การสอบไล่ภาค  2  ปีการศึกษา  2551

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW2001 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยทรัพย์

Advertisement

คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  4  ข้อ

ข้อ  1  เพชรทำสัญญาอนุญาตให้พลอยอาศัยอยู่ในบ้านของตนได้ตลอดชีวิตของพลอย  แต่สัญญาดังกล่าวไม่ได้จดทะเบียนกับพนักงานเจ้าหน้าที่  หลังจากที่พลอยอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นได้  15  ปี  พลอยเห็นว่าบ้านชำรุดทรุดโทรมมาก  จึงรื้อถอนบ้านเก่าและสร้างบ้านหลังใหม่ขึ้นแทนหลังเก่า  โดยไม่ได้บอกกล่าวเพชรแต่อย่างใด  ต่อมาอีก  5  ปี  เพชรทำสัญญาและจดทะเบียนขายที่ดินแปลงนั้นพร้อมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินให้กับมรกต  และมรกตแจ้งให้พลอยย้ายออกไปจากที่ดินและบ้านหลังนั้น  แต่พลอยอ้างว่าตนมีสิทธิอาศัยในบ้านหลังนั้นตลอดชีวิตตามสัญญาที่เพชรทำไว้กับตน  ส่วนบ้านตนเป็นผู้ออกเงินก่อสร้างจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของตน  เพชรไม่มีสิทธินำบ้านไปขายแต่อย่างใด

ดังนี้  ให้วินิจฉัยว่าพลอยจะอ้างสัญญาระหว่างเพชรกับพลอยขึ้นต่อสู้มรกตเพื่อไม่ต้องย้ายออกไปได้หรือไม่  และระหว่างพลอยกับมรกตผู้ใดมีกรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาทดีกว่ากัน  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  144  วรรคสอง เจ้าของทรัพย์ย่อมมีกรรมสิทธิ์ในส่วนควบของทรัพย์นั้น

มาตรา  146  ทรัพย์ซึ่งติดกับที่ดินหรือติดกับโรงเรือนเพียงชั่วคราวไม่ถือว่าเป็นส่วนควบกับที่ดินหรือโรงเรือนนั้น  ความข้อนี้ให้ใช้บังคับแก่โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น  ซึ่งผู้มีสิทธิในที่ดินของผู้อื่นใช้สิทธินั้นปลูกสร้างไว้ในที่ดินนั้นด้วย

มาตรา  1299 วรรคแรก  ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติในประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น  ท่านว่า  การได้มาโดยนิติกรรมซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์นั้นไม่บริบูรณ์  เว้นแต่นิติกรรมจะได้ทำเป็นหนังสือและได้จดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยประการแรกมีว่า  พลอยจะอ้างสัญญาระหว่างเพชรกับพลอยขึ้นต่อสู้มรกตเพื่อไม่ต้องย้ายออกได้หรือไม่  เห็นว่า  โดยหลักแล้ว  การได้อสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์มาโดยนิติกรรม  หากไม่มีกฎหมายบัญญัติถึงความสมบูรณ์ของการได้มาไว้  ก็ต้องเป็นไปตามมาตรา  1299  วรรคแรก  กล่าวคือ  หากมิได้ทำนิติกรรมเป็นหนังสือและจดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่  การได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์  ย่อมไม่บริบูรณ์เป็นทรัพยสิทธิ  ไม่อาจใช้ยันต่อบุคคลภายนอกได้  

