การสอบไล่ภาคฤดูร้อน  ปีการศึกษา  2550

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 3003 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยครอบครัว

Advertisement

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  4  ข้อ  (คะแนนเต็มข้อละ  25  คะแนน)

ข้อ  1  นายมนูญ  น.ส.ดารา  และ  น.ส.มณี  เป็นเพื่อนกันมานานแล้ว  ต่อมา  น.ส.ดารา  ได้จดทะเบียนสมรสกับนายอำนวย  หกเดือนต่อมานายมนูญได้ทำสัญญาหมั้น  น.ส.มณีด้วยแหวนเพชรหนึ่งวง  นางดาราทราบข่าวและด้วยความชอบนายมนูญได้ไปเที่ยวด้วยกันและมีความสัมพันธ์ทางเพศกัน  นางดาราไม่มีความสุขกับสามีจึงจดทะเบียนหย่าตามกฎหมายกับนายอำนวย  เมื่อ  น.ส.มณีทราบความจริงจึงต้องการฟ้องเรียกค่าทดแทนจากนายมนูญและนางดาราได้หรือไม่  ด้วยสาเหตุใดและหากนายมนูญจดทะเบียนสมรสกับนางดาราจะได้หรือไม่  เพราะเหตุใด  จงอธิบาย

ธงคำตอบ

มาตรา  1443  ในกรณีมีเหตุสำคัญอันเกิดแก่ชายคู่หมั้น  ทำให้หญิงไม่สมควรสมรสกับชายคนนั้น  หญิงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาหมั้นได้โดยมิต้องคืนของหมั้นแก่ชาย

มาตรา  1444  ถ้าเหตุอันทำให้คู่หมั้นบอกเลิกสัญญาหมั้น  เป็นเพราะการกระทำชั่วอย่างร้ายแรงของคู่หมั้นอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งได้กระทำภายหลังการหมั้นคู่หมั้นผู้กระทำชั่วอย่างร้ายแรงนั้นต้องรับผิดใช้ค่าทดแทนแก่คู่หมั้นผู้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาหมั้นเสมือนเป็นผู้ผิดสัญญาหมั้น

มาตรา  1445  ชายหรือหญิงคู่หมั้นอาจเรียกค่าทดแทนจากผู้ซึ่งได้ร่วมประเวณีกับคู่หมั้นของตนโดยรู้หรือควรจะรู้ถึงการหมั้นนั้น  เมื่อได้บอกเลิกสัญญาหมั้นตามมาตรา  1442  หรือมาตรา  1443  แล้วแต่กรณี

มาตรา  1453  หญิงที่สามีตายหรือที่การสมรสสิ้นสุดลงด้วยประการอื่นจะทำการสมรสใหม่ได้ต่อเมื่อการสิ้นสุดแห่งการสมรสได้ผ่านพ้นไปแล้วไม่น้อยกว่าสามร้อยสิบวัน

วินิจฉัย

การที่นายมนูญทำสัญญาหมั้น  น.ส.มณีด้วยแหวนเพชร  1  วง  จึงเป็นสัญญาหมั้นที่สมบูรณ์  ตามมาตรา  1437  วรรคแรก

ส่วนการที่นางดาราได้ร่วมประเวณีกับนายมนูญโดยทราบว่านายมนูญได้ทำสัญญาหมั้นกับ  น.ส.มณีด้วย  จึงเป็นการฝ่าฝืนมาตรา  1445  ที่นางดาราเป็นผู้ซึ่งได้ร่วมประเวณีกับคู่หมั้นของ  น.ส.มณีโดยรู้ว่าได้หมั้นแล้ว  น.ส.มณีจึงสามารถเรียกค่าทดแทนจากนางดาราได้  โดยต้องบอกเลิกสัญญาหมั้นตามมาตรา  1443  ก่อน

และ  น.ส.มณีสามารถเรียกค่าทดแทนจากนายมนูญคู่หมั้นได้  เพราะเป็นการกระทำชั่วอย่างร้ายแรง  ที่ได้กระทำภายหลังการหมั้น  ตามมาตรา  1444  เพราะนายมนูญได้ร่วมประเวณีกับภริยาของนายอำนวยซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรง

ต่อมาได้ความว่านางดาราได้จดทะเบียนหย่ากับนายอำนวยและหากมีการจดทะเบียนกับนายมนูญในเวลานั้น  จะเป็นการฝ่าฝืนมาตรา  1453  ซึ่งยังไม่พ้น  310  วันนับแต่วันที่ได้จดทะเบียนหย่า  แต่การฝ่าฝืนมาตรา  1453  ไม่มีกฎหมายบัญญัติว่าเป็นโมฆะหรือโมฆียะแต่อย่างใด  การจดทะเบียนสมรสจึงสมบูรณ์ตามกฎหมาย

สรุป  น.ส.มณีฟ้องเรียกค่าทดแทนจากนายมนูญและนางดาราได้  และนายมนูญสามารถจดทะเบียนสมรสกับนางดาราได้

