การสอบไล่ภาค  1  ปีการศึกษา  2555

ข้อสอบกระบวนวิชา  LAW2001 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยทรัพย์ 

Advertisement


คำแนะนำ  ข้อสอบเป็นอัตนัยล้วนมี  4  ข้อ
 

ข้อ  1  ชัยทำสัญญายกที่ดินมีโฉนดแปลงหนึ่งตีใช้หนี้ให้เชิดเจ้าหนี้  แต่ทั้งสองยังไม่ได้จดทะเบียนกับพนักงานเจ้าหน้าที่  หลังจากชัยส่งมอบที่ดินให้เชิดครอบครองได้สามปี  เกียรติเจ้าหนี้ของชัยได้ฟ้องศาลให้ชัยชำระหนี้และศาลพิพากษาให้เกียรติชนะคดี  เกียรติจึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดีเข้ายึดที่ดินแปลงที่ชัยเคยทำสัญญาตีใช้หนี้ให้เชิดไปแล้ว  เพื่อออกขายทอดตลาดนำเงินมาใช้หนี้เกียรติ

เชิดรู้เรื่องจึงร้องขัดทรัพย์โดยอ้างว่าเชิดเป็นเจ้าของที่ดินแปลงนั้น  เพราะชัยเอาที่ดินนั้นตีใช้หนี้ให้ตนแล้ว  เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงไม่มีสิทธินำออกขายทอดตลาด  ดังนี้  ให้วินิจฉัยว่า  เชิดจะร้องขัดทรัพย์ได้หรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  1299 วรรคแรก  ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติในประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น  ท่านว่า  การได้มาโดยนิติกรรมซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์นั้นไม่บริบูรณ์  เว้นแต่นิติกรรมจะได้ทำเป็นหนังสือและได้จดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่

วินิจฉัย

ตามกฎหมาย  การได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยทางนิติกรรมนั้น  จะบริบูรณ์เป็นทรัพยสิทธิได้  จะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่  ซึ่งถ้าฝ่าฝืนจะมีผลเป็นเพียงบุคคลสิทธิ  ใช้กล่าวอ้างได้เฉพาะคู่สัญญาเท่านั้น  ไม่สามารถยกขึ้นกล่าวอ้างต่อบุคคลภายนอกได้  (มาตรา  1299  วรรคแรก)

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่ชัยทำสัญญายกที่ดินมีโฉนดแปลงหนึ่งตีใช้หนี้ให้แก่เชิดนั้น  ถือว่าเชิดเป็นผู้ได้มาซึ่งทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยทางนิติกรรม  เมื่อปรากฏว่าสัญญาดังกล่าวไม่ได้จดทะเบียนกับพนักงานเจ้าหน้าที่  นิติกรรมจึงไม่บริบูรณ์ในฐานะทรัพยสิทธิ  เชิดจะยกสัญญานี้ขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกไม่ได้  แต่ยังคงมีผลบังคับระหว่างชัยกับเชิดในฐานะบุคคลสิทธิตามมาตรา  1299  วรรคแรก

ดังนั้น  เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า  เกียรติเจ้าหนี้ของชัยได้ฟ้องศาลให้ชัยชำระหนี้  และศาลได้พิพากษาให้เกียรติชนะคดี  เกียรติจึงสามารถนำเจ้าพนักงานบังคับคดีเข้ายึดที่ดินแปลงที่ชัยเคยทำสัญญาตีใช้หนี้  ให้เชิดเพื่อออกขายทอดตลาดนำเงินมาใช้หนี้เกียรติได้  เชิดจะร้องขัดทรัพย์โดยอ้างว่าเชิดเป็นเจ้าของที่ดินแปลงนั้น  เพราะชัยเอาที่ดินนั้นตีใช้หนี้ให้ตนแล้ว  เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงไม่มีสิทธินำออกขายทอดตลาดไม่ได้  เพราะสัญญานำอสังหาริมทรัพย์คือที่ดินดังกล่าวตีใช้หนี้ไม่ได้จดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่  การโอนกรรมสิทธิ์จึงถือว่าไม่บริบูรณ์ในฐานะทรัพยสิทธิ  เชิดจึงเอาสัญญาดังกล่าวขึ้นต่อสู้เกียรติไม่ได้  ดังนั้นเกียรติซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา  และเป็นบุคคลภายนอกจึงมีสิทธิในที่ดินดีกว่าเชิด  และสามารถนำยึดที่ดินพิพาทได้