คงบังคับกันได้ในระหว่างคู่กรณีในฐานะบุคคลสิทธิเท่านั้น  กรณีนี้เมื่อพลอยเป็นผู้มีสิทธิอาศัยในบ้านของเพชรตามสัญญาที่เพชรทำกับพลอย  พลอยจึงเป็นผู้ที่ได้มาซึ่งทรัพย์อันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยทางนิติกรรม  แต่เนื่องจากนิติกรรมดังกล่าว  ไม่ได้จดทะเบียนกับพนักงานเจ้าหน้าที่  การได้มาซึ่งสิทธิอาศัยจึงไม่บริบูรณ์ในฐานะทรัพยสิทธิ  ทำให้ไม่สามารถยกขึ้นต่อสู้บุคคลภายนอกได้ตามมาตรา  1299  วรรคแรก  กรณีเช่นนี้  พลอยจะอ้างสัญญาระหว่างเพชรกับพลอยซึ่งเป็นบุคคลสิทธิขึ้นต่อสู้มรกตบุคคลภายนอกไม่ได้  (ฎ. 1752/2523)

ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยประการต่อมามีว่า  ระหว่างพลอยกับมรกตผู้ใดมีกรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาทดีกว่ากัน  เห็นว่า  การที่พลอยเห็นบ้านชำรุดทรุดโทรมมากจึงรื้อถอนบ้านเก่าและสร้างบ้านหลังใหม่ขึ้นแทนหลังเก่าโดยไม่ได้บอกกล่าวเพชรแต่อย่างใด  ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏบ้านที่สร้างขึ้นใหม่นี้มีลักษณะติดที่ดินเป็นการถาวร  เพราะไม่ปรากฏว่าเป็นการปลูกสร้างเพียงชั่วคราวและจะรื้อถอนไป  ทั้งพลอยก็ไม่มีสิทธิหรือได้รับอำนาจจากเพชรที่จะปลูกบ้านลงในที่ดินของเพชรแต่อย่างใด  กรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา  146  ดังนั้น  บ้านจึงเป็นส่วนควบของที่ดิน  โดยที่ดินเป็นทรัพย์ประธาน  เพชรเจ้าของที่ดินทรัพย์ประธานจึงเป็นเจ้าของส่วนควบคือบ้านด้วยตามมาตรา  144  วรรคสอง  (ฎ. 1516 1517/2529)

หลังจากที่พลอยสร้างบ้านได้  5  ปี  เพชรได้ทำสัญญาและจดทะเบียนขายที่ดินแปลงนั้นพร้อมสิ่งปลูกสร้าง  คือบ้านพิพาทให้กับมรกต  เมื่อได้ความว่า  เพชรเป็นเจ้าของส่วนควบคือบ้านด้วยย่อมมีสิทธิที่จะจดทะเบียนขายบ้านพิพาทได้  ส่งผลทำให้มรกตผู้สืบสิทธิของเพชรเป็นผู้ที่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านพิพาทดีกว่าพลอย

สรุป  พลอยจะอ้างสัญญาระหว่างเพชรกับพลอยขึ้นต่อสู้มรกตเพื่อไม่ต้องย้ายออกไม่ได้  และระหว่างพลอยกับมรกต  มรกตเป็นผู้มีสิทธิในบ้านดีกว่า

 

ข้อ  2  นายเอกซื้อคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กมือสองเครื่องหนึ่งจากร้านขายคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ  เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ย่านบางกะปิมาในราคา  12,000  บาท  ปรากฏว่าคอมพิวเตอร์เครื่องนี้เป็นของนายโท  ได้ถูกนายตรีขโมยมาขายไว้ที่ร้านดังกล่าวและนายเอกได้ไปซื้อมา  โดยทางร้านขอให้นายเอกมาซื้อขณะที่ร้านปิดทำการแล้ว  และให้มาเข้าทางประตูด้านหลังร้าน  โดยให้เหตุผลว่าจะมีสินค้ามาให้เลือกมากมาย  และจะได้ต่อรองราคากันได้สะดวกกว่าตอนเปิดทำการแล้ว

ต่อมานายโทเจ้าของคอมพิวเตอร์มาพบคอมพิวเตอร์ของตนอยู่กับนายเอกและจำได้ว่าเป็นของตน  จึงเรียกให้นายเอกคืนคอมพิวเตอร์  มิฉะนั้นนายโทจะแจ้งความต่อตำรวจว่านายเอกมีความผิดฐานรับของโจร  นายเอกจึงมาขอคำปรึกษาท่านว่าตนจะต้องคืนคอมพิวเตอร์เครื่องนี้แก่นายโทหรือไม่  หรือจะมีข้อต่อสู้อย่างไรเพื่อไม่ต้องคืนบ้าง  จงอธิบาย

