การสอบไล่ภาค  2  ปีการศึกษา  2550
ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2008

กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยเช่าทรัพย์ เช่าซื้อ จ้างแรงงาน จ้างทำของ รับขนคำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  3  ข้อ

Advertisement

ข้อ  1  แดงทำสัญญาเช่าเป็นหนังสือให้ขาวเช่าบ้านมีกำหนดเวลา  3  ปี  โดยตกลงชำระค่าเช่าทุกๆ  วันสิ้นเดือน  สัญญาเช่าข้อสุดท้ายเขียนไว้ว่า  หากผู้เช่าได้เช่าบ้านหลังนี้จนครบกำหนด  3  ปี  ในวันที่  31  ธันวาคม  2550  แล้วนั้น  ผู้ให้เช่ายังคงให้คำมั่นให้ผู้เช่าเช่าต่ออีก  3  ปี  ปรากฏข้อเท็จจริงว่าก่อนจะครบสัญญาเช่า  3  ปี  บ้านเช่าหลังนี้ต้องซ่อมแซมใหญ่และผู้เช่าได้นำไปซ่อมแซมเสียค่าซ่อมแซมไป  50,000  บาท  และขณะกำลังซ่อมแซมอยู่นั้นแดงได้ขายบ้านหลังนี้ให้กับมืดโดยชอบด้วยกฎหมาย  

มืดรับซื้อบ้านแล้วมืดยังคงเก็บค่าเช่ากับขาวจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน  2550  ครั้นวันที่  30  ธันวาคม  2550  ก่อนที่สัญญาเช่าบ้านจะครบกำหนดตามสัญญาเพียง  1  วันเท่านั้น  ขาวแจ้งไปยังมืดว่าขาวต้องการเช่าบ้านต่อไปอีก  3  ปี  ตามสัญญาข้อสุดท้าย  และขอให้มืดจ่ายค่าซ่อมแซมใหญ่  50,000  บาท  ให้กับขาวด้วย  ท่านเห็นว่ามืดจะต้องปฏิบัติตามที่ขาวต้องการทั้ง  2  ประการนี้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  538  เช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น  ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ  ท่านว่า  จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่  ถ้าเช่ามีกำหนดกว่าสามปีขึ้นไป  หรือกำหนดตลอดอายุของผู้เช่าหรือผู้ให้เช่าไซร้  หากมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่  ท่านว่าการเช่นนั้นจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้แต่เพียงสามปี

มาตรา  569  อันสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นย่อมไม่ระงับไป  เพราะเหตุโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินซึ่งให้เช่า

ผู้รับโอนย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนซึ่งมีต่อผู้เช่านั้นด้วย

วินิจฉัย

สัญญาเช่าบ้านระหว่างขาวกับแดงมีกำหนด  3  ปี  และมีคำมั่น  3  ปีของผู้ให้เช่าเป็นสัญญาชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา  538  เพราะเป็นการเช่าอสังหาริมทรัพย์มีกำหนดเวลาไม่เกิน  3  ปี  จึงไม่ต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่  เพียงมีสัญญาเช่า  ก็สามารถฟ้องร้องบังคับคดีกันได้

ก่อนครบสัญญา  3  ปี  บ้านต้องซ่อมแซมใหญ่ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ให้เช่า  ไม่ใช่หน้าที่ของผู้เช่า  เพราะผู้เช่ามีหน้าที่สงวนทรัพย์สินและบำรุงรักษาทั้งทำการซ่อมแซมเล็กน้อยเท่านั้น  (มาตรา  553)  ดังนั้นหากผู้เช่าเอาทรัพย์สินที่เช่าไปซ่อมแซมแล้วย่อมมีสิทธิเรียกค่าซ่อมแซมที่ตนต้องเสียไปจากผู้ให้เช่าได้  ขณะเดียวกันแดงได้ขายบ้านให้มืด  มืดรับโอนกรรมสิทธิ์บ้านเช่าจากแดง  มืดต้องรับไปซึ่งสิทธิ์และหน้าที่ตามสัญญาเช่าบ้านที่แดงได้ทำไว้กับขาวตามมาตรา  569

