MCS3181 การพูดสำหรับผู้นำ เตรียมสอบ 2557 ชุดที่3

1.         คุณช่วยทำงานชิ้นนี้ให้ผม สิ้นปีผมให้เงินเดือนขึ้น 2 ขั้นแน่นอน” ข้อความนี้เป็นการบังคับบัญชาแบบใด

Advertisement

1)         แบบใช้อำนาจอัตถประโยชน์บังคับ

2)         แบบใช้อำนาจประเพณีบังคับ

3)         แบบใช้อำนาจรางวัล

4)         แบบใช้บารมีและสินน้ำใจ

ตอบ 1. ผู้นำแบบใช้อำนาจอัตถประโยชน์บังคับ มักจะมีลักษณะในการบังคับบัญชาโดยใช้สิ่งล่อใจให้ปฏิบัติตาม ซึ่งอาจให้สินจ้างรางวัลแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อให้ปฏิบัติตามประสงค์ ทั้งนี้รวมถึงการให้ตำแหน่งหน้าที่หรือ ความดีความชอบเป็นเครื่องล่อใจ

2.         ผู้นำแบบที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด คือข้อใด

1)         แบบนักบริหาร 

2) แบบทำงานตามคำสั่งอย่างเดียว

3) แบบนักพัฒนา        

4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4. ผู้นำแบบที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดได้แก่ 1. แบบผู้ที่ทำงานตามคำสั่งอย่างเดียว (Bureaucrat) 2. แบบนักพัฒนา (Developed) 3. แบบผู้เผด็จการที่มีศิลปะ (Benevolent Autocrat) 4.แบบนักบริหาร (Executive)

3.         จากเอกสารอ่านประกอบเรื่อง หลักราชการ” ลักษณะการบังคับบัญชาบ่าวไทยเป็นอย่างไร

1)         ใช้อำนาจบังคับ           2) นายเป็นนาย บ่าวต้องเป็นบ่าว

3) บ่าวเป็นเพื่อนกับนาย         4) นายต้องเอาใจบ่าวมาก ๆ

ตอบ 3. จากเอกสารอ่านประกอบเรื่อง หลักราชการ” พบว่า ลักษณะการบังคับบัญชาบ่าวไทยจะเป็นแบบบ่าวเป็นเพื่อนกับนายมากกว่าบ่าวฝรั่งเป็นอันมาก ทั้งนี้เพราะคนไทยมีนิสัยไม่ชอบการถูกบังคับ ชอบให้เอาใจ บ้างหรือพูดดีกันๆ บ้าง

4.         นายเอกวิทย์เพิ่งได้เป็นนายอำเภอ เวลาพูดกับประชาชนจึงรู้สึกประหม่าและพูดไม่ออก เขาควรทำอย่างไร

1)         หยุดสักครู่       2) ถามคำถามประชาชน

3) แสดงบทบาท        4) ยิ้มแล้วแทรกเรื่องขบขัน

ตอบ 3. ผู้พูดสามารถแก้ความประหม่าและแก้ไขสถานการณ์ได้ด้วยการ แสดงบทบาท” เช่น ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม และหยิบผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อหรือสั่งน้ำมูก โดยท่าทางที่แสดงออกควรจะเป็นไปในลักษณะที่จงใจและ ธรรมชาติ ซึ่งในขณะที่ดื่มน้ำหรือซับเหงื่อนั้นผู้พูดควรคิดหรือรีบทบทวนเนื้อเรื่องที่ตนลืม

5.         พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงกล่าวถึงคนที่เห็นวิชาเป็นแก้วสารพัดนึกว่าเมื่อทำงานแล้ว ไม่ได้ตำแหน่งสูงดังที่คิดไว้ แล้วจะเกิดผลตามมาอย่างไร

1)         สิ้นหวังหมดกำลังใจ    2) พยายามประจบเจ้านาย

3) วิชาท่วมหัวเอาตัวไม่รอด     4) เกิดความริษยา

ตอบ 4. จากเอกสารอ่านประกอบเรื่อง หลักราชการ” พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.6) ทรง กล่าวถึง คนที่เห็นวิชาเป็นแก้วสารพัดนึกว่าเมื่อเข้าทำงานแล้วไม่ได้รับตำแหน่งอันสูงเพียงพอดังที่ตนคิดไว้และ ลาภยศทรัพย์หลั่งไหลมาไม่ทันใจก็จะบังเกิดความไม่พอใจและเมื่อเกิดความไม่พอใจแล้วก็จะเกิดความริษยาจนหมดความสุข


6.         คุณสดสีเป็นหัวหน้าคนอื่น เธอควรแสดงความมั่นคงทางอารมณ์ออกมาอย่างไร

1)         ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นคนอารมณ์ดีเสมอ

2)         เคร่งครัดในกฎระเบียบต่อผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคน

3)         ไม่แสดงวิตกกังวล เป็นคนราบเรียบเสมอต้นเสมอปลาย

4)         รับรู้ในเหตุการณ์ทุกอย่างเร็วและมีปฏิกิริยาต่อเหตุการณ์เร็วด้วย

ตอบ 3. ผู้นำที่ดีควรแสดงความมั่นคงทางอารมณ์ออกมา ดังนี้คือ

1.         เงียบแต่อยากรู้ อยากเห็น อยากรู้จัก

2.         ไม่มีร่องรอยวิตกกังวลให้เห็น และราบเรียบเสมอต้นเสมอปลาย

3.         มีความมุ่งหมายปรารถนาอย่างแข็งแรง แต่เก็บไว้ในใจ

4.         มีลักษณะรวมเอาของดีไว้มาก

7.         ในสังคมแก่งแย่งกันในปัจจุบัน มีองค์ประกอบสำคัญใดที่ช่วยให้บุคคลเป็นผู้นำ

1) วัยวุฒิ ชาติวุฒิ คุณวุฒิ       2) บุคลิกภาพ สติปัญญา ทรัพย์สมบัติ

3) ตระกูล ทรัพย์สิน พวกพ้อง 4) เหตุการณ์ สถานการณ์ และโอกาส

ตอบ 4. ในสังคมปัจจุบันนี้มีองค์ประกอบหรือปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้บุคคลเป็นผู้นำ ดังนี้คือ 1. มีสติปัญญา 2. รู้ธรรมชาติของมนุษย์ จนสามารถที่จะวิเคราะห์ เข้าใจ และควบคุมพฤติกรรมของคนอื่นได้ 3. มีลักษณะ ที่ทำให้คนอื่นศรัทธาเลื่อมใสและไว้วางใจ 4. มีบุคลิกที่เหมาะสม 5. มีความปรารถนาอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะนำ คนอื่น 6. ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ สถานการณ์ และโอกาส

8.         พระจักรพรรดิแห่งประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้นำแบบใด

1) แบบอัตตนิยม         2) แบบใช้บารมีเป็นเครื่องมือ

3) แบบสัญลักษณ์      4) แบบใช้พระคุณ

ตอบ 3. ผู้นำแบบสัญลักษณ์ หมายถึง ผู้นำซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายแต่ไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่ในการบังคับบัญชา แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติตามเพราะเกิดแรงศรัทธาหรือเพราะสัญลักษณ์ของผู้นั้น เช่น องค์ พระมหากษัตริย์ พระจักรพรรดิ เป็นต้น

9.         คุณพ่อคุณแม่ปกครองลูก จัดเป็นผู้นำแบบใด

1) แบบใช้พระคุณ       2) แบบอัตตนิยม

3) แบบสัญลักษณ์      4) แบบใช้ธรรมเนียมประเพณีบังคับ

ตอบ 2. ผู้นำแบบอัตตนิยม ซึ่งรวมถึงผู้นำแบบบิดามารดาปกครองบุตรด้วยนั้น จะยึดถืออำนาจเป็นใหญ่ ต้องการให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาเชื่อฟังและปฏิบัติตามที่สั่ง โดยมักเชื่อมั่นในตนเองมาก ชอบวางท่าทางใหญ่โต และไม่ค่อยเชื่อฟังหรือให้เกียรติคนอื่น เข้าทำนองที่ว่า ตนเองแน่อยู่คนเดียว” (One Man Show)

10.       องค์กรที่มีการบริหารงานที่ได้ผลดีที่สุด มักจะมีผู้นำแบบใด

1)         แบบประชาธิปไตย      2) แบบร่วมใจ

3) แบบเสรีนิยม           4) แบบอัตถประโยชน์

ตอบ 1. ผู้นำแบบประชาธิปไตย จัดเป็นแบบที่นับว่าดีที่สุดและอำนวยผลในการบริหารมากที่สุดซึ่งลักษณะของผู้นำแบบนี้คือ จะเปิดโอกาสให้ผู้ใต้บังคับบัญชาแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ โดยผู้บังคับบัญชาจะเป็นทั้งผู้นำและผู้ห้คำแนะนำสั่งงานแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อสร้างภาพพจน์ที่ว่าไม่มีนายเหนือหัวอยู่กับตน แต่รู้สึกว่ามีแต่เพื่อนร่วมงาน

11.       จากการศึกษาเรื่องผู้นำ ท่านคิดว่าแบบของผู้ที่มีประสิทธิภาพน้อยที่สุดคือข้อใด

1)         แบบผู้หนีงาน  

2) แบบผู้ประนีประนอม

3) แบบนักบุญ                        

4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 4. ผู้นำแบบที่มีประสิทธิภาพน้อยที่สุด ได้แก่ ผู้นำในแบบต่อไปนี้ คือ 1. แบบผู้หนีงาน (Deserter)

2.         แบบนักบุญ (Missionary) 3. แบบผู้เผด็จการ (Autocrat) 4. แบบผู้ประนีประนอม (Compromiser)

12.       สังคมไทยส่วนใหญ่มักใช้คุณสมบัติใดในการวัดความเป็นผู้นำ

1)         ตระกูลดี มีวิชา มีทรัพย์สิน

2)         มีชื่อเสียง ทรัพย์สิน และอิทธิพล

3)         ชาติวุฒิ วัยวุฒิ คุณวุฒิ

4)         มีการศึกษา ศาสนา และพวกพ้อง

ตอบ 3. เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า คนไทยได้รับการสั่งสอนให้มีความเคารพในบุคคลที่มีวุฒิสูงกว่าหรือ เรียกกันทั่วไปว่าผู้ใหญ่ โดยเฉพาะพ่อ แม่ ครู ผู้บังคับบัญชา และนายจ้างซึ่งความเป็นผู้ใหญ่ของคนไทยนิยม วัดกันด้วยวุฒิ 3 ประการ คือ ชาติวุฒิ วัยวุฒิ และคุณวุฒิ

