การสอบซ่อมภาค  1  ปีการศึกษา  2549

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2008 

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยเช่าทรัพย์ เช่าซื้อ จ้างแรงงาน จ้างทำของ รับขน
คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  3  ข้อ

ข้อ  1  แดงผู้ให้เช่าได้ทำสัญญาเช่าเป็นหนังสือให้ขาวเช่าบ้านมีกำหนดเวลา  3  ปี  สัญญาเช่าข้อสุดท้ายได้เขียนไว้ว่า  ถ้าสัญญาเช่าครบกำหนด  3  ปีแล้ว  แดงให้คำมั่นว่าต้องให้ผู้เช่าเช่าต่อได้อีก 3  ปี  และหากสัญญาเช่าสิ้นสุดลง  ผู้ให้เช่าต้องให้เงินกับผู้เช่า  50,000  บาท  เพื่อเป็นเงินค่าขนย้ายของต่างๆออกจากบ้านเช่า  โดยผู้เช่าต้องทำบ้านเช่าให้เรียบร้อยด้วย  ขาวเช่าบ้านได้เพียงหนึ่งปีเท่านั้น  แดงก็ยกบ้านหลังนี้ให้กับเขียวพี่ชายของตนเพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงานและการยกให้ได้ทำถูกต้องตามกฎหมาย  ปรากฏว่าสัญญาเช่าบ้านหลังนี้จะครบ  3  ปีในวันที่  25  มกราคม  2550  ครั้นถึงวันที่  20 มกราคม  2550  ขาวได้แจ้งให้เขียวทราบว่า  ขาวมีความประสงค์จะเช่าบ้านหลังนี้ต่อไปอีก  3  ปี  เขียวไม่ยินยอมให้ขาวเช่าต่อ  ดังนี้ในวันที่  26  มกราคม  2550  ถ้าขาวมาปรึกษาท่านเพื่อจะบังคับผู้ให้เช่าให้ปฏิบัติตามข้อตกลงข้อสุดท้ายของสัญญาเช่าฉบับนี้ทั้งหมด  ท่านจะให้คำปรึกษาขาวว่าอย่างไรบ้างธงตำตอบมาตรา  538  เช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น  ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ  ท่านว่า  จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่  ถ้าเช่ามีกำหนดกว่าสามปีขึ้นไป  หรือกำหนดตลอดอายุของผู้เช่าหรือผู้ให้เช่าไซร้  หากมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่  ท่านว่าการเช่นนั้นจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้แต่เพียงสามปีมาตรา  569  อันสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นย่อมไม่ระงับไป  เพราะเหตุโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินซึ่งให้เช่า

Advertisement

ผู้รับโอนย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนซึ่งมีต่อผู้เช่านั้นด้วย

วินิจฉัย

สัญญาเช่าบ้านระหว่างแดงผู้ให้เช่ากับขาวผู้เช่าเมื่อได้มีหลักฐานเป็นหนังสือ  ลงลาบมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดย่อมบังคับกันได้  3  ปี  เพราะทำถูกต้องตามมาตรา  538

เมื่อขาวเช่าบ้านมาเพียง  1  ปี  แดงยกบ้านให้เขียวโดยชอบด้วยกฎหมาย  ทำให้สัญญาเช่าบ้านระหว่างแดงและขาวไม่ระงับสิ้นไป  สัญญาเช่าจึงต้องผูกพันมายังเขียว  ตามมาตรา  569  แต่คำมั่นที่ปรากฏในสัญญาข้อสุดท้ายไม่ใช่สัญญาเช่าจึงทำให้คำมั่นของแดงระงับสิ้นไปประการหนึ่ง  และอีกประการหนึ่งข้อตกลงที่ผู้ให้เช่าต้องให้เงินกับผู้เช่า  50,000  บาทก็มิใช่สัญญาเช่า  แต่เป็นสัญญาอื่นจึงต้องระงับไปตามมาตรา  569  เช่นกัน