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  1332  บุคคลผู้ซื้อทรัพย์สินมาโดยสุจริตในการขายทอดตลาด  หรือในท้องตลาด  หรือจากพ่อค้าซึ่งขายของชนิดนั้น  ไม่จำต้องคืนให้แก่เจ้าของแท้จริง  เว้นแต่เจ้าของจะชดใช้ราคาที่ซื้อมา

วินิจฉัย

โดยหลักแล้ว  การซื้อขายทรัพย์สินที่จะอยู่ภายใต้บังคับมาตรา  1332  อันจะทำให้บุคคลผู้ซื้อได้รับการคุ้มครองนั้น  ต้องเป็นการซื้อโดยสุจริต  จากการขายทอดตลาดของเอกชนหรือในท้องตลาด  และจากพ่อค้าที่ขายของชนิดนั้นด้วย

กรณีตามอุทาหรณ์  นายเอกจะต้องคืนคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ให้แก่นายโทหรือไม่  หรือจะมีข้อต่อสู้อย่างไร  เพื่อให้ไม่ต้องคืนบ้าง  เห็นว่า นายเอกซื้อคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กมือสองจากร้านขายคอมพิวเตอร์แห่งหนึ่ง  แต่การซื้อขายของนายเอกไม่ได้ซื้อในเวลาเปิดทำการปกติ  แต่ไปซื้อเมื่อร้านปิดทำการแล้วและให้เข้ามาทางประตูหลังร้าน  กรณีเช่นนี้  แม้ได้ความว่าการซื้อขายดังกล่าวจะซื้อจากร้านค้าที่ขายของชนิดนั้น  อันถือว่าเป็นการซื้อทรัพย์ในท้องตลาดก็ตาม  แต่การที่นายเอกมาซื้อในขณะที่ร้านปิดทำการแล้ว  กรณีจึงถือไม่ได้ว่าเป็นการซื้อขายที่สุจริต ทำให้นายเอกไม่ได้รับการคุ้มครองตามมาตรา  1332  ดังนั้นข้าพเจ้าจะให้คำแนะนำแก่นายเอกว่านายเอกต้องคืนคอมพิวเตอร์ให้แก่นายโทผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริง  โดยไม่สามารถเรียกร้องสิทธิใดๆจากนายโทได้  เพราะถือเป็นผู้ซื้อทรัพย์สินโดยไม่สุจริต

สรุป  ข้าพเจ้าจะแนะนำนายเอกว่านายเอกต้องคืนคอมพิวเตอร์ให้แก่นายโทผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริง  โดยไม่สามารถเรียกร้องสิทธิใดๆจากนายโทได้

 

ข้อ  3  นายจิตเช่าที่ดินของนายแจ่มปลูกบ้านอยู่และได้เดินผ่านที่ดินของใจมาได้หกปีเพื่อเข้าออกในหมู่บ้าน  ตอลดมาโดยไม่เคยขออนุญาตใจเลย  สัญญาเช่าที่ดินแจ่มหมดอายุ  นายจิตจึงได้รื้อบ้านออกไปและไปเช่าที่ดินในตัวเมืองเพื่อปลูกบ้านอยู่  แต่ก็ยังคงประกอบอาชีพค้าขาย  จึงยังต้องใช้ทางเดินผ่านที่ดินของใจเข้าออกในหมู่บ้านเพื่อเข้าไปค้าขายเหมือนเดิม  จิตใช้ทางผ่านที่ดินของใจมาช่วงหลังนี้ได้ห้าปี  ทางผ่านที่เป็นดินเริ่มเป็นหลุมเป็นบ่อเข้าออกไม่สะดวก