สรุป  เชิดจะร้องขัดทรัพย์ไม่ได้

 

ข้อ  2  นายดำซื้อแหวนวงหนึ่งราคา  2,000  บาท  จากร้านขายของหลุดจำนำของนายขาว  ซึ่งมีใบอนุญาตค้าของเก่า  และนายขาวทำการขายของเก่าทุกชนิดที่หลุดจำนำ  หลังจากซื้อได้ประมาณ  10  วันจึงทราบว่าแหวนวงนี้เป็นแหวนของนายเขียว  แต่ถูกนายแดงผู้เป็นลูกจ้างขโมยมาจำนำที่โรงรับจำนำแห่งหนึ่ง

และแดงไม่ได้ไปไถ่จึงหลุดจำนำ  ต่อมาร้ายขายของเก่าของนายขาวได้ไปประมูลสินค้าหลุดจำนำจากโรงรับจำนำและขายต่อ  นายเขียวเจ้าของแหวนจึงขอแหวนคืนจากนายดำ  ดังนี้  นายดำจะต่อสู้ว่าตนซื้อมาจากพ่อค้าที่ขายของชนิดนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา  1332  ได้หรือไม่  และนายดำจะต้องคืนแหวนแก่นายเขียวหรือไม่  จงอธิบาย

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  1332  บุคคลผู้ซื้อทรัพย์สินมาโดยสุจริตในการขายทอดตลาด  หรือในท้องตลาด  หรือจากพ่อค้าซึ่งขายของชนิดนั้น  ไม่จำต้องคืนให้แก่เจ้าของแท้จริง  เว้นแต่เจ้าของจะชดใช้ราคาที่ซื้อมา

วินิจฉัย

โดยหลัก  การซื้อขายทรัพย์สินที่จะอยู่ภายใต้บังคับมาตรา  1332  อันจะทำให้บุคคลผู้ซื้อทรัพย์สินได้รับการคุ้มครองนั้น  ต้องเป็นการซื้อโดยสุจริตจากการขายทอดตลาดของเอกชน  หรือในท้องตลาด  หรือจากพ่อค้าซึ่งขายของชนิดนั้น

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่นายดำซื้อแหวนจากร้านขายของหลุดจำนำของนายขาว  ซึ่งมีใบอนุญาตค้าของเก่านั้น  มิได้เป็นกรณีที่นายดำซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดของเอกชน  หรือในท้องตลาด  หรือจากพ่อค้าซึ่งขายของชนิดนั้น  นายดำผู้ซื้อจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามมาตรา  1332  แม้นายดำจะซื้อโดยสุจริตเพราะไม่รู้ว่าแหวนวงดังกล่าวเป็นของนายเขียว  ซึ่งถูกนายแดงขโมยมาจำนำที่โรงรับจำนำแห่งหนึ่งจนหลุดจำนำก็ตาม

ดังนั้น  เมื่อนายเขียวเจ้าของแหวนขอแหวนคืนจากนายดำ  นายดำจะต่อสู้ว่าตนซื้อมาจากพ่อค้าขายของชนิดนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา  1332  ไม่ได้  และนายดำจะต้องคืนแหวนให้แก่นายเขียว  ตามหลักกฎหมายดังกล่าวข้างต้น

สรุป  นายดำจะต่อสู้ว่าตนซื้อแหวนมาจากพ่อค้าที่ขายของชนิดนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา  1332  ไม่ได้  และนายดำจะต้องคืนแหวนให้แก่นายเขียว

 