สรุป  สัญญาข้อสุดท้ายแม้จะปรากฏอยู่ในสัญญาเช่าบ้านหลังนี้ก็ไม่สามารถบังคบเขียวให้ปฏิบัติตามได้  ตามมาตรา  569  วรรคสอง

 

ข้อ  2   ก.  มืดได้ทำสัญญาเป็นหนังสือให้ม่วงเช่าบ้านหลังหนึ่ง มีกำหนดเวลา  3  ปี  ตกลงชำระค่าเช่าทุกๆวันสิ้นเดือน  สัญญาเช่าข้อหนึ่งเขียนไว้ว่า  ผู้เช่าตกลงเช่าบ้านเพื่อทำเป็นสำนักงานกฎหมาย  ปรากฏว่าเช่าบ้านมาได้เพียง  6  เดือน  ม่วงนำน้ำมันเบนซินและสารเคมีที่มีอันตรายต่างๆ  มาเก็บไว้ในบ้านโดยผู้เช่าได้เลิกกิจการสำนักงานกฎหมายที่ตนทำอยู่ด้วย  มืดพบเหตุการณ์ดังกล่าวมืดจึงบอกเลิกสัญญาเช่าทันทีเพราะถือว่าม่วงผิดสัญญา  ดังนี้การบอกเลิกสัญญาของมืดชอบด้วยกฎหมายหรือไม่  เพราะเหตุใด

ข.   ถ้าข้อเท็จจริงตามข้อ  ก  เป็นสัญญาเช่าซื้อ  คำตอบของท่านจะแตกต่างไปหรือไม่  เพียงใด

ธงคำตอบ

ก 

มาตรา  552  อันผู้เช่าจะใช้ทรัพย์สินที่เช่าเพื่อการอย่างอื่นนอกจากที่ใช้กันตามประเพณีนิยมปกติ  หรือการดังกำหนดไว้ในสัญญานั้น  ท่านว่าหาอาจจะทำได้ไม่

มาตรา  554  ถ้าผู้เช่ากระทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติในมาตรา  552  มาตรา  553  หรือฝ่าฝืนข้อสัญญา  ผู้ให้เช่าจะ

บอกกล่าวให้ผู้เช่าปฏิบัติให้ถูกต้องตามบทกฎหมายหรือข้อสัญญานั้นๆก็ได้  ถ้าและผู้เช่าละเลยเสียไม่ปฏิบัติตามท่านว่า  ผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้

วินิจฉัย

มืดทำสัญญาให้ม่วงเช่าบ้านมีกำหนดเวลา  3  ปี  โดยสัญญาเช่าข้อหนึ่งเขียนว่า  ผู้เช่าตกลงเช่าบ้านเพื่อทำเป็นสำนักงานกฎหมาย  แต่ปรากฏว่าม่วงได้นำน้ำมันเบนซินและสารเคมีต่างๆมาเก็บไว้ในบ้านและยังได้เลิกกิจการสำนักงานกฎหมายที่ตนทำอยู่ด้วยจึงเป็นการผิดสัญญาเช่า  แต่อย่างไรก็ตามมืดจะบอกเลิกสัญญาทันทีไม่ได้  แม้ม่วงจะใช้ทรัพย์ไม่เป็นไปตามข้อตกลงในสัญญา  ตามมาตรา  552  มืดต้องบอกกล่าวให้ม่วงใช้ทรัพย์ตามสัญญาเสียก่อน  ถ้าหากม่วงไม่ปฏิบัติตามมืดจึงจะบอกเลิกสัญญาได้  ตามมาตรา  554  ดังนั้นการที่มืดบอกเลิกสัญญาเช่าทันทีจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