จิตจึงได้จ้างผู้รับเหมาทำถนนและตั้งใจจะเทคอนกรีต  แต่เมื่อใจทราบจึงได้ห้ามไม่ให้จิตเข้ามาในที่ดินของตนและให้ผู้รับเหมารื้อย้ายข้าวของที่จะทำถนนผ่านออกไปและทำที่ดินให้ดีเหมือนเดิม  ระหว่างจิตและใจ  จิตจะรักษาทางทำถนนและเทคอนกรีตบนทางเข้าออกบนที่ดินของใจได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  1377  วรรคแรก  ถ้าผู้ครอบครองสละเจตนาครอบครอง  หรือไม่ยุดถือทรัพย์สินต่อไปไซร้  การครอบครองย่อมสุดสิ้นลง

มาตรา  1382  บุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ  ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี  ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาห้าปีไซร้  ท่านว่าบุคคลนั้นได้กรรมสิทธิ์

มาตรา  1387  อสังหาริมทรัพย์อาจต้องตกอยู่ในภาระจำยอมอันเป็นเหตุให้เจ้าของต้องยอมรับกรรมบางอย่างซึ่งกระทบถึงทรัพย์สินของตน  หรือต้องงดเว้นการใช้สิทธิบางอย่างอันมีอยู่ในกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินนั้นเพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์อื่น

มาตรา  1391  เจ้าของสามยทรัพย์มีสิทธิทำการทุกอย่างอันจำเป็นเพื่อรักษาและใช้ภาระจำยอมแต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายของตนเอง   ในการนี้เจ้าของสามยทรัพย์จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ภารยทรัพย์ได้ก็แต่น้อยที่สุดตามพฤติการณ์

มาตรา  1401  ภาระจำยอมอาจได้มาโดยอายุความ  ท่านให้นำบทบัญญัติว่าด้วยอายุความได้สิทธิอันกล่าวไว้ในลักษณะ  3  แห่งบรรพนี้มาใช้บังคับโดยอนุโลม

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  โดยหลักแล้ว  การใช้ภารยทรัพย์เพื่อให้ได้ภาระจำยอมนั้น  ไม่จำเป็นที่เจ้าของสามยทรัพย์จะต้องเป็นผู้ใช้เองเท่านั้น  การที่นายจิตผู้เช่าที่ดินของนายแจ่มได้เดินผ่านที่ดินของนายใจโดยเจตนาใช้เป็นทางเข้าออกในหมู่บ้าน  โดยไม่เคยขออนุญาตนายใจเลยเป็นระยะเวลา  6  ปี  ถือว่านายแจ่มเจ้าของที่ดินใช้ทางโดยปรปักษ์โดยมีนายจิตเป็นผู้ใช้ทางแทน  (ตามมาตรา  1368  ประกอบมาตรา  1401)

การที่ต่อมา  สัญญาเช่าที่ดินระหว่างนายจิตและนายแจ่มสิ้นสุดลง  นายจิตผู้เช่าได้รื้อถอนบ้านออกไปและไปเช่าที่ดินในเมืองปลูกบ้านอยู่ โดยไม่ปรากฏว่านายแจ่มได้ใช้ทางผ่านที่ดินของนายใจต่อจากนายจิตแต่อย่างใด  กรณีเช่นนี้ถือว่านายจิตสละเจตนาครอบครองเพื่อให้ได้ซึ่งสิทธิภาระจำยอมในทางผ่านที่ดินของนายใจตามมาตรา  1377  วรรคแรกแล้ว  การครอบครองโดยปรปักษ์เพื่อให้ได้ภาระจำยอมที่มีก่อนตลอด  6  ปีที่ผ่านมาจึงสิ้นสุดลง  ดังนั้น  อายุความครอบครองปรปักษ์เพื่อให้ได้ภาระจำยอมของนายจิตจึงสิ้นสุดลงด้วย

