การสอบไล่ภาคฤดูร้อน  ปีการศึกษา  2546

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2013 

Advertisement

 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยตั๋วเงิน บัญชีเดินสะพัด
คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  3  ข้อ

ข้อ  1  นายชิตได้ตกลงเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันกับธนาคารแสงโสมจำกัด  (มหาชน)  โดยในคำขอเปิดบัญชีฯนั้นมีข้อตกลงหนึ่งระบุว่า  ถ้าเงินในบัญชีมีไม่พอจ่ายตามเช็คแต่ธนาคารได้จ่ายเงินให้ไปก่อน  ผู้ฝากเงินจะต้องจ่ายเงินส่วนที่จ่ายเกินไปนั้นคืนให้แก่ธนาคารเสมือนหนึ่งได้ขอเบิกเงินเกินบัญชีไว้กับธนาคารและธนาคารมีสิทธิคิดดอกเบี้ยเบิกเงินเกินบัญชีนั้นเป็นดอกเบี้ยแบบทบต้นได้  และต่อมานายชิตได้นำเงินเข้าฝากในบัญชีฯ  ดังกล่าว  และสั่งจ่ายเช็คเบิกเงินเรื่อยมา  ซึ่งบางครั้งเงินในบัญชีไม่พอจ่ายธนาคารแสงโสมฯ  ก็ยินยอมจ่ายเงินตามเช็คที่นายชิตสั่งจ่ายมานั้นทุกครั้ง  และนายชิตก็ได้นำเงินมาชำระคืนในส่วนที่เกินบัญชีนั้นทุกครั้งเช่นกัน  ในกรณีดังกล่าวนั้นถือว่านายชิตได้ตกลงทำสัญญาบัญชีเดินสะพัดกับธนาคารแสงโสมฯจำกัด  (มหาชน)  หรือไม่  เพราะเหตุใด

ข  ในกรณีของตั๋วแลกเงินนั้น  ผู้ทรงสามารถที่จะทำการผ่อนเวลาการใช้เงินตามตั๋วฯ  ให้แก่ผู้จ่ายหรือผู้รับรองได้หรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

ก  อธิบาย

มาตรา  856  อันว่าสัญญาบัญชีเดินสะพัดนั้น  คือสัญญาซึ่งบุคคลสองคนตกลงกันว่าสืบแต่นั้นไปหรือในชั่วเวลากำหนดอันใดอันหนึ่ง  ให้ตัดทอนบัญชีหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนอันเกิดขึ้นแต่กิจการในระหว่างเขาทั้งสองนั้นหักกลบลบกัน  และคงชำระแต่ส่วนที่เป็นจำนวนคงเหลือโดยดุลภาค

วินิจฉัย

ตามข้อเท็จจริงนั้น  ข้อความที่ปรากฏในคำขอเปิดบัญชีฯ  ประกอบด้วยการกระทำของนายชิตจากการจ่ายเช็คเกินวงเงินในบัญชี  และธนาคารฯ  ก็ยินยอมจ่ายให้โดยที่นายชิตก็ได้นำเงินมาชำระคืนในส่วนที่เกินนั้นทุกครั้ง  อย่างนี้ให้ถือว่าตกลงทำสัญญาเดินสะพัดต่อกันแล้ว  ดังนั้นจึงถือว่านายชิตได้ตกลงทำสัญญาบัญชีเดินสะพัดกับธนาคารแสงโสมแล้ว  (ฎ. 1629/2537)

สรุป  นายชิตได้ตกลงทำสัญญาบัญชีเดินสะพัดกับธนาคารแสงโสมแล้ว

ข  อธิบาย

โดยหลักแล้วในการใช้เงินตามตั๋วเงินนั้น  กฎหมายตั๋วเงินห้ามมิให้ผู้ทรงยอมผ่อนเวลาในการใช้เงินให้แก่ผู้จ่ายหรือผู้รับรอง  ทั้งนี้ตามบทบัญญัติมาตรา  903

ในกรณีของตั๋วแลกเงินก็เช่นเดียวกัน  ผู้ทรงจะต้องไม่ยอมผ่อนเวลาในการใช้เงินให้แก่ผู้จ่ายหรือผู้รับรอง  แต่ถ้าผู้ทรงตั๋วแลกเงินยอมผ่อนวันใช้เงินให้แก่ผู้จ่ายหรือผู้รับรอง  ย่อมเป็นผลให้ผู้ทรงสิ้นสิทธิไล่เบี้ยคู่สัญญาคนก่อนๆ  (ผู้สั่งจ่ายและผู้สลักหลังคนก่อนๆ)  ซึ่งมิได้ตกลงด้วยในการผ่อนวันใช้เงินนั้นตามมาตรา  906  ประกอบมาตรา  948

