การสอบไล่ภาคฤดูร้อน  ปีการศึกษา  2550

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 3016 กฎหมายปกครอง  (สำหรับนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์) 

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  4  ข้อ  ข้อละ  25  คะแนน

Advertisement

ข้อ  1  จงทำตามคำสั่งต่อไปนี้

ก)     จงอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่าง

–                    หน่วยงานทางปกครอง

–                    เจ้าหน้าที่ของรัฐ

–                    กฎหมายปกครอง

–                    การใช้อำนาจทางปกครอง

–                    การบริการสาธารณะ  และ

–                    ศาลปกครอง

พร้อมยกตัวอย่างประกอบให้ชัดเจน

ข)     เพราะเหตุใดจึงต้องตราพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  พ.ศ. 2539  ขึ้นมาใช้และมีความสำคัญอย่างไรกับหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ  จงอธิบายและยกตัวอย่างประกอบ

ธงคำตอบ

ก  กฎหมายปกครอง  เป็นกฎหมายที่บัญญัติให้อำนาจหน้าที่ในทางปกครองแก่หน่วยงานทางปกครอง  หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ  ส่วนใหญ่จะอยู่ในชื่อของพระราชบัญญัติ  หรืออาจจะอยู่ในชื่อของกฎหมาย  เช่น  ประมวลกฎหมายที่ดิน  เป็นต้น

ดังนั้นหน่วยงานทางปกครอง  ซึ่งได้แก่หน่วยงานในการบริหารราชการส่วนกลาง  ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น  รวมถึงหน่วยงานอื่นๆของรัฐ  รัฐวิสาหกิจ  และหน่วยงานเอกชนที่ได้รับมอบหมายให้ใช้อำนาจทางปกครองด้วย  และเจ้าหน้าที่ของรัฐ   ซึ่งได้แก่  ข้าราชการ  พนักงาน  เจ้าหน้าที่จะดำเนินการในทางปกครองหรือบริการสาธารณะได้จะต้องมีกฎหมายปกครองบัญญัติให้อำนาจและหน้าที่ไว้  มิฉะนั้นไม่สามารถดำเนินการได้

การใช้อำนาจทางปกครอง  คือ  การใช้อำนาจตามกฎหมายปกครองของเจ้าหน้าที่เพื่อออกคำสั่งหรือดำเนินการอื่นใดในทางปกครอง  หรือบริการสาธารณะ  คือ  กิจการที่อยู่ในความอำนวยการหรืออยู่ในความควบคุมของฝ่ายปกครอง  ซึ่งการใช้อำนาจทางปกครองและการบริการสาธารณะจะสำเร็จได้จะต้องมีกฎหมายปกครองบัญญัติให้อำนาจไว้  และเมื่อการใช้อำนาจทางปกครองหรือการบริการสาธารณะของเจ้าหน้าที่เกิดกรณีพิพาทตามมาตรา  9  แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง  พ.ศ. 2542  ก็จะต้องนำคดีไปฟ้องยังศาลปกครอง  เนื่องจากศาลปกครองมีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาคดีปกครองตามพระราชบัญญัติดังกล่าว

ตัวอย่างเช่น  ประมวลกฎหมายที่ดิน  ซึ่งเป็นกฎหมายปกครอง  เนื่องจากเป็นกฎหมายที่บัญญัติให้อำนาจหน้าที่ในทางปกครองแก่หน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐไว้  เช่น  บัญญัติให้อำนาจหน้าที่แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือเจ้าพนักงาน ที่ดินมีอำนาจหน้าที่ในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่เกี่ยวกับอสังหาริม ทรัพย์  หรือมีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการออกโฉนดที่ดิน  หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดิน  เป็นต้น

ถ้าหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายแล้วเกิดกรณีพิพาทขึ้น  เช่น  เจ้าพนักงานที่ดินได้ดำเนินการออกโฉนดที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย  ดังนี้ถือว่าข้อพิพาทดังกล่าวเป็นข้อพิพาททางปกครอง  หรือที่เรียกว่า  คดีปกครอง  ตามมาตรา  9  แห่ง  พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง  พ.ศ. 2542  จึงต้องนำคดีดังกล่าวไปฟ้องศาลปกครอง  เนื่องจากศาลปกครองมีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาคดีปกครองตาม  มาตรา  9  ดังกล่าว

