การสอบไล่ภาค  1  ปีการศึกษา  2550

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2032 ประวัติศาสตร์กฎหมายไทย

Advertisement

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  3  ข้อ  ข้อละ  25  คะแนนข้อ  1  หลักอินทภาษคืออะไร  มีหลักเกณฑ์ว่าอย่างไร  การที่ตุลาการตัดสินคดีโดยยึดหลักอินทภาษหรือไม่ยึดหลักอินทภาษมีผลต่อตุลาการท่านนั้นอย่างไรบ้าง  อธิบาย

ธงคำตอบ

หลักอินทภาษ  เป็นค่ำสั่งสอนที่พระอินทร์มีต่อบุรุษผู้หนึ่งซึ่งมีหน้าที่เป็นตุลาการว่า  การจะเป็นตุลาการที่ดีจะต้องไม่มีอคติ  4  ประการ  คือ  ฉันทาคติ  (รัก)  โทสาคติ  (โกรธ)  ภยาคติ  (กลัว)  โมหาคติ  (หลง)  และต้องตัดสินความตามพระธรรมศาสตร์โดนคลองธรรมอันเป็นจัตุรัส  ซึ่งหมายความว่า  พลิกยากไม่ใช่เป็นไปตามอารมณ์ของตุลาการ  การปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติมีผลต่อตุลาการผู้นั้นคือ  ถ้าตัดสินความโดยปราศจากอคติดังกล่าวแล้ว  อิสริยยศ   และบริวารยศแห่งบุคคลผู้นั้นก็จะเจริญรุ่งเรือง  เปรียบประดุจเดือนข้างขึ้น  ถ้าผู้ใดตัดสินโดยมีอคติ  4  ประการดังกล่าว  อิสริยยศ  และบริวารยศ  ก็จะเสื่อมสูญไปเปรียบประดุจเดือนข้างแรม

ที่ว่าให้ผู้พิพากษาปราศจากฉันทาคตินั้น  หมายถึง  ให้ทำจิตใจให้ปราศจากความโลภ  อย่าเห็นแก่อามิสสินจ้าง  อย่าเข้าข้างด้วยฝ่ายโจทย์หรือจำเลย  เพราะเหตุจะได้ทรัพย์จากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด  แม้ว่าผู้ต้องคดีจะเป็นบิดามารดาก็ต้องทำใจให้เป็นกลาง

การทำใจให้ปราศจากโทสาคติ  หมายถึง  อย่าตัดสินความโดยความโกรธ  พยาบาท  อาฆาต  เพราะผู้นั้นเป็นปฏิปักษ์แก่ตน 

การพิจารณาโดยปราศจากภยาคติ  คือ   ให้ผู้พิพากษาทำจิตใจให้มั่นคง  ไม่หวั่นไหว  กลัวฝ่ายโจทย์หรือจำเลย  เพราะเป็นผู้มีอำนาจราชศักดิ์  หรือเป็นผู้มีกำลังพวกพ้องมาก

การตัดสินโดยปราศจากโมหาคติ  หมายความว่า  จะต้องตัดสินคดีด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์  คดีใดควรแพ้ก็ต้องให้แพ้  คดีใดควรชนะก็ให้ชนะ จะต้องเป็นผู้รอบรู้ในธรรมศาสตร์  จะต้องไม่ตัดสินคดีโดยหลง

การตัดสินคดีโดยมีอคติ  4  ประการนี้  นับว่าเป็นบาปอย่างยิ่ง  กล่าวว่า  ถึงแม้จะฆ่าสิ่งมีชีวิตไปเป็นพันเป็นหมื่น  บาปกรรมนั้นก็ไม่เท่ากับบุคคลที่บังคับคดีไม่เที่ยงตรง

หลักอินทภาษ  มิใช่มีความสำคัญต่อผู้ทำหน้าที่เป็นตุลาการเท่านั้น  หากแต่ยังเป็นหลักที่ผู้มีหน้าที่ในการวินิจฉัยเรื่องต่างๆ  เพื่อให้เกิดความยุติธรรมด้วย

 

ข้อ  2  ผู้ซึ่งมีบทบาทในการร่างกฎหมายของกรีกในช่วงปีที่  620  ถึง  594  ก่อนคริสตกาล  คือใคร  และ  จลอธิบายถึงผลงานเกี่ยวกับกฎหมายของบุคคลดังกล่าวด้วย

