การสอบไล่ภาคฤดูร้อน  ปีการศึกษา  2552

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2013 

Advertisement

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยตั๋วเงิน บัญชีเดินสะพัด 

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  3  ข้อ

ข้อ  1

(ก)  ผู้ทรงเช็คถ้าต้องการโอนเช็คชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ของตนนั้นต้องทำอย่างไรจึงจะถูกต้องตามกฎหมายลักษณะตั๋วเงิน

(ข)  บัวขาวเป็นผู้รับเงินตามเช็คของธนาคารศรีทองที่มีบัวแดงเป็นผู้สั่งจ่าย  และได้ขีดฆ่าคำว่า  หรือผู้ถือ  ออก  บัวขาวสลักหลังระบุชื่อบัวทองเป็นผู้รับประโยชน์และส่งมอบเช็คเพื่อชำระหนี้ให้แก่บัวทอง  ต่อมาบัวทองสลักหลังลอยและส่งมอบชำระหนี้ให้กับบัวหลวง  บัวหลวงสลักหลังระบุชื่อบัวผันเป็นผู้รับประโยชน์  และส่งมอบตั๋วชำระหนี้ให้กับบัวผัน  บัวผันส่งมอบตั๋วเพื่อชำระหนี้ให้กับบัวเผื่อน  ครั้นเมื่อถึงวันที่ที่ลงในเช็ค  บัวเผื่อนได้นำเช็คไปให้ธนาคารศรีทองจ่ายเงิน  แต่ธนาคารศรีทองปฏิเสธการจ่ายเงิน  ดังนี้  ให้วินิจฉัยว่าการโอนเช็คฉบับนี้จากบัวขาวถึงบัวเผื่อนได้ทำถูกต้องตามกฎหมายตั๋วเงินหรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

(ก)   อธิบาย

ในกรณีที่ผู้ทรงเช็คต้องการโอนเช็คชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ของตนนั้น  การโอนจะถูกต้องตามกฎหมายลักษณะตั๋วเงิน  ต้องปฏิบัติดังนี้  คือ

1       ถ้าเป็นเช็คชนิดสั่งจ่ายระบุชื่อ  แยกพิจารณาได้  2  กรณี  คือ

1)    ถ้าผู้ทรงเช็ค  เป็นผู้ที่ได้รับเช็คมาจากผู้สั่งจ่าย  ดังนี้  การโอนเช็คนั้น  ผู้ทรงเช็คจะต้องทำการสลักหลังและส่งมอบเช็คนั้นให้เจ้าหนี้ของตน  ซึ่งการสลักหลังนั้นอาจจะเป็นการสลักหลังเฉพาะหรือสลักหลังลอยก็ได้  ตามมาตรา  917  วรรคแรก  919  และ  989

การสลักหลัง  คือ  การที่ผู้โอนหรือผู้สลักหลังได้เขียนข้อความและลงลายมือชื่อของตนในเช็คนั้น  (หรือในใบประจำต่อ)  ซึ่งเรียกว่าเป็นการสลักหลังเฉพาะ  โดยจะทำที่ด้านหน้าหรือด้านหลังของเช็คก็ได้  หรืออาจจะลงแต่ลายมือชื่อของตนไว้ที่ด้านหลังเช็คโดยไม่ระบุชื่อของเจ้าหนี้ผู้รับสลักหลัง  ซึ่งเรียกว่าเป็นการสลักหลังลอยก็ได้

2)    ถ้าผู้ทรงเช็คเป็นผู้ที่ได้รับเช็คมาจากการสลักหลังของผู้ทรงคนก่อน

(1) ถ้าผู้ทรงเช็คได้รับเช็คมาจากการสลักหลังเฉพาะ  (การสลักหลังระบุชื่อ)  ถ้าผู้ทรงเช็คจะโอนเช็คให้กับเจ้าหนี้ของตน  ก็ต้องปฏิบัติเช่นเดียวกับข้อ  1)  คือ  ต้องทำการสลักหลังและส่งมอบเช็คให้กับเจ้าหนี้ของตน  โดยอาจจะเป็นการสลักหลังเฉพาะหรือสลักหลังลอยก็ได้

