การสอบไล่ภาค  2  ปีการศึกษา  2547

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW3010 กฎหมายล้มละลาย

Advertisement

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  จำนวน  3  ข้อ

ข้อ  1  (ก)  จงอธิบายความหมายของคำว่า  “เจ้าหนี้มีประกัน  ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย  พ.ศ. 2483 

ธงคำตอบ

มาตรา  6  ในพระราชบัญญัตินี้  เว้นแต่ข้อความจะแสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่น

เจ้าหนี้มีประกัน  หมายความว่า  เจ้าหนี้ผู้มีสิทธิเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้ในทางจำนอง  จำนำ  หรือสิทธิยึดหน่วงหรือเจ้าหนี้ผู้มีบุริมสิทธิที่บังคับได้ทำนองเดียวกับผู้รับจำนำ

มาตรา  10  ภายใต้บังคับมาตรา  9  เจ้าหนี้มีประกันจะฟ้องลูกหนี้ให้ล้มละลายได้ก็ต่อเมื่อ

(2) กล่าวในฟ้องว่า  ถ้าลูกหนี้ล้มละลายแล้ว  จะยอมสละหลักประกันเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทั้งหลาย  หรือตีราคาหลักประกันมาในฟ้องซึ่งเมื่อหักกับจำนวนหนี้ของตนแล้ว  เงินยังขาดอยู่สำหรับลูกหนี้ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านบาท  หรือลูกหนี้ซึ่งเป็นนิติบุคคลเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าสองล้านบาท

อธิบาย

เจ้าหนี้มีประกัน  ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย  พ.ศ.  2483  มีบัญญัติไว้  4  ประเภท  คือ

1       เจ้าหนี้ผู้มีสิทธิเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้ในทางจำนอง

2       เจ้าหนี้ผู้มีสิทธิเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้ในทางจำนำ

3       เจ้าหนี้ผู้มีสิทธิยึดหน่วง  และ

4       เจ้าหนี้ผู้มีบุริมสิทธิที่บังคับได้ทำนองเดียวกับผู้รับจำนำ

และประการที่สำคัญ  ทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันนั้น  ต้องเป็นทรัพย์สินของลูกหนี้เท่านั้น  หากเป็นทรัพย์สินของบุคคลอื่นที่นำมาเป็นหลักประกันในหนี้ของลูกหนี้  เช่นนี้  เจ้าหนี้ไม่ถือว่าอยู่ในฐานะของเจ้าหนี้มีประกันตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา  6

(ข)  คดีล้มละลายเรื่องหนึ่ง  โจทก์บรรยายฟ้องว่าศาลในคดีแพ่งพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย  หากจำเลยไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์  ถ้าไม่พอให้ยึดทรัพย์อื่นของจำเลยขายทอดตลาดชำระหนี้จนครบแต่จำเลยไม่ชำระ  โจทก์จึงขอให้บังคับคดีนำยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดได้เงินชำระหนี้บางส่วน  เมื่อหัดยอดหนี้แล้วจำเลยยังค้างชำระอีก  2,500,000  บาท  ขอศาลพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย  ศาลล้มละลายกลางตรวจคำฟ้องแล้วมีคำสั่งว่า  โจทก์เป็นเจ้าหนี้มีประกัน  แต่โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่า  ถ้าจำเลยล้มละลายแล้วจะยอมสละหลักประกันเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทั้งหลายหรือตีราคาหลักประกันมาในฟ้องฯ  ฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วย  พ.ร.บ.  ล้มละลายฯมาตรา  10(2)  จึงมีคำสั่งไม่รับฟ้อง

ให้วินิจฉัยว่า  คำสั่งศาลล้มละลายกลางชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ธงคำตอบ

คำสั่งของศาลล้มละลายกลางที่ไม่รับฟ้องของโจทก์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่  เห็นว่า  แม้โจทก์จะเป็นผ็รับจำนอง  แต่เมื่อโจทก์ได้ฟ้องบังคับจำนองเป็นคดีแพ่ง  และได้บังคับคดีโดยนำยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดได้เงินมาชำระหนี้เพียงบางส่วนแล้ว การจำนองย่อมระงับสิ้นไปตาม  ป.พ.พ.  มาตรา  744(5)  ผู้รับจำนองจึงไม่มีสิทธิเหนือทรัพย์สินที่จำนองอีกต่อไป