ข  เนื่องจากกฎหมายปกครอง  ซึ่งเป็นกฎหมายที่บัญญัติให้อำนาจและหน้าที่ในทางปกครองแก่หน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น  มีอยู่เป็นจำนวนมาก  ซึ่งอาจจะอยู่ในชื่อของพระราชบัญญัติ  พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ  ในชื่อของกฎหมาย  หรืออยู่ในชื่อของพระราชกำหนด  ซึ่งรวมแล้วมีมากกว่า  700  ฉบับ  ซึ่งในการดำเนินการในทางปกครองของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ  ตามที่กฎหมายแต่ละฉบับได้บัญญัติไว้นั้น  อาจจะแตกต่างกัน

ดังนั้นด้วยเหตุผลดังกล่าว  จึงได้มีการตราพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  พ.ศ. 2539  ขึ้นมาใช้  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการวางมาตรฐานการปฏิบัติงานราชการและ เพื่อให้การดำเนินงานในทางปกครองของหน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมายในแนวทางเดียวกัน  ได้แก่  การวางกรอบวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองของเจ้าหน้าที่ของรัฐในการออกคำสั่งทางปกครอง  เช่น  การวางหลักเกี่ยวกับการพิจารณาทางปกครอง  รูปแบบและผลของคำสั่งการอุทธรณ์คำสั่ง  การเพิกถอนคำสั่ง  การขอให้พิจารณาใหม่  การบังคับทางปกครอง  วิธีแจ้งคำสั่งรวมทั้งระยะเวลาและอายุความ  เป็นต้น

 

ข้อ  2  กรณีพิพาทที่เกิดจากการใช้อำนาจทางปกครองจะต้องนำคดีไปฟ้องยังศาลปกครอง  จงอธิบายว่ากรณีพิพาทใดบ้างที่จะต้องนำคดีไปฟ้องศาลปกครอง

ธงคำตอบ

กรณีพิพาทที่เกิดจากการใช้อำนาจทางปกครอง  และจะต้องนำคดีนั้นไปฟ้องยังศาลปกครองได้แก่  คดีที่บัญญัติไว้ในมาตรา  9  วรรคแรก  แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542  ซึ่งมีดังนี้

(1) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ว่าจะเป็นการออกกฎ  คำสั่ง  หรือการกระทำอื่นใดเนื่องจากกระทำโดยไม่มีอำนาจหรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่หรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย  หรือโดยไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอน  หรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้สำหรับการกระทำนั้น  หรือโดยไม่สุจริต  หรือมีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม  หรือมีลักษณะเป็นการสร้างขั้นตอนโดยไม่จำเป็น  หรือสร้างภาระให้เกิดกับประชาชนเกินสมควร  หรือเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ

(2) คดี พิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อ หน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้า เกินสมควร

(3) คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย  หรือจากกฎคำสั่งทางปกครอง  หรือคำสั่งอื่น  หรือจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ  หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร

(4) คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง

(5) คดีที่มีกฎหมายกำหนดให้หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐฟ้องคดีต่อศาลเพื่อบังคับให้บุคคลต้องกระทำ  หรือละเว้นกระทำอย่างหนึ่งอย่างใด

(6) คดีพิพาทเกี่ยวกับเรื่องที่กฎหมายกำหนดให้อยู่ในเขตอำนาจศาลปกครอง

 

ข้อ  3  องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งได้แก่  เทศบาล  องค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบลกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยานั้น  รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  พุทธศักราช  2550  ได้กำหนดโครงสร้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง  5  รูปแบบไว้อย่างไรบ้าง  จงอธิบาย

ธงคำตอบ

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  พุทธศักราช  2550  ได้กำหนดโครงสร้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง  5  รูปแบบ  ดังนี้

(1) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องประกอบด้วยสภาท้องถิ่นและคณะผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น  (มาตรา  284  วรรคแรก)

(2) สมาชิกสภาท้องถิ่นต้องมาจากการเลือกตั้ง  (มาตรา  284  วรรคสอง)

(3) คณะผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นให้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนหรือมาจากความเห็นชอบของสภาท้องถิ่น  (มาตรา  284  วรรคสาม)

(4) วิธีการออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและคณะผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น  ให้ใช้วิธีออกเสียงลงคะแนนโดยตรงและลับ  (มาตรา  284  วรรคสี่)

