การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2561

ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 4002 การว่าความและการจัดทําเอกสารทางกฎหมาย

Advertisement

คําแนะนํา ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 3 ข้อ

ข้อ 1 ข้อเท็จจริงปรากฏว่า

“เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 นายโก้ เจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 589589 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ 80 ตารางวา ได้ทําสัญญากู้ยืมเงินจํานวน 4,000,000 บาท จากนายโจ ตกลงชําระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี และต้นเงินคืน 1,000,000 บาท ทุกวันที่ 8 ของเดือน กําหนดชําระเงินคืนในวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2558 จนกว่าจะชําระเงินต้นและดอกเบี้ยครบถ้วน โดยในการกู้ยืมดังกล่าวนายโก้ได้มอบโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าวและได้ทําหนังสือมอบอํานาจให้นายไมค์ เป็นผู้รับมอบอํานาจของนายโก้มีอํานาจจดทะเบียนจํานองที่ดินดังกล่าวเพื่อเป็นประกันการชําระ หนี้เงินกู้ให้แก่นายโจ โดยกําหนดให้จดทะเบียนไถ่ถอนจํานองในวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2558 แต่ปรากฏว่าวันต่อมาหลังจากวันทําสัญญาดังกล่าวนายไมค์และนายโจไม่ได้นําหนังสือมอบอํานาจ มาจดทะเบียนจํานองที่ดินตามที่ระบุไว้ในสัญญากู้ยืมเงิน แต่บุคคลทั้งสองได้ร่วมกันปลอมหนังสือ มอบอํานาจขึ้นทั้งฉบับโดยปลอมลายมือชื่อของนายโก้และกรอกข้อความลงในหนังสือมอบอํานาจ ตามแบบของกรมที่ดินใหม่ทั้งฉบับโดยให้นายไมค์เป็นผู้รับมอบอํานาจของนายโก้ในการโอนขาย ที่ดินดังกล่าวของนายโก้ให้แก่นายโจ และบุคคลทั้งสองได้นําหนังสือมอบอํานาจปลอมนั้นไปใช้ จดทะเบียนโอนขายที่ดินของนายโก้ให้แก่นายโจในวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 ต่อมานายโก้ ได้ชําระหนี้ครบทุกงวดแล้วและนายโจได้รับชําระไว้แล้ว แต่นายโจไม่ไปจดทะเบียนไถ่ถอนจํานอง ตามกําหนด เมื่อนายโก้แจ้งให้คืนโฉนดที่ดินฯ และให้ไถ่ถอนจํานอง นายโจก็บ่ายเบี่ยงปฏิเสธ ไม่ยอมคืน ต่อมาวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2558 นายโก้ได้ตรวจสอบที่สํานักงานที่ดินเขตบางกะปิจึงทราบเรื่อง ดังกล่าว นายโก้จึงได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดําเนินคดีกับนายไมค์และนายโจในข้อหา ปลอมหนังสือมอบอํานาจ และใช้หรืออ้างหนังสือมอบอํานาจปลอมในการทํานิติกรรมการโอนขาย ที่ดินของนายโก้ นอกจากนี้ นายโก้ยังทราบว่านายโจได้ทําสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินแปลงดังกล่าว ให้แก่บริษัท โอเปอร่า จํากัด ในราคา 3,800,000 บาท มีกําหนดจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2559”

ให้ท่านนักศึกษามีฐานะเป็นที่ปรึกษากฎหมายของนายโก้ และให้ท่านดําเนินการออกแบบและ จัดทํา (ร่าง) สัญญากู้ยืมเงินจากนายโจ โดยจะต้องมีข้อสัญญาจํานองที่ดินโฉนดเลขที่ 589589 โดยอาศัยข้อเท็จจริงดังที่ปรากฏนี้

ธงคําตอบ

จากข้อเท็จจริงดังกล่าว ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นที่ปรึกษากฎหมายของนายโก้ ข้าพเจ้าจะออกแบบ และจัดทํา (ร่าง) สัญญากู้ยืมเงินจากนายโจ โดยให้มีข้อความและข้อสัญญา ดังนี้

 

สัญญากู้ยืมเงิน

ทําที่ มหาวิทยาลัย หัวหมาก บางกะปิ

วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ระหว่างข้าพเจ้า นายโก้ อายุ……… ปี อยู่บ้านเลขที่……….. ตรอก/ซอย………..

ถนน…………ตําบล/แขวง……… อําเภอ/เขต……… จังหวัด…………….