การที่โจทก์นำหนี้สินที่เหลืออีก  2,500,000  บท   มาฟ้องขอให้จำเลยล้มละลาย  คำฟ้องของโจทก์จึงมิได้ฟ้องจำเลยในฐานะเจ้าหนี้มีประกัน  เพราะในขณะที่โจทก์ฟ้องคดีล้มละลายนี้  โจทก์หาใช่เจ้าหนี้ผู้มีสิทธิเหนือทรัพย์สินของจำเลยในทางใดๆตามที่บัญญัติในมาตรา  6  ไม่

ดังนั้น  เมื่อโจทก์ไม่ใช่เจ้าหนี้มีประกัน  โจทก์จึงหาจำต้องบรรยายฟ้องตามหลักเกณฑ์ของมาตรา  10(2)  ที่ว่า  ถ้าจำเลยล้มละลายแล้วจะยอมสละประกันเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทั้งหลาย  หรือตีราคาหักประกันมาในฟ้องด้วยไม่  การที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งไม่รับฟ้องโจทก์  เพราะเหตุว่า  โจทก์มิได้บรรยายฟ้องตามหลักเกณฑ์มาตรา  10(2)  จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย  (ฎ. 6756/2538)

สรุป  คำสั่งไม่รับฟ้องโจทก์ของศาลล้มละลายกลางไม่ชอบด้วยกฎหมาย


ข้อ  2  เมื่อศาลได้พิพากษาให้ล้มละลายแล้ว  บุคคลล้มละลายอาจได้รับการปลดจากล้มละลายได้ในกรณีใดบ้าง  และการปลดจากล้มละลายมีผลต่อความรับผิดในหนี้สินของบุคคลล้มละลายอย่างไรบ้าง

อธิบาย

เมื่อศาลได้พิพากษาให้ล้มละลายแล้ว  บุคคลล้มละลายอาจได้รับการปลดจากล้มละลายได้  2  กรณี  กล่าวคือ

1       ศาลได้มีคำสั่งปลดจากล้มละลาย  ตามมาตรา  71  คือ  เมื่อได้แบ่งทรัพย์สินชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ที่ได้ขอชำระหนี้ไว้แล้วไม่น้อยกว่าร้อยละ  50  และไม่เป็นบุคคลล้มละลายทุจริต  โดยมาตรา  68  บัญญัติให้บุคคลล้มละลายอาจยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้อง  เพื่อขอให้ศาลมีสั่งปลดจากล้มละลายได้

2       มาตรา  81/1  บัญญัติให้บุคคลธรรมดาซึ่งศาลพิพากษาให้ล้มละลายได้รับการปลดจากล้มละลายทันทีที่พ้นกำหนดระยะเวลา  3  ปี  นับแต่วันที่ศาลได้พิพากษาให้ล้มละลาย  เว้นแต่

(1) บุคคลนั้นได้เคยถูกพิพากษาให้ล้มละลายมาก่อนแล้ว  และยังไม่พ้นระยะเวลา  5  ปี  นับแต่วันที่ศาลได้พิพากษาให้ล้มละลายครั้งก่อนจนถึงวันที่ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ครั้งหลัง  ให้ขยายระยะเวลาเป็น  5  ปี

(2) บุคคลนั้นเป็นบุคคลล้มละลายทุจริตที่ไม่มีลักษณะตาม  (3)  ให้ขยายระยะเวลาเป็น  10  ปี  เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุผลพิเศษและบุคคลนั้นถูกศาลพิพากษาให้ล้มละลายมาแล้วไม่น้อยกว่า  5  ปี  ศาลจะสั่งปลดจากล้มละลายก่อนครบกำหนด  10  ปี  ตามคำขอของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบุคคลล้มละลายนั้นก็ได้

(3) บุคคลนั้นเป็นบุคคลล้มละลายอันเนื่องมาจากหรือเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดอันมีลักษณะเป็นการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน  ให้ขยายระยะเวลาเป็น  10  ปี

ในกรณีที่มีเหตุตาม  (1) (2)  หรือ (3)  มากกว่าหนึ่งเหตุให้ขยายระยะเวลาโดยอาศัยเหตุใดเหตุหนึ่งที่มีระยะเวลาสูงสุดเพียงเหตุเดียว

