การสอบไล่ภาคฤดูร้อน  ปีการศึกษา  2550

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW2002  กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยหนี้

Advertisement

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  4  ข้อ  ข้อละ  25  คะแนน

ข้อ  1  สมชายปลูกสร้างบ้านในที่ดินของตนเสร็จแล้ว  หลังจากที่ฝนตกหนักเมื่ออาทิตย์ก่อน  น้ำฝนจากหลังคาบ้านดังกล่าวตกลงในที่ดินซึ่งได้ปรับถมใหม่ของสมศักดิ์ที่อยู่ติดกันกัดเซาะพาดินเป็นร่องคูลึก  สมศักดิ์มาปรึกษากับท่านว่า  ตามกฎหมายจะบังคับแก้ไขอย่างไรบ้าง  ขอให้ท่านแนะนำ

ธงคำตอบ

มาตรา  194  ด้วยอำนาจแห่งมูลหนี้  เจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิจะเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้  อนึ่งการชำระหนี้ด้วยงดเว้นการอันใดอันหนึ่งก็ย่อมมีได้

มาตรา  213  ถ้าลูกหนี้ละเลยเสียไม่ชำระหนี้ของตนเจ้าหนี้จะร้องขอต่อศาลให้สั่งบังคับชำระหนี้ก็ได้  เว้นแต่สภาพแห่งหนี้จะไม่เปิดช่องให้ทำเช่นนั้นได้

เมื่อสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับชำระหนี้ได้  ถ้าวัตถุแห่งหนี้เป็นอันให้กระทำการอันหนึ่งอันใด  เจ้าหนี้จะร้องขอต่อศาลให้สั่งบังคับให้บุคคลภายนอกกระทำการอันนั้นโดยลูกหนี้เสียค่าใช้จ่ายให้ก็ได้แต่ถ้าวัตถุแห่งหนี้เป็นอันให้กระทำนิติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งไซร้  ศาลจะสั่งให้ถือเอาตามคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของลูกหนี้ก็ได้

ส่วนหนี้ซึ่งมีวัตถุเป็นอันจะให้งดเว้นการอันใด  เจ้าหนี้จะเรียกร้องให้รื้อถอนการที่ได้กระทำลงแล้วนั้นโดยให้ลูกหนี้เสียค่าใช้จ่ายและให้จัดการอันควรเพื่อกาลภายหน้าด้วยก็ได้

อนึ่งบทบัญญัติในวรรคทั้งหลายที่กล่าวมาก่อนนี้  หากระทบกระทั่งถึงสิทธิที่จะเรียกเอาค่าเสียหายไม่

มาตรา  215  เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ให้ต้องตามความประสงค์อันแท้ของมูลหนี้ไซร้  เจ้าหนี้จะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การนั้นก็ได้

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  เป็นเรื่องหนี้งดเว้นกระทำการ  ตามมาตรา  194  ตอนท้าย  ทั้งนี้เพราะกฎหมายได้บัญญัติข้อจำกัดสิทธิของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในการใช้อสังหาริมทรัพย์ไว้ในมาตรา  1341  กล่าวคือ  ห้ามมิให้เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ทำหลังคาหรือการปลูกสร้างอย่างอื่น  ซึ่งทำให้น้ำฝนตกลงมายังทรัพย์สินซึ่งอยู่ติดต่อกัน  ดังนั้นเจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิจะเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้

เมื่อวัตถุแห่งหนี้เป็นการงดเว้นกระทำการใด  การบังคับชำระหนี้จึงต้องเป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา  213  วรรคสาม  กล่าวคือ  นายสมศักดิ์ในฐานะเจ้าหนี้สามารถบังคับชำระหนี้ได้โดยการเรียกร้องให้รื้อถอนการที่ได้ทำลงแล้ว  คือเรียกร้องให้นายสมชายลูกหนี้ถมเกลี่ยดินที่ถูกน้ำเซาะให้กลับคืนสู่สภาพเดิม  โดยให้นายสมชายเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายในการนี้ด้วยตนเอง  นอกจากนี้นายสมศักดิ์ยังมีสิทธิเรียกให้นายสมชายจัดการอันควรเพื่อการภายหน้าด้วยก็ได้  เช่น  ให้สมชายติดตั้งรางน้ำฝนที่หลังคาบ้านของสมชาย  เพื่อป้องกันน้ำฝนจากหลังคาตกลงมาในที่ดินของนายสมศักดิ์อีก

อย่างไรก็ดีหากเจ้าหนี้ต้องเสียหายเพราะการชำระหนี้ของลูกหนี้ดังกล่าว  เจ้าหนี้ก็มีสิทธิเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากลูกหนี้ได้  ตามมาตรา 213  วรรคท้าย  หรือค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การไม่ชำระหนี้นั้นก็ได้  ตามมาตรา  215