และแม้ต่อมาจะได้ความว่าในขณะที่สัญญาเช่าที่ดินระงับไปแล้ว  นายจิตจะยังใช้ทางเดินผ่านที่ดินของนายใจเข้าออกในหมู่บ้านอยู่ก็ตาม แต่การเข้าออกดังกล่าวเป็นการเข้าไปเพื่อค้าขายอันเป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของนายจิตโดยเฉพาะ  มิใช่เพื่อประโยชน์ของอสังหาริมทรัพย์  การใช้ทางผ่านในช่วงหลังตลอดเวลา  5  ปี  จึงนับอายุความครอบครองปรปักษ์ตามมาตรา  1401  ประกอบมาตรา  1382  เพื่อให้ได้ภาระจำยอมไม่ได้  เพราะไม่เข้าลักษณะและสาระสำคัญของภาระจำยอมตามมาตรา  1387  ดังนั้น  ภาระจำยอมจึงไม่อาจเกิดมีขึ้นได้ (ฎ. 11 13/2503)

ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยมีว่า  นายจิตจะทำถนนและเทคอนกรีตบนทางเข้าออกบนที่ดินของนายใจได้หรือไม่  เห็นว่า  การที่นายจิตจ้างผู้รับเหมาทำถนนและตั้งใจจะเทคอนกรีต  แม้จะเป็นการกระทำเพื่อรักษาและใช้ทางผ่านที่ดินของนายใจ  และไม่เป็นการกระทำที่เป็นการเพิ่มภารยทรัพย์ก็ตาม  (ฎ.1730/2503)  นายจิตก็ไม่สามารถทำได้  กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา  1391  วรรคแรก  เพราะกรณีนี้ภาระจำยอมไม่เกิดขึ้น  นายใจจึงมีอำนาจห้ามไม่ให้นายจิตเข้ามาในที่ดินของตน  และให้ผู้รับเหมารื้อย้ายข้าวของที่จะทำถนนออกไปและทำที่ดินให้ดีเหมือนเดิมได้

สรุป  นายจิตทำถนนและเทคอนกรีตบนทางเข้าออกบนที่ดินของนายใจไม่ได้

 

ข้อ  4  ทองครอบครองปรปักษ์ที่ดินมีโฉนดแปลงหนึ่งของนายนาค  ทำสวนลิ้นจี่มาได้แปดปี  ถูกศาลพิพากษาจำคุกเป็นเวลาเก้าเดือน เงินซึ่งเป็นเพื่อบ้านทราบจึงได้ขอเช่าสวนลื้นจี่เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมสวนเกษตรและเก็บลิ้นจี่ขายนักท่องเที่ยวด้วย  เมื่อถูกจำคุกไปได้แปดเดือนขณะอยู่ในเรือนจำ  ทองป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล  เมื่อพ้นโทษทองจึงได้มารักษาพยาบาลต่ออยู่ในโรงพยาบาลที่กรุงเทพ  อีกห้าเดือนเป็นเวลารวมหนึ่งปีกับสองเดือน  เมื่อรักษาตัวหายดีแล้วทองจึงได้หางานทำที่กรุงเทพ  แต่ที่ดินแปลงนี้ทองยังคงให้เงินเช่าต่อ  ทองทำงานอยู่ที่กรุงเทพมาได้สองปี  เงินและทองถูกนาคฟ้องขับไล่เรียกที่ดินแปลงนี้คืน  ให้ท่านอธิบายว่าทองได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงนี้แล้วหรือยัง  นาคฟ้องคดีต่อศาลเรียกที่ดินแปลงนี้คืนจากทองได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  1368  บุคคลอาจได้มาซึ่งสิทธิครอบครองโดยผู้อื่นยึดถือไว้ให้

มาตรา  1382  บุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ  ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี  ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาห้าปีไซร้  ท่านว่าบุคคลนั้นได้กรรมสิทธิ์

มาตรา  1384  ถ้าผู้ครอบครองขาดยึดถือทรัพย์สินโดยไม่สมัคร  และได้คืนภายในเวลาปีหนึ่งนับตั้งแต่วันขาดยึดถือ  หรือได้คืนโดยฟ้องคดีภายในกำหนดนั้นไซร้  ท่านมิให้ถือว่าการครอบครองสะดุดหยุดลง