(2) ถ้าผู้ทรงเช็คได้รับเช็คมาจากการสลักหลังลอย  ถ้าผู้ทรงเช็คจะโอนเช็คให้กับเจ้าหนี้ของตน  ผู้ทรงเช็คสามารถที่จะโอนเช็คต่อไปโดยการสลักหลังและส่งมอบเช็คนั้น  หรืออาจจะโอนเช็คต่อไปโดยการส่งมอบเช็คนั้นให้กับเจ้าหนี้ของตนโดยไม่ต้องสลักหลังใดๆก็ได้  ตามมาตรา  920  วรรคสอง  (2)(3)  และ  989

2       ถ้าเป็นเช็คชนิดสั่งจ่ายแก่ผู้ถือ  กรณีนี้ไม่ว่าผู้ทรงเช็คจะเป็นผู้ที่ได้รับเช็คมาจากผู้สั่งจ่ายหรือจะได้รับเช็คนั้นมาเพราะผู้อื่นโอนให้  ดังนี้ถ้าจะโอนเช็คนั้นต่อไปก็สามารถโอนได้โดยการส่งมอบเช็คนั้นให้แก่เจ้าหนี้ของตน  โดยไม่ต้องสลักหลังใดๆทั้งสิ้น  ตามมาตรา  918  และ  989

(ข)  หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  917  วรรคแรก  อันตั๋วแลกเงินทุกฉบับ  ถึงแม้ว่าจะมิใช่สั่งจ่ายให้แก่บุคคลเพื่อเขาสั่งก็ตาม  ท่านว่าย่อมโอนให้กันได้ด้วยสลักหลังและส่งมอบ

มาตรา  919  คำสลักหลังนั้นต้องเขียนลงในตั๋วแลกเงินหรือใบประจำต่อ  และต้องลงลายมือชื่อผู้สลักหลัง

การสลักหลังย่อมสมบูรณ์แม้ทั้งมิได้ระบุชื่อผู้รับประโยชน์ไว้ด้วยหรือแม้ผู้สลักหลังจะมิได้กระทำอะไรยิ่งไปกว่าลงลายมือชื่อของตนที่ด้านหลังตั๋วแลกเงินหรือที่ใบประจำต่อ  ก็ย่อมฟังเป็นสมบูรณ์ดุจกัน  การสลักหลังเช่นนี้ท่านเรียกว่า  สลักหลังลอย

มาตรา  920  วรรคสอง  ถ้าสลักหลังลอย  ผู้ทรงจะปฏิบัติดังกล่าวต่อไปนี้ประการหนึ่งประการใดก็ได้  คือ

(2) สลักหลังตั๋วเงินต่อไปอีกเป็นสลักหลังลอย  หรือสลักหลังให้แก่บุคคลอื่นผู้ใดผู้หนึ่ง

(3) โอนตั๋วเงินนั้นให้ไปแก่บุคคลภายนอกโดยไม่กรอกความลงในที่ว่าง  และไม่สลักหลังอย่างหนึ่งอย่างใด

มาตรา  989  วรรคแรก  บทบัญญัติทั้งหลายในหมวด  2  อันว่าด้วยตั๋วแลกเงินดังจะกล่าวต่อไปนี้  ท่านให้ยกมาบังคับในเรื่องเช็คเพียงเท่าที่ไม่ขัดกับสภาพแห่งตราสารชนิดนี้  คือบทมาตรา …  914  ถึง  923

วินิจฉัย

เมื่อเช็คที่บัวแดงออกให้แก่บัวขาว  เป็นเช็คชนิดสั่งจ่ายระบุชื่อ  เพราะมีการขีดฆ่าคำว่า  หรือผู้ถือ  ออก  ดังนั้นเมื่อบัวขาวได้โอนให้แก่บัวทองโดยการสลักหลังและส่งมอบ  การโอนเช็คดังกล่าวจึงถูกต้องตามกฎหมาย  ตามมาตรา  917  วรรคแรก  และ  989  วรรคแรก

การที่บัวทองได้สลักหลังลอยและส่งมอบเช็คให้แก่บัวหลวง  การโอนเช็คถือว่าถูกต้องตามกฎหมาย  ตามมาตรา  917  วรรคแรก  919 และ  989  วรรคแรก