13.       จากการศึกษาเรื่องผู้นำ ใครคือผู้ที่มีอิทธิพลมากในสังคมไทยทั่วไป

1) พระสงฆ์     2) เชื้อพระวงศ์และข้าราชการ

3) นักการเมือง            4) ทหารและตำรวจ

ตอบ 1. ในแง่ของสังคมไทยทั่วไปผู้มีอิทธิพลมากได้แก่ พระสงฆ์และครู ซึ่งสำหรับครูนั้น ระบบ การศึกษาของไทยมีส่วนช่วยในเรื่องนี้เป็นอันมาก เพราะนักเรียนได้รับความรู้จากครูเป็นส่วนใหญ่ และถือว่าครูเป็นผู้รอบรู้ รวมทั้งผู้บอกและให้ความรู้แก่นักเรียนระบบเช่นนี้จึงสร้างความรู้สึกของคนไทยมาแต่เด็กว่า ครูเท่านั้นเป็นผู้ถูกต้อง”

14.       คนไทยในสมัยอยุธยามักบ่งชี้ความเป็นผู้นำของบุคคลจากอะไร

1) ชาติตระกูล 2) ทรัพย์สมบัติ            3) บุคลิกภาพ  4) สติปัญญา

ตอบ 1. คนไทยในสมัยโบราณมักบ่งชี้ความเป็นผู้นำของบุคคลโดยพิจารณาจากชาติตระกูล เนื่องจากสังคมไทยส่วนใหญ่มักจะนับถือและเชื่อในตระกูลเก่าแก่ รวมทั้งตระกูลที่เป็นข้าราชการบริพารของพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นตระกูลที่มียศศักดิ์สูงและมีเกียรติ ดังนั้น บุคคลเหล่านี้จึงมักได้รับความไว้วางใจจากคนใน สังคมและถูกยกย่องให้เป็นผู้นำอยู่เสมอ

15.       จากเอกสารอ่านประกอบเรื่อง คุณสมบัติของผู้นำ” ถามว่าผู้นำที่มีความเป็นผู้นำนั้นมีความหมายอย่างไร

1) ระวังกิริยา วาจา และใจ      2) ระวังกิริยา วาจา และอารมณ์

3) ระวังกิริยา วาจา และความคิด        4) ระวังกิริยา วาจา และการคบหา

ตอบ 3. จากเอกสารอ่านประกอบเรื่อง คุณสมบัติของผู้นำ’’ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ได้กล่าวว่า ผู้นำที่มีความเป็นผู้ที่ชื่อว่าตื่นตัวนั้น จะต้องระมัดระวังตัวให้อยู่ในลักษณะท่าทีอันสมควร 3 ประการ คือ ระมัดระวังกิริยา วาจา และความคิด


16.       ในสังคมไทยจะมีประเพณีที่ผู้น้อยเคารพนับถือผู้ใหญ่ ประเพณีนี้ทำให้เกิดการสื่อสารแบบใด

1)         การสื่อสารทางเดียว คือจากผู้ใหญ่มาหาผู้น้อย

2)         การสื่อสารสองทาง คือจากผู้ใหญ่ไปหาผู้น้อย และจากผู้น้อยไปหาผู้ใหญ่

3)         การสื่อสารในแนวนอน คือ ต่างคนต่างพูดกันได้ ร่วมโต๊ะกินอาหารกันได้

4)         การสื่อการในแนวนอนเพราะในสังคมไทยปกครองกันฉันญาติในครอบครัว

ตอบ 1. ด้วยขนบธรรมเนียมประเพณีการเคารพและนับถือผู้ใหญ่ของคนไทยทำให้เกิดการติดต่อสื่อสารทางเดียว คือ จากผู้ใหญ่มาหาผู้น้อย

17.       ผู้นำที่เรียกว่า บุญหนักศักดิ์ใหญ่’’ นั้น จะแสดงออกซึ่งความยิ่งใหญ่ของตนทางใด

1) มีความยุติธรรม       2) รักษาประโยชน์ให้ผู้น้อย

3) ช่วยเหลือครอบครัวผู้น้อย             4) การให้อภัยแก่ผู้น้อย

ตอบ 4. ผู้นำที่เรียกว่า บุญหนักศักดิ์ใหญ่” นั้น จะแสดงออกซึ่งความยิ่งใหญ่ของตนโดยทางการให้อภัยแก่ผู้น้อย ซึ่งเมื่อเขาผิดเพียงเล็กน้อยก็ไม่ขุ่นเคือง ด้วยเห็นว่าอันจะเป็นผลร้ายแก่ตนเองยิ่งกว่าเป็นร้ายแก่เขา ดังนั้นผู้นำจึงมักควบคุมตนเองให้เข้าใจในผู้อื่นและยินดีที่จะให้อภัยเสมอ

18.       จากเอกสารอ่านประกอบ พระบรมราโชวาท’’ พ.ศ. 2428  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสอนพระราชโอรสว่าอย่าถือตัวว่าเป็นลูกเจ้าแผ่นดิน ถ้าพระราชโอรสทำผิด พระองค์จะทรงทำอย่างไร

1) จะทำทัณฑ์บน                  2) จะลงโทษทันที

3) จะไม่ยอมให้รับราชการ       4) จะถอดถอนยศ

ตอบ 2. จากเอกสารอ่านประกอบ พระบรมราโชวาท” พ.ศ. 2428 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสอนพระราชโอรสว่าอย่างถือตัวว่าเป็นลูกเจ้าแผ่นดิน ถ้าพระราชโอรสทำความผิดเมื่อใดก็จะได้รับโทษโดยทันที ซึ่งการที่มีพ่อเป็นเจ้าแผ่นดินนั้นจะไม่เป็นการช่วยเหลืออุดหนุนแก้ไขอันใดได้เลย และถ้าผู้ใดเป็นหนี้มา จะไม่ยอมให้หนี้ให้เลย

19.       จากเอกสารเดียวอันนี้ พระองค์พูดถึงคนที่ไปเรียนภาษาฝรั่งแล้วลืมภาษาไทย แล้วเห็นเป็นการเก๋ อย่างไร

1) เป็นคนลืมตัว           2) เป็นคนสิ้นคิด

3) เป็นคนลืมชาติ        4) เป็นที่น่าติเตียน

ตอบ 4. จากเอกสารอ่านประกอบ พระบรมราโชวาท’’ พ.ศ. 2428 พระองค์ทรงพูดถึงคนที่ไปเรียนภาษา ฝรั่งเศสแล้วลืมภาษาไทย และเห็นเป็นการเก๋การกี๋อย่างเช่นนักเรียนบางคนมักจะเห็นผิดไปดังนั้น แต่ที่จริงเป็นการเสียที่ควรจะติเตียนแท้ทีเดียว

20.       การติดต่อสื่อสารแบบใดที่สามารถใช้อำนาจบีบบังคับบัญชา

1) แบบบนมาล่าง        2) แบบล่างไปบน

3) แบบแนวนอน          4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3. การติดต่อสื่อสารแบบแนวนอน มีข้อเสียคือ อาจก่อให้เกิดปัญหาในเรื่องของการใช้อำนาจบีบบังคับผู้บังคับบัญชาหรือผู้นำ ทั้งนี้เพราะเมื่อพนักงานสามารถติดต่อกับพวกที่อยู่ในระดับเดียวกันได้ ก็จะรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่จนมีอำนาจเจรจาต่อรองและหรือลดอำนาจของผู้บังคับบัญชาได้ แต่มีข้อดีคือ ทำให้ผู้ที่ทำงานระดับเดียวกันรู้จักและมีมนุษย์สัมพันธ์ต่อกัน

21.       คุณสมศรีเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา เธอขอโอกาสแสดงความยินดีต่อผู้บังคับบัญชาอย่างเต็มที่เพื่อความเข้าใจที่ดี ควรใช้การติดต่อสื่อสารแบบใด

1)         แบบบนมาล่าง            

2) แบบล่างไปบน

3) แบบแนวนอน          

4) แบบเลี้ยงสังสรรค์

ตอบ 2. การติดต่อสื่อสารแบบล่างไปบน มีข้อดีคือ เปิดโอกาสให้ผู้น้อยแสดงความคิดเห็นต่อหัวหน้าได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นการเสริมสร้างสัมพันธภาพและความเข้าใจระหว่างผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชา แต่มีข้อเสีย คือ อาจจะทำให้ข้อมูลหรือข่าวสารตลอดจนข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่ส่งมาจากผู้ใต้บังคับบัญชาไปสู่ ผู้บังคับบัญชาถูกบิดเบือนและดัดแปลงแก้ไข

22.       สุภาษิตโบราณอยู่บทหนึ่ง สระน้ำ ลำยอ กอไผ่ นี่คือคุณสมบัติของพ่อเมือง” คำว่า กอไผ่” มี ความหมายอย่างไร

1)         ต้องอดทน อดกลั้นเพื่อก่อให้เกิดความสามัคคี

2)         มีกิริยาต่อคนทั่วไปด้วยความสุภาพ พูดจาอ่อนหวาน

3)         ประพฤติตนเป็นคนสุขุม มีระเบียบวินัย

4)         ลงโทษให้ประพฤติตัวเป็นคนดี

ตอบ 4. จากสุภาษิตโบราณข้างต้น คำว่า สระน้ำ” หมายถึง การประพฤติตนเป็นคนสุขุมชุ่มเย็นและแสดงออกซึ่งลักษณะยิ้มแย้มแจ่มใส ลำยอ” หมายถึง การชมเชย สรรเสริญเยินยอและส่งเสริม และ กอไผ่” หมายถึง คู่ขนานให้เขารู้สึกตัวและนิสัยชั่วเข้าหานิสัยดี (ลงโทษ)

23.       จากเอกสารอ่านประกอบเรื่อง คุณสมบัติของผู้นำ” กล่าวไว้ว่า ชีวิตของคนโง่สั้นนิดเดียว ชีวิตของคน ฉลาดอยู่ได้ยืนนาน ชีวิตของหมู่ชนอยู่ที่ผู้นำ ชีวิตของผู้นำอยู่ที่ …..