วินิจฉัย

โดยหลักแล้ว  การได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์โดยการครอบครองปรปักษ์ตามมาตรา  1382  จะต้องประกอบด้วยหลักเกณฑ์ดังนี้  คือ

1       เป็นทรัพย์สินของผู้อื่นโดยผู้อื่นมีกรรมสิทธิ์

2       ได้ครอบครองโดยความสงบ

3       ครอบครองโดยเปิดเผย

4       ครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของ

5       ครอบครองติดต่อกันมาเป็นเวลา  10  ปี

สำหรับการครอบครองติดต่อกันนั้น  จะต้องเป็นกรณีที่ผู้ครอบครอง  ไม่มีเจตนาสละการครอบครอง  หรือขาดการยึดถือโดยสมัครใจ  และนับระยะเวลาครอบครองติดต่อกันได้  หากเป็นเพียงการขาดการยึดถือโดยไม่สมัคร  เพราะมีเหตุมาขัดขวางโดยไม่สมัครใจ  กฎหมายถือว่าการขาดการยึดถือนั้นไม่ทำให้ขาดอายุความ  การครอบครองสะดุดหยุดลง  หากได้ทรัพย์สินคืนภายใน  1  ปี  นับแต่วันที่ขาดการยึดถือ  ทั้งนี้ตามมาตรา  1384 

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่ทองครอบครองปรปักษ์ที่ดินมีโฉนดแปลงหนึ่งของนายนาค  มา  8  ปี  โดยทำเป็นสวนลิ้นจี่   ต่อมานายทอง  ได้ถูกศาลพิพากษาจำคุกเป็นเวลา  9  เดือน  เงินซึ่งเป็นเพื่อบ้านจึงได้ขอเช่าสวนลิ้นจี่จากทองเพื่อให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมสวนเกษตร  และเก็บลิ้นจี่ขายนักท่องเที่ยวด้วย  กรณีเช่นนี้  ถือว่า  ทองได้ขาดการยึดถือโดยไม่สมัครใจตามมาตรา  1384  โดยมีเงินผู้เช่าเป็นผู้ยึดถือการครอบครองแทนตามมาตรา  1368  และเป็นผู้เอาคืนซึ่งการครอบครองให้ภายใน  1  ปี  นับตั้งแต่ขาดการยึดถือโดยไม่สมัครใจ  อายุความการครอบครองจึงไม่สะดุดหยุดลง

เมื่อได้ความว่า  ทองถูกจำคุกไปได้  8  เดือน  ขณะอยู่ในเรือนจำทองป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล  เมื่อพ้นโทษทองจึงได้มารักษาพยาบาลต่ออยู่ในโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ  อีก  5  เดือน  ซึ่งเป็นเวลารวม  1  ปี  2  เดือน  เมื่อรักษาตัวหายดีแล้ว  ทองจึงได้หางานทำที่กรุงเทพฯ  และทองได้ทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯอีก  2  ปี  ในกรณีดังกล่าวนี้  ระหว่างที่ทองถูกจำคุกและในระหว่างป่วยและทำงานที่กรุงเทพฯ  จะถือว่าทองขาดการยึดถือไม่ได้  เพราะที่ดินแปลงนี้ก็มีเงินครอบครองปรปักษ์แทนทองตลอดเวลาตามมาตรา  1368 ประกอบมาตรา  1384  ดังที่กล่าวไปข้างต้น เมื่อรวมระยะเวลาทั้งหมดติดต่อกันแล้วเป็นเวลาเกิน  10  ปี  ดังนั้น  ทองจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงนี้แล้ว  โดยการครอบครองปรปักษ์ตามมาตรา  1382 

สรุป  ทองได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงนี้แล้ว  นาคจึงฟ้องศาลเรียกที่ดินแปลงนี้จากทองไม่ได้

Advertisement