 

 

ข้อ  2  ใกล้ฤดูน้ำหลาก  ลำพูซื้อเรือพายจากลำแพนซึ่งเป็นเรือใหม่ต่อด้วยไม้สักทั้งลำ  ผู้ซื้อนำมาพายได้สี่ห้าเดือน  รอยต่อของไม้ที่ท้องเรือเป็นกระพี้ก็เริ่มผุ  ทำให้เรือรั่วซึ่งผู้ขายจะต้องรับผิดในความชำรุดบกพร่องดังกล่าว  ผู้ซื้อจะเรียกให้ผู้ขายรับผิดชอบอย่างไรบ้าง  ยกหลักกฎหมายประกอบคำตอบให้ชัดเจน

ธงคำตอบ

มาตรา  213  ถ้าลูกหนี้ละเลยเสียไม่ชำระหนี้ของตนเจ้าหนี้จะร้องขอต่อศาลให้สั่งบังคับชำระหนี้ก็ได้  เว้นแต่สภาพแห่งหนี้จะไม่เปิดช่องให้ทำเช่นนั้นได้

เมื่อสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับชำระหนี้ได้  ถ้าวัตถุแห่งหนี้เป็นอันให้กระทำการอันหนึ่งอันใด  เจ้าหนี้จะร้องขอต่อศาลให้สั่งบังคับให้บุคคลภายนอกกระทำการอันนั้นโดยลูกหนี้เสียค่าใช้จ่ายให้ก็ได้แต่ถ้าวัตถุแห่งหนี้เป็นอันให้กระทำนิติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งไซร้  ศาลจะสั่งให้ถือเอาตามคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของลูกหนี้ก็ได้

ส่วนหนี้ซึ่งมีวัตถุเป็นอันจะให้งดเว้นการอันใด  เจ้าหนี้จะเรียกร้องให้รื้อถอนการที่ได้กระทำลงแล้วนั้นโดยให้ลูกหนี้เสียค่าใช้จ่ายและให้จัดการอันควรเพื่อกาลภายหน้าด้วยก็ได้

อนึ่งบทบัญญัติในวรรคทั้งหลายที่กล่าวมาก่อนนี้  หากระทบกระทั่งถึงสิทธิที่จะเรียกเอาค่าเสียหายไม่

มาตรา  215  เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ให้ต้องตามความประสงค์อันแท้จริงของมูลหนี้ไซร้  เจ้าหนี้จะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การนั้นก็ได้

วินิจฉัย

ลำพูผู้ซื้อได้ซื้อเรือพายจากลำแพนมาใช้ได้สี่ห้าเดือน  ปรากฏว่ารอยต่อของไม้ที่ท้องเรือเป็นกระพี้ก็เริ่มผุ  ซึ่งความชำรุดบกพร่องดังกล่าวผู้ขายจะต้องรับผิด  ดังนี้จะเห็นว่าข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นเรื่องวัตถุแห่งหนี้ที่เป็นการกระทำการ

เมื่อรอยต่อของไม้ที่ท้องเรือเริ่มผุพัง  ต้องถือว่าผู้ขายชำระหนี้ไม่ต้องตามความประสงค์อันแท้จริงของมูลหนี้  ผู้ซื้อซึ่งอยู่ในฐานะเจ้าหนี้จึงอาจเรียกให้ผู้ขายลูกหนี้ซ่อมท้องเรือที่ชำรุดบกพร่องได้  ตามมาตรา  213  วรรคแรก  (ประกอบมาตรา  472)

ในกรณีที่ผู้ขายมิได้เป็นผู้ทำการต่อเรือด้วยตนเอง  หรือผู้ขายไม่ทำการซ่อมแซมความชำรุดบกพร่องดังกล่าว  ผู้ซื้อก็อาจนำเอาเรือนั้นไปให้บุคคลภายนอกเป็นผู้กระทำการซ่อมแซม  โดยให้ผู้ขายเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย  ตามมาตรา  213  วรรคสอง  หรือผู้ซื้อจะทำการซ่อมแซมเองโดยให้ผู้ขายออกค่าใช้จ่ายก็ได้เช่นกัน

อย่างไรก็ดี  หากผู้ซื้อต้องเสียหายอย่างใดๆอีก  ผู้ซื้อก็มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากลูกหนี้ได้  ตามมาตรา  213  วรรคท้าย  และอาจเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การนั้นก็ได้  ตามมาตรา  215

 

 

