การสอบไล่ภาค  2  ปีการศึกษา  2552

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW2004 กฎหมายรัฐธรรมนูญและสถาบันการเมือง

Advertisement

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วน  มี  4  ข้อ  (คะแนนเต็มข้อละ  25  คะแนน)

ข้อ  1  กฎเกณฑ์หรือวิธีการในการเข้าสู่ตำแหน่งของฝ่ายบริหาร  (ประธานาธิบดีและบรรดารัฐมนตรี)  ในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศฝรั่งเศส  มีข้อแตกต่างกันหรือไม่  อย่างไร  ให้อธิบาย

ธงคำตอบ

กฎเกณฑ์หรือวิธีการในการเข้าสู่ตำแหน่งของฝ่ายบริหาร  (ประธานาธิบดีและบรรดารัฐมนตรี)  ในประเทศสหรัฐอเมริกา  และประเทศฝรั่งเศส  มีข้อแตกต่างกัน  ดังนี้คือ

ในประเทศสหรัฐอเมริกา  ประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีมาจากการเลือกตั้งของประชาชนและเป็นการเลือกตั้งโดยอ้อม  โดยประชาชนชาวอเมริกันทั้ง  50  รัฐ  จะเป็นผู้ออกเสียงลงคะแนนเลือกคณะผู้เลือกตั้งใหญ่มีจำนวนทั้งสิ้น  538  คน  โดยจะเลือกจากบุคคลที่ถูกพรรคการเมืองทั้งสองพรรคคือ  พรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน  เสนอเป็นบัญชีรายชื่อเพื่อให้ประชาชนในแต่ละมลรัฐเลือก  และเมื่อรวมคะแนนทั่วทั้ง  50  รัฐแล้ว  พรรคใดได้คะแนนคือได้จำนวนคณะผู้เลือกตั้งใหญ่เกินกึ่งหนึ่ง  พรรคนั้นก็จะได้ผู้ลงสมัครของพรรคนั้นเป็นประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี  จากนั้นประธานาธิบดีก็จะทำการแต่งตั้งรัฐมนตรีจากผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยบริหารงานของประเทศ  โดยความเห็นชอบของวุฒิสภาของสหรัฐอเมริกา

ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา  จะมีวาระในการดำรงตำแหน่ง  4  ปี  และสามารถดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน  2  วาระ

ในประเทศฝรั่งเศส  ประธานาธิบดีของฝรั่งเศส  จะมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน  โดยรัฐธรรมนูญกำหนดให้ผู้ที่จะได้รับเลือก ต้องได้รับคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของคะแนนเสียงทั้งหมด  ถ้าไม่มีผู้ใดได้คะแนนเสียงตามเกณฑ์ดังกล่าว  ก็จะต้องให้ผู้สมัครที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุด  2  อันดับแรกมาแข่งขันกันใหม่ในรอบที่  2  และผู้ที่ได้รับคะแนนเสียงข้างมากในรอบที่  2  ก็จะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี  แล้วประธานาธิบดีก็จะแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี  และมอบหมายให้นายกรัฐมนตรีไปจัดตั้งคณะรัฐมนตรี  ซึ่งจะต้องไปแถลงนโยบายต่อสภาผู้แทนราษฎร  เพื่อขอความไว้วางใจก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ตามหลักของระบบรัฐสภา

ประธานาธิบดีของฝรั่งเศสจะมีวาระในการดำรงตำแหน่ง  5  ปี  โดยไม่มีข้อกำหนดว่าจะดำรงตำแหน่งได้กี่วาระ 

 

ข้อ  2  แนวคิดทฤษฎีของรุสโซ  (Rousseau)  ที่ว่า  “อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน”  หมายถึงอะไร  และมีผลตามหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญอย่างไร  การปฏิวัติรัฐประหารโดยคณะทหารกลุ่มหนึ่งโดยอ้างว่าเพื่อประชาธิปไตยนั้น  จะขัดต่อทฤษฎีดังกล่าวหรือไม่  เพราะเหตุใด  ขอให้อธิบายพร้อมยกหลักกฎหมายประกอบ

