การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2566
ข้อสอบกระบวนวิชา POL 2303 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในภาครัฐ
คำสั่ง ให้นักศึกษาเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว
1. ข้อความนี้สอดคล้องกับหลักการใด “งานที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบเหมือนกันควรได้ค่าตอบแทนเท่ากัน”
(1) หลักความซื่อตรง
(2) หลักความเป็นกลางทางการเมือง
(3) หลักความเสมอภาค
(4) หลักความสามารถ
(5) หลักการแบ่งงานกันทำตามความถนัด
ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 3), (คำบรรยาย) หลักความเสมอภาค (Equality) หมายถึง การเปิดโอกาสให้ผู้มีคุณสมบัติและมีพื้นฐานความรู้ตามที่กำหนดไว้มีสิทธิที่จะสมัครเข้าสอบแข่งขันเพื่อบรรจุเข้ารับราชการได้ทุกคน โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างในเรื่องชาติตระกูล ศาสนา เป็นการให้โอกาสแก่ผู้มีสิทธิอย่างเท่าเทียมกัน และในการกำหนดเงินเดือนหรือค่าตอบแทน ของข้าราชการก็ควรยึดหลักความเสมอภาคเช่นกัน กล่าวคือ คนที่มีความรู้ความสามารถเท่ากัน หรืองานที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบเหมือนกันหรือระดับเดียวกันควรได้รับเงินเดือนหรือค่าตอบแทนเท่ากัน
2. ข้อใดเป็นการบริหารทรัพยากรมนุษย์ภายใต้ระบบคุณธรรม
(1) ยึดความรู้ความสามารถ
(2) หลักความเป็นกลางทางการเมือง
(3) ยึดเครือข่าย
(4) คัดเลือกคนโดยพิจารณาที่จริยธรรม
(5) ข้อ 1 และ 2 ถูก
ตอบ 5 หน้า 14 – 15 การบริหารทรัพยากรมนุษย์ภายใต้ระบบคุณธรรม (Merit System) ยึดหลักการสำคัญ 4 ประการ ได้แก่
1. หลักความเสมอภาค (Equality)
2. หลักความรู้ความสามารถ (Competence)
3. หลักความมั่นคง (Security)
4. หลักความเป็นกลางทางการเมือง (Political Neutrality)
3. คำกล่าวใดต่อไปนี้ที่กล่าวถึงการบริหารทรัพยากรมนุษย์ได้ไม่ถูกต้อง
(1) ทำให้องค์การได้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาปฏิบัติงาน
(2) คือการบริหารทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับองค์การ
(3) ช่วยลดต้นทุนขององค์การ
(4) ช่วยให้บุคลากรมีขวัญและกำลังใจ
(5) ทำให้องค์การใช้ทรัพยากรที่มิได้อย่างคุ้มค่า
ตอบ 3 หน้า 4 – 5 (คำบรรยาย) การบริหารทรัพยากรมนุษย์ มีลักษณะดังนี้
1. เป็นการบริหารทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับองค์การ หรือทำให้องค์การ ใช้ทรัพยากร (คน) ที่มีได้อย่างคุ้มค่า
2. เป็นกระบวนการที่ทำให้องค์การได้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาปฏิบัติงาน
3. ช่วยทำให้บุคลากรในหน่วยงานมีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน ฯลฯ
4. การบริหารทรัพยากรมนุษย์แบบใดที่ไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้กับข้าราชการพลเรือน
(1) หลักเลือกที่รักมักที่ชัง
(2) ระบบอุปถัมภ์
(3) ระบบเครือญาติ
(4) ระบบเส้นสาย
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 หน้า 12 – 13, (คำบรรยาย) การบริหารทรัพยากรมนุษย์ภายใต้ระบบอุปถัมภ์ (Patronage System) หรือเรียกว่าระบบเล่นพรรคเล่นพวก ระบบเครือญาติ ระบบเส้นสาย ระบบเลือกที่รัก มักที่ชัง เป็นการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ทำให้การบริหารราชการไม่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เพราะการคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการคำนึงถึงความเป็นพรรคพวกเป็นสำคัญ ไม่ได้คำนึงถึงความสามารถของบุคคลอย่างแท้จริง จึงส่งผลให้ส่วนราชการเต็มไปด้วยข้าราชการที่ไม่มีความรู้ ความสามารถ ดังนั้น การบริหารราชการภายใต้ระบบอุปถัมภ์จึงไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้กับข้าราชการพลเรือน
5. Affirmative Action หมายถึงข้อใด
(1) ระบบอุปถัมภ์
(2) ระบบคุณธรรม
(3) ระบบปฏิบัติการทางคอมพิวเตอร์
(4) ระบบที่เน้นกระจายอำนาจ
(5) การไม่เลือกปฏิบัติ
ตอบ 5 (คำบรรยาย) ระบบการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่เน้นโอกาส (Affirmative Action) เป็นระบบที่ให้ความสำคัญกับความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ โดยระบบนี้จะเน้น การให้โอกาสแก่ผู้ที่ด้อยโอกาส เช่น ผู้พิการ ผู้สูงอายุในการเข้ามาทำงานในองค์การ
6. ข้อใดไม่ใช่ภารกิจด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์
(1) การค้นหาทรัพยากรมนุษย์
(2) ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรมนุษย์
(3) งานรักษาทรัพยากรมนุษย์
(4) ลดต้นทุนจากทรัพยากรมนุษย์
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 4 หน้า 7 ภารกิจด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ คือ
1 งานหาทรัพยากรมนุษย์
2 งานใช้ทรัพยากรมนุษย์
3 งานดูแลรักษาทรัพยากรมนุษย์
7 การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อการบริหารทรัพยากรมนุษย์ขององค์การ
(1) กระแสโลกาภิวัตน์
(2) ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี
(3) ความท้าทายด้านจริยธรรม
(4) ความคาดหวังของผู้รับบริการ
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 หน้า 24 – 26, (คำบรรยาย) การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ขององค์การ ได้แก่ กระแสโลกาภิวัตน์ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี นวัตกรรมการจัดการ ความท้าทายด้านคุณภาพและจริยธรรม โครงสร้างประชากรและกำลังแรงงาน สภาวะทางเศรษฐกิจและการแข่งขัน ความคาดหวังของผู้รับบริการ เป็นต้น
8. ข้อใดสอดคล้องกับแนวคิดวิทยาศาสตร์การจัดการ (Scientific Management) ของ Frederick W. Taylor
(1) ทฤษฎี X และทฤษฎี Y
(2) ปัจจัยจูงใจและปัจจัยสุขภาวะ
(3) การศึกษาเวลากับการเคลื่อนไหว (Time and Motion Study)
(4) ความต้องการตามลำดับขั้น
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 3 หน้า 41 Frank and Lilian Gilbreth ได้ขยายแนวคิดเพิ่มเติมซึ่งมีส่วนช่วยสนับสนุนแนวคิดวิทยาศาสตร์การจัดการ (Scientific Management) ของ Frederick W. Taylor โดย Gilbreth ได้ทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกซึ่งต่อมาได้พิมพ์เป็นหนังสือชื่อ The Psychology of Management ได้วิเคราะห์การเคลื่อนไหวด้านร่างกายของคนงาน โดยศึกษาการเคลื่อนไหวที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งวิธีการนี้เรียกว่า “Time and Motion Study” หรือการศึกษาเวลากับการเคลื่อนไหวในการปฏิบัติงาน
9 การปฏิวัติอุตสาหกรรมเกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศใด
(1) ประเทศจีน
(2) ประเทศอิสราเอล
(3) ประเทศอังกฤษ
(4) ประเทศสหภาพโซเวียต
(5) ประเทศสหรัฐอเมริกา
ตอบ 3 หน้า 34 – 35 การปฏิวัติอุตสาหกรรม เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศอังกฤษในช่วงศตวรรษ ที่ 18 โดยการปฏิวัติอุตสาหกรรม หมายถึง กระบวนการเปลี่ยนแปลงวิธีการและระบบ การผลิตจากเดิมที่ใช้แรงงานคน แรงงานสัตว์ รวมทั้งพลังงานจากธรรมชาติ เครื่องมือ แบบง่าย ๆ มาเป็นการใช้เครื่องจักรกลแทน
ตั้งแต่ข้อ 10. – 18. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้เพื่ออธิบายถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่สอดคล้องกับ หลักคิดในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
(1) หลักการเสริมประสิทธิภาพ
(2) หลักพิทักษ์คุณธรรม
(3) หลักระบบค่าตอบแทน
(4) หลักจริยธรรมและวินัย
(5) การกระจายอํานาจ
10. นโยบายการประเมินขั้นเงินเดือนข้าราชการปีละ 2 ครั้ง สะท้อนหลักการในข้อใด
ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 207), (คําบรรยาย) หลักระบบค่าตอบแทนตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีดังนี้
1 การจําแนกกลุ่มข้าราชการเป็น 4 กลุ่มใหญ่ (Cluster) และกําหนดบัญชีเงินเดือน เป็น 4 บัญชี ซึ่งแต่ละบัญชีใช้เฉพาะสําหรับตําแหน่งแต่ละประเภท
2 กําหนดให้มีเงินเพิ่มใหม่อีก 2 ประเภท คือ ตามพื้นที่และตามสายงาน
3 กําหนดให้เพิ่มค่าตอบแทนบุคคลที่มีใบรับรองการมีวุฒิการศึกษาเพิ่มที่ตรงตามหน้าที่
4 กําหนดให้ข้าราชการทุกระดับต้องถูกประเมินผลการปฏิบัติราชการแบบ 360 องศา เพื่อนํามาใช้ประกอบการพิจารณาเลื่อนเงินเดือน
5 การเบิกค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการมีการกําหนดให้ต้องเบิกยานอกบัญชีหลัก
6 มีการประเมินขั้นเงินเดือนข้าราชการปีละ 2 ครั้ง
7 มีการขึ้นเงินเดือนข้าราชการให้เหมาะสมกับค่าครองชีพ ฯลฯ
11. คํากล่าวที่ว่า “โตไปไม่โกง” สะท้อนถึงหลักการในข้อใด
