การสอบไล่ภาค 2 ปีการศึกษา 2559
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 3001 กฎหมายอาญา 3
คําแนะนํา ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)
ข้อ 1 เอมีเรื่องโกรธแค้นที่ถูกหนุ่มมาแย่งหญิงคนรักของตนไป เอจึงชวนบีให้ไปช่วยเอชกต่อยหนุ่มเพื่อเป็นการสั่งสอน วันเกิดเหตุเอและบีพากันไปดักรอ เมื่อหนุ่มเดินผ่านมาทั้งสองคนตรงเข้าชกต่อย ทําร้ายหนุ่ม ในขณะที่ชกต่อยนั้นบีได้เอามีดที่พกติดตัวไปด้วยฟันข้อมือของหนุ่มจนได้รับอันตรายสาหัสโดยที่เอไม่รู้มาก่อนว่าปีได้พกพามีดมาด้วย ดังนี้ให้วินิจฉัยว่า เอจะมีความผิดต่อร่างกายฐานใด
ธงคําตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 83 “ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทําของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทําความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกําหนดไว้สําหรับความผิดนั้น”
มาตรา 295 “ผู้ใดทําร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทําความผิดฐานทําร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษ”
มาตรา 297 “ผู้ใดกระทําความผิดฐานทําร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทําร้ายรับ อันตรายสาหัส ต้องระวางโทษ”
วินิจฉัย
ความผิดฐานทําร้ายร่างกายตามมาตรา 295 มีองค์ประกอบความผิด ดังนี้คือ
1 ทําร้าย
2 ผู้อื่น
3 จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น
4 โดยเจตนา
ความผิดฐานทําร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสตามมาตรา 297 เป็นเหตุที่ ทําให้ผู้กระทําความผิดฐานทําร้ายร่างกายตามมาตรา 295 ต้องรับโทษหนักขึ้นเพราะผลที่เกิดจากการกระทํานั้น ผู้กระทําไม่จําต้องมีเจตนาประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นผลที่ทําให้ต้องรับโทษหนักขึ้นแต่อย่างใด และในกรณีที่มี ตัวการร่วมกันทําร้ายร่างกายผู้อื่น แม้ผู้ที่เป็นตัวการร่วมกระทําผิดจะไม่มีเจตนาให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส หรือ มิได้เป็นผู้ที่ลงมือกระทําให้เกิดผลขึ้น ผู้ร่วมกระทําผิดทุกคนก็ต้องรับผิดในผลที่เกิดขึ้นนั้นด้วย
กรณีตามอุทาหรณ์
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า เอได้ร่วมกับบีทําร้ายร่างกายหนุ่มโดยเจตนา แม้เอจะชักชวนบีให้ไปช่วยกันชกต่อยทําร้ายหนุ่ม และบีแต่เพียงผู้เดียวเป็นผู้ใช้มีดพกฟันข้อมือของหนุ่มจนได้รับ อันตรายสาหัสโดยเอไม่ทราบว่าบีพกอาวุธไปด้วย และเอไม่มีเจตนาให้หนุ่มได้รับอันตรายสาหัส แต่การที่หนุ่มได้รับอันตรายสาหัสก็เป็นผลธรรมดาที่เกิดจากการกระทําผิดฐานทําร้ายร่างกาย เอก็จะต้องรับผิดในผลที่เกิดขึ้น จากการกระทําของบีด้วย ดังนั้นจึงถือได้ว่าเอเป็นตัวการร่วมกันทําร้ายหนุ่มจนเป็นเหตุให้หนุ่มได้รับอันตรายสาหัส เอจึงมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกันทําร้ายผู้อื่นจนได้รับอันตรายสาหัสตามมาตรา 297 ประกอบมาตรา 83
สรุป
เอมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกันทําร้ายผู้อื่นจนได้รับอันตรายสาหัสตามมาตรา 297 ประกอบมาตรา 83