การที่บัวหลวงได้สลักหลังระบุชื่อบัวผัน  และส่งมอบเช็คให้แก่บัวผัน  การโอนเช็คถือว่าถูกต้องตามกฎหมาย  ตามมาตรา  917 วรรคแรก  920  วรรคสอง (2)  และ 989  วรรคสอง

แต่การที่บัวผันได้รับการโอนเช็คจากบัวหลวงโดยการสลักหลังระบุชื่อ  แล้วนำไปโอนโดยการส่งมอบเช็คให้กับบัวเผื่อนโดยไม่มีการสลักหลังนั้น  การโอนระหว่างบัวผันกับบัวเผื่อนถือว่าเป็นการโอนที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย  เพราะบัวผันไม่ใช่ผู้ทรงที่ได้รับตั๋วมาโดยการสลักหลังลอย  จึงไม่มีสิทธิที่จะโอนตั๋วเงินต่อไปโดยการส่งมอบแต่เพียงอย่างเดียวโดยไม่มีการสลักหลังตามมาตรา  920  วรรคสอง  (3)  และ 989  วรรคแรก  ดังนั้น  ตามกฎหมายถ้าบัวผันจะโอนเช็คให้กับบัวเผื่อน  บัวผันต้องสลักหลังและส่งมอบเช็คให้แก่บัวเผื่อนการโอนจึงจะถูกต้อง

สรุป  การโอนเช็คฉบับนี้  จากบัวขาวถึงบัวผันได้ทำถูกต้องตามกฎหมาย  แต่การโอนเช็คระหว่างบัวผันกับบัวเผื่อนเป็นการทำไม่ถูกต้องตามกฎหมาย 

 

ข้อ  2 

(ก)  วิธีการอาวัลเช็คนั้นต้องทำอย่างไรจึงจะถูกต้องตามกฎหมาย

(ข)  บางเขนเป็นผู้รับเงินตามเช็คที่ธนาคารบางบัวทองเป็นผู้จ่าย  มีบางขวางเป็นผู้สั่งจ่ายและขีดฆ่าคำว่า  หรือผู้ถือ  ออกแล้ว  บางเขนจะสลักหลังและส่งมอบเช็คดังกล่าวให้แก่หลักสี่เพื่อชำระราคาสินค้าที่ซื้อจากหลักสี่  แต่หลักสี่ให้บางเขนนำเช็คไปให้บางซื่อรับอาวัลก่อน  บางเขนจึงเอาเช็คไปให้บางซื่อลงลายมือชื่อไว้ด้านหลังเช็ค  หลักสี่จึงยอมรับชำระหนี้ด้วยการสลักหลังและส่งมอบเช็คฉบับดังกล่าวจากบางเขน  ครั้นเช็คถึงกำหนดหลักสี่ได้นำเช็คไปให้ธนาคารบางบัวทองใช้เงิน  แต่ธนาคารปฏิเสธการใช้เงินเนื่องจากเงินในบัญชีของบางขวางผู้สั่งจ่ายมีไม่พอจ่าย  ดังนี้  ให้วินิจฉัยว่าหลักสี่ผู้ทรงจะฟ้องบางซื่อให้รับผิดในฐานะผู้รับอาวัลเช็คฉบับดังกล่าวได้หรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

(ก)  อธิบาย

วิธีการอาวัลหรือรับอาวัลเช็คนั้น  มีวิธีการเช่นเดียวกับการอาวัลตั๋วแลกเงิน  กล่าวคือ  จะต้องทำตามวิธีการที่กฎหมายได้กำหนดไว้ดังนี้  คือ