ดังนั้น  มืดต้องจ่ายค่าซ่อมแซมให้กับขาวผู้เช่า  แต่มืดไม่ต้องให้ขาวเช่าอีกต่อ  3  ปี  เพราะสัญญาข้อสุดท้ายเป็นเพียงคำมั่นเท่านั้น  ผู้รับโอนรับโอนมาแต่เพียงสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์เท่านั้นตามมาตรา  569  เช่นกัน

สรุป  มืดต้องจ่ายค่าซ่อมแซมให้กับขาว  แต่ไม่ต้องให้ขาวเช่าต่ออีก  3  ปีได้

 

ข้อ  2  ก.  เขียวทำสัญญาเป็นหนังสืออย่างเดียวให้เหลืองเช่าแพเพื่อทำเป็นภัตตาคารลอยนี้กำหนดเวลา  5  ปี  ตกลงชำระค่าเช่าวันสิ้นเดือนเดือนละ  30,000  บาท  เหลืองเช่าแพได้เพียง  1  ปีเท่านั้น  เหลืองไม่ชำระค่าเช่าซึ่งตรงกับวันที่  31  มกราคม  และวันที่  31  มีนาคม  2  เดือน  เขียวจึงบอกเลิกสัญญาทันทีในวันที่  5  เมษายน  ปีเดียวกันนั้นเอง  การบอกเลิกสัญญาของเขียวชอกด้วยกฎหมายหรือไม่  เพราะเหตุใด

ข.      ถ้าข้อเท็จจริงตามข้อ  ก.  เป็นสัญญาเช่าซื้อ  เขียวบอกเลิกสัญญาและเรียกเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างจากเหลือง  60,000  บาทได้หรือไม่  เพาะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  560  ถ้าผู้เช่าไม่ชำระค่าเช่า  ผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้

แต่ถ้าค่าเช่านั้นจะพึงส่งเป็นรายเดือน  หรือส่งเป็นระยะเวลายาวกว่ารายเดือนขึ้นไป  ผู้ให้เช่าต้องบอกกล่าวแก่ผู้เช่าก่อนว่าให้ชำระค่าเช่าภายในเวลาใด  ซึ่งพึงกำหนดอย่าให้น้อยกว่าสิบห้าวัน

วินิจฉัย

สัญญาเช่าแพ  ซึ่งเป็นสังหาริมทรัพย์ชนิดพิเศษ  ไม่ตกอยู่ในบังคับมาตรา  538  แม้จะมี  กำหนดเวลา  3  ปี  ก็ไม่ต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่  และถึงแม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็ฟ้องร้องบังคับคดีกันได้  ดังนั้นสัญญาเช่าแพระหว่างเหลืองกับเขียวจึงสมบูรณ์  ใช้ฟ้องร้องบังคับคดีตามกฎหมายได้  การที่เหลืองผิดนัดไม่ชำระค่าเช่า  2  เดือน  เขียวจะบอกเลิกสัญญาทันทีไม่ได้  เขียวต้องบอกกล่าวให้เหลืองนำค่าเช่ามาชำระก่อนภายในเวลากำหนด  ซึ่งจะต้องให้เวลาอย่างน้อย  15  วัน  ตามมาตรา  560  การบอกเลิกสัญญาของเขียวทันทีในวันที่  5  เมษายนนั้น  จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

มาตรา  574  วรรคแรก  ในกรณีผิดนัดไม่ใช้เงินสองคราวติดๆกัน  หรือกระทำผิดสัญญาในข้อที่เป็นส่วนสำคัญ  เจ้าของทรัพย์สินจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้  ถ้าเช่นนั้นบรรดาเงินที่ได้ใช้มาแล้วแต่ก่อน  ให้ริบเป็นเจ้าของทรัพย์สินและเจ้าของทรัพย์สินชอบที่จะกลับเข้าครองทรัพย์สินนั้นได้ด้วย

