การสอบไล่ภาค  2  ปีการศึกษา  2550

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 3004 พระธรรมนูญศาลยุติธรรม

Advertisement

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  3  ข้อ

ข้อ  1  โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดว่า  โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินตามฟ้องโดยได้รับการยกให้จากบิดาโจทก์  จำเลยนำเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดรุกล้ำเข้าไปในที่ดินส่วนที่โจทก์มีสิทธิครอบครอง  โจทก์คัดค้านการรังวัดแต่เจ้าพนักงานที่ดินเห็นว่าที่ดินเป็นของจำเลย  จึงออกโฉนดให้จำเลย  ขอให้ศาลจังหวัดพิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินดังกล่าว

จำเลยต่อสู้ว่า  จำเลยซื้อที่ดินพิพาทในราคาสองแสนห้าหมื่นบาทจากผู้มีชื่อ  และได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวตลอดมา โจทก์ไม่ได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวตามฟ้อง  ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง

ศาลจังหวัดพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้ว  คดีอยู่ระหว่างทำคำพิพากษา  ศาลจังหวัดเห็นว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกินสามแสนบาทอยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลแขวง  จึงสั่งโอนคดีไปยังศาลแขวง  ศาลแขวงพิจารณาแล้วเห็นว่า  ศาลจังหวัดรับฟ้องคดีนี้แล้ว  แม้ต่อมาจะปรากฏว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลแขวง  ศาลจังหวัดดำเนินกระบวนพิจารณาพิพากษาต่อไปได้  และศาลจังหวัดได้สืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จสิ้นและนัดฟังคำพิพากษาแล้ว  ศาลแขวงจึงไม่มีอำนาจทำคำพิพากษาคดีนี้ได้  จึงมีคำสั่งไม่รับโอนคดีจากศาลจังหวัด

ให้ท่านวินิจฉัยว่า  ความเห็นของศาลทั้งสองนั้น  ศาลใดวินิจฉัยถูกต้องตามกฎหมาย

ธงคำตอบ

มาตรา  16  วรรคสาม  ในกรณีที่มีการยื่นฟ้องคดีต่อศาลจังหวัด  และคดีนั้นเกิดขึ้นในเขตของศาลแขวงและอยู่ในอำนาจของศาลแขวง  ให้ศาลจังหวัดนั้นมีคำสั่งโอนคดีไปยังศาลแขวงที่มีเขตอำนาจ

มาตรา  17  ศาลแขวงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี  และมีอำนาจทำการไต่สวน  หรือมีคำสั่งใดๆ  ซึ่งผู้พิพากษาคนเดียวมีอำนาจตามที่กำหนดไว้ในมาตรา  24  และมาตรา  25  วรรคหนึ่ง

มาตรา  18  ศาลจังหวัดมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีแพ่งและคดีอาญาทั้งปวงที่มิได้อยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรมอื่น

วินิจฉัย

ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยมีว่า  คำสั่งของศาลแขวงที่ไม่รับโอนคดีนี้จากศาลจังหวัดชอบด้วยพระธรรมนูญศาลยุติธรรมหรือไม่  เห็นว่า  คำฟ้องของโจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยนำเจ้าพนักงานที่ดินรุกล้ำเข้าไปในที่ดินพิพาทซึ่งโจทก์มีสิทธิครอบครองโดยไม่มีสิทธิ  จำเลยให้การโต้แย้งสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทว่าเป็นของจำเลย  จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้หรือเป็นคดีมีทุนทรัพย์  เมื่อศาลจังหวัดเห็นว่าราคาที่ดินพิพาทซึ่งเป็นทุนทรัพย์ของคดีไม่เกิน  3  แสนบาท  คดีจึงอยู่ในอำนาจของศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษา  แม้ศาลจังหวัดจะได้ดำเนินการสืบพยานโจทก์และจำเลยจนเสร็จและนัดฟังคำพิพากษาแล้ว  แต่ตราบใดที่ศาลจังหวัดยังมิได้มีคำพิพากษา  ศาลจังหวัดชอบที่จะมีคำสั่งโอนคดีไปยังศาลแขวงตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม  มาตรา  16  วรรคท้าย