 

ข้อ  2  นายจารึกหลังจากได้จดทะเบียนสมรสกับนางสาวสำเริงไม่นานนักก็เกิดอาการวิกลจริตอย่างหนัก  ต้องนำส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล  นายจารึกได้ทราบความจริงว่านางสำเริงได้ถูกศาลสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถมากกว่า  1  ปีแล้ว  ต่อมานายจารึกได้จดทะเบียนสมรสกับ  น.ส.น้ำหวาน  ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของตน  เช่นนี้  การสมรสทั้งสองครั้งจะมีผลอย่างไร  เพราะเหตุใด  จงอธิบาย

ธงคำตอบ

มาตรา  1449  การสมรสจะกระทำมิได้ถ้าชายหรือหญิงเป็นบุคคลวิกลจริตหรือเป็นบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ

มาตรา  1451  ผู้รับบุตรบุญธรรมและบุตรบุญธรรมจะสมรสกันไม่ได้

มาตรา  1452  ชายหรือหญิงจะทำการสมรสในขณะที่ตนมีคู่สมรสอยู่ไม่ได้

มาตรา  1495  การสมรสที่ฝ่าฝืนมาตรา  1449  มาตรา  1450  มาตรา  1452  และมาตรา  1458  เป็นโมฆะ

มาตรา  1598/32  การรับบุตรบุญธรรมย่อมเป็นอันยกเลิกเมื่อมีการสมรสฝ่าฝืนมาตรา  1451

วินิจฉัย

การสมรสของนายจารึกกับนางสำเริงมีผลสมบูรณ์  แม้ว่านางสำเริงจะถูกศาลสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถมาก่อนก็ตาม  เพราะไม่ได้เป็นการฝ่าฝืน  มาตรา  1449  ที่ห้ามจดทะเบียนสมรสกับบุคคลวิกลจริตหรือบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถเท่านั้น  และแม้นางสำเริงจะมีอาการวิกลจริต  แต่ก็เป็นอาการวิกลจริตหลังจากทำการสมรสแล้วไม่ต้องห้ามแต่อย่างใด

ส่วนการสมรสของนายจารึกกับ  น.ส.น้ำหวาน  บุตรบุญธรรมนั้น  เมื่อนายจารึกมีคู่สมรสอยู่ก่อนแล้ว  จึงเป็นการฝ่าฝืนมาตรา  1452  ที่ห้ามทำการสมรสในขณะที่ตนมีคู่สมรสอยู่  การสมรสจึงมีผลเป็นโมฆะตามมาตรา  1495

สำหรับการสมรสระหว่างผู้รับบุตรบุญธรรมกับบุตรบุญธรรมนั้นทำไม่ได้  ตามมาตรา  1451  แต่ก็ไม่มีกฎหมายบัญญัติว่าเป็นโมฆะหรือโมฆียะแต่อย่างใด  คงมีแต่มาตรา  1598/32  ที่บัญญัติไว้ว่า  การรับบุตรบุญธรรมเป็นอันยกเลิก  เมื่อมีการสมรสฝ่าฝืนมาตรา  1451  ความเป็นผู้รับบุตรบุญธรรมและบุตรบุญธรรมเป็นอันสิ้นสุด  คงมีฐานะเป็นสามีภริยากันเท่านั้น

สรุป  การสมรสของนายจารึกกับนางสำเริงมีผลสมบูรณ์

การสมรสของนายจารึกกับนางสาวน้ำหวานเป็นโมฆะ

 

ข้อ  3  นายสมคิดและนางอุสาเป็นสามีภริยากันตามกฎหมาย  ได้ทำสัญญาก่อนสมรสกำหนดให้นายสมคิดมีอำนาจจัดการสินสมรสที่เป็นอสังหาริมทรัพย์แต่ผู้เดียว  ต่อมานายสมคิดได้เดินทางไปต่างประเทศ  นางอุสาได้จัดการโดยลำพังคือนำเงินค่าเช่าที่ดินสินสมรสจำนวน  8  แสนบาท  ไปซื้อรถยนต์นำมาใช้เมื่อนายสมคิดกลับมาก็ไม่พอใจเพราะต้องการนำเงินไปลงทุนเพิ่มเติม  เช่นนี้  นายสมคิดจะขอเพิกถอนการซื้อขายรถยนต์คันดังกล่าวได้หรือไม่  เพราะเหตุใด  จงอธิบาย

ธงคำตอบ

มาตรา  1476  สามีและภริยาต้องจัดการสินสมรสร่วมกันหรือได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่งในกรณีดังต่อไปนี้

(1)  ขาย  แลกเปลี่ยน  ขายฝาก  ให้เช่าซื้อ  จำนอง  ปลดจำนอง  หรือโอนสิทธิจำนอง  ซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ที่อาจจำนองได้

การจัดการสินสมรสนอกจากกรณีที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง  สามีหรือภริยาจัดการได้โดยมิต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง

มาตรา  1476/1  วรรคแรก  สามีและภริยาจะจัดการสินสมรสให้แตกต่างไปจากที่บัญญัติไว้ในมาตรา  1476  ทั้งหมดหรือบางส่วนได้ก็ต่อเมื่อได้ทำสัญญาก่อนสมรสไว้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา  1465  และมาตรา  1466  ในกรณีดังกล่าวนี้  การจัดการสินสมรสให้เป็นไปตามที่ระบุไว้ในสัญญาก่อนสมรส

ในกรณีที่สัญญาก่อนสมรสระบุการจัดการทรัพย์สินไว้แต่เพียงบางส่วนของมาตรา  1476  การจัดการสินสมรสนอกจากที่ระบุไว้ในสัญญาก่อนสมรสให้เป็นไปตามมาตรา  1476

วินิจฉัย

การทำสัญญาก่อนสมรสที่กำหนดให้นายสมคิดมีอำนาจจัดการสินสมรสที่เป็นอสังหาริมทรัพย์แต่ผู้เดียว  สามารถทำได้ตามมาตรา  1476/1  วรรคแรก  สำหรับทรัพย์สินส่วนอื่นๆให้จัดการตามมาตรา  1476/1  วรรคสอง

การที่อุสาได้จัดการโดยลำพังคือนำเงินค่าเช่าที่ดินสินสมรสไปซื้อรถยนต์นั้น  เห็นว่า  เงินค่าเช่าที่ดินไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์  ตามที่กำหนดไว้ให้นายสมคิดมีอำนาจจัดการแต่เพียงผู้เดียว  จำต้องพิจารณาตามมาตรา  1476  ว่าสามีภริยามีกรณีใดต้องจัดการร่วมกัน  หรือได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง  ซึ่งเมื่อพิจารณาตามมาตรา  1476  แล้ว  การซื้อรถยนต์ไม่ใช่กรณีที่ต้องขอความยินยอมจากคู่สมรสก่อน  ตามมาตรา  1476(1)  แต่อย่างใด  ดังนั้นนางอุสาจึงสามารถจัดการได้โดยลำพัง  ตามมาตรา  1476  วรรคสอง

สรุป  นายสมคิดจะขอเพิกถอนการซื้อขายรถยนต์ดังกล่าวไม่ได้

 

ข้อ  4  นายอำนาจกับนางปราณีเป็นสามีภริยากัน  แต่มีปัญหาเข้ากันไม่ได้  ทั้งสองได้ตกลงสมัครใจแยกกันอยู่สองปีต่อมานายอำนาจได้รู้จักกับนางอรดีซึ่งมีปัญหากับสามี  (นายสมบูรณ์)  และกำลังจะหย่ากัน  นายอำนาจกับนางอรดีเข้ากันได้ดีจึงใช้ชีวิตอยู่กินร่วมกัน  นางปราณีได้รู้จักกับนายไมตรีเพื่อนร่วมงานใหม่  จึงได้ตกลงทำการค้าร่วมกัน  เช่นนี้  นางปราณีจะฟ้องหย่านายอำนาจได้หรือไม่  และนายสมบูรณ์จะฟ้องเรียกค่าทดแทนจากนายอำนาจและนางอรดีได้หรือไม่  เพราะเหตุใด  จงอธิบาย

ธงคำตอบ

มาตรา  1516  เหตุฟ้องหย่ามีดังต่อไปนี้

(1) สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี  เป็นชู้หรือมีชู้หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณอีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

มาตรา  1523  วรรคแรก  เมื่อศาลพิพากษาให้หย่ากันเพราะเหตุตามมาตรา  1516(1)  ภริยาหรือสามีมีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากสามีหรือภริยาและจากหญิงอื่นหรือชู้  แล้วแต่กรณี

วินิจฉัย

นางปราณีสามารถฟ้องหย่านายอำนาจได้  โดยอาศัยเหตุที่นายอำนาจไปใช้ชีวิตอยู่กินร่วมกันกับนางอรดีซึ่งเป็นภริยาของนายสมบูรณ์  จึงเข้าเหตุฟ้องหย่า  ตามมาตรา  1516(1)  คือ  สามีเป็นชู้กับภริยานายสมบูรณ์

ส่วนนายสมบูรณ์ก็สามารถฟ้องเรียกค่าทดแทนจากนายอำนาจและนางอรดีได้  ตามมาตรา  1523  วรรคแรก  โดยจะต้องฟ้องหย่านางอรดี  ตามมาตรา  1516(1)  เพราะเหตุมีชู้ก่อน  เมื่อศาลสั่งให้หย่ากันแล้ว  นายสมบูรณ์ก็ฟ้องเรียกค่าทดแทนจากภริยาและผู้ซึ่งเป็นเหตุแห่งการหย่านั้นได้

สรุป  นางปราณีฟ้องหย่านายอำนาจได้

นายสมบูรณ์ฟ้องเรียกค่าทดแทนจากนายอำนาจและนางอรดีได้

Advertisement