ตอบ 4 (คําบรรยาย) คํากล่าวที่ว่า “โตไปไม่โกง” สะท้อนถึงหลักการด้านจริยธรรมและวินัย ซึ่งถูกนํามาใช้เพื่อแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันที่ทําลายสังคมอย่างรุนแรงและฝังรากลึก โดยคนในสังคมนั้นจะต้องมีค่านิยมในการรักความดีและไม่ยอมรับพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชัน และการโกงทุกรูปแบบโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งการสร้างค่านิยมที่ถูกต้องนี้ จะเป็นรากฐานสําคัญที่ทําให้เด็กเติบโตขึ้นเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ และเป็นการป้องกัน และแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันที่ได้ผลที่สุด
12 หลักการในข้อใดที่คํานึงถึงผลลัพธ์ของการดําเนินการควบคู่กับการใช้ทรัพยากรที่คุ้มค่า
ตอบ 1 (คําบรรยาย) หลักการเสริมประสิทธิภาพ เป็นหลักการที่คํานึงถึงผลลัพธ์ของการดําเนินการ ควบคู่กับการใช้ทรัพยากรที่คุ้มค่า
13 การเปิดโอกาสให้องค์กรอิสระสามารถวางระบบการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของตนเองได้
ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 207), (คําบรรยาย) หลักการกระจายอํานาจตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีดังนี้
1. กําหนดให้หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง ระดับกรม หรือระดับจังหวัด เป็นผู้มีอํานาจ สั่งบรรจุแต่งตั้งข้าราชการ เช่น อธิบดีมีอํานาจสั่งบรรจุแต่งตั้งผู้ชํานาญการ ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอํานาจแต่งตั้งที่ปรึกษาหรือปราชญ์ชาวบ้าน หรือ ผู้ช่วยงานในท้องถิ่น เป็นต้น
2. กําหนดให้หน่วยงานระดับกระทรวง ระดับกรม หรือระดับจังหวัด ดําเนินการจัดสอบแข่งขัน เพื่อเลือกสรรบุคคลบรรจุเข้ารับราชการได้เอง
3. การให้อํานาจในการแต่งตั้งหรือโอนย้ายบุคลากรทั้งจากภายในและภายนอกกระทรวงได้ เช่น การแต่งตั้งโฆษก คสช. ไปดํารงตําแหน่งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เป็นต้น
4. การเปิดโอกาสให้องค์กรอิสระสามารถวางระบบการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของตนเองได้ ฯลฯ
14 กําหนดให้หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมบรรจุแต่งตั้งข้าราชการได้สอดคล้องกับหลักการใด
ตอบ 5 ดูคําอธิบายข้อ 13. ประกอบ
15 การกําหนดให้หน่วยงานของรัฐถูกตรวจสอบจากองค์กรภายนอก เช่น สตง. ป.ป.ช. สอดคล้องกับหลักการใด
ตอบ 1 (คําบรรยาย) หลักการเสริมประสิทธิภาพตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีดังนี้
1. กําหนดให้ข้าราชการไปศึกษาเพิ่มเติม ฝึกอบรม ดูงาน หรือปฏิบัติการวิจัยในประเทศ หรือต่างประเทศ
2. กําหนดให้มีแบบฟอร์มการทํารายงานหลัง/กลับจากการฝึกอบรมของหน่วยงานรัฐ
3. กําหนดให้มีการตรวจสอบจากองค์กรภายนอกหลายองค์กร เช่น สตง., ป.ป.ช., กกต., จังหวัด และองค์กรวิชาชีพ ฯลฯ
16 ให้ข้าราชการต้องไปเพิ่มพูนความรู้ เข้าฝึกอบรมเป็นประจําตลอดช่วงระยะเวลาที่รับราชการเป็นไปตาม หลักการใด
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 15. ประกอบ
17 มีการขึ้นเงินเดือนข้าราชการให้เหมาะสมกับค่าครองชีพสอดคล้องกับหลักการใด
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 10. ประกอบ
18 การเปิดโอกาสให้ข้าราชการสามารถร้องทุกข์ในกรณีที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 207), (คําบรรยาย) หลักพิทักษ์คุณธรรมตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีดังนี้
1. เป็นหลักการที่เปิดโอกาสให้ข้าราชการสามารถอุทธรณ์และร้องทุกข์ได้ในกรณีที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
2. การกำหนดให้มีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ซึ่งเป็นองค์กรกึ่งตุลาการและเป็นอิสระจากฝ่ายบริหาร ทำหน้าที่พิจารณาเรื่องการอุทธรณ์และการร้องทุกข์ของข้าราชการเพื่อป้องกันการกลั่นแกล้ง เช่น ในกรณีที่ข้าราชการถูกสั่งลงโทษทางวินัย หรือได้รับการปฏิบัติจากผู้บังคับบัญชา (เช่น การแต่งตั้งโยกย้าย) อย่างไม่เป็นธรรม
3. การจัดให้มีศาลปกครองรับเรื่องด้านการบริหารงานบุคคล
4. การให้พนักงาน/ข้าราชการที่ถูกกล่าวหาต้องยุติหน้าที่หรือย้ายไปประจำส่วนราชการเป็นการชั่วคราว ฯลฯ
19. ข้อใดเป็นผลจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นกับทรัพยากรมนุษย์ในองค์การ
(1) การขาดความตระหนักถึงสวัสดิการของคนงาน
(2) การลดต้นทุนการผลิต
(3) การพัฒนาคุณภาพของสินค้า
(4) การเข้ามาแทรกแซงจากรัฐบาล
(5) การเปลี่ยนจากสังคมเกษตรไปเป็นสังคมอุตสาหกรรม
ตอบ 1 (คำบรรยาย) ผลจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นกับทรัพยากรมนุษย์ในองค์การก็คือนายจ้างขาดความเอาใจใส่ดูแลคนงาน ไม่ได้ตระหนักถึงสวัสดิการของคนงาน คนงานต้องทนทำงานโดยไม่ได้รับความสนใจต่อปัญหาทางด้านมาตรฐานสวัสดิการอาชีวอนามัย ความปลอดภัย รวมทั้งสภาพแวดล้อมในการทำงานก็มีความสกปรกเกินกว่าที่สภาพร่างกายของมนุษย์จะทนได้
20. “สามารถทำงานได้ภายใต้สภาวะที่กดดัน…” ข้อความดังกล่าวพบได้จากที่ใด
(1) การวิเคราะห์งาน
(2) คำบรรยายลักษณะงาน
(3) คุณสมบัติผู้ปฏิบัติงาน
(4) การประเมินค่างาน
(5) การกำหนดค่าตอบแทน
ตอบ 3 หน้า 37, 90, (คำบรรยาย) การกำหนดคุณสมบัติเฉพาะของผู้ปฏิบัติงาน (Job Specification) เป็นการกำหนดรายละเอียดของคุณสมบัติเฉพาะของพนักงานซึ่งใช้ในการทำงานเฉพาะอย่าง เพื่อให้งานประสบความสำเร็จ เช่น วุฒิการศึกษา ประสบการณ์ ความชำนาญ เพศ อายุ ส่วนสูง น้ำหนัก ความพร้อมทางจิตใจ เป็นต้น ซึ่งข้อมูลที่นำมาใช้ในการกำหนดคุณสมบัติเฉพาะของผู้ปฏิบัติงานนี้จะพิจารณาจากความรู้ (Knowledge) ทักษะ (Skill) และความสามารถ (Abilities)
21. ข้อใดคือวิธีการในการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับงาน
(1) การสังเกต
(2) การสัมภาษณ์
(3) การใช้แบบสอบถาม
(4) การสอบถามผ่าน Google Form
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 หน้า 101 – 107, (คำบรรยาย) วิธีการในการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับงาน มีดังนี้
1 การสังเกต
2 การใช้แบบสอบถาม เช่น การสอบถามผ่าน Google Form
3 การสัมภาษณ์
4. การประชุม
5. การบันทึกงาน
6. การทดลองปฏิบัติงาน
22. ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับแบบสอบถามแบบมีโครงสร้าง (Structured Questionnaire)
(1) จำกัดอิสระในการตอบ
(2) มีตัวเลือกให้ตอบ
(3) ใช้คอมพิวเตอร์คำนวณได้
(4) ถูกทุกข้อ
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 4 หน้า 105 แบบสอบถามแบบมีโครงสร้าง (Structured Questionnaire) เป็นแบบสอบถามที่จำกัดอิสระในการตอบแบบสอบถามของผู้ตอบ เพราะมีการกำหนดคำตอบให้ผู้ตอบเลือก โดยแบบสอบถามแบบมีโครงสร้างนี้จะช่วยให้นักวิเคราะห์สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลและทำการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็วตรงตามที่ต้องการโดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีชุดคำสั่งทางสถิติสำหรับคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยในการคำนวณหรือประมวลผลข้อมูล
23. ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับการบันทึกงาน (Diary Method) เช่น การลงบันทึก Logbook
(1) การจดบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างปฏิบัติงาน
(2) การบันทึกประวัติของพนักงาน
(3) การจัดทําแฟ้มข้อมูลการประพฤติผิดวินัย
(4) การเปรียบเทียบค่าตอบแทนของบุคลากร
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 1 หน้า 107 การบันทึกงาน (Diary Method) เป็นวิธีการที่ใช้เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับงาน เพื่อนําไปใช้เป็นข้อมูลประกอบในการวิเคราะห์งาน โดยนักวิเคราะห์งานจะให้ผู้ปฏิบัติงาน จดบันทึกเหตุการณ์และรายละเอียดของกิจกรรมต่าง ๆ ที่ตนกระทําในช่วงเวลาปฏิบัติงาน ในแต่ละวัน เช่น นักบินจะต้องบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ระหว่างทําการบิน เป็นต้น ซึ่งวิธีการนี้จะเป็นประโยชน์มากถ้าผู้ปฏิบัติงานให้ความร่วมมือและจดบันทึกการทํางานตามความเป็นจริง อย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยภาษาที่อ่านเข้าใจง่าย
24. ข้อใดคือความหมายของการสรรหา
(1) กระบวนการพิจารณาเลือกเฟ้นบุคลากรไปดํารงตําแหน่งที่สูงขึ้น
(2) กระบวนการค้นหาบุคคลที่มีความเหมาะสมกับตําแหน่ง
(3) กระบวนการดึงดูดบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ
(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก
(5) ข้อ 2 และ 3 ถูก
