การยอมรับนับถือ ความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน สวัสดิการหรือประโยชน์เกื้อกูลต่างๆ (เช่น โบนัส ประกันชีวิต ค่ารักษาพยาบาล รถประจำตำแหน่ง ห้องทำงานส่วนตัว) เป็นต้น

4. เหตุผลของการจัดตั้งสหภาพแรงงาน คือ

(1) เพื่อคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของลูกจ้าง

(2) เพื่อคุ้มครองประโยชน์ขององค์การ

(3) เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของประชาชนผู้รับบริการ

(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก

(5) ข้อ 1 และ 3 ถูก

ตอบ 1 หน้า 294 สหภาพแรงงาน เป็นองค์การระดับล่างสุดขององค์การลูกจ้าง ซึ่งการจัดตั้งสหภาพแรงงานนั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของลูกจ้าง เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตการทำงานที่เหมาะสม

5 ให้ข้าราชการต้องไปเพิ่มพูนความรู้ เข้าฝึกอบรมเป็นประจำตลอดช่วงระยะเวลาที่รับราชการ เป็นไปตามหลักการในข้อใด
(1) หลักการเสริมประสิทธิภาพ
(2) หลักพิทักษ์คุณธรรม
(3) หลักระบบค่าตอบแทน
(4) หลักจริยธรรมและวินัย
(5) การกระจายอำนาจ
ตอบ 1 (คำบรรยาย) หลักการเสริมประสิทธิภาพตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีดังนี้
1กำหนดให้ข้าราชการไปศึกษาเพิ่มเติม ฝึกอบรม ดูงาน หรือปฏิบัติการวิจัยในประเทศหรือต่างประเทศ
2 กำหนดให้มีแบบฟอร์มการทำรายงานหลัง/กลับจากการฝึกอบรมของหน่วยงานรัฐ
3 กำหนดให้มีการตรวจสอบจากองค์กรภายนอกหลายองค์กร เช่น สตง., ป.ป.ช., กกต., จังหวัด และองค์กรวิชาชีพ ฯลฯ

6 เป็นวิธีการประเมินค่างานโดยจัดลำดับความสำคัญหรือความยากง่าย
(1) Job Analysis
(2) Job Ranking
(3) Job Classification
(4) Point Rating
(5) Factor Comparison
ตอบ 2 หน้า 169 – 170 การเรียงลำดับ (Job Ranking) เป็นวิธีดั้งเดิมหรือเก่าแก่ที่สุด ซึ่งไม่เหมาะกับองค์การขนาดใหญ่ที่มีงานจำนวนมากหรือองค์การที่มีโครงสร้างซับซ้อน
สาระสำคัญของวิธีนี้คือ การนำเอางานที่มีอยู่ทั้งหมดมาจัดลำดับความสำคัญจากงานที่ง่ายที่สุดไปยังงานที่ยากที่สุด โดยใช้การเปรียบเทียบเป็นคู่ ๆ (Paired Comparison) แล้วตัดสินใจว่างานใดสำคัญหรือยากกว่า จึงเป็นวิธีที่มีข้อโต้แย้งในเรื่องมาตรฐานที่ใช้ตัดสินความสำคัญของงาน

7 ข้อใดไม่อยู่ในกระบวนการคัดเลือก
(1) การรับสมัคร
(2) การทดสอบ
(3) การตรวจร่างกาย
(4) การปฐมนิเทศ
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 4 หน้า 128 กระบวนการของการคัดเลือก ประกอบด้วย 9 ขั้นตอน ดังนี้
1 การรับสมัคร
2 การสัมภาษณ์เบื้องต้น
3 การให้กรอกใบสมัคร
4 การตรวจคุณสมบัติพื้นฐาน
5 การทดสอบ
6 การสัมภาษณ์
7 การคัดเลือกเพื่อบรรจุโดยฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ของสายงานที่จะรับพนักงาน
8 การตัดสินใจโดยเจ้าหน้าที่
9 การตรวจร่างกาย

8 การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรกเกิดขึ้นที่ประเทศใด
(1) ประเทศจีน
(2) ประเทศญี่ปุ่น
(3) ประเทศอังกฤษ
(4) ประเทศสหภาพโซเวียต
(5) ประเทศสหรัฐอเมริกา
ตอบ 3 หน้า 34 – 37 การปฏิวัติอุตสาหกรรม เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศอังกฤษในช่วงศตวรรษที่ 18 ซึ่งผลจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิด
1 การนำเอาเครื่องจักรมาใช้ในการทำงาน
2 การผลิตในระบบโรงงาน
3 การใช้แรงงานในโรงงาน
4 การแบ่งงานกันทำตามความถนัด ฯลฯ

9. การกําหนดให้มีคณะกรรมการเพื่อรับพิจารณาเรื่องอุทธรณ์ร้องทุกข์เพื่อป้องกันการกลั่นแกล้ง สอดคล้องกับหลักการในข้อใด

(1) หลักการเสริมประสิทธิภาพ

(2) หลักพิทักษ์คุณธรรม

(3) หลักระบบค่าตอบแทน

(4) หลักจริยธรรมและวินัย

(5) การกระจายอํานาจ

ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 207), (คําบรรยาย) หลักพิทักษ์คุณธรรมตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีดังนี้
1 กําหนดให้มีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ซึ่งเป็นองค์กรกึ่งตุลาการ และเป็นอิสระจากฝ่ายบริหาร ทําหน้าที่พิจารณาเรื่องการอุทธรณ์และการร้องทุกข์ของ ข้าราชการเพื่อป้องกันการกลั่นแกล้ง เช่น ในกรณีที่ข้าราชการถูกสั่งลงโทษทางวินัยหรือ ได้รับการปฏิบัติจากผู้บังคับบัญชา (เช่น การแต่งตั้งโยกย้าย) อย่างไม่เป็นธรรม
2 การจัดให้มีศาลปกครองรับเรื่องด้านการบริหารงานบุคคล
3 การให้พนักงาน/ข้าราชการที่ถูกกล่าวหาต้องยุติหน้าที่หรือย้ายไปประจําส่วนราชการเป็นการชั่วคราว ฯลฯ

10. ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับค่าตอบแทน

(1) สิ่งที่ได้จากการทํางาน

(2) สิ่งที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้าง

(3) ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร

(4) ถูกทุกข้อ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 135 – 136 ค่าตอบแทน หมายถึง
1 สิ่งที่ได้จากการทํางาน
2 สิ่งที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้าง
3 ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร รวมถึงค่าจ้าง เงินเดือน และรางวัลตอบแทนอื่น ๆ นอกเหนือจากค่าจ้างเงินเดือน

11. “วิเคราะห์และจัดทําแผนของหน่วยงาน…” ข้อความดังกล่าวพบได้จากที่ใด

(1) การวิเคราะห์งาน

(2) คําบรรยายลักษณะงาน

(3) คุณสมบัติผู้ปฏิบัติงาน

(4) การประเมินค่างาน

(5) การกําหนดค่าตอบแทน

ตอบ 2 หน้า 89 คําบรรยายลักษณะงาน (Job Description) เป็นข้อมูลเกี่ยวกับอํานาจหน้าที่ ความรับผิดชอบ ขอบเขตของงาน ความสัมพันธ์ในสายงานและกระบวนการปฏิบัติงาน โดยทั่วไปจะประกอบด้วยข้อความสําคัญ ได้แก่ ตําแหน่งงาน หน้าที่ ความรับผิดชอบ คุณลักษณะของงาน และเงื่อนไขสภาวะแวดล้อม

12. การกําหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถูกตรวจสอบจากภายนอก เช่น สตง. ป.ป.ช. สอดคล้องกับหลักการในข้อใด

(1) หลักการเสริมประสิทธิภาพ

(2) หลักพิทักษ์คุณธรรม

(3) หลักระบบค่าตอบแทน

(4) หลักจริยธรรมและวินัย

(5) การกระจายอํานาจ

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 5. ประกอบ

13. การกําหนดโครงสร้างแบบ Broadbanding พบได้ในข้อใด

(1) การวิเคราะห์งาน

(2) คําบรรยายลักษณะงาน

(3) คุณสมบัติผู้ปฏิบัติงาน

(4) การประเมินค่างาน

(5) การกําหนดค่าตอบแทน

ตอบ 5 หน้า 213 – 214 การกำหนดโครงสร้างแบบ Broadbanding เป็นการกำหนดโครงสร้างของค่าตอบแทนหรือค่าจ้างเงินเดือน ซึ่งที่มาของการพัฒนาโครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนเป็นแบบ Broadbanding มีดังนี้
1 โครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนแบบเดิมขาดความยืดหยุ่น
2 โครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนแบบเดิมมีหลายระดับและมีความสัมพันธ์ของงานที่เหมือนกันในแต่ละระดับ จึงมีความจำเป็นต้องพิจารณางานที่มีความคล้ายคลึงกันเข้าด้วยกัน
3 ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี
4 แนวคิดการบริหารที่เน้นความคล่องตัวและให้อิสระกับผู้ปฏิบัติงานให้มีความรับผิดชอบมากขึ้น ฯลฯ

14 ข้อใดเป็นวิธีการประเมินค่างานโดยตีค่าเป็นคะแนนตามแต่ละปัจจัยที่ใช้ในแต่ละงาน

(1) Job Analysis

(2) Job Ranking

(3) Job Classification

(4) Point Rating

(5) Factor Comparison

ตอบ 4 หน้า 171, (คำบรรยาย) การให้คะแนน (Point Rating) เป็นวิธีการประเมินค่างาน โดยตีค่าเป็นคะแนนตามแต่ละปัจจัยที่ใช้ในแต่ละงาน เช่น งานธุรการ ให้คะแนนการศึกษา ร้อยละ 20 ประสบการณ์ร้อยละ 25 ความยุ่งยากในงานร้อยละ 35 ความรับผิดชอบร้อยละ 15 และสภาพการทำงานร้อยละ 5 เป็นต้น ซึ่งเป็นวิธีที่สำนักพัฒนาระบบจำแนกตำแหน่งและค่าตอบแทน สำนักงาน ก.พ. นำไปใช้ในการประเมินค่างานของข้าราชการพลเรือนในปัจจุบัน

15 ข้อใดเป็นการบริหารทรัพยากรมนุษย์ภายใต้ระบบอุปถัมภ์

(1) หลักความสามารถ

(2) หลักความมั่นคง

(3) หลักความเสมอภาค

(4) การไม่ยึดถือหลักเกณฑ์

(5) หลักความเป็นกลางทางการเมือง

ตอบ 4 หน้า 12 – 13 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ภายใต้ระบบอุปถัมภ์ (Patronage System) เป็นการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ถือเอาความใกล้ชิดหรือความเป็นพรรคพวกเป็นสำคัญ ไม่มีหลักเกณฑ์ที่แน่นอน ซึ่งก่อให้เกิดผลดังนี้
1 การพิจารณาบรรจุแต่งตั้ง เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง เป็นไปตามความพอใจส่วนบุคคลของหัวหน้าเป็นหลัก ไม่ได้คำนึงถึงความรู้ความสามารถของบุคคลเป็นเกณฑ์ จึงส่งผลให้บุคคลไม่เน้นการพัฒนาตนเองให้มีความรู้ความสามารถ
2 ผู้ปฏิบัติงานมุ่งทำงานเพื่อเอาใจผู้ครองอำนาจมากกว่าจะปฏิบัติงานตามหน้าที่
3 ผู้ปฏิบัติงานไม่มีความมั่นคงในหน้าที่ที่กำลังทำอยู่ เพราะอาจถูกปลดได้ถ้าผู้มีอำนาจไม่พอใจ ฯลฯ

16 ข้อใดมิใช่องค์ประกอบของ “ระบบไตรภาคี”

(1) นายจ้าง

(2) นักวิชาการด้านแรงงาน

(3) ลูกจ้าง

(4) รัฐบาล

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 2 หน้า 279 ระบบไตรภาคี ประกอบด้วยตัวแทน 3 ฝ่าย คือ รัฐบาล นายจ้าง และลูกจ้าง โดยระบบไตรภาคีจะเป็นกลไกให้ตัวแทนสามฝ่ายในการพิจารณาเกี่ยวกับผลประโยชน์ร่วมกัน ทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันและกันในด้านต่าง ๆ เช่น การปรึกษาหารือ การเจรจาต่อรอง การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การตัดสินใจต่าง ๆ ร่วมกัน

17 ข้อใดคือความหมายของการสรรหา

(1) กระบวนการในการพิจารณาเลื่อนระดับ

(2) กระบวนการในการค้นหาบุคคลที่มีความเหมาะสมกับตำแหน่ง

(3) กระบวนการในการดึงดูดบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ

(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก

(5) ข้อ 2 และ 3 ถูก

ตอบ 5 หน้า 114 – 115 การสรรหา (Recruitment) หมายถึง กระบวนการในการค้นหา จูงใจ หรือดึงดูดบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับตําแหน่งงานให้สนใจยื่นใบสมัครงาน กับองค์การให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งแหล่งที่ใช้ในการสรรหาบุคคล มี 2 แหล่ง คือ 1. การสรรหาบุคคลจากภายในองค์การ 2. การสรรหาบุคคลจากภายนอกองค์การ

18 ข้อใดไม่ใช่ที่มาของการพัฒนาโครงสร้างเงินเดือนแบบ Broadbanding

(1) โครงสร้างเงินเดือนแบบเดิมขาดความยืดหยุ่น

(2) ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี

(3) ความจําเป็นในการพิจารณางานที่มีความคล้ายคลึงกันเข้าด้วยกัน

(4) ถูกทุกข้อ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 13. ประกอบ

19 การคัดเลือกในขั้นตอนใดจะกระทําสําเร็จได้จะต้องใช้ศิลป์มากกว่าศาสตร์

(1) การสัมภาษณ์เบื้องต้น

(2) การให้กรอกใบสมัคร

(3) การทดสอบ

(4) การตรวจสอบคุณสมบัติพื้นฐาน

(5) การตรวจร่างกาย

ตอบ 1 หน้า 128 – 129, (คําบรรยาย) การสัมภาษณ์เบื้องต้น (Preliminary Interview) เป็นการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นเพื่อดูความเหมาะสมของผู้สมัครงาน ซึ่งเป็นวิธีการที่นิยม มากที่สุดในการคัดเลือกบุคคลเข้าทํางาน โดยวิธีการนี้จะช่วยให้เห็นว่าบุคคลนั้นมีคุณสมบัติ ตรงตามความต้องการขององค์การหรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้ไม่เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการที่จะรับคนที่ขาดคุณสมบัติหรือมีคุณสมบัติไม่เหมาะสมเข้ามาตั้งแต่ต้น ทั้งนี้การสัมภาษณ์จะกระทํา สําเร็จได้จะต้องใช้ศิลป์มากกว่าศาสตร์

20 ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยที่ใช้ในการประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อเลื่อนระดับ

(1) ผลงานในช่วงเวลาที่ผ่านมา

(2) ศักยภาพที่จะรับผิดชอบในตําแหน่งที่สูงขึ้น

(3) ความมีวุฒิภาวะ

(4) วุฒิการศึกษา

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 5 หน้า 157, (คําบรรยาย) ปัจจัยที่ใช้ในการประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อเลื่อนระดับตําแหน่ง มีดังนี้ 1. วุฒิการศึกษา 2. ผลงานในช่วงเวลาที่ผ่านมา 3. ศักยภาพที่จะรับผิดชอบงาน ในตําแหน่งที่สูงขึ้น 4. ความมีวุฒิภาวะ ฯลฯ

21 สิ่งใดคือข้อเสียของระบบ Broadbanding

(1) ไม่ส่งเสริมการทํางานเป็นทีม

(2) ขาดความยืดหยุ่น

(3) ยากต่อการเปรียบเทียบค่าจ้างเงินเดือนในตลาด

(4) ไม่ให้ความสําคัญกับกระบวนการสรรหา คัดเลือก และบรรจุ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 227 – 228 ข้อเสียของโครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนแบบ Broadbanding มีดังนี้ 1. ใช้งบประมาณมากในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนจากแบบเดิมมาเป็น แบบ Broadbanding 2. ไม่เหมาะสมกับองค์การที่มีลักษณะงานที่แตกต่างกันจํานวนมาก 3. ยากต่อการเปรียบเทียบค่าจ้างเงินเดือนในตลาด 4. ไม่เหมาะสมกับสังคมการทํางานที่ พนักงานมีความสามารถแตกต่างกันมาก 5. ไม่เหมาะสมกับองค์การที่ไม่ชอบการเรียนรู้ พัฒนาด้วยตนเอง ฯลฯ

22 ข้อใดไม่ใช่จุดมุ่งหมายของการศึกษาการบริหารค่าจ้างเงินเดือน

(1) ศึกษาหลักการและวิธีการประเมินค่าจ้างเพื่อความเป็นธรรม

(2) โครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนสามารถจูงใจให้บุคลากรปฏิบัติงานเต็มความสามารถ

(3) เพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น

(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก

(5) ข้อ 1 และ 3 ถูก

ตอบ 3 หน้า 141 จุดมุ่งหมายของการศึกษาการบริหารค่าจ้างเงินเดือน มีดังนี้
1 ศึกษาหลักการและวิธีการประเมินค่าจ้างเพื่อความเป็นธรรมในการจ่ายค่าตอบแทน
2 หลักการออกแบบโครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนสามารถนําไปประยุกต์ใช้ในองค์การได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3 โครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนสามารถจูงใจให้บุคลากรปฏิบัติงานเต็มความสามารถ

23 สภาองค์การนายจ้าง หมายถึง

(1) องค์การที่เกิดจากการรวมตัวของสมาคมหรือสหพันธ์ลูกจ้างตั้งแต่ 5 แห่งขึ้นไป

(2) องค์การที่เกิดจากการรวมตัวของสมาคมหรือสหพันธ์นายจ้างตั้งแต่ 5 แห่งขึ้นไป

(3) องค์การที่เกิดจากการรวมตัวระหว่างสมาคมนายจ้างที่มีกิจกรรมในลักษณะเดียวกันตั้งแต่ 2 สมาคมขึ้นไป

(4) องค์การระดับแรกของนายจ้างที่มีกิจการในลักษณะเดียวกันรวมตัวกันจัดตั้งขึ้น

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 2 หน้า 297 องค์การนายจ้าง แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ 1. สมาคมนายจ้าง คือ องค์การระดับแรกของนายจ้างที่มีกิจการในลักษณะเดียวกันรวมตัวกันจัดตั้งขึ้น 2. สหพันธ์นายจ้าง คือ องค์การที่เกิดจากการรวมตัวกันระหว่างสมาคมนายจ้างที่มีกิจการ ในลักษณะเดียวกันตั้งแต่ 2 สมาคมขึ้นไป 3. สภาองค์การนายจ้าง คือ องค์การที่เกิดจาก การรวมตัวกันระหว่างสมาคมหรือสหพันธ์นายจ้างตั้งแต่ 5 แห่งขึ้นไป

24 ทำไมต้องรักษากําลังคนไว้กับองค์การ

(1) ลดความสิ้นเปลืองในการสรรหา

(2) คงความต่อเนื่องในการทํางาน

(3) ลดความสิ้นเปลืองในการฝึกอบรม

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 (คําบรรยาย) การรักษาคนไว้ในองค์การ (Retain) คือ การสร้างแรงจูงใจให้คนทํางาน อยู่กับองค์การยาวนานหรือพยายามลดอัตราการลาออกของคนให้น้อยลง ทั้งนี้เพื่อ
1 คงความต่อเนื่องในการทํางาน
2 รักษาประสิทธิผลขององค์การ
3 ลดความสิ้นเปลืองในการสรรหาคัดเลือกและฝึกอบรม
4 รักษาภาพลักษณ์ขององค์การ
5 สร้างความจงรักภักดี ฯลฯ

25 ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับคําบรรยายลักษณะงาน (Job Description)

(1) เป็นการจัดวางโครงสร้างองค์การ

(2) เป็นแนวปฏิบัติเพื่อการธํารงวินัย

(3) เป็นข้อมูลเกี่ยวกับอํานาจหน้าที่ ความรับผิดชอบ และขอบเขตของงานที่ต้องปฏิบัติ

(4) คือคุณสมบัติของผู้ปฏิบัติงาน

(5) คือการจัดสรรอัตรากําลังรองรับการบรรจุบุคลากรใหม่

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 11. ประกอบ

26 ข้อใดเป็นผลจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม

(1) การแบ่งงานกันทําตามความถนัด

(2) การเพิ่มค่าจ้างและสวัสดิการให้แก่แรงงาน

(3) การแปรรูปกิจการจากรัฐไปเป็นเอกชน

(4) การปรับขึ้นราคาสินค้าและบริการต่าง ๆ

(5) การย้ายฐานการผลิตจากเมืองไปยังชนบท

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 8. ประกอบ

27 การรักษากําลังคนไว้กับองค์การมีความสําคัญเพราะเหตุใด

(1) รักษาความต่อเนื่องในการทํางาน

(2) รักษาประสิทธิผลขององค์การ

(3) ความสะดวกในการประเมินผลการทํางาน

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 24. ประกอบ

28 ข้อใดกล่าวได้ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการประเมินผลการปฏิบัติงานแบบ 360 องศา

(1) เป็นการประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างรอบด้าน

(2) ผู้ใต้บังคับบัญชาสามารถมีส่วนร่วมในการประเมิน

(3) เพื่อนร่วมงานสามารถมีส่วนร่วมในการประเมิน

(4) ทําให้เกิดการสื่อสารที่ดีขึ้นในองค์การ

(5) เป็นวิธีที่ล้าสมัยและไม่มีการใช้ในปัจจุบัน

ตอบ 5 (คําบรรยาย) การประเมินผลการปฏิบัติงานแบบ 360 องศา เป็นการประเมินผลการปฏิบัติงาน อย่างรอบด้านโดยผู้ประเมินคือบุคคลรอบ ๆ ตัวเราทั้งหมด เช่น หัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน ผู้ใต้บังคับบัญชา ตัวเรา ลูกค้า เป็นต้น ซึ่งเป็นวิธีการประเมินที่ทันสมัยและนิยมใช้กันมาก ในปัจจุบัน โดยประโยชน์ของการประเมินผลการปฏิบัติงานแบบ 360 มีดังนี้
1 ทําให้ได้ทัศนะที่หลากหลายในการประเมินบุคคลมากยิ่งขึ้น
2 เป็นการสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างพนักงานที่ร่วมกิจกรรมในการประเมิน และสร้าง ความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานกับผู้บังคับบัญชา ทําให้มีการสื่อสารที่ดี มีความเชื่อมั่น ระหว่างกัน และเกิดความร่วมแรงร่วมใจกัน
3 สร้างจิตสํานึกในการมองประโยชน์ส่วนรวมร่วมกันมากขึ้น

29 สิ่งใดเป็นปัจจัยจูงใจ (Motivation Factors)

(1) ค่าเดินทาง

(2) เงื่อนไขการทํางาน

(3) สวัสดิการค่ารักษาพยาบาล

(4) ค่าตอบแทนพิเศษตามผลงาน

(5) ค่าอุปกรณ์ที่ใช้ในการทํางานจากที่บ้าน (Work from Home)

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 3. ประกอบ

30 องค์การอาจเกิดปัญหาการปรับตัวและการขัดกันของวัฒนธรรมได้จากข้อใด

(1) การสรรหา

(2) การคัดเลือก

(3) การสรรหาจากภายใน

(4) การสรรหาจากภายนอก

(5) การบรรจุ

ตอบ 4 หน้า 119 ข้อเสียของการสรรหาบุคคลจากภายนอกองค์การ มีดังนี้
1 มีผลกระทบต่อขวัญกําลังใจและความผูกพันในการทํางานของบุคลากรภายในองค์การ
2 เป็นการปิดกั้นโอกาสความเจริญก้าวหน้าในสายงานอาชีพของบุคลากรภายในองค์การ
3 สิ้นเปลืองเวลาและค่าใช้จ่าย
4 อาจเกิดปัญหาการปรับตัวและการขัดกันของวัฒนธรรมในองค์การ ฯลฯ

31 ข้อใดไม่ใช่ภารกิจด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์

(1) งานหาทรัพยากรมนุษย์

(2) งานใช้ทรัพยากรมนุษย์

(3) งานดูแลรักษาทรัพยากรมนุษย์

(4) งานแลกเปลี่ยนทรัพยากรมนุษย์

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 7 ภารกิจด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ คือ
1 งานหาทรัพยากรมนุษย์
2 งานใช้ทรัพยากรมนุษย์
3 งานดูแลรักษาทรัพยากรมนุษย์

32 วิธีการใดที่ทําให้องค์การอาจเสียโอกาสได้คนที่มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่

(1) การสรรหา

(2) การคัดเลือก

(3) การสรรหาจากภายใน

(4) การสรรหาจากภายนอก

(5) การบรรจุ

ตอบ 3 หน้า 116 – 117 ข้อเสียของการสรรหาบุคคลจากภายในองค์การ มีดังนี้
1 ทําให้องค์การอาจเสียโอกาสได้คนที่มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ
2 หากองค์การไม่มีการกําหนดกฎเกณฑ์การคัดเลือกบุคลากรภายในองค์การที่ชัดเจน อาจทําให้การสรรหาบุคลากรภายในองค์การเป็นระบบอุปถัมภ์มากกว่าระบบคุณธรรม
3 ก่อให้เกิดปัญหาการขาดแคลนบุคลากรขึ้นภายในองค์การ เมื่อองค์การมีความต้องการ ในการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ฯลฯ

33 ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับเทคนิคเดลฟาย (Delphi)

(1) เป็นการพยากรณ์ความต้องการ

(2) เป็นการรวบรวมความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ

(3) คือการสร้างแบบจําลอง

(4) คือการสํารวจข้อมูลเชิงสถิติ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 2 หน้า 77 – 78 เทคนิคเดลฟาย (Delphi) เป็นเทคนิคในการรวบรวมความคิดเห็นจาก ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่งด้วยการตอบแบบสอบถาม ลักษณะสําคัญของเทคนิคนี้ก็คือ ผู้เชี่ยวชาญจะไม่มีโอกาสมาพบกันเพื่อพูดคุยในเรื่องที่ต้องแสดงความคิดเห็น และแต่ละคน
อาจไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทําให้ผู้เชี่ยวชาญแต่ละคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ

34 ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับการบันทึกงาน (Diary Method)

(1) การจดบันทึกรายละเอียดของกิจกรรมต่าง ๆ ที่กระทําในแต่ละวัน

(2) การบันทึกข้อมูลที่นักบินจะต้องบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ระหว่างทําการบิน

(3) ใช้เพื่อการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับงาน

(4) ถูกทุกข้อ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 107 การบันทึกงาน (Diary Method) เป็นวิธีการที่ใช้เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับงาน
เพื่อนําไปใช้เป็นข้อมูลประกอบในการวิเคราะห์งาน โดยนักวิเคราะห์งานจะให้ผู้ปฏิบัติงาน จดบันทึกรายละเอียดของกิจกรรมต่าง ๆ ที่ตนกระทําในช่วงเวลาปฏิบัติงานในแต่ละวัน เช่น นักบินจะต้องบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ระหว่างทําการบิน เป็นต้น ซึ่งวิธีการนี้จะเป็นประโยชน์มาก ถ้าผู้ปฏิบัติงานให้ความร่วมมือและจดบันทึกการทํางานตามความเป็นจริงอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ด้วยภาษาที่อ่านเข้าใจง่าย

35. ข้อใดมิใช่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแรงงานสัมพันธ์

(1) พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง

(2) ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

(3) พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน

(4) พระราชบัญญัติประกันสังคม

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 1 หน้า 293 กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแรงงานสัมพันธ์ มีดังนี้
1 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 ลักษณะ 6 ว่าด้วยสัญญาจ้างแรงงาน
2 พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
3 พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518
4 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522
5 พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533
6 พระราชบัญญัติกองทุนเงินทดแทน พ.ศ. 2537
7 พระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543

36. คำกล่าวใดต่อไปนี้ที่กล่าวถึงการบริหารทรัพยากรมนุษย์ได้ไม่ถูกต้อง

(1) เป็นกระบวนการที่ทำให้องค์การได้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาปฏิบัติงาน

(2) คือการบริหารทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับองค์การ

(3) ช่วยให้บุคลากรในหน่วยงานมีขวัญและกำลังใจ

(4) ทำให้องค์การใช้ทรัพยากรที่มีได้อย่างคุ้มค่า

(5) ช่วยให้การทำงานมีความคล่องตัว

ตอบ 5 หน้า 4 – 5 (คำบรรยาย) การบริหารทรัพยากรมนุษย์ มีลักษณะดังนี้
1 เป็นการบริหารทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับองค์การ หรือทำให้องค์การใช้ทรัพยากร (คน) ที่มีได้อย่างคุ้มค่า
2 เป็นกระบวนการที่ทำให้องค์การได้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาปฏิบัติงาน
3 ช่วยทำให้บุคลากรในหน่วยงานมีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน ฯลฯ

37. ข้อใดไม่จำเป็นสำหรับการประเมินผลการปฏิบัติงาน

(1) การทำความเข้าใจกับผู้ประเมินถึงนโยบายและวัตถุประสงค์ในการประเมิน

(2) ผู้รับการประเมินต้องร่วมออกแบบวิธีการประเมิน

(3) ต้องมีการแจ้งผลการประเมินให้ผู้รับการประเมินทราบ

(4) การประเมินจะต้องกระทำโดยทางลับ

(5) ผู้บังคับบัญชาควรมีส่วนร่วมในการประเมิน

ตอบ 2 หน้า 242, (คำบรรยาย) การออกแบบวิธีการประเมินเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งวิธีการประเมินผลการปฏิบัติงานนั้นมีหลายวิธีด้วยกัน ดังนั้นหน่วยงานจะต้องเลือกวิธีให้เหมาะสมสอดคล้องกับลักษณะงานและความมุ่งหมายที่ตั้งไว้

38. เป็นวิธีการประเมินค่างานโดยจัดกลุ่มตามลักษณะ/ปัจจัยของงาน

(1) Job Analysis

(2) Job Ranking

(3) Job Classification

(4) Point Rating

(5) Factor Comparison

ตอบ 3 การจัดระดับงาน (Job Classification or Grading Method) เป็นวิธีการประเมินค่างานโดยจัดกลุ่มตามลักษณะ/ปัจจัยของงาน ซึ่งปัจจัยที่กําหนดความยากง่ายของงาน ได้แก่ ความรู้ ความสามารถ ความชํานาญ ความรับผิดชอบ และสภาพการทํางาน

39 การวิเคราะห์เพื่อตีค่าความยากง่ายของงานคือข้อใด
(1) การวิเคราะห์งาน
(2) ใบพรรณนาหน้าที่งาน
(3) คุณสมบัติผู้ปฏิบัติงาน
(4) การประเมินค่างาน
(5) การกําหนดค่าตอบแทน
ตอบ 4 (คำบรรยาย) การประเมินค่างาน หมายถึง กระบวนการวิเคราะห์เพื่อตีค่าความยากง่ายของงาน หรือเป็นกระบวนการวิเคราะห์ ตีค่างาน ประเมินหรือเปรียบเทียบคุณค่าของงานต่าง ๆ ในองค์การ เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างงานหรือประสิทธิภาพในงานกับค่าตอบแทนที่ควรจะจ่าย หรือเป็นการประเมินคุณค่าว่างานใดควรได้ค่าตอบแทนเท่าใด ซึ่งแหล่งข้อมูลที่ใช้ในการประเมินค่างาน ได้แก่ การวิเคราะห์งาน (Job Analysis) ใบพรรณนาหน้าที่งาน (Job Description) คุณสมบัติตําแหน่ง (Job Specification) และประเภทของ ตําแหน่งต่าง ๆ ในองค์การ

40 สิ่งใดต่อไปนี้ที่สะท้อนถึงการตระหนักถึงการให้คุณค่ากับแรงงาน
(1) การแก้ไขรัฐธรรมนูญ
(2) การตรากฎหมายคุ้มครองแรงงาน
(3) การขอรับความช่วยเหลือจาก IMF
(4) การนําเข้าเครื่องจักรจากต่างประเทศมาใช้แทนแรงงาน
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 2 (คำบรรยาย) สิ่งที่สะท้อนถึงการตระหนักถึงการให้คุณค่ากับแรงงาน ก็คือ การตรากฎหมายคุ้มครองแรงงาน ซึ่งเป็นกฎหมายที่บัญญัติถึงสิทธิและหน้าที่ระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง โดยกําหนดมาตรฐานขั้นต่ําในการใช้แรงงาน การจ่ายค่าตอบแทนการทํางาน การจัดสถานที่ เครื่องจักรและอุปกรณ์ในการทํางาน เพื่อให้ลูกจ้างทํางานด้วยความปลอดภัย มีสุขภาพอนามัยที่ดี ได้รับค่าตอบแทนและสวัสดิการที่เหมาะสม

41 ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับ “การบริหารแบบมุ่งเน้นผลลัพธ์”
(1) เป็นการบริหารงานที่เน้นคุณลักษณะของบุคคล
(2) เป็นการประเมินผลการปฏิบัติงานแบบเดิมที่ให้ความสําคัญกับพฤติกรรม
(3) สามารถเป็นส่วนหนึ่งที่จะนําไปสู่การเสริมสร้างระบบคุณธรรมในการบริหารทรัพยากรมนุษย์
(4) เป็นการบริหารงานทรัพยากรมนุษย์ที่ล้าสมัย
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 3 (หน้า 249, คำบรรยาย) การบริหารแบบมุ่งเน้นผลลัพธ์ (Result Based Management) เป็นการบริหารที่มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานเป็นหลัก โดยมีการวัดผลการปฏิบัติงานที่ชัดเจนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ซึ่งถือเป็นการบริหารแนวใหม่และถือเป็นส่วนหนึ่งที่จะนําไปสู่การเสริมสร้างระบบคุณธรรมในการบริหารทรัพยากรมนุษย์

42 นโยบายการประเมินขั้นเงินเดือนข้าราชการปีละ 2 ครั้ง สะท้อนหลักการในข้อใด
(1) หลักการกระจายอํานาจ
(2) หลักพิทักษ์คุณธรรม
(3) หลักจริยธรรมและวินัย
(4) หลักระบบค่าตอบแทน
(5) หลักประสิทธิภาพ

ตอบ 4 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 207), (คำบรรยาย) หลักระบบค่าตอบแทนตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีดังนี้
1 การจำแนกกลุ่มข้าราชการเป็น 4 กลุ่มใหญ่ (Cluster) และกำหนดบัญชีเงินเดือน เป็น 4 บัญชี ซึ่งแต่ละบัญชีใช้เฉพาะสำหรับตำแหน่งแต่ละประเภท
2 กำหนดให้มีเงินเพิ่มใหม่อีก 2 ประเภท คือ ตามพื้นที่และตามสายงาน
3 กำหนดให้เพิ่มค่าตอบแทนบุคคลที่มีใบรับรองการมีวุฒิการศึกษาเพิ่มที่ตรงตามหน้าที่
4 กำหนดให้ข้าราชการทุกระดับต้องถูกประเมินผลการปฏิบัติราชการแบบ 360 องศา เพื่อนำมาใช้ประกอบการพิจารณาเลื่อนเงินเดือน
5 การเบิกค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการมีการกำหนดให้ต้องเบิกยานอกบัญชีหลัก
6 มีการประเมินขั้นเงินเดือนข้าราชการปีละ 2 ครั้ง
7 มีการขึ้นเงินเดือนข้าราชการให้เหมาะสมกับค่าครองชีพ ฯลฯ

43. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการบริหารแรงงานที่สอดคล้องกับทฤษฎี Y ของ McGregor

(1) การสั่งการตามสายการบังคับบัญชา

(2) การเน้นการควบคุม

(3) การเน้นการปฏิบัติตามกฎระเบียบ

(4) การกระจายอำนาจการตัดสินใจ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 (หน้า 287 แนวคิดแรงงานสัมพันธ์เชิงรุก (Proactive Labor Relations) เป็นแนวคิดการบริหารจัดการแรงงานที่สอดคล้องกับทฤษฎี Y ของ McGregor ซึ่งเป็นแนวคิดที่เน้นการกระจายอำนาจ การบริหารและการตัดสินใจแก่บุคลากรระดับต่างๆ มีการกำหนดนโยบายหรือวิธีการบริหารจัดการโดยรับฟังความคิดเห็นของบุคลากร ให้ความสำคัญกับความรู้สึกนึกคิดและความต้องการของบุคลากร มีการสำรวจความคิดเห็นเพื่อกำหนดแนวทางการทำงาน รวมทั้งมีแนวคิดการให้สิทธิประโยชน์ในลักษณะเป็น “การให้ก่อนที่จะร้องขอ”)

44. สิ่งใดเป็นผลจากการศึกษา Hawthorn Study ของ Elton Mayo และคณะที่โรงงาน Western Electric

(1) ปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนงานส่งผลต่อขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงาน

(2) แสงสว่างมีผลต่อการทำงาน

(3) ค่าตอบแทนที่ไม่เหมาะสมมีผลต่อการขาดงาน

(4) ความต้องการของมนุษย์มี 5 วัน

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 (หน้า 43 – 44 Elton Mayo และคณะได้ทำการศึกษาพฤติกรรมการทำงานของคนงานในโรงงาน Western Electric Hawthorne ซึ่งต่อมาเรียกว่า กรณีศึกษาฮอว์ธอร์น (Hawthorn Study) โดยพบว่า การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนงานส่งผลต่อขวัญกำลังใจและแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน ขณะเดียวกันก็ส่งผลต่อผลผลิตของการปฏิบัติงานด้วย ผลผลิตส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีม และความร่วมมือร่วมใจของคนงาน ซึ่งมีส่วนสัมพันธ์กับความเอาใจใส่ของหัวหน้าที่มีผลกระทบต่อคนงาน)

45. ข้อใดกล่าวได้ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับแรงงานสัมพันธ์

(1) ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง

(2) กระบวนการสร้างความร่วมมือและความเข้าใจระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง

(3) กระบวนการคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง

(4) รูปแบบของกิจกรรมที่จัดขึ้นร่วมกันระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 273 แรงงานสัมพันธ์ มีความหมายดังนี้
1 ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนายจ้าง ลูกจ้าง หัวหน้าผู้ควบคุมงานหรือระหว่างพนักงานด้วยกัน ซึ่งความสัมพันธ์ที่ดีนี้จะทําให้เกิดความร่วมมือ ความสามัคคี และการที่จะสร้างความสัมพันธ์ ที่ดีจะต้องมีกิจกรรมหรือการสื่อสารที่ดี
มีกระบวนการหรือกลไกคลี่คลายปัญหาความขัดแย้ง หรือความต้องการที่ไม่ตรงกัน รับรู้ความต้องการและปัญหาของอีกฝ่ายโดยมีระบบการพูดคุย เจรจา และสร้างข้อตกลงร่วมกัน
2 กระบวนการเพื่อสร้างความร่วมมือความเข้าใจระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง โดยมีการ แสดงออกซึ่งการเรียกร้อง การเจรจา ทําความเข้าใจตกลงกันระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง เพื่อเป็นข้อตกลงสภาพการจ้าง

46. ข้อใดคือปรัชญาในการประเมินผลการปฏิบัติงานในปัจจุบัน

(1) เน้นการประเมินคุณลักษณะเฉพาะตัวของบุคคลซึ่งไม่มีความสัมพันธ์กับตัวงาน

(2) ให้ความสําคัญกับวุฒิการศึกษา

(3) เน้นบุคลิกลักษณะภายนอกเป็นหลัก

(4) เน้นผลการทํางานที่เกิดขึ้นจริง

(5) ต้องไม่มีความบกพร่องทางกาย

ตอบ 4 หน้า 248 ปรัชญาในการประเมินผลการปฏิบัติงานในปัจจุบันนั้นจะเน้นผลการทํางาน ที่เกิดขึ้นจริง และยึดเป้าหมายของงานเป็นหลัก ซึ่งแตกต่างจากปรัชญาในการประเมินผล การปฏิบัติงานในอดีตที่เน้นการประเมินเฉพาะตัวพนักงาน คือจะประเมินผลในเรื่องคุณลักษณะ ความบกพร่อง และความสามารถเฉพาะตัวของพนักงานซึ่งไม่มีความสัมพันธ์ กับตัวงาน

47. ข้อใดคือความยุติธรรมภายนอกของการบริหารเงินเดือนและค่าจ้าง

(1) การปรับตามค่าแรงขั้นต่ํา

(2) การปรับตามค่าครองชีพ

(3) การปรับตามอัตราเงินเฟ้อ

(4) การสํารวจเงินเดือน/ค่าจ้าง

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 หน้า 142, (คําบรรยาย) ความยุติธรรมภายนอกของการบริหารเงินเดือนและค่าจ้าง หมายถึง
กําหนดเงินเดือนและค่าจ้างจะต้องสอดคล้องกับการจ้างงานในตลาดแรงงานซึ่งพิจารณาจาก
ค่าแรงขั้นต่ํา ค่าครองชีพ อัตราเงินเฟ้อ การสํารวจเงินเดือน/ค่าจ้างในตลาดแรงงาน เป็นต้น

48. คํากล่าวที่ว่า “โตไปไม่โกง” สะท้อนถึงหลักการในข้อใด

(1) หลักการเสริมประสิทธิภาพ

(2) หลักพิทักษ์คุณธรรม

(3) หลักระบบค่าตอบแทน

(4) หลักจริยธรรมและวินัย

(5) การกระจายอํานาจ

ตอบ 4 (คําบรรยาย) คํากล่าวที่ว่า “โตไปไม่โกง” สะท้อนถึงหลักการด้านจริยธรรมและวินัย
ซึ่งถูกนํามาใช้เพื่อแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันที่ทําลายสังคมอย่างรุนแรงและฝังรากลึก โดยคนในสังคมนั้นจะต้องมีค่านิยมในการรักความดีและไม่ยอมรับพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชัน
และการโกงทุกรูปแบบโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งการสร้างค่านิยมที่ถูกต้องนี้ จะเป็นรากฐานสําคัญที่ทําให้เด็กเติบโตขึ้นเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ และเป็นการป้องกัน และแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันที่ได้ผลที่สุด

49 คํากล่าวใดเป็นไปตามหลักความเป็นกลางทางการเมือง

(1) ข้าราชการต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลไม่ว่าตนเองจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม

(2) ข้าราชการไม่มีสิทธิเป็นสมาชิกของพรรคการเมือง

(3) ข้าราชการต้องไม่เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองใด ๆ

(4) ข้าราชการไม่ควรลงสมัครรับเลือกตั้ง

(5) ข้าราชการต้องให้การสนับสนุนกับพรรคการเมืองทุกพรรคในการหาเสียงเลือกตั้ง

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 4 – 5) หลักความเป็นกลางทางการเมือง (Political Neutrality) หมายถึง ข้าราชการประจําต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลไม่ว่าตนเอง จะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม ทั้งนี้ก็เพราะว่าตามหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้น ถือว่านโยบายของรัฐบาลเป็นการแสดงออกโดยปริยายถึงความต้องการหรือเจตนารมณ์ ของประชาชน ดังนั้นไม่ว่ารัฐบาลชุดใดเข้ามาบริหารประเทศ ข้าราชการประจําต้องปฏิบัติ ตามนโยบายนั้น ๆ อย่างเต็มความสามารถ จะละเลยเพิกเฉยมิได้

50 เป็นวิธีการประเมินค่างานที่ซับซ้อน ต้นทุนสูง แต่มีความน่าเชื่อถือและมีความแน่นอนในการเปรียบเทียบ

(1) Job Analysis

(2) Job Ranking

(3) Job Classification

(4) Point Rating

(5) Factor Comparison

ตอบ 5

หน้า 172 – 173 การเปรียบเทียบปัจจัย (Factor Comparison) เป็นวิธีการประเมินค่างาน โดยใช้วิธีเชิงปริมาณเทียบปัจจัยในงาน ซึ่งเป็นวิธีที่ซับซ้อน ต้นทุนสูง แต่มีความน่าเชื่อถือกว่า วิธีการอื่น ๆ ข้อดีของวิธีนี้ คือ เหมาะสําหรับการกําหนดมาตรฐานเฉพาะงานของแต่ละองค์การ และสามารถเปรียบเทียบค่างานของแต่ละงานได้แน่นอน

51 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในสมัยปฏิวัติอุตสาหกรรมมีวัตถุประสงค์ตามข้อใด

(1) เพื่อการบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจ

(2) เพื่อการบรรลุเป้าหมายทางสังคม

(3) เพื่อการบรรลุเป้าหมายทางการเมือง

(4) เพื่อการบรรลุเป้าหมายทางการลงทุน

(5) เพื่อการบรรลุเป้าหมายในการส่งเสริมทรัพยากรมนุษย์

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 6 – 7) การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในสมัยปฏิวัติอุตสาหกรรม มีวัตถุประสงค์เพื่อการบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจ โดยในสมัยนี้ได้มีการรวบรวมคนจํานวนมาก มาทํางานในโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อลดต้นทุนการผลิต แต่เนื่องจากการขาดการเอาใจใส่ดูแล จากนายจ้างทําให้คนงานไม่พอใจในสภาพการทํางานที่เป็นอยู่

52 สิ่งใดไม่ได้เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อองค์การ

(1) กระแสโลกาภิวัตน์

(2) ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

(3) สิ่งท้าทายด้านคุณภาพ

(4) ความคาดหวังของผู้รับบริการ

(5) วัฒนธรรมองค์การ

ตอบ 5 หน้า 24 – 28, 65 – 67 ปัจจัยสภาพแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อองค์การ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอกองค์การ ได้แก่ กระแสโลกาภิวัตน์ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี นวัตกรรมการจัดการ สิ่งท้าทายด้านคุณภาพ โครงสร้างประชากร และกําลังแรงงาน สภาวะทางเศรษฐกิจและการแข่งขัน ความคาดหวังของผู้รับบริการ เป็นต้น 2. ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายในองค์การ ได้แก่ โครงสร้างองค์การ วัฒนธรรมองค์การ กลยุทธ์ ขององค์การ ค่านิยมร่วมในการปฏิบัติงาน บุคลากรในองค์การ ความสามารถหรือทักษะของ บุคลากร เป็นต้น

53. ข้อใดไม่ใช่เหตุผลของการรักษากำลังคน

(1) ลดความสิ้นเปลืองในการสรรหา

(2) คงความต่อเนื่องในการทำงาน

(3) เพื่อเปิดให้มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ

(4) รักษาภาพลักษณ์องค์การ

(5) สร้างความจงรักภักดี

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 24. ประกอบ

54. “สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขารัฐศาสตร์…” ข้อความดังกล่าวพบได้จากที่ใด

(1) การวิเคราะห์งาน

(2) คำบรรยายลักษณะงาน

(3) คุณสมบัติผู้ปฏิบัติงาน (Job Specification)

(4) การประเมินค่างาน

(5) การกำหนดค่าตอบแทน

ตอบ 3 หน้า 87, 90, (คำบรรยาย) การกำหนดคุณสมบัติเฉพาะของผู้ปฏิบัติงาน (Job Specification) เป็นการกำหนดรายละเอียดของคุณสมบัติเฉพาะของพนักงานซึ่งใช้ในการทำงานเฉพาะอย่าง เพื่อให้งานประสบความสำเร็จ เช่น วุฒิการศึกษา ประสบการณ์ ความชำนาญ เพศ อายุ ส่วนสูง น้ำหนัก เป็นต้น ซึ่งข้อมูลที่นำมาใช้ในการกำหนดคุณสมบัติเฉพาะของผู้ปฏิบัติงานนี้จะพิจารณา จากความรู้ (Knowledge) ทักษะ (Skill) และความสามารถ (Abilities)

55. ข้อใดเป็นวิธีที่ใช้ในการประเมินค่างานของข้าราชการพลเรือนในปัจจุบัน

(1) Job Analysis

(2) Job Ranking

(3) Job Classification

(4) Point Rating

(5) Factor Comparison

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 14. ประกอบ

56. “อัตราการลาออกลดลง” เป็นเป้าหมายของเรื่องใด

(1) การจูงใจ

(2) การประเมินค่างาน

(3) การสรรหา

(4) การรักษาคนไว้ในองค์การ

(5) การเลื่อนตำแหน่ง

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 24. ประกอบ

57. ข้อใดเป็นปัจจัยเพิ่มแรงจูงใจแก่พนักงาน (Motivation Factors)

(1) แสงไฟในที่ทำงาน

(2) ห้องทำงานส่วนตัว

(3) เครื่องปรับอากาศ

(4) คอมพิวเตอร์

(5) โต๊ะทำงาน

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 3. ประกอบ

58. สิ่งใดคือความต้องการขั้นแรกตามทฤษฎีความต้องการตามลำดับขั้นของ Abraham H. Maslow

(1) ความต้องการความมั่นคงปลอดภัย

(2) ความต้องการทางกายภาพ

(3) ความต้องการทางสังคม

(4) ความต้องการทางจิตใจ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 2 หน้า 46 – 47, (คำบรรยาย) Abraham H. Maslow ได้เสนอหลักการตอบสนอง ความต้องการ 5 ขั้น โดยเห็นว่า ความต้องการของบุคคลจะเรียงเป็นลำดับขั้นตอนตาม ความสำคัญ เมื่อความต้องการระดับต่ำได้รับการตอบสนองแล้ว บุคคลจะให้ความสนใจ กับความต้องการระดับสูงต่อไป ซึ่งความต้องการของบุคคลมี 5 ขั้น ดังนี้
1 ความต้องการทางกายภาพ
2 ความต้องการความมั่นคงปลอดภัย
3 ความต้องการความรัก
4 ความต้องการยกย่อง
5 ความต้องการความสำเร็จด้วยตนเอง

59 ข้อใดคือวิธีการที่ใช้ทดแทนการสรรหา

(1) การทำงานล่วงเวลา

(2) การจ้างงานชั่วคราว

(3) การขอเช่าพนักงาน

(4) การใช้ผู้รับเหมาช่วง

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 หน้า 123 – 125 วิธีการที่ใช้ทดแทนการสรรหา มีดังนี้
1 การทำงานล่วงเวลา (Overtime)
2 การจ้างงานชั่วคราว (Temporary Employment)
3 การขอเช่าพนักงาน (Employee Leasing)
4 การใช้ผู้รับเหมาช่วง (Subcontracting)
5 การใช้ผู้รับเหมาอิสระ (Independent Contractors)

60 Employment Test หมายถึงข้อใด

(1) การสัมภาษณ์เบื้องต้น

(2) การให้กรอกใบสมัคร

(3) การทดสอบเพื่อให้บุคคลแสดงความสามารถและพฤติกรรม

(4) การตรวจสอบคุณสมบัติพื้นฐาน

(5) การตรวจร่างกาย
ตอบ 3

หน้า 128 – 130, (คำบรรยาย) การทดสอบ (Employment Test) เป็นเครื่องมือในการประเมินเพื่อตรวจสอบความรู้ความสามารถและพฤติกรรมของพนักงานว่าตรงกับลักษณะงานหรือไม่ โดยทั่วไปรูปแบบของการทดสอบอาจจำแนกได้ดังนี้
1 การทดสอบความสามารถ
2 การทดสอบบุคลิกภาพและความสนใจ
3 การทดสอบความสำเร็จ

61 ข้อใดคือความสำคัญของการวางแผนทรัพยากรมนุษย์

(1) เป็นกระบวนการกำหนดตำแหน่งที่กิจการมีความต้องการ

(2) คาดการณ์ความต้องการด้านทรัพยากรมนุษย์

(3) กำหนดแผนปฏิบัติได้อย่างเหมาะสม

(4) เพื่อความมั่นใจว่าองค์การจะมีบุคลากรที่มีทักษะและความรู้ความสามารถเพียงพอ

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 หน้า 60, 72 การวางแผนทรัพยากรมนุษย์ เป็นกระบวนการกำหนดตำแหน่งที่กิจการมีความต้องการและมีวิธีการค้นหาบุคคลเพื่อบรรจุในตำแหน่งดังกล่าว หรือเป็นกระบวนการคาดการณ์ความต้องการด้านทรัพยากรมนุษย์ขององค์การอันจะส่งผลถึงการกำหนดวิธีการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรและการตอบสนองต่อปัจจัยแวดล้อม ตั้งแต่ก่อนบุคคลเข้าร่วมงานกับองค์การ ขณะปฏิบัติงานอยู่ในองค์การ จนกระทั่งพ้นออกจากองค์การ เพื่อให้องค์การใช้เป็นแนวทางปฏิบัติและเป็นหลักประกันว่าองค์การจะมีบุคลากรที่มีทักษะและความรู้ความสามารถเพียงพออยู่เสมอ ตลอดจนเพื่อให้บุคลากรมีคุณภาพชีวิตการทำงานที่เหมาะสม สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ขององค์การ

62 ข้อใดเป็นองค์ประกอบของการประเมินผลการปฏิบัติงานสมัยใหม่

(1) เน้นการมีส่วนร่วม

(2) ยึดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของงาน

(3) เน้นผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน

(4) ถูกทุกข้อ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 248 – 249 องค์ประกอบของการประเมินผลการปฏิบัติงานตามแนวคิดสมัยใหม่ มี 3 ประการ คือ
1 เน้นผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงาน
2 ยึดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของงานและองค์การ
3 เน้นการมีส่วนร่วมกับผู้บังคับบัญชาในการกำหนดเป้าหมายงาน

63 สิ่งใดที่ไม่จำเป็นต้องมีในการประเมินผลการปฏิบัติงาน

1) ข้อมูลที่ครบถ้วน ถูกต้อง

(2) การแจ้งข้อมูลกลับไปยังผู้ถูกประเมิน

(3) การประเมินโดยอดีตผู้บังคับบัญชา

(4) การเปิดเผยผลการประเมินให้ทุกคนร่วมรับทราบ

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3, 4 หน้า 242, 264, (คำบรรยาย) การประเมินผลการปฏิบัติงานโดยปกติแล้วจะเป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาปัจจุบันซึ่งมีความใกล้ชิดกับผู้ใต้บังคับบัญชาหรือผู้ที่จะถูกประเมิน เพราะเป็นผู้รับผิดชอบต่องานที่สั่งให้ผู้ถูกประเมินปฏิบัติ ส่วนผลการประเมินการปฏิบัติงานนั้นไม่ควรเปิดเผยให้ผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องรับทราบ ผู้ประเมินควรแจ้งผลการประเมินให้เฉพาะผู้ถูกประเมินรับทราบเท่านั้น เพราะการประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นเรื่องผลงานเฉพาะตัวของพนักงานผู้ถูกประเมิน

64 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ภายใต้แนวคิดใดที่ไม่ได้ส่งเสริมให้บุคลากรพัฒนาตนเอง

(1) หลักการเสริมประสิทธิภาพ

(2) หลักพิทักษ์คุณธรรม

(3) การพัฒนาแนวคิดด้านนวัตกรรม

(4) ระบบอุปถัมภ์

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 15. ประกอบ

65 ความยุติธรรมภายนอก (External Equity) คือ

(1) การกำหนดเงินเดือนหรือค่าจ้างเพื่อป้องกันปัญหาความไม่เข้าใจกันในหน่วยงาน

(2) การกำหนดค่าจ้างที่สอดคล้องกับการจ้างงานในตลาดแรงงาน

(3) การกำหนดค่าจ้างโดยพิจารณาจากความรู้และประสบการณ์

(4) การกำหนดค่าจ้างให้เหมาะสมกับรายได้ขององค์การ

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 47. ประกอบ

66 หลักการในข้อใดที่คำนึงถึงผลลัพธ์ของการดำเนินการควบคู่กับการใช้ทรัพยากรที่คุ้มค่า

(1) หลักการเสริมประสิทธิภาพ

(2) หลักพิทักษ์คุณธรรม

(3) หลักระบบค่าตอบแทน

(4) หลักจริยธรรมและวินัย

(5) การกระจายอำนาจ

ตอบ 1 (คำบรรยาย) หลักการเสริมประสิทธิภาพ เป็นหลักการที่คำนึงถึงผลลัพธ์ของการดำเนินการควบคู่กับการใช้ทรัพยากรที่คุ้มค่า

67 คำกล่าวใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการประเมินผลการปฏิบัติงาน

(1) เป็นการประเมินค่าของบุคคลผู้ปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ

(2) เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาบุคลากร

(3) มีเป้าหมายเพื่อใช้จัดโครงสร้างองค์การ

(4) ทำให้ทราบว่าผู้ปฏิบัติงานแต่ละคนมีความสามารถเพียงใด

(5) สามารถใช้เครื่องมือในการประเมินได้หลายแบบ

ตอบ 3 หน้า 239 – 240 การประเมินผลการปฏิบัติงาน เป็นการประเมินค่าของบุคคลผู้ปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบในแง่ของผลการปฏิบัติงาน ซึ่งจะทำให้ทราบว่าผู้ปฏิบัติงานแต่ละคนมีความสามารถในการปฏิบัติงานเพียงใด โดยผลของการประเมินจะถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือประกอบการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลเข้าปฏิบัติงาน การเลื่อนตำแหน่ง การพัฒนาบุคคล การจัดสวัสดิการ การพิจารณาความดีความชอบประจำปี เป็นต้น

68. สิ่งใดที่เกิดขึ้นภายหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม

(1) การใช้แรงงานทาส

(2) ช่างฝีมือ

(3) แรงงานในโรงงาน

(4) การฝึกงานให้กับช่างฝึกหัด

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 8. ประกอบ

69. ข้อใดเป็นวิธีการคาดการณ์ความต้องการด้านทรัพยากรมนุษย์

(1) Balance Scorecard

(2) การวิเคราะห์ SWOT

(3) การใช้เทคนิคเดลฟาย (Delphi)

(4) การวิเคราะห์เปรียบเทียบต้นทุน ผลตอบแทน (Cost-Benefit Analysis)

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 77 – 81 เทคนิคหรือวิธีการคาดการณ์ความต้องการด้านทรัพยากรมนุษย์ มีดังนี้
1 เทคนิคเดลฟาย
2 เทคนิคนอมินอลกรุ๊ป
3 เทคนิคการพยากรณ์แนวโน้ม
4 เทคนิคเชิงปริมาณ
5 การใช้เครื่องมือเชิงคุณภาพ
6 เทคนิคการสร้างภาพจำลองกำลังแรงงาน
7 เทคนิคการคาดคะเนโดยการวิเคราะห์ปริมาณงาน
8 เทคนิคการสอบถามและตรวจสอบ

70. ข้อใดไม่ใช่วิธีการในการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับงาน

(1) การสังเกต

(2) การสัมภาษณ์

(3) การใช้แบบสอบถาม

(4) การสอบถามโดยใช้ Google Form

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 5 หน้า 101 – 107, (คำบรรยาย) วิธีการในการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับงาน มีดังนี้
1 การสังเกต
2 การใช้แบบสอบถาม เช่น การสอบถามโดยใช้ Google Form
3 การสัมภาษณ์
4 การประชุม
5 การบันทึกงาน
6 การทดลองปฏิบัติงาน

71. ข้อใดคือผลเสียของการจัดทำโครงสร้างเงินเดือนที่ไม่เหมาะสม

(1) พนักงานลาออก

(2) พนักงานขาดขวัญกำลังใจ

(3) ไม่สามารถดึงดูดบุคคลให้เข้าสู่องค์การ

(4) ถูกทุกข้อ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 178, (คำบรรยาย) ผลเสียของการจัดทำโครงสร้างเงินเดือนที่ไม่เหมาะสม มีดังนี้
1 พนักงานขาดขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงาน
2 พนักงานอาจลาออก ไม่เอาใจใส่งาน ขาดงานหรือมาสายเป็นประจำ
3 ไม่สามารถดึงดูดบุคคลให้เข้าสู่องค์การได้ ฯลฯ

72. ข้อใดเป็นการประเมินเพื่อตรวจสอบความสามารถของพนักงานว่าตรงกับลักษะงานหรือไม่

(1) การสัมภาษณ์เบื้องต้น

(2) การให้กรอกใบสมัคร

(3) การทดสอบเพื่อให้บุคคลแสดงความสามารถและพฤติกรรม

(4) การตรวจสอบคุณสมบัติพื้นฐาน

(5) การตรวจร่างกาย

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 60. ประกอบ

73 ข้อใดสอดคล้องกับแนวคิดการจัดการเชิงวิทยาศาสตร์ (Scientific Management) ของ Frederick W. Taylor

(1) วิธีการทํางานที่ดีที่สุด (One Best Way)

(2) การศึกษาเวลากับการเคลื่อนไหว (Time and Motion Study)

(3) ทฤษฎี X และทฤษฎี Y

(4) มีคําตอบที่ถูกมากกว่า 1 ข้อ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 1 หน้า 38 – 40 Frederick W. Taylor ได้เสนอแนวคิดการจัดการเชิงวิทยาศาสตร์ (Scientific Management) โดยเน้นการนําหลักการ วิธีการทางวิทยาศาสตร์มาใช้ในกระบวนการทํางาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพขององค์การ เช่น การพัฒนาวิธีการทํางานที่ดีที่สุด (One Best Way) การคัดเลือกและฝึกอบรมคนงานเพื่อให้ได้คนที่มีความเหมาะสมกับงาน เป็นต้น

74 ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับแบบสอบถามแบบมีโครงสร้าง (Structured Questionnaire)

(1) จํากัดอิสระในการตอบ

(2) มีตัวเลือกให้ตอบ

(3) สามารถประมวลผลโดยใช้คอมพิวเตอร์

(4) ถูกทุกข้อ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 105 แบบสอบถามแบบมีโครงสร้าง (Structured Questionnaire) เป็นแบบสอบถาม ที่จํากัดอิสระในการตอบแบบสอบถามของผู้ตอบ เพราะมีการกําหนดคําตอบให้ผู้ตอบเลือก โดยแบบสอบถามแบบมีโครงสร้างนี้จะช่วยให้นักวิเคราะห์สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลและ ทําการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็วตรงตามที่ต้องการโดยเฉพาะในปัจจุบัน ที่มีชุดคําสั่งทางสถิติสําหรับคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยในการประมวลผลข้อมูล

75 ข้อใดเอาไปใช้ออกแบบงาน (Job Design)

(1) คําบรรยายลักษณะงาน (Job Description)

(2) การออกแบบงาน (Job Design)

(3) การประเมินค่างาน (Job Evaluation)

(4) การกําหนดคุณสมบัติเฉพาะ (Job Specification)

(5) การวิเคราะห์งาน (Job Analysis)

ตอบ 5 หน้า 95 – 97 ข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์งาน (Job Analysis) สามารถนําไปใช้ประโยชน์ ในด้านต่าง ๆ ได้หลายลักษณะ เช่น การวางแผนทรัพยากรมนุษย์ การสรรหาและคัดเลือกบุคคล การฝึกอบรมและพัฒนาบุคคล การประเมินผลการทํางาน การประเมินค่างาน การกําหนด ค่าตอบแทน การส่งเสริมความปลอดภัยในการทํางาน การออกแบบงาน (Job Design) เป็นต้น

76 ข้อใดเป็นวิธีการประเมินค่างานโดยใช้วิธีเชิงปริมาณเทียบปัจจัยในงาน

(1) Job Analysis

(2) Job Ranking

(3) Job Classification

(4) Point Rating

(5) Factor Comparison

ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 50. ประกอบ

77 ข้อดีของการสรรหาบุคคลจากภายใน คือ

(1) ประหยัดค่าใช้จ่าย

(2) สร้างขวัญและกําลังใจ

(3) เปิดมุมมองใหม่ ๆ

(4) ข้อ 2 และ 3 ถูก

(5) ข้อ 1 และ 2 ถูก

ตอบ 5 หน้า 116 – 117 ข้อดีของการสรรหาบุคคลจากภายในองค์การ มีดังนี้
1. ประหยัดค่าใช้จ่าย
2. สร้างขวัญและกําลังใจในการปฏิบัติงานให้แก่บุคลากร
3. สามารถสรรหาบุคลากรได้อย่างเหมาะสม เนื่องจากองค์การมีข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับ ทักษะ ความสามารถของผู้สมัครภายในดีกว่าผู้สมัครภายนอก
4. เป็นการให้หลักประกันในการทํางานโดยให้โอกาสความก้าวหน้าในการทํางานแก่บุคลากร ที่มีความตั้งใจทํางาน ผลงานอยู่ในระดับดีได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นเลื่อนตําแหน่ง ฯลฯ

78.Robert Owen เป็นนายจ้างคนแรกที่ให้ความสำคัญกับเรื่องใด

(1) การพัฒนาเครื่องจักรให้ทันสมัย

(2) การนำเข้าแรงงานต่างด้าว

(3) การลดจำนวนเครื่องจักรและใช้คนแทน

(4) การพัฒนาสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เหมาะสม

(5) การเปลี่ยนแปลงระบบการจ่ายค่าแรงมาเป็นระบบการจ่ายค่าแรงตามจำนวนชิ้นงาน (Piece-Rate Pay System)

ตอบ 4 หน้า 277 โรเบิร์ต โอเวน (Robert Owen) เป็นนายจ้างคนแรกที่ให้ความสำคัญต่อผู้ใช้แรงงาน โดยการเสนอแนวคิดว่า ในขณะที่นายจ้างใช้เงินทุนเป็นจำนวนมากเพื่อซื้อ รักษาเครื่องจักร และโรงงานก็ควรจะให้ความสนใจต่อการพัฒนาปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงานของ เครื่องจักรที่มีชีวิต (ผู้ใช้แรงงาน) ให้เหมาะสม ซึ่งแนวคิดนี้ได้นำไปสู่การผลักดันให้มีการออก กฎหมายมาคุ้มครองผู้ใช้แรงงาน

79.“ให้ไปรายงานตัวกับหัวหน้างาน” เป็นขั้นตอนในข้อใด

(1) การสรรหา

(2) การคัดเลือก

(3) การสรรหาจากภายใน

(4) การสรรหาจากภายนอก

(5) การบรรจุ

ตอบ 5 หน้า 131 การบรรจุ (Placement) เป็นการให้ผู้สมัครที่ได้รับการคัดเลือกแล้วไปทำงานในแผนก ที่ต้องการบุคลากร ในขั้นตอนนี้จะมีการส่งมอบผู้สมัครที่ได้รับการคัดเลือกให้ไปรายงานตัวกับ หัวหน้างานในแผนกที่รับคน ซึ่งจะมีวิธีการให้รายงานอย่างถูกต้อง และมีการส่งรายละเอียด ประวัติ ข้อมูล ตลอดจนผลการคัดเลือกตามวิธีการต่าง ๆ เพื่อช่วยให้การสอนงานในระยะเริ่มแรก โดยหัวหน้างานสามารถกระทำได้สะดวกและง่ายขึ้น

80.การจูงใจให้คนหันมาสนใจยื่นใบสมัครให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้คือข้อใด