ธงคำตอบ

ตามทฤษฎีของรุสโซ  (Rousseau)  ที่ว่า  “อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน”  นั้น  หมายถึงอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนแต่ละคนที่รวมกันอยู่ในรัฐ  ประชาชนหรือราษฎรแต่ละคนจึงมีส่วนในการมอบอำนาจในลักษณะที่ราษฎรผู้มีสิทธิเลือกตั้ง  เป็นผู้เลือกผู้แทนขึ้น  และก่อให้เกิดผลตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ  ดังนี้คือ

 1       ราษฎรแต่ละคนมีสิทธิที่จะเลือกผู้ปกครองทั้งนี้เพื่อเป็นการแสดงออก  ซึ่งส่วนแห่งอำนาจอธิปไตยของตนอันนำมาซึ่งหลักที่เรารู้จักกันดีคือ  การเลือกตั้งอย่างทั่วถึง  (Universal  Suffrage)  เพราะถือว่าการเลือกตั้งเป็นสิทธิของทุกคน  มิใช่เป็นหน้าที่จึงไม่อาจจำกัดสิทธิได้ดังที่รุสโซกล่าวว่า  สิทธิเลือกตั้งเป็นสิทธิที่ไม่มีอะไรมาพรากไปจากประชาชนได้

2       การมอบอำนาจของราษฎรให้ผู้แทนนั้นเป็นการมอบอำนาจในลักษณะที่ผู้แทนต้องอยู่ภายใต้อาณัติของราษฎรผู้เลือกตั้ง 

ดังนั้น  การปฏิวัติรัฐประหารโดยคณะทหารกลุ่มหนึ่งโดยอ้างว่าเพื่อประชาธิปไตยนั้น  จึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อทฤษฎีของรุสโซดังกล่าวข้างต้น

 

ข้อ  3  ในฐานะที่ท่านเป็นคนไทยและเป็นนักศึกษาที่กำลังศึกษาวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญ  และเมื่อท่านสำเร็จการศึกษาแล้วจะไปเป็นผู้นำของคนในสังคม

จงอธิบายอย่างครบถ้วนเกี่ยวกับที่มาของอำนาจ  การใช้อำนาจ  การควบคุมตรวจสอบอำนาจ  ทั้งอำนาจนิติบัญญัติ  อำนาจบริหาร  และอำนาจตุลาการ

ธงคำตอบ

ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  พ.ศ.2550  ได้กำหนดเกี่ยวกับที่มาของอำนาจ  การใช้อำนาจ  การควบคุมตรวจสอบอำนาจ  ทั้งอำนาจนิติบัญญัติ  อำนาจบริหาร  และอำนาจตุลาการ  ไว้ดังนี้  คือ

ที่มาของอำนาจ

1       อำนาจนิติบัญญัติ  มี  “รัฐสภา”  เป็นองค์กรที่ใช้อำนาจนิติบัญญัติ  ซึ่งรัฐสภาจะประกอบไปด้วย  สภาผู้แทนราษฎร  และวุฒิสภา

“สภาผู้แทนราษฎร”  ประกอบด้วยสมาชิกจำนวน  480  คน  โดยเป็นสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน  400  คน  และสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบสัดส่วนจำนวน  80  คน

“วุฒิสภา”  ประกอบด้วยสมาชิกจำนวน  150  คน  ซึ่งมาจากการเลือกตั้งในแต่ละจังหวัด  จังหวัดละหนึ่งคน  และมาจากการสรรหาเท่ากับจำนวนรวมข้างต้น  หักด้วยจำนวนสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้ง

2       อำนาจบริหาร  มี  “คณะรัฐมนตรี”  เป็นองค์กรที่ใช้อำนาจบริหาร  ซึ่งคณะรัฐมนตรีจะประกอบไปด้วย  นายกรัฐมนตรีหนึ่งคน และรัฐมนตรีอื่นอีกไม่เกิน  35  คน  โดยนายกรัฐมนตรีต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

3       อำนาจตุลาการ  มี  “ศาล”  เป็นองค์กรที่ชิอำนาจตุลาการ  ซึ่งตามรัฐธรรมนูญฯ  ได้บัญญัติไว้ในหมวด  10  ว่า  ศาลมี  4  ศาล  ได้แก่