ตอบ 5 หน้า 114 – 115: การสรรหา (Recruitment) หมายถึง กระบวนการในการค้นหา จูงใจหรือดึงดูดบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับตําแหน่งงานให้สนใจยื่นใบสมัครงานกับองค์การให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งการสรรหานี้เป็นวิธีการที่ทําให้องค์การสามารถมีตัวเลือกสําหรับการพิจารณาเพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกต่อไป แหล่งที่ใช้ในการสรรหาบุคคลมี 2 แหล่ง คือ 1. การสรรหาบุคคลจากภายในองค์การ 2. การสรรหาบุคคลจากภายนอกองค์การ
25. ข้อใดถูกต้อง
(1) กระบวนการสรรหามีส่วนต่อการรักษาวัฒนธรรมองค์การ
(2) กระบวนการสรรหาคนเข้าทํางานเป็นต้นทุนขององค์การ
(3) การสรรหาคือการจูงใจให้มีผู้สนใจมาสมัครมากที่สุด
(4) การสรรหามีทั้งจากแหล่งภายในและภายนอกองค์การ
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 คำบรรยายจากเอกสาร หน้า 115 – 120: การสรรหา (Recruitment) มีลักษณะดังนี้
1 เป็นกระบวนการจูงใจให้มีผู้สนใจที่จะทํางานกับองค์การมาสมัครงานมากที่สุด
2 การสรรหาบุคคลนั้นมีทั้งการสรรหาจากแหล่งภายในและภายนอกองค์การ
3 กระบวนการสรรหาคนเข้าทํางานถือเป็นต้นทุนขององค์การ เพราะมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการดําเนินการสรรหาไม่ว่าจะเป็นการประชาสัมพันธ์ การรับสมัคร การคัดเลือก เป็นต้น
4 กระบวนการสรรหามีส่วนต่อการรักษาวัฒนธรรมองค์การ (ดูคําอธิบายข้อ 24. ประกอบ)
26. ข้อดีของการสรรหาบุคคลภายใน คือ
(1) ประหยัดค่าใช้จ่าย
(2) สร้างขวัญและกําลังใจ
(3) เปิดมุมมองใหม่
(4) ข้อ 2 และ 3 ถูก
(5) ข้อ 1 และ 2 ถูก
ตอบ 5 คำบรรยายจากเอกสาร หน้า 116 – 117 ข้อดีของการสรรหาบุคคลจากภายในองค์การ มีดังนี้
1 ประหยัดค่าใช้จ่าย
2 สร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานให้แก่บุคลากร
3 สามารถสรรหาบุคลากรได้อย่างเหมาะสม เนื่องจากองค์การมีข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับทักษะ ความสามารถของผู้สมัครภายในดีกว่าผู้สมัครภายนอก
4 เป็นการให้หลักประกันในการทำงานโดยให้โอกาสความก้าวหน้าในการทำงานแก่บุคลากร ที่มีความตั้งใจทำงาน ผลงานอยู่ในระดับดีได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง ฯลฯ
27. วิธีการใดที่ทำให้องค์การอาจเสียโอกาสจะได้คนที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์มาพัฒนาองค์การ
(1) การประกาศรับสมัคร
(2) การคัดเลือก
(3) การสรรหาจากภายใน
(4) การสรรหาจากภายนอก
(5) การบรรจุแต่งตั้ง
ตอบ 3 หน้า 116 – 117, (เอกสารประกอบการสอน หน้า 57 – 58) ข้อเสียของการสรรหาบุคคลจากภายในองค์การ มีดังนี้
1. ทำให้องค์การอาจเสียโอกาสได้คนที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ใหม่ ๆ มาพัฒนาองค์การ
2. ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนความคิดสร้างสรรค์ในการประเมินโอกาส การแก้ปัญหา และการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ทางธุรกิจ
3. หากองค์การไม่มีการกำหนดกฎเกณฑ์การคัดเลือกบุคลากรภายในองค์การที่ชัดเจน อาจทำให้การสรรหาบุคลากรภายในองค์การเป็นระบบอุปถัมภ์มากกว่าระบบคุณธรรม
4. ก่อให้เกิดปัญหาการขาดแคลนบุคลากรขึ้นภายในองค์การ เมื่อองค์การมีความต้องการในการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ฯลฯ
28. วิธีการสรรหาแบบใดที่เน้นความประหยัด
(1) การเลิกจ้าง
(2) การหยุดบรรจุพนักงานใหม่
(3) การสรรหาจากภายใน
(4) การสรรหาจากภายนอก
ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 26. ประกอบ (หมายเหตุ: ข้อมูลอ้างอิงถึงข้อ 26. แต่ในเอกสารที่ให้มาไม่มีข้อ 26. จึงไม่สามารถอธิบายได้เพิ่มเติม)
29. ข้อใดเป็นข้อเสียของการสรรหาจากภายนอก
(1) การเลิกจ้าง
(2) มีต้นทุนค่าใช้จ่ายสูง
(3) อาจทำให้บุคลากรเสียขวัญกำลังใจ
(4) ได้คนที่ไม่สอดคล้องกับวัฒนธรรมองค์การ
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 หน้า 119, (คำบรรยาย) ข้อเสียของการสรรหาบุคคลจากภายนอกองค์การ มีดังนี้
1. อาจทำให้บุคลากรเสียขวัญกำลังใจ
2. อาจใช้ระยะเวลานาน
3. เป็นการปิดกั้นโอกาสความเจริญก้าวหน้าในสายงานอาชีพของบุคลากรภายในองค์การ
4. มีต้นทุนค่าใช้จ่ายสูงและสิ้นเปลืองเวลา
5. ได้คนที่ไม่สอดคล้องกับวัฒนธรรมองค์การ หรืออาจเกิดปัญหาการปรับตัวและการขัดกันของวัฒนธรรมในองค์การ ฯลฯ
30. “ให้ไปรายงานตัวกับหัวหน้างาน” เป็นขั้นตอนในข้อใด
(1) การสรรหา
(2) การคัดเลือก
(3) การสรรหาจากภายใน
(4) การสรรหาจากภายนอก
(5) การบรรจุ
ตอบ 5 หน้า 131 การบรรจุ (Placement) เป็นการให้ผู้สมัครที่ได้รับการคัดเลือกแล้วไปทำงานในแผนกที่ต้องการบุคลากร ในขั้นตอนนี้จะมีการส่งมอบผู้สมัครที่ได้รับการคัดเลือกให้ไปรายงานตัวกับหัวหน้างานในแผนกที่รับคน ซึ่งจะมีวิธีการให้รายงานอย่างถูกต้อง และมีการส่งรายละเอียด ประวัติ ข้อมูล ตลอดจนผลการคัดเลือกตามวิธีการต่าง ๆ เพื่อช่วยให้การสอนงานในระยะเริ่มแรก โดยหัวหน้างานสามารถกระทำได้สะดวกและง่ายขึ้น
31 ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการทดลองงาน
(1) เพื่อสร้างความมั่นใจว่าคนที่ได้รับคัดเลือกมีคุณสมบัติเหมาะสม
(2) เพื่อให้พนักงานใหม่ได้ใช้เวลาเรียนรู้กฎระเบียบและวัฒนธรรมองค์การ
(3) สอดคล้องกับการจ้างงานระยะยาว
(4) คนที่ไม่ผ่านการทดลองงานราชการถือว่ายังไม่เคยได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการ
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 การทดลองงาน (Probation) คือ การให้คนที่ได้รับคัดเลือกทำงานชั่วระยะเวลาหนึ่งเพื่อให้มั่นใจว่าคนที่ได้รับคัดเลือกนั้นมีคุณสมบัติเหมาะสมกับงานที่จะทำ รวมทั้งเพื่อให้พนักงานใหม่ได้ใช้เวลาเรียนรู้กฎระเบียบและวัฒนธรรมองค์การด้วย ในกรณีที่ผ่านการทดลองงานก็จะได้บรรจุเป็นพนักงานประจำขององค์การต่อไปหรือจ้างงานเป็นพนักงานขององค์การในระยะยาว แต่หากไม่ผ่านการทดลองงานก็จะไม่ได้รับการบรรจุเป็นพนักงาน ทั้งนี้ในส่วนราชการถือว่าคนที่ไม่ผ่านการทดลองงานราชการนั้นยังไม่เคยได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการมาก่อน
32 ข้อใดไม่ใช่เหตุผลของการรักษากำลังคน
(1) ลดความสิ้นเปลืองในการสรรหา
(2) คงความต่อเนื่องในการทำงาน
(3) รักษาวัฒนธรรมองค์การ
(4) รักษาภาพลักษณ์องค์การ
(5) สร้างความจงรักภักดี
ตอบ 3 การรักษาคนไว้ในองค์การ (Retain) คือ การสร้างแรงจูงใจให้คนทำงานอยู่กับองค์การยาวนานหรือพยายามลดอัตราการลาออกของคนให้น้อยลง ทั้งนี้เพื่อ
1 คงความต่อเนื่องในการทำงาน
2 รักษาประสิทธิผลขององค์การ
3 ลดความสิ้นเปลืองในการสรรหาคัดเลือกและฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงาน
4 รักษาภาพลักษณ์ขององค์การ
5 สร้างความจงรักภักดี
33 ทำไมต้องรักษากำลังคนไว้กับองค์การ
(1) ลดความสิ้นเปลืองในการสรรหา
(2) คงความต่อเนื่องในการทำงาน
(3) เพื่อเตรียมพร้อมขยายงาน
(4) ถูกเฉพาะข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 4 ดูคำอธิบายข้อ 32. ประกอบ
34 ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับสาเหตุที่คนเลือกอยู่กับองค์การ
(1) ชื่อเสียงขององค์การ
(2) ค่าตอบแทน
(3) วัฒนธรรมองค์การ
(4) ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน
(5) เป็นไปได้ทุกข้อ
ตอบ 5 ค่าตอบแทนเป็นเพียงปัจจัยพื้นฐานที่สามารถจูงใจและรักษาคนให้อยู่กับองค์การ ดังนั้นการที่คนจะอยู่กับองค์การยาวนาน ไม่ลาออกไปหางานใหม่ทำจึงไม่ใช่เพราะเรื่องค่าตอบแทนเพียงอย่างเดียว แต่มีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่น ๆ ด้วย เช่น ความมั่นคงของงาน โอกาสและความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน สวัสดิการและประโยชน์เกื้อกูล ชื่อเสียงขององค์การ วัฒนธรรมองค์การ ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน เป็นต้น
35 Elton Mayo และคณะ ค้นพบอะไรจากการศึกษา Hawthorn Study ที่โรงงาน Western Electric
(1) แสงสว่างมีผลต่อการทำงาน
(2) ปฏิสัมพันธ์ของคนงานส่งผลต่อขวัญกำลังใจ
(3) มนุษย์ในองค์การเป็นไปตามทฤษฎี X และทฤษฎี Y
(4) สภาพแวดล้อมทางกายภาพมีผลต่อการทำงาน
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 2 หน้า 43 – 44 Elton Mayo และคณะได้ทําการศึกษาพฤติกรรมการทํางานของคนงาน ในโรงงาน Western Electric Hawthorne ซึ่งต่อมาเรียกว่า กรณีศึกษาฮอว์ธอร์น (Hawthorn Study) โดยพบว่า การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนงานส่งผลต่อขวัญกําลังใจและแรงจูงใจในการ ปฏิบัติงาน ขณะเดียวกันก็ส่งผลต่อผลผลิตของการปฏิบัติงานด้วย ผลผลิตส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับ ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีม และความร่วมมือร่วมใจของคนงาน ซึ่งมีส่วนสัมพันธ์กับ ความเอาใจใส่ของหัวหน้าที่มีผลกระทบต่อคนงาน