(1) การสรรหา

(2) การคัดเลือก

(3) การสรรหาจากภายใน

(4) การสรรหาจากภายนอก

(5) การบรรจุ

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 17. ประกอบ

81.ข้อใดไม่ใช่วัตถุประสงค์ของแรงงานสัมพันธ์

(1) การระงับข้อพิพาท

(2) การรักษาความเป็นธรรมในด้านสังคมและเศรษฐกิจ

(3) การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต

(4) การให้ความคุ้มครองแก่นายจ้างและลูกจ้าง

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 283 284 วัตถุประสงค์ของแรงงานสัมพันธ์ มีดังนี้ 1. การระงับข้อพิพาท 2. การรักษาความเป็นธรรมในด้านสังคมและเศรษฐกิจ 3. การส่งเสริมความสัมพันธ์ ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง 4. การให้ความคุ้มครองแก่นายจ้างและลูกจ้าง

82. ข้อใดเป็นขั้นตอนที่ตรวจสอบประวัติของผู้สมัครที่กรอกไว้ในใบสมัคร

(1) การสัมภาษณ์เบื้องต้น

(2) การให้กรอกใบสมัคร

(3) การทดสอบ

(4) การตรวจสอบคุณสมบัติพื้นฐาน

(5) การตรวจร่างกาย

ตอบ 4 หน้า 128 – 129 การตรวจสอบคุณสมบัติพื้นฐาน (Background Investigation) เป็นขั้นตอนตรวจสอบประวัติของผู้สมัครที่กรอกไว้ในใบสมัคร ซึ่งจะช่วยให้ทราบว่าการทำงานต่าง ๆ ที่แล้วมา หรือข้อมูลต่าง ๆ ของผู้สมัครที่ได้กรอกไว้ในใบสมัคร ตลอดจนสิ่งที่ได้รับฟังจากการสัมภาษณ์ถูกต้องหรือไม่

83. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับสาเหตุที่คนเลือกอยู่กับองค์การ

(1) ชื่อเสียงขององค์การ

(2) ค่าตอบแทน

(3) วัฒนธรรมองค์การ

(4) ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน

(5) เป็นไปได้ทุกข้อ

ตอบ 5 (คำบรรยาย) ค่าตอบแทนเป็นเพียงปัจจัยพื้นฐานที่สามารถจูงใจและรักษาคนให้อยู่กับองค์การ ดังนั้นการที่คนจะอยู่กับองค์การยาวนาน ไม่ลาออกไปหางานใหม่ทำจึงไม่ใช่เพราะเรื่องค่าตอบแทนเพียงอย่างเดียว แต่มีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่น ๆ ด้วย เช่น ความมั่นคงของงาน โอกาสและความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน สวัสดิการและประโยชน์เกื้อกูล ชื่อเสียงขององค์การ วัฒนธรรมองค์การ ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน เป็นต้น

84. ข้อใดไม่ใช่สภาพแวดล้อมภายในองค์การ

(1) โครงสร้างองค์การ

(2) ค่านิยมร่วม

(3) ทักษะของบุคลากร

(4) กลยุทธ์ของหน่วยงาน

(5) สภาวะทางเศรษฐกิจ

ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 52. ประกอบ

85. ข้อใดใช้เป็นข้อมูลประกอบในการประเมินค่างาน

(1) Job Analysis

(2) Job Ranking

(3) Job Classification

(4) Point Rating

(5) Factor Comparison

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 39. และ 75. ประกอบ

86. เป็นวิธีการประเมินค่างานที่มักใช้การเปรียบเทียบเป็นคู่ ๆ (Paired-Comparison)

(1) Job Analysis

(2) Job Ranking

(3) Job Classification

(4) Point Rating

(5) Factor Comparison

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 6. ประกอบ

87. สิ่งใดต่อไปนี้ที่สามารถใช้เพื่อแก้ปัญหาอัตราเข้าออกงาน (Turnover Rate)

(1) ปัจจัยจูงใจ

(2) ปัจจัยสุขภาวะ

(3) ทั้งปัจจัยจูงใจและปัจจัยสุขภาวะ

(4) การเพิ่มอัตรากำลัง

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 (คำบรรยาย) การแก้ไขปัญหาอัตราเข้าออกงาน (Turnover Rate) ของพนักงานสูงนั้น จะต้องใช้ทั้งปัจจัยจูงใจและปัจจัยสุขภาวะเพื่อจูงใจและรักษาคนดีมีความสามารถให้ทำงานอยู่กับองค์การต่อไป เช่น เงินเดือน สวัสดิการ ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน สภาพการทำงานที่เหมาะสม เป็นต้น

88. กระบวนการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับธรรมชาติและลักษณะของงานคือข้อใด

(1) การวิเคราะห์งาน

(2) คำบรรยายลักษณะงาน (Job Description)

(3) คุณสมบัติผู้ปฏิบัติงาน

(4) การประเมินค่างาน

(5) การกำหนดค่าตอบแทน

ตอบ 1 หน้า 86 การวิเคราะห์งาน (Job Analysis) หมายถึง กระบวนการศึกษาและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับธรรมชาติและลักษณะของงานอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นการศึกษาหน้าที่ในงาน ความรับผิดชอบ สภาพการทำงาน รวมทั้งคุณลักษณะประจำของบุคคลที่เหมาะสมกับงานนั้น เพื่อให้การปฏิบัติงานนั้น ๆ สำเร็จลงได้ และเพื่อให้ได้สารสนเทศของงานนั้นเพียงพอต่อการนำไปใช้ประโยชน์ในการทำกิจกรรมอื่นในอนาคต

89. ข้อใดไม่ใช่การประเมินค่างาน

(1) วิธีการจัดลำดับงาน

(2) วิธีการวางแผนงาน

(3) วิธีการเปรียบเทียบปัจจัย

(4) วิธีการให้แต้มหรือคะแนน

(5) วิธีการจัดชั้นงาน

ตอบ 2 หน้า 169 – 172 วิธีการประเมินค่างาน มี 4 วิธี ได้แก่
1 วิธีการเรียงลำดับหรือจัดลำดับงาน (Job Ranking)
2 วิธีการจัดระดับงานหรือการจัดชั้นงาน (Job Classification or Grading Method)
3 วิธีการให้แต้มหรือคะแนน (Point Rating)
4 วิธีการเปรียบเทียบปัจจัย (Factor Comparison)

90. สิ่งใดคือข้อจำกัดที่ทำให้เกิดปัญหาในการประเมินผลการปฏิบัติงาน

(1) ความลำเอียง

(2) มาตรฐานของผู้บังคับบัญชา (ผู้ประเมิน) ที่แตกต่างกัน

(3) ความซับซ้อนของระบบการประเมินผลการปฏิบัติงาน

(4) การเมืองภายในองค์การ

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 หน้า 262 – 263 ข้อจำกัดที่ทำให้เกิดปัญหาในการประเมินผลการปฏิบัติงาน มีดังนี้
1 ความลำเอียงหรืออคติของผู้บังคับบัญชาหรือผู้ประเมิน
2 มาตรฐานของผู้บังคับบัญชาหรือผู้ประเมินที่แตกต่างกัน
3 ความซับซ้อนของระบบการประเมินผลการปฏิบัติงาน
4 การใช้ระบบการประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อกลั่นแกล้ง กีดกัน หรือเกมการเมืองภายในองค์การ
5 การที่ผู้ประเมินมีบทสรุปของการประเมินผลการปฏิบัติงานไว้ล่วงหน้า ฯลฯ

91. การให้นักการเมืองทุกคนแสดงบัญชีทรัพย์สินทั้งก่อนและหลังการดำรงตำแหน่ง สอดคล้องกับหลักการใด

(1) หลักการเสริมประสิทธิภาพ

(2) หลักพิทักษ์คุณธรรม

(3) หลักระบบค่าตอบแทน

(4) หลักจริยธรรมและวินัย

(5) การกระจายอำนาจ

ตอบ 4 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 207), (คำบรรยาย) หลักจริยธรรมและวินัยตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีดังนี้
1 กำหนดสิ่งที่ข้าราชการต้องปฏิบัติและข้อห้ามการปฏิบัติออกจากกันเป็นคนละส่วนอย่างชัดเจน
2 กำหนดให้ส่วนราชการแต่ละแห่งเป็นผู้กำหนดข้อบังคับว่าด้วยจรรยาข้าราชการเพื่อใช้บังคับเฉพาะข้าราชการในสังกัดส่วนราชการนั้นเท่านั้น
3 กำหนดให้ข้าราชการบางตำแหน่งต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินก่อนและหลังดำรงตำแหน่ง ฯลฯ

92 ข้อใดเป็นขั้นตอนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อปฏิเสธบุคคลที่มีร่างกายไม่เหมาะสมกับงาน

(1) การสัมภาษณ์เบื้องต้น

(2) การให้กรอกใบสมัคร

(3) การทดสอบ

(4) การตรวจสอบคุณสมบัติพื้นฐาน

(5) การตรวจร่างกาย

ตอบ 5 หน้า 128, 131, (คําบรรยาย) การตรวจร่างกาย (Physical Check/Examination) เป็นขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการคัดเลือกและสมควรทําเมื่อทราบชัดเจนว่าจะมีการจ้าง อย่างแน่นอน ทั้งนี้ก็เพื่อปฏิเสธบุคคลที่มีร่างกายไม่เหมาะสมกับงาน และเพื่อป้องกันการรับบุคคลที่มีโรคติดต่อต้องห้ามเข้ามาทํางานด้วย

93 เป็นวิธีการประเมินค่างานที่ไม่เหมาะกับองค์การขนาดใหญ่ที่มีงานจํานวนมาก

(1) Job Analysis

(2) Job Ranking

(3) Job Classification

(4) Point Rating

(5) Factor Comparison

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 6. ประกอบ

94 การจําแนกกลุ่มข้าราชการเป็น 4 กลุ่ม (Cluster) เป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ใด

(1) เพื่อกระจายอํานาจให้ข้าราชการ

(2) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพและปรับปรุงระบบงาน

(3) เพื่อขยายขอบข่ายการควบคุม

(4) เพื่อจัดสวัสดิการให้เหมาะสม

(5) เพื่อเสริมสร้างประชาธิปไตย

ตอบ 2 (คําบรรยาย) การจําแนกกลุ่มข้าราชการเป็น 4 กลุ่ม (Cluster) นั้นเป็นไปเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และปรับปรุงระบบงาน รวมทั้งนําไปใช้ในการกําหนดอัตราเงินเดือนของข้าราชการให้เหมาะสม เป็นธรรม และสอดคล้องกับอัตราตลาด

95 ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยที่ใช้ประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานระดับบริหาร

(1) ปริมาณงาน

(2) ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์

(3) ความยุติธรรม

(4) วุฒิภาวะ

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1

หน้า 259 – 260 ปัจจัยที่ใช้ประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานระดับบริหาร มีดังนี้
1 ความมีเหตุผล
2 ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
3 การจูงใจ
4 ความยุติธรรม
5 ภาวะผู้นํา
6 ความสามารถในการจัดการ
7 มนุษยสัมพันธ์
8 วุฒิภาวะ
9 ความเพียรพยายาม
10 ความเอาใจใส่ในงาน
11 การมอบหมายงาน ฯลฯ

96 เพราะเหตุใดจึงต้องมีการประเมินผลการปฏิบัติงาน

(1) เพื่อประโยชน์ในการจัดสรรทรัพยากรขององค์การ

(2) เพื่อการสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน

(3) เพื่อให้การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในองค์การเป็นไปตามหลักคุณธรรม

(4) เพื่อให้บุคลากรทุกคนอยู่ในระเบียบ กติกา เดียวกัน

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 หน้า 247 – 248, (คําบรรยาย) เหตุผลที่ต้องมีการประเมินผลการปฏิบัติงาน มีดังนี้
1 เพื่อเป็นการจัดสรรทรัพยากรขององค์การให้พนักงานอย่างเป็นธรรม
2 เพื่อการสร้างแรงจูงใจและให้รางวัลแก่พนักงาน
3 เพื่อให้การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในองค์การเป็นไปตามหลักคุณธรรม
4 เพื่อใช้เป็นเครื่องมือผลักดันหรือจูงใจให้มีการสอนเพื่อพัฒนาพนักงาน
5 เพื่อเป็นเครื่องมือบังคับทางอ้อมให้พนักงานทุกคนอยู่ในระเบียบ กติกา ข้อบังคับเดียวกัน
6 เพื่อให้พนักงานได้ทราบถึงความรู้ความสามารถของตนเองในสายตาของผู้บังคับบัญชา
7 เพื่อเป็นการทดสอบความยุติธรรมของผู้บังคับบัญชา

97 มีการขึ้นเงินเดือนข้าราชการให้เหมาะสมกับค่าครองชีพ สอดคล้องกับหลักการใด

(1) หลักการเสริมประสิทธิภาพ

(2) หลักพิทักษ์คุณธรรม

(3) หลักระบบค่าตอบแทน

(4) หลักจริยธรรมและวินัย

(5) การกระจายอำนาจ

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 42. ประกอบ

98 ปัจจัยใดที่ไม่ได้มีผลกระทบโดยตรงต่อค่าจ้าง

(1) ต้นทุนค่าครองชีพ

(2) อัตราเงินเฟ้อ

(3) อัตราค่าจ้างทั่วไป

(4) ค่าแรงขั้นต่ำ

(5) ราคาน้ำมันในตลาดโลก

ตอบ 5 หน้า 143 – 147, (คำบรรยาย) ปัจจัยที่มีผลกระทบโดยตรงต่อค่าจ้างเงินเดือน ได้แก่ สภาพตลาดแรงงาน อัตราค่าจ้างทั่วไป ค่าแรงขั้นต่ำ ต้นทุนค่าครองชีพ อัตราเงินเฟ้อ ความสามารถของการจ่าย อำนาจการต่อรอง และค่าของงานเปรียบเทียบ

99 ข้อความนี้สอดคล้องกับหลักการใด “งานที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบเหมือนกันควรได้รับค่าตอบแทนเท่ากัน”

(1) หลักความเสมอภาค

(2) หลักความเป็นกลางทางการเมือง

(3) หลักความมั่นคง

(4) หลักความสามารถ

(5) หลักการแบ่งงานกันทำตามความถนัด

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 3) หลักความเสมอภาค (Equality) หมายถึง การเปิดโอกาสให้ผู้มีคุณสมบัติและมีพื้นฐานความรู้ตามที่กำหนดไว้มีสิทธิที่จะสมัครเข้าสอบแข่งขันเพื่อบรรจุเข้ารับราชการได้ทุกคน โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างในเรื่องชาติตระกูล ศาสนา เป็นการให้โอกาสแก่ผู้มีสิทธิอย่างเท่าเทียมกัน และในการกำหนดเงินเดือนหรือค่าตอบแทนของข้าราชการก็ควรยึดหลักความเสมอภาคเช่นกัน กล่าวคือ งานที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบเหมือนกันหรือระดับเดียวกันควรได้รับเงินเดือนหรือค่าตอบแทนเท่ากัน

100 การตัดสินใจโดยพิจารณาความสอดคล้องระหว่างเกณฑ์ขององค์การและคุณสมบัติของคนคือข้อใด

(1) การสรรหา

(2) การคัดเลือก

(3) การสรรหาจากภายใน

(4) การสรรหาจากภายนอก

(5) การบรรจุ

ตอบ 2 หน้า 126, (คำบรรยาย) การคัดเลือก (Selection) เป็นกระบวนการคัดเลือกผู้สมัครงาน เพื่อให้ได้บุคลากรที่ดีที่สุด มีคุณสมบัติเหมาะสม ถูกต้องตรงกับคุณลักษณะเฉพาะของพนักงานที่กำหนดไว้ตามเกณฑ์ขององค์การ ดังนั้นการคัดเลือกจึงเป็นการตัดสินใจโดยพิจารณาความสอดคล้องระหว่างเกณฑ์ขององค์การและคุณสมบัติของคน

POL2300 การบริหารรัฐกิจเบื้องต้น s/2566

ข้อสอบกระบวนวิชา POL 2300 การบริหารรัฐกิจเบื้องต้น

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2566

คำสั่ง: ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว

1 บาร์นาร์ด ให้ความหมายขององค์การว่าอย่างไร

(1) เป็นความสัมพันธ์ของบุคคลใดในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง

(2) เป็นความสัมพันธ์ที่มีสายบังคับบัญชาที่แน่นอน คงที่ เปลี่ยนแปลงได้ยาก

(3) เป็นความสัมพันธ์ของบุคคลกับองค์การที่มีขอบเขตแน่นอน และมีการปฏิบัติงานที่ชัดเจน

(4) ระบบหนึ่งของกิจกรรมที่มีความร่วมมือ 2 คนขึ้นไป

(5) เป็นความสัมพันธ์ที่มีระบบย่อยของสังคมเป็นโครงสร้างในการจัดองค์การ

ตอบ 4 หน้า 114 เชสเตอร์ ไอ. บาร์นาร์ด (Chester I. Barnard) เห็นว่า องค์การ คือ ระบบหนึ่งของกิจกรรมที่มีการร่วมมือกันอย่างมีสติของบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อให้การดำเนินกิจกรรมนั้นบรรลุเป้าหมาย

2 ลักษณะสำคัญ 3 ประการขององค์การ ข้อใดถูกต้อง

(1) องค์การทุกองค์การต้องมีระบบบริหารทรัพยากรบุคคลเป็นสำคัญ

(2) องค์การทุกองค์การต้องมีนโยบายที่มีเป้าหมายชัดเจน

(3) องค์การทุกองค์การต้องมีเหตุผลประกอบที่ชัดเจนเป็นเป้าหมาย

(4) องค์การแต่ละองค์การต้องกำหนดงานเป็นฝ่าย ๆ

(5) องค์การแต่ละองค์การต้องมีวัตถุประสงค์ชัดเจน

ตอบ 5 หน้า 114 ลักษณะสำคัญ 3 ประการขององค์การ มีดังนี้ 1. องค์การแต่ละองค์การจะต้องมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน 2. องค์การประกอบด้วยบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เข้ามาปฏิบัติงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ 3. องค์การทุกองค์การมีการพัฒนาโครงสร้างให้เหมาะสม เพื่อให้ผู้ปฏิบัติสามารถปฏิบัติงานได้สำเร็จ

3 Robbins & Coulter กล่าวถึงองค์การมีวัตถุประสงค์ ข้อใดถูกต้อง

(1) แบ่งโครงสร้างให้มีการกระจายงาน

(2) กฎ ระเบียบ แบบแผน เป็นสิ่งสำคัญ

(3) การจัดสรรทรัพยากรในองค์การ

(4) ไม่มีความสัมพันธ์ในองค์การ

(5) งบประมาณรวมไว้ที่ส่วนกลาง

ตอบ 3 หน้า 115 Stephen P. Robbins & Mary Coulter กล่าวว่า การจัดองค์การมีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1. เพื่อให้มีการแบ่งภารกิจและงานที่ต้องปฏิบัติ 2. เพื่อมอบหมายภารกิจและความรับผิดชอบของบุคคลและแผนกงานทั้งองค์การ 3. เพื่อให้เกิดการประสานงานภายในองค์การ 4. เพื่อจัดกลุ่มบุคคลที่อยู่ในแผนกงานและจัดกลุ่มแผนกงานภายในองค์การ 5. เพื่อกำหนดความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการระหว่างบุคคล กลุ่ม และแผนกงาน 6. เพื่อกำหนดระดับอำนาจหน้าที่อย่างเป็นทางการ ลำดับชั้นของการบังคับบัญชาและการควบคุม 7. เพื่อจัดสรรและแบ่งทรัพยากรในองค์การ

4. ข้อใดเป็นลักษณะองค์การแบบใหม่

(1) เน้นการมีส่วนร่วม

(2) เน้นงานที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน

(3) ผู้บริหารเป็นผู้ตัดสินใจ

(4) เน้นกฎ ระเบียบ

(5) เน้นสายการบังคับบัญชา

ตอบ 1 หน้า 114 – 115 องค์การแบบใหม่กับองค์การแบบเดิม มีลักษณะที่แตกต่างกันดังนี้
1 องค์การแบบใหม่: มีลักษณะเปลี่ยนแปลง, มีความยืดหยุ่นในการทํางาน, ให้ความสําคัญต่อทักษะในการปฏิบัติงาน, งานกําหนดจากสิ่งที่ต้องปฏิบัติ, เน้นทีมงาน, งานมีลักษณะชั่วคราว, ผู้ปฏิบัติงานมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ, ให้ความสําคัญต่อลูกค้า ผู้รับบริการ, ลักษณะงานมีความแตกต่างกัน, ไม่มีการกําหนดชั่วโมงการทํางานต่อวัน ปฏิบัติงานได้ในทุกที่ ทุกเวลา, เน้นการมีส่วนร่วม
2 องค์การแบบเดิม: มีลักษณะคงที่, ไม่มีความยืดหยุ่นในการทํางาน, งานถูกกําหนดจากตําแหน่ง, เน้นบุคคล ความมั่นคงของงาน, ผู้บริหารสูงสุดเป็นผู้ตัดสินใจ, เน้นกฎ ระเบียบ, ลักษณะงานมีความคล้ายคลึงกัน, ปฏิบัติงานวันละ 8 ชั่วโมง, ปฏิบัติงานในองค์การตลอดชั่วโมงการทํางาน, เน้นการออกคําสั่ง การสั่งการตามสายการ บังคับบัญชา

5. ข้อใดไม่ถูกต้องของการแบ่งงาน (Division of Labor)

(1) แบ่งงานตามความชํานาญพิเศษของแต่ละคน

(2) แบ่งงานตามความชํานาญเฉพาะด้านตามแนวนอนขององค์การ

(3) แบ่งงานตามความชํานาญเฉพาะด้านตามแนวตั้งขององค์การ

(4) แบ่งงานตามความชํานาญเฉพาะด้านตามแนวยาวขององค์การ

(5) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2

ตอบ 4 หน้า 116 การแบ่งงาน (Division of Labor) แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ คือ 1. การแบ่งงานตามความชํานาญพิเศษของแต่ละคน (Personal Specialization) 2. การแบ่งงานตามความชํานาญเฉพาะด้านตามแนวนอนขององค์การ (Horizontal Specialization) 3. การแบ่งงานตามความชํานาญเฉพาะด้านตามแนวตั้งขององค์การ (Vertical Specialization)

6. การจัดแบ่งหน่วยงานในส่วนของการแบ่งตามหน้าที่มีลักษณะข้อใดถูกต้อง

(1) เหมาะสําหรับองค์การที่มีสภาพแวดล้อมไม่คงที่

(2) ลักษณะงานเป็นแบบครั้งคราว

(3) เกิดความสะดวกในการควบคุมการปฏิบัติงาน

(4) งานแต่ละงานไม่มีอิสระ

(5) การพึ่งพาระหว่างหน่วยงานเป็นสิ่งสําคัญ

ตอบ 3 หน้า 117 การแบ่งตามหน้าที่ (Functional Departmentation) เป็นการจัดแบ่งหน่วยงาน โดยพิจารณาจากประเภทของงานหรือหน้าที่ในการปฏิบัติงานเป็นหลัก โดยกลุ่มของกิจกรรมที่เหมือนกันและเกี่ยวข้องกันจะถูกจัดให้อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของผู้บังคับบัญชาคนเดียวกันการจัดแบ่งหน่วยงานในลักษณะนี้เหมาะสำหรับองค์การที่อยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมคงที่และมีลักษณะเป็นงานประจำ จะทำให้เกิดความสะดวกในการควบคุมการปฏิบัติงาน การพึ่งพาระหว่างหน่วยงานมีไม่มากนักจึงอาจทำให้งานแต่ละงานมีความเป็นอิสระต่อกัน เพราะแต่ละหน่วยงานย่อยเหล่านั้นมักจะมุ่งปฏิบัติงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของหน่วยงานของตนจนทำให้ละเลยความสำคัญของเป้าหมายรวมขององค์การได้

7 การจัดแบ่งหน่วยงานในส่วนของการแบ่งตามผลผลิตมีลักษณะข้อใดถูกต้อง

(1) ผู้บริหารไม่มีความชำนาญเฉพาะด้าน

(2) ไม่มีความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน

(3) ไม่มีงานซ้ำซ้อน

(4) ไม่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย

(5) ควบคุมการผลิตได้ดี

ตอบ 5 หน้า 117 การแบ่งตามผลผลิต (Product Departmentalization) เป็นการจัดแบ่งหน่วยงานโดยผลผลิตแต่ละประเภทจะอยู่ภายใต้อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้บริหารที่มีความชำนาญเฉพาะด้านนั้น ๆ ทำให้สามารถควบคุมกระบวนการผลิตได้ดีและเกิดความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน แต่อาจทำให้เกิดความซ้ำซ้อนของงานและสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยส่วนรวมได้

8. Robbins & Coulter แบ่งรูปแบบองค์การ ข้อใดถูกต้อง

(1) โครงสร้างแบบเรียบง่าย, โครงสร้างแบบผสม

(2) โครงสร้างแบบระบบราชการ, โครงสร้างระบบบริหาร

(3) โครงสร้างแบบทีมงาน, โครงสร้างแบบระบบราชการ

(4) โครงสร้างแบบทีมงาน, โครงสร้างแบบผสม

(5) โครงสร้างแบบโครงการและแบบแมทริกซ์, โครงสร้างระบบบริหาร

ตอบ 3 หน้า 123 – 125 Stephen P. Robbins & Mary Coulter แบ่งรูปแบบองค์การ ออกเป็น 5 รูปแบบ ดังนี้
1 โครงสร้างแบบเรียบง่าย (Simple Structure)
2 โครงสร้างแบบระบบราชการ (Bureaucracy)
3 โครงสร้างแบบทีมงาน (Team-Based Structure)
4 โครงสร้างแบบโครงการและแบบแมทริกซ์ (Project and Matrix Structure)
5 หน่วยงานอิสระภายในองค์การ (Autonomous Internal Units)

9. ลักษณะขององค์การแบบระบบราชการ Max Weber ข้อใดไม่ถูกต้อง

(1) มีการแบ่งงาน

(2) กำหนดอำนาจหน้าที่ตามสายบังคับบัญชา

(3) กฎ ระเบียบที่เป็นทางการ

(4) มีความเป็นอิสระ

(5) เน้นการปฏิบัติงานเป็นอาชีพ

ตอบ 4 หน้า 123 – 124, (คำบรรยาย) Max Weber เสนอการจัดองค์การแบบระบบราชการ (Bureaucracy) ซึ่งมีลักษณะสำคัญดังนี้
1 มีการแบ่งงานกันทำตามความถนัดหรือความชำนาญเฉพาะด้าน
2 มีการกำหนดอำนาจหน้าที่ตามสายการบังคับบัญชา
3 มีการคัดเลือกบุคคลอย่างเป็นทางการ
4 มีกฎ ระเบียบ และความเป็นทางการ
5 ไม่เน้นความเป็นส่วนตัว
6 เน้นการปฏิบัติงานเป็นอาชีพ
7 เน้นการจ้างงานตลอดชีพ

10. Goldsmith และ Eggers ได้แบ่งรูปแบบการจัดโครงสร้างองค์การรูปแบบอะไร

(1) องค์การแบบเรียบง่าย

(2) องค์การแบบระบบราชการ

(3) องค์การแบบแมทริกซ์

(4) องค์การแบบเครือข่าย

(5) องค์การแบบผสม

ตอบ 4 หน้า 126 – 127 Goldsmith และ Eggers ได้แบ่งรูปแบบการจัดโครงสร้างองค์การ แบบเครือข่ายออกเป็น 6 ประเภท ดังนี้
1 เครือข่ายแบบการทําสัญญาในการให้บริการ
2 เครือข่ายแบบห่วงโซ่อุปทาน
3 เครือข่ายแบบเฉพาะกิจ
4 เครือข่ายแบบตัวแทนการให้บริการ
5 เครือข่ายแบบศูนย์เผยแพร่ข้อมูลสาธารณะ
6 เครือข่ายแบบศูนย์ประสานงานประชาชน

11. ข้อใดถูกต้อง องค์การแบบแชมร็อคแบ่งกลุ่มผู้ปฏิบัติงาน 3 กลุ่ม

(1) กลุ่มผู้ปฏิบัติงานจากพันธมิตร, กลุ่มผู้ปฏิบัติงานจากภายใน, กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ

(2) กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ กลุ่มผู้ปฏิบัติงานจากภายนอก กลุ่มพนักงานชั่วคราว

(3) กลุ่มผู้ปฏิบัติงานจากภายนอก, กลุ่มผู้ปฏิบัติงานจากภายใน, กลุ่มผู้ชํานาญการพิเศษ

(4) กลุ่มพนักงานชั่วคราว, กลุ่มผู้ปฏิบัติงานจากภายใน, กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ

(5) กลุ่มผู้ปฏิบัติงานจากภายนอก, กลุ่มผู้ปฏิบัติงานจากภายใน, กลุ่มผู้ชํานาญการ

ตอบ 2 หน้า 128 – 129 องค์การแบบแชมร็อค (Shamrock Organization) เป็นโครงสร้างองค์การ ที่เปรียบเหมือนใบแชมร็อค ซึ่งมี 3 แฉกติดกันอยู่บนก้านเดียวกัน โครงสร้างองค์การแบบนี้จะมี การแบ่งกลุ่มผู้ปฏิบัติงานในองค์การออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ กลุ่มผู้ปฏิบัติงาน จากภายนอก และกลุ่มพนักงานชั่วคราว เพื่อเป็นการลดจํานวนผู้ปฏิบัติงานในองค์การให้น้อยลง โดยจะให้ความสําคัญต่อผู้ปฏิบัติภารกิจหลักขององค์การเท่านั้น ทั้งนี้แนวโน้มขององค์การ แบบแชมร็อคในอนาคตนั้นอาจจะให้ลูกค้าขององค์การเข้ามามีส่วนร่วมหรือเข้ามาดําเนินการ ด้วยตนเองบ้างในบางส่วน

12. เงื่อนไขขององค์การแบบเครื่องจักรมีลักษณะอย่างไร

(1) ต้องใช้ความคิดริเริ่ม

(2) ไม่ซับซ้อนและคงที่

(3) ประสิทธิผล

(4) ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงมาก

(5) ท้าทายแรงจูงใจ

ตอบ 2 หน้า 134 เงื่อนไขขององค์การแบบเครื่องจักร (Mechanistic Organization) และองค์การ แบบสิ่งมีชีวิต (Organic Organization) มีลักษณะที่แตกต่างกันดังนี้

ปัจจัย องค์การแบบเครื่องจักร องค์การแบบสิ่งมีชีวิต
สภาพแวดล้อม ไม่ซับซ้อนและคงที่ ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงมาก
กลยุทธ์ แบบตั้งรับ แบบเชิงรุก
ลักษณะเทคโนโลยี เป็นงานประจํา มีข้อยกเว้นน้อย มีความซับซ้อน มีข้อยกเว้นมาก
ผู้ปฏิบัติงาน ทําตามคําสั่ง/ระเบียบ จูงใจทาง เศรษฐกิจ ต้องใช้ความคิดริเริ่ม ท้าทาย แรงจูงใจด้านอื่นนอกเหนือ การมุ่งเน้นปัจจัยทางเศรษฐกิจ
การมุ่งเน้น ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล

 

13. ความหมายของการบริหารงานบุคคล ข้อใดถูกต้อง

(1) การบริหารทรัพยากรมนุษย์เกี่ยวกับตำแหน่งที่เหมาะสม

(2) ที่มีความรู้ ความสามารถ สรรหา คัดเลือก บรรจุ แต่งตั้ง

(3) เป็นเรื่องของการจัดการในด้านการนํานโยบายไปปฏิบัติ

(4) เป็นกระบวนการเพื่อให้ได้มาและพัฒนาพนักงานที่มีความชํานาญในการปฏิบัติงาน

(5) ปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับของทางราชการ

ตอบ 4 หน้า 148 Nigro, F.A. and Nigro, LG. กล่าวว่า การบริหารงานบุคคลเป็นกระบวนการ เพื่อให้ได้มาและพัฒนาพนักงานที่มีความชํานาญในการปฏิบัติงาน และเพื่อเสริมสร้างสภาวะ การทํางานในอันที่จะส่งเสริมให้เขาเหล่านั้นได้ปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ

14. McKinsey กล่าวถึง 7s ข้อใดไม่ถูกต้อง

(1) System

(2) Strategy

(3) Staffing

(4) Salary

(5) Skill

ตอบ 4 หน้า 154 กรอบแนวคิด 75 ของแมคคินซี (McKinsey) ประกอบด้วย Strategy (กลยุทธ์), Shared Value (วิสัยทัศน์ร่วม), Structure (โครงสร้าง), System (ระบบงาน), Staffing (การจัดบุคลากร), Style (ท่วงทํานองการบริหาร) และ Skill (ทักษะ) ซึ่ง 5 ที่เกี่ยวข้องโดยตรง กับเรื่องบุคลากรมี 35 คือ Staffing, Style และ Skill

15. STEP สภาพแวดล้อมที่เป็นพลวัต ข้อใดไม่ถูกต้อง

(1) สภาพเศรษฐกิจ

(2) สภาพสิ่งแวดล้อม

(3) สภาพการเมือง

(4) สภาพสังคม

(5) สภาพเทคโนโลยี

ตอบ 2 หน้า 155 ปัจจัยสภาพแวดล้อมที่เป็นพลวัต หรือเรียกย่อ ๆ ว่า PEST หรือ STEP ประกอบด้วย
1 สภาพการเมือง (Political)
2 สภาพเศรษฐกิจ (Economic)
3 สภาพสังคม (Social)
4 สภาพเทคโนโลยี (Technological)

16. คณะกรรมการข้าราชการที่เป็นต้นแบบคือข้อใด

(1) คณะกรรมการข้าราชการตํารวจ

(2) คณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม

(3) คณะกรรมการข้าราชการรัฐสภา

(4) คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน

(5) คณะกรรมการข้าราชการส่วนท้องถิ่น

ตอบ 4 หน้า 158 – 159 คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เป็นองค์กรกลางที่ทําหน้าที่ กําหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลภาครัฐทั้งหมด ตั้งแต่การกําหนดตําแหน่ง ค่าตอบแทน สวัสดิการและผลประโยชน์เกื้อกูล การแต่งตั้ง การโยกย้าย การเลื่อนตําแหน่ง การประเมินผลการปฏิบัติงาน วินัย การลงโทษ และการให้บุคลากรพ้นจากราชการ ดังนั้น คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนจึงเป็น “ต้นแบบ” ให้แก่องค์กรกลางการบริหารงานบุคคล ภาครัฐอื่น ๆ เช่น คณะกรรมการข้าราชการตํารวจ คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนใน มหาวิทยาลัย คณะกรรมการข้าราชการรัฐสภา คณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร คณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม ฯลฯ ในการกําหนดนโยบายการบริหารงานบุคคล

17. ระบบการบริหารงานบุคคลภาครัฐมี 6 ขั้นตอน ข้อใดไม่ถูกต้อง

(1) การวางแผนทรัพยากรบุคคล

(2) การได้มาซึ่งบุคลากร

(3) การพัฒนาบุคลากร

(4) การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรบุคคล

(5) การมีคุณภาพชีวิตที่ดี

ตอบ 5 หน้า 163 – 164 ระบบการบริหารงานบุคคลภาครัฐ ประกอบด้วยขั้นตอนสำคัญ 6 ขั้นตอน คือ
1 การวางแผนทรัพยากรบุคคล
2 การได้มาซึ่งบุคลากร การโอนย้ายและแต่งตั้ง
3 การพัฒนาบุคลากร
4 การใช้ประโยชน์จากบุคลากร
5 การประเมินผลการปฏิบัติงาน
6 การพ้นสภาพการเป็นบุคลากร

18 ตำราเรียนที่ใช้เป็นหนังสือหลักในการสอนวิชาการบริหารงานบุคคลมากเป็นของใคร

(1) Nicholas Henry

(2) Herbert Simon

(3) O. Glenn Stahl

(4) Mary Parker Follet

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 151 ตำราเรียนของ O. Glenn Stahl ถือเป็นหนังสือหลักที่ใช้สอนวิชาการบริหารงานบุคคลในทุกยุคทุกสมัย

19 การควบคุมตรวจสอบเกี่ยวกับมาตรฐานการจ้างงาน กำหนดตำแหน่งบุคคลภาครัฐ คือ

(1) กฎหมายรัฐธรรมนูญ

(2) การตรวจเงินแผ่นดิน

(3) ด้านกระบวนการยุติธรรม

(4) คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน

(5) สำนักงบประมาณ

ตอบ 4 หน้า 178 การควบคุมตรวจสอบเกี่ยวกับมาตรฐานการจ้างงาน การกำหนดตำแหน่ง คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง และค่าตอบแทนในตำแหน่งต่าง ๆ ของบุคคลภาครัฐมีการวางมาตรฐานกลาง โดยคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) หรือมีการกระจายอำนาจให้กับคณะกรรมการข้าราชการประเภทนั้น ๆ เพื่ออำนวยความยุติธรรมในระบบการบริหารงานบุคคล

20 อาจกล่าวได้ว่าการควบคุมองค์การเป็นวิธีการที่สำคัญยิ่งในอันที่จะให้ได้มาซึ่งอะไร

(1) การจัดองค์การ

(2) การวางแผน

(3) การประสานงานที่ดี

(4) เป้าหมายขององค์การ

(5) กฎ ระเบียบที่เป็นทางการ

ตอบ 3 หน้า 179 อาจกล่าวได้ว่าการควบคุมองค์การเป็นวิธีการที่สำคัญยิ่งในอันที่จะให้ได้มาซึ่งการประสานงานที่ดีภายในองค์การ

21 กลไกในการตอบสนองระบบงานที่เป็นทางการ เช่น อะไรบ้าง

(1) มีส่วนร่วมในการตรวจสอบ

(2) เว็บไซต์

(3) การใช้คำสั่ง

(4) กำกับหน่วยงานในสังกัด

(5) สมาคม ชมรม

ตอบ 3 หน้า 181 กลไกการตอบสนองอาจเป็นไปโดยระบบงานที่เป็นทางการ เช่น การใช้คำสั่ง การรายงาน การตรวจติดตาม การใช้ระบบคณะกรรมการ เช่น กรรมาธิการสภาฯ ชุดต่าง ๆ หรืออาจใช้ระบบของความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นทางการ เช่น ผ่านทางสโมสร สมาคม ชมรม และกลุ่มสังคมต่าง ๆ การจัดตั้งกล่องรับฟังความคิดเห็น การจัดตั้งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ การจัดทำเว็บไซต์รับเรื่องร้องทุกข์ การจัดทำเว็บบอร์ดทางอินเทอร์เน็ต เป็นต้น

22 ข้อใดไม่ใช่กระบวนการในการควบคุมตรวจสอบ

(1) การกำหนดเป้าหมาย

(2) การกำหนดวิธีการในการวัดมาตรฐานการดำเนินงาน

(3) ความสำเร็จตามเป้าหมาย

(4) พิจารณาเปรียบเทียบผลงานกับมาตรฐาน

(5) การดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับเป้าหมาย

ตอบ 3 หน้า 181 กระบวนการในการควบคุมตรวจสอบ มี 4 ขั้นตอน คือ
1. การกำหนดเป้าหมาย รายละเอียด และมาตรฐานของการดำเนินงาน
2. การกำหนดวิธีการในการวัดมาตรฐานในการดำเนินงาน รวมทั้งวิธีการที่จะวัดความสำเร็จของงาน
3. การพิจารณาเปรียบเทียบผลงานกับมาตรฐานหรือเกณฑ์ที่ได้ตั้งเอาไว้
4. การดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่ได้วางเอาไว้

23. การจัดวางระบบการติดตามประเมินผลไปสู่การบริหารจัดการให้ความสำคัญกับสิ่งใด

(1) ทรัพยากรและงบประมาณ

(2) เป้าหมายและผลสำเร็จ

(3) การวางแผนและโครงสร้างองค์การ

(4) ผลผลิตและสิ่งแวดล้อม

(5) การควบคุมและติดตามประเมินผล

ตอบ 4 หน้า 185 การจัดวางระบบการติดตามประเมินผลเป็นอีกมาตรการหนึ่งที่มีผลต่อระบบ การควบคุม ทำให้เกิดการพัฒนาตัวชี้วัดความสำเร็จ มีการวัดความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม เกิดการควบคุมในเชิงปริมาณและในเชิงคุณภาพ ในการดำเนินงานดังกล่าวรัฐอาจจัดให้มี องค์กรกลางทำหน้าที่กำหนดมาตรฐานคุณภาพในสาขาต่าง ๆ และส่งเสริมให้เกิดระบบประกันคุณภาพขององค์กรนำไปสู่ระบบบริหารจัดการที่ให้ความสำคัญด้านผลผลิตและสิ่งแวดล้อม

24. สภาพแวดล้อมขององค์การตามแนวคิดของ Richard L. Daft คือข้อใด

(1) ปัจจัยด้านอุตสาหกรรม, ปัจจัยด้านการผลิต, ปัจจัยด้านการบริหารองค์การ, ปัจจัยด้านบุคลากร

(2) ปัจจัยด้านอุตสาหกรรม, ปัจจัยด้านการผลิต, ปัจจัยด้านการลงทุน, ปัจจัยด้านการธนาคาร

(3) ปัจจัยด้านอุตสาหกรรม, ปัจจัยด้านการผลิต, ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ, ปัจจัยด้านการเงิน

(4) ปัจจัยด้านการเมือง, ปัจจัยด้านสังคม, ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ, ปัจจัยด้านสวัสดิการ

(5) ปัจจัยด้านการเมือง, ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ, ปัจจัยด้านสังคม, ปัจจัยด้านสวัสดิการ

ตอบ 3 หน้า 255 – 256 Richard L. Daft ได้พิจารณาสภาพแวดล้อมขององค์การว่าประกอบด้วยปัจจัย หรือส่วนต่าง ๆ 10 ส่วน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ถือเป็นสภาพแวดล้อมของงาน (Task Environment) ที่มีผลกระทบต่อการบรรลุเป้าหมายขององค์การโดยตรง ได้แก่ 1. ปัจจัยด้านอุตสาหกรรม 2. ปัจจัยด้านการผลิต 3. ปัจจัยด้านทรัพยากรมนุษย์ 4. ปัจจัยด้านการเงิน 5. ปัจจัยด้านการตลาด 6. ปัจจัยด้านเทคโนโลยี 7. ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ 8. ปัจจัยด้านการควบคุม 9. ปัจจัยด้านสังคมและวัฒนธรรม 10. ปัจจัยจากต่างประเทศ

25. หลักเกณฑ์ในการพิจารณาสภาพแวดล้อมด้านการนำเทคโนโลยีมาใช้กับงานควรมี

(1) เทคโนโลยีที่ใช้ควรมีความเหมาะสม และรวดเร็ว

(2) เทคโนโลยีที่ใช้ควรเกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และประหยัด

(3) เทคโนโลยีที่ใช้ควรมีบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถในการปฏิบัติงาน

(4) เทคโนโลยีที่ใช้ควรมีนวัตกรรมที่สามารถรองรับการทำงานได้

(5) เทคโนโลยีที่ใช้ควรตรงตามความต้องการของหน่วยงาน

ตอบ 2 หน้า 271 การนำเทคโนโลยีมาใช้กับงานในสาขาใดสาขาหนึ่งนั้น เทคโนโลยีที่นำมาใช้ควรจะทำให้เกิด 1. ประสิทธิภาพ (Efficiency) คือ การทำงานบรรลุผลตามเป้าหมายได้อย่างเที่ยงตรง และรวดเร็ว 2. ประสิทธิผล (Productivity) คือ การทำงานได้ผลผลิตออกมาอย่างเต็มที่มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ 3. ประหยัด (Economy) ทั้งเวลาและแรงงานในการทำงาน

26. สภาพแวดล้อมการเมืองแบ่งออกเป็นอะไรบ้าง

(1) การเมืองของรัฐบาลกลางและการเมืองรัฐบาลท้องถิ่น

(2) การเมืองภายนอกองค์การและการเมืองภายในองค์การ

(3) การเมืองระดับชาติและการเมืองท้องถิ่น

(4) การเมืองภายในและการเมืองระหว่างประเทศ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 2 หน้า 273 สภาพแวดล้อมการเมือง แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ 1. การเมืองภายนอกองค์การ 2. การเมืองภายในองค์การ

27. สภาพแวดล้อมด้านทรัพยากรธรรมชาติมีประเภทใดบ้าง

(1) ทรัพยากรใช้แล้วหมด ทรัพยากรพลังงาน และทรัพยากรมนุษย์

(2) ทรัพยากรพลังงาน ทรัพยากรทดแทน และทรัพยากรใช้แล้วหมดไป

(3) ทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรมนุษย์

(4) ทรัพยากรใช้แล้วไม่หมดสิ้น ทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป และทรัพยากรที่ใช้แล้วเกิดขึ้นทดแทน

(5) ทรัพยากรทดแทน ทรัพยากรสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรพลังงาน

ตอบ 4 หน้า 274 – 275 ทรัพยากรธรรมชาติ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1. ทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้แล้วไม่หมดสิ้น (Non-Exhausting Natural Resources) เช่น แสงอาทิตย์ อากาศ ดิน น้ำ เป็นต้น 2. ทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้แล้วหมดไป (Exhausting Natural Resources) เช่น แร่ธาตุ น้ำมันปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน เป็นต้น 3. ทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้แล้วเกิดขึ้นทดแทนหรือรักษาให้คงอยู่ได้ (Renewable Natural Resources) เช่น ป่าไม้ สัตว์ป่า พืชพรรณ กำลังงานของมนุษย์ เป็นต้น

28. ข้อใดไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลาย

(1) การขยายตัวทางเศรษฐกิจ

(2) ความไม่รู้หรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

(3) การเพิ่มขึ้นของประชากร

(4) ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์

(5) องค์การมีการเจริญเติบโต

ตอบ 5 หน้า 275 – 276, 282 – 283 สาเหตุที่ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลาย มีดังนี้ 1. การเพิ่มของประชากร 2. การขยายตัวทางเศรษฐกิจ 3. ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4. การสร้างสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ เช่น การสร้างเขื่อน อ่างเก็บน้ำ ถนน ฯลฯ 5. การกีฬา เช่น การยิงนก ตกปลา ล่าสัตว์ ฯลฯ 6. สงคราม 7. ความไม่รู้หรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

29. ข้อใดไม่ใช่สภาพแวดล้อมเฉพาะสำหรับองค์การต่าง ๆ ของรัฐ

(1) คน

(2) เป้าหมาย

(3) ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน

(4) โครงสร้าง

(5) ความรู้และข้อมูล

ตอบ 3 หน้า 260 – 280, (คำบรรยาย) สภาพแวดล้อมขององค์การบริหารภาครัฐ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. สภาพแวดล้อมทั่วไปหรือสภาพแวดล้อมภายนอกองค์การ เป็นสภาพแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อ การบริหารขององค์การของรัฐทุก ๆ องค์การ ได้แก่ การศึกษา ชนชั้นทางสังคม วัฒนธรรม ประเพณี ค่านิยมของประชาชน เศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยี กฎหมาย และทรัพยากรธรรมชาติ
2. สภาพแวดล้อมเฉพาะหรือสภาพแวดล้อมภายในองค์การหรือสิ่งแวดล้อมของงาน (Task Environment)
เป็นสภาพแวดล้อมที่มีผลกระทบโดยตรงต่อระบบการบริหารขององค์การ ซึ่งมีลักษณะเฉพาะที่จำเป็นในการดำเนินงานสำหรับองค์การหนึ่ง ๆ แต่อาจจะไม่มีความจำเป็นสำหรับองค์การอื่น ๆ เลยก็ได้ เช่น ลูกค้า/ผู้รับบริการ คู่แข่งขัน คน/แรงงาน/บุคลากร (ข้าราชการ/พนักงานราชการ) งบประมาณ วัตถุดิบ เป้าหมาย โครงสร้าง กฎระเบียบขององค์การ เทคโนโลยีการบริหาร ความรู้และข้อมูล ทรัพยากรที่หน่วยงานต้องใช้

30 Task Environment เป็นสิ่งแวดล้อมที่มีผลกระทบโดยตรงต่อการบริหารงาน ข้อใดถูกต้อง

(1) ชำนาญการ และชำนาญการพิเศษ

(2) ผู้รับบริการและคู่แข่งขัน

(3) ลูกค้าและประชาชน

(4) ลูกค้าและผู้ประกอบการ

(5) ผู้บริหารและผู้นำ

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 29. ประกอบ

ตั้งแต่ข้อ 31. – 40. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) การจัดการภาครัฐแนวใหม่

(2) การบริการภาครัฐแนวใหม่

31. “การรับใช้มากกว่าถือหางเสือ” เป็นหลักการของแนวคิดใด

ตอบ 2 หน้า 343 – 346 แนวคิดและแนวทางของการบริการสาธารณะแนวใหม่/การบริการภาครัฐ แนวใหม่ (New Public Service : NPS) มีดังนี้
1 การรับใช้มากกว่าถือหางเสือ
2 ผลประโยชน์สาธารณะเป็นเป้าหมายหลักไม่ใช่ผลพลอยได้
3 การคิดอย่างมียุทธศาสตร์และปฏิบัติอย่างเป็นประชาธิปไตย
4 รับใช้พลเมือง ไม่ใช่ลูกค้า
5 การถูกตรวจสอบไม่ใช่เรื่องง่าย
6 ให้คุณค่ากับคน ไม่ใช่แต่เฉพาะผลิตภาพเท่านั้น
7 ให้คุณค่าความเป็นพลเมืองและการบริการสาธารณะมากกว่าความเป็นเถ้าแก่

32. “การเป็นรัฐที่ชุมชนเป็นเจ้าของ” เป็นหลักการของแนวคิดใด

ตอบ 1 หน้า 338 – 339, (คำบรรยาย) Osborne and Gaebler ได้เขียนหนังสือชื่อ “Reinventing Government” ในปี ค.ศ. 1992 โดยเสนอให้มีการปฏิรูปการบริหารภาครัฐหรือการเนรมิต ระบบราชการใหม่ด้วยแนวทางและอุดมการณ์การจัดการภาครัฐแนวใหม่ (New Public Management : NPM) หรือรัฐบาลแบบเถ้าแก่ ซึ่งรัฐบาลตามตัวแบบนี้ต้องมีแนวทางปฏิบัติ 10 ประการ ได้แก่
1 รัฐบาลที่ทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา หรือเป็นกัปตันเรือแทนที่จะเป็นพลแจว
2 รัฐบาลที่ชุมชนเป็นเจ้าของ
3 รัฐบาลที่มีการแข่งขัน
4 รัฐบาลที่ขับเคลื่อนด้วยพันธกิจ
5 รัฐบาลที่เน้นผลลัพธ์
6 รัฐบาลที่ขับเคลื่อนโดยลูกค้า
7 รัฐบาลแบบวิสาหกิจ
8 รัฐบาลที่คาดการณ์ล่วงหน้า
9 รัฐบาลที่มีการกระจายอำนาจ
10 รัฐบาลที่เน้นตลาดหรือการแข่งขัน

33. “การเป็นกัปตันเรือแทนที่จะเป็นพลแจว” เป็นหลักการของแนวคิดใด
ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 32. ประกอบ

34 “การเน้นตลาดหรือการแข่งขัน” เป็นหลักการของแนวคิดใด
ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 32. ประกอบ

35 “การให้คุณค่าความเป็นพลเมืองมากกว่าความเป็นเถ้าแก่” เป็นหลักการของแนวคิดใด
ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 31. ประกอบ

36 “การรับใช้พลเมือง ไม่ใช่ลูกค้า” เป็นหลักการของแนวคิดใด
ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 31. ประกอบ

37 “การเป็นรัฐที่ขับเคลื่อนโดยลูกค้า” เป็นหลักการของแนวคิดใด
ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 32. ประกอบ

38 “การคิดอย่างมียุทธศาสตร์ ปฏิบัติอย่างเป็นประชาธิปไตย” เป็นหลักการของแนวคิดใด
ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 31. ประกอบ

39 “การเป็นรัฐที่มีการแข่งขัน” เป็นหลักการของแนวคิดใด
ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 32. ประกอบ

40 “การถูกตรวจสอบไม่ใช่เรื่องง่าย” เป็นหลักการของแนวคิดใด
ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 31. ประกอบ

41 ข้อใดไม่ใช่สถานภาพของการศึกษาการบริหารรัฐกิจ

(1) เป็นสังคมศาสตร์ประยุกต์

(2) มีเอกลักษณ์ชัดเจน

(3) พัฒนาองค์ความรู้ล่าช้า

(4) เป็นสหวิทยาการ

(5) มีความเป็นวิชาชีพ

ตอบ 2 หน้า 27 – 28 สถานภาพของการศึกษาการบริหารรัฐกิจ มีดังนี้
1 ลักษณะเด่น ได้แก่ การเป็นสังคมศาสตร์ประยุกต์ การเป็นสหวิทยาการ และมีความเป็นวิชาชีพ
2 ลักษณะด้อย ได้แก่ การขาดเอกลักษณ์ มีความเป็นศาสตร์ที่ไม่สมบูรณ์ และการพัฒนาองค์ความรู้ล่าช้า

42 Personnel Administration หมายถึงข้อใด

(1) การบริหารรัฐกิจ

(2) การบริหารธุรกิจ

(3) การบริหารงานบุคคล

(4) การบริหารทรัพยากรมนุษย์

(5) การบริหารคน

ตอบ 3 หน้า 148 การบริหารงานบุคคล ในภาษาอังกฤษจะใช้คำว่า “Personnel Administration” หรือ “Personnel Management” ซึ่งหากจะให้มีความหมายว่าเป็นการบริหารงานบุคคล ในระบบราชการหรือภาครัฐโดยเฉพาะก็จะใช้คำว่า “Public Personnel Administration” และหากจะให้มีความหมายเฉพาะถึงการบริหารงานบุคคลในภาคธุรกิจเอกชนก็จะใช้คำว่า “Business Personnel Management”

43 การศึกษาบริหารรัฐกิจมีลักษณะสอดคล้องกับข้อใด

(1) มีความเป็นศาสตร์

(2) มีความเป็นศิลป์

(3) มีความเป็นศาสตร์และศิลป์

(4) ไม่เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 6 – 7, 36, 38 – 39 การศึกษาการบริหารรัฐกิจ (การบริหารราชการ) มีลักษณะที่เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ กล่าวคือ

1 ในฐานะที่มีความเป็นศาสตร์ (Science) คือ การมองในด้านของการเป็นสาขาวิชาการ หรือองค์ความรู้ ซึ่งหมายถึงเฉพาะวิชารัฐประศาสนศาสตร์ (Public Administration) อันเป็นวิชาที่ว่าด้วยการศึกษาแนวความคิดและทฤษฎีการบริหารงานในภาครัฐ เป็นวิชาการที่มีการรวบรวมเป็นระบบ มีหลักการ มีกฎเกณฑ์ที่สามารถศึกษาได้ และนํามาถ่ายทอดให้ความรู้กันได้
2 ในฐานะที่มีความเป็นศิลป์ (Art) คือ การมองในด้านการปฏิบัติงาน เรียกว่า การบริหารรัฐกิจ (public administration) ซึ่งเป็นการศึกษากิจกรรมของการบริหารงานในภาครัฐ ได้แก่ การใช้ศิลปะในการอํานวยการ การร่วมมือประสานงานกัน การควบคุมคนจํานวนมาก การมีความคิดสร้างสรรค์ การนําทรัพยากรมาใช้ในการบริหาร ตลอดจนการแก้ไขปัญหา และอุปสรรคต่าง ๆ โดยอาศัยความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ และทักษะของนักบริหาร แต่ละคนเข้ามาเป็นเครื่องช่วย

44 ตําราเรียน (Textbook) เล่มแรกของสาขาวิชาการบริหารรัฐกิจเขียนโดยนักวิชาการท่านใด
(1) Leonard D. White

(2) Frank J. Goodnow

(3) Woodrow Wilson

(4) Herbert Simon

(5) Chester I. Barnard

ตอบ 1 หน้า 47, 65 Leonard D. White ได้เขียนหนังสือชื่อ “Introduction to the Study of Public Administration” (1926) ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นตําราเรียน (Textbook) ที่สมบูรณ์ เล่มแรกของสาขาวิชาการบริหารรัฐกิจหรือรัฐประศาสนศาสตร์ เขาเสนอความเห็นว่า การเมือง ไม่ควรจะเข้ามาแทรกแซงการบริหาร เพราะการบริหารได้นําตัวเองไปสู่การศึกษาแบบวิทยาศาสตร์ และวิชาการบริหารรัฐกิจสามารถจะก้าวไปสู่ความเป็นศาสตร์ที่ปลอดจากค่านิยมได้ด้วยความถูกต้องชอบธรรมของตนเอง

45 ข้อใดไม่จัดเป็น “ข้อจํากัดของความมีเหตุผล” ซึ่ง Simon ได้อธิบายไว้ว่าจะทําให้การบริหารประสบปัญหา

(1) ความชํานาญ

(2) สัญชาตญาณ

(3) ค่านิยม

(4) ความรู้

(5) จริยธรรม

ตอบ 5 หน้า 53 Herbert A. Simon ได้อธิบายว่า หลักต่าง ๆ ของการบริหารประสบกับปัญหาสําคัญ คือ ข้อจํากัดของความมีเหตุผล ซึ่งเกิดจากข้อจํากัดของบุคคลแต่ละคนใน 3 ประการ ดังนี้
1 ข้อจํากัดเกี่ยวกับความชํานาญ นิสัย และสัญชาตญาณ
2 ข้อจํากัดเกี่ยวกับค่านิยมและแนวความคิดเกี่ยวกับวัตถุประสงค์
3 ข้อจํากัดเกี่ยวกับความรู้และข้อมูลข่าวสาร

ตั้งแต่ข้อ 46. – 50. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม

(1) หลักการจ้างงานตลอดชีพ

(2) หลักการจ่ายค่าตอบแทนแบบรายชิ้น

(3) หลักการตอบสนองความต้องการ 5 ขั้น

(4) หลักการบริหาร 14 ประการ

(5) หลักการบริหารภายใต้ปทัสถานกลุ่ม

46 ข้อเสนอในการบริหารงานบุคคลของ Max Weber คือหลักการใด
ตอบ 1 (หนังสือ POL 2300 เลขพิมพ์ 52135 หน้า 226), (คําบรรยาย) Max Weber ได้เสนอ แนวทางการบริหารงานบุคคล ดังนี้

1 การแต่งตั้ง พิจารณาเลื่อนขั้น เลื่อนตําแหน่งบุคคลในการปฏิบัติงานต้องมีการจัดไว้ อย่างเป็นระเบียบและอยู่บนพื้นฐานแห่งการตกลงกัน
2 การเลือกสรรบุคคลเข้าทํางานจะต้องพิจารณาในด้านความสามารถและหลักการแบ่งงาน ตามความชํานาญเฉพาะอย่าง
3 มีการจ้างงานตลอดชีพ
4 มีการกําหนดค่าตอบแทนในรูปเงินประจําสําหรับผู้ปฏิบัติงาน ฯลฯ

47. ข้อเสนอในการบริหารงานบุคคลของ Henri Fayol คือหลักการใด

ตอบ 4 (หนังสือ POL 2300 เลขพิมพ์ 52135 หน้า 182 – 183, 230) Henri Fayol ได้เสนอ แนวทางการบริหารงานบุคคลว่า ผู้บริหารควรจะยึดถือหลักเกณฑ์ในการบริหาร 14 ประการ (14 Principles of Management) เช่น การแบ่งงานกันทํา การมีเอกภาพในการบังคับบัญชา การยึดมั่นในความยุติธรรมและเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เป็นต้น รวมทั้งจะต้องมีคุณลักษณะ พร้อมด้วยความสามารถทางร่างกาย จิตใจ ไหวพริบ การศึกษาหาความรู้ เทคนิคในการทํางาน และประสบการณ์ต่าง ๆ ด้วย

48. ข้อเสนอในการบริหารงานบุคคลของ Abraham Maslow คือหลักการใด

ตอบ 3 (หนังสือ POL 2300 เลขพิมพ์ 52135 หน้า 340 – 341), (คําบรรยาย) Abraham Maslow ได้เสนอแนวทางการบริหารงานบุคคลว่า ผู้บริหารจะต้องรู้และเข้าใจถึงความต้องการของคน ในองค์การ ซึ่งมีลักษณะเป็นลําดับขั้นจากต่ําสุดไปสูงสุดตามทฤษฎีลําดับขั้นความต้องการ (Hierarchy’s Needs Theory) ทั้งนี้เมื่อความต้องการในลําดับต้นได้รับการตอบสนองแล้ว มนุษย์ก็จะมีความต้องการในลําดับขั้นที่สูงขึ้นต่อไป ซึ่งความต้องการทั้ง 5 ลําดับขั้น ประกอบด้วย 1. ความต้องการทางกายภาพหรือชีววิทยา (Physiological Needs หรือ Biological Needs) 2. ความต้องการความปลอดภัยในชีวิต (Security Needs หรือ Safety Needs) 3. ความต้องการที่จะเข้าร่วมในสังคมหรือความต้องการการยอมรับ (Social Needs หรือ Love Needs) 4. ความต้องการที่จะได้รับความสําเร็จในหน้าที่การงาน (Esteem Needs หรือ Ego Needs หรือ Status Needs) 5. ความต้องการที่จะได้รับความสําเร็จในชีวิตตามอุดมการณ์ที่ตัวเองตั้งไว้ (Self-Actualization Needs a Self-Realization Needs)

49. ข้อเสนอในการบริหารงานบุคคลของ Elton Mayo คือหลักการใด

ตอบ 5 (หนังสือ POL 2300 เลขพิมพ์ 52135 หน้า 189 – 190, 230 – 231), (คําบรรยาย) George Elton Mayo เป็นผู้นําแนวคิดหรือทฤษฎีแบบมนุษยสัมพันธ์ (Human Relations Approach) มาเผยแพร่ในการบริหารองค์การ โดยได้ทําการทดลองที่เรียกว่า “Hawthorne Experiments” และพบว่า 1. ขวัญของคนงานเป็นสิ่งสําคัญและจะส่งผลต่อการปฏิบัติงาน 2. รางวัลทางจิตใจจะให้ความสุขในการปฏิบัติงานและมีผลกระตุ้นในการทํางานมากกว่า รางวัลทางเศรษฐกิจ 3. ปทัสถานทางสังคมของกลุ่มมีผลต่อประสิทธิภาพและปริมาณของงาน 4. ภาวะผู้นํา (Leadership) จะมีบทบาทสําคัญในการกําหนดบรรทัดฐานของกลุ่มภายในองค์การ

50. หลักการจูงใจคนงานของ Frederick Taylor คือข้อใด

ตอบ 2 (หนังสือ POL 2300 เลขพิมพ์ 52135 หน้า 227 – 228) Frederick Taylor ได้เสนอแนวทางการบริหารงานบุคคล ดังนี้
1 ต้องมีวิธีการคัดเลือกและพัฒนาคนงานโดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์
2 ต้องมีความประสานสัมพันธ์กันเป็นอย่างดีในการใช้เครื่องมือและวิธีการที่ดีที่สุดในการบริหารกับการคัดเลือกและฝึกฝนพนักงาน
3 ต้องมีการนําระบบการจ่ายค่าตอบแทนหรือค่าจ้างแบบรายชิ้น (Piece Rate System) มาใช้ในการจูงใจคนงาน ฯลฯ

51. “Politics/Administration Dichotomy” หมายถึงสิ่งใด

(1) การแยกการเมืองและการบริหารออกจากกันเป็นสามส่วน

(2) การแยกการเมืองและการบริหารออกจากกันเป็นสองส่วน

(3) การเมืองและการบริหารแยกจากกันไม่ได้

(4) การเมืองและการบริหารเป็นสิ่งเดียวกัน

(5) การเมืองและการบริหารเป็นองค์ประกอบที่สนับสนุนซึ่งกันและกัน

ตอบ 2 หน้า 31, 46, 64 – 65, (คําบรรยาย) Woodrow Wilson บิดาของวิชาการบริหารรัฐกิจ เป็นผู้ให้กําเนิดคําว่า “Public Administration” และเป็น “ต้นกําเนิดของแนวความคิดเกี่ยวกับ เรื่องการแยกการเมืองกับการบริหารออกจากกันเป็นสองส่วน” (Politics/Administration Dichotomy) ได้เขียนบทความเรื่อง “The Study of Administration” (1887) และเสนอ ความเห็นว่า การบริหารรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าการบัญญัติรัฐธรรมนูญ ซึ่งบทความ ดังกล่าว ยังได้รับการยอมรับจากนักวิชาการว่าเป็น “สูติบัตร” ของวิชาการบริหารรัฐกิจอีกด้วย

52. การศึกษาเกี่ยวกับทฤษฎีองค์การและวิทยาการจัดการอยู่ในช่วงพาราไดม์ที่เท่าไหร่

(1) พาราไดม์ที่ 1

(2) พาราไดม์ที่ 2

(3) พาราไดม์ที่ 3

(4) พาราไดม์ที่ 4

(5) พาราไดม์ที่ 5

ตอบ 4 หน้า 57 ในช่วงพาราไดม์ที่ 4 การศึกษาการบริหารรัฐกิจเน้นศึกษาวิทยาการบริหาร (Administrative Science) ซึ่งหมายถึง การศึกษาเกี่ยวกับทฤษฎีองค์การ (Organization Theory) และวิทยาการจัดการ (Management Science)

53. การบริหารงานคลังสาธารณะครอบคลุมกิจกรรมใดบ้าง

(1) การหารายได้ของรัฐ

(2) การบริหารรายจ่าย

(3) การบริหารหนี้สาธารณะ

(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 (หนังสือ POL 2300 เลขพิมพ์ 52135 หน้า 260 – 263), (คําบรรยาย) การศึกษาวิชา การบริหารงานคลังสาธารณะ (Public Finance Administration) เป็นการศึกษาเกี่ยวกับ ขอบเขตหน้าที่และกิจกรรมในการบริหารงานคลังสาธารณะของรัฐบาล ดังนี้
1 ศึกษาเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่และการบริหารการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินของรัฐบาล
2 ศึกษาการตัดสินใจด้านการคลังและการใช้จ่ายของรัฐบาล
3 ศึกษาอํานาจหน้าที่ในการหารายได้หรือการจัดหาทรัพยากรเพื่อรองรับบทบาทหน้าที่ของ รัฐบาล เช่น การจัดเก็บภาษีอากร การบริหารหรือก่อหนี้สาธารณะ เป็นต้น
4 ศึกษาการบริหารหรือการดําเนินนโยบายทางเศรษฐกิจ การเงิน และการคลังของรัฐบาลให้มีความเหมาะสมตามสถานการณ์

54. ข้อใดไม่ใช่เป้าหมายในการบริหารงานคลังสาธารณะ

(1) การกระจายทรัพยากร

(2) การส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ

(3) การจัดสรรทรัพยากร

(4) การรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ

(5) การรักษาวินัยทางการคลัง

ตอบ 5 หน้า 213, (คำบรรยาย) เป้าหมายในการบริหารงานคลังสาธารณะ มีดังนี้
1 การจัดสรรทรัพยากร
2 การกระจายทรัพยากรหรือรายได้
3 การส่งเสริมการเจริญเติบโตหรือการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
4 การรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ

55. ลูกสูบการเงินในประเทศคือข้อใด

(1) รายรับ-รายจ่าย

(2) ขยายเครดิต-หดเครดิต

(3) เงินเฟ้อ เงินฝืด

(4) ชำระเงินเข้าประเทศ-ชำระเงินออกจากประเทศ

(5) ภาษีขาเข้าภาษีขาออก

ตอบ 2 หน้า 222 – 223 ทฤษฎีลูกสูบสามตัวของ ด.ร.ป๋วย อึ้งภากรณ์ ประกอบด้วย
1 ลูกสูบทางการคลัง เป็นเรื่องของรายรับ-รายจ่ายของรัฐบาล โดยรายรับอาจเป็นการจัดเก็บ ภาษีหรือวิธีการอื่น ๆ เพื่อดึงเงินเข้าคลัง ส่วนรายจ่ายหมายถึงการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน การซื้อคืนพันธบัตร เป็นต้น
2 ลูกสูบการเงินในประเทศ คือ การขยายเครดิตและการหดเครดิตในระบบการเงิน
3 ลูกสูบการเงินระหว่างประเทศ คือ การเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้าออกระหว่างประเทศ หรือการชำระเงินเข้าประเทศและชำระเงินออกจากประเทศ

56. ลูกสูบการเงินระหว่างประเทศคือข้อใด

(1) รายรับ-รายจ่าย

(2) ขยายเครดิต-หดเครดิต

(3) เงินเฟ้อ เงินฝืด

(4) ชำระเงินเข้าประเทศ-ชำระเงินออกจากประเทศ

(5) ภาษีขาเข้าภาษีขาออก

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 55. ประกอบ

57. ลูกสูบทางการคลังคือข้อใด

(1) รายรับ-รายจ่าย

(2) ขยายเครดิต-หดเครดิต

(3) เงินเฟ้อ เงินฝืด

(4) ชำระเงินเข้าประเทศ-ชำระเงินออกจากประเทศ

(5) ภาษีขาเข้าภาษีขาออก

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 55. ประกอบ

58. คำกล่าวต่อไปนี้ข้อใดผิด

(1) เงินกู้ยืมเป็นรายรับของรัฐ

(2) เงินกู้ยืมเป็นรายได้ของรัฐ

(3) ภาษีเป็นรายได้ของรัฐ

(4) ค่าธรรมเนียมเป็นรายได้ของรัฐ

(5) ค่าปรับเป็นรายรับของรัฐ

ตอบ 2 (คำบรรยาย) แหล่งรายรับของรัฐ มาจาก 2 ส่วน คือ
1 รายรับที่เป็นรายได้ ได้แก่ ภาษีอากร การขายสิ่งของและบริการ (เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าใบอนุญาต ค่าสัมปทาน ค่าบริการ ค่าเช่าทรัพย์สินของรัฐ ค่าขายของกลางที่ยึด มาจากคดี) รัฐพาณิชย์ และรายได้อื่น ๆ เช่น ค่าแสตมป์ฤชากร ค่าปรับ เป็นต้น
2 รายรับที่ไม่เป็นรายได้ ได้แก่ การกู้เงิน การใช้เงินคงคลัง การขายหุ้น เป็นต้น

59. ข้อใดไม่ใช่หลักการและแนวคิดของเศรษฐศาสตร์กระแสหลักหรือเศรษฐศาสตร์สำนักคลาสสิก

(1) ทรัพยากรมีล้นเหลือ

(2) ประสิทธิภาพในการผลิตเป็นเป้าหมายหลัก

(3) ข้อมูลข่าวสารมีจำกัดและเป็นต้นทุนที่สำคัญ

(4) ความต้องการของมนุษย์มีไม่จำกัด

(5) การสร้างอรรถประโยชน์สูงสุดทางเศรษฐกิจ

ตอบ 1 (คำบรรยาย) หลักการและแนวคิดของเศรษฐศาสตร์กระแสหลักหรือเศรษฐศาสตร์ สำนักคลาสสิก (Classical Economics) มีดังนี้
1 ความต้องการของมนุษย์มีไม่จำกัดและไม่สิ้นสุด ขณะที่ทรัพยากร เช่น ข้อมูลข่าวสารนั้น มีจำกัดและถือเป็นต้นทุนที่สำคัญ
2 การมุ่งสร้างอรรถประโยชน์สูงสุดในทางเศรษฐกิจ
3 เน้นประสิทธิภาพในการผลิตเป็นเป้าหมายหลักในการจัดการเศรษฐกิจ
4 ความเชื่อในเรื่องการแข่งขันโดยกลไกตลาด ฯลฯ

60. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของนโยบายสาธารณะ

(1) อยู่ในวิสัยที่น่าจะเป็นไปได้

(2) มีเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน

(3) สร้างผลประโยชน์ให้ประชาชนโดยส่วนรวม

(4) ไม่มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน

(5) มีการกำหนดเป็นโครงการ

ตอบ 4 หน้า 81 – 82, (คำบรรยาย) ลักษณะของนโยบายสาธารณะ มีดังนี้
1 มีเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน
2 ต้องอยู่ในวิสัยที่น่าจะเป็นไปได้
3 ต้องสร้างผลประโยชน์ให้ประชาชนโดยส่วนรวม
4 มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน
5 มีการกำหนดเป็นโครงการ ฯลฯ

61. ข้อใดไม่ใช่กระบวนการวิเคราะห์นโยบายของเควด (E.S. Quade)

(1) การเปรียบเทียบ

(2) การกำหนดตัวแบบ

(3) การค้นหา

(4) การกำหนดรูปแบบ

(5) การประเมินผล

ตอบ 5 หน้า 84 – 85 กระบวนการวิเคราะห์นโยบายของเควด (E.S. Quade) มี 5 ขั้นตอน ดังนี้
1 การกำหนดรูปแบบ (Formulation)
2 การค้นหา (Search)
3 การกำหนดตัวแบบ (Modeling)
4 การเปรียบเทียบ (Comparison)
5 การสรุปผลและตรวจสอบทางเลือก (Interpretation and Verification)

62. “การกำหนดวิธีการที่เป็นไปได้ในการดำเนินงานเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ ซึ่งอาจมีได้มากกว่าหนึ่งวิธี เป็นขั้นตอนใดในกระบวนการนโยบาย

(1) การกำหนดทางเลือก

(2) การกำหนดวัตถุประสงค์

(3) การอนุมัติ

(4) การจัดทำร่างนโยบาย

(5) การปรับปรุงนโยบาย

ตอบ 1 หน้า 88 การกำหนดทางเลือก เป็นการกำหนดวิธีการที่เป็นไปได้ในการดำเนินงานเพื่อบรรลุ วัตถุประสงค์ และในการดำเนินงานให้บรรลุวัตถุประสงค์หนึ่งย่อมมีวิธีการได้มากกว่าหนึ่งวิธี ดังนั้นปัจจัยและข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับพิจารณาทางเลือก ได้แก่ สาระสำคัญของทางเลือก ว่าแนวทางการดำเนินงานทำอย่างไร ใช้ทรัพยากรและเทคโนโลยีอะไร ประสิทธิผลของทางเลือก โดยพิจารณาจากต้นทุนและผลตอบแทนที่จะได้รับ รวมทั้งผลลัพธ์ข้างเคียง และปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมขณะนั้นด้วย

63. “การเสนอร่างนโยบายให้ผู้มีอำนาจได้พิจารณาตัดสินใจ” เป็นขั้นตอนใดในกระบวนการนโยบาย

(1) การกำหนดทางเลือก

(2) การกำหนดวัตถุประสงค์

(3) การอนุมัติ

(4) การจัดทำร่างนโยบาย

(5) การปรับปรุงนโยบาย

ตอบ 4 หน้า 88 การจัดทำร่างนโยบาย เป็นการเสนอร่างนโยบายให้ผู้มีอำนาจได้พิจารณาตัดสินใจ โดยร่างนโยบายนั้นจะประกอบไปด้วย
1 หลักการและเหตุผล
2 วัตถุประสงค์
3 แนวทางและมาตรการ
4 การจัดลำดับทวงเลือก
5 ข้อมูลประกอบที่สำคัญ

64. “การพิจารณาและเห็นว่านโยบายเหมาะสม เห็นชอบให้นําไปดําเนินการต่อไป” เป็นขั้นตอนใดในกระบวนการนโยบาย

(1) การกําหนดทางเลือก

(2) การกําหนดวัตถุประสงค์

(3) การอนุมัติ

(4) การจัดทําร่างนโยบาย

(5) การปรับปรุงนโยบาย

ตอบ 3 หน้า 89 ในการอนุมัตินโยบายนั้น หากพิจารณานโยบายแล้วเห็นว่านโยบายนั้นไม่เหมาะสม หรือไม่เห็นด้วยอาจให้มีการปรับปรุง แก้ไข หรือยกเลิกนโยบาย แต่สําหรับนโยบายใดที่ พิจารณาแล้วเห็นว่าเหมาะสมหรือเห็นชอบก็จะอนุมัติให้นําไปดําเนินการต่อไป

65. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะขององค์การเครือข่ายของภาครัฐ

(1) มีความยืดหยุ่น

(2) มีการรวมอํานาจไว้ที่คนเดียว

(3) การเพิ่มขึ้นของการเข้าถึง

(4) มีนวัตกรรม

(5) มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน

ตอบ 2 หน้า 126 องค์การเครือข่ายของภาครัฐตามความคิดของ Goldsmith and Eggers มีลักษณะประกอบด้วย
1 มีความรวดเร็วและมีความยืดหยุ่น (Speed & Flexibility)
2 การเพิ่มขึ้นของการเข้าถึง (Increased Reach)
3 มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (Specialization)
4 มีนวัตกรรม (Innovation)

66. องค์การแบบสิ่งมีชีวิตมีลักษณะอย่างไร

(1) ช่วงการควบคุมแคบ

(2) รวมอํานาจในการบริหาร

(4) ระดับชั้นการบังคับบัญชามาก

(3) ความเป็นทางการน้อย

(5) ความเป็นทางการสูง

ตอบ 3 หน้า 133 – 134, (คําบรรยาย) องค์การแบบสิ่งมีชีวิต (Organic Organization) มีลักษณะดังนี้
1 อยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงมาก
2 มีความยืดหยุ่น เน้นความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน
3 เน้นโครงสร้างแนวราบ
4 ขอบข่ายหรือช่วงการควบคุมกว้าง
5 มีระเบียบกฎเกณฑ์น้อย
6 ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปฏิบัติงานเป็นแบบแนวนอน แนวทแยง และแบบเครือข่าย
7 มีรายละเอียดของหน้าที่ ความรับผิดชอบ และวิธีปฏิบัติงานน้อย
8 มีความเป็นทางการน้อย
9 กระจายอํานาจในการบริหารและตัดสินใจ

67. Turbulent Field เป็นสภาพแวดล้อมที่มีลักษณะอย่างไร

(1) สงบราบเรียบไม่ค่อยมีโอกาสติดต่อกับภายนอก

(2) เป็นสภาพแวดล้อมของเด็กกําลังเจริญเติบโต

(3) สภาพแวดล้อมของเด็กวัยรุ่นเริ่มเผชิญกับสังคมภายนอก

(4) สภาพแวดล้อมของชาวเขา

(5) สภาพแวดล้อมในรัสเซียและยูเครนในปัจจุบัน

ตอบ 5 หน้า 257 – 258, (คําบรรยาย) Fred Emery และ Eric Trist ได้แบ่งสภาพแวดล้อมของ องค์การออกเป็น 4 ประเภท คือ
1 Placid Randomized Environment เป็นสภาพแวดล้อมที่สงบราบเรียบ ไม่ค่อยมีโอกาส ติดต่อกับสังคมภายนอก เช่น สภาพแวดล้อมของชาวเขาที่เร่ร่อน ทารกในครรภ์ ชุมชน ที่ไม่มีการติดต่อกับสังคมภายนอก เป็นต้น
2 Placid Clustered Environment เป็นสภาพแวดล้อมที่ราบเรียบแต่เริ่มมีการติดต่อกับ สังคมภายนอกมากขึ้น เช่น สภาพแวดล้อมของเด็กที่กําลังเจริญเติบโตเริ่มเรียนรู้และ สัมผัสกับระบบของครอบครัว โรงเรียน เป็นต้น
3 Disturbed-Reactive Environment เป็นสภาพแวดล้อมที่เริ่มมีความยุ่งยาก ซับซ้อน ยุ่งเหยิง เช่น สภาพแวดล้อมของเด็กวัยรุ่นที่เริ่มเผชิญกับสังคมภายนอก เป็นต้น
4 Turbulent Field เป็นสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อน ยุ่งเหยิง มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เช่น สภาพแวดล้อมใน 3 จังหวัดภาคใต้ และ 4 อําเภอในจังหวัดสงขลา สภาพแวดล้อม ในรัสเซียและยูเครนในปัจจุบัน เป็นต้น

68 Placid Randomized Environment เป็นสภาพแวดล้อมที่มีลักษณะอย่างไร

(1) สงบราบเรียบไม่ค่อยมีโอกาสติดต่อกับภายนอก

(2) เป็นสภาพแวดล้อมของเด็กกําลังเจริญเติบโต

(3) สภาพแวดล้อมของเด็กวัยรุ่นเริ่มเผชิญกับสังคมภายนอก

(4) สภาพแวดล้อมของชาวเขา

(5) สภาพแวดล้อมในรัสเซียและยูเครนในปัจจุบัน

ตอบ 1, 4 ดูคําอธิบายข้อ 67. ประกอบ

69 ในสภาพที่องค์การมีสิ่งแวดล้อมคงที่ งานส่วนใหญ่เป็นงานประจํา บทบาทหน้าที่ของคนในองค์การชัดเจน
ควรใช้กลยุทธ์แบบใด

(1) แบบรุก

(2) แบบกึ่งรุก กึ่งรับ

(3) แบบตั้งรับ

(4) แบบก้าวหน้า

(5) แบบรักษาตัว

ตอบ 3หน้า 136 – 137 ในการวิเคราะห์ตามตัวแบบของมอร์แกน (Morgan) หากองค์การอยู่ใน สภาพแวดล้อมคงที่ งานส่วนใหญ่เป็นงานประจํา บทบาทหน้าที่ของคนในองค์การชัดเจน ควรใช้กลยุทธ์แบบตั้งรับ แต่ถ้าหากองค์การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงปานกลาง ควรใช้กลยุทธ์แบบกึ่งรุก กึ่งรับ หรือหากองค์การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงมาก มีความซับซ้อนและวุ่นวาย ควรใช้กลยุทธ์แบบรุก

70.การพิจารณาปัญหาหรือความต้องการของประชาชนอยู่ในขั้นตอนใด

(1) การก่อตัวของนโยบาย

(2) การนํานโยบายไปปฏิบัติ

(3) การเตรียมและเสนอนโยบาย

(4) การอนุมัติและประกาศนโยบาย

(5) การปรับปรุงแก้ไขนโยบาย

ตอบ 1 หน้า 87 ขั้นตอนการก่อตัวของนโยบาย (Policy Formation) ประกอบด้วย
การพิจารณาปัญหาหรือความต้องการของประชาชน 2. การพิจารณาเวลาที่เกิดปัญหา 3. ปัญหาที่รัฐบาลสนใจ 4. การจัดลําดับความสําคัญของปัญหา

71. Policy Termination หมายถึงขั้นตอนใดในกระบวนการนโยบาย

(1) การก่อตัวของนโยบาย

(2) การเสนอนโยบาย

(3) การอนุมัตินโยบาย

(4) การปรับปรุง/แก้ไข ยกเลิก

(5) การประเมินนโยบาย

ตอบ 4 หน้า 90 – 91 ขั้นตอนการปรับปรุง แก้ไข และยกเลิกนโยบาย (Policy Termination) เป็นการนําผลหรือข้อมูลที่ได้จากขั้นตอนการประเมินผลนโยบายมาพิจารณาเพื่อใช้ใน การตัดสินใจเรื่องสําคัญ ๆ ในทุกขั้นตอนของนโยบาย ไม่ว่าจะเป็นการกําหนดนโยบาย การกําหนดวัตถุประสงค์ การนํานโยบายไปปฏิบัติ เป็นต้น โดยพิจารณาว่าในส่วนใดที่ยัง ไม่เหมาะสมก็ดําเนินการปรับปรุง แก้ไข แต่ถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่านโยบายใดอาจก่อให้เกิด ปัญหาในทางปฏิบัติก็จะยกเลิกไม่ให้มีนโยบายนั้น ๆ ต่อไป

ครับ, ผมจะเรียงลำดับเอกสาร, หมายเลขข้อสอบ, ตัวเลือก, และคำบรรยายจากเอกสารที่ให้มา พร้อมหมายเลขข้อสอบที่ถูกต้อง ดังนี้ครับ:

ตั้งแต่ข้อ 72 – 77. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม

(1) Robert A. Dahl
(2) Herbert A. Simon
(3) Woodrow Wilson
(4) Luther H. Gulick
(5) Robert T. Golembiewski

72. ใครเป็นผู้เสนอความเห็นว่าพาราไดม์เบ็ดเสร็จไม่ใช่สิ่งจําเป็นสําหรับสาขาวิชาการบริหารรัฐกิจ
ตอบ 5 (หนังสือ POL 2300 เลขพิมพ์ 52135 หน้า 75 – 76) Robert T. Golembiewski ได้เสนอความเห็นว่า พาราไดม์เบ็ดเสร็จไม่ใช่สิ่งจําเป็นสําหรับสาขาวิชาการบริหารรัฐกิจ และวิชาการบริหารรัฐกิจก็ไม่จําเป็นที่จะต้องกําหนดขึ้นมาในรูปของพาราไดม์เบ็ดเสร็จ แต่ควรจะกําหนดขึ้นมาในรูปของมินิพาราไดม์หลาย ๆ มินิพาราไดม์จะดีกว่า

73. ใครเป็นผู้วิจารณ์ว่าหลักการบริหารรัฐกิจเป็นเพียงแค่ภาษิตทางการบริหาร
ตอบ 2 หน้า 52 Herbert A. Simon ได้เสนอความเห็นไว้ในบทความเรื่อง “The Proverbs of Administration” (1946) ว่า หลักต่าง ๆ ของการบริหารรัฐกิจที่ได้กําหนดขึ้นมานั้นใช้ไม่ได้ ในทางปฏิบัติ จะเป็นได้ก็เพียงแค่ภาษิตทางการบริหาร

74. ใครเป็นผู้เขียนบทความเสนอว่าการบริหารรัฐธรรมนูญยากยิ่งกว่าการบัญญัติรัฐธรรมนูญ
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 51. ประกอบ

75. ใครเสนอว่าหัวหน้าฝ่ายบริหารมีหน้าที่ 7 ประการ โดยสรุปเป็นคําย่อว่า POSDCORB
ตอบ 4 หน้า 49 – 50, 64 – 65, (คําบรรยาย) Luther H. Gutick และ Lyndall Urwick ได้เสนอว่า หน้าที่สําคัญของหัวหน้าฝ่ายบริหารมี 7 ประการ โดยสรุปเป็นคําย่อว่า POSDCORB ซึ่งประกอบด้วย
1. P = Planning (การวางแผน)
2. O = Organizing (การจัดองค์การ)
3. S = Staffing (การจัดบุคคลเข้าทํางาน)
4. D = Directing (การอํานวยการ)
5. Co = Coordinating (การประสานงาน)
6. R = Reporting (การรายงานผลการปฏิบัติงาน)
7. B = Budgeting การจัดทํางบประมาณ)

76. เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer) หมายถึง
(1) Desktop
(2) Personal Computer
(3) Digital Computer
(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 หน้า 318 – 319, (คําบรรยาย) ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer) หมายถึง คอมพิวเตอร์ ประเภทตัวเลข (Digital Computer) ที่มีขนาดเล็ก ราคาถูก สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย และ สามารถวางบนโต๊ะทํางานได้ จึงเรียกเครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทนี้ว่า คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (Desktop Computer) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า คอมพิวเตอร์ส่วนตัว (Personal Computer)

77. ข้อมูล (Data) หมายถึง
(1) ข่าวกีฬา
(2) แบบสอบถาม
(3) ตําราเรียน
(4) ข้อ 1 และ 3 ถูก
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 2 หน้า 296, 318 – 319, (คําบรรยาย) ข้อมูล (Data) หมายถึง ข้อจริงหรือความจริงต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับบุคคล วัตถุ สสาร สิ่งของ สถาบัน องค์การ การดําเนินงาน การปฏิบัติการ การจัดการ และอื่น ๆ ที่อาจอยู่ในลักษณะของสัญลักษณ์ ข้อความ ตัวเลข รูปภาพ และอื่น ๆ ทั้งนี้ข้อมูล จะอยู่ในรูปแบบที่ยังไม่มีการประเมินหรือตีความหมาย ซึ่งนับเป็นข้อมูลดิบ (Raw Data) เช่น
แบบสอบถาม เป็นต้น ส่วนข่าวสาร (Information) หมายถึง ข้อมูลดิบที่ผ่านการประมวลผลแล้ว โดยผ่านวิธีการต่าง ๆ หรือเป็นข้อมูลบั้นปลายที่มีการเปลี่ยนรูปแล้วให้อยู่ในรูปที่มีความหมาย เข้าใจได้ง่าย และสามารถนําไปใช้ประโยชน์ได้ เช่น ตําราเรียน ภาพยนตร์ ข่าวกีฬา รายงานข่าว รายงานการประชุมประจําปี หนังสือพิมพ์ วารสารข่าวรามคําแหง เป็นต้น

78 ระบบคอมพิวเตอร์ (Computer System) หมายถึง

(1) เครื่องจักรและอุปกรณ์

(2) โปรแกรม

(3) บุคลากร

(4) ถูกทุกข้อ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 297 – 301, (คําบรรยาย) ระบบคอมพิวเตอร์ (Computer System) หมายถึง กลุ่มเครื่องจักรและอุปกรณ์หรือเทคนิคต่าง ๆ ที่ใช้ร่วมกันในการทํางานของคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถูกต้อง รวดเร็ว และเชื่อถือได้ โดยระบบคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยฝ่ายต่าง ๆ หรือส่วนประกอบที่สําคัญ 3 ส่วน คือ
1 เครื่องจักรและอุปกรณ์ (Hardware)
2 โปรแกรมหรือคําสั่งงาน (Software)
3 บุคลากร (Peopleware)

79 คอมพิวเตอร์ประเภทตัวเลข (Digital) คือ คอมพิวเตอร์ที่

(1) ทํางานได้ทุกประเภท

(2) ทํางานโดยใช้หลักการวัดและราคาถูก

(3) แสดงข้อมูลในรูปเสียง แสง และภาพ

(4) ข้อ 1 และ 3 ถูก

(5) ข้อ 1 และ 2 ถูก

ตอบ 4 หน้า 318 – 319, (คําบรรยาย) คอมพิวเตอร์ประเภทตัวเลข (Digital Computer) คือ คอมพิวเตอร์ที่ทํางานโดยใช้หลักการนับ ซึ่งจะรับข้อมูลในลักษณะของตัวเลขที่ต้องอาศัยสื่อ ในการรับหรือบันทึกข้อมูล มีความคล่องตัวในการทํางานสูง และสามารถปรับให้ทํางานได้ ทุกประเภท เช่น การคํานวณ การบัญชี การดนตรี รวมทั้งการแสดงข้อมูลในรูปเสียง แสง สี และภาพ โดยตัวอย่างของคอมพิวเตอร์ประเภทนี้ ได้แก่ ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer)

80 คอมพิวเตอร์ประเภทปริมาณ คือ คอมพิวเตอร์ที่

(1) ทํางานได้ทุกประเภท

(2) ทํางานโดยใช้หลักการวัดและราคาถูก

(3) แสดงข้อมูลในรูปเสียง แสง และภาพ

(4) ข้อ 1 และ 3 ถูก

(5) ข้อ 1 และ 2 ถูก

ตอบ 2 หน้า 318 – 319, (คําบรรยาย) คอมพิวเตอร์ประเภทปริมาณ (Analog Computer) คือ คอมพิวเตอร์ที่ทํางานโดยใช้หลักการวัด ซึ่งจะรับข้อมูลในลักษณะของปริมาณที่มีค่าต่อเนื่อง จากแหล่งกําเนิดข้อมูลโดยตรง ไม่สามารถทํางานได้ทุกอย่างเหมือนคอมพิวเตอร์ประเภทตัวเลข แต่มีความเร็วสูงกว่าและมีราคาถูกกว่าคอมพิวเตอร์ประเภทตัวเลข

ตั้งแต่ข้อ 81 – 85. จะมีคําตอบเป็นข้อความให้นักศึกษาพิจารณา 2 ข้อความ ให้นักศึกษาพิจารณา และระบายลงในกระดาษคําตอบ ดังนี้

(1) หากข้อความที่ 1 ถูก และข้อความที่ 2 ผิด ให้ระบายในข้อ 1

(2) หากข้อความที่ 1 ผิด และข้อความที่ 2 ถูก ให้ระบายในข้อ 2

(3) หากข้อความที่ 1 และข้อความที่ 2 ถูกทั้ง 2 ข้อ ให้ระบายในข้อ 3

(4) หากข้อความที่ 1 และข้อความที่ 2 ผิดทั้ง 2 ข้อ ให้ระบายในข้อ 4

81.

(1) เทคโนโลยี หมายถึง ความประณีต

(2) เทคโนโลยี หมายถึง กระบวนการ

ตอบ 2 หน้า 290 เทคโนโลยี (Technology) หมายถึง
1 ความรู้ทั้งหลาย (All Knowledge) คือ ความรู้ที่มาจากทฤษฎีและนำมาปฏิบัติให้เกิดผล
2 ผลผลิตหรือผลิตภัณฑ์ (Products) คือ ผลที่ได้จากการนำเทคโนโลยีมาใช้
3 กระบวนการ (Processes) คือ ขั้นตอนของการนำเทคโนโลยีมาใช้
4 เครื่องมือ (Tools) คือ อุปกรณ์ วัสดุ เครื่องจักรในการใช้หรือที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยี
5 วิธีการ (Methods) คือ กรรมวิธีหรือเทคนิคที่ใช้สำหรับเทคโนโลยี
6 ระบบ (Systems) คือ กลุ่มกิจกรรมต่าง ๆ ที่ใช้เพื่อการคิดค้นในการสร้างสินค้าหรือการบริการ

82.

(1) บุคลากรระดับวิชาการ หมายถึง พนักงานควบคุมเครื่อง

(2) บุคลากรระดับวิชาการ หมายถึง พนักงานบันทึกข้อมูล

ตอบ 4 หน้า 301, (คำบรรยาย) บุคลากร (Peopleware) คือ บุคคลหรือกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับ การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ
1 บุคลากรระดับบริหาร
2 บุคลากรระดับวิชาการ ได้แก่ นักวิเคราะห์ระบบและวางแผนงาน เจ้าหน้าที่ระบบงานคอมพิวเตอร์ และนักบรรณารักษ์กลาง
3 บุคลากรระดับปฏิบัติงาน ได้แก่ พนักงานควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์ และพนักงานบันทึกข้อมูล

83.

(1) ความก้าวหน้าของโครงการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์วัดจากระดับอัจฉริยะ

(2) ความก้าวหน้าของโครงการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์วัดจากการให้ข้อมูล

ตอบ 3 หน้า 309 – 310, 319 ตัวชี้วัดความก้าวหน้าของโครงการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Government) มี 5 ระดับ ดังนี้
1 การให้ข้อมูล (Information)
2 การโต้ตอบ (Interaction)
3 การทำธุรกรรม (Interchange Transaction)
4 การบูรณาการ (Integration)
5 ระดับอัจฉริยะ (Intelligence)

84.

(1) ภัยของเทคโนโลยีสารสนเทศต่อสังคม คือ การเป็นแฮกเกอร์ (Hacker)

(2) ภัยของเทคโนโลยีสารสนเทศต่อสังคม คือ การเรียนทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ตอบ 1 หน้า 314 – 316, 39, (คำบรรยาย) ภัยของเทคโนโลยีสารสนเทศต่อสังคม มีดังนี้
1 การล่อลวงบนอินเทอร์เน็ต เช่น การโฆษณาชวนเชื่อให้ร่วมทำธุรกิจหรือลงทุนในด้านต่าง ๆ การล่อลวงเด็กและเยาวชนไปทำอนาจาร ทารุณทางเพศหรือบังคับค้าประเวณี
2 การก่อกวนผ่านอินเทอร์เน็ต เช่น การส่งไปรษณีย์ขยะ (Junk Mail) หรือจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ขยะ (E-mail) การใช้โปรแกรมยิงคำสั่งแปลก ๆ เพื่อสร้างความเสียหาย ให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์
3 ไวรัสคอมพิวเตอร์
4 การล้วงข้อมูลโดย จารชนคอมพิวเตอร์ หรือแฮกเกอร์ (Hacker)

85.

(1) รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ทำหน้าที่ด้าน G2C

(2) รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ทำหน้าที่ด้าน G2B

ตอบ 3 หน้า 308 – 309 การให้บริการของรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Government) แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ
1 G2C (Government to Citizen) คือ การให้บริการของภาครัฐสู่ประชาชนโดยตรง
2 G28 (Government to Business) คือ การให้บริการของภาครัฐต่อภาคธุรกิจเอกชน
3 G2G (Government to Government) คือ การให้บริการระหว่างภาครัฐกับภาครัฐ
4 G2F (Government to Officer) คือ การให้บริการของภาครัฐต่อข้าราชการและพนักงานของภาครัฐ

86 อเล็กซานเดอร์ แฮมิลตัน ให้ความสําคัญต่อคุณค่าหลักอะไรในการบริหารบ้านเมือง

(1) ประสิทธิภาพ

(2) ประชาธิปไตย

(3) การขยายบทบาทภาครัฐ

(4) การลดบทบาทภาครัฐ

(5) การกระจายอํานาจ

ตอบ 1 หน้า 326 – 327, 355, 360 – 361 อเล็กซานเดอร์ แฮมิลตัน (Alexander Hamilton) ให้ความสําคัญกับประสิทธิภาพของภาครัฐ (Efficiency) โดยต้องการฝ่ายบริหารที่เข้มแข็ง และมีการรวมศูนย์อํานาจ ซึ่งแตกต่างจากแนวคิดของโทมัส เจฟเฟอร์สัน (Thomas Jefferson) ที่ให้ความสําคัญกับประชาธิปไตย (Democracy) โดยต้องการให้ฝ่ายบริหารกระจายอํานาจ ให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารงานของรัฐ และต้องการจํากัดอํานาจของฝ่ายบริหารโดยอาศัยกฎหมายและรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด

87 โทมัส เจฟเฟอร์สัน ให้ความสําคัญกับเรื่องใดในการออกแบบระบบการบริหารประเทศ

(1) ประสิทธิภาพ

(2) ประชาธิปไตย

(3) การขยายบทบาทภาครัฐ

(4) การลดบทบาทภาครัฐ

(5) การรวมอํานาจ

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 86. ประกอบ

88 สาระสําคัญของเศรษฐศาสตร์แบบเคนส์ที่มีอิทธิพลต่อการบริหารรัฐกิจ คือ

(1) ประสิทธิภาพ

(2) ประชาธิปไตย

(3) การขยายบทบาทภาครัฐ

(4) การลดบทบาทภาครัฐ

(5) การกระจายอํานาจ

ตอบ 3 หน้า 328 – 329, 355 ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์แบบเคนส์ (Keynesian School) เน้นการขยายบทบาทของภาครัฐ โดยต้องการให้รัฐเพิ่มการลงทุนและการใช้จ่ายของภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งแตกต่างจากทฤษฎีเศรษฐศาสตร์แบบนีโอลิเบอรัลลิสม์ (Neo-Liberalism) และเศรษฐศาสตร์แบบนีโอคลาสสิก (Neo-Classical School) ที่ต้องการลดบทบาทและขนาดของภาครัฐ โดยใช้วิธีการจัดการแบบเอกชนที่เน้นการแข่งขัน

89 สาระสําคัญของเศรษฐศาสตร์แบบนีโอลิเบอรัลลิสม์ต่อการบริหารรัฐกิจ คือ

(1) ประสิทธิภาพ

(2) ประชาธิปไตย

(3) การขยายบทบาทภาครัฐ

(4) การลดบทบาทภาครัฐ

(5) การรวมอํานาจ

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 88. ประกอบ

90 ใครที่เป็นหลักในการเริ่มดําเนินการปฏิรูปการบริหารงานภาครัฐในประเทศสหรัฐอเมริกา

(1) นางมาร์กาเร็ต แทชเชอร์

(2) ประธานาธิบดีเรแกน

(3) ประธานาธิบดีคลินตัน

(4) รองประธานาธิบดีอัล กอร์

(5) ประธานาธิบดีโอบามา

ตอบ 4 หน้า 331, 360 – 361 รองประธานาธิบดีอัล กอร์ (Al Gore) เป็นเจ้าภาพหลักในการเริ่มดําเนินการปฏิรูปการบริหารงานภาครัฐในประเทศสหรัฐอเมริกาในสมัยประธานาธิบดีคลินตัน (Clinton) การปฏิรูปครั้งนี้ได้รับอิทธิพลจากหนังสือ “การสร้างรัฐบาลรูปแบบใหม่” (Reinventing Government) ของเดวิด ออสบอร์น (David Osborne) และเท็ด แกเบลอร์ (Ted Gaebler) ซึ่งเป็นหนังสือขายดีในช่วงการรณรงค์การเลือกตั้งประธานาธิบดี ค.ศ. 1992

91. ประเทศแรกที่ริเริ่มการปฏิรูประบบราชการด้วยแนวคิดการจัดการภาครัฐแนวใหม่ คือ

(1) ประเทศสหรัฐอเมริกา

(2) ประเทศแคนาดา

(3) ประเทศอังกฤษ

(4) ประเทศออสเตรเลีย

(5) ประเทศนิวซีแลนด์

ตอบ 3 หน้า 330 – 331, 356 การจัดการภาครัฐแนวใหม่ (New Public Management) ได้รับ อิทธิพลแนวคิดเชิงอุดมการณ์มาจากแนวคิดแบบเสรีนิยมใหม่ (Neo-Liberalism) โดยแนวคิด การจัดการภาครัฐแนวใหม่ถือเป็นแนวคิดหลักที่ใช้ในการปฏิรูประบบราชการของประเทศต่าง ๆ ซึ่งประเทศแรกที่ริเริ่มนําแนวคิดนี้มาใช้ คือ ประเทศอังกฤษ (England) ในสมัยนางมาร์กาเร็ต แทชเชอร์ (Margaret Thatcher) เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมาแนวคิดนี้ก็ได้ถูกนําไปใช้ในการปฏิรูป ระบบราชการในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย

92. หนังสือชื่อ “Reinventing Government” ที่มีอิทธิพลต่อการปฏิรูประบบราชการของสหรัฐอเมริกา เขียนโดยใคร

(1) Terry D. Larry

(2) Christopher Pollitt

(3) Osborne & Gaebler

(4) Frederick Taylor

(5) Thomas Jefferson

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 90. ประกอบ

93. การจัดการภาครัฐแนวใหม่ให้ความสําคัญกับเรื่องใด

(1) ความเป็นพลเมือง

(2) ชุมชนและประชาสังคม

(3) ผลสัมฤทธิ์ของงาน

(4) มนุษยนิยม

(5) ความเป็นประชาธิปไตย

ตอบ 3 หน้า 329 – 348, 356 – 357, 360 – 361 การจัดการภาครัฐแนวใหม่ (New Public Management : NPM) มีแนวทางแตกต่างจากการบริการสาธารณะแนวใหม่/การบริการ ภาครัฐแนวใหม่ (New Public Service : NPS) หรือการร่วมบริหารกิจการบ้านเมืองแบบ ประชาธิปไตย (Democratic Governance Management) ซึ่งแต่ละแนวทางมีจุดเน้น ที่ให้ความสําคัญ ดังนี้
1 การจัดการภาครัฐแนวใหม่ ให้ความสําคัญกับประสิทธิภาพของราชการ การลดขั้นตอน การทํางาน การบริหารที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ของงาน (Result-Based Management) การจัดการ ที่เน้นการแข่งขันแบบภาคธุรกิจ (Market-Based Management) การให้ความสําคัญกับ เทคโนโลยีการบริหารใหม่ ๆ เพื่อความเป็นเลิศ (Neo-Managerialism) การให้อํานาจกับ ผู้บริหารเหมือนเป็นผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของกิจการเองหรือเรียกว่า การจัดการแบบเถ้าแก่ (Entrepreneurial Management) หรือแบบ CEO (CEO Management) เป็นต้น
2 การบริการสาธารณะแนวใหม่ ให้ความสําคัญกับความเป็นประชาธิปไตย ความเป็นพลเมือง ในระบอบประชาธิปไตย มนุษยนิยม การสร้างเครือข่ายทางสังคม ชุมชนและประชาสังคม เป็นต้น

94. ชื่อใดที่มีแนวทางแตกต่างจากแนวทางการจัดการภาครัฐแนวใหม่

(1) Market-Based Management

(2) Neo-Managerialism

(3) Neo-Taylorism

(4) Democratic Governance

(5) Entrepreneurial Management

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 93. ประกอบ

95. การบริการสาธารณะแนวใหม่ (New Public Service) ให้ความสําคัญกับเรื่องใด

(1) ประสิทธิภาพของราชการ

(2) แนวความคิดแบบ CEO

(3) One-Stop Service

(4) สัมฤทธิผลของงาน

(5) ความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย

ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 93. ประกอบ

ตั้งแต่ข้อ 96. – 98. จงเลือกคําตอบที่มีความสัมพันธ์กับเนื้อหาวิธีระงับข้อพิพาททางเลือก

(1) การประเมินความขัดแย้ง
(2) การประสานความขัดแย้ง
(3) การประนอมข้อพิพาท
(4) การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
(5) อนุญาโตตุลาการ

96 เป็นกระบวนการที่มีบุคคลที่สามเข้ามาช่วยเหลือให้คู่ความเจรจาต่อรองกันได้สําเร็จ
ตอบ 4 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 27) การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท คือ กระบวนการระงับข้อพิพาท ที่มีบุคคลที่สามเข้ามาช่วยเหลือให้คู่ความเจรจาต่อรองกันได้สําเร็จ ซึ่งกระบวนการนี้ผู้ไกล่เกลี่ย จะเป็นคนกระตุ้นให้คู่ความตกลงกันง่ายขึ้น แต่ไม่มีอํานาจในการกําหนดข้อตกลงให้แก่คู่ความ

97 เป็นเทคนิคที่ต้องอาศัยความสมัครใจของคู่ความทั้งสองฝ่ายเป็นสําคัญ

(1) การประเมินความขัดแย้ง
(2) การประสานความขัดแย้ง
(3) การประนอมข้อพิพาท
(4) การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
(5) อนุญาโตตุลาการ
ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 22 – 23) การประนอมข้อพิพาท คือ กระบวนการที่ผู้ประนอม ข้อพิพาทจะพยายามช่วยคู่พิพาทในการแก้ไขความเข้าใจผิดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างกัน พยายาม ลดทอนความรู้สึกหวาดระแวงและความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ ซึ่งเทคนิคนี้จะต้องอาศัยความสมัครใจ ของคู่ความทั้งสองฝ่ายเป็นสําคัญ

98 มีการตั้งคนกลางขึ้นมาทําหน้าที่วินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทที่เกิดขึ้น และผลแห่งข้อวินิจฉัยนี้เรียกว่าเป็นคําชี้ขาด มีผลผูกพันคู่พิพาทให้ต้องปฏิบัติตาม

(1) การประเมินความขัดแย้ง
(2) การประสานความขัดแย้ง
(3) การประนอมข้อพิพาท
(4) การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
(5) อนุญาโตตุลาการ
ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 26) อนุญาโตตุลาการ เป็นกระบวนการที่มีการตั้งคนกลาง มาทําหน้าที่วินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทที่เกิดขึ้น และผลแห่งข้อวินิจฉัยนี้ปรากฏในสิ่งที่เรียกว่าเป็น คําชี้ขาดที่มีผลตามกฎหมายผูกพันคู่พิพาทให้ต้องปฏิบัติตาม

99 ข้อดีของการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ได้แก่

(1) สะดวก
(2) รวดเร็ว
(3) ประหยัดค่าใช้จ่าย
(4) ลดความเครียด
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 29 – 30), (คําบรรยาย) ข้อดีของการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ได้แก่ 1. สะดวก 2. รวดเร็ว 3. ประหยัดค่าใช้จ่าย 4. ลดความเครียด 5. รักษาสัมพันธภาพระหว่างคู่พิพาท 6. สร้างความพึงพอใจต่อคู่พิพาท 7. สร้างความสงบสุขให้กับชุมชน ฯลฯ

100 ข้อจํากัดของการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ได้แก่

(1) รักษาสัมพันธภาพระหว่างคู่พิพาท
(2) สร้างความพึงพอใจต่อคู่พิพาท
(3) คู่พิพาทใช้เป็นช่องทางประวิงให้เกิดความล่าช้า
(4) ไม่มีข้อใดถูก
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 27), (คําบรรยาย) ข้อจํากัดของการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ได้แก่
1. ไม่มีสภาพบังคับ การไกล่เกลี่ยขึ้นอยู่กับความสมัครใจของคู่พิพาทเป็นสําคัญ
2. คู่พิพาทอาจใช้เป็นช่องทางประวิงเวลาให้คดีเกิดความล่าช้าได้
3. ผลของการไกล่เกลี่ยไม่สามารถบังคับได้ทุกกรณีเช่นเดียวกับคําพิพากษา ฯลฯ

 

POL2300 การบริหารรัฐกิจเบื้องต้น 1/2566

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2566

ข้อสอบกระบวนวิชา POL 2300 การบริหารรัฐกิจเบื้องต้น

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว

1. บุคคลใดที่นำแนวคิดเรื่องพาราไดม์ (Paradigm) มาศึกษาอย่างจริงจังและจัดแบ่งเป็นยุคต่างๆ

(1) Robert T. Golembiewski

(2) Thomas S. Kuhn

(3) Lawrence C. Mayer

(4) Woodrow Wilson

(5) Nicholas Henry

ตอบ 5 หน้า 46 – 48, 56 – 58, (คำบรรยาย) Nicholas Henry เป็นผู้นำแนวคิดเรื่องพาราไดม์ (Paradigm) มาศึกษาอย่างจริงจัง โดยได้ศึกษาเกี่ยวกับพาราไดม์ของวิชาการบริหารรัฐกิจ อย่างเป็นระบบนับตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนกระทั่งถึงทศวรรษ 1970 พบว่า พาราไดม์ของวิชาการบริหารรัฐกิจจำแนกออกเป็น 5 พาราไดม์ที่คาบเกี่ยวกัน ดังนี้

พาราไดม์ที่ 1 : การบริหารรัฐกิจคือการแยกการบริหารกับการเมืองออกจากกันเป็นสองส่วน

พาราไดม์ที่ 2 : การบริหารรัฐกิจคือหลักของการบริหาร

พาราไดม์ที่ 3 : การบริหารรัฐกิจคือรัฐศาสตร์

พาราไดม์ที่ 4 : การบริหารรัฐกิจคือวิทยาการบริหาร

พาราไดม์ที่ 5 : การบริหารรัฐกิจคือการบริหารรัฐกิจ

2. บุคคลใดที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งวิชาพาราไดม์ (Paradigm)

(1) Robert T. Golembiewski

(2) Thomas S. Kuhn

(3) Lawrence C. Mayer

(4) Woodrow Wilson

(5) Martin Landau

ตอบ 2 หน้า 43 – 44, 64 – 65 Thomas S. Kuhn เป็นปรมาจารย์ผู้ริเริ่มเผยแพร่แนวความคิด เกี่ยวกับพาราไดม์ (Paradigm) และได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งพาราไดม์” เขาได้อธิบายไว้ว่า พาราไดม์ หมายถึง ผลสำเร็จในเชิงวิทยาศาสตร์ที่ประกอบด้วยคุณสมบัติสำคัญ 2 ประการ คือ 1. เป็นสิ่งใหม่ที่สามารถจูงใจกลุ่มผู้เกี่ยวข้องให้หันเหจากกิจกรรมในเชิงวิทยาศาสตร์อื่นๆ ที่มีลักษณะแข่งขันกัน โดยหันมายอมรับร่วมกันว่าผลสำเร็จในเชิงวิทยาศาสตร์นั้นจะเป็นพื้นฐาน สำหรับการปฏิบัติให้ก้าวหน้าต่อไปในช่วงระยะเวลาหนึ่ง 2. เปิดโอกาสให้กลุ่มผู้เกี่ยวข้อง รุ่นใหม่ๆ ได้แก้ไขปัญหาต่างๆ กันต่อไป

3. ในองค์ประกอบ 5 ข้อของแนวคิดเรื่องพาราไดม์ (Paradigm) ข้อใดต่อไปนี้ที่ไม่ใช่องค์ประกอบของพาราไดม์

(1) แนวความคิด ทฤษฎี

(2) กฎของการแปลความหมาย

(3) ปัญหา

(4) การชี้แนะสิ่งที่มีอยู่หรือน่าจะมีอยู่จริง

(5) การศึกษาค้นคว้าแบบเป็นขั้นเป็นตอน

ตอบ 5 หน้า 44 – 45 Robert T. Holt และ John M. Richardson กล่าวว่า พาราไดม์ (Paradigm) ประกอบด้วยองค์ประกอบต่างๆ 5 ประการ คือ
1 แนวความคิด
2 ทฤษฎี
3 กฎของการแปลความหมาย
4 ปัญหา
5 การชี้แนะสิ่งที่มีอยู่หรือน่าจะมีอยู่จริง

4. บุคคลที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งวิชาการบริหารรัฐกิจ (Public Administration) คือ

(1) Nicholas Henry

(2) Woodrow Wilson

(3) Thomas S. Kuhn

(4) Martin Landau

(5) Lawrence C. Mayer

ตอบ 2 หน้า 31, 46, 64 – 65, (คำบรรยาย) Woodrow Wilson บิดาของวิชาการบริหารรัฐกิจ เป็นผู้ให้กำเนิดคำว่า “Public Administration” และเป็น “ต้นกำเนิดของแนวความคิด เกี่ยวกับเรื่องการแยกการบริหารกับการเมืองออกจากกันเป็นสองส่วน” ได้เขียนบทความเรื่อง “The Study of Administration” (1887) และเสนอความเห็นว่า การบริหารรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องยากยิ่งกว่าการบัญญัติรัฐธรรมนูญ ซึ่งบทความดังกล่าวได้รับการยอมรับจาก นักวิชาการว่าเป็น “สูติบัตร” ของวิชาการบริหารรัฐกิจอีกด้วย

5. บทความทางบริหารรัฐกิจเรื่อง The Study of Administration เขียนโดย

(1) Woodrow Wilson

(2) Nicholas Henry

(3) Thomas S. Kuhn

(4) Lawrence C. Mayer

(5) Martin Landau

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 4. ประกอบ

6. ใครเป็นผู้เสนอว่า การแยกการบริหารกับการเมืองออกจากกันเป็นสองส่วน

(1) Nicholas Henry

(2) Woodrow Wilson

(3) Thomas S. Kuhn

(4) Robert T. Golembiewski

(5) Lawrence C. Mayer

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 4. ประกอบ

7. บุคคลใดที่สนับสนุนแนวคิดที่ว่า การแยกการบริหารกับการเมืองออกจากกันเป็นสองส่วน

(1) Frank J. Goodnow

(2) Leonard D. White

(3) Thomas S. Kuhn

(4) Lawrence C. Mayer

(5) Goodnow and White

ตอบ 5 หน้า 47, (คำบรรยาย) นักวิชาการที่สนับสนุนแนวคิดการแยกการบริหารกับการเมือง ออกจากกันเป็นสองส่วนของ Woodrow Wilson มี 2 คน คือ
1 Frank J. Goodnow
2 Leonard D. White

8. บุคคลใดที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เขียนตำราเรียนเล่มแรกของวิชาการบริหารรัฐกิจ

(1) Woodrow Wilson

(2) Thomas S. Kuhn

(3) Frank J. Goodnow

(4) Leonard D. White

(5) Lawrence C. Mayer

ตอบ 4 หน้า 47, 65 Leonard D. White ได้เขียนหนังสือชื่อ “Introduction to the Study of Public Administration” (1926) ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นตำราเรียน (Textbook) ที่สมบูรณ์ เล่มแรกของสาขาวิชาการบริหารรัฐกิจหรือรัฐประศาสนศาสตร์ เขาเสนอความเห็นว่า การเมือง ไม่ควรจะเข้ามาแทรกแซงการบริหาร เพราะการบริหารได้นำตัวเองไปสู่การศึกษาแบบวิทยาศาสตร์
และวิชาการบริหารรัฐกิจสามารถจะก้าวไปสู่ความเป็นศาสตร์ที่ปลอดจากค่านิยมได้ด้วยความถูกต้องชอบธรรมของตนเอง

9. ผลงานในหนังสือที่เสนอแนวคิดการจัดการเชิงวิทยาศาสตร์ (Scientific Management) ซึ่งเสนอ หลักการทำงานของคนงานระดับล่างขององค์การเป็นแนวคิดของใคร

(1) Mary Parker Follet

(2) Henri Fayol

(3) Frederick W. Taylor

(4) James D. Mooney

(5) Alan C. Reiley

ตอบ 3 หน้า 48 – 49 Frederick W. Taylor เป็นผู้เสนอแนวคิดการจัดการในเชิงวิทยาศาสตร์ (Scientific Management) โดยเน้นในเรื่องการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม และมุ่งเน้นที่ตัวบุคคลในระดับล่างขององค์การ

10. ในหนังสือชื่อ Papers on the Science of Administration ได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดของวิชาการบริหารรัฐกิจในปี ค.ศ. 1937 เป็นผลงานของใคร

(1) Lillian Gilbreth

(2) Frederick W. Taylor

(3) Henri Fayol

(4) James D. Mooney and Alan C. Reiley

(5) Gulick and Lyndall Urwick

ตอบ 5 หน้า 48 – 49 ในช่วงพาราไดม์ที่ 2: หลักของการบริหารนั้น ได้มีผลงานเขียนชิ้นหนึ่งที่ได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็น “สุดยอดของวิชาการบริหารรัฐกิจ” นั่นก็คือหนังสือชื่อ Papers on the Science of Administration (1937) ของ Luther H. Gulick และ Lyndall Urwick ซึ่งหนังสือเรื่องนี้ได้เสนอหลักการบริหารที่เรียกว่า POSDCORB

11. ในหนังสือชื่อ Papers on the Science of Administration ได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดของวิชาการบริหารรัฐกิจในปี ค.ศ. 1937 ได้เสนอผลงานอะไร

(1) หลักของการบริหาร

(2) หลักการจัดการเชิงวิทยาศาสตร์

(3) หลักการของนักบริหารที่ดี

(4) หลักการบริหาร POSDCORB

(5) หลักการบริหารรัฐกิจ

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 10. ประกอบ

12. การเกิดวิกฤติทางความคิดครั้งแรกในปี ค.ศ. 1938 – 1947 เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร

(1) การคัดค้านว่าการบริหารกับการเมืองสามารถแยกออกจากกันได้

(2) การโจมตีว่าหลักการต่าง ๆ ของการบริหารมีความสอดคล้องกันตามหลักเหตุผลทางวิทยาศาสตร์

(3) การบริหารที่ปลอดจากค่านิยม แต่ความจริงเป็นการเมืองเต็มไปด้วยค่านิยมและการทุจริต

(4) หลักการบริหารที่กำหนดขึ้นมามีความสมบูรณ์เพียงพอ

(5) โจมตีว่าหลักการต่าง ๆ ของการบริหารที่กำหนดขึ้นมานั้นใช้ไม่ได้ในทางปฏิบัติ เป็นได้แค่สุภาษิตทางการบริหาร (Proverbs)

ตอบ 5 หน้า 51 – 52 การเกิดวิกฤติทางความคิดเกี่ยวกับวิชาการบริหารรัฐกิจระหว่าง ค.ศ. 1938 – 1947 แบ่งออกเป็น 2 แนวทาง ดังนี้
1 การคัดค้านว่าการบริหารกับการเมืองไม่สามารถแยกออกจากกันได้ โดยผู้คัดค้านเชื่อว่าการบริหารที่ปลอดจากค่านิยมนั้น แท้จริงแล้วเป็นการเมืองที่บรรจุไว้ด้วยค่านิยมต่างหาก
2 การโจมตีว่าหลักต่าง ๆ ของการบริหารมีความไม่สอดคล้องลงรอยกันตามหลักเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ โดยฝ่ายโจมตีเห็นว่า หลักต่าง ๆ ของการบริหารที่กำหนดขึ้นมานั้น ใช้ไม่ได้ในทางปฏิบัติ จะเป็นได้แค่เพียงสุภาษิตทางการบริหาร (Proverbs)

13. บุคคลใดที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น บิดาแห่งการบริหารรัฐกิจสมัยใหม่ของไทย คือ

(1) สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ

(2) สมเด็จกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์

(3) สมเด็จกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์

(4) ปฐม มณีโรจน์

(5) มาลัย หุวะนันท์

ตอบ 1 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดํารงราชานุภาพ ได้ทรงริเริ่มปลูกฝังและพัฒนาระบบการบริหารรัฐกิจสมัยใหม่ขึ้นในประเทศไทย จึงส่งผลให้พระองค์ได้รับการยกย่องจากนักวิชาการทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศให้เป็น “บิดาแห่งการบริหารรัฐกิจสมัยใหม่ของไทย”

14. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะขององค์การ

(1) วัตถุประสงค์

(2) บุคลากร

(3) โครงสร้างองค์การ

(4) สภาพแวดล้อม

(5) ระยะเวลา

ตอบ 5 หน้า 114 ลักษณะสําคัญขององค์การ มี 3 ประการ คือ
1 มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน
2 มีบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เข้ามาปฏิบัติงานร่วมกัน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กําหนดไว้
3 มีการพัฒนาโครงสร้างองค์การให้เหมาะสม เพื่อให้ผู้ปฏิบัติสามารถปฏิบัติงานได้สําเร็จ โดยองค์การจะมีการเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมอยู่เสมอ

15. องค์การแบบเรียบง่าย (Simple Structure) มีลักษณะอย่างไร

(1) มีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้เร็ว สภาพแวดล้อมไม่ซับซ้อน

(2) มีกฎระเบียบเป็นทางการและเป็นแบบแผนมาก

(3) ไม่มีการกําหนดระดับการบริหารที่แน่นอนตายตัว มีอิสระในการทํางานได้เอง

(4) มีการดําเนินงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามระยะเวลาและงบประมาณที่กําหนด

(5) เป็นหน่วยงานอิสระ มีความยืดหยุ่น และไม่ขึ้นต่อองค์การใหญ่

ตอบ 1 หน้า 123 โครงสร้างแบบเรียบง่าย (Simple Structure) เป็นองค์การที่มีการจัดแบ่งหน่วยงานน้อยมาก มีช่วงการควบคุมกว้าง รวมอํานาจการบังคับบัญชาและการตัดสินใจไว้ที่บุคคลคนเดียว มีความเป็นทางการน้อย มีระดับความซับซ้อนต่ํา โครงสร้างองค์การรูปแบบนี้จะมีลักษณะเป็นโครงสร้างองค์การในแนวราบ (Flat Structure) มากกว่าโครงสร้างองค์การในแนวดิ่ง (Tall Structure) มีโครงสร้างที่มีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้รวดเร็ว สภาพแวดล้อมขององค์การไม่ซับซ้อน เช่น องค์การธุรกิจขนาดเล็ก เป็นต้น

16. องค์การแบบเครือข่าย (Network Organization) มีลักษณะอย่างไร

(1) มีความยืดหยุ่นสูง ไม่มีสายการบังคับบัญชาที่แน่นอนและมีการจ้างเหมาบุคคลภายนอก

(2) มีโครงสร้างหลายรูปแบบผสมกันและมีความสลับซับซ้อน

(3) มีความยืดหยุ่นไม่ขึ้นต่อองค์การใหญ่

(4) มีการดําเนินงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามระยะเวลาและงบประมาณที่กําหนด

(5) มีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้เร็ว สภาพแวดล้อมไม่ซับซ้อน

ตอบ 1 หน้า 125 – 126 องค์การแบบเครือข่าย (Network Organization) เป็นองค์การที่มีความยืดหยุ่นสูง ไม่มีระดับชั้นการบังคับบัญชาที่แน่นอน เน้นการใช้ความสามารถหลักขององค์การและรับทรัพยากรจากพันธมิตรภายนอก รวมทั้งใช้การจ้างเหมาบุคคลภายนอกในการปฏิบัติงาน

17. Goldsmith and Eggers ได้แบ่งรูปแบบการจัดโครงสร้างองค์การรูปแบบอะไร

(1) องค์การแบบเรียบง่าย

(2) องค์การแบบระบบราชการ

(3) องค์การแบบแมทริกซ์

(4) องค์การแบบเครือข่าย

(5) องค์การแบบผสม

ตอบ 4 หน้า 126 – 127 Goldsmith และ Eggers ได้แบ่งรูปแบบการจัดโครงสร้างองค์การ แบบเครือข่ายออกเป็น 6 ประเภท ดังนี้
1 เครือข่ายแบบการทําสัญญาในการให้บริการ
2 เครือข่ายแบบห่วงโซ่อุปทาน
3 เครือข่ายแบบเฉพาะกิจ
4 เครือข่ายแบบตัวแทนการให้บริการ
5 เครือข่ายแบบศูนย์เผยแพร่ข้อมูลสาธารณะ
6 เครือข่ายแบบศูนย์ประสานงานประชาชน

18. คุณลักษณะขององค์การแห่งการเรียนรู้ตามแนวคิดของ Stephen P. Robbins ประกอบด้วยอะไร

(1) ความรอบรู้แห่งตน แบบแผนความคิด การเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีม การมีวิสัยทัศน์ และการคิด อย่างเป็นระบบ

(2) การให้บริการ เผยแพร่ข้อมูลสาธารณะ การประสานงาน การทํางานเป็นทีม

(3) รูปแบบองค์การ วัฒนธรรมองค์การ การแลกเปลี่ยนข้อมูล ภาวะผู้นํา

(4) เป้าหมายขององค์การ ค่านิยม กลยุทธ์ โครงสร้าง และวัฒนธรรม

(5) สภาพแวดล้อมภายในองค์การ และสภาพแวดล้อมภายนอกองค์การ

ตอบ 3 หน้า 131 คุณลักษณะขององค์การแห่งการเรียนรู้ของ Stephen P. Robbins ประกอบด้วย 4 ลักษณะสําคัญ ดังนี้
1 รูปแบบองค์การที่ไม่มีขอบเขต การมีทีมงานที่ดี และการเอื้ออํานาจ
2 วัฒนธรรมองค์การ เน้นความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน
3 การแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ต้องเปิดเผย คํานึงถึงเวลา และถูกต้อง
4 ภาวะผู้นําที่มีวิสัยทัศน์ร่วมกัน

19. องค์การแบบเครื่องจักร (Mechanistic Organization) มีลักษณะอย่างไร

(1) มีระเบียบกฎเกณฑ์น้อย

(2) ช่วงการควบคุมกว้าง

(3) เน้นความคล่องตัวในการทํางาน

(4) ความเป็นทางการสูง

(5) กระจายอํานาจในการตัดสินใจ

ตอบ 4 หน้า 132 – 134 องค์การแบบเครื่องจักร (Mechanistic Organization) มีลักษณะดังนี้
1 มีสายการบังคับบัญชามาก
2 ช่วงการควบคุมแคบ
3 มีระเบียบ กฎเกณฑ์ต่าง ๆ มาก
4 ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปฏิบัติงานเป็นแบบแนวดิ่ง
5 มีความเป็นทางการสูง
6 รวมศูนย์อํานาจในการบริหารและตัดสินใจ
7 มีสภาพแวดล้อมไม่ซับซ้อนและคงที่
8 มุ่งเน้นประสิทธิภาพ ฯลฯ

20. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะขององค์การแบบมีชีวิต (Organic Organization)

(1) มีระเบียบกฎเกณฑ์น้อย

(2) ช่วงการควบคุมกว้าง

(3) เน้นความคล่องตัวในการทํางาน

(4) ความเป็นทางการสูง

(5) กระจายอํานาจในการตัดสินใจ

ตอบ 4 หน้า 133 – 134, (คําบรรยาย) องค์การแบบสิ่งมีชีวิต (Organic Organization) มีลักษณะดังนี้
1 อยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงมาก
2 มีความยืดหยุ่น เน้นความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน
3 เน้นโครงสร้างแนวราบ
4 ขอบข่ายหรือช่วงการควบคุมกว้าง
5 มีระเบียบกฎเกณฑ์น้อย
6 ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปฏิบัติงานเป็นแบบแนวนอน แนวทแยง และแบบเครือข่าย
7 มีรายละเอียดของหน้าที่ ความรับผิดชอบ และวิธีปฏิบัติงานน้อย
8 มีความเป็นทางการน้อย
9 กระจายอํานาจในการบริหารและตัดสินใจ

21. การบริหารงานบุคคลในความหมายที่แคบตามความหมายของอุทัย เลาหวิเชียร หมายถึง:

(1) เป็นกลไกของฝ่ายบริหารที่มีไว้สําหรับควบคุมบุคคล

(2) เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการจัดการกําหนดนโยบายเกี่ยวกับบุคคล

(3) เป็นเรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการบริหารระบบราชการ

(4) เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ

(5) เป็นเรื่องเกี่ยวกับการประเมินผลการปฏิบัติงานของบุคคลในองค์การ

ตอบ 1 หน้า 151 อุทัย เลาหวิเชียร ได้สรุปสาระสําคัญของการบริหารงานบุคคลในความหมายที่แคบ ไว้ดังนี้ 1. เป็นแนวการศึกษาที่เกี่ยวกับกระบวนการบริหารงาน ซึ่งประกอบด้วย การสรรหา การคัดเลือก การสอบ การเลื่อนขั้น เป็นต้น 2. ให้ความสําคัญกับการบริหารงานบุคคลภายในองค์การ โดยมองข้ามการปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ 3. เป็นกลไกของฝ่ายบริหารที่มีไว้สําหรับการควบคุมบุคคล

22. ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยที่มอร์แกน (Morgan) นํามาใช้ในการจัดโครงสร้างองค์การตามสถานการณ์:

(1) สิ่งแวดล้อม

(2) กลยุทธ์

(3) สายการบังคับบัญชา

(4) เทคโนโลยี

(5) คน/วัฒนธรรม

ตอบ 3 หน้า 135 – 136 มอร์แกน (Morgan) ได้นําทฤษฎีโครงสร้างตามสถานการณ์มาพัฒนา เพื่อให้เกิดความเข้าใจและนําไปประยุกต์ใช้ได้ง่าย ซึ่งปัจจัยที่มอร์แกนนํามาพิจารณาในการวิเคราะห์และจัดโครงสร้างองค์การ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม กลยุทธ์ เทคโนโลยี คน/วัฒนธรรม โครงสร้างองค์การ และการจัดการ

23. ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยสภาพแวดล้อมที่เป็นพลวัต หรือเรียกย่อ ๆ ว่า PEST หรือ STEP:

(1) สภาพการเมือง

(2) เศรษฐกิจ

(3) บุคลากร

(4) สังคมและวัฒนธรรม

(5) เทคโนโลยี

ตอบ 3 หน้า 155 ปัจจัยสภาพแวดล้อมที่เป็นพลวัต หรือเรียกย่อ ๆ ว่า PEST หรือ STEP ประกอบด้วย 1. สภาพการเมือง (Political) 2. เศรษฐกิจ (Economic) 3. สังคม (Social) 4. เทคโนโลยี (Technological)

24. ปัจจัยทางการบริหารที่ถือว่ามีความสําคัญและเป็นตัวเชื่อมโยงกับทุกระบบ หากปราศจากแล้วก็ไม่สามารถทํางานได้ คือ:

(1) คน (Men)

(2) เงิน (Money)

(3) วัสดุอุปกรณ์ (Material)

(4) การจัดการ (Management)

(5) ขวัญกําลังใจ (Morale)

ตอบ 1 หน้า 154 – 155 ปัจจัยทางการบริหารที่เรียกว่า 4 M’s ประกอบด้วย คน (Men), เงิน (Money), วัสดุอุปกรณ์ (Material) และการจัดการ (Management) โดยปัจจัยเรื่องคน (Men) ถือว่ามีความสําคัญมากที่สุดและเป็นตัวเชื่อมโยงกับทุกระบบ หากปราศจากแล้วก็จะไม่สามารถทํางานได้

25. กฎหมายฉบับแรกที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลสมัยใหม่ที่ใช้ในประเทศไทย คือ:

(1) พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2472

(2) พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2528

(3) พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535

(4) พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2545

(5) พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551

ตอบ 1 หน้า 167, (คําบรรยาย) กฎหมายที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลสมัยใหม่ที่ใช้ในประเทศไทย ฉบับแรก คือ พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2472 ส่วนในปัจจุบัน คือ
พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551

26. ปัจจุบันประเทศไทยใช้กฎหมายที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล คือ

(1) พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535

(2) พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2545

(3) พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2550

(4) พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551

(5) พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2560

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 25. ประกอบ (คำบรรยาย) กฎหมายที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลสมัยใหม่ที่ใช้ในประเทศไทย ฉบับแรก คือ พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2472 ส่วนในปัจจุบัน คือ พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551

27. ข้อใดคือขั้นตอนที่จัดว่าสำคัญที่สุดในการบริหารงานบุคคลในภาครัฐ

(1) ขั้นตอนที่ 1 การวางแผนทรัพยากรบุคคล

(2) ขั้นตอนที่ 2 การได้มาซึ่งบุคลากร การโอนย้าย และการแต่งตั้ง

(3) ขั้นตอนที่ 3 การพัฒนาบุคลากร

(4) ขั้นตอนที่ 4 การใช้ประโยชน์จากบุคลากร

(5) ขั้นตอนที่ 5 การประเมินผลการปฏิบัติงาน

ตอบ 1 หน้า 163, 171 – 172 (คำบรรยาย) การวางแผนทรัพยากรบุคคล จัดว่าเป็นขั้นตอน และเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบริหารงานบุคคลภาครัฐ โดยเป็นการวางแผนดำเนินงาน เพื่อเตรียมบุคลากรให้เหมาะสมกับงานและเวลา รวมทั้งพัฒนากำลังคนให้เกิดประสิทธิภาพ และบรรลุเป้าหมายขององค์การ โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องนำมาพิจารณาประกอบ เช่น ปริมาณงาน ปริมาณบุคลากร ตลาดแรงงาน ลักษณะงาน เป็นต้น การวางแผนทรัพยากรบุคคลผิดพลาด จะทำให้องค์การเกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น การว่างงาน การจ้างคนไม่เหมาะสมกับงาน การหมุนเวียน เข้าออกจากงานสูง เป็นต้น

28. แนวคิดของแมคคินซี (McKinsey) ประกอบด้วย

(1) กลยุทธ์ วิสัยทัศน์ โครงสร้าง ระบบงาน การจัดการ ท่วงทำนองการบริหาร ทักษะ

(2) กลยุทธ์ วิสัยทัศน์ โครงสร้าง ระบบงาน การจัดการ สไตล์การทำงาน ทักษะ

(3) กลยุทธ์ วิสัยทัศน์ โครงสร้าง องค์การ การจัดการ สไตล์การทำงาน ทักษะ

(4) กลยุทธ์ วิสัยทัศน์ โครงสร้าง องค์การ การจัดการ ท่วงทำนองการบริหาร ทักษะ

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 154 (คำบรรยาย) กรอบแนวคิด 7s ของแมคคินซี (McKinsey) ประกอบด้วย Strategy (กลยุทธ์), Shared Value (วิสัยทัศน์ร่วม), Structure (โครงสร้าง), System (ระบบงาน), Staffing (การจัดบุคลากร), Style (ท่วงทำนองการบริหาร) และ Skill (ทักษะ) ซึ่ง 5 ที่เกี่ยวข้องโดยตรง กับเรื่องบุคลากรมี 35 คือ Staffing, Style และ Skill

29. ตำราเรียนที่ใช้เป็นหนังสือหลักในการสอนวิชาการบริหารงานบุคคลมากเป็นของใคร

(1) Nicholas Henry

(2) Herbert Simon

(3) O. Glenn Stahl

(4) Mary Parker Follet

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 151 ตำราเรียนของ O. Glenn Stahl ถือเป็นหนังสือหลักที่ใช้สอนวิชาการบริหารงานบุคคลในทุกยุคทุกสมัย

30. องค์กรกลางที่ทำหน้าที่ในการบริหารงานบุคคลในมหาวิทยาลัย คือ

(1) คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน

(2) คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ

(3) คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย

(4) คณะกรรมการบริหารงานบุคคลในมหาวิทยาลัย

(5) คณะกรรมการจัดการบุคคลในมหาวิทยาลัย

ตอบ 3 หน้า 158 – 159 คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เป็นองค์กรกลางที่ทำหน้าที่กำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลภาครัฐทั้งหมด ตั้งแต่การกำหนดตำแหน่ง ค่าตอบแทน สวัสดิการและผลประโยชน์เกื้อกูล การแต่งตั้ง การโยกย้าย การเลื่อนตำแหน่ง การประเมินผลการปฏิบัติงาน วินัย การลงโทษ และการให้บุคลากรพ้นจากราชการ ดังนั้น คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนจึงเป็น “ต้นแบบ” ให้แก่องค์กรกลางการบริหารงานบุคคลภาครัฐอื่น ๆ เช่น คณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายปกครอง คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย คณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม ฯลฯ ในการกำหนดนโยบายการบริหารงานบุคคล

31. “เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ” วัดโดย

(1) GDP

(2) อัตราการออม

(3) อัตราเงินเฟ้อ

(4) ประสิทธิภาพการผลิต

(5) รายได้เปรียบเทียบระหว่างกลุ่มอาชีพ

ตอบ 3 (คำบรรยาย) ตัวชี้วัดหน้าที่ทางเศรษฐกิจของรัฐ มีดังนี้
1 การจัดสรรทรัพยากร (Allocation Function) วัดจากผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)
2 การกระจายทรัพยากร (Distribution Function) วัดจากรายได้เปรียบเทียบ อัตราการใช้จ่าย อัตราการออม มูลค่าการใช้จ่ายของภาคเอกชน
3 การรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ (Stabilization Function) วัดจากอัตราเงินฝืด และอัตราเงินเฟ้อ
4 การบริหารจัดการ (Management Function) วัดจากประสิทธิภาพการผลิต

32. อัตราเงินเฟ้อ เป็นตัวชี้วัดหน้าที่ทางเศรษฐกิจของรัฐในเรื่อง

(1) Allocation Function

(2) Distribution Function

(3) Stabilization Function

(4) Management Function

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 31. ประกอบ

33. ผลกระทบจากการที่ “รัฐมีเศรษฐกิจที่ดี”

(1) รายได้ของรัฐเพิ่มขึ้น

(2) ข้าราชการว่างงานมากขึ้น

(3) อัตราการว่างงานต่ำ

(4) ความเหลื่อมล้ำในสังคมลดลง

(5) ทั้งข้อ 1 และ 3

ตอบ 5 หน้า 270, (คําบรรยาย) สภาวะเศรษฐกิจมีผลกระทบต่อการบริหารองค์การภาครัฐ หากรัฐมีเศรษฐกิจที่ดี จะะส่งผลให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้น ประชาชนมีอัตราการว่างงานต่ํา ในทางกลับกัน ถ้ารัฐมีเศรษฐกิจที่ไม่ดี จะส่งผลให้รัฐมีรายได้น้อยลง ประชาชนมีอัตราการว่างงานมากขึ้น

34. GDP เป็นตัวชี้วัดหน้าที่ทางเศรษฐกิจของรัฐในเรื่องใด

(1) Allocation Function

(2) Distribution Function

(3) Stabilization Function

(4) Management Function

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 31. ประกอบ

35. “ตัวอย่างของภาษีที่เก็บจากเงินได้” (Income Base) ได้แก่

(1) ภาษีมูลค่าเพิ่ม

(2) ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

(3) ภาษีสุรา

(4) ทั้งข้อ 1 และ 2

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 5 (หน้า 217, คำบรรยาย) การจำแนกประเภทภาษีอากรตามลักษณะของฐานภาษี แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
1 ภาษีที่เก็บจากเงินได้ (Income Base) เป็นการนำเอารายได้มาใช้เป็นฐานในการประเมินภาษี ได้แก่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคล
2 ภาษีที่เก็บจากการใช้จ่าย (Consumption Base) เป็นการนำเอาค่าใช้จ่ายในการบริโภคสินค้าและบริการมาใช้เป็นฐานในการประเมินภาษี เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีการใช้จ่าย ภาษีสรรพสามิต (เช่น ภาษีสุรา ภาษียาสูบ) ภาษีศุลกากร เป็นต้น
3 ภาษีที่เก็บจากทรัพย์สิน (Wealth Base) เป็นการนำเอาทรัพย์สินมาใช้เป็นฐานในการประเมินภาษี เช่น ภาษีมรดก ภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ภาษีดอกเบี้ย เป็นต้น

36. “ตัวอย่างของภาษีที่เก็บจากการใช้จ่าย” (Consumption Base) ได้แก่

(1) ภาษีมูลค่าเพิ่ม

(2) ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

(3) ภาษีสุรา

(4) ทั้งข้อ 1 และ 3

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 35. ประกอบ

37. “การแบ่งรายจ่ายออกเป็นหมวดและมีการกำหนดรายการค่าใช้จ่าย” เป็นลักษณะของงบประมาณระบบใด

(1) Line-Item Budget

(2) Tradition Budget.

