การสอบไล่ภาคฤดูร้อน ปีการศึกษา 2557

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 4002 การว่าความและการจัดทําเอกสารทางกฎหมาย

Advertisement

คําแนะนํา ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ

ข้อ 1. นายสุรากับพวกตั้งบริษัทจํากัดขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เพื่อทํากิจการค้าขาย มีข้อบังคับบริษัทกําหนดว่าหุ้นชนิดระบุชื่อลงในใบหุ้นจะโอนให้บุคคลอื่นได้ต้องได้รับอนุมัติจาก กรรมการบริษัทก่อน ต่อมานายสุราประสงค์ที่จะขายหุ้นของตนจํานวนหนึ่งในบริษัทนี้ให้แก่นายเมรัย จึงมาขอให้ท่านจัดทําแบบฟอร์มหนังสือโอนหุ้นบริษัทให้ โดยนายสุราจะไปกรอกข้อความเอง ให้ท่าน จัดทําแบบฟอร์มหนังสือโอนหุ้นบริษัทให้นายสุรา

ธงคําตอบ

สัญญาการโอนหุ้น

บริษัท………………………………จํากัด

สัญญาฉบับนี้ทําขึ้น ณ……………………..เมื่อวันที่……เดือน……. พ.ศ…….

เพื่อเป็นหลักฐานแสดงการโอนหุ้นของบริษัท……………….จํากัด ดังมีข้อความต่อไปนี้

ข้อ 1. ผู้โอนชื่อ………………………..สัญชาติ…………………. อายุ……….ปี

ข้อ 2. ผู้รับโอนชื่อ……………………..สัญชาติ………………….อายุ……….ปี

ข้อ 3. โอนหุ้นจํานวน………………หุ้น หมายเลขหุ้นตั้งแต่เลขที่……ถึงเลขที่………

ข้อ 4. ผู้โอนตกลงโอนและผู้รับโอนตกลงรับโอนหุ้นดังกล่าวข้างบนนี้ โดยการ………………………แก่กัน

ตั้งแต่วันที่……….เดือน………..พ.ศ……….เป็นราคาทั้งสิ้น…….บาท (……….)

ผู้โอนยอมขาดจากการเป็นผู้ถือหุ้น และผู้รับโอนยอมเข้าเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทนี้ตั้งแต่วันทําสัญญาฉบับนี้เป็นต้นไป

ข้อ 5. ผู้โอนได้รับเงินค่าโอนไปถูกต้องแล้วในวันทําสัญญาฉบับนี้

ข้อ 6. ผู้โอนตกลงโอนสิทธิและประโยชน์ทั้งหลายที่ผู้โอนพึงมีพึงได้รับจากบริษัททั้งก่อนในขณะ และภายหลังวันโอนนี้ให้แก่ผู้รับโอนด้วย โดยให้ถือว่าผู้โอนได้รับค่าตอบแทนสิทธิและประโยชน์ที่โอนให้แก่ผู้รับโอน ดังกล่าวรวมอยู่ในเงินค่าโอนตามสัญญาฉบับนี้ด้วยแล้ว

ลงชื่อ………………….ผู้โอน                          ลงชื่อ…………………..ผู้รับโอน

(………………………………..)                       (………………………………..)

ลงชื่อ………………..พยาน                              ลงชื่อ………….พยาน

(………………………………..)                     (………………………………..)

อนุมัติให้โอนได้

ลงชื่อ………………กรรมการ                         ลงชื่อ……………..กรรมการ

(………………………………..)                     (………………………………..)

 

 

ข้อ 2. เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2557 น.ส.จันทร์ชมพูได้ให้นางสาวโบตั๋นกู้ยืมเงินจํานวน 100,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี โดยมีกําหนดชําระคืนภายในวันที่ 1 มกราคม 2558 ทั้งคู่ได้ทําสัญญากันไว้ คนละฉบับ ครั้นถึงวันที่ 1 มกราคม 2558 นางสาวโบตั๋นไม่ยอมชําระคืนเงินกู้ นางสาวจันทร์ชมพู จึงได้ส่งจดหมายลงทะเบียนไปรษณีย์ตอบรับเรียกให้นางสาวโบตั๋นชําระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย แต่นางสาวโบตั๋นกลับเพิกเฉย นางสาวจันทร์ชมพูจึงทําหนังสือแต่งตั้งให้ท่านเป็นโจทก์ฟ้องคดี และเป็นทนายความเพื่อฟ้องเรียกเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยคืนจากนางสาวโบตั๋น ให้ท่านร่างคําฟ้อง โดยเน้นเฉพาะเนื้อหาและคําขอท้ายฟ้อง ไม่คํานึงถึงแบบพิมพ์ศาล

ธงคําตอบ

คําฟ้อง

ข้อ 1. ในการฟ้องคดีนี้ โจทก์ได้มอบอํานาจให้ (ชื่อนักศึกษา) เป็นผู้มีอํานาจฟ้องและ ดําเนินคดีแทนโจทก์ รายละเอียดปรากฏตามสําเนาหนังสือมอบอํานาจเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1