ธงคำตอบ

ผู้ซึ่งมีบทบาทในการร่างกฎหมายของกรีกมี  2  คน  คือ

1  ดราโค  (Draco)  เป็นผู้ซึ่งมีบทบาทอยู่ในช่วงราวปีที่  620  ก่อนคริสต์ศักราช  ดราโคได้ทำการรวบรวมกฎหมายและตราให้เป็นระเบียบหมวดหมู่  นอกจากนั้นยังเป็นเจ้าของประมวลกฎหมายที่เข้มงวดมากจนทำให้เกิดคำว่า  “Draconic”  หมายความว่า  รุนแรงหรือเข้มงวด  กระทั่งมีคำกล่าวว่า  กฎหมายของเขาเขียนด้วยเลือดไม่ใช่ด้วยหมึก  เช่น  ผู้ซึ่งเป็นหนี้คนอื่นแล้วไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดจะต้องตกเป็นทาสของเจ้าหนี้หรือใครขโมยกะหล่ำปลีจะต้องถูกลงโทษประหารชีวิต  กฎหมายฉบับนี้แม้จะให้ความยุติธรรม  แต่การลงโทษก็รุนแรงเกินไป   มิได้ช่วยแก้ไขความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจ  ผู้มั่งคั่งยังคงรวยจนเหลือล้น  ในคณะที่คนจนก็ยัง ยากจนอย่างแสนสาหัส   พวกขุนนางยังคงตัดสินคดีเข้าข้างตนเอง  ความเข้มงวดของกฎหมายนี้เองเป็นเหตุให้เกิดความยุ่งยากจนถึงขั้นจลาจลวุ่นวายขึ้น  ในปี 600  ก่อนคริสต์ศักราช  อนึ่งประมวลกฎหมายของดราโค  ถือว่าเป็นกฎหมายลายลักษณ์อักษรฉบับแรกของกรีก  ผลดีของกฎหมายฉบับนี้มีเพียงประการเดียว  คือ  ทำให้ประชาชนมีโอกาสรู้กฎหมายบ้านเมืองมิใช่ปล่อยให้ขุนนางเป็นผู้ตัดสินคดีตามใจดังแต่ก่อน

 2         โซลอน  (Solon)  เขาเป็นพ่อค้า  ซึ่งเป็นชนชั้นมั่งคั่งที่สุดในนครรัฐเอเธนส์  โซลอนได้เข้ามาปฏิรูปการปกครอง  ในราวปี  594 ก่อนคริสต์ศักราชเขาได้รับแต่งตั้งเป็นอาร์คอนมีอำนาจพิเศษในการตรากฎหมาย  เมื่อเข้ามารับตำแหน่งแล้ว  ได้ยกเลิกกฎหมายของดราโค  โซลอนได้พยายามเลิกทาสและยกฐานะของบุคคลให้เสมอภาคกัน  ผลงานที่สำคัญคือ

ก.       ประกาศยกเลิกบรรดาทรัพย์สินที่จำนอง  หนี้สินต่างๆ  ที่ลูกหนี้มีอยู่และห้ามการจำนองที่ดิน

ข.       ยกเลิกหนี้สินต่างๆ  ที่ลูกหนี้มีอยู่  รวมทั้งให้อิสรภาพแก่ผู้ที่ต้องกลายเป็นทาสเนื่องมาจากการติดหนี้สิน  และห้ามการขายตัวเพื่อชดใช้หนี้สิน

ค.       จัดตั้งสภาสี่ร้อย  (The  Council  of  Four  Hundred)  เพื่อเตรียมงานทางด้านนิติบัญญัติมีสมาชิก  400  คน  เลือกมาจากพลเมืองทั้งสี่เผ่าพันธุ์ที่ประกอบเป็นชาวนครรัฐเอเธนส์เผ่าพันธุ์ละ  100  คน  โดยให้สิทธิชนชั้นกลางและชนชั้นต่ำเข้าเป็นสมาชิกด้วย  จุดมุ่งหมายของการจัดตั้งสภานี้ก็เพื่อให้เกิดความสมดุลทางการเมืองกล่าวคือ  คนทั้ง  4  เผ่าพันธุ์  ต่างมีส่วนในการปกครองเท่าๆกัน  ประชาชนทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในทางนิติบัญญัติและในสภา

ง.        จัดตั้งศาลยุติธรรม  มีคณะผู้พิพากษาเรียกว่า  เฮเลีย  (Heliaea)  เรียกศาลนี้ว่า  ศาลเฮเลีย  ในระยะแรกศาลนี้ทำหน้าที่พิจารณาคดีเบื้องต้น  โดยที่อำนาจผู้พิพากษาสูงสุดยังคงอยู่กับอาร์คอน  ต่อมาภายหลังศาลเฮเลีย  ทำหน้าที่เป็นทั้งศาลเบื้องต้นและศาลสูงสุด  คณะผู้พิพากษาประกอบไปด้วยประชาชนทั่วไป   นอกจากอำนาจในการพิจารณาคดีแล้ว  ศาลนี้ยังมีอำนาจซักฟอกผู้บริหารงานที่ถูกกล่าวหาและถูกเชิญตัวมาในศาลด้วย

จ.       จัดให้มีการควบคุมเกี่ยวกับการถือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน  เพื่อป้องกันมิให้เอกชนคนใดมีที่ดินมากเกินไป

 

ข้อ  3  ในบรรดากฎหมายโบราณทั้งหลาย  กฎหมายโรมันมีคุณค่าพิเศษที่ทำให้เป็นรากฐานของประมวลกฎหมายแพ่งหลายประเทศในปัจจุบัน  จงอธิบายคุณค่าพิเศษของกฎหมายโรมัน

ธงคำตอบ 

คุณค่าพิเศษของกฎหมายโรมัน

ในบรรดากฎหมายโบราณทั้งหลาย  กฎหมายโรมันมีคุณค่าพิเศษซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุต่างๆ 3  ประการดังต่อไปนี้

 1         ในทางประวัติศาสตร์กฎหมาย  กฎหมายโรมันได้มีอายุสืบเนื่องติดต่อกันเป็นเวลายาวนาน  จึงมีการแก้ไขเพิ่มเติมให้สมบูรณ์ขึ้นเป็นลำดับเสมอมา  และด้วยเหตุที่กรุงโรมได้มีหลักฐานอันเป็นเอกสารที่เกี่ยวกับวิชากฎหมายอยู่มากมาย  ทำให้สามารถสืบสาวถึงความเจริญในเชิงระเบียบต่างๆของชุมชนแห่งชาวโรมันได้ดีกว่าชนชาติอื่นๆในสมัยโบราณ

2         ในทางคุณค่าที่มีอยู่ในตัวเอง  ชาวโรมันเป็นชนชาติแรกที่ได้เข้าจัดการบ้านเมืองของชนชาติอื่นที่ตนรบชนะ  ให้อยู่โดยสงบเรียบร้อย  กฎหมายโรมันจึงค่อยๆผ่อนผันเข้ากับสภาพแห่งความเป็นอยู่ของชนชาติต่างๆ  ที่มีการดำเนินชีวิตผิดแผกแตกต่างกัน  จนกลายเป็นกรอบข้อบังคับทั่วไปที่ใช้  ได้แก่  มนุษยชาติโดยไม่จำกัดหมู่เหล่า  จนได้รับขนานนามว่าเป็น  “คัมภีร์แห่งสติปัญญา”  (Ratio  Scripta)

3         กฎหมายโรมันยังคงอยู่  แม้จักรวรรดิโรมันได้สูญสิ้นไปแล้ว  เพราะว่ากฎหมายโรมันเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับแก่ชนชาติต่างๆ  ที่ได้ตกอยู่ภายใต้อำนาจของกรุงโรม  กฎหมายโรมันจึงประดุจกฎหมายกลางของบรรดาประเทศในยุโรปที่หยั่งรากลึกมาเป็นเวลานาน  ฉะนั้นในเมื่อไทยรับเอาหลักกฎหมายของยุโรปมาเป็นแนวทางในการบัญญัติกฎหมาย  จึงอาจกล่าวได้ว่ากฎหมายโรมันย่อมเป็นมูลรากของกฎหมายไทยเช่นเดียวกัน

Advertisement