วินิจฉัย

ในกรณีที่เป็นสัญญาเช่าซื้อ  เขียวก็ยังบอกเลิกสัญญาไม่ได้  เพราะเหลืองไม่ได้ผิดนัด  2  คราวติดกัน  ตามมาตรา  574  วรรคแรก (กำหนดชำระค่าเช่าทุกวันสิ้นเดือน  ในเดือนมกราคมผิดนัดไม่ชำระแต่ในเดือนกุมภาพันธ์  เหลืองยังคงชำระค่าเช่า  แม้ในเดือนมีนาคมจะไม่ชำระค่าเช่าอีก  ก็ไม่ถือว่าผิดนัด  2  คราวติดกัน  แต่เงินค่าเช่าซื้อที่ค้าง  เขียวย่อมมีสิทธิเรียกได้เพราะไม่ใช่ค่าเช่าซื้อที่เหลืองผิดนัด  2  คราวติดกัน  ซึ่งโดยหลักกฎหมายดังกล่าว  หากผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ใช้เงินค่าเช่าซื้อ  2  คราวติดๆกัน  หรือกระทำผิดสัญญาในข้อที่เป็นส่วนสำคัญ  ผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญา  และริบเงินค่าเช่าซื้อที่ได้ใช้มาแล้วเท่านั้น  จะเรียกค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระเพราะผิดนัดหรือผิดสัญญาดังกล่าวไม่ได้  ดังนั้นเมื่อไม่เป็นการผิดนัด  2  คราวติดกัน  จึงมีสิทธิเรียกได้

สรุป  ก.  การบอกเลิกสัญญาของเขียวไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ข.  เขียวบอกเลิกสัญญาไม่ได้  แต่เรียกค่าเช่าซื้อที่ค้างจากเหลือง  60,000  บาทได้ 

 

ข้อ  3   ก.  นายอำนาจได้รู้จักนายสุชาติที่จังหวัดตรัง  จึงทำสัญญาจ้างนายสุชาติให้มาทำงานที่กรุงเทพฯ  ตกลงมีกำหนดเวลา  1  ปี  จ่ายค่าจ้างเดือนละ  8,000  บาททุกๆวันสิ้นเดือน  นายอำนาจให้ค่าเดินทางจากจังหวัดตรังมาที่กรุงเทพฯ  นายสุชาติเดินทางมากรุงเทพฯ  พบเพื่อนนายสุเทพจึงชวนให้มาทำงานด้วยกันโดยนายอำนาจทำสัญญาจ้างเป็นเวลา  1  ปีเช่นกัน  เมื่อนายสุชาติและนายสุเทพทำงานตามสัญญาจ้างครบ  1  ปี  ก็ต้องการเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดตรัง  จึงขอค่าเดินทางกลับจังหวัดตรัง  นายอำนาจเห็นว่าสัญญาจ้างครบกำหนดเวลาแล้วจึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรอีก  เช่นนี้  นายสุชาติและนายสุเทพจะมีสิทธิอย่างไร  หรือไม่  เพราะเหตุใด  จงอธิบาย

ข  นายหนุ่มทำสัญญาจ้างนายพากเพียรให้ก่อสร้างบ้าน  1  หลัง  ให้แล้วเสร็จภายในวันที่  30  กันยายน  ตกลงจ่ายสินจ้างเป็นงวดๆ   ตามที่ตกลงไว้ในสัญญารวมทั้งหมด  4  ล้านบาท  มีข้อตกลงว่า  นายหนุ่มจะเป็นผู้จัดซื้อกระเบื้อง  ประตู  หน้าต่างทั้งหมด  และส่งมอบให้นายหนุ่มภายในเดือนมิถุนายน  ต่อมานายหนุ่มได้ส่งมอบของทั้งหมดให้แก่นายพากเพียรได้จริงในวันที่  20  สิงหาคม  นายพากเพียรก่อสร้างบ้านจนแล้วเสร็จและส่งมอบให้แก่นายหนุ่มในวันที่  31  ตุลาคม  นายหนุ่มเห็นว่านายพากเพียรทำผิดสัญญาส่งมอบบ้านไม่ทันกำหนดเวลาในวันที่  30  กันยายน  จึงขอให้ลดสินจ้างลงบางส่วน  เช่นนี้นายพากเพียรจะต้องรับผิดอย่างไร  เพราะเหตุใด  จงอธิบาย