ข้อ 2. เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2557 โจทก์ได้ให้จําเลยกู้ยืมเงินจํานวน 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน) คิดดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี โดยมีกําหนดชําระคืนภายในวันที่ 1 มกราคม 2558 ซึ่งจําเลย ได้รับเงินจํานวนที่กู้ไปครบถ้วนแล้ว และทั้งคู่ได้ทําสัญญากู้กันไว้คนละฉบับ รายละเอียดปรากฏตามสําเนา ภาพถ่ายหนังสือกู้ยืมเงิน ฉบับลงวันที่ 1 มกราคม 2557 เอกสารท้ายคําฟ้องหมายเลข 2

ข้อ 3. เมื่อครบกําหนดระยะเวลาการชําระหนี้ตามสัญญากู้ในวันที่ 1 มกราคม 2558 จําเลย ไม่ยอมชําระหนี้เงินกู้และดอกเบี้ย โจทก์จึงได้ส่งจดหมายลงทะเบียนไปรษณีย์ตอบรับเรียกให้จําเลยชําระคืนเงินต้น จํานวน 100,000 บาท และดอกเบี้ยจํานวน 5,000 บาท รวมเป็นเงิน 105,000 บาท (หนึ่งแสนห้าพันบาทถ้วน) แต่จําเลยกลับเพิกเฉย การกระทําของจําเลยจึงเป็นการผิดสัญญากู้ยืมเงิน ทําให้โจทก์ได้รับความเสียหาย

โจทก์ไม่มีทางอื่นใดที่จะบังคับจําเลยได้ จึงต้องมาฟ้องเป็นคดีนี้ เพื่อขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง เพื่อบังคับจําเลยต่อไป

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

คําขอท้ายฟ้อง

1 ให้จําเลยชําระเงินต้นและดอกเบี้ยแก่โจทก์รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 105,000 บาท (หนึ่งแสนห้าพันบาทถ้วน)

2 ให้จําเลยชําระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินต้น 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน) นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจําเลยจะชําระแก่โจทก์เสร็จสิ้น

3 ให้จําเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์

 

ข้อ 3. สมมุติข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2558 เวลา 22.00 นาฬิกา นายกมล แสนคํา กําลังยืนรอรถแท็กซี่เพื่อไปสนามบินสุวรรณภูมิ ณ คอนโดรัชดา แขวงและเขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ได้ถูกนายจงใจ ทําชั่ว กระชากเอากระเป๋าเอกสารซึ่งในนั้นมีคอมพิวเตอร์ไอแพดราคา 20,000 บาท เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐจํานวน 500 ดอลลาร์ และเอกสารสัญญาทางธุรกิจจากตัวนายกมล แล้ววิ่งหนีไป ต่อมาวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 12.00 นาฬิกา เจ้าพนักงานตํารวจจับนายจงใจ พร้อมกระเป๋าอันมีไอแพดดังกล่าว ส่วนเงินนายจงใจใช้หมดไปแล้ว ส่งสถานีตํารวจนครบาลห้วยขวาง พนักงานสอบสวนได้ทําการสอบสวน นายจงใจให้การรับสารภาพ ส่วนของกลางได้คืนนายกมลไป ระหว่างการสอบสวนนายจงใจถูกนําตัวไปฝากขังไว้ที่ศาลอาญารัชดา ตามคดีหมายเลขดําที่ ฝ.678/2557

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 “ผู้ใดลักทรัพย์โดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ผู้นั้นกระทําผิด ฐานวิ่งราวทรัพย์”

สมมุติให้ท่านในฐานะพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบสํานวนคดีนี้ จงเรียบเรียงคําฟ้องอาญาฐาน วิ่งราวทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 และเรียบเรียงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 158 (5) โดยไม่คํานึงถึงแบบพิมพ์ฟ้อง

ธงคําตอบ

ข้าพเจ้าในฐานะพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบสํานวนคดีนี้ จะเรียบเรียงคําฟ้องเพื่อฟ้อง นายจงใจ ทําชั่ว ในข้อหาวิ่งราวทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 ดังนี้

คําฟ้องอาญา

ข้อ 1. เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2558 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จําเลยได้บังอาจกระทําความผิดอาญา กล่าวคือ จําเลยได้ลักเอากระเป๋าเอกสารซึ่งในนั้นมีคอมพิวเตอร์ไอแพดราคา 20,000 บาท เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ จํานวน 500 ดอลลาร์ และเอกสารสัญญาทางธุรกิจจากตัวนายกมล แสนคํา ผู้เสียหายไปโดยทุจริต ในการลักทรัพย์ ดังกล่าว จําเลยได้กระชากทรัพย์ที่ลักแล้ววิ่งหนีไป อันถือเป็นการฉกฉวยเอาซึ่งหน้า

เหตุเกิดที่แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร

ข้อ 2. ต่อมาวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2558 เวลากลางวัน เจ้าพนักงานตํารวจจับจําเลยได้พร้อม ของกลางคือกระเป๋าเอกสารอันมีไอแพดของกลางที่ระบุในคําฟ้องข้อ 1. นําส่งพนักงานสอบสวนทําการสอบสวน

ชั้นสอบสวนจําเลยให้การรับสารภาพ ส่วนของกลางได้คืนผู้เสียหายไปแล้ว

ระหว่างการสอบสวน จําเลยถูกควบคุมตัวมาตลอด ต่อมาได้นําตัวมาฝากขังไว้ที่ศาลนี้ ตามคดีหมายเลขดําที่ ฝ.678/2557 ขอศาลเบิกตัวจําเลยมาเพื่อพิจารณาพิพากษาลงโทษตามกฎหมายต่อไป

Advertisement