การสอบไล่ภาค  1  ปีการศึกษา  2551

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW 2007  กฎหมายอาญา 2

Advertisement

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  4  ข้อ

ข้อ 1.  อย่างไรเป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงาน  (มาตรา 137)  ให้นักศึกษาอธิบายหลักกฎหมายพอสังเขป  และยกตัวอย่างประกอบ

                แนวคำตอบ

                หลักกฎหมายมีดังนี้

                (1)   แจ้งข้อความอันเป็นเท็จ

                (2)   แก่เจ้าพนักงาน

                (3)   ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย

                (4)   เจตนา  (นัย มาตรา 137)

 

ข้อ 2.       อย่างไรเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ  โดยทุจริต (มาตรา 157)     ให้นักศึกษาอธิบายหลักกฎหมายพอสังเขป  และยกตัวอย่างประกอบ

แนวคำตอบ

ความผิดที่ 1

หลักกฎหมาย

(1)   เป็นเจ้าพนักงาน

(2)   ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

(3)   เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด

(4)   เจตนา

ความผิดที่ 2

หลักกฎหมาย

(1)   เป็นเจ้าพนักงาน

(2)   ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

(3)   โดยทุจริต

(4)   เจตนา (นัย มาตรา 157)

 

ข้อ 3.        นายหนึ่ง   นายสอง  นายสาม  นายสี่  และเด็กชายห้า อายุ 6 ขวบ ได้ประชุมปรึกษาหารือและตกลงใจร่วมกันที่จะขายยาบ้าโดยตกลงกันว่าจะเริ่มขายวันที่ 6 ตุลาคม 2551   ปรากฏว่าวันที่ 1 ตุลาคม 2551 บุคคลทั้งห้าถูกตำรวจจับกุมเสียก่อน   จงวินิจฉัยว่า  บุคคลทั้งห้ามีความผิดฐานเป็นซ่องโจรหรือไม่  เพราะเหตุใด

(ให้ยกเหตุผลประกอบคำตอบโดยละเอียด)

                แนวคำตอบ

วางหลักกฎหมาย  ป.อาญา มาตรา 210 

แม้บุคคลทั้งห้าได้ประชุมปรึกษาหารือและตกลงใจร่วมกันที่จะขายยาบ้า   ซึ่งถือว่าสมคบกันตั้งแต่ห้าคนแล้วก็ตาม    แต่ความผิดที่จะกระทำนั้นไม่ได้บัญญัติไว้ในภาค 2  แห่งประมวลกฎหมายอาญา  เพราะการขายยาบ้าอันเป็นยาเสพติดนั้นไม่ได้บัญญัติเป็นความผิดไว้ในภาค 2  แห่งประมวลกฎหมายอาญาแต่ประการใด  บุคคลทั้งห้าจึงไม่มีความผิดฐานเป็นซ่องโจรตามมาตรา 210

 

ข้อ 4.       จำเลยเก็บธนบัตรปลอมฉบับละ 100 บาทได้ใบหนึ่ง  โดยจำเลยรู้ว่าเป็นธนบัตรปลอม  จากนั้นจำเลยได้ตกแต่ง ดัดแปลง  แก้ไข  เพิ่มเติม  จนกลายเป็นธนบัตรฉบับละ 500 บาท   ดังนี้จำเลยมีความผิดเกี่ยวกับเงินตราหรือไม่   เพราะเหตุใด

แนวคำตอบ

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240   บัญญัติว่า  ผู้ใดทำปลอมขึ้นซึ่งเงินตราไม่ว่าจะปลอมขึ้นเพื่อให้เป็นเหรียญกษาปณ์  ธนบัตรหรือสิ่งอื่นใดซึ่งรัฐบาลออกใช้หรือให้อำนาจให้ออกใช้   หรือทำปลอมขึ้นซึ่งพันธบัตรรัฐบาลหรือใบสำคัญสำหรับดอกเบี้ยพันธบัตรนั้น ๆ   ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเงินตรา

มาตรา 241   บัญญัติว่า  ผู้ใดแปลงเงินตรา  ไม่ว่าจะเป็นเหรียญกษาปณ์ ธนบัตร หรือสิ่งอื่นใดซึ่งรัฐบาลออกใช้หรือให้อำนาจให้ออกใช้ หรือแปลงพันธบัตรรัฐบาล หรือใบสำคัญสำหรับดอกเบี้ยพันธบัตร    นั้น ๆ ให้ผิดไปจากเดิม  เพื่อให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีมูลค่าสูงกว่าจริง  ผู้นั้นกระทำความผิดฐานแปลงเงินตรา

กรณีตามตามอุทาหรณ์  การที่จำเลยเก็บธนบัตรปลอมฉบับละ 100 บาท ได้ใบหนึ่ง ธนบัตรปลอมดังกล่าวจึงถือว่าเป็นสิ่งของ  เมื่อจำเลยได้ตกแต่ง แก้ไข เพิ่มเติม จนกลายเป็นธนบัตรฉบับละ 500 บาท  จึงเป็นการเอาสิ่งของมาทำเทียมเพื่อให้เหมือนของจริงโดยไม่มีอำนาจ   การกระทำของจำเลยจึงมีความผิดฐานปลอมเงินตราตามมาตรา 240

อนึ่ง การกระทำของจำเลยไม่มีความผิดฐานแปลงเงินตราตามมาตรา 241   เพราะการที่จะเป็นความผิดฐานแปลงเงินตราตามมาตรา 241  จะต้องเป็นการตกแต่ง ดัดแปลง  แก้ไข  เพิ่มเติม ธนบัตรของจริง  ให้มีมูลค่าสูงขึ้น แต่กรณีดังกล่าวเป็นการกระทำต่อธนบัตรปลอม จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ มาตรา 241

สรุป   จำเลยมีความผิดฐานปลอมเงินตรา ตามมาตรา 240

Advertisement