การสอบไล่ภาค  2  ปีการศึกษา  2548

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2013 

Advertisement

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยตั๋วเงิน บัญชีเดินสะพัด

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  3  ข้อ

ข้อ  1  ก  แดงซื้อลูกไก่  อาหารไก่และวัคซีนไก่  ด้วยเงินเชื่อจากเหลืองโดยเหลืองได้จดบัญชีลงรายการที่แดงซื้อเงินเชื่อไว้และมีข้อตกลงกับแดงว่าเมื่อครบ  45  วัน  ไก่เจริญเติบโตเหลืองจะไปซื้อไก่จากแดงโดยตีราคาไก่ตามน้ำหนักได้ยอดเท่าใดก็จะเอายอดเงินค่าลูกไก่  อาหารไก่  และวัคซีนไก่มากักออก  หากเงินเหลือก็จะมอบให้แดงไป  แต่ถ้าเงินไม่พอแดงต้องชำระราคาลูกไก่อาหารไก่และวัคซีนไก่ที่ค้างอยู่ทั้งหมด  แต่ถ้าชำระไม่ได้เหลืองจะจดบัญชีว่าแดงเป็นหนี้อยู่จำนวนเท่าใดและจะหักจากราคาไก่ในรอบต่อไป  ข้อตกลงนี้มีกำหนด  2  ปี  ดังนี้  ให้วินิจฉัยว่า  ข้อตกลงระหว่างแดงกับเหลืองเป็นสัญญาบัญชีเดินสะพัดหรือไม่  เพราะเหตุใด

ข  ผู้ทรงตั๋วแลกเงินขีดคร่อมตั๋วแลกเงินที่ผู้สั่งจ่ายออกมาโดยชอบแล้ว  จะเกิดผลทางกฎหมายอย่างไรบ้าง

ธงคำตอบ

ก  อธิบาย

มาตรา  856  อันว่าสัญญาบัญชีเดินสะพัดนั้น  คือสัญญาซึ่งบุคคลสองคนตกลงกันว่าสืบแต่นั้นไปหรือในชั่วเวลากำหนดอันใดอันหนึ่ง  ให้ตัดทอนบัญชีหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนอันเกิดขึ้นแต่กิจการในระหว่างเขาทั้งสองนั้นหักกลบลบกัน  และคงชำระแต่ส่วนที่เป็นจำนวนคงเหลือโดยดุลภาค

วินิจฉัย

สัญญาระหว่างแดงและเหลืองเป็นสัญญาบัญชีเดินสะพัด  เพราะว่าเป็นสัญญาที่คู่กรณีมีเจตนาที่จะหักทอนหรือตัดทอนหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วนที่เกิดขึ้นในระหว่างเขาทั้งสองนั้นด้วยการหักกลบลบกันและชำระแต่จำนวนคงเหลือโดยดุลภาค  ตามมาตรา  856

สรุป  ข้อตกลงระหว่างแดงกับเหลืองเป็นสัญญาบัญชีเดินสะพัด

ข  อธิบาย

ตามกฎหมายตั๋วเงิน  แม้มีการบัญญัติให้ผู้สั่งจ่าย  ผู้ทรง  ธนาคาร  ขีดคร่อมเช็คได้ไม่ว่าจะเป็นเช็คขีดคร่อมทั่วไป  หรือเช็คขีดคร่อมเฉพาะก็ตาม  แต่ในส่วนของตั๋วแลกเงินนั้นมิได้มีบทบัญญัติของกฎหมายให้สิทธิผู้ทรงตั๋วแลกเงินขีดคร่อมตั๋วแลกเงินแต่อย่างใด  ดังนั้น  ถ้าผู้ทรงตั๋วแลกเงินขีดคร่อมตั๋วแลกเงิน  ไม่ว่าจะเป็นขีดคร่อมทั่วไปหรือขีดคร่อมเฉพาะก็ตาม  รอยขีดคร่อมนั้นย่อมหาเป็นผลอย่างหนึ่งอย่างใดแก่ตั๋วแลกเงินไม่  กล่าวคือ  ตั๋วแลกเงินนั้นก็ยังเป็นตั๋วแลกเงินที่มิได้มีรอยขีดคร่อมแต่อย่างใด  ตามมาตรา  899  ซึ่งมีหลักว่า  ข้อความอันใดซึ่งมิได้บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายลักษณะตั๋วเงิน  ถ้าเขียนลงในตั๋วเงิน  ข้อความอันนั้นหาเป็นผลอย่างหนึ่งอย่างใดแก่ตั๋วเงินนั้นไม่

 