การที่ศาลแขวงมีความเห็นว่า  ศาลจังหวัดรับฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณาแล้ว  แม้ต่อมาจะปรากฏว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลแขวง  ศาลจังหวัดก็ยังมีอำนาจดำเนินกระบวนการพิจารณาพิพากษาคดีต่อไปได้  ทั้งศาลจังหวัดได้สืบพยานโจทก์จำเลยจนเสร็จสิ้นและนัดฟังคำพิพากษาแล้ว  ศาลแขวงจึงไม่มีอำนาจทำคำพิพากษาคดีนี้ได้นั้น  เห็นว่า  แม้ศาลจังหวัดจะได้รับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาและดำเนินการสืบพยานโจทก์จำเลยจนเสร็จและอยู่ระหว่างนัดฟังคำพิพากษาก็ตาม  แต่เมื่อปรากฏภายหลังว่าเป้นคดีที่อยู่ในเขตอำนาจของศาลแขวงตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม  มาตรา  17  ประกอบมาตรา  25  วรรคแรก  (4)  ไม่ใช่คดีที่อยู่ในเขตอำนาจของศาลจังหวัดเสียแล้ว  ศาลจังหวัดย่อมไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีเรื่องนี้ได้ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม  มาตรา  18  ทั้งไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดให้อำนาจศาลจังหวัดที่จะใช้ดุลพินิจรับคดีนี้ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปดังที่ศาลแขวงมีความเห็น  ดังนั้นการที่ศาลจังหวัดมีอำนาจโอนคดีเรื่องนี้ไปยังศาลแขวงซึ่งเป็นศาลที่มีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีได้นั้น  เป็นการชอบด้วยพระธรรมนูญศาลยุติธรรม  มาตรา  16  วรรคท้ายแล้ว  และเมื่อศาลแขวงจะเป็นผู้พิจารณาคดีนี้ต่อไป  ผู้พิพากษาศาลแขวงจึงมีอำนาจทำคำพิพากษาคดีนี้ได้  ที่ศาลแขวงมีความเห็นว่าผู้พิพากษาศาลแขวงไม่มีอำนาจพิจารราพิพากษาคดีนี้และมีคำสั่งไม่รับโอนคดีนั้นเป็นการไม่ชอบ  (ฎ.1966/2550)

สรุป  ความเห็นของศาลจังหวัดถูกต้อง  ศาลแขวงมีอำนาจทำคำพิพากษาคดีนี้ได้

 

ข้อ  2  ในศาลจังหวัดมีนายเอกเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าศาล  นายโทผู้พิพากษาอาวุโส  นายตรี  นายจัตวา  นายขาว  นายเขียว  เป็นผู้พิพากษาศาลจังหวัดและนายแดงเป็นผู้พิพากษาประจำศาล  นายเอกได้จ่ายสำนวนคดีอาญาให้นายจัตวาและนายแดงเป็นองค์คณะพิจารณาพิพากษา  องค์คณะทั้งสองได้เริ่มสืบพยานโจทก์ไปได้สองปาก  นายจัตวาได้ย้ายไปรับราชการยังศาลจังหวัดอื่น  นายเอกเห็นว่า เมื่อนายจัตวาได้ย้ายไปแล้วเกรงจะเป็นการกระทบกระเทือนต่อความยุติธรรม  จึงได้โอนสำนวนคดีดังกล่าวไปให้นายเขียวและนายขาวเป็นองค์คณะพิจารณาพิพากษาต่อไป