(3) Performance Budget

(4) ทั้งข้อ 1 และ 2

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 (หน้า 228, 237, คำบรรยาย) งบประมาณแบบแสดงรายการหรืองบประมาณแบบดั้งเดิม (Line-Item Budget or Tradition Budget) เป็นระบบงบประมาณที่เน้นการควบคุมการใช้จ่าย หรือการใช้ทรัพยากร การจัดเตรียมงบประมาณจึงมีลักษณะที่ค่อนข้างละเอียด โดยจะมีการแบ่งรายจ่ายออกเป็นหมวดและมีการกำหนดรายการค่าใช้จ่าย จึงทำให้หน่วยงานที่ได้รับงบประมาณไม่สามารถนำเงินงบประมาณไปใช้จ่ายในรายการอื่นได้ ดังนั้นระบบงบประมาณแบบแสดงรายการจึงป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการทุจริตในหน่วยงาน

38. การยกเลิก “ภาษีปากเรือ” เกิดขึ้นในสมัยใด

(1) รัชกาลที่ 2

(2) รัชกาลที่ 3

(3) รัชกาลที่ 4

(4) รัชกาลที่ 5

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 214 ในสมัยรัชกาลที่ 4 ประเทศอังกฤษได้ส่งเซอร์จอห์น เบาว์ริง เข้ามาขอทำหนังสือสัญญาทางพระราชไมตรีกับไทย โดยสนธิสัญญาได้ระบุให้ไทยยกเลิกภาษีเบิกร่องหรือภาษีปากเรือ ที่เก็บตามสัญญาฉบับปี พ.ศ. 2369 และให้เก็บภาษีขาเข้าแทนในอัตราเพียงร้อยละ 3 ของสินค้าเท่านั้น ซึ่งผลของสนธิสัญญาฉบับนี้ได้ทำให้ไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างมาก

39. ภาษีในสมัยกรุงศรีอยุธยามีการจัดเก็บเป็น 4 ประเภท คือ จังกอบ ส่วย ……ที่หายไปอีกสองชนิด ได้แก่

(1) ฤชา และขนอน

(2) ขนอน และอากร

(3) อากร และฤชา

(4) เครื่องบรรณาการ และอากร

(5) ฤชา และเครื่องบรรณาการ

ตอบ 3 หน้า 214, (คำบรรยาย) การจัดเก็บภาษีอากรในสมัยกรุงศรีอยุธยาและรัตนโกสินทร์ตอนต้น หรือที่เรียกกันในสมัยนั้นว่า “ส่วยสาอากร” แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่
1 จังกอบ คือ ภาษีชนิดหนึ่ง เช่น ภาษีปากเรือ
2 อากร คือ ค่าธรรมเนียมที่รัฐเก็บจากสิ่งที่เกิดจากธรรมชาติหรือสิ่งที่สร้างขึ้น เช่น อากรรังนกนางแอ่น อากรมหรสพ
3 ส่วย คือ ของที่เรียกเก็บจากท้องถิ่นพื้นเมืองเพื่อเป็นค่าภาคหลวง เช่น เงินช่วยเหลือราชการ
4 ฤชา คือ เงินทดแทนการเกณฑ์แรงงานไพร่ที่ผู้ครอบครองไพร่ทดแทนให้หลวง

40. “หอรัษฎากรพิพัฒน์” เกิดขึ้นในสมัยใด

(1) รัชกาลที่ 2

(2) รัชกาลที่ 3

(3) รัชกาลที่ 4

(4) รัชกาลที่ 5

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 (คำบรรยาย) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พระพุทธเจ้าหลวงหรือรัชกาลที่ 5) ทรงโปรดให้ตั้งหอรัษฎากรพิพัฒน์ในปี พ.ศ. 2416 ด้วยเหตุผล 4 ประการ คือ
1 เจ้าภาษีนายอากรมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
2 อำนาจในการจัดเก็บภาษีอากรอยู่ในอัตวิสัยของเจ้านายบางคน
3 ระบบบัญชีของกรมพระยาคลังไม่เป็นระบบระเบียบ
4 เกิดวิกฤติเงินแผ่นดินไม่พอใช้ในราชการ

41. “ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม” เกิดขึ้นในสมัยใด

(1) รัชกาลที่ 2

(2) รัชกาลที่ 3

(3) รัชกาลที่ 4

(4) รัชกาลที่ 5

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 5 หน้า 215, (คำบรรยาย) ภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีธุรกิจเฉพาะ เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2535 ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 9 โดยรัฐบาลได้นำระบบภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีธุรกิจเฉพาะมาใช้ในการจัดเก็บแทนภาษีการค้าที่มีปัญหาการจัดเก็บที่ซ้ำซ้อนไม่เป็นธรรม และไม่สนับสนุนต่อภาคการส่งออกของประเทศ

42. สภาพแวดล้อมเฉพาะ ได้แก่

(1) ลูกค้า

(2) คู่แข่งขัน

(3) แรงงาน

(4) ทั้งข้อ 1 และ 2

(5) ทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 5 สภาพแวดล้อมขององค์การบริหารภาครัฐ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1 สภาพแวดล้อมทั่วไปหรือสภาพแวดล้อมภายนอกองค์การ เป็นสภาพแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อ การบริหารขององค์การของรัฐทุก ๆ องค์การ ได้แก่ การศึกษา ชนชั้นทางสังคม วัฒนธรรม ประเพณี ค่านิยมของประชาชน เศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยี กฎหมาย และทรัพยากรธรรมชาติ

2 สภาพแวดล้อมเฉพาะหรือสภาพแวดล้อมภายในองค์การ เป็นสภาพแวดล้อมที่มีผลกระทบ โดยตรงต่อระบบการบริหารขององค์การ ซึ่งมีลักษณะเฉพาะที่จําเป็นในการดําเนินงาน สําหรับองค์การหนึ่ง ๆ แต่อาจจะไม่มีความจําเป็นสําหรับองค์การอื่น ๆ เลยก็ได้ เช่น ลูกค้า/ ผู้รับบริการ คู่แข่งขัน แรงงาน/บุคลากร (ข้าราชการ/พนักงานราชการ) งบประมาณ วัตถุดิบ กฎระเบียบขององค์การ เทคโนโลยีการบริหาร ความรู้และข้อมูล ทรัพยากรที่หน่วยงานต้องใช้

43. ทุกข้อเป็นสาเหตุที่ทําให้ทรัพยากรธรรมชาติถูกทําลาย ยกเว้น

(1) การกีฬา

(2) ความไม่รู้ รู้เท่าไม่ถึงการณ์

(3) การลดลงของประชากร

(4) ความเจริญทางวิทยาศาสตร์

(5) การสร้างเขื่อน

ตอบ 3 หน้า 275 – 276, 282 – 283 สาเหตุที่ทําให้ทรัพยากรธรรมชาติถูกทําลาย มีดังนี้
1 การเพิ่มของประชากร
2 การขยายตัวทางเศรษฐกิจ
3 ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
4 การสร้างสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ เช่น การสร้างเขื่อน อ่างเก็บน้ํา ถนน
5 การกีฬา เช่น การยิงนก ตกปลา ล่าสัตว์
6 สงคราม
7 ความไม่รู้หรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

44. ข้อใดเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้แล้วไม่หมดสิ้น ยกเว้น

(1) ดิน

(2) น้ำ

(3) สัตว์ป่า

(4) อากาศ

(5) ทั้งข้อ 2 และ 3

ตอบ 3 หน้า 274 – 275 ทรัพยากรธรรมชาติ สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
1 ทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้แล้วไม่หมดสิ้น (Non-Exhausting Natural Resources) เช่น แสงอาทิตย์ อากาศ ดิน น้ํา เป็นต้น
2 ทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้แล้วหมดไป (Exhausting Natural Resources) เช่น แร่ธาตุ น้ํามันปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน เป็นต้น
3 ทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้แล้วเกิดขึ้นทดแทนหรือรักษาให้คงอยู่ได้ (Renewable Natural Resources) เช่น ป่าไม้ สัตว์ป่า พืชพรรณ กําลังงานของมนุษย์ เป็นต้น

45. ข้อใดเป็น “ธรรมเนียมประเพณี”

(1) การทักทายด้วยการไหว้ของคนไทย

(2) ประเพณีแห่นางแมว

(3) การเคารพผู้อาวุโส

(4) พิธีการไหว้ครู

(5) ทั้งข้อ 2 และ 4

ตอบ 1 หน้า 268 – 269 ประเพณี แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
1 จารีตประเพณีหรือกฎศีลธรรม เป็นประเพณีที่มีศีลธรรมเข้ามาร่วมด้วย เช่น การสมรสแบบ ผัวเดียวเมียเดียว การเคารพผู้อาวุโส เป็นต้น
2 ขนบประเพณี เป็นประเพณีที่มีการกําหนดระเบียบแบบแผนในการปฏิบัติ เช่น การไหว้ครู การแห่นางแมว การจุดบ้องไฟของภาคอีสาน เป็นต้น
3. ธรรมเนียมประเพณี เป็นประเพณีเกี่ยวกับเรื่องธรรมดาหรือเป็นบรรทัดฐานที่ปฏิบัติจนเป็นประเพณี เช่น การสวมรองเท้า การดื่มน้ำจากแก้ว การใช้ช้อนส้อมในการรับประทานอาหาร การทักทายในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ฝรั่งจับมือ จีนและญี่ปุ่นโค้งคำนับ คนไทยไหว้ เป็นต้น

46. ข้อใดเป็นลักษณะของ “วัฒนธรรม”

(1) เป็นมรดกทางสังคม

(2) เป็นวิถีชีวิต

(3) เป็นสิ่งไม่คงที่

(4) ทั้งข้อ 1 และ 2

(5) ทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 5 หน้า 267 ลักษณะของวัฒนธรรม มีดังนี้
1 เป็นสิ่งที่ได้จากการเรียนรู้
2 เป็นมรดกทางสังคม
3 เป็นวิถีชีวิตหรือแบบของการดำรงชีวิต
4 เป็นสิ่งที่ไม่คงที่

47. เทคโนโลยีที่มีลักษณะของ Process and Product ได้แก่

(1) E-Bidding

(2) Machine

(3) Computer System

(4) ทั้งข้อ 1 และ 3

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 270 เทคโนโลยี สามารถจำแนกได้เป็น 3 ลักษณะ คือ
1 เทคโนโลยีในลักษณะของกระบวนการ (Process) เป็นการใช้อย่างเป็นระบบของวิธีการทางวิทยาศาสตร์หรือความรู้ต่าง ๆ ที่ได้รวบรวมไว้ เพื่อนําไปสู่ผลในทางปฏิบัติ
2 เทคโนโลยีในลักษณะของการผลิต (Product) หมายถึง วัสดุอุปกรณ์และอุปกรณ์ที่เป็นผลมาจากการใช้กระบวนการทางเทคโนโลยี
3 เทคโนโลยีในลักษณะผสมของกระบวนการและผลิต (Process and Product) เช่น ระบบคอมพิวเตอร์ (Computer System) ซึ่งมีการทํางานเป็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวเครื่องกับโปรแกรม

48. “คนไทยใช้ช้อนส้อมในการรับประทานอาหาร” จัดเป็นประเพณีแบบใด

(1) จารีตประเพณี

(2) กฎศีลธรรม

(3) ธรรมเนียมประเพณี

(4) ขนบประเพณี

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 45. ประกอบ

49. องค์การใดทําหน้าที่ “พิจารณาข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐกับประชาชน”

(1) ศาลยุติธรรม

(2) ศาลปกครอง

(3) สํานักงานตรวจเงินแผ่นดิน

(4) ผู้ตรวจการแผ่นดิน

(5) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

ตอบ 2 หน้า 186 – 187 ตามรัฐธรรมนูญศาลไทยแบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ
1 ศาลรัฐธรรมนูญ ทําหน้าที่พิจารณาความขัดแย้งระหว่างกฎหมายต่าง ๆ กับ กฎหมายรัฐธรรมนูญ รวมถึงความขัดแย้งระหว่างบทบาทหน้าที่ขององค์กรต่าง ๆ ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ
2 ศาลยุติธรรม ทําหน้าที่พิจารณาข้อขัดแย้งระหว่างประชาชนในกรณีต่าง ๆ
3 ศาลปกครอง ทําหน้าที่พิจารณาข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐกับประชาชน และระหว่างหน่วยงานของรัฐด้วยกันเอง
4 ศาลทหาร ทําหน้าที่พิจารณาคดีอาญาทหาร และคดีทหารอื่น ๆ ตามที่กฎหมายกําหนด

50. แนวคิดในการควบคุมแบบใดเกิดก่อนแบบอื่น ๆ

(1) การควบคุมผลลัพธ์

(2) การควบคุมผลผลิต

(3) การควบคุมปัจจัยนำเข้า

(4) การควบคุมโดยผู้บริโภค

(5) การควบคุมกระบวนการ

ตอบ 3 หน้า 177, 205 – 206, (คำบรรยาย) แนวคิดในการควบคุมตรวจสอบ แบ่งออกเป็น 3 ยุค คือ ยุคที่ 1 ให้ความสำคัญกับการควบคุมปัจจัยนำเข้า โดยพิจารณาที่ความถูกต้องของการจัดสรรทรัพยากรขององค์การให้ตรงตามมาตรฐานและกฎระเบียบที่กำหนด ยุคที่ 2 ให้ความสำคัญกับการควบคุมกระบวนการทำงาน โดยพิจารณาความสำเร็จไปที่ประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงาน ยุคที่ 3 (ยุคปัจจุบัน) ใช้วิธีการตามยุคที่ 1 และ 2 และให้ความสำคัญกับการควบคุมผลผลิต และผลลัพธ์ รวมทั้งให้ผู้บริโภคได้เข้ามามีส่วนร่วมในการควบคุมตรวจสอบ

51. “ความสามารถของผู้บริหาร” เป็นกลไกการควบคุมระดับใด

(1) กลไกภายในหน่วยราชการ

(2) กลไกภายนอกหน่วยราชการ

(3) กลไกตามรัฐธรรมนูญ

(4) กลไกจุลภาค

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 1 หน้า 175, 200 – 233 กลไกการควบคุมภายในหน่วยงานราชการ ประกอบด้วย นโยบาย แผนงาน โครงการ วิธีปฏิบัติงาน คำสั่งและรายงาน ระบบการติดต่อสื่อสารและการประสานงาน คู่มือ กฎ ระเบียบ วินัยและบทลงโทษ ระบบการติดตามประเมินผล ความสามารถของผู้บริหาร และผู้ปฏิบัติงาน ระบบการประกันคุณภาพ เทคโนโลยีขององค์กร เป็นต้น

52. ที่กล่าวว่า “งบประมาณเป็นเครื่องมือในการควบคุม” หมายความว่า

(1) การใช้จ่ายของหน่วยราชการต้องมีกฎหมายรองรับและเป็นไปตามกฎหมายงบประมาณ

(2) ผู้บริหารสามารถกำหนดการใช้จ่ายตามที่เห็นสมควร

(3) รายรับของรัฐเป็นตัวกำหนดรายจ่าย

(4) เงินเป็นสิ่งจูงใจในการทำงาน

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 1 หน้า 184, 205 – 206, (คำบรรยาย) งบประมาณเป็นเครื่องมือในการควบคุม หมายถึง 1. งบประมาณเป็นกฎหมาย และการใช้จ่ายเงินของรัฐหรือหน่วยราชการต้องมีกฎหมายรองรับและเป็นไปตามกฎหมายงบประมาณ 2. งบประมาณเป็นแผนการบริหารที่แสดงโครงการในการดำเนินงาน แสดงเป้าหมายและวัตถุประสงค์ แสดงจำนวนเงินที่ต้องการใช้ ตลอดจนแสดงจำนวนบุคลากรและทรัพยากร ในการสนับสนุนการดำเนินงานในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ๆ 3. งบประมาณเป็นทรัพยากรในการบริหาร ซึ่งจะต้องมีการใช้จ่ายให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้

53. ตัวอย่างของนโยบายการบริหารจัดการภาครัฐที่มีผลต่อการควบคุม ได้แก่

(1) การพัฒนาระบบงบประมาณ

(2) นโยบายการพัฒนาบุคลากร

(3) การจัดวางระบบติดตามประเมินผล

(4) ทั้งข้อ 1, 2 และ 3

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 นโยบายการบริหารจัดการภาครัฐที่มีผลต่อการควบคุมตรวจสอบ ได้แก่:
1 การพัฒนาระบบงบประมาณ
2 การพัฒนาบุคลากร
3 การจัดวางระบบการติดตามประเมินผล
4 ระบบประกันคุณภาพขององค์การ

54. ข้อใดเป็นการควบคุมตรวจสอบโดย “รัฐสภา”

(1) บทบาทของผู้ตรวจการแผ่นดิน

(2) บทบาทของศาลปกครอง

(3) การออกกฎหมาย

(4) การตรวจเงินแผ่นดิน

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ: (3) หน้า 187 – 188 การควบคุมตรวจสอบโดย “รัฐสภา” ได้แก่
1 การพิจารณาออกกฎหมายประเภทต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการดําเนินงานตามที่กําหนดไว้ใน กฎหมายรัฐธรรมนูญ
2 การพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจําปีของส่วนราชการต่าง ๆ ตามวิธีการที่กฎหมายกําหนด
3 การตั้งกระทู้และการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
4 การตั้งคณะกรรมาธิการติดตามการปฏิบัติงาน

55. การควบคุม หมายถึง

(1) การตรวจสอบประสิทธิภาพ

(2) การตรวจสอบวิธีปฏิบัติงานให้เป็นไปตามกฎระเบียบ

(3) การเปรียบเทียบผลงานกับแผนงาน

(4) ทั้งข้อ 2 และ 3

(5) ทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ: (5) หน้า 178 – 179 การควบคุม หมายถึง
1 การตรวจสอบผลการดําเนินงานว่ามีประสิทธิภาพเพียงใด
2 การตรวจสอบวิธีการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามกฎระเบียบ และขั้นตอนในการปฏิบัติงาน
3 การตรวจสอบเปรียบเทียบผลงานกับแผนงานหรือมาตรฐานที่ได้ตั้งเอาไว้
4 กระบวนการของการออกกฎเกณฑ์ข้อบังคับ การใช้อํานาจหน้าที่สั่งการ ตลอดจน การตรวจสอบเปรียบเทียบ เพื่อที่จะให้องค์การสามารถปฏิบัติการต่อไปได้

56. ขั้นตอนสุดท้ายของการควบคุม ได้แก่

(1) การเปรียบเทียบผลงานกับมาตรฐาน

(2) การปรับปรุงให้สอดคล้องกับเป้าหมาย

(3) การกําหนดวิธีการในการวัดความสําเร็จ

(4) การกําหนดมาตรฐานในการทํางาน

(5) การรับเรื่องราวร้องทุกข์

ตอบ: (2) หน้า 181 กระบวนการในการควบคุมตรวจสอบ มี 4 ขั้นตอน คือ
1 การกําหนดเป้าหมาย รายละเอียด และมาตรฐานของการดําเนินงาน
2 การกําหนดวิธีการในการวัดมาตรฐานในการดําเนินงาน รวมทั้งวิธีการที่จะวัดความสําเร็จของงาน
3 การพิจารณาเปรียบเทียบผลงานกับมาตรฐานหรือเกณฑ์ที่ได้ตั้งเอาไว้
4 การดําเนินการปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่ได้วางเอาไว้

57. ข้อใดเป็นคุณสมบัติของ “คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน”

(1) เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ

(2) เป็นต้นเรื่องในการตรวจสอบคดีทุจริต

(3) ทำหน้าที่เบิกจ่ายเงินให้กับส่วนราชการ

(4) ทั้งข้อ 1 และ 2

(5) ทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 4 หน้า 186, 206 คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2550 ซึ่งได้รับการแต่งตั้งตามคําแนะนําของวุฒิสภา ทำหน้าที่ในการตรวจสอบบัญชี หน่วยงานภาครัฐ ติดตามประเมินผลการดําเนินงาน กํากับตรวจสอบการใช้จ่ายเงินตาม พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจําปี รวมทั้งเป็นต้นเรื่องในการตรวจสอบคดีทุจริต การใช้จ่ายเงิน

58. ข้อใดจัดเป็นระบบการประกันคุณภาพขององค์การ

(1) มาตรฐาน ISO

(2) เกณฑ์ที่ ก.พ.ร. กำหนด

(3) มาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้าง

(4) ทั้งข้อ 1 และ 2

(5) ทั้งข้อ 1, 2 และ 3

ตอบ 4 หน้า 202 ระบบการประกันคุณภาพขององค์การ เกิดจากแนวคิดในการพัฒนาองค์การ ที่ให้ความสําคัญต่อลูกค้าขององค์การ การคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค การบริหารจัดการ ที่เป็นธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ การคํานึงถึงความเป็นสถาบันขององค์การในระยะยาว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทําให้องค์การมีการจัดตั้งฝ่ายประกันคุณภาพขึ้นเป็นแผนกหนึ่งขององค์การ และมีการนําระบบการประกันคุณภาพเข้ามาใช้ เช่น มาตรฐาน ISO มาตรฐาน HA (กรณี โรงพยาบาล) มาตรฐาน สมศ. (กรณีสถาบันการศึกษา) นอกจากนี้องค์การของรัฐทั้งหลาย ยังต้องรับข้อกําหนดต่าง ๆ ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) นําเสนอ รวมถึงข้อกําหนดตามกฎหมาย เช่น พ.ร.บ. การบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี เป็นต้น

59. ข้อใดมิใช่หน่วยงานอิสระที่บัญญัติขึ้นตามรัฐธรรมนูญ 2550

(1) สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ

(2) ผู้ตรวจการแผ่นดิน

(3) สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

(4) ศาล

(5) องค์กรอัยการ

ตอบ 1 หน้า 186, 192, (คําบรรยาย) หน่วยงานหรือองค์กรอิสระที่บัญญัติขึ้นตามรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2550 เช่น ผู้ตรวจการแผ่นดิน สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตแห่งชาติ สํานักงานคุ้มครองผู้บริโภค ศาล องค์กรอัยการ คณะกรรมการตรวจเงิน แผ่นดิน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นต้น

60. ข้อใดไม่ถูกต้อง

(1) ระดับการนําเทคโนโลยีเข้ามาใช้ทําให้ความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากรต่าง ๆ ในองค์การเปลี่ยนไป

(2) ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการดําเนินการของหน่วยงานของรัฐมีสิทธิเรียกร้องให้ได้รับการเยียวยาแก้ไข

(3) เป้าหมายสุดท้ายของการควบคุมตรวจสอบคือการทําให้หน่วยงานบรรลุวัตถุประสงค์ที่กําหนด

(4) กลไกภายในเกี่ยวกับการควบคุม ประกอบด้วย ข้อกําหนดทั้งหลายที่กฎหมายรัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้

(5) นโยบายและแผนขององค์การเป็นเสมือนเข็มทิศที่กํากับทิศทางการดําเนินงาน

ตอบ 4 หน้า 176 – 178, 183, 203 “กลไกภายนอก” ที่เกี่ยวกับการควบคุมตรวจสอบหน่วยงาน มี 2 ประเภท คือ
1 การควบคุมตรวจสอบโดยหน่วยงานกลางในการบริหารราชการ เช่น สํานักงบประมาณ สํานักงานตรวจเงินแผ่นดิน คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ คณะกรรมการข้าราชการ พลเรือน เป็นต้น
2 การควบคุมตรวจสอบที่เกิดจากกฎหมายรัฐธรรมนูญ เป็นกลไกการควบคุมเพื่ออํานวย ความยุติธรรมและเป็นไปตามหลักการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี เช่น แนวนโยบายแห่งรัฐ และข้อกําหนดทั้งหลายที่บัญญัติไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ บทบาทของคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ บทบาทของผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา บทบาทของศาล ในกระบวนการยุติธรรม การตรวจสอบโดยสภาผู้แทนราษฎร เป็นต้น (ดูค่าอธิบายข้อ 51. ประกอบ)

ตั้งแต่ข้อ 61 – 65. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม

(1) Thomas R. Dye

(2) Ira Sharkansky

(3) David Easton

(4) James Anderson

(5) Theodore Lowi

61. ใครกล่าวว่านโยบายสาธารณะคือสิ่งที่รัฐเลือกที่จะทําหรือไม่ทํา

ตอบ 1 หน้า 73 Thomas R. Dye กล่าวว่า นโยบายสาธารณะ หมายถึง สิ่งใดก็ตามที่รัฐบาล เลือกที่จะกระทําหรือไม่กระทํา

62. ใครกล่าวว่านโยบายสาธารณะเกี่ยวข้องกับการจัดสรรและแจกแจงคุณค่าของสังคมโดยชอบด้วยกฎหมาย

ตอบ 3 หน้า 74 David Easton กล่าวว่า นโยบายสาธารณะ หมายถึง การจัดสรรและแจกแจง คุณค่าต่าง ๆ ของสังคมโดยชอบด้วยกฎหมายและเป็นไปเพื่อประโยชน์ของสังคมส่วนรวม

63. ใครกล่าวว่านโยบายสาธารณะเกี่ยวข้องกับการจัดการบริการสาธารณะ

ตอบ 2 หน้า 74 Ira Sharkansky กล่าวว่า นโยบายสาธารณะ หมายถึง กิจกรรมต่าง ๆ ที่รัฐบาล กระทํา เช่น การบริการสาธารณะ การควบคุมกิจกรรมของบุคคลหรือธุรกิจของเอกชน เป็นต้น

64. ใครกล่าวว่านโยบายสาธารณะเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม

ตอบ 4 หน้า 73 James Anderson กล่าวว่า นโยบายสาธารณะ หมายถึง กิจกรรมที่รัฐบาล กระทําเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเจตนาเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม เช่น ความยากจน การผูกขาด เป็นต้น

65. ใครเกี่ยวข้องกับการจําแนกประเภทของนโยบายสาธารณะ

ตอบ 5 หน้า 76, (คําบรรยาย) Theodore Lowi ได้เสนอให้จําแนกประเภทของนโยบายตาม เนื้อหาสาระและวัตถุประสงค์ของนโยบายนั้น ๆ ออกเป็น 3 ประเภท คือ
1 นโยบายที่เป็นกฎเกณฑ์หรือข้อบังคับ (Regulative Policy)
2 นโยบายการกระจายบริการของรัฐ (Distributive Policy)
3 นโยบายเพื่อการจัดสรรทรัพยากรให้เหมาะสมหรือการจัดสรรทรัพยากรเสียใหม่ (Re-Distributive Policy)

66. ข้อใดไม่ถูกต้อง

(1) Harold Lasswell นโยบายเกี่ยวข้องกับแผนหรือโครงการที่กําหนดขึ้น

(2) Thomas R. Dye นโยบายสาธารณะเป็นสิ่งที่รัฐบาลตัดสินใจว่าจะทําหรือไม่ทํา

(3) Theodore Lowi เป็นบิดาแห่งนโยบายศาสตร์

(4) David Easton เกี่ยวข้องกับการจัดสรรและแจกแจงคุณค่าต่าง ๆ

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 74, (คําบรรยาย) Harold Lasswell ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งนโยบายศาสตร์” ได้ให้ความหมายนโยบายสาธารณะร่วมกับ Abraham Kaplan ว่า นโยบายสาธารณะ หมายถึง แผนหรือโครงการที่กําหนดขึ้น อันประกอบด้วยเป้าหมาย คุณค่า และแนวการปฏิบัติงานต่าง ๆ

ตั้งแต่ข้อ 67 – 71. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม

(1) Regulative Policy

(2) Distributive Policy

(3) Economic Policy

(4) Capitalization Policy

(5) Administrative Policy

67. นโยบายการปฏิรูประบบราชการ เกี่ยวข้องกับนโยบายประเภทใด

ตอบ 5 หน้า 77, (คําบรรยาย) นโยบายทางการบริหาร (Administrative Policy) เป็นนโยบายรอง ที่กําหนดขึ้นตามวัตถุประสงค์ของหน่วยงานหรือองค์การนั้น ๆ เช่น นโยบายธรรมาภิบาล นโยบายการปฏิรูประบบราชการ นโยบายเร่งรัดและผลักดันการปฏิรูปการเมืองที่ประชาชน มีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง นโยบายการบริหารงานบุคคล นโยบายการบริหารงานคลัง โครงการประเทศไทยใสสะอาด เป็นต้น

68. นโยบายการมีถนนแยกเล่นไปสู่ทุกจังหวัด เกี่ยวข้องกับนโยบายประเภทใด

ตอบ 2 หน้า 76, (คําบรรยาย) นโยบายการกระจายบริการของรัฐ (Distributive Policy) เป็น นโยบายที่รัฐบาลต้องจัดบริการพื้นฐานให้ประชาชนทุกคนได้ใช้หรือเพื่อให้ประชาชนทั่วไป โดยส่วนรวมมีโอกาสได้รับบริการสาธารณะที่เป็นของรัฐบาลอย่างทั่วถึงและพอเพียง เช่น นโยบายการมีถนนแยกเล่นไปสู่ทุกจังหวัด นโยบายการลดราคาน้ํามันเบนซิน โครงการรถไฟฟ้าใต้ดิน การขยายช่องทางจราจรหรือการสร้างถนน นโยบายให้มีสถานพยาบาลให้ครบทุกอําเภอ การจัดให้มีบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค การจัดให้มีไฟฟ้าและน้ําประปาใช้ทุกหมู่บ้าน เป็นต้น

69. นโยบายกองทุนหมู่บ้าน เกี่ยวข้องกับนโยบายประเภทใด

ตอบ 3 หน้า 77, (คําบรรยาย) นโยบายทางด้านเศรษฐกิจ (Economic Policy) เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ การสร้างรายได้และการกินดีอยู่ดีของประชาชน โดยให้ประชาชนได้มีการซื้อขายแลกเปลี่ยน อะไรที่ได้มาซึ่งรายได้หรือรายจ่าย และเมื่อจ่ายไปแล้วก็จะมีการแลกเปลี่ยนหมุนเวียนกัน ทําให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เช่น นโยบายกองทุนหมู่บ้าน นโยบายจ่ายเงินให้ชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท การส่งเสริมอาชีพให้ประชาชน โครงการธงฟ้าราคาประหยัด โครงการธนาคารประชาชน โครงการหนึ่งตําบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ การพักชําระหนี้ให้เกษตรกร การดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและราคาพลังงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคและผู้ผลิต เป็นต้น

70. นโยบายจัดระเบียบสังคม เกี่ยวข้องกับนโยบายประเภทใด

ตอบ 1 หน้า 76, (คำบรรยาย) นโยบายที่เป็นกฎเกณฑ์หรือข้อบังคับ (Regulative Policy) เป็นนโยบายที่กำหนดขึ้นโดยฝ่ายนิติบัญญัติหรือฝ่ายบริหารเพื่อวางระเบียบ หรือเป็นกติกาในการอยู่ร่วมกันของสมาชิกในสังคมอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม โดยอาจอยู่ในรูปของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และประกาศต่าง ๆ เช่น กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค กฎหมายจราจร (เช่น โครงการเมาไม่ขับ การขับรถยนต์ต้องมีใบขับขี่) นโยบายจัดระเบียบสังคม เป็นต้น

71. นโยบายพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคใต้ เกี่ยวข้องกับนโยบายประเภทใด

ตอบ 4 หน้า 76, (คำบรรยาย) นโยบายเพื่อการลงทุน (Capitalization Policy) เป็นนโยบายที่รัฐบาลกำหนดขึ้นเพื่อใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ หรือเพื่อแสวงหาทรัพยากรใหม่ ๆ ในการริเริ่มสร้างสรรค์ คิดค้นสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาอันเป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยส่วนรวม เช่น นโยบายการพัฒนา ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ นโยบายพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกและภาคใต้ การสร้างสนามบิน การสร้างนิคมอุตสาหกรรม การสร้างท่าเรือน้ำลึก การวางท่อก๊าซ เป็นต้น

72. ทุกข้อเป็นบทบาทของ E-Learning ยกเว้น

(1) ช่วยให้ผู้สอนสามารถตรวจสอบความก้าวหน้าพฤติกรรมการเรียนได้ตลอดเวลา

(2) ช่วยให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับผู้สอนและเพื่อน

(3) ช่วยให้เกิดการทำธุรกรรมในการบริการได้อย่างกว้างขวาง

(4) ช่วยสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต

(5) เป็นบทบาทของ E-Learning ทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 312 บทบาทของการเรียนอิเล็กทรอนิกส์ (E-Learning) มีดังนี้
1 ช่วยจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
2ช่วยให้ผู้สอนสามารถตรวจสอบความก้าวหน้าพฤติกรรมการเรียนได้ตลอดเวลา
3 ช่วยให้ผู้เรียนสามารถควบคุมการเรียนรู้ของตนเองได้
4 ช่วยให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับผู้สอนและเพื่อน
5 ช่วยส่งเสริมให้เกิดความรู้ทักษะใหม่ ๆ รวมทั้งเนื้อหามีความทันสมัย และตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ในปัจจุบันได้อย่างทันที
6 ทำให้เกิดการเรียนการสอนแก่ผู้เรียนในวงกว้างขึ้น เป็นการสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต ฯลฯ

73. การพยากรณ์อากาศ เกี่ยวข้องกับเรื่องใด

(1) Information

(2) Interchange Transaction

(3) Integration

(4) Intelligence

(5) Interaction

ตอบ 4 หน้า 310, (คำบรรยาย) ระดับอัจฉริยะ (Intelligence) เป็นการพัฒนาโปรแกรมอัจฉริยะขึ้นในระบบ โดยเว็บไซต์ต่าง ๆ สามารถเรียนรู้พฤติกรรมของประชาชนที่มาใช้บริการ โดยสามารถเลือกรูปแบบข้อมูลที่ตนต้องการ หรือข้อมูลที่ประชาชนสนใจเรื่องเดียวกัน เช่น ราคายาง หรือราคาข้าว สามารถรับข้อมูลได้ทันที และสามารถพัฒนาไปถึงการทำนายหรือการพยากรณ์ เช่น การพยากรณ์อากาศ หรือการป้องกันอุบัติภัยต่าง ๆ ในอนาคตได้

74. การชำระภาษีออนไลน์ เป็นประเภทของการให้บริการแบบใด

(1) G2C

(2) G2G

(3) G2F

(4) G2E

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 1 หน้า 308 G2C (Government to Citizen) คือ การให้บริการของรัฐสู่ประชาชนโดยตรง โดยผ่านเครือข่ายสารสนเทศของรัฐ เช่น การชําระภาษี การจดทะเบียน การจ่ายค่าปรับ การรับฟังความคิดเห็นของประชาชน การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวแทนประชาชนกับผู้ลงคะแนนเสียง และการค้นหาข้อมูลของรัฐที่ดําเนินการให้บริการข้อมูลผ่านเว็บไซต์ เป็นต้น

75. การศึกษาปฏิกิริยาเคมีของกัมมันตภาพรังสี เป็นเทคโนโลยีในด้านใด

(1) Material Technology

(2) Bio Technology

(3) Energy Technology

(4) Nano Technology

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 292, (คําบรรยาย) การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีพลังงาน (Energy Technology) เป็น การพัฒนาแหล่งพลังงานธรรมชาติที่อยู่ในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อนํามาทดแทนทรัพยากรเชื้อเพลิง ที่นับวันจะหมดสิ้นไป ซึ่งพลังงานทดแทนอาจได้มาจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ํา คลื่นในมหาสมุทร ทรัพยากรใต้น้ํา ปฏิกิริยาทางเคมีของสารกัมมันตภาพรังสี รวมถึง สารให้พลังงานอื่น ๆ จากพืชและสัตว์ การเปลี่ยนพลังงานทดแทนเหล่านี้ให้เป็นพลังงานในรูปแบบ ที่ต้องการจะต้องอาศัยอุปกรณ์ช่วยต่าง ๆ เช่น การใช้กังหันลม (Wind Mill) ในการแปลง พลังงานลมเป็นพลังงานไฟฟ้า การใช้โซล่าเซลล์ในการแปลงพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงาน ไฟฟ้า เป็นต้น

76. การหาวิธีการรักษาโรคในมนุษย์ เป็นเทคโนโลยีในด้านใด

(1) Material Technology

(2) Bio Technology

(3) Energy Technology

(4) Nano Technology

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 2 หน้า 292, (คําบรรยาย) การพัฒนาเทคโนโลยีด้านชีวภาพ (Bio Technology) คือ การนําเอา ความรู้ทางด้านต่าง ๆ ของวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้กับสิ่งมีชีวิต เพื่อประโยชน์เฉพาะอย่าง ตามที่มนุษย์ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นด้านการแพทย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การจัดการ สิ่งแวดล้อม เช่น การหาวิธีการรักษาโรคในมนุษย์ การศึกษาเซลล์ต้นกําเนิด (Stem Cells) การตัดแต่งพืชพันธุกรรม (GMO) การบําบัดน้ําเสียโดยใช้กังหันชัยพัฒนา เป็นต้น

77. การนําเทคโนโลยีการสื่อสารทางไกลมาใช้งานในระบบคอมพิวเตอร์ เป็นเทคโนโลยีในด้านใด

(1) Material Technology

(2) Bio Technology

(3) Energy Technology

(4) Nano Technology

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 5 หน้า 293 – 294, (ค่าบรรยาย) การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) เป็นการนําเทคโนโลยีการสื่อสารทางไกลมาใช้งานร่วมกับระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีผลทําให้เกิดระบบการสื่อสารข้อมูลและข่าวสารที่ไร้พรมแดน ทําให้สามารถติดต่อสื่อสารกัน ได้ง่าย สะดวก และประหยัด รวมทั้งผู้คนสามารถค้นคว้าข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตที่รวบรวมข้อมูล จากทุกมุมโลกได้ง่าย และสะดวก ตัวอย่างของการพัฒนาเทคโนโลยีด้านนี้ เช่น การถ่ายทอดสด ฟุตบอลจากต่างประเทศ การเรียนทางไกลผ่านดาวเทียมของโรงเรียนวังไกลกังวล เป็นต้น

78. ข้อใดไม่ใช่ส่วนประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ตามหนังสือ

(1) เครื่องจักร

(2) โปรแกรม

(3) บุคลากร

(4) ข้อมูล

(5) เป็นส่วนประกอบทุกข้อ

79 การที่รัฐบาลให้บริการประชาชนด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เรียกว่าอะไร

(1) E-Commerce

(2) E-Education

(3) E-Government

(4) ไม่มีข้อใดถูก

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 305, (คำบรรยาย) รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Government) คือ การที่รัฐบาลนำระบบคอมพิวเตอร์รวมถึงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาประยุกต์ใช้ในองค์การภาครัฐเพื่อพัฒนาระบบการบริหารจัดการและระบบการให้บริการให้มีประสิทธิภาพ สามารถให้บริการประชาชนได้อย่างรวดเร็วและสะดวกขึ้น เช่น การใช้บัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด ในการติดต่อราชการ การชำระภาษี การเสียค่าปรับ การร้องเรียน การทำหนังสือเดินทาง ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เป็นต้น

80 การจับจ่ายสินค้าทั่วโลกผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เรียกว่าอะไร

(1) E-Commerce

(2) E-Education

(3) E-Government

(4) ไม่มีข้อใดถูก

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 305, (คำบรรยาย) พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) คือ การทำธุรกรรมทุกรูปแบบซึ่งครอบคลุมถึงการซื้อขายสินค้า/บริการ การชำระเงิน การโฆษณาโดยผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายมีช่องทางในการทำธุรกรรมร่วมกันมากขึ้น

81 การสอบ E-Testing ของมหาวิทยาลัยรามคำแหง เกี่ยวข้องกับเรื่องใดมากที่สุด

(1) E-Commerce

(2) E-Education

(3) E-Government

(4) ไม่มีข้อใดถูก

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 306, (คำบรรยาย) การศึกษาอิเล็กทรอนิกส์ (E-Education) คือ การนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยในการเรียนการสอนของสถาบันการศึกษา เพื่อให้ผู้เรียนสามารถศึกษาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาศึกษาในสถาบันการศึกษา ตัวอย่างของการศึกษาอิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบัน เช่น การเรียนผ่านระบบ Online หรือการสอบผ่านระบบ E-Testing ของมหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นต้น

82 ข้อใดเป็นกระบวนการยุติธรรมกระแสหลัก

(1) การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท

(2) การระงับข้อพิพาท

(3) ยุติธรรมทางอาญา

(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก

(5) ข้อ 2 และ 3 ถูก

ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 15 – 16), (คำบรรยาย) กระบวนการยุติธรรมกระแสหลัก เป็นกระบวนการระงับข้อพิพาทตามกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ซึ่งลักษณะสำคัญของกระบวนการยุติธรรมกระแสหลัก มีดังนี้
1. มีพื้นฐานจากการใช้อำนาจของรัฐในการควบคุมเพื่อไม่ให้มีการทำผิดกฎเกณฑ์หรือกติกาที่กำหนดไว้เพื่อความสงบเรียบร้อยของสังคม
2. รูปแบบในการดาเนินการเพื่อแก้ปัญหาอาชญากรรมมีลักษณะเป็นการต่อสู้เพื่อเอาชนะ ระหว่างผู้กระทําความผิดฝ่ายหนึ่ง และรัฐอีกฝ่ายหนึ่ง โดยมีผู้เสียหายเป็นตัวประกอบ
3. การอํานวยความยุติธรรมมีลักษณะเป็น “กระบวนการดําเนินงานเชิงคดี” ฯลฯ

83. ข้อใดเป็นกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์

(1) การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท

(2) การระงับข้อพิพาท

(3) ยุติธรรมทางอาญา

(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก

(5) ข้อ 2 และ 3 ถูก

ตอบ 4 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 7, 9), (คําบรรยาย) กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ (Restorative Justice) เป็นแนวคิดที่ให้ผู้เสียหายและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากผลการกระทํา อาชญากรรมเป็นศูนย์กลางของกระบวนการยุติธรรม โดยที่รัฐและบุคลากรทางกฎหมาย เป็นเพียงผู้ประสานงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งหรือระงับข้อพิพาท โดยให้ผู้กระทําผิดได้แสดงความรับผิดชอบในการกระทําของเขา และให้ความช่วยเหลือ/ บรรเทาผลร้ายแก่ผู้เสียหาย ซึ่งวิธีการของกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ ได้แก่ การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท การประนอมข้อพิพาท เป็นต้น

ตั้งแต่ข้อ 84 – 86. จงเลือกคําตอบที่มีความสัมพันธ์กับเนื้อหาวิธีระงับข้อพิพาททางเลือก

(1) การประเมินความขัดแย้ง

(2) การประสานความขัดแย้ง

(3) การประนอมข้อพิพาท

(4) การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท

(5) อนุญาโตตุลาการ

84. เป็นกระบวนการที่มีบุคคลที่สามเข้ามาช่วยเหลือให้คู่ความเจรจาต่อรองกันได้สําเร็จ

ตอบ 4 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 27) การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท คือ กระบวนการระงับข้อพิพาท ที่มีบุคคลที่สามเข้ามาช่วยเหลือให้คู่ความเจรจาต่อรองกันได้สําเร็จ ซึ่งกระบวนการนี้ผู้ไกล่เกลี่ย จะเป็นคนกระตุ้นให้คู่ความตกลงกันง่ายขึ้น แต่ไม่มีอํานาจในการกําหนดข้อตกลงให้แก่คู่ความ

85. เป็นเทคนิคที่ต้องอาศัยความสมัครใจของคู่ความทั้งสองฝ่ายเป็นสําคัญ

ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 22 – 23) การประนอมข้อพิพาท คือ กระบวนการที่ผู้ประนอม ข้อพิพาทจะพยายามช่วยคู่พิพาทในการแก้ไขความเข้าใจผิดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างกัน พยายาม ลดทอนความรู้สึกหวาดระแวงและความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ ซึ่งเทคนิคนี้จะต้องอาศัยความสมัครใจ ของคู่ความทั้งสองฝ่ายเป็นสําคัญ

86. มีการตั้งคนกลางขึ้นมาทําหน้าที่วินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทที่เกิดขึ้น และผลแห่งข้อวินิจฉัยนี้เรียกว่าเป็นคําชี้ขาด มีผลผูกพันคู่พิพาทให้ต้องปฏิบัติตาม

ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 26) อนุญาโตตุลาการ เป็นกระบวนการที่มีการตั้งคนกลาง มาทําหน้าที่วินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทที่เกิดขึ้น และผลแห่งข้อวินิจฉัยนี้ปรากฏในสิ่งที่เรียกว่าเป็น คําชี้ขาดที่มีผลตามกฎหมายผูกพันคู่พิพาทให้ต้องปฏิบัติตาม

87. ข้อดีของการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ได้แก่

(1) สะดวก

(2) รวดเร็ว

(3) ประหยัดค่าใช้จ่าย

(4) ไม่มีข้อใดถูก

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 29 – 30), (คำบรรยาย) ข้อดีของการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ได้แก่:
1 สะดวก
2 รวดเร็ว
3 ประหยัดค่าใช้จ่าย
4 ลดความเครียด
5 รักษาสัมพันธภาพระหว่างคู่พิพาท
6 สร้างความพึงพอใจต่อคู่พิพาท
7 สร้างความสงบสุขให้กับชุมชน ฯลฯ

88. ข้อจำกัดของการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ได้แก่
(1) รักษาสัมพันธ์ภาพระหว่างคู่พิพาท
(2) สร้างความพึงพอใจต่อคู่พิพาท
(3) คู่พิพาทได้เป็นช่องทางประวิงให้เกิดความล่าช้า
(4) สร้างความสุขให้กับชุมชน
(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 27), (คำบรรยาย) ข้อจำกัดของการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ได้แก่
1. ไม่มีสภาพบังคับ การไกล่เกลี่ยขึ้นอยู่กับความสมัครใจของคู่พิพาทเป็นสำคัญ
2. คู่พิพาทอาจใช้เป็นช่องทางประวิงเวลาให้คดีเกิดความล่าช้า
3. ผลของการไกล่เกลี่ยไม่สามารถบังคับได้หากกรณีนั้นเกี่ยวกับคำพิพากษา ฯลฯ

89. New Public Service ให้ความสำคัญกับเรื่องใด
(1) การตัดสินใจของการทำงาน
(2) ความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย
(3) สัญญลักษณ์ของงาน
(4) ประสิทธิภาพการทำงาน
(5) ข้อ 3 และ 4 ถูก
ตอบ 2 หน้า 329 – 348, 355 – 357 การจัดการการรัฐแนวใหม่ (New Public Management : NPM)
มีแนวทางแตกต่างจากการบริหารราชการแผนใหม่/การบริหารการรัฐแนวใหม่ (New Public
Service : NPS) หรือการรวมการบริหารการนำเสนอแบบประชาธิปไตย (Democratic Governance
Management) ซึ่งมีลักษณะทางทฤษฎีเด่นชัดในหัวข้อต่างๆ ดังนี้

1. การจัดการการรัฐแนวใหม่ ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพของราชการ การลดขั้นตอน
การทำงาน การบริหารที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ของงาน (Result-Based Management) การจัดการ
ที่เน้นการแข่งขันแบบตลาดธุรกิจ (Market-Based Management) การให้ความสำคัญกับ
เทคโนโลยีการบริหารใหม่ ๆ เพื่อความเป็นเลิศ (Neo-Managerialism) การให้อำนาจกับ
ผู้บริหารเหมือนผู้ประกอบการที่เน้นเจ้าของกิจการเองหรือเรียกว่า การจัดการแบบผู้ประกอบการ
(Entrepreneurial Management) หรือแบบ CEO (CEO Management) เป็นต้น

2. การบริหารราชการแผนใหม่ ให้ความสำคัญกับความเป็นประชาธิปไตย ความเป็นพลเมือง
ในระบอบประชาธิปไตย มนุษย์นิยม การสร้างเครือข่ายทางสังคม ประชาสังคม และชุมชน เป็นต้น

90. ข้อใดเป็นเรื่องของ New Public Service
(1) Democratic Governance Management
(2) Neo-Taylorism Management
(3) Market-Based Management
(4) CEO Management
(5) Entrepreneurial Management

ตอบ 1 ดูคำอธิบายในข้อ 89. ประกอบ

ตั้งแต่ข้อ 91 – 95. จะใช้คำสั่งเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม
(1) การสื่อสารบนอินเทอร์เน็ต
(2) การก่ออาชญากรรมบนอินเทอร์เน็ต
(3) ไวรัสคอมพิวเตอร์
(4) การสำรองข้อมูลในอารยธรรมคอมพิวเตอร์
(5) เทคโนโลยีสารสนเทศ

91. การส่งไปรษณีย์ขยะ เกี่ยวข้องกับเรื่องใด

ตอบ 2 หน้า 315 การก่อกวนผ่านอินเทอร์เน็ต เช่น การส่งไปรษณีย์ขยะ (Junk Mail) หรือจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ขยะ (E-mail) จำนวนมากใส่ตู้จดหมายของผู้ใช้ ทำให้ตู้จดหมายเต็มไปด้วยเรื่องราว ไร้สาระ โฆษณาชวนเชื่อ การใช้โปรแกรมยิงคำสั่งแปลก ๆ เข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งาน เพื่อสร้างความเสียหายให้กับคอมพิวเตอร์ เป็นต้น

92. การส่งไฟล์ไปทำลายแฟ้มข้อมูลหรือโปรแกรมต่าง ๆ โดยวิธีการเรียกมาใช้งาน เกี่ยวข้องกับเรื่องใด

ตอบ หน้า 315, (คำบรรยาย) ไวรัสคอมพิวเตอร์ คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกเขียนขึ้นมา เพื่อสร้างความเสียหายให้กับคอมพิวเตอร์ ซึ่งบนอินเทอร์เน็ตนั้นมีแหล่งที่แพร่กระจายไวรัส คอมพิวเตอร์อยู่มากมาย ทั้งการแพร่กระจายผ่านจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) การส่ง ไฟล์ไปทำลายแฟ้มข้อมูลหรือโปรแกรมต่าง ๆ โดยวิธีการเรียกมาใช้งาน (Download) หรือ การแพร่กระจายจากการเข้าไปเว็บไซต์ (Web Site) ที่มีไวรัสคอมพิวเตอร์แฝงตัวทำงานอยู่

93. การโฆษณาชวนเชื่อให้ร่วมทำธุรกิจ หรือลงทุนในด้านต่าง ๆ เกี่ยวข้องกับเรื่องใด

ตอบ 1 หน้า 315 การล่อลวงบนอินเทอร์เน็ต เช่น การโฆษณาชวนเชื่อให้ร่วมทำธุรกิจหรือลงทุน ในด้านต่าง ๆ การโฆษณาขายสินค้าที่ไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือ การล่อลวงเด็กและเยาวชน ไปทำอนาจาร ทารุณทางเพศ หรือบังคับค้าประเวณี เป็นต้น

94. การใช้วิธีการต่าง ๆ ในการฝ่าระบบป้องกันภัยเข้าไปทำลายข้อมูลที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ เกี่ยวข้องกับเรื่องใด

ตอบ 4 หน้า 316 การล้วงข้อมูลโดยจารชนคอมพิวเตอร์ หรือ “แฮกเกอร์” (Hacker) คือ การใช้ วิธีการต่าง ๆ ฝ่าระบบป้องกันภัยหรือรหัสลับบนเครือข่ายเพื่อเข้าไปดูข้อมูล และทำการ เปลี่ยนแปลง หรือนำไปใช้ หรือทำลายข้อมูลที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ที่เข้าสามารถบุกรุกเข้าไปได้ ซึ่งกลุ่มแฮกเกอร์ที่ชอบสร้างความเสียหายให้แก่ผู้อื่นนี้บางครั้งเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ผู้ทำลาย หรือ “แครกเกอร์” (Cracker)

95. การค้นคว้าข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตที่รวบรวมข้อมูลจากทุกมุมโลก เกี่ยวข้องกับเรื่องใด

ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 77. ประกอบ

96. ผู้เขียน “Reinventing Government” ได้แก่

(1) Thomas Jefferson

(2) Osborne & Gaebler

(3) Frederick W. Taylor

(4) Christopher Pollitt

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 2 หน้า 331, 338 – 339, (คำบรรยาย) Osborne and Gaebler ได้เขียนหนังสือชื่อ “Reinventing Government” ในปี ค.ศ. 1992 โดยเสนอให้มีการปฏิรูปการบริหารภาครัฐหรือการเนรมิต ระบบราชการใหม่ด้วยแนวทางและอุดมการณ์การจัดการภาครัฐแนวใหม่ หรือรัฐบาลแบบ เถ้าแก่ ซึ่งรัฐบาลตามตัวแบบนี้ต้องมีแนวทางปฏิบัติที่สำคัญ เช่น เป็นรัฐบาลที่ชุมชนเป็นเจ้าของ (Community-Owned Government) รัฐบาลที่มีการแข่งขัน (Competitive Government) รัฐบาลที่ขับเคลื่อนโดยลูกค้า (Customer-Driven Government) รัฐบาลแบบวิสาหกิจ (Enterprising Government) หรือมีผู้นำแบบเถ้าแก่ (Entrepreneurial Leadership) เป็นต้น

97. Thomas Jefferson ให้ความสำคัญกับเรื่องใดในการบริหารราชการ

(1) ประชาธิปไตย

(2) การขยายบทบาทภาครัฐ

(3) การลดบทบาทภาครัฐ

(4) ประสิทธิภาพ

(5) เทคโนโลยี

ตอบ 1 หน้า 326 – 327 โทมัส เจฟเฟอร์สัน (Thomas Jefferson) ถือเป็นผู้วางรากฐานการเมือง และมีอิทธิพลต่อแนวคิดหลักในการบริหารราชการของสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก โดยแนวคิดของเจฟเฟอร์สันนั้นได้ให้ความสําคัญกับประชาธิปไตย (Democracy) ในการบริหารราชการ โดยต้องการให้รัฐบาลกระจายอํานาจให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารราชการ และต้องการจํากัดอํานาจของฝ่ายบริหารโดยอาศัยกฎหมายและรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด

98. “I AM READY” คืออะไร

(1) ภาวะผู้นํา

(2) นโยบายปฏิรูประบบราชการ

(3) กิจกรรมการปฏิรูประบบราชการ

(4) ค่านิยมใหม่ที่พึงประสงค์ของข้าราชการ

(5) การตอบสนองต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย

ตอบ 4 หน้า 352 สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ได้กําหนดค่านิยมใหม่ที่พึงประสงค์ของข้าราชการไทยที่เรียกว่า “I AM READY” ประกอบด้วย:
I = Integrity (ทํางานอย่างมีศักดิ์ศรี)
A = Activeness (ขยัน ตั้งใจ ทํางานในเชิงรุก)
M = Morality (มีศีลธรรม คุณธรรม)
R = Relevancy (รู้ทันโลก ปรับตัวทันโลก)
E = Efficiency (มุ่งเน้นประสิทธิภาพ)
A = Accountability (มีความสํานึกรับผิดชอบต่อผลงานและสังคม)
D = Democracy (มีใจและการกระทําที่เป็นประชาธิปไตย)
Y = Yield (มุ่งเน้นผลงาน)

99. ใครเป็นผู้กําหนด “I AM READY”

(1) สํานักงาน ก.พ.

(2) สํานักงาน ก.พ.ร.

(3) คณะรัฐมนตรียุครัฐบาลทักษิณ

(4) Deming นักวิชาการอเมริกัน

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 98. ประกอบ

100. ประเทศแรกที่มีการริเริ่มให้มีการปฏิรูประบบราชการด้วย New Public Management ได้แก่

(1) อังกฤษ

(2) ฝรั่งเศส

(3) สหรัฐอเมริกา

(4) ญี่ปุ่น

(5) จีน

ตอบ 1 หน้า 330 – 331, 356 การจัดการภาครัฐแนวใหม่ (New Public Management) ได้รับอิทธิพลแนวคิดเชิงอุดมการณ์มาจากแนวคิดแบบเสรีนิยมใหม่ (Neo-Liberalism) โดยแนวคิดการจัดการภาครัฐแนวใหม่ถือเป็นแนวคิดหลักที่ใช้ในการปฏิรูประบบราชการของประเทศต่าง ๆ ซึ่งประเทศแรกที่ริเริ่มนําแนวคิดนี้มาใช้ คือ ประเทศอังกฤษ (England) ในสมัยนางมาร์กาเร็ต แทชเชอร์ (Margaret Thatcher) เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมาแนวคิดนี้ก็ได้ถูกนําไปใช้ในการปฏิรูประบบราชการในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย

 

 

POL2300 การบริหารรัฐกิจเบื้องต้น s/2565

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2565

ข้อสอบกระบวนวิชา POL2300 การบริหารรัฐกิจเบื้องต้น

คำสั่ง: ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว (ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ)

1. ข้อใดเกี่ยวข้องกับนางมาร์กาเร็ต แทชเชอร์ (Margaret Thatcher)?

(1) การปฏิรูประบบราชการในนิวซีแลนด์

(2) การจัดการกับปัญหาไฟป่าในออสเตรเลีย

(3) การระงับข้อพิพาทระหว่างยูเครนกับรัสเซีย

(4) ความพยายามแก้ปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชนในซินเจียงอุยกูร์

(5) การแปรรูปรัฐวิสาหกิจในอังกฤษ

ตอบ 5 หน้า 330 ในสมัยนางมาร์กาเร็ต แทชเชอร์ (Margaret Thatcher) เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ปฏิรูปกิจการภาครัฐทั้งระบบราชการและรัฐวิสาหกิจในประเทศอังกฤษ ภายใต้โครงการปฏิรูปที่เรียกว่า “ขั้นต่อไป” (The Next Step) จนประสบความสำเร็จ ซึ่งสามารถลดขนาดของภาครัฐและลดงบประมาณรายจ่ายในการบริหารงานภาครัฐได้

2. หนังสือของผู้ใดต่อไปนี้ที่นำเสนอถึงแนวทางในการเนรมิตระบบราชการใหม่?

(1) Leonard D. White

(2) Woodrow Wilson

(3) Rishi Sunak

(4) Osborne and Gaebler

(5) Max Weber

ตอบ 4 หน้า 331, 338 – 339, (คำบรรยาย) Osborne and Gaebler ได้เขียนหนังสือชื่อ “Reinventing Government” ในปี ค.ศ. 1992 โดยเสนอให้มีการปฏิรูปการบริหารภาครัฐหรือการเนรมิตระบบราชการใหม่ด้วยแนวทางและอุดมการณ์การจัดการภาครัฐแนวใหม่ หรือรัฐบาลแบบเถ้าแก่ ซึ่งรัฐบาลตามตัวแบบนี้ต้องมีแนวทางปฏิบัติที่สำคัญ เช่น เป็นรัฐบาลที่ชุมชนเป็นเจ้าของ (Community-Owned Government) รัฐบาลที่มีการแข่งขัน (Competitive Government) รัฐบาลที่ขับเคลื่อนโดยลูกค้า (Customer-Driven Government) รัฐบาลแบบวิสาหกิจ (Enterprising Government) หรือมีผู้นำแบบเถ้าแก่ (Entrepreneurial Leadership) เป็นต้น

3. ข้อใดไม่ใช่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงกลไกการบริหารงานภาครัฐ?