36. คํากล่าวใดไม่เป็นไปตามหลักความเป็นกลางทางการเมืองของข้าราชการ
(1) ข้าราชการไม่สามารถเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง
(2) ข้าราชการประจําต่างจากข้าราชการการเมือง
(3) ข้าราชการต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลไม่ว่าตนจะนิยมพรรคการเมืองใดก็ตาม
(4) ข้าราชการที่เป็นกลางไม่ควรลงคะแนนเลือกตั้ง
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 4 หน้า 15, (เอกสารประกอบการสอน หน้า 4 – 5), (คําบรรยาย) หลักความเป็นกลาง ทางการเมือง (Political Neutrality) หมายถึง
1 ข้าราชการประจําต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลไม่ว่าตนจะนิยมพรรคการเมืองใดก็ตาม
2 ข้าราชการต้องไม่อยู่ใต้อาณัติหรืออิทธิพลของนักการเมืองหรือพรรคการเมืองใด ๆ
3 ข้าราชการจะต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมือง เช่น สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร หรือดํารงตําแหน่งในพรรคการเมือง เช่น หัวหน้าพรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรคการเมือง เลขาธิการพรรคการเมือง ฯลฯ ในขณะเป็นข้าราชการ
4 ข้าราชการสามารถลงคะแนนเลือกตั้งได้ตามการปกครองระบอบประชาธิปไตย ฯลฯ
37. ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับคําบรรยายลักษณะงาน (Job Description)
(1) การจัดวางโครงสร้างองค์การ
(2) แนวปฏิบัติเพื่อการธํารงวินัย
(3) คือคุณสมบัติของผู้ปฏิบัติงาน
(4) คือการจัดสรรอัตรากําลัง
(5) ข้อมูลเกี่ยวกับอํานาจหน้าที่ ความรับผิดชอบ และขอบเขตของงานที่ต้องปฏิบัติ
ตอบ 5 หน้า 89 คําบรรยายลักษณะงาน (Job Description) เป็นข้อมูลเกี่ยวกับอํานาจหน้าที่ ความรับผิดชอบ ขอบเขตของงาน ความสัมพันธ์ในสายงานและกระบวนการปฏิบัติงาน โดยทั่วไปจะประกอบด้วยข้อความสําคัญ ได้แก่ ตําแหน่งงาน หน้าที่ ความรับผิดชอบ คุณลักษณะของงาน และเงื่อนไขสภาวะแวดล้อม
ตั้งแต่ข้อ 38. – 41. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) หลักความเสมอภาค
(2) หลักความมั่นคง
(3) หลักความสามารถ
(4) หลักความเป็นกลางทางการเมือง
(5) หลักการประหยัด
38. “put the right man on the right job” สะท้อนถึงหลักการในข้อใด
ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 4) หลักความสามารถ (Competence) หมายถึง การบรรจุ บุคคลเข้ารับราชการ หรือการแต่งตั้งบุคคลเข้าดํารงตําแหน่งใด ๆ จะต้องยึดหลักความรู้ ความสามารถของบุคคลเป็นสําคัญ โดยต้องพยายามหาทางคัดเลือกเพื่อให้ได้ผู้ที่มีความรู้ ความสามารถเหมาะสมกับตําแหน่ง (put the right man on the right job)
Gemi
39 คนที่มีความรู้ความสามารถเท่ากันควรได้รับค่าตอบแทนเท่ากันสอดคล้องกับหลักการใด
ตอบ 1 ดูคําอธิบายข้อ 1. ประกอบ
40 หลักประกันแก่ผู้จะมาทํางานราชการสามารถยึดเป็นอาชีพได้สะท้อนถึงหลักการในข้อใด
ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 4) หลักความมั่นคง (Security) หมายถึง การให้หลักประกันแก่ ผู้ที่จะมาทํางานราชการว่าจะมีความมั่นคงในชีวิต สามารถยึดราชการเป็นอาชีพได้ตราบเท่าที่ ยังมีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติราชการ มีความประพฤติดี มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อหน้าที่ ราชการ โดยให้มีเงินเดือนเพียงพอกับการครองชีพ และให้สวัสดิการและประโยชน์เกื้อกูลต่าง ๆ นอกจากนี้ยังเป็นการประกันมิให้ข้าราชการถูกกลั่นแกล้งหรือถูกออกจากราชการโดยไม่มีความผิด ทั้งนี้เพื่อให้ข้าราชการได้มีกําลังใจที่จะปฏิบัติราชการให้บังเกิดผลดีที่สุด ไม่ต้องกังวลในการ หาเลี้ยงชีพหรือถูกกลั่นแกล้งในทางที่ไม่เป็นธรรม
41 ข้าราชการต้องไม่อยู่ใต้อาณัติของนักการเมืองเป็นไปตามหลักการใด
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 36. ประกอบ
42 ข้อใดไม่ใช่วิธีการสรรหาภายนอก
(1) Walk-in
(2) การส่งจดหมายสมัครงาน
(3) การรับพนักงานใหม่จากสถานศึกษา
(4) ตลาดนัดแรงงาน
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 5 หน้า 120 – 122 วิธีการสรรหาบุคคลจากภายนอกองค์การ มีดังนี้
1. ผู้สมัครเดินเข้ามาสมัครเอง (Walk-in)
2. การส่งจดหมายสมัครงาน (Write-in)
3. การโฆษณารับสมัคร (Advertising)
4. การรับพนักงานใหม่จากสถานศึกษา (Education Institutions)
5. การติดต่อกับสํานักงานจัดหางาน (Employment Agencies)
6. การจัดตลาดนัดแรงงาน (Job Fairs) ฯลฯ
43 ข้อใดไม่ใช่วิธีทดแทนการสรรหา
(1) การจัดให้ทํางานล่วงเวลา
(2) การจ้างงานชั่วคราว
(3) การรับเหมาช่วง
(4) การสรรหาจากภายใน
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 4 หน้า 123 – 125 วิธีการที่ใช้ทดแทนการสรรหา มีดังนี้
1. การทํางานล่วงเวลา (Overtime)
2. การจ้างงานชั่วคราว (Temporary Employment)
3. การขอเช่าพนักงาน (Employee Leasing)
4. การใช้ผู้รับเหมาช่วง (Subcontracting)
5. การใช้ผู้รับเหมาอิสระ (Independent Contractors)
44 ข้อใดต่อไปนี้ไม่ได้ถูกนํามาใช้ในการวิเคราะห์งาน
(1) พฤติกรรมบุคคล
(2) มาตรฐานการปฏิบัติงาน
(3) อายุและเพศสภาพ
(4) เนื้อหาของงาน
(5) สภาพแวดล้อมในการทํางาน
ตอบ 3 หน้า 88 ข้อมูลที่ถูกนํามาใช้ในการวิเคราะห์งาน (Job Analysis) มีดังนี้
1. กิจกรรมของงาน
2. พฤติกรรมของบุคคล
3. เครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์ เทคโนโลยี และเครื่องช่วยสนับสนุนการทํางาน
4. มาตรฐานการปฏิบัติงาน
5. เนื้อหาของงาน
6. ความต้องการบุคลากร
7. สภาพแวดล้อมในการทํางาน
45 ข้อใดคือเหตุผลความจำเป็นของการวางแผนทรัพยากรมนุษย์
(1) เพื่อกำหนดเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ
(2) เพื่อลดต้นทุนการสรรหาบุคลากร
(3) เพื่อตอบสนองความต้องการทางสังคมให้กับบุคลากร
(4) เพื่อการจัดสวัสดิการให้กับบุคลากร
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 1 หน้า 63 – 64 เหตุผลความจำเป็นของการวางแผนทรัพยากรมนุษย์ มีดังนี้
1. ช่วยให้การดำเนินกิจกรรมแต่ละหน่วยงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มความสามารถในการใช้กำลังคนในการทำงาน
2. ช่วยในการกำหนดเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพให้กับบุคคลในองค์การ
3. ช่วยลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานกับองค์การ
4. ช่วยสร้างความพร้อมในการดำเนินงานของหน่วยงานทรัพยากรมนุษย์
5. ช่วยให้เกิดการรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม
6. ทำใหOrganizationได้รับชื่อเสียงและการยอมรับ
46 ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม
(1) การเปลี่ยนแปลงระบบจ่ายค่าจ้างแรงงาน
(2) การเปลี่ยนจากเศรษฐกิจทุนนิยมเข้าสู่สังคมนิยม
(3) การเปลี่ยนแปลงวิธีการและระบบการผลิต
(4) การควบคุมเศรษฐกิจโดยใช้อำนาจของกองทัพ
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 3 ดูคำอธิบายข้อ 9. ประกอบ
47 “วิเคราะห์และจัดทำแผนของหน่วยงาน…” ข้อความดังกล่าวพบได้จากที่ใด
(1) การวิเคราะห์งาน
(2) คำบรรยายลักษณะงาน
(3) คุณสมบัติผู้ปฏิบัติงาน
(4) การประเมินค่างาน
(5) การกำหนดค่าตอบแทน
ตอบ 2 ดูคำอธิบายข้อ 37. ประกอบ
48 กระบวนการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับธรรมชาติและลักษณะของงานคือข้อใด
(1) การวิเคราะห์งาน
(2) คำบรรยายลักษณะงาน
(3) คุณสมบัติผู้ปฏิบัติงาน
(4) การประเมินค่างาน
(5) การกำหนดค่าตอบแทน
ตอบ 1 หน้า 86 การวิเคราะห์งาน (Job Analysis) หมายถึง กระบวนการศึกษาและรวบรวม ข้อมูลเกี่ยวกับธรรมชาติและลักษณะของงานอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นการศึกษาหน้าที่ในงาน ความรับผิดชอบ สภาพการทำงาน รวมทั้งคุณลักษณะประจำของบุคคลที่เหมาะสมกับงานนั้น เพื่อให้การปฏิบัติงานนั้น ๆ สำเร็จลงได้ และเพื่อให้ได้สารสนเทศของงานนั้นเพียงพอต่อ การนำไปใช้ประโยชน์ในการทำกิจกรรมอื่นในอนาคต
49 การคัดเลือกในข้อใดเน้นการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นเพื่อดูความเหมาะสม
(1) การสัมภาษณ์เบื้องต้น
(2) การให้กรอกใบสมัคร
(3) การทดสอบ
(4) การตรวจร่างกาย
(5) การตรวจสอบคุณสมบัติพื้นฐาน