ข้อ  3  พุธครอบครองที่ดินมือเปล่าแปลงหนึ่งร่วมกับนายศุกร์  เมื่อครอบครองไปได้หนึ่งปี  พุธกับศุกร์ทำสัญญาเป็นหนังสือตกลงขายส่วนของตนให้กับศุกร์  โดยพุธตกลงกับศุกร์ว่าตนยังไม่ต้องรื้อถอนบ้านออกไป  คงอยู่อาศัยในที่ดินนั้นต่อไปได้  พุธอยู่ต่อมาได้หนึ่งปี  พุธได้ขายที่ดินแปลงนั้นให้จันทร์  โดยจันทร์สุจริต  เพราะเห็นพุธอยู่ในที่ดินแปลงนั้นมานานแล้ว  และจันทร์เชื่อที่พุธบอกว่าศุกร์เช่าที่ดินแปลงนั้นจากพุธ  ต่อมาเมื่อศุกร์ไปยื่นขอออกโฉนดที่ดิน  จันทร์ได้มาคัดค้าน  ตามข้อเท็จจริงนี้  ถ้าท่านเป็นศาล  จะวินิจฉัยคดีนี้อย่างไร  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  1367  บุคคลใดยึดถือทรัพย์สินโดยเจตนาจะยึดถือเพื่อตน  ท่านว่าบุคคลนั้นได้ซึ่งสิทธิครอบครอง

มาตรา  1368  บุคคลอาจได้มาซึ่งสิทธิครอบครองโดยผู้อื่นยึดถือไว้ให้

มาตรา  1377  วรรคหนึ่ง  ถ้าผู้ครอบครองสละเจตนาครอบครอง  หรือไม่ยึดถือทรัพย์สินต่อไปไซร้  การครอบครองย่อมสิ้นสุดลง

มาตรา  1380  การโอนไปซึ่งการครอบครองย่อมเป็นผลแม้ผู้โอนยังยึดถือทรัพย์สินอยู่  ถ้าผู้โอนแสดงเจตนาว่าต่อไปจะยึดถือทรัพย์สินนั้นแทนผู้รับโอน 

ถ้าทรัพย์สินนั้นผู้แทนของผู้โอนยึดถืออยู่  การโอนไปซึ่งการครอบครองจะทำโดยผู้โอนสั่งผู้แทนว่า  ต่อไปให้ยึดถือทรัพย์สินไว้แทนผู้รับโอนก็ได้

วินิจฉัย

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่พุธทำสัญญาเป็นหนังสือตกลงขายที่ดินมือเปล่าส่วนของตนให้กับศุกร์นั้น  ถือว่าพุธได้สละการครอบครองในที่ดินแล้ว  สิทธิการครอบครองที่ดินของพุธจึงสิ้นสุดลงตามมาตรา  1377  วรรคแรก  และถึงแม้พุธจะยังคงอาศัยอยู่ในที่ดินดังกล่าวต่อไป  การโอนที่ดินดังกล่าวก็เป็นผลแล้ว  เพราะเป็นการโอนตามมาตรา  1380  ซึ่งบัญญัติว่า  การโอนไปซึ่งการครอบครองย่อมเป็นผลแม้ผู้โอนยังยึดถือทรัพย์สินอยู่  ถ้าผู้โอนแสดงเจตนาว่าต่อไปจะยึดถือทรัพย์สินนั้นแทนผู้รับโอน  และกรณีนี้ถือเป็นกรณีที่ศุกร์ได้สิทธิครอบครองที่ดินโดยมีผู้อื่นยึดถือไว้ให้ตามมาตรา  1368

ดังนั้น  แม้พุธจะยังคงอาศัยอยู่ในที่ดินแปลงนั้นต่อไป  ก็ไม่ทำให้ได้สิทธิครอบครองตามมาตรา  1367  ศุกร์ย่อมมีสิทธิครอบครองที่ดินมือเปล่าแปลงนั้นดีกว่าพุธ

เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า  ต่อมาศุกร์ได้ไปยื่นขอออกโฉนดที่ดินแปลงนั้น  กรณีนี้ถึงแม้พุธจะขายที่ดินแปลงนั้นให้จันทร์แล้ว  โดยจันทร์สุจริต  เพราะเห็นพุธอยู่ในที่ดินแปลงนั้นมานานแล้ว  และเชื่อที่พุธบอกว่าศุกร์เช่าที่ดินแปลงนั้นจากพุธก็ตาม  แต่เมื่อที่ดินแปลงนั้นเป็นของศุกร์ซึ่งมีสิทธิยื่นขอออกโฉนดได้  จันทร์จึงไม่มีสิทธิคัดค้าน  เพราะถือว่าจันทร์รับโอนที่ดินแปลงนั้นมาจากผู้ที่ไม่มีสิทธิในที่ดินแต่อย่างใด

สรุป  ถ้าข้าพเจ้าเป็นศาล  จะวินิจฉัยคดีนี้ว่าศุกร์มีสิทธิที่จะยื่นขอออกโฉนดที่ดินแปลงนี้ได้  เพราะที่ดินเป็นของศุกร์  จันทร์ไม่มีสิทธิคัดค้าน

 

ข้อ  4  แดงเป็นเจ้าของที่ดินแปลงหนึ่ง  แดงให้ดำเช่าที่ดินปลูกบ้านอาศัยอยู่  เมื่อเข้าไปปลูกบ้านบนที่ดินแปลงนั้น  ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง  แดงได้บอกให้ดำวางเสา  สายไฟฟ้าผ่านที่ดินของขาวเข้าไปใช้ในที่ดินได้  โดยแดงบอกกับดำว่าตนได้ขออนุญาตขาวเจ้าของที่ดินแล้ว  แต่ความจริงไม่ใช่  แดงไม่เคยขอหรือบอกขาวเลย  ดำจึงได้วางเสาและสายไฟฟ้าผ่านที่ดินของขาว  นอกจากนั้นยังได้สร้างศาลาที่พักไว้หน้าที่ดินของขาว  ดำเช่าที่ดินปลูกบ้านและวางสายไฟฟ้ามาได้ห้าปี  เหลืองได้มาขอซื้อบ้านหลังนี้จากดำและเช่าที่ดินของแดงต่อ เหลืองซื้อบ้านและอยู่อาศัยในที่ดินแปลงนี้  ใช้เสาสายไฟฟ้าผ่านที่ดินของขาว  และใช้ศาลาที่พักหน้าที่ดินของขาวเพื่อขึ้นรถยนต์โดยสารประจำมาได้เจ็ดปี  ขาวได้มาแจ้งให้เหลืองรื้อเสาไฟฟ้าและสายไฟฟ้า  และศาลาที่พักออกไปจากที่ดินของตน  และทำที่ดินให้เป็นดังเดิม  มิฉะนั้นจะฟ้องร้องต่อศาล  ให้ท่านให้คำแนะนำต่อเหลืองว่า  เหลืองจะต้องรื้อเสา  สายไฟฟ้า  และศาลาออกไปหรือไม่  เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา  1382  บุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ  ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี  ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาห้าปีไซร้  ท่านว่าบุคคลนั้นได้กรรมสิทธิ์

มาตรา  1387  อสังหาริมทรัพย์อาจต้องตกอยู่ในภาระจำยอมอันเป็นเหตุให้เจ้าของต้องยอมรับกรรมบางอย่างซึ่งกระทบถึงทรัพย์สินของตน  หรือต้องงดเว้นการใช้สิทธิบางอย่างอันมีอยู่ในกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินนั้นเพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์อื่น

มาตรา  1401  ภาระจำยอมอาจได้มาโดยอายุความ  ท่านให้นำบทบัญญัติว่าด้วยอายุความได้สิทธิอันกล่าวไว้ในลักษณะ  3  แห่งบรรพนี้มาใช้บังคับโดยอนุโลม

วินิจฉัย

โดยหลัก  การได้ภาระจำยอมโดยอายุความ  เป็นการได้ทรัพยสิทธิเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม  ซึ่งตามมาตรา 1401  บัญญัติให้นำบทบัญญัติว่าด้วยอายุความได้สิทธิตามมาตรา  1382  มาใช้บังคับโดยอนุโลม  กล่าวคือ  ต้องเป็นการครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นโดยความสงบ  เปิดเผย  และเจตนาเป็นเจ้าของและครอบครองติดต่อกันเป็นเวลา  10  ปี