1)         อำนาจและความสามารถ        2) สติปัญญา

3) นิติธรรม      4) การเจรจา

ตอบ 3. สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดพระศรีมหาธาตุ ได้กล่าวไว้ในเรื่อง คุณสมบัติของผู้นำ” ว่า คนที่ไม่รู้จักโกรธคือคนโง่ ส่วนคนที่รู้จักโกรธแล้วรู้จักให้อภัยแก่ทุกคนและทุกสิ่ง นั่นคือคนฉลาด

24.       คนที่ไม่รู้จักโกรธคือคนโง่ ส่วนคนที่รู้จักโกรธคือคนฉลาด ถามว่าทำอย่างไรจึงได้ชื่อว่าเป็นคนรู้จักโกรธ

1)         ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น         2) รู้จักลืม

3) รู้จักอภัย      4) รู้จักความอดทนต่อกิริยาของผู้น้อย

ตอบ 3. ดูคำอธิบายข้อ 23 ประกอบ

25.       คนไทยมีพรหมวิหาร 4 ข้อใดน้อยที่สุด

1)         เมตตา 2) กรุณา          3) มุทิตา          4) อุเบกขา

ตอบ 3. ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้อธิบายเกี่ยวกับการที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ชอบเห็นผู้อื่นดีกว่าตนเองว่า คนไทยมีความเมตตา คือ มีความรักและเอ็นดู ปรารถนาจะให้ผู้อื่นเป็นสุขมีความกรุณา คือ มีความสงสาร หวั่นไหวหรือเอาใจช่วยเหลือ เมื่อเห็นผู้อื่นได้รับความทุกข์ แต่ขาดมุทิตา คือ ความมีจิตยินดีในลาภยศ สรรเสริญของผู้อื่นและรองลงมาขาดอุเบกขา คือ มีใจเป็นกลาง ขาดความวางเฉย…

25.       คนไทยมีพรหมวิหาร 4 ข้อใดน้อยที่สุด

1)         เมตตา 2) กรุณา          3) มุทิตา          4) อุเบกขา

ตอบ 3. ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้อธิบายเกี่ยวกับการที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ชอบเห็นผู้อื่นดีกว่าตนเองว่า คนไทยมีความเมตตา คือ มีความรักและเอ็นดู ปรารถนาจะให้ผู้อื่นเป็นสุขมีความกรุณา คือ มีความสงสาร หวั่นไหวหรือเอาใจช่วยเหลือ เมื่อเห็นผู้อื่นได้รับความทุกข์ แต่ขาดมุทิตา คือ ความมีจิตยินดีในลาภยศ สรรเสริญของผู้อื่นและรองลงมาขาดอุเบกขา คือ มีใจเป็นกลาง ขาดความวางเฉย…

26.       สมมุติว่านายสมชายเป็นนายอำเภอและออกตรวจหมู่บ้านทางภาคใต้ เขาจะสร้างมนุษย์สัมพันธ์กับชาวบ้านที่มาต้อนรับอย่างไร ในเมื่อเขาพูดภาษาใต้ไม่ได้

1) ไหว้และโบกมือ       2) แจกของใช้ของกินแก่ชาวบ้าน

3) ไหว้หรือจับมือกับชาวบ้าน   4) ใช้สายตาและการยิ้ม

ตอบ 4. ผู้นำสามารถใช้สายตาและการยิ้มเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างมนุษย์สัมพันธ์ได้ซึ่งในขณะที่พูด ควรมองผู้ที่ตนพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ใช่ตามมองแต่หน้านิ่วคิ้วหมวด ทั้งนี้สายตาที่มองนั้นควรมีไมตรี และจริงใจ อย่าแสดงออกในรูปที่มองอย่างเสียไม่ได้ ฝืนใจมองหรือมองข้ามศีรษะไป

27.       การอภิปรายกลุ่มควรหลีกเลี่ยงการจัดที่นั่งแบบใด

1)         แบบวงกลม     2) รูปถ้วย        .3) แบบสามเหลี่ยม     4) แบบห้องเรียน

ตอบ 4. การอภิปรายกลุ่มควรหลีกเลี่ยงการจัดที่นั่งแบบแถวตรงหันหน้าสู่เวทีแบบห้องปาฐกถาหรือห้องเรียน ซึ่งวิธีที่ดีควรจะให้สมาชิกนั่งในทำนองหันหน้าเข้าหากันอย่างมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยถ้าเป็นกลุ่มขนาดเล็กการนั่งรอบโต๊ะเป็นวิธีที่เหมาะที่สุดแต่ถ้าไม่มีโต๊ะหรือขนาดของกลุ่มใหญ่มากจนไม่อาจใช้โต๊ะได้ ก็ควรจะจัดที่นั่งในรูปวงกลม ครึ่งวงกลม สามเหลี่ยม หรือรูปตัวยู (รูปถ้วย)

28.       นายสุริยาเป็นนักพูด ในขณะที่เขาพูดกับผู้ฟัง ปรากฏว่ามีเสียงโห่ร้องรบกวน เขาควรทำอย่างไร

1)         พูดต่อไปเรื่อย ๆ อย่างปกติ     2) พยายามขอร้องให้หยุดรบกวน

3) พูดต่อไปให้เสียงดังกว่าเดิม            4) หยุดพูด เมื่อเสียงรบกวนซาลงจึงพูดต่อ

ตอบ 4. ในขณะที่พูดถ้าผู้ฟังแสดงความพอใจด้วยการหัวเราะ ปรบมือ หรือไม่พอใจด้วยการโห่ร้องรบกวน ผู้พูดควรจะหยุดพูดเพื่อรอให้เสียงรบกวนเหล่านั่นซาลงหรือจางหายไปเสียก่อน แล้วจึงค่อยพูดต่อไป (อย่าพูดแข่งกับเสียงต่าง ๆ )

29.       คุณมารศรีทำงานที่หน่วยงานหนึ่ง และรู้สึกกว่าผู้บังคับบัญชาเล่นพรรคพวก ในกรณีนี้เป็นความทุกข์ ประเภทใด

1)         เกี่ยวกับประสาทและความรู้สึก          2) ประสบการณ์และความรู้สึก

3) ความหวังและความกลัว     4) เกี่ยวกับสิ่งที่มองเห็นและความรู้สึก

ตอบ 3. คำร้องทุกข์และข้อข้องใจต่าง ๆ วิเคราะห์ออกมาเป็น 3 ประเภท คือ

1.         คำร้องทุกข์เกี่ยวกับสิ่งที่มองเห็น จับต้องหรือทดสอบได้ เช่น เครื่องมือเครื่องใช้ไม่พอหรือเก่า และชำรุดเสียหาย ฯลฯ

2.         คำร้องทุกข์ประเภทที่ส่วนหนึ่งมาจากประสบการณ์ด้านประสาทและความรู้สึก (Sensory Experience) เช่น งานยุ่ง งานไม่มีระเบียบ การประสานงานไม่ดี งานชิ้นนี้ยากเกินไป อากาศ ร้อน ฯลฯ ซึ่งคำร้องทุกข์ประเภทนี้คนอื่นจะไม่เข้าใจความหมายได้ดี นอกจากจะเคย ประสบการณ์ดังกล่าวมาด้วยตนเอง

3.         คำร้องทุกข์ที่เกี่ยวกับความหวังและความกลัว เช่น ผู้บังคับบัญชาเล่นพรรคพวก ตนไม่ได้รับความยุติธรรมอย่างเพียงพอ ฯลฯ ซึ่งคำร้องประเภทนี้มีมาก

30.       การอภิปรายแบบ Panel ตามปกติจะต้องมีผู้อภิปรายกี่คน

1) 3 คน           2) 4 คน           3) 5 คน           4) 6 คน

ตอบ 2. การอภิปรายแบบ Panel ปกติจะมีผู้อภิปราย 4 คน ซึ่งมักจัดให้เป็นแบบกันเองโดยมีผู้นำการอภิปรายนั่งอยู่ตรงกลางเพื่อคอยแนะนำผู้อภิปราย ชี้จุดเด่น และสรุปการพูดของแต่ละคน ตลอดจนสรุปเนื้อหาทั้งหมด ในตอนสุดท้าย

31.       ผู้นำจะต้องรอบรู้ ถามว่าอาจารย์ท่านใดแต่งวิชานี้

1)         รศ.ดร.วิษณุ สุวรรณเพิ่ม          

2) รศ.ศุภรัศมิ์ ฐิติกุลเจริญ

3) ผศ.ธัชมน ศรีแก่นจันทร์       

4) รศ.ฉัตรวรุณ ตันนะรัตน์

ตอบ 4. วิชาการพูดสำหรับผู้นำ เป็นวิชาเลือกในภาควิชาสื่อสารมวลชน คณะมนุษยศาสตร์ แต่ง โดย รศ.ฉัตรวรุณ ตันนะรัตน์ ซึ่งเนื้อหาในตำรามีทั้งหมด 16 บท แต่ออกข้อสอบ ปกหน้าของตำราทางซ้ายมือบนจะมีรูปพ่อขุนฯ 1 รูป ที่ปกรอง 1 รูป ส่วนปกหลังมีรูปศิลาจารึกและข้อความว่า เปลวเทียนให้แสงรามคำแหงให้ทาง

32.       ถ้าท่านได้รับมอบหมายให้เป็นผู้กล่าวรายงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยฟัง ซึ่งมีข้าราชการอื่น ๆ ร่วมฟังอยู่ด้วย ท่านจะกล่าวปฏิสันถารอย่างไร

1)         สวัสดีท่านผู้มีเกียรติที่เคารพทั้งหลาย

2)         กราบเรียน ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย

3)         ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่เคารพและข้าราชการที่รักทั้งหลาย

4)         กราบเรียนท่านรัฐมนตรีที่เคารพ เรียนท่านข้าราชการที่รักและนับถือทุกท่าน

ตอบ 2. การกล่าวคำปฏิสันถารถาวรชนิดที่เป็นพิธีการ ซึ่งมักจะเป็นงานรัฐพิธี งานศาสนาพิธีและงานพิธีต่าง ๆ เช่น งานแจกวุฒิบัตร งานวางศิลาฤกษ์ คำกล่าวรายงานหรือคำกล่าวเปิดงานต่าง ๆ ฯลฯ โดยคำปฏิสันถาร ถาวรจะเรียกเฉพาะตำแหน่งของผู้ที่มาร่วมในพิธีนั้น ส่วนคำที่แถลงความรู้สึก เช่น เคารพ ที่นับถือ ที่รัก จะไม่ถูกนำเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเลย

33.       Keith Davis กล่าวถึงการแสดงบทบาทสมมุติไว้อย่างไร

1)         ต้องแสดงทั้งอารมณ์ จิตใจ และท่าทาง

2)         ต้องแสดงทั้งกริยา วาจา และใจ

3)         ต้องเรียนรู้พฤติกรรมของเพื่อนในกลุ่ม

4)         ผู้แสดงต้องมีความรู้ ทักษะ และประสบการณ์

ตอบ 1. Keith Davis ได้กล่าวถึงการแสดงบทบาทสมมุติไว้ว่า จะต้องแสดงบทบาทให้สมจริง ทั้งทางด้านอารมณ์ จิตใจ และการแสดงท่าทางอากัปกิริยา” (Participation means mental and emotional involvement as well as mere muscular activity)