ท่านเห็นว่า  กากระทำของนายเอกชอบด้วยพระธรรมนูญศาลยุติธรรมหรือไม่

ธงคำตอบ

มาตรา  33  วรรคแรก  วรรคสองและวรรคสาม  การเรียกคืนสำนวนคดีหรือการโอนสำนวนคดี  ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบขององค์คณะผู้พิพากษาใด  ประธานศาลฎีกา  ประธานศาลอุทธรณ์  ประธานศาลอุทธรณ์ภาค  อธิบดีผู้พิพากษาศาลชั้นต้น  หรือผู้พิพากษาหัวหน้าศาล จะกระทำได้ต่อเมื่อเป็นกรณีที่จะกระทบกระเทือนต่อความยุติธรรมในการพิจารณาหรือพิพากษาอรรถคดีของศาลนั้น  และรองประธานศาลฎีกา  รองประธานศาลอุทธรณ์รองประธานศาลอุทธรณ์ภาค  รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลชั้นต้น  หรือผู้พิพากษาในศาลจังหวัดหรือศาลแขวงที่มีอาวุโสสูงสุดในศาลนั้น  แล้วแต่กรณีที่มิได้เป็นองค์คณะในสำนวนคดีดังกล่าวได้เสนอความเห็นให้กระทำได้

วินิจฉัย

เมื่อหัวหน้าผู้รับผิดชอบของศาล  จ่ายสำนวนคดีให้แก่องค์คณะผู้พิพากษาในศาลไปแล้ว  ก็ต้องให้องค์คณะดังกล่าวนั้นพิจารณาไปจนเสร็จสำนวน  จะเรียกคืนสำนวนคดีหรือโอนสำนวนจากองค์คณะผู้พิพากษาผู้รับผิดชอบสำนวนคดีนั้นไปให้องค์คณะผู้พิพากษาอื่นไม่ได้  เว้นแต่

1       เป็นกรณีที่จะกระทบกระเทือนต่อความยุติธรรม  ในการพิจารณาหรือพิพากษาอรรถคดีของศาลนั้น  และ

2       รองประธานศาลฎีกา  รองประธานศาลอุทธรณ์ รองประธานศาลอุทธรณ์ภาค รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลชั้นต้น หรือผู้พิพากษาที่มีอาวุโสสูงสุดในศาลจังหวัด  ซึ่งมิได้เป็นองค์คณะในคดีนั้นเสนอความเห็นให้เรียกคืนสำนวนคดีนั้น  หรือให้โอนสำนวนคดีนั้นไปให้องค์คณะผู้พิพากษาอื่น

นายเอกเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดซึ่งเป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบของศาลได้จ่ายสำนวนคดีให้แก่นายจัตวาและนายแดงเป็นองค์คณะผู้พิพากษา  เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่านายจัตวาได้ย้ายไปรับราชการที่ศาลจังหวัดอื่น  ทำให้องค์คณะที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษามีจำนวนไม่ครบ  2  คน  ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม  มาตรา  26  เมื่อได้เริ่มสืบพยานโจทก์ไปได้  2  ปากแล้ว  จึงถือว่าเป็นกรณีที่อาจจะเป็นการกระทบกระเทือนต่อความยุติธรรม  ในกรณีนี้เป็นศาลจังหวัด  จึงต้องให้ผู้พิพากษาศาลจังหวัดที่มีอาวุโสสูงสุดในศาลนั้น  ที่มิได้เป็นองค์คณะในสำนวนคดีดังกล่าวได้เสนอความเห็นให้กระทำได้

ดังนี้เมื่อนายมนตรีเป็นผู้พิพากษาศาลจังหวัดที่มีอาวุโสสูงสุด  ซึ่งมิได้เป็นองค์คณะในสำนวนคดีดังกล่าว  มิได้เสนอความเห็นให้โอนสำนวนคดี  การที่นายเอกโอนสำนวนคดีดังกล่าวไปให้นายเขียวและนายขาวเป็นองค์คณะพิจารณาพิพากษาต่อไป  จึงไม่ชอบด้วยพระธรรมนูญศาลยุติธรรม  ตามมาตรา  33  วรรคแรก  (นายโทผู้พิพากษาอาวุโส  ไม่มีอำนาจเสนอความเห็น  ตามมาตรา  33  วรรคสาม)