ข้อ  3  จันทร์มีสร้อยคอทองคำหนึ่งเส้นราคาประมาณหนึ่งแสนบาท  นอกจากสร้อยเส้นนี้แล้วจันทร์มีทรัพย์สินอีกเพียงอย่างเดียวคือ  รถยนต์หนึ่งคันราคาประมาณหนึ่งแสนบาท  จันทร์ได้กู้เงินของอังคารไปหนึ่งแสนบาท  โดยเอาสร้อยคอทองคำเส้นดังกล่าวจำนำไว้เป็นประกันเงินกู้กับอังคาร  ก่อนหนี้เงินกู้ถึงกำหนดชำระเพียงเจ็ดวัน  จันทร์ได้ยกรถยนต์คันเดียวที่มีอยู่ให้กับบุตรโดยเสน่หา  หลังจากนั้นอังคารทราบเรื่อง  ดังนี้ให้ท่านวินิจฉัยว่า  อังคารจะใช้สิทธิในการควบคุมกองทรัพย์สินของจันทร์ได้อย่างไร  หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  214  ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งมาตรา  733  เจ้าหนี้มีสิทธิที่จะให้ชำระหนี้ของตนจากทรัพย์สินของลูกหนี้จนสิ้นเชิง  รวมทั้งเงินและทรัพย์สินอื่นๆซึ่งบุคคลภายนอกค้างชำระแก่ลูกหนี้ด้วย

มาตรา  237  เจ้าหนี้ชอบที่จะร้องขอให้ศาลเพิกถอนเสียได้ซึ่งนิติกรรมใดๆ  อันลูกหนี้ได้กระทำลงทั้งรู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ  แต่ความข้อนี้ท่านมิให้ใช้บังคับ  ถ้าปรากฏว่าในขณะที่ทำนิติกรรมนั้น  บุคคลซึ่งเป็นผู้ได้ลาภงอกแต่การนั้นมิได้รู้เท่าถึงข้อความจริงอันเป็นทางให้เจ้าหนี้ต้องเสียเปรียบนั้นด้วย  แต่หากกรณีเป็นการให้โดยเสน่หา  ท่านว่าเพียงแต่ลูกหนี้เป็นผู้รู้ฝ่ายเดียวเท่านั้นก็พอแล้วที่จะขอเพิกถอนได้

มาตรา  767  เมื่อบังคับจำนำได้เงินจำนวนสุทธิเท่าใด  ท่านว่าผู้รับจำนำต้องจัดสรรชำระหนี้และอุปกรณ์เพื่อให้เสร็จสิ้นไป  และถ้ายังมีเงินเหลือก็ต้องส่งคืนให้แก่ผู้จำนำ  หรือแก่บุคคลผู้ควรจะได้เงินนั้น

ถ้าได้เงินน้อยกว่าจำนวนค้างชำระ  ท่านว่าลูกหนี้ก็ยังคงต้องรับใช้ในส่วนที่ขาดอยู่นั้น

วินิจฉัย

ในกรณีที่มีการบังคับจำนอง  (ตามมาตรา  733)  ถ้าหากได้เงินไม่พอชำระหนี้  ยังขาดจำนวนอยู่เท่าใด  ลูกหนี้ก็ไม่ต้องรับผิดในจำนวนเงินที่ยังขาดอยู่นั้น  เจ้าหนี้จึงบังคับชำระหนี้ให้แก่ตนอีกในส่วนที่ขาดจากทรัพย์สินอย่างอื่นๆ  ของลูกหนี้  โดยอาศัยมาตรา  214  นี้ไม่ได้

แต่กรณีตามปัญหา  เป็นเรื่องเจ้าหนี้จำนำ  ซึ่งถ้ามีการบังคับจำนำ  แล้วได้เงินน้อยกว่าจำนวนที่ค้างชำระลูกหนี้ก็ยังคงต้องรับผิดชดใช้ให้ในส่วนที่ขาดอยู่นั้น  ตามมาตรา  767  วรรคสอง  เจ้าหนี้จำนำจึงสามารถเรียกร้องในส่วนที่ขาดได้  ตามมาตรา  214

เมื่ออังคารมีสิทธิเรียกร้องจำนวนที่ค้างชำระอยู่  ก็มีสิทธิควบคุมกองทรัพย์สินของจันทร์ลูกหนี้ได้  หากเข้าหลักเกณฑ์ตามกฎหมาย

สำหรับหลักเกณฑ์ในการควบคุมทรัพย์สินของลูกหนี้ในเรื่องการเพิกถอนการฉ้อฉล  ตามมาตรา  237  ประกอบด้วย

1       ลูกหนี้ได้ทำนิติกรรมอันเป็นการฉ้อฉล

2       นิติกรรมนั้นลูกหนี้รู้ว่าจะเป็นทางให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ

3       นิติกรรมประเภท

–                    ให้โดยเสน่หา  ลูกหนี้รู้ว่าเจ้าหนี้จะเสียเปรียบฝ่ายเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะขอให้เพิกถอน

–                    มิใช่เป็นการทำให้โดยเสน่หา  (มีค่าตอบแทน)  ผู้ได้ลาภงอกต้องรู้ในขณะทำนิติกรรมด้วยว่าเจ้าหนี้ต้องเสียเปรียบ