34.       ธรรมสำหรับผู้ใต้บังคับบัญชา คืออะไร

1) หิริโอตตัปปะ           2) ทศพิธราชธรรม       3) พรหมวิหาร 4           4) สัปปุริสธรรม

ตอบ 2. ทศพิธราชธรรมหรือธรรม 10 ประการ เป็นธรรมสำหรับพระราชาหรือนักปกครองให้พึงประพฤติปฏิบัติ ซึ่งแม้แต่ผู้อยู่ใต้ปกครองหรือใต้บังคับบัญชา ตลอดจนถึงราษฎรทั่วไปก็ต้องปฏิบัติตามธรรมทั้ง 10 ประการ ต่อผู้ปกครองและผู้บังคับบัญชาด้วยเช่นกัน

35.       จากปาฐกถาธรรมเดียวกันนี้ ได้กล่าวถึงการทำงานของข้าราชการต้องเหมือนกับนักดนตรี” มี ความหมายว่าต้องการองค์ประกอบสำคัญอะไร

1)         ความรับผิดชอบ ความสุจริต   2) ความอดทน ความซื่อสัตย์

3) ความสามัคคี           4) ความเพียร พยายาม

ตอบ 3. จากปาฐกถาธรรมของพระราชนันทมุนี กล่าวไว้ว่า การทำงานของข้าราชการต้องเหมือนกับนักดนตรีที่อยู่ในวงเดียวกัน” ซึ่งเป็นการเปรียบให้เห็นว่าข้าราชการจะต้องมีความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจกัน และต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการปฏิบัติงาน

36.       จากปาฐกถาธรรมเดียวกันนี้ ได้กล่าวถึงการทำงานไว้อย่างไร

1)         คนโง่ทำงานคนเดียวกัน คนฉลาดให้ลูกน้องช่วยกันทำงาน

2)         คนโง่ทำงานร่วมกับคนอื่น คนฉลาดทำงานคนเดียว

3)         คนโง่ใช้ลูกน้องนำหน้า คนฉลาดให้ตัวเองนำหน้า

4)         คนโง่เรียกประชุมบ่อยเพื่อให้ลูกน้องรู้ว่าทำอะไรบ้าง คนฉลาดไม่เรียกประชุมแต่จะซุ่มทำงาน

ตอบ 1. จากปาฐกถาธรรมของพระราชนันทมุนี ได้กล่าวถึงการทำงานไว้ว่า คนโง่มักจะทำงานคนเดียว แต่คนฉลาดจะให้ลูกน้อยช่วยกันทำงาน เพราะถือว่ามีหลายคนก็หลายหัวหลายแรง หลายแรงงาน หลายความคิด ทำให้งานก้าวหน้า

37.       จากเอกสารอ่านประกอบเรื่อง มรดกชิ้นสุดท้าย” ทำไมผู้เป็นนายจึงไม่ไล่คนงานเลวออกจากงาน

1) เพราะหลงในคำเยินยอของคนงานเลว       2) เพราะกลัวจะถูกทำร้ายร่างกาย

3) เพราะกลัวจะไม่มีคนทำงาน            4) เพราะกลัวครอบครัวของคนงานจะเดือดร้อน

ตอบ 4. จากเอกสารอ่านประกอบเรื่อง มรดกชิ้นสุดท้าย” สาเหตุที่นายไม่ไล่ออกคนงานเลวออกจากงาน เพราะท่านยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมและเมตตาธรรม ด้วยเกรงว่าเมื่อทำเช่นนั้นไปแล้วจะทำให้ครอบครัวเดือนร้อน เนื่องจากครอบครัวจะขาดรายได้

38.       จากเอกสารเดียวกันนี้ ผู้เป็นนายจัดการอย่างไรกับคนงานที่พูดว่า พ่อแม่ยังไม่กล้ามาบังคับ คนอื่นอย่างไรจึงจะมาบังคับฉัน

1) ปลง แล้วไม่สนใจ    2) ตักเตือนและติดตามผลก่อนจัดการขั้นสุดท้าย

3) ว่ากล่าวตักเตือนแล้วให้อภัย           4) ไล่ออก

ตอบ 2. จากเอกสารอ่านประกอบเรื่อง มรดกชิ้นสุดท้าย” เมื่อผู้เป็นนายได้ว่ากล่าวตักเตือนไปคนงานแล้ว แต่คนงานบางคนก็กลับบอกว่า พ่อแม่ยังไม่กล้ามาบังคับ คนอื่นดีวิเศษอย่างไรจะมีสิทธิมาบังคับได้” ดังนั้น เมื่อเตือนแล้วยังไม่เกิดผลดีขึ้น จึงจำต้องวางใจเป็นอุเบกขาและจัดการไปตามที่เห็นสมควรเพื่อความเหมาะสม เพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายของส่วนรวม

39.       จากเอกสารอ่านประกอบเรื่อง ศาสนาและทศพิธราชธรรม” ถามว่า ศาสนา แปลว่าอะไร

1) เครื่องอบรมจิตใจ    2) หลักยึดเหนี่ยวชีวิต

3) ปกครอง ทุกคนต้องปกครองใจตัวเอง        4) หลักธรรม ทุกคนต้องมีหลักธรรมประจำจิต

ตอบ 3. จากเอกสารอ่านประกอบเรื่อง ศาสนาและทศพิธราชธรรม” ได้กล่าวถึง ศาสนา แปลว่า ปกครอง ทุกคนต้องมีการปกครองใจตนเอง ปกครองตนเองอยู่เสมอ

40.       ปกติแล้วผู้พูดที่เกิดการประหม่าหรือตื่นเวทีจะรู้สึกอย่างไร

1) ตัวโคลงไปมา          2) น้ำตาไหล    3) ปากแห้ง 4) คันเนื้อตัวตลอดเวลา

ตอบ 3. ปกติแล้วผู้พูดที่เกิดความประหม่าหรือตื่นเวทีจะรู้สึกว่าปากแห้งคอแห้ง ซึ่งเป็นอาการปกติของผู้ที่จะขึ้นเวทีพูดหรือต่อหน้าสาธารณชน ดังนั้นผู้พูดจึงควรหาจังหวะพูด (เช่น ถามคำถามให้ผู้ฟังคิด) แล้วดื่มน้ำตาม

41.       จากเอกสารประกอบเรื่อง ความเป็นชาติโดยแท้” กล่าวถึงการอยู่เรือลำเดียวกันว่าต้องทำอย่างไร

1) ต้องช่วยกันพาย      

2) ไม่ต้องพาย แต่นั่งเฉย ๆ

3) ไม่ต้องพาย แต่อย่าเอาเท้าราน้ำ      

4) ไม่ต้องพาย แต่ช่วยเป็นกำลังใจ

ตอบ 1. จากเอกสารอ่านประกอบเรื่อง ความเป็นชาติโดยแท้” พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.6) ทรงมีพระราชดำรัสว่าเมื่ออยู่ในเรือลำเดียวกันจะต้องทำหน้าที่ช่วยกันพาย ถ้าไม่พาย ถึงแม้จะไม่เอาเท้ารานา เป็นแต่นั่งเฉย ๆ ก็หนักเรือเปล่า ๆ อาจจะทำให้เรือแล่นช้าไปได้เป็นแน่แท้ เพราะฉะนั้นต้องเลือกเอาอย่างหนึ่ง ถ้าจะพายก็จับพายขึ้นและอย่าเถียงนายท้าย หรือถ้าจะไม่พายกก็ขึ้นจากเรือหรือลงว่ายน้ำไปตามลำพังเถิด

42.       จากเอกสารอ่านประกอบเนื่องในวันข้าราชการ ถามว่าทำไมผู้บริหารในรัฐบาลไม่ไล่ข้าราชการขี้เมาอออกจากราชการ

1) เพราะไม่ได้ทำผิดมาก         

2) เพราะสงสารข้าราชการขี้เมา

3) เพราะสงสารลูกเมีย            

4) ถูกทุกข้อ

ตอบ 3. จากเอกสารอ่านประกอบเนื่องในวันข้าราชการพลเรือน สาเหตุที่ผู้บริหารในรัฐบาลไม่ไล่ข้าราชการขี้เมาออกจากราชการนั้น ไม่ใช่เพราะสงสารข้าราชการขี้เมา แต่สงสารลูกเมียซึ่งจะได้รับความทุกข์ความเดือดร้อน

43.       หลักการพูดคัดค้านในที่ประชุมกลุ่มควรเป็นอย่างไร

1)         พูดอย่างจริงจังและจริงใจว่าไม่เห็นด้วยพร้อมทั้งให้เหตุผล

2)         พูดอย่างสุภาพว่าไม่เห็นด้วยเพราะเหตุใด แล้วจึงเสนอความคิดเห็นของตน

3)         พูดอย่างสุภาพว่าความคิดดังกล่าวมีข้อดีและข้อบกพร่องอย่างไร จึงเสนอความคิดเห็นของตนเอง

4)         พูดอย่างสุภาพจริงจังว่าความคิดดังกล่าวมีข้อบกพร่อง แล้วจึงชี้ให้เห็นว่าความคิดของตนดีกว่า เหมาะสมกว่า

ตอบ 3. เทคนิคหรือหลักการพูดคัดค้านในที่ประชุมข้อหนึ่งคือ ถ้าข้อคิดเห็นของอีกฝ่ายหนึ่งมีข้อดีก็ควรพูด และชี้ให้เห็นความคิดเห็นของตนเอง พร้อมทั้งยกหรืออ้างเหตุผลอื่นประกอบ โดยผู้พูดควรรักษามารยาทและน้ำเสียงให้สุภาพ

44.       เมื่อผู้ใต้บังคับบัญชา เข้ามารายงานตัวเพื่อเริ่มเข้าทำงาน หัวหน้าหน่วยงานควรให้การต้อนรับอย่างไร

1)         แนะนำให้รู้จักกับหัวหน้าหน่วยงาน

2)         ให้ความสนใจและแนะนำให้รู้จักหัวหน้าหน่วยงาน

3)         ให้ความสนใจพร้อมทั้งซักถามพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ

4)         ต้อนรับดี พูดคุยแล้วเลี้ยงอาหารเพื่อให้ประทับใจ

ตอบ 2. เมื่อผู้ใต้บังคับบัญชา เข้ามารายงานตัวเพื่อเข้าร่วมทำงาน หัวหน้าหน่วยงานควรใช้การต้อนรับอย่างมีไมตรี แสดงความสนใจต่อผู้ที่จะเข้าทำงานอย่างจริงจัง อธิบายงานหรือภารกิจของหน่วยงาน สอนหรือ แนะนำวิธีทำงานให้รู้จักกับหัวหน้าหน่วยงานต่าง ๆ และเพื่อนร่วมงาน