 

ข้อ  2  ก  ตามกฎหมายนั้นได้มีบทบัญญัติที่ระบุข้อที่ห้ามมิให้ผู้ที่ถูกฟ้องในมูลตั๋วแลกเงินยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้หรือไม่  อย่างไร

ข  นายจิตสั่งจ่ายเช็คจำนวน  500,000  บาท  ชำระหนี้ค่าเหล็กเส้นให้แก่นางจอย  ต่อมานางจอยนำเช็คฉบับดังกล่าวโอนชำระหนี้ค่าซื้อขายทองคำ  99%  ที่นางจอยตกลงซื้อมาจากนางสาวเจี๊ยบให้แก่นางสาวเจี๊ยบ  โดยในสัญญาซื้อขายทองคำนั้นได้มีข้อตกลงเป็นเงื่อนไขไว้ว่าหากได้มีการให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบทองคำดังกล่าวแล้ว  ปรากฏว่ามิใช่ทองคำ  99%  จริงก็ให้ถือว่าสัญญาซื้อขายนั้นไม่มีผลบังคับต่อกัน  ซึ่งปรากฏว่าเมื่อมีผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบทองคำดังกล่าวแล้วพบว่าเป็นทองคำ  50%  เท่านั้น  นางจอยจึงทำการส่งมอบทองคำนั้นคืนให้แก่นางสาวเจี๊ยบและขอเช็คฉบับดังกล่าวคืนจากนางสาวเจี๊ยบด้วย  แต่ปรากฏว่านางสาวเจี๊ยบกลับนำเช็คฉบับดังกล่าวนั้นมาฟ้องนายจิตให้รับผิดใช้เงินตามเช็คในฐานะผู้สั่งจ่าย  กรณีดังกล่าวนี้นายจิตมีข้อต่อสู้หรือข้ออ้างใดๆที่จะสามารถอ้างเพื่อจะได้ไม่ต้องชำระเงินให้แก่นางสาวเจี๊ยบหรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

ก  อธิบาย

ตาม  ป.พ.พ.  ได้บัญญัติหลักการคุ้มครองผู้รับโอนตั๋วเงินโดยสุจริตไว้ในมาตรา  916  ซึ่งมีหลักคือ  บุคคลทั้งหลายผู้ถูกฟ้องในมูลตั๋วแลกเงินหาอาจจะต่อสู้ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันระหว่างบุคคลระหว่างตนกับผู้สั่งจ่ายหรือกับผู้ทรงคนก่อนๆนั้นได้ไม่  เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล

จากหลักดังกล่าวนี้สามารถอธิบายได้ว่า  ผู้ทรงที่ชอบด้วยกฎหมายคนใดได้รับตั๋วมาโดยสุจริตมิได้คบคิดฉ้อฉลกับผู้โอนตั๋วมาให้ตนแต่ประการใด  ผู้ทรงคนนั้นมีสิทธิฟ้องให้ผู้ที่ลงลายมือชื่อในตั๋วต้องรับผิดชอบตามเนื้อความแห่งตั๋วเงินนั้นได้ทุกคน  ผู้ที่ถูกไล่เบี้ยจะอ้างว่าข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันระหว่างตนกับผู้สั่งจ่ายหรือตนกับผู้ทรงคนก่อนๆนั้นมาต่อสู้ผู้ทรงที่ชอบด้วยกฎหมายและสุจริตนั้นไม่ได้

อย่างไรก็ตามก็มีข้อยกเว้นไว้ว่า  แม้ผู้ทรงนั้นจะสุจริตและเป็นผู้ทรงที่ชอบด้วยกฎหมายก็ตามแต่ถ้าปรากฏว่าข้อต่อสู้ที่ยกขึ้นมาเป็นข้อต่อสู้ผู้ทรงนั้น  เป็นข้อต่อสู้เกี่ยวกับตั๋วแลกเงินนั้นเอง  เช่น  ตั๋วขาดอายุความใช้เงินแล้ว  ฯลฯ  เหล่านี้สามารถยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ผู้ทรงที่สุจริตและชอบด้วยกฎหมายนั้นได้

ข  อธิบาย

มาตรา  916  บุคคลทั้งหลายผู้ถูกฟ้องในมูลตั๋วแลกเงินหาอาจจะต่อสู้ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างตนกับผู้สั่งจ่ายหรือกับผู้ทรงคนก่อนนั้นได้ไม่  เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล

มาตรา  989  วรรคแรก  บทบัญญัติทั้งหลายในหมวด  2  อันว่าด้วยตั๋วแลกเงินดังจะกล่าวต่อไปนี้  ท่านให้ยกมาบังคับในเรื่องเช็คเพียงเท่าที่ไม่ขัดกับสภาพแห่งตราสารชนิดนี้  คือบทมาตรา  910  914  ถึง 923…

วินิจฉัย

โดยปกติบุคคลผู้ถูกฟ้องตามตั๋วเงินไม่อาจจะยกข้ออ้างหรือข้อต่อสู้ใดๆที่ว่าไม่มีมูลหนี้ตามตั๋วเงินฉบับนี้ได้  2  กรณี  คือ

 1       ข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวกันเฉพาะบุคคลระหว่างผู้ถูกฟ้องกับผู้สั่งจ่าย

2       ข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันเฉพาะบุคคลระหว่างผู้ถูกฟ้องกับผู้ทรงคนก่อนๆคือ  ผู้ทรงคนก่อนจากผู้ทรงคนปัจจุบันที่เป็นผู้ฟ้อง  และรวมถึงผู้สลักหลังคนก่อนๆด้วย

แต่หากไม่เกี่ยวกับ  2  กรณีนี้เลย  ก็ไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา  916  ดังนั้น  ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นกรณีที่สิทธิของนางสาวเจี๊ยบซึ่งเป็นโจทก์ฟ้องนายจิตนั้นบกพร่องเสียเอง  กล่าวคือ  เงื่อนไขบังคับก่อนไม่สำเร็จ  สัญญาซื้อขายระหว่างนางสาวเจี๊ยบกับนางจอยไม่มีต่อกันแล้ว  จึงไม่มีมูลหนี้ที่นางสาวเจี๊ยบจะได้รับเงินตามเช็คฉบับดังกล่าวเลย  ดังนั้นนางสาวเจี๊ยบจึงฟ้องเรียกเงินจากนายจิตไม่ได้  นายจิตสามารถยกขึ้นต่อสู้นี้ขึ้นอ้างเพื่อจะต้องไม่ชำระเงินให้แก่นางสาวเจี๊ยบได้  (ฎ. 2932/2519)

 

ข้อ  3  ก  ตั๋วเงินที่มีการปลอมลายมือชื่อหรือมีการลงลายมือชื่อโดยปราศจากอำนาจนั้นทำให้เกิดผลทางกฎหมายอย่างไรบ้าง

ข  แอนออกเช็คฉบับหนึ่งสั่งธนาคารตามเช็คให้จ่ายเงินจำนวน  500,000  บาท  ให้แก่อ้อมเพื่อชำระหนี้ที่มีต่อกัน  ต่อมาอั๋นซึ่งเป็นบุตรชายของอ้อมได้ปลอมลายมือชื่อของอ้อมสลักหลังโอนเช็คนั้นให้กับกิ๊กซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของอ้อมจากนั้นกิ๊กได้สลักหลังเช็คฉบับดังกล่าวให้กับก้องเพื่อชำระหนี้ที่มีต่อกัน  เมื่อก้องได้รับเช็คมาแล้วก้องก็ได้สอบถามอ้อมว่าได้สลักหลังโอนเช็คฉบับดังกล่าวให้กิ๊กมาหรือไม่  เพราะลายมือชื่อของอ้อมที่ปรากฏในเช็คแตกต่างจากลายมือชื่อของอ้อมที่ตนเคยเห็นมาก่อนและอ้อมก็ยอมรับว่าลายมือชื่อนั้นเป็นของตนจริงๆ เพราะเกรงว่าอั๋นจะได้รับโทษจากการปลอมลายมือชื่อ  ดังนี้หากต่อมาอ้อมโกรธอั๋นจึงทำการเรียกเช็คนั้นคืนจากก้องโดยอ้างว่าเช็คฉบับดังกล่าวมีลายมือชื่อปลอม  ตนมิได้เป็นผู้ลงลายมือชื่อนั้นในเช็คแต่อย่างใด  ก้องจึงไม่มีสิทธิยึดหน่วงเช็คฉบับดังกล่าวนั้นไว้ต้องคืนให้แก่ตน  จากกรณีดังกล่าวนั้นก็จะต้องคืนเช็คให้แก่อ้อมตามที่อ้อมเรียกร้องมาหรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

ก  อธิบาย

ตั๋วเงินที่มีการลงลายมือชื่อปลอมกับตั๋วเงินที่มีการลงลายมือชื่อโดยปราศจากอำนาจนั้นมีผลทางกฎหมายดังนี้