ในฐานะ “ผู้กู้” ฝ่ายหนึ่ง กับ

ข้าพเจ้า นายโจ อายุ………….. ปี อยู่บ้านเลขที่…………. ตรอก/ซอย. ………

ถนน …………. ตําบล/แขวง……………….. อําเภอ/เขต……………………………………..จังหวัด………

ในฐานะ “ผู้ให้กู้” อีกฝ่ายหนึ่ง คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายได้ตกลงทําสัญญากัน ดังความต่อไปนี้

ข้อ 1 ผู้กู้ตกลงกู้เงินและผู้ให้กู้ตกลงให้กู้เงินจํานวน 4,000,000 บาท (สี่ล้านบาทถ้วน) และผู้กู้ ได้รับเงินจํานวนดังกล่าวปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เวลาที่ทําสัญญากู้ยืมเงินฉบับนี้

ข้อ 2 ผู้กู้ตกลงยินยอมชําระดอกเบี้ยให้ผู้ให้กู้ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี และต้นเงินคืน 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาทถ้วน) ทุกวันที่ 8 ของเดือน โดยกําหนดชําระเงินคืนในวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2558 จนกว่าจะชําระ เงินต้นและดอกเบี้ยครบถ้วน

ข้อ 3 ผู้กู้ได้จํานองที่ดินโฉนดเลขที่ 589589 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ 80 ตารางวาต่อผู้ให้กู้ในวันที่ทําสัญญานี้ เพื่อเป็นประกันการชําระหนี้เงินกู้ตามสัญญานี้

ข้อ 4 หากผู้กู้ปฏิบัติผิดสัญญาข้อใดข้อหนึ่งแล้ว ผู้ให้กู้มีสิทธิบอกเลิกสัญญา และทําการเรียก เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยคืนได้ทันที

สัญญานี้ทําขึ้นเป็นสองฉบับมีข้อความถูกต้องตรงกัน คู่สัญญาได้อ่านและเข้าใจสัญญาแล้ว ตรงตามเจตนารมณ์แห่งคู่สัญญา จึงลงลายมือชื่อไว้เป็นสําคัญ

 

ลงชื่อ………………………..ผู้กู้      ลงชื่อ………………………..ผู้ให้กู้

   (…………………………….)          (…………………………….)

ลงชื่อ……………………….พยาน    ลงชื่อ……………………….พยาน

(…………………………….)             (…………………………….)

 

ข้อ 2. บริษัท สมาร์ทยิม จํากัด จดทะเบียน ณ สํานักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ มีวัตถุประสงค์ในการให้บริการสถานที่ออกกําลังกายครบวงจร โดยมีนายเอก กล้ามใหญ่ และนางบุ๋ม คนสวย เป็นกรรมการบริหารลงลายมือชื่อและ ประทับตราสําคัญแทนบริษัท เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2559 ได้ทําสัญญาซื้อเครื่องออกกําลังกายราคา 10 ล้านบาท และชําระราคาครบถ้วนให้กับบริษัท ฟิตเนสเฟิร์ม จํากัด จดทะเบียน ณ สํานักงาน ทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ มีวัตถุประสงค์ ในการขายอุปกรณ์ออกกําลังกายนําเข้าจากต่างประเทศทุกชนิดโดยมีนางอภิรดี ชุมสาย และ นายนําชัย เพริศสุภา เป็นกรรมการบริหารลงลายมือชื่อและประทับตราสําคัญแทนบริษัท กําหนดส่งสินค้าในวันที่ 1 เมษายน 2559 หากส่งสินค้าไม่ได้จะต้องถูกปรับจํานวน 200,000 บาท ครั้นเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2559 บริษัท ฟิตเนสเฟิร์มฯ ไม่สามารถจัดส่งสินค้าทั้งหมดให้กับบริษัท สมาร์ทยิม ๆ จวบจนล่วงเลยมาวันที่ 20 เมษายน 2559 บริษัท สมาร์ทยิม จํากัด ได้ให้ทนายความ ส่งหนังสือบอกกล่าวลงทะเบียนไปรษณีย์ตอบรับไปยังบริษัท ฟิตเนสเฟิร์มฯ โดยทวงถามให้ส่งมอบ สินค้าทั้งหมดภายใน 10 วันนับแต่วันที่รับหนังสือบอกกล่าว แต่เมื่อครบกําหนด 10 วันดังกล่าวแล้ว บริษัท ฟิตเนสเฟิร์มฯ กลับเพิกเฉย บริษัท สมาร์ทยิมฯ จึงได้มอบอํานาจให้นายเจมส์ สุดหล่อ ผู้จัดการของบริษัท สมาร์ทยืมฯ เป็นตัวแทนดําเนินคดีกับบริษัท ฟิตเนสเฟิร์มฯ ขอเลิกสัญญา และขอคืนค่าสินค้าและชําระค่าปรับทั้งหมด ให้ท่านซึ่งเป็นทนายความในคดีนี้ร่างคําฟ้องคดีแพ่ง พร้อมคําขอท้ายฟ้องโดยไม่ต้องคํานึงถึงแบบพิมพ์ศาล