45.       ถ้าท่านเป็นผู้ตอบคำถาม และมีผู้ถามคำถามที่ท่านตอบไม่ได้ ควรทำอย่างไร

1) ตอบว่าไม่ทราบ       2) ขอผัดผ่อนไปตอบในเวลาอื่น

3) ตอบเลี่ยงว่ามีเวลาตอบน้อย           4) ตอบเรื่องอื่นไปก่อน

ตอบ 1. ในกรณีที่ผู้ฟังหรือผู้ซักถามได้ถามคำถามหรือเรื่องที่ผู้ตอบข้อซักถามไม่สามารถจะตอบได้ ผู้ตอบคำถามควรตอบไปตามความเป็นจริงว่าไม่ทราบ เพราะหากบอกข้อมูลที่ตนไม่มีความรู้หรือไม่รู้ลึกซึ้งในคำถามนั้น ๆ ก็อาจจะนำความเสียหายมาให้ภายหลังได้


46.       คนที่รับความดีความชอบเมื่องานประสบผลสำเร็จ แต่พยามปฏิเสธเมื่องานประสบความบกพร่องจัดว่า เป็นคนประเภทใด

1) นายนักอวด 2) นายไม่ร่วมมือ

3) นายลูกไม่จัด           4) นายยอและนายหน่วง

ตอบ 1. นายนักอวด คือ คนที่พยายามทำตัวให้เด่นอยู่เสมอ โดยพยายามรับความดีความชอบทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียวเมื่องานนั้นประสบผลสำเร็จ แต่จะพยามปฏิเสธความผิดพลาดและข้อบกพร่องต่าง ๆ เมื่องาน ประสบความล้มเหลว

47.       ท่านคิดว่าการออกคำสั่งแตกต่างจากการพูดอื่น ๆ อย่างไร

1) ต้องมีการตระเตรียม           2) ต้องมีศิลปะ

3) ต้องมีการติดตามผลงาน     4) ต้องมีรายละเอียดและรอบคอบ

ตอบ 3. การออกคำสั่งแตกต่างจากการพูดอื่น ๆ คือ จะต้องมีการติดตามผลงานเพื่อให้ทราบว่าคำสั่งนั้นมีการ ปฏิบัติหรือไม่ ซึ่งกล่าวกันว่าประสิทธิภาพของผู้บังคับบัญชา นั้นอาจวัดได้ด้วยการเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างคำสั่งและการปฏิบัติตามคำสั่ง

48.       ข้อใดที่ควรหลีกเลี่ยงในการออกคำสั่ง

1) ออกคำสั่งด้วยวาจา            2) ออกคำสั่งโดยการขอร้อง

3) ออกคำสั่งอย่างไว้อำนาจ    4) ออกคำสั่งที่ติดตามผลงานได้

ตอบ 3. หัวหน้าหน่วยงานควรหลีกเลี่ยงคำสั่งในลักษณะดังต่อไปนี้

1.         อย่าสั่งในลักษณะของการห้ามกระทำ

2.         อย่าออกคำสั่งที่ยุ่งยากและซับซ้อนมากเกินไป

3.         อย่าออกคำสั่งที่ขัดแย้งกันเอง

4.         อย่าสั่งงานแบบก้าวร้าวไว้อำนาจหรือใช้อำนาจบังคับ

5.         อย่าออกคำสั่งโดยใช้ระบบวินัยและระบบทำโทษขึ้นมาอ้าง ฯลฯ

49.       จากเอกสารอ่านประกอบเรื่อง เดินตามรอยเท้าผู้ใหญ่หมาไม่กัด” ผู้เขียนได้กล่าวถึงขนบธรรมเนียม ประเพณีไว้อย่างไรบ้าง

1)         คนเป็นผู้สร้างขนบธรรมเนียม

2)         ขนบธรรมเนียมประเพณีของเกิดง่ายแต่ตายยาก

3)         คนไทยไม่ชอบขนบธรรมเนียมประเพณีไทยแต่ชอบของชาติอื่น

4)         คนเราชอบทำตามชนชั้นสูงถึงจะผิดขนบธรรมเนียมก็รู้ว่าเป็นปกติ

ตอบ 2. จากเอกสารอ่านประกอบเรื่อง เดินตามรอยเท้าผู้ใหญ่หมาไม่กัด” ผู้เขียนได้กล่าวถึงขนบธรรมประเพณีไว้ว่า ขนบธรรมเนียมประเพณีของเกิดง่ายแด่ตายยาก ดังนั้นควรจึงควรทำอะไรต่างๆ ตามระเบียบ แบบแผนและประเพณีนิยมหรือสมัยนิยมจึงจะปลอดภัยและไม่ถูกตำหนิจากคนทั่วไป

50.       นายอดิศักดิ์เป็นผู้บริหารบริษัทแห่งหนึ่ง และต้องเผชิญหน้ากับฝูงชน เรื่องที่เรียกร้องจะทำหรือไม่ทำ” เขาควรตอบอย่างไร

1)         ผมขอศึกษาข้อเท็จจริงและรายละเอียดก่อนแล้วจะรีบจัดการให้ทันที

2)         อย่าใจร้อนซีฮะ ผมต้องเผชิญคณะกรรมการประชุมก่อนจึงจะตอบคุณได้

3)         ถ้าทำได้ก็ทำครับ ถ้าทำได้ก็ต้องเห็นใจฝ่ายผมบ้าง มีเหตุผลบ้างเถิดฮะ

4)         จะพยายามทำนะฮะ แต่ถ้าพวกคุณไม่พอใจจะไปทำงานที่อื่นก็ไม่เป็นไรนี่ฮะ

ตอบ 1. ข้อควรระวังเมื่อประสบปัญหากับฝูงชน (Mob) คือ

1.         ผู้นำหรือผู้บริหารสูงสุดควรออกไปเผชิญหน้ากับ Mob เอง เพื่อช่วยลดความกดดันและแสดงความจริงใจในการรับฟังปัญหา

2.         เมื่อผู้นำต้องตอบคำถามที่ไม่มีทางเลือก เช่น จะทำหรือไม่ทำ” ฯลฯ ก็ควรเลี่ยงด้วยการตอบว่า ตอนนี้ผมยังไม่รู้ข้อเท็จจริง จึงขอศึกษารายละเอียดก่อนแล้วจะรีบจัดการให้ทันที

3.         พยายามใช้คำพูดที่แสดงว่าผู้พูดเป็นฝ่ายเดียวกับฝูงชน และมีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือหรือให้ความร่วมมือ ฯลฯ

51.       สิ่งที่ไม่ควรทำที่สุดเมื่อเผชิญหน้ากับฝูงชน คืออะไร

1) ไม่ควรให้เหตุผล      

2) ไม่ควรชักจูงใจหรือขอร้อง

3) ไม่ควรพูดจาท้าทาย            

4) ไม่ควรให้ความเห็นใจ

ตอบ 3. สิ่งที่ไม่ควรทำที่สุดเมื่อเผชิญหน้ากับฝูงชน คือ การพูดจาท้าทาย เพราะทางจิตวิทยาถือว่าเป็นการยั่วยุให้ฝูงชนเกิดปฏิกิริยาหรือกระทำการใด ๆ ที่รุนแรงขึ้น เพื่อเอาชนะคำสบประมาทหรือคำท้าทายนั้นทันที ซึ่งล้วนแต่ก่อให้เกิดผลเสียและวุ่นวายมากขึ้น

52.       สมมุติว่าท่านเป็นผู้บังคับบัญชา เมื่อท่านได้เรียกให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ทำงานมีประสิทธิภาพน้อยเข้าพบเป็นการส่วนตัวแล้ว ท่านควรทำอย่างไรต่อไป

1)         แจ้งข้อบกพร่องในหน้าที่ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทราบ

2)         ชี้ให้เห็นข้อบกพร่องแล้วถามว่าควรจะปรับปรุงอย่างไร

3)         รับฟังเหตุผลหรือข้อแก้ตัวของผู้ใต้บังคับบัญชา อย่างเต็มใจ

4)         เน้นถึงหน้าที่ที่ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องรับผิดชอบและข้อบกพร่อง

ตอบ 4. เมื่อผู้ใต้บังคับบัญชา เข้าไปในห้องของบังคับบัญชา แล้ว ผู้บังคับบัญชา ควรจะให้การต้อนรับอย่างดี โดยเชิญให้นั่งด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและทักทายถามทุกข์สุขบ้างเล็กน้อย จากนั้นจึงพูดเน้นถึงหน้าที่ที่ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องรับผิดชอบ และขี้แจงให้ทราบถึงข้อผิดพลาดหรือข้อบกพร่องในหน้าที่ ซึ่งควรเป็นไปใน ลักษณะที่เป็นกันเอง ไม่จู่โจมหรือมุ่งเอาผิด

53.       คุณจันทราเป็นหัวหน้างาน จะมีวิธีพูดกับเพื่อนร่วมงานมีประสิทธิภาพน้อยอย่างไร

1) วิธีถาม-ตอบ            2) วิธีพูดปรึกษาขอความเห็น

3) วิธีชี้ให้เห็นข้อบกพร่องอย่างมีเหตุผล          4) วิธีบังกับโดยอาศัยระเบียบการปฏิบัติการ

ตอบ 2.

