การสอบไล่ภาค 1 ปีการศึกษา 2558
ข้อสอบกระบวนวิชา LAW 2003 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยละเมิด ฯลฯ
คำแนะนำ ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน มี 4 ข้อ (คะแนนเต็มข้อละ 25 คะแนน)
ข้อ1. เด็กหญิงปุ้มปุ้ยเป็นบุตรสาวของนางป้อม วันเกิดเหตุ นายสมหวังพาหมูป่าเดินผ่านบริเวณหน้าบ้านของนางป้อม เด็กหญิงปุ้มปุ้ยไม่เคยเห็นหมูป่า จึงวิ่งออกนอกรั้วบ้านเพื่อไปเล่นกับหมูป่า หมูป่าจึงกัดเด็กหญิงปุ้มปุ้ยได้รับบาดเจ็บ โดยที่นายสมหวังก็ไม่ได้ห้ามปรามหรือปกป้องมิให้หมูป่าของตนกัดเด็กหญิงปุ้มปุ้ยเพราะไม่พอใจที่เด็กเข้ามาใกล้หมูป่าของตน นางป้อมเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวจึงรีบวิ่งออกมาจากบ้านแล้วผลักนายสมหวังล้มลง จากนั้นก็จับหมูป่าไว้เพื่อเป็นประกันค่าเสียหายที่บุตรสาวของตนได้รับบาดเจ็บ ดังนี้ให้ท่านวินิจฉัยว่า
(ก) นายสมหวังจะต้องรับผิดในเหตุละเมิดอันเกิดขึ้นแก่เด็กหญิงปุ้มปุ้ยหรือไม่ อย่างไร
(ข) นายสมหวังจะเรียกร้องให้นางป้อมรับผิดฐานละเมิดต่อตนได้หรือไม่ อย่างไร
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 420 “ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น”
มาตรา 433 วรรคแรก “ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสัตว์ ท่านว่าเจ้าของสัตว์หรือบุคคลผู้รับเลี้ยงรับรักษาไว้แทนเจ้าของจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ฝ่ายที่ต้องเสียหายเพื่อความเสียหายอย่างใด ๆอันเกิดแต่สัตว์นั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรแก่การเลี้ยงการรักษาตามชนิดและวิสัยของสัตว์หรือตามพฤติการณ์อย่างอื่นหรือพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นย่อมจะต้องเกิดมีขึ้นทั้งที่ได้ใช้ความระมัดระวังถึงเพียงนั้น”
มาตรา 449 วรรคแรก “บุคคลใดเมื่อกระทำการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายก็ดี กระทำตามคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายก็ดี หากก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นหาต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่”
มาตรา 452 วรรคแรก “ผู้ครองอสังหาริมทรัพย์ชอบที่จะจับสัตว์ของผู้อื่นอันเข้ามาทำความเสียหายในอสังหาริมทรัพย์นั้น และยึดไว้เป็นประกันค่าสินไหมทดแทน อันจะพึงต้องใช้แก่ตนได้ และถ้าจำเป็นโดยพฤติการณ์ แม้จะฆ่าสัตว์นั้นเสียก็ชอบที่จะทำได้”
วินิจฉัย
กรณีตามอุทาหรณ์ แยกวินิจฉัยได้ดังนี้
(ก) การที่หมูป่าของนายสมหวังได้กัดเด็กหญิงปุ้มปุ้ยได้รับบาดเจ็บนั้น ถือว่าเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะสัตว์ ดังนั้นนายสมหวังในฐานะที่เป็นเจ้าของสัตว์จึงต้องรับผิดในเหตุละเมิดอันเกิดขึ้นแก่เด็กหญิงปุ้มปุ้ยตามมาตรา 433 วรรคแรก และนายสมหวังไม่อาจอ้างข้อแก้ตัวให้ตนพ้นผิดได้ ทั้งนี้เพราะการที่นายสมหวังได้พาหมูป่าซึ่งเป็นสัตว์ดุมาเดินเล่นนั้น ถือว่าไม่ได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรแก่การเลี้ยงการรักษาตามชนิดและวิสัยของสัตว์ดุ
(ข) การที่นางป้อมผลักนายสมหวังล้มลงนั้น ถือว่าเป็นการกระทำโดยจงใจต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมาย ทำให้เขาเสียหายแก่ร่างกาย จึงถือว่านางป้อมได้กระทำละเมิดต่อนายสมหวังตามมาตรา 420 จึงต้องรันผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นายสมหวัง และนางป้อมจะอ้างว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา 449 วรรคแรก ไม่ได้ เพราะภัยหรือภยันตรายนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว
ส่วนกรณีที่นางป้อมได้จับหมูป่าไว้เพื่อประกันค่าเสียหาย ก็ไม่อาจอ้างนิรโทษกรรมตามมาตรา452 วรรคแรก ได้เพราะหมูป่าหรือสัตว์ไม่ได้เข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของนางป้อมแต่อย่างใด
สรุป
(ก) นายสมหวังจะต้องรับผิดในเหตุละเมิดอันเกิดขึ้นแก่เด็กหญิงปุ้มปุ้ยตามมาตรา 433
(ข) นายสมหวังสามารถเรียกร้องให้นางป้อมรับผิดฐานละเมิดต่อตนได้ตามมาตรา 420