ธงคําตอบ

คําฟ้องแพ่ง

ข้อ 1 โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจํากัด จดทะเบียน ณ สํานักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กรุงเทพมหานคร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ใช้ชื่อว่า บริษัท สมาร์ทยิม จํากัด มีวัตถุประสงค์ ในการให้บริการสถานที่ออกกําลังกายครบวงจร โดยมีนายเอก กล้ามใหญ่ และนางปุ่ม คนสวย เป็นกรรมการบริหาร มีอํานาจลงลายมือชื่อและประทับตราสําคัญแทนบริษัท รายละเอียดปรากฏตามหนังสือรับรองเอกสารท้ายคําฟ้อง หมายเลข 1

ในการฟ้องคดีนี้โจทก็ได้แต่งตั้งให้นายเจมส์ สุดหล่อ เป็นตัวแทนในการฟ้องและดําเนินคดีแทนโจทก์ รายละเอียดปรากฏตามหนังสือมอบอํานาจเอกสารท้ายคําฟ้องหมายเลข 2

จําเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจํากัด จดทะเบียน ณ สํานักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กรุงเทพมหานคร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ใช้ชื่อว่า บริษัท ฟิตเนสเฟิร์ม จํากัด มีวัตถุประสงค์ ในการขายอุปกรณ์ออกกําลังกายนําเข้าจากต่างประเทศทุกชนิด โดยมีนางอภิรดี ชุมสาย และนายนําชัย เพริศสุภา เป็นกรรมการบริหารมีอํานาจลงลายมือชื่อ และประทับตราสําคัญแทนนิติบุคคลจําเลย รายละเอียดตามหนังสือ รับรองเอกสารท้ายคําฟ้องหมายเลข 3

ข้อ 2 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2559 โจทก์ได้ทําสัญญาซื้อเครื่องออกกําลังกายราคา 10 ล้านบาท (สิบล้านบาทถ้วน) และชําระราคาครบถ้วนให้กับจําเลย โดยกําหนดส่งสินค้าในวันที่ 1 เมษายน 2559 หากส่ง สินค้าไม่ได้จะต้องถูกปรับเป็นเงินจํานวน 200,000 บาท (สองแสนบาทถ้วน) รายละเอียดปรากฏตามสําเนา หนังสือสัญญาซื้อขายลงวันที่ 1 มีนาคม 2559 เอกสารท้ายคําฟ้องหมายเลข 4

ข้อ 3 ครั้นเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2559 จําเลยไม่สามารถจัดส่งสินค้าทั้งหมดให้กับโจทก์ จวบจน ล่วงเลยมาวันที่ 20 เมษายน 2559 โจทก์ได้ให้ทนายความส่งหนังสือบอกกล่าวลงทะเบียนไปรษณีย์ตอบรับไปยัง จําเลยทวงถามให้จําเลยส่งมอบสินค้าทั้งหมดภายใน 10 วันนับแต่วันที่รับหนังสือบอกกล่าว แต่เมื่อครบกําหนด 10 วันดังกล่าวแล้ว จําเลยกลับเพิกเฉย รายละเอียดปรากฏตามสําเนาหนังสือทวงถามและไปรษณีย์ตอบรับ เอกสารท้ายคําฟ้องหมายเลข 5 และ 6

โจทก์จึงต้องการขอเลิกสัญญาและเรียกค่าสินค้าคืนรวมถึงค่าปรับเป็นเงินจํานวน 10,200,000 บาท (สิบล้านสองแสนบาทถ้วน) จากจําเลย โจทก์ไม่มีทางอื่นใดจะตกลงกับจําเลยได้ จึงขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

คําขอท้ายฟ้อง

1 ขอเลิกสัญญาและให้จําเลยชําระคืนค่าสินค้าและค่าปรับเป็นเงินจํานวน 10,200,000 บาท (สิบล้านสองแสนบาทถ้วน)

2 ให้จําเลยชําระดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 10,200,000 บาท (สิบล้านสองแสน บาทถ้วน) นับแต่วันฟ้องจนกว่าจําเลยจะชําระให้กับโจทก์เสร็จสิ้น

3 ให้จําเลยชําระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์

 