ธงคำตอบ

มาตรา  586  ถ้าลูกจ้างเป็นผู้ซึ่งนายจ้างได้จ้างเอามาแต่ต่างถิ่นโดยนายจ้างออกเงินค่าเดินทางให้ไซร้  เมื่อการจ้างแรงงานสุดสิ้นลง  และถ้ามิได้กำหนดกันไว้เป็นอย่างอื่นในสัญญาแล้ว  ท่านว่านายจ้างจำต้องใช้เงินค่าเดินทางขากลับให้  แต่จะต้องเป็นดังต่อไปนี้คือ

1       สัญญามิได้เลิกหรือระงับเพราะการกระทำหรือความผิดของลูกจ้าง  และ

2       ลูกจ้างกลับไปยังถิ่นที่ได้จ้างเอามาภายในเวลาอันสมควร

วินิจฉัย

นายอำนาจได้จ้างนายสุชาติจากจังหวัดตรังและออกค่าเดินทางให้มากรุงเทพฯ ด้วย  เมื่อสัญญาจ้างสิ้นสุดลง  และนายสุชาติต้องการเดินทางกลับจังหวัดตรัง  เช่นนี้ตามมาตรา  586  กำหนดว่า  ให้นายจ้างจำต้องใช้เงินค่าเดินทางขากลับจังหวัดตรังให้ด้วย

ส่วนนายสุเทพ  พบกับนายสุชาติที่กรุงเทพฯ  และมาทำงานด้วยกันจึงไม่ใช่กรณีตามมาตรา  586  นายจ้างไม่ต้องให้เงินค่าเดินทางกลับจังหวัดตรังแก่นายสุเทพ

ข.

มาตรา  591  ถ้าความชำรุดบกพร่องหรือความชักช้าในการที่ทำนั้นเกิดขึ้นเพราะสภาพแห่งสัมภาระซึ่งผู้ว่าจ้างส่งให้ก็ดี  เพราะคำสั่งของผู้ว่าจ้างก็ดี  ท่านว่าผู้รับจ้างไม่ต้องรับผิดเว้นแต่จะได้รู้อยู่แล้วว่าสัมภาระนั้นไม่เหมาะหรือว่าคำสั่งนั้นไม่ถูกต้องและมิได้บอกกล่าวตักเตือน

มาตรา  596  ถ้าผู้รับจ้างส่งมอบการที่ทำไม่ทันเวลาที่ได้กำหนดไว้ในสัญญาก็ดีหรือถ้าไม่ได้กำหนดเวลาว้ในสัญญาเมื่อล่วงพ้นเวลาอันควรแก่เหตุก็ดี  ผู้ว่าจ้างชอบที่จะได้ลดสินจ้างลง  หรือถ้าสาระสำคัญแห่งสัญญาอยู่ที่เวลา  ก็ชอบที่จะเลิกสัญญาได้

วินิจฉัย

นายหนุ่มทำสัญญาจ้างนายพากเพียรให้ก่อสร้างบ้านให้แล้วเสร็จภายในวันที่  30  กันยายน  โดยนายหนุ่มจะเป็นผู้จัดหาสัมภาระให้ภายในเดือนมิถุนายน  แต่นายหนุ่มส่งมอบสัมภาระล่าช้าคือส่งมอบในวันที่  20  สิงหาคม  ทำให้นายพากเพียรก่อสร้างบ้านเสร็จล่าช้าไปด้วย  ซึ่งตามมาตรา  596  ผู้รับจ้างถ้าส่งมอบการที่ทำไม่ทันกำหนดเวลาตามสัญญา  ผู้ว่าจ้างชอบที่จะได้ลดสินจ้างลง

แต่ความชักช้านี้เกิดจากการส่งมอบสัมภาระซึ่งผู้ว่าจ้างส่งให้ตามมาตรา  591  กำหนดว่าผู้รับจ้างไม่ต้องรับผิด  ดังนั้นนายพากเพียรไม่ต้องรับผิดที่ส่งมอบบ้านให้นายหนุ่มในวันที่  31  ตุลาคม

สรุป  ก.  นายสุชาติมีสิทธิได้รับค่าเดินทางกลับ  แต่นายสุเทพไม่มีสิทธิดังกล่าว

ข.      นายพากเพียรไม่ต้องรับผิดที่ส่งมอบบ้านล่าช้า

Advertisement