สรุป  การกระทำของนายเอกผู้พิพากษาหัวหน้าศาลไม่ชอบด้วยพระธรรมนูญศาลยุติธรรม

 

ข้อ  3  นายเก่งเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษนายโกงเป็นจำเลยต่อศาลอาญาในข้อหาออกเช็คไม่มีเงิน  ศาลอาญาไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งว่าคดีมีมูลให้ประทับฟ้อง  มีหมายเรียกจำเลยมาพิจารณาและสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าจำเลยออกเช็คที่จังหวัดราชบุรี  ธนาคารที่ปฏิเสธการจ่ายเงินก็ตั้งอยู่ที่จังหวัดราชบุรี  ความผิดเกิดขึ้นในเขตจังหวัดราชบุรี  โจทก์ชอบที่จะฟ้องต่อศาลนั้น  จึงยกฟ้อง  ดังนี้คำพิพากษาศาลอาญาชอบด้วยพระธรรมนูญศาลยุติธรรมหรือไม่

ธงคำตอบ

มาตรา  16  วรรคสาม  ในกรณีที่มีการยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งหรือศาลอาญา  และคดีนั้นเกิดขึ้นนอกเขตของศาลแพ่งหรือศาลอาญาแล้วแต่กรณี  อาจใช้ดุลพินิจยอมรับไว้พิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งโอนคดีไปยังศาลยุติธรรมอื่นที่มีเขตอำนาจ

วินิจฉัย

หลักเกณฑ์ในการใช้ดุลพินิจรับหรือไม่รับคดีที่เกิดขึ้นนอกเขตศาลแพ่งและศาลอาญาตามมาตรา  16  วรรคสาม  ประกอบด้วย

1       ได้ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งหรือศาลอาญา

2       คดีนั้นเกิดขึ้นนอกเขตของศาลแพ่งหรือศาลอาญา  (ไม่หมายความรวมถึงคดีที่เกิดนอกราชอาณาจักรไทย)

3       ศาลแพ่งหรือศาลอาญาอาจใช้ดุลพินิจยอมรับไว้พิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งโอนคดีไปยังศาลยุติธรรมอื่นที่มีเขตอำนาจ

นายเก่งยื่นฟ้องนายโกงในข้อหาออกเช็คไม่มีเงินต่อศาลอาญา  ซึ่งความผิดตาม  พ.ร.บ.  ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ  นั้นเกิดขึ้นเมื่อธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค  สถานที่ตั้งของธนาคารที่ปฏิเสธการจ่ายเงิน  จึงเป็นสถานที่ที่ความผิดเกิดขึ้น คดีจึงอยู่ในอำนาจของศาลจังหวัดราชบุรี (ฎ.1229/2519  (ประชุมใหญ่))  เป็นกรณีที่คดีเกิดขึ้นนอกเขตของศาลแพ่งหรือศาลอาญา 

แต่เมื่อศาลอาญาได้ประทับฟ้องในคดี  ถือเป็นการใช้ดุลพินิจยอมรับคดีที่เกิดนอกเขตศาลไว้พิจารณาพิพากษาแล้ว  ศาลอาญาจะพิพากษายกฟ้อง  โดยอ้างว่าเกิดนอกเขตอำนาจศาล  หรือสั่งจำหน่ายคดีหรือสั่งเพิกถอนคำสั่งที่รับฟ้องเป็นไม่รับฟ้อง  หรือจะสั่งหรือพิพากษาให้โจทก์นำคดีไปยื่นฟ้องต่อศาลอื่นที่มีเขตอำนาจไม่ได้  (ฎ.2019/2528)  คำพิพากษาศาลอาญาจึงไม่ชอบด้วยพระธรรมนูญศาลยุติธรรม  มาตรา  16  วรรคสาม

สรุป  คำพิพากษาศาลอาญาไม่ชอบด้วยพระธรรมนูญศาลยุติธรรม

Advertisement