แต่อย่างไรก็ตาม  ภาระจำยอมจะเกิดมีขึ้นได้ก็เพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์อื่นซึ่งเรียกว่าสามยทรัพย์เท่านั้น  ตามมาตรา  1387  ดังนั้น  ถ้าเป็นการใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อประโยชน์ส่วนตัวแม้จะใช้ติดต่อกันนานเกินกว่า  10  ปี  ก็ไม่ทำให้เกิดภาระจำยอมโดยอายุความขึ้นได้

กรณีตามอุทาหรณ์  การที่แดงได้บอกให้ดำวางเสาและสายไฟฟ้าผ่านที่ดินของขาวเข้าไปใช้ในที่ดินได้  โดยแดงบอกกับดำว่าตนได้ขออนุญาตขาวเจ้าของที่ดินแล้ว  แต่ความจริงแดงไม่เคยขอหรือบอกขาวเลย  ดำจึงได้วางเสาและสายไฟฟ้าผ่านที่ดินของขาวนั้น  ถือเป็นกรณีที่ดำไม่ได้มีเจตนาจะยึดถือเป็นเจ้าของที่ดินของขาว  เพื่อให้ได้ภาระจำยอมแต่อย่างใด  เพราะการที่แดงบอกกับดำว่าตนได้ขออนุญาตขาวแล้วนั้น  แสดงว่าการวางเสาและสายไฟฟ้าของดำ  เป็นการแสดงเจตนาขออาศัยวางผ่านที่ดินของขาวเท่านั้น  จึงไม่ก่อให้เกิดเจตนาปรปักษ์  อันจะทำให้ได้ภาระจำยอมมาโดยอายุความตามมาตรา  1401  ประกอบมาตรา  1382

ส่วนกรณีศาลาที่พักนั้น  ถือเป็นการที่ดำสร้างขึ้นเพื่อประโยชน์ส่วนตัว  ไม่ใช่เป็นการใช้ที่ดินของขาวเพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์อื่นแต่อย่างใด  จึงไม่ก่อให้เกิดภาระจำยอม  ดังนั้นแม้ว่าดำจะใช้ศาลาที่พักนั้นนานเท่าใด  ก็ไม่ทำให้ได้ภาระจำยอมเหนือที่ดินของขาวโดยอายุความปรปักษ์ตามมาตรา  1401  ประกอบมาตรา  1382  และมาตรา  1387

ดังนั้น  แม้จะปรากฏข้อเท็จจริงว่า  เหลืองได้มาขอซื้อบ้านต่อจากดำและเช่าที่ดินแดงต่อโดยยังคงใช้เสาและสายไฟฟ้าผ่านที่ดินของขาว  และใช้ศาลาที่พักหน้าที่ดินของขาวเพื่อขึ้นรถยนต์โดยสารประจำมาได้เจ็ดปีก็ตาม  เหลืองก็ไม่สามารถนับอายุความภาระจำยอมต่อจากดำได้  เพราะการใช้ที่ดินของขาววางเสาและสายไฟฟ้าดำไม่ได้มีเจตนาปรปักษ์  ส่วนการใช้ศาลาที่พักก็ไม่ก่อให้เกิดภาระจำยอม  ดังนั้นเมื่อขาวเจ้าของที่ดินได้มาแจ้งให้เหลืองรื้อเสาและสายไฟฟ้า  รวมทั้งศาลาที่พักออกไปจากที่ดินของตน  และทำที่ดินให้เป็นดังเดิม  เหลืองจะต้องรื้อเสาไฟ  สายไฟฟ้า  และศาลาที่พักออกไป

สรุป  ข้าพเจ้าจะให้คำแนะนำต่อเหลืองว่า  เหลืองจะต้องรื้อเสาไฟฟ้า  สายไฟฟ้า  และศาลาออกไปจากที่ดินของขาว

Advertisement