(1) พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551

(2) พระราชบัญญัติสภาองค์กรชุมชน พ.ศ. 2551

(3) พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546

(4) พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 2 หน้า 352 – 354, (คำบรรยาย) กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงกลไกการบริหารงานภาครัฐ มีดังนี้ 1. พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2545 2. พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 3. พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 4. พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ฯลฯ

4 ข้อใดต่อไปนี้อธิบายถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ดีที่สุด

(1) การรวมศูนย์อํานาจ

(2) การแบ่งอํานาจ

(3) การหวงอํานาจ

(4) การกระจายอํานาจ

(5) การรวบอํานาจ

ตอบ 4 (คำบรรยาย) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นการปกครองตามหลักการกระจายอํานาจ เพื่อให้ท้องถิ่นได้มีอิสระในการดูแลปกครองตนเองตามเจตนารมณ์ของประชาชนในท้องถิ่น ปัจจุบันองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของไทยมี 5 ประเภท คือ องค์การบริหารส่วนตําบล เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา

5 ข้อใดไม่ถือเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันที่มีบทบาทในการกําหนดนโยบาย

(1) ฝ่ายนิติบัญญัติ

(2) ฝ่ายการเมือง

(3) ฝ่ายบริหาร

(4) ระบบราชการ

(5) ผู้ตรวจการแผ่นดิน

ตอบ 5 (คำบรรยาย) สถาบันที่มีบทบาทในการกําหนดนโยบาย ได้แก่ ฝ่ายการเมือง ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการ พรรคการเมือง ระบบราชการ (สถาบันราชการและข้าราชการ) และประมุขของประเทศ

6 ข้อใดต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นฝ่ายบริหาร (Executive Branch)

(1) นายกรัฐมนตรี

(2) วุฒิสภา

(3) รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี

(4) คณะรัฐมนตรี

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 2 (คำบรรยาย) อํานาจอธิปไตย แบ่งออกเป็น 3 ฝ่าย คือ
1 ฝ่ายนิติบัญญัติ คือ รัฐสภา ประกอบด้วย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ทําหน้าที่ในการตรากฎหมายขึ้นมาใช้ภายในประเทศ
2 ฝ่ายบริหาร คือ รัฐบาลหรือคณะรัฐมนตรี (นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี) ทําหน้าที่ในการ บริหารประเทศให้เป็นไปตามกฎหมาย
3 ฝ่ายตุลาการ คือ ศาล ทําหน้าที่ในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีให้เป็นไปตามตัวบทกฎหมาย หน้า 8 – 9

7 ข้อใดสอดคล้องกับระบบอุปถัมภ์ (Patronage System)

(1) การมีสํานึกสาธารณะ

(2) การแต่งตั้งโดยพิจารณาจากความรู้ความสามารถ

(3) การกําหนดหลักเกณฑ์อย่างชัดเจน

(4) การคํานึงถึงเรื่องส่วนตัวมากกว่างาน

(5) การแบ่งงานกันทําตามความถนัด

ตอบ 4 (คำบรรยาย) ระบบอุปถัมภ์ (Patronage System) หรืออาจเรียกว่า ระบบเส้นสาย ระบบ พวกพ้อง ระบบเครือญาติ เป็นระบบที่คํานึงถึงเรื่องส่วนตัวมากกว่าเรื่องงานหรือยึดถือ ความสัมพันธ์ส่วนตัวหรือการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในหมู่พวกพ้อง ดังนั้นการคัดเลือกบุคคล เข้าทํางาน การบรรจุแต่งตั้ง การโยกย้าย การเลื่อนขั้นเลื่อนตําแหน่ง ฯลฯ จึงพิจารณาจาก ความเป็นพวกพ้องเป็นสําคัญ ไม่ได้พิจารณาจากความรู้ความสามารถของบุคคล

8 ข้อใดสอดคล้องกับระบบคุณธรรม (Merit System)

(1) การสั่งการจากล่างขึ้นบน

(2) ยึดความรู้ความสามารถเป็นหลักในการพิจารณา

(3) การมีสํานึกสาธารณะ

(4) การช่วยเหลือกันในหมู่พวกพ้อง

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 (คำบรรยาย) ระบบคุณธรรม (Merit System) เป็นวิธีการคัดเลือกบุคคลเข้าทํางาน บรรจุ แต่งตั้ง โยกย้าย เลื่อนขั้นเลื่อนตําแหน่ง โดยพิจารณาจากความรู้ความสามารถของบุคคล เป็นสําคัญ โดยไม่คํานึงถึงเหตุผลทางการเมืองหรือความสัมพันธ์ส่วนตัว

9 ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับความเป็นพลเมือง

(1) การสั่งการจากบนลงล่าง (Top-Down)

(2) การแบ่งงานกันทําตามความถนัด

(3) การมีสํานึกสาธารณะ

(4) การรับประโยชน์จากนโยบาย

(5) การวางตัวเป็นกลางทางการเมือง

ตอบ 3 หน้า 341, (คําบรรยาย) Michael Sandal เห็นว่า ความเป็นพลเมืองแบบประชาธิปไตยนั้น พลเมืองจะคิดถึงผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว มีมุมมองที่กว้างไกลและต้องใช้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับกิจการของรัฐ (Public Affairs) มีสํานึกสาธารณะว่าเป็นส่วนหนึ่งของสังคม และมีความผูกพันในเชิงจริยธรรมกับชุมชนซึ่งร่วมชะตากรรมเดียวกัน

10 ข้อใดต่อไปนี้ที่มีความสัมพันธ์กับสํานักงาน ก.พ.ร.

(1) พัฒนาระบบราชการ

(2) นโยบายการคลัง

(3) การจัดทํางบประมาณ

(4) การปราบปรามการทุจริต

(5) การวางนโยบายด้านการศึกษา

ตอบ 1 (คําบรรยาย) สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เป็นส่วนราชการ สังกัดสํานักนายกรัฐมนตรี จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2545 โดยมีหน้าที่ในการริเริ่ม ผลักดัน และเสนอแนะนโยบายต่อคณะรัฐมนตรี ในเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติราชการและการพัฒนาระบบราชการผ่านกลไกต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี และเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน

11 ผู้ใดต่อไปนี้ที่เคยมีบทบาทในการปฏิรูปการบริหารงานภาครัฐในสหรัฐอเมริกา

(1) นายโดนัลด์ ทรัมป์

(2) นายอัล กอร์

(3) นายบารัค โอบามา

(4) นางมาร์กาเร็ต แทชเชอร์

(5) นายบอริส จอห์นสัน

ตอบ 2 หน้า 331 อดีตรองประธานาธิบดีอัล กอร์ (Al Gore) ได้มีบทบาทในการปฏิรูปการบริหารงาน ภาครัฐในประเทศสหรัฐอเมริกาในสมัยประธานาธิบดีคลินตัน (Clinton) ภายใต้โครงการที่เรียกว่า “การทบทวนการปฏิบัติงานแห่งชาติ” (National Performance Review) โดยมีเป้าหมาย อยู่ที่การบริหารงานในระดับสหพันธรัฐหรือรัฐบาลกลาง และได้มีการออกกฎหมายที่สําคัญ ในการปฏิรูป คือ พระราชบัญญัติการปฏิบัติงานและผลงานรัฐบาล ค.ศ. 1993

12 ข้อใดต่อไปนี้ที่มีความสัมพันธ์กับ Denhardt and Denhardt

(1) Bureaucracy

(2) New Public Governance (NPG)

(3) New Public Service (NPS)

(4) Theory of Needs

(5) I AM READY

ตอบ 3 (คําบรรยาย) Janet V. Denhardt and Robert B. Denhardt ได้แบ่งพาราไดม์ของ การบริหารรัฐกิจออกเป็น 3 พาราไดม์ คือ 1. การจัดการภาครัฐแนวเก่า (Old Public Management : OPM) 2. การจัดการภาครัฐแนวใหม่ (New Public Management : NPM) 3. การบริการสาธารณะแนวใหม่ (New Public Service : NPS)

ตั้งแต่ข้อ 13. – 17. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม

(1) William F. Willoughby

(2) Thomas R. Dye

(3) Herbert A. Simon

(4) Gareth Morgan

(5) Vincent Ostrom la Elinor Ostrom

13 เป็นผู้กล่าวถึงข้อจำกัดของความมีเหตุผล
ตอบ 3 หน้า 53 Herbert A. Simon ได้อธิบายว่า หลักต่างๆ ของการบริหารประสบกับปัญหาสําคัญ คือ ข้อจำกัดของความมีเหตุผล ซึ่งเกิดจากข้อจำกัดของบุคคลแต่ละคนใน 3 ประการ ดังนี้ 1. ข้อจำกัดเกี่ยวกับความชํานาญ นิสัย และสัญชาตญาณ 2. ข้อจำกัดเกี่ยวกับค่านิยมและแนวความคิดเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ 3. ข้อจำกัดเกี่ยวกับความรู้และข้อมูลข่าวสาร

14 เป็นผู้เขียนตําราที่สมบูรณ์เล่มที่สองของสาขาวิชาการบริหารรัฐกิจ
ตอบ 1 หน้า 48, 65, (คําบรรยาย) William F. Willoughby เป็นนักวิชาการที่มีส่วนสําคัญในการ บุกเบิกหรือนําเสนอพาราไดม์หลักของการบริหาร เขาได้เขียนตําราการบริหารรัฐกิจที่สมบูรณ์ ที่สุดชื่อ “Principles of Public Administration” (1927) ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นตําราเรียน ที่สมบูรณ์เล่มที่สองของสาขาวิชาการบริหารรัฐกิจ โดยตําราเล่มนี้ได้ชี้ให้เห็นถึงแรงผลักดันใหม่ ของสาขาวิชาการบริหารรัฐกิจว่า หลักต่าง ๆ ของการบริหารที่มีลักษณะเป็นวิทยาศาสตร์ที่ แน่นอนนั้นเป็นสิ่งที่สามารถค้นพบได้ และนักบริหารสามารถจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในกิจการงาน ของตนได้ถ้าเขาได้เรียนรู้ว่าจะนําหลักต่าง ๆ เหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ได้อย่างไร

15 เป็นผู้เสนอแนวคิด Public Choice
ตอบ 5 (คําบรรยาย) Vincent Ostrom และ Etinor Ostrom เป็นผู้เสนอแนวคิดทางเลือกสาธารณะ (Public Choice) ซึ่งเป็นสาขาใหม่ของรัฐประศาสนศาสตร์ที่สามารถนํามาใช้ในการพัฒนาและ เพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารงานภาครัฐได้ภายใต้กรอบเค้าโครงความคิดการบริหารงาน แบบประชาธิปไตย

16 เป็นผู้กล่าวว่านโยบายสาธารณะหมายถึงสิ่งใดก็ตามที่รัฐบาลเลือกที่จะกระทําหรือไม่กระทํา
ตอบ 2 หน้า 73 Thomas R. Dye กล่าวว่า นโยบายสาธารณะ หมายถึง สิ่งใดก็ตามที่รัฐบาล เลือกที่จะกระทําหรือไม่กระทํา

17 เป็นผู้นําทฤษฎีโครงสร้างตามสถานการณ์มาพัฒนาเพื่อให้เกิดความเข้าใจและนําไปประยุกต์ใช้ได้ง่าย
ตอบ 4 หน้า 135 – 136 Gareth Morgan ได้นําทฤษฎีโครงสร้างตามสถานการณ์มาพัฒนา เพื่อให้เกิดความเข้าใจและนําไปประยุกต์ใช้ได้ง่าย ซึ่งปัจจัยที่ Morgan นํามาพิจารณา ในการวิเคราะห์และจัดโครงสร้างองค์การ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม กลยุทธ์ เทคโนโลยี คน/วัฒนธรรม โครงสร้างองค์การ และการจัดการ

18 การจัดทําร่างนโยบายอยู่ในขั้นตอนใด

(1) การนํานโยบายไปปฏิบัติ

(2) การเตรียมและเสนอนโยบาย

(3) การก่อตัวของนโยบาย

(4) การปรับปรุงแก้ไขนโยบาย

(5) การอนุมัติและประกาศนโยบาย

ตอบ 2 หน้า 88, 108 ขั้นตอนการเตรียมและเสนอนโยบาย (Policy Formulation) ประกอบด้วย 1. การกําหนดวัตถุประสงค์ 2. การกําหนดทางเลือก 3. การจัดทําร่างนโยบาย

19 ข้อใดที่มิใช่เงื่อนไขสําคัญของภาษีอากร

(1) การที่รัฐต้องให้ประโยชน์ตอบแทนโดยตรงแก่ผู้ชําระภาษี

(2) เป็นการบังคับจัดเก็บจากรัฐ

(3) เป็นเครื่องมือหลักในการหารายได้ของรัฐ

(4) เพื่อนําเงินไปใช้เพื่อกิจการสาธารณะ

(5) เก็บจากผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจที่มั่นคงเท่านั้น

ตอบ 1. 5 หน้า 216 ภาษีอากร เป็นเครื่องมือหลักในการหารายได้ของรัฐ ซึ่งรัฐบังคับจัดเก็บจาก บุคคลผู้มีรายได้เพื่อใช้ในการบริหารประเทศและกิจการสาธารณะ โดยผู้ชําระภาษีจะได้รับ ผลประโยชน์ตอบแทนทางอ้อม เพราะว่ารัฐนําเงินภาษีไปใช้จ่ายในการทํานุบํารุงประเทศ อันเป็นสาธารณประโยชน์ต่อคนทั่วไปที่อาศัยอยู่ในประเทศ

20. ข้อใดไม่ใช่ขั้นตอนในการบริหารงานบุคคลภาครัฐ

(1) การได้มาซึ่งบุคลากร

(2) การวางแผนทรัพยากรบุคคล

(3) การประเมินผลการปฏิบัติงาน

(4) การสอบสวนทางวินัย

(5) การพ้นสภาพการเป็นบุคลากร

ตอบ 4 หน้า 163 – 164 การบริหารงานบุคคลภาครัฐ ประกอบด้วยขั้นตอนสําคัญ 6 ขั้นตอน คือ
1 การวางแผนทรัพยากรบุคคล
2 การได้มาซึ่งบุคลากร การโอนย้ายและแต่งตั้ง
3 การพัฒนาบุคลากร
4 การใช้ประโยชน์จากบุคลากร
5 การประเมินผลการปฏิบัติงาน
6 การพ้นสภาพการเป็นบุคลากร

21. คณะกรรมการชุดใดมีหน้าที่ในการบริหารงานบุคคล

(1) สตง.

(2) ป.ป.ช.

(3) ก.พ.

(4) กกต.

(5) สตช.

ตอบ 3 หน้า 159 คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เป็นองค์กรที่ทําหน้าที่ในการบริหารงาน บุคคล โดยทําหน้าที่กําหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลภาครัฐทั้งหมด ตั้งแต่ การกําหนดตําแหน่ง ค่าตอบแทน สวัสดิการและผลประโยชน์เกื้อกูล การแต่งตั้ง การโยกย้าย การเลื่อนตําแหน่ง การประเมินผลการปฏิบัติงาน วินัย การลงโทษ และการให้บุคลากรพ้นจาก ราชการ

22. การพิจารณาปัญหาหรือความต้องการของประชาชนอยู่ในขั้นตอนใด

(1) การนํานโยบายไปปฏิบัติ

(2) การเตรียมและเสนอนโยบาย

(3) การก่อตัวของนโยบาย

(4) การประเมินผลนโยบาย

(5) การอนุมัติและประกาศนโยบาย

ตอบ 3 หน้า 87 ขั้นตอนการก่อตัวของนโยบาย (Policy Formation) ประกอบด้วย
1 การพิจารณาปัญหาหรือความต้องการของประชาชน
2 การพิจารณาเวลาที่เกิดปัญหา
3 ปัญหาที่รัฐบาลสนใจ
4 การจัดลําดับความสําคัญของปัญหา

23. การส่งเสริมให้เด็ก เยาวชน และประชาชนใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศเชิงสร้างสรรค์ อย่างชาญฉลาด เพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้ เป็นนโยบายด้านใด

(1) นโยบายด้านสวัสดิการสังคม

(2) นโยบายด้านการศึกษา

(3) นโยบายด้านสาธารณสุข

(4) นโยบายด้านกีฬาและนันทนาการ

(5) นโยบายด้านศาสนาและศิลปะ

ตอบ 2 หน้า 91 – 92 นโยบายด้านการศึกษา มีดังนี้
1 ปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบ โดยปฏิรูปโครงสร้างและการบริหารจัดการ ปรับปรุงกฎหมายให้ สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ
2 ส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษาทั้งระบบ
3 จัดให้ทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาฟรี 15 ปี
4 ส่งเสริมให้เด็ก เยาวชน และประชาชนใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศเชิงสร้างสรรค์ อย่างชาญฉลาด เพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้ ฯลฯ

ตั้งแต่ข้อ 24-25. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) Policy Formation (การกำหนดนโยบาย)

(2) Policy Formulation (การร่างนโยบาย)

(3) Policy Adoption (การนำนโยบายไปใช้)

(4) Policy Implementation (การนำนโยบายไปปฏิบัติ)

(5) Policy Evaluation (การประเมินนโยบาย)

24. คำถาม: การตีความหรือแปลงนโยบายอยู่ในขั้นตอนใดของนโยบาย?

ตอบ: (4) Policy Implementation (การนำนโยบายไปปฏิบัติ)

คำบรรยาย: หน้า 89 ขั้นตอนการนํานโยบายไปปฏิบัติ (Policy Implementation) ประกอบด้วย:
1 การส่งต่อนโยบาย
2 การตีความหรือแปลงนโยบายออกมาเป็นแผนงานและโครงการ
3 การชี้แจงเกี่ยวกับนโยบาย
4 การดําเนินงานของหน่วยงานระดับปฏิบัติ
5 การจัดระบบสนับสนุน
6 การติดตามและควบคุมผลการปฏิบัติงาน

25. คำถาม: การกําหนดเกณฑ์ชี้วัดและวิธีตรวจสอบสิ่งที่ต้องการประเมินอยู่ในขั้นตอนใดของนโยบาย?

ตอบ: (5) Policy Evaluation (การประเมินนโยบาย)

คำบรรยาย: หน้า 90 ขั้นตอนการประเมินผลนโยบาย (Policy Evaluation) ประกอบด้วย:
1 การกําหนดวัตถุประสงค์ของการประเมิน
2 การกําหนดเกณฑ์ชี้วัดและวิธีการตรวจสอบสิ่งที่ต้องการประเมิน
3 การกําหนดวิธีการรวบรวมข้อมูลและวิธีการรายงาน
4 การนําผลการประเมินไปใช้ในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงนโยบาย

ตั้งแต่ข้อ 26-27. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) นโยบายด้านสวัสดิการสังคม

(2) นโยบายด้านการศึกษา

(3) นโยบายด้านสาธารณสุข

(4) นโยบายด้านแรงงาน

(5) นโยบายด้านศาสนาและศิลปะ

26. คำถาม: การแก้ไขปัญหาความยากจน จัดสรรที่ดินทํากินให้แก่ผู้มีรายได้น้อย เป็นนโยบายด้านใด?

ตอบ: (1) นโยบายด้านสวัสดิการสังคม

คำบรรยาย: หน้า 95-96, (คําบรรยาย) นโยบายด้านสวัสดิการสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีดังนี้:
1 แก้ไขปัญหาความยากจน โดยการจัดสรรที่ดินทํากินให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ส่งเสริมอาชีพและรายได้
2 ปรับโครงสร้างหนี้ภาคประชาชน
3 สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ในกลุ่มผู้สูงอายุ
4 ส่งเสริมการจัดสวัสดิการทางสังคมที่เหมาะสมแก่ผู้ยากไร้ ผู้พิการหรือทุพพลภาพ เช่น ส่งเสริมให้ผู้พิการได้รับกายอุปกรณ์ ฯลฯ

27. คำถาม: การพัฒนาและยกระดับจิตใจ เป็นนโยบายด้านใด?

ตอบ: (5) นโยบายด้านศาสนาและศิลปะ

คำบรรยาย: หน้า 95, (คําบรรยาย) นโยบายด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม มีดังนี้:
1 ส่งเสริมการทํานุบํารุงและรักษาศิลปวัฒนธรรมไทยทุกด้าน
2 ส่งเสริมสถาบันศาสนาทุกศาสนาให้มีบทบาทในการเผยแผ่หลักคําสอนที่ดีงาม ปลูกฝัง คุณธรรม จริยธรรม และเสริมสร้างความร่วมมือในการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิต จิตใจ และพัฒนาสังคมให้มีความสามัคคี ปรองดอง และยั่งยืน
3 สนับสนุนการผลิตสื่อสร้างสรรค์ สร้างกระแสเชิงบวกให้แก่สังคม และเปิดพื้นที่สาธารณะ ที่ดีให้แก่เด็กและเยาวชน ฯลฯ

คำถาม: ตั้งแต่ข้อ 28-33. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) Robert T. Golembiewski

(2) Woodrow Wilson

(3) Herbert A. Simon

(4) Thomas S. Khun

(5) Luther H. Gulick

28 ใครเป็นผู้เสนอความเห็นว่าพาราไดม์เบ็ดเสร็จไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับสาขาวิชาการบริหารรัฐกิจ?

ตอบ 1 (หนังสือ POL 2300 เลขพิมพ์ 52135 หน้า 75 – 76) Robert T. Golembiewski ได้เสนอความเห็นว่าพาราไดม์เบ็ดเสร็จไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับสาขาวิชาการบริหารรัฐกิจ และวิชาการบริหารรัฐกิจก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกำหนดขึ้นมาในรูปของพาราไดม์เบ็ดเสร็จ แต่ควรจะกำหนดขึ้นมาในรูปของมินิพาราไดม์หลาย ๆ มินิพาราไดม์จะดีกว่า

29 ใครเป็นผู้วิจารณ์ว่าหลักการบริหารรัฐกิจเป็นเพียงแค่ภาษิตทางการบริหาร?

ตอบ 3 หน้า 52 Herbert A. Simon ได้เสนอความเห็นไว้ในบทความเรื่อง “The Proverbs of Administration” (1946) ว่า หลักต่างๆ ของการบริหารรัฐกิจที่ได้กำหนดขึ้นมานั้นใช้ไม่ได้ ในทางปฏิบัติ จะเป็นได้ก็เพียงแค่ภาษิตทางการบริหาร

30 ใครเขียนบทความเสนอว่าการบริหารรัฐธรรมนูญยากยิ่งกว่าการบัญญัติรัฐธรรมนูญ?

ตอบ 2 หน้า 31, 46, 64 – 65, (คำบรรยาย) Woodrow Wilson บิดาของวิชาการบริหารรัฐกิจ เป็นผู้ให้กำเนิดคำว่า “Public Administration” และเป็น “ต้นกำเนิดของแนวความคิด เกี่ยวกับเรื่องการแยกการบริหารกับการเมืองออกจากกันเป็นสองส่วน” ได้เขียนบทความเรื่อง “The Study of Administration” (1887) และเสนอความเห็นว่า การบริหารรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องยากยิ่งกว่าการบัญญัติรัฐธรรมนูญ ซึ่งบทความดังกล่าวยังได้รับการยอมรับจาก นักวิชาการว่าเป็น “สูติบัตร” ของวิชาการบริหารรัฐกิจอีกด้วย

31 ใครเสนอว่าหัวหน้าฝ่ายบริหารมีหน้าที่ 7 ประการ โดยสรุปเป็นคำย่อว่า POSDCORB?

ตอบ 5 หน้า 49 – 50, 64 – 65, (คำบรรยาย) Luther H. Gulick และ Lyndall Urwick ได้เสนอว่า หน้าที่สำคัญของหัวหน้าฝ่ายบริหารมี 7 ประการ โดยสรุปเป็นคำย่อว่า POSDCORB ซึ่งประกอบด้วย 1. P = Planning (การวางแผน) 2. O = Organizing (การจัดองค์การ) 3. S = Staffing (การจัดบุคคลเข้าทำงาน) 4. D = Directing (การอำนวยการ) 5. Co = Coordinating (การประสานงาน) 6. R = Reporting (การรายงานผลการปฏิบัติงาน) 7. B = Budgeting (การจัดทำงบประมาณ)

32 ใครเป็นปรมาจารย์ผู้ริเริ่มเผยแพร่ความคิดเกี่ยวกับพาราไดม์ (Paradigm)?

ตอบ 4 หน้า 43 – 44, 64 – 65 Thomas S. Kuhn เป็นปรมาจารย์ผู้ริเริ่มเผยแพร่แนวความคิด เกี่ยวกับพาราไดม์ (Paradigm) และได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งพาราไดม์” เขาได้อธิบาย ไว้ว่า พาราไดม์ หมายถึง ผลสำเร็จในเชิงวิทยาศาสตร์ที่ประกอบด้วยคุณสมบัติสำคัญ 2 ประการ คือ 1. เป็นสิ่งใหม่ที่สามารถจูงใจกลุ่มผู้เกี่ยวข้องให้หันเหจากกิจกรรมในเชิงวิทยาศาสตร์อื่น ๆ ที่มีลักษณะแข่งขันกัน โดยหันมายอมรับร่วมกันว่าผลสำเร็จในเชิงวิทยาศาสตร์นั้นจะเป็นพื้นฐาน สำหรับการปฏิบัติให้ก้าวหน้าต่อไปในช่วงระยะเวลาหนึ่ง 2. เปิดโอกาสให้กลุ่มผู้เกี่ยวข้อง รุ่นใหม่ ๆ ได้แก้ไขปัญหาต่าง ๆ กันต่อไป

33 ใครเป็นต้นกำเนิดแนวความคิดเกี่ยวกับเรื่องการแยกการบริหารกับการเมืองออกจากกันเป็นสองส่วน?

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 30. ประกอบ

34 Personnel Administration หมายถึงข้อใด?

(1) การบริหารรัฐกิจ

(2) การบริหารธุรกิจ

(3) การบริหารงานบุคคล

(4) การบริหารทรัพยากรมนุษย์

(5) การบริหารคน

ตอบ 3 หน้า 148 การบริหารงานบุคคล ในภาษาอังกฤษจะใช้คำว่า “Personnel Administration” หรือ “Personnel Management” ซึ่งหากจะให้มีความหมายว่าเป็นการบริหารงานบุคคล ในระบบราชการหรือภาครัฐโดยเฉพาะก็จะใช้คำว่า “Public Personnel Administration” และหากจะให้มีความหมายเฉพาะถึงการบริหารงานบุคคลในภาคธุรกิจเอกชนก็จะใช้คำว่า Business Personnel Management”

35. ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับปัจจัยทางการบริหารที่เรียกว่า 4 M’s

(1) Material

(2) Money

(3) Management

(4) Man

(5) Monarchy

ตอบ 5 หน้า 154 ปัจจัยทางการบริหารที่เรียกว่า 4 M’s ประกอบด้วย 1. คน (Man) 2. เงิน (Money) 3. วัสดุอุปกรณ์ (Material) 4. การจัดการ (Management)

36 – 42. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) หลักธรรมาภิบาล

(2) หลักการมีส่วนร่วมของประชาชน

(3) การบริการสาธารณะแนวใหม่

(4) ทฤษฎีต้นทุนทางธุรกรรม

(5) หลักการกลไกการเมืองที่ชอบธรรม

36. New Public Service หมายถึงข้อใด

ตอบ 3 หน้า 341 – 348, 356 – 357 การบริการสาธารณะแนวใหม่ (New Public Service : NPS) หรือการร่วมบริหารกิจการบ้านเมืองแบบประชาธิปไตย (Democratic Governance Management) เป็นแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับความเป็นประชาธิปไตย ความเป็นพลเมือง ในระบอบประชาธิปไตย มนุษยนิยม การสร้างเครือข่ายทางสังคม ประชาสังคม และชุมชน เป็นต้น

37. การทำประชาพิจารณ์สะท้อนถึงหลักการในข้อใด

ตอบ 2 (คำบรรยาย) หลักการมีส่วนร่วมของประชาชน คือ การทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ และร่วมแสดงความเห็นในการตัดสินใจที่สำคัญของสังคม โดยเปิดโอกาสให้ประชาชน มีช่องทางในการเข้ามามีส่วนร่วม เช่น การทำประชาพิจารณ์ การแสดงประชามติ การทำประชาคม เป็นต้น

38. กระบวนการเลือกตั้งที่ยุติธรรมมีส่วนช่วยให้เกิดหลักการในข้อใด

ตอบ 5 (คำบรรยาย) หลักการกลไกการเมืองที่ชอบธรรม หมายถึง ความชอบธรรมที่เกี่ยวพันกับความสามารถของระบบที่จะก่อให้เกิดและรักษาไว้ซึ่งความเชื่อที่ว่าการคงอยู่ของระบบเป็นความพึงพอใจสูงสุดของสังคม ไม่ว่าจะเป็นการจัดให้มีการเลือกตั้งที่ยุติธรรม หรือการให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน

39. Transaction-Cost Theory หมายถึงข้อใด

ตอบ 4 หน้า 333 ทฤษฎีต้นทุนทางธุรกรรม (Transaction-Cost Theory) อธิบายว่า ไม่มีธุรกรรมอะไร ที่ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือภาคเอกชนต่างก็มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ เช่น เงินเดือน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ฯลฯ ดังนั้นเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าจึงควรลดค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรม กล่าวคือธุรกรรมบางอย่างอาจเสียค่าใช้จ่ายน้อยลงถ้ามีการทำสัญญาให้ภาคเอกชนรับไปทำ นอกจากนั้นยังทำให้เกิดการแข่งขันซึ่งจะนำมาซึ่งประสิทธิภาพของสินค้าและบริการ

40. Good Governance หมายถึงข้อใด

ตอบ 1 (คําบรรยาย) Good Governance หมายถึง หลักธรรมาภิบาลหรือหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ซึ่งมีองค์ประกอบสําคัญ 6 ประการ ดังนี้
1 หลักนิติธรรม
2 หลักคุณธรรม
3 หลักความโปร่งใส
4 หลักความมีส่วนร่วม
5 หลักความรับผิดชอบ
6 หลักความคุ้มค่า

41. การทําประชาคมหมู่บ้านส่งผลให้เกิดหลักการในข้อใด

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 37. ประกอบ (หมายเหตุ: ไม่พบข้อ 37 ในเอกสารนี้)

42. หลักการบริหารบ้านเมืองที่ดี 6 ประการ คือข้อใด

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 40. ประกอบ

43. คุณค่าหลัก 2 ประการที่แย้งกันในทัศนะของนักรัฐศาสตร์ คือ

ตอบ 3 หน้า 323, 326 – 329, 355 คุณค่าหลัก 2 ประการที่แย้งกันในทัศนะของนักรัฐศาสตร์ ในการบริหารรัฐกิจ มีดังนี้
1 คุณค่าที่เน้นประสิทธิภาพของภาครัฐ VS. คุณค่าที่เน้นความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งคุณค่าอย่างแรกตรงกับแนวคิดของอเล็กซานเดอร์ แฮมิลตัน (Alexander Hamilton) ส่วนคุณค่าอย่างหลังตรงกับแนวคิดของโทมัส เจฟเฟอร์สัน (Thomas Jefferson)
2 คุณค่าที่เน้นการขยายบทบาทของภาครัฐ VS. คุณค่าที่เน้นการลดบทบาทของภาครัฐ ซึ่งคุณค่าอย่างแรกตรงกับแนวคิดของนักเศรษฐศาสตร์สํานักเคนส์เซียนหรือเศรษฐศาสตร์แบบเคนส์ (Keynesian School) ส่วนคุณค่าอย่างหลังตรงกับแนวคิดของเศรษฐศาสตร์แบบนีโอลิเบอรัลลิสม์ (Neo-Liberalism) และเศรษฐศาสตร์แบบนีโอคลาสสิก (Neo-Classical School)

44. ข้อใดไม่ใช่สาระสําคัญของแนวคิดการจัดการภาครัฐแนวใหม่

(1) เชื่อในการผูกขาดของภาครัฐ

(2) ให้ความสําคัญกับปัจจัยนําออกมากกว่าวิธีการ

(3) การจัดการแบบภาคเอกชน

(4) มีมาตรฐานการทํางานและตัวชี้วัดที่เด่นชัด

(5) ให้ความสําคัญกับวินัยและความประหยัดในการใช้ทรัพยากร

ตอบ 1 (คําบรรยาย) สาระสําคัญของแนวคิดการจัดการภาครัฐแนวใหม่ตามแนวคิดของ Hood มีดังนี้
1 ให้อํานาจในการจัดการอย่างอิสระแก่มืออาชีพ เพื่อให้เกิดการควบคุมและความรับผิดชอบในองค์การที่แน่ชัด
2 มีมาตรฐานการทํางานและตัวชี้วัดที่เด่นชัด
3 ให้ความสําคัญกับปัจจัยนําออกมากกว่าวิธีการ
4 มีการกระจายหน่วยงานเป็นหน่วยย่อย ๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ
5 ให้ความสําคัญกับการแข่งขัน เชื่อในกลไกตลาด
6 ใช้แนวคิดการจัดการแบบภาคเอกชน มีความยืดหยุ่นในการจ้างงานและให้รางวัล
7 ให้ความสําคัญกับวินัยและความประหยัดในการใช้ทรัพยากร

45. แนวคิดใดให้ความสำคัญกับความเป็นพลเมือง (Citizenship)

(1) New Public Management

(2) Public Administration

(3) Reinventing Government

(4) Public Management

(5) New Public Service

ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 36. ประกอบ

46. ข้อใดไม่ใช่คุณค่าหลัก 4 ประการของการจัดการภาครัฐแนวใหม่

(1) ประสิทธิภาพ

(2) ประสิทธิผล

(3) ประหยัด

(4) คุณภาพ

(5) ประชาธิปไตย

ตอบ 5 หน้า 330 คุณค่าหลัก 4 ประการของการจัดการภาครัฐแนวใหม่ มีดังนี้
1 ประสิทธิผล (Effectiveness หรือ Result)
2 ประสิทธิภาพหรือความคุ้มค่า (Efficiency)
3 ประหยัด (Economy)
4 ความเป็นเลิศหรือคุณภาพ (Excellence หรือ Quality)

47. ข้อใดเป็นความแตกต่างระหว่างองค์การแบบใหม่กับองค์การแบบเดิม

(1) แผนภูมิแสดงโครงสร้างองค์การ

(2) ความยืดหยุ่นในการทำงาน

(3) การจัดแผนกงาน

(4) ระบบย่อยในองค์การ

(5) จำนวนคนในองค์การ

ตอบ 2 หน้า 114 – 115 องค์การแบบใหม่กับองค์การแบบเดิม มีลักษณะที่แตกต่างกันดังนี้

1 องค์การแบบใหม่: มีลักษณะเปลี่ยนแปลง, มีความยืดหยุ่นในการทำงาน, ให้ความสำคัญต่อทักษะในการปฏิบัติงาน, งานกำหนดจากสิ่งที่ต้องปฏิบัติ, เน้นทีมงาน, งานมีลักษณะชั่วคราว, ผู้ปฏิบัติงานมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ, ให้ความสำคัญต่อลูกค้า/ผู้รับบริการ, ไม่มีการกำหนดชั่วโมงการทำงานต่อวัน, เน้นการมีส่วนร่วม ฯลฯ

2 องค์การแบบเดิม: มีลักษณะคงที่, ไม่มีความยืดหยุ่นในการทำงาน, ให้ความสำคัญต่องาน, งานถูกกำหนดจากตำแหน่ง, เน้นบุคคล, ความมั่นคงของงาน, ผู้บริหารสูงสุดเป็นผู้ตัดสินใจ, เน้นกฎ ระเบียบ, ปฏิบัติงานในองค์การตลอดชั่วโมงการทำงาน, เน้นการออกคำสั่ง การสั่งการตามสายการบังคับบัญชา ฯลฯ

48. ข้อใดเป็นลักษณะสำคัญขององค์การ

(1) วัตถุประสงค์ที่ชัดเจน

(2) มีลักษณะคงที่

(3) มีลักษณะชั่วคราว

(4) มีผู้บริหารสูงสุดเป็นผู้ตัดสินใจ

(5) ลักษณะงานมีความแตกต่างกัน

ตอบ 1 หน้า 114 ลักษณะสำคัญขององค์การ มี 3 ประการ คือ 1. มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน 2. มีบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เข้ามาปฏิบัติงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ 3. มีการพัฒนาโครงสร้างให้เหมาะสม เพื่อให้ผู้ปฏิบัติสามารถปฏิบัติงานได้สำเร็จ

49. องค์การแบบสิ่งมีชีวิตมีลักษณะอย่างไร

(1) ช่วงการควบคุมแคบ

(2) รวมอำนาจในการบริหาร

(3) มีระเบียบกฎเกณฑ์น้อย

(4) ระดับชั้นการบังคับบัญชามาก

(5) ความเป็นทางการสูง

ตอบ 3 หน้า 133 – 134, (คำบรรยาย) องค์การแบบสิ่งมีชีวิต (Organic Organization) มีลักษณะดังนี้
1 อยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงมาก
2 มีความยืดหยุ่น เน้นความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน
3 เน้นโครงสร้างแนวราบ
4 ขอบข่ายหรือช่วงการควบคุมกว้าง
5 มีระเบียบกฎเกณฑ์น้อย
6 ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปฏิบัติงานเป็นแบบแนวนอน แนวทแยง และแบบเครือข่าย
7 มีรายละเอียดของหน้าที่ ความรับผิดชอบ และวิธีปฏิบัติงานน้อย
8 มีความเป็นทางการน้อย
9 กระจายอำนาจในการบริหารและตัดสินใจ

50. ข้อใดไม่ใช่องค์ประกอบสำคัญของโครงสร้างองค์การ

(1) Division of Labor

(2) Departmentation

(3) Span of Control

(4) Formalization

(5) Personnel Administration

ตอบ 5 หน้า 116 องค์ประกอบสำคัญของโครงสร้างองค์การ มี 6 ประการ คือ
1 การแบ่งงาน (Division of Labor หรือ Work Specialization)
2 การจัดแบ่งหน่วยงาน (Departmentation)
3 สายการบังคับบัญชา (Chain of Command)
4 ช่วงของการควบคุม (Span of Control)
5 การรวมอำนาจและการกระจายอำนาจ (Centralization and Decentralization)
6 ความเป็นทางการ (Formalization)

51. ข้อใดไม่ใช่ความแตกต่างระหว่างการบริหารรัฐกิจและการบริหารธุรกิจ

(1) วัตถุประสงค์ในการดำเนินงาน

(2) ที่มาของทุนในการดำเนินงาน

(3) การคงอยู่

(4) กระบวนการในการบริหาร

(5) คู่แข่งในการดำเนินงาน

ตอบ 4 หน้า 12 – 14, 37 – 39, (คำบรรยาย) การบริหารรัฐกิจ (เช่น การบริหารงานของผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร) และการบริหารธุรกิจ (เช่น การบริหารงานของ CEO ธุรกิจสตาร์ทอัพ) มีสิ่งที่แตกต่างกัน ดังนี้
1 วัตถุประสงค์ในการดำเนินงาน
2 ขนาดความรับผิดชอบ
3 แหล่งที่มาของทุนในการดำเนินงาน
4 การกำหนดราคาสินค้าและบริการ
5 คู่แข่งขันในการดำเนินงาน
6 การคงอยู่
7 การเป็นไปตามกฎหมาย
8 บทบาทของประชาชนในการกำกับดูแล และความพร้อมในการตรวจสอบจากสาธารณะ

52. ข้อใดไม่ใช่องค์ประกอบสำคัญในการวิเคราะห์นโยบายโดย Quade

(1) Objective

(2) Alternative

(3) Validity

(4) Impact

(5) Models

ตอบ 3 (คำบรรยาย) องค์ประกอบสำคัญในการวิเคราะห์นโยบายตามแนวคิดของ Quade มีดังนี้
1 วัตถุประสงค์ (Objective)
2 ทางเลือก (Alternative)
3 ผลกระทบ (Impact)
4 มาตรฐานหรือบรรทัดฐาน (Criteria)
5 ตัวแบบ (Models)

53. นายธนกรเชื่อว่า นักบริหารมีหน้าที่ 5 ประการ คือ “Planning, Organizing, Commanding, Coordinating และ Controlling” ความเชื่อดังกล่าวสอดคล้องกับใคร

(1) Max Weber

(2) Henri Fayol

(3) Luther Gulick

(4) ชุบ กาญจนประกร

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 2 หน้า 50, 65, (คำบรรยาย) ความเชื่อของนายธนกรสอดคล้องกับแนวคิดของ Henri Fayol ซึ่งเสนอว่า หน้าที่การบริหารของนักบริหาร (Functions of Administration) ประกอบด้วย ส่วนสำคัญ 5 ประการ ซึ่งเรียกว่า POCCC ดังนี้
P = Planning (การวางแผน)
O = Organizing (การจัดองค์การ)
C = Commanding (การอำนวยการ)
C = Coordinating (การประสานงาน)
C = Controlling (การควบคุม)

54. ข้อใดไม่ใช่แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในองค์การแบบใหม่

(1) มีความยืดหยุ่น

(2) เน้นทีมงาน

(3) เน้นการมีส่วนร่วม

(4) เน้นความมั่นคงในงาน

(5) ไม่มีการกำหนดชั่วโมงการทำงานต่อวัน

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 47. ประกอบ

55. นายชูชัยตั้งโรงงานผลิตอาหารแปรรูป โดยจัดแบ่งส่วนงานออกเป็นงานผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ งานผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปจากพืช งานผลิตภัณฑ์อาหารคีโต การจัดแบ่งดังกล่าวเป็นการแบ่งในลักษณะใด

(1) Functional Departmentation

(2) Product Departmentation

(3) Geographical Departmentation

(4) Customer Departmentation

(5) Process Departmentation

ตอบ 2 หน้า 117 – 118, (คำบรรยาย) องค์การแบบแบ่งตามผลผลิตหรือผลิตภัณฑ์ (Product Departmentalization) เป็นการจัดองค์การที่ทำให้ผลผลิตแต่ละประเภทอยู่ภายใต้อำนาจ หน้าที่และความรับผิดชอบของผู้บริหารที่มีความชำนาญเฉพาะด้านนั้น ๆ ซึ่งจะทำให้สามารถ ควบคุมกระบวนการผลิตได้ดีและเกิดความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน แต่อาจทำให้เกิดความ ซ้ำซ้อนของงานและสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยส่วนรวมได้ เช่น การจัดองค์การโดยแบ่งฝ่ายการผลิต ออกเป็นฝ่ายผลิตอาหาร และฝ่ายผลิตเสื้อผ้า หรือจัดแบ่งส่วนงานออกเป็นงานผลิตภัณฑ์ อาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ งานผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปจากพืช และงานผลิตภัณฑ์อาหารคีโต เป็นต้น

56. การจัดโครงสร้างองค์การแบบใดเป็นองค์การที่มีระดับความซับซ้อนต่ำที่สุด

(1) โครงสร้างแบบเมทริกซ์

(2) โครงสร้างแบบทีมงาน

(3) โครงสร้างแบบระบบราชการ

(4) โครงสร้างแบบเรียบง่าย

(5) โครงสร้างแบบที่เน้นการรวมศูนย์อำนาจ

ตอบ 4 หน้า 123 โครงสร้างแบบเรียบง่าย (Simple Structure) เป็นองค์การที่มีการจัดแบ่ง หน่วยงานน้อยมาก มีช่วงการควบคุมกว้าง รวมอำนาจการบังคับบัญชาและการตัดสินใจไว้ที่ บุคคลคนเดียว มีความเป็นทางการน้อย มีระดับความซับซ้อนต่ำ โครงสร้างองค์การรูปแบบนี้ จะมีลักษณะเป็นโครงสร้างองค์การในแนวราบ (Flat Structure) มากกว่าโครงสร้างองค์การ ในแนวดิ่ง (Tall Structure) เช่น องค์การธุรกิจขนาดเล็ก เป็นต้น

57 ข้อใดไม่ใช่วินัย 5 ประการในการสร้างองค์การแห่งการเรียนรู้

(1) ความรอบรู้แห่งตน

(2) แบบแผนของความคิด

(3) การเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีม

(4) การมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน

(5) การคิดนอกกรอบ

ตอบ 5 หน้า 130, 138 Peter Senge ได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับองค์การแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization) โดยเห็นว่า การสร้างองค์การแห่งการเรียนรู้ต้องอาศัยวินัย 5 ประการ คือ
1 ความรอบรู้แห่งตน (Personal Mastery)
2 แบบแผนของความคิด (Mental Model)
3 การเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีม (Team Learning)
4 การมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน (Shared Vision)
5 การคิดอย่างเป็นระบบ (Systems Thinking)

58 ข้อใดเป็นลักษณะขององค์การแบบเครื่องจักร

(1) มีความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน

(2) มีระเบียบ กฎเกณฑ์น้อย

(3) ความเป็นทางการสูง

(4) รวมอํานาจต่ํา

(5) ช่วงการควบคุมกว้าง

ตอบ 3 หน้า 132 – 134 องค์การแบบเครื่องจักร (Mechanistic Organization) มีลักษณะดังนี้
1 มีสายการบังคับบัญชามาก
2 ช่วงการควบคุมแคบ
3 มีระเบียบ กฎเกณฑ์ต่าง ๆ มาก
4 ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปฏิบัติงานเป็นแบบแนวดิ่ง
5 มีความเป็นทางการสูง
6 รวมศูนย์อํานาจในการบริหารและตัดสินใจ
7 มีสภาพแวดล้อมไม่ซับซ้อนและคงที่
8 มุ่งเน้นประสิทธิภาพ ฯลฯ

59 ข้อใดไม่ใช่สมมติฐานของทฤษฎีการจัดโครงสร้างองค์การตามสถานการณ์

(1) องค์การจะปรับโครงสร้างให้เข้ากับบริบทขององค์การ

(2) องค์การเป็นระบบเปิด

(3) ผู้ตัดสินใจขององค์การมีแนวโน้มเป็นผู้ที่มีเหตุผล

(4) การจัดองค์การแต่ละรูปแบบมีประสิทธิผลไม่เท่ากัน

(5) โครงสร้างองค์การส่งผลต่อกลยุทธ์ขององค์การ

ตอบ 5 หน้า 134 สมมติฐานหรือเงื่อนไขของรูปแบบองค์การตามทฤษฎีการจัดโครงสร้างองค์การ ตามสถานการณ์ (Structural Contingency Theory) มีดังนี้
1 ไม่มีทางเลือกใดที่ดีที่สุดในการจัดองค์การ
2 การจัดองค์การแต่ละรูปแบบมีประสิทธิผลไม่เท่ากัน
3 การจัดองค์การที่ดีที่สุดต้องสอดคล้องกับสถานการณ์
4 องค์การจะปรับโครงสร้างให้เข้ากับบริบทขององค์การ
5 องค์การเป็นระบบเปิด
6 ผู้ตัดสินใจขององค์การมีแนวโน้มเป็นผู้ที่มีเหตุผล

60 ข้อใดไม่ใช่บรรยากาศชั้นแรกของการบริหารงานบุคคลภาครัฐ

(1) Sociat

(2) Strategy

(3) Shared Value

(4) Skill

(5) System

ตอบ 1 หน้า 154, 168 ปัจจัยสภาพแวดล้อมที่จัดเป็นบรรยากาศชั้นแรกของการบริหารงานบุคคล ภาครัฐ ประกอบด้วย 1. ปัจจัยทางการบริหาร 4 M’s คือ คน (Man) เงิน (Money) วัสดุอุปกรณ์ (Material) และการจัดการ (Management) 2. การตลาด (Marketing) 3. ขวัญกําลังใจ (Mcrate) 4. กลยุทธ์ (Strategy) 5. วิสัยทัศน์ร่วม (Shared Value) 6. โครงสร้าง (Structure) 7. ระบบงาน (System) 8. การจัดบุคลากร (Staffing) 9. ท่วงทํานองการบริหาร (Style) 10. ทักษะ (Skill)

61. นายชายได้รับมอบหมายจากอาจารย์ให้จัดทำรายงานเกี่ยวกับกฎหมายและนโยบายรัฐที่ส่งผลต่อองค์การ ข้อใดสอดคล้องกับหัวข้อรายงานของนายชาย

(1) สภาพแวดล้อม

(2) โครงสร้างองค์การตามสถานการณ์

(3) ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อองค์การ

(4) วิสัยทัศน์ขององค์การ

(5) ทรัพยากรขององค์การ

ตอบ 1 (คำบรรยาย) หัวข้อรายงานของนายชายเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมภายนอกซึ่งส่งผลต่อองค์การ โดยสภาพแวดล้อมภายนอกขององค์การ ได้แก่ เศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยี กฎหมาย นโยบายของรัฐ สังคมและวัฒนธรรม เป็นต้น

62. ข้อใดไม่ได้แสดงลักษณะความเป็น “ศาสตร์” ของการบริหารรัฐกิจ

(1) มีการรวบรวมความรู้อย่างเป็นระบบ

(2) มีกฎเกณฑ์ที่สามารถศึกษาได้

(3) จัดให้มีการร่วมมือประสานงาน

(4) ถ่ายทอดองค์ความรู้ได้

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 (คำบรรยาย) หน้า 6-7, 36, 38-39 การศึกษาการบริหารรัฐกิจ (การบริหารราชการ) มีลักษณะที่เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ กล่าวคือ
1 ในฐานะที่มีความเป็นศาสตร์ (Science) คือ การมองในด้านของการเป็นสาขาวิชาการ หรือองค์ความรู้ ซึ่งหมายถึงเฉพาะวิชารัฐประศาสนศาสตร์ (Public Administration) อันเป็นวิชาที่ว่าด้วยการศึกษาแนวความคิดและทฤษฎีการบริหารงานในภาครัฐ เป็นวิชาการที่มีการรวบรวมเป็นระบบ มีหลักการ มีกฎเกณฑ์ที่สามารถศึกษาได้ และนำมาถ่ายทอดให้ความรู้กันได้
2 ในฐานะที่มีความเป็นศิลป์ (Art) คือ การมองในด้านการปฏิบัติงาน เรียกว่า การบริหารรัฐกิจ (public administration) ซึ่งเป็นการศึกษากิจกรรมของการบริหารงานในภาครัฐ ได้แก่ การใช้ศิลปะในการอำนวยการ การร่วมมือประสานงานกัน การควบคุมคนจำนวนมาก การมีความคิดสร้างสรรค์ การนำทรัพยากรมาใช้ในการบริหาร ตลอดจนการแก้ไขปัญหา และอุปสรรคต่าง ๆ โดยอาศัยความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ และทักษะของนักบริหารแต่ละคนเข้ามาเป็นเครื่องช่วย

63. การร่วมมือดำเนินการในองค์การใด ๆ หมายถึงข้อใด

(1) Administration

(2) Management

(3) Public Administration

(4) Business Administration

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 1 (คำบรรยาย) หน้า 5 ดร.ชุบ กาญจนประกร ศาสตราจารย์ผู้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในวงการบริหารของไทย ได้ให้ความหมายของคำว่า การบริหาร (Administration) ว่าหมายถึง การร่วมมือดำเนินการ หรือปฏิบัติงานในองค์การใด ๆ

64. ปรัชญาของการจัดการที่มุ่งเน้นในรูปของกำไรเป็นส่วนหนึ่งของสาขาวิชาใด

(1) Administration

(2) Management

(3) Public Administration

(4) Political Science

(5) Business Administration

ตอบ 5 (คำบรรยาย) หน้า 12 การบริหารภาครัฐหรือการบริหารรัฐกิจ (Public Administration) มีวัตถุประสงค์ เพื่อจัดทำบริการสาธารณะในด้านต่าง ๆ สนองความต้องการส่วนร่วมของประชาชน ดังนั้น การบริหารภาครัฐจึงมุ่งเน้นผลประโยชน์สาธารณะหรือความพอใจของประชาชนเป็นหลัก ซึ่งแตกต่างจากการบริหารธุรกิจ (Business Administration) ที่มุ่งเน้นผลกำไรเพื่อความอยู่รอดของหน่วยงานเป็นหลัก

65. แนวคิด POSDCORB นั้น “S” ย่อมาจาก:

(1) Structure

(2) Strategy

(3) Systems Thinking

(4) Shared Value

(5) Staffing

ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 31 ประกอบ

66. ผู้ใดเสนอการจัดองค์การแบบ Bureaucracy:

(1) Henri Fayol

(2) Luther H. Gulick

(3) Frederick W. Taylor

(4) Herbert A. Simon

(5) Max Weber

ตอบ 5 หน้า 123 – 124, (คำบรรยาย) Max Weber เสนอการจัดองค์การแบบระบบราชการ (Bureaucracy) ซึ่งมีลักษณะสำคัญดังนี้:
1 มีการแบ่งงานกันทำตามความถนัดหรือความชำนาญเฉพาะด้าน
2 มีการกำหนดอำนาจหน้าที่ตามสายการบังคับบัญชา
3 มีการคัดเลือกบุคคลอย่างเป็นทางการ
4 มีกฎ ระเบียบ และความเป็นทางการ
5 ไม่เน้นความเป็นส่วนตัว
6 เน้นการปฏิบัติงานเป็นอาชีพ
7 เน้นการจ้างงานตลอดชีพ

67. ข้อใดไม่ใช่สภาพแวดล้อมเฉพาะขององค์การของรัฐ:

(1) ผู้รับบริการ

(2) คู่แข่งขัน/คู่เทียบ

(3) เทคโนโลยี

(4) วัตถุดิบ

(5) ข้าราชการ/พนักงานราชการ

ตอบ 3 หน้า 260 – 280, (คำบรรยาย) สภาพแวดล้อมขององค์การบริหารภาครัฐ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ:
1 สภาพแวดล้อมทั่วไปหรือสภาพแวดล้อมภายนอกองค์การ เป็นสภาพแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อการบริหารขององค์การของรัฐทุก ๆ องค์การ ได้แก่ การศึกษา ชนชั้นทางสังคม วัฒนธรรม ประเพณี ค่านิยมของประชาชน เศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยี กฎหมาย และทรัพยากรธรรมชาติ
2 สภาพแวดล้อมเฉพาะหรือสภาพแวดล้อมภายในองค์การ เป็นสภาพแวดล้อมที่มีผลกระทบโดยตรงต่อระบบการบริหารขององค์การ ซึ่งมีลักษณะเฉพาะที่จำเป็นในการดำเนินงาน สำหรับองค์การหนึ่ง ๆ แต่อาจจะไม่มีความจำเป็นสำหรับองค์การอื่น ๆ เลยก็ได้ เช่น ลูกค้า/ผู้รับบริการ คู่แข่งขัน แรงงาน/บุคลากร (ข้าราชการ/พนักงานราชการ) งบประมาณ วัตถุดิบ กฎระเบียบขององค์การ เทคโนโลยีการบริหาร ความรู้และข้อมูล ทรัพยากรที่หน่วยงานต้องใช้

68. ข้อใดคือลักษณะของ Placid Randomized Environment:

(1) มีความซับซ้อน ยุ่งเหยิง

(2) มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

(3) การติดต่อระหว่างองค์การกับสภาพแวดล้อมมีความยุ่งยาก

(4) การติดต่อระหว่างองค์การกับสภาพแวดล้อมไม่คงที่แน่นอน

(5) มีการกำหนดกลุ่มในการติดต่อกับสภาพแวดล้อม

ตอบ 4 หน้า 257 Placid Randomized Environment เป็นสภาพแวดล้อมที่สงบราบเรียบ การติดต่อระหว่างองค์การกับสภาพแวดล้อมมีน้อยมาก และมีลักษณะไม่คงที่แน่นอน เป็นการสุ่ม (Randomized) มากกว่า เช่น สภาพแวดล้อมของชาวเขาที่เร่ร่อน ทารกในครรภ์ ไม่ค่อยมีโอกาสติดต่อกับสังคมภายนอก

69. สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา ไม่ได้มีอยู่เองตามธรรมชาติ เรียกว่าอะไร

(1) ข้อมูล

(2) ความรู้

(3) เทคโนโลยี

(4) ข่าวสาร

(5) การประมวลผล

ตอบ 3 (คำบรรยาย) เทคโนโลยี (Technology) คือ สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา ไม่ได้มีอยู่เองตามธรรมชาติ เป็นการนำเอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใช้ในการประดิษฐ์สิ่งของต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่มนุษย์

70. การที่ประชาชนสามารถยื่นจ่ายภาษีออนไลน์ได้เป็นการใช้เทคโนโลยีในระดับใด

(1) การให้ข้อมูล

(2) การโต้ตอบ

(3) การทำธุรกรรม

(4) การบูรณาการ

(5) ระดับอัจฉริยะ

ตอบ 3 หน้า 310 การทำธุรกรรม (Interchange Transaction) คือ การที่เว็บไซต์ต่างๆ สามารถดำเนินธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้โดยสมบูรณ์ในตัวเองเช่นเดียวกับร้านอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถดำเนินกิจกรรมซื้อขายและชำระเงิน ตลอดจนส่งสินค้าได้ในการทำธุรกรรมเดียว ในกรณีของรัฐบาลการบริการจะเสมือนกับติดต่อกับส่วนราชการตามปกติ เช่น การจ่ายภาษีออนไลน์ การจ่ายค่าปรับจราจร การดำเนินการนี้จะเป็นการตัดตอนการให้บริการของรัฐหลายอย่างที่ประชาชนไม่จำเป็นต้องเดินทางไปทำธุรกรรมด้วยตนเอง

71. เทคโนโลยีสารสนเทศเกี่ยวข้องกับข้อใดมากที่สุด

(1) การสื่อสาร

(2) อาหาร เครื่องดื่ม

(3) ไฟฟ้า น้ำประปา

(4) ประชาธิปไตย

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 293 – 294, (คำบรรยาย) เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) เป็นการนำเทคโนโลยีการสื่อสารทางไกลมาใช้งานร่วมกับระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีผลทำให้เกิดระบบการสื่อสารข้อมูลและข่าวสารที่ไร้พรมแดน ทำให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ง่าย สะดวก และประหยัด

72. ใครได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาแห่งการบริหารรัฐกิจสมัยใหม่ของไทย

(1) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

(2) ศาสตราจารย์อมร รักษาสัตย์

(3) กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

(4) พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 60 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงริเริ่มปลูกฝังและพัฒนาระบบการบริหารรัฐกิจสมัยใหม่ขึ้นในประเทศไทย จึงส่งผลให้พระองค์ได้รับการยกย่องจากนักวิชาการทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศให้เป็น “บิดาแห่งการบริหารรัฐกิจสมัยใหม่ของไทย”

73. New Public Governance เกี่ยวข้องกับสิ่งใดต่อไปนี้

(1) เน้นการทำงานเชิงเครือข่าย

(2) เน้นประสิทธิภาพ

(3) ถ่ายโอนภารกิจให้ภาคเอกชน

(4) จริยธรรมและธรรมาภิบาล

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 1 (คำบรรยาย) การจัดการภาคีสาธารณะแนวใหม่ (New Public Governance : NPG) เป็นแนวคิดที่เน้นการทำงานเชิงเครือข่าย คือ การให้ภาคประชาสังคม ภาคธุรกิจ ชุมชน องค์การพัฒนาเอกชน และกลุ่มผลประโยชน์ทางด้านวิชาชีพต่างๆ ได้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมสาธารณะ ดังนั้นกิจกรรมต่างๆ อันเป็นสาธารณะจึงมิได้ผูกขาดอยู่ที่ภาครัฐแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่เกิดจากปฏิสัมพันธ์อันหลากหลายของผู้คนจากหลายๆ ภาคส่วน ที่คำนึงถึงผลประโยชน์และให้ความสนใจที่จะเข้ามามีบทบาทในกิจกรรมสาธารณะ

74 การจ่ายค่าตอบแทนเป็นรายชิ้นเกี่ยวข้องกับผู้ใด

(1) Thomas R. Dye

(2) Elton Mayo

(3) Frederick W. Taylor

(4) Douglas McGregor

(5) Abraham H. Maslow

ตอบ 3 (หนังสือ POL 2300 เลขพิมพ์ 52135 หน้า 227 – 228) Frederick W. Taylor ได้เสนอ แนวทางการบริหารงานบุคคล ดังนี้

1. ต้องมีวิธีการคัดเลือกและพัฒนาคนงานโดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์

2. ต้องมีความประสานสัมพันธ์กันเป็นอย่างดีในการใช้เครื่องมือและวิธีการที่ดีที่สุดในการบริหารกับการคัดเลือกและฝึกฝนพนักงาน

3. ต้องมีการนําระบบการจ่ายค่าตอบแทนหรือค่าจ้างแบบรายชิ้น (Piece Rate System) มาใช้ในการจูงใจคนงาน ฯลฯ

75 ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศ

(1) ลดต้นทุน

(2) เพิ่มความรวดเร็ว

(3) ช่วยในการจัดเก็บข้อมูล

(4) รักษาวัฒนธรรมองค์การ

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คําบรรยาย) ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศ มีดังนี้
1. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และความรวดเร็วในการทํางาน
2. ทําให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ง่ายและสะดวกขึ้น
3. ช่วยลดต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
4. ช่วยในการจัดเก็บข้อมูลข่าวสาร ฯลฯ

76 ใครเห็นว่า การบริหารที่ปลอดจากค่านิยมนั้น แท้จริงแล้วเป็นการเมืองที่บรรจุไว้ด้วยค่านิยม

(1) Max Weber

(2) Aristotle

(3) Frederick Herzberg

(4) Woodrow Wilson

(5) Fritz Von Morstein Marx

ตอบ 5 หน้า 52 Fritz Von Morstein Marx บรรณาธิการหนังสือชื่อ Elements of Public Administration ซึ่งตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1946 เห็นว่า การบริหารที่ปลอดจากค่านิยมนั้น แท้จริงแล้วเป็นการเมืองที่บรรจุไว้ด้วยค่านิยม

77 ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับการบริหารงานท้องถิ่น

(1) การจัดการตนเองของคนในท้องถิ่น

(2) การส่งคนจากส่วนกลางเข้าไปบริหาร

(3) คือการบริหารจากส่วนกลาง

(4) การบริหารโดยไม่มีการเลือกตั้ง

(5) การจัดเก็บรายได้โดยส่วนกลางและแบ่งให้กับท้องถิ่น

ตอบ 1 (คําบรรยาย) การบริหารงานท้องถิ่น เป็นการบริหารงานภายใต้แนวคิดการกระจายอํานาจ การปกครอง โดยรัฐบาลกลางได้มอบอํานาจหน้าที่บางอย่างในการปกครองและการบริการสาธารณะให้ท้องถิ่นรับไปดําเนินการด้วยงบประมาณและบุคลากรของท้องถิ่นเอง เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนในท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการจัดการปกครองและดําเนินกิจการบางอย่างได้เองโดยมีอิสระพอสมควร เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นรวมทั้งทําให้ประชาชนในท้องถิ่นมีอํานาจในการกําหนดผู้บริหารของท้องถิ่นโดยผ่าน กระบวนการเลือกตั้ง และควบคุมตรวจสอบการทํางานของผู้บริหารท้องถิ่นได้โดยตรง

78 ผู้ใดต่อไปนี้ที่เกี่ยวข้องกับมนุษยสัมพันธ์

(1) Adam Smith

(2) Frederick W. Taylor

(3) Max Weber

(4) Elton Mayo

(5) Abraham H. Mastow

ตอบ 4 (หนังสือ POL 2300 เลขพิมพ์ 52135 หน้า 189 – 190, 230 – 231), (คำบรรยาย) George Elton Mayo เป็นผู้นำแนวคิดหรือทฤษฎีแบบมนุษยสัมพันธ์ (Human Relations Approach) มาเผยแพร่ในการบริหารองค์การ โดยได้ทำการทดลองที่เรียกว่า “Hawthorne Experiments” และพบว่า
1 ขวัญของคนงานเป็นสิ่งสำคัญและจะส่งผลต่อการปฏิบัติงาน
2 รางวัลทางจิตใจจะให้ความสุขในการปฏิบัติงานและมีผลกระตุ้นในการทำงานมากกว่ารางวัลทางเศรษฐกิจ
3 ปทัสถานทางสังคมของกลุ่มมีผลต่อประสิทธิภาพและปริมาณของงาน
4 ภาวะผู้นำ (Leadership) จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดบรรทัดฐานของกลุ่มภายในองค์การ

79. ข้อใดต่อไปนี้ถูกต้อง

(1) ผู้ว่าฯ กทม. คือการบริหารราชการส่วนภูมิภาค

(2) ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ กับผู้ว่าฯ กทม. มีที่มาเหมือนกัน

(3) ผู้ว่าราชการของทุกจังหวัดมาจากการเลือกตั้ง

(4) ผู้ว่าฯ กทม. คือการปกครองท้องถิ่น

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คำบรรยาย) กรุงเทพมหานคร (กทม.) คือ รูปแบบหนึ่งของการปกครองหรือการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น โดยมีผู้ว่าฯ กทม. เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ดังนั้นผู้ว่าฯ กทม. จึงมีที่มาจาก การเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนซึ่งแตกต่างจากผู้ว่าราชการของจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งมีที่มาจากการแต่งตั้ง

80. ใครคือผู้แต่งตำราเล่มแรกทางรัฐประศาสนศาสตร์

(1) Max Weber

(2) Woodrow Wilson

(3) Robert Golembiewski

(4) Thomas Kuhn

(5) Leonard D. White

ตอบ 5 (หน้า 47, 65) Leonard D. White ได้เขียนหนังสือชื่อ “Introduction to the Study of Public Administration” (1926) ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นตำราเรียน (Textbook) ที่สมบูรณ์เล่มแรกของสาขาวิชาการบริหารรัฐกิจหรือรัฐประศาสนศาสตร์ เขาเสนอความเห็นว่า การเมืองไม่ควรจะเข้ามาแทรกแซงการบริหาร เพราะการบริหารได้นำตัวเองไปสู่การศึกษาแบบวิทยาศาสตร์ และวิชาการบริหารรัฐกิจสามารถจะก้าวไปสู่ความเป็นศาสตร์ที่ปลอดจากค่านิยมได้ด้วยความถูกต้องชอบธรรมของตนเอง

81. ข้อใดเกี่ยวข้องกับการคลังสาธารณะ

(1) การบริหารหนี้เอกชน

(2) การควบคุมภาวะเงินเฟ้อ

(3) การบริหารรายจ่ายสาธารณะ

(4) การควบคุมอัตราแลกเปลี่ยน

(5) การกระตุ้นการบริโภค

ตอบ 3 (คำบรรยาย) การคลังสาธารณะ หมายถึง กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับรายรับและรายจ่ายของรัฐบาลเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจ ดังนั้นการคลังสาธารณะ จึงมีขอบเขตเกี่ยวข้องกับภาษีอากร งบประมาณแผ่นดิน การบริหารรายจ่ายสาธารณะ และการก่อหนี้สาธารณะ

82. ข้อใดคือมาตรการที่ดีทางภาษี

(1) จัดเก็บจากคนจำนวนน้อยมาช่วยคนส่วนใหญ่

(2) กำหนดโทษสูงสุดต่อผู้หนีภาษี

(3) การจัดเก็บรายได้จากประชาชนอย่างเสมอภาค

(4) ถูกทุกข้อ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 219 มาตรการที่ดีทางภาษี มีดังนี้
1 รายได้ของรัฐจะต้องมีเพียงพอสำหรับประเทศ
2 การจัดเก็บรายได้จากประชาชนจะต้องเป็นไปอย่างเสมอภาค
3 โครงสร้างภาษีจะส่งผลต่อเนื่องไปถึงการกำหนดนโยบายของรัฐบาลเพื่อให้เกิดความมั่นคง และการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ

83. การจัดโครงสร้างองค์การของมหาวิทยาลัยรามคำแหงโดยมีการจัดแบ่งส่วนงานออกเป็นสาขาวิทยบริการต่างๆ ทั่วประเทศ สอดคล้องกับข้อใดต่อไปนี้
(1) Product Departmentation
(2) Functional Departmentation
(3) Geographical Departmentation
(4) Customer Departmentation
(5) Process Departmentation
ตอบ 3 หน้า 118 การจัดโครงสร้างองค์การตามเขตภูมิศาสตร์หรือตามพื้นที่ (Geographical Departmentation หรือ Territorial Departmentation) เป็นการจัดโครงสร้างองค์การที่เหมาะกับองค์การขนาดใหญ่หรือองค์การที่มีภารกิจที่ต้องรับผิดชอบกว้างขวาง เพื่อทำให้เกิดความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน เป็นการกระจายอำนาจในการปฏิบัติงานให้ครอบคลุมพื้นที่ ที่ต้องรับผิดชอบ และมีความเป็นอิสระในการปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังสามารถตอบสนองความต้องการหรือแก้ปัญหาได้ตรงตามความต้องการของแต่ละพื้น พื้นที่ด้วย เช่น การจัดโครงสร้างองค์การของมหาวิทยาลัยรามคำแหงโดยมีการจัดแบ่งส่วนงานออกเป็นสาขาวิทยบริการต่างๆ ทั่วประเทศ หรือการเปิดกิจการโรงแรมตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต เกาะสมุย เกาะกูด เป็นต้น

84. ข้อใดคือประโยชน์ของการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน
(1) เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
(2) เพื่อจัดสรรและกระจายทรัพยากร
(3) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
(4) เป็นเครื่องมือในการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพ
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 หน้า 225 – 227, (คำบรรยาย) ประโยชน์ของการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดิน มีดังนี้
1 เพื่อการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
2 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
3 เพื่อการจัดสรรและกระจายทรัพยากรและรายได้
4 เพื่อเป็นเครื่องมือการบริหารที่มีประสิทธิภาพ
5 เพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติให้ดีขึ้น
6 เพื่อเสริมประสิทธิภาพของระบบเศรษฐกิจและการบริหารราชการ
7 เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินงานตามระบบประชาธิปไตย

85. ข้อใดไม่ใช่คุณลักษณะขององค์การแบบดั้งเดิม
(1) ไม่มีความยืดหยุ่น
(2) ความมั่นคงในงาน
(3) ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว
(4) เน้นกฎ ระเบียบ
(5) เน้นการสั่งการตามสายการบังคับบัญชา
ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 47. ประกอบ

86. ข้อใดไม่ใช่คุณลักษณะขององค์การแบบสิ่งมีชีวิต
(1) เน้นโครงสร้างแนวราบ
(2) เป็นทางการน้อย
(3) กระจายอำนาจการตัดสินใจ
(4) เน้นการทำงานตามสายการบังคับบัญชา
(5) ขอบข่ายการควบคุมกว้าง
ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 49. ประกอบ

87. ข้อใดเป็นการจัดโครงสร้างองค์การตามอำนาจหน้าที่ (Functional Departmentation)

(1) ฝ่ายการเงินและบัญชี ฝ่ายผลิต ฝ่ายตลาด ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์

(2) สำนักงานภาคใต้ สำนักงานภาคกลาง สำนักงานภาคเหนือ

(3) ฝ่ายลูกค้าบุคคล ฝ่ายลูกค้าองค์การ

(4) ฝ่ายรับคำสั่งซื้อ ฝ่ายจัดเตรียมสินค้า ฝ่ายบรรจุสินค้า ฝ่ายโลจิสติกส์

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 1 หน้า 117 การจัดโครงสร้างองค์การตามอำนาจหน้าที่ (Functional Departmentation) เป็นการจัดโครงสร้างองค์การโดยพิจารณาจากประเภทของงานหรือหน้าที่ในการปฏิบัติงานเป็นหลัก โดยกลุ่มของกิจกรรมที่เหมือนกันและเกี่ยวข้องกันจะถูกจัดให้อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของผู้บังคับบัญชาคนเดียวกัน การจัดโครงสร้างองค์การแบบนี้เหมาะกับองค์การที่อยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมคงที่และมีลักษณะเป็นงานประจำ เช่น การจัดโครงสร้างองค์การโดยแบ่งออกเป็น ฝ่ายการเงินและบัญชี ฝ่ายผลิต ฝ่ายตลาด ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ เป็นต้น

88. องค์การแบบ Hybrid Organization มีลักษณะอย่างไร

(1) รวมศูนย์อำนาจ

(2) มีเฉพาะในองค์การภาคประชาสังคม

(3) มีกฎระเบียบมาก

(4) ใช้โครงสร้างองค์การหลายรูปแบบผสมผสานกัน

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 125, 141 องค์การแบบผสม (Hybrid Organization) เป็นองค์การที่มีการใช้โครงสร้างองค์การหลาย ๆ รูปแบบผสมกัน เพื่อตอบสนองต่อการปฏิบัติงานที่มีความสลับซับซ้อน โดยใช้ประโยชน์จากลักษณะเด่นของรูปแบบโครงสร้างองค์การแต่ละแบบ

ตั้งแต่ข้อ 89. – 94. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

(1) Regulative Policy

(2) Distributive Policy

(3) Re-Distributive Policy

(4) Capitalization Policy

(5) Ethical Policy

89. เป็นนโยบายที่กำหนดขึ้นเพื่อวางระเบียบ หรือเป็นกติกาในการอยู่ร่วมกันของสมาชิกในสังคมอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม

ตอบ 1 หน้า 76, (คำบรรยาย) นโยบายที่เป็นกฎเกณฑ์หรือข้อบังคับ (Regulative Policy) เป็นนโยบายที่กำหนดขึ้นโดยฝ่ายนิติบัญญัติหรือฝ่ายบริหารเพื่อวางระเบียบ หรือเป็นกติกาในการอยู่ร่วมกันของสมาชิกในสังคมอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม โดยอาจจะอยู่ในรูปของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศต่าง ๆ เป็นต้น

90. นโยบายพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคใต้ เกี่ยวข้องกับนโยบายประเภทใด

ตอบ 4 หน้า 76, (คำบรรยาย) นโยบายเพื่อการลงทุน (Capitalization Policy) เป็นนโยบายที่รัฐบาลกำหนดขึ้นเพื่อใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ หรือเพื่อแสวงหาทรัพยากรใหม่ ๆ ในการริเริ่มสร้างสรรค์ คิดค้นสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาอันเป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยส่วนรวม เช่น นโยบายการพัฒนา ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ นโยบายพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกและภาคใต้ การสร้างสนามบิน การสร้างนิคมอุตสาหกรรม การสร้างท่าเรือน้ำลึก การวางท่อก๊าซ เป็นต้น

91. โครงการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกร เกี่ยวข้องกับนโยบายประเภทใด

ตอบ 3 หน้า 76, (คำบรรยาย) นโยบายเพื่อการจัดสรรทรัพยากรให้เหมาะสม (Re-Distributive Policy) เป็นนโยบายที่กำหนดขึ้นเพื่อประชาชนบางอาชีพ ผู้ประกอบการบางสาขาการผลิต
พื้นที่บางพื้นที่ตามความจําเป็น หรือเป็นนโยบายเพื่อดึงทรัพยากรจากประชาชนกลุ่มหนึ่ง ไปเป็นประโยชน์ให้ประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งที่ด้อยโอกาส เช่น นโยบายภาษี นโยบายปฏิรูปที่ดิน โครงการช่วยเหลือชาวสลัม เป็นต้น

92 โครงการช่วยเหลือชาวสลัม เกี่ยวข้องกับนโยบายประเภทใด

ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 91. ประกอบ

93 เป็นนโยบายที่ไม่มีการบังคับให้ผู้ใดปฏิบัติตาม เพียงแต่ส่งเสริมให้ประชาชนมีจิตสำนึก

ตอบ 5 หน้า 76, (คำบรรยาย) นโยบายเพื่อจริยธรรม (Ethical Policy) เป็นนโยบายของรัฐบาลที่ ไม่มีการบังคับให้ผู้ใดปฏิบัติตาม เพียงแต่ต้องการสนับสนุนหรือส่งเสริมให้ประชาชนมีความ รู้สึกสำนึกที่ดี มีจิตสำนึกในทางที่ถูกที่ควร โดยต้องการให้เจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชน มีวินัยและจริยธรรมที่ดี เช่น โครงการงดเหล้าเข้าพรรษา โครงการพลังแผ่นดิน โครงการ เมืองน่าอยู่ โครงการถนนสีขาว นโยบายหน้าบ้านน่ามอง นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว ในประเทศ นโยบายส่งเสริมให้มีน้ำใจกับนักท่องเที่ยว และการรณรงค์ต่าง ๆ เป็นต้น

94 โครงการงดเหล้าเข้าพรรษา เกี่ยวข้องกับนโยบายประเภทใด

ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 93. ประกอบ

95 ค่านิยมทางการบริหารภาครัฐที่มีประสิทธิภาพเป็นไปตามข้อใด

(1) New Public Service (NPS)

(2) New Public Governance (NPG)

(3) New Public Management (NPM)

(4) ไม่มีข้อใดถูก

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 329 – 330, 356 การจัดการภาครัฐแนวใหม่ (New Public Management : NPM) เป็นแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพในการบริหารภาครัฐ การลดบทบาทของรัฐ และเพิ่มบทบาทของเอกชน การนำแนวคิดแบบเอกชนมาใช้ในภาครัฐ การจ้างเหมาบริการ จากภาคเอกชน (Contracting-Out) การบริหารที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ของงาน (Result-Based Management) การจัดการที่เน้นการแข่งขันแบบภาคธุรกิจ (Market-Based Management) การให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีการบริหารใหม่ ๆ เพื่อความเป็นเลิศ (Neo-Managerialism) การให้อำนาจกับผู้บริหารเหมือนเป็นผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของกิจการเองหรือเรียกว่า การจัดการแบบเถ้าแก่ (Entrepreneurial Management) หรือแบบ CEO (CEO Management) เป็นต้น

96 ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับ “รายจ่ายสาธารณะ” ตามกฎของ Wagner

(1) เปลี่ยนแปลงไปตามระดับการศึกษาของประชากร

(2) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

(3) ต้องผ่านการพิจารณาอย่างรอบด้าน

(4) มีแนวโน้มลดลง

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 239 Adolp Wagner กล่าวว่า เมื่อสังคมใดเริ่มกลายเป็นสังคมอุตสาหกรรม ความสัมพันธ์ของสถาบันต่าง ๆ ทางด้านสังคม กฎหมาย และธุรกิจจะมีความซับซ้อนและ หลากหลายมากขึ้น รัฐบาลมีแนวโน้มที่จะขยายบทบาทของตนในการกำหนด กำกับ หรือ ควบคุมความหลากหลายและความซับซ้อนของความสัมพันธ์ดังกล่าว ซึ่งทำให้รัฐต้องมีรายจ่ายสาธารณะเพิ่มขึ้น

97 ข้อใดไม่ถือเป็นหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

(1) สรรหาผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ

(2) พิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ

(3) ตั้งกระทู้ถามรัฐบาล

(4) อภิปรายผลงานของรัฐบาล

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 187 – 188, (คำบรรยาย) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา (รัฐสภา) มีหน้าที่ดังนี้
1 พิจารณาออกกฎหมายประเภทต่างๆ เช่น รัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ และประมวลกฎหมาย
2 พิจารณาอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี
3 ตั้งกระทู้และอภิปรายผลงานของรัฐบาล
4 ตั้งคณะกรรมาธิการสามัญติดตามการปฏิบัติงาน

98 การจ้างเหมาบริการ (Contracting-Out) สอดคล้องกับข้อใดต่อไปนี้

(1) Good Governance

(2) New Public Management (NPM)

(3) New Public Governance (NPG)

(4) Non-Government Organization (NGO)

(5) Civil Service Organization (CSO)

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 95. ประกอบ

99 ข้อใดไม่ใช่ลักษณะด้อยของรัฐประศาสนศาสตร์ (การศึกษาการบริหารรัฐกิจ)

(1) การพัฒนาองค์ความรู้ล่าช้า

(2) ขาดเอกลักษณ์

(3) มีความเป็นสหวิทยาการ

(4) มีคุณลักษณะของความเป็นศาสตร์ที่ไม่สมบูรณ์

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 28 ลักษณะด้อยของรัฐประศาสนศาสตร์ (การศึกษาการบริหารรัฐกิจ) มีดังนี้
1 มีลักษณะของการขาดเอกลักษณ์
2 มีคุณลักษณะของความเป็นศาสตร์ที่ไม่สมบูรณ์
3 การพัฒนาองค์ความรู้ล่าช้า

100 ข้อใดต่อไปนี้กล่าวถึงข้าราชการตามทฤษฎีทางเลือกสาธารณะ (Public Choice Theory)

(1) มีแรงกระตุ้นจากผลประโยชน์ส่วนตน

(2) อุทิศตนเช่นเดียวกับอาสาสมัคร

(3) เป็นอาชีพที่มีความมั่นคง

(4) มีความก้าวหน้ามากกว่าพนักงานเอกชน

(5) ไม่มีเวลาส่วนตัว

ตอบ 1 หน้า 332 ทฤษฎีทางเลือกสาธารณะ (Public Choice Theory) อธิบายดังนี้
1 มนุษย์ถูกชักนำให้ทำงานโดยระบบการจูงใจจากองค์การทั้งโดยการให้รางวัลและการลงโทษ
2 ข้าราชการก็เหมือนคนอื่นๆ ที่มีแรงกระตุ้นจากผลประโยชน์ส่วนตัว เขาจะทำประโยชน์สูงสุดให้ตัวเอง ไม่ใช่ให้ประชาชน ด้วยค่าใช้จ่ายของที่ทำงานของเขา
3 เพื่อลดหรือจำกัดการให้บริการประชาชน หน่วยงานราชการสามารถเรียกเก็บค่าบริการ จากผู้ใช้บริการ หรือสงวนไว้สำหรับผู้มีรายได้สูง หรือขึ้นราคาค่าบริการ ฯลฯ

 

 

POL2300 การบริหารรัฐกิจเบื้องต้น s/2564

การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2564

ข้อสอบกระบวนวิชา POL 2300 การบริหารรัฐกิจเบื้องต้น

คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว

1. ข้อใดไม่ได้ประกอบด้วยหน่วยประมวลผลกลาง (CPU)

(1) Tao Bin

(2) Notebook Computer

(3) PC

(4) Smartphone

(5) Software

ตอบ 5 หน้า 298, (คำบรรยาย) หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit : CPU) ทำหน้าที่ในการควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ทั้งระบบ ซึ่งหน่วยประมวลผลกลางนี้ จะประกอบด้วย หน่วยควบคุม (Control Unit) หน่วยคำนวณคณิตศาสตร์และเชิงตรรกะ (Arithmetic and Logical Unit) และหน่วยความจำภายใน (Memory Unit) ตัวอย่างของอุปกรณ์ที่มีหน่วยประมวลผลกลาง เช่น Personal Computer (PC), Notebook Computer, Smartphone, ตู้ Tao Bin เป็นต้น

2. ตำราเล่มแรกของรัฐประศาสนศาสตร์เกี่ยวข้องกับบุคคลใดต่อไปนี้

(1) Adam Smith

(2) Leonard D. White

(3) Woodrow Wilson

(4) Max Weber

(5) ปฐม มณีโรจน์

ตอบ 2 หน้า 47, 65 Leonard D. White ได้เขียนหนังสือชื่อ “Introduction to the Study of Public Administration” (1926) ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นตำราเรียน (Textbook) ที่สมบูรณ์ เล่มแรกของสาขาวิชาการบริหารรัฐกิจหรือรัฐประศาสนศาสตร์ เขาเสนอความเห็นว่า การเมือง ไม่ควรจะเข้ามาแทรกแซงการบริหาร เพราะการบริหารได้นำตัวเองไปสู่การศึกษาแบบวิทยาศาสตร์ และวิชาการบริหารรัฐกิจสามารถจะก้าวไปสู่ความเป็นศาสตร์ที่ปลอดจากค่านิยมได้ด้วยความถูกต้องชอบธรรมของตนเอง

3. เทคโนโลยีสารสนเทศหมายถึงอะไร

(1) ความสามารถในการประมวลผลและการพัฒนาสื่อข้ามเครือข่าย

(2) การศึกษาด้านพันธุกรรมของพืชและสิ่งมีชีวิต

(3) ปฏิกิริยาทางเคมีของสารกัมมันตรังสี

(4) วิธีการผลิตสิ่งต่าง ๆ ที่ใช้วัสดุปลอดสารพิษ

(5) เครื่องมือที่ใช้ในการจัดการข้อมูล

ตอบ 1 หน้า 293 (คำบรรยาย) เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology : IT) หมายถึง การพัฒนาทางเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการประมวลผลและการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีผลทำให้เกิดการพัฒนาทางด้านต่าง ๆ ตามมา เช่น การพัฒนาสื่อข้ามเครือข่ายทั้งในรูปแบบของตัวอักษร ตัวเลข ภาพลักษณ์ ภาพเคลื่อนไหว เสียง และสี ให้สามารถเดินทางไปในระยะทางที่ห่างไกลได้ประเทศต่อประเทศ ทวีปต่อทวีป หรือแม้แต่ ติดต่อนอกโลก ทำให้สามารถโต้ตอบกันได้โดยไม่จำกัดเวลา สถานที่ ระยะทาง เพศ และวัย

4. ข้อใดไม่ใช่สภาพแวดล้อมเฉพาะขององค์การของรัฐ

(1) ประชาชนผู้รับบริการ

(2) งบประมาณแผ่นดิน

(3) ปัญหาเศรษฐกิจ

(4) ระเบียบพัสดุ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 260 – 280, (คำบรรยาย) สภาพแวดล้อมขององค์การบริหารภาครัฐ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1 สภาพแวดล้อมทั่วไปหรือสภาพแวดล้อมภายนอกองค์การ เป็นสภาพแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อการบริหารขององค์การของรัฐทุก ๆ องค์การ ได้แก่ การศึกษา ชนชั้นทางสังคม วัฒนธรรม ประเพณี ค่านิยมของประชาชน เศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยี กฎหมาย และทรัพยากรธรรมชาติ
2 สภาพแวดล้อมเฉพาะหรือสภาพแวดล้อมภายในองค์การ เป็นสภาพแวดล้อมที่มีผลกระทบโดยตรงต่อระบบการบริหารขององค์การ ซึ่งมีลักษณะเฉพาะที่จำเป็นในการดำเนินงาน สำหรับองค์การหนึ่ง ๆ แต่อาจจะไม่มีความจำเป็นสำหรับองค์การอื่น ๆ เลยก็ได้ เช่น ลูกค้า/ผู้รับบริการ คู่แข่งขัน แรงงาน/บุคลากร งบประมาณ วัตถุดิบ กฎระเบียบขององค์การ เทคโนโลยีการบริหาร ความรู้และข้อมูล ทรัพยากรที่หน่วยงานต้องใช้

5. หนังสือของผู้ใดต่อไปนี้ที่นำเสนอถึงแนวทางในการเนรมิตระบบราชการใหม่

(1) Osborne and Gaebler

(2) Leonard D. White

(3) Woodrow Wilson

(4) อุทัย เลาหวิเชียร

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 1 หน้า 331, 338 – 339, (คำบรรยาย) Osborne and Gaebler ได้เขียนหนังสือชื่อ “Reinventing Government” ในปี ค.ศ. 1992 โดยเสนอให้มีการปฏิรูปการบริหารภาครัฐหรือการเนรมิตระบบราชการใหม่ด้วยแนวทางและอุดมการณ์การจัดการภาครัฐแนวใหม่ หรือรัฐบาลแบบเถ้าแก่ ซึ่งรัฐบาลตามตัวแบบนี้ต้องมีแนวทางปฏิบัติที่สำคัญ เช่น เป็นรัฐบาลที่ชุมชนเป็นเจ้าของ (Community-Owned Government) รัฐบาลที่มีการแข่งขัน (Competitive Government) รัฐบาลที่ขับเคลื่อนโดยลูกค้า (Customer-Driven Government) รัฐบาลแบบวิสาหกิจ (Enterprising Government) หรือมีผู้นำแบบเถ้าแก่ (Entrepreneurial Leadership) เป็นต้น

6. ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับ William F. Willoughby

(1) แนวคิดทางการบริหารที่เป็นสากล

(2) หลักการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ

(3) เขียนตำราโดยเชื่อว่าการบริหารเป็นวิทยาศาสตร์

(4) เน้นการศึกษาวิธีการจัดการในโรงงานอุตสาหกรรม

(5) สถานะของวิชาการบริหารภาครัฐได้รับการยอมรับมากที่สุด

ตอบ 3 หน้า 48, 65, (คำบรรยาย) W.F. Willoughby เป็นนักวิชาการที่มีส่วนสำคัญในการบุกเบิก หรือนำเสนอพาราไดม์หลักของการบริหาร เขาได้เขียนตำราการบริหารรัฐกิจที่สมบูรณ์ที่สุด ชื่อ “Principles of Public Administration” (1927) ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นตำราเรียนที่สมบูรณ์เล่มที่สองของสาขาวิชาการบริหารรัฐกิจ โดยตำราเล่มนี้ได้ชี้ให้เห็นถึงแรงผลักดันใหม่ของสาขาวิชาการบริหารรัฐกิจว่า หลักต่าง ๆ ของการบริหารที่มีลักษณะเป็นวิทยาศาสตร์ที่แน่นอนนั้นเป็นสิ่งที่สามารถค้นพบได้ และนักบริหารสามารถจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในกิจการงานของตนได้ถ้าเขาได้เรียนรู้ว่าจะนำหลักต่าง ๆ เหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ได้อย่างไร

7. ข้อใดคือประโยชน์ของการจัดทำงบประมาณ

(1) เป็นกลไกสำคัญในการวางแผน

(2) เป็นแหล่งรายได้ของรัฐบาล

(3) เป็นเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพขององค์การ

(4) ใช้เป็นแนวทางในการกำหนดนโยบาย

(5) ใช้ควบคุมทรัพยากรมนุษย์ในองค์การ

ตอบ 1 หน้า 225, 249 – 250, (คำบรรยาย) ประโยชน์หรือความสำคัญของงบประมาณแผ่นดิน มีดังนี้ 1. เป็นทรัพยากรที่จะถูกจัดสรรเพื่อนําไปใช้ในการจัดบริการสาธารณะต่าง ๆ 2. เป็นเครื่องมือหรือกลไกสำคัญในการวางแผนของรัฐบาล 3. เป็นเครื่องมือในการควบคุมการทำงานของภาครัฐ ฯลฯ

8 ผู้ใดกล่าวว่า “วัฒนธรรมเป็นส่วนทั้งหมดที่ซับซ้อน ประกอบด้วยความรู้ ความเชื่อ ศิลปะ ศีลธรรม ประเพณี และความสามารถอื่น ๆ ที่มนุษย์ได้มาในฐานะเป็นสมาชิกของสังคม”

(1) Dwight Waldo

(2) Stephen P. Robbins.

(3) Max Weber

(4) Taylor

(5) Richard L. Daft

ตอบ 4 หน้า 266, 282 Taylor กล่าวว่า วัฒนธรรมเป็นส่วนทั้งหมดที่ซับซ้อน ประกอบด้วยความรู้ ความเชื่อ ศิลปะ ศีลธรรม กฎหมาย ประเพณี และความสามารถอื่น ๆ ที่มนุษย์ได้มาในฐานะ เป็นสมาชิกของสังคม

9 ข้อใดต่อไปนี้ที่มีความสัมพันธ์กับ Denhardt and Denhardt

(1) Bureaucracy

(2) New Public Governance (NPG)

(3) New Public Service (NPS)

(4) Theory of Needs

(5) I AM READY

ตอบ 3 (คำบรรยาย) Janet V. Denhardt and Robert B. Denhardt ได้แบ่งพาราไดม์ของ การบริหารรัฐกิจออกเป็น 3 พาราไดม์ คือ
1 การจัดการภาครัฐแนวเก่า (Old Public Management : OPM)
2 การจัดการภาครัฐแนวใหม่ (New Public Management : NPM)
3 การบริการสาธารณะแนวใหม่ (New Public Service : NPS)

10 The Functions of the Executive เป็นหนังสือที่เขียนโดยบุคคลใด

(1) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

(2) Herbert A. Simon

(3) Chester I. Barnard

(4) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์

(5) Abraham H. Mastow

ตอบ 3 หน้า 51 Chester I. Barnard เป็นผู้เขียนหนังสือชื่อ “The Functions of the Executive” (198) ซึ่งหนังสือเล่มนี้ได้มีอิทธิพลอย่างมากต่อ Herbert A. Simon โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่องานเขียนของ Simon ในหนังสือชื่อ “Administrative Behavior” ซึ่งตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1947

11 ข้อใดจัดเป็นขั้นตอนสุดท้ายในกระบวนการ “ควบคุมตรวจสอบ”

(1) การกําหนดมาตรฐาน

(2) การลงโทษ

(3) การเปรียบเทียบผลงาน

(4) การพัฒนาปรับปรุง

(5) การกําหนดวิธีการในการวัดผล

ตอบ 4 หน้า 181 กระบวนการในการควบคุมตรวจสอบ มี 4 ขั้นตอน คือ
1 การกําหนดเป้าหมาย รายละเอียด และมาตรฐานของการดําเนินงาน
2 การกําหนดวิธีการในการวัดมาตรฐานในการดําเนินงาน รวมทั้งวิธีการที่จะวัดความสําเร็จของงาน
3 การพิจารณาเปรียบเทียบผลงานกับมาตรฐานหรือเกณฑ์ที่ได้ตั้งเอาไว้
4 การดําเนินการปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่ได้วางเอาไว้

12 ข้อใดไม่ใช่บทบาทของภาคประชาสังคม

(1) ส่งเสริมบทบาทของพลเมือง

(2) ส่งผลดีต่อการบริหารงานภาครัฐ

(3) ลงสมัครรับเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น

(4) เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหาร

(5) ช่วยลดปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบในการบริหารงานภาครัฐ

ตอบ 3 หน้า 342, 357 ภาคประชาสังคม (Civil Society) คือ การรวมตัวกันของประชาชน ซึ่งอาจเป็น กลุ่ม สมาคม หรือหน่วยงานที่รัฐก่อตั้งขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามาแลกเปลี่ยนและร่วมกัน ทำให้บรรลุผลประโยชน์ของชุมชนของตน โดยบทบาทของภาคประชาสังคมนี้จะช่วยส่งเสริม
บทบาทของพลเมือง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการบริหารงานภาครัฐและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารและยังช่วยลดปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบในการบริหารงานภาครัฐอีกด้วย

13 ข้อใดมิใช่หน้าที่ของนักบริหารตามที่ Luther Gulick และ Lyndall Urwick เสนอ

(1) Planning (การวางแผน)

(2) Organizing (การจัดองค์การ)

(3) Staffing (การจัดบุคคลเข้าทํางาน)

(4) Coordinating (การประสานงาน)

(5) Fighting

ตอบ 5 หน้า 49 – 50, 64 – 65, (คำบรรยาย) Luther H. Gulick และ Lyndall Urwick ได้เสนอว่า หน้าที่สำคัญของหัวหน้าฝ่ายบริหารมี 7 ประการ โดยสรุปเป็นคำย่อว่า POSDCORB ซึ่งประกอบด้วย
P = Planning (การวางแผน)
O = Organizing (การจัดองค์การ)
S = Staffing (การจัดบุคคลเข้าทํางาน)
D = Directing (การอำนวยการ)
Co = Coordinating (การประสานงาน)
R = Reporting (การรายงานผลการปฏิบัติงาน)
B = Budgeting (การจัดทํางบประมาณ)

14 คณะกรรมการชุดใดมีหน้าที่ในการบริหารงานบุคคล

(1) ป.ป.ช.

(2) สตง.

(3) ก.พ.

(4) กกต.

(5) สตช.

ตอบ 3 หน้า 159 คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ในการบริหารงานบุคคล โดยทำหน้าที่กำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลภาครัฐทั้งหมด ตั้งแต่ การกำหนดตำแหน่ง ค่าตอบแทน สวัสดิการและผลประโยชน์เกื้อกูล การแต่งตั้ง การโยกย้าย การเลื่อนตำแหน่ง การประเมินผลการปฏิบัติงาน วินัย การลงโทษ และการให้บุคลากรพ้นจากราชการ

15 ข้อใดที่มิใช่เงื่อนไขสำคัญของภาษีอากร

(1) เพื่อนําเงินไปใช้เพื่อกิจการสาธารณะ

(2) การที่รัฐต้องให้ประโยชน์ตอบแทนโดยตรงแก่ผู้ชําระภาษี

(3) เก็บจากผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจที่มั่นคงเท่านั้น

(4) เป็นเครื่องมือหลักในการหารายได้ของรัฐ

(5) เป็นการบังคับจัดเก็บจากรัฐ

ตอบ 2, 3 หน้า 216 ภาษีอากร เป็นเครื่องมือหลักในการหารายได้ของรัฐ ซึ่งรัฐบังคับจัดเก็บจากบุคคลผู้มีรายได้เพื่อใช้ในการบริหารประเทศและกิจการสาธารณะ โดยผู้ชําระภาษีจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนทางอ้อม เพราะว่ารัฐนำเงินภาษีไปใช้จ่ายในการทํานุบํารุงประเทศ อันเป็นสาธารณประโยชน์ต่อคนทั่วไปที่อาศัยอยู่ในประเทศ

16 ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับนโยบายที่เป็นกฎเกณฑ์ (Regulative Policy)

(1) กำหนดขึ้นเพื่อให้สมาชิกในสังคมสามารถอยู่ร่วมกันได้

(2) กำหนดโดยฝ่ายนิติบัญญัติ

(3) อาจอยู่ในรูปของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ

(4) กำหนดโดยฝ่ายบริหาร

(5) มีวัตถุประสงค์เพื่อการจัดสรรทรัพยากรอย่างเป็นธรรม

ตอบ 5 หน้า 76, (คำบรรยาย) นโยบายที่เป็นกฎเกณฑ์หรือข้อบังคับ (Regulative Policy) เป็นนโยบายที่กำหนดขึ้นโดยฝ่ายนิติบัญญัติหรือฝ่ายบริหารเพื่อวางระเบียบ หรือเป็นกติกาในการอยู่ร่วมกันของสมาชิกในสังคมอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม โดยอาจอยู่ในรูปของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศต่าง ๆ เป็นต้น

17 ข้อใดคือมาตรการทางภาษีที่ดี

(1) ควรจัดเก็บภาษีทางอ้อมให้มากกว่าภาษีทางตรง

(2) ทํารายได้สูงสุดให้รัฐ

(3) จัดเก็บจากประชาชนทุกคนโดยไม่มีข้อยกเว้น

(4) เป็นไปอย่างเสมอภาค

(5) ควรจัดเก็บจากคนในเมืองมากกว่าคนชนบท

ตอบ 4 หน้า 219 มาตรการทางภาษีที่ดี มีดังนี้
1 รายได้ของรัฐจะต้องมีเพียงพอสำหรับประเทศ
2 การจัดเก็บรายได้จากประชาชนจะต้องเป็นไปอย่างเสมอภาค
3 โครงสร้างภาษีจะส่งผลต่อเนื่องไปถึงการกำหนดนโยบายของรัฐบาลเพื่อให้เกิดความมั่นคงและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ

18. ข้อใดไม่จัดว่าเป็นบทบาทและหน้าที่ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์

(1) ตรวจสอบรายงานใช้จ่ายงบประมาณด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์

(2) พัฒนาบุคลากร

(3) วางแผนอัตรากำลัง

(4) กำหนดวิธีการในการดึงดูดความสนใจในการสมัครงาน

(5) พิจารณาด้านค่าตอบแทน

ตอบ 1 หน้า 172 (หนังสือ POL 2300 เลขพิมพ์ 52135 หน้า 246), (คำบรรยาย) บทบาทและหน้าที่ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ มีดังนี้
1 คิดค้นวิธีการในการกำหนดหรือระบุตำแหน่งในองค์การ
2 กำหนดวิธีการในการดึงดูดความสนใจในการสมัครงาน การคัดเลือก และการบรรจุพนักงาน
3 วางแผนอัตรากำลัง
4 พัฒนาบุคลากร
5 ประเมินผลการปฏิบัติงาน
6 พิจารณาด้านค่าตอบแทน สวัสดิการและผลประโยชน์ตอบแทนต่างๆ ฯลฯ

19. ข้อใดไม่ใช่สาเหตุของปัญหาโลกร้อน

(1) หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงมีน้อยเกินไป

(2) การจราจรที่ติดขัด

(3) การเผาในที่โล่ง

(4) การคมนาคมขนส่ง

(5) วัฒนธรรมในการบริโภคแบบใช้แล้วทิ้ง

ตอบ 1 (คำบรรยาย) สาเหตุของปัญหาโลกร้อน ได้แก่
1 การปล่อยก๊าซพิษต่างๆ จากโรงงานอุตสาหกรรม
2 การเผาไหม้เชื้อเพลิงต่างๆ จากการคมนาคมขนส่ง และการจราจรที่ติดขัด
3 การเผาในที่โล่ง (Open Burning) และพื้นที่การเกษตร
4 วัฒนธรรมในการบริโภคแบบใช้แล้วทิ้ง โดยเฉพาะถุงและขยะพลาสติก
5 การตัดและทำลายป่าไม้ ฯลฯ

20. ข้อใดคือความต้องการขั้นที่สองตามทฤษฎีความต้องการตามลำดับขั้น

(1) ความต้องการความปลอดภัย

(2) ความต้องการการยอมรับ

(3) ความต้องการพื้นฐานทางกายภาพ

(4) ความต้องการความสำเร็จ

(5) ความต้องการความรัก

ตอบ 1 (หนังสือ POLL 2300 เลขพิมพ์ 52135 หน้า 340 – 341), (คำบรรยาย) Abraham H. Maslow ได้เสนอแนวทางการบริหารงานบุคคลว่า ผู้บริหารจะต้องรู้และเข้าใจถึงความต้องการของคนในองค์การ ซึ่งมีลักษณะเป็นลำดับขั้นจากต่ำสุดไปสูงสุดตามทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการ (Hierarchy’s Needs Theory) ทั้งนี้เมื่อความต้องการในลำดับต้นได้รับการตอบสนองแล้ว มนุษย์ก็จะมีความต้องการในลำดับขั้นที่สูงขึ้นต่อไป ซึ่งความต้องการทั้ง 5 ลำดับขั้น ประกอบด้วย
1 ความต้องการทางกายภาพหรือชีววิทยา (Physiological Needs หรือ Biological Needs)
2 ความต้องการความปลอดภัยในชีวิต (Security Needs หรือ Safety Needs)
3 ความต้องการที่จะเข้าร่วมในสังคมหรือความต้องการการยอมรับ (Social Needs หรือ Love Needs)
4 ความต้องการที่จะได้รับความสำเร็จในหน้าที่การงาน (Esteem Needs หรือ Ego Needs หรือ Status Needs)
5 ความต้องการที่จะได้รับความสำเร็จในชีวิต ตามอุดมการณ์ที่ตัวเองตั้งไว้ (Self-Actualization Needs หรือ Self-Realization Needs)

21. ข้อใดแสดงถึงความเป็น “ศาสตร์” ของการบริหารรัฐกิจ

(1) มีการรวบรวมความรู้อย่างเป็นระบบ

(2) หยิบยืมความรู้ของการบริหารธุรกิจมาใช้

(3) ถ่ายทอดองค์ความรู้ได้

(4) ตัวเลือกที่ 1 และ 2 ถูกต้อง

(5) ตัวเลือกที่ 1 และ 3 ถูกต้อง

ตอบ 5 หน้า 6-7, 36, 38-39 การศึกษาการบริหารรัฐกิจ (การบริหารราชการ) มีลักษณะที่เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ กล่าวคือ
1 ในฐานะที่มีความเป็นศาสตร์ (Science) คือ การมองในด้านของการเป็นสาขาวิชาการหรือองค์ความรู้ ซึ่งหมายถึงเฉพาะวิชารัฐประศาสนศาสตร์ (Public Administration) อันเป็นวิชาที่ว่าด้วยการศึกษาแนวความคิดและทฤษฎีการบริหารงานในภาครัฐ เป็นวิชาที่มีการรวบรวมเป็นระบบ มีหลักการ มีกฎเกณฑ์ที่สามารถศึกษาได้ และนำมาถ่ายทอดให้ความรู้กันได้
2 ในฐานะที่มีความเป็นศิลป์ (Art) คือ การมองในด้านการปฏิบัติงาน เรียกว่า การบริหารรัฐกิจ (public administration) ซึ่งเป็นการศึกษากิจกรรมของการบริหารงานในภาครัฐ ได้แก่ การใช้ศิลปะในการอำนวยการ การร่วมมือประสานงานกัน การควบคุมคนจำนวนมาก การมีความคิดสร้างสรรค์ การนำทรัพยากรมาใช้ในการบริหาร ตลอดจนการแก้ไขปัญหา และอุปสรรคต่าง ๆ โดยอาศัยความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ และทักษะของนักบริหารแต่ละคนเข้ามาเป็นเครื่องช่วย

22. การจัดทำร่างนโยบายอยู่ในขั้นตอนใด

(1) การอนุมัติและประกาศนโยบาย

(2) การนำนโยบายไปปฏิบัติ

(3) การเตรียมและเสนอนโยบาย

(4) การก่อตัวของนโยบาย

(5) การปรับปรุงแก้ไขนโยบาย

ตอบ 3 หน้า 88, 108 ขั้นตอนการเตรียมและเสนอนโยบาย (Policy Formulation) ประกอบด้วย
1 การกำหนดวัตถุประสงค์
2 การกำหนดทางเลือก
3 การจัดทำร่างนโยบาย

23. ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับผลประโยชน์สาธารณะ

(1) กรอบทางแนวคิดทฤษฎีที่ชุมชนวิชาการให้การยอมรับในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง

(2) วัตถุประสงค์ของการบริหารภาครัฐ

(3) หมายถึง การบริหาร มักใช้ในความหมายของการบริหารภาคเอกชน

(4) หมายถึง การบริหาร มักใช้ในความหมายของการบริหารภาครัฐ

(5) สถานภาพของวิชาทางการบริหารภาครัฐ

ตอบ 2 หน้า 12 การบริหารภาครัฐหรือการบริหารรัฐกิจ (Public Administration) มีวัตถุประสงค์ เพื่อจัดทำบริการสาธารณะในด้านต่าง ๆ สนองความต้องการส่วนรวมของประชาชน ดังนั้น การบริหารภาครัฐจึงมุ่งเน้นผลประโยชน์สาธารณะหรือความพอใจของประชาชนเป็นหลัก ซึ่งแตกต่างจากการบริหารธุรกิจ (Business Administration) ที่มุ่งเน้นผลกำไรเพื่อความอยู่รอดของหน่วยงานเป็นหลัก

24. นโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษจัดเป็นนโยบายประเภทใด

(1) Distributive Policy

(2) Capitalization Policy

(3) Re-Distributive Policy

(4) Regulative Policy

(5) Ethical Policy

ตอบ 2 หน้า 76, (คำบรรยาย) นโยบายเพื่อการลงทุน (Capitalization Policy) เป็นนโยบายที่รัฐบาลกำหนดขึ้นเพื่อใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ หรือเพื่อแสวงหาทรัพยากรใหม่ ๆ ในการริเริ่มสร้างสรรค์คิดค้นสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาอันเป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยส่วนรวม เช่น นโยบายการพัฒนา ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ นโยบายพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกและภาคใต้ การสร้างสนามบิน การสร้างนิคมอุตสาหกรรม การสร้างท่าเรือน้ำลึก การวางท่อก๊าซ เป็นต้น

25 ข้อใดต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นฝ่ายบริหาร (Executive Branch)

(1) นายกรัฐมนตรี

(2) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

(3) รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

(4) คณะรัฐมนตรี

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 2 หน้า 8 – 9, (คำบรรยาย) อำนาจอธิปไตย แบ่งออกเป็น 3 ฝ่าย คือ
1 ฝ่ายนิติบัญญัติ คือ รัฐสภา ประกอบด้วย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ทำหน้าที่ในการตรากฎหมายขึ้นมาใช้ภายในประเทศ
2 ฝ่ายบริหาร คือ รัฐบาลหรือคณะรัฐมนตรี (นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี) ทำหน้าที่ในการ บริหารประเทศให้เป็นไปตามกฎหมาย
3 ฝ่ายตุลาการ คือ ศาล ทำหน้าที่ในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีให้เป็นไปตามตัวบทกฎหมาย

26 ข้อใดไม่ใช่วินัย 5 ประการในการสร้างองค์การแห่งการเรียนรู้

(1) ความรอบรู้แห่งตน

(2) แบบแผนของความคิด

(3) การเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีม

(4) การมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน

(5) การคิดนอกกรอบ

ตอบ 5 หน้า 130, 138 Peter Senge ได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับองค์การแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization) โดยเห็นว่า การสร้างองค์การแห่งการเรียนรู้ต้องอาศัยวินัย 5 ประการ คือ 1. ความรอบรู้แห่งตน (Personal Mastery) 2. แบบแผนของความคิด (Mental Model) 3. การเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีม (Team Learning) 4. การมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน (Shared Vision) 5. การคิดอย่างเป็นระบบ (Systems Thinking)

27 ข้อใดสอดคล้องกับ One Best Way

(1) ระบบราชการ

(2) การจัดการเชิงวิทยาศาสตร์

(3) การเปลี่ยนแปลงส่วนเพิ่ม

(4) โครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ

(5) หน้าที่นักบริหาร

ตอบ 2 หน้า 48, (หนังสือ POL 2300 เลขพิมพ์ 52135 หน้า 179 – 181, 227 – 228) Frederick W. Taylor เป็นผู้ริเริ่มบุกเบิกหลักการบริหารที่เรียกว่า “การจัดการแบบวิทยาศาสตร์” (Scientific Management) ซึ่งประกอบด้วย 1. Specialization คือ การทำงานตามความชำนาญเฉพาะอย่าง โดยจัดให้มีการแบ่งงานกันทำ (Division of Work) ตามทักษะและความชำนาญของแต่ละคน 2. The One Best Way คือ การแสวงหาวิธีการทำงานที่ดีที่สุด โดยศึกษาจากเรื่องเวลา การปฏิบัติงานและท่าทางการเคลื่อนไหว (Time and Motion Study) 3. Incentive Wage System คือ ระบบการจูงใจคนงาน โดยใช้วิธีกำหนดมาตรฐานการทำงาน และกำหนดค่าตอบแทนหรือค่าจ้างเป็นรายชิ้น (Per Piece Wage)

28 แนวคิดเชิงอุดมการณ์แนวคิดใดที่มีอิทธิพลต่อการจัดการภาครัฐแนวใหม่

(1) แนวคิดแบบเผด็จการอำนาจนิยม

(2) แนวคิดแบบเสรีนิยมใหม่

(3) แนวคิดแบบอนุรักษนิยม

(4) แนวคิดของโจ ไบเดน

(5) แนวคิดแบบสังคมนิยม

ตอบ 2 หน้า 330 – 331, 356 การจัดการภาครัฐแนวใหม่ (New Public Management) ได้รับ อิทธิพลแนวคิดเชิงอุดมการณ์มาจากแนวคิดแบบเสรีนิยมใหม่ (Neo-Liberalism) โดยแนวคิดการจัดการภาครัฐแนวใหม่ถือเป็นแนวคิดหลักที่ใช้ในการปฏิรูประบบราชการของประเทศต่าง ๆ ซึ่งประเทศแรกที่ริเริ่มนําแนวคิดนี้มาใช้ คือ ประเทศอังกฤษ (England) ในสมัยนางมาร์กาเร็ต แทซเซอร์ (Margaret Thatcher) เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมาแนวคิดนี้ก็ได้ถูกนําไปใช้ในการปฏิรูป ระบบราชการในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย

29. ข้อใดไม่ถือเป็นนโยบายที่มีส่วนในการแก้ปัญหาปรากฏการณ์เรือนกระจก

(1) ลดการอุดหนุนราคาพลังงาน

(2) เพิ่มพื้นที่สีเขียว

(3) ส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะ

(4) สนับสนุนให้ประชาชนมีรถยนต์เป็นของตนเอง

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 (คําบรรยาย) นโยบายที่มีส่วนในการแก้ปัญหาปรากฏการณ์เรือนกระจก (Greenhouse Effect) มีดังนี้
1 นโยบายลดการอุดหนุนราคาพลังงาน เพราะเมื่อใดที่ราคาน้ํามันสูงขึ้น ปริมาณการใช้รถยนต์จะน้อยลง
2 นโยบายส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะแทนการใช้รถยนต์ส่วนตัว
3 นโยบายเพิ่มพื้นที่สีเขียว โดยการปลูกต้นไม้เพื่อช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
4 นโยบายสนับสนุนการใช้พลังงานชีวภาพ เช่น ไบโอดีเซล เอทานอล ฯลฯ

30. ปรัชญาของการจัดการที่มุ่งเน้นในรูปของกําไรเป็นส่วนหนึ่งของสาขาวิชาใด

(1) Administration

(2) Management

(3) Public Administration

(4) Business Administration

(5) Political Science

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 23. ประกอบ

31. ข้อใดไม่ใช่องค์การที่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบการใช้อํานาจรัฐ

(1) ผู้ตรวจการแผ่นดิน

(2) ศาลปกครอง

(3) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

(4) สํานักนายกรัฐมนตรี

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 185 – 190, 203 องค์การที่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบการใช้อํานาจรัฐ ได้แก่ ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน คณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ศาลปกครอง เป็นต้น

32. ข้อใดคือประโยชน์ของการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน

(1) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

(2) เพื่อการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

(3) เพื่อการจัดสรรและกระจายทรัพยากร

(4) เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพ

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 หน้า 225 – 227, (คําบรรยาย) ประโยชน์ของการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดิน มีดังนี้
1 เพื่อการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
2 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
3 เพื่อการจัดสรรและกระจายทรัพยากรและรายได้
4 เพื่อเป็นเครื่องมือการบริหารที่มีประสิทธิภาพ
5 เพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติให้ดีขึ้น
6 เพื่อเสริมประสิทธิภาพของระบบเศรษฐกิจและการบริหารราชการ
7 เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการดําเนินงานตามระบบประชาธิปไตย

33. ข้อใดไม่ใช่คุณลักษณะของระบบราชการ (Bureaucracy)

(1) มีความยืดหยุ่นสูง

(2) มีสายการบังคับบัญชา

(3) มีความเป็นทางการ

(4) ไม่เน้นความเป็นส่วนตัว

(5) จ้างงานตลอดชีพ

ตอบ 1

(หน้า 123 – 124, คำบรรยาย) องค์การแบบระบบราชการ (Bureaucracy) ตามแนวคิดของ Max Weber มีลักษณะดังนี้
1 มีการแบ่งงานกันทำตามความถนัดหรือความชำนาญเฉพาะด้าน
2 มีการกำหนดอำนาจหน้าที่ตามสายการบังคับบัญชา
3 มีการคัดเลือกบุคคลอย่างเป็นทางการ
4 มีกฎ ระเบียบ และความเป็นทางการ
5 ไม่เน้นความเป็นส่วนตัว
6 เน้นการปฏิบัติงานเป็นอาชีพ
7 เน้นการจ้างงานตลอดชีพ

34. ผู้ใดโจมตีหลักการบริหารว่าเป็นเพียง “ภาษิตทางการบริหาร”

(1) Henri Fayol

(2) Frederick W. Taylor

(3) Herbert A. Simon

(4) Luther H. Gulick

(5) Max Weber

ตอบ 3 หน้า 52 Herbert A. Simon ได้เสนอความเห็นไว้ในบทความเรื่อง “The Proverbs of Administration” (1946) ว่า หลักต่าง ๆ ของการบริหารรัฐกิจที่ได้กำหนดขึ้นมานั้นใช้ไม่ได้ ในทางปฏิบัติ จะเป็นได้ก็เพียงแค่ภาษิตทางการบริหาร

35. ข้อใดต่อไปนี้อธิบายถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ดีที่สุด

(1) การรวมศูนย์อำนาจ

(2) การกระจายอำนาจ

(3) การแบ่งอำนาจ

(4) การรวบอำนาจ

(5) การหวงอำนาจ

ตอบ 2 (คำบรรยาย) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นการปกครองตามหลักการกระจายอำนาจ เพื่อให้ท้องถิ่นได้มีอิสระในการดูแลปกครองตนเองตามเจตนารมณ์ของประชาชนในท้องถิ่น ปัจจุบันองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของไทยมี 5 ประเภท คือ องค์การบริหารส่วนตำบล เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา

36. การจ้างเหมาบริการ (Contracting-Out) สอดคล้องกับข้อใดต่อไปนี้

(1) New Public Governance (NPG)

(2) Good Governance

(3) New Public Management (NPM)

(4) Non-Government Organization (NGO)

(5) Civil Service Organization (CSO)

ตอบ 3 หน้า 329 – 330, 356 การจัดการภาครัฐแนวใหม่ (New Public Management : NPM) เป็น แนวคิดที่ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพในการบริหารภาครัฐ การลดบทบาทของรัฐและเพิ่มบทบาทของเอกชน การนำแนวคิดแบบเอกชนมาใช้ในภาครัฐ การจ้างเหมาบริการจากภาคเอกชน (Contracting-Cut) การบริหารที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ของงาน (Result-Based Management) การจัดการที่เน้นการแข่งขันแบบภาคธุรกิจ (Market-Based Management) การให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีการบริหารใหม่ ๆ เพื่อความเป็นเลิศ (Neo-Managerialism) การให้อำนาจกับผู้บริหารเหมือนเป็นผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของกิจการเองหรือเรียกว่า การจัดการแบบเถ้าแก่ (Entrepreneurial Management) หรือแบบ CEO (CEO Management) เป็นต้น

37. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการจัดการภาครัฐแนวใหม่ (New Public Management)

(1) เน้นการลดบทบาทของรัฐและเพิ่มบทบาทเอกชน

(2) การนำแนวคิดแบบเอกชนมาใช้ในภาครัฐ

(3) การมุ่งเน้นประสิทธิภาพ

(4) การจ้างเหมาบริการจากภาคเอกชน

(5) การยึดค่านิยมสาธารณะ

ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 36. ประกอบ

38. ข้อใดไม่ใช่ความแตกต่างระหว่างการบริหารรัฐกิจและการบริหารธุรกิจ

(1) วัตถุประสงค์ในการดําเนินงาน

(2) ที่มาของทุนในการดําเนินงาน

(3) กระบวนการในการบริหาร

(4) กลไกการตรวจสอบ

(5) คู่แข่งในการดําเนินงาน

ตอบ 3 หน้า 12 – 14, 37 – 39, (คําบรรยาย) การบริหารรัฐกิจ (เช่น การบริหารงานของผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร) และการบริหารธุรกิจ (เช่น การบริหารงานของ CEO ธุรกิจสตาร์ทอัพ) มีสิ่งที่แตกต่างกัน ดังนี้
1 วัตถุประสงค์ในการดําเนินงาน
2 ขนาดความรับผิดชอบ
3 แหล่งที่มาของทุนในการดําเนินงาน
4 การกําหนดราคาสินค้าและบริการ
5 คู่แข่งขันในการดําเนินงาน
6 การคงอยู่
7 การเป็นไปตามกฎหมาย
8 บทบาทของประชาชนในการกํากับดูแล และความพร้อมในการตรวจสอบจากสาธารณะ

39. การส่งเสริมให้ผู้พิการได้รับกายอุปกรณ์เป็นนโยบายด้านใด

(1) นโยบายการเงิน

(2) นโยบายด้านสวัสดิการสังคม

(3) นโยบายด้านศาสนาและศิลปะ

(4) นโยบายด้านสาธารณสุข

(5) นโยบายด้านการศึกษา

ตอบ 2 หน้า 95 – 96, (คําบรรยาย) นโยบายด้านสวัสดิการสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีดังนี้
1 แก้ไขปัญหาความยากจน โดยการจัดหาที่ดินทํากินให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ส่งเสริมอาชีพและรายได้
2 ปรับโครงสร้างหนี้ภาคประชาชน
3 สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ในกลุ่มผู้สูงอายุ
4 ส่งเสริมการจัดสวัสดิการทางสังคมที่เหมาะสมแก่ผู้ยากไร้ ผู้พิการหรือทุพพลภาพ เช่น ส่งเสริมให้ผู้พิการได้รับกายอุปกรณ์ ฯลฯ

40. องค์การแบบผสม (Hybrid Organization) มีลักษณะอย่างไร

(1) มีเฉพาะในองค์การภาคประชาสังคม

(2) รวมศูนย์อํานาจ

(3) ใช้โครงสร้างองค์การหลายรูปแบบผสมกัน เพื่อตอบสนองต่อการปฏิบัติงานที่มีความสลับซับซ้อน

(4) มีกฎระเบียบมาก

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 125, 141 องค์การแบบผสม (Hybrid Organization) เป็นองค์การที่มีการใช้โครงสร้าง องค์การหลาย ๆ รูปแบบผสมกัน เพื่อตอบสนองต่อการปฏิบัติงานที่มีความสลับซับซ้อน โดยใช้ประโยชน์จากลักษณะเด่นของรูปแบบโครงสร้างองค์การแต่ละแบบ

41. ข้อใดไม่ใช่ขั้นตอนในการบริหารงานบุคคลภาครัฐ

(1) การวางแผนทรัพยากรบุคคล

(2) การได้มาซึ่งบุคลากร

(3) การประเมินผลการปฏิบัติงาน

(4) การสอบสวนทางวินัย

(5) การพ้นสภาพการเป็นบุคลากร

ตอบ 4 หน้า 163 – 164 การบริหารงานบุคคลภาครัฐ ประกอบด้วยขั้นตอนสําคัญ 6 ขั้นตอน คือ
1 การวางแผนทรัพยากรบุคคล
2 การได้มาซึ่งบุคลากร การโอนย้ายและแต่งตั้ง
3 การพัฒนาบุคลากร
4 การใช้ประโยชน์จากบุคลากร
5 การประเมินผลการปฏิบัติงาน
6 การพ้นสภาพการเป็นบุคลากร

42. ใครเป็นผู้นําเสนอแนวคิด POSDCORB

(1) Henri Fayol and Elton Mayo

(2) Luther H. Gulick and Lyndall Urwick

(3) Frederick W. Taylor

(4) Herbert A. Simon.

(5) Max Weber

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 13. ประกอบ

43. การจัดการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมมีส่วนสนับสนุนหลักการในข้อใด

(1) หลักความโปร่งใส เป็นธรรม

(2) หลักการมีส่วนร่วมของประชาชน

(3) หลักการรับผิดชอบต่อสังคม

(4) หลักการกลไกการเมืองที่ชอบธรรม

(5) หลักธรรมาภิบาล

ตอบ 4 (คำบรรยาย) หลักการกลไกการเมืองที่ชอบธรรม หมายถึง ความชอบธรรมที่เกี่ยวพันกับความสามารถของระบบที่จะก่อให้เกิดและรักษาไว้ซึ่งความเชื่อที่ว่าการคงอยู่ของระบบเป็นความพึงพอใจสูงสุดของสังคม ไม่ว่าจะเป็นการจัดให้มีการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม หรือการให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน

44. ข้อใดเป็น “สิทธิเสรีภาพโดยทั่วไปของชนชาวไทย”

(1) การชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ

(2) การรวมกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย

(3) การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของทางราชการ

(4) การสื่อสารถึงกันโดยทางที่ชอบด้วยกฎหมาย

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 หน้า 191 – 192 สิทธิเสรีภาพโดยทั่วไปของชนชาวไทย มีดังนี้
1 การชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ
2 การรวมกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย
3 การติดต่อสื่อสารถึงกันโดยทางที่ชอบด้วยกฎหมาย
4 การอนุรักษ์และฟื้นฟูจารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่นและของชาติ
5 การได้รับบริการสาธารณสุข และสวัสดิการจากรัฐ
6 การเข้าถึงข้อมูลหรือข่าวสารสาธารณะในครอบครองของทางราชการ

45. ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับ Herbert A. Simon

(1) การวิเคราะห์กระบวนการในการตัดสินใจ

(2) ข้อจำกัดหรือขอบเขตของเหตุผล (Bounded Rationality)

(3) ภาษิตทางการบริหาร (The Proverbs of Administration)

(4) การศึกษาความต้องการของมนุษย์

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 53 Herbert A. Simon ได้อธิบายว่า หลักต่าง ๆ ของการบริหารประสบกับปัญหาสําคัญ คือ ข้อจํากัดของความมีเหตุผล ซึ่งเกิดจากข้อจํากัดของบุคคลแต่ละคนใน 3 ประการ ดังนี้ 1. ข้อจํากัดเกี่ยวกับความชํานาญ นิสัย และสัญชาตญาณ 2. ข้อจํากัดเกี่ยวกับค่านิยมและ แนวความคิดเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ 3. ข้อจํากัดเกี่ยวกับความรู้และข้อมูลข่าวสาร นอกจากนี้ Simon ยังได้เสนอสิ่งที่เป็นหัวใจของการศึกษาว่า การที่จะเข้าใจได้ว่าภายใต้เงื่อนไขอะไรที่ หลักของการบริหารอันไหนจะสามารถนําไปใช้ปฏิบัติได้นั้นจะต้องอาศัยการศึกษาวิเคราะห์ กระบวนการการบริหารในแง่ของการตัดสินใจ ส่วนการศึกษาความต้องการของมนุษย์นั้น เป็นผลงานของ Abraham H. Maslow (ดูคําอธิบายข้อ 20. และ 34. ประกอบ)

46. ข้อใดต่อไปนี้กล่าวถึงข้าราชการตามทฤษฎีทางเลือกสาธารณะ (Public Choice Theory)

(1) ข้าราชการมีโอกาสเติบโตในสายงานมากกว่าเอกชน

(2) ข้าราชการอุทิศตนเช่นเดียวกับอาสาสมัคร

(3) ข้าราชการคืออาชีพที่มีความมั่นคง

(4) ข้าราชการมีแรงกระตุ้นจากผลประโยชน์ส่วนตน

(5) ข้าราชการไม่มีเวลาส่วนตัว

ตอบ 4 หน้า 332 ทฤษฎีทางเลือกสาธารณะ (Public Choice Theory) อธิบายดังนี้
1 มนุษย์ถูกชักนําให้ทํางานโดยระบบการจูงใจจากองค์การทั้งโดยการให้รางวัลและการลงโทษ
2 ข้าราชการก็เหมือนคนอื่น ๆ ที่มีแรงกระตุ้นจากผลประโยชน์ส่วนตัว เขาจะทําประโยชน์ สูงสุดให้ตัวเอง ไม่ใช่ให้ประชาชน ด้วยค่าใช้จ่ายของที่ทํางานของเขา
3 เพื่อลดหรือจํากัดการให้บริการประชาชน หน่วยงานราชการสามารถเรียกเก็บค่าบริการ จากผู้ใช้บริการ หรือสงวนไว้สําหรับผู้มีรายได้สูง หรือขึ้นราคาค่าบริการ ฯลฯ

47. การจัดทําประชาคมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสอดคล้องกับหลักการข้อใด

(1) หลักการมีส่วนร่วม

(2) หลักการรับผิดชอบต่อสังคม

(3) หลักธรรมคําสอนของศาสนา

(4) หลักประสิทธิภาพ

(5) หลักยุติธรรม

ตอบ 1 (คําบรรยาย) หลักการมีส่วนร่วม คือ การทําให้สังคมเป็นสังคมที่ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ และร่วมแสดงความเห็นในการตัดสินใจที่สําคัญของสังคม โดยเปิดโอกาสให้ประชาชน มีช่องทางในการเข้ามามีส่วนร่วม เช่น การทําประชาพิจารณ์ การแสดงประชามติ การทําประชาคม เป็นต้น

48. ข้อใดอยู่ในขั้นตอนของการก่อตัวของนโยบาย (Policy Formation)

(1) การนํานโยบายไปสู่การปฏิบัติ

(2) การอนุมัติ

(3) การจัดลําดับความสําคัญของปัญหา

(4) การประเมินผลนโยบาย

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 (คําบรรยาย) หน้า 87 ขั้นตอนการก่อตัวของนโยบาย (Policy Formation) ประกอบด้วย 1. การพิจารณาปัญหาหรือความต้องการของประชาชน 2. การพิจารณาเวลาที่เกิดปัญหา 3. ปัญหาที่รัฐบาลสนใจ 4. การจัดลําดับความสําคัญของปัญหา

49. หลักการบริหารบ้านเมืองที่ดี 6 ประการ หมายถึง

(1) หลักการรับผิดชอบต่อสังคม

(2) หลักธรรมาภิบาล

(3) หลักคุณธรรม

(4) หลักการมีส่วนร่วมของประชาชน

(5) หลักของระบบอาวุโส

ตอบ 2 (คําบรรยาย) หลักธรรมาภิบาล หรือหลักธรรมรัฐ หรือหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (Good Governance) มีองค์ประกอบที่สําคัญ 6 ประการ ดังนี้ 1. หลักนิติธรรม 2. หลักคุณธรรม 3. หลักความโปร่งใส 4. หลักความมีส่วนร่วม 5. หลักความรับผิดชอบ 6. หลักความคุ้มค่า

50. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับ Interdisciplinary

(1) หมายถึง การบริหาร มักใช้ในความหมายของการบริหารภาคเอกชน

(2) สถานภาพของวิชาทางการบริหารภาครัฐ

(3) หมายถึง การบริหาร มักใช้ในความหมายของการบริหารภาครัฐ

(4) กรอบทางแนวคิดทฤษฎีที่ชุมชนวิชาการให้การยอมรับในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง

(5) วัตถุประสงค์ของการบริหารภาครัฐ

ตอบ 2 (คําบรรยาย) หน้า 27 สถานภาพของวิชาทางการบริหารภาครัฐ (การบริหารรัฐกิจ) ที่สําคัญประการหนึ่ง คือ การเป็นสหวิทยาการ (Interdisciplinary) ซึ่งหมายถึง การนําเอาองค์ความรู้จากหลากหลาย สาขาวิชามาประยุกต์ใช้เพื่อแก้ปัญหาการบริหารงานในองค์การ

51. ข้อใดคือหลักการในการจูงใจคนงานของ Frederick Winslow Taylor

(1) One Best Way หรือวิธีการทํางานที่ดีที่สุด

(2) หลักการบริหารของผู้บริหาร 14 ประการ

(3) หลักการจ่ายค่าตอบแทนแบบรายชิ้น

(4) เวลากับการเคลื่อนไหว

(5) หลักการจ้างงานตลอดชีพ

ตอบ 3 (คําบรรยาย) (หนังสือ POL 2300 เลขพิมพ์ 52135 หน้า 227 – 228) Frederick Winslow Taylor ได้เสนอแนวทางการบริหารงานบุคคล ดังนี้
1. ต้องมีวิธีการคัดเลือกและพัฒนาคนงานโดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์

2 ต้องมีความประสานสัมพันธ์กันเป็นอย่างดีในการใช้เครื่องมือและวิธีการที่ดีที่สุด ในการบริหารกับการคัดเลือกและฝึกฝนพนักงาน
3 ต้องมีการนําระบบการจ่ายค่าตอบแทนหรือค่าจ้างแบบรายชิ้น (Piece Rate System) มาใช้ในการจูงใจคนงาน ฯลฯ (ดูคําอธิบายข้อ 27. ประกอบ)

52 นายอนุทินต้องการเปิดกิจการโรงแรมในแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต เกาะสมุย และเกาะกูด การจัดโครงสร้างองค์การควรจะมีลักษณะที่สอดคล้องกับตัวเลือกใด
(1) Functional Departmentation
(2) Product Departmentation
(3) Geographical Departmentation
(4) Customer Departmentation
(5) Process Departmentation
ตอบ 3 หน้า 118 การจัดโครงสร้างองค์การตามเขตภูมิศาสตร์หรือตามพื้นที่ (Geographical Departmentation หรือ Territorial Departmentation) เป็นการจัดโครงสร้างองค์การที่ เหมาะกับองค์การขนาดใหญ่หรือองค์การที่มีภารกิจที่ต้องรับผิดชอบกว้างขวาง เพื่อทําให้เกิด ความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน เป็นการกระจายอํานาจในการปฏิบัติงานให้ครอบคลุมพื้นที่ ที่ต้องรับผิดชอบ และมีความเป็นอิสระในการปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังสามารถตอบสนอง ความต้องการหรือแก้ปัญหาได้ตรงตามความต้องการของแต่ละพื้นที่ด้วย เช่น การเปิดกิจการ โรงแรมตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต เกาะสมุย เกาะกูด ๆ เป็นต้น

53 ข้อใดไม่ใช่กิจกรรมในการบริหารงานคลังสาธารณะ
(1) การหารายได้ของรัฐ
(2) การบริหารนโยบายการเงิน
(3) การงบประมาณ
(4) การบริหารหนี้สาธารณะ
(5) การควบคุมอัตราดอกเบี้ย
ตอบ 5 (หนังสือ POL 2300 เลขพิมพ์ 52135 หน้า 260 – 263), (คําบรรยาย) การศึกษาวิชา การบริหารงานคลังสาธารณะ (Public Finance Administration) เป็นการศึกษาเกี่ยวกับ ขอบเขตหน้าที่และกิจกรรมในการบริหารงานคลังสาธารณะของรัฐบาล ดังนี้
1 ศึกษาเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่และการบริหารการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินของรัฐบาล
2 ศึกษาการตัดสินใจด้านการคลังและการใช้จ่ายของรัฐบาล
3 ศึกษาอํานาจหน้าที่ในการหารายได้หรือการจัดหาทรัพยากรเพื่อรองรับบทบาทหน้าที่ของ รัฐบาล เช่น การจัดเก็บภาษีอากร การบริหารหรือก่อหนี้สาธารณะ เป็นต้น
4 ศึกษาการบริหารหรือการดําเนินนโยบายทางเศรษฐกิจ การเงิน และการคลังของรัฐบาล ให้มีความเหมาะสมตามสถานการณ์

54 ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของทฤษฎีโครงสร้างองค์การตามสถานการณ์ (Structural Contingency Theory)
(1) การจัดองค์การที่ดีต้องสอดคล้องกับสถานการณ์
(2) ผู้ตัดสินใจขององค์การแนวโน้มเป็นผู้มีเหตุผล
(3) องค์การเป็นระบบปิด
(4) ไม่มีทางเลือกใดที่ดีที่สุดในการจัดองค์การ
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 3 หน้า 134 เงื่อนไขของรูปแบบองค์การตามทฤษฎีโครงสร้างองค์การตามสถานการณ์ (Structural Contingency Theory) มีดังนี้
1 ไม่มีทางเลือกใดที่ดีที่สุดในการจัดองค์การ
2 การจัดองค์การแต่ละรูปแบบมีประสิทธิผลไม่เท่ากัน
3 การจัดองค์การที่ดีที่สุด ต้องสอดคล้องกับสถานการณ์
4 องค์การจะปรับโครงสร้างให้เข้ากับบริบทขององค์การ
5 องค์การเป็นระบบเปิด
6 ผู้ตัดสินใจขององค์การมีแนวโน้มเป็นผู้ที่มีเหตุผล

55. ข้อใดไม่ถือเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันที่มีบทบาทในการกําหนดนโยบาย

(1) ฝ่ายนิติบัญญัติ

(2) ฝ่ายการเมือง

(3) ฝ่ายบริหาร

(4) ระบบราชการ

(5) คณะกรรมการอุทธรณ์ร้องทุกข์

ตอบ 5 (คําบรรยาย) สถาบันที่มีบทบาทในการกําหนดนโยบาย ได้แก่ ฝ่ายการเมือง ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการ พรรคการเมือง ระบบราชการ (สถาบันราชการและข้าราชการ) และประมุขของประเทศ

56. ข้อใดเกี่ยวข้องกับนางมาร์กาเร็ต แทชเชอร์ (Margaret Thatcher)

(1) การปฏิรูประบบราชการในนิวซีแลนด์

(2) การตระหนักถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในสวีเดน

(3) การแก้ปัญหาการว่างงานของคนผิวดําในสหรัฐอเมริกา

(4) ความพยายามแก้ปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชนในซินเจียงอุยกูร์

(5) การแปรรูปรัฐวิสาหกิจในอังกฤษ

ตอบ 5 หน้า 330 ในสมัยนางมาร์กาเร็ต แทชเชอร์ (Margaret Thatcher) เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ปฏิรูปกิจการภาครัฐทั้งระบบราชการและรัฐวิสาหกิจในประเทศอังกฤษ ภายใต้โครงการปฏิรูปที่เรียกว่า “ขั้นต่อไป” (The Next Step) จนประสบความสําเร็จ ซึ่งสามารถลดขนาดของภาครัฐและลดงบประมาณรายจ่ายในการบริหารงานภาครัฐได้

57. ข้อใดจัดเป็นข้อเสนอในการบริหารงานบุคคลของ Max Weber

(1) หลักการตอบสนองความต้องการ 5 ขั้น

(2) หลักการจ่ายค่าตอบแทนแบบรายชิ้น

(3) หลักการบริหารภายใต้ปทัสถานกลุ่ม

(4) หลักการบริหารของผู้บริหาร 14 ประการ

(5) หลักการจ้างงานตลอดชีพ

ตอบ 5 (หนังสือ POL 2300 เลขพิมพ์ 52135 หน้า 226), (คําบรรยาย) Max Weber ได้เสนอแนวทางการบริหารงานบุคคล ดังนี้
1 การแต่งตั้ง พิจารณาเลื่อนขั้น เลื่อนตําแหน่งบุคคลในการปฏิบัติงานต้องมีการจัดไว้อย่างเป็นระเบียบและอยู่บนพื้นฐานแห่งการตกลงกัน
2 การเลือกสรรบุคคลเข้าทํางานจะต้องพิจารณาในด้านความสามารถและหลักการแบ่งงานตามความชํานาญเฉพาะอย่าง
3 มีการจ้างงานตลอดชีพ
4 มีการกําหนดค่าตอบแทนในรูปเงินประจําสําหรับผู้ปฏิบัติงาน ฯลฯ

58. ค่านิยมทางการบริหารภาครัฐที่มีประสิทธิภาพเป็นไปตามข้อใด

(1) New Public Service (NPS)

(2) New Public Governance (NPG)

(3) New Public Management (NPM)

(4) ถูกทุกข้อ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 36. ประกอบ

59. ใครเป็นผู้เขียนบทความเสนอว่าการบริหารรัฐธรรมนูญยากยิ่งกว่าการบัญญัติรัฐธรรมนูญ

(1) Herbert A. Simon

(2) Woodrow Wilson

(3) Robert A. Dahl

(4) Robert T. Golembiewski

(5) Luther H. Gulick

ตอบ 2 หน้า 31, 46, 64 – 65, (คําบรรยาย) Woodrow Wilson เป็นบิดาของวิชาการบริหารรัฐกิจ และเป็นผู้ให้กําเนิดคําว่า “Public Administration” เขาได้เสนอแนวคิดไว้ในบทความเรื่อง
“The Study of Administration” ในปี ค.ศ. 1887 ว่า การบริหารรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องยาก ยิ่งกว่าการบัญญัติรัฐธรรมนูญ และควรแยกการบริหารกับการเมืองออกจากกันเป็นสองส่วน โดย บทความดังกล่าวนี้ได้รับการยอมรับจากนักวิชาการว่าเป็น “สูติบัตร” ของวิชาการบริหารรัฐกิจ…”

60. ข้อใดเป็นการจัดโครงสร้างองค์การตามอำนาจหน้าที่ (Functional Departmentation)

(1) ฝ่ายการเงินและบัญชี ฝ่ายผลิต ฝ่ายตลาด ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์

(2) สำนักงานภาคใต้ สำนักงานภาคกลาง สำนักงานภาคเหนือ สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

(3) ฝ่ายลูกค้าบุคคล ฝ่ายลูกค้าองค์การ

(4) ฝ่ายรับคำสั่งซื้อ ฝ่ายจัดเตรียมสินค้า ฝ่ายบรรจุสินค้า ฝ่ายโลจิสติกส์

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 1 หน้า 117 การจัดโครงสร้างองค์การตามอำนาจหน้าที่ (Functional Departmentation) เป็นการจัดโครงสร้างองค์การโดยพิจารณาจากประเภทของงานหรือหน้าที่ในการปฏิบัติงานเป็นหลัก โดยกลุ่มของกิจกรรมที่เหมือนกันและเกี่ยวข้องกันจะถูกจัดให้อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของผู้บังคับบัญชาคนเดียวกัน การจัดโครงสร้างองค์การแบบนี้เหมาะกับองค์การที่อยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมคงที่และมีลักษณะเป็นงานประจำ เช่น การจัดโครงสร้างองค์การโดยแบ่งออกเป็น ฝ่ายการเงินและบัญชี ฝ่ายผลิต ฝ่ายตลาด ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ เป็นต้น

61. ข้อใดไม่จัดเป็นภาระหน้าที่ของการจัดการบุคคล

(1) การประเมินผลการปฏิบัติงาน

(2) การวางแผนกำลังคน

(3) การจัดสวัสดิการ

(4) การสร้างขวัญกำลังใจ

(5) การวิเคราะห์นโยบาย

ตอบ 5 (หนังสือ POL 2300 เลขพิมพ์ 52135 หน้า 247 – 249) ภาระหน้าที่ของการจัดการบุคคล มีดังนี้ 1. การกำหนดนโยบาย วัตถุประสงค์ เป้าหมาย และกลยุทธ์ 2. การวางแผนกำลังคนหรือทรัพยากรมนุษย์ 3. การวัดและประเมินระบบการจัดการบุคคล 4. การจัดการด้านเงินเดือน ค่าตอบแทน และสวัสดิการต่าง ๆ 5. การประเมินผลการปฏิบัติงาน 6. การสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงาน ฯลฯ

62. ข้อใดจัดเป็นข้อเสนอในการบริหารงานบุคคลของ Frederick Winslow Taylor

(1) หลักการจ่ายค่าตอบแทนแบบรายชิ้น

(2) หลักการจ้างงานตลอดชีพ

(3) หลักการบริหารของผู้บริหาร 14 ประการ

(4) หลักการบริหารภายใต้ปทัสถานกลุ่ม

(5) หลักการตอบสนองความต้องการ 5 ขั้น

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 51 ประกอบ

63. ข้อใดต่อไปนี้ที่มีความสัมพันธ์กับสำนักงาน ก.พ.ร.