มาตรา  574  ในกรณีผิดนัดไม่ใช้เงินสองคราวติดๆกัน  หรือกระทำผิดสัญญาในข้อที่เป็นส่วนสำคัญ  เจ้าของทรัพย์สินจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้  ถ้าเช่นนั้นบรรดาเงินที่ได้ใช้มาแล้วแต่ก่อน  ให้ริบเป็นเจ้าของทรัพย์สินและเจ้าของทรัพย์สินชอบที่จะกลับเข้าครองทรัพย์สินนั้นได้ด้วย

อนึ่งในกรณีกระทำผิดสัญญาเพราะผิดนัดไม่ใช้เงินซึ่งเป็นคราวที่สุดนั้น  ท่านว่าเจ้าของทรัพย์สินชอบที่จะริบบรรดาเงินที่ได้ใช้มาแล้วแต่ก่อนและกลับเข้าครองทรัพย์สินได้ต่อเมื่อระยะเวลาใช้เงินได้พ้นกำหนดไปอีกงวดหนึ่ง

วินิจฉัย

ถ้าเป็นสัญญาเช่าซื้อมืดก็จะบอกเลิกสัญญาไม่ได้  เพราะไม่ถือว่าม่วงผิดสัญญาในข้อที่เป็นส่วนสำคัญตามมาตรา  574

สรุป  ก  การบอกเลิกสัญญาไม่ชอบด้วยกฎหมาย

         ข  มืดบอกเลิกสัญญาไม่ได้  คำตอบจึงไม่แตกต่างกัน

 

ข้อ  3  ก.  นายบวรทำสัญญาจ้างนายมานะเป็นลูกจ้างมีกำหนดเวลา  1  ปี  และทำสัญญาจ้างนายมาโนชน์เป็นลูกจ้างไม่มีกำหนดเวลา  ตกลงจ่ายสินจ้างทุกๆวันสิ้นเดือนๆละ  7,500  บาท  เมื่อนายมานะและนายมาโนชน์ทำงานครบกำหนด  1  ปี  ในวันที่  31  มกราคม  2550  นายบวรได้บอกเลิกสัญญาจ้างนายมานะและนายมาโนชน์ทันที  แต่นายมานะและนายมาโนชน์ต่อสู้ว่ายังบอกเลิกสัญญาไม่ได้  เช่นนี้  นายบวรบอกเลิกสัญญาทันทีได้หรือไม่  เพราะเหตุใด  จงอธิบาย

ข.      นายดำทำสัญญาจ้างนายแก้วให้ทำการซ่อมทำสีรถยนต์ของตน  จำนวน  2  คัน  ใหม่ทั้งหมดให้แล้วเสร็จในวันที่  31  มกราคม  2550  ตกลงจ่ายสินจ้างเป็นจำนวนเงิน  80,000  บาท  ต่อมาพี่ชายนายดำได้ยกรถยนต์ให้นายดำ  1  คัน  นายดำจึงบอกเลิกสัญญาที่ทำกับนายแก้วที่ให้ซ่อมทำสีรถยนต์ในวันที่  30  มกราคม  2550  แต่นายแก้วได้ทำการซ่อมทำสีรถยนต์เสร็จแล้วจำนวน  1  คัน  และกำลังซ่อมทำสีอีกคันหนึ่งอยู่จึงไม่ยินยอมที่จะมาบอกเลิกสัญญา  เช่นนี้นายดำจะบอกเลิกสัญญาจ้างกับนายแก้วได้หรือไม่  เพราะเหตุใด  จงอธิบาย

ธงคำตอบ

มาตรา  582  ถ้าคู่สัญญาไม่ได้กำหนดลงไว้ในสัญญาว่าจะจ้างกันนานเท่าไร  ท่านว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเลิกสัญญาด้วยการบอกกล่าวล่วงหน้าในเมื่อถึงหรือก่อนจะถึงกำหนดจ่ายสินจ้างคราวใดคราวหนึ่งเพื่อให้เป็นผลเลิกสัญญากันเมื่อถึงกำหนดจ่ายสินจ้างคราวถัดไปข้างหน้าก็อาจทำได้  แต่ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้ากว่าสามเดือน