–          กรณีที่เหมือนกัน  คือ  ตั๋วเงินนั้นย่อมเสียไปทั้งฉบับสำหรับเจ้าของลายมือชื่อ  ซึ่งถูกปลอมลายมือชื่อ  และเจ้าของลายมือชื่อซึ่งมิได้มอบอำนาจ  อีกทั้งเป็นผลให้ผู้ใดจะแสวงสิทธิจากลายมือชื่อทั้งสองนั้นเพื่อยึดหน่วงเช็คนั้นไว้ก็ดี  หรือเพื่อทำให้หลุดพ้นจากความรับผิดด้วยการใช้เงินตามตั๋วเงินนั้นก็ดี  หรือเพื่อบังคับการใช้เงินเอาแก่คู่สัญญาซึ่งต้องรับผิดตามมูลหนี้ในตั๋วเงินนั้นก็ดี  ย่อมไม่อาจกระทำได้  เว้นแต่บุคคลซึ่งจะพึงถูกยึดหน่วง  หรือจะพึงถูกบังคับการใช้เงินนั้นจะอยู่ในฐานะเป็นบุคคลซึ่งถูกตัดบทมิให้ยกข้อลายมือชื่อปลอมหรือข้อลายมือชื่อซึ่งลงไว้โดยปราศจากอำนาจขึ้นมาเป็นข้อต่อสู้  (มาตรา  1008  วรรคแรก) 

–          กรณีที่แตกต่างกัน  คือ  ตั๋วเงินที่มีลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายและหรือลายมือชื่อผู้สลักหลังชื่อผู้สลักหลังเป็นลายมือชื่อปลอม  เจ้าของลายมือชื่อที่ถูกปลอม  ไม่อาจให้สัตยาบันได้  หากแสดงออกด้วยการยอมรับว่าเป็นลายมือชื่อตนเอง  กรณีย่อมอยู่ในฐานะเป็นผู้ต้องตัดบทหรือถูกปิดปากมิให้ยกลายมือชื่อปลอมนั้นขึ้นมาเป็นข้อต่อสู้  ขณะที่ลายมือชื่อที่ลงไว้โดยปราศจากอำนาจ  เจ้าของลายมือชื่อที่เขาลงไว้โดยมิได้มอบอำนาจอาจให้สัตยาบันได้  และกลายเป็นการลงลายมือชื่อโยได้รับมอบอำนาจ  (มาตรา  1008  วรรคท้าย)

ข  อธิบาย

มาตรา  1008  วรรคแรก  ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติทั้งหลายในประมวลกฎหมายนี้  เมื่อใดลายมือชื่อในตั๋วเงินเป็นลายมือปลอมก็ดี  เป็นลายมือชื่อลงไว้โดยที่บุคคลซึ่งอ้างเอาเป็นเจ้าของลายมือชื่อนั้นมิได้มอบอำนาจให้ลงก็ดี  ท่านว่าลายมือชื่อปลอมหรือลงปราศจากอำนาจเช่นนั้นเป็นอันใช้ไม่ได้  ใครจะอ้างอิงอาศัยแสวงสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อยึดหน่วงตั๋วเงินไว้ก็ดี เพื่อทำให้ตั๋วนั้นหลุดพ้นก็ดี  หรือเพื่อบังคับการใช้เงินเอาแก่คู่สัญญาแห่งตั๋วนั้นคนใดคนหนึ่งก็ดี  ท่านว่าไม่อาจจะทำได้เป็นอันขาด  เว้นแต่คู่สัญญาฝ่ายซึ่งจะพึงถูกยึดหน่วงหรือถูกบังคับใช้เงินนั้นจะอยู่ในฐานเป็นผู้ต้องตัดบทมิให้ยกข้อลายมือชื่อปลอม  หรือข้อลงลายมือชื่อปราศจากอำนาจนั้นขึ้นเป็นข้อต่อสู้

วินิจฉัย

การกระทำของอ้อมที่ยอมรับว่าเป็นลายมือชื่อของตนจริงๆเพราะเกรงว่าอั๋นจะได้รับโทษจากการปลอมลายมือชื่อนั้น  เป็นการทำให้ตนเองนั้นถูกตัดบท  มิให้ยกข้อลายมือชื่อปลอมนั้นขึ้นเป็นข้อต่อสู้หรือข้ออ้างให้ต้องคืนเช็คฉบับดังกล่าวให้แก่ตนได้ตามมาตรา  1008  วรรคแรก  ดังนั้นจากกรณีดังกล่าว  ก้องไม่ต้องคืนเช็คให้แก่อ้อมตามที่อ้อมเรียกร้องมาแต่อย่างใด

สรุป  ก้องไม่ต้องคืนเช็คให้แก่อ้อม

Advertisement