ตอบ 1 หน้า 128 – 129, (คำบรรยาย) การสัมภาษณ์เบื้องต้น (Preliminary Interview) ถือเป็น จุดเริ่มต้นของกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคลากร การสัมภาษณ์เบื้องต้นนี้เป็นการรวบรวม ข้อมูลเบื้องต้นเพื่อดูความเหมาะสมของผู้สมัครงาน ซึ่งเป็นวิธีการที่นิยมมากที่สุดในการคัดเลือก บุคคลเข้าทำงาน โดยวิธีการนี้จะช่วยให้เห็นว่าบุคคลนั้นมีคุณสมบัติตรงตามความต้องการของ องค์การหรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้ไม่เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการที่จะรับคนที่ขาดคุณสมบัติหรือ มีคุณสมบัติไม่เหมาะสมเข้ามาตั้งแต่ต้น ทั้งนี้การสัมภาษณ์จะกระทำสำเร็จได้ต้องใช้ความเป็นศิลปะมากกว่าความเป็นศาสตร์
50 ข้อใดเป็นขั้นตอนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อพิจารณาว่าบุคคลนั้นสามารถปฏิบัติงานได้จริง
(1) การสัมภาษณ์เบื้องต้น
(2) การให้กรอกใบสมัคร
(3) การทดสอบ
(4) การตรวจร่างกาย
(5) การตรวจสอบคุณสมบัติพื้นฐาน
ตอบ 3 หน้า 128 – 130, (คำบรรยาย) การทดสอบ (Employment Test) เป็นเครื่องมือในการ ประเมินเพื่อตรวจสอบความรู้ความสามารถและพฤติกรรมของผู้สมัครหรือพนักงานว่าตรงกับ ลักษณะงานหรือไม่ หรือพิจารณาว่าบุคคลนั้นสามารถปฏิบัติงานได้จริง เช่น การทดสอบ ความถนัด ทักษะ สติปัญญา (I.Q.) การปรับตัวเข้ากับผู้อื่น (E.Q.) เป็นต้น
51 ข้อใดเป็นการประเมินเบื้องต้นจากข้อมูลที่พนักงานให้
(1) การสัมภาษณ์เบื้องต้น
(2) การให้กรอกใบสมัคร
(3) การทดสอบ
(4) การตรวจสอบคุณสมบัติพื้นฐาน
(5) การตรวจร่างกาย
ตอบ 4 หน้า 128 – 129, (คำบรรยาย) การตรวจสอบคุณสมบัติพื้นฐาน (Background Investigation) เป็นขั้นตอนตรวจสอบประวัติของผู้สมัครที่กรอกไว้ในใบสมัคร หรือประเมินเบื้องต้นจากข้อมูล ที่ผู้สมัครให้ ซึ่งจะช่วยให้ทราบว่าการทำงานต่าง ๆ ที่แล้วมา หรือข้อมูลต่าง ๆ ของผู้สมัคร ที่ได้กรอกไว้ในใบสมัคร ตลอดจนสิ่งที่ได้รับฟังจากการสัมภาษณ์ถูกต้องหรือไม่
52 ความยุติธรรมภายนอก (External Equity) คือ
(1) การกำหนดเงินเดือนหรือค่าจ้างเพื่อป้องกันปัญหาความไม่เข้าใจกันในหน่วยงาน
(2) การกำหนดค่าจ้างที่สอดคล้องกับการจ้างงานในตลาดแรงงาน
(3) การกำหนดค่าจ้างโดยพิจารณาจากความรู้และประสบการณ์
(4) การกำหนดค่าจ้างให้เหมาะสมกับรายได้ขององค์การ
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 2 หน้า 142, (คำบรรยาย) ความยุติธรรมภายนอก (External Equity) ของการบริหารเงินเดือน และค่าจ้าง หมายถึง การกำหนดเงินเดือนและค่าจ้างจะต้องสอดคล้องกับการจ้างงานใน ตลาดแรงงาน ซึ่งพิจารณาจากค่าแรงขั้นต่ำ ค่าครองชีพ อัตราเงินเฟ้อ การสำรวจเงินเดือน ค่าจ้างในตลาดแรงงาน เป็นต้น
53 ข้อใดจัดเป็นปัจจัยสุขภาวะ (Hygiene Factors)
(1) ค่าคอมมิชชั่น
(2) โบนัส
(3) สวัสดิการหลังเกษียณ
(4) รางวัลพนักงานยอดเยี่ยม
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 156), (คำบรรยาย) ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับแรงจูงใจ ในการทำงานตามทฤษฎีของ Frederick Herzberg ประกอบด้วย
1 ปัจจัยคำจุนหรือปัจจัยสุขภาวะ (Hygiene Factors) เป็นปัจจัยที่ลดความไม่พึงพอใจ ของพนักงานในการทำงาน เช่น เงินเดือน/ค่าจ้าง ค่าคอมมิชชั่น เงื่อนไขการทำงาน สภาพการทำงาน (เช่น แสงไฟ โต๊ะทำงาน คอมพิวเตอร์ เครื่องปรับอากาศ) นโยบาย และการบริหารงาน การควบคุมบังคับบัญชา เป็นต้น
2. ปัจจัยกระตุ้น (Motivation Factors) เป็นปัจจัยเพิ่มแรงจูงใจแก่พนักงานในการทำงาน เช่น การยอมรับนับถือ ความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน การให้รางวัล สวัสดิการหรือ ประโยชน์เกื้อกูลต่าง ๆ (เช่น สวัสดิการหลังเกษียณ โบนัส ประกันชีวิต ค่ารักษาพยาบาล บ้านพักสวัสดิการ รถประจำตำแหน่ง ห้องทำงานส่วนตัว คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คส่วนตัว) เป็นต้น
54. ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยสุขภาวะ (Hygiene Factors)
(1) รถประจำตำแหน่ง
(2) ห้องทำงานส่วนตัว
(3) บ้านพักสวัสดิการ
(4) คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค
(5) ราคาน้ำมันในตลาดโลก
ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 53. ประกอบ
55. ปัจจัยใดที่ไม่ได้มีผลกระทบโดยตรงต่อค่าจ้าง
(1) ต้นทุนค่าครองชีพ
(2) อัตราเงินเฟ้อ
(3) อัตราค่าจ้างทั่วไป
(4) ค่าแรงขั้นต่ำ
(5) ราคาน้ำมันในตลาดโลก
ตอบ 5 หน้า 143 – 147, (คำบรรยาย) ปัจจัยที่มีผลกระทบโดยตรงต่อค่าจ้างเงินเดือน ได้แก่ สภาพตลาดแรงงาน อัตราค่าจ้างทั่วไป ค่าแรงขั้นต่ำ ต้นทุนค่าครองชีพ อัตราเงินเฟ้อ ความสามารถของการจ่าย อำนาจการต่อรอง และค่าของงานเปรียบเทียบ
56. ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับค่าตอบแทน
(1) สิ่งที่ได้จากการทำงาน
(2) สิ่งที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้าง
(3) ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร
(4) ถูกทุกข้อ
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 4 หน้า 135 – 136 ค่าตอบแทน หมายถึง
1 สิ่งที่ได้จากการทำงาน
2 สิ่งที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้าง
3 ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร รวมถึงค่าจ้าง เงินเดือน และรางวัลตอบแทนอื่น ๆ นอกเหนือจากค่าจ้างเงินเดือน
57. ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยที่ใช้ในการประเมินเพื่อเลื่อนระดับ
(1) ผลงานในช่วงเวลาที่ผ่านมา
(2) ความสามารถรับผิดชอบตำแหน่งที่สูงขึ้น
(3) ความมีวุฒิภาวะ
(4) ระดับการศึกษา
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 5 หน้า 157, (คำบรรยาย) ปัจจัยที่ใช้ในการประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อเลื่อนระดับตำแหน่ง มีดังนี้
1. ระดับการศึกษา
2. ผลงานในช่วงเวลาที่ผ่านมา
3. ศักยภาพหรือความสามารถ ที่จะรับผิดชอบงานในตำแหน่งที่สูงขึ้น
4. ความมีวุฒิภาวะ ฯลฯ
58. ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าครองชีพซึ่งต้องนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจในการกำหนดเงินเดือน
(1) ราคาเชื้อเพลิง
(2) ราคาสินค้า
(3) อัตราดอกเบี้ย
(4) อัตราแลกเปลี่ยน
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 4 (คำบรรยาย) ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าครองชีพซึ่งต้องนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจในการกำหนดค่าจ้างเงินเดือน ได้แก่ ราคาสินค้า ราคาเชื้อเพลิง อัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ เป็นต้น
59. ข้อใดไม่ใช่จุดมุ่งหมายของการศึกษาการบริหารค่าจ้างเงินเดือน
(1) ศึกษาหลักการและวิธีการประเมินค่าจ้างเพื่อความเป็นธรรม
(2) โครงสร้างเงินเดือนสามารถจูงใจให้บุคลากรปฏิบัติงานเต็มความสามารถ
(3) เพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น
(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก
(5) ข้อ 1 และ 3 ถูก
ตอบ 3 หน้า 141 จุดมุ่งหมายของการศึกษาการบริหารค่าจ้างเงินเดือน มีดังนี้
1 ศึกษาหลักการและวิธีการประเมินค่าจ้างเพื่อความเป็นธรรมในการจ่ายค่าตอบแทน
2 หลักการออกแบบโครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในองค์การได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3 โครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนสามารถจูงใจให้บุคลากรปฏิบัติงานเต็มความสามารถ
60. ข้อใดต่อไปนี้ที่เป็นปัจจัยจูงใจ (Motivation Factors)
(1) ค่าเดินทาง
(2) เงื่อนไขการทํางาน
(3) สวัสดิการค่ารักษาพยาบาล
(4) ค่าตอบแทนพิเศษตามผลงาน
(5) ค่าอุปกรณ์ที่ใช้ในการทํางานจากที่บ้าน (Work from Home)
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 53. ประกอบ
61. ข้อใดหมายถึงการกําหนดเงินเดือนตามหลักความพอเพียง
(1) ลูกจ้างสามารถเปรียบเทียบค่าจ้างตนเองกับพนักงานขององค์การอื่นที่ปฏิบัติงานในลักษณะเดียวกันได้
(2) ลูกจ้างสามารถใช้ชีวิตได้อย่างที่ต้องการ
(3) ค่าตอบแทนที่ได้ควรจ่ายทุก 15 วัน
(4) ค่าตอบแทนควรสะท้อนสภาวะเศรษฐกิจ
(5) ค่าตอบแทนควรเป็นอัตราตายตัว
ตอบ 4 หน้า 141, (คําบรรยาย) การกําหนดเงินเดือนตามหลักความพอเพียง (Adequacy) หมายถึง เงินเดือนหรือค่าตอบแทนที่ลูกจ้างจะได้รับควรจะเพียงพอแก่การดํารงชีวิตอย่างเหมาะสมหรือ สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ตามสมควร ซึ่งการกําหนดอัตราเงินเดือนหรือค่าตอบแทนที่เหมาะสม ควรจะสอดคล้องกับอัตราค่าจ้างขั้นต่ํา ค่าครองชีพ และสะท้อนสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
62. ข้อใดคือกระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์
(1) Recruit, Reused, Return
(2) Recruit, Reused, Recycle