54.       วิธีติดตามผลงานของผู้ใต้บังคับบัญชาที่ทำงานมีประสิทธิภาพน้อยว่าได้มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ควร ทำอย่างไร

1) ติดตามผลงานอย่างเปิดเผย           2) ควรจับตาดูห่าง ๆ พอให้รู้ตัวบ้าง

3) ควรจับตาดูห่าง ๆ อย่าให้รู้ตัว         4) พยายามอยู่ใกล้ชิดผู้ใต้บังคับบัญชา

ตอบ 3. วิธีพูดกับเพื่อนร่วมงานที่ทำงานมีประสิทธิภาพน้อยหรือไม่มีประสิทธิภาพว่าได้มีการแก้ไข ปรับปรุงให้ดีขึ้นหรือไม่ คือ หัวหน้างานควรจับตาดูห่าง ๆ โดยไม่ให้รู้และไม่ควรทำอย่างเปิดเผยจนเกินไป เพราะจะทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชา เกิดความหวาดระแวง เกิดความกลัวหรือระมัดระวังตัวมากเกินไป ซึ่งจะทำให้เกิดความตึงเครียดขึ้นได้

55.       อวิโรธนะ เป็นทศพิธราชธรรมข้อที่ 10 มีความหมายอย่างไร

1)         ไม่ทำอะไรที่เบียดเบียนผู้อื่นทั้งทางตรงและทางอ้อม

2)         ความประพฤติซื่อตรง ไม่ทรยศต่อเพื่อนและหน้าที่

3)         การไม่ทำผิดทั้งที่รู้ และความเที่ยงธรรม

4)         การใคร่ครวญไตร่ตรองด้วยปัญญาในสิ่งที่ทำ

ตอบ 3. อวิโรธนะ (ความไม่ผิด) หมายถึง การไม่ทำผิดทั้งที่รู้ โดยควรรอบคอบในสิ่งที่จะทำทั้งหลาย ระมัดระวังไม่ให้ผิดหรือจะผิดก็แต่น้อย และต้องรักษาความเที่ยงธรรมความยุติธรรม ต้องไม่ให้ลำเอียงเพราะ ความชัง ความหลง และความกลัวทั้งหลาย


56.       เทคนิคการปิดการตอบข้อซักถามที่ดีควรเป็นอย่างไร

1)         ยุติเมื่อผู้ซักถามปรารถนาจะให้ยุติ

2)         ดำเนินไปอย่างคล่องตัว ไม่ชักช้าและออกนอกเรื่อง

3)         ยุติเมื่อเห็นว่าผู้ซักถามเหนื่อยและเบื่อแล้ว

4)         ในแนวที่ก่อให้เกิดความเสียหายที่ต้องยุติการซักถามนั้นลง

ตอบ 4. เทคนิคหรือศิลปะในการปิดการตอบข้อซักถามที่ดีนั้น ควรเป็นไปในแนวที่ก่อให้เกิดความเสียหายที่จะต้องยุติการซักถามนั้นๆลง โดยควรยุติการตอบซักถามในขณะที่ผู้ฟังหรือผู้ซักถามยังมีความสนใจอยู่ ดีกว่าการยุติเมื่อผู้ฟังซักถามปรารถนาที่จะให้ยุติ

57.       หลักในการตอบข้อซักถามหลักการบรรยายสรุป มีอะไรบ้าง

1)         ตอบให้ตรงคำถาม ให้ด้ใจความ และกระชับ

2)         ตอบให้ได้เนื้อหาและรายละเอียด ให้ตรงคำถามและสุภาพ

3)         ตอบให้ได้เนื้อหาสำกัญ ๆ กระชับ และสุภาพ

4)         ตอบให้ตรงคำถาม และสุภาพ

ตอบ 1. หลังจบการพูดบรรยายสรุป ผู้ฟังย่อมต้องการซักถามผู้พูดเพิ่มเติม ฉะนั้นผู้พูดจึงเปิดโอกาสให้ ซักถามและตระเตรียมคำตอบไว้พร้อมแล้วกับเนื้อหาที่จะพูดด้วยโดยในกรณีที่ทราบคำตอบผู้พูดควรใช้หลักการ ตอบข้อซักถามที่ว่า ตอบให้ตรงคำถามให้ได้ใจความ และตอบให้กระชับเท่าที่จะเป็นไปได้

58.       จากปาฐกถาธรรมของพระราชนันทมุนี เนื่องในวันข้าราชการ กล่าวว่า ข้าราชการต้องปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า พระองค์มีลักษณะพิเศษ 2 ประการหนึ่งคือ ปุพพสี ถามว่า ปุพพสี คืออะไร

1) ทักคนก่อน  2) มีหน้าตาแจ่มใส

3) มีสติปัญญา            4) มีความสุภาพ อ่อนน้อม

ตอบ 1. จากปาฐกถาธรรมของพระราชนันทมุนี เนื่องในวันข้าราชการพลเรือน กล่าวว่า ข้าราชการต้องปฏิบัติตามอย่างพระพุทธเจ้า ซึ่งมีลักษณะพิเศษอยู่ 2 ประการ คือ

1.         ปุพพสี หมายถึง ทักคนก่อน

2.         อตตานมุขี หมายถึง มีหน้าตาเบิกบานแจ่มใส

59.       วัตถุประสงค์ของ The Q & A คืออะไร

1)         เพื่อลองดีว่าผู้ตอบรู้หรือไม่

2)         เพื่อให้ผู้ฟังเห็นว่าคนถามเป็นคนฉลาด

3)         เพื่อคลายข้อข้องใจและเพื่อสร้างมนุษย์สัมพันธ์ระหว่างผู้พูดกับผู้ฟัง

4)         เพื่อระบายความคับแค้นใจและความกดดันภายในของผู้พูดกับผู้ฟัง           

ตอบ 3. วัตถุประสงค์ของการตอบข้อซักถาม (The Q & A ) คือ

1.         ให้โอกาสผู้ฟังซักถามข้อสงสัยเพื่อคลายความข้องใจต่าง ๆ ให้หมดไป

2.         ให้โอกาสผู้ฟังเสนอข้อคิดเห็นที่แตกต่างหรือขัดแย้งกับผู้พูด

3.         เป็นการสร้างมนุษย์สัมพันธ์ระหว่างผู้พูดกับผู้ฟัง ฯลฯ

60.       นายชวลิตเป็นหัวหน้างานที่ออกคำสั่งเสียงดังในวันหนึ่ง แต่แล้วก็ออกคำสั่งที่ตรงกันข้ามในวันรุ่งขึ้น นายชวลิตเป็นนายประเภทใด

1. นายลูกไม้จัด           2) นายโลเล

3) นายหน่วง    4) นายนักเปลี่ยน

ตอบ 3 “นายหน่วง” มีอยู่ดังนี้ คือ

1.         นายหน่วงขี้อาย มีลักษณะเป็นหลบ ๆ เลี่ยง ๆ ไม่ค่อยกล้าตัดสินใจให้เด็ดขาด

2.         นายหน่วงเสียงดัง จะเป็นบุคคลที่ออกคำสั่งเสียงดังในวันหนึ่ง แต่แล้วก็จะออกคำสั่งที่ตรงกันข้ามในวันรุ่งขึ้น

61.       จากเอกสารเรื่อง วิธีการร่วมงานกับข้าราชการสตรี” ทำไมลูกน้องผู้หญิงชอบให้เจ้านายตรวจงานบ่อย ๆ

1)         ลูกน้องหญิงมีความแตกต่างจากลูกน้องผู้ชายมาก

2)         ลูกน้องผู้หญิงมีความภาคภูมิใจในผลงานของตนมากกว่าลูกน้องผู้ชาย

3)         ลูกน้องผู้หญิงมีนิสัยชอบโอ้อวดและแสดงออกมากกว่าลูกน้องผู้ชาย

4)         ลูกน้องผู้หญิงต้องการความสนใจจากเจ้านายมากกว่าลูกน้องผู้ชาย

ตอบ 2. จากเอกสารอ่านประกอบเรื่อง วิธีทำงานกับข้าราชการสตรี” พบว่า ลูกน้องผู้หญิงชอบให้เจ้านายได้ตรวจสอบงานอยู่เสมอ ๆ โดยยิ่งเช็คงานบ่อยเท่าใดยิ่งดี ทั้งนี้เป็นเพราะว่าลูกน้องผู้หญิงจะมีความภาคภูมิใจในผลงานของตนอยู่เสมอ ซึ่งการที่เจ้านายมีความสนใจในงานของเธอก็จะยิ่งทำให้เธอมีความสนใจในการทำงานมากยิ่งขึ้น

62.       หลังจากที่ผู้บังคับบัญชาได้ฟังคำร้องทุกข์และได้ศึกษาข้อเท็จจริงต่าง ๆ แล้ว ควรทำอย่างไร

1)         ปล่อยทิ้งไว้ระยะหนึ่งเพื่อช่วยลดแรงกดดัน

2)         พิจารณาจัดการอย่างช้า ๆ เพื่อความรอบคอบ

3)         พิจารณาจัดการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เร็วที่สุด

4)         พิจารณาจัดการอย่างใดอย่างหนึ่งในระยะเวลาพอสมควร

ตอบ 4. หลังจากที่ผู้บังคับบัญชาได้ฟังคำร้องทุกข์แล้วและศึกษาข้อเท็จจริงต่าง ๆ แล้วผู้นำหรือผู้บังคับบัญชา จะต้องจัดการกับเรื่องนั้นในระยะเวลาพอสมควร โดยไม่ปล่อยทิ้งไว้เป็นระยะเวลานานหรือจัดการด้วยความล่าช้า เพราะเป็นการแสดงถึงความไม่เด็ดขาด ไม่เอาจริงซึ่งจะทำให้ขวัญของผู้ร่วมงานหรือผู้ใต้บังคับบัญชาเสียไป

63.       ถ้าท่านเป็นหัวหน้างาน และนายเลิศเป็นพนักงานที่สำคัญตนผิดว่าตนเก่งคนเดียว ท่านควรจัดการกับนายเลิศอย่างไร

1) ว่ากล่าวตักเตือนให้นายเลิศรู้ตัว     2) จัดการแบ่งงานให้คนอื่นทำบ้าง

3) มอบหมายงานสำคัญ ๆ ให้นายเลิศทำ 4) พยายามอธิบายให้นายเลิศมองปัญหาหลาย ๆ ด้าน

ตอบ 3. วิธีจัดการกับผู้ใต้บังคับบัญชาที่สำคัญตนผิดว่าเป็นคนสำคัญของหน่วยงาน คือ การให้พิสูจน์ตนเอง โดยผู้หรือบังคับบัญชาควรมอบหมายการหน้าที่สำคัญ ๆ ให้ทำ ซึ่งถ้าให้พิสูจน์ตนเองแล้วปรากฏว่าทำงาน ไม่สำเร็จ ผู้ที่สำคัญตนผิดนั้นก็จะเข้าใจสภาพของตนเอง

64.       ท่านคิดว่าคนที่มีอคติหรือลำเอียงมีลักษณะอย่างไร

1) เป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่าง       2) เป็นคนหัวสูงและอวดดี

3) เป็นคนที่สมองริเริ่ม ฉุนเฉียว           4) เป็นคนที่มีความคิดคับแคบและหัวรั้น

ตอบ 4. โดยปกติแล้วคนที่มีอคติหรือมีความลำเอียงมักจะเป็นคนที่มีความรู้พื้นฐานและความสามารถอยู่ใน วงจำกัด นอกจากนี้ยังเป็นคนที่มีอคติหัวรั้นอีกด้วย และมักจะเป็นคนที่คิดอะไรแคบ ๆ ไม่รู้จักคิดด้วยเหตุผลให้รอบคอบ

65.       ถ้าท่านเป็นผู้แนะนำให้ผู้รับเชิญ (Guest Speaker ) ท่านจะหาข้อมูลเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้พูดอย่างไร