(1) I AM READY

(2) นโยบายการคลัง

(3) การจัดทำงบประมาณ

(4) การปราบปรามการทุจริต

(5) การวางนโยบายด้านการศึกษา

ตอบ 1 หน้า 352 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ได้กำหนดค่านิยมใหม่ ที่พึงประสงค์ของข้าราชการไทยที่เรียกว่า “I AM READY” ประกอบด้วย I = Integrity (ทำงานอย่างมีศักดิ์ศรี), A = Activeness (ขยัน ตั้งใจ ทำงานในเชิงรุก), M = Morality (มีศีลธรรม คุณธรรม), R = Relevancy (รู้ทันโลก ปรับตัวทันโลก), E = Efficiency (มุ่งเน้นประสิทธิภาพ), A = Accountability (มีความสำนึกรับผิดชอบต่อผลงานและสังคม), D = Democracy (มีใจและการกระทำที่เป็นประชาธิปไตย), Y = Yield (มุ่งเน้นผลงาน)

64. ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับงบประมาณแบบแสดงรายการ (Line-Item Budget)?

(1) ทําให้เกิดความเชื่อมโยงกับแผนงานต่าง ๆ

(2) ป้องกันปัญหาการทุจริต

(3) เป็นงบประมาณที่มีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ง่าย

(4) เน้นการมีส่วนร่วม

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 228, 237, (คําบรรยาย) งบประมาณแบบแสดงรายการหรืองบประมาณแบบดั้งเดิม (Line-Item Budget or Tradition Budget) เป็นระบบงบประมาณที่เน้นการควบคุมการใช้จ่าย หรือการใช้ทรัพยากร การจัดเตรียมงบประมาณจึงมีลักษณะที่ค่อนข้างละเอียด โดยจะมีการแบ่งรายจ่ายออกเป็นหมวดและมีการกําหนดรายการค่าใช้จ่าย ดังนั้นระบบงบประมาณแบบแสดงรายการจึงทําให้หน่วยงานที่ได้รับงบประมาณ ไม่สามารถนําเงินงบประมาณไปใช้จ่ายในรายการอื่นได้ จึงป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการทุจริตในหน่วยงาน

65. ข้อใดอธิบายถึงวินัย 5 ประการขององค์การแห่งการเรียนรู้?

(1) การคิดอย่างเป็นระบบ (Systems Thinking)

(2) กฎ ระเบียบ (Regulations)

(3) การปฏิรูประบบราชการ

(4) การแปรรูปกิจการของรัฐให้เป็นเอกชน

(5) การลดต้นทุน

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 26. ประกอบ

66. ข้อใดสอดคล้องกับระบบคุณธรรม (Merit System)?

(1) การแต่งตั้งโยกย้ายโดยพิจารณาจากความรู้ความสามารถ

(2) การสั่งการจากล่างขึ้นบน (Bottom-Up)

(3) การมีสํานึกสาธารณะ

(4) การช่วยเหลือเกื้อกูลกันในหมู่พวกพ้อง

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 (คําบรรยาย) ระบบคุณธรรม (Merit System) เป็นวิธีการคัดเลือกบุคคลเข้าทํางาน บรรจุ แต่งตั้ง โยกย้าย เลื่อนขั้นเลื่อนตําแหน่ง โดยพิจารณาจากความรู้ความสามารถของบุคคล เป็นสําคัญ โดยไม่คํานึงถึงเหตุผลทางการเมืองหรือความสัมพันธ์ส่วนตัว

67. ข้อใดไม่ใช่คุณลักษณะขององค์การแบบดั้งเดิม?

(1) ไม่มีความยืดหยุ่น

(2) ความมั่นคงในงาน

(3) ให้ความสําคัญกับความเป็นส่วนตัว

(4) เน้นกฎ ระเบียบ

(5) เน้นการสั่งการตามสายการบังคับบัญชา

ตอบ 3 หน้า 114 – 115 องค์การแบบดั้งเดิม มีลักษณะดังนี้
1 มีลักษณะคงที่
2 ไม่มีความยืดหยุ่น
3 ให้ความสําคัญกับงาน
4 งานถูกกําหนดจากตําแหน่ง
6 เน้นความมั่นคงของงาน
7 เน้นการสั่งการตามสายการบังคับบัญชา
8 เน้นกฎ ระเบียบ
9 ปฏิบัติงานในองค์การตลอดชั่วโมงการทํางาน ฯลฯ

68. นโยบายการบริหารจัดการที่มีผลต่อการควบคุมตรวจสอบ ได้แก่?

(1) การเก็บรักษาความลับ

(2) การจัดสวัสดิการ

(3) ระบบติดตามประเมินผล

(4) การพัฒนาเส้นทางอาชีพ

(5) การเสริมสร้างศักยภาพทางกายภาพ

ตอบ 3 หน้า 184 – 185, (คําบรรยาย) นโยบายการบริหารจัดการภาครัฐที่มีผลต่อการควบคุม ตรวจสอบ มีดังนี้
1 การพัฒนาระบบงบประมาณ
2 การพัฒนาบุคลากร
3 การจัดวางระบบการติดตามประเมินผล
4 ระบบประกันคุณภาพขององค์การ

69. การพิจารณาปัญหาหรือความต้องการของประชาชนอยู่ในขั้นตอนใด

(1) การก่อตัวของนโยบาย

(2) การเตรียมและเสนอนโยบาย

(3) การอนุมัติและประกาศนโยบาย

(4) การปรับปรุงแก้ไขนโยบาย

(5) การนํานโยบายไปปฏิบัติ

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 48. ประกอบ

70. สิ่งที่อยู่ภายนอกองค์การแต่สามารถเป็นปัจจัยที่ส่งผลทั้งทางบวกหรือทางลบต่อองค์การ หมายถึงข้อใด

(1) สภาพแวดล้อม

(2) โครงสร้างองค์การตามสถานการณ์

(3) ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อองค์การ

(4) วิสัยทัศน์ขององค์การ

(5) ปัญหาขององค์การ

ตอบ 1 หน้า 260, (คําบรรยาย) สภาพแวดล้อมทั่วไป คือ สิ่งที่อยู่ภายนอกองค์การและส่งผลกระทบ ต่อการดําเนินงานขององค์การทั้งทางบวกและทางลบ เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อองค์การของรัฐ ทุกองค์การ ระดับของความสัมพันธ์ต่อองค์การอาจแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ ของแต่ละองค์การ

71. ข้อใดไม่ใช่ประเภทของการจัดทํางบประมาณ

(1) งบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงาน

(2) งบประมาณแบบแสดงรายการ

(3) งบประมาณแบบแผนงาน

(4) งบประมาณแบบฐานศูนย์

(5) งบประมาณตามสถานการณ์

ตอบ 5 หน้า 237 – 238 ประเภทของการจัดทํางบประมาณ มี 5 ประเภท คือ
1 งบประมาณแบบแสดงรายการ (Line-Item Budget)
2 งบประมาณแบบแสดงผลงาน (Performance Budget)
3 งบประมาณแบบแสดงแผนงาน (Planning or Programming Budget)
4 งบประมาณแบบฐานศูนย์ (Zero Base Budget)
5 งบประมาณแบบสะสม (Incremental Budget)

72. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับความเป็นพลเมือง

(1) การสั่งการจากบนลงล่าง (Top-Down)

(2) การแบ่งงานกันทําตามความถนัด

(3) การมีสํานึกสาธารณะ

(4) การรับประโยชน์จากนโยบาย

(5) การวางตัวเป็นกลางทางการเมือง

ตอบ 3 หน้า 341, (คําบรรยาย) Michael Sandal เห็นว่า ความเป็นพลเมืองแบบประชาธิปไตยนั้น พลเมืองจะคิดถึงผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว มีมุมมองที่กว้างไกลและต้องใช้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับกิจการของรัฐ (Public Affairs) มีสํานึกสาธารณะว่าเป็นส่วนหนึ่งของสังคม และมีความผูกพันในเชิงจริยธรรมกับชุมชนซึ่งร่วมชะตากรรมเดียวกัน

73. ข้อใดไม่ใช่คุณลักษณะขององค์การแบบสิ่งมีชีวิต

(1) อยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่คงที่

(2) เน้นโครงสร้างแนวราบ

(3) เป็นทางการน้อย

(4) กระจายอํานาจการตัดสินใจ

(5) ขอบข่ายการควบคุมกว้าง

ตอบ 1 หน้า 133 – 134, (คําบรรยาย) องค์การแบบสิ่งมีชีวิต (Organic Organization) มีลักษณะดังนี้

1. อยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงมาก

2. มีความยืดหยุ่น เน้นความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน

3. เน้นโครงสร้างแนวราบ

4. ขอบข่ายหรือช่วงการควบคุมกว้าง

5. มีระเบียบกฎเกณฑ์น้อย

6. ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปฏิบัติงานเป็นแบบแนวนอน แนวทแยง และแบบเครือข่าย

7. มีรายละเอียดของหน้าที่ ความรับผิดชอบ และวิธีปฏิบัติงานน้อย

8. มีความเป็นทางการน้อย

9. กระจายอํานาจในการบริหารและตัดสินใจ

74. นายสรยุทธ์เชื่อว่า นักบริหารมีหน้าที่ 5 ประการ คือ “Planning, Organizing, Commanding, Coordinating และ Controlling” ความเชื่อของนายสรยุทธ์สอดคล้องกับนักวิชาการท่านใด

(1) Henri Fayol

(2) Luther Gulick

(3) Max Weber

(4) ชุบ กาญจนประกร

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 1

หน้า 50, 65, (คำบรรยาย) Henri Fayol เสนอว่า หน้าที่การบริหารของนักบริหาร (Functions of Administration) ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 5 ประการ ซึ่งเรียกว่า POCCC ดังนี้
P = Planning (การวางแผน)
O = Organizing (การจัดองค์การ)
C = Commanding (การอำนวยการ)
C = Coordinating (การประสานงาน)
C = Controlling (การควบคุม)

75. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะด้อยของรัฐประศาสนศาสตร์ (การศึกษาการบริหารรัฐกิจ)

(1) การพัฒนาองค์ความรู้ล่าช้า

(2) ขาดเอกลักษณ์

(3) มีความเป็นสหวิทยาการ

(4) มีคุณลักษณะของความเป็นศาสตร์ที่ไม่สมบูรณ์

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 28 ลักษณะด้อยของรัฐประศาสนศาสตร์ (การศึกษาการบริหารรัฐกิจ) มีดังนี้
1 มีลักษณะของการขาดเอกลักษณ์
2 มีคุณลักษณะของความเป็นศาสตร์ที่ไม่สมบูรณ์
3 การพัฒนาองค์ความรู้ล่าช้า

76. ข้อใดต่อไปนี้แสดงให้เห็นถึงความสอดคล้องกันระหว่างการบริหารงานของผู้ว่าราชการจังหวัดกับผู้บริหารในภาคเอกชน

(1) กระบวนการปฏิบัติงาน

(2) มีวัตถุประสงค์ที่คล้ายคลึงกัน

(3) การสร้างแรงจูงใจ

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2

(5) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 3

ตอบ 1 หน้า 11 – 12, (คำบรรยาย) การบริหารรัฐกิจ (เช่น การบริหารงานของผู้ว่าราชการจังหวัด) และการบริหารธุรกิจ (เช่น การบริหารงานของผู้บริหารในภาคเอกชน) มีสิ่งที่เหมือนหรือสอดคล้องกัน ดังนี้
1 เป็นกระบวนการบริหารหรือการปฏิบัติงานที่ต้องนำเอาทรัพยากรมนุษย์และสิ่งต่างๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
2 ต้องอาศัยพลังความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจของกลุ่มในการปฏิบัติงาน
3 มีลักษณะการปฏิบัติงานตามสภาพแวดล้อมขององค์การ เช่น มีความเสี่ยงในการดำเนินงาน
4 ลักษณะการบริหารในแต่ละองค์การจะแตกต่างกันออกไปตามประเภทของงานที่ทำ

77. การพัฒนาและยกระดับจิตใจเป็นนโยบายด้านใด

(1) นโยบายด้านการศึกษา

(2) นโยบายด้านสวัสดิการสังคม

(3) นโยบายด้านกีฬาและนันทนาการ

(4) นโยบายด้านสาธารณสุข

(5) นโยบายด้านศาสนาและศิลปะ

ตอบ 5 หน้า 95, (คำบรรยาย) นโยบายด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม มีดังนี้
1 ส่งเสริมการทำนุบำรุงและรักษาศิลปวัฒนธรรมไทยทุกด้าน
2 ส่งเสริมสถาบันศาสนาทุกศาสนาให้มีบทบาทในการเผยแผ่หลักคำสอนที่ดีงาม ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และเสริมสร้างความร่วมมือในการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิต จิตใจ และพัฒนาสังคมให้มีความสามัคคี ปรองดอง และยั่งยืน
3 สนับสนุนการผลิตสื่อสร้างสรรค์ สร้างกระแสเชิงบวกให้แก่สังคม และเปิดพื้นที่สาธารณะที่ดีให้แก่เด็กและเยาวชน ฯลฯ

78. ข้อใดไม่ถือเป็นหน้าที่ของรัฐสภา

(1) กำหนดกฎกระทรวง

(2) พิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ

(3) อภิปรายผลงานของรัฐบาล

(4) ตั้งกระทู้ถามรัฐบาล

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 1 (หน้า 187 – 188, คำบรรยาย) รัฐสภา มีหน้าที่ดังนี้:
1 พิจารณาออกกฎหมายประเภทต่างๆ ได้แก่ รัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ และประมวลกฎหมาย (ส่วนการกำหนดกฎกระทรวงนั้นเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง)
2 พิจารณาอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี
3 ตั้งกระทู้และอภิปรายผลงานของรัฐบาล
4 ตั้งคณะกรรมาธิการสามัญติดตามการปฏิบัติงาน

79. ข้อใดไม่ใช่วิชาที่ปรากฏในการศึกษาสาขาบริหารรัฐกิจของสถาบันการศึกษาต่างๆ

(1) ประชาสังคมกับการจัดการท้องถิ่น

(2) การคลังและงบประมาณ

(3) การบริหารทรัพยากรมนุษย์

(4) จริยธรรมทางการบริหาร

(5) การส่งเสริมการขาย

ตอบ 5 (คำบรรยาย) วิชาที่ปรากฏในการศึกษาสาขาบริหารรัฐกิจของสถาบันการศึกษาต่างๆ ได้แก่ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ การคลังและงบประมาณ จริยธรรมทางการบริหาร ประชาสังคมกับการจัดการท้องถิ่น นโยบายสาธารณะ เป็นต้น ส่วนการส่งเสริมการขาย เป็นวิชาที่ปรากฏในการศึกษาสาขาบริหารธุรกิจ

80. การจัดเรื่องแรงงานสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเรื่องใดมากที่สุด

(1) การจัดการเรื่องสหภาพแรงงาน

(2) การวางแผนกำลังคน

(3) การฝึกอบรมและพัฒนาพนักงาน

(4) การประเมินผลการปฏิบัติงานของคนในองค์การ

(5) ถูกทั้งข้อ 1 และ 2

ตอบ 1 หน้า 172 (หนังสือ POL 2300 เลขพิมพ์ 52135 หน้า 249), (คำบรรยาย) แรงงานสัมพันธ์ (Labor Relation) หรืออาจจะเรียกได้ว่า พนักงานสัมพันธ์ (Employee Relation) หรือ อุตสาหกรรมสัมพันธ์ (Industrial Relation) หมายถึง ความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายจัดการกับคนงานหรือสหภาพแรงงานที่เกี่ยวกับสิทธิและผลประโยชน์ในการทำงาน เช่น การเจรจาต่อรองร่วมกัน การบริหารแรงงานให้เป็นไปตามสัญญาการว่าจ้างแรงงาน เป็นต้น

81. ใครเป็นผู้เสนอความเห็นว่าพาราไดม์เบ็ดเสร็จไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับสาขาวิชาการบริหารรัฐกิจ

(1) Woodrow Wilson

(2) Luther H. Gulick

(3) Robert T. Gotembiewski

(4) Robert A. Dahl

(5) Herbert A. Simon

ตอบ 3 (หนังสือ POL 2300 เลขพิมพ์ 52135 หน้า 75 – 76) Robert T. Gotembiewski ได้เสนอความเห็นว่า พาราไดม์เบ็ดเสร็จไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับสาขาวิชาการบริหารรัฐกิจ และวิชาการบริหารรัฐกิจก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกำหนดขึ้นมาในรูปของพาราไดม์เบ็ดเสร็จ แต่ควรจะกำหนดขึ้นมาในรูปของมินิพาราไดม์หลายๆ มินิพาราไดม์จะดีกว่า

82. การจัดโครงสร้างองค์การแบบใดที่อาจนำไปสู่ปัญหาเอกภาพในการบังคับบัญชา (Unity of Command)

(1) โครงสร้างแบบเรียบง่าย

(2) โครงสร้างแบบเมทริกซ์

(3) โครงสร้างแบบทีมงาน

(4) โครงสร้างแบบระบบราชการ

(5) โครงสร้างแบบแชมร็อค

ตอบ 2 หน้า 125 (คำบรรยาย) โครงสร้างแบบเมทริกซ์ (Matrix Structure) เป็นโครงสร้างองค์การแบบชั่วคราว ซึ่งเหมาะสมกับองค์การที่มีการดำเนินงานแบบโครงการและต้องการให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามมาตรฐานที่ต้องการภายในระยะเวลาและวงเงินงบประมาณที่กำหนด โดยจะมีการมอบหมายงานให้ผู้จัดการรับผิดชอบการดำเนินงานในโครงการ และมีการระดมเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานประจำตามหน้าที่ซึ่งมีคุณสมบัติที่เหมาะสมให้มาร่วมปฏิบัติงาน ข้อเสียของโครงสร้างองค์การแบบนี้ก็คือ ทำให้เกิดปัญหาเอกภาพในการบังคับบัญชา (Unity of Command)

83. การยอมรับฟังเสียงส่วนใหญ่ แต่ไม่ละเลยเสียงส่วนน้อย เป็นไปตามหลักการของ

(1) ประสิทธิภาพ

(2) ประชาธิปไตย

(3) ประชาสงเคราะห์

(4) ประสิทธิผล

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 2 (คำบรรยาย) หลักการประชาธิปไตยที่ดีจะต้องยอมรับฟังเสียงส่วนใหญ่ แต่ไม่ละเลยเสียงส่วนน้อย และเปิดโอกาสให้ประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยสามารถแสดงความคิดเห็น มีสิทธิเสรีภาพอย่างเท่าเทียมกัน สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางของประเทศได้

84. ประมวลกฎหมายอาญาถือเป็นนโยบายประเภทใด

(1) นโยบายกระจายบริการของรัฐ

(2) นโยบายเพื่อการจัดสรรทรัพยากร

(3) นโยบายเพื่อจริยธรรม

(4) นโยบายที่เป็นกฎเกณฑ์

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 16. ประกอบ

85. Turbulent Field มีลักษณะสอดคล้องกับข้อใด

(1) เป็นพื้นที่ในการเรียนรู้สร้างสรรค์นวัตกรรม

(2) สงบสุข ปิดตัวเองจากภายนอก

(3) สภาพแวดล้อมแบบปิด

(4) สภาพแวดล้อมในยูเครนภายใต้สภาวะสงคราม

(5) สภาพแวดล้อมของเด็กวัยรุ่นเริ่มเผชิญกับสังคมภายนอก

ตอบ 4 หน้า 257 – 258, (คำบรรยาย) Fred Emery และ Eric Trist ได้แบ่งสภาพแวดล้อมขององค์การออกเป็น 4 ประเภท คือ
1 Placid Randomized Environment เป็นสภาพแวดล้อมที่สงบราบเรียบ ไม่ค่อยมีโอกาสติดต่อกับสังคมภายนอก เช่น สภาพแวดล้อมของชาวเขาที่เร่ร่อน ทารกในครรภ์ ชุมชนที่ไม่มีการติดต่อกับสังคมภายนอก เป็นต้น
2 Placid Clustered Environment เป็นสภาพแวดล้อมที่ราบเรียบแต่เริ่มมีการติดต่อกับสังคมภายนอกมากขึ้น เช่น สภาพแวดล้อมของเด็กที่กำลังเจริญเติบโตเริ่มเรียนรู้และสัมผัสกับระบบของครอบครัว โรงเรียน เป็นต้น
3 Disturbed-Reactive Environment เป็นสภาพแวดล้อมที่เริ่มมีความยุ่งยาก ซับซ้อน ยุ่งเหยิง เช่น สภาพแวดล้อมของเด็กวัยรุ่นที่เริ่มเผชิญกับสังคมภายนอก เป็นต้น
4 Turbulent Field เป็นสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อน ยุ่งเหยิง มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เช่น สภาพแวดล้อมใน 3 จังหวัดภาคใต้ และ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา สภาพแวดล้อมในยูเครนภายใต้สภาวะสงคราม เป็นต้น

86. ข้อใดแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างกันระหว่างบทบาทของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกับ CEO ของธุรกิจสตาร์ทอัพ

(1) ขนาดความรับผิดชอบต่างกัน

(2) มีกระบวนการทำงานต่างกัน

(3) มีวัตถุประสงค์ต่างกัน

(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2

(5) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 3

ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 38. ประกอบ

87. ข้อใดไม่ใช่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงกลไกการบริหารงานภาครัฐ

(1) พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551

(2) พระราชบัญญัติสภาองค์กรชุมชน พ.ศ. 2551

(3) พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546

(4) พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 2 หน้า 352 – 354, (คําบรรยาย) กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงกลไกการบริหารงานภาครัฐ มีดังนี้
1 พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2545
2 พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545
3 พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546
4 พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ฯลฯ

88. ผู้ใดถูกเรียกว่าเป็นบิดาแห่งพาราไดม์ (Paradigm)?

(1) Abraham H. Maslow

(2) Woodrow Wilson

(3) Robert T. Golembiewski

(4) Thomas S. Kuhn

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 43 – 44, 64 – 65 Thomas S. Kuhn เป็นปรมาจารย์ผู้ริเริ่มเผยแพร่แนวความคิดเกี่ยวกับ พาราไดม์ (Paradigm) และได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งพาราไดม์” เขาได้อธิบายไว้ว่า พาราไดม์ หมายถึง ผลสําเร็จในเชิงวิทยาศาสตร์ที่ประกอบด้วยคุณสมบัติสําคัญ 2 ประการ คือ
1. เป็นสิ่งใหม่ที่สามารถจูงใจกลุ่มผู้เกี่ยวข้องให้หันเหจากกิจกรรมในเชิงวิทยาศาสตร์อื่น ๆ ที่มีลักษณะแข่งขันกัน โดยหันมายอมรับร่วมกันว่าผลสําเร็จในเชิงวิทยาศาสตร์นั้นจะเป็นพื้นฐาน สําหรับการปฏิบัติให้ก้าวหน้าต่อไปในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
2. เปิดโอกาสให้กลุ่มผู้เกี่ยวข้องรุ่นใหม่ ๆ ได้แก้ไขปัญหาต่าง ๆ กันต่อไป

89. ข้อใดสอดคล้องกับโปรแกรมระบบ (System Software)?

(1) Soft Power

(2) Hardware

(3) Operating System (OS)

(4) OTP

(5) Tao Bin

ตอบ 3 หน้า 299 – 300 โปรแกรมระบบ (System Software) คือ โปรแกรมที่เขียนขึ้นเพื่อควบคุมการสั่งงานระบบคอมพิวเตอร์ให้ทํางานตามต้องการอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น โปรแกรมแปลภาษา (Language Translator), โปรแกรมบรรณาธิกรณ์ (Editor), โปรแกรมระบบปฏิบัติการ (Operating System : OS), โปรแกรมอรรถประโยชน์ (Utilities Program), โปรแกรมวิเคราะห์ข้อผิดพลาด และทดสอบเครื่อง (Diagnostics Routines) เป็นต้น

90. ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับกฎของ Wagner?

(1) รายจ่ายสาธารณะมีแนวโน้มลดลง

(2) รายจ่ายสาธารณะต้องผ่านการพิจารณาอย่างรอบด้าน

(3) รายจ่ายสาธารณะเปลี่ยนแปลงไปตามระดับการศึกษาของประชากร

(4) รายจ่ายสาธารณะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 239 Adolp Wagner กล่าวว่า เมื่อสังคมใดเริ่มกลายเป็นสังคมอุตสาหกรรม ความสัมพันธ์ของสถาบันต่าง ๆ ทางด้านสังคม กฎหมาย และธุรกิจจะมีความซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้น รัฐบาลมีแนวโน้มที่จะขยายบทบาทของตนในการกําหนด กํากับ หรือ ควบคุมความหลากหลายและความซับซ้อนของความสัมพันธ์ดังกล่าว ซึ่งทําให้รัฐต้องมีรายจ่ายสาธารณะเพิ่มขึ้น

91. ข้อใดเกี่ยวข้องกับหลักการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ?

(1) Scientific Management

(2) Bureaucracy

(3) Bounded Rationality

(4) Piece Rate Pay System

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 48 – 49 นักวิชาการกลุ่มการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ (Scientific Management) ได้พัฒนาปรับปรุงหลักของการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การทํางาน ในโรงงานอุตสาหกรรมเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด

92. ข้อใดไม่มีความเกี่ยวข้องกับ Abraham H. Maslow

(1) ความต้องการการยอมรับ

(2) ความต้องการความปลอดภัย

(3) การบริหารงานบุคคล

(4) การศึกษาความต้องการตามลำดับขั้น

(5) องค์การแบบเครื่องจักรกล

ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 20 ประกอบ

93. ผู้ใดต่อไปนี้ที่เคยมีบทบาทในการปฏิรูปการบริหารงานภาครัฐในสหรัฐอเมริกา

(1) อดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน

(2) อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา

(3) อดีตรองประธานาธิบดีอัล กอร์

(4) วุฒิสมาชิกแทมมี่ ดักเวิร์ธ

(5) นางแอมเบอร์ เฮิร์ด

ตอบ 3 หน้า 331 อดีตรองประธานาธิบดีอัล กอร์ (Al Gore) ได้มีบทบาทในการปฏิรูปการบริหารงานภาครัฐในประเทศสหรัฐอเมริกาในสมัยประธานาธิบดีคลินตัน (Clinton) ภายใต้โครงการที่เรียกว่า “การทบทวนการปฏิบัติงานแห่งชาติ” (National Performance Review) โดยมีเป้าหมายอยู่ที่การบริหารงานในระดับสหพันธรัฐหรือรัฐบาลกลาง และได้มีการออกกฎหมายที่สำคัญในการปฏิรูป คือ พระราชบัญญัติการปฏิบัติงานและผลงานรัฐบาล ค.ศ. 1993

94. ข้อใดไม่ใช่ความสำคัญของงบประมาณแผ่นดิน

(1) เป็นทรัพยากรที่จะถูกจัดสรรเพื่อนําไปใช้ในการจัดบริการสาธารณะต่าง ๆ

(2) เป็นเครื่องมือในการวางแผนของรัฐบาล

(3) เป็นเครื่องมือในการควบคุมการทํางานของภาครัฐ

(4) ถูกทุกข้อ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 7 ประกอบ

95. ข้อใดเกี่ยวข้องกับ Elton Mayo

(1) การจ่ายค่าตอบแทนแบบรายชิ้น

(2) การศึกษาเวลากับการเคลื่อนไหว

(3) หลักการบริหารของผู้บริหาร 14 ประการ

(4) การจ้างงานตลอดชีพ

(5) การศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อผลิตภาพในการทํางาน

ตอบ 5 (หนังสือ POL 2300 เลขพิมพ์ 52135 หน้า 189 – 190, 230 – 231), (คําบรรยาย) George Elton Mayo ได้ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อผลิตภาพในการทํางาน โดยทําการทดลองที่เรียกว่า “Hawthorne Experiments” ซึ่งพบว่า:
1 ขวัญของคนงานเป็นสิ่งสําคัญและจะส่งผลต่อการปฏิบัติงาน
2 รางวัลทางจิตใจจะให้ความสุขในการปฏิบัติงาน และมีผลกระตุ้นในการทํางานมากกว่ารางวัลทางเศรษฐกิจ
3 ปทัสถานทางสังคมของกลุ่มมีผลต่อประสิทธิภาพและปริมาณของงาน
4 ภาวะผู้นํา (Leadership) จะมีบทบาทสําคัญในการกําหนดบรรทัดฐานของกลุ่มภายในองค์การ

96. ข้อใดสอดคล้องกับระบบอุปถัมภ์ (Patronage System)

(1) การแต่งตั้งโยกย้ายโดยพิจารณาจากความรู้ความสามารถ

(2) การมีสํานึกสาธารณะ

(3) ระบบเส้นสาย

(4) การแบ่งงานกันทําตามความถนัด

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 (คําบรรยาย) ระบบอุปถัมภ์ (Patronage System) หรืออาจเรียกว่า ระบบเส้นสาย ระบบ พวกพ้อง ระบบเครือญาติ เป็นระบบที่ยึดถือความสัมพันธ์ส่วนตัวหรือการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในหมู่พวกพ้อง ดังนั้นการคัดเลือกบุคคลเข้าทํางาน การบรรจุแต่งตั้ง การโยกย้าย การเลื่อนขั้น เลื่อนตําแหน่ง จึงพิจารณาจากความเป็นพวกพ้องเป็นสําคัญ ไม่ได้พิจารณาจากความรู้ ความสามารถของบุคคล

97. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะขององค์การแบบเครื่องจักร

(1) มีความยืดหยุ่นสูง

(2) มีระเบียบ กฎเกณฑ์ต่าง ๆ มาก

(3) ความเป็นทางการสูง

(4) มีสายการบังคับบัญชามาก

(5) รวมศูนย์อำนาจ

ตอบ 1 หน้า 132 – 134 องค์การแบบเครื่องจักร (Mechanistic Organization) มีลักษณะดังนี้
1 มีสายการบังคับบัญชามาก
2 ช่วงการควบคุมแคบ
3 มีระเบียบ กฎเกณฑ์ต่าง ๆ มาก
4 ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปฏิบัติงานเป็นแบบแนวดิ่ง
5 มีความเป็นทางการสูง
6 รวมศูนย์อำนาจในการบริหารและตัดสินใจ
7 มีสภาพแวดล้อมไม่ซับซ้อนและคงที่
8 มุ่งเน้นประสิทธิภาพ ฯลฯ

98. ความเป็นสหวิทยาการ (Interdisciplinary) ของการบริหารรัฐกิจ หมายถึง

(1) การนำองค์ความรู้ในสาขาวิชาต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้เพื่อแก้ปัญหาในการบริหาร

(2) การบริหารงานที่เน้นการมีส่วนร่วม

(3) การบริหารภาครัฐองค์การขนาดใหญ่

(4) ความร่วมมือระหว่างรัฐกับเอกชน

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 50. ประกอบ

99. ข้อใดมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นน้อยลงในการบริหารทรัพยากรมนุษย์

(1) เน้นทีมงาน

(2) มีความยืดหยุ่น

(3) เน้นการมีส่วนร่วม

(4) การจ้างงานตลอดชีพ

(5) ไม่มีการกำหนดชั่วโมงการทำงานต่อวัน

ตอบ 4 (คำบรรยาย) แนวโน้มที่มักจะเกิดขึ้นในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ มีดังนี้
1 มีความยืดหยุ่นในการทำงาน
2 ให้ความสำคัญต่อทักษะในการปฏิบัติงาน
3 เน้นทีมงาน
4 เน้นการมีส่วนร่วม
5 ไม่มีการกำหนดชั่วโมงการทำงานต่อวัน ฯลฯ
6 ส่วนการจ้างงานตลอดชีพนั้นมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นน้อยลง

100. แนวคิดของนักเศรษฐศาสตร์สำนัก Keynesian สนับสนุนแนวทางแบบใด

(1) การประหยัดทรัพยากรการบริหาร

(2) การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ

(3) การลดบทบาทและขนาดของภาครัฐ

(4) การจัดการแบบภาคเอกชน

(5) การขยายบทบาทภาครัฐ

ตอบ 5 หน้า 323, 326 – 329, 355 คุณค่าหลัก 2 ประการที่แย้งกันในทัศนะของนักรัฐศาสตร์ ในการบริหารรัฐกิจ มีดังนี้
1 คุณค่าที่เน้นประสิทธิภาพของภาครัฐ VS. คุณค่าที่เน้นความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งคุณค่าอย่างแรกตรงกับแนวคิดของอเล็กซานเดอร์ แฮมิลตัน (Alexander Hamilton) ส่วนคุณค่าอย่างหลังตรงกับแนวคิดของโทมัส เจฟเฟอร์สัน (Thomas Jefferson)
2 คุณค่าที่เน้นการขยายบทบาทของภาครัฐ VS. คุณค่าที่เน้นการลดบทบาทของภาครัฐ ซึ่งคุณค่าอย่างแรกตรงกับแนวคิดของนักเศรษฐศาสตร์สำนักเคนส์เซียนหรือเศรษฐศาสตร์แบบเคนส์ (Keynesian School) ส่วนคุณค่าอย่างหลังตรงกับแนวคิดของเศรษฐศาสตร์แบบนีโอลิเบอรัลลิสม์ (Neo-Liberalism) และเศรษฐศาสตร์แบบนีโอคลาสสิก (Neo-Classical School)

 

 

POL2300 การบริหารรัฐกิจเบื้องต้น 1/2564

การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2564

ข้อสอบกระบวนวิชา POL 2300 การบริหารรัฐกิจเบื้องต้น

“คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว ”

1. ข้อใดเป็นนโยบายการเงิน

(1) การควบคุมสินเชื่อส่วนบุคคล

(2) การอนุมัติงบประมาณแผ่นดิน

(3) การปรับอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม

(4) การขึ้นค่าไฟฟ้า

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 (คำบรรยาย) นโยบายการเงิน เป็นนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมปริมาณเงินหมุนเวียน ในระบบเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ เช่น การควบคุมอัตราดอกเบี้ย การควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท การควบคุมสินเชื่อ การซื้อขายพันธบัตรรัฐบาล การออก ระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ทางการเงิน เป็นต้น โดยหน่วยงานที่ทำหน้าที่ดูแลนโยบายการเงิน ก็คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย

2. ข้อใดมีความเกี่ยวข้องกับองค์การแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization)

(1) เน้นการพัฒนาความสามารถเพื่อปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป

(2) เป็นองค์การสมัยใหม่

(3) มีการมอบอำนาจในการตัดสินใจเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน

(4) มีทีมงานที่กระชับ

(5) มีสายการบังคับบัญชาที่เหมาะสม

ตอบ 1 หน้า 130 องค์การแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization) เป็นองค์การที่เน้นการพัฒนา ความสามารถเพื่อจะได้ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปได้ทุกสถานการณ์ โดยองค์การจะเน้นให้บุคลากรในองค์การได้รับความรู้ใหม่ ๆ พัฒนาทักษะในการสร้าง สรรหา และถ่ายโอนความรู้ให้เป็นองค์ความรู้ที่เอื้อประโยชน์ต่อองค์การโดยส่วนรวม มีข้อมูลข่าวสาร ที่ทันสมัย นำมาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิผล

3. ข้อใดเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้แล้วไม่หมดสิ้น

(1) ก๊าซธรรมชาติ

(2) ดิน

(3) ถ่านหิน

(4) ป่าไม้

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 2 หน้า 274 – 275 ทรัพยากรธรรมชาติ สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
1 ทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้แล้วไม่หมดสิ้น (Non-Exhausting Natural Resources) เช่น แสงอาทิตย์ อากาศ ดิน น้ำ เป็นต้น
2 ทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้แล้วหมดไป (Exhausting Natural Resources) เช่น แร่ธาตุ น้ำมันปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน เป็นต้น
3 ทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้แล้วเกิดขึ้นทดแทนหรือรักษาให้คงอยู่ได้ (Renewable Natural Resources) เช่น ป่าไม้ สัตว์ป่า พืชพรรณ กำลังงานของมนุษย์ เป็นต้น

4. ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับความหมายของเทคโนโลยี

(1) คน

(2) เครื่องมือ

(3) กระบวนการ

(4) ความรู้

(5) เป็นเทคโนโลยีทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 290 ความรู้ทั้งหลาย (All Knowledge) คือ ความรู้ที่มาจากทฤษฎีและนํามาปฏิบัติให้เกิดผล
1 ผลผลิตหรือผลิตภัณฑ์ (Products) คือ ผลที่ได้จากการนําเทคโนโลยีมาใช้
2 กระบวนการ (Processes) คือ ขั้นตอนของการนําเทคโนโลยีมาใช้
3 เครื่องมือ (Tools) คือ อุปกรณ์ วัสดุ เครื่องจักรในการใช้หรือที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยี
4 วิธีการ (Methods) คือ กรรมวิธีหรือเทคนิคที่ใช้สําหรับเทคโนโลยี
5 ระบบ (Systems) คือ กลุ่มกิจกรรมต่าง ๆ ที่ใช้เพื่อการคิดค้นในการสร้างสินค้าหรือการบริการ

5. ข้อจำกัดของความมีเหตุผลเกี่ยวกับปัญหาของหลักการบริหารในความหมายของ Herbert A. Simon หมายถึงข้อจำกัดเกี่ยวกับอะไร

(1) ความชํานาญ ค่านิยม วิธีการปฏิบัติงาน

(2) ความชํานาญ ค่านิยม ความรู้และข้อมูลข่าวสาร

(3) ความชํานาญ ค่านิยม เป้าหมาย

(4) ความชํานาญ แนวความคิด วิธีการปฏิบัติงาน

(5) ความชํานาญ แนวความคิด เป้าหมาย

ตอบ 2 หน้า 53, (คำบรรยาย) ในปี ค.ศ. 1976 ได้เกิดวิกฤติในวิชาการบริหารรัฐกิจเป็นครั้งที่สอง โดย Herbert A. Simon ได้อธิบายว่า หลักต่าง ๆ ของการบริหารประสบกับปัญหาสําคัญ คือ ข้อจํากัดของความมีเหตุผล ซึ่งเกิดจากข้อจํากัดของบุคคลแต่ละคนใน 3 ประการ ดังนี้
1 ข้อจํากัดเกี่ยวกับความชํานาญ นิสัย และสัญชาตญาณ
2 ข้อจํากัดเกี่ยวกับค่านิยมและแนวความคิดเกี่ยวกับวัตถุประสงค์
3 ข้อจํากัดเกี่ยวกับความรู้และข้อมูลข่าวสาร

6 บุคคลที่เป็นผู้นําในการโจมตีวิชาการบริหารรัฐกิจครั้งแรก คือใคร

(1) Thomas S. Kuhn

(2) Herbert A. Simon

(3) Leonard D. White

(4) Frank J. Goodnow

(5) William F. Willoughby

ตอบ 2 หน้า 51, (คำบรรยาย) วิชาการบริหารรัฐกิจมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับมาจนถึง ค.ศ. 1938 ได้เกิดวิกฤติทางความคิดเป็นครั้งแรก โดยบุคคลที่เป็นผู้นําในการโจมตีวิชาการบริหารรัฐกิจ ครั้งแรกนี้ก็คือ Herbert A. Simon

7 การหาวิธีการรักษาโรคในมนุษย์ เป็นเทคโนโลยีในด้านใด

(1) Bio Technology

(2) Material Technology

(3) Nano Technology

(4) Energy Technology

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 1 หน้า 292, (คำบรรยาย) การพัฒนาเทคโนโลยีด้านชีวภาพ (Bio Technology) คือ การนําเอา ความรู้ทางด้านต่าง ๆ ของวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้กับสิ่งมีชีวิต เพื่อประโยชน์เฉพาะอย่าง ตามที่มนุษย์ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นด้านการแพทย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การจัดการ สิ่งแวดล้อม เช่น การหาวิธีการรักษาโรคในมนุษย์ การศึกษาเซลล์ต้นกําเนิด (Stem Cells) การตัดแต่งพืชพันธุกรรม (GMO) การบําบัดน้ําเสียโดยใช้กังหันชัยพัฒนา เป็นต้น

8 ใครเสนอว่าอุปสรรคจะเป็นแรงผลักดันให้มีการเสนอนโยบายเพื่อไปใช้ประโยชน์

(1) Carl J. Friedrich

(2) David Easton

(3) William Greenwood

(4) Ira Sharkansky

(5) Theodore Lowi

ตอบ 1 หน้า 74, (คําบรรยาย) Carl J. Friedrich กล่าวว่า นโยบายสาธารณะ หมายถึง ข้อเสนอ สําหรับแนวทางการดําเนินงานของบุคคล กลุ่มบุคคล หรือรัฐบาลภายในสภาพแวดล้อม แบบหนึ่ง ซึ่งอาจมีทั้งอุปสรรคและโอกาสบางประการ โดยอุปสรรคและโอกาสนี้จะเป็น แรงผลักดันให้มีการเสนอนโยบายเพื่อไปใช้ประโยชน์ และเอาชนะสภาพการณ์ต่าง ๆ ทั้งนี้ ก็เพื่อนําไปสู่เป้าหมายอย่างใดอย่างหนึ่งนั่นเอง

9. การบริหารงานบุคคลในระบบราชการในภาษาอังกฤษ คือ

(1) Public Personnel Administration

(2) Personnel Administration

(3) Public Administration

(4) Personnel Management

(5) Public Management

ตอบ 1 หน้า 148 การบริหารงานบุคคล ในภาษาอังกฤษจะใช้คําว่า “Personnel Administration” หรือ “Personnel Management” ซึ่งหากจะให้มีความหมายว่าเป็นการบริหารงานบุคคล ในระบบราชการหรือภาครัฐโดยเฉพาะก็จะใช้คําว่า “Public Personnel Administration” และหากจะให้มีความหมายเฉพาะถึงการบริหารงานบุคคลในภาคธุรกิจเอกชนก็จะใช้คําว่า “Business Personnel Management”

10. “หอรัษฎากรพิพัฒน์” ทําหน้าที่

(1) ดูแลโรงฝิ่นและยาสูบ

(2) ดูแลเก็บ “ส่วย” และ “ฤชา”

(3) เก็บเงินผลประโยชน์ รายได้ ภาษีอากรให้รัฐ

(4) ดูแลชาวต่างชาติ

(5) เก็บภาษีปากเรือ

ตอบ 3 หน้า 215 หอรัษฎากรพิพัฒน์ จัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2416 เพื่อเป็นสํานักงานกลางสําหรับ เก็บเงินผลประโยชน์ รายได้ ภาษีอากรของแผ่นดินมารวมไว้ในที่แห่งเดียว มิให้แยกย้าย กระจัดกระจายอยู่ตามหน่วยงานต่าง ๆ

11. ข้อใดเป็นกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์

(1) การระงับข้อพิพาท

(2) ยุติธรรมทางอาญาและการระงับข้อพิพาท

(3) การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท

(4) ยุติธรรมทางอาญา

(5) การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทและการระงับข้อพิพาท

ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 7, 9), (คําบรรยาย) กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ (Restorative Justice) เป็นแนวคิดที่ให้ผู้เสียหายและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากผลการกระทํา อาชญากรรมเป็นศูนย์กลางของกระบวนการยุติธรรม โดยที่รัฐและบุคลากรทางกฎหมาย เป็นเพียงผู้ประสานงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งหรือระงับข้อพิพาท โดยให้ผู้กระทําผิดได้แสดงความรับผิดชอบในการกระทําของเขา และให้ความช่วยเหลือ/ บรรเทาผลร้ายแก่ผู้เสียหาย ซึ่งวิธีการของกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ ได้แก่ การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท การประนอมข้อพิพาท เป็นต้น

12. ข้อใดไม่เป็นสาเหตุที่ทําให้ทรัพยากรธรรมชาติถูกทําลาย

(1) การสร้างเขื่อน

(2) ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

(3) ความเจริญทางวิทยาศาสตร์

(4) การลดของประชากร

(5) การกีฬา

ตอบ 4 หน้า 275 – 276, 282 – 283 สาเหตุที่ทําให้ทรัพยากรธรรมชาติถูกทําลาย มีดังนี้ 1. การเพิ่มของประชากร 2. การขยายตัวทางเศรษฐกิจ 3. ความเจริญก้าวหน้า ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4. การสร้างสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ เช่น การสร้างเขื่อน อ่างเก็บน้ํา ถนน 5. การกีฬา เช่น การยิงนก ตกปลา ล่าสัตว์ 6. สงคราม 7. ความไม่รู้หรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

13 การกําหนดเกณฑ์วัดและวิธีตรวจสอบ เป็นขั้นตอนใด

(1) การเตรียมและเสนอนโยบาย

(2) การก่อตัวของนโยบาย

(3) การอนุมัติและประกาศนโยบาย

(4) การนํานโยบายไปปฏิบัติ

(5) การประเมินผลนโยบาย

ตอบ 5 หน้า 90 ขั้นตอนการประเมินผลนโยบาย (Policy Evaluation) ประกอบด้วย
1 การกําหนดวัตถุประสงค์ของการประเมิน
2 การกําหนดเกณฑ์วัด และวิธีการตรวจสอบสิ่งที่ต้องการประเมิน
3 การกําหนดวิธีการรวบรวมข้อมูล และวิธีการรายงาน
4 การนําผลการประเมินไปใช้ในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงนโยบาย

14 การแบ่งงานตามความชํานาญเฉพาะด้านตามแนวนอนขององค์การ (Horizontal Specialization) หมายถึง

(1) แบ่งตามกิจกรรมตามลําดับขั้นตอนของกระบวนการทํางาน

(2) แบ่งตามความถนัดของคน

(3) แบ่งตามสายการบังคับบัญชา

(4) แบ่งตามวิชาชีพ

(5) แบ่งตามภูมิลําเนา

ตอบ 1 หน้า 116 การแบ่งงานตามความชํานาญเฉพาะด้านตามแนวนอนขององค์การ (Horizontal Specialization) หมายถึง การแบ่งตามกิจกรรมต่าง ๆ ตามลําดับขั้นตอนของกระบวนการ ทํางานในองค์การ เช่น ฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายผลิต ฝ่ายขาย ฝ่ายจัดจําหน่าย เป็นต้น

15 ตัวชี้วัด “เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ” ได้แก่

(1) รายได้เกษตรกร

(2) อัตราเงินเฟ้อ

(3) อัตราคนยากจน

(4) GDP

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 2 (คําบรรยาย) ตัวชี้วัดหน้าที่ทางเศรษฐกิจของรัฐ มีดังนี้
1 การจัดสรรทรัพยากร (Allocation Function) วัดจากผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)
2 การกระจายทรัพยากร (Distribution Function) วัดจากรายได้เปรียบเทียบ อัตราการใช้จ่าย อัตราการออม มูลค่าการใช้จ่ายของภาคเอกชน
3 การรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ (Stabilization Function) วัดจากอัตราเงินฝืด และอัตราเงินเฟ้อ
4 การบริหารจัดการ (Management Function) วัดจากประสิทธิภาพการผลิต

16 ทฤษฎีโครงสร้างตามสถานการณ์ตามแนวคิดของ Morgan ได้นําปัจจัยอะไรบ้างมาใช้ในการวิเคราะห์องค์การ

(1) สิ่งแวดล้อม กลยุทธ์ เทคโนโลยี ข้อมูลข่าวสาร โครงสร้าง และการจัดการ

(2) สิ่งแวดล้อม กลยุทธ์ เทคโนโลยี ผู้นํา โครงสร้าง และการจัดการ

(3) สิ่งแวดล้อม กลยุทธ์ เทคโนโลยี คน/วัฒนธรรม โครงสร้าง และการจัดการ

(4) สิ่งแวดล้อม กลยุทธ์ เทคโนโลยี คน โครงสร้าง และการจัดการ

(5) สิ่งแวดล้อม กลยุทธ์ เทคโนโลยี นวัตกรรม โครงสร้าง และการจัดการ

ตอบ 3 หน้า 135 – 136 มอร์แกน (Morgan) ได้นําทฤษฎีโครงสร้างตามสถานการณ์มาพัฒนา เพื่อให้เกิดความเข้าใจและนําไปประยุกต์ใช้ได้ง่าย ซึ่งปัจจัยที่มอร์แกนนํามาพิจารณาในการวิเคราะห์และจัดโครงสร้างองค์การ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม กลยุทธ์ เทคโนโลยี คน/วัฒนธรรม โครงสร้างองค์การ และการจัดการ

17. แนวคิดในการควบคุมแบบใดเกิดก่อนแบบอื่น ๆ

(1) ควบคุมผลลัพธ์

(2) ควบคุมด้วยนโยบาย

(3) ควบคุมด้วยประชาชน

(4) ควบคุมผลผลิต

(5) ควบคุมด้วยกฎระเบียบ

ตอบ 5 หน้า 177, 205 – 206, (คําบรรยาย) แนวคิดในการควบคุมตรวจสอบ แบ่งออกเป็น 3 ยุค คือ ยุคที่ 1 ให้ความสําคัญกับการควบคุมปัจจัยนําเข้า โดยพิจารณาที่ความถูกต้องของการจัดสรรทรัพยากรขององค์การให้ตรงตามมาตรฐานและกฎระเบียบที่กําหนด ยุคที่ 2 ให้ความสําคัญกับการควบคุมกระบวนการทํางาน โดยพิจารณาความสําเร็จไปที่ประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทํางาน ยุคที่ 3 (ยุคปัจจุบัน) ใช้วิธีการตามยุคที่ 1 และ 2 และให้ความสําคัญกับการควบคุมผลผลิต และผลลัพธ์ รวมทั้งให้ผู้บริโภคได้เข้ามามีส่วนร่วมในการควบคุมตรวจสอบ

18. ข้อจํากัดของการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ได้แก่

(1) คู่พิพาทใช้เป็นช่องทางประวิงให้เกิดความล่าช้า

(2) สร้างความพึงพอใจต่อคู่พิพาท

(3) รักษาสัมพันธภาพระหว่างคู่พิพาท

(4) สร้างความสงบสุขให้กับชุมชน

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 27), (คําบรรยาย) ข้อจํากัดของการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ได้แก่
1. ไม่มีสภาพบังคับ การไกล่เกลี่ยขึ้นอยู่กับความสมัครใจของคู่พิพาทเป็นสําคัญ
2. คู่พิพาทอาจใช้เป็นช่องทางประวิงเวลาให้คดีเกิดความล่าช้าได้
3. ผลของการไกล่เกลี่ยไม่สามารถบังคับได้ทุกกรณีเช่นเดียวกับคําพิพากษา ฯลฯ

19. ตําราเรียน (Textbook) เล่มแรกของวิชาการบริหารรัฐกิจ

(1) Papers on the Science of Administration

(2) Principles of Public Administration

(3) Principles of Organization

(4) Introduction to the Study of Public Administration

(5) Politics and Administration

ตอบ 4 หน้า 47, 65 Leonard D. White ได้เขียนหนังสือชื่อ “Introduction to the Study of Public Administration” (1926) ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นตําราเรียน (Textbook) ที่สมบูรณ์ เล่มแรกของสาขาวิชาการบริหารรัฐกิจ โดยเขาเสนอความเห็นว่า การเมืองไม่ควรจะเข้ามาแทรกแซงการบริหาร เพราะการบริหารได้นําตัวเองไปสู่การศึกษาแบบวิทยาศาสตร์ และวิชา การบริหารรัฐกิจสามารถจะก้าวไปสู่ความเป็นศาสตร์ที่ปลอดจากค่านิยมได้ด้วยความถูกต้องชอบธรรมของตนเอง

20. “การใช้โครงสร้างแผนงานเป็นเครื่องมือแสดงความสัมพันธ์ระหว่างวัตถุประสงค์……กับกิจกรรมที่จะช่วย ให้บรรลุวัตถุประสงค์” เป็นลักษณะของระบบงบประมาณแบบใด

(1) Performance Budget

(2) Line-Item Budget

(3) Tradition Budget

(4) Line-Item Budget และ Tradition Budget

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 5 คำบรรยาย: หน้า 230 – 231, 237 งบประมาณแบบแสดงแผนงาน (Planning or Programming Budget) เป็นระบบงบประมาณที่มีความมุ่งหมายที่จะให้มีการเชื่อมโยงการจัดสรรงบประมาณ เข้ากับระบบการวางแผน จึงมีการจัดทําแผนงาน (Programming) โดยใช้โครงสร้างแผนงาน เป็นเครื่องมือแสดงความสัมพันธ์ระหว่างวัตถุประสงค์ที่ต้องการจะบรรลุในรอบปีงบประมาณ หนึ่ง ๆ กับกิจกรรมที่จะช่วยให้บรรลุวัตถุประสงค์นั้น ๆ เพื่อเป็นกรอบการตัดสินใจในการ จัดสรรงบประมาณ

21. องค์การแบบเครือข่ายของภาครัฐในความคิดของ Goldsmith and Eggers มีลักษณะประกอบด้วย

(1) Speed & Flexibility, Increased Reach, Specialization, Quality

(2) Speed & Flexibility, Increased Reach, Specialization, Innovation

(3) Speed & Flexibility, Increased Reach, Specialization, Development

(4) Speed & Flexibility, Increased Reach, Specialization, Connection

(5) Speed & Flexibility, Increased Reach, Specialization, Information

ตอบ 2 คำบรรยาย: หน้า 126 องค์การแบบเครือข่ายของภาครัฐตามความคิดของ Goldsmith and Eggers มีลักษณะประกอบด้วย
1 มีความรวดเร็วและมีความยืดหยุ่น (Speed & Flexibility)
2 การเพิ่มขึ้นของการเข้าถึง (Increased Reach)
3 ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (Specialization)
4 นวัตกรรม (Innovation)

22. ในปี ค.ศ. 1887 เกิดเหตุการณ์อะไร

(1) Woodrow Wilson เสนอแนวคิดการแยกการบริหารกับการเมืองออกจากกันเป็นสองส่วน

(2) เป็นยุคทองของการบริหารรัฐกิจ

(3) William F. Willoughby เขียนตําราของวิชาการบริหารรัฐกิจที่สมบูรณ์

(4) Gulick เสนอหลักการบริหารที่สําคัญคือ POSDCORB

(5) Frederick W. Taylor เสนอหลักการบริหาร Scientific Management

ตอบ 1 คำบรรยาย: หน้า 31, 46, 64 – 65, (คําบรรยาย) Woodrow Wilson เป็นบิดาของวิชาการบริหารรัฐกิจ และเป็นผู้ให้กําเนิดคําว่า “Public Administration” เขาได้เสนอแนวคิดไว้ในบทความเรื่อง “The Study of Administration” ในปี ค.ศ. 1887 ว่า การบริหารรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องยาก ยิ่งกว่าการบัญญัติรัฐธรรมนูญ และควรแยกการบริหารกับการเมืองออกจากกันเป็นสองส่วน โดย บทความดังกล่าวนี้ได้รับการยอมรับจากนักวิชาการว่าเป็น “สูติบัตร” ของวิชาการบริหารรัฐกิจ

23. Thomas Jefferson ให้ความสําคัญกับเรื่องใดในการบริหารราชการ

(1) เทคโนโลยี

(2) ประสิทธิภาพ

(3) ประชาธิปไตย

(4) การลดบทบาทภาครัฐ

(5) การขยายบทบาทภาครัฐ

ตอบ 3 หน้า 326 – 327 โทมัส เจฟเฟอร์สัน (Thomas Jefferson) ถือเป็นผู้วางรากฐานการเมือง และมีอิทธิพลต่อแนวคิดหลักในการบริหารราชการของสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก โดยแนวคิด ของเจฟเฟอร์สันนั้นได้ให้ความสําคัญกับประชาธิปไตย (Democracy) ในการบริหารราชการ โดยต้องการให้รัฐบาลกระจายอํานาจให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารราชการ และต้องการจํากัดอํานาจของฝ่ายบริหารโดยอาศัยกฎหมายและรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด

24. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะขององค์การแบบแชมร็อค (Shamrock Organization)

(1) เป็นองค์การที่เปรียบเหมือนใบแชมร็อค

(2) มีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ กลุ่มผู้ปฏิบัติงานจากภายนอก กลุ่มพนักงานชั่วคราว

(3) เป็นองค์การสมัยใหม่ ไม่มีสายการบังคับบัญชา

(4) มีการแบ่งกลุ่มผู้ปฏิบัติงานเป็น 3 กลุ่ม เพื่อเป็นการลดจํานวนผู้ปฏิบัติงาน

(5) เป็นองค์การในอนาคตที่ให้คนเข้ามามีส่วนร่วมหรือดําเนินการด้วยตนเองบ้าง

ตอบ 3 หน้า 128 – 129 องค์การแบบแชมร็อค (Shamrock Organization) เป็นโครงสร้างองค์การ ที่เปรียบเหมือนใบแชมร็อค ซึ่งมี 3 แฉกติดกันอยู่บนก้านเดียวกัน โครงสร้างองค์การแบบนี้จะมี การแบ่งกลุ่มผู้ปฏิบัติงานในองค์การออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ กลุ่มผู้ปฏิบัติงาน จากภายนอก และกลุ่มพนักงานชั่วคราว เพื่อเป็นการลดจํานวนผู้ปฏิบัติงานในองค์การให้น้อยลง โดยจะให้ความสําคัญต่อผู้ปฏิบัติภารกิจหลักขององค์การเท่านั้น ทั้งนี้แนวโน้มขององค์การ แบบแชมร็อคในอนาคตนั้นอาจจะให้ลูกค้าขององค์การเข้ามามีส่วนร่วมหรือเข้ามาดําเนินการ ด้วยตนเองบ้างในบางส่วน

25. ผู้ที่กล่าวว่า “การวิจัยที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของผลสําเร็จในเชิงวิทยาศาสตร์ที่เกิดขึ้นมาก่อนแล้วในอดีต” คือ

(1) Martin Landau

(2) Robert T. Golembiewski

(3) Thomas S. Kuhn

(4) Robert T. Holt

(5) Lawrence C. Mayer

ตอบ 3 หน้า 43 Thomas S. Kuhn เป็นปรมาจารย์ผู้ริเริ่มเผยแพร่แนวความคิดเกี่ยวกับพาราไดม์ (Paradigm) และได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งพาราไดม์” ได้อธิบายไว้ว่า วิทยาการที่เป็น ปกติ (Normal Science) หมายถึง การวิจัยที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของผลสําเร็จในเชิงวิทยาศาสตร์ (Scientific Achievements) ที่ได้เกิดขึ้นมาก่อนแล้วในอดีต ผลสําเร็จในเชิงวิทยาศาสตร์ ดังกล่าวจึงเท่ากับเป็นตัวกําหนดปัญหาและวิธีการวิจัยให้กับผู้ศึกษาวิจัยรุ่นใหม่ ๆ ดําเนินการ ต่อไปบนพื้นฐานที่กําหนดไว้

26. The American Political Science Association มีความสําคัญอย่างไร

(1) การประชุมทางวิชาการของสมาคมรัฐศาสตร์

(2) การประชุมทางวิชาการของสมาคมรัฐศาสตร์แห่งภาคใต้

(3) การประชุมทางวิชาการของสมาคมการบริหารรัฐกิจเกี่ยวกับพาราไดม์แห่งอเมริกา

(4) การประชุมทางวิชาการของสมาคมรัฐศาสตร์แห่งอเมริกา

(5) การประชุมทางวิชาการของสมาคมการบริหารรัฐกิจแห่งอเมริกา

ตอบ 4 หน้า 43 The American Political Science Association คือ การประชุมทางวิชาการของ สมาคมรัฐศาสตร์แห่งอเมริกา

27. ข้อใดเป็นขั้นตอนหลังสุดในกระบวนการควบคุม

(1) แผนงาน

(2) ข้อมูลข่าวสาร

(3) นโยบาย

(4) การตรวจสอบ

(5) การปรับปรุง

ตอบ 5 หน้า 181 กระบวนการในการควบคุมตรวจสอบ มี 4 ขั้นตอน คือ
1 การกำหนดเป้าหมาย รายละเอียด และมาตรฐานของการดำเนินงาน
2 การกำหนดวิธีการในการวัดมาตรฐานในการดำเนินงาน รวมทั้งวิธีการที่จะวัดความสำเร็จของงาน
3 การพิจารณาเปรียบเทียบผลงานกับมาตรฐานหรือเกณฑ์ที่ได้ตั้งเอาไว้
4 การดำเนินการปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่ได้วางเอาไว้

28. องค์การควรมีลักษณะสำคัญประกอบด้วย

(1) คน การพัฒนา กิจกรรมตามโครงสร้าง

(2) คน วัตถุประสงค์ กิจกรรมตามโครงสร้าง

(3) คน การพัฒนา โครงสร้าง

(4) คน วัตถุประสงค์ การปฏิบัติงาน

(5) คน การปฏิบัติงาน โครงสร้าง

ตอบ 2 หน้า 114 ระบุว่า องค์การเป็นระบบย่อยของสังคม ซึ่งประกอบด้วยบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป มีภาระหน้าที่ ความรับผิดชอบ ร่วมกันทำกิจกรรมตามโครงสร้างและรูปแบบที่กำหนดไว้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนด โดยองค์การจะมีลักษณะสำคัญ 3 ประการ คือ
1 มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน
2 มีบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เข้ามาปฏิบัติงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
3 มีการพัฒนาโครงสร้างให้เหมาะสม เพื่อให้ผู้ปฏิบัติสามารถปฏิบัติงานได้สำเร็จ

29. องค์การแบบระบบราชการตามแนวคิดของ Max Weber มีลักษณะ ดังนี้

(1) มีการแบ่งงาน มีสายการบังคับบัญชา กฎระเบียบ การสอบคัดเลือกบุคคลเป็นการชั่วคราว

(2) มีการแบ่งงาน มีสายการบังคับบัญชา กฎระเบียบ การสอบคัดเลือกบุคคลเป็นการทั่วไป

(3) มีการแบ่งงาน มีสายการบังคับบัญชา กฎระเบียบ การสอบคัดเลือกบุคคลเป็นการแข่งขัน

(4) มีการแบ่งงาน มีสายการบังคับบัญชา กฎระเบียบ การสอบคัดเลือกบุคคลเป็นทางการ

(5) มีการแบ่งงาน มีสายการบังคับบัญชา กฎระเบียบ การสอบคัดเลือกบุคคลไม่เป็นทางการ

ตอบ 4 หน้า 124 ระบุว่า องค์การแบบระบบราชการตามแนวคิดของ Max Weber มีลักษณะดังนี้
1 มีการแบ่งงานกันทำตามความถนัดหรือความชำนาญเฉพาะด้าน
2 มีการกำหนดอำนาจหน้าที่ตามสายการบังคับบัญชา
3 มีการสอบคัดเลือกบุคคล อย่างเป็นทางการ
4 มีกฎระเบียบที่เป็นทางการมากมาย
5 ไม่คำนึงถึงเรื่องส่วนตัว
6 เน้นการปฏิบัติงานเป็นอาชีพ

30. “I AM READY” คืออะไร

(1) กิจกรรมการปฏิรูประบบราชการ

(2) นโยบายปฏิรูประบบราชการ

(3) ค่านิยมใหม่ที่พึงประสงค์ของข้าราชการ

(4) ภาวะผู้นำ

(5) การตอบสนองต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย

ตอบ 3 คำอธิบาย: หน้า 352 ระบุว่า สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ได้กำหนดค่านิยมใหม่ ที่พึงประสงค์ของข้าราชการไทยที่เรียกว่า “I AM READY” ประกอบด้วย

I = Integrity (ทำงานอย่างมีศักดิ์ศรี)

A = Activeness (ขยัน ตั้งใจ ทำงานในเชิงรุก)

M = Morality (มีศีลธรรม คุณธรรม)

R = Relevancy (รู้ทันโลก ปรับตัวทันโลก)

E = Efficiency (มุ่งเน้นประสิทธิภาพ)

A = Accountability (มีความสำนึกรับผิดชอบต่อผลงานและสังคม)

D = Democracy (มีใจและการกระทำที่เป็นประชาธิปไตย)

Y = Yield (มุ่งเน้นผลงาน)

31. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของทฤษฎีโครงสร้างองค์การตามสถานการณ์ (Structural Contingency Theory)

(1) การจัดองค์การที่ดีต้องสอดคล้องกับสถานการณ์

(2) ผู้ตัดสินใจขององค์การแนวโน้มเป็นผู้มีเหตุผล

(3) องค์การเป็นระบบปิด

(4) ไม่มีทางเลือกใดที่ดีที่สุดในการจัดองค์การ

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 134 เงื่อนไขของรูปแบบองค์การตามทฤษฎีโครงสร้างองค์การตามสถานการณ์ (Structural Contingency Theory) มีดังนี้:
1 ไม่มีทางเลือกใดที่ดีที่สุดในการจัดองค์การ
2 การจัดองค์การแต่ละรูปแบบมีประสิทธิผลไม่เท่ากัน ต้องสอดคล้องกับสถานการณ์
3 การจัดองค์การที่ดีที่สุด
4 องค์การจะปรับโครงสร้างให้เข้ากับบริบทขององค์การ
5 องค์การเป็นระบบเปิด
6 ผู้ตัดสินใจขององค์การที่แนวโน้มเป็นผู้ที่มีเหตุผล

32. พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนของไทยที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเริ่มใช้ในปีใด

(1) 2550

(2) 2551

(3) 2552

(4) 2553

(5) 2554

ตอบ 2 (คำบรรยาย) พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 เป็นพระราชบัญญัติที่บังคับใช้กับข้าราชการพลเรือนสามัญของไทยอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2551

33. ใครเป็นผู้กำหนด “I AM READY”

(1) Deming นักวิชาการอเมริกัน

(2) สำนักงาน ก.พ.ร.