สำหรับผลของคำสั่งปลดจากล้มละลายนั้นเป็นไปตามมาตรา  77  กล่าวคือ  การปลดจากล้มละลายทำให้บุคคลล้มละลายหลุดพ้นจากหนี้ทั้งปวงอันพึงขอรับชำระได้  เว้นแต่  หนี้เกี่ยวกับภาษีอากร  และหนี้ซึ่งได้เกิดขึ้นโดยความทุจริตฉ้อโกงของบุคคลล้มละลายหรือหนี้ซึ่งเจ้าหนี้ไม่ได้เรียกร้อง  เนื่องจากความทุจริตฉ้อโกงซึ่งบุคคลล้มละลายมีส่วนเกี่ยวข้องสมรู้ตามมาตรา  81/1  วรรคท้าย


ข้อ  3  คดีฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้เรื่องหนึ่ง  ภายหลังจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ประกาศโฆษณาคำสั่งแต่งตั้งผู้ทำแผนแล้ว  ธนาคารสยามซึ่งเป็นเจ้าหนี้ไม่มีประกันของลูกหนี้  ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  ธนาคารลาว  ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของลูกหนี้รายหนึ่งโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ของธนาคารสยาม  ว่าเป็นหนี้ที่ธนาคารสยาม  ยอมให้ลูกหนี้ก่อขึ้นในขณะที่ธนาคารสยาม  ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว  ต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ได้  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทำการสอบสวนแล้ว  ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามที่ธนาคารลาวโต้แย้งมา  แต่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งให้ธนาคารสยาม  ได้รับชำระหนี้ตามที่ขอมาได้

ให้ท่านวินิจฉัยว่าคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ธงคำตอบ

มาตรา  90/27  เจ้าหนี้อาจขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการได้  ถ้ามูลแห่งหนี้ได้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ  แม้ว่าหนี้นั้นยังไม่ถึงกำหนดชำระหรือมีเงื่อนไขก็ตาม  เว้นแต่หนี้ที่เกิดขึ้นโดยฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมาย  หรือศีลธรรมอันดีหรือหนี้ที่จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้

วินิจฉัย

คำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ให้ธนาคารสยามได้รับชำระหนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่  เห็นว่า  หนี้ที่เจ้าหนี้จะขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการได้นั้น  บทบัญญัติมาตรา  90/27  วรรคแรก  กำหนดไว้ชัดแจ้งแล้วว่า  ต้องเป็นหนี้ที่มูลแห่งหนี้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้  แม้ว่าหนี้นั้นจะยังไม่ถึงกำหนดเวลาชำระหรือเป็นหนี้ที่ยังมีเงื่อนไขในการชำระหนี้ก็ตาม  แต่ทั้งนี้ก็มีข้อยกเว้นอยู่เพียง  2  กรณีคือ

1       หนี้ที่เกิดขึ้นโดยฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมายหรือศีลธรรมอันดี  หรือ

2       หนี้ที่จะฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้

การที่ธนาคารสยามยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการ  โดยหนี้ของธนาคารสยามเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นก่อนวันมีคำสั่งให้ฟื้ฟูกิจการ  แม้ธนาคารลาวจะโต้แย้งว่าหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ที่ธนาคารสยามเจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้ก่อให้เกิดขึ้นในขณะที่ธนาคารสยามได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวก็ตาม  ก็ไม่เป็นเหตุให้หนี้ของธนาคารสยามดังกล่าวต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการตามมาตรา  90/27 วรรคแรกดังกล่าวได้  เพราะมิได้เป็นหนี้ที่เกิดขึ้นโดยฝ่าฝืนข้อห้ามตามกำหมายหรือศีลธรรมอันดี  หรือหนี้ที่จะฟ้องร้องบังคับไม่ได้  ดังนั้นแม้จากการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะรับฟังได้ตามข้อโต้แย้งของธนาคารลาว  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็มีคำสั่งให้ธนาคารสยามได้รับชำระหนี้ตามที่ขอมาได้  คำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว

สรุป  คำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ชอบด้วยกฎหมายแล้ว

หมายเหตุ  หนี้ซึ่งเจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว  เป็นข้อยกเว้นที่เจ้าหนี้จะขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายตามมาตรา  94(2)  ไม่ได้เท่านั้น  มิได้เป็นข้อยกเว้นที่เจ้าหนี้จะขอรับชำระหนี้ในคดีฟื้นฟูกิจการตามมาตรา  90/27  วรรคแรกด้วยแต่อย่างใด

Advertisement