1) สอบถามจากเพื่อน ๆ          2) สอบถามจากผู้รู้

3) สอบถามจากตัวผู้พูดเอง     4) สอบถามจากสำนักงานหนังสือพิมพ์

ตอบ 2,3วิธีหาความรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้พูดอาจทำได้2 วิธีคือ 1สอบถามจากตัวผู้พูดเอง 2. สอบถามจากผู้รู้

66.       คนมีสมอง คนมีความรู้ เขาไม่ทำอย่างนี้กันหรอก” ประโยคนี้เป็นการพูดเสนอความคิดเห็นแบบใด

1) แบบพูดอ้างไปก่อน           2) แบบโฆษณาชวนเชื่อ

3) แบบให้คนเห็นใจ    4) แบบพูดให้คนสงสาร

ตอบ 1. เทคนิคในการพูดเสนอความคิดเห็นแบบอ้างไปก่อน เช่น ธรรมดาคนเราทำ อย่างนี้กันทั้งนั้นนะ…” “คนที่มีสติเขาไม่พูดกันอย่างนี้…ฯ ฯลฯ

ตั้งแต่ข้อ 67 – 72 จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

1. การปฐมนิเทศ         2. การให้ทำงาน          3) การฝึกอบรมพิเศษ

4. การฝึกงาน  5. การสอนแนะนำแบบตัวต่อตัว

67.       การฝึกอบรมผู้ที่จะเป็นผู้บริหาร

ตอบ 5 วิธีการสอนแนะนำตัวแบบตัวต่อตัว (Coaching) เป็นวิธีหนึ่งที่ใช้ในการฝึกอบรมระดับผู้บริหารเพื่อใช้ปรับปรุงการทำงาน ซึ่งผู้ที่จะทำการสอนแนะได้ก็คือ ผู้บังคับบัญชาที่ใกล้ชิดนั่นเอง โดยทั้งผู้สอนและผู้เรียนจะช่วยกันพิจารณาและวิเคราะห์ปัญหา แล้วหาทางแก้ไขหรือขจัดปัญหาและอุปสรรคเหล่านั่น

68.       การฝึกเจ้าหน้าที่ให้ทำงานในสำนักงานเลขานุการ

ตอบ 2. การฝึกอบรมโดยการให้ทำงาน (On The Job Training) บางครั้งเรียกว่า Skill Training เป็นการ ฝึกอบรมที่มุ่งให้เกิดทักษะในการปฏิบัติงาน และเป็นวิธีหนึ่งที่เพิ่มสมรรถภาพในการทำงานให้กับผู้เข้าทำงานใหม่ โดยจะมีการสอนให้ทำงานกันจริง ๆ ในสถานการณ์ทำงานจริง จึงเหมาะสำหรับการทำงานที่ใช้ ระยะเวลาสั้น ๆ และมีผู้เข้ารับการอบรมน้อยแต่สิ่งที่ต้องการจากการอบรมก็คือ ทักษะเท่านั้น

69.       การฝึกอบรมด้วยการส่งตัวไปอบรมกับสถาบันต่าง ๆ

ตอบ 3. การฝึกอบรมพิเศษ (Special Purpose Program) เป็นการอบรมเพื่อจุดมุ่งหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น นายจ้างอาจจะจัดหลักสูตรพิเศษขึ้นเพื่อพนักงานของตนโดยนายจ้างเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด หรือ นายจ้างอาจส่งพนักงานไปฝึกงานกับสถาบันการศึกษาหรือองค์การที่จัดให้มีการอบรมขึ้น

70.       การฝึกอบรมผู้เข้าทำงานใหม่ให้มีความรู้เกี่ยวกับที่ทำงาน

ตอบ 1. การฝึกอบรมแบบปฐมนิเทศ (Orientation) คือ การฝึกอบรมที่จัดให้แก่ผู้เข้าทำงานใหม่เพื่อแนะนำ ให้ได้ทราบถึงเรื่องราวต่าง ๆ ของหน่วยงานนั้น โดยการเป็นการพูดแบบบรรยายให้ความรู้ เช่น บอกประวัติ ความเป็นมา นโยบาย ระเบียบในการทำงาน ฯลฯ ซึ่งถือเป็นเครื่องมือประเภทแรกที่ผู้นำใช้ในการปรับปรุง ผู้เข้าทำงานใหม่ให้คุ้นเคยกับหน่วยงานหรือองค์การนั้น ๆ

71.       การฝึกเพื่อให้พร้อมที่จะทำงาน เช่น นักข่าว

ตอบ 4. .การฝึกงาน (Internship Training) เป็นการฝึกอบรมที่มีจุดมุ่งหมายให้ผู้รับการฝึกงานมีความรู้ความชำนาญที่สมดุลกัน และเห็นความแตกต่างระหว่างภาคทฤษฎีกับภาคปฏิบัติ ซึ่งจะทำให้เกิดความเข้าใจยิ่งขึ้น และพร้อมจะทำงานในอาชีพนั้น ดังนั้นจึงมักใช้กับงานที่ต้องการความชำนาญหรืองานอาชีพ เช่น แพทย์ ทนายความ นักบัญชี ครู ฯลฯ

72.       การฝึกอบรมที่ผู้เรียนและผู้สอนจะช่วยกันวิเคราะห์ปัญหาแล้วหาทางแก้ไข

ตอบ 5. ดูคำอธิบายข้อ 67. ประกอบ

ตั้งแต่ข้อ 73 – 77. จงใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ตอบคำถาม

1) Interview       2) Dialogue        3) Buzz Session

3) Committee Hearing      5) Brainstorming (วิธีเปิดใจไขสมอง)

73.       การอภิปรายที่สมาชิกออกความคิดเห็นอย่างเต็มที่ควบคู่กับการระบายความคับแค้นใจ ซึ่งเป็นวิธีที่นายอเล็กซ์ ออสบอนด์ คิดขึ้น

ตอบ 5. วิธีเปิดใจไขสมอง (Brainstorming) เป็นวิธีที่นาย Alex Osborn คิดพัฒนาขึ้นเพื่อส่งเสริมให้สมาชิก ในกลุ่มได้แสดงความคิดสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น ซึ่งจุดสำคัญของวิธีนี้คือ ไม่มีการวิจารณ์ ประเมินผล หรือตำหนิ ในระหว่างที่ทุกคนกำลังคิดค้นอย่างเสรี ดังนั้นจึงนับเป็นวิธีที่สมาชิกออกความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องเกรงใจใคร ทำให้ได้รับความคิดริเริ่มและความคิดสร้างสรรค์ขึ้นพร้อม ๆ กับการให้โอกาสระบายความในใจออกมา

74.       รายการ กรองสถานการณ์” ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ช่อง 11

ตอบ 2. การสนทนา (Dialogue) เป็นการอภิปรายแบบซักถามหรือโต้แย้งเพื่อแสดงถึงข้อคิดเห็นในที่ประชุม หรือต่อหน้าผู้ฟัง ซึ่งตามปกติคู่สนทนาจะเป็นผู้มีความรู้ ผู้บริหารหรือผู้เชี่ยวชาญที่มาให้ความรู้แก่ผู้ฟังด้วย การซักถามกันเอง โดยมักจะพบได้ในรายการทางวิทยุหรือโทรทัศน์ และในมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษา

75.       การประชุมเล็ก ๆ เพื่อให้ได้คำตอบใน 10 นาที

ตอบ 3. Buzz Session เป็นการประชุมกลุ่มเล็ก ๆ ที่แบ่งผู้ร่วมประชุมออกเป็นกลุ่มละ 4-8 คน แล้วแต่จำนวน ผู้เข้าร่วมประชุม โดยจะให้แต่ละกลุ่มหาคำตอบภายใน 10 นาที เพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมในการพูดและถามอย่างเต็มที่ ซึ่งปกติจะจัดให้มี Buzz Session ขึ้นหลังจากที่ร่วมประชุมรวม เช่น การฟัง บรรยาย การฟังอภิปราย การประชุม ฯลฯ

76.       การอภิปรายที่มีวิทยากรที่เชี่ยวชาญตอบคำถามของสมาชิกของหน่วยงาน

ตอบ 4. Committee Hearing เป็นการอภิปรายที่มีวัตถุประสงค์ในการแก้ไขปัญหาใดปัญหาหนึ่งโดยเฉพาะ ซึ่งจะเชิญผู้เชี่ยวชาญหรือวิทยากรมาพูด แถลง และตอบข้อซักถามของสมาชิกในหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง โดยมีผู้ซักถามที่เป็นผู้แทนของสมาชิกหน่วยงานนั้นประมาณ 4-5 คน

77.       ผู้ไม่รู้ซักถามผู้รู้หรือเจ้าของเรื่อง

ตอบ 1. การสัมภาษณ์ (Interview) คือ การที่ผู้ไม่รู้ซักถามผู้รู้หรือเจ้าของเรื่องนั้น ๆ ซึ่งลักษณะของการ สัมภาษณ์ มีดังต่อไปนี้

1.         มีลักษณะเป็นทางการมากกว่าแบบสนทนา

2.         หน้าที่ของผู้สัมภาษณ์และผู้ให้สัมภาษณ์ต่างกัน

3.         ผู้สัมภาษณ์ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางเชื่อมระหว่างผู้ให้สัมภาษณ์และผู้ฟัง

4. เป็นวิธีที่ได้ข้อมูล เนื้อหา และสาระในระยะเวลาอันสั้น

ข้อ 78 – 100. ข้อใดถูกให้ระบายตัวเลือกที่ 1 ข้อใดผิดให้ระบายตัวเลือกที่ 278.       วิธีฝึกอบรมแบบ Case Study ที่มีการเตรียมตัวล่วงหน้าเรียกว่า Incident method

ตอบ 2. วิธีการฝึกอบรมแบบ Cass Study ทำได้ 2 วิธี คือ 1. มีการเตรียมตัวล่วงหน้าโดยผู้อบรมจะให้ ตัวอย่างพร้อมทั้งข้อมูลและข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง (Factual Situation) กับผู้เข้ารับการอบรมได้ศึกษาหรืออ่าน มาก่อน 2. ไม่มีการเตรียมตัวล่วงหน้า หรือที่เรียกว่า Incident method โดยผู้อบรมจะไม่ให้ตัวอย่างก่อน แต่ผู้อบรมจะเล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อผู้เข้ารับการอบรมมาประชุมพร้อมกัน

79.       ห้าเราะวันละนิดจิตแจ่มใส” เป็นการพูดเสนอความคิดเห็นแบบโฆษณาชวนเชื่อ

ตอบ 1. เทคนิคในการพูดเสนอข้อคิดเห็นแบบโฆษณาชวนเชื่อ เรียกว่าวิธี Favorable maxim เช่น หัวเราะวันละนิด จิตแจ่มใส”  “ผมมีลูกสองคนก็พอครับเพราะเขาว่ามีลูกมากจะยากจน” ฯลฯ