(3) คณะรัฐมนตรียุครัฐบาลทักษิณ

(4) สำนักงาน ก.พ.

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 30. ประกอบ (หมายเหตุ: ข้อ 30 ไม่ได้อยู่ในข้อมูลที่ให้มา)

34. ผู้ที่กล่าวว่า องค์การคือกระบวนการทำงานที่มีโครงสร้าง เพื่อให้บุคคลต่าง ๆ ได้ร่วมกันปฏิบัติงานเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ คือ

(1) Herbert Hicks

(2) Talcott Parson

(3) Stephen Robbins

(4) James Mooney and Alan Reiley

(5) Chester Barnard

ตอบ 1 หน้า 113 Herbert Hicks กล่าวว่า องค์การเป็นกระบวนการทำงานที่มีโครงสร้าง เพื่อให้บุคคลต่าง ๆ ได้ร่วมกันปฏิบัติงานเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้

35. ลักษณะของสภาพแวดล้อมของชุมชนที่ไม่มีการติดต่อกับสังคมภายนอก เรียกว่า

(1) Placid Randomized Environment

(2) Placid Clustered Environment

(3) Statics Environment

(4) Turbulent Field

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 1 หน้า 257 – 258 Fred Emery และ Eric Trist ได้แบ่งสภาพแวดล้อมขององค์การออกเป็น 4 ประเภท คือ
1 Placid Randomized Environment เป็นสภาพแวดล้อมที่สงบราบเรียบ ไม่ค่อยมีโอกาสติดต่อกับสังคมภายนอก เช่น สภาพแวดล้อมของชาวเขาที่เร่ร่อน ทารกในครรภ์ ชุมชนที่ไม่มีการติดต่อกับสังคมภายนอก เป็นต้น
2 Placid Clustered Environment เป็นสภาพแวดล้อมที่ราบเรียบแต่เริ่มมีการติดต่อกับสังคมภายนอกมากขึ้น เช่น สภาพแวดล้อมของเด็กที่กำลังเจริญเติบโตเริ่มเรียนรู้และสัมผัสกับระบบของครอบครัว โรงเรียน เป็นต้น
3 Disturbed-Reactive Environment เป็นสภาพแวดล้อมที่เริ่มมีความยุ่งยาก ซับซ้อน ยุ่งเหยิง เช่น สภาพแวดล้อมของเด็กวัยรุ่นที่เริ่มเผชิญกับสังคมภายนอก เป็นต้น
4 Turbulent Field เป็นสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อน ยุ่งเหยิง มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เช่น สภาพแวดล้อมใน 3 จังหวัดภาคใต้ และ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา เป็นต้น

36 ทุกข้อเป็น Task Environment ของ Daft ยกเว้น

(1) ปัจจัยจากต่างประเทศ

(2) ปัจจัยด้านการเงิน

(3) ปัจจัยด้านทรัพยากรมนุษย์

(4) ปัจจัยด้านสังคมและวัฒนธรรม

(5) ปัจจัยด้านการวางแผน

ตอบ 5 หน้า 255 – 256 Richard L. Daft ได้พิจารณาสภาพแวดล้อมขององค์การว่าประกอบด้วยปัจจัย หรือส่วนต่าง ๆ 10 ส่วน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ถือเป็นสภาพแวดล้อมของงาน (Task Environment) ที่มีผลกระทบต่อการบรรลุเป้าหมายขององค์การโดยตรง ได้แก่ 1. ปัจจัยด้านอุตสาหกรรม 2. ปัจจัยด้านการผลิต 3. ปัจจัยด้านทรัพยากรมนุษย์ 4. ปัจจัยด้านการเงิน 5. ปัจจัยด้านการตลาด 6. ปัจจัยด้านเทคโนโลยี 7. ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ 8. ปัจจัยด้านการควบคุม 9. ปัจจัยด้านสังคมและวัฒนธรรม 10. ปัจจัยจากต่างประเทศ

37 ข้อมูล หมายถึง

(1) ตำราเรียน

(2) ข้อสอบ

(3) ข่าวกีฬา

(4) แบบสอบถาม

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 296, 318 – 319, (คำบรรยาย) ข้อมูล (Data) หมายถึง ข้อจริงหรือความจริงต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับบุคคล วัตถุ สสาร สิ่งของ สถาบัน องค์การ การดำเนินงาน การปฏิบัติการ การจัดการ และอื่น ๆ ที่อาจอยู่ในลักษณะของสัญลักษณ์ ข้อความ ตัวเลข รูปภาพ และอื่น ๆ ทั้งนี้ข้อมูล จะอยู่ในรูปแบบที่ยังไม่มีการประเมินหรือตีความหมาย ซึ่งนับเป็นข้อมูลดิบ (Raw Data) เช่น แบบสอบถาม เป็นต้น ส่วนข่าวสาร (Information) หมายถึง ข้อมูลดิบที่ผ่านการประมวลผลแล้ว โดยผ่านวิธีการต่าง ๆ หรือเป็นข้อมูลบั้นปลายที่มีการเปลี่ยนรูปแล้วให้อยู่ในรูปที่มีความหมาย เข้าใจได้ง่าย และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ เช่น ตำราเรียน ภาพยนตร์ ข่าวกีฬา รายงานข่าว รายงานการประชุมประจำปี หนังสือพิมพ์ วารสารข่าวรามคำแหง เป็นต้น

38 ข้อดีของการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ได้แก่

(1) สะดวก

(2) ประหยัดค่าใช้จ่าย

(3) รวดเร็ว

(4) ลดความเครียดในการทำงาน

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 29 – 30), (คำบรรยาย) ข้อดีของการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ได้แก่ 1. สะดวก 2. รวดเร็ว 3. ประหยัดค่าใช้จ่าย 4. ลดความเครียด 5. รักษาสัมพันธภาพระหว่างคู่พิพาท 6. สร้างความพึงพอใจต่อคู่พิพาท 7. สร้างความสงบสุขให้กับชุมชน ฯลฯ

39 ข้อใดเป็นกระบวนการยุติธรรมกระแสหลัก

(1) การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท

(2) การระงับข้อพิพาท

(3) ยุติธรรมทางอาญาและการระงับข้อพิพาท

(4) ยุติธรรมทางอาญา

(5) การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทและการระงับข้อพิพาท

ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 15 – 16), (คำบรรยาย) กระบวนการยุติธรรมกระแสหลัก เป็นกระบวนการระงับข้อพิพาทตามกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ซึ่งลักษณะสำคัญของกระบวนการยุติธรรมกระแสหลัก มีดังนี้
1 มีพื้นฐานจากการใช้อำนาจของรัฐในการควบคุมเพื่อไม่ให้มีการทำผิดกฎเกณฑ์หรือกติกาที่กำหนดไว้เพื่อความสงบเรียบร้อยของสังคม
2 รูปแบบในการดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาอาชญากรรมมีลักษณะเป็นการต่อสู้เพื่อเอาชนะระหว่างผู้กระทำความผิดฝ่ายหนึ่ง และรัฐอีกฝ่ายหนึ่ง โดยมีผู้เสียหายเป็นตัวประกอบ
3 การอำนวยความยุติธรรมมีลักษณะเป็น “กระบวนการดำเนินงานเชิงคดี” ฯลฯ

40 Normal Science หมายถึง

(1) การวิจัยที่ยึดมั่นและมีความเห็นที่สอดคล้องกันต่อกฎเกณฑ์และมาตรฐานเดียวกัน

(2) การวิจัยที่ยึดมั่นต่อกฎเกณฑ์และมาตรฐานเดียวกัน

(3) การวิจัยที่ยึดมั่นต่อผลสำเร็จและมาตรฐานเดียวกัน

(4) การวิจัยที่ยึดมั่นต่อระเบียบวิจัย

(5) การวิจัยที่ยึดมั่นต่อผลสำเร็จในวิทยาการ

ตอบ 1 หน้า 44 Thomas S. Kuhn เห็นว่า การวิจัยของผู้ใดก็ตามที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของพาราไดม์ร่วมกัน แสดงว่าผู้วิจัยเหล่านั้นจะต้องผูกพันและยึดมั่นต่อกฎเกณฑ์และมาตรฐานเดียวกัน ในการศึกษาวิจัย ซึ่งการยึดมั่นและมีความเห็นที่สอดคล้องต้องกันต่อกฎเกณฑ์และมาตรฐานเดียวกันนี้ ถือเป็นเงื่อนไขจำเป็นอันดับแรกสำหรับวิทยาการที่เป็นปกติ (Normal Science)

41. “ภาษีเบิกร่อง” ถูกยกเลิกไปในรัชกาลใด

(1) รัชกาลที่ 3

(2) รัชกาลที่ 6

(3) รัชกาลที่ 9

(4) รัชกาลที่ 5

(5) รัชกาลที่ 4

ตอบ 5 หน้า 214 ในสมัยรัชกาลที่ 4 ประเทศอังกฤษได้ส่งเซอร์จอห์น เบาว์ริง เข้ามาขอทำหนังสือสัญญาทางพระราชไมตรีกับไทย โดยสนธิสัญญาได้ระบุให้ไทยยกเลิกภาษีเบิกร่องหรือภาษีปากเรือ ที่เก็บตามสัญญาฉบับปี พ.ศ. 2369 และให้เก็บภาษีขาเข้าแทนในอัตราเพียงร้อยละ 3 ของสินค้าเท่านั้น ซึ่งผลของสนธิสัญญาฉบับนี้ได้ทำให้ไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างมาก

42. ผู้ที่ให้ความหมายของการบริหารงานบุคคลว่าเป็น “กระบวนการเพื่อให้ได้มาและพัฒนาพนักงานให้มีความชำนาญในการปฏิบัติงานและส่งเสริมให้เขาปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ” คือ

(1) Nigro, F.A. and Nigro, L.G.

(2) Henry, N.

(3) Kramer, F.A.

(4) Stahl, O.G.

(5) Stephen Robbins

ตอบ 1 หน้า 148 Nigro, F.A. and Nigro, LG. กล่าวว่า การบริหารงานบุคคลเป็นกระบวนการ เพื่อให้ได้มาและพัฒนาพนักงานให้มีความชำนาญในการปฏิบัติงาน และเพื่อเสริมสร้างสภาวะการทำงานในอันที่จะส่งเสริมให้เขาปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ

43. หน่วยงานใดทำหน้าที่กำกับทิศทางการพัฒนาประเทศ

(1) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ

(2) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

(3) สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน

(4) สำนักงบประมาณ

(5) สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน

ตอบ 2 หน้า 177, (คําบรรยาย) สํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็น หน่วยงานที่ทําหน้าที่กํากับทิศทางการพัฒนาประเทศ โดยมีหน้าที่หลักในจัดทําแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งเป็นแผนมหภาคที่ใช้เป็นกรอบและทิศทางการพัฒนาประเทศ

44. การรักษาดูแล “ภาวะเงินเฟ้อ” เป็นหน้าที่ใดต่อไปนี้

(1) Allocation Function

(2) Distribution Function

(3) Stabilization Function

(4) Promotion Function

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 213, (คําบรรยาย) หน้าที่ของรัฐบาลในการดําเนินนโยบายทางเศรษฐกิจการคลัง มีดังนี้
1 การจัดสรรทรัพยากร (Allocation Function) เช่น การให้สัมปทานคลื่นความถี่ในการสื่อสาร
2. การกระจายทรัพยากรหรือรายได้ (Distribution Function) เช่น การจัดสรรที่ทํากินแก่เกษตรกรผู้ยากไร้
3 การส่งเสริมการเจริญเติบโตหรือการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ (Promotion Function) เช่น การส่งเสริมการลงทุนของภาคธุรกิจโดยการยกเว้นภาษีบางอย่าง
4 การรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ (Stabilization Function) เช่น การรักษา ภาวะเงินเฟ้อ เงินฝืด และการมีงานทําของประชากร

45. ข้อใดเป็นการควบคุมและตรวจสอบโดยฝ่ายนิติบัญญัติ

(1) คณะกรรมาธิการสามัญของสภา

(2) สํานักงบประมาณ

(3) ศาลรัฐธรรมนูญ

(4) สํานักงานตรวจเงินแผ่นดิน

(5) ผู้ตรวจการแผ่นดิน

ตอบ 1 หน้า 187 – 188 การควบคุมและตรวจสอบโดยฝ่ายนิติบัญญัติหรือรัฐสภา ได้แก่
1 การพิจารณาออกกฎหมายประเภทต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการดําเนินงานตามที่กําหนดไว้ใน กฎหมายรัฐธรรมนูญ
2 การพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจําปีของส่วนราชการต่าง ๆ ตามวิธีการที่กฎหมายกําหนด
3 การตั้งกระทู้และการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
4 การตั้งคณะกรรมาธิการสามัญติดตามการปฏิบัติงาน

46. Robert T. Gotembiewski มีบทบาทอย่างไร

(1) เป็นผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เขียนตําราของวิชาการบริหารรัฐกิจที่สมบูรณ์ที่สุด

(2) เป็นผู้ให้ความหมายในเรื่องพาราไดม์ของวิชาการบริหารรัฐกิจเป็นคนแรก

(3) เป็นผู้กล่าวว่าพาราไดม์ของวิชาการบริหารรัฐกิจเริ่มตื่นตัวเป็นที่สนใจมากขึ้นในสหรัฐอเมริกา

(4) เป็นผู้วิจารณ์ว่านักวิชาการได้ให้ความหมายของพาราไดม์ไว้แตกต่างกันมากจนทําให้มีปัญหาในการสรุปความหมายและปัญหาการนําไปใช้

(5) เป็นผู้กําหนดวิธีการศึกษาเกี่ยวกับพาราไดม์ของวิชาการบริหารรัฐกิจไว้ 5 พาราไดม์

ตอบ 3 หน้า 43 Robert T. Golembiewski ได้กล่าวถึงความตื่นตัวในเรื่องพาราไดม์ของวิชา การบริหารรัฐกิจว่า เมื่อประมาณต้นทศวรรษ 1970 เป็นต้นมา มีนักวิชาการทางด้านบริหารรัฐกิจ ตลอดจนสมาคมทางวิชาการหลายแห่งในอเมริกาเริ่มตื่นตัวในเรื่องพาราไดม์ของวิชาการบริหาร รัฐกิจกันมาก สังเกตได้จากการประชุมทางวิชาการของสมาคมทางวิชาการหลายแห่งในอเมริกา เช่น การประชุมประจําปี ค.ศ. 1974 ของสมาคมรัฐศาสตร์แห่งอเมริกา การประชุมประจําปี ค.ศ. 1974 ของสมาคมรัฐศาสตร์แห่งภาคใต้ เป็นต้น ซึ่งได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับพาราไดม์ ของวิชาการบริหารรัฐกิจเป็นอย่างมาก

47. แนวคิดเกี่ยวกับองค์การแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization) เป็นแนวคิดของใคร

(1) Peter Senge (1990)

(2) Handy (1990)

(3) Chester Barnard (1972)

(4) Galbraith (1973)

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 1 หน้า 130, 138 Peter Senge ได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับองค์การแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization) โดยเห็นว่า การสร้างองค์การแห่งการเรียนรู้ต้องอาศัยวินัย 5 ประการ คือ 1. ความรอบรู้แห่งตน (Personal Mastery) 2. แบบแผนของความคิด (Mental Model) 3. การเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีม (Team Learning) 4. การมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน (Shared Vision) 5. การคิดอย่างเป็นระบบ (Systems Thinking)

48. ผู้ที่ศึกษาเกี่ยวกับพาราไดม์ของวิชาการบริหารรัฐกิจอย่างเป็นระบบ คือ

(1) Woodrow Wilson

(2) Nicholas Henry

(3) Martin Landau

(4) Richard J. Stillman

(5) Thomas S. Kuhn

ตอบ 2 หน้า 46 – 48, 56 – 58, (คำบรรยาย) Nicholas Henry ได้ศึกษาเกี่ยวกับพาราไดม์ของวิชาการบริหารรัฐกิจอย่างเป็นระบบนับตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนกระทั่งถึงทศวรรษ 1970 พบว่า พาราไดม์ของวิชาการบริหารรัฐกิจจำแนกออกเป็น 5 พาราไดม์ที่คาบเกี่ยวกัน ดังนี้ พาราไดม์ที่ 1 : การบริหารรัฐกิจคือการแยกการบริหารกับการเมืองออกจากกันเป็นสองส่วน พาราไดม์ที่ 2 : การบริหารรัฐกิจคือหลักของการบริหาร พาราไดม์ที่ 3 : การบริหารรัฐกิจคือรัฐศาสตร์ พาราไดม์ที่ 4 : การบริหารรัฐกิจคือวิทยาการบริหาร พาราไดม์ที่ 5 : การบริหารรัฐกิจคือการบริหารรัฐกิจ

49. ตัวอย่างของภาษีที่เก็บจากการใช้จ่าย (Consumption Base)

(1) ภาษีโรงเรือน

(2) ภาษีมูลค่าเพิ่ม

(3) ภาษีเงินได้นิติบุคคล

(4) ภาษีล้อเลื่อน

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 2 หน้า 217, (คำบรรยาย) การจำแนกประเภทภาษีอากรตามลักษณะของฐานภาษี แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1. ภาษีที่เก็บจากเงินได้ (Income Base) เป็นการนำเอารายได้มาใช้เป็นฐานในการประเมินภาษี ได้แก่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคล 2. ภาษีที่เก็บจากการใช้จ่าย (Consumption Base) เป็นการนำเอาค่าใช้จ่ายในการบริโภคสินค้าและบริการมาใช้เป็นฐานในการประเมินภาษี เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีการใช้จ่าย ภาษีสรรพสามิต (เช่น ภาษีสุรา ภาษียาสูบ) ภาษีศุลกากร เป็นต้น 3. ภาษีที่เก็บจากทรัพย์สิน (Wealth Base) เป็นการนำเอาทรัพย์สินมาใช้เป็นฐานในการประเมินภาษี เช่น ภาษีมรดก ภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ภาษีดอกเบี้ย เป็นต้น

50. “วัฒนธรรมองค์การ” มีผลต่อการควบคุมอย่างไร

(1) เป็นกลไกภายนอกที่กำกับการทำงานขององค์การ

(2) เป็นวิธีปฏิบัติงานขององค์การ

(3) เป็นกลยุทธ์ในการทำงาน

(4) เป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิตในองค์การ

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 202 วัฒนธรรมองค์การ คือ สภาพทางสังคมภายในองค์การที่เกิดจากการใช้ชีวิตร่วมกันภายในองค์การทำให้เกิดแบบแผนการใช้ชีวิต เช่น ลักษณะการใช้เวลาว่าง การพักผ่อนหย่อนใจ งานอดิเรก กลุ่มเพื่อน พฤติกรรมการบริโภค เป็นต้น

51. “Good Governance” เป็นแนวคิดในการควบคุมแบบใด

(1) ควบคุมผลลัพธ์

(2) ควบคุมด้วยกฎระเบียบ

(3) ควบคุมด้วยนโยบาย

(4) ควบคุมด้วยประชาชน

(5) ควบคุมผลผลิต

ตอบ 4 หน้า 177, (คำบรรยาย) หลักธรรมาภิบาล (Good Governance) เป็นแนวคิดในการควบคุม และตรวจสอบการดำเนินงานของหน่วยราชการโดยพิจารณาไปที่การมีส่วนร่วมของประชาชน ในกิจกรรมต่าง ๆ ของหน่วยราชการ ความโปร่งใสในการให้บริการ ตลอดจนผลระยะยาวที่เกิด ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

52. ใครเสนอว่า นโยบายสาธารณะ หมายถึง กิจกรรมที่รัฐบาลกระทำ เช่น การบริการสาธารณะ

(1) Ira Sharkansky

(2) William Greenwood

(3) Carl J. Friedrich

(4) Theodore Lowi

(5) David Easton

ตอบ 1 หน้า 74 Ira Sharkansky กล่าวว่า นโยบายสาธารณะ หมายถึง กิจกรรมต่าง ๆ ที่รัฐบาล กระทำ เช่น การบริการสาธารณะ การควบคุมกิจกรรมของบุคคลหรือธุรกิจของเอกชน เป็นต้น

53. ประเทศแรกที่มีการริเริ่มให้มีการปฏิรูประบบราชการด้วย New Public Management ได้แก่

(1) จีน

(2) ฝรั่งเศส

(3) ญี่ปุ่น

(4) สหรัฐอเมริกา

(5) อังกฤษ

ตอบ 5 หน้า 330 – 331, 356, 360 – 361 การจัดการภาครัฐแนวใหม่ (New Public Management) ได้รับอิทธิพลแนวคิดเชิงอุดมการณ์มาจากแนวคิดแบบเสรีนิยมใหม่ (Neo-Liberalism) โดยแนวคิดการจัดการภาครัฐแนวใหม่ถือเป็นแนวคิดหลักที่ใช้ในการปฏิรูประบบราชการ ของประเทศต่าง ๆ ซึ่งประเทศแรกที่ริเริ่มนำแนวคิดนี้มาใช้ คือ ประเทศอังกฤษ (England) ในสมัยนางมาร์กาเร็ต แทชเชอร์ (Margaret Thatcher) เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมาแนวคิดนี้ ก็ได้ถูกนำไปใช้ในการปฏิรูประบบราชการในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย

54. การที่หน่วยงานนำนโยบายมาแปลงเป็นแผนงานและโครงการเป็นขั้นตอนใด

(1) การเตรียมและเสนอนโยบาย

(2) การอนุมัติและประกาศนโยบาย

(3) การนำนโยบายไปปฏิบัติ

(4) การประเมินผลนโยบาย

(5) การก่อตัวของนโยบาย

ตอบ 3 หน้า 89 ขั้นตอนการนำนโยบายไปปฏิบัติ (Policy Implementation) ประกอบด้วย 1. การส่งต่อนโยบาย 2. การตีความหรือแปลงนโยบายออกมาเป็นแผนงานและโครงการ 3. การชี้แจงเกี่ยวกับนโยบาย 4. การดำเนินงานของหน่วยงานระดับปฏิบัติ 5. การจัดระบบสนับสนุน 6. การติดตามและควบคุมผลการปฏิบัติงาน

55. เศรษฐศาสตร์แบบเคนส์ให้ความสำคัญในเรื่องใดในการแก้ปัญหา

(1) ประสิทธิภาพ

(2) การกระจายอำนาจ

(3) การลดบทบาทภาครัฐ

(4) การขยายบทบาทภาครัฐ

(5) ประชาธิปไตย

ตอบ 4 หน้า 328 – 329, 355 ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์แบบเคนส์ (Keynesian School) เน้นการขยาย บทบาทของภาครัฐ โดยต้องการให้รัฐเพิ่มการลงทุน และการใช้จ่ายของภาครัฐเพื่อกระตุ้น เศรษฐกิจ ซึ่งแตกต่างจากทฤษฎีเศรษฐศาสตร์แบบนีโอลิเบอรัลลิสม์ (Neo-Liberalism) และ เศรษฐศาสตร์แบบนีโอคลาสสิก (Neo-Classical School) ที่ต้องการลดบทบาทและขนาดของ ภาครัฐ โดยใช้วิธีการจัดการแบบเอกชนที่เน้นการแข่งขัน

56. New Public Service ให้ความสําคัญกับเรื่องใด

(1) ความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย

(2) การลดขั้นตอนการทํางาน

(3) สัมฤทธิผลของงาน

(4) สัมฤทธิผลของงานและประสิทธิภาพการทํางาน

(5) ประสิทธิภาพการทํางาน

ตอบ 1 หน้า 329 – 348, 356 – 357 การจัดการภาครัฐแนวใหม่ (New Public Management : NPM) มีแนวทางแตกต่างจากการบริการสาธารณะแนวใหม่/การบริการภาครัฐแนวใหม่ (New Public Service : NPS) หรือการร่วมบริหารกิจการบ้านเมืองแบบประชาธิปไตย (Democratic Governance Management) ซึ่งแต่ละแนวทางมีจุดเน้นที่ให้ความสําคัญ ดังนี้

1. การจัดการภาครัฐแนวใหม่ ให้ความสําคัญกับประสิทธิภาพของราชการ การลดขั้นตอน การทํางาน การบริหารที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ของงาน (Result-Based Management) การจัดการ ที่เน้นการแข่งขันแบบภาคธุรกิจ (Market-Based Management) การให้ความสําคัญกับ เทคโนโลยีการบริหารใหม่ ๆ เพื่อความเป็นเลิศ (Neo-Managerialism) การให้อํานาจกับ ผู้บริหารเหมือนเป็นผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของกิจการเองหรือเรียกว่า การจัดการแบบเถ้าแก่ (Entrepreneurial Management) หรือแบบ CEO (CEO Management) เป็นต้น

2. การบริการสาธารณะแนวใหม่ ให้ความสําคัญกับความเป็นประชาธิปไตย ความเป็นพลเมือง ในระบอบประชาธิปไตย มนุษยนิยม การสร้างเครือข่ายทางสังคม ประชาสังคม และชุมชน เป็นต้น

57. การสังเคราะห์วัสดุที่มีความทนทาน เป็นเทคโนโลยีในด้านใด

(1) Nano Technology

(2) Material Technology

(3) Bio Technology

(4) Energy Technology

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 2 หน้า 292 การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีวัสดุสังเคราะห์ (Material Technology) เป็นการศึกษา ค้นคว้าหาวิธีการผลิตสิ่งต่าง ๆ ที่ใช้วัสดุปลอดสารพิษ เพื่อป้องกันการทําลายชั้นบรรยากาศ ของโลก หรือการสังเคราะห์วัสดุที่มีความทนทาน น้ําหนักเบา และสร้างความปลอดภัยให้แก่ ชีวิตและทรัพย์สิน เช่น เสื้อเกาะกันกระสุน พาหนะที่มีความแข็งแกร่งและปลอดภัยต่อชีวิต เมื่อเกิดอุบัติเหตุ เป็นต้น

58. “ความเชื่อหลัก 5 ประการของอุดมการณ์การจัดการนิยม” เป็นข้อเสนอของใคร

(1) Frederick W. Taylor

(2) Osborne & Gaebler

(3) Thomas Jefferson

(4) Christopher Pollitt

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 336 Christopher Pollitt ได้เสนอความเชื่อหลัก 5 ประการของอุดมการณ์ การจัดการนิยม (Managerialism) ไว้ดังนี้

1. สังคมจะก้าวหน้าได้ต่อเมื่อมีการเพิ่มผลิตภาพทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

2. การเพิ่มผลิตภาพจะต้องเกิดจากการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย

3. การนําเทคโนโลยีมาใช้ให้บรรลุผลต้องเกิดจากบุคลากรที่มีอุดมการณ์ในการเพิ่มผลิตภาพ

4. การจัดการเป็นหน้าที่หนึ่งในองค์การที่แยกออกจากหน้าที่อื่น ๆ

5. ผู้จัดการจะต้องมีอํานาจและสิทธิในการจัดการ

59. องค์การแบบสิ่งมีชีวิต (Organic Organization) มีลักษณะดังนี้

(1) มีระเบียบกฎเกณฑ์มาก

(2) กำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบชัดเจน

(3) มีสายการบังคับบัญชามาก

(4) ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปฏิบัติงานแบบเครือข่าย

(5) มีการตัดสินใจน้อย

ตอบ 4 หน้า 133 องค์การแบบสิ่งมีชีวิต (Organic Organization) มีลักษณะดังนี้
1 มีความยืดหยุ่น เน้นความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน
2 ช่วงการควบคุมกว้าง
3 มีระเบียบกฎเกณฑ์น้อย
4 ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปฏิบัติงานเป็นแบบแนวนอน แนวทแยง และแบบเครือข่าย
5 มีรายละเอียดของหน้าที่ ความรับผิดชอบ และวิธีปฏิบัติงานน้อย
6 มีความเป็นทางการน้อย
7 กระจายอำนาจในการบริหารและตัดสินใจ

60. หนังสือที่สำคัญกล่าวถึงหน้าที่ทางการเมืองกับการบริหารของรัฐบาล คือ

(1) Introduction to the Study of Public Administration

(2) Principles of Public Administration

(3) The Study of Administration

(4) Politics and Administration

(5) American Political Science Review

ตอบ 4 หน้า 47 Frank J. Goodnow ได้เขียนหนังสือชื่อ “Politics and Administration” (1900) โดยแสดงความเห็นว่า รัฐบาลมีหน้าที่ที่แตกต่างกันอยู่ 2 ประการ คือ
1 หน้าที่ทางการเมือง ได้แก่ การกำหนดนโยบายหรือการแสดงออกซึ่งเจตนารมณ์ของรัฐ
2 หน้าที่ทางการบริหาร ได้แก่ การนำนโยบายหรือเจตนารมณ์ของรัฐไปปฏิบัติ

61. ผู้ที่สนับสนุนแนวคิดการแยกการบริหารกับการเมืองออกจากกันเป็นสองส่วนของ Woodrow Wilson คือ

(1) Nicholas Henry

(2) Herbert A. Simon

(3) Frank J. Goodnow

(4) Leonard D. White

(5) Martin Landau

ตอบ 3, 4 หน้า 47, (คำบรรยาย) นักวิชาการที่สนับสนุนแนวคิดการแยกการบริหารกับการเมืองออกจากกันเป็นสองส่วนของ Woodrow Wilson มี 2 คน คือ
1 Frank J. Goodnow
2 Leonard D. White

62. ปัจจัยสภาพแวดล้อมของการบริหารงานบุคคลภาครัฐตามกรอบแนวคิดของ McKinsey 7s ประกอบด้วย

(1) Strategy, Shared Value, Structure, System, Staffing, Style, Skill

(2) Strategy, Shared Value, Structure, System, Setting, Style, Skill

(3) Strategy, Shared Value, Structure, System, Social, Style, Skill

(4) Strategy, Shared Value, Structure, System, Satisfy, Style, Skill

(5) Strategy, Shared Value, Structure, System, Solution, Style, Skitt

ตอบ 1 หน้า 154 กรอบแนวคิด 7s ของแมคคินซี (McKinsey) ประกอบด้วย Strategy (กลยุทธ์), Shared Value (วิสัยทัศน์ร่วม), Structure (โครงสร้าง), System (ระบบงาน), Staffing (การจัดบุคลากร), Style (ท่วงทำนองการบริหาร) และ Skill (ทักษะ) ซึ่ง 5 ที่เกี่ยวข้องโดยตรง กับเรื่องบุคลากรมี 3s คือ Staffing, Style และ Skill

63. ข้อใดเป็นเรื่องของ New Public Service**

(1) Neo-Taylorism Management

(2) CEO Management

(3) Entrepreneurial Management

(4) Market-Based Management

(5) Democratic Governance Management

ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 56. ประกอบ

64. ความเป็นทางการ (Formalization) มีผลดีต่อผู้ปฏิบัติงานในองค์การ คือ**

(1) ทำงานได้สม่ำเสมอ ต่อเนื่อง และมีคุณภาพ

(2) ทำงานได้สม่ำเสมอ ต่อเนื่อง และเป็นมาตรฐานเดียวกัน

(3) ทำงานได้สม่ำเสมอ เป็นมาตรฐานเดียวกัน

(4) ทำงานได้สม่ำเสมอ ต่อเนื่อง และเกิดความสามัคคี

(5) ทำงานได้สม่ำเสมอ ต่อเนื่อง และเกิดการพัฒนา

ตอบ 2 หน้า 122 ความเป็นทางการ (Formalization) หมายถึง ระดับของความมีมาตรฐานของงาน ภายในองค์การและการกำหนดกฎระเบียบและวิธีการปฏิบัติงานอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร
ดังนั้นความเป็นทางการจึงมีผลดีต่อผู้ปฏิบัติงานในองค์การ เพราะจะทำให้ผู้ปฏิบัติงาน สามารถปฏิบัติงานได้อย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง และเป็นมาตรฐานเดียวกัน

65. ภาวะเงินฝืด คนว่างงาน รัฐบาลควรมีนโยบายงบประมาณและนโยบายการเงินอย่างไร**

(1) สมดุล ดอกเบี้ยสูง

(2) เกินดุล ดอกเบี้ยสูง

(3) เกินดุล ดอกเบี้ยต่ำ

(4) ขาดดุล ดอกเบี้ยต่ำ

(5) ขาดดุล ดอกเบี้ยสูง

ตอบ 4 หน้า 236, (คำบรรยาย) งบประมาณขาดดุล (Deficit Budget) คือ การจัดทำงบประมาณ ที่รัฐบาลจัดเก็บรายได้น้อยกว่าการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อให้เงินในระบบเศรษฐกิจมีมากขึ้น และกระตุ้นให้เกิดการผลิตและการจ้างงาน ซึ่งการจัดทำงบประมาณขาดดุลนี้จะใช้ร่วมกับ นโยบายการเงินแบบดอกเบี้ยต่ำ โดยมักจะนำไปใช้ในกรณีที่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เงินฝืด คนว่างงาน รวมทั้งในกรณีที่เกิดโรคระบาดโควิด 19

66. ใครเสนอว่านโยบายสาธารณะเป็นแนวทางที่เป็นบรรทัดฐานในการดำเนินงานของหน่วยงาน**

(1) Theodore Lowi

(2) Ira Sharkansky

(3) Cart J. Friedrich

(4) William Greenwood

(5) David Easton

ตอบ 4 หน้า 73 William Greenwood กล่าวว่า นโยบายสาธารณะ หมายถึง การตัดสินใจขั้นต้น ของรัฐบาลเพื่อวางแนวทางกว้าง ๆ สำหรับเป็นบรรทัดฐานในการดำเนินงานของหน่วยงาน ไปสู่วัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้

67. ข้อใดไม่ใช่ส่วนประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ตามหนังสือ**

(1) เครื่องจักร

(2) โปรแกรม

(3) ข้อมูล

(4) บุคลากร

(5) เป็นส่วนประกอบทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 297 – 301, (คำบรรยาย) ระบบคอมพิวเตอร์ (Computer System) หมายถึง กลุ่มเครื่องจักรและอุปกรณ์หรือเทคนิคต่าง ๆ ที่ใช้ร่วมกันในการทำงานของคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถูกต้อง รวดเร็ว และเชื่อถือได้ โดยระบบคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยฝ่ายต่าง ๆ หรือส่วนประกอบที่สำคัญ 3 ส่วน คือ
1. เครื่องจักรและอุปกรณ์ (Hardware)
2. โปรแกรมหรือคำสั่งงาน (Software)
3. บุคลากร (Peopleware)

68. ระบบงบประมาณแบบใดที่ให้ความสำคัญที่ “ต้นทุนต่อหน่วย”

(1) Line-Item Budget

(2) Zero-Based Budget

(3) PPBS

(4) Performance Budget

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 229, 237 งบประมาณแบบแสดงผลงาน (Performance Budget) เป็นระบบงบประมาณที่ให้ความสำคัญกับการประเมินผลงานและการคิดต้นทุนต่อหน่วย จึงเป็นงบประมาณที่อาศัยความสัมพันธ์ระหว่างค่าใช้จ่ายและผลสำเร็จของงานเป็นแนวทางดำเนินงานเพื่อให้เกิดผลงานจากการปฏิบัติกิจกรรมเป็นไปโดยประสิทธิภาพสูงสุด

69. คำว่า PEST หรือ STEP หมายถึง

(1) ปัจจัยสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกองค์การ

(2) ปัจจัยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงและมีอิทธิพลต่อองค์การ

(3) ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอกที่มีอิทธิพลต่อองค์การ

(4) ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอกองค์การ

(5) ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายในองค์การ

ตอบ 2 หน้า 155 ปัจจัยสภาพแวดล้อมที่เป็นพลวัต หมายถึง ปัจจัยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงและมีอิทธิพลต่อองค์การ ซึ่งประกอบด้วย สภาพการเมือง (Political) เศรษฐกิจ (Economic) สังคม (Social) และเทคโนโลยี (Technology) หรือที่เรียกย่อ ๆ ว่า PEST หรือ STEP

70. การจับจ่ายสินค้าทั่วโลกผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เรียกว่าอะไร

(1) E-Commerce

(2) E-Government

(3) E-Education

(4) E-Logistic

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 1 หน้า 305, (คำบรรยาย) พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) คือ การทำธุรกรรมทุกรูปแบบซึ่งครอบคลุมถึงการซื้อขายสินค้า/บริการ การชำระเงิน การโฆษณาโดยผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายมีช่องทางในการทำธุรกรรมร่วมกันมากขึ้น

71. ข้อใดเป็นคุณค่าหลักในการบริหารรัฐกิจตามหนังสือ ยกเว้น

(1) เน้นการขยายบทบาทภาครัฐ

(2) เน้นการลดบทบาทภาครัฐ

(3) เน้นนวัตกรรมและเทคโนโลยี

(4) เน้นความเป็นประชาธิปไตย

(5) เน้นประสิทธิภาพภาครัฐ

ตอบ 3 หน้า 323, 326 – 329, 355 คุณค่าหลัก 2 ประการที่แย้งกันในทัศนะของนักรัฐศาสตร์ในการบริหารรัฐกิจ มีดังนี้
1 คุณค่าที่เน้นประสิทธิภาพของภาครัฐ VS. คุณค่าที่เน้นความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งคุณค่าอย่างแรกตรงกับแนวคิดของอเล็กซานเดอร์ แฮมิลตัน (Alexander Hamilton) ส่วนคุณค่าอย่างหลังตรงกับแนวคิดของโทมัส เจฟเฟอร์สัน (Thomas Jefferson)
2 คุณค่าที่เน้นการขยายบทบาทของภาครัฐ VS. คุณค่าที่เน้นการลดบทบาทของภาครัฐ ซึ่งคุณค่าอย่างแรกตรงกับแนวคิดของนักเศรษฐศาสตร์สำนักเคนส์เซียนหรือเศรษฐศาสตร์แบบเคนส์ (Keynesian School) ส่วนคุณค่าอย่างหลังตรงกับแนวคิดของเศรษฐศาสตร์แบบนีโอลิเบอรัลลิสม์ (Neo-Liberalism) และเศรษฐศาสตร์แบบนีโอคลาสสิก (Neo-Classical School)

72. เงื่อนไขสําคัญของทฤษฎีโครงสร้างตามสถานการณ์ ได้แก่

(1) ขนาดขององค์การ

(2) โครงสร้างองค์การ

(3) โครงสร้างองค์การสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมภายนอกและภายใน

(4) เทคโนโลยีในการปฏิบัติงาน

(5) สภาพแวดล้อมขององค์การ

ตอบ 3 หน้า 134 – 135, 138 ทฤษฎีโครงสร้างตามสถานการณ์ (Structural Contingency Theory) เป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นจากการพิจารณาว่าองค์การรูปแบบใดจะมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์มากที่สุด โดยพิจารณาเงื่อนไขของปัจจัยต่าง ๆ ประกอบกัน เพื่อที่จะแสวงหารูปแบบองค์การที่ดี ทั้งนี้การออกแบบโครงสร้างองค์การที่มีประสิทธิผลควรสอดคล้องกับเงื่อนไขที่สําคัญ 2 ประการ คือ โครงสร้างองค์การต้องสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมภายนอก และระบบย่อยภายในองค์การ

73. การนําเทคโนโลยีการสื่อสารทางไกลมาใช้งานในระบบคอมพิวเตอร์ เป็นเทคโนโลยีในด้านใด

(1) Material Technology

(2) Nano Technology

(3) Energy Technology

(4) Bio Technology

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 5 หน้า 293 – 294, (คําบรรยาย) การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) เป็นการนําเทคโนโลยีการสื่อสารทางไกลมาใช้งานร่วมกับระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีผลทําให้เกิดระบบการสื่อสารข้อมูลและข่าวสารที่ไร้พรมแดน ทําให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ง่าย สะดวก และประหยัด เช่น การถ่ายทอดสดฟุตบอลจากต่างประเทศ การเรียนทางไกลผ่านดาวเทียมของโรงเรียนวังไกลกังวล เป็นต้น

74. “คนไทยใช้ช้อนส้อมในการรับประทานอาหาร” จัดเป็นประเพณีแบบใด

(1) จารีตประเพณี

(2) กฎศีลธรรม

(3) ธรรมเนียมประเพณี

(4) ขนบประเพณี

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 268 – 269 ประเพณี แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
1 จารีตประเพณีหรือกฎศีลธรรม เป็นประเพณีที่มีศีลธรรมเข้ามาร่วมด้วย เช่น การสมรสแบบผัวเดียวเมียเดียว การเคารพผู้อาวุโส เป็นต้น
2 ขนบประเพณี เป็นประเพณีที่มีการกําหนดระเบียบแบบแผนในการปฏิบัติ เช่น การไหว้ครู การแห่นางแมว การจุดบ้องไฟของภาคอีสาน เป็นต้น
3 ธรรมเนียมประเพณี เป็นประเพณีเกี่ยวกับเรื่องธรรมดาหรือเป็นบรรทัดฐานที่ปฏิบัติจนเป็นประเพณี เช่น การสวมรองเท้า การดื่มน้ําจากแก้ว การใช้ช้อนส้อมในการรับประทานอาหาร การทักทายในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ฝรั่งจับมือ จีนและญี่ปุ่นโค้งคํานับ คนไทยไหว้ เป็นต้น

75. การสอบ E-Testing ของมหาวิทยาลัยรามคําแหง เกี่ยวข้องกับเรื่องใดมากที่สุด

(1) E-Logistic

(2) E-Government

(3) E-Education

(4) E-Commerce

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3 หน้า 306, (คําบรรยาย) การศึกษาอิเล็กทรอนิกส์ (E-Education) คือ การนําระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยในการเรียนการสอนของสถาบันการศึกษา เพื่อให้ผู้เรียนสามารถศึกษาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่จําเป็นต้องเดินทางมาศึกษาในสถาบันการศึกษา ตัวอย่างของการศึกษาอิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบัน เช่น การเรียนผ่านระบบ Online หรือการสอบผ่านระบบ E-Testing ของมหาวิทยาลัยรามคําแหง เป็นต้น

76 “การบริหารงานสาธารณะไม่สามารถดําเนินอยู่ได้ในสุญญากาศจําเป็นต้องเกี่ยวพันกับกลุ่มผลประโยชน์ต่าง ๆ” เป็นคํากล่าวของใคร

(1) Fred W. Riggs

(2) Richard L. Daft

(3) Dwight Waldo

(4) Stephen P. Robbins

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 255 Dwight Waldo กล่าวว่า “การบริหารงานสาธารณะไม่สามารถดําเนินอยู่ได้ ในสุญญากาศจําเป็นต้องเกี่ยวพันกับกลุ่มผลประโยชน์ต่าง ๆ”

77 “การลดบทบาทและขนาดของภาครัฐ” ได้รับอิทธิพลจากอุดมการณ์ใด

(1) Keynesian School

(2) Thomas Jefferson

(3) Neo-Liberalism a Keynesian School

(4) Neo-Liberalism

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 55. และ 71. ประกอบ

78 ศาลไทยแบ่งเป็นประเภท

(1) 2 ประเภท

(2) 3 ประเภท

(3) 4 ประเภท

(4) 5 ประเภท

(5) 6 ประเภท

ตอบ 3 หน้า 186 – 187 ตามรัฐธรรมนูญศาลไทยแบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ
1 ศาลรัฐธรรมนูญ ทําหน้าที่พิจารณาความขัดแย้งระหว่างกฎหมายต่าง ๆ กับ กฎหมายรัฐธรรมนูญ รวมถึงความขัดแย้งระหว่างบทบาทหน้าที่ขององค์กรต่าง ๆ ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ
2 ศาลยุติธรรม ทําหน้าที่พิจารณาข้อขัดแย้งระหว่างประชาชนในกรณีต่าง ๆ
3 ศาลปกครอง ทําหน้าที่พิจารณาข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐกับประชาชน และระหว่างหน่วยงานของรัฐด้วยกันเอง
4 ศาลทหาร ทําหน้าที่พิจารณาคดีอาญาทหาร และคดีทหารอื่น ๆ ตามที่กฎหมายกําหนด

79 ใครเสนอให้จําแนกประเภทของนโยบายตามเนื้อหาสาระของนโยบาย

(1) Carl J. Friedrich

(2) Theodore Lowi

(3) David Easton

(4) Ira Sharkansky

(5) William Greenwood

ตอบ 2 หน้า 76, (คําบรรยาย) Theodore Lowi ได้เสนอให้จําแนกประเภทของนโยบายตาม เนื้อหาสาระและวัตถุประสงค์ของนโยบายนั้น ๆ ออกเป็น 3 ประเภท คือ
1 นโยบายที่เป็นกฎเกณฑ์หรือข้อบังคับ (Regulative Policy)
2 นโยบายการกระจายบริการของรัฐ (Distributive Policy)
3 นโยบายเพื่อการจัดสรรทรัพยากรให้เหมาะสมหรือการจัดสรรทรัพยากรเสียใหม่ (Re-Distributive Policy)

80 ตัวอย่างภาษีที่เก็บจากฐานเงินได้

(1) ภาษีมูลค่าเพิ่ม

(2) ภาษีสรรพสามิต

(3) ภาษีบํารุงท้องที่

(4) ภาษีมรดก

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 49. ประกอบ

81 การศึกษาปฏิกิริยาเคมีของกัมมันตภาพรังสี เป็นเทคโนโลยีในด้านใด

(1) Bio Technology

(2) Material Technology

(3) Energy Technology

(4) Nano Technology

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 292, (คําบรรยาย) การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีพลังงาน (Energy Technology) เป็น การพัฒนาแหล่งพลังงานธรรมชาติที่อยู่ในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อนํามาทดแทนทรัพยากรเชื้อเพลิง ที่นับวันจะหมดสิ้นไป ซึ่งพลังงานทดแทนอาจได้มาจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ํา คลื่นในมหาสมุทร ทรัพยากรใต้น้ํา ปฏิกิริยาทางเคมีของสารกัมมันตภาพรังสี รวมถึง สารให้พลังงานอื่น ๆ จากพืชและสัตว์ การเปลี่ยนพลังงานทดแทนเหล่านี้ให้เป็นพลังงานในรูปแบบ ที่ต้องการจะต้องอาศัยอุปกรณ์ช่วยต่าง ๆ เช่น การใช้กังหันลม (Wind Mill) ในการแปลง พลังงานลมเป็นพลังงานไฟฟ้า การใช้โซล่าเซลล์ในการแปลงพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงาน ไฟฟ้า เป็นต้น

82. สภาพแวดล้อมเฉพาะสําหรับองค์การหนึ่ง ๆ ของรัฐ

(1) การศึกษาของประชาชน

(2) ค่านิยมทางสังคม

(3) วัตถุดิบ

(4) ภาวะดอกเบี้ย

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 260 – 280, (คําบรรยาย) สภาพแวดล้อมขององค์การบริหารภาครัฐเป็นสิ่งที่ควบคุม ได้น้อยมากและมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1 สภาพแวดล้อมทั่วไปหรือสภาพแวดล้อมภายนอกองค์การ เป็นสภาพแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อ การบริหารขององค์การของรัฐทุก ๆ องค์การ ได้แก่ การศึกษา ชนชั้นทางสังคม วัฒนธรรม ประเพณี ค่านิยมของประชาชน เศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยี กฎหมาย และทรัพยากรธรรมชาติ
2 สภาพแวดล้อมเฉพาะหรือสภาพแวดล้อมภายในองค์การ เป็นสภาพแวดล้อมที่มีผลกระทบ โดยตรงต่อระบบการบริหารขององค์การ ซึ่งมีลักษณะเฉพาะที่จําเป็นในการดําเนินงาน สําหรับองค์การหนึ่ง ๆ แต่อาจจะไม่มีความจําเป็นสําหรับองค์การอื่น ๆ เลยก็ได้ เช่น ลูกค้า/ ผู้รับบริการ คู่แข่งขัน แรงงาน/บุคลากร วัตถุดิบ กฎระเบียบขององค์การ เทคโนโลยีการบริหาร ความรู้และข้อมูล ทรัพยากรที่หน่วยงานต้องใช้

83. สายการบังคับบัญชา คืออะไร

(1) การกําหนดจํานวนผู้ใต้บังคับบัญชา

(2) การกําหนดอํานาจการตัดสินใจในองค์การ

(3) การกําหนดอํานาจหน้าที่ลดหลั่นจากระดับสูงมายังระดับล่าง

(4) การจัดแบ่งงานในองค์การ

(5) ความมีมาตรฐานของงาน

ตอบ 3 หน้า 120 สายการบังคับบัญชา (Chain of Cornmand) หมายถึง สายการกําหนดอํานาจหน้าที่ ที่ลดหลั่นกันลงมาจากระดับสูงลงมายังระดับล่าง และกําหนดการรายงานผลการปฏิบัติงาน โดยสายการบังคับบัญชาจะชี้ให้เห็นว่าผู้ปฏิบัติงานแต่ละคนจะขึ้นตรงต่อใคร หรือจะต้องรายงาน ต่อใคร การจัดสายการบังคับบัญชาจึงมีความเกี่ยวข้องกับอํานาจหน้าที่และความรับผิดชอบ ของผู้ปฏิบัติงานแต่ละคนในองค์การ รวมถึงเอกภาพในการบังคับบัญชา (Unity of Command)

84. ปัจจัยสภาพแวดล้อมที่เป็นพลวัต ที่เรียกว่า PEST หรือ STEP ประกอบด้วย

(1) สภาพการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสภาพแวดล้อม

(2) สภาพสังคม การเมือง เศรษฐกิจ และประชาชน

(3) สภาพการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี

(4) สภาพสังคม การเมือง เศรษฐกิจ และระบบ

(5) สภาพการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และโครงสร้าง

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 69. ประกอบ

85. ข้อใดไม่ใช่วัตถุประสงค์ของการจัดองค์การในความหมายของ Stephen Robbins and Mary Coulter

(1) เพื่อให้มีการแบ่งภารกิจและงานที่ต้องปฏิบัติ

(2) เพื่อให้เกิดการประสานงานภายในองค์การ

(3) เพื่อกําหนดความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการของบุคคล

(4) เพื่อการวางแผนงานในองค์การ

(5) เพื่อมอบหมายหน้าที่และความรับผิดชอบของบุคคล

ตอบ 4 หน้า 115 วัตถุประสงค์ของการจัดองค์การตามแนวคิดของ Stephen Robbins and Mary Coutter มีดังนี้
1 เพื่อให้มีการแบ่งภารกิจและงานที่ต้องปฏิบัติ
2 เพื่อมอบหมายภารกิจและความรับผิดชอบของบุคคลและแผนกงานทั้งองค์การ
3 เพื่อให้เกิดการประสานงานภายในองค์การ
4 เพื่อจัดกลุ่มบุคคลที่อยู่ในแผนกงาน และจัดกลุ่มแผนกงานภายในองค์การ
5 เพื่อกําหนดความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการระหว่าง บุคคล กลุ่ม และแผนกงาน
6 เพื่อกําหนดระดับอํานาจหน้าที่อย่างเป็นทางการ ลําดับชั้น ของการบังคับบัญชาและการควบคุม
7 เพื่อจัดสรรและแบ่งทรัพยากรในองค์การ

86. งบประมาณ “ขาดดุล” เป็นสิ่งจําเป็นในสถานการณ์ใด

(1) เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง

(2) เกิดโรคระบาดโควิด 19

(3) สังคมมีความเหลื่อมล้ําสูง

(4) รัฐเก็บภาษีอากรได้มาก

(5) เงินคงคลังมีมาก

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 65. ประกอบ

87. การจัดทําร่างนโยบายอยู่ในขั้นตอนใด

(1) การประเมินผลนโยบาย

(2) การนํานโยบายไปปฏิบัติ

(3) การก่อตัวของนโยบาย

(4) การอนุมัติและประกาศนโยบาย

(5) การเตรียมและเสนอนโยบาย

ตอบ 5 หน้า 88, 108 ขั้นตอนการเตรียมและเสนอนโยบาย (Policy Formulation) ประกอบด้วย
1 การกําหนดวัตถุประสงค์
2 การกําหนดทางเลือก
3 การจัดทําร่างนโยบาย

88. “พิธีการไหว้ครู” จัดเป็นประเพณีประเภทใด

(1) ขนบประเพณี

(2) องค์พิธีการ

(3) จารีตประเพณี

(4) ธรรมเนียมประเพณี

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 1 คําอธิบายข้อ 74. ประกอบ

89. ในปี ค.ศ. 1976 เกิดวิกฤติในวิชาการบริหารรัฐกิจครั้งที่สอง เกี่ยวกับเรื่องอะไร

(1) หลักการบริหารประสบกับปัญหาเกี่ยวกับการตัดสินใจภายในองค์การ

(2) หลักการบริหารประสบกับปัญหาเกี่ยวกับการพัฒนาหลักเกณฑ์ที่เป็นสากล

(3) หลักการบริหารประสบกับปัญหาข้อจํากัดของความมีเหตุผลของบุคคลแต่ละคน

(4) หลักการบริหารประสบกับปัญหาเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นหัวใจของการศึกษา

(5) หลักการบริหารประสบกับปัญหาเกี่ยวกับการตัดสินใจเลือกวิธีแก้ปัญหา

ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 5. ประกอบ

90. ช่วงของการควบคุม (Span of Control) ในทางทฤษฎีกําหนดให้ผู้บังคับบัญชาควรมีผู้ใต้บังคับบัญชาในความรับผิดชอบกี่คน

(1) 20 คน

(2) 10 คน

(3) 25 คน

(4) 5 คน

(5) 15 คน

ตอบ 2 หน้า 120, (คำบรรยาย) ช่วงของการควบคุม (Span of Control, Span of Management) หมายถึง การกำหนดจำนวนผู้ใต้บังคับบัญชาภายใต้ความรับผิดชอบของผู้บังคับบัญชาแต่ละคน ซึ่งในทางทฤษฎี กำหนดให้ผู้บังคับบัญชาคนหนึ่งควรมีผู้ใต้บังคับบัญชาในความรับผิดชอบ 10 คน จึงจะเหมาะสมและผู้บังคับบัญชาสามารถควบคุมดูแลได้อย่างทั่วถึง

91. เกิดวิกฤติในวิชาการบริหารรัฐกิจครั้งแรกในปี

(1) ค.ศ. 1938

(2) ค.ศ. 1940

(3) ค.ศ. 1947

(4) ค.ศ. 1946

(5) ค.ศ. 1950

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 6. ประกอบ (หมายเหตุ: อาจมีข้อผิดพลาดในการอ้างอิงถึงข้อ 6 ในเอกสารต้นฉบับ)

92. องค์กรใดทำหน้าที่ “รับเรื่องราวร้องทุกข์” จากการกระทำของรัฐบาล

(1) ศาลปกครอง

(2) สำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน

(3) ผู้ตรวจการแผ่นดิน

(4) องค์กรอัยการ

(5) ศาลยุติธรรม

ตอบ 3 หน้า 189, 206 ผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นองค์การที่ทำหน้าที่รับเรื่องราวร้องทุกข์ โดยพิจารณาและสอบสวนหาข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียนในกรณีที่ภาครัฐไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือปฏิบัตินอกเหนืออำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ร้องเรียนหรือประชาชนโดยไม่เป็นธรรม

93. การควบคุมด้วยองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ได้แก่ บทบาทของ

(1) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

(2) คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน

(3) สำนักงบประมาณ

(4) คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 4 หน้า 186, 189 – 190, (คำบรรยาย) องค์กรอิสระ รัฐธรรมนูญที่มีบทบาทในการควบคุม และตรวจสอบการดำเนินงานของหน่วยราชการ ได้แก่ ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นต้น

94. ใครเสนอว่า นโยบายสาธารณะ หมายถึง การจัดสรรและแจกแจงคุณค่าของสังคมโดยชอบด้วยกฎหมาย

(1) Theodore Lowi

(2) William Greenwood

(3) Ira Sharkansky

(4) David Easton

(5) Cart J. Friedrich

ตอบ 4 หน้า 74 David Easton กล่าวว่า นโยบายสาธารณะ หมายถึง การจัดสรรและแจกแจงคุณค่าต่าง ๆ ของสังคมโดยชอบด้วยกฎหมายและเป็นไปเพื่อประโยชน์ของสังคมส่วนรวม

95. การที่รัฐบาลให้บริการประชาชนด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เรียกว่าอะไร

(1) E-Education

(2) E-Logistic

(3) E-Commerce

(4) E-Government

(5) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4 หน้า 305, (คำบรรยาย) รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Government) คือ การที่รัฐบาลนำระบบคอมพิวเตอร์รวมถึงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาประยุกต์ใช้ในองค์การภาครัฐเพื่อพัฒนาระบบการบริหารจัดการและระบบการให้บริการให้มีประสิทธิภาพ สามารถให้บริการประชาชนได้อย่างรวดเร็วและสะดวกขึ้น เช่น การใช้บัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด ในการติดต่อราชการ การชำระภาษี การเสียค่าปรับ การร้องเรียน การทำหนังสือเดินทาง ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เป็นต้น

96. ผลงานเขียนที่ได้รับการยอมรับนับถือว่าเป็นสุดยอดของวิชาการบริหารรัฐกิจ คือ

(1) Principles of Organization

(2) Papers on the Science of Administration

(3) Principle of Public Administration

(4) Creative Experience

(5) Science of Administration

ตอบ 2 หน้า 48 – 49 ในช่วงพาราไดม์ที่ 2 : หลักของการบริหารนั้น ได้มีผลงานเขียนชิ้นหนึ่งที่ได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็น “สุดยอดของวิชาการบริหารรัฐกิจ” นั่นก็คือหนังสือชื่อ Papers on the Science of Administration (1937) ของ Luther H. Gulick และ Lyndall Urwick ซึ่งหนังสือเรื่องนี้ได้เสนอหลักการบริหารที่เรียกว่า POSDCORB

97. ผู้เขียน “Reinventing Government” ได้แก่

(1) Frederick W. Taylor

(2) Christopher Pollitt

(3) Osborne & Gaebler

(4) Thomas Jefferson

(5) ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ 3 หน้า 331, 338 – 339 Osborne and Gaebler ได้เขียนหนังสือชื่อ “Reinventing Government” ในปี ค.ศ. 1992 โดยเสนอให้มีการปฏิรูปการบริหารภาครัฐด้วยแนวทาง และอุดมการณ์การจัดการภาครัฐแนวใหม่ หรือรัฐบาลแบบเถ้าแก่ ซึ่งรัฐบาลตามตัวแบบนี้ ต้องมีแนวทางปฏิบัติที่สําคัญ เช่น เป็นรัฐบาลที่ชุมชนเป็นเจ้าของ (Community-Owned Government) รัฐบาลที่มีการแข่งขัน (Competitive Government) รัฐบาลที่ขับเคลื่อน โดยลูกค้า (Customer-Driven Government) รัฐบาลแบบวิสาหกิจ (Enterprising Government) หรือมีผู้นําแบบเถ้าแก่ (Entrepreneurial Leadership) เป็นต้น

98. “เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ” วัดโดย

(1) อัตราเงินเฟ้อ

(2) GDP

(3) อัตราการออม

(4) รายได้เปรียบเทียบ

(5) ประสิทธิภาพการผลิต

ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 15. ประกอบ

99. วิพากษ์วิจารณ์ว่าการบริหารงานให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญยากยิ่งกว่าการเขียนรัฐธรรมนูญ

(1) New Public Management

(2) Margaret Thatcher

(3) Woodrow Wilson

(4) Franklin D. Roosevelt

(5) การบริหารแบบ CEO หรือ Chief Executive Officer

ตอบ 3 หน้า 327 จากปัญหาการเมืองการปกครองของสหรัฐอเมริกาในยุคแรก ๆ ที่มีการสร้างบ้าน แปลงเมือง ทําให้ Woodrow Wilson ได้ออกมาโต้แย้งพวกนักรัฐศาสตร์ว่าสนใจแต่ปัญหา รัฐธรรมนูญ แต่ละเลยปัญหาการบริหารหน่วยงานของรัฐ และวิพากษ์วิจารณ์ว่าการบริหารงาน ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญยากยิ่งกว่าการเขียนรัฐธรรมนูญ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ใช้หลักการ บริหารของภาคเอกชนในการบริหารราชการ เพื่อให้การบริหารงานภาครัฐมีประสิทธิภาพ เหมือนภาคเอกชน

100. นักวิชาการโทมัส เจฟเฟอร์สัน (Thomas Jefferson) เป็นผู้วางรากฐานการเมืองและมีอิทธิพลต่อ แนวคิดหลักในการบริหารรัฐกิจของประเทศอะไร

(1) อังกฤษ

(2) สหรัฐอเมริกา

(3) เยอรมนี

(4) ฝรั่งเศส

(5) ผิดทุกข้อ

ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 23. ประกอบ

WordPress Ads
error: Content is protected !!