(1)    ศาลรัฐธรรมนูญ  ประกอบด้วยประธานศาลรัฐธรรมนูญหนึ่งคน  และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอื่นอีก  8  คน  ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภา

(2)   ศาลยุติธรรม  ซึ่งมีสามชั้น  ได้แก่  ศาลชั้นต้น  ศาลอุทธรณ์  และศาลฎีกา

(3)   ศาลปกครอง  และ

(4)   ศาลทหาร

การใช้อำนาจ

1       อำนาจนิติบัญญัติ  ฝ่ายนิติบัญญัติ  คือ  รัฐสภามีอำนาจหน้าที่ในการบัญญัติกฎหมาย  ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายแพ่ง  กฎหมายอาญา  กฎหมายปกครอง  หรือกฎหมายอื่นๆ  มีอำนาจในการให้ความเห็นชอบ  เช่น  ให้ความเห็นชอบในการประกาศสงคราม  ให้ความเห็นชอบในการทำสนธิสัญญากับต่างประเทศ  เป็นต้น  มีอำนาจในการควบคุมการทำงานของรัฐบาล  เช่น  การตั้งกระทู้ถาม  การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ  เป็นต้น

2       อำนาจบริหาร  ฝ่ายบริหาร  คือ  รัฐบาลหรือคณะรัฐมนตรี  มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน  ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ  กฎหมาย  และนโยบายที่ได้แถลงไว้

3       อำนาจตุลาการ  ฝ่ายตุลาการ  คือ  ศาล  มีอำนาจหน้าที่ในการใช้กฎหมายให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ  และตามเจตนารมณ์ของประชาชนหรือฝ่ายนิติบัญญัติ  ซึ่งแต่ละศาลจะมีอำนาจหน้าที่ในการใช้กฎหมายแตกต่างกัน

การควบคุมตรวจสอบ

1       อำนาจนิติบัญญัติ  อาจถูกควบคุมตรวจสอบได้โดยฝ่ายตุลาการ  เช่น  ฝ่ายนิติบัญญัติซึ่งเป็นฝ่ายบัญญัติกฎหมาย  ถ้ามีการบัญญัติกฎหมายออกมาแย้งหรือขัดต่อรัฐธรรมนูญ  ก็จะต้องมีการตรวจสอบโดยฝ่ายตุลาการ  คือ  ศาลรัฐธรรมนูญ  และอาจจะถูกควบคุมโดยฝ่ายบริหาร  เช่น  การที่ฝ่ายบริหารไม่เสนอกฎหมายให้ฝ่ายนิติบัญญัติพิจารณา  หรือเสนอกฎหมายไปแล้วแต่ฝ่ายนิติบัญญัติไม่ให้ความเห็นชอบ  ฝ่ายบริหารก็สามารถยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ก็ได้

2       อำนาจบริหาร  อาจถูกควบคุมตรวจสอบได้โดยฝ่ายนิติบัญญัติ  เช่น  การไม่ให้ความเห็นชอบต่อกฎหมายที่ฝ่ายบริหารเสนอให้ฝ่ายนิติบัญญัติพิจารณา  การควบคุมตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร  เช่น  การตั้งกระทู้ถาม  การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ การตั้งคณะกรรมาธิการตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร  เป็นต้น

3       อำนาจตุลาการ  การใช้อำนาจตุลาการนั้น  อาจถูกควบคุมหรือถ่วงดุลได้โดยฝ่ายนิติบัญญัติ  เช่น  ฝ่ายนิติบัญญัติ  ได้บัญญัติกฎหมายให้ฝ่ายตุลาการหรือศาลใช้อำนาจตามกฎหมายได้เพียงเท่าที่กฎหมายที่ออกโดยฝ่ายนิติบัญญัติได้บัญญัติไว้เท่านั้น  และในบางกรณีกฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบของฝ่ายนิติบัญญัติก็เป็นกฎหมายที่เสนอโดยฝ่ายบริหาร  ซึ่งกรณีดังกล่าวนี้ถือว่าฝ่ายบริหารได้เข้ามาควบคุมถ่วงดุลการใช้อำนาจของฝ่ายตุลาการนั่นเอง  แต่อย่างไรก็ตาม  ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารจะไม่มีอำนาจในการตรวจสอบอำนาจในการพิจารณาพิพากษาคดีของฝ่ายตุลาการ