(3) Recruit, Retain, Return
(4) Recall, Retain, Retire
(5) Recruit, Retain, Retire
ตอบ 5 (คําบรรยาย) ขอบเขต/กระบวนการของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ประกอบด้วย 3 R คือ
1 Recruit คือ การสรรหาคัดเลือกบุคคล
2 Retain คือ การรักษาคนไว้ในองค์การ
3 Retire คือ การเลิกจ้าง
63. หน่วยงานใดเป็นหน่วยงานกลางในการสรรหาและคัดเลือกข้าราชการพลเรือนของไทย
(1) สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
(2) สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน
(3) สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร
(4) สํานักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน
(5) สํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ตอบ 2 หน้า 16 สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เป็นหน่วยงานกลางที่ทําหน้าที่ ดูแลให้การดําเนินการด้านการบริหารงานบุคคลของข้าราชการพลเรือนในกระทรวง กรมต่าง ๆ เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน นับตั้งแต่การกําหนดตําแหน่งและอัตรา เงินเดือน การสรรหาและคัดเลือก การแต่งตั้งโยกย้าย การเลื่อนตําแหน่งและอัตราเงินเดือน ไปจนถึงการดําเนินการทางวินัย การออกจากราชการ และเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
64. การประเมินค่างานต้องใช้ข้อมูลจากแหล่งใด
(1) คุณสมบัติตําแหน่ง (Job Specification)
(2) ใบพรรณนาหน้าที่งาน (Job Description)
(3) การวิเคราะห์งาน (Job Analysis)
(4) ถูกเฉพาะข้อ 2 และ 3
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 75), (คําบรรยาย) การประเมินค่างาน หมายถึง กระบวนการ วิเคราะห์เพื่อตีค่าความยากง่ายของงาน หรือเป็นกระบวนการวิเคราะห์ ตีค่างาน ประเมินหรือ เปรียบเทียบคุณค่าของงานต่าง ๆ ในองค์การ เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างงานหรือประสิทธิภาพ ในงานกับค่าตอบแทนที่ควรจะจ่าย หรือเป็นการประเมินคุณค่าว่างานใดควรได้ค่าตอบแทนเท่าใด
ซึ่งแหล่งข้อมูลที่ใช้ในการประเมินค่างาน ได้แก่ การวิเคราะห์งาน (Job Analysis) ใบพรรณนา หน้าที่งาน (Job Description) คุณสมบัติตําแหน่ง (Job Specification) และประเภทของตําแหน่งต่าง ๆ ในองค์การ
65. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับการประเมินค่างาน
(1) การตีค่างาน ประสิทธิภาพในงาน กับค่าตอบแทนที่ควรจะจ่าย
(2) การประเมินคุณค่าของงานเทียบกับค่าตอบแทนที่ควรจะจ่าย
(3) การประเมินคุณค่าว่างานใดควรได้ค่าตอบแทนเท่าใด
(4) ถูกเฉพาะข้อ 2 และ 3
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 ดูคำอธิบายข้อ 64. ประกอบ
66. ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยในการประเมินค่างานในแต่ละระดับงาน
(1) ความรู้ความสามารถ
(2) ทักษะ
(3) รูปร่างหน้าตา
(4) สภาพการทำงาน
(5) ความรับผิดชอบ
ตอบ 3 หน้า 187 ปัจจัยในการประเมินค่างานในแต่ละระดับงาน ได้แก่ ความรู้ความสามารถ ทักษะ ความรับผิดชอบ ความสามารถในการแก้ปัญหา สภาพการทำงาน ความสมบูรณ์ของร่างกาย เป็นต้น
67. พนักงานลูกค้าสัมพันธ์กับพนักงานต้อนรับรายได้ต่างกันเพราะ
(1) การตีค่างานขึ้นอยู่กับรายได้หรือผลกำไรของหน่วยงาน
(2) การตีค่างานขึ้นอยู่กับชื่อเสียงของหน่วยงาน
(3) การตีค่างานขึ้นอยู่กับความสำคัญของตำแหน่งงานนั้นในองค์การ
(4) การตีค่างานขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ปฏิบัติงาน
(5) การตีค่างานขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของนายจ้าง
ตอบ 3 (คำบรรยาย) สาเหตุที่ตำแหน่งพนักงานลูกค้าสัมพันธ์กับพนักงานต้อนรับมีรายได้หรือเงินเดือนที่แตกต่างกันเป็นเพราะการตีค่างานขึ้นอยู่กับความสำคัญของตำแหน่งงานนั้นในองค์การ
68. อะไรไม่ใช่ปัจจัยผลักดันให้พนักงานออกจากงาน
(1) ระบบการบริหารแบบครอบครัว
(2) ระบบสวัสดิการ
(3) ค่าตอบแทนที่ต่ำกว่าตลาด
(4) การเติบโตของเศรษฐกิจ
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 4 หน้า 176 สาเหตุที่อัตราเข้าออกจากงานของพนักงานสูง มี 2 ประการ คือ
1 ปัจจัยดึงดูด ได้แก่ การเติบโตของเศรษฐกิจ
2 ปัจจัยผลักดัน ได้แก่ ระบบการบริหารแบบครอบครัว การเล่นพรรคเล่นพวก ค่าตอบแทนที่ต่ำกว่าตลาด ระบบสวัสดิการที่ไม่ดี การไม่เปิดโอกาสให้พนักงานได้แสดงความคิดเห็นสร้างสรรค์ เป็นต้น
69. ข้อใดกล่าวได้ถูกต้องเกี่ยวกับโครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนแบบ Broadbanding
(1) ได้รับอิทธิพลจากแนวคิดของ Adam Smith
(2) เน้นความชำนาญตามตำแหน่งหน้าที่
(3) เป็นการยุบรวมตำแหน่งที่ลักษณะงานใกล้เคียงกันไว้กลุ่มเดียวกัน
(4) ไม่มีข้อใดถูก
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 หน้า 213, 215 โครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนแบบ Broadbanding เป็นการจัดทําโครงสร้าง ค่าจ้างเงินเดือนที่ได้รับอิทธิพลมาจากแนวคิดการแบ่งงานกันทําตามแนวคิดของ Adam Smith และการเน้นความชํานาญตามตําแหน่งหน้าที่ตามแนวคิดของ Frederick W. Taylor นอกจากนี้ยังเป็นการพัฒนาต่อจากฐานความคิดและหลักการจัดทําโครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนแบบเดิม กล่าวคือ การยุบรวมระดับตําแหน่งที่ลักษณะงานใกล้เคียงกันเป็นกลุ่มเดียวกัน
70 ข้อใดเป็นข้อเสียของโครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนแบบ Broadbanding
(1) สนับสนุนการหมุนเวียนเปลี่ยนงาน (Job Rotation)
(2) ยืดหยุ่นสูง
(3) ไม่เหมาะสมกับองค์การที่มีลักษณะงานแตกต่างกันมาก
(4) ส่งเสริมการทํางานเป็นกลุ่ม
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 3 หน้า 227 – 228 ข้อเสียของโครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนแบบ Broadbanding มีดังนี้
1 ใช้งบประมาณมากในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนจากแบบเดิมมาเป็นแบบ Broadbanding
2 ไม่เหมาะสมกับองค์การที่มีลักษณะงานที่แตกต่างกันจํานวนมาก
3 ยากต่อการเปรียบเทียบค่าจ้างเงินเดือนในตลาด
4 ไม่เหมาะสมกับสังคมการทํางานที่พนักงานมีความสามารถแตกต่างกันมาก
5 ไม่เหมาะสมกับองค์การที่ไม่ชอบการเรียนรู้พัฒนาด้วยตนเอง ฯลฯ
71 ข้อใดไม่ใช่วัตถุประสงค์ของการประเมินผลการปฏิบัติงาน
(1) เพื่อแต่งตั้งบุคคลเข้าปฏิบัติงาน
(2) เพื่อพิจารณาความดีความชอบ
(3) เพื่อจัดสวัสดิการที่เหมาะสม
(4) เพื่อวางแผนเลิกจ้างพนักงาน
(5) เพื่อการเลื่อนตําแหน่ง
ตอบ 4 หน้า 239 – 240, 247 – 248, (คําบรรยาย) การประเมินผลการปฏิบัติงานมีเหตุผลหรือวัตถุประสงค์ดังนี้
1 เพื่อเป็นเครื่องมือประกอบในการพิจารณาเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลในด้านต่าง เช่น การแต่งตั้งบุคคลเข้าปฏิบัติงาน การเลื่อนตําแหน่ง การพิจารณาความดีความชอบ การจัดสวัสดิการที่เหมาะสม เป็นต้น
2 เพื่อเป็นการจัดสรรทรัพยากรขององค์การให้พนักงานอย่างเป็นธรรม
3 เพื่อการสร้างแรงจูงใจและให้รางวัลแก่พนักงาน
4 เพื่อรักษาความเป็นธรรมภายใน
5 เพื่อให้การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในองค์การเป็นไปตามหลักคุณธรรม
6 เพื่อเป็นเครื่องมือบังคับทางอ้อมให้พนักงานรักษาวินัย ระเบียบขององค์การ
7 เพื่อให้พนักงานได้ทราบถึงความรู้ความสามารถของตนเองในสายตาของผู้บังคับบัญชา
8 เพื่อเป็นการทดสอบความยุติธรรมของผู้บังคับบัญชา ฯลฯ
72 ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับผู้ประเมินผลการปฏิบัติงาน
(1) เป็นผู้บังคับบัญชาใกล้ชิด
(2) ได้รับการอบรมก่อนประเมิน
(3) ทราบวัตถุประสงค์การประเมิน
(4) ไม่มีข้อใดถูก
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 5 หน้า 242 ผู้ประเมินผลการปฏิบัติงาน โดยปกติจะได้แก่ผู้บังคับบัญชาที่ใกล้ชิดของผู้ที่จะถูก ประเมิน โดยผู้บังคับบัญชาที่จะทําการประเมินต้องมีความรู้ความเข้าใจหรือได้รับการอบรม หรือชี้แจงก่อนประเมิน เพื่อให้ทราบถึงนโยบาย วัตถุประสงค์ หลักการ และเทคนิคในการ ประเมินตามแบฟอร์มและลักษณะงานที่กําหนดเป็นมาตรฐานไว้
73 กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์เริ่มต้นที่เรื่องใด
(1) Retain
(2) Recruit
(3) Reused
(4) Retire
(5) Return
ตอบ 2 ดูคําอธิบายข้อ 62. ประกอบ
74 “อัตราการลาออกลดลง” เป็นเป้าหมายของเรื่องใด
(1) การจูงใจ
(2) การประเมินค่างาน
(3) การรักษาคนไว้ในองค์การ
(4) การสรรหา
(5) การเลื่อนตําแหน่ง
ตอบ 3 ดูคําอธิบายข้อ 32. ประกอบ
75 ข้อใดไม่ใช่วัตถุประสงค์ของการประเมินผลการปฏิบัติงาน
(1) ตอบสนองความต้องการของพนักงาน
(2) ให้พนักงานรู้ถึงความรู้ความสามารถของตนเอง