80.       Buzz Session จะแบ่งผู้ร่วมประชุมเป็นกลุ่มละ 4-5 คน

ตอบ 1. ดูคำอธิบายข้อ 75. ประกอบ

81.       ข้อธรรมะที่ช่วยให้ผู้นำประสบความสำเร็จในหน้าที่กิจการงานคือ สัปปุริสธรรม

ตอบ 1. หลักธรรมของศาสนาพุทธซึ่งเป็นข้อธรรมะที่ช่วยให้ผู้นำประสบความสำเร็จในหน้าที่กิจการงานต่าง ๆ เช่น ทางปกครอง ฯลฯ ได้แก่ สัปปุริสธรรม 7พรหมวิหาร 4บารมี 10 เป็นต้น

82.       ทะเลรู้ความลึกของทะเล” เป็นการสอนผู้นำให้รู้จักสำรวจตัวเอง

ตอบ 1. สำรวจตัวเอง คือ การเรียนให้รู้จักตัวเอง ดังคำโบราณว่า หนวดแมวเป็นมัคคุเทศของแมวการสำรวจตัวเองเป็นทางดำเนินอันเจริญของตนผู้ที่รู้ความลึกของทะเลก็คือทะเลเองผู้ที่รู้ความกว้างของห้าก็คือห้าเอง แม้ผู้ที่รู้ความดีความชั่วในตัวได้ก็คือตัวของตัวเอง

83.       คำสั่งแบบแนะนำให้ทำ ควรพูดแบบไม่ตั้งใจ

ตอบ 1. วิธีออกคำสั่งประเภทแนะนำให้ทำ ควรจะออกมาในรูปแบบไม่ตั้งใจหรือขอความเห็นมากกว่าที่จะไป พูดแนะนำกันตรง ๆ ซึ่งจะให้ผลรวดเร็วที่สุด เพราะตามหลักจิตวิทยานั้นถือว่า คนเราชอบแสดงความคิดเห็นของตนมากกว่าจะรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เช่น ควรทำความสะอาดตู้นั้นได้แล้วใช่ไหมนายแก้ว” “ที่ จริงห้องนี้ก็ดีนะแต่ถ้ามีโต๊ะเก้าอี้สักตัวคงจะดีจริงไหมละนายจอน” ฯลฯ

84.       ทักขิณทิศ คือ ทิศเบื้องหน้า ได้แก่ บิดา มารดา

ตอบ 2. ผู้ที่จะเป็นผู้นำจะต้องรู้จักเคารพทิศ 6 ทิศ คือ 1. ปุรัตถิมทิส แปลว่า ทิศเบื้องหน้า ได้แก่ บิดา มารดา 2. ทักขิณทิส แปลว่า ทิศเบื้องขวา ได้แก่ ครูบาอาจารย์ 3. ปัจฉิมทิส แปลว่า ทิศเบื้องหลัง ได้แก่ ภรรยาหรือสามี 4. อุตตรทิส แปลว่า ทิศเบื้องซ้าย ได้แก่ มิตรสหาย 5. เหฏฐิมทิส แปลว่า ทิศเบื้องล่าง ได้แก่ คนรับใช้ลูกน้อง 6. อุปริมทิส แปลว่า ทิศเบื้องบนได้แก่ สมณชีพราหมณ์ทั้งหลาย

85.       การประสานงานไม่ดี” เป็นคำร้องทุกข์ด้านประสาทและความรู้สึก

ตอบ 1 ดูคำอธิบายข้อ 29.ระกอบ

86.       การพูดอบรมแบบปฐมนิเทศจะใช้การพูดแบบบรรยาย

ตอบ 1. ดูคำอธิบายข้อ 70. ประกอบ

87.       ความหวังและความกลัว เป็นคำร้องทุกข์ประเภทสัมผัสได้ เห็นได้

ตอบ 2. ดูคำอธิบายข้อ 29. ประกอบ

88.       การอภิปรายกลุ่มในสังคมไทย มักจะเป็นไปในรูปแบบผู้ใหญ่กับผู้น้อย

ตอบ 2. การอภิปรายกลุ่มในสังคมไทยมักจะเป็นไปในรูปแบบ ดังนี้คือ 1. ถ้ามีคนแก่กับคนหนุ่มสาว คนแก่ จะพูด ส่วนคนหนุ่มสาวจะเงียบ 2. ถ้ามีหญิงแต่งงานกับหญิงโสดหญิงที่แต่งงานแล้วจะพูดฝ่ายเดียว หรือ หญิงโสดจะพูดฝ่ายเดียว

89.       วิธีจัดการกับผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีอคติหรือใจลำเอียงก็คืออดทนอธิบายปัญหาหลาย ๆ ด้าน และต้องทำ ตัวเป็นครูด้วย

ตอบ 1. วิธีจัดการกับผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีอคติหรือใจลำเอียง ก็คือ พยายามใช้ความอดทนชี้แจงและอธิบายให้ผู้ที่มีอคติมองปัญหาหลาย ๆ ด้าน ให้เห็นทั้งส่วนดีและส่วนเสียของการกระทำ ซึ่งบางครั้งก็ต้องทำตัวเป็นครูที่ดีของผู้ใต้บังคับบัญชาด้วย

90.       ผู้นำที่ดีมักจะกล่าวชมผู้น้อยอย่างมีศิลปะ และกล่าวตำหนิติเตียนอย่างตรงไปตรงมา

ตอบ 2. ดูคำอธิบายข้อ 52. ประกอบ ผู้นำที่ดีควรพูดชมและกล่าวตำหนิผู้น้อยอย่างมีศิลปะ เพื่อทำให้ผู้ฟัง เกิดความภาคภูมิใจและยอมรับในข้อบกพร่องของตนอย่างเต็มใจมากกว่าที่จะให้ผู้ฟังคิดว่าเป็นการพูดเยินยอ หรือพูดอย่างไร้ความหมาย

91.       ผู้บริหารสูงสุดควรออกไปพูดกับ Mob เพื่อแสดงความจริงใจในการรับฟังปัญหา

ตอบ 1. ดูคำอธิบายข้อ 50 . ประกอบ

92.       คำสั่งที่ออกไปเป็นเครื่องวัดความสามารถของผู้บังคับบัญชา

ตอบ 1. การออกคำสั่งมีความสำคัญมาก เนื่องจากคำสั่งที่ออกไปนั้นเป็นเครื่องวัดความสามารถของ ผู้ผู้บังคับบัญชาหรือหัวหน้างาน ดังนั้นก่อนที่จะออกคำสั่งจึงจำเป็นต้องมีการตระเตรียมว่าจะสั่งใคร (Who) ให้ทำอะไร (What) ที่ไหน (Where) เมื่อไหร่ (When) ทำไม (Why) และอย่างไร (How) เพื่อให้ได้คำสั่งที่สมบูรณ์)

93.       ตั้งแต่ปกหน้าจนถึงปกหลังของตำรา การพูดสำหรับผู้นำ มีรูปพ่อขุน จำนวน 1 รูป

ตอบ 2. ดูคำอธิบายข้อ 31. ประกอบ

94.       การตื่นเวทีจะเกิดกับผู้พูดทุกคน ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่

ตอบ 1. ผู้พูดที่ขึ้นเวทีพูดจะมีปัญหาความกังวลและการตื่นเวทีกันเกือบทุกคนไม่ว่าจะเป็นนักพูดระดับใด แต่สามารถแก้ไขความตื่นเวทีได้ด้วยการฝึกซ้อมพูดมาเป็นอย่างดี และมีความเชื่อมั่นในตนเองให้มาก

95.       ผู้พูดควรจบการบรรยายสรุปด้วยการอวยพรให้ผู้ฟัง

ตอบ 2. ดูคำอธิบายข้อ 57. ประกอบ

96.       ผู้ฟังส่วนใหญ่จะอดทนฟังผู้พูดที่พูดเสียงเบามากกว่าผู้พูดที่พูดเสียงดัง

ตอบ 2. การพูดให้ดังพอที่จะได้ยินทั่วถึงกัน ซึ่งไม่เบาหรือดังเกินไป เพราะจะทำให้ผู้ฟังเกิดความรำคาญและ ขาดความสนใจที่จะฟัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่พูดเสียงเบานั้นควรจะฝึกพูดให้เสียงดังขึ้น เพราะมีการสำรวจกัน มาแล้วว่าผู้ฟังส่วนใหญ่จะอดทนฟังผู้พูดที่พูดเสียงดังมากกว่าผู้พูดที่พูดเสียงเบา

97.       เราทำงานชิ้นแรกกันก่อนดีไหม จะได้ไม่ต้องห่วงเรื่องทำไม่ทัน” เป็นการออกคำสั่งแบบขอร้องให้ทำ

ตอบ 2. วิธีการออกคำสั่งประเภทขอร้องให้ทำ มักจะก่อให้เกิดมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อผู้รับคำสั่ง ซึ่งจะเพิ่มความเป็นกันเองและลดช่องว่างระหว่างกันด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเลือกใช้ถ้อยคำและน้ำเสียงที่สุภาพหรือใช้การพูดที่ มีหางเสียง เช่น กรุณาเซ็นชื่อด้วยครับ” “โปรดฟังทางนี้หน่อยค่ะ” ฯลฯ (ส่วนประโยคตามโจทย์นั้นเป็นวิธีการ ออกคำสั่งประเภทแนะนำให้ทำ : ดูคำอธิบายข้อ 83. ประกอบ)

98.       หลักธรรมที่ทำให้พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาของโลกคือ อิทธิบาท 4

ตอบ 1. อิทธิบาท 4 มีดังนี้ 1. ฉันทะ คือ พอใจกับงานที่ทำอยู่ 2. วิริยะ คือ ความภาคเพียรในกิจนั้น 3. จิตตะ คือ ความมีใจฝักใฝ่ในกิจนั้น 4. วิมังสา คือ ความใคร่ครวญไตร่ตรองด้วยปัญญา

99.       อาชชวะ คือ ความประพฤติซื่อตรง

ตอบ 1. หน้า อาชชวะ (ความตรง) คือ ความประพฤติซื่อตรง ไม่คิดทรยศต่อเพื่อน มิดรสหาย ต่อหน้าที่ การงาน ตลอดจนถึงประชาชน

100.    วิชา การพูดสำหรับผู้นำ นี้ ออกข้อสอบทั้งหมด 16 บท

ตอบ 2. ดูคำอธิบายข้อ 31. ประกอบ

Advertisement