(5) วาระการดำรงตำแหน่ง  ทั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น  คณะผู้บริหารหรือบริหารท้องถิ่น  มีวาระการดำรงตำแหน่งที่เท่ากัน  คือคราวละ  4  ปี  (มาตรา  284  วรรคห้า)

(6) คณะผู้บริหารท้องถิ่น  หรือผู้บริหารท้องถิ่น  จะเป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ  พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ  หน่วยงานของรัฐ  หรือรัฐวิสาหกิจ  หรือของราชการส่วนท้องถิ่นและจะมีผลประโยชน์ขัดกันกับการดำรงตำแหน่งตามที่กฎหมายบัญญัติมิได้  (มาตรา  284  วรรคหก)

(7) การจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษที่มีโครงสร้างการบริหารที่แตกต่างจากที่บัญญัติไว้ในมาตรานี้  ให้กระทำได้ตามที่กฎหมายบัญญัติ  แต่คณะผู้บริหารท้องถิ่น  หรือผู้บริหารท้องถิ่นต้องมาจากการเลือกตั้ง  (มาตรา  284  วรรคเก้า)

 

ข้อ  4  นายเข้มเป็นข้าราชการ  ขณะปฏิบัติราชการได้ดื่มสุราและเกิดอุบิเหตุทำปืนลั่นแต่โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต  นายเข้มจึงถูกดำเนินคดีอาญาเปรียบเทียบปรับ  500  บาท  ฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง  หมู่บ้านหรือที่ชุมชน  ผู้บังคับบัญชาของนายเข้มจึงตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยกล่าวหานาย เข้มกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงโดยต้องหาคดีอาญาฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิด โดยใช่เหตุฯ

แต่ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายเข้มว่านายเข้มเมาสุรายิงปืนด้วยความคึกคะนอง  จากนั้นมีคำสั่งลงโทษปลดนายเข้มออกจากราชการ  โดยระบุว่ามีความผิดเพราะเมาสุรายิงปืนด้วยความคึกคะนอง  ดังนี้  คำสั่งปลดนายเข้มออกจากราชการเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองหรือไม่  เพราะเหตุใด  จงอธิบาย

ธงคำตอบ

พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  พ.ศ. 2539  มาตรา  30  วรรคแรก  บัญญัติว่า

ในกรณีที่คำสั่งทางปกครองอาจกระทบถึงสิทธิของคู่กรณี  เจ้าหน้าที่ต้องให้คู่กรณีมีโอกาสที่จะได้ทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอและมีโอกาสโต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตน

ตามบทบัญญัติดังกล่าว  หมายความว่า  ในกรณีที่เจ้าหน้าที่จะออกคำสั่งทางปกครองใด  และคำสั่งทางปกครองนั้นอาจกระทบถึงสิทธิของคู่กรณี  เจ้าหน้าที่ผู้ออกคำสั่งทางปกครองนั้นจะต้องให้คู่กรณีมีโอกาสที่จะได้ทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอ  และต้องให้คู่กรณีได้มีโอกาสโต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตน  เว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นที่กฎหมายบัญญัติไว้ในมาตรา  30  วรรคสอง  และวรรคสาม

วินิจฉัย

การที่ผู้บังคับบัญชาได้ออกคำสั่งปลดนายเข้มออกจากราชการ  ซึ่งเป็นคำสั่งทางปกครองและกระทบถึงสิทธิของคู่กรณีคือนายเข้ม  โดยไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่านายเข้มเมาสุรายิงปืนด้วยความคึกคะนอง  ซึ่งทำให้นายเข้มไม่มีโอกาสที่จะได้ทราบข้อเท็จจริงในข้อกล่าวหาอันนำไปสู่การลงโทษได้เพียงพอ  และไม่มีโอกาสได้โต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตน

อีกทั้งไม่ปรากฏว่ามีเหตุจำเป็นที่จะไม่ปฏิบัติตาม  มาตรา  30  วรรคแรก  ดังนั้น  คำสั่งปลดนายเข้มออกจากราชการจึงขัดต่อมาตรา  30  วรรคแรกแห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  พ.ศ. 2539  จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

สรุป  คำสั่งปลดนายเข้มออกจากราชการ  เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  ตามเหตุผลและหลักกฎหมายดังกล่าวข้างต้น

Advertisement