1       บุคคลที่จะเข้ามารับอาวัลคู่สัญญาในตั๋วเงิน  ซึ่งอาจจะเป็นบุคคลภายนอกหรืออาจจะเป็นคู่สัญญาเดิมในตั๋วเงินนั้น  ตามมาตรา  938  จะต้องเขียนข้อความว่า  ใช้ได้เป็นอาวัล  หรือสำนวนอื่นใดที่มีความหมายเดียวกัน  เช่น  รับประกัน  หรือ  ค้ำประกัน  และลงลายมือชื่อของผู้รับอาวัลไว้ที่ด้านหน้าหรือด้านหลังของตั๋วเงิน  หรือในใบประจำต่อ  ทั้งนี้ต้องระบุไว้ด้วยว่ารับอาวัลให้แก่ผู้ใด  หากไม่ระบุไว้ให้ถือว่าเป็นการรับอาวัลแก่ผู้สั่งจ่าย  ตามมาตรา  939  วรรคแรก  วรรคสอง และวรรคสี่ หรือ

2       เพียงแต่ลงลายมือชื่อของผู้รับอาวัลไว้ที่ด้านหน้าของตั๋วเงินนั้น  กฎหมายก็ให้ถือว่าเป็นการรับอาวัลแล้ว  เป็นการรับอาวัลผู้สั่งจ่าย  เว้นแต่กรณีที่เป็นผู้สั่งจ่ายหรือผู้จ่ายเท่านั้นที่จะลงแต่ลายมือชื่อเพียงอย่างเดียวไม่ได้  ถ้าจะเข้ารับอาวัลผู้ใดจะต้องเขียนข้อความ  และลงลายมือชื่อของตนตามวิธีที่  1  เสมอ  ตามมาตรา  939  วรรคสาม

และเมื่อมีการรับอาวัลตามแบบวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวข้างต้น  ย่อมมีผลทำให้ผู้รับอาวัลต้องรับผิดเช่นเดียวกันกับบุคคลที่ตนประกัน  ตามมาตรา  940  วรรคแรก

อนึ่ง  ในกรณีที่มีการสลักหลังตั๋วเงินชนิดสั่งจ่ายแก่ผู้ถือ  กฎหมายให้ถือว่าการสลักหลังนั้นเป็นการอาวัลผู้สั่งจ่าย  และต้องรับผิดเป็นอย่างเดียวกันกับผู้สั่งจ่าย  ตามมาตรา  921  และ  940  วรรคแรก

(ข)  หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  900  วรรคแรก  บุคคลผู้ลงลายมือชื่อของตนในตั๋วเงินย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในตั๋วเงินนั้น

มาตรา  939  วรรคสาม  อนึ่ง  เพียงแต่ลงลายมือชื่อของผู้รับอาวัลในด้านหน้าแห่งตั๋วเงิน  ท่านก็จัดว่าเป็นคำรับอาวัลแล้ว  เว้นแต่ในกรณีที่เป็นลายมือชื่อของผู้จ่ายหรือผู้สลักหลัง

มาตรา  989  วรรคแรก  บทบัญญัติทั้งหลายในหมวด  2  อันว่าด้วยตั๋วแลกเงินดังจะกล่าวต่อไปนี้  ท่านให้ยกมาบังคับในเรื่องเช็คเพียงเท่าที่ไม่ขัดกับสภาพแห่งตราสารชนิดนี้  คือบทมาตรา …  914 ถึง  923 , 938  ถึง  940

วินิจฉัย

ตามกฎหมาย  ในกรณีที่มีการรับอาวัลผู้เป็นคู่สัญญาตามเช็ค  ผู้รับอาวัลจะต้องเขียนข้อความว่า  ใช้ได้เป็นอาวัล  หรือข้อความอื่นที่มีความหมายเดียวกัน  และลงลายมือชื่อของผู้รับอาวัลไว้ที่ด้านหน้าหรือด้านหลังเช็ค  หรือผู้รับอาวัลอาจจะลงแต่ลายมือชื่อของตนไว้ที่ด้านหน้าของเช็คก็ได้  ตามมาตรา  939  ประกอบกับมาตรา  989  วรรคแรก

กรณีตามอุทาหรณ์  เช็คที่บางขวางออกให้แก่บางเขนนั้นเป็นเช็คชนิดสั่งจ่ายระบุชื่อ  เมื่อบางเขนนำเช็คไปให้บางซื่อรับอาวัล  กรณีที่จะถือว่าบางซื่อได้เข้ามารับอาวัลเช็คฉบับนี้แล้ว  บางซื่อจะต้องปฏิบัติตามวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งตามมาตรา  939  ดังกล่าวข้างต้น  แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า  บางซื่อได้ลงแต่ลายมือชื่อของตนไว้ที่ด้านหลังเช็คโดยมิได้เขียนข้อความว่า  ใช้ได้เป็นอาวัลหรือข้อความอื่นที่มีความหมายเดียวกัน  จึงไม่ถือว่าเป็นการลงลายมือชื่อในฐานะเป็นผู้รับอาวัลเช็คแต่อย่างใด

ดังนั้น  แม้ว่าบางซื่อจะต้องรับผิดตามเช็คเพราะได้ลงลายมือชื่อไว้ในเช็ค  แต่หลักสี่จะฟ้องให้บางซื่อรับผิดในฐานะผู้รับอาวัลไม่ได้

สรุป  หลักสี่ผู้ทรงจะฟ้องให้บางซื่อรับผิดในฐานะผู้รับอาวัลไม่ได้

 

ข้อ  3 

(ก)  ข้อความที่สำคัญในตั๋วเงินถ้ามีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้นจะเกิดผลอย่างไรกับตั๋วเงิน  และคู่สัญญาทั้งหลายบ้าง

(ข)   ข้อเท็จจริงได้ความว่ายอดทองผู้สั่งจ่ายเช็ค  สั่งธนาคารอันดาให้ใช้เงินจำนวน  500,000  บาท  ให้แก่เกาเหลาและได้ขีดฆ่าคำว่า  หรือผู้ถือ  ออก  เป็นเช็คลงวันที่  10  กันยายน  2552  ต่อมาเกาเหลาสลักหลังและส่งมอบเช็คใบนั้นชำระหนี้ให้แก่ทาริน  ทารินนำเช็คนั้นสลักหลังและส่งมอบชำระหนี้ทองทา  ต่อมาทองทาแก้ไขเปลี่ยนแปลงจำนวนเงินในเช็คเป็น  5,000,000  บาท  และลงลายมือชื่อกำกับการแก้ไข  จากนั้นนำเช็คไปสลักหลังและส่งมอบเพื่อชำระหนี้ให้แก่มาวิน  เมื่อถึงวันที่  10  กันยายน  2552  มาวินนำเช็คไปเบิกเงินจากธนาคารอันดา  และธนาคารได้จ่ายเงินให้กับมาวินไป  5,000,000  บาท

ดังนี้  ให้ท่านวินิจฉัยว่า  ธนาคารอันดาจะหักเงินในบัญชีของยอดทอง  จำนวน  5,000,000  บาท  ได้หรือไม่  อย่างไร

ธงคำตอบ

(ก)  อธิบาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา  1007

ในกรณีที่มีการแก้ไขข้อความสำคัญในตั๋วเงิน  เช่น  แก้ไขเปลี่ยนแปลงใดๆแก่วันที่ลง  จำนวนเงินอันจะพึงใช้  เวลาใช้เงิน  สถานที่ใช้เงิน กับทั้งเมื่อตั๋วเงินเขารับรองไว้ทั่วไปไม่เจาะจงสถานที่ใช้เงินไปเติมความระบุสถานที่ใช้เงินเข้าโดยที่ผู้รับรองมิได้ยินยอมด้วย  ตามมาตรา 1007  วรรคสาม  จะเกิดผลกับตั๋วเงินและคู่สัญญาทั้งหลายตามตั๋วเงิน  ดังนี้  คือ

1       กรณีที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเห็นได้ประจักษ์  กล่าวคือ  การแก้ไขนั้นมีการแก้ไขไม่แนบเนียนหรือเห็นได้ประจักษ์นั่นเอง  โดยมิได้รับความยินยอมจากคู่สัญญาทุกคนในตั๋วเงินนั้น  ย่อมเป็นผลให้ตั๋วเงินนั้นเสียไป  แต่ยังคงใช้ได้กับคู่สัญญาซึ่งเป็นผู้ทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลง  หรือผู้ที่ยินยอมด้วยกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลง  และหรือผู้สลักหลังภายหลังการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้น  ตามมาตรา  1007  วรรคแรก

2       กรณีที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเห็นไม่ประจักษ์  กล่าวคือ  การแก้ไขนั้นมีการแก้ไขได้อย่างแนบเนียน  หรือไม่เห็นเป็นประจักษ์ถือว่าตั๋วเงินนั้นไม่เสียไป  และตั๋วเงินนั้นตกอยู่ในมือผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย  กรณีย่อมเป็นผลให้ผู้ทรงที่ชอบด้วยกฎหมายนั้นสามารถจะถือเอาประโยชน์จากตั๋วเงินนั้น   เสมือนว่าตั๋วเงินนั้นมิได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเลยก็ได้  และจะบังคับการใช้เงินตามเนื้อความเดิมแห่งตั๋วนั้นก็ได้  ตามมาตรา  1007  วรรคสอง

(ข)  หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  1007  วรรคแรกและวรรคสาม  ถ้าข้อความในตั๋วเงินใด  หรือในคำรับรองตั๋วเงินใด  มีผู้แก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญโดยที่คู่สัญญาทั้งปวงผู้ต้องรับผิดตามตั๋วเงินมิได้ยินยอมด้วยหมดทุกคนไซร้  ท่านว่าตั๋วเงินนั้นก็เป็นอันเสีย  เว้นแต่ยังคงใช้ได้ต่อคู่สัญญาซึ่งเป็นผู้ทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้น  หรือได้ยินยอมด้วยกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้น  กับทั้งผู้สลักหลังในภายหลัง

กล่าวโดยเฉพาะ  การแก้ไขเปลี่ยนแปลงเช่นจะกล่าวต่อไปนี้  ท่านถือว่าเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญ  คือการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอย่างใดๆ  แก่วันที่ลง  จำนวนเงินอันจะพึงใช้  เวลาใช้เงิน  สถานที่ใช้เงินกับทั้งเมื่อตั๋วเงินเขารับรองไว้ทั่วไปไม่เจาะจงสถานที่ใช้เงิน  ไปเติมความระบุสถานที่ใช้เงินเข้าโดยที่ผู้รับรองมิได้ยินยอมด้วย

วินิจฉัย

ตาม  ป.พ.พ. มาตรา  1007  วรรคแรกและวรรคสามนั้น  ถ้าตั๋วเงินใดมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงจำนวนเงินอันจะพึงใช้ตามตั๋วเงินนั้น  ถือว่าเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในข้อสำคัญ  และถ้าการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้นผู้เป็นคู่สัญญาที่ต้องรับผิดตามตั๋วเงินนั้นมิได้ยินยอมด้วยหมดทุกคน  ถ้าการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้นเห็นได้ประจักษ์  ให้ถือว่าตั๋วเงินนั้นเป็นอันเสียไปใช้บังคับกันไม่ได้

ตามอุทาหรณ์  การที่ยอดทองผู้สั่งจ่ายเช็ค  สั่งให้ธนาคารอันดาจ่ายเงิน  500,000  บาท  ให้แก่เกาเหลา  แล้วต่อมาทองทาได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงจำนวนเงินในเช็คเป็น   5,000,000  บาท  และลงลายมือชื่อกำกับการแก้ไขไว้  ดังนี้ถือว่าเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในข้อสำคัญตามมาตรา  1007  วรรคสาม  และเมื่อเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ประจักษ์  คือ  เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีการแก้ไข ย่อมมีผลตามมาตรา  1007  วรรคแรก  คือให้ถือว่าเช็คฉบับดังกล่าวเป็นอันเสียไปใช้บังคับไม่ได้  เมื่อมาวินนำเช็คไปยื่นเบิกเงินจากธนาคารอันดา  และธนาคารอันดาได้จ่ายเงินให้มาวินไป  5,000,000  บาท  ย่อมถือได้ว่าธนาคารอันดาได้จ่ายเงินตามเช็คไปโดยไม่สุจริตหรือโดยประมาทเลินเล่อ  ดังนั้นธนาคารอันดาจะหักเงินในบัญชีของยอดทองไม่ได้

สรุป  ธนาคารอันดาจะหักเงินในบัญชีของยอดทองไม่ได้ตามเหตุผลและหลักกฎหมายดังกล่าวข้างต้น

Advertisement