 

ข้อ  4  ในการพิจารณาคดีแพ่งเรื่องหนึ่ง  ระหว่างสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติของรัฐสภา  ของศาลจังหวัดชลบุรี  ซึ่งมีนายเอก  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นจำเลยในคดี  โดยนายเอกได้ยื่นคำร้องโต้แย้งต่อศาลจังหวัดชลบุรีเพื่อให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยว่า  นายเอกเป็นผู้บริโภคตามมาตรา  61  รัฐธรรมนูญฯ  พ.ศ. 2550  หรือไม่  และการพิจารณาคดีในระหว่างสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติของศาลจังหวัดชลบุรีชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่  ดังนี้  หากท่านเป็นศาลซึ่งพิจารณาคดีนี้  จะดำเนินการในกรณีนี้อย่างไร

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  พ.ศ.2550

มาตรา  6  “รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ  บทบัญญัติใดของกฎหมาย  กฎ  หรือข้อบังคับ  ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญนี้ บทบัญญัตินั้นเป็นอันใช้บังคับมิได้

มาตรา  131  วรรคสาม  “ในกรณีที่มีการฟ้องสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาในคดีอาญา  ไม่ว่าจะได้ฟ้องนอกหรือในสมัยประชุม  ศาลจะพิจารณาคดีนั้นในระหว่างสมัยประชุมมิได้  เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากสภาที่ผู้นั้นเป็นสมาชิก”

มาตรา  211  วรรคหนึ่ง  “ในการที่ศาลจะใช้บทบัญญัติแห่งกฎหมายบังคับแก่คดีใด  ถ้าศาลเห็นเองหรือคู่ความโต้แย้งพร้อมด้วยเหตุผลว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายนั้นต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา  6  และยังไม่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในส่วนที่เกี่ยวกับบทบัญญัตินั้น  ให้ศาลส่งความเห็นเช่นว่านั้นตามทางการเพื่อศาลรัฐธรรมนูญจะได้พิจารณาวินิจฉัย  ในระหว่างนั้นให้ศาลดำเนินการพิจารณาต่อไปได้  แต่ให้รอการพิพากษาคดีไว้ชั่วคราว  จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ”

วินิจฉัย

ประเด็นที่  1  การที่นายเอกได้ยื่นคำร้องโต้แย้งต่อศาลจังหวัดชลบุรี  เพื่อให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยว่า  นายเอกเป็นผู้บริโภคตามมาตรา  61  แห่งรัฐธรรมนูญฯ  พ.ศ.2550  หรือไม่นั้น  ไม่ใช่การโต้แย้งว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ศาลจะใช้บังคับแก่คดีขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ  ตามมาตรา  211  ดังนั้นศาลจังหวัดชลบุรีจึงไม่ต้องส่งคำร้องโต้แย้งของนายเอกไปยังศาลรัฐธรรมนูญตามที่นายเอกร้องขอ

ประเด็นที่  2  ตามมาตรา  131  วรรคสาม  ในกรณีที่มีการฟ้องสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  และศาลจะพิจารณาคดีนั้นในระหว่างสมัยประชุมสภามิได้นั้น  ใช้บังคับเฉพาะในกรณีการพิจารณาคดีอาญาเท่านั้น  ไม่ใช้บังคับกับการพิจารณาคดีแพ่ง  ดังนั้นเมื่อตามอุทาหรณ์  เป็นการพิจารณาคดีแพ่ง  จึงไม่ต้องห้ามตามมาตรา  131  วรรคสาม  แต่อย่างใด  ศาลจังหวัดชลบุรีสามารถดำเนินการพิจารณาคดีต่อไปได้

สรุป  ถ้าข้าพเจ้าเป็นศาล  ข้าพเจ้าจะไม่ส่งคำร้องโต้แย้งของนายเอกไปยังศาลรัฐธรรมนูญตามที่นายเอกร้องขอ  และจะดำเนินการพิจารณาคดีนั้นต่อไป 

Advertisement