ข้อ 3 นายซาโตชิเป็นผู้ที่คลั่งไคล้ในเกมส์โปเกม่อน โก (Pokemon Go) เป็นอย่างมาก เมื่อทราบว่า ประเทศไทยจะเริ่มเปิดระบบให้สามารถเล่นได้ในวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ดังนั้น หลังจากเลิกทํางานกลับมายังบ้าน จึงทําการโหลดเกมส์ขึ้นมาเล่นเมื่อฟังข่าวในพระราชสํานักเสร็จสิ้นลง เมื่อตอนเริ่มเกมส์นายซาโตชิจึงคุยกับศาสตราจารย์วิลโลเสร็จแล้ว เกมส์จะให้เลือกโปเกม่อน ในตอนเริ่มเกมส์ได้ทั้งหมด 3 ตัว นั่นคือ ชาร์แมนเดอร์ (Charmender) สเควิตเทิล (Squirtle) และบัลบาซอร์ (Bulbasaur) นายซาโตชิก็ไม่สนใจอยากได้โปเกม่อนทั้ง 3 ตัวนี้ เพราะทราบว่าถ้าเดิน ออกจากพื้นที่ที่อยู่ในตอนนั้นให้ไกลออกไปพอสมควรแล้วจะได้เจอโปเกม่อนโผล่มาเรื่อย ๆ ตามทาง ปล่อยให้โปเกม่อนโผล่ออกมาเรื่อย ๆ จนครบ 4 ครั้ง พอถึงครั้งที่ 4 ตัวที่ปรากฏออกมาก็จะเป็น ตัวปิกาจู (Pikachu) ที่นายซาโตชิตามหานั่นเอง ดังนั้น นายซาโตชิจึงเดินหนีตัวโปเกม่อนจนตัวปิกาจู ปรากฏออกมา แต่ปรากฏว่าตัวปิกาจูนั้นปรากฏตัวอยู่ในสนามหญ้าหน้าบ้านของนางสาวคาสึมิ ซึ่งเป็นบ้านเลขที่ 123/123 ถนนรามคําแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ด้วยความที่นายซาโตชิอยากได้ตัวปิกาจูจึงปีนรั้วพุ่มต้นไม้เข้าไปเก็บตัวปิกาจู และด้วยความดีใจ จึงร้องไชโยออกมาจนทําให้นางสาวคาสึมิออกมาดูที่หน้าบ้านของตนว่าเกิดอะไรขึ้น และตกใจที่เห็น นายซาโตชิเพื่อนบ้านของเธอเข้ามาอยู่ในสนามหญ้าหน้าบ้านในยามวิกาลเช่นนี้ เป็นการรบกวนเธอ และครอบครัวเป็นอย่างมาก

ในวันรุ่งขึ้นนางสาวคาสึมิจึงเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้กับสถานีตํารวจนครบาลหัวหมากเพื่อลง บันทึกประจําวันเอาไว้ แต่มิได้จะให้เจ้าพนักงานดําเนินคดีให้ เพราะเกรงว่าจะใช้ระยะเวลานาน จึงจะดําเนินคดีเองเพื่อความรวดเร็ว นางสาวคาสึมิจึงมาปรึกษากับนายทาเคชิและแต่งตั้งให้เป็น ตัวแทนฟ้องคดีและดําเนินกระบวนพิจารณาแทนตน คําสั่ง ให้นักศึกษาร่างคําฟ้องอาญาและคําขอท้ายฟ้องอาญาเฉพาะเนื้อหา โดยไม่ต้องคํานึงถึง แบบฟอร์ม

ประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 362 ผู้ใดเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น เพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้น ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือเข้าไปกระทําการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ของเขาโดยปกติสุข ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ มาตรา 365 ถ้าการกระทําความผิดตามมาตรา 362 มาตรา 363 หรือมาตรา 364 ได้กระทํา

(1) โดยใช้กําลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กําลังประทุษร้าย

(2) โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทําความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป หรือ

(3) ในเวลากลางคืน ผู้กระทําต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

ธงคําตอบ

คําฟ้องอาญา

ข้อ 1 ในการฟ้องคดีนี้โจทก็ได้มอบอํานาจให้นายทาเคชิเป็นโจทก์ฟ้องคดีและดําเนินกระบวน พิจารณาแทน รายละเอียดปรากฏตามสําเนาหนังสือมอบอํานาจเอกสารท้ายคําฟ้องหมายเลข 1

ข้อ 2 ในวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลากลางคืน จําเลยได้บังอาจกระทําความผิดต่อกฎหมาย กล่าวคือ จําเลยได้บุกรุกเข้าไปในบ้านเลขที่ 123/123 ถนนรามคําแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร อันเป็นเคหสถานซึ่งอยู่ในความครอบครองของโจทก์ ทั้งนี้เพื่อถือเข้าไปกระทําการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการ ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์โดยปกติสุข ซึ่งอาคารนี้โจทก์ใช้เป็นที่อยู่อาศัย

เหตุเกิดที่ ถนนรามคําแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

ข้อ 3 คดีนี้โจทก์ได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว แต่โจทก์ประสงค์จะดําเนินคดีเองเพื่อความรวดเร็ว

คําขอท้ายฟ้องอาญา

การที่จําเลยได้กระทําตามข้อความที่กล่าวมาในคําฟ้องนั้น เป็นความผิดต่อกฎหมายและบทมาตรา ดังนี้คือ ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2499 มาตรา 362 และมาตรา 365 (3)

Advertisement