4       ใช้เฉพาะกับนิติกรรมที่มีวัตถุเป็นสิทธิในทรัพย์สินเท่านั้น

ดังนั้นในกรณีนี้แม้จันทร์จะได้ยกรถยนต์คันเดียวที่มีอยู่ให้กับบุตร  อันเป็นการทำนิติกรรมที่มีวัตถุเป็นสิทธิในทรัพย์สินโดยการฉ้อฉลเจ้าหนี้  ซึ่งเป็นการให้โดยเสน่หาก็ตาม

แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าสร้อยคอทองคำเส้นที่จันทร์นำไปจำนำเป็นประกันเงินกู้กับอังคาร  มีราคาคุ้มจำนวนหนี้เงินกู้ยืม  อังคารจึงไม่มีทางเสียเปรียบ  เมื่อไม่เสียเปรียบ  กรณีจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา  237  วรรคแรก  อังคารจึงใช้สิทธิในการควบคุมทรัพย์สินของจันทร์โดยการร้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมการฉ้อฉลของจันทร์ไม่ได้

สรุป  อังคารจึงใช้สิทธิในการควบคุมกองทรัพย์สินของจันทร์ไม่ได้

 

 

ข้อ  4   หนึ่งเป็นเจ้าหนี้และสองเป็นลูกหนี้  ในหนี้เงิน  200,000  บาท  โดยมีสามและสี่เป็นผู้ค้ำประกันในหนี้รายดังกล่าวนี้  ครั้นเมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระ  สอง (ลูกหนี้)  ผิดนัด  หนึ่งจึงเรียกให้สามและสี่ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกัน  ปรากฏว่าสามได้นำเงิน  200,000  ไปขอปฏิบัติการชำระหนี้ต่อหนึ่งโดยชอบด้วยกฎหมาย  แต่หนึ่งกลับปฏิเสธไม่ยอมรับชำระหนี้โดยปราศจากมูลเหตุอันจะอ้างกฎหมายได้  ดังนี้  ให้วินิจฉัยว่าใครตกเป็นผู้ผิดนัด  และผิดนัดต่อใครบ้าง  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

มาตรา  207  ถ้าลูกหนี้ขอปฏิบัติการชำระหนี้  และเจ้าหนี้ไม่รับชำระหนี้นั้นโดยปราศจากมูลเหตุอันจะอ้างกฎหมายได้ไซร้  ท่านว่าเจ้าหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัด

มาตรา  294  การที่เจ้าหนี้ผิดนัดต่อลูกหนี้ร่วมกันคนหนึ่งนั้น  ย่อมได้เป็นคุณประโยชน์แก่ลูกหนี้คนอื่นๆด้วย

มาตรา  682  วรรคสอง  ถ้าบุคคลหลายคนยอมตนเข้าเป็นผู้ค้ำประกันในหนี้รายเดียวกันไซร้  ท่านว่าผู้ค้ำประกันเหล่านั้นมีความรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมกัน  แม้ถึงว่าจะมิได้เข้ารับค้ำประกันรวมกัน

วินิจฉัย

สามและสี่ยอมตนเป็นผู้ค้ำประกันในหนี้เงินกู้ยืม  200,000  บาท  ของสองลูกหนี้  ดังนั้นสามและสี่ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันในหนี้รายเดียวกันย่อมมีความรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมกัน  ตามมาตรา  682  วรรคสอง

เมื่อสองลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้  ความรับผิดของผู้ค้ำประกันย่อมเกิดมีขึ้น  การที่สามนำเงิน  200,000  บาท  ไปขอปฏิบัติการชำระหนี้ต่อหนึ่งโดยชอบด้วยกฎหมาย  แต่หนึ่งเจ้าหนี้กลับปฏิเสธไม่ยอรับชำระหนี้โดยปราศจากมูลเหตุอันจะอ้างกฎหมายได้  หนึ่งจึงตกเป็นเจ้าหนี้ผิดนัด  ตามมาตรา  207

อย่างไรก็ตามการที่เจ้าหนี้ผิดนัดต่อลูกหนี้ร่วมกันคนหนึ่งนั้น  ย่อมได้เป็นคุณประโยชน์แก่ลูกหนี้คนอื่นๆด้วย  ดังนั้นการที่หนึ่งเจ้าหนี้ผิดนัดต่อสาม  ต้องถือว่ามีผลต่อสี่ด้วย  ตามมาตรา  294  หนึ่งเจ้าหนี้จึงตกเป็นผู้ผิดนัดต่อสี่ลูกหนี้ร่วมด้วย

สรุป  หนึ่งตกเป็นเจ้าหนี้ผิดนัดตามมาตรา  207  และหนึ่งผิดนัดต่อสามและสี่  ตามมาตรา  294

Advertisement