(3) ทดสอบความยุติธรรมของผู้บังคับบัญชา
(4) รักษาความเป็นธรรมภายนอก
(5) เป็นเครื่องมือให้พนักงานรักษาวินัย ระเบียบขององค์การ
ตอบ 4 ดูคําอธิบายข้อ 71. ประกอบ
76 ตัวเลือกข้อใดใช้การกําหนดค่าจ้างเงินเดือนสอดคล้องกับงานวิชาชีพ
(1) ข้าราชการพลเรือน
(2) ข้าราชการกลาโหม
(3) ข้าราชการฝ่ายตุลาการ
(4) พนักงานองค์กรอิสระ
(5) พนักงานองค์การมหาชน
ตอบ 3 หน้า 229 – 231 ข้าราชการฝ่ายตุลาการจะใช้โครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนแบบค่าเดียว ซึ่งเป็นโครงสร้างค่าจ้างเงินเดือนที่สอดคล้องกับงานวิชาชีพ
77 ข้อใดกล่าวได้ถูกต้อง
(1) ผู้ที่เพิ่งสําเร็จการศึกษาจะยังไม่ได้รับค่าจ้างจนกว่าจะมีประสบการณ์
(2) ผู้ที่เพิ่งสําเร็จการศึกษาจะจ้างตามวุฒิการศึกษา
(3) ผู้ที่ทํางานมานานจะไม่ได้รับการปรับเพิ่มค่าจ้าง
(4) ผู้ที่มีประสบการณ์ตรงจะได้รับค่าจ้างในอัตราต่ำสุด
(5) ค่าจ้างควรกําหนดเป็น Flat Rate
ตอบ 2 หน้า 234 เกณฑ์การพิจารณากําหนดค่าจ้างเงินเดือนของผู้สมัคร มีดังนี้
1. ผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ในการทํางานหรือเพิ่งจบการศึกษาใหม่จ้างตามวุฒิการศึกษา
2. ผู้ที่มีประสบการณ์ตรงอาจปรับให้เพิ่มจากอัตราค่าจ้างขั้นต่ําสุดของระดับงานที่จะบรรจุ ร้อยละ 5 ต่อปี
3. ผู้มีประสบการณ์ตรงบ้างไม่ตรงบ้างอาจปรับให้เพิ่มจากอัตราค่าจ้างต่ําสุดของระดับงาน ที่จะบรรจุร้อยละ 3 ต่อปี
4. ผู้ที่ไม่มีประสบการณ์เลยให้ว่าจ้างตามค่าจ้างขั้นต่ําสุดของระดับงานนั้น ฯลฯ
78 ข้อใดไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นในการประเมินผลการปฏิบัติงาน
(1) ผู้บังคับบัญชาแต่ละคนอาจมีมาตรฐานต่างกัน
(2) อคติของผู้บังคับบัญชา
(3) ผู้ประเมินขาดความเข้าใจระบบประเมินผลการปฏิบัติงาน
(4) การให้เพื่อนร่วมงานและลูกค้ามีส่วนร่วมประเมิน
(5) ผู้บังคับบัญชาใช้การประเมินเพื่อกลั่นแกล้ง
ตอบ 4 หน้า 262 – 263 ปัญหาที่เกิดขึ้นในการประเมินผลการปฏิบัติงาน มีดังนี้
1 ความลําเอียงหรืออคติของผู้บังคับบัญชาหรือผู้ประเมิน
2 ผู้บังคับบัญชาหรือผู้ประเมินแต่ละคนอาจมีมาตรฐานต่างกัน
3 ผู้ประเมินขาดความเข้าใจระบบประเมินผลการปฏิบัติงาน
4 ผู้บังคับบัญชาใช้การประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อกลั่นแกล้งผู้ใต้บังคับบัญชา
5. ผู้ประเมินมีบทสรุปของการประเมินผลการปฏิบัติงานไว้ล่วงหน้า ฯลฯ
79. ข้อใดไม่ใช่เหตุผลของการเลื่อนระดับ
(1) สอดคล้องกับเงื่อนไขการจ้าง
(2) เป็นไปตามเงื่อนไขการรับทุน
(3) เพื่อวางแผนพัฒนาเส้นทางอาชีพ
(4) เพื่อผลสัมฤทธิ์ขององค์การ
(5) เพื่อให้หน่วยงานได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่ม
ตอบ 5 หน้า 265 – 266, (คําบรรยาย) เหตุผลของการเลื่อนระดับตําแหน่ง มีดังนี้
1 สอดคล้องกับเงื่อนไขการจ้าง
2 เป็นไปตามเงื่อนไขการรับทุนการศึกษา
3 เพื่อวางแผนพัฒนาเส้นทางอาชีพ
4 เพื่อผลสัมฤทธิ์ขององค์การ
5 มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ฯลฯ
80. ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับระบบไตรภาคี
(1) นายจ้าง
(2) ลูกจ้าง
(3) รัฐบาล
(4) NGO
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 4 หน้า 279 ระบบไตรภาคี ประกอบด้วยตัวแทน 3 ฝ่าย คือ รัฐบาล นายจ้าง และลูกจ้าง โดยระบบไตรภาคีจะเป็นกลไกให้ตัวแทนสามฝ่ายในการพิจารณาเกี่ยวกับผลประโยชน์ร่วมกัน ทําให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันและกันในด้านต่าง ๆ เช่น การปรึกษาหารือ การเจรจาต่อรอง การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การตัดสินใจต่าง ๆ ร่วมกัน
ตั้งแต่ข้อ 81 – 85. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคําถาม
(1) หลักการจ่ายค่าตอบแทนตามปริมาณงาน
(2) หลักการจ้างงานตลอดชีพ
(3) หลักการตอบสนองความต้องการ 5 ขั้น
(4) หลักมนุษยสัมพันธ์
(5) หลักการบริหารของผู้บริหาร 14 ประการ
81. ข้อใดจัดเป็นการบริหารงานบุคคลที่สอดคล้องกับหลักการของ Frederick W. Taylor
ตอบ 1 หน้า 39 – 40 Frederick W. Taylor ได้เสนอหลักการจ่ายค่าตอบแทนตามปริมาณงาน หรือแบบรายชิ้น เพราะเชื่อว่าเป็นวิธีจูงใจคนทํางานได้ดีที่สุด เพราะคนงานชอบเงินที่มากขึ้น ขณะเดียวกันนายจ้างก็ได้ผลผลิตมากขึ้นไปด้วย
82. ข้อใดจัดเป็นการบริหารงานบุคคลที่สอดคล้องกับหลักการของ Max Weber
ตอบ 2 (คําบรรยาย) Max Weber ได้เสนอทฤษฎีระบบราชการ (Bureaucracy) ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1 การมีแบบฟอร์มที่เป็นระเบียบเดียวกัน
2 การมีเครื่องหมาย เครื่องแบบ หรือสีสัญลักษณ์ขององค์การ
3 การจําแนกตําแหน่งตามชั้นยศทางวิชาการ
4 การยึดกฎหมาย กฎระเบียบ วินัย และข้อบังคับในการปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด
5. การมีลําดับชั้นการบังคับบัญชา ลําดับชั้นยศ และลําดับความรับผิดชอบ
6 การยึดหลักการจ้างงานตลอดชีพ โดยให้การรับราชการเป็นอาชีพที่มั่นคง มีผลตอบแทน ด้านการเงินแน่นอน เมื่อปลดเกษียณแล้วก็จะได้รับบําเหน็จหรือบํานาญ ฯลฯ
83 ข้อใดจัดเป็นการบริหารงานบุคคลที่สอดคล้องกับหลักการของ Henri Fayol
ตอบ 5 (คำบรรยาย) Henri Fayol เสนอหลักการบริหารของผู้บริหาร 14 ประการ ประกอบด้วย
1 การแบ่งงานกันทำ
2 อำนาจและความรับผิดชอบ
3 ความมีวินัย
4 เอกภาพของการบังคับบัญชา
5 เอกภาพของการอำนวยการ
6 การให้รางวัลตอบแทนแก่บุคลากร
7 ความมั่นคงของคนทำงาน
8 ความรัก/ความสามัคคีของหมู่คณะ ฯลฯ
84 ข้อใดจัดเป็นการบริหารงานบุคคลที่สอดคล้องกับหลักการของ Elton Mayo
ตอบ 4 (คำบรรยาย) George Elton Mayo เป็นบิดาของการบริหารงานแบบมนุษยสัมพันธ์ ได้เสนอ หลักการบริหารภายใต้ปทัสถานกลุ่ม โดยเห็นว่ากลุ่มนั้นเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการกำหนด ปริมาณผลผลิตของคนงานในองค์การ ไม่ใช่ปัจจัยด้านกายภาพและพฤติกรรมของคนงาน
85 ข้อใดจัดเป็นการบริหารงานบุคคลที่สอดคล้องกับหลักการของ Abraham H. Maslow
ตอบ 3 หน้า 46 – 47, (คำบรรยาย) Abraham H. Maslow ได้เสนอหลักการตอบสนองความ ต้องการ 5 ขั้น โดยเห็นว่า ความต้องการของบุคคลจะเรียงเป็นลำดับขั้นตอนตามความสำคัญ เมื่อความต้องการระดับต่ำได้รับการตอบสนองแล้ว บุคคลจะให้ความสนใจกับความต้องการ ระดับสูงต่อไป ซึ่งความต้องการของบุคคลมี 5 ขั้น ดังนี้
1 ความต้องการทางกายภาพ
2 ความต้องการความมั่นคงปลอดภัย
3 ความต้องการความรักหรือทางสังคม
4 ความต้องการยกย่องหรือยอมรับ
5 ความต้องการความสำเร็จด้วยตนเอง
ตั้งแต่ข้อ 86. – 90. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม
(1) ความต้องการทางกายภาพ (Basic Physiological Needs)
(2) ความต้องการความมั่นคงปลอดภัย (Security Needs)
(3) ความต้องการทางสังคม (Social Needs)
(4) ความต้องการการยอมรับ (Esteem Needs)
(5) ความต้องการประจักษ์ตน (Self-Actualization Needs)
86 ข้าราชการได้รับรางวัลครุฑทองคำ
ตอบ 4 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 150), (คำบรรยาย) ความต้องการการยกย่องหรือยอมรับ (Esteem Needs) เป็นความต้องการให้คนอื่นยกย่อง ให้เกียรติ และเห็นความสำคัญ เช่น การได้รับการสนับสนุนให้เป็นหัวหน้าห้องจากเพื่อน ๆ การได้รับรางวัลครุฑทองคำ เป็นต้น
87 หลังจากที่นายเศรษฐีประสบความสำเร็จในทางธุรกิจแล้วก็เสนอตัวเข้ารับการเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ตอบ 5 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 150), (คำบรรยาย) ความต้องการความสำเร็จด้วยตนเองหรือ ความต้องการประจักษ์ตน (Self-Actualization Needs) เป็นความต้องการทำในสิ่งที่ตนสามารถ จะทำได้ เป็นการสนองต่อความพอใจของตนเอง ความต้องการนี้เพื่อกระทำในสิ่งที่เหมาะสม กับตนเองของมนุษย์แต่ละคนและเป็นความต้องการเพื่อการบรรลุสมความปรารถนาของตนเอง ให้ตนเองได้กระทำในสิ่งที่ตนเองมีศักยภาพพอที่จะทำได้ เช่น หลังจากที่นายเศรษฐีประสบ ความสำเร็จในทางธุรกิจแล้วก็เสนอตัวเข้ารับการเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ฯลฯ
88 มหาวิทยาลัยรามคําแหงมีการจ่ายเงินค่าล่วงเวลาให้กับบุคลากร
ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 150), (คําบรรยาย) ความต้องการทางกายภาพ (Basic Physiological Needs) เป็นความต้องการขั้นพื้นฐานเพื่อความมีชีวิตอยู่รอด เช่น ความต้องการ อาหาร น้ำ อากาศ อุณหภูมิที่เหมาะสม การพักผ่อน ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค เงิน เป็นต้น
89 บุคลากรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จัดตั้งชมรมราศีสิงห์เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคลากร ที่เกิดในราศีเดียวกัน