อนึ่ง  ในเมื่อบอกกล่าวดั่งว่านี้  นายจ้างจะจ่ายสินจ้างแก่ลูกจ้างเสียให้ครบจำนวนที่จะต้องจ่ายจนถึงเวลาเลิกสัญญาตามกำหนดที่บอกกล่าวนั้นทีเดียว  แล้วปล่อยลูกจ้างจากงานเสียในทันทีก็อาจทำได้

มาตรา  605  ถ้าการที่จ้างยังทำไม่แล้วเสร็จอยู่ตราบใด  ผู้ว่าจ้างอาจบอกเลิกสัญญาได้  เมื่อเสียค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้รับจ้างเพื่อความเสียหายอย่างใดๆ  อันเกิดแต่การเลิกสัญญานั้น

วินิจฉัย

สัญญาจ้างแรงงานนายมานะเป็นสัญญาจ้างที่มีกำหนดเวลา  1  ปี  เมื่อครบกำหนดเวลา  1  ปี  ในวันที่  31  มกราคม  2550  นายบวรนายจ้างสามารถบอกเลิกสัญญาจ้างได้ทันที  เพราะสัญญามีกำหนดเวลา  ครบกำหนดเวลาแล้ว  ไม่จำต้องบอกกล่าวล่วงหน้า

สัญญาจ้างแรงงานนายมาโนชน์เป็นสัญญาจ้างที่ไม่มีกำหนดเวลา  ตามมาตรา  582  ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเลิกสัญญาก็ได้  โดยดำเนินการตามมาตรา  582  วรรคแรก  ซึ่งจะต้งอบอกกล่าวก่อนและให้เป็นผลเลิกสัญญากันเมื่อถึงกำหนดจ่ายสินจ้างคราวถัดไป  คือในวันที่  31  มกราคม  2550  จะต้องบอกกล่าวก่อนว่าจะเลิกสัญญาและบอกเลิกสัญญาได้ในวันที่  28  กุมภาพันธ์  2550

แต่ถ้านายบวรจะเลิกสัญญาจ้างทันที  ในวันที่  31  มกราคม  2550  ก็ได้  โดยดำเนินการตามมาตรา  582  วรรคสอง  คือ  จ่ายสินจ้างให้ครบจำนวนที่จะต้องจ่ายจนถึงเวลาเลิกสัญญาตามกำหนดที่บอกกล่าวนั้นทีเดียวแล้วให้ออกจากงานได้ทันที  กล่าวคือ  ให้จ่ายค่าจ้างให้นายมาโนชน์เป็นจำนวนเงิน  15,000  บาท  ในวันที่  31  มกราคม  2550  แล้วให้ออกจากงานได้ทันที

   สัญญาจ้างทำของนั้นตามมาตรา  605  ถ้าการจ้างยังทำไม่แล้วเสร็จ  ผู้ว่าจ้างสามารถบอกเลิกสัญญาได้  แต่ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้รับจ้าง  เมื่อนายแก้วทำการซ่อมสีรถยนต์เสร็จเพียง  1  คัน  จากทั้งหมด  2  คัน  จึงถือว่าการที่จ้างยังทำไม่แล้วเสร็จตามมาตรา  605  นายดำผู้ว่าจ้างจึงสามารถบอกเลิกสัญญาจ้างกับนายแก้วในวันที่  30  มกราคม  2550  ได้

แต่นายดำต้องชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการเลิกสัญญานั้นให้แก่นายแก้วด้วยตามมาตรา  605

สรุป  ก  กรณีนายมานะ  นายบวรบอกเลิกสัญญาจ้างได้ทันที

กรณีนายมาโนชน์  นายบวรจะบอกเลิกสัญญาจ้างทันทีไม่ได้  ต้องบอกกล่าวก่อน

ข  ดำบอกเลิกสัญญาได้  แต่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน

Advertisement