ข้อ  2  นายดำสั่งจ่ายเช็คระบุชื่อนายแดงเป็นผู้รับเงินและขีดฆ่าคำว่า  หรือผู้ถือ  ในเช็คออก  แล้วส่งมอบชำระหนี้ค่าซื้อสินค้าให้แก่นายแดง  ต่อมานายแดงได้สลักหลังลอยเช็คนั้นแล้วส่งมอบให้แก่นายทอง  เพื่อชำระหนี้ค่าเช่าบ้าน  หลังจากนั้นนายทองได้ส่งมอบเช็คนั้นชำระหนี้ค่าจ้างซ่อมรถยนต์ให้แก่นายขาว  ต่อมานายขาวมีความจำเป็นต้องใช้เงินโดยด่วนจึงจะทำการสลักหลังเช็คนั้นขายลดให้แก่นายเขียว  นางสาวส้มเพื่อนสนิทของนายเขียวได้บอกแก่นายเขียวว่าอย่ารับซื้อลดเช็คนั้นไว้  โดยให้เหตุผลว่านายเขียวจะไม่มีสิทธิใดๆ  ในเช็คนั้นเลยเนื่องจากจะไม่มีฐานะเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย  นายเขียวไม่แน่ใจจึงมาปรึกษาท่าน

ท่านจงให้คำปรึกษาแก่นายเขียวว่าหากนายเขียวรับสลักหลังขายลดเช็คนั้นมาจากนายขาวแล้ว  จะมีฐานะเป็นผู้ทรงเช็คนั้นโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  904  อันผู้ทรงนั้น  หมายความว่า  บุคคลผู้มีตั๋วเงินไว้ในครอบครองโดยฐานเป็นผู้รับเงินหรือเป็นผู้รับสลักหลัง  ถ้าและเป็นตั๋วเงินสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือๆ  ก็นับว่าเป็นผู้ทรงเหมือนกัน

มาตรา  905  ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติมาตรา  1008  บุคคลผู้ได้ตั๋วเงินไว้ในครอบครองถ้าแสดงให้ปรากฏสิทธิด้วยการสลักหลังไม่ขาดสาย  แม้ถึงว่าการสลักหลังรายที่สุดจะเป็นสลักลอยก็ตาม  ให้ถือว่าเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย  เมื่อใดรายการสลักหลังลอยมีสลักหลังรายอื่นตามหลังไปอีก  ท่านให้ถือว่าบุคคลผู้มีลงลายชื่อในการสลักหลังรายที่สุดนั้น  เป็นผู้ได้ไปซึ่งตั๋วเงินด้วยการสลักหลังลอย อนึ่งคำสลักหลังเมื่อขีดฆ่าเสียและห้ามให้ถือเสมือนว่ามิได้มีเลย

ถ้าบุคคลผู้หนึ่งผู้ใดต้องปราศจากตั๋วเงินไปจากครอบครอง  ท่านว่าผู้ทรงซึ่งแสดงให้ปรากฏสิทธิของตนในตั๋วตามวิธีการดังกล่าวมาในวรรคก่อนนั้น  หาจำต้องสละตั๋วเงินไม่  เว้นแต่จะได้มาโดยทุจริตหรือได้มาด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง

อนึ่งข้อความในวรรคก่อนนี้  ให้ใช้บังคับตลอดถึงผู้ทรงตั๋วเงินสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือด้วย

มาตรา  920  วรรคสอง  ถ้าสลักหลังลอย  ผู้ทรงจะปฏิบัติดังกล่าวต่อไปนี้ประการหนึ่งประการใดก็ได้  คือ

 (1) กรอกรข้อความลงในที่ว่างด้วยเขียนชื่อของตนเอง  หรือชื่อบุคคลอื่นผู้ใดผู้หนึ่ง

(2) สลักหลังตั๋วเงินต่อไปอีกเป็นสลักหลังลอย  หรือสลักหลังให้แก่บุคคลอื่นผู้ใดผู้หนึ่ง

(3) โอนตั๋วเงินนั้นให้ไปแก่บุคคลภายนอกโดยไม่กรอกความลงในที่ว่าง  และไม่สลักหลังอย่างหนึ่งอย่างใด

วินิจฉัย

ข้อเท็จจริงนั้นนายทองเป็นผู้ทรงเช็คที่ได้รับโอนมาโดยการสลักหลังลอย  ดังนั้นจึงสามารถโอนเช็คนั้นต่อไปได้โดยการส่งมอบให้แก่นายขาวได้  ตามมาตรา  920  วรรคสอง  (3)  ซึ่งก็จะถือว่านายขาวเป็นผู้ทรงเช็คที่ได้รับสลักหลังลอยเช็คนั้นมาจากนายแดงโดยตรงโดยไม่ผ่านมือนายทองเลย  จึงถือว่านายขาวเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย  ซึ่งมีสิทธิที่จะโอนเช็คนั้นต่อไปได้ตามวิธีการตามมาตรา  920 วรรคสอง  หากนายขาวต้องการจะโอนเช็คนั้นขายลดให้แก่นายเขียวโดยการสลักหลังก็สามารถที่จะกระทำได้  ตามมาตรา  920  วรรคสอง  (2)  โดยไม่ถือว่าเป็นการโอนที่ขาดสายแต่อย่างใด

ดังนั้น  หากนายขาวทำการสลักหลังเช็คนั้นนายลดให้แก่นายเขียวแล้ว  นายเขียวก็จะมีฐานะเป็นผู้ทรงเช็คนั้นโดยชอบด้วยกฎหมาย  เพราะ

 1       ได้ครอบครองเช็คนั้นอยู่

2       ได้ครอบครองเช็คนั้นในฐานะผู้รับสลักหลัง

3       ได้ครอบครองเช็คนั้นโดยชอบด้วยกฎหมาย  และไม่ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง

4       ได้ครอบครองเช็คนั้นมาโดยการสลักหลังไม่ขาดสาย

ทั้งนี้  ตามมาตรา  904, 905

สรุป  นายเขียวเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย

 

ข้อ  3  ก  ประมวลกฎหมายแพ่งลักษณะตั๋วเงิน  ได้บัญญัติหลักเกณฑ์การใช้เงินตามเช็คขีดคร่อมสำหรับธนาคารผู้จ่ายเงิน  (Paying  Bank)  และผลของการฝ่าฝืนหลักเกณฑ์การใช้เงินตามเช็คขีดคร่อมไว้อย่างไร

ข  แดงลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คธนาคารสินไทย  สาขาหัวหมาก  ระบุดำเป็นผู้รับเงินและได้ขีดคร่อมทั่วไปลงบนเช็คทั้งได้ขีดฆ่าคำว่า  หรือผู้ถือ  ในเช็คนั้นออกแล้วได้มอบเช็คนั้นให้ดำ  ดำลงลายมือชื่อด้านหลังเช็คนั้นเพื่อเตรียมไปมอบให้ธนาคารอ่าวไทยเรียกเก็บเงินให้  แต่เขียวได้ขโมยเช็คนั้นไปขึ้นเงินสดจากธนาคารสินไทย  สาขาหัวหมาก  ได้สำเร็จ  ในขณะที่ธนาคารสินไทย  ผู้จ่ายได้จ่ายเงินตามเช็คโดยสุจริตและไม่ประมาทเลินเล่อและตามทางการค้าปกติ  ดังนี้ให้ท่านวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นเจ้าของอันแท้จริงของเช็คฉบับนี้  และธนาคารสินไทยผู้จ่ายยังคงต้องรับผิดต่อบุคคลใดหรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

ก  อธิบาย

หลักเกณฑ์การจ่ายเงินตามเช็คขีดคร่อมสำหรับธนาคารผู้จ่าย  (Paying  Bank) 

 –          กรณีเช็คขีดคร่อมทั่วไป  ธนาคารผู้จ่ายต้องใช้เงินแก่ธนาคารใดธนาคารหนึ่งของผู้ทรงเช็ค  หากมีการนำเช็คนั้นให้ธนาคารอื่นเรียกเก็บ  (Collecting  Bank)  หรือจ่ายเงินเข้าบัญชีของผู้ทรงเช็ค  จะจ่ายเป็นเงินสดมิได้  (มาตรา  994  วรรคแรก)

–          กรณีเช็คขีดคร่อมเฉพาะ  ธนาคารผู้จ่ายต้องใช้เงินให้แก่ธนาคารที่ระบุชื่อไว้โดยเฉพาะจะจ่ายให้ธนาคารอื่นมิได้  และจะจ่ายเป็นเงินสดมิได้  (มาตรา  994  วรรคสอง)

–          กรณีเช็คขีดคร่อมเฉพาะให้แก่ธนาคารกว่าธนาคารหนึ่งขึ้นไป  ธนาคารผู้จ่ายต้องปฏิเสธการจ่ายเงิน  เว้นแต่อีกธนาคารหนึ่งนั้นมีฐานะเป็นธนาคารตัวแทนเรียกเก็บเงินแทน  ดังนี้  ธนาคารผู้จ่ายก็สามารถจ่ายให้แก่ธนาคารตัวแทนนั้นได้  แต่จะจ่ายให้แก่ธนาคารอื่นมิได้  (มาตรา  995 (4)  ประกอบมาตรา  997  วรรคแรก)

(2) ผลของการฝ่าฝืนหลักเกณฑ์การใช้เงินตามเช็คขีดคร่อม

 –          กรณีเช็คขีดคร่อมทั่วไป  ธนาคารผู้จ่ายได้ใช้เงินสดให้แก่ผู้ทรงเช็คก็ดี  หรือจ่ายเงินเข้าบัญชีธนาคารอื่นที่ผู้ทรงเช็คมิได้มีบัญชีเงินฝากก็ดี

 –          กรณีเช็คขีดคร่อมเฉพาะ  ธนาคารผู้จ่ายได้ใช้เงินสดหรือจ่ายเงินเข้าบัญชีธนาคารอื่นที่มิได้ถูกระบุชื่อลงไว้โดยเฉพาะก็ดี

 –          กรณีเช็คขีดคร่อมเฉพาะให้แก่ธนาคารกว่าธนาคารหนึ่งขึ้นไป  ธนาคารผู้จ่ายไม่ปฏิเสธการจ่ายเงิน  หรือจ่ายเงินให้แก่ธนาคารอื่นที่มิใช่อยู่ในฐานะเป็นธนาคารตัวแทนเรียกเก็บเงินก็ดี

ผล  ธนาคารผู้จ่ายต้องรับผิดต่อผู้เป็นเจ้าของอันแท้จริงแห่งเช็คขีดคร่อมนั้น  (ผู้ทรงเดิม)  ในการที่น่าต้องเสียหาย  (มาตรา  997  วรรคสอง)  และไม่สามารถหักเงินจากบัญชีเงินฝากของผู้สั่งจ่ายได้  เพราะถือว่าใช้เงินไปโดยไม่ถูกระเบียบ  แม้ถึงว่าจะใช้เงินไปตามทางการค้าโดยปกติ  โดยสุจริตและไม่ประมาทเลินเล่อก็ตาม  (มาตรา  1009)

ข  อธิบาย

มาตรา  994  วรรคแรก  ถ้าในเช็คมีเส้นขนานคู่ขีดขวางไว้ข้างด้านหน้า  กับมีหรือไม่มีคำว่า  และบริษัท  หรือคำย่ออย่างใดๆ  แห่งข้อความนี้อยู่ในระหว่างเส้นทั้งสองนั้นไซร้  เช็คนั้นชื่อว่าเป็นเช็คขีดคร่อมทั่วไป  และจะใช้เงินตามเช็คนั้นได้แต่เฉพาะให้แก่ธนาคารเท่านั้น

มาตรา  997  วรรคสอง  ธนาคารใดซึ่งเขานำเช็คเบิกขืนใช้เงินไปตามเช็คที่ขีดคร่อมอย่างว่ามานั้นก็ดี  ใช้เงินตามเช็คอันเขาขีดคร่อมทั่วไปเป็นประการอื่นนอกจากใช้ให้แก่ธนาคารอันใดอันหนึ่งก็ดี  ใช้เงินตามเช็คอันเขาขีดคร่อมเฉพาะเป็นประการอื่นนอกจากใช้ให้แก่ธนาคารซึ่งเขาเจาะจงขีดคร่อมให้โดยเฉพาะ  หรือแก่ธนาคารตัวแทนเรียกเก็บเงินของธนาคารนั้นก็ดี  ท่านว่าธนาคารซึ่งใช้เงินไปดังกล่าวนี้จะต้องรับผิดต่อผู้เป็นเจ้าของอันแท้จริงแห่งเช็คนั้นในการที่เขาจะต้องเสียหายอย่างใดๆ  เพราะการที่ตนใช้เงินไปตามเช็คนั้น

วินิจฉัย

เช็คธนาคารสินไทยฯ  เป็นเช็คระบุชื่อขีดคร่อมทั่วไป  อันเป็นผลให้ธนาคารสินไทยผู้จ่ายต้องจ่ายเงินผ่านธนาคารของผู้ทรงเช็ค  หรือธนาคารผู้เรียกเก็บ  มิใช่จ่ายเงินสด  การที่ธนาคารสินไทยได้จ่ายเงินสดให้แก่เขียว  แม้ว่าจะจ่ายเงินตามเช็คนั้นไปตามทางการค้าปกติ  โดยสุจริตและไม่ประมาทเลินเล่อก็ตาม  กรณีย่อมเป็นการใช้เงินไปโดยไม่ถูกระเบียบ  ฝ่าฝืนหลักเกณฑ์การจ่ายเงินตามเช็คขีดคร่อมทั่วไป  ธนาคารสินไทยจึงต้องผูกพันรับผิดต่อดำผู้ทรงเดิมซึ่งเป็นเจ้าของอันแท้จริงแห่งเช็คนี้  ตามนัยมาตรา  994  วรรคแรก  และมาตรา 997  วรรคสอง

สรุป  ดำเป็นเจ้าของอันแท้จริงของเช็คฉบับนี้  และธนาคารสินไทยผู้จ่ายยังคงต้องรับผิดต่อดำ

Advertisement