ตอบ 3 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 150), (คําบรรยาย) ความต้องการความรักหรือความต้องการ ทางสังคม (Love Needs หรือ Social Needs) เป็นความต้องการได้รับความรักและมีส่วนร่วม ในการเข้าหมู่เข้าพวก เช่น บุคลากรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จัดตั้งชมรมราศีสิงห์เพื่อ สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคลากรที่เกิดในราศีเดียวกัน เป็นต้น
90 พนักงานบริษัทส่งอาหารทุกคนจะได้รับกรมธรรม์ประกันชีวิต
ตอบ 2 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 150), (คําบรรยาย) ความต้องการความมั่นคงปลอดภัย (Security Needs) เป็นความต้องการความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และมีความมั่นคง ในการดํารงอยู่ เช่น การไม่ถูกไล่ออกจากงาน การได้รับกรมธรรม์ประกันชีวิต เป็นต้น
91 การฝึกอบรม หมายถึงข้อใด
(1) วิธีในการเพิ่มสมรรถภาพในการทํางาน
(2) วิธีสร้างแรงจูงใจในการทํางาน
(3) วิธีการลดขั้นตอนการทํางาน
(4) วิธีการรักษาบุคลากร
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 1 (เอกสารประกอบการสอน หน้า 120) การฝึกอบรม คือ กรรมวิธีในการเพิ่มสมรรถภาพ ในการทํางานทั้งในด้านความคิด การกระทํา ความสามารถ ความรู้ ความชํานาญ และ การแสดงออก
92 ข้อใดไม่ใช่วัตถุประสงค์ของแรงงานสัมพันธ์
(1) ส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง
(2) ระงับข้อพิพาท
(3) ป้องกันไม่ให้เกิดการกระทําที่ไม่เป็นธรรม
(4) เพื่อสร้างความได้เปรียบแก่ลูกจ้าง
(5) เพื่อรักษาความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจและสังคม
ตอบ 4 หน้า 283 – 284 วัตถุประสงค์ของแรงงานสัมพันธ์ มีดังนี้
1 การระงับข้อพิพาท
2 การรักษาความเป็นธรรมในด้านสังคมและเศรษฐกิจ
3 การส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง
4 การให้ความคุ้มครองแก่นายจ้างและลูกจ้าง และป้องกันไม่ให้เกิดการกระทําที่ไม่เป็นธรรม
93 ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับองค์การที่ไม่มีสหภาพแรงงาน
(1) พนักงานจะถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้าง
(2) มีกลไกการเจรจาต่อรองระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง
(3) ใช้การสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน
(4) จะไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ 3 หน้า 284, 290, (คําบรรยาย) ในองค์การที่ไม่มีสหภาพแรงงานและลูกจ้างทั่วไปก็ไม่ได้สนใจ กลไกการเจรจาต่อรองตามกฎหมายแรงงานสัมพันธ์ และนายจ้างก็ไม่ได้พึงปรารถนาให้ลูกจ้าง จัดตั้งสหภาพแรงงาน กระบวนการสร้างความสัมพันธ์ ความร่วมมือระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างนั้น
จะใช้การสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน
94. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับแรงงานสัมพันธ์แบบทวิภาคี
(1) เป็นความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงานด้วยกันเอง
(2) เป็นความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างด้วยกันเอง
(3) เป็นความสัมพันธ์ระหว่างลูกจ้างกับที่ปรึกษากฎหมาย
(4) เป็นความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับรัฐ
(5) เป็นความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง
ตอบ 5 หน้า 286, (คำบรรยาย) แรงงานสัมพันธ์แบบทวิภาคี เป็นความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง โดยไม่มีคนกลางเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งแตกต่างต่างจากแรงงานสัมพันธ์แบบไตรภาคี ซึ่งจะมีคนกลางหรือรัฐบาลเข้ามามีบทบาทในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง
95. ข้อใดเป็นกรณีที่สามารถเกิดขึ้นได้หากเกิดข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้
(1) ลูกจ้างนัดหยุดงาน
(2) นายจ้างปิดงาน
(3) ลูกจ้างถูกให้ออก
(4) ข้อ 1 และ 2 ถูก
(5) ข้อ 2 และ 3 ถูก
ตอบ 4 หน้า 299 หากเกิดข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้ นายจ้างและลูกจ้างอาจดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด ดังนี้ 1. ตกลงกันทั้งผู้ชี้ขาดข้อพิพาทแรงงานโดยสมัครใจ 2. นายจ้าง ปิดงาน 3. ลูกจ้างนัดหยุดงาน ทั้งนี้นายจ้างจะปิดงานหรือลูกจ้างจะนัดหยุดงานได้ก็ต่อเมื่อ ต้องมีหนังสือแจ้งเจ้าหน้าที่และอีกฝ่ายหนึ่งทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
96. ข้อใดต่อไปนี้กล่าวได้ถูกต้อง
(1) หากนายจ้างจะปิดงานจะต้องทำหนังสือแจ้งให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
(2) หากลูกจ้างจะนัดหยุดงานต้องมีหนังสือแจ้งให้นายจ้างทราบอย่างน้อย 48 ชั่วโมง
(3) การปิดงานจะต้องทำหนังสือแจ้งให้กระทรวงแรงงานทราบไม่น้อยกว่า 3 วัน
(4) ถูกทุกข้อ
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 95. ประกอบ
97. กิจการใดต่อไปนี้ห้ามไม่ให้นายจ้างปิดงาน และห้ามลูกจ้างนัดหยุดงาน
(1) การรถไฟ
(2) งานประกันชีวิต
(3) สถาบันการศึกษา
(4) ร้านอาหาร
(5) ห้างสรรพสินค้า
ตอบ 1 หน้า 299, (คำบรรยาย) กิจการที่ห้ามไม่ให้นายจ้างปิดงาน และห้ามลูกจ้างนัดหยุดงาน ได้แก่ การรถไฟ ท่าเรือ ไฟฟ้า ประปา โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล การกลั่นหรือจำหน่ายน้ำมันหรือไฟฟ้า เป็นต้น
98. ข้อใดจัดเป็นสหภาพแรงงานอุตสาหกรรม
(1) สหภาพแรงงานบริษัทเทสล่า
(2) สหภาพแรงงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิต
(3) สหภาพแรงงานการบินไทย
(4) สหภาพแรงงานข้าราชการกระทรวงอุตสาหกรรม
(5) สหภาพแรงงานอุตสาหกรรมรถยนต์แห่งประเทศไทย
ตอบ 5 หน้า 294 – 295, (คำบรรยาย) สหภาพแรงงานอุตสาหกรรม (Industrial Union) คือ สหภาพที่ลูกจ้างซึ่งทำงานในอุตสาหกรรมเดียวกันไม่ว่าจะทำงานประเภทใด หรือเป็นลูกจ้าง ฯ ของบริษัทใด ๆ ร่วมกันจัดตั้งขึ้น เช่น สหภาพแรงงานอุตสาหกรรมกระดาษ สหภาพแรงงานอุตสาหกรรมรถยนต์แห่งประเทศไทย เป็นต้น
99 ข้อใดคือความหมายของ “ระบบทรราชในโรงงาน” (Factory Despotism)
(1) ลูกจ้างลุกขึ้นจับอาวุธสู้กับนายจ้างที่เอารัดเอาเปรียบ
(2) ระบบที่นายจ้างมีอำนาจสูงสุด และลูกจ้างไม่มีทางเลือกใด ๆ ต้องจำยอมถูกกดขี่
(3) นายจ้างประกาศเลิกจ้างพนักงานที่เข้าเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน
(4) ระบบการจ่ายค่าตอบแทนที่ไม่เป็นไปตามประกาศค่าแรงขั้นต่ำ
(5) ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ 2 หน้า 276, (คำบรรยาย) ระบบทรราชในโรงงาน (Factory Despotism) คือ ระบบที่นายจ้างมีอำนาจสูงสุด และลูกจ้างไม่มีทางเลือกใด ๆ ต้องจำยอมถูกกดขี่ ดังที่ Friedrich Engles ได้กล่าวว่า “ระบบทรราชในโรงงาน คือ ระบบที่ชีวิตของคนงาน ลูกจ้างต้องรับต่อนกหวีดหรือสัญญาณเริ่มทำงานของนายจ้างตลอดเวลา…. ในโรงงานแต่ละแห่งเจ้าของโรงงานมีสถานะเป็นผู้บัญญัติกฎหมายที่มีอำนาจสูงสุดโดยเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียว เขาสามารถออกกฎเกณฑ์ต่าง ๆ มาบังคับลูกจ้างได้ตามอำเภอใจของเขา… แม้ว่านายจ้างจะออกกฎเกณฑ์ในการทำงานที่แสนจะพิลึกที่สุด ศาลก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากจะบอกแก่ลูกจ้างว่าในเมื่อลูกจ้างได้ตกลงทำสัญญายอมเป็นลูกจ้างด้วยความสมัครใจของลูกจ้างเองแล้ว ลูกจ้างก็มีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตามสัญญา ลูกจ้างเหล่านี้จึงมีสภาพไม่ต่างไปจากการถูกพิพากษาลงโทษตลอดชีวิตแล้วถูกนายจ้างทำโทษจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตลูกจ้าง”
100 ผู้ใดมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้เกิดการคุ้มครองแรงงานในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม
(1) Robert Owen
(2) Frederick W. Taylor
(3) Gordon Brown
(4) Max Weber
(5) John Wick
ตอบ 1 หน้า 277, (คำบรรยาย) โรเบิร์ต โอเวน (Robert Owen) เป็นนายจ้างคนแรกที่ให้ความสำคัญต่อผู้ใช้แรงงานโดยการเสนอแนวคิดว่า ในขณะที่นายจ้างใช้เงินทุนเป็นจำนวนมากเพื่อซื้อ รักษาเครื่องจักรและโรงงาน ก็ควรจะให้ความสนใจต่อการพัฒนาปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงานของผู้ใช้แรงงานให้เหมาะสม หรือให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพของผู้ใช้แรงงาน ซึ่งแนวคิดนี้ได้มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้มีการออกกฎหมายมาคุ